เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
อ่าน: 48050 สารคดี ๒๔๗๕ ออกอากาศทาง Thai PBS
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 24 มิ.ย. 23, 11:35

ร่วมรำลึก ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕

ยี่สิบสี่มิถุนามาอีกหน
เป้าหมายชนธิปไตยใจสุขสันต์
เก้าสิบเอ็ดปีพ้นผ่านเนิ่นนานครัน
วันสำคัญผองชนล้วนควรจดจำ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 24 มิ.ย. 24, 09:35

๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕

เก้าสิบสองปีพ้นผ่านเนิ่นนานครัน
วันสำคัญผองชนล้วนควรจดจำ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 24 มิ.ย. 24, 11:10

    ย้อนหลังไป 92 ปี เช้าวันเดียวกันนี้   คือวันที่ 24 มิถุนายน 2475    นายทหารกลุ่มหนึ่งนำโดย นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาหารทหารโรงเรียนนายร้อย กับสมัครพรรคพวก ได้ทำการยึดการปกครองแผ่นดินได้เป็นผลสำเร็จ  โดยวางอุบายให้ทหารส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้รู้เห็นด้วย มาชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วประกาศการยึดพระราชอำนวจ ในนามของ "คณะราษฎร์"

  ในจำนวนทหารที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยนี้ มีนายทหารหนุ่มยศนายพันตรีชื่อหลวงราญรณกาจ เป็นผู้บังคับการกองพันมหาดเล็กกองพันที่ 3  เป็นกองพันอยู่ใกล้ชิดกับเขตพระราชฐาน มีหน้าที่รักษาองค์พระมหากษัตริย์ เห็นว่าเป็นการกบฏ จึงได้สั่งการป้องกันกองพันของตนไว้ โดยให้ทหารตั้งปืนกลจุกช่องทางที่จะเข้ามาในกองพันทุกจุด ทั้งสั่งทหารให้สู้
    แต่ผู้ก่อการฯ ได้ยึดอำนาจไว้ได้แล้ว  รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของหลวงราญรณกาจก็ไม่คิดต่อสู้    หลวงราญฯจึงต้องยกเลิกคำสั่ง    ถึงกระนั้น  ชะตากรรมของคุณหลวงก็ไม่ได้ดีขึ้น   เพราะนายทหารหลายคนฝ่ายผู้ก่อการถือว่าคุณหลวงไม่ได้ร่วมมือด้วยแต่แรก   ซ้ำยังกระทำการขัดขวางในการตั้งกองพันเตรียมต่อสู้   จึงได้บีบบังคับจนคุณหลวงต้องลาออกจากราชการ       มาทำงานเอกชนเป็นผู้จัดการโรงภาพยนตร์เฉลิมนคร
   เวลาผ่านไป บุคคลชั้นผู้นำของคณะราษฎร์แตกคอกันเอง   จนนายทหารรุ่นน้องนามพันตรีหลวงพิบูลสงครามก้าวขึ้นสู่อำนาจ    ในปี 2482  ห่างจากวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 7  ปี   เขาได้กวาดล้างฝ่ายผู้ก่อการฯ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อย่างรุนแรง  มีทั้งจับเป็นและจับตาย
     หลวงราญรณกาจถูกหมายหัวมาตลอด 7 ปีว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนเจ้า   ประกอบกับเป็นเพื่อนนายทหารร่วมรุ่นของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในผู้ก่อการผู้ถูกโค่นอำนาจไปแล้ว   จึงถูกยัดเยียดข้อหากบฏ  และถูกตำรวจในยุคของหลวงอดุลเดชจรัส  ไปจับกุมถึงบ้าน   ยิงทิ้งคาบ้านตัวอง ด้วยปืนกลมือในระยะเผาขน นับรูลูกกระสุนจากแผ่นหลังได้ถึง 14 รู   หลักฐานของตำรวจคือปืนพก 1 กระบอก ถูกทิ้งไว้ใกล้ศพ   เพื่อเป็นหลักฐานในข้อหาต่อสู้เจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่ง  แทนที่จะเป็นคดีฆ่าคนตายของตำรวจเอง

    วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี จึงเป็นวันที่เตือนใจให้ลูกหลานของหลวงราญรณกาจ รำลึกถึงนายทหารเล็กๆคนหนึ่ง ที่ตายไปอย่างไม่เสียชาติเกิด และไม่เสียหน้าที่ต่อแผ่นดินของปู่ย่าตายาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 24 มิ.ย. 24, 12:18

รำลึก 24 มิถุนายน 2475  อีกมุมหนึ่ง

"ตอนพ่อมีอำนาจวาสนา มีตำแหน่งในราชการ ฉันยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่า เรามีงานทำบุญ มีเทศน์ที่วังบ่อย ทุกครั้งคนทุกระดับยศและอาชีพจะมากันเต็มตำหนักใหญ่ไม่ต้องเชิญ พวกมาประจำทุกชนิดงานก็มีมาก ใครมีลูกหลานจะแต่งงาน จะหมั้น จะเกิด ก็มาให้ที่วังเป็นเจ้าภาพ นั่นคือเวลาที่พ่อมีบุญวาสนา
       ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พวกคณะราษฎร์เอารถถังบุก ยิงปืนประจำรถถัง จนตำหนักใหญ่เป็นรูกระสุน ปลดอาวุธทหารเฝ้าวัง บุกไปที่ตำหนักน้ำ พอพ่อลงมาจากห้องบรรทมก็เอาปืนสี่ห้ากระบอกพร้อมหอกปลายปืนจี้พา ไปตำหนักใหญ่ ฉันรักและห่วงพ่อก็เดินเคียงข้างท่านไปตลอด แต่ฉันยังตัวเล็ก และทุกคนก็เครียดจัด ไม่มีใครสังเกตเห็นฉันสักคน จึงได้เห็นเหตุการณ์ตลอด
       ไปถึงตำหนักใหญ่ มีนายทหารคนหนึ่งใช้ปืนยาวจ่อจี้ที่อกของพ่อ พ่อมองเห็นหน้าเขาแล้วจำได้ พ่อว่า "มึงก็เป็นพวกเขาด้วยรึ อ้ายวรรณ เอาสิวะ มึงยิงกูเลย!"
       แล้วพ่อก็เอามือของท่านฉีกเสื้อที่ท่านใส่อยู่ขาดตลอดแล้วยืดอกพร้อมจ้องตาคนที่ชื่อ "อ้ายวรรณ" แปลก... "อ้ายวรรณ" หน้าแดงจัด เหงื่อแตกทั้งหน้า ลอดปลายปืนลงชี้พื้นแล้วกลับหน้าซีดมากๆ ก้มหน้านิ่ง
       เด็จย่า (กรมหลวงทิพยรัตน์) เล่าประวัติของ "อ้ายวรรณ" ว่า ตอนพ่อเสด็จต่างจังหวัด ไม่รู้จังหวัดไหนฉันจำไม่ได้ ท่านไปวัด พระที่วัดบอกพ่อว่า มีเด็กคนหนึ่งพ่อแม่ตาย ท่านเลี้ยงให้เรียน แล้วมันฉลาดจริงๆ อยากให้พ่ออุปการะ พ่อพามาเรียนที่กรุงเทพฯ ส่งโรงเรียนทหาร ส่งเรียนต่างประเทศ กลับมาทำราชการ เก่ง พ่อชุบเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนทำราชการได้เป็นคุณพระ
       คณะราษฎร์เอาพ่อไปขังใต้ถุนพระที่นั่งอนันต์ฯ ท่านแม่ หม่อมแม่ อ้อนวอนตามไป “จะตายก็ขอตายด้วยกัน”
       ที่คุมขังไม่มีห้องน้ำ มีแต่อ่างล้างหน้า โถอุจจาระ ต้องขอผ้าจากวังบางขุนพรมไปกั้นเป็นฉาก อาหารที่ทางวังส่ง พวกทหารใช้หอกปลายปืนนกวนกระจุยกระจาย อ้างว่าต้องค้น เกรงจะมีอาวุธซ่อนมา
       ก่อนพวกคณะราษฎร์จะเอาพ่อไปขัง พ่อมอบหน้าที่ให้เด็จย่า (กรมหลวงทิพยรัตน์) ควบคุมดูแลคนในวังและท่านฝากพวกเราลูกๆ ไว้กับเด็จย่า
       พวกคณะราษฎร์หัวรุนแรง จบมาจากฝรั่งเศส หัวสมองเห่อบวมไปด้วย “ปฏิวัติฝรั่งเศส” (French Revolution) จะเอาพ่อไปยิงเป้าที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ให้เหตุผลกันว่า อ้ายคนคนนี้ (ทูลกระหม่อบริพัตร) เอาไว้ไม่ได้ มันเก่ง แข็ง พวกทหารบกทหารเรือเชื่อมือมันมาก ถ้ามันคิดโค่นเรา เราก็แพ้ แต่เจ้าคุณพหลฯ เจ้าคุณทรงฯ ไม่ยอม ท่านว่า “พวกเราคณะราษฎร์ได้ไปสาบานในโบสถ์วัดพระแก้วมรกตว่า จะทำปฏิวัติโดยไม่ให้เลือดตกยางออก ใครจะฆ่าทูลกระหม่อมบริพัตร ต้องข้ามศพกูสองคนไปก่อน”
       ตอนนั้นทั้งสองเจ้าคุณยังกุมอำนาจทางทหารไว้ ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแผน พ่อต้องเขียนยกวังบางขุนพรมเป็นของรัฐ และพ่อต้องออกไปจากประเทศไทย ห้ามกลับมาชั่วชีวิต
       ตลอดเวลาที่พ่อถูกขัง พวกคนที่เคยมาเป็นแขกประจำ ไม่ว่าจะมีอะไรพากันหายหน้ากันไป มีแต่เจ้าคุณประดิพัทธ์ มาเยี่ยมเราทุกวัน และก็ร้องไห้สงสารพ่อมาก เจ้าคุณบอกเด็จย่าว่า จะต้องเข้าหาพ่อให้ได้ แต่ย่าว่ามันจะไม่ดีสำหรับทั้งตัวเจ้าคุณและทูลกระหม่อม จะเกิดภัยทั้งสองคน
       ในที่สุด พวกเขาปล่อยพ่อ ท่านแม่ และหม่อมแม่ออกมากลับวัง หลวงประดิษฐ์ มาแจกหนังสือเดินทางพร้อมลายเซ็น เราก็เตรียมตัวกันจะออกจากประเทศ ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน
       เจ้าคุณประดิพัทธ์ มา หอบกระเป๋าเดินทางมา หอบลูกชาย รุ่นๆ มาด้วย ร้องไห้กันทั่วหน้า เจ้าคุณว่า “ขอตามเสด็จ จะพาไปอยู่บ้านของตระกูล ณ ระนอง ที่ปีนัง”
       พ่อว่า “ทางคณะราษฎร์ประกาศว่า ใครมาติดต่อสนิทสนมกับพวกตระกูลบริพัตร จะถูกจับกุม ไต่สวนปลดออกจากตำแหน่งราชการ เจ้าคุณอย่ามากับฉันเลย”
       ท่านเจ้าคุณตอบว่า “พวกเกล้ากระหม่อมเป็นจีน ได้พระเจ้าแผ่นดินในพระราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง พระราชทานนามสกุล สุขสบายกันอยู่ในประเทศไทย ก็จะขอตอบแทนพระคุณในครั้งนี้ มันจะฆ่า ก็ไม่เสียดายชีวิต”
       พ่อว่าเจ้าคุณมากับเรา แต่พวกลูกหลานในตระกูล ณ ระนอง ยังอยู่ในเมืองไทยกัน เขาจะลำบาก ถูกกลั่นแกล้ง เจ้าคุณประดิพัทธ์ท่านตอบว่า
       “ใต้ฝ่าพระบาทไม่ต้องเป็นห่วง เกล้ากระหม่อมก่อนจะมานี่ ได้เรียกพวกคนในตระกูล ณ ระนอง มาประชุมบอกแล้วว่าจะตามเสด็จ แล้วถ้าเขาจะมาแกล้งก็ทนรับ เขาจะมาฆ่าก็ยอมตายกัน ตอบแทนผู้มีพระคุณ”

---------------------------------------------------------------------
พระนิพนธ์จากความทรงจำเหตุการณ์วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ในพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงอินทุรัตนา พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 24 มิ.ย. 24, 19:22

ที่ระลึก 24 มิย.  อีกมุมหนึ่งของการได้มาซึ่งประชาธิปไตย


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 25 มิ.ย. 24, 12:35

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ธงชัย วินิจจะกูล แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สหรัฐอเมริกา ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ "สังคมไทยกับพลวัต ๒๔๗๕" ในงานสโมสรศิลปวัฒนธรรม สเปเชียล ๒๔ มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ "พลวัตวันชาติ" เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๗

สามารถอ่านรายละเอียดได้ในลิงก์
https://www.silpa-mag.com/history/article_134384

หรือฟังในคลิปข้างล่างนี้ เริ่มนาทีที่ ๖.๕๕

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 25 มิ.ย. 24, 13:46

บันทึกการเข้า
ทิพยุทธ
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 14 ก.ค. 24, 20:34

การเมืองการปกครอง​ เขียนกฎหมายบังคับใช้​ หวังให้เกิดความเท่าเทียม​ในสังคม สุดท้ายหาได้มีกฎหมายฉบับใดสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้​ มีแต่หาทางแก้กฏหมายให้เอื้อประโยชน์แก่ตน​และพวกพ้อง​ จ้องทำลายฝ่ายคิดต่าง​ การเมืองไปที่ไหนสถาบันเดิมที่เคยเฟื่องฟูก็ล้มหายไปเป็นแถบๆ​ จะรื้อฟื้นระบบเดิมก็เกินจะเริ่มต้นใหม่​   จะใช้ระบบนี้ต่อไปก็มีแต่ทุจริตเพิ่มขึ้น​  หลักการณ์ที่ผิดย่อมส่งผลให้ปฏิบัติการนั้นผิด​ นักการเมืองจะมาดูแลประชาชน​  แทนที่เจ้าจะปกครองประชาชน​ ยุคโบราณพวกเจ้านายยกทัพจับศึก​
ยุคนี้นักการเมืองร่างกฎหมาย​ ใช้บังคับได้ค่าแรงมีเกียรติ​ แต่ถ้ากฎหมายไม่สามารถสร้างความสงบสุขได้แล้ว​ เราจะมองหาความสงบนั้นได้จากที่ใด​ 
 2475  ก็แค่เหตุการณ์หนึ่งจะออกซ้ายขวาก็ไทย​ ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้รุนแรงเท่าการเมืองบ้านเราในตอนนี้​ นโยบายการเมืองของชาวต่างชาติที่นำมาใช้​ น่าจะเห็นถึงความวุ่นวาย​ ในชาติมหาอำนาจว่าไม่สามารถ
สร้างความยุติธรรมเท่าเทียมให้เกิดขึ้นได้​
ตรงกันข้ามกับสร้างคนที่ไม่ยุติธรรมให้ทำหน้าที่สร้างความยุติธรรม​
อดีตไม่ว่าจะเป็นเช่นไร​ ก็ทำให้มีไทยมาได้จนวันนี้​ ปัจจุบัน​นี้ต่างหากที่ยากจะมองหาแนาคตไทย​ ตราบใดที่คนไทยยังมัวแต่สนใจสิ่งไกลตัวและทิ้งสิ่งใกล้ตัวให้ไร้ค่าไปทุกที​
  ปฎิรูปปกครอง​ 2475    ก็ได้มาซึ่งชาติในวันนี้​  ลูกหลานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็ยังเป็นประชาชนไทยอยู่ในทุกวันนี้​  แต่ที่น่าแปลกใจคือ​ ทำไมเราต้องเอามาเป็นประเด็น​  ถ้าคุณเป็นคนที่ได้รับผลบางอย่างจากเหตุวันนั้น​ วันนี้คุณคงไม่อยากจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะได้ชัยชนะอยู่บนซากปรักหักพังจากสงครามกลางเมือง​ 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 19 คำสั่ง