รำลึกถึงดาวเสียงที่ดับแสงไปแล้ว

[เทาชมพู]

เพลงไทยหวานๆ คุณศิริมาก็ร้องได้ไพเราะไม่แพ้กัน

[เทาชมพู]

ดาราอาวุโส คุณโฉมฉาย ฉัตรวิไล  ออกเดินทางไกลเที่ยวสุดท้ายไปแล้ว  ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยค่ะ
เรามักนึกถึงคุณโฉมฉายในฐานะนักแสดง  แต่ความจริงเธอเริ่มต้นจากเป็นนักร้องมาก่อน

เธอเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกเมื่ออายุได้เพียง 6 ขวบ เป็นนักร้องอยู่ที่คณะดนตรีของจำรัส วิภาตะวัต กระทั่งปี 2508 ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงในรายการของรัก รักพงษ์ จึงเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ใช้ชื่อในการแสดงว่า "อัญชุลี ฉัตรวิไล" และได้แสดงละครเวที ละครโทรทัศน์ทางช่อง 4 บางขุนพรหม และละครวิทยุ (คณะแก้วฟ้า) ต่อมาได้แสดงภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องจนถึงปัจจุบัน
มีผลงานในวงการบันเทิง ทั้งละครเวที เป็นต้นว่า เรื่อง ทวิภพ และบัลลังก์เมฆ ตลอดจนละครโทรทัศน์ บทบาทที่โดดเด่นล่าสุด คือ มารดาของลูก ๆ สามคนในซิตคอมของซีเนริโอเรื่อง บ้านนี้มีรัก
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2555 พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีในยุคนั้น เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลราชบัณฑิตยสถานสรรเสริญ ประจำปี 2554 ให้แก่โฉมฉายในฐานะ ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นด้วย
ชีวิตส่วนตัว ชื่นชอบ เคิร์ต รัสเซลล์ นักแสดงชายฮอลลีวูด และมีบุตรหนึ่งคนชื่อ พนิตนาฏ ฉัตรวิไล เป็นบรรณาธิการข่าวบันเทิงของสถานีโทรทัศน์ช่องวัน
รางวัลต่างๆที่ได้รับ
รางวัลผู้แสดงฝ่ายหญิงยอดนิยมอันดับ 2 จากละครเรื่อง โบตั๋น ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ปี พ.ศ. 2524 จัดโดยหนังสือพิมพ์บ้านเมือง
รางวัลหน้ากากทองคำ สมทบหญิงจากละครเวที ธรณีคือพยาน จัดโดยโรงแรมมณเฑียร
เข้าชิงรางวัล โทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง หงส์เหนือมังกร ทางช่อง 5
รางวัลราชบัณฑิตยสถานสรรเสริญ ประจำปี พ.ศ. 2554 ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น
เข้าชิงรางวัล ไนน์เอ็นเตอร์เทนอวอร์ด พ.ศ. 2556 สาขานักแสดงหญิงแห่งปี
เข้าชิงรางวัล คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 10 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง รักคุณเท่าฟ้า ทางช่อง 3
รางวัล เอ็มไทยท็อปทอล์กอะเบาต์ ประจำปี 2013 รางวัลพิเศษ นักแสดงอาวุโสที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด (คุณแม่จินดา จากละคร รักคุณเท่าฟ้า ทางช่อง 3)
รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2558 เกียรติยศคนทีวี

[เทาชมพู]

ผลงานเพลงของคุณโฉมฉาย เท่าที่หาเจอในยูทูบ  นาทีที่ 2.26

[เทาชมพู]

[เพ็ญชมพู]

เพลิน พรหมแดน ศิลปินแห่งชาติ ราชาเพลงพูด เสียชีวิตแล้วในวันนี้ สิริอายุ ๘๕ ปี

เพลิน พรหมแดน มีชื่อจริงว่า สมส่วน พรหมสว่าง เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เริ่มมีผลงานสร้างสรรค์โดยร้องเพลงเชียร์รำวง ต่อมาไปประกวดร้องเพลงกับคุณครูจำรัส วิภาตะวัต ในรายการแมวมองค้นหาดาวรุ่ง และได้เป็นนักร้องประจำวงดนตรีคณะชุมนุมศิลปิน

ต่อมาตั้งวงดนตรี เพลิน พรหมแดน มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกคือ เพลงทุ่งร้างนางลืม และได้บันทึกแผ่นเสียงอีกหลายเพลง เป็นที่ถูกใจของนักฟังเพลงอย่างกว้างขวาง ต่อมามีผลงานประพันธ์และขับร้องเอง เช่น เพลงวาสนายาจก อย่าลืมเมืองไทย ชมกรุง มนต์รักบ้านไร่ คำมั่นสัญญา เพชฌฆาตรัก เป็นต้น

พ.ศ. ๒๕๑๕ เริ่มร้องเพลงสลับการพูด เพลงข่าวสด ๆ ผลงานโดดเด่นจนเป็นต้นตำรับของการร้องเพลงประกอบการพูด ทำให้ได้รับฉายา ราชาเพลงพูด นอกจากนี้ ยังแสดงภาพยนตร์ เช่น เรื่องฝนใต้ ฝนเหนือ ระเริงชล แค้นไอ้เพลิน ประพันธ์เพลงให้กับนักร้องอื่น รวมทั้งส่งเสริมนักร้องในวงหลายคนให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น โฉมฉาย ฉัตรวิไล สมนึก ปราโมทย์ สุริยา แสวงธรรม ก้อง กาจกำแหง สมศักดิ์ ศรีบางช้าง ดวงใจ สุริยา เป็นต้น ทั้งยังได้แต่งบทเพลงพุทธประวัติ

จากความสามารถดังกล่าว จึงได้รับโล่เกียรติยศพระราชทาน ในฐานะศิลปินตัวอย่าง สาขานักร้องลูกทุ่ง ประจำปี ๒๕๒๕ เนื่องในงานแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ครั้งที่ ๕ ได้รับประกาศเกียรติคุณ ผู้ประพันธ์คำร้องทำนองเพลงลูกทุ่งดีเด่น และผู้ขับร้องเพลงลูกทุ่งดีเด่นเพลงอย่าลืมเมืองไทย งานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย

ทั้งนี้ เพลิน เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีไทยลูกทุ่ง เมื่อปี ๒๕๕๕

[เพ็ญชมพู]

เพลงพูดที่ดังติดหู

[เทาชมพู]

เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของวงการเพลงลูกทุ่ง  ขอแสดงความเสียใจกับวงการและครอบครัวของคุณเพลินด้วยค่ะ

[เพ็ญชมพู]

อีกผลงานทางธรรม พุทธประวัติ
 

[เพ็ญชมพู]

ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

[เทาชมพู]

Prapas Cholsaranon เขียนถึงเพลิน พรหมแดน ใน Facebook

รำลึก เพลิน พรหมแดน

ผมเป็นเด็กบ้านนอก บ้านเป็นห้องแถวอยู่ในตลาด ความบันเทิงพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้คนยุคนั้น นอกจากจะรอดูหนังกลางแปลงและลิเกตามงานวัดแล้ว เสียงเพลงจากวิทยุทรานทิสเตอร์นี่แหละคือตู้เพลงสามัญประจำบ้าน
วัยเด็กผมจึงเติบโตมากับเพลงลูกทุ่ง เพลงสุนทราภรณ์ และละครวิทยุ จนโตขึ้นมาถึงวัยได้ใส่ชุดลูกเสือสำรองนั่นแหละ โทรทัศน์ขาวดำเครื่องแรก ๆ จึงปรากฎกายขึ้นในตำบล
ก่อนที่จะมาหลงใหลเพลงของดิอิมพอสสิเบิ้ล เพลงของเดอะบิทเทิ้ลในช่วงวัยรุ่นเพื่อหัดเล่นกีต้าร์โชว์สาว ในวัยเด็กผมฟังแต่สุรพล สมบัติเจริญ, ชาตรี ศรีชล, ศรคีรี ศรีประจวบ, และเพลิน พรหมแดน
ยิ่งกับเพลิน พรหมแดน ด้วยแล้วนับผมเป็นแฟนตัวยงคนหนึ่งเลย ชนิดที่ถ้ามีใครจัดแฟนมีต ผมก็คงไปร่วมด้วย
เพลิน พรหมแดน เป็นศิลปินที่เป็นครีเอทีฟตัวเอ้ในสมัยนั้น จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะหาใครทำได้ในยุคนั้นคือ เพลงของท่านมีบทพูดสลับอยู่ในเพลงเหมือนละครเพลง และบทพูดนั้นส่วนใหญ่เป็นบทขำขันล้อเลียนสังคม ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ
อาจพูดได้เลยว่าถ้าเพลงวัยรุ่นสมัยนี้ร้องเพลงแล้วมีบทแร็บแทรกอยู่ สมัยนั้นเพลิน พรหมแดนทำมาก่อนแล้ว
อีกนวัตกรรมหนึ่งของวงการลูกทุ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ วงดนตรีเพลิน พรหมแดน เป็นวงดนตรีแรกของไทยที่สร้างความอลังการให้กับหางเครื่องด้วยลีลาท่าทางและการแต่งชุดติดขนนก จนมันได้กลายเป็นแบบแผนและภาพจำของลูกทุ่งไปตลอดกาล
เพลิน พรหมแดน ท่านเป็นทั้งนักแต่งเพลง นักร้องและนักแสดง เคยเป็นถึงพระเอกหนัง เพลงหลายเพลงที่เป็นเพลงผสมบทพูด โด่งดังไปทั่วเมืองไทย เช่น อาตี๋สักมังกร ข่าวสด ๆ สมัครด่วน โกนจุกสิงโต ฯลฯ และแม้แต่เพลงที่ไม่ได้มีการพูดสลับร้อง อย่างเพลงชมทุ่ง ก็นับได้ว่าเป็นเพลงลูกทุ่งในตำนานอีกเพลงหนึ่งที่ไพเราะในเชิงกวีอย่างมาก
ตอนที่ผมเข้ามาเรียนสถาปัตย์ใหม่ๆ มีการทำโปรเจ็คท์เขียนแบบกันในสตูดิโอที่มหาวิทยาลัย บางทีก็นั่งทำดึกดื่น บางทีก็ต้องรวมตัวกันอยู่ค้างแรมที่คณะฯเพื่อทำงานให้เสร็จ และเวลาที่ต้องอยู่โยงกันยาว ๆ เพื่อออกแบบเขียนแบบ พวกเราก็มักจะเปิดเพลงจากเทปคาสเซ็ทเพื่อสร้างบรรยากาศให้ไม่เบื่อ  ทีนี้เนื่องจากในห้องที่อยู่รวมกันหลายๆคน จะให้ต่างคนต่างเปิดเทปคาสเซ็ทของตัวเอง เสียงเพลงก็จะตีกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ ดังนั้นพวกเราจึงตกลงกันว่าจะผลัดกันเปิด เมื่อคนนี้เปิดพอหมดม้วน อีกคนก็เปิดบ้าง
เพลงในห้องนั้นจึงมีหลากหลายทั้งเดอะบีทเทิ้ล เดอะอีเกิ้ล ควีน แอ๊บบ้า รวมไปถึงเพลงแจ็สที่นำสมัยในยุคสมัย และแน่นอนผมไม่ยอมเสียโอกาสที่จะแนะนำให้เพื่อนได้รู้จักเพลงขวัญใจคนบ้านนอกอย่างเพลิน พรหมแดน
เปิดทีไร เพื่อนๆก็จะโผล่หัวมองมาทางผมแล้วก็ทำหน้าคล้ายกับบอกว่า ไอ้นี่เอาอีกแล้ว
แต่ผมก็เชื่อว่า เพลงของท่านได้สร้างความอภิรมย์ให้กับเพื่อนๆวัยรุ่นชาวกรุงของผมอย่างมาก
แล้ววันหนึ่งเมื่อผมได้มาประกอบอาชีพเป็นนักแต่งเพลง ได้แต่งเพลงไว้มากมาย และเมื่อมันมากพอที่จะจัดคอนเสิร์ตเพลงของตัวเองได้ คือเพลงประภาสครั้งที่หนึ่ง เมื่อปีพ.ศ.2551  มีศิลปินหลายคนที่ผมเชิญมาร้องเพลงที่ผมแต่ง นอกจากวงเฉลียงและสามโทนขาประจำแล้ว นักร้องเก่งๆอย่าง ป้าง ปานธนพร เจนนิเฟอร์คิ้ม เบนชลาทิศ และบีพีรพัฒน์
อีกคนหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้แต่แรกว่าต้องเชิญท่านมาร่วมงานกันให้ได้ นั่นคือ เพลิน พรหมแดน
ตอนที่เจอกันครั้งแรก หลังจากยกมือไหว้และบอกความในใจของแฟนคลับคนหนึ่งให้ท่านฟังแล้ว ท่านก็ถามผมกลับว่า คิดอย่างไรถึงเชิญอามาร่วมคอนเสิร์ตนี้ ดูไม่ค่อยเข้าพวกนะ
ผมจำรอยยิ้มขำๆของท่านได้ แต่ผมจำไม่ได้ว่าตอบท่านไปอย่างไร ประมาณว่าได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน แต่ถ้าถามจริงๆ ผมก็บอกได้เลยว่า มันเข้าพวกอย่างมากเลยครับ
ต้องบอกก่อนว่าเนื่องจากสมัยนั้น วงการเพลงลูกทุ่งกับเพลงสตริงฯในกรุง ค่อนข้างห่างไกลและไม่ค่อยได้มาร่วมงานกันนัก แฟนก็คนละกลุ่ม คนทำงานก็คนละกลุ่ม ผมจึงเข้าใจได้ว่าทำไมท่านจึงถามผมแบบนั้น
ผมส่งเพลงอยากมีหมอนให้ท่านไปฟัง เพื่อจะให้ท่านมาสร้างเพลงพูดบนเวทีแห่งนี้ เพลงนี้เป็นเพลงของวงเฉลียงที่เป็นคนแต่งเนื้อ และนิติพงษ์ ห่อนาค เป็นคนแต่งทำนอง ส่วนบทพูดที่จะให้อาเพลินพูดนั้น ผมปล่อยให้ท่านรังสรรค์เองเลย  ทีมงานแค่เตรียมฉาก อุปกรณ์ แดนเซอร์ให้ท่านเท่านั้น
และเมื่อโชว์นี้แสดงออกไป มันได้กลายเป็นโชว์ที่คนดูชาวเมืองที่ไม่ใช่แฟนเพลงของท่าน ยกให้เป็นโชว์ที่ดีที่สุดโชว์หนึ่งของคอนเสิร์ตนั้น
ผมจำความรู้สึกในวันเวลานั้นได้ดี วันที่ผมนั่งอยู่ในที่นั่งคนดูแล้วมองขึ้นไปบนเวที ได้เห็นศิลปินที่เราได้ยินเสียงท่านมาตั้งแต่เด็ก ยืนร้องเพลงที่เราเป็นคนแต่ง เป็นโชว์ที่สนุกมาก ผมยิ้มไม่หุบและหัวเราะเหมือนทุกคน แต่ในฮอลล์นั้นจะมีคนหนึ่งนั่งน้ำตาคลอด้วยความปิติ
นอกจากจำภาพบนเวทีนั้นได้แล้ว ผมยังจำอีกภาพที่น่าประทับใจ นั่นคือ ช่วงระหว่างซ้อมคอนเสิร์ต อาเพลินเป็นศิลปินที่มีวินัยมาก มาตรงเวลา ไม่ทำตัวให้เป็นภาระกับใคร และทำตามคำบอกของทีมงาน ไม่เล่นแง่ ไม่สร้างเงื่อนไข เคารพหน้าที่คนอื่นและของตัวเอง อาบอกว่าวันนี้อามาในฐานะนักร้องนักแสดง อาก็ทำไปตามหน้าที่นั้น แม้ว่าอาจะเป็นสุดยอดนักแต่งเพลง สุดยอดครีเอทีฟ และเจ้าของวงดนตรีมาก่อน
และเมื่อซ้อมเพลงของตัวเองเสร็จ อาก็ไม่ได้กลับบ้านหรือไปไหน ผมเห็นอานั่งดูคนอื่นซ้อมแทบทุกคนและทุกโชว์ แล้วก็นั่งยิ้มนั่งหัวเราะอย่างมีความสุข ผมมีโอกาสเลยเข้าไปนั่งคุยกับอา มีประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าท่านคือศิลปินที่แท้จริง
“ดีนะที่ลูกๆหลานทำงานกันแบบนี้ สร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้คนดู ไม่ดีก็แก้ใหม่ให้ดี อามาร่วมงานครั้งนี้ได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย ขอบใจนะ“
ผมอยากจะบอกอาว่า ไม่เลย ผมต่างหากที่เรียนรู้จากอามาตลอดชีวิต นับตั้งแต่เริ่มหัดฟังเพลง หัดแต่งเพลง จนมาถึงวันที่ได้ร่วมงานกับอา อาสอนผมและทุกคนทางอ้อม
“มีวินัย ให้เกียรติคนอื่น ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนดู ที่สำคัญเปิดใจเอาไว้“
นี่คือเพลิน พรหมแดน ที่ผมรู้จัก
….
(ท่านจากไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567)

[เพ็ญชมพู]

ผมส่งเพลงอยากมีหมอนให้ท่านไปฟัง เพื่อจะให้ท่านมาสร้างเพลงพูดบนเวทีแห่งนี้ เพลงนี้เป็นเพลงของวงเฉลียงที่เป็นคนแต่งเนื้อ และนิติพงษ์ ห่อนาค เป็นคนแต่งทำนอง ส่วนบทพูดที่จะให้อาเพลินพูดนั้น ผมปล่อยให้ท่านรังสรรค์เองเลย  ทีมงานแค่เตรียมฉาก อุปกรณ์ แดนเซอร์ให้ท่านเท่านั้น
และเมื่อโชว์นี้แสดงออกไป มันได้กลายเป็นโชว์ที่คนดูชาวเมืองที่ไม่ใช่แฟนเพลงของท่าน ยกให้เป็นโชว์ที่ดีที่สุดโชว์หนึ่งของคอนเสิร์ตนั้น

[เพ็ญชมพู]

เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการเพลงลูกกรุง และวงการบันเทิง ต่อการจากไปของ ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๑

ท่านได้จากไปอย่างสงบเมื่อคืนวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐.๒๓ น. ด้วยโรคชรา หลังเข้ารับการรักษามานานหลายเดือน ที่โรงพยาบาลตำรวจ สิริอายุ ๙๑ ปี

[เทาชมพู]

ชรินทร์ เริ่มการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย จบมัธยมการศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ และโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ กรุงเทพมหานคร เริ่มฝึกหัดร้องเพลงกับ ไสล ไกรเลิศ และเริ่มร้องเพลงสลับละครเวทีเรื่อง นางไพร เมื่อ พ.ศ. 2492 ด้วยเพลงดวงใจในฝัน
   เริ่มบันทึกแผ่นเสียงจำหน่ายเป็นครั้งแรก และตามด้วยเพลง อิเหนารำพัน เมื่อ พ.ศ. 2494 จากนั้นย้ายกลับไปเชียงใหม่ ทำงานที่บริษัทกมล-สุโกศล สาขาเชียงใหม่ แล้วสำนักงานใหญ่เรียกมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำตำแหน่งแผนกบัญชี แผนกต่างประเทศ ไปจนถึงแผนกแผ่นเสียง จากนั้นทำงานเป็นเลขานุการที่องค์การยูซ่อม (USOM)

    ผลงานของชรินทร์ นันทนาคร ที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่นิยมสูงสุด ได้แก่ เพลงเรือนแพ, มนต์รักดอกคำใต้, หยาดเพชร, อาลัยรัก, ทาษเทวี, เด็ดดอกรัก, ผู้ชนะสิบทิศ, ที่รัก, นกเขาคูรัก, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สักขีแม่ปิง, ทุยจ๋าทุย, เพราะขอบฟ้ากั้น ฯลฯ ได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากเพลง อาลัยรัก ก่อนจะผันไปเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ. 2508 มีผลงานในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์ทั้งหมดกว่า 19 เรื่อง โดยมีภาพยนตร์เรื่อง รักข้ามคลอง ที่ทำรายได้สูงที่สุด และภาพยนตร์ แผ่นดินแม่ ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศไทยที่สร้างในระบบ 70 มม.

ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า "นันทนาคร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ให้ความรื่นรมย์แก่ชาวเมือง" ชรินทร์ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2541
ชรินทร์สมรสครั้งแรกกับ สปัน เธียรประสิทธิ์ มีบุตรสาวสองคนคือ ปัญญ์ชลี (สมรสกับ เศรณี เพ็ญชาติ และเป็นมารดาของ ปวริศา เพ็ญชาติ) และปัญชนิตย์ เธียรประสิทธิ์ (สมรสกับชาวต่างชาติ เป็นมารดาของ ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์)

ต่อมาชรินทร์ได้หย่าขาดจากสปัน และได้สมรสใหม่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ อดีตนางเอกภาพยนตร์ชื่อดัง

ชรินทร์ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่อเวลาประมาณ 2:00 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร  อายุ 91 ปี

[เทาชมพู]

[เทาชมพู]