เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 95 โซห์ราน มัมดานี: จากแร็ปเปอร์สู่ซีอีโอมหานครโลก
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


 เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:41

เป็นไปตามความคาดหมายเมื่อผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในมหานครนิวยอร์กได้พากันไปกาบัตรเลือกอดีตศิลปินฮิปฮอปชื่อเรียกยาก อายุแค่ 34 และไม่เคยมีประสบการณ์บริหารใดใดมาก่อนให้เป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ของพวกเขา

ด้วยเหตุที่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีนิวยอร์กถือเป็นตำแหน่งบริหารที่สำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากตำแหน่งประธานาธิบดีก็ว่าได้  เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด

“ปรากฎการณ์มัมดานี” ที่ไม่ธรรมดา
   โซห์ราน มัมดานีเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกของนิวยอร์กที่นับถือศาสนาอิสลาม และอายุน้อยที่สุดในรอบศตวรรษ
   นิวยอร์กเป็นดินแดนซึ่งมีประชากรเชื้อสายยิวอาศัยอยู่มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอิสราเอล แต่มัมดานีสนับสนุนเอกราชของปาเลสไตน์และต่อต้านอิสราเอลอย่างหัวชนฝา
   การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกระหว่างซ้ายกับซ้ายกว่า คู่ต่อสู้เบอร์หนึ่งของมัมดานีคืออดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครตผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองร่วม 40 ปี  เพียบพร้อมทั้งเงินทุนและแรงหนุนจากบิ๊กๆ ทั้งหลาย (เช่น อดีตปธน.คลินตัน และอดีตนายกเทศมนตรีบลูมเบิร์ก)  
   ถึงแม้มัมดานีจะผ่านการหยั่งเสียงขั้นต้นภายในพรรคมาแล้วอย่างใสสะอาด  แถมยังช่วยกระตุ้นให้คน Gen X ลงไปรู้สึกตื่นเต้นกับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตอีกครั้ง แต่บรรดาผู้อาวุโสของพรรคก็ยังไม่ยอมประกาศสนับสนุนเขาอย่างเป็นทางการ  แถมสส.พรรคบางคนก็บอกว่าจะไม่โหวตให้  
   อภิมหาเศรษฐีของนิวยอร์กนับสิบคนต่างก็มาช่วยกันลงขันซื้อโฆษณาโจมตีมัมดานีและรณรงค์ให้คนไม่ไปเลือกเขา แม้แต่สื่ออันทรงอิทธิพลอย่างนิวยอร์กไทมส์ก็เตือนผู้อ่านว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นซีอีโอของเมืองซึ่งมีความสำคัญและไม่หยุดนิ่งอย่างนิวยอร์ก  
   ถึงโดนัลด์ ทรัมป์จะขู่ว่าถ้ามัมดานีได้รับเลือกเขาจะตัดเงินช่วยเหลือแก่รัฐนิวยอร์กและส่งทหารไปประจำการในเมือง   แต่นิวยอร์กเกอร์ก็ไม่ยี่หระ  มัมดานีเป็นนายกเทศมนตรีคนแรกในรอบ 56 ปีด้วยที่ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 1 ล้านเสียง
   ปกติแล้วถ้าไม่ใช่การเลือกตั้งปธน.นิวยอร์กเกอร์จะไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้คนเฮโลไปใช้สิทธิถึง 2 ล้านกว่า สูงกว่าการเลือกตั้งปี 2021 เกือบเท่าตัวและสูงที่สุดในรอบ 30 ปี  

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:41

จากโนเนมสู่ไวรัล
   โซห์ราน ความี มัมดานี เป็นลูกชายคนเดียวของมีรา แนร์  ผู้กำกับหนังเชื้อสายอินเดียที่ดังสุดๆ และมาห์มุด มัมดานี อาจารย์ม.โคลัมเบียซึ่งเป็นนักวิชาการด้านมานุษยวิทยาและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ได้รับการยกย่องมากคนหนึ่ง  
   มัมดานีเกิดที่ยูกันดา ย้ายตามพ่อแม่มาอยู่นิวยอร์กตอน 7 ขวบ ได้รับสัญชาติอเมริกันเมื่ออายุ 27  พูดได้ถึง 5 ภาษาและมีความตื่นตัวในเรื่องการเมืองมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม  สมัยอยู่ม.ปลายเคยลงแข่งเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานนักเรียน ตอนเรียนมหาลัยก็ไปร่วมก่อตั้งกลุ่มนักศึกษาชื่อ Students for Justice in Palestine เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวปาเลสไตน์  
   แต่ประสบการณ์หลังจบมหาลัยก็ทำให้มัมดานียังละอ่อนอยู่มากสำหรับนิวยอร์ก เขาเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาล่างของรัฐ (New York State Assembly) เป็นครั้งแรกในปี 2020  ไม่มีประวัติว่าเคยทำอะไรมากมายนอกจากผ่านกฎหมายเล็กๆ 3 ฉบับ
   ก่อนจะเข้าสู่การเมือง มัมดานีเคยเป็นศิลปินเพลงฮิปฮอปที่เรียกตัวเองว่ามิสเตอร์คาร์ดามัม (Mr. Cardamom) ออกซิงเกิ้ลมา 3-4 เพลงทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและที่ไปฟีเจอริ่งกับคนอื่น ยูทูบสองช่องมียอดติดตามรวมกันแค่หมื่นเดียว  งานอื่นที่เคยทำก็คือเป็นที่ปรึกษาให้แก่คนที่ถูกแบงก์ยึดบ้าน  และเคยไปช่วยนักการเมืองท้องถิ่นในนิวยอร์กหาเสียงอยู่แป๊บหนึ่ง  
   ก่อนการหยั่งเสียงขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้ที่จะไปแข่งขันชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในนามพรรคเดโมแครต มัมดานีเป็นแค่ม้านอกสายตาสำหรับคนส่วนใหญ่  การที่เขาสามารถเบียดคู่แข่งอย่างอดีตผู้ว่าฯ แอนดรูว์ โควโมเข้าเส้นชัยได้จึงเป็นเสมือนสึนามิเล็กๆ ในแวดวงการเมืองนิวยอร์ก  ส่งผลให้เกิดการคาดหมายว่าเขาจะสร้างแรงกระเพื่อมแบบเดียวกันได้ในการเลือกตั้งมิดเทอม 2026  
   สื่อบางเจ้าเรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่าเป็นสงครามทางความคิดของคนสองรุ่น คู่แข่งเบอร์หนึ่งของมัมดานีคือโควโม อายุ 67  ถ้าชนะก็จะเป็นนายกเทศมนตรีที่แก่ที่สุดของนิวยอร์ก  ส่วนนายเคอร์ติส ซลีวา คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันนั่นก็อายุ 71 แล้ว ทั้งสองคนได้แรงหนุนจากคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่า ขณะที่ฐานเสียงของมัมดานีส่วนใหญ่จะเป็น Gen X ลงไป
   มัมดานีดึงดูดความสนใจจากเดโมแครตรุ่นใหม่ที่เหม็นเบื่อนักการเมืองหน้าเดิมๆ  คนเชื้อสายยิวหัวก้าวหน้าที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของพรรคในการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่ลืมหูลืมตา  และผู้สนับสนุนแนวทางสังคมนิยมประชาธิปไตยหรือ Democratic Socialism (ประชาธิปไตยที่เน้นความเสมอภาคทางสังคมและเศรษฐกิจ)
   นอกจากนั้น มัมดานียังได้แนวร่วมในหมู่ชนชั้นแรงงานผิวดำและลาติโน ชนชั้นกลางผิวขาวที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง รวมทั้งมุสลิมและผู้สืบเชื้อสายเอเชียใต้ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีอัตราขยายตัวค่อนข้างรวดเร็วกว่ากลุ่มอื่น และมีจำนวนมากที่ทำงานกะกลางคืนหรือขับแท็กซี่
   มัมดานีผูกใจคนได้ด้วยบุคลิกที่เป็นกันเอง ยิ้มง่าย สนใจใคร่รู้ และเป็นผู้ฟังที่ดี  แถมยังได้เปรียบคู่แข่งตรงที่เขาใช้คลิปวิดีโอสั้นๆ สื่อสารกับคนหมู่มากได้เก่งจึงเป็นไวรัลได้ง่าย  
   ไม่ว่าทักษะดังกล่าวจะได้มาจากดีเอ็นเอของแม่ หรือเป็นเพราะเขาเริ่มต้นชีวิตนักการเมืองในช่วงโควิดระบาดเลยต้องพึ่งพาโซเชียลมีเดียเป็นหลักในการหาเสียง แต่มันเป็นคุณสมบัติสำคัญยิ่งสำหรับนักการเมืองใน the Attention Economy หรือยุคที่ความสามารถในการเรียกร้องความสนใจกลายเป็นสินทรัพย์ที่ต้องมี  แต่หายากและราคาแพง
   คลิปที่ไวรัลสุดๆ ของมัมดานีคือคลิปชื่อ “ฮาลัลเฟลชัน” (Halalflation ล้อเลียนคำว่า inflation หรือเงินเฟ้อ)  โดยเขาไปสัมภาษณ์คนขายอาหารฮาลาลในเมืองและคนซื้อ ทำให้ได้ข้อสรุปว่าราคาอาหารฮาลาลในนิวยอร์กมันแพงเพราะต้นทุนวัตถุดิบมันสูงขึ้น  อีกทั้งคนขายยังต้องใช้เงินเป็นหมื่นเหรียญเพื่อเซ้งใบอนุญาตขายอาหารต่อจากคนอื่นเนื่องจากจนท.ของรัฐเชื่องช้าในการออกใบอนุญาต  มัมดานีใช้คลิปดังกล่าวเป็นเครื่องมือโฆษณานโยบายลดค่าครองชีพของเขา  เป็นการบอกนิวยอร์กเกอร์กลายๆ ว่าเขาเข้าใจต้นตอของปัญหาปากท้องที่แท้จริง  
   กระแสมัมดานีที่แพร่หลายทางโซเชียลมีเดียทำให้คนรุ่นใหม่กระตือรือร้นการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  มีเยาวชนเกือบหนึ่งแสนคนแห่กันไปเป็นอาสาสมัครให้ทีมมัมดานี  มีคนออกไปหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าด้วยตัวเองถึง 735,000 คน คิดเป็น 4 เท่าของปี 2021 (1 ใน 3 ของคนเหล่านั้นอายุต่ำกว่า 35)

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:43

มัมดานีขณะกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะ (ภาพจาก AP)


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:44

มัมดานีสมัยยังเป็นมิสเตอร์คาร์ดามัม  ถ้าใครอยากรู้ว่าสกิลในการแร็ปของเขาอยู่ระดับไหนก็เข้าไปส่องได้ที่ https://www.youtube.com/@mr.cardamom896  และ  https://www.youtube.com/@youngcardamomhab9925


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:45

คอมมิวนิสต์ ประชานิยม สังคมประชาธิปไตย
   แคมเปญของมัมดานีใช้สโลแกนสั้นๆ ติดหูว่า “New York you can afford.” (นิวยอร์กที่ไม่ทำให้กระเป๋าฉีก) เขาสัญญาว่าจะให้รถเมล์ฟรี  ให้มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กฟรี (universal childcare)  ควบคุมค่าเช่าบ้าน เปิดร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นชม.ละ 30 เหรียญฯ  รวมทั้งเก็บภาษีนิติบุคคลและภาษีจากคนรวยให้มากขึ้น  
   คนหาเช้ากินค่ำรู้สึกว่ามัมดานีเข้าใจเรื่องปากท้องของพวกเขามากกว่าคู่แข่ง ไม่ได้จะมาขายแต่อุดมการณ์สวยหรูแบบนักการเมืองเดโมแครตรุ่นเก่าๆ  แต่คนที่ไม่สนับสนุนมัมดานีก็โจมตีเขาว่าเป็นพวก Populist ผู้ฝักใฝ่แนวทางประชานิยม  ทรัมป์เองก็โจมตีเขาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
   เป้าหมายของมัมดานีคือการขจัดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมการแบ่งปันดอกผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม อันเป็นพื้นฐานมาจากความเชื่อในแนวคิด Democratic Socialism ของเขา  
   แนวคิดนี้ไม่ยึดถือทุนนิยมว่าเป็นพระเจ้า  แต่มองว่ามันเป็นเครื่องมือให้คนรวยเอารัดเอาเปรียบคนจนและส่งเสริมความเหลื่อมล้ำ จึงจำเป็นต้องมีระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมกว่าเข้ามาแทนที่  (มัมดานีเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ศรัทธาในทุนนิยมและไม่เชื่อว่าโลกนี้จำเป็นต้องมีอภิมหาเศรษฐีพันล้าน)  
   ศูนย์กลางของ Democratic Socialism อยู่ที่องค์กรรากหญ้าชื่อ Democratic Socialism of America (DSA)  ซึ่งผลักดันนโยบายโปรเกรสซีฟ เช่น การตัดงบตำรวจไปให้โครงการหรือบริการทางสังคมที่จะช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ต้นเหตุ (Defund Police)  สวัสดิการทางสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกคน (Medicare for All)  และสิทธิของพลเมืองในอันที่จะมีบ้านเช่าในราคาที่เป็นธรรม (Right to Fair Housing Policy) เป็นต้น  
   แนวคิดนี้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในหมู่เดโมแครตรุ่นใหม่ๆ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังไม่ใช่กระแสหลัก แม้ว่านักการเมืองตัวตึงหลายคน เช่น อเล็กซานเดรีย โอคาสิโอ-คอร์เทซ (AOC) อลิซาเบธ วอร์เรน และเบอร์นี แซนเดอร์ส จะอยู่ในสายนี้  อาจเป็นเพราะนักการเมืองอาวุโสของพรรคเดโมแครตต่างก็มองว่าแนวคิดนี้สุดโต่งเกินไป จะทำให้พรรคเสียคะแนนเสียงในหมู่คนที่ไม่ซ้ายไม่ขวา (Swing Voters) โดยเฉพาะในรัฐที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งปธน.ได้
   DSA มีส่วนสำคัญอย่างมากในการหาเสียงช่วยมัมดานีจนประสบความสำเร็จ  ส่วนมัมดานีเองก็เคยทวีตสนับสนุนแนวทาง Defund Police ของ DSA เคยเรียกร้องให้ปิดสนง.ตร. และเคยตำหนิตร.ว่าเป็น “พวกเหยียดสีผิว” ตรงนี้ทำให้เขาตกเป็นเป้าโจมตีจากคู่แข่งว่าเป็นอันตรายต่อสังคม ขณะเดียวกัน พรรครีพับลิกันก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือปลุกเร้าฐานเสียงและ Swing Voters ให้เชื่อว่าพรรคเดโมแครตมีแต่พวกหัวเอียงซ้ายรุนแรงอย่างมัมดานี
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:47

ตัวเลือกที่จำกัด
   ความสำเร็จของมัมดานีส่วนหนึ่งมาจากการที่คู่แข่งของเขามีแต่เรื่องด่างพร้อย ไม่ว่าจะเป็นนายเอริก อดัมส์ (นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน)  หรือนายแอนดรูว์ โควโม (อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก) ส่วนนายซลีวาจากพรรครีพับลิกันก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะนิวยอร์กเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคเดโมแครตมานาน  แถมนายซลีวายังไม่กินเส้นกับทรัมป์ด้วย  เลยไม่ได้แรงหนุนจากท่านปธน.ผู้ยิ่งใหญ่
   นายอดัมส์เจ้าของตำแหน่งนั้นเคยถูกเอฟบีไอสอบสวนหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องรับสินบนจากต่างประเทศ กับเรื่องเอาเงินสินบนมาเคลมว่าเป็นเงินบริจาคเพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐในการหาเสียง  พอโดนตั้งข้อหาก็วิ่งไปต่อรองให้ทรัมป์ช่วยเรื่องคดีเพื่อแลกกับการบอกให้ฐานเสียงของตัวเองไปลงคะแนนให้ทรัมป์  พอทรัมป์ได้เป็นปธน.สมัยที่สอง ทางการก็ยุติการดำเนินคดีต่างๆ กับเขาทันทีอย่างน่าสงสัย
   ส่วนนายโควโมนั้นก็มีคนไม่ชอบเยอะ สมัยเป็นผู้ว่าการรัฐเขาเคยโดนตำหนิเรื่องที่เขามักจะรักษาผลประโยชน์ของพวกพ้องมหาเศรษฐีมากกว่าประชาชนคนเดินดิน เคยถูกสอบสวนว่าร่วมกันกับผู้ช่วยปกปิดจำนวนผู้เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราในช่วงที่โควิดระบาด  รวมทั้งโดนกล่าวหาว่าชอบลวนลามผู้หญิงทั้งที่เป็นลูกน้องและไม่ได้เป็น สุดท้ายก็ต้องลาออกไปในปี 2021  
   ทั้งนายอดัมส์และนายโควโมต่างก็แพ้มัมดานีอย่างไม่เห็นฝุ่นในการหยั่งเสียง (ไพรมารีโหวต) เมื่อช่วงกลางปี แต่ก็ยังดื้อลงแข่งในฐานะผู้สมัครอิสระ  แต่นายอดัมส์ถอนตัวก่อนเลือกตั้งแค่เดือนกว่าๆ แล้วประกาศว่าจะสนับสนุนนายโควโม  ขณะที่นายโควโมนั้นพยายามเรียกร้องให้ประชาชนฝ่ายขวามากาบัตรให้ตัวเองจะได้มีเสียงมากพอที่จะทานกระแสมัมดานีได้  

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:49

หนึ่งใน “หลักฐาน” ที่ทำให้แอนดรูว์ โควโมต้องลาออกจากการเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กในปี 2021  ผู้หญิงในรูปชื่อแอนนา รุค ซึ่งทำงานในพรรคเดโมแครตแต่ไม่ได้เป็นลูกน้องของโควโมโดยตรง   รูปนี้มีคนถ่ายได้ที่งานแต่งงานในปี 2019  แอนนาบอกว่าโควโมเอามือมาทาบบนหลังล่างซึ่งเปลือยเปล่าเพราะอยู่นอกชายเสื้อ  พอเธอปัดมือเขาออกโควโมก็เอามือมาจับแก้มแล้วถามว่า “ขอจูบคุณหน่อยได้ไหม”   


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:51

กราฟฟิกเปรียบเทียบค่าเช่าบ้านในเขตการปกครองย่อยทั้ง 5 เขตของมหานครนิวยอร์ก อันมีบรองซ์ บรุกลิน แมนฮัตตัน ควีนส์ และสแตทเทนไอส์แลนด์ (ที่มา: อัล จาซีรา)


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:52

สายล่อฟ้า
   แต่กว่าจะมาถึงเส้นชัยได้มัมดานีก็แทบน่วมเหมือนกัน เพราะจุดยืนของเขาทั้งในอดีตและปัจจุบันทำให้ต้องเจอสหบาทาทั้งจากในพรรคและนอกพรรค  
   ฐานเสียงของพรรคเดโมแครตที่สืบเชื้อสายยิวจำนวนมากไม่พอใจท่าทีต่ออิสราเอลของมัมดานี (เขาเคยประกาศว่าถ้าได้รับเลือกจะให้ตำรวจจับนายกฯ เบนจามิน เนทันยาฮู ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในนิวยอร์ก)  ส่วนคู่แข่งของเขาต่างก็ช่วยกันโจมตีว่ามัมดานีเป็นมุสลิมหัวรุนแรง เป็นผู้ฝักใฝ่กลุ่มติดอาวุธฮามาส
   จุดยืนเรื่อง Defund Police ในอดีตก็ทำให้มัมดานีกลายเป็นศัตรูกับตร. NYPD 36,000 นายที่ขึ้นตรงต่อเขา  ในช่วงหาเสียง มัมดานีจึงต้องออกมาขอโทษตร. พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ตัดงบ และไม่ไล่หน.ของ NYPD ที่คนยกย่องนับถือออกจากตำแหน่ง  
   ความเป็น Democratic Socialist ของมัมดานีก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเขาได้ว่าเป็นพวกซ้ายตกขอบ  รังแต่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่หายนะ มีอภิมหาเศรษฐีนิวยอร์กที่ไม่ปลื้มกับนโยบายภาษีของเขาเกือบ 30 คนไปช่วยกันระดมทุนเกือบ 40 ล้านเหรียญเพื่อรณรงค์ขัดขวางมันดานี  ซีอีโอธนาคารและสถาบันการเงินบางรายถึงกับขู่ว่าจะย้ายสนง.ใหญ่ออกจากนิวยอร์กถ้ามัมดานีเก็บภาษีนิติบุคคลเพิ่มตามที่หาเสียงไว้  
   นี่เป็นเหตุผลให้นักการเมืองอาวุโสของพรรคเดโมแครตหลายคนไม่ยอมประกาศสนับสนุนเขาอย่างเป็นทางการ มีแค่นางแคธี โฮกัล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และนายฮาคีม เจฟฟรีย์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาล่างเท่านั้นที่ทำ (แต่ก็ทำช้ามากจนเหมือนเสียไม่ได้)  ตรงกันข้าม ตัวตึงสายโปรเกรสซีฟอย่าง AOC และเบอร์นี แซนเดอร์สต่างก็ทุ่มกันสุดตัวเพื่อช่วยมัมดานีหาเสียง  
   ส่วนอดีตปธน.บารัก โอบามานั้นไม่ได้ประกาศสนับสนุนอย่างเป็นทางการเพราะมีนโยบายว่าจะไม่แทรกแซงการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น  แต่เหมือนจะพยายามดึงดูดฐานเสียงที่เป็นคนผิวดำให้มัมดานีด้วยการโทร.ไปหา มีทั้งชมฝ่ายหลังว่าหาเสียงได้เก่งมาก และเสนอให้คำปรึกษาด้วยถ้าต้องการ  
   ส่วนท่านผู้นำอันเป็นที่รักหรือ the Dear Leader นั้นดูเหมือนจะให้ความสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้มากถึงมากที่สุด  คงเพราะนิวยอร์กเป็นทั้งบ้านเกิดของตัวเองและเป็นเมืองที่ท่านเล็งเป็นเป้าหมายในการตีรวนกับพรรคคู่แข่ง   นอกจากจะขู่ว่าถ้ามัมดานีชนะเขาจะตัดเงินช่วยเหลือแก่รัฐและส่งทหารไปบุกเมืองนิวยอร์กแล้ว  ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ฐานเสียงรีพับลิกันไปโหวตให้โควโม โดยบอกว่าได้ “เดโมแครตห่วยๆ” มาเป็นผู้นำก็ยังดีกว่าได้ “คอมมิวนิสต์ที่เสียสติ”
   ตรงนี้ทำให้โควโมมีข้ออ้างว่าถ้าเขาได้รับเลือกนิวยอร์กจะไม่ต้องเจอกับการแทรกแซงของทรัมป์  และต่อให้เจอก็จะมีผู้บริหารซึ่งมีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือกับวิกฤติในอนาคตได้  และเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งก็แน่นอนว่า41% ของผู้ไปหย่อนบัตรเห็นด้วยกับโควโมและเชื่อทรัมป์

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:55

นักวิเคราะห์บอกว่าจากนี้ไปก็จะถึงบทตอนที่ยากลำบากกว่าการหาเสียงหลายร้อยเท่า  นั่นคือการรักษาสัญญาที่ให้ไว้   และบริหารเมืองให้รุ่งเรือง ท่ามกลางภัยคุกคามจากทำเนียบขาวและความจริงที่ว่าการเมืองคือเรื่องของการต่อรองและการประนีประนอม
 
สิ่งที่รอมัมดานีอยู่คือเมืองที่ใหญ่โตซับซ้อนและเต็มไปด้วยปัญหา  นิวยอร์กมีลูกจ้าง 3 แสนคน มีประชากรกว่า 8 ล้าน  มีงบประมาณในแต่ละปีสูงถึง 110,000 ล้านเหรียญฯ (พอๆ กับงบประมาณของบ้านเราและมากกว่างบประมาณของเวียดนาม)  นโยบายที่มัมดานีสัญญานั้นบางเรื่องก็อยู่ในอำนาจที่นายกเทศมนตรีจะทำได้ (แต่ต้องใช้เงินมหาศาล) ขณะที่บางเรื่องก็อยู่นอกเหนือจากการควบคุมของเมือง (เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของภาคเอกชนเป็นหลัก) และบางเรื่องก็ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าการรัฐ (ซึ่งก็ต้องกังวลว่าฐานเสียงของตัวเองจะโอเคด้วยไหม)

แน่นอนว่าทุกๆ ความสำเร็จและความล้มเหลวของมัมดานีจะเป็นได้ทั้งคุณและโทษแก่พรรคเดโมแครต  เป็นภาระที่มัมดานีต้องแบกไปจนถึงการเลือกตั้งปธน.รอบหน้า ที่สำคัญมันอาจจะเป็นบทพิสูจน์ด้วยว่าแนวทาง Democratic Socialism ที่คนรุ่นใหม่กำลังฝันถึงนั้นจะสามารถหยั่งรากลึกได้มากน้อยแค่ไหนในการเมืองอเมริกา
  
แต่อย่างน้อยๆ ในห้วงเวลาที่คนกว่าครึ่งค่อนประเทศกำลังตั้งคำถามกับอัตลักษณ์ของชาติและคุณค่าที่ควรแก่การปกป้องยึดถือ  ภายใต้การนำของปธน.ที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งเป็นเสมือนเผด็จการเข้าไปทุกที  ชัยชนะของมัมดานีก็อาจจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้คนเหล่านั้น (รวมทั้งผู้เขียนด้วย) รู้สึกมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 15:55

ช่วงหาเสียงใหม่ๆ มัมดานีทำคลิปอธิบายระบบเลือกตั้งไพรมารีเป็นภาษาอูรดู-ฮินดีเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเชื้อสาย South Asian  โดยสอดแทรกธีมบอลลีวูดล้อเลียนตัวเองเข้าไปด้วย  คลิปนี้ได้ใจคนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่คอการเมืองมากเพราะแสดงให้เห็นเขาว่าเป็นคนมีอารมณ์ขัน

)
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 16:01

ตารางเปรียบเทียบคะแนนเสียงที่ได้รับ  จะเห็นได้ว่าถ้าเคอร์ติส ซลีวาถอนตัวออกไปอย่างที่ทรัมป์พยายามกดดัน  โควโมอาจจะได้คะแนนเสียงมาเพิ่มอีก 7% ทำให้ชัยชนะของมัมดานีไม่ใช่ชัยชนะอย่างท่วมท้น   การที่มัมดานีได้คะแนนเกิน 50% มานิดเดียวก็อาจทำให้เขาผลักดันนโยบายประชานิยมได้ลำบาก  เพราะฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะอ้างว่าเขาไม่ได้รับอาณัติจากคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16232



ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 16:35

"มัมดานี" จุดไฟโกรธทรัมป์! นายกฯ มุสลิมคนแรกแห่งนิวยอร์ก—ชัยชนะของคนรุ่นใหม่-ความพ่ายแพ้ของการเมืองเก่าฝ่ายขวา

ในขณะที่ฝั่งขวาอเมริกันยังไม่ทันหายงงจากผลโพลล์ "โซแรน ควาเม มัมดานี" วัย ๓๔ ปี ลูกชายผู้อพยพจากยูกันดา-เชื้อสายอินเดีย ก็ผงาดคว้าตำแหน่ง "นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก" คนใหม่แบบหักปากกาเซียน ด้วยคะแนน ๕๘% ทิ้งห่างอดีตผู้ว่าฯ ตัวเก๋าอย่าง "แอนดรูว์ คูโอโม" และ "เคอร์ติส สลิวา" ฝ่ายรีพับลิกันขาดลอย

ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่แค่ "เปลี่ยนหน้า" การเมือง NYC แต่เป็นการ "พลิกขั้วอำนาจทางสัญลักษณ์" ครั้งใหญ่ของอเมริกา—เพราะมัมดานีไม่เพียงเป็นมุสลิมคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของมหานครใหญ่อันดับหนึ่งของโลก แต่ยังเป็นอินเดียอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในรอบศตวรรษนับแต่ปี ๑๙๑๔

แต่เบื้องหลังเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะ คือพลังจากฐานมวลชนกว่า ๘ แสนคนของชาวมุสลิมในนิวยอร์ก ผู้ซึ่งเคยเผชิญ “Islamophobia” หลังเหตุการณ์ ๙/๑๑ และวันนี้กลับมาใช้สิทธิเลือกตั้งของตนอย่างสง่างาม มัมดานีเดินสายเยี่ยมมัสยิดกว่า ๕๐ แห่ง พูดคุยกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งอูรดู อาหรับ และเบงกาลี — แคมเปญนี้ไม่อาศัยทุนมหาศาล แต่อาศัย “ศรัทธาและแรงศรัทธา” ของประชาชน

นโยบายที่ทำให้เขาโดนใจชนชั้นแรงงานคือ “rent freeze” หยุดขึ้นค่าเช่า, รถเมล์ฟรี, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐ ดอลลาร์ และซูเปอร์มาร์เก็ตของรัฐ — เสียงจาก The Guardian เรียกนี่ว่า “ชัยชนะของคนธรรมดาเหนือบรรษัท” ขณะที่ Bloomberg ผู้หนุนคูโอโมเตือนว่า "นี่คือภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจเมือง"

สำหรับฝ่ายรีพับลิกัน ชัยชนะของมัมดานีคือฝันร้าย เพราะมันเปิดทางให้พรรคเดโมแครตสายก้าวหน้ามี "blueprint " ใหม่ก่อนศึก midterms ปี ๒๕๗๐  — นักวิเคราะห์ PBS ถึงกับเรียกเขาว่า

"Young Obama แห่งนิวยอร์ก"

ไม่ว่าจะชอบหรือเกลียด มัมดานีได้สร้างหมุดหมายใหม่ให้การเมืองอเมริกันอีกครั้ง — จากลูกอพยพในย่าน Queens สู่นายกฯ มุสลิมคนแรกแห่งมหานครที่ไม่เคยหลับใหล ชัยชนะนี้ไม่ใช่แค่ "ของเขา" แต่คือ "ของทุกคนที่เคยถูกผลักออกจากวงโต๊ะอำนาจ"

> ในเมืองที่มีคำขวัญว่า “If you can make it here, you can make it anywhere” — มัมดานีก็เพิ่งพิสูจน์แล้วว่า "ใช่...แม้แต่คนที่ชื่อจะไม่ใช่ Smith หรือ Johnson ก็ทำได้เหมือนกัน"

๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ : คัดข่าว/หาดใหญ่

ที่มา: The Washington Post, USA Today, NBC News, The Guardian, CBS News, Al Jazeera, The New York Times, Newsweek, ABC News, PBS News.

https://www.facebook.com/share/p/1BbZNr74g6/?mibextid=wwXIfr
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 18:10

"มัมดานี" จุดไฟโกรธทรัมป์! นายกฯ มุสลิมคนแรกแห่งนิวยอร์ก—ชัยชนะของคนรุ่นใหม่-ความพ่ายแพ้ของการเมืองเก่าฝ่ายขวา

ในขณะที่ฝั่งขวาอเมริกันยังไม่ทันหายงงจากผลโพลล์ "โซแรน ควาเม มัมดานี" วัย ๓๔ ปี ลูกชายผู้อพยพจากยูกันดา-เชื้อสายอินเดีย ก็ผงาดคว้าตำแหน่ง "นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก" คนใหม่แบบหักปากกาเซียน ด้วยคะแนน ๕๘% ทิ้งห่างอดีตผู้ว่าฯ ตัวเก๋าอย่าง "แอนดรูว์ คูโอโม" และ "เคอร์ติส สลิวา" ฝ่ายรีพับลิกันขาดลอย

https://www.facebook.com/share/p/1BbZNr74g6/?mibextid=wwXIfr

ไม่คิดว่า “หักปากกาเซียน” จะเป็นคำอธิบายที่ถูกต้องสำหรับผลการเลือกตั้งเมื่อวานนี้นะคะ   เพราะมัมดานีนำโด่งมาตั้งแต่ช่วงทำไพรมารีเสร็จแล้ว  ตอนนั้นน่ะทำให้คนประหลาดใจมากก็จริงเพราะโพลให้โควโมนำอยู่  แต่พอชนะไพรมารีแล้วก็เป็น presumptive winner มาโดยตลอด  เดือนที่ผ่านมามีการทำโพลโดย 36 สำนัก  ทุกเจ้ายกเว้นเจ้าเดียวก็ให้มัมดานีนำตั้งแต่ 7 ไปถึง 20 จุด   เพราะะอย่างนี้โควโมถึงได้ใช้แทกติกสร้างความหวาดกลัวมาเป็นเครื่องมือหาเสียง  มีทั้งกล่าวหาว่ามัมดานีเห็นอกเห็นใจฮามาส  มีทั้งพยายามเตือนความจำนิวยอร์กเกอร์เรื่อง  9-11 (เพราะมัมดานีเป็นมุสลิม)  มีไปล็อบบี้ซลีวาให้ถอนตัวเพื่อให้คะแนนของตัวเองเพิ่มขึ้นด้วย  และก็บอกฐานเสียงรีพับลิกันว่าถ้าโหวตให้ซลีวาก็เหมือนโหวตให้มัมดานี

และก็ชัยชนะ 58% ที่อ้างถึงในโพสต์ไม่น่าจะถูก   ล่าสุดมีรายงานว่านับไปแล้ว 91% คะแนนยังอยู่ที่ 50.4% ต่อ 41.6%


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 283


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 05 พ.ย. 25, 18:21

ดิฉันไม่แน่ใจเลยค่ะว่ามัมดานีจะเป็นฝันร้ายหรือของขวัญสำหรับพรรครีพับลิกันกันแน่  เพราะตั้งแต่มัมดานีชนะไพรมารีเป็นต้นมาฝ่ายขวาก็ใช้เขาเป็นเครื่องมือโจมตีพรรคเดโมแครตมาโดยตลอด  และกล่าวหาว่าเป็นพรรคที่นำเสนอแต่นโยบายแบบซ้ายตกขอบ มีแต่จะทำให้ประเทศชาติล่มจม (เพราะแนวทาง Democratic Socialism ของมัมดานีมันคือความซ้ายในซ้าย)   ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะปีแรกของทรัมป์นี่มีแต่เรื่องแย่ๆ ส่งผลกระทบกับฐานเสียงตัวเอง รีพับลิกันกลัวจะเสียที่นั่งในการเลือกตั้งมิดเทอมปี 2026  เลยต้องต้องพยายามเตรียมยุทธศาสตร์สร้างความกลัวให้ฐานเสียงและ Swing Voters ไว้ล่วงหน้า

นอกจากนั้น ทรัมป์ก็กำลังเปรี้ยวปากอยากจะหาเรื่องกร่างกับนิวยอร์กอยู่ด้วย  ชัยชนะของมัมดานีจึงเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับการที่ทรัมป์จะส่งทหารไปประจำการที่นั่นเหมือนที่เคยทำในแอลเอและชิคาโกมาแล้ว  เพราะมันจะช่วยทั้งปลุกเร้าฐานเสียงสาย MAGA ให้ฮึกเหิม  ทำให้ ICE ได้เข้าไปกวาดล้างผู้อพยพในนิวยอร์ก  และขยายขอบเขตอำนาจของตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน 

ข้อสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือ   จริงๆ แล้วมัมดานีอาจจะไม่ถูกมองว่าเป็น “ยังโอบามา” มากเท่าๆ กับเป็น “ทรัมป์ของฝั่งเสรีนิยม”    เพราะถึงแม้มัมดานีจะมีทักษะในการพูดโน้มน้าวคนแบบเดียวกับโอบามา แต่โอบามาจะเก่งแต่เรื่องการทำแคมเปญหาเสียงกับคนระดับรากหญ้า  ไม่ได้เก่งเรื่องใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือสื่อสาร  รู้ว่าทำอะไรแล้วจะไวรัลจะเป็นมีมเหมือนที่ทรัมป์และมัมดานีเป็น   มีคนบอกว่าตั้งแต่ทรัมป์เข้าสู่การเมืองมาก็เพิ่งจะมีมัมดานีนี่แหละที่จะสามารถช่วงชิงพื้นที่โซเชียลมาจากเขาได้   และไม่จำเป็นต้องพึ่งสื่อกระแสหลักเพราะตัวเองมีเครื่องมือสื่อสารกับฐานเสียงโดยตรงผ่านติ๊กต่อก ยูทูบ และอินสตาแกรม        
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 17 คำสั่ง