การส่งพวงหรีดในวัฒนธรรมตะวันตกมักจะมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ หรืออาจเป็นนามบัตรชื่อผู้ส่งติดไปพร้อมกับพวงหรีด เพื่อให้เจ้าภาพรู้ข้อมูลชื่อผู้ส่งและจะได้ตอบขอบคุณ ส่วนงานศพของไทยในอดีตพบว่า พวงหรีดงานศพของสามัญชนไม่พบนามบัตรเช่นนี้ติดมาเลย ในงานศพของชนชั้นสูงมีพบบ้าง ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่า ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากนามบัตรเป็นกระดาษคาดทับพวกหรีดอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งมักเป็นเขียนคำไว้อาลัยหรือเขียนชื่อเจ้าของพวกหรีดนั้น ๆ
พวงหรีดเก่าสุดที่พบว่ามีคำไว้อาลัยติดมาด้วยคือพวงหรีดพระราชทานของรัชกาลที่ ๕ พระราชทานในคราวงานทำบุญครบ ๑ ปี การถึงแก่อสัญกรรมของเจ้าพระยาสุรวงษ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) โดยมีข้อความว่า ทรงรฤกถึงความจงรักภักดีและที่ได้เคยอยู่ด้วยกันเป็นนิจช้านาน ให้สมุหราชองครักษ์อัญเชิญมาวางที่โกศโดยทรงพระกรุณาไม่จืดจาง
ความนิยมใช้พวงหรีดได้แพร่หลายในหมู่ชนชั้นสูงเป็นกลุ่มแรก ๆ ก่อนจะแพร่หลายสู่สามัญชน งานพระศพหรืองานพระบรมศพซึ่งมักจัดในระยะเวลายาวนาน ดังนั้น จึงไม่นิยมใช้พวกหรีดดอกไม้สด เพราะนอกจากจะเหี่ยวเฉาในเร็ววันแล้ว ดอกไม้สดในสมัยก่อนไม่ได้มีหลากหลายอย่างปัจจุบัน ในอดีตใช้ดอกไม้ตกแต่งพวกหรีดไม่กี่ชนิด เช่น ดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ดอกเบญจมาศ และดอกหน้าวัว จึงมักจะใช้ดอกไม้ประดิษฐ์ตกแต่งเสริม ภายหลังจึงนิยมใช้ดอกไม้ประดิษฐ์ทั้งหมด พวงหรีดดอกไม้แห้งจึงเป็นที่นิยมมากกว่าพวงหรีดดอกไม้สด
เสฐียรโกเศศ บันทึกถึงพวงหรีดในสมัยรัชกาลที่ ๘ ว่า "…เวลานี้หาซื้อพวงหรีดดอกไม้ปลอมได้ง่าย ราคาก็ถูกกว่าไม่ต้องเสียเวลาทำ เก็บเอาไว้ได้นานกว่า เห็นมีพวงหรีดชนิดนี้หนาตา พวงหรีดสดชักจะบางตาไป ต่อมาไม่ช้าคงเป็นพวงหรีดแห้งกันหมด"
ต่อมา เมื่อวัฒนธรรมพวงหรีดเริ่มแพร่หลายสู่งานศพของสามัญชน ซึ่งมีพิธีศพไม่ต่อเนื่องยาวนานเหมือนพิธีศพของชนชั้นสูง ประกอบกับพันธุ์ดอกไม้เริ่มหลากหลายและมีปลูกขายกันมากขึ้น ดังนั้น จึงหันมาใช้พวงหรีดดอกไม้สดกันมากขึ้น เนื่องจากพวงหรีดดอกไม้สดมีความสวยงามและให้ความสดชื่นมากกว่า จึงเข้ามาแทนที่พวงหรีดดอกไม้แห้ง และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อมูลจากบทความเรื่อง
การรับ-ปรับวัฒนธรรม "พวงหรีด" จากตะวันตกสู่ไทย แพร่หลายเข้าสู่สยามเมื่อใด?