โองการแช่งน้ำมีคำเขมรปน แต่เทียบกับกำสรวลสมุทรหรือยวนพ่ายซึ่งเป็นวรรณคดียุคต้นอยุธยาแล้ว มีคำเขมรน้อยกว่ามากครับ ความเป็นไปได้ 2 ประการคือ
1. เจตนาหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาเขมร (และบาลีสันสกฤต) โดยนัยยะทางการเมือง
2. สังคมที่เขียนโองการแช่งน้ำมีการใช้คำภาษาเขมรน้อย คนที่เขียนอาจมีความรู้บาลีสันสกฤต(และอาจจะเขมรด้วย) แต่ต้องการเขียนเพื่อสื่อสารกับคนทั่วไปที่ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน
โดยส่วนตัวผมเห็นเป็นข้อหลังมากกว่าครับ
แม้แต่คำว่าชรแร่ง พจนานุกรมจะบอกว่าเป็นภาษากวีหรือภาษากลอน อาจมีบางแหล่งที่บอกว่า ชร-นำหน้าคำมีรากมาจากภาษาเขมร แต่สุดท้ายการบอกว่าเป็นภาษากวีนั่นคือ “ไม่ทราบที่มา” นั่นเอง ซึ่งถ้าดูรายการในรูปด้านล่างนี้ (ข้อมูลจาก
https://dict.longdo.com )
อย่างน้อยบางคำที่ขึ้นด้วย ชร- ไม่น่าใช่คำเขมรแน่เช่น ชรอื้อ ชรอ่ำ คือการเอา ชร- ไปปะหน้า อื้อ อ่ำ ที่เป็นคำไทย หรืออย่างน้อยก็เป็นคำร่วมรากไท-จีน อย่างอ่ำ น่าจะเป็นคำเดียวกับ 暗 ถึงจีนกลางออกเสียงอั้น แต่จีนทางใต้พวกอื่นอ่านว่าอ่ำ หรือ อ้ำ ทั้งนั้น ความหมายในภาษาจีนคือ มืด ซ่อน ลับ สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ งำ ก็มีที่มาเดียวกกับคำนี้ ดังนั้นถ้าไม่ใช่คำไท ก็ต้องเป็นคำที่ไทรับมาจากจีนในสมัยที่อยู่ร่วมกัน
แม้แต่ชรแร่งเอง ซึ่งเข้าใจว่าพบใช้อยู่ที่เดียวคือในโองการแช่งน้ำ ดังนั้นการแปลชรแร่ง จึงเป็นการแปลโดยบริบท ฟ้าชรแร่งหกคลอง(หรือคลวง) = ฉกามาพจรสวรรค์
ซึ่งถ้าจะแปล ชรแร่ง โดยตีความว่า ชร- เป็นคำเติม (ซึ่งไม่มีความหมาย หรืออาจมีความหมายอะไรสักอย่างที่ยังไม่ทราบ) โดยคำหลักคือ แร่ง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯ แปลแร่ง ว่า
(๑) น. เครื่องร่อนของละเอียด.
(๒) ก. กิริยาที่ใช้แร่งร่อนของละเอียด เช่น แร่งแป้ง.
ถึงความหมายค่อนข้างจำเพาะ แต่ความหมายหลักคือการแบ่งนั่นเอง
มีอีกคำที่น่าสนใจว่าจะมีที่มาเดียวกันคือ แล่ง พจนานุกรมฉบับเดียวกันว่า
(๑) ก. ผ่า, ทำให้แตก, เช่น แล่งมะพร้าว
(๒) ก. รีดเป็นเส้นบาง ๆ เช่น แล่งเงิน แล่งทอง.
(๓) ว. เรียกเงินหรือทองที่รีดเป็นเส้นบาง ๆ ว่า เงินแล่ง ทองแล่ง.
ซึ่งก็คือการแบ่งเหมือนกันครับ
ผมเข้าใจว่า แร่งและแล่ง ไม่น่าใช่คำเขมรเหมือนกันครับ