เห็นเวอร์จิเนีย จุฟเฟรในคลิปที่คุณปัญจมาทำลิ้งค์ให้ดูแล้วค่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่จุดไฟเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นคนแรก ทำเอาขบวนการเอปสตีนพังพินาศ จนถึงความตายแบบมีเงื่อนงำของพ่อเล้าใหญ่
แต่พออ่านข่าวว่าจู่ๆเธอก็ฆ่าตัวตาย ทั้งๆคดีทั้งหลายที่เธอสู้ก็(น่าจะ)จบไปนานพอควรแล้ว ชีวิตเธอก็น่าจะเข้าสู่ความสงบได้แล้ว เลยสงสัยว่าเธอถูกปิดปากจากใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ของเธอหรือเปล่า
หนูคิดว่าถ้าใครสักคนจะฆ่าปิดปากเวอร์จิเนีย จุฟเฟรแล้วล่ะก็ เขาคงทำไปตั้งแต่ก่อนเธอจะเอาเรื่องไปขายให้แท็บลอยด์อังกฤษแล้วละมั้งคะ คงไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตมาบอกเล่าเรื่องราวหรือกล่าวหาทั้งอดีตปธน.สหรัฐและสมาชิกคนสำคัญของราชวงศ์อังกฤษให้เสียหายหรอก
แต่สำหรับคำถามว่าทำไมเหยื่อของเอปสตีนถึงฆ่าตัวตายนั้น หนูคิดว่าถ้าใครได้ดูคลิปสัมภาษณ์ข้างบนก็น่าจะเข้าใจ ส่วนหนึ่งคงเพราะเขาใช้โปรยหัวว่า “the lasting impact of sexual abuse" รวมทั้งเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยการสัมภาษณ์นักจิตวิทยาเกี่ยวกับบาดแผลทางจิตใจของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาก่อน
สิ่งหนึ่งซึ่งผลักดันให้นักข่าวของไมอามี เฮรัลด์ชื่อจูลี่ บราวน์ไปดั้นด้นค้นหาเหยื่อเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกเธอให้สังคมได้รับรู้ ก็คือการที่เอปสตีนสามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูๆ แวดล้อมด้วยนักธุรกิจผู้ร่ำรวยและคนในสังคมชั้นสูงได้เหมือนเดิมหลังจากที่พ้นโทษในปี 2009 มีเงิน มีบริวาร มีบ้านใหญ่โตโอ่อ่า และเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินส่วนตัวเหมือนก่อนจะถูกดำเนินคดีไม่มีผิด
แต่ชีวิตของผู้หญิงจำนวนมากที่เคยตกเป็นเหยื่อของเขานั้นอาจเปลี่ยนไปโดยไม่มีวันหวนกลับ บางคนต้องติดยา ติดคุก ที่เคยเป็นเด็กแถวหน้าในห้องก็กลายเป็นเด็กซึมเศร้า เกเร โดยที่พ่อแม่ไม่เคยรู้สาเหตุที่แท้จริงเพราะพวกเธออับอายเกินกว่าจะบอกใคร
เราคงจะไม่สามารถจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าเหยื่อเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเราลองเอาตัวเองไปใส่ในสถานการณ์ที่พวกเธอต้องเผชิญและพยายาม “ฟัง” สิ่งที่พวกเธอบอกเล่าให้มากขึ้น งดเว้นที่จะตัดสินพวกเธอจากมุมมองของคนที่ไม่เคยพบเจออะไรร้ายๆ เหมือนที่พวกเธอต้องประสบ เราอาจจะหมดข้อสงสัยว่าเพราะอะไรเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศบางคนถึงรู้สึกอับจนและฆ่าตัวตายในท้ายที่สุด