กลับไปตอนที่กำลังคลั่ง Linda Ronstadt อย่างบ้าดีเดือด ระหว่างนั้นผมก็ย้อนกลับไปตามดูงานในยุคก่อนหน้า (ตอนนั้น อตน. ยังไม่เกิด การย้อนในที่นี้คือ ตามหาแผ่นเก่า ๆ) เมื่อได้ฟังก็พบว่าเป็นงานที่ดิบ ๆ ยังไงชอบกล นึกว่าจะถูกหูเหมือนงานที่ผมตามเก็บมาตลอด แต่เปล่า ผมตามย้อนแค่ 2 แผ่นก็เลิก
(นี่คือ Bobby Darin ขวัญใจวัยรุ่นยุคต้น 60s)
(นักดนตรีทั้งหมดที่เห็น คือวง backup ของ LR ต่อมาคือวง The Eagles เธอมีส่วนในการสนับสนุนและผลักดันให้ถือกำเนิดขึ้นมาผงาดในโลกดนตรี)
ในปี 2014 LR ได้รับเลือกเข้า Rock and Roll Hall of Fame เนื่องจากเธอป่วยด้วยโรค Parkinson (ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว จำชื่อใหม่ไม่ได้) จึงไม่สามารถมาร่วมงานได้ เธอได้ให้ Glenn Frey สมาชิกวง The Eagles อดีตสมาชิกวง backup และเพื่อนสนิทของเธอ ขึ้นไปกล่าวและรับรางวัลแทน จากนั้น GF ก็ดูแลอยู่บนเวทีจนจบช่วงเวลาของ LR นี่แสดงถึงความเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนมานานตั้งแต่ปลายยุค 60s หลังจากนั้นเพียง 4 ปี GF ก็ตาย
นี่คือ clip ย่อ ๆ แสดงบรรยากาศของงานในวันนั้น ศิลปินดัง ๆ ต่างขึ้นมาร่วมร้องเพลงดังของเธอ
(Stevie Nicks ผิดคิว น่ารักจัง)
ต่อมาในปี 2019 สารคดีเรื่อง Linda Ronstadt: The Sound of My Voice ออกฉาย กวาดรางวัลมามากมาย รวมถึงรางวัล Grammy ผมได้ดูทาง website สำหรับ download บอกได้คำเดียวว่า เยี่ยม ตื่นตาตื่นใจกับ clips เก่า ๆ ที่ไม่เคยเห็น เช่นภาพครอบครัวของเธอ ฯลฯ นั่นเป็นเพราะผมคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมของเธอมาตั้งแต่ต้น รู้จักศิลปินต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเธอทั้งหมด
ตัวสารคดี
(21.30 เป็นต้นไปกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง LR กับ สมาชิกวง The Eagles ผมว่าช่วงนี้เป็น highlight เลยละ)
ช่วงที่โดนผีเพลงสิงอย่างน่าขนหัวลุกในยุค 70s ผมเคยเขียนจดหมายไปหา Helen Reddy และ Carly Simon ตามที่เคยพล่ามมาบ่อยแล้วนั้น ผมเขียนไปถึง LR ด้วย ผมได้รูปพร้อมลายเซ็นจาก HR 1 ใบ จาก CS 2 ใบ (ต่างช่วงเวลากัน) แต่ไม่มีวี่แววจาก LR เลย คอยเป็นปี
ผมจำได้ว่านับจากส่งจดหมายออก ผมได้รับรูปของ CS ก่อน มันกินเวลาทั้งหมดร่วม 6 เดือน ตอนส่งจดหมาย ผมยังเรียนอยู่ ม.ศ. 5 ปลายเทอม CS ส่งรูปมาให้ตอนผมอยู่ ปี 1 ปลายเทอมของมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะสมัยก่อน การสื่อสารมีแค่ทางจดหมาย (ฝรั่งเรียก snail mail... นึกภาพแล้วน่ารัก หอยทากคาบจดหมายไปส่ง) กว่าจดหมายจะไปถึงปลายทางก็กินเวลา 2-3 อาทิตย์ แล้วก็ไม่ได้ไปถึงมือของพวกเธอด้วย มันไปถึงแค่ บ. แผ่นเสียงที่พวกเธอสังกัดอยู่ จากนั้นก็ตามแต่ความกรุณาของ จนท. ที่นั่นจะจัดส่งต่อ
ตอนกำลัง hot พวกเธอก็ไม่ได้รับจดหมายผมเพียงคนเดียว มันต้องมาเป็นกอง ๆ กว่าจดหมายผมจะถูกเลือกขึ้นมาต้องผ่านไปอีกกี่วันกี่อาทิตย์ก็ไม่รู้ แล้วกว่าพวกเธอจะลงลายเซ็น กว่าจะส่งกลับ กว่าจะใส่ซองส่งออก กว่าหอยทากจะคาบซองต้วมเตี้ยมจากอเมริกากลับมาหาผม เวลานาน 6 เดือนนี่ไม่น่าแปลกใจ แต่ตอนนั้นผมเด็ก อายุยังไม่ถึง 20 เลย คิดไม่ได้ละเอียดแบบนี้หรอก ก็เลยลุ้นอยู่นั่นแหละ กลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านต้องแวะดูตู้จดหมายทุกวัน ลุ้นจนเลิกลุ้นไปเลย
พอแน่ใจว่าไม่มีหวังที่จะได้รูปจาก LR ผมแสนจะเสียใจ (แต่ไม่มากเพราะได้มาแล้ว 2) ผมเป็นแฟนเพลงจากแดนไกล ภาษาอังกฤษก็งู ๆ ปลา ๆ เธอน่าจะเห็นใจ
ต่อมาอีกนานน้านนาน จนกระทั่งได้ดูสารคดีเรื่อง Linda Ronstadt: The Sound of My Voice เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้รู้สาเหตุว่าทำไมผมถึงไม่ได้รับจดหมายตอบจากเธอ เธอเล่าว่าเธอชอบเดินสายมาก แล้วก็ไม่เคยจ้าง ผจก. ประจำตัว เธอทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่จัดตารางทัวร์ เตรียมเพลง ซ้อมเพลง เวลาออกทัวร์ทีก็กินเวลาหลายเดือนเพราะอเมริกาใหญ่มาก พอจบทัวร์ก็กลับมาจัดเก็บข้าวของ แล้วก็เตรียมออกแผ่นเสียงแผ่นใหม่ เลือกเพลง ซ้อมเพลง ฯลฯ ซึ่งก็เหนื่อยแฮ่กแล้ว ตอน จนท. บ. แผ่นเสียงให้เธอดูจำนวนจดหมายจากแฟนเพลง (ของผมก็คงรวมอยู่ในนั้น) ซึ่งกองสะสมเป็นภูเขาเลากา เธอไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี ก็เลยเฉยไปเลย
นี่แหละถึงได้รู้ว่าเธอไม่ได้เพิกเฉยเฉพาะผม แต่เธอไม่สามารถตอบสนองแฟนเพลงทุกคนได้เลย
หลงน้อยใจอยู่เกือบ 50 ปีแน่ะ
