การตายของยีน แฮ็กแมนและภรรยา เป็นไปได้ ที่ภรรยาตายก่อน ยีนในวัย ๙๕ ปีไปเห็นเข้า แล้วหัวใจวายตายตาม
คนเราหัวใจวายตายตามกันได้ หรือตายได้เพราะความรัก ว่าเป็นฮอร์โมน (ไม่เกี่ยวข้องกับเซ็กส์เลยนะครับ) ที่มาแรงมากของมนุษย์ ไม่ว่าในวัยไหน ที่จะสร้างความเศร้าให้แก่คนอกหักหรือเสียคนรัก ในระดับหัวใจวาย
ภรรยาของเขา เบ๊ตซี่ อาราคาวา เป็นชาวฮาวาย เป็นนักเปียโนในระดับคอนเสิรท์ และแรงมากในการรักษาสุขภาพร่างกาย และ***สปีริต*** แล้วยีนเชื่อไปด้วย จนถึงขั้นย้ายกันอยู่ที่ซานตาเฟ
ซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก USA ที่เห็นจานอวกาศบินกันบ่อยมาก เช่นเดียวกับที่ฟีนิกซ์ อารีโซนา และลาสเวกัส และไวโอมิ่ง คือเยอะ ฯลฯ แต่ในที่นี้ที่ซานตาเฟ ท่านว่ามีอำนาจประหลาดลึกลับของสปีริต ดีหรือชั่วของทั้งโลก ท่านไม่บอกกล่าว แต่คงดี มาหมุนกันสร้างแรงสูงสุด (ของทั้งโลกนะครับ) อยู่กันที่ซานตาเฟ ลองอ่าน ...ทรงพลังมาก
ว่ามันเป็น A 'spiritual vortex' believed to have a concentrated flow of spiritual energy, often described as a swirling center where the earth's energy is particularly strong, creating a space for deep contemplation, self-discovery, and heightened spiritual experiences.
***swirling center where the earth's energy is particularly strong***
คุณเบ๊ตซี่เข้มขวดมากกับอนามัยของยีน ข่าวเขียนกันว่าในระบบ extreme ทั้งโยคะ ไทจี ดูดพลังโลกดังกล่าว ยีนเคยชอบอาหารปิ้งทอด เค้ก นางตัดหมด แต่เชื่อไหมนางเชื่อถือเครื่องแกงกะหรี่แดงของอินเดีย ยีนก็ชอบ
นางชอบพลังนะครับ ไม่ใช่เรื่องเย็น เป็นเรื่องร้อน นางจะทำกับข้าวที่ยีนโปรดสองสามอย่าง กุ้ง หรือ ปลา กับผงกะหรี่แดงเผ็ดจากอินเดีย
มิน่ายีนถึงได้ผอมจนโซ แต่อาจอนามัยดีและแฮปปี้ คนแก่ชอบอยู่กับคนชอบทำกับข้าว
สภาพการณ์ที่ตำรวจผู้เชี่ยวชาญงุนงง เกี่ยวกับการตายทั้งหมดเพราะมีเม็ดยากระจัดกระจาย เต็มไปหมดบนโต๊ะ ในครัว
ยีนล้มตายข้างโต๊ะหรือเคาน์เตอร์ในครัวกับพี้น เครื่องช่วยหายใจ pacemaker ของเขาหยุดทำงาน เก้าวันก่อนที่จะพบศพ
เบ๊ตซี่ในวัย ๖๔ ปี ตายก่อนในห้องถัดไป และข่าวกระจายว่าศพเน่าแบบประหลาด ว่าแขนทั้งสองข้างเหมือนถูก mummiefied เหมือนศพที่อียิปต์ ที่ฝังอยู่ใต้ปิระมิด
ปิระมิดที่ผู้เชื่อถือเรื่องโลกต่างดาว เชื่อว่าทั้งหมดสร้าง หินหนักทั้งหมด ตัด ย้าย ยกขนตั้งทับกันเป็นชั้น ๆ จนกลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ของโลก ...โดยแสงเลเซอร์ของมนุษย์ต่างดาว ว่าอียิปต์ไม่มีบุคลาพลากรมากมายถึงปานนั้น ที่จะสร้างมัน ว่าที่ทาทองระยิบระยับบนฝา เป็นเรื่องของมนุษย์ แต่เรื่องก่อสร้าง เป็นงานของเอเลียน
แล้วยีนไปพบศพของภรรยา ที่เชื่อกันในตอนนี้ คือ ยีนเสมือนสบายดีตามวัย เดินเหินปรกติ จากการเช็ครอยเท้าที่มั่นคงบนพื้นครัว ที่เขาคงหัวใจเริ่มสลายตกใจ ที่เห็นภรรยาที่เขาอยู่มาด้วยแล้วนาน อ่อนกว่าเขาถึงสามสิบปี ผู้รักอนามัยและสปิริตในระดับคลั่ง มานอนตายในรูปแบบดังกล่าว
เชื่อกันว่า ...เขาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ในครัว รอยเท้าว่าสั่นคลอน สเปะสปะ แล้วอาจพยายามกินยา เปิดขวด มันจึงกระจัดกระจาย ยาเม็ดที่เจ้าหน้าที่ไม่บอกว่าเป็นยาใด เพราะผมคิดว่าคนอนามัยจัดอย่างเบ๊ตซี่ คงจะไม่ปล่อยให้ยีนกินยาอันตราย แม้กระทั่งระงับประสาท
ข่าวว่านางควบคุม ประคบประหงมอนามัยของเขาอย่างเข้มงวด และหนัก ลูก ๆ ว่านางรักเขามาก และจะเก็บให้เขาอยู่บนโลกนี้ นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลูกกล่าวว่านางไม่ต้องการให้ยีนตายในระดับคลั่ง นางจะพาเขาไปเดินแบบปีนเขาอย่างช้า ๆ เนิ่นนาน ซึ่งต้องใช้พลังสปีริตสูงมากของคนที่กำลังประคบประหงมคนแก่ในวัยนั้น ให้พยายามเดินอยู่อย่างไม่ยอมเหนื่อยล้าถอย เพราะบ้านอยู่เหนือเขาในเนื้อที่ ๑๒ เอเคอร์ ที่ผมกลัวว่าจะไปเจอเอเลียนจากต่างดาว
แล้วเขาไปหัวใจวายตายตามภรรยาที่ฟลออร์ในครัว
นินทากาเล/ข่าวลือตามเน็ตมีว่า นางรักเขามาก พร้อมกับความเชื่อถือเกี่ยวกับสปีริตที่อาจอยู่ในระดับเพ้อเจ้อ ฉะนั้นนางอาจมีวิธีมัมมี่ไฟ เพื่อเก็บรักษายีนไว้กับนางนานเท่านาน หากยีนตาย
อยู่กันบนเขาสองคนที่ซานตาเฟ ตายแล้ว ๙ วันทางด้านยีน เบ๊ตซี่อาจนานกว่า
ว่านางอาจเผลอไผล ไปเล่นกับหรือทดลองเคมีอะไรก็ตาม ผมไม่อยากสืบเสาะ ที่คนอียิปต์ทำมัมมี่ นางตายเพราะเหตนั้น
อย่าลืมนะครับว่านางชอบผงกะหรี่แดงจากอินเดีย
เรื่องควันพิษจากเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเคยเกิดขึ้นและเป็นข่าวที่แฮมป์ตัน หรืออาจเกิดขึ้นได้
แต่ที่มันที่มันประหลาดในที่นี้ คือหมาเลี้ยงในบ้าน ตายไปหนึ่งตัวข้าง ๆ ภรรยา แต่อีกสองตัวรอด (จากควันพิษ?)
ฉะนั้น สิ่งเดียวที่ดีในที่นี้คืออายุของยีน แฮ็กแมน อาจไม่รอดมาถึง ๙๕ หากไม่มีเบ๊ตซี่ อาราคาวา
Please, Rest in Peace
May the Spirit Be with You both.
จาก
เฟซบุ๊กของคุณกิจจา บุรานนท์