สามัคคีเภทคำฉันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 14:21, 23 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ลุงไก่ (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ชิต บุรทัต

บทประพันธ์

ปรารมภพจน์

ฉบงง ๑๖
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาทีถ้อยสามัคคี
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
๏ ในท้ายทั้งที่มีความเจตนาพยายาม
นิยมประพันธ์อันใด
๏ แจ้งหมดปรากฎมีในปัจฉิมชัดไข
ลิขิตรจิตร์จองแถลง
๏ ปรารมภพจน์นี้ชี้แจงเพี่อจักสำแดง
ประวัติอุบัติ์แห่งบรรณ
๏ พิมพ์ขึ้นสำเร็จเสร็จพลันทั้งรวดเร็วทัน
ประสงค์สดวกโดยไว
๏ ด้วยทุนหนังสือพิมพ์ไทยทดรองจ่ายไป
เปนส่วนเอื้อเฟื้อเจือจาน
๏ ขุนสันทัดอักษรสารบรรณาธิการ
ธเกื้อธเอื้ออุดหนุน
๏ สัมฤทธิ์เพราะท่านการุญช่วยเหลือเจือจุน
โดยรอบประกอบอุปการ
๏ ผู้อื่นอีกอาทิ์เอาภารขุนนัยวิจารณ์
(เปล่ง ดิษยบุตร์) นามผจง
๏ คุณสุดกอบโกยโดยสงเคราะห์ล้ำจำนง
พินิจพิจารณ์จริงใจ
๏ สอดส่องถ่องถ้วนควรนัยเชิงอรรถอันใด
มิดีและมีขัดขวาง
๏ บอกให้แก้ใหม่ไป่วางธุระแท้แลทาง
แก้ไขใบพิมพ์เพียรทำ
๏ เรียบร้อยไพเราะเพราะคำที่ท่านแนะนำ
และตรวจและตราอาทร
๏ สองท่านอันออกนามกรข้าจะอนุศร
พระคุณตลอดฤๅลืม
             
นายชิต
ผู้ประพันธ์
ที่ทำการหนังสือศรีกรุง
วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๘
             

ศุภมัสดุ
สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี
กายจิตร์วจีไตรทวาร
๏ กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ
ยอดศาสดาจารย์มุนี
๏ อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี
พุทธ์พจน์ประชุมตรีปิฎก
๏ ทั้งคุณสงฆะพิสุทธิศาสนะดิลก
สัมพุทธสาวกนิกร
๏ นอบน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวรกะวี
๏ เปนเจ้าแห่งวิทยาวราภรณะศรี
สุนทรสุวาทวิธาน
๏ สรวมชีพหัดถประณามประนตพระบทมาลย์
บพิตระสมภารพระองค์
๏ สมเด็จอรรคะมหาจุฑาธิปะพระมง
กุฎเกล้าพิศิฏฐ์พงศ์กระษัตริย์
๏ บานบำเทองพรััเถลิงถวัลยอธิปัติ์
ที่หกดลกรัฏฐ์ประชา
๏ ชุ่มชื่นมณฑละภูมิ์นิพัทธ์วัฒนะปรา
กฎเพียงพระรามาวตาร
๏ ปางไวกูณฐประกอบประกาศกิติอุฬาร
เลิศมากประมาณคือพระองค์
๏ สรวมศรีไตรรตนาธิคุณอดุละมง
คลเหตุพิเศษทรงประสิทธิ์
๏ เสริมซึ่งโสตถิบวรพระพรจตรพิธ
ขอพึงสฤษดิ์นิจนิรันดร์
๏ จุ่งไท้เทียรฆพระชนมะดลลุสตพรรษ์
ภัทร์เพิ่มพระศุขวรรณพล
๏ อันใดสรรพะกะลีและนีรผละมล
ทินไกลยุคลบาทลออง
๏ เพียรเพ็ญูในมนะข้าพเจ้านิยมะจอง
เจตน์คิดลิขิตปองประพันธ์
๏ สามัคคีภิทะโทษนิทานะคติธรรม์
โดยพิศดารอันแสดง
๏ เชิงบรรพ์ฉันทะลเบงชเลงพจนะแปลง
บรรจงพจีแจงประโยชน์
๏ บูชาศาสนะพากย์สุภาสิตะวิโรจน์
เริงปรีดิปราโมทย์ประมวญ
๏ ใดบทบาทผิวะคลาศและผิดนิติขบวน
โกวิทกะวีควรอภัย
             

วสันตดิดก ฉันท์ ๑๔
๏ โบราณะกาลบรมะขัตติยรัชชเกรียงไกร
ท้าวทรงพระนามะอภิไธยะอชาตะศัตรู
๏ ครอบครองมไหยศุริยเอกอภิเศกประสิทธิ์ภูว์
อาณาปวัตติบริบูรณะบรรพประเพณี
๏ แว่นแคว้นมคธนคระราชคฤห์ราชบูรี
ทรงราชวัตร์วิธะทวีทศธรรมะจรรยา
๏ แหล่งหล้ามหาอุดมะลาภคุณะภาพพระเมตตา
แผ่เพียงชนกกรุณะอาทระบุตร์ธิดาตน
๏ โปร่งปรีดิปราศอริริปูภพะภูมิมณฑล
เปรมโสตถิ์ประสบวัฒนะผลศุขะต้วยพระเดชา
๏ อำพนพระมณฑิรพระราชะนิวาศน์วโรฬาร์
อัพกันตร์ก็ไพจิตระพาหิรภาคก็พึงชม
๏ เช่นหลั่งชลอดุสิตะเทวสถานพิมานพรหม
มารังสฤษดิ์ศิริอุตมผิวะเทียบก็เทียมทัน
๏ สามยอดยะเยี่ยมยละระยับวะวะวับสลับพรรณ์
ช่อฟ้าตระการกละจะหยันจะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาศศุภจรูญูนพศูลประกัศร
หางหงส์ผจงพิจิตระงอนดุจะกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจตุรมุขพิศะสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
๏ บานบัฏพระบัญชระสลักฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกายระกะดาดประดิษฐ์ดี
๏ เพ่งภาพตลอดตละผนังก็มะลังมะเลืองสี
ยิ่งดูก็เด่นประดุจะมีชิวะแม้นกมลครอง
๏ ภาพเทพพนมวิจิตระยิ่งนรสิงหะลำยอง
ครุฑยุตภุชงค์วิยะผยองและเผยอขยับผัน
๏ ลวดลายระบายระบุกระหนาบกระแหนภาพกระหนกพัน
แผ่เกี่ยวผกาบุษปะวัลลิและวางระหว่างเนือง
๏ ภายใต้เศวตร์ฉัตระรัตนะจรัศจรูญเรือง
ตั้งราชอาศนะประเทีองวรมัญจบรรจ์ฐรณ์
๏ ห้อยย้อยประทีปอุบะประทินรศกลิ่นชเอมอร
อาบอบตระหลบนิจะขจรดุจะทิพย์สุมาลัย
๏ คัณนาอเนกคณะอนงค์ศิริทรงเจริญูใจ
สรรพางคะพรรณพิศะประไพกละพิมพอับศร
๏ เรียงรายจรูงรมยะบาทบริจาริกากร
ปันเวรพิทักษ์อธิบวรทิวรัตติ์นิวัทธ์วาร
๏ โดยรอบมหานคระเล่หะสิเนรุปราการ
มั่นคงอรินทระจะราญก็ระย่อและท้อหนี
๏ แถวถัมภะโดรณะสล้างระยะนางจรัลมี
ชลคูประตูวรบุรีณ ระหว่างพระภารา
๏ เรียงป้อมและปักธวัชะรายยละค่ายก็แน่นหนา
เสาธงสถิตยะธุชะมาลุตะโบกสบัดปลาย
๏ หอรบอรินทรจะรอรณะท้อหทัยหมาย
มุ่งยุทธะย่อมชิวะมลายก็ประลาศน์มิอาจทาน
๏ พร้อมพรั่งพฤนท์พหละรณพยุห์พลทหารหาญ
อำมาตย์และราชบริวารวุฒิเสวกากร
๏ เนืองแน่นขนัดอัศวะพาหนะชาติกุญชร
ชาญศึกสมรรถะณสมรชยะเพิกริปูภินท์
๏ ความศุขก็แสนบรมศุขและสนุกสนานยิน
ดีในผไทรัฐะบุรินทรรัตน์จรูญเรือง
๏ กลางวันอนันตคณนานรคลาคระไลเนือง
กลางคืนมหุศวะประเทืองดุริย์ศัพทะดีดสี
๏ บรรสานผสมสรนินาทพิณะพาทย์และดนตรี
แซ่โสตร์สดับเสนาะฤดีอุระเพลินเจริญใจ
๏ เมืองท้าวและเทียบพิพยโลกภพะแหล่งสุราลัย
เมืองท้าวและสมบุรณไพบุละทุกประการมาน
             

ฉบงง ๑๖
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
๏ กลเวทโกวิทจิตร์จินต์่ประจักษ์แจ้งศิล
ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์
๏ เปนมหาอำมาตย์ราชวัลลภใครไป่ทัน
ฤเทียมฤเทียบเปรียบปาน
๏ สมัยหนึ่งจึ่งจอมภูมิบาลท้าวจินตนาการ
จะแผ่อำนาจอาณา
๏ ให้ราบปราบปรามเพื่อปรากฎไผทไพศา
ละจวบจังหวัดวัชชี
๏ หวังพระหฤทัยใคร่กรีฑาทัพโยธี
กระทำประยุทธ์เอาไชย
๏ ครั้นทรงดำริห์ตริไปกลับยั้งหยั่งใน
มนัศมิแน่แปรเกรง
๏ หากหักจักได้ไชยเชวงฤๅแพ้แลเลง
พะว้าพะวังลังเล
๏ ไป่อาจสามารถทุ่มเททำศึกรวนเร
พระราชหทัยโช่เบา
๏ ต้วยเหตุพระองค์ทรงเสาวนะศัพท์สำเนา
ระเบงระบีอลือชา
๏ ว่ากษัตริย์วัชชีบรรดาครองรัชชสีมา
กเษตร์ประเทศทุกองค์
๏ อปริหานิยะธรรมธำรงทั้งนั้นมั่นคง
มิโกรธมิกร้าวร้าวฉาน
๏ เพึ่อธรรมดำเนินเจริญูการณ์ใช่เหตุแห่งหานิ์
เจ็ดข้อจะคัดจัดไข
๏ หนึ่ง.เมื่อมีราชกิจใดปฤกษากันไป
บวายบหน่ายชุมนุม
๏ สอง.ย่อมพร้อมเลิกพร้อมประชุมพร้อมพรักพรรคคุม
ประกอบณกิจควรทำ
๏ สาม.นั้นถือมั่นในสัมมะจารีตจำ
ประพฤติ์มิตัดดัดแปลง
๏ สี่.ใครเปนใหญชะจงโอวาทศาสน์แสดง
ก็ยอมและน้อมบูชา
๏ ห้า.นั้นอันบุตริ์ภิริยาผู้อื่นก็หา
ประทุษฐ์กระทำข่มเหง
๏ หก.ที่เจดีย์ชนเกรงเคารพยำเยง
ก็เส้นก็บวงสรวงพลี
๏ เจ็ด.พระอรหันต์อันมีโนรัฏฐ์วัชชี
ก็คุ้มก็ครองปัองกัน
๏ พร้อมสรรพสัปดพิธนิจนิรันตร์สามัคคีธรรม์
ณหมู่กระษัตริย์ลิจฉวี
๏ อชาตศัตรูภูมีทรงทราบโดยคดี
ดั่งนั้นก็ครั่นคร้ามขาม
๏ ศึกใหญ่หากจะพยายามหาญหัก อาตาม
กำลังก็หนักนักหนา
๏ จำจักหักด้วยปัญญารอก่อนผ่อนหา
อุบายทำลายมูลความ
             

อุปชาติฉันท์ ๑๑
๏ บรมกระษัตริย์ปรารภะการะปราบปราม
กับวัสสการพราหมะณพฤฒิอาจารย์
๏ ปฤกษาอุบายดำริหะทำไฉนการ
จะสมนิยมภารธุระปราถนาเรา
๏ สมัคคิ์สมานมิตร์คณะลิจฉวีเขา
มั่นคงจะคิดเอาชนะด้วยประการใด
๏ ท่านวัสสการผู้ทิชะครูฉลาดใน
อุบายคนึงไปก็ประจักษ์กระจ่างจินตน์
๏ เสนอสนองทูลกละมูลยุบลรบิล
แต่องคภูมินทอชาตศัตรู
๏ ตกลงและทรงนัดแนะกะวัสสการครู
ตริเพื่อเผต็จมูละสมัคคไมตรี
๏ สมัยเสด็จว่ากิจะราชะการี
เสนาธิบดีมุขะมวญูอมาตย์ผอง
๏ โดยศักดิฐานันคระชั้นอนันต์นอง
ณท้องพระโรงทองขณะเฝ้าพระบทมาลย์
๏ สดับปกาสิตวระกิจวโรงการ
จึ่งราชะสมภารพจนาตถ์ประภาษไป
๏ เราคิดจะใคร่ยกพยุห์พลสกลไกร
ประชุมประชิดไชยรณะรัฏฐวัชชี
๏ ฉนี้แหละเสนาปติฐานะมนตรี
คอใครจะใคร่มีพจะคานประการไร
๏ ฝ่ายพราหมณ์ก็กราบทูลอติศูริย์ณทันใด
นยาธิบายไขวจนัตถทัดทาน
๏ พระราชปรารมภนิยมมิควรการณ์
ขอองคภูบาลพิเคราะห์เหตุจงดี
๏ อันซึ่งจะกรีฑาพละทัพและไปดี
กระษัตริย์ณวัชชีชนบทสมหมาย
๏ มิแผกมิผิดพากยะข้าพระองค์ทาย
ไป่ได้สดวกตายและจะแพ้เพราะไพรี
๏ พวกลิจฉวีขัตติยรัชชวัชชี
ละองค์ละองค์มีมิตระพันธะมั่นคง
๏ และแสนจะสามารถพละอาจกระทำสง
ครามยุทธยรรยงมิระย่อมิเยงใคร
๏ เราน้อยจะย่อยยับดละอัปราไชย
ฉนี้แหละแน่ในมนะข้าพยากรณ์
๏ และอีกประการเล่าผิวะเขาสิคิดคลอน
แคลนพาลระราญรอนทุจริตผจญเรา
๏ เป็นก่อนกระนั้นชอบทุษะตอบก็ทำเนา
มิมีคดีเอาธุระเห็นบเปนธรรม
๏ และโลกจะล่วงวาทะติว่าพระองค์จำ
นงเจตนาดำริห์วิรุธประทุษฐ์เขา
๏ กระนี้พระจุ่งปรารภะภาระแบ่งเบา
เพื่อกล่อมถนอมเกลามิตระภาพสงบงาม
             

อีทิสังฉันท์ ๒๐
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์และบังอาจ
๏ เกินประมาณเพราะการละเมิดประมาท
มิควรจะขัตบรมราชชโยงการ
๏ ท้าวก็ทรงแสดงพระองคะปาน
ประหนึ่งพระราชหทัยธดาลพิโรธจึง
๏ ผันพระกายกระทีบพระบาทและอึง
พระศัพทะสีหนาทะพึงสยองภัย
๏ เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
ทุทาษสถุลฉนี้ไฉนก็มาเปน
๏ ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็นประการใด
๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยั้นมิทันอะไรก็หมิ่นกู
๏ เล่หะกากะหวาดขมังธนู
บห่อนจะเห็นธวัชริปูก็ท้อถอย
๏ พ่ายเพราะไภยะตัวสิกลัวจะพลอย
พินาศชิพิตร์ประดิษฐ์ประดอยประเด็นขัด
๏ กูก็เอกอุดมบรมกษัตริย์
วิจาระถ้วนบควรจะทัดจะทานคำ
๏ นี่ก็เห็นเพราะเปนอมาตย์กระทำ
พระราชการะมาฉนำสมัยนาน
๏ ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร
ชิวาตม์และหัวจะเสียบประจานณทันที
๏ นัคราภิบาลสภาบดี
และราชบุรุษฮะเฮ้ยจะรีจะรอไย
๏ ฉุดกระชากกะลีอปรีชะไป
บพักจะต้องกะรุณอะไรกะคนคด
๏ ลงพระราชอาชะญา ณ บท
พระอัยการพิพากษะกฎและโกนผม
๏ ไล่มิให้สถิตย์ณคามนิคม
นครมหาสิมานิยมบุรีใด
๏ มันสมรรคสวามิภักดิใน
อมิตตะลิจฉวีก็ไปบห้ามกัน
๏ เสร็จประกาศพระราชธูระสรรพ์
เสด็จนิวัติศุขาภิมัณฑ์มหาคาร
             

อินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑
๏ ควรสุดจะสมเพชจิตระเวทนาการ
ที่ท่านพฤฒาจารย์พะกระทบประสบทัณฑ์
๏ โตยเต็มกตัญูญูกตเวทิตาอัน
ใหญ่ยิ่งและยากครันขรการณ์จะทานทน
๏ ยินดีนิยมเพี่อสละเนี้อและเลีอดตน
ยอมรับอดูรผลจะพะพ้องพะพานกาย
๏ ไป่เห็นกะเจ็บแสบชีวะแทบจะทำลาย
มอบสัตย์สมรรถหมายมนะมั่นมิหวั่นไหว
๏ หวังการ ณ แผ่นดินจะสดวกเพราะฉันใต
ให้กิจในฤทธิ์ไปบมิเลี่ยงฤเบี่ยงเบือน
๏ เหลือที่จะมีใครทมะในหทัยเหมีอน
กัดฟันบฟั่นเฟีอนสติอดสกดเอา
๏ พวกราชมัลล์โดยพละโบยมิใช่เบา
สุดหัตถะแห่งเขาขณะหวดสิพึงกลัว
๏ ยลเนื้อก็เนื้อเต้นพิศะเส้นก็สั่นรัว
ทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไป
๏ แลหลังก็หลั่งโลหิตโอ้เลอะลามไหล
พ่งผาดอนาถใจตละล้วนระรอยหวาย
๏ เนี่องนับอเนกแนวระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกายศิระพับพะกับคา
๏ ทั้งหลายสหายมิตตะอมัจจะเสนา
ทัศน์เหตุทุเรศสาหศะแสนสลดใจ
๏ สุดที่จะกลั้นโทมนะโศกะอาลัย
ถ้วนหน้ามิว่าใครขณะเห็นบเว้นคน
๏ แก้ไขและได้คืนสติฟื้นประทังตน
จึ่งราชบุรุษกลปกกรณ์ก็โกนหัว
๏ เสื่อมศีศะผมเผ้าพิศะเปล่าประจานตัว
เปนเยี่ยงประหยัดกลัวผิมะลักจะหลาบจำ
๏ เสร็จอาชะญาทัณฑ์กิจะพลันประกาศทำ
ปัพพาชนีย์กรรมดุจะราชโองการ
๏ บรรดาประชาชนขณะยลทิชาจารย์
สุดแสนจะสงสารสรแซ่ประสาสันทน์
๏ บางคนกมลอ่อนอุระข้อนพิไรพรรณน์
บางเหล่าวิสัยอันกุธะเกลียดก็เสียดสี
๏ บางพวกก็เปนกลางยละข้างพิจารณ์ดี
บางหมู่กะรุณมีณหทัยก็ให้ของ
๏ พราหมณ์วัสสการเสกละเล่หะทำนอง
ท่าทางละอย่างผองนระสิ้นบสงสัย
๏ ออกจากนครราชะคฤห์รีบจรัลไป
สู่เทศสถานไกลบุระรัฏฐัวัชชี      
             

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๏ แรมทางกลางเถี่อนห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งใดนึกดูเห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วงเมืองหลวงธานี
นามเวสาลีดุ่มเดาเข้าไป
๏ ผูกไมตรีจิตร์เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมีองฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรี่องเคืองขุ่นว้าวุ่นวายใจ
จำเปนมาในด้าวต่างแดนตน
๏ เขาแสนสังเวชสังเกตอาการ
แห่งท่านอาจารย์ท่าทีทุกข์ทน
ภายนอกบอกแผลแน่แท้ทุพพล
เห็นเหตุสมผลให้พักอาศรัย
๏ ข่าวคราวกล่าวกันเปนทันแพร่หลาย
ลือล่ำกำจายจนแจ้งทั่วไป
มนตรีกราบทูลเค้ามูลขานไข
แด่องค์ท้าวไทแหล่งหล้าลิจฉวี
๏ ทรงทราบข่าวสาสน์โดยราชตำรัส
สัญญาอาณัติทุ่มฆาฏเภรี
ทุกไท้ราชาอาณาวัชชี
มาชุมนุมมีการตฤกปฤกษา
๏ แน่นเนีองเนื่องนับลำดับโดยหมู่
ทันใดราชผู้เปนใหญ่ในสภา
เริ่มอารัมภ์พจน์ตามบทมีมา
ชี้แจงจักปรารพภ์กันฉันใด
๏ พราหมณ์หนึ่งซึ่งเขาเปนเปาโรหิตย์
พวกปัจจามิตร์มาคธเขตร์ไผท
ต้องราชอาชญูาหนีมาอาศรัย
จำไล่ให้ไปฤๅรับเลี้ยงดู
๏ พร้อมตกลงเปนความเห็นเดียวกัน
บ้านเมีองของมันนั้นเปนศัตรู
แห่งรัฏฐ์วัชชีแม้มีแต้มคู
คิดมาตร์คาดมูลารัมภ์ทำกล
๏ เพื่อส่อไส้ศึกลับลึกสนธิ์สาย
หากเห็นแยบคายผิดอย่างแผกยล
ไล่มันทันทีแต่นี่ในฉงน
ยากหยังยังปนไปข้างสงสัย
๏ รอไว้ให้หาเข้ามาจักมี
ถ้อยท่าพาทีเท็จจริงฉันใด
สุดแท้แต่การณ์ตามฐานเปนไป
สมควรอย่างไรบัญชาคราหลัง
             

อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒
๏ ราชาประชุมดำริหะโดยประการะดัง
ดำรัสตระบัดยังวจนัตถ์ปวัตติพลัน
๏ ให้ราชภัฏโปริสะไปขมีขมัน
หาพราหมณ์ทุพลอันบุระเนระเทศะมา
๏ เขาพลันจรัลริบจระรุตประตุจประกา
สิตนำทิชาจาริยะสู่พระราชฐาน
๏ จึ่งลิจฉวีราชะสภาบดีประธาน
มีราชโองการนยะปุจฉนีย์คตี
๏ เยียใดไฉนตูกะระครูธล่วงกะลี
ข้อใหญ่อะไรมีทุระเหตุจะเสียจะหายน์
๏ จึ่งดาลอดูรพ้องขรข้องระคนระคาย
หลังไหล่สิรอยหวายคณนาอนันต์ประมาณ
๏ ต้องทัณฑะบรรพาชนิย์มาก็ไกลสถาน
พรากพันธุวงศ์วานบุตรทาระมิตร์สหาย
๏ มาอยู่นครเราจะเสาะเอารหัสอุบาย
ฤๅไรก็ ยากหมายอนุมานะครันนะครู
๏ อันราชอชาตสัตคุณรัฏฐู์มคธริปู
แห่งเราจะเอาภูมิกะกันและกันประสงค์
๏ หลากเหลือจะเชี่อจิตร์ผิวะคิดประหวั่นพะวง
เมตตาและเต็มปลงจิตระจักประคับประคอง
๏ หนักข้างระคางอยู่บมิรู้จะรับจะรอง
ภายหลังก็ตั้งตรองตริฤเว้นระวังระแวง
๏ ฝายวัสสการครูก็มธูระทูลแถลง
ให้เชื่อและชี้แจงอภิยาจนาภิปราย
             

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๏ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎบริสุทธิกำจาย
ปรากฎพระยศระบุระบายกิติเบิกระบือบุญ
๏ เมตตาทยาลุศุภะกรรมอุปถัมภะการุญ
สรรเสริญเจริญพระคุณะสุนทระภาพพิบูลย์งาม
๏ เปรียบปานมหรรณพะนทีรมะที่ ประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกะยามนระผู้ประสบเห็น
๏ เอิบอิ่มกระหยิมหทยะคราวกระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหะมุญจนะและเปนศุขะปีติดีใจ
๏ อันข้าพระองค์กษณะนี้บมิมีจะร้อนใด
ยิ่งกว่าและหามนุษไหนฤเสมีอนเสมอตน
๏ ใคร่เปลื้องประเทืองประนุทะทุกข์ภยะมุขจะมาดล
ไร้ญาติและขาตมิตระสกลนฤผู้จะดูดาย
๏ โดยเดียวอดักอดุระแดและก็แก่ชรากาย
ที่ซึ่งจะพึงสรณะหมายอนุศรบห่อนเห็น
๏ ทราบข่าวขจรพระกิติบาระมิว่าพระองค์เปน
เอกอรรคกระษัตริย์สุขุมะเพ็ญกรุณามหาศาล
๏ หวังเพื่อพะพิงบพิตระพึ่งอภิโพธิสมภาร
มอบกายถวายชิพิตตระปราณนิจะกาละปรารมภ์
๏ คิดไว้บได้ประดุจะเจตน์เฉภาะเหตุบเห็นสม
ขืนทำก็เท่ากะจะนิยมคติผิดพิจารณ์ดู
๏ ขึ้นชื่อกระฉ่อนบุรุษะกักขละอักกตัญญู
คิดคดขบถประทุษะภูวะประเทศผไทตน
๏ จำเปนเพราะเหลีอจะทุมนัศบมิน่าจะรับผล
แห่งราชภัยพิบัติดลดุจะนี้พินิจดู
๏ เหตุเดิมก็โดยบรมะราชอชาตะศัตรู
ปฤกษากะข้ายุคละมูลิกะมุขมนตรี
๏ จักยาตร์พยู่ห์พหละยุทธะประทุษฐะย่ำยี
เขตร์แดนพระองค์นิยมะนีระประโยชน์พยายาม
๏ ข้าบาทบจงจิตระอสัตย์พิเคราะห์ชัดถนัดความ
จริงอ้างกระจ่างพจนะตามอธิบายรบิลแจง
๏ วัชชีนครบวระสรรพะจะขันจะเข้มแขง
รี้พลสกลพิริยแรงรณะการะกล้าหาญู
๏ มาคธผไทรัฐะนิกรพละอ่อนบชำนาญ
ทั้งสินจะสู้สมระราญรึปุนั้นไฉนไหว
๏ ดั่งอินทโคปกะผวามุหะฝ่า ณ กองไฟ
หิ่งห้อยสิแข่งสุริยะไหนจะมิน่าชิวาลาญ
๏ เห็นการณ์ก็ควรยบละขัตพจนัตถะทัดทาน
บัดดลบดินทร์หทยะตาลลพิโรธะสำแดง
๏ ลงราชทัณฑะพิธะทารุณะการะร้ายแรง
ไม่ควรเฉลยนยะแถลงเพราะพระองค์ก็ทรงเห็น
๏ กราบทูลประมูลบทะประมวญตละล้วนตลอตเปน
ความจริงบแต่งกละประเด็นนิระสาระพาที
๏ ทีดับระงับอตุระผ่อนก็บห่อนจะเห็นมี
นอกจากพระองค์อดุละสีตลเมตตะคุณมัย
๏ มุ่งมาก็หมายกมละมีสรณียะเปนไป
ครองชีวะสืบศุขะพิสัยอนุสนธิอาสัญ
๏ มั่นปองสนองวระคุณาธิมหากะรณครัน
ในราชกิจนิจะนิรันดระตราบสลายกาล
๏ สุดแต่จะทรงพระกรุณาทนข้าพระบทมาลย์
ผู้ถืออภัพพ์ทุพพละซานเสาะอุสาหะมาถึง
             

๑๐

วังสัฏฐฉันท์ ๑๒
๏ ประชุมกระษัตริย์ราชะสภาสดับคนึง
คเรณทุกข์รึงอุระอัตถ์ประวัติประวิง
๏ ประกอบระกำพาหิระกายะน่าจะจริง
มิใช่จะแอบอิงกละอำกระทำอุบาย
๏ และทุกพระองค์ในคณะไป่ฉงนฉงาย
ก็เชื่อฌแยบคายคะรุวัสสการะพราหมณ์
๏ ตระบัตธรับสั่งผิวะดั่งวจีนิยาม
ละล้วนก็ควรความและมิร้ายมิแรงอะไร
๏ อชาตะศัตรูจุฬะภูว์มคธผไท
มิควรจะมีใจกุธะเกรี้ยวกระนี้สิหนอ
๏ และเหตุก็เท่านั้นผิจะผันจะผ่อนก็พอ
ระงับพิโรธรอพิเคราะห์เห็น บ เปนกระไร
๏ เถอะเราก็เอนดูทิชะครูและเศร้าหทัย
เพราะที่ธมีใจสุจริตวินิจวิจารณ์
๏ พะพ้องพระอาชญาบมิน่าจะเปนจะปาน
มิหนำนิเทสการทวิวิธลุทัณฑะทวน
๏ จะรับและเลี้ยงท่านอุปการ ณ ฐานะควร
ก็จงละเว้นมวลมละโทษประพฤติสุธรรม์
๏ ประดุจขนบข้าธุระราชะกิจจสรรพ์
ทิชงคะน้อมอัญชลิเช่นจะชื่นจะชู
๏ และมีพระปุจฉานยะว่าก็ครา ณ ครู
ฉลองพระคุณภูธระรับพระราชธูร
๏ สถิตย์ ณ ฐานันดระชั้นอะไรจะปูน
ประกอบและเกื้อกูลดุจะดั่งบุราณะมา
๏ ทวิชแถลงไทกิจะในสมัยณะกา
ละอยู่นครราชคฤห์ศักดิข้าธุลี
๏ สเถียรอมาตย์ฐานะพิจารณาคดี
พิฉินทะธารีดุละกิจพิพากษะการ
๏ กระษัตริย์กเษตร์ลิจฉวิหล้าพระราชะทาน
สถาปนาฐานยศะเทอดธุโรปถัมภ์
๏ และเห็นเพราะเปนครูวุฒิรู้วิชาและชำ
นิพลปศาสตร์คัมภิระเพทพิเศษพิศาล
๏ ประสิทธิดำแหน่งคะรุแห่งพระราชกุมาร
นิพัทธะเอาภารอนุสิฏฐะวิทยา
             

๑๑

มาลินีฉันท์ ๑๕
๏ กษณะทวิชะรับฐานันดร์และที่วา
ทกาจารย์
๏ นิระอลสะประกอบการพีริโยฬาร
และเต็มใจ
๏ จะพินิจยะคดีใดเที่ยง ณ บทใน
พระธรรมนูญู
๏ ละมนะอคติสีสูญูยุกติบาฐบูรณ์
ณคลองธรรม์
๏ ลุสมยะจะแนะนำพรรค์ราชกุมารสรรพ์
ธพรำสอน
๏ หฤทยปริอาทรชี้วิชากร
ก็โดยดี
๏ เพราะตริจะทนุถนอมปรีตามิไห้มี
ระแวงใด
๏ ผิวจะวิรุธะแคลงในราชหทัยไท
ธลิจฉวี
๏ เพราะปกรณะวิธีมีเล่หะลับนี
ระสงสัย
๏ คณะขัติยะและใครใครต่างก็ไว้ใจ
ทิชาจารย์
             

๑๒

ภุชงคปยาตรฉันท์ ๑๒
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยลคเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวารระวังเหือดระแวงหาย
๏ เหมาะแก่การจะเสกสันปวัตติ์วัญจะโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสายสมัคคิ์สนธิ์สโมสร
๏ ณ วันหนึ่งลุถึงกาละศึกษาพิชากร
กุมารลิจฉวีวรเสด็จพร้อมประชุมกัน
๏ ตระบัดวัสสการมาสถานราชะเรียนพลัน
ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์สนิทหนึ่งพระองค์ไป
๏ ลุห้องหับระโหฐานก็ถามการณะทันใด
มิลี้ลับอะไรในกถาที่ธปุจฉา
๏ จะถูกผิดกระไรอยู่มนุษผู้กระทำนา
และคู่โคก จูงมาประเทียบไถมิใช่หรือ
๏ กุมารลิจฉวีขัติย์ก็รับอัตถะอออือ
กะสิกชนกระทำคือประดุจคำพระอาจาย์
๏ ก็เท่านั้นธเชิญให้นิวัติในมิช้านาน
ประสิทธิ์ศิล์ปประสาสน์สารตลอดเลิกลุเวลา
๏ อุรสลิจฉวีสรรพะชวนกันเสด็จมา
และต่างซักกุมารราชะองค์นั้นจะเอาความ
๏ พระอาจารย์สิเรียกไปณ ข้างใน ธ ไต่ถาม
อะไรเธอเสนอตามวจีสัตย์กะพวกเรา
๏ กุมารนั้นสนองสาระวากย์วาทะตามเลา
เฉลยกับพระครูเปารุหิตย์โดยคดีมา
๏ กุมารอื่นก็สงสัยมิเชี่อในพระวาจา
สหายราชธพรรณ์นาและต่างองค์ก็พาที
๏ ไฉนเลยพระครูเราจะพูดเปล่าประโยชน์มี
เลอะเหลวนักละล้วนนีระผลเห็นบเปนไป
๏ เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ธกล่าวแท้ก็ทำไม
สิชวนเข้า ณ ข้างในจะถามนอกบยากเย็น
๏ ชรอยว่าทิชาจารย์ธคิดอ่านกะท่านเปน
รหัสเหตุประเภทเห็นละแน่ชัดถนัดความ
๏ และท่านมามุสาวาทบกล้าอาจจะบอกตาม
พจีจริงพยายามไถลแสรงแถลงสาร
๏ กุมารราชมิตร์ผองก็สอดคล้องและแคลงดาล
พิโรธกาจวิวาทการอุบัติขึ้นเพราะขัดเคือง
๏ พิพิธพันธะไมตรีประดามีนิรันดร์เนือง
กะองค์นั้นก็พลันเปลีองมลายปลาศท์พินาศปลง
             

๑๓

มาณวกฉันท์ ๘
๏ ล่วงลุประมาณกาลอนุกรม
หนึ่ง ณ นิยมท่านทวิชงค์
เมื่ออนุสิฏฐ์วิทยะยง
เชิญูวระองค์เอกะกุมาร
๏ เธอจระตามพราหมะณะไป
โดยเฉพาะในห้องรหุฐาน
จึ่งพฤฒิถามความพิศดาร
ขอธประทานโทษะและไข
๏ อย่าติคะรูหลู่พจะเลย
ท่านสิเสวยภัตต์กะอะไร
ในทินะนี้ดีฤไฉน
พอหฤทัยยิ่งละกระมัง
๏ ราชธก็เล่าเค้าณประโยค
ตามบริโภคแล้วขณะหลัง
วาทะประเทืองเรึ่องก็ประทัง
อาคมะยังสิกขะสภา
๏ เสร็จอนุสาสน์ราชอุรส
ลิจฉวิหมดต่างธก็มา
ถามนยะอันท่านวุฒิอา
จาริยะปรารพภะอะไร
๏ เธอก็แถลงแจ้งกิจะมวล
ความตละล้วนจริงณหทัย
ต่างก็มิเชื่อเมื่อตริไฉน
จึ่งผละในเหตุบมิสม
๏ ขุ่นมนะเคืองเรื่องนฤสาร
เช่นกะกุมารก่อนก็ระดม
เลิกสละแยกแตกคณะกลม
เกลียวบนิยมคบดุจะเดิม
             

๑๔

อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ ทิชงค์เจาะจงเจตน์กละห์เหตุยุยงเสริม
กระหนำและซำเติมนฤพัทธะก่อการ
๏ ละครั้งระหว่างคราทินะวาระนานนาน
เหมาะท่าทิชาจารย์ธก็เชิญเสด็จไป
๏ บห่อนจะมีสาระฤหาประโยชน์ใด
กระนั้นเสมอไนยะธแสร้งเสาะสนถาม
๏ และบ้างก็พูดว่าน่ะแน่ะข้าสตับตาม
ยุบลระบิลความพจะแจ้งกระจายมา
๏ ลเมิตติเตียนท่านก็เพราะท่านสิแสนสา
ระพัดทลิทท์ภาวะและสุดจะขัดสน
๏ จะแน่มิแน่เหลีอมนะเชี่อเพราะยากยล
ณที่บมีคนธก็ควรขยายความ
๏ และบ้างก็กล่าวว่าน่ะแน่ะข้าจะขอถาม
เพราะทราบคดีตามวจะลือระบือมา
๏ ติฉินเยาะเย้ยท่านก็เพราะท่านสิแสนสา
ระพรรณพิกลกายะพิลึกประหลาดเปน
๏ จะจริงมิจริงเหลีอมนะเชื่อเพราะไป่เห็น
ผิดข้อบลำเค็ญูจิตระควรขยายความ
๏ กุมาระองค์เสาวนะเค้าคดีตาม
กระทู้พระครูถามธก็แสนจะสงสัย
๏ ก็คำบกอบการณ์คะรุท่านจะถามไย
ธซักเสาะสืบใครระบุแจ้งกะอาจารย์
๏ ทวิชก็บอกว่าพระกุมาระโน้นขาน
ยุบลกะข้ากาลเฉภาะอยู่กะกันสอง
๏ กุมารพระองค์นั้นธมิทันจะตฤกตรอง
ก็เชื่อณคำของวุฒิครูและวู่วาม
๏ พิโรธกุมารองคะเจาะจงพยายาม
ยุครูเพราะเอาความบมิดีประเดตน
๏ ก็พ้อและต่อว่าทิฐิมานะเกิดจน
ลุโทษะสืบสนธิวิวาทเสมอมา
๏ และฝ่ายกุมารหมู่ทิชะครูบเรียกหา
ก็แหนงประดาราชะกุมารทิชงค์เชิญ
๏ พระราชบุตร์ลิจฉวิมิตตจิตร์เมิน
กะกันและกันเหินคณะห่างก็ต่างถือ
๏ ทนงชนกตนวุฒิล้นประเสริฐลือ
ก็หาญกระเหิมฮือมนะฮึกบนึกขาม
             

๑๕

สัทราฉันท์ ๒๑
๏ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์ธก็ยุศิษยะตาม
เล่ห์อุบายงามฉงนงำ
๏ ปวงโอรสลิจฉวีตำริหะวิรธะและสำ
คัญประดุจคำธเสกสัน
๏ ไป่เหลือเลยสักพระองค์อันมิละปิยะสหฉันท์
ขาดสมรรคพันธ์ก็อาดูร
๏ ต่างองค์นำความมิงามทูลพระชนกะอดิศูริย์
แห่งธโดยมูลปวัตติ์ความ
๏ แตกร้าวกร้าวร้ายก็ป้ายปามลุวระบิตระลาม
ทีละน้อยตามณเหตุผล
๏ ที่เชื่อฟังพจน์อุรสตนนฤวิเคราะหะเสาะสน
สืบจะหมองมลเพราะฉันใด
๏ แลทั้งท่านวัสสการในขณะยละจะเหมาะไฉน
เสริมเสมอไปสดวกดาย
๏ หลายอย่างต่างกลธขวนขวายระบิละยุปริยา
วัญูจโนบายบเว้นครา
๏ ครั้นล่วงสามปีประมาณมาคณขัติยะประดา
ลิจฉวีราชะทั้งหลาย
๏ สามัคคีธัมมะทำลายมิตระภิทนะกระจาย
สรรพะเสื่อมหายน์ก็เปนไป
๏ ต่างองค์ทรงแคลงระแวงในพระหฤทยะนิสัย
ผู้พิโรธใจระวังกัน
             

๑๖

สาลินีฉันท์ ๑๑
๏ พราหมณ์ครูรู้สังเกตประจักษ์เหตุตระหนักครัน
ราชาวัชชีสรรพะจักสู่พินาศสม
๏ ยินดีบัดนี้กิจจะสัมฤทธิ์มนารมณ์
ทำมาด้วยปรากรมและอุตสาหะแห่งตน
๏ ให้ลองตีกลองนัดประชุมขัตติ์ยมณฑล
เชิญูซึ่งส่ำสากลกษัตริย์สู่สภาคาร
๏ วัชชีภูมีผองสดับกลองกระหึมขาน
ทุกไท้ไป่เอาภารณกิจเพื่อเสด็จไป
๏ ต่างทรงรับสั่งว่าจะเรียกหาประชุมไย
เราใช่เปนใหญู่ใจก็ขลาดกลัวบกล้าหาญ
๏ ท่านใดที่เปนใหญ่และกล้าใครบเปรียบปาน
พอใจใครในการประชุมชอบก็เชิญเขา
๏ ปฤกษาหาฤๅกันไฉนนั้นก็ทำเนา
จักเรียกชุมนุมเราบแลเห็นประโยชน์เลย
๏ รับสั่งผลักไสส่งและทุกองค์ธเพิกเฉย
ไป่ได้ไปดั่งเคยสมรรคเข้าสมาคม
             

๑๗

อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑
๏ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่องชนะคล่องประสบสม
พราหมณ์เวทะอุดมธก็ลอบแถลงการณ์
๏ ให้วัลลภะชนคมะดลประเทศฐาน
กราบทูลนฤบาลอภิเผ้ามคธไกร
๏ แจ้งลักษณะสาสนะว่ากระษัตริย์ใน
วัชชีบุระไกวละหล้าตลอดกัน
๏ บัดนี้สิก็แตกคณะแผกและแยกพรรค์
ไป่เปนสหะฉันทะเสมือนเสมอมา
๏ โอกาศเหมาะสมัยขณะไหนประดุจครา
นี้แล้วก็ยากหาจะลุได้สดวกดี
๏ ขอเชิญวระบาทพยุห์ยาตร์เสด็จกรี
ฑาทัพพละพีริยะยุทธะโดยไว
             

๑๘

สุรางคณางค์ ๒๘
๏ บพิตร์อชา
ตะสัตตราชะรัฏฐะไกร
สดับณสาสน์พระราชหทัย
ธปรีดิใดบเปรียบบปาน
๏ พระเผยประภาษ
กะมุขอมาตย์บดีประธาน
ตระเตรียมสกลพหลทหาร
สมรรถะชาญประดังประตา
๏ สพรึบสพรั่ง
ณหน้าและหลังณซ้ายและขวา
ละหมู่ละหมวดก็ตรวจก็ตรา
ประมวญกะมาก็มากประมาณ
๏ นิกายเสบียง
ก็พอก็เพียงพโลปการ
และสัตถะภัณฑะสรรพะภาร
จะยุทธะราญกะเรียกระดม
๏ ประชุมพยูห์
กระเกริกกระกรูกระหยิ่มนิยม
ละล้วนสง่ามนาภิรมย์
บขามระทมมิท้อริปู
๏ สมานสมัคคิ์
ระเริงและรักจะรบศัตรู
ฉลองพระคุณพระจุฬภูว์
พิไชยะชูพระเกียรดิ์ไผท
๏ จะดีจะงาม
เพราะเข้าสนามประยุทธะไกร
เหมาะนามทหารละคร้านไฉน
และสมกะใจบุรุษสมัญญู์
๏ ก็โห่และฮึก
ประหัฏฐ์คะคึกประกวดประชัน
ณ ท้องพระลานประมาณอนันต์
อเนกะสรรพะเตรียมคระไล
             

๑๙

โคฏกฉันท์ ๑๒
๏ ประลุฤกษะมหุดิ์ทินะอุตตมะไกร
รณรงคะวิไชยะดิถีศภะยาม
๏ ทิชะพฤฒิปุโรหิตโกวิทะพราหมณ์
ก็ประกอบกิจะตามนิติไสยยะพิธี
๏ ทนุเพึ่ออภิมงคละสงเคราะห์ทวี
ศิริวัฑฒนะกรีฑะเผด็จดัษกร
๏ บุรพัณหะสมัยลุอุทัยระวิวร
นฤนารถอดิศรธเสด็จสระสนาน
๏ วรองค์อภิมัณฑ์ศุภะสรรพะประการ
ดุจะขัตติย์บุราณรณะยุทธะนิยม
๏ พระเสด็จรัฐะยาบทะคลาอนุกรม
ฐิตะเกยชยะชมพละพฤนทะนิกร
             

๒๐

ฉบงง ๑๖
๏ เนมิตต์เชษฐวิทยุตดรรอพอบวร
มหุติ์อุดมดีดล
๏ ให้ฆาฏฆ้องไชยมงคลคำรบสามหน
เฉลิมพระฤกษ์เบิกธง
๏ ทุ่มอินทรเภรีเร่งคงคาบลาล้วนลง
มะโหระทึกคฤกโครม
๏ ดุริยางค์ดนตรีนี่ประโคมสังข์แตรแซ่โหม
กระหึมสนั่นบรรสาน
๏ ราชามาคธภูมิบาลเถลิงหลังคชาธาร
ประเสริฐสง่างามทรง
๏ ควรขัตติยยานยรรยงเพียงพาหนาศน์องค์
สหัสสนัยน์ใดปาน
๏ ครบเต็มเครื่องตั้งหลังสารกูบแพรแลลาน
ละล้วนบรรเจิดเฉิดฉัน
๏ โอภาษอาภรณ์อรรคภัณฑ์คชลักษณ์ปิลันทน์
ก็เลิศก็ล้ำลำยอง
๏ แพร้ว ๆ พราย ๆ ข่ายกรองก่องสกาวดาวทอง
และพู่สุพรรณสรรถกล
๏ สองพลุกสุกวะลัยเลอยลลาดพัตถ์รัตคน
และปกขนองซองหาง
๏ งวงเสยเงยเศียรส่ายพลางเทอดทันต์ท่าทาง
สง่าบล้ากำลัง
๏ ขุนคอคชคุมกุมอังกุษกรายท้ายยัง
ขุนควาญประจำดำรี
๏ เครื่องสูงครบสรรพ์อันมีตามบุรพประเพณี
พยุหบาตรยาตรา
๏ จาตุรังคิกะแสนเสนาเนึ่องสุดสายตา
ตลอดตลึงแลลาน
๏ ขุนคชขึ้นคชชินชาญคุมพลคชสาร
ละตัวกำแหงแขงขัน
๏ เคยเศิกเข้าศึกฮึกครันเสียงเพรียกเรียกมัน
คำรนประดุจเดือดดาล
๏ อร่ามเรืองต้วยเครื่องอลังการนายขอหมอควาญ
ก็ขี่กะรีดำเนิน
๏ พลหัยพิศเห็นเช่นเหินหาวเหาะเหยาะเดิน
เดาะเตือนก็เต้นตีนซรอย
๏ ต่างตัวดีดโลดโดดลอยเลิงเล่นแผ่นคอย
จะควบประกวดอวดพล
๏ สีกายฝ้ายแซมแกมขนดำบ้างด่างปน
กระเลียวและเหลืองแดงพรรณ
๏ โสภาอัศวากรณ์สรรพ์ตาบหน้าพร่าวรร
ณะเด่นดำกลกาญจน์มณี
๏ ยาบย้ายห้อยพู่ดูดีขลุมสวมกรวมศี
ศะคาดกนกแนมเกลา
๏ สายถือสายง่องถ่องเพราคล้องสอดสายเหา
งามทั้งพะนังโกลนอาน
๏ ขุนอัศว์อาตม์โอ่โอหารรำทวนเทอดปาน
ประหนึ่งจะโถมโจมแทง
๏ ต่างขับแสะขี่เข้มแขงควงแส้สำแดง
ดุรงค์วิธีโรมรณ
๏ ดาษดาคลาคล่ำส่ำพลบทจรอนนต์
อเนกคแนนคัณนา
๏ ปลุกเศกเลขยันต์ว่านยาอาคมคาถา
ประสิทธิขลังทั้งกาย
๏ เสื้อผ้าสารพัดจัดหลายหมู่หมวดมากมาย
ก็มละอย่างต่างกัน
๏ แรงหัตถ์กวัดแกว่งซึ่งสรรพ์ศัสตราวุธอัน
วะวาบวะวาวขาวคม
๏ พลรถแหล่ล้วนควรชมแอกงอนอ่อนสม
สง่าประกอบดุมกง
๏ เล็งสูงลิ่วสวยชวยธงชายโบกชวนบง
สบัดระริ้วปลิวปลาย
๏ ปีนไฟใส่ล้อเลื่อนรายหามลากมากหลาย
และลูกกระสุนดินดำ
๏ พร้อมสรรพกองทัพโดยลำดับล้วนควรยำ
ระย่อสยองเยงยล
๏ เคลื่อนคลายพลนิกายสกลเต็มสองฟากสถล
อุโฆษผสานศัพท์ฟัง
๏ เสียงสารแสะร้องก้องดังเสียงโกลนเตือนพะนัง
และเสียงพยู่ห์โยธี
๏ เสียงแซ่สังคีตตีตสีพาทย์กลองฆ้องตี
สิกัมปนาทหวาดไหว
๏ ผงคลีมืดคลุ้มกลุ้มไปปานพี้นแผ่นไผท
ทำลายถล่มจมเอียง
๏ ออกจากราชคฤห์เขตร์เวียงมุ่งแคว้นแดนเชียง
วัชชีประชิดชิงไชย
             

๒๑

กมลฉันท์ ๑๒
๏ อนุมัคคะกรีฑาพละคลาคะคล่ำไป
ณระหว่างวนาลัยละเลาะทุ่งและนาเนิน
๏ อนุจรสิขรเขาบถะเต้าวิถีเถิน
ระยะทางสไกลเกินก็คะค้อยคระไลคลา
๏ ผิวะกาละมัชฌันติกะอันระวีสา
หัศะร้อนและอ่อนกายะสกนธ์พหลหาญ
๏ ก็มิรีบมิรัดเอื้อทนุเพื่อสบายบาน
พละปรีดิสำราญศุขะพอก็ต่อไป
๏ สุริยงคะสายัณห์ผิจะดั้นจะเดินใน
พนะยากก็อาศรัยนิทระแรมระวังกัน
๏ บุรพัณหะเพลาลุก็คลาก็ขับสัญ
จระต่อวนารัญญปถานุกรมไป
๏ เพราะประสงค์จะปลุกกล้าอุปการะเอาใจ
บ ระอิดระอาใดขณะเมี่อมิจำเปน
๏ กิจะสรรพะทั้งหลายมนะนายตระหนักเห็น
อุระใพร่จะลำเค็ญและจะควรวินุทไฉน
๏ ก็จะมีกะใจภักดิสมรรคและชิงไชย
อริหมู่ริปูในรณะภูมิเต็มพล
๏ จระโดยวนันดรและระรอนระแรมจน
ลุกระทั่งนทีดลดิระดิตถะขอบคัน
๏ ธุระจำจะต้องข้ามชละยาตร์พยู่ห์ขันธ์
พละไกรคระไลบรรสุวิสาลิธานี
             

๒๒

วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๏ ข่าวเศิกเอิกอึงทราบถึงบัดดล
ในหมู่ผู้คนชาวเวสาลี
แทบทุกถิ่นหมดชนบทบูรี
อกสั่นขวัญหนีหวาดกลัวทั่วไป
๏ ตื่นตาหน้าเผือดหมดเลีอดสั่นกาย
หลบลี้หนีตายวุ่นหวั่นพรั่นใจ
ซุกครอกซอกครัวซ่อนตัวแตกไภย
เข้าดงพงไพรทิ้งย่านบ้านตน
๏ เหลือจักห้ามปรามชาวคามล่าลาศน์
พันหัวหน้าราษฎร์ขุนด่านดำบล
หาฤๅแก่กันคิดผันผ่อนปรน
จักไม่ให้พลมาคธข้ามมา
๏ จึ่งให้ตีกลองป่าวร้องทันที
แจ้งข่าวไพรีรุกเบียฬบีฑา
เพื่อหมู่ภูมีวัชชีอาณา
ชุมนุมบัญูชาป้องกันฉันใด
๏ ราชาลิจฉวีไป่มีสักองค์
ที่ทรงจำนงเพื่อจักเสด็จไป
ต่างองค์ดำรัสเรียกนัดทำไม
ใครเปนใหญ่ใครกล้าหาญเห็นดี
๏ เชิญเทอญท่านต้องขัดข้องข้อไหน
ปฤกษาปราไสตามเรี่องตามที
แต่ส่วนเราใช่เปนใหญ่แลมี
ใจอย่างผู้ภีรุกห่อนอาจหาญ
๏ ต่างทรงสำแดงความแขงอำนาจ
สามัคคีขาดแก่งแย่งโดยมาน
ภูมิศร์ลิจฉวีวัชชีรัฏฐบาล
ไป่ชุมนุมสมานแม้แต่สักองค์
             

๒๓

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ ปิ่นเขตร์มคธขัตติยะรัชชธำรง
ยั้งทัพประทับตรงนคเรศวิสาล
๏ ภูธรธสังเกตพิเคราะห์เหตุณธานี
แห่งราชะวัชชีขณะเศิกประชิดแดน
๏ ดูดั่งบรู้ศึกและมินึกจะเกรงแกลน
ฤๅคิดจะตอบแทนรณะเพึ่อระงับไภย
๏ นิ่งเงียบสงบงำบมิทำประการใด
ปรากฎประหนึ่งในบุระว่างและร้างคน
๏ แน่โดยมิพักสงสยะคงกระทบกล
ท่านวัสสการจนลุกระนี้ประจักษ์ตา
๏ ภินท์พัทธะสามัคคิยะพรรคพระราชา
ชาวลิจฉวีวาระจะพ้องอนัตถ์ไภย
๏ ลูกข่างประดาทารกะกาละขว้างไป
หมุนเล่นสนุกไฉนดุจะกันฉนั้นหนอ
๏ คูรวัสสการเเส่กละแหย่ยุดีพอ
ปั่นป่วนบเหลือหลอจะมิร้าวมิรานกัน
๏ ครั้นทรงพระปรารพภ์กิจะจบธจึ่งบัญ
ชานายนิกายสรรพะทแกล้วทหารหาญู
๏ เร่งทำอุลุมป์เวฬุคเนกะเกณฑ์การ
เพื่อข้ามนทีธารจระเข้านครบร
๏ เขารับพระบัณฑูรอดิศูริย์บดีศร
ภาโรปกรณ์ตอนทิวะรุ่งสฤทธิ์พลัน
๏ จอมนารถพระยาตราพยุหาธิทัพขันธ์
โดยแพและพ่วงปันพละข้ามณคงคา
๏ จนหมดพหลเนืองยละเนืองขนัดคลา
ขึ้นฝั่งลุเวสาลิบุเรศสดวกดาย
             

๒๔

จิตรปทาฉันท์ ๘
๏ นาคะระธานิวิสาลี
เห็นริปุมีพละมากมาย
ข้ามติระชลก็ลุพ้นหมาย
มุ่งจะทลายพระนครตน
๏ ต่างก็ตระหนกมนะอกเต้น
ตื่นบมิเว้นตละผู้คน
ทวบุระคามะจลาจล
เสียงอลวนอลเวงไป
๏ สรรพะสกลมุขะมนตรี
ตรอมจิตระภีรุกะเภทไภย
บางคณะอาทระปราไส
ยังมิกระไรขณะนี้หนอ
๏ ควรบริบาลพระทวารมั่น
ต้านประทะกันอริก่อนพอ
ขัตติยะราชะสภารอ
ดำริหะขอวระโองการ
๏ ทรงตริไฉนก็จะได้ทำ
ตามนยะดำรัสะภูบาล
เสวกะผองก็เคาะกลองขาน
อาณติปานดุจะกลองพัง
๏ ศัพทะอุโฆษลุพระโสตร์ท้าว
ลิจฉวิด้าวขณะทรงฟัง
ต่างธก็เฉยและละเลยตัง
ไท้นฤกังวละอย่างไร
๏ ต่างบมิคลาณสภาคาร
แม้พระทวารบุระทั่วไป
รอบทิศะด้านและทวารไหน
ห่อนนระใดธุระปิดมี
             

๒๕

สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ จอมทัพมาคธะราษฐ์ธยาตร์พยุหะกรี
ฑาสู่วิสาลีนคร
๏ โดยทางอันพระทวาระเปิดนระนิกร
ไป่รอจะต่อรอนอะไร
๏ เบื้องนั้นท่านคะรุวัสสการทิชะก็ไป
นำทัพชเนนทร์ไทมคธ
๏ เข้าปราบลิจฉวิขัติย์ณรัฏฐะชนบท
สู่เงื้อมพระหัตถ์หมดและโดย
๏ ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหละโรย
แรงเปลืองระดมโปรยประยุทธ์
๏ ราบคาบเสร็จธเสด็จลุราชะคฤหะอุต
ดมเขตร์บุเรศดุจะเดิม
๏ ตามเรื่องต้นยุติแต่จะต่อพจนะเติม
ภาษิตระจิตร์เสริมประสงค์
๏ ปรุงโสตร์เปนคติสุนทราภรณะจง
จับข้อประโยชน์ตรงตริดู
             

๒๖

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ อันภูบดีราชะอชาตะศัตรู
ดลิจฉวีภูวะประเทศสดวกดี
๏ แลสรรพะบรรตาวระราชะวัชชี
ถึงซึ่งพิบัตบีฑะอนัตถ์พินาศหนา
๏ เหี้ยมนั้นเพราะผันแผกคณะแตกและต่างมา
ถือทิฏฐิมานสาหศะโทษพิโรธจอง
๏ แยกพรรคสมรรคภินทนะสิ้น บ ปรองดอง
ขาดญาณพิจารณ์ตรองตริมะลักประจักษ์เจือ
๏ เชื่ออรรถยุบลเอารสะเล่าก็ง่ายเหลีอ
มากโมหะฟั่นเฝีอบมิฟอกคดีมูล
๏ จึ่งตาลประการหายนะภาวะอาดูร
เสียแดนผไทสูญกิติศัพทะเสื่อมนาม
๏ ควรชมนิยมจัดคะรุวัสสการพราหมญ์
เปนเอกอุบายงามกละงำกระทำมา
๏ พุทธาทิบัณฑิตยละคิดพินิจปรา
รพภ์สรรเสริญสาธุสมัคคภาพผล
๏ ว่าอาจจะอวยผาศุกะภาวะมาดล
ดีสู่ณหมู่ตนบนิราศนิรันดร
๏ หมู่ใดผิสามัคคิยะพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอนคุณะไร้ไฉนดล
๏ พร้อมเพรียงประเสริฐครันเพราะฉนั้นแหละบุคคล
ผู้หวังเจริญูตนกิจะเกี่ยวกะหมู่เขา
๏ พึงหมายสมัคคิ์เปนมุขะเปนประธานเอา
ธูรทั่วและตัวเราบมิเห็น ณ ฝ่ายเดียว
๏ ควรยกประโยชน์ยื่นนระอื่นก็แลเหลียว
ดูบ้างและกลมเกลียวมิตระภาพผดุงครอง
๏ ยั้งทิฏฐิมานหย่อนทมะผ่อนผจงจอง
อารีมิมีหมองมนะเมี่อจะทำใด
๏ ลาภผลสกลบรรลุก็ปันก็แบ่งไป
ตามน้อยและมากใจยุติเที่ยงนิยมธรรม์
๏ พึงมาระยาตร์ยึดสุประพฤติ์สงวนพรรค์
รื้อฤษยาอันอุปเฉทะไมตรี
๏ ดั่งนั้นณหมู่โดผิบไร้สมัคคิ์มี
พร้อมเพรียงนิวัทธ์นีระวิวาทระแวงกัน
๏ หวังเทอญมิต้องสงสยะคงประสบพลัน
ซึ่งศุขกเษมสันต์หิตะกอบทวีการ
๏ ใครเล่าจะสามารถจิตระอาจจะรานหาญ
หักล้างบแหลกลาญก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน
๏ ป่วยกล่าวอะไรฝูงนระสูงประเสริฐครัน
ฤๅสรรพะสัตว์อันเฉภาะมีชิวีครอง
๏ แม้มากผิกิ่งไม้ผิวะใครจะใคร่ลอง
มัตกำกระนั้นปองพละหักก็เต็มทน
๏ เหล่าไหนผิไมตรีนฤมีณหมู่ตน
การ ใดจะขวายขวนบมิพร้อมมิเพรียงกัน
๏ อย่าปราถนาหวังศุขะทั้งเจริญอัน
จักมาอุบัติบรรลุไฉนบได้มี
๏ ปวงทุกข์พิบัติสรรพะภยันตรายกลี
แม้ไป่นิยมปีติประสงค์ก็คงสม
๏ ควรชนประชุมเปนคณะเปนสมาคม
สามัคคิปรารมภะนิพัทธคำนึง
๏ ไป่มีก็้ไห้มีผิวะมีก็จงพึง
ให้ยิ่งภิโยจึงจะประสบศุขาลัย
             

๒๗

ฉบงง ๑๖
๏ พร่ำพรรณน์ฉันทพากย์โดยโจเพียรจบตามนัย
นิทานบุราณเปนมูล
๏ นามสฤษดิ์ นายชิต ชวางกูรเชลงเฉลาเอาธูร
สลัดอาลัสย์อันมี
๏ ไว้ปากไว้วากย์วาทีไว้วงศ์กระวี
ไว้เกียรติ์และไว้นามกร
๏ ไว้เฉลิมเสริมศรีพระนครคือพิทยาภรณ์
พิเศษประดับดูงาม
๏ ค่อยคิดติดต่อโดยความมิคลายพยายาม
กระวีผิเพ่งเล็งเห็น
๏ ฉันทภาคยากล้ำลำเค็ญถ้อยคำจำเป็น
เพราะศัพท์บังคับหนักเบา
๏ พึงอภัยข้าผู้วัยเยาว์วิทย์หย่อนอ่อนเชาวน์
มิใช่จะคิดแข่งขัน
๏ อาศรัยใจชอบเชิงประพันธ์กิจอื่นว่างครัน
ก็เครื่องจะเปลืองเวลา
๏ จำเนียรแต่เพียรอุตสาหะพจน์พรรณนา
สฤทธิ์ด้วยจิตร์จงพลัน
๏ ฝากไว้ในน่าแห่งบรรณเพื่อเชื้อเชิญสรรพ์
สุภาพมหาชนชม
๏ สถิตย์เสถียรเทียรฆ์กาละนิยมถ้อยเสริญเทอญสม
ประสาทะพรพาจา
๏ ขอจุ่งอิฏฐผลนานาลุดั่งปราถนา
ณผู้พิจารณ์อ่านฟัง ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว