กาพย์พระไชยสุริยา

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 14:06, 10 กรกฎาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

แม่ก กา

ยานี ๑๑
๏ สาธุสะจะขอไหว้พระศรีไตรสรนา
พ่อแม่แลครูบาเทวดาในราศี
๏ ข้าเจ้าเอา ก ขเข้ามาต่อ ก กา มี
แก้ไขในเท่านี้ดีมิดีอย่าตรีชา
๏ จะร่ำคำต่อไปพอฬ่อใจกุมารา
ธรณีมีราชาเจ้าพาราสาวะถี
๏ ชื่อพระไชยสุริยามีสุดามะเหษี
ชื่อว่าสุมาลีอยู่บูรีไม่มีไภย
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนามีกริยาอะฌาสัย
พ่อค้ามาแต่ไกลได้อาศัยในพารา
๏ ไพร่ฟ้าประชาชีชาวบูรีก็ปรีดา
ทำไร่เขาไถนาได้เข้าปลาแลสาลี
๏ อยู่มาหมู่ข้าเฝ้าก็หาเยาวนารี
ที่หน้าตาดีดีทำมโหรีที่เคหา
๏ ค่ำเช้าเฝ้าสีซอเข้าแต่หอล่อกามา
หาได้ให้ภริยาโลโภพาให้บ้าใจ
๏ ไม่จำคำพระเจ้าเหไปเข้าภาษาไสย
ถือดีมีข้าไทฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา
๏ คะดีที่มีคู่คือไก่หมูเจ้าสุภา
ใครเอาเข้าปลามาให้สุภาก็ว่าดี
๏ ที่แพ้แก้ชนะไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดีไล่ด่าตีมีอาญา
๏ ที่ซื่อถือพระเจ้าว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธาว่าใบ้บ้าสาระยำ
๏ ภิกษุสะมะณะเล่าก็ละพระสธรรม
คาถาว่าลำนำไปเร่ร่ำทำเฉโก
๏ ไม่จำคำผู้ใหญ่ศีรษะไม้ใจโยโส
ที่ดีมีอะโขข้าขอโมทนาไป
๏ พาราสาวะถีใครไม่มีปราณีใคร
ดุดื้อถือแต่ใจที่ใครได้ใส่เอาพอ
๏ ผู้ที่มีฝีมือทำดุดื้อไม่ซื้อขอ
ใล่คว้าผ้าที่คออะไรล่อก็เอาไป
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนามิได้ว่าหมู่ข้าไทย
ถือน้ำร่ำเข้าไปแต่น้ำใจไม่นำพา
๏ หาได้ใครหาเอาไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผู้ที่มีอาญาไล่ตีด่าไม่ปราณี
๏ ผีป่ามากระทำมรณะกรรมชาวบูรี
น้ำป่าเข้าธานีก็ไม่มีที่อาไศรย
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนาหนีไปหาพาราไกล
ชีบาล่าลี้ไปไม่มีใครในธานี
             
ฉบัง ๑๖
๏ พระไชยสุริยาภูมีพาพระมเหษี
มาที่ในลำสำเภา
๏ เข้าปลาหาไปไม่เบานารีที่เยาว์
ก็เอาไปในเภตรา
๏ เถ้าแก่ชาวแม่แซ่มาเสนีเสนา
ก็มาในลำสำเภา
๏ ตีม้าฬ่อช่อใบใส่เสาวายุพยุเพลา
สำเภาก็ใช้ใบไป
๏ เภตรามาในน้ำไหลค่ำเช้าเปล่าใจ
ที่ในมหาวารี
๏ พะสุธาอาไศรยไม่มีราชานารี
อยู่ที่พระแกลแลดู
๏ ปลากะโห้โลมาราหูเหราปลาทู
มีอยู่ในน้ำคล่ำไป
๏ ราชาว้าเหว่หฤทัยวายุพาคลาไคล
มาในทะเลเอกา
๏ แลไปไม่ปะพะสุธาเปล่าใจนัยนา
โพล้เพล้เวลาราตรี
๏ ราชาว่าแก่เสนีใครรู้คะดี
วารีนี้เท่าใดนา
๏ ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชาว่าพระมหา
วารีนี้ไซ้ใหญ่โต
๏ ไหลมาแต่ในคอโคแผ่ไปใหญ่โต
มะโหฬาร์ล้ำน้ำไหล
๏ บาฬีมิได้แก้ไขข้าพเจ้าเข้าใจ
ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ามา
๏ ว่ามีพระยาสกุณาใหญ่โตมะโหฬาร์
กายาเท่าเขาคีรี
๏ ชื่อว่าพระยาสัมพาทีใครรู้คะดี
วารีนี้โตเท่าใด
๏ โยโสโผผาถาไปพอพระสุริไสย
จะใกล้โพล้เพล้เวลา
๏ แลไปไม่ปะพสุธาย่อท้อรอรา
ชีวาก็จะประลัย
๏ พอปลามาในน้ำไหลสกุณาถาไป
อาไศรยที่ศีร์ษะปลา
๏ ฉะแง้แลไปไกลตาจำของ้อปลา
ว่าขอษะมาอะไภย
๏ วารีที่เราจะไปใกล้หรือว่าไกล
ข้าไหว้จะขอมรคา
๏ ปลาว่าข้าเจ้าเยาวะภามิได้ไปมา
อาไศรยอยู่ต่อธรณี
๏ สกุณาอาไลยชีวีลาปลาจรลี
สู่ที่ภูผาอาไศรย
๏ ข้าเฝ้าเล่าแก่ภูวไนยพระเจ้าเข้าใจ
ฤไทยว้าเหว่เอกา
๏ จำไปในทะเลเวราพายุไหญ่มา
เภตราก็เหเซไป
๏ สมอก็เก่าเสาใบทะลุปรุไป
น้ำไหลเข้าลำสำเภา
๏ ผีน้ำซ้ำไต่ใบเสาเจ้ากำม์ซ้ำเอา
สำเภาระยำคว่ำไป
๏ ราชาคว้ามืออรไทยเอาผ้าสะไบ
ต่อไว้ไม่ไกลกายา
๏ เถ้าแก่เชาแม่เสนาน้ำเข้าหูตา
จระเข้เหราคร่าไป
๏ ราชานารีร่ำไรมีกำม์จำใจ
จำไปพอปะพะสุธา
๏ มีไม้ไทรใหญ่ใบหนาเข้าไปไสยา
เวลาพอค่ำรำไร
             

แม่กน

สุรางคนางค์ ๒๘
๏ ขึ้นใหม่ใน กน
ก กา ว่าปนระคนกันไป
เอ็นดูภูธรมานอนในไพร
มณฑลต้นไทรแทนไพชยนต์สถาน
๏ ส่วนสุมาลี
วันทาสามีเทวีอยู่งาน
เฝ้าอยู่ดูแลเหมือนแต่ก่อนกาล
ให้พระภูบาลสำราญวิญญา
๏ พระชวนนวลนอน
เข็ญใจไม้ขอนเหมือนหมอนแม่นา
ภูธรสอนมนต์ให้บ่นภาวนา
เย็นค่ำร่ำว่ากันป่าไภยพาล
๏ วันนั้นจันทร
มีดารากรเป็นบริวาร
เห็นสิ้นดินฟ้าในป่าท่าธาร
มาลีคลี่บานใบก้านอรชร
๏ เย็นฉ้ำน้ำฟ้า
ชื่นชะผะกาวายุพาขจร
สาระพันจันทน์อินรื่นกลิ่นเกสร
แตนต่อคลอร่อนว้าว่อนเวียนระวัน
๏ จันทราคลาเคลื่อน
กระเวนไพรไก่เถื่อนเตือนเพื่อนขานขัน
ปู่เจ้าเขาเขินกู่เกริ่นหากัน
สินธุพุลั่นครื้นครั่นหวั่นไหว
๏ พระฟื้นตื่นนอน
ไกลพระนครสะท้อนถอนฤไทย
เช้าตรู่สุริยนขึ้นพ้นเมรุไกร
มีกำม์จำไปในป่าอารัญ
             

แม่กง

ฉบัง ๑๖
๏ ขึ้นกงจงสำคัญทั้งกนปนกัน
รำพันมิ่งไม้ในดง
๏ ไกรกร่างยางยูงสูงระหงตะลิงปลิงปริงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง
๏ มะม่วงพวงพลองช้องนางหล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
๏ เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดินเหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
๏ เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียงเริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
๏ กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
๏ ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดังเพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
๏ กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียงพระยาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
๏ ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋งเพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
๏ ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิงค่างแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
๏ ป่าสูงยูงยางช้างโขลงอึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป
             

แม่กก

ยานี ๑๑
๏ ขึ้นกกตกทุกข์ยากแสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟกินผลไม้ได้เป็นแรง
๏ รอนรอนอ่อนอัษดงค์พระสุ่ริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดงแฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
๏ ลิงค่างครางโครกครอกฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
ชะนีวิเวกวอนนกหกร่อนนอนรังเรียง
๏ ลูกนกยกปีกป้องอ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
แม่นกปกปีกเคียงเลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
๏ ภูธรนอนเนินเขาเคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์
ตกยากจากศฤงฆารสงสารน้องหมองภักตรา
๏ ยากเย็นเห็นหน้าเจ้าสร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
อยู่วังดังจันทรามาหม่นหมองลอองนวล
๏ เพื่อนทุกข์ศุขโศกเศร้าจะรักเจ้าเฝ้าสงวน
มิ่งขวัญอย่ารันจวนนวลภักตร์น้องจะหมองศรี
๏ ชวนชื่นกลืนกล้ำกลิ่นมิรู้สิ้นกลิ่นมาลี
คลึงเคล้าเย้ายวนยีที่ทุกข์ร้อนหย่อนเย็นทรวง
             

แม่กด

ยานี ๑๑
๏ ขึ้นกดบทอัศจรรย์เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวงสัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
๏ แดนดินถิ่นมนุษย์เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรงโคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน
๏ บ้านช่องคลองเล็กใหญ่บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกนลุกโลดโผนโดนกันเอง
๏ พิณพาทย์ระนาดฆ้องตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวงโหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง
๏ ขุนนางต่างลุกวิ่งท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พัลวันดันตึงตังพลั้งพลัดตกหกคะเมน
๏ พระสงฆ์ลงจากกุฏิวิ่งอุตลุตฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถรลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
๏ พวกวัดพลัดเข้าบ้านล้านต่อล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอนลิงค่างโจนโผนหกหัน
๏ พวกผีที่ปั้นลูกติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกระริกกันปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
๏ สององค์ทรงสังวาสโลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนอกใจเดินไม่ได้ให้อาดูร
             

แม่กบ

ยานี ๑๑
๏ ขึ้นกบจบแม่กดพระดาบสบูชากูณฑ์
ผาสุกรุกขมูลพูนสวัสดิ์สัตถาวร
๏ ระงับหลับเนตรนิ่งเององค์อิงพิงสิงขร
เหมือนกับหลับสนิทนอนสังวรศีลอภิญญาณ
๏ บำเพ็งเล็งเห็นจบพื้นพิภพจบจักรวาล
สวรรค์ชั้นวิมานท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
๏ เข้าฌานนานนับเดือนไม่เขยื้อนเคลื่อนกายา
จำศีลกินวาตาเป็นผาสุกทุกเดือนปี
๏ วันนั้นครั้นเดินไหวเกิดเหตุใหญ่ในปฐพี
เล็งดูรู้คดีกาลกิณีสี่ประการ
๏ ประกอบชอบเป็นผิดกลับจริตผิดโบราณ
สามัญอันธพาลผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
๏ ลูกศิษย์คิดล้างครูลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกันลอบฆ่าฟันคือตัณหา
๏ โลภลาภบาปบ่คิดโจทย์ผิดริษยา
อุระพสุธาป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
๏ บรรดาสามัญสัตย์เกิดวิบัติปัตติปาปัง
ไตรยุคทุกขตะรังสังวัจฉระอวสาน
             

แม่กม

ฉบัง ๑๖
๏ ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์เอ็นดูภูบาล
ผู้ผ่านพาราสาวะถี
๏ ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนีกลอกกลับอัปรีย์
บูรีจึงล่มจมไป
๏ ประโยชน์จะโปรดภูวไนยนิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสสำเร็จเมตตา
๏ เปล่งเสียงเพียงพิณอินทราบอกข้อมรณา
คงมาวันหนึ่งถึงตน
๏ เบียฬเบียดเสียดส่อฉ้อฉลบาปกำม์นำตน
ไปทนทุกข์นับกัปกัลป์
๏ เมตตากรุณาสามัญจะได้ไปสวรรค์
เป็นศุขทุกวันหรรษา
๏ สมบัติสัตว์มนุษย์ครุฑากลอกกลับอัปรา
เทวาสมบัติชัชวาล
๏ ศุขเกษมเปรมปรดิ์วิมานอิ่มหนำสำราญ
ศฤงฆารห้อมล้อมพร้อมเพรียง
๏ กระจับปี่สีซอคลอเสียงขับรำจำเรียง
สำเนียงนางฟ้าน่าฟัง
๏ เดชะพระกุศลหนหลังสิ่งใดใจหวัง
ได้ดังมุ่งมาตรปรารถนา
๏ จริงนะประสกสีกาสวดมนต์ภาวนา
เบื้องน่าจะได้ไปสวรรค์
๏ จบเทศน์เสร็จคำรำพันพระองค์ทรงธรรม์
ดันดั้นเมฆาคลาไคล
             

แม่เกย

ฉบัง ๑๖
๏ ขึ้นเกยเลยกล่าวท้าวไทยฟังธรรมน้ำใจ
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ
๏ เห็นไภยในขันธสันดานตัวห่วงบ่วงมาร
สำราญสำเร็จเมตตา
๏ สององค์ทรงหนังพยัคฆาจัดจีบกลีบชะฎา
รักษาศีลถือฤาษี
๏ เช้าค่ำทำกิจพิธีกองกูณฑ์อัคคี
เป็นที่บูชาถาวร
๏ ปะถะพีเป็นที่บรรจฐรณ์เอนองค์ลงนอน
เหนือขอนเขนยเกยเศียร
๏ ค่ำเช้าเอากราดกวาดเตียนเหนื่อยยากพากเพียร
เรียนธรรมบำเพ็งเคร่งครัน
๏ สำเร็จเสร็จได้ไปสวรรค์เสวยศุขทุกวัน
นานนับกัปกัลป์พุทธันดร
๏ กุมราการุญสุนทรไว้หวังสั่งสอน
เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน
๏ ก ข ก กา ว่าเวียนหนูน้อยค่อยเพียร
อ่านเขียนผสมกมเกย
๏ ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ยไม้เรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
๏ หันหวดปวดแสบแปลบเสียวหยิกซ้ำซ้ำเขียว
อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจำ
๏ บอกไว้ให้ทราบบาปกรรมเรียงเรียบเทียบทำ
แนะนำให้เจ้าเอาบุญ
๏ เดชะพระมหาการุญใครเห็นเป็นคุณ
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอยฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว