จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ
ผู้แต่ง: พระยาอุปกิตศิลปสาร (แปลจาก An Elegy Written in a Country Churchyard ของ Thomas Gray)
บทประพันธ์
1
|
The Curfeu tolls the Knell of parting Day,
|
The lowing Herd winds slowly o'er the Lea,
|
The Plow-man homeward plods his weary Way,
|
And leaves the World to Darkness and to me.
|
|
๑.
|
วังเอ๋ยวังเวง
|
หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน
|
ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล
|
ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
|
ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ
|
ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
|
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล
|
และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียว เอย.
|
| | |
|
2
|
Now fades the glimmering Landscape on the Sight,
|
and all the Air a solemn Stillness holds,
|
Save where the Beetle wheels his droning Flight,
|
and drowsy Tinklings lull the distant Folds;
|
|
๒.
|
ยามเอ๋ยยามนี้
|
ปถพีมืดมัวทั่วสถาน
|
อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล
|
สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง
|
มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง!
|
เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง
|
คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะ ! เพียง
|
รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่ว เอย.
|
| | |
|
3
|
Save that from yonder ivy-mantled Tow'r
|
The moping Owl does to the Moon complain
|
Of such as, wand'ring near her secret Bow'r,
|
Molest her ancient solitary Reign.
|
|
๓.
|
นกเอ๋ยนกแสก
|
จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
|
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์
|
มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา
|
เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู
|
คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
|
ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา
|
ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมัน เอย.
|
| | |
|
4
|
Beneath those rugged Elms, that Yew-Tree's Shade,
|
Where heaves the Turf in many a mold'ring Heap,
|
Each in his narrow Cell for ever laid,
|
the rude Forefathers of the Hamlet sleep.
|
|
๔.
|
ต้นเอ๋ยต้นไทร
|
สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า
|
และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา
|
มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป
|
ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้
|
ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้
|
แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ
|
เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวัน เอย.
|
| | |
|
5
|
The breezy Call of incense-breathing Morn,
|
the Swallow twitt'ring from the Straw-built Shed,
|
The Cock's shrill Clarion, or the echoing Horn,
|
No more shall rouse them from their lowly Bed.
|
|
๕.
|
หมดเอ๋ยหมดห่วง
|
หมดดวงวิญญาณลาญสลาย
|
ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย
|
เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง
|
อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น
|
ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่าระเร้าเสียง
|
โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง
|
พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุก เอย.
|
| | |
|
6
|
For them no more the blazing Hearth shall burn,
|
Or busy Housewife ply her Evening Care'
|
No Children run to lisp their Sire's Return,
|
Or climb his Knees the envied Kiss to share
|
|
๖.
|
ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง
|
ยามหนาวผิงไฟล้อมอยู่พร้อมหน้า
|
ทิ้งเพื่อนยากแม่เหย้าหาข้าวปลา
|
ทุกเวลาเช้าเย็นเป็นนิรันดร์
|
ทิ้งทั้งหนูน้อยน้อยร่อยร่อยรับ
|
เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์
|
เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ
|
สารพันทอดทิ้งทุกสิ่ง เอย.
|
| | |
|
7
|
Oft did the Harvest to their sickle yield,
|
Their Furrow oft the stubborn Glebe has broke;
|
How jocund did they drive their Team afield!
|
How bow'd the Woods beneath their sturdy Stroke!
|
|
๗.
|
กองเอ๋ยกองข้าว
|
กองสูงราวโรงนายิ่งน่าใคร่
|
เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร
|
ใครเล่าไถคราดพื้นฟื้นแผ่นดิน
|
เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ
|
สำราญใจตามเขตประเทศถิ่น
|
ยึดหางยามยักไปตามใจจินต์
|
หางยามผินตามใจเพราะใคร เอย.
|
| | |
|
8
|
Let not Ambition mock their useful Toil,
|
Their homely Joys, and Destiny obscure;
|
Nor Grandeur hear with a disdainful Smile,
|
The short and simple Annals of the Poor.
|
|
๘.
|
ตัวเอ๋ยตัวทะยาน
|
อย่าบันดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน
|
ดูถูกกิจชาวนาสารพัน
|
และความครอบครองกันอันชื่นบาน
|
เขาเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด
|
มีปวัตติ์เป็นไปไม่วิตถาร
|
ขออย่าได้เย้ยเยาะพูดเราะราน
|
ดูหมิ่นการเป็นอยู่เพื่อนตู เอย.
|
| | |
|
9
|
The boast of Heraldry, the Pomp of Pow'r,
|
And all that Beauty, all that Wealth e'er gave,
|
Awaits alike th'inevitable hour.
|
The Paths of glory lead but to the Grave.
|
|
๙.
|
สกุลเอ๋ยสกุลสูง
|
ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี
|
อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์
|
ความงามนำให้มีไมตรีกัน
|
ความร่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่าง
|
เหล่านี้ต่างรอตายทำลายขันธ์
|
วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น
|
แต่ล้วนผันมาประจบหลุมศพ เอย.
|
| | |
|
10
|
Nor you, ye Proud, impute to these the Fault,
|
If Mem'ry o'er their Tomb no Trophies raise,
|
Where thro' the long-drawn aisle and fretted Vault
|
The pealing Anthem swells the Note of Praise.
|
|
๑๐.
|
ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง
|
เจ้าอย่าชิงติซากว่ายากไร้
|
เห็นจมดินน่าสลดระทดใจ
|
ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี
|
ไม่เหมือนอย่างบางศพญาติตบแต่ง
|
เครื่องแสดงเกียรติยศเลิศประเสริฐศรี
|
สร้างสานการบุญหนุนพลี
|
เป็นอนุสาวรีย์สง่า เอย.
|
| | |
|
11
|
Can storied Urn or animated Bust
|
Back to its Mansion call the fleeting Breath?
|
Can Honor's Voice provoke the silent Dust,
|
Or Flatt'ry soothe the dull cold ear of Death?
|
|
๑๑.
|
ที่เอ๋ยที่ระลึก
|
ถึงอธึกงามลบในภพพื้น
|
ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน
|
เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตาย
|
เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น
|
จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่าหมาย
|
ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วางวาย
|
ชูเกียรติญาติไปภายภาคหน้า เอย.
|
| | |
|
12
|
Perhaps in this neglected Spot is laid
|
Some Heart once pregnant with celestial Fire;
|
Hands that the Rod of Empire might have sway'd,
|
Or wak'd to Extacy the living Lyre.
|
|
๑๒.
|
ร่างเอ๋ยร่างกาย
|
ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม
|
อย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าที่ทราม
|
อาจขึ้นชื่อลือนามในก่อนไกล
|
อาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ
|
แห่งจอมภพจักรพรรดิกษัตริย์ใหญ่
|
ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย
|
ณ สมัยก่อนกาลบุราณ เอย.
|
| | |
|
13
|
But Knowledge to their Eyes her ample Page
|
Rich with the Spoils of Time did ne'er unroll;
|
Chill Penury repress'd their noble Rage,
|
And froze the genial Current of the Soul.
|
|
๑๓.
|
ความเอ๋ยความรู้
|
เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว
|
หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป
|
ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน
|
อันความยากหากให้ไร้ศึกษา
|
ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น
|
หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน
|
กระแสวิญญาณงันเพียงนั้น เอย.
|
| | |
|
14
|
Full many a Gem of purest Ray serene,
|
The dark unfathom'd Caves of Ocean bear:
|
Full many a Flower is born to blush unseen,
|
And waste its Sweetness on the desert Air.
|
|
๑๔.
|
ดวงเอ๋ยดวงมณี
|
มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา
|
หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา
|
ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน
|
บุปผชาติชูสีและมีกลิ่น
|
อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์
|
ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน
|
ย่อมบานหล่นเปล่าดายมากมาย เอย.
|
| | |
|
15
|
Some village-Hampden, that with dauntless Breast
|
The little Tyrant of his Fields withstood;
|
Some mute inglorious Milton here may rest,
|
Some Cromwell, guiltless of his Country's Blood.
|
|
๑๕.
|
ซากเอ๋ยซากศพ
|
อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ
|
เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ
|
กับหมู่ม่านมาประทุษอยุธยา
|
ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์
|
นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา
|
หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา
|
อาจจะมานอนจมถมดิน เอย.
|
| | |
|
16
|
Th' Applause of list'ning Senates to command,
|
The Threats of Pain and Ruin to despise,
|
To scatter Plenty o'er a smiling Land,
|
And read their Hist'ry in a Nation's Eyes.
|
|
๑๖.
|
คุณเอ๋ยคุณเหลือ
|
ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ
|
แน่วนับถือซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล
|
ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย
|
แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ
|
กษัตริย์ศาสน์แม้ชีวิตปลิดถวาย
|
ไว้ปวัตน์แก่ชาติญาตินิกาย
|
ได้อ่านภายหลังลือระบือ เอย.
|
| | |
|
17
|
Their lot forbad: nor circumscrib'd alone
|
Their growing Virtues, but their Crimes confin'd;
|
Forbade to wade through Slaughter to a Throne,
|
And shut the Gates of Mercy on Mankind.
|
|
๑๗.
|
ชาวเอ๋ยชาวนา
|
วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร
|
ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ
|
สองประการนี้แหละขวางทางคระไล
|
คือไม่ลุยเลือนั่งบรรลังก์ราช
|
นำพินาศนรชนพ้นนิสัย
|
แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป
|
ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐ เอย.
|
| | |
|
18
|
The struggling Pangs of conscious Truth to hide,
|
To quench the Blushes of ingenuous Shame,
|
Or heap the Shrine of Luxury and Pride
|
With Incense kindled at the Muse's Flame.
|
|
๑๘.
|
มักเอ๋ยมักใหญ่
|
ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย
|
อำพรางความจริงใจไม่แพร่งพราย
|
ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง
|
มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น
|
คือความฟูมฟายสินลิ้นโอหัง
|
ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง
|
เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตลบ เอย.
|
| | |
|
19
|
For from the madding Crowd's ignoble Strife,
|
Their sober Wishes never learn'd to stray:
|
Along the cool sequester'd Vale of Life
|
They kept the noiseless Tenor of their Way.
|
|
๑๙.
|
ห่างเอ๋ยห่างไกล
|
ห่างจากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา
|
แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา
|
ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป
|
เพื่อนรักษาความสราญฐานวิเวก
|
ร่มเชื้อเฉกหุบเขาลำเนาไศล
|
สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ
|
ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่า เอย.
|
| | |
|
20
|
Yet ev'n these Bones from Insult to protect
|
Some frail Memorial still erected nigh,
|
With uncouth Rhymes and shapeless Sculpture deck'd,
|
Implores the passing Tribute of a Sigh.
|
|
๒๐.
|
ศพเอ๋ยศพไพร่
|
ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน
|
ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน
|
ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ
|
ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ
|
ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์
|
พอเตือนใจได้บ้างในทางบุญ
|
เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวช เอย.
|
| | |
|
21
|
Their Name, their Years, spelt by th'unletter'd Muse,
|
The place of Fame and Elegy supply:
|
And many a holy Text around she strews,
|
That teach the rustic Moralist to dye.
|
|
๒๑.
|
ศพเอ๋ยศพสูง
|
เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานต์
|
จารึกคำสำนวนชวนสักการ
|
ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ
|
ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน
|
จากรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์
|
อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์
|
ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผี เอย.
|
| | |
|
22
|
For who to dumb Forgetfulness a Prey,
|
This pleasing anxious Being e'er resigned,
|
Left the warm Precincts of the cheerful Day,
|
Nor cast one longing ling'ring Look behind?
|
|
๒๒.
|
ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร
|
ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต
|
แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท
|
ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย
|
ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข
|
เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย
|
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย
|
โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัย เอย.
|
| | |
|
23
|
On some fond Breast the parting Soul relies,
|
Some pious Drops the closing Eye requires;
|
Ev'n from the Tomb the Voice of Nature cries,
|
Ev'n in our Ashes live their wonted Fires.
|
|
๒๓.
|
ดวงเอ๋ยดวงจิต
|
ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย
|
ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย
|
เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง
|
ละทิ้งถิ่นที่สำราญเบิกบานจิต
|
ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
|
หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง
|
ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำ เอย.
|
| | |
|
24
|
For thee, who mindful of th'unhonoured Dead
|
Dost in these lines their artless Tale relate;
|
If chance, by lonely Contemplation led,
|
Some kindred Spirit shall inquire thy Fate,
|
|
๒๔.
|
ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ
|
เมื่อยามลาญละพรากไปจากขันธ์
|
ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน
|
คล่าวน้ำตาต่างบรรณาการไป
|
ธรรมดาพาคะนึงไปถึงหลุม
|
หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้
|
คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ
|
ตามวิสัยธรรมดาเกิดมา เอย.
|
| | |
|
25
|
Haply some hoary-headed Swain may say,
|
Oft have we seen him at the Peep of Dawn
|
Brushing with hasty Steps the Dews away
|
To meet the Sun upon the upland Lawn.
|
|
๒๕.
|
ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ
|
ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์
|
รู้เรื่องราวจากป้ายจดลายลักษณ์
|
บางทีจักรำพึงคิดถึงตน
|
มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้
|
คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล
|
ปลงสังเวชวาบเสียวเหี่ยวกมล
|
เหมือนกับตนท่านบ้างกระมัง เอย.
|
| | |
|
26
|
There at the Foot of yonder nodding Beech
|
That wreathes its old fantastic Roots so high,
|
His listless Length at Noontide wou'd he stretch,
|
And pore upon the Brook that babbles by.
|
|
๒๖.
|
บางเอ๋ยบางที
|
อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย
|
รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย
|
จนตราบวายชีวาตม์อนาถใจ
|
อนิจจา! เห็นเขาเมื่อเช้าตรู่
|
ออกจากหมู่บ้านเดินสู่เนินใหญ่
|
ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล
|
ผิงแดดในยามเช้าหน้าหนาว เอย.
|
| | |
|
27
|
Hard by yon Wood, now smiling as in Scorn,
|
Mutt'ring his wayward Fancies he wou'd rove,
|
Now drooping, woeful wan, like one forlorn,
|
Or craz'd with Care, or cross'd in hopeless Love.
|
|
๒๗.
|
ต้นเอ๋ยต้นกร่าง
|
อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา
|
มีรากเขินเผินพ้นพสุธา
|
กลางวันเขาเคยมาผ่อนอารมณ์
|
นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น
|
ฟังคำรนวารีมี่ขรม
|
กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม
|
เขาเคยชมลำธารสำราญ เอย.
|
| | |
|
28
|
One Morn I miss'd him on the custom'd Hill,
|
Along the Heath, and near his fav'rite Tree;
|
Another came; nor yet beside the Rill,
|
Nor up the Lawn, nor at the Wood was he.
|
|
๒๘.
|
ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ
|
ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น
|
เขาเดินมาป่านี้ไม่กี่วัน
|
ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน
|
บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต
|
เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย
|
หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ
|
หรือคู่รักร้างไม่อาลัย เอย.
|
| | |
|
29
|
The next with Dirges due in sad Array
|
Slow thro' the Church-way Path we saw him born.
|
Approach and read (for thou can'st read) the Lay,
|
Grav'd on the Stone beneath yon aged Thorn.
|
|
๒๙.
|
ต่อเอ๋ยต่อมา
|
ณ เวลาวันใหม่มิได้เห็น
|
ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น
|
ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน
|
เห็นคนหนึ่งเดินไปใจว่าเขา
|
แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน
|
ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล
|
ทั้งไม่ผ่านป่าเล่าผิดเขา เอย.
|
| | |
|
30
|
There scatter'd oft, the earliest of the Year,
|
By Hands unseen, are Show'rs of Violets found:
|
The Red-breast loves to bill and warble there,
|
And little Footsteps lightly print the Ground.
|
|
๓๐.
|
ถัดเอ๋ยถัดมา
|
เห็นเขาพาศพไปใจสลด
|
เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด
|
ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย
|
ทำการศพตบแต่งที่ระลึก
|
มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้
|
อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป
|
ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่าน เอย.
|
| | |
|
THE EPITAPH
|
Here rests his Head upon the Lap of Earth
|
A Youth to Fortune and to Fame unknown:
|
Fair Science frown'd not on his humble Birth,
|
And Melancholy mark'd him for her own.
|
|
|
คำจารึก
|
ที่เอ๋ยที่นี้
|
อนุสาวรีย์ศรีสถาน
|
แห่งชายไม่ประจักษ์ศักดิ์ศฤงคาร
|
แม้สกุลคุณสารต่ำปานไร
|
ขอจงอย่าขึ้งเครียดรังเกียจเขา
|
ขอจงเคารพงามตามวิสัย
|
มัจจุราชรับพาเขาคลาไคล
|
ทิ้งร่างไว้ทวงเคารพผู้พบ เอย.
|
| | |
|
|
Large was his Bounty, and his Soul sincere,
|
Heav'n did a Recompence as largely send:
|
He gave to Mis'ry all he had, a Tear:
|
He gain'd from Heav'n ('twas all he wish'd) a Friend.
|
|
|
น้ำเอ๋ยน้ำใจ
|
ซึ่งเนาในร่างกายผู้ตายนี้
|
ล้วนสุภาพผ่องใสด้วยไมตรี
|
อีกโอบอ้อมอารีมีในคน
|
คุณนี้นำชำร่วยอวยสนอง
|
บำเหน็จมองมูนมากวิบากผล
|
คือห่วงใยยั่วหยัดอัสสุชล
|
จากฝูงคนผู้ใฝ่อาลัย เอย.
|
| | |
|
|
No farther seek his Merits to disclose,
|
Or draw his Frail ties from their dread Abode,
|
(There they alike in trembling Hope repose)
|
The Bosom of his Father and his God.
|
|
|
แต่เอ๋ยแต่นี้
|
เป็นหมดที่ใฝ่จิตริษยา
|
เป็นหมดที่อุปถัมภ์คิดนำพา
|
เป็นนับว่า อโหสิกรรม กัน
|
เขาจะมีดีชั่วติดตัวไป
|
เป็นวิสัยกรรมแต่งและแสร้งสรร
|
เรารู้ได้แต่ปวัตน์ปัจจุบัน
|
ซึ่งทิ้งอยู่คู่กันกับนาม เอย.
|
| | |
|
เชิงอรรถ
อ้างอิง
[1]