กนกนคร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 15:47, 6 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ

มีเพียงภาค ๑ ภาคเดียว

บทประพันธ์

ภาค ๑ บนฟ้า

๏ มาจะกล่าวบทไปถึงพญากมลมิตรฤทธิ์กล้า
กระเดื่องเลื่องชื่อฦาชาเลอศักดิ์รัษาสัตย์ทรง
ยิ่งใหญ่ในสกลคนธรรพ์ผองพรรณ์พึงพิศพิศวง
อาภรณ์อาภาอ่าองค์เพราพริ้งยิ่งยงทรงลักษณ์
เธอพร่ำทำพรตกฎกล้าบูชาพระศุลีมีศักดิ์
แรงเรี่ยวเชี่ยวฌานนานนักเพ่งพักตร์ภักดีศีวะ
แจ่มใจในพรตปลดบาปกำหราบโทโสโสโมหะ
ร้อยฉนำสำรวมโยคะแรงตบะบ่มรักภักดี ฯ
๏ เมื่อนั้นพระวิศเวศวรเรืองศรี
เอี่ยมอาสน์ไกลาสคีรีเอมอิทธิ์ทฤษฎีตรีภพ
แลเพ่งเล็งพิศทิศทศปรากฎทุกแหล่งแจ้งลบ
ส่วยเนตรทัศนาปรารภแลพบกมลมิตรจิตน้อม
บ่มตบะบำเพ็ญเห็นชัดบรรทัดธรรมบถอดผอม
โดยแบบดาบสพรตพร้อมหว่านล้อมน้ำใจในบุญ
มเหศวรหวนทรงสงสารชมฌานเชิดเนื่องเครื่องหนุน
หมายเอื้ออุปถัมภ์ค้ำคุณค้ำจุนจินตนาอารี
จึ่งเสด็จจากหล้าผาขาวดังดาวดูเด่นเพ็ญศรี
เอี่ยมองค์ทรงรูปโยคีศศีเสียบเผ้าเพราพราย ฯ
พระอิศวรตรัสแก่พระยาคนธรรพ์ว่า
๏ อ้าพญากมลมิตรจิตแผ้วคือแก้วก่องเกิดเฉิดฉาย
ไพบุลย์คุณธรรมกำจายชนหลายรู้เฟื่องเลื่องฟ้า
กอบกรรมทำกิจพิธีภักดีต่อเราเจ้าหล้า
จักให้พรเจ้าเรามาปรารถนาฉันไหนใคร่อวย
อยากได้อย่างใดให้ขออย่าท้อใจสะเทินเขินขวย
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ล้ำร่ำรวยอำนวยไม่ห้ามตามใจ ฯ
พญาคนธรรพทูลตอบว่า
๏ อ้าพระำธำรงคงคงพระคุณกรุณาหาไหน
ข้าบำเพ็ญบุญคุณมัยโดยใจจงรักภักดี
ใช่เลศเหตุใคร่ได้ลาภเอิบอาบอิทธิ์กล้ากว่ากี้
ขอคุณกรุณาปรานีข้าทาสบาทธุลีสืบไป
ให้นั่งตั้งจิตคิดรักอยู่หน้าสามิภักดิ์ใกล้ๆ
เท่านี้มีสุขปลุกใจแสนหมื่นอื่นไม่หมายดล ฯ
พระอิศวรตรัสว่า
๏ อ้าพญาคนธรรพ์บรรเจิดเชาว์เ้ชิดชูเฉลิมเพิ่มผล
เหมาะหมดพจมานบานมนจักถกลเกียรติ์ไกรใหญ่นัก
เรามีวาจาว่าไว้ว่าให้พรเธอเลอศักดิ์
จักขอเร่งขอข้อรักขอจักรจวบนัยใจปอง ฯ
พญาคนธรรพ์ทูลว่า
๏ ข้าแต่พระศศิเศขรอาทรอุปถัมภ์ล้ำผอง
พระหทัยใฝ่ม่งทรงปองโดยคลองการุณบุญมัย
ประโยชน์โปรดใหญ่ให้ข้าผู้ฝ่าบทศรีอดิศัย
ขอนางพางจันทร์ขวัญใจงามใสเนตรสองส่องฟ้า
เหมือนสีพระศอทรงศักดิ์เหมือนจันทร์อันปักเกศา
ได้แนบนงคราญกานดาภริยาเยาว์ยวนควรครอง
ยามพิศเนตรนางพางเห็นศัมภูผู้เป็นเจ้าของ
จักรื่นอารมณ์สมปองเพิ่มภักดิ์รักละอองบทมาลย์ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระศุลียินคำร่ำขาน
เห็นเรื่องเบื้องน่าช้านานทราบการณ์แน่หนักจักมี
ตรัสว่าอ้าเจ้าเมามันท์ซึ่งสรรภริยาอ่าศรี
แสงเนตรสีนิลรูจีรังสีเล่ห์แสงศศิธร
ส่อเข็ญเป็นภัยใหญ่หลายย่อมร้ายยิ่งฤทธิ์พิษศร
เร่งระวังตั้งตัวกลัวร้อนสังหรณ์เห็นเหตุเภทภัย
จงสมจิตหวังดังมาดไ่ป่คลาดบรรหารขานไข
ตรัสเสร็จเสด็จกลับฉับไววับไปจากหน้าคนธรรพ์ ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรปรีเปรมเหมหรรษ์
บังคมก้มราบกราบพลันคืนจากพนารัญทันที
อันความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหน้าตาซีดซัวมัวศรี
เหตุเพราะทรมานนานปีในที่มัวหม่นมลทิน
เดชะพระอิศวรทรงยศเคลื่อนกายหายปลดหมดสิ้น
เรืองรองผ่องพักตร์เพียงอินทร์อื่นสิ้นไป่เปรียบเทียบทัน ฯ
๏ คืนสู่นิเวศน์วิจิตรโศภิตพรายแสงแสร้งสรร
คิดโฉมชายาลาวัลย์ศรีจันทร์คือศรีนัยนา
เคร่าใคร่ได้เคลียเมียมิ่งนั่งนิ่งเหิมหรรษ์ฝันหา
ป่วนใจใฝ่่ขวัญกันดานึำกหน้านวลใยใคร่ยล ฯ
๏ หยุดนั่งยั้งนอนห่อนได้วนไปเวียนมาสับสน
ออกห่างปรางคำอำพนเดินด้นสู่สวนมาลี ฯ
๏ เห็นนางนวลศรีมีโฉมดังโสมส่องหล้าราศรี
เนาเรือเหนือสรัสปัทมีตรณี่จันทร์นวลชวนชม
พายเงินงามเงาเพราพรายนวลฉายยึดด้ามงามสม
เรือน้อยลอยน้ำขำคมบัวฉมชูล้อมห้อมเรือ
งามน้ำงามนางกลางชลงามกุมุทอุตบลล้ำเหลือ
สะโรชนงรามงามเจืองามเรือลอยน้ำอำไพ
พิศรูปเพลินลักษณ์ศักดิ์ศรีงามฉวีคือชวาน่าใคร่
นวลนงค์องค์ลอองยองใยรูปลไมแลลม่อมพร้อมเพรา
คิดเจ้าคือจันทร์ครรพิตงอนจริตงามแจร่มแช่ลมเฉลา
เสมอเสมือนเดือนเด่นเพ็ญเพราน่าพเ่น้าพนอน้อมออมองค์ ฯ
๏ เล็งโฉมโลมนางห่างนุชไกลสุดกลางสระระหง
ใคร่เคล้าคลึงขวัญบรรจงเอื้อมห่อนถึงองค์นงลักษณ์
นางเหลืองนัยนามาแลคือแขส่องสรวงดวงจักษุ์
สบเนตรนางยิ้มพริ้มพักตร์ยั่วรักยิ่งเร่งใจร้อน
เพศเนตรนวลนางกลางสินธุ์คือนิลสีศอมหิศร
แสงศอแสงโฉมศศิธรในเนตรบังอรรวมพร้อม ฯ
๏ โฉมเฉลารูปเย้าใจยวนหวนหอม
ได้น้องแนบกายหมายออกมจักถนอมใจสนิทชิดเชื้อ
เนตรนางอย่างนั้นมั่นใจพระศุลีอวยให้แก่เผือ
เชิญเจ้าจากสระละเรือนิ่มเนื้อแน่งน้อยกลอยใจ
วันนี้พี่เฝ้าพระศิวะได้ชมเดชะอดิศัย
ศอนิลปิ่นจันทร์พรรณ์ไรจำได้ในเนตรนางน้อง
เจ้าจงมีใจใสสุขปราศทุกข์ปลดทิ้งสิ่งหมอง
ผิวน้ำผ่อง่ล้ำลำยองหวังครอบเวียนเคล้าเมารัก
อุ่นแนบแอบเนื้อเหนือหมอนปัจถรณ์แท่นคำจำหลัก
บรรเทิงเริงรมย์ชมพักตร์พิศรักพี่ร้อนห่อนคลาย
อีกข้อขอถามนามนางสำอางเอี่ยมองค์ทรงฉาย
อย่าอิดจิตเอื้อนเบือนอายเคืองคายขุ่นข้องหมองใจ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางอนุศยินีศรีใส
สู่ฝั่งบังคมทูลไปข้าไซร้เป็นข้าบทมาลย์
นามอนุศยินีมีจิตมานิตภูวนัยใสศานติ์
เคารพนบน้อมจอมปราณภูบาลกรุณาปรานี ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรเรืองรงค์ทรงศรี
เปรมใจได้แน่งนารีดังศุลีอวยอัตถ์ตรัสไว้
แย้มหยิ่มอิ่มในใจสุดเชยนุชชวนน้องผ่องใส
สู่มนเฑียรทองยองใยหฤทัยบรรเทิงเริมรมย์ ฯ
๏ อุ้มนางวางแนบแอบน้องกรคล้อมกายคลึงสึงสม
ก่ายกุมจุมพิตชิดชมเกลียวกลมคลอเคล้าเมากาม
เกี่ยวกวัดรัดรึงคลึงเคล้นเหิมเห็นซึ่งสวรรค์ชั้นสาม
ฉมชื่นรื่นรสนงรามในยามสิงสมรมณีย์ ฯ
๏ สองผาสุกทุกเมื่อแนบเนื้อนวลน้องผ่องศรี
เนาเินินไกลาศคีรีปวงภัยไป่มีมาพ้อง ฯ
๏ ฝ่ายพญากมลมิตรจิตชื่นเริงรื่นอารมณ์สมสอง
เย็นเช้าเฝ้าสงวนนวลน้องปกป้องรักษาอาทร
เผอเรอเย่อหยิึ่งยิ่งยวดโอ่อวดออกชื่อลือฉ่อน
นงแสนแน่นสรวงปวงอรนางอมรนางมนุษย์สุดแม้น
เมียเราเพราพรายฉายเฉิดล้ำเลิศองค์อื่นหมื่นแสน
สาวสวรรค์ชั้นสิ้นดินแดนไป่แม้นเมียข้าลาวัลย์
เนตรนางอย่างศอมหิศรฤารชนีกรเฉิดฉัน
เนตรไหนไป่เปรียบเทียบทันเนตรนางพางจันทร์รูจี
่นางในไตรภพจบชั้นมาแข่งขันน้องต้องหนี
เมียท่านเมียใครไหนดีหาเช่นโฉมศรีสุดค้น ฯ
๏ เที่ยวอวดเที่ยวโอ้โอหังใครฟังหมั่นไส้ทุกหน
กำเริบเอิบในใจตนใครยลย่อมสิ้นยินดี ฯ
๏ วันหนึ่งสากลย์คนธรรพ์พร้อมกันสังคีตดีดสี
เป็นที่เหิมเหมเปรมปรีต่างมีสุขล้ำสำราญ
บางองค์ทรงรำทำเพลงบังคลบรรเลงศัพท์สาร
บรรเทิงเริงรื่นชื่นบานในวารอิ่มเอมเปรมใจ ฯ
๏ ฝ่ายพญากมลมิตรจิตโอ่มาถึงซึ่งสโมสรใหญ่
รีบเฉลยเอ่ยนามทรามวัยอวยนัยะนานารี
เกิดกล่าวเป็นปากเป็นเสียงโต้เถียงดันดึงอึงมี่
อันนางอนุศยินีงามดียิ่งใครในภพ
ใครกล้ามาแกล้งแข่งบ้างคือนางองค์ไหนใคร่สบ
เนตรนางพางจันทร์พัลลภไตรภพห่อนเปรียบเทียบน้อง
ใครพิศพิศวงนงนุชศรีสุทธิ์แสงใสไร้สอง
แจ่มเจิดเลิศล้ำลำยองเนตรน้องคมขำอำไพ ฯ
๏ เมื่่อนั้นเพื่อนพญาคนธรรพ์หมั่นไส้
ยิ้มเยาะเคาะคัดขัดไปโรคในโลกนี้มียา
พอแก้พอไขได้บ้างแยบอย่างเยื้องยักรักษา
งูกัดรัดรึงตรึงตรากลัดกล้าเพราะฤทธิ์พิษเร้า
ยังหาโอสถปลดได้มีมากรากไม้ใบเถา
แรงฤทธิ์ปลิดพลันบรรเทางูเห่าพิษร้อนผ่อนร้าย
แต่ชายอันพิษความสวยกัดนั้นจักป่วยห่อนหาย
โรครักโรคหลงทรงกายจักคลายความร้อนห่อนมี
ท่านจงแจ้งใจไว้บ้างอันนางภริยาอ่าศรี
นัยนาทาครามงามดีรังสีคือจันทร์ขวัญตา
ตางามตามจิตคิดเถิดงามเลิศแลเพ็ญเช่นว่า
แต่องค์นงคราญกานดาใช่ตาทั้งองค์นงลักษณ์
ภาคอื่นดื่นอยู่ดูบ้างแก้มคางโฉมยงทรงศักดิ์
นาสิกเกศาน่ารักพร้อมพรักแน่แล้วฤาไร
เราอ้างนางหนึ่งพึงชมเพราะผมเพ็ญทองผ่องใส
อีกนางร่างจมูกถูกใจไฉไลแลรับกับพักตร์
บางนางงามเหลือเมื่อนิ่งบางหญิงหัวเราะเพราะหนัก
อีกองค์ทรงศรีดีนักนางหนึ่งพึงรักรูปทรง
บางนางสอางเอวอ้อนแอ้นอีกองค์ควบแขนแสนส่ง
หนึ่งความงามจริตติดองค์ใครเห็นเป็นมงคลตา
จักว่างามเนตรงามยิ่งกว่าหญิงซึ่งงามนาสา
ฤานางเสียงหวานกานดางามกว่านางอื่นหมื่นพัน
นงรามงามเกล้าเผ้าดกจักยกว่ายิ่งสิ่งสรรพ์
ฤาความงามแก้มงามกรรณงามกว่าอื่นนั้นฉันใด
ต่างนางต่างงามยามยวนต่างนางต่างนวลแจ่มใจ
จักว่าใครงามกว่าใครข้าไม่เห็นด้วยทั้งนั้น ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรคิดขุ่นหุนหัน
เนตรขวางพลางตอบคำพลันพูดเล่นเช่นนั้นป่วยการ
ความงามสามภพจบสิ้นทุกถิ่นทิพาศัยไพศาล
ประมวลถ้วนไซร้ไป่ปานเนตรเจ้าเยามาลย์เมียตู
นางไหนใครกล้ามาขันจักอั้นหัวหดอดสู
โฉมศรีโสภาน่าดูใครรู้จักความงามจริง
ย่อมว่าหาใครใม่เปรียบเทียบเนตรนงรามงามยิ่ง
เพราะเขลาเจ้าหาญค้านติงไป่กริ่งกล่าวคำสำนวน ฯ
๏ เมื่อนั้นเพื่อนพญาคนธรรพ์พลันสรวล
ความงามหลามหลากมากล้วนตั้งขบวนเป็นแห่แลลาน
งามนวลงามเนตรงามหน้าล้วนเป็นวาจาของท่าน
อาจมีคำขัดทัดทานหาพยานยืนปากยากล้น
ความงามอันเกิดแต่ปากแห่งผัวพูดมากร้อยหน
ห่อนมีหลักค้ำคำคนปวงชนไป่เชื่อเบื่อใจ ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรติดอกหมกไหม้
สูอย่าเยาะเย้ยไยไพเจ้าไซร้ตาบอดสอดรู้
หยิ่งแล้วยังแถมแกมโง่พูดโป้พูดปดอดสู
อันเนตรนงรามงามตรูใครดูย่ิมพะวงหลงเพลิน
อย่าว่าแต่ชายสามานย์แม้มุนีมีฌานหาญเหิน
บ่มตละน่าเบื่อเหลือเกินจำเริญโยคะละกาม
เป็นที่หวาดหวั่นพรั่นจิตวาสพรุสฤทธิ์คิดขาม
จึ่งจัดอัจฉราวายามกวนกามกอบกรรมทำลาย
ยียวนชวนชื่นรื่นรสเพื่อพรตหล่นแหลกแตกหาย
ไปสมประสงค์จงร้ายสิ้นหมายหมดวายามะ
แม้นให้ภริยาข้ายั่วคงขรัวฌานแตกแหลกหละ
เหลือทั้นเหลืออดลดละโยคะจักดับฉับพลัน
ทนเนตรบังอรห่อนได้เราไม่กล่าวแกล้งแสร้งสรร
โฉมศรีโศภาลาวัลย์ดวงจันทร์คือดวงนัยนา ฯ
๏ เมื่อนั้นเพื่อนพญาคนธรรพ์หรรษา
ตบหัตถ์ตรัสตอบวาจาไม่ช้าได้เล่นเห็นจริง
ที่ใกล้ไหล่เขาเรานี้โยคีพรตกล้ามาสิง
เชี่ยวฌานนานไม่ไหวติงปราศสิ่งยั่วยวนชวนชัก
ท่านใคร่สำแดงวนิดาจงเชิญกัลยาณิ์ทรงศักดิ์
สู่ไหล่คีรีที่พักเยื้องยักยั่วเย้าโยคี
เชิงยวนชวนให้เธอหลงน้ยนานวลนงทรงศรี
แม้นนางล้างกิจพิธีของมหามุนีได้จริง
จึ่งจักประจักษ์หลักอ้างว่านางงามปลอดยอดหญิง
เราไซร้ไป่หาญค้านตึงทุกสิ่งนอบน้อมยอมตาม ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรเจ็บช้ำคำหยาม
ฤาคิดรอบคอบตอบความในยามหันหุนขุ่นใจ
ท่านท้าข้าไซร้ไป่พรันอันนางพางจันทร์แจ่มใส
อาจล้างพิธีชีไพรแน่ได้ดังจิตคิดเจียว
เราปองลองเล่นเช่นท้าใจข้าไป่พรั่นหวั่นเสียว
ดวงเนตรโฉมยงองค์เดียวอาจเหนี่ยวพรตโง่โยคี
ให้ตบะหล่นแหลกแตกทิ้งห่อนนิ่งอยู่ได้ในที่
จักเกิดเสียวสันทันทีราคีกำหนัดกลัดใจ
แม้นมิสมหวังดังว่าเศียรข้าจักบั่นหั่นให้
เป็นเครื่องบูชาตราไว้ที่ในแม่น้ำคงคา ฯ
๏ เมื่อนั้นเพื่อนพญาคนธรรพ์พลันว่า
อย่าชล่ากล้าเล่นเจรจาพูดบ้าบุ่มไปไป่ดี
จักตัดเศียรเซ่นเช่นว่าเธอใช่พระมหาฤาษี
ทรงนามทักษะโยคีพระประชาบดีเดชิต
เศียรขาดแล้วมีมาเปลี่ยนเศียรท่านใช่เศียรนักสิทธิ์
หัวขาดจักขาดชีวิตจักติดหัวใหม่ได้ฤา
พูดพลางหัวเราะเยาะเย้ยท่านเอยอุตส่าห์อย่าดื้อ
เราว่าจงฟังยั้งมือผ่อนปรือคืนคำจำไว้ ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรหันหุนมุ่นไหม้
จากชุมนุมพลันทันใดรีบไปยังองค์ชายา ฯ
๏ พบนางกลางสวนยวนจิตยิ่งพิศผูกพันหรรษา
เสาวภาคโศภิตติดตานัยนาคมขำล้ำลบ
แจ่มลักษณ์จิ้มลิ้มริมสระปัทมะคันธินกลิ่นกลบ
ฤาษีชีไพรในภพแลสบเนตรน้องต้องรัก ฯ
๏ พิศนางพลางกล่าววาจาดูราโฉมยงทรงศักดิ์
มีชายใจพาลหาญนักลบหลู่นงลักษ์เลิศฟ้า
กล่าว่าถ้าเจ้าเพราพริ้งเลิศยิ่งนางใดในหล้า
เชิญองค์นงคราญกานดายังไหล่ภูผาข้างโน้น
ยวนองค์โยคีมีฌานให้ร่านรุมในใจโผน
ร้อนราคราวไฟไหม้โชนเอนโอนโยคะละทิ้ง
แม้นนางทำได้ประจักษ์จักว่านงลักษณ์ยอดหญิง
น่าแค้นคำเขาเขลาจริงค้านติงความงามทรามวัย
พี่ท้าว่าองค์นงลักษณ์จักให้ประจักษ์จนได้
แม้นไม่ได้ดังหวังใจพี่ไซร้จักตัดเศียรตู
ทิ้งในแม่น้ำคงคาบูชาเพื่อปลดอดสู
ขอเชิญนางน้องลองดูค้ำชูขอท้าวาที
ใช้เนตรโฉมยงทรงฉายทำลายพรตดื้อฤาษี
ให้สมศรัทธาสามีดังที่ได้กล่าวท้าไว้ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางอนุศยินีศรีใส
ยินตรัสขัดอกตกใจหฤทัยหวาดหวั่นพรั่นทรวง
อ้ำอึ้งตลึงแลแดลาญเยาวมาลย์ทุกข์เท่าเขาหลวง
อึดอัดขัดเข้มเต็มตวงพักตร์เผือดเดือดดวงแดร้อน ฯ
นางอนุศยินีกล่าวว่า
๏ ข้าแต่พระปิ่นปราเณศทรงเดชจงยั้งฟังก่อน
เกรงผิดจิตข้าอาวรณ์โทษกรณ์ก่อนเกิดกองร้าย
บาปนักจักล่อนักธรรมเพื่อดาบสกรรมรส่ำรสาย
เธอบำเพ็ญบุญหนุนกายมั่นหมายกุศลผลดี
แม้นเรานอกรีดกีดขวางมุ่งร้ายหมายล้างฤาษี
ทางดีที่ได้ไป่มีอัคคีลวกเราเี่ร่าร้อน
บาปกรรมทำทุกข์แม่นมั่นโทษทัณฑ์เราเขือเหลือถอน
กริ่งภัยใจข้าอาวรณ์ช้าก่อนจงฟังยั้งคิด ฯ
๏ วอนพลางนางเพ่งเล็งพักตร์เหตุรักให้ร้อนถอนจิต
เพียงเพลิงเริงไล่ใกล้ชิดยิ่งคิดยิ่งคร้ามขามนัก
วาจาบังอรวอนว่านัยนาดูองค์ทรงศักดิ์
พจน์นางแพ้เนตร์นงลักษณ์ยิ่งชมยิ่งชักให้ร้าย
กมลมิตรพิศเนตรนวลนุชแสนสุดใจรักฤาหาย
ห่อนยินวาทาธิบายชมเนตรโฉมฉายเพลินไป
ยิ่งนึกยิ่งแน่ในจิตนักสิทธิ์ไป่ทรงองค์ได้
ตาเพ็ญเช่นนั้นมั่นใจอาจพร่าพรตให้เอนเอียง
นางวอนห่อนเป็นประโยชน์เพราะเนตรนงโพธเธอเถียง
ไป่ยั้งฟังคำสำเนียงบ่ายเบี่ยงว่าวอนอ่อนใจ ฯ
๏ สามีมิฟังดังว่ากัลยาณิ์พรึงพรั่นหวั่นไหว
ข่อนๆ ร้อนตัวกลัวภัยหฤทัยนิ่งนึกตรึกตรอง
ความจริงในใจใคร่รู้ยั่วดูแต่สองต่อสอง
นักสิทธิ์คงใคร่ในคลองรดิกรรมทำนองทางใน
เรางามยิ่งสามโลกกว้างอาจล้างดาบสพรตใหญ่
จักสิทธิ์สมหวังดังใจฤาไม่สำเร็จอยากรู้
ใคร่ทราบก็เหลือจะใคร่อายใจก็เหลืออดสู
กริ่งโทษเทียมไฟใหม้ภูโฉมตรูลังเลหฤทัย ฯ
๏ เธอวอนทรามวัยใจตื้นนางขืนคำวอนห่อนไหว
จูงกรพากันครรไลมุ่งหน้ามาในไพรพน
แลหาดาบสพรตกล้าแทบใกล้ไหล่ผาปลายหน
พบโยคียงทรงตนอานนนิ่งแน่แลนาน
คือหลักปักไว้ไป่เคลื่อนแม่นเหมือนต้นไม้ไพศาล
ฝูงปลวกทำรังยังปราณสำราญอยู่รอบโยคิน
หนวดเธอทอดไปในพนปลิวไปในหนบนหิน
ผมขาวยาวเฟื้อยเลื้อยดินมุนินทร์ห่อนไหวใจกาย
กิ้งก่าเพศหญิงวิ่งหนีบนตัวฤาษีซ่อนหาย
กิ้งก่าเพศชายไล่กรายเร่รายตัวหญิงวิ่งล้อ
ดาบสอดแดแน่นิ่งมันวิ่งบนกายสอสอ
ฌานเพ่งฤาพลั้งรั้งรอเหมือนตอปักไว้ในดิน
ลืมเนตรแลไปในหาวจักษุใสขาวคือหิน
ไป่เห็นอันใดในดินไป่ยินอันใดในฟ้า ฯ
๏ สององค์ทรงเห็นนักสิทธิ์ให้คิดเคลือบแคลงแสยงสยบ
ไตร่ตรองถ่องท้วนทวนทบคือคบเพลิงเร้าเผาแรง
เปี่ยมฌานปานนั้นพรั่นนักทรงศักดิ์เลิศล้ำคำแหง
จะยั่วโยคะระแวงเรี่ยวแรงบาปกรณ์ร้อนร้าย
สงสัยใจตรึกนึกพรั่นโทษทัณฑ์จักมากหลากหลาย
กอบก่อกองกรรมทำลายจักสลายสุขสันต์มั่นคง ฯ
๏ ฝ่ายพญากมลมิตรพิศนางพิศพลางพิสมัยใหลหลง
บังเกิดกำเริบเอิบองค์นัยนาโฉมยงเช่นนี้
มุ่งร้ายหมายมาน่าจะสำเร็จเด็ดตบะฤาษี
คิดแค้นคำท้าวาทียิ่งมีจำนงปลงใจ
ชี้เชิญชายามารศรียุวดีลำยองผ่องใส
อัญเชิญโฉมเจ้าเข้าไปล่อให้เห็นองค์นงเยาว์
เชิงชวนยวนยั่วโยคะดาบสปลดตละเพราะเจ้า
พี่จักแฝงไม้ในเงาอยู่เฝ้าใฝ่ยั้งฟังดู ฯ
๏ สองกรทรงกอดยอดรักจุมพิตชิดพักตร์ในผลู
เกี่ยวกวัดรัดโลมโฉมตรูเหมือนคู่จักร้างห่างนาน ฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุโลจนากล้าหาญ
ห่อนขัดภัสดาว่าวานเยาวมาลย์มุ่งเย้าเข้าไป
ยืนตรับยับยั้งสังเกตเห็นเนตรลืมอยู่ดูใส
มุ่งเขม็งเล็งแลแต่ไกลปราศไหวน่าหวั่นพรั่นจริง
เข้าไปใกล้หน้าดาบสทรงพรตแข็งขืนยืนนิ่ง
จักยั่วจักยวนชวนอิงห่อนทิ้งโยคะละลด
เธอบงนงรามทรามวัยฤาไม่ก็ไม่ปรากฎ
นางเยาะเฉพาะพักตร์นักพรตช้อยชดเชิงชวนยวนยี ฯ
๏ เมื่อนั้นปาปะนาศน์มหาฤาษี
ทรงฌานนานยืนหมื่นปีไป่มีใครกล้ามากราย
ลืมเนตรห่อนเห็นอันใดกรรณ์ไซร้ห่อนฟังทั้งหลาย
โยคะยิ่งล้ำกำจายกระสับกระส่ายฤามี ฯ
๏ อันเมื่อโฉมยงทรงฉายมุ่งร้ายต่อตบะฤาษี
องค์พระปาปะนาศน์มุนีสำรวมอินทรีย์นิ่งนาน
รู้สึกมายามายวนทบทวนทำนองปองผลาญ
โยคีมีใจรำคาญเหตุการกลใดใคร่แล
น้อยๆ ค่อยรู้สึกตนเห็นนางโศภณเพ็ญแข
นัยนานิลนวลยวนแดยิ่งแลยิ่งล้ำอำไพ
ท่วงทีท่าทางอย่างล้อใครหนอน่าชิดพิสมัย
นักสิทธิ์คิดหลายหฤทัยเหตุใดมาเพ่งเล็งพิศ
แม่นมั่นปัญญาฌานะโยคะเคร่งครัดชัดจิต
ทราบเหตุเลศกลต้นคิดมันกวนชวนชิดทั้งนี้
มุ่งร้ายหมายผลาญฌานกูสู่รู้จังไรใช่ที่
กำเริบมาเล่นเห็นดีมุนีเธอข:-)นัยนา ฯ
๏ อันนางอนุศยินีเห็นเนตรโยคีซ้ายขวา
เขียวเขม็งเล็งดูกานดาประุหม่ามุ่นอกตกใจ
หวาดหวั่นพรั่นทรวงดวงจิตสุดคิดจักทรงองค์ได้
เซซวนซุดสลบซบไปล้มในพนารัญทันที ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรเห็นเมียเสียศรี
วิ่งไปใกล้องค์มุนีโอบอุ้มยุวดีชายา
กอดทับกับฤทัยไหวหวั่นองค์สั่นบนแผ่นภูผา
ริกรัวกลัวกรรมนำพาเกรงเดชพระมหามุนี ฯ
๏ เมื่อนั้นปาปะนาศน์มหาฤาษี
รู้เรื่องเคืองใจโยคีจึ่งมีวาจาสาปไป ฯ
ฤาษีสาบว่า
๏ ดูราเมียผัวตัวเอิบกำเริบใจบาปหยาบใหญ่
อันเนตรนงรามทรามวัยจักได้รับผลบัดนี้
นางยั่วโยคะละเมิดจงเกิดเป็นมานุษี
กมลมิตรผู้พญาสามีเห็นดีรู้ด้วยช่วยกัน
จงมีกำเนิดมานุษผ่องผุดเพ็ญลักษณ์รังสรรค์
สองมุ่งใจสมัครรักกันให้พลันเริศร้างห่างไป
รันทมกรมกรรมทำงนล้างตนในห้วงทุกข์ใหญ่
จนสิ้นบาปกรรมทำไว้จึ่งให้สิ้นสาปหลาบจำ ฯ
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรพิศเนตรนางขำ
เจ็บหนักจักจากตรากตรำคราวกรรมจำร้างห่างน้อง
ยิ่งพิศภริยอาดูรยิ่งพูนทุกข์ทนหม่นหมอง
ก้มวอนกรไหว้ใจตรองพลางสนองวาจาว่าไป ฯ
กมลมิตรกล่าวแก่ฤาษีว่า
๏ ข้าแต่พระมหามุนีข้านี้ทำบาปหยาบใหญ่
ลวนลามความผิดติดใจหฤทัยหวาดหวั่นรันทด
ผ่อนโทษโปรดเถิดโยคีจงสาปให้มีกำหนด
รู้เขตคำแช่งแบ่งลดเปลื้องปลดทุกข์น้อยถอยไป ฯ
๏ เมื่อนั้นปาปะนาศน์บรรหารขานไข
ซึ่งเจ้าเนาเข็ญเห็นภัยคิดใคร่คืนสองครองกัน
จักสมโดยหวังดังใจโดยนัยที่เราสาปสรร
เมื่อใดได้ทลวงจ้วงฟันจวบจ้ำห้ำหั่นกันลง
เมื่อนั้นกำหนดปลดบาปสิ้นสาปไป่คลาดมาดม่ง
กล่าวพลางดาบสพรตยงเธอสำรวมองค์องค์ต่อไป
๏ เมื่อนั้นกมลมิตรจิตสั่นหวั่นไหว
พิศเนตรนงรามทรามวัยอรไทยพิศหน้าสามี
นางใคร่จำพักตร์ภรรดาเธอใคร่จำหน้ามารศรี
จักพรากจากพลันทันทีสองมีใจเศร้าเปล่าทรวง ฯ
๏ ตกจากฟากฟ้ามาดินพลัดถิ่นอาศัยในสรวง
พึงหลาบบาปเขือเหลือตวงผาหลวงสูงใหญ่ไป่ปาน ฯ
๏ นางเข้าสู่ครรภ์มหิษีพระนาธิบดีใสศานติ์
ทรงนามชัยทัตภูบาลตระการเรียรติ์องค์ทรงยศ
ครองอินทิราลัยไกรเกรียงสำเนียงฦาชาปรากฎ
ปราศปัจจามิตรคิดคดยงยศเยงสิ้นดินดอน ฯ
๏ กมลมิตรสู่ครรภ์มหิษีพระนราธิบดีชาญศร
ทรงนามธรรมราชภูธรเธอครองนครอละกา
ไพรีเข็ดนามขามยศปรากฎเดชเดื่องเลื่องหล้า
สำราญบานใจไพร่ฟ้าทั่วหน้าสุขเกษมเปรมปรี ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระมเหศวรเรืองศรี
เนาอาสน์ไกลาศคีรีเป็นที่อิ่มเอมเปรมตา
พิศเพ่งเล็งดูรู้แจ้งทุกแหล่งในสวรรค์ชั้นหล้า
เห็นพญาคนธรรพ์ภรรดาชายายุพยงนงคราญ
ตกจากฟากฟ้ามาดินทิ้งถิ่นทิพาศัยไพศาล
ทราบแจ้งแห่งเหตุเภทพาลเกิดทุกข์รุกรานปานนั้น
นิ่งนึกตรึกตรองคลองธรรมโทษกรรมเกิดก่อส่อศัลย์
เพราะเหตุเนตรนางพางจันทร์เช่นกันกับสีศอเรา
โดยละเมิดเกิดกอบกองทุกข์เพลิงลุกร้อนยิ่งผิงเผา
อันกายโฉมยงนงเยาว์ยังเนาในสวรรค์ชั้นฟ้า
นางไซร้ไปเกิดในดินกรุงอินทราลัยใต้หล้า
เราจักอุปถัมภ์นำพารักษาทรากใส่ใจจำ
เหตุศรีแห่งศอเราไซร้แบ่งส่วนไปในเนตรขำ
จักทอดทิ้งทรากตรากตรำห่างหายหลายฉนำฤาควร
อันพญาคนธรรพ์นั้นไซร้หฤทัยซวนเซเหหวน
พูดพล่อยเสเพลเรรวนปั่นป่วนเพราะเราเข้าเจือ
ศรีจันทร์ศรีศอศรีศยามในเนตรนงรามงามเหลือ
เธอเห็นสาวน้อยลอยเรือห่อนเบื่อนัียนาบ้าฟุ้ง
คิดไปไม่เป็นความผิดแห่งพญากมลมิตรจิตยุ่ง
ฤทธิ์อนงค์หลงใหลไคล้คลุ้งควรเราเข้าพยุงเธอไว้ ฯ
๏ ตรึกพลางพระมหาเทวะโดยพระกรุณาธยาศัย
หยิบดอกอัมพุชอำไพพลางปักลงไว้ในดิน
กลายเป็นเกาะนัอยลอยอยู่แลดูสำอางกลางสินธ์
มีเมืองเรืองแข่งแหล่งอินทร์โศภินไพจิตรพิศพราย
ปราสาทราชฐานกาญจน์แก้วเพริศแพร้วจำรัสเรืองฉาย
ห่อนมีชนใดใกล้กรายเมืองหม้ายอยู่ร้างกลางชล ฯ
๏ จัดเสร็จพระอิศวรทรงเดชปล่อยเหตุให้เกิดเป็นผล
กมลมิตรกันน้องสองตนอนุสนธิ์คำสาปมุนี ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

[1]

เครื่องมือส่วนตัว