เพลงยาวคุณพุ่มà¹à¸•à¹ˆà¸‡à¹€à¸‰à¸¥à¸´à¸¡à¸žà¸£à¸°à¹€à¸à¸µà¸¢à¸£à¸•à¸´
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 08:42, 25 เมษายน 2554 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: คุณพุ่ม
บทประพันธ์
๏ กระหม่อมขอยอพระเดชมเหศวร | |||
สมเด็จพระจอมโมเลศเกศนิกร | ละนครคืนสถิตดุสิดา | ||
พฤหัสบดิ์บัณรสีที่เสด็จ | เดือนสิบเอ็ดอุโบสถหมดวสา | ||
ยามหนึ่งยกหกนิมิตดวงลิดา | ยังดาราพฤหัสบดิ์สวัสดี | ||
เข้าเคียงช่วงดวงริมเรือนรถ | เห็นปรากฏเกิดลางทางดิถี | ||
พระจันทร์หมองท้องฟ้าเมื่อราตรี | ก็เศร้าศรีแสงสงบในนภา | ||
หนึ่งคำลืออื้อฉาวว่าดาวหาง | ขึ้นมาทางเบื้องบูรพ์ทิศา | ||
แลสว่างหางยาวราวสักวา | ดาวพระราหูสถิตข้างทิศมิน | ||
ดูเด่นดวงช่วงโชติปราโมทย์เมฆ | เรืองดิเรกรัศมีศรีกสิณ | ||
เท่าอาทิตย์พิศพร่างเหมือนอย่างนิล | วันจะสิ้นซึ่งพระชนม์จึงบนฟ้า | ||
แสดงลางอย่างสมเด็จสรรเพชญ์พุทธ | สั่งมนุษย์นรชาติศาสนา | ||
โดยพระพงศ์โพธิสัตว์ฉัตรสุธา | ตั้งเมตตาต่ออำมาตย์ราษฎร | ||
จะหายห่างร้างบุรินทร์ไปสิ้นชื่น | พระยศยืนอยู่ในลักษณ์อักษร | ||
บางพวกเห็นเช่นกันกับจันทร | ขึ้นซับซ้อนแสงศรีฉวีวรรณ | ||
เหมือนดอกไม้ไฟพะเนียงมาเรียงตั้ง | ตรงที่นั่งทัศนัยสุทไธสวรรย์ | ||
ตรงแถวถัดวัดนิเวศเชตุวัน | เขาโจษกันเห็นพระราชปราสาททอง | ||
ผุดขึ้นในนภาเพลาบ่าย | เมฆปั้นสายแสงเลือดเผือดผยอง | ||
มหาธนูพู่กันเป็นครรลอง | ขึ้นจับท้องฟ้าชิดทิศอุดร | ||
ด้วยเทพไทในโลกเธอโศกศัลย์ | ทั้งเบื้องบรรพ์บุญฤทธิ์อดิศร | ||
อุกาบาตหยาดฟ้านภาพร | ตกจันทรโอภาสพระราชวัง | ||
ประธุมเกตุเกิดครันควันตระหลบ | เมื่อจวนพลบโพล้เพล้คะเนหวัง | ||
ทรงประชวรจวนจะค่ำย่ำระฆัง | มีรับสั่งกษัตราสมาพระ | ||
เป็นมคธพจนารถศาสนา | ทางอนุสาสนีวิสาสะ | ||
ครั้งทรงเพศเนษขำสำมณะ | ได้ทรงพระสัตยาบัญชาการ | ||
ว่าถ้าทรงอาสัญวันพฤหัส | โดยพิบัติเดือนสิบเอ็ดเสร็จวสาน | ||
มิให้ขาดอุโบสถทศญาณ | ได้ทรงตรัสอธิษฐานนานฉะนี้ | ||
เสร็จสิกขาลาพรตยศกษัตริย์ | ผ่านสมบัติบำรุงการกรุงศรี | ||
มีโรคันรันทำมายำยี | ให้อินทรีย์เวทนาเป็นอารัมณ์ | ||
ในอายัตนะฉันขันธ์ทั้งห้า | เห็นวิญญาธาตุทนไม่พ้นค่ำ | ||
ล้วนเป็นพระอนัตตาสังขารธรรม | หนึ่งเล่าลำบากสัตว์ไม่อัศจรรย์ | ||
ย่อมมีทั่วตัวตนทุกคนผู้ | บรรดาผู้ที่รักษาสังขารขันธ์ | ||
มีการตายรายตัวไปทั่วกัน | ชั้นผมฟันเล็บขนไม่พ้นตาย | ||
ซึ่งรับสั่งหวังทรงอุโบสถ | ขอประณตน้อมจิตอุทิศถวาย | ||
วาจาใจไว้ต่างพระร่างกาย | มีจิตหมายเหมือนหวังว่าดังนั้น | ||
ขอชินบุตรธรรมยุตอนุญาต | ให้พระราชโทษาบัญชาฉัน | ||
พระศรีสุนทรจดพจน์รำพัน | เป็นอนันต์อานิสงส์ทรงดำเนิน | ||
ทางสัมมาปณิธิสติยุด | หน่วงเอาพุทธสรณังสั่งรเสริญ | ||
ทำวิปัสสนาธรรมให้จำเริญ | วาโยเชิญชวนพระหฤทัย | ||
ทรงรักษาหาที่วิถีมุติ | ภวังคจุติดุสิตสมัย | ||
เป็นธรรมเนียมของมนุษย์สมุทรไทย | ธาตุลมไฟน้ำนิราศเคลื่อนคลาดกัน | ||
แต่พระจอมธรณินทร์ปิ่นมงกุฎ | เป็นที่สุดยังต้องวายทำลายขันธ์ | ||
ละพระราชนัคเรศขอบเขตคัน | ที่ในวันคุรุวารนิคาลัย | ||
พระสงฆ์สวดอุโบสถหมดทุกวัด | เหมือนจะนัดนำจิตพิสมัย | ||
ให้เหาะเหินเพลินพระหฤทัย | เสด็จไปดุสิดาเมื่อราตรี | ||
ทิวาสัญวันสรงพระศพเสร็จ | ทรงโกศเพชรผ่านพระราชปราสาทศรี | ||
สมเด็จพระจอมโมเลศธเรศตรี | ละบุรีกรุงเทพทวารา | ||
ทิ้งสนมพระบรมโอรส | ให้กำสรดโศกสร้อยละห้อยหา | ||
สละหมดทวยทศโยธา | ละฎีกาหมายประกาศราษฎร | ||
หนีขุนนางร้างนิราศพระศาสนา | เคยเปรมปราด้วยพระเดชมเหศร | ||
ทิ้งคุณจอมหม่อมเถ้าแก่แม่ละคร | ให้อาวรณ์ถึงพระเดชเทวษทวี | ||
เคยร่มเกล้าเช้าค่ำประจำเกศ | ดังสุริเยศส่องสัตว์จำรัสศรี | ||
มาหายห่างร้างฟ้าสุธาตรี | ทำพระปรีดาขันธ์วันนิพพาน ฯ | ||
๏ ที่พากเพียรเขียนข้อยอพระยศ | ให้ปรากฏกฤษดาภินิหาร | ||
จงยืนอยู่คู่ฟ้าสุธาธาร | เปรียบประมาณเหมือนพระยศทษฐคา | ||
มณีนาถบาทบงสุ์ชีวงคต | นั่นเทวราชเรืองยศเอารถา | ||
มารับองค์แล้วพระทรงเสี่ยงมาลา | ให้วงศาเห็นทั่วทุกตัวกัน | ||
นี่ก็ไม่ปรากฏรถดุสิต | แต่นิมิตลางหลากมากมหันต์ | ||
ที่ปฐมเจดีย์คิรีอรัญ | มีเทวัญจากรุกขราวไพร | ||
มาสิงสาวชาวดอนมอญผู้หญิง | แล้วหวีดวิ่งลงมาหาช้าไม่ | ||
ถึงพระสุธรรมไมตรีพลางดีใจ | จึงแจ้งไขว่าข้าสุรารักษ์ | ||
สถิตสถานพระปฐมบรมธาตุ | ได้รับราชการบุญจุลจักร | ||
เห็นประชวรจวนหนักหนาเทพารักษ์ | มาพร้อมพักตร์พลางพากันคลาไคล | ||
ไปเยี่ยมพระจอมเกล้าเจ้านิเวศน์ | ในยามเศษกรุงกษัตริย์ทรงตัดษัย | ||
เทวดามาแน่นแห่แหนไป | ท่านนั่งในแท่นลอยพระวอทอง | ||
สุกอร่ามงามครันกุดั่นเด่น | แล้วก็เป็นวิมานใหญ่ไม่สิบสอง | ||
ประดับแก้วแพรวพรายลายลำยอง | ไปสู่ห้องเวหาเมื่อราตรี | ||
แลละลิ่วปลิวเมฆดูเอกเอี่ยม | ผยองเยี่ยมหยาดฟ้าในราศี | ||
ท่านแห่แหนแน่นนันไปฉันนี้ | เราก็หมีได้เฝ้าเจ้าสุธา | ||
เทพนำคำข่าวเล่าแถลง | อย่าคลางแคลงเทวบุตรไม่มุสา | ||
พระสุธรรมนำสุนทรอมรมา | ถวายฝ่าบทรัชกษัตริย์ชี | ||
คือพระองค์ทรงศีลชินเพศ | วัดนิเวศน์กรมบวรรังสี | ||
ชินบุตรพุทธรัตน์สวัสดี | ทำพระปรีดาประดิษฐ์คิดแสดง | ||
จอมหาในได้อ่านมาวานฉัน | สมกตัญญูหวังดังแสวง | ||
เดิมก็นึกจะประณตจดจัดแจง | แต่ระแวงวาสนาไม่กล้าทำ | ||
เหมือนมีผู้ชูชี้มณีชัด | วิเชียรรัตน์วัชราเลขาขำ | ||
ก็แต่งต่อยอพระเดชแทนเทศน์ธรรม | ด้วยถ้อยคำคัดคิดกิจคุณ ฯ | ||
๏ พระปรเมนทร์โมลิศอดิศร | ผ่านนครขัตติเยศวิเศษสุนทร์ | ||
เสวยสวรรยาธิปัติทัสคุณ | เมื่อปีกุนตรีนิศกดิลกลบ | ||
ทรงสถิตกฤษดาภินิหาร | จนชนมานม้วยหมดจดประจบ | ||
มะโรงสัมฤทธิ์สำหรับนับพอครบ | ผ่านพิภพเป็นสุขนับสิบแปดปี | ||
มีพระหน่อสุริยวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ในเอกฉัตรอยู่ยกหกสิบสี่ | ||
ทั้งประสูติองค์สุดพระบุตรี | เดือนห้าปี่มะเส็งสันต์วันอังคาร | ||
พระนงนุชสุดพระหน่อลออโฉม | อยู่ในกระโจมเจียมพระองค์น่าสงสาร | ||
ไม่ทันกราบบงกชบทมาลย์ | สมเด็จพระผ่านจุลาเกล้าเอาธุระ | ||
เป็นพระคุณจุลเจิมเฉลิมหล้า | พระวงศาสร่างเศร้าเบาอุระ | ||
ที่โศกสร้อยค่อยเปลื้องประเทืองปะทะ | ก็เพราะพระเดชาบารมี | ||
ควรจะจดหมายเหตุเทวษหวัง | องค์ทีหลังลงในกลอนอักษรศรี | ||
จงเจริญชนมายุบารมี | ในพระศรีสุดสุดาสถาวร ฯ | ||
๏ ข้าพเจ้าเล่าเป็นข้าฝ่าพระบาท | ธรรมิกราชบพิตรอดิสร | ||
คือพระนั่งเกล้ากษัตริย์ฉัตรนคร | โปรดบิดรลือดังทั้งแผ่นดิน | ||
ทรงเลี้ยงเราเข้าระยะที่พระแสง | ต้องจัดแจงจดพระเดชเทวษถวิล | ||
เอากตัญญูปัญญาทาแผ่นดิน | ช่วยเพิ่มภิญโญพระบารมี | ||
สมุดแท่นแผ่นเพชรเจ็ดกะรัต | ประจงจัดจดกลอนอักษรศรี | ||
สมเด็จพระนั่งเกล้ากษัตริย์ปัถพี | ไว้เป็นที่โสมนัสมัสการ | ||
ด้วยพระองค์ทรงเลี้ยงไว้เพียงบุตร | เป็นสุขสุดสมบัติพัสถาน | ||
ถึงพลั้งผิดปลิดโปรดโทษประทาน | เหตุด้วยการสุจริตของบิดา | ||
คือถือมั่นกตัญญูชูพระเดช | รักษาเขตคลังสมบัติมนัสสา | ||
ไม่ฉ้อหลวงล่วงพระราชอาญา | ทำเงินตราขึ้นไว้ในแผ่นดิน | ||
สมพักศรบ่อนเบี้ยคิดเกลี้ยกล่อม | รู้เก็บหอมรอบรับซึ่งทรัพย์สิน | ||
เดิมกรุงเก่าเล่าวิบัติปัถพิน | เป็นราคินครั้งพม่ามักมากวน | ||
สมบัติกรุงยุ่งยับนับอเนก | อภิเษกกษัตรารักษาสงวน | ||
ประชาชนจนเซยังเรรวน | การเรือกสวนสมพักศรต้องผ่อนปรน | ||
สืบสยามสามทั้งพระนั่งเกล้า | เป็นจอมเจ้าจักรพรรดิบำเพ็ญผล | ||
ประชาชีมีทั่วทุกตัวคน | ได้ลาภผลพฤกษาเนื้อนาปรัง | ||
ถึงสุธาหากินถิ่นประเทศ | คุ้มภัยเพศโจรขโมยได้โดยหวัง | ||
ท่านบิดาราชมนตรีว่าที่คลัง | จึงแต่งตั้งเจียสัวตัวอากร | ||
ให้เงินหลวงตวงเติมเฉลิมฉลาด | ฉลองบาทบพิตรอดิศร | ||
คลังสมบัติวัฒนาสถาวร | พระนครบริบูรณ์จำรูญรักษ์ | ||
เป็นบุรุษสุจริตสนิทนารถ | เฉลิมบาทคู่บุญจุลจักร | ||
รู้ถ่ายเทเสน่หาสามิภักดิ์ | บำรุงรักษาสมบัติขัตติยา | ||
กตัญญูต่อมรดก | แบ่งฉบกให้กับบุตรที่สุดสา | ||
พิภักดิ์ต่อยอดพระเดชกระเกษตรา | พระนั่งเกล้าเจ้าสุธาประเทศไทย | ||
ที่ทรงพระกฤษดาบารเมศ | บุญเขตขัตติยาสุธาไหว | ||
สร้างพระราชกุศลขนครรไล | โปรดสิ่งไรไม่ทัดเท่าศรัทธา | ||
จนดินน้ำกัมปนาทธาตุกระสิณ | พื้นแผ่นดินดังจะร้อนแซ่ซ้องสา | ||
ธุการดั่งสั่งรเสริญกษัตรา | แต่ปราบดาเบ็ดเสร็จไหวเจ็ดครั้ง | ||
ทรงสถาปนาการวิหารหลวง | ทุกกระทรวงเสร็จสมอารมณ์หวัง | ||
ที่ชำรุดทรุดสลักหายหักพัง | ถึงกระทั่งหกสิบห้าพระอาราม | ||
ทรงศรัทธากล้าหาญตัดการเล่น | ของรำเต้นต่างต่างอย่างสยาม | ||
ไม่กำหนัดครัดเคร่งเบงญกาม | ประพฤติตามทศธรรมทิ้งฉันทา | ||
พระธรณินยินน้ำษิโณทก | ที่ต้องตกตามคลองแซ่ซ้องสา | ||
ไหวกระทั่งฝั่งสมุทรอยุธยา | เสร็จนิคาลัยลับลำดับวงศ์ | ||
ขึ้นค่ำจันทร์วันสุดตรุษเดือนห้า | ทรงสมาชินบุตรสมมุติสงฆ์ | ||
โดยบาญชีสี่พันสิบเจ็ดองค์ | ล้วนแต่ทรงศีลขันธ์ในสันดาน | ||
ถวายสงฆ์องค์ละยี่สิบบาท | ทุกอาวาสวัดหลวงกระทรวงสถาน | ||
ทรงเลื่อมใสไขคลังสังฆทาน | เงินประมาณแปดหมื่นชื่นหทัย | ||
กับเศษสามร้อยมีสี่สิบบาท | ทรงพระราชอุทิศพิสมัย | ||
โสมนัสในพระรัตนตรัย | สืบวิสัยสัปรุษพุทธพงศ์ | ||
แผ่นดินเย็นเช่นน้ำอัมฤตย์ | บาทบพิตรโพธิสัตว์สลัดหลง | ||
ทรงอนุญาตราชสมบัติจังหวัดวง | สั่งเจาะจงในพระจอมกระหม่อมวัด | ||
เสร็จสวรรค์ครรไลไว้พระยศ | ยิ่งด้วยทศทางธรรมล้ำกษัตริย์ | ||
ทรงบำรุงกรุงสยามอารามรัตน์ | งามนิเวศน์เขตวัดปัฏิมา | ||
พระเจ้าหลวงล่วงเลยเสวยสวรรค์ | สามยามจันทร์ขึ้นค่ำในเดือนห้า | ||
สมเด็จพระจอมจักรพาฬผ่านสุธา | บรมราชาภิเษกเสวกวงศ์ | ||
ขุนนางนำธรณินทร์แผ่นดินถวาย | กิจกฎหมายพรหมศักดิ์โดยประสงค์ | ||
สืบเยี่ยงอย่างปางกิจบพิตรพงศ์ | ซึ่งดำรงนัคเรศเขตสุธา | ||
การมงคลบนแผ่นดินทั้งพิณพาทย์ | ประดับดาษดอกดวงพวงบุปผา | ||
ตามประทีปทุกสถานบ้านพระยา | เป็นโกหาหลล้นบนแผ่นดิน | ||
สมเด็จพระจอมจัดการผ่านสมบัติ | บำรุงสัตว์สมหวังดังถวิล | ||
โกหาหลบนสุธาฟ้าแลดิน | นิเวศน์อินทร์อัปสรอมรแมน | ||
เทพบุตรจุติจากดุสิตสวรรค์ | ลงสู่ครรภ์อัคเรศวิเศษแสน | ||
จอมสตรีมีสมบัติไม่ขัดแคลน | เกินปึกแผ่นภูมิฐานบ้านเมืองดี | ||
เป็นโกลาหะลังในครั้งสาม | กับเมื่อความสวรรคตจดเป็นสี่ | ||
ควรจะชมพระบรมบารมี | ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนะ ฯ | ||
๏ เราอาศัยในแผ่นดินนรินทร์ฤทธิ์ | ประกอบกิจการรักอักขระ | ||
ฉลาดเฉลิมเสริมพระยศจดระยะ | สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดิน | ||
เป็นยอดอย่างปางกษัตริย์ฉัตรเฉลิม | บำเพ็ญเพิ่มบารมีทวีถวิล | ||
บำรุงใจไพร่ฟ้าไม่ราคิน | คือตัดสินความเมืองไม่เยื้องยัก | ||
พระเป็นครูผู้สอนสรรพสัตว์ | จงได้จัดจดไว้ให้ประจักษ์ | ||
ทรงชวนชนสู้สถลกุศลมรรค | คือให้รักษาศีลมุนินทร | ||
เมื่อพระองค์ทรงบรรพชาเพศ | ประเทืองเทศน์ธรรมทานเป็นการสอน | ||
กับศิษย์สงฆ์ที่ในวงศ์วัดบวร | โดยสุนทรธรรมะพระวินัย | ||
ทรงซึ่งพระปกติอุโบสถ | เอากำหนดเป็นแน่ในแก้ไข | ||
ตามปฏิทินทำสารัมภ์ไทย | เป็นสมัยปักขณนาว่าวันพระ | ||
สัปรุษในพระพุทธศาสนา | รู้มคธพจนาวิสาสะ | ||
สัตวืเลื่อมใสได้สำนักมัคคธะ | ก็เพราะพระจอมเกศเทศน์ประทาน | ||
อนึ่งอุบาสิกาศรัทธาเที่ยง | รู้หลีกเลี่ยงโลภลาภทราบสังขาร | ||
แต่หลังหลังฟังเรื่องเบื้องโบราณ | ประกอบการศาสนาก็ถาวร | ||
แต่ไม่สู้โด่งดังเหมือนครั้งนี้ | พระบารมีเมตตาศึกษาสอน | ||
สงฆ์สมมุติมีวิสุทธิสังวร | ได้นามกรธรรมยุติสุดปรีชา | ||
ห่มแหวกคลุมอุ้มบาตรราดคต | ชิโนรสงดงามตามภาษา | ||
หนึ่งโปร่งปรุแม่อุบาสิกา | รู้พูดจามคธบทบาลี | ||
สวดกงเต๊กเจ๊กแตทำแซยิด | พระทรงคิดค้นกุศลวิถี | ||
บรรดาเห็นเป็นประโยชน์โทษไม่มี | ทรงเปรมปรีดิ์โปรดปราให้ถาวร | ||
พระผู้ริรสทางสร้างกุศล | เป็นมงคลขัตติเยศวิเศษสอน | ||
ครั้นลาพรตทรงทศสุธาธร | เป็นจอมเกล้าเจ้านิกรเกศจุฬา | ||
ก็ทรงธรรมกรุณาประชานารถ | ตรัสประภาษไปทุกตัวถ้วนทั่วหน้า | ||
เสร็จประทับรับรายถวายฎีกา | ออกสุธาไอศวรรย์ทุกวันพระ | ||
ด้วยกุศลผลบุญการุญราษฎร์ | ทรงสามารถให้เห็นเป็นทิฎฐะ | ||
เทวดามาแสดงแจ้งธุระ | ก็เพราะพระกรุณังจึงบังเอิญ | ||
ให้อารักษ์รุกขมูลอาดูลยเดช | แสดงเหตุโดยดังสั่งรเสริฐ | ||
ว่าเทวัญหรรษาบูชาเชิญ | ระเห็จเหินเวหานภาลัย | ||
ไปชมชั้นสวรรยางค์สุรางค์รื่น | กว่าหมื่นแสนโกฎิ์ล้านควานไสว | ||
ตั้งเครื่องทิพสุธาพวงมาลัย | เพลินพระทัยในสถานพิมานทอง | ||
ทุกกระทรวงห่วงใยอาลัยบาท | มิได้ขาดชลเนตรเทวษหมอง | ||
ควรที่จักหักอารมณ์อย่าตรมตรอง | ท่านไปครองเขตคันสวรรยา | ||
เชยสุรางค์นางวัชิราราช | ที่ปรางค์มาศเมืองสวรรค์แสนหรรษา | ||
ทีจะปลื้มลืมมนุษย์อยุธยา | ด้วยนางฟ้างามงดหมดทุกคน | ||
๏ ฉันแจ้งความตามเทวรันทด | อย่ากำสรดอุตส่าห์สร้างทางกุศล | ||
ปลงสังเวชเขตขัณฑ์หมั่นสวดมนต์ | บำเพ็ญผลภาวนาเมตตาทาน | ||
ถวายหวังสั่งความตามอุทิศ | ประจงจิตแจงจัดอธิษฐาน | ||
พระธรณีที่อ้างอย่างพยาน | ให้นำการบุญก้มบังคมทูล | ||
จึงจะเห็นเป็นผู้รู้พระเดช | ของพระมิ่งโมเลศมเหศร์สูร | ||
ให้สุขทรวงตวงเติมช่วยเพิ่มพูน | ทรงสมบูรณ์เกินสมบัติสุทัศน์ไท | ||
อย่าหวนห่วงทรวงตรมระทมระทด | วิสัยยศย่อมไม่เที่ยงสำเนียงไหน | ||
จนแล้วมีดีแล้วชั่วทั่วกันไป | แต่น้ำไหลเต็มฝั่งแล้วยังลด | ||
สุริยันจันทราดารากาศ | ก็ลีลาศคล้อยเคลื่อนเขยื้อนขยด | ||
ลับพระเมรุเวรุวรรณบรรพต | อยู่บนรถทองเที่ยวหลักเลี้ยวลัด | ||
ย่อมผัดผันหันเหียนวนเวียนวุ่น | บุญต่อบุญผลัดใบเหมือนไม้ดัด | ||
คุณก็มีปัญญาสารพัด | อย่าโทมนัสหนักนักจงหักราน | ||
อันพระจอมฉัตรชัยเจ้าไตรภพ | ดิลกลบล้ำหล้าสุธาสถาน | ||
เมื่อถึงที่แล้วต้องหนีราชการ | ไปวิมานเมืองฟ้าสุราลัย | ||
เหมือนวิโยคโศกเศร้าเล่าไม่เที่ยง | ในรูปเสียงกลิ่นรสที่สดใส | ||
บางทีทุกข์สุขสบายแล้วหายไป | เป็นวิสัยสัตว์ทั่วทุกตัวคน ฯ | ||
๏ ฉันจัดแจงแต่งกลอนสุนทรทด | ยอพระยศอยู่สิ้นฟ้าดินฝน | ||
ด้วยพระเดชเกศทศมณฑล | มีเหลือล้นอยู่กับข้าฝ่าละออง | ||
ครั้งถวายสักวาฎีกาแก้ | ตรงหน้าแพเพิ่มพูนทูลฉลอง | ||
ทรงพระการุญรับประคับประคอง | ได้ฉลองบาทบงสุ์พระโองการ | ||
ได้ทรงรสพจนารถประภาษทัก | เหมือนยศศักดิ์ใหญ่โตรโหฐาน | ||
เสร็จล่วงลับดับพระชนมาน | จึงคิดการกราบก้มบังคมคัล | ||
เมื่อพระองค์ทรงพิภพจากครรภะ | ก็วันพฤหัสบดิ์สิบห้าหน้าวสันต์ | ||
เสร็จนิราศธาตุลมปฐมกัลป์ | ประฉิมวันสวรรคตหมดราคิน | ||
พฤหัสบดิ์เหมือนเดือนเสด็จเสร็จวสา | รุ่งขึ้นวันถวายผ้าหน้ากฐิน | ||
สมเด็จพระจอมโมเลศเกศแผ่นดิน | มีอภิญญายศปรากฏเกิน | ||
ทำพระกฤษดาการผ่านสมบัติ | ทุกจังหวัดเวียงวังสังรเสริญ | ||
พระเป็นผู้รู้รอบชักชอบเชิญ | ทรงดำเนินโดยมนุษย์บุรุษธรรม | ||
ทรงรู้จักอักขรฝ่ายฝรั่ง | เป็นพระคลังไตรเพททุกเขตขัณฑ์ | ||
ทราบภาษาอักษรมอญรามัญ | เสวยสวรรยาเพ่งบำเพ็งทาน | ||
ทุกเขตแดนแสนสวาทบาทบพิตร | จนอังกฤษพระรุชาสุธาสถาน | ||
คือทวีปเซ็นตอรอบริวาร | พรมแดนด้านโดยนครอุดรกา | ||
โรที่เคียงเวียงวังฝรั่งเศส | พุทธเกตอเมริกันคั่นมหา | ||
รณพน้ำตำบลชลชลา | ข้ามสุธากรุงไทยไปไกลครัน | ||
โดยปัญญาบารมินนรินทร์ฤทธิ์ | บาทบพิตรภูวเรศครองเขตขัณฑ์ | ||
แผ่ไมตรีมีพระทัยรักใคร่กัน | จนกำปั่นกลไฟได้ไปมา | ||
คือแผ่นดินปิ่นสมมุติอยุธเยศ | อดุลยเดชดวงกษัตริย์มนัสสา | ||
เป็นเมืองมิตรกับพระวิศตอริยา | ไทยสุธาชื่นแช่มแจ่มจำเริญ | ||
ธรรมเนียมในไตรจักรเป็นหลักไหล | สืบวิสัยฝรั่งสังรเสริญ | ||
ถ้าถึงวันบรรณรัสอัฐมี | ก็พาทีถึงพระเดชเทศนา | ||
ทั้งนี้เพราะพระองค์ได้ทรงสอน | สถาวรอยู่จนขาดพระศาสนา | ||
แสนสาธุแม่อุบาสิกา | เป็นมหามหัศอัศจรรย์ ฯ | ||
๏ ข้าพเจ้าเล่าที่แต่งจัดแจงจด | ยอพระยศอย่างยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ | ||
ด้วยเข้าใจได้สังเตฟังเทศน์ธรรม์ | เห็นเบื้องบรรพ์บารเมศเจษฎา | ||
ที่พระองค์ทรงจำพระธรรมเที่ยง | ไม่ทุ่มเถียงทุกขังแลสังขาร์ | ||
เป็นจีตะปัตติวิปัสสนา | ถึงทิพปากระสิณอภิญญาณ | ||
จึงเขียนคำรำพันอัญขยม | เป็นปฐมมติยะอธิษฐาน | ||
ให้ดำรงแทนพงศาวดาร | แม้นใครอ่านอักขราจงถาวร | ||
ด้วยฝรั่งอังกฤษชนิดนอก | เขามักออกหนังสือถืออักษร | ||
ถ้าการดีผู้ใดในนคร | ที่ถาวรเกียรติยศเขาจดไว้ | ||
ข้าพเจ้าเล่าเป็นผู้รู้ดำริ | มีคติแต่งกลอนอักษรได้ | ||
เกณฑ์หนังสือลือเลื่องทั้งเมืองไทย | อาศัยในธรณินทร์นรินทร | ||
เห็นมหัศจรรย์สวรรคต | จึงได้จดให้ประจักษ์เป็นอักษร | ||
ด้วยคิดถึงซึ่งพระเดชเกศนิกร | เคยฝึกสอนเป็นข้ามาแต่ครั้ง | ||
เสด็จอยู่จัดจ่ายถวายของ | ได้ฉลองพระคุณเกณฑ์บุญมั่ง | ||
แรกครองทศมณฑลพระชนม์ยัง | ก็ทรงสั่งกรมวิศอิศรวงศ์ | ||
ให้เข้าไปอยู่ฉลองละอองบาท | เราขี้ขลาดขัดธุระพระประสงค์ | ||
ไม่ประจบหลบหน้าว่าตรงตรง | จนเสร็จทรงอาสัญสวรรคต | ||
วิสัยโลกโศกเศร้าเขาเอาหน้า | เว้นแต่ฉันปัญญาไม่ปรากฏ | ||
ถึงโศกเศร้าเล่าก็ซ่อนนอนระทด | นี่ลักจดโดยจิตสนิทใน | ||
ไว้ถวายอภิวาทเหมือนมาดหมาย | พร้อมด้วยกายวาจาอัชฌาสัย | ||
ทำราชการพระผู้ผ่านภพไตร | เมื่อเสร็จไปปรโลกโศกสะท้อน | ||
หนึ่งพระหน่อบพิตรสนิทเสน่ห์ | กรมมเหศวรสิทธิ์อดิศร | ||
พระขนิษฐกรมพระวิศวถาวร | นิภาธรเทวเรศเกษตรา | ||
เคยโปรดปรานการลับดับพระเดช | เผอิญเพศอาพาธตัดวาสนา | ||
เหนือนกไร้รังนอนเที่ยวร่อนรา | เคยพึ่งพาภูวนาถสวาททวี | ||
พระชนม์ยังคลั่งไคล้ก็ไม่ถือ | รู้ว่าดื้อโดยเอ็นดูไม่จู้จี้ | ||
แต่กรมวิษณุนารถราชฤดี | ให้เงินปีแทนทัดเบี้ยหวัดเดิม | ||
ถึงแสนจนทุกข์พอสุขุม | เพราะแอบพุ่มกัลปพฤกษ์จึงฮึกเหิม | ||
เดี๋ยวนี้อกตกที่นั่งเข้าดั่งเดิม | เพราะจนเจิมเจือจับอับอุรา | ||
เดชะฉันกตัญญูต่อภูวนารถ | สองพระราชเรืองยศโอรสา | ||
ที่ล่วงลับดับพระชนมายุ์ | ทรงสถาพรสถิตดุสิตภพ | ||
ขอให้หายรายจนทนถวิล | ดังวารินปรุงร่ำด้วยน้ำอบ | ||
มาโสรจสงตรงกระหม่อมที่น้อมนบ | ถ้าจะพบมิตรอำมาตย์ญาติวงศ์ | ||
ให้ปันสรรพสิ่งที่ยิ่งอย่าง | เงินที่ค้างใครมายืมอย่าลืมหลง | ||
หนึ่งพระหน่อวรนาถบาทบงสุ์ | ซึ่งเสร็จทรงอาศัยอยู่ในวัง | ||
คือกษัตริย์องค์รัตนานาถ | ฉันขอรังวัลเขียนเหรียญประทาน | ||
อันรายเรื่องเบื้องบาทนิราสร้าง | พวกขุนนางน้อยใหญ่พอใจอ่าน | ||
ถึงเจ้านายฝ่ายพระโกศก็โปรดปราน | ซื้อไว้อ่านหลายตำหนักอักขรา | ||
ด้วยคิดถึงซึ่งพระคุณการุญเกล้า | เคยนั่งเพลากราบกรานคลานไปหา | ||
เคยทรงทัพรักพร้อมทุกจอมมารดา | เคยโปรดปรานีถนอมพร้อมพร้อมเพรียง | ||
สิ้นพระชนม์ล้นกระหม่อมจอมสนม | เปรียบเหมือนลมพัดพิภพสงบเสียง | ||
ทั้งบุญน้อยพลอยกรอบลงหมอบเมียง | ของไม่เที่ยงไม่แท้รู้แปรเป็น | ||
สมพระพุทธบัญญัติว่ายัสโส | อลาโภโลภาว่าที่เห็น | ||
ชั่วแล้วดีมีมากแล้วยากเย็น | คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น | ||
ด้วยใจเราเมามายไม่วายวัน | เกิดบรั่นโดยฤทธิ์อวิชชา | ||
เข้าครอบงำนำจิตคือทิษฐิ | เตือนสติตามการโวหารหา | ||
หนึ่งที่ข้อยอพระเดชกระเกษตรา | ก็เกินหน้าใช่ตำแหน่งจะแต่งกลอน | ||
แต่ปัญญาสามิภักดิ์ก็หักเห็น | ว่าของเป็นที่รักเพียงอักษร | ||
เครื่องประดับกับพระเดชเกศนคร | ให้ถาวรเจริญอยู่เนิ่นนาน | ||
ครั้งแผ่นดินปิ่นอยุธพระพุทธเลิศ | ช้างเผือกเกิดกับสยามถึงสามสาร | ||
เป็นพาหนะพระที่นั่งอลังการ | เกิดอาจารย์ท่านครูภู่สุนทร | ||
แกก็แต่งพระอภัยขึ้นไว้ขาย | เรื่องนยายขี้ปดสยดสยอน | ||
แผ่นดินทุ่งกรุงเก่าเจ้านิกร | อดิศรสุริยวงศ์ที่ทรงปลา | ||
นามพระศรีสุริเยนทร์นเรนทร์ราช | เกิดศรีปราชญ์ปรากฏไว้ยศถา | ||
ครั้งบุรินทร์พระนารายณ์สู้สายฟ้า | เป็นบิดาขุนหลวงเดื่อเชื้อกวี | ||
เกิดมหาราชครูชูฉลาด | ได้รองบาทบงกชบทศรี | ||
แต่งพระลอดิลกทรงหลงสตรี | กับพระศรีสมุทโฆษก็โปรดปราน | ||
แต่พุ่มพวงทรวงทิพประทิ่น | โดยแผ่นดินปิ่นเกศประเทศสถาน | ||
พระนั่งเกล้าเจ้าจังหวัดชัชวาล | ทรงโปรดปรานเป็นพระแสงตำแหน่งใน | ||
ก็ล่วงละพระชนม์กมลหมาย | ช่างไม่ตายตามเขตพระเดชได้ | ||
ยังเหลืออยู่คู่คี่ไม่มีใคร | ท่านผู้ใหญ่ต่างกรมก็ล้มตาย | ||
ล่วงแผ่นดินปิ่นเกศจอมมงกุฎ | กลับจนรุดเกินริบที่ฉิบหาย | ||
เหลือแต่กลอนกับชีวิตอยู่ติดกาย | จึงพากเพียรเขียนถวายขายปัญญา | ||
คนที่ผู้รู้พระเดชเกศกระหม่อม | เขาก็ย่อมนับถือมักซื้อหา | ||
เอาอ่านเอิ้นเชิญชูขึ้นบูชา | เดี๋ยวนี้ก็มาขอลอกฉันออกเต็ม | ||
แต่ปัญญาหาไม่ง่ายเหมือนขายของ | ใช่ข้าวพองร้องแรกเที่ยวแลกเข็ม | ||
เรียนต่อครูรู้หลักตวงตักเต็ม | ต้องเก็บเล็มเลือกคัดอธิบาย | ||
ดังประดับสรรพลักษณ์จักรพรรดิ | ด้วยเนาวรัตน์เรียงเม็ดเพชรถวาย | ||
หวังเฉลิมเจิมใจพอให้คลาย | ถวิลถวายวันวโยคเศร้าโศกทรวง | ||
ควรจะเอาไว้อ่านทุกบ้านช่อง | ด้วยเป็นของคู่พระเดชเท่าเขตสรวง | ||
นี่ว่าตามความรักไม่ตักตวง | แล้วอย่าล่วงติฉินนึกนินทา | ||
ด้วยเล่มนี้มีนามสยามเมศร์ | มงกุฎเกศไตรจักรนั้นหักหนา | ||
ควรที่จักสักการบูชา | เป็นมหายศยิ่งมิ่งมงคล | ||
เหมือนสวดพระบาลีอิสีคิลิต | ปัจเจกพิธพุทธรัตน์พิพัฒน์ผล | ||
เอาบาตรตั้งนั่งแท่นแทนน้ำมนต์ | อ่านนิพนธ์แข็งคอเหมือนภวนา | ||
คิดถึงคุณทูลกระหม่อมจอมจังหวัด | ที่ฉันจัดจดเจียนเขียนเลขา | ||
โดยเฉินฉุกทุกข์ภัยสิ่งไรมา | อาจจะสามารถหมายให้หายไป | ||
คุณพระขัตติยวงศ์ดำรงยศ | สุดจะจดจัดแจงแถลงไข | ||
ที่เขตแดนแผ่นดินอาจิณใจ | กว้างเท่าใดโดยกล่าวว่าเท่ากัน | ||
อันหนังสือถือมั่นแม้นหมั่นอ่าน | อธิษฐานทุกข์ร้อนคงผ่อนผัน | ||
แม้นไม่มีกษัตริย์ก็ขาดกัน | ที่ไหนนั่นเราจะได้ทำไร่นา | ||
อันเรื่องราวกล่าวข้อยอพระเดช | วิรัตเจตนาจิตดำกฤษณา | ||
ให้ครึกครื้นยืนอยู่คู่สุขา | โดยสำคัญปัญญาของนารี | ||
แต่ผู้ฟังยังจะติว่าริเรื่อง | ไม่เรียงเบื้องบงกชบทศรี | ||
พระนั่งเกล้าเจ้าจังหวัดปัถพี | ไยจึงหมีกล่าวก่อนไว้ตอนกลาง | ||
ก็ไม่เป็นเช่นนั้นท่านอย่านึก | จะจารึกบทรัชก็ขัดขวาง | ||
เดิมพระหน่อวรนาถทั้งน้องนาง | กับสุรางค์รุ่นรุ่นพวกคุณจอม | ||
ให้เงินตราค่าจ้างร่างบำราศ | สิบสองบาทเขียนบทประณตถนอม | ||
ทั้งแพรผ้าสารพัดจัดให้พร้อม | เธอไม่ยอมแก่งแย่งต้องแต่งตาม | ||
ใจผู้อยู่อู่ผ่อนผู้นอนนิ่ง | นี่จัดจริงจดเจือไว้เผื่อถาม | ||
ที่คัดข้อยอพระยศประณตพระนาม | จึงเป็นความระลอกฉลองอยู่สองตอน | ||
คิดพระคุณมุลลิกานราราช | บรมบาทบพิตรอดิศร | ||
ยอพระยศบทนรินทร์เพียงดินดอน | ไหวสะท้อนถึงกระทั่งหลังอานนต์ | ||
ยังหลายดีหลายพระอิริยาบถ | ที่ทรงทศธรรมเพีงบำเพ็ญผล | ||
ตั้งโรงทานการนิเวศน์เชตุพน | ทรงซึ่งกลบทจดบูชา | ||
อุทิศแทนสังคีตเครื่องดีดสี | มโหรีบำเรอบาทศาสนา | ||
เขียนลิขิตผนิตแน่นแผ่นศิลา | ตำรายาจดหมายถวายพระ | ||
ทรงสร้างสมบรมโพธิ์จะโปรดสัตว์ | หมายได้ตรัสปรมาสัทธาธิกะ | ||
หกสิบอสงไขยทะไวยะ | ขอพบพระศาสนาฝ่าธุลี | ||
ศีลอะพรหมสมหวังฉันทั้งชาติ | ยังไม่ขาดเป็นวิสุทธิราศี | ||
บทอาบัติอัสธรรมกรรมไม่มี | ในชาตินี้เป็นผู้หญิงนึกชิงชัง | ||
ชาติหน้านั้นฉันหมายเป็นชายโฉม | ให้เสร็จโสมนัสสมอารมณ์หวัง | ||
ถึงสพัญบรรพชาปัญญาพลัง | พบพระนั่งเกล้ากษัตริย์ลัทยา | ||
ในชาตินี้มิได้อยู่ชูฉลอง | เพราะคะนองหนีบุญมุ่นโมหา | ||
ดูกงจักรหักเห็นเป็นผกา | ต้องออกมาใช้ชาติญาติเวร | ||
ได้อภิวาทเพียงพระราชโอรสรัก | ค่อยห้ามหักโศกหายคล้ายพิมเสน | ||
คือกรมหมื่นสุชำอัมเรนทร์ | นฤเบนทร์บดินทรนรินทร | ||
ด้วยพระหน่อวรนาถฉลาดเลิศ | คิดกลอนเพริศเพราะโสตโอษฐ์อักษร | ||
ไม่เฝ้าแหนแม้นเห็นชวนเล่นกลอน | ทูตสุนทรถูกพระทัยได้ประทาน | ||
ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงสังเวช | พระนมเกศที่ตายเป็นยายหลาน | ||
ฝ่ายมารดาข้าเก่าบ่าวโบราณ | ทรงประทานค่าเขียนห้าเหรียญไทย | ||
โปรดที่ข้อยอพระยศบทรัช | หลายกษัตริย์จัดทำจดจำได้ | ||
หนังสือฉันนั้นขายถวายไว้ | รับสั่งให้วางบนแท่นทองแว่นฟ้า | ||
ด้วยพระเจ้าชีวิตสถิตเกศ | องค์อมเรศเป็นพระราชโอรสา | ||
ท่านทรงอ่านสารสะอื้นชื่นอัชฌา | ตีราคาหนังสือถึงชั่งหนึ่งเอย ฯ | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
หนังสือแจกในงานกฐินพระราชทาน มหาอำมาตย์โท หม่อมเจ้าเณร รองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ณ วัดปากน้ำ พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ขอขอบคุณ นายสะอาด บ้านปทุม ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน