เพลงยาวถวายโà¸à¸§à¸²à¸—
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 08:24, 9 กรกฎาคม 2552 โดย Admin (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
๏ ควรมิควรจนจะพรากจากสถาน | |||
จึงเขียนความตามใจอาลัยลาน | ขอประทานโทษาอย่าราคี | ||
ด้วยขอบคุณทูลกระหม่อมถนอมรัก | เหมือนผัดพักตร์ผิวหน้าเป็นราศี | ||
เสด็จมาปราศรัยถึงในกุฎี | ดังวารีรดซาบอาบละออง | ||
ทั้งการุณสุนทราคารวะ | ถวายพระวรองค์จำนงสนอง | ||
ขอพึ่งบุญมุลิกาฝ่าละออง | พระหน่อสองสุริย์วงศ์ทรงศักดา | ||
ด้วยเดี๋ยวนี้มิได้รองละอองบาท | จะนิราศแรมไปไพรพฤกษา | ||
ต่อถึงพระวยาอื่นจักคืนมา | พระยอดฟ้าสององค์จงเจริญ | ||
อย่ารู่โรคโศกเศร้าเหมือนเขาอื่น | พระยศยืนยอดมนุษย์สุดสรรเสริญ | ||
มธุรสชดช้อยให้พลอยเพลิน | จะต้องเหินห่างเหทุกเวลา | ||
ไหนจะคิดพิศวงถึงองค์ใหญ่ | ทั้งอาลัยองค์น้อยละห้อยหา | ||
มิเจียมตัวกลัวพระราชอาชญา | จะใส่บ่าแบกวางข้างละองค์ | ||
พาเที่ยวชมยมนามหาสมุทร | เมืองมนุษย์นกไม้ไพรระหง | ||
ต่อรอนรอนอ่อนอับพยับลง | จึงจะส่งเสด็จให้เข้าในวัง | ||
แต่ครั้งนี้วิบากจากพระบาท | ใจจะขาดคิดหมายไม่วายหวัง | ||
มิสูญลับดับจิตชีวิตยัง | จะเวียนบังคมบาทไม่ขาดปี | ||
แม้นไปทัพจับศึกก็นึกมาด | จะรองบาทบงกชบทศรี | ||
สู้อาสากว่าจะตายวายชีวี | ด้วยภักดีได้จริงทุกสิ่งอัน | ||
ขอฉลองสองพระองค์ดำรงรักษ์ | ช่วยฉัดชักชุบย้อมกระหม่อมฉัน | ||
ให้ยืนเหมือนเดือนดวงพระสุริยัน | เป็นคืนวันเที่ยงธรรมไม่ลำเอียง ฯ | ||
๏ นิจจาเอ๋ยเคยรองละอองบาท | โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสียง | ||
แสนละม่อมน้อมพระองค์ดำรงเรียง | ดังเดือนเคียงแข่งคู่กับสุริยา | ||
จงอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล | ให้พระชนม์ยั่งยืนหมื่นพรรษา | ||
ได้สืบวงศ์พงศ์มกุฏอยุธยา | บำรุงราษฎร์ศาสนาถึงห้าพัน | ||
เหมือนสององค์ทรงนามพระรามลักษณ์ | เป็นปิ่นปักปกเกศทุกเขตขัณฑ์ | ||
ประจามิตรคิดร้ายวายชีวัน | เสวยชั้นฉัตรเฉลิมเป็นเจิมจอม | ||
จะไปจากสมเด็จพระเชษฐา | จงรักพระอนุชาอุตส่าห์ถนอม | ||
พระองค์น้อยคอยประณตนิ่งอดออม | ทูลกระหม่อมครอบครองกันสององค์ | ||
อุตส่าห์เรียนเขียนอ่านบุราณราช | ไสยศาสตร์สงครามตามประสงค์ | ||
ลำดับศักดิ์จักพรรดิขัตติย์วงศ์ | อุตส่าห์ทรงจดจำให้ชำนาญ | ||
ด้วยพระองค์ทรงสยมบรมนาถ | บังคับราชการสิ้นทุกถิ่นฐาน | ||
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ | มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน | ||
อนึ่งให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง | โคลงเพชรพวงผิดชอบทรงสอบสวน | ||
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร | ทราบให้ถ้วนถี่ไว้จะได้ทูล | ||
ทั้งพุทธไสยไตรดาทวายุค | ให้ทราบทุกที่ถวิลบดินทร์สูร | ||
พระยศศักดิ์จักเฉลิมให้เพิ่มพูน | ได้พึ่งทูลกระหม่อมของฉันสององค์ | ||
แม้นออกวังตั้งใจจะไปอยู่ | สำหรับปูเสื่อสาดคอยกวาดผง | ||
ขอพึ่งบุญพูนสวัสดิ์เหม์อนฉัตรธง | ได้ดำรงร่มเกล้าทั้งเช้าเย็น | ||
แต่ยามนี้มีกรรมจะจำจาก | ด้วยแสนยากยังไม่มีที่จะเห็น | ||
เพราะพระเจ้าเยาว์นักต้องรักเร้น | จึงจำเป็นจำพรากจำจากไป | ||
ขอพระองค์จงเอ็นดูอย่ารู้ร้าง | ให้เหมือนอย่างเมรุมาศไม่หวาดไหว | ||
อย่าหลงลิ้นหินชาติขาดอาลัย | น้ำพระทัยทูลเกล้าจงยาวยืน | ||
ถึงร้อยปีมิได้มาก็อย่าแปลก | ให้เหมือนแรกเริ่มตรัสไม่ขัดขืน | ||
เช่นงางอกออกไปมิได้คืน | จึงจักยืนยืดยาวดังกล่าวคำ | ||
ของพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท | อย่าให้พลาดพลั้งเท้าก้าวถลำ | ||
ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ | จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย ฯ | ||
๏ หนึ่งนักปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก | อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย | ||
อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน | จึงจักได้รู้รอบประกอบการ | ||
หนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ | จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน | ||
หนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ | แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี | ||
เขาทำชอบปลอบให้นำใจชื่น | จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี | ||
ปรารถนาสารพัดในปัฐพี | เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง | ||
คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง | เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ | ||
จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ | อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี | ||
แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก | เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี | ||
อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี | เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย | ||
อันคนดีมีสัตย์สันทัดเที่ยง | ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย | ||
เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย | เขารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง | ||
อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่ | คงหนีสู้ซ่อนหมุนในฝุ่นผง | ||
แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์ | อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย | ||
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก | แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย | ||
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย | เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ | ||
จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด | เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย | ||
อันช่างปากยากที่จะมีใคร | เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง | ||
จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์ | ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง | ||
ครั้นต่ำนักมักจะผิดคิดรำพึง | พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก ฯ | ||
๏ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ | ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก | ||
สงวนคมสมนึกในฮึกฮัก | จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย | ||
จับให้หมั้นคั้นหมายให้วายวอด | ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย | ||
ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด | เพียรจงได้ดังประสงค์ที่ตรงตี | ||
ธรรมดาว่ากษัตริย์อัติเรก | เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์ | ||
เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปัฐพี | เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก | ||
เหมือนหน่อเนื้อเชื้อวงศ์ที่องอาจ | ย่อมเปรื่องปราดปรากฏเพราะยศศักดิ์ | ||
ผู้ใหญ่น้อยพลอยมาสวามิภักดิ์ | ได้พร้อมพรักทั้งปัญญาบารมี | ||
ถ้าคร้านเกียจเกียรติยศก็ถดถอย | ข้าไทพลอยแพลงพลิกออกหลีกหนี | ||
ต้องเศร้าสร้อยน้อยหน้าทั้งตาปี | ทูลดังนี้กลัวจะเป็นเหมือนเช่นนั้น | ||
ด้วยไหนไหนก็มาสวามิภักดิ์ | หมายจะรักพระไปกว่าจะอาสัญ | ||
จึงทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน | ล้วนสำคัญขออย่าให้ผู้ใดดู ฯ | ||
๏ พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์ | แม้นไม่รักษายศจะอดสู | ||
ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้ | ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน | ||
อันเผ่าพงศ์วงศาสุรารักษ์ | สามิภักดิ์พึ่งปิ่นบดินทร์สูร | ||
ที่สิ่งไรไม่ทราบได้กราบทูล | จึงเพิ่มพูนภาคหน้าปรีชาชาญ | ||
ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์ | ปฏิพัทธิ์ผ่อนผันความบรรหาร | ||
ต่างพระทัยนัยน์เนตรสังเกตการ | ตามบุราณเรื่องราชานุวัตร | ||
จงพากเพียรเรียนไว้จะได้ทราบ | ทั้งกลอนกาพย์การกลปรนนิบัติ | ||
หนึ่งแข็งอ่อนผ่อนผันให้สันทัด | ตามกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงดิน | ||
อนึ่งแยบยลกลความสงครามศึก | ย่อมเหลือลึกล้ำมหาชลาสินธุ์ | ||
เร่งฝึกฝนกลการผลาญไพริน | ให้รู้สิ้นรู้ให้มั่นกันนินทา | ||
อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก | แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา | ||
เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา | แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ ฯ | ||
๏ ซึ่งเปรียบปรายหมายเหมือนเตือนพระบาท | ให้เปรื่องปราดปรีชาศักดาหาญ | ||
แม้นหากฝ่าละอองไม่ต้องการ | โปรดประทานโทษกรณ์ที่สอนเกิน | ||
ด้วยรักใคร่ได้มาเป็นข้าบาท | จะบำราศแรมร้างไม่ห่างเหิน | ||
เป็นห่วงหลังหวังใจให้เจริญ | ใช่จะเชิญชวนชั่วให้มัวมอม | ||
พระมีคุณอุ่นอกเมื่อตกยาก | ถึงตัวจากแต่จิตสนิทสนอม | ||
จะจำไปไพรพนมด้วยตรมตรอม | ทูลกระหม่อมเหมือนแก้วแววนัยนา | ||
พระองค์น้อยเนตรซ้ายไม่หมายร้าง | พระองค์กลางอยู่เกศเหมือนเนตรขวา | ||
ความรักใคร่ไม่ลืมปลื้มวิญญาณ์ | ได้พึ่งพาพบเห็นค่อยเย็นทรวง | ||
สามิภักดิ์รักใคร่จะไปเฝ้า | พระทูลเกล้าก็ยังอยู่ที่วังหลวง | ||
จะสั่งใครไปเล่าเขาก็ลวง | ต้องนิ่งง่วงเหงาอกตกตะลึง | ||
ครั้นหาของต้องประสงค์ส่งถวาย | ก็สูญหายเสียมิได้เข้าไปถึง | ||
ทุกค่ำเช้าเศร้าจิตคิดรำพึง | ด้วยลึกซึ้งสุดจิตจะติดตาม | ||
จะร่ำลักษณ์อักษรเป็นกลอนกาพย์ | ทูลให้ทราบสิ้นเสร็จก็เข็ดขาม | ||
กตัญญูสู้อุตส่าห์พยายาม | ไม่ลืมความรักใคร่อาลัยลาน | ||
ถึงลับหลังยังช่วยอวยสวัสดิ์ | ให้สมบูรณ์พูนสวัสดิ์พัสถาน | ||
คอยถามข่าวชาววังฟังอาการ | ได้ทราบสารว่าเป็นสุขทุกพระองค์ | ||
พลอยยินดีปรีดาประสายาก | เหมือนกาฝากฝ่าพระบาทดังราชหงส์ | ||
ไม่หายรักมักรำลึกนึกจำนง | ไม่เห็นองค์เห็นแต่ฟ้าก็อาวรณ์ | ||
จึงพากเพียรเขียนความตามสุภาพ | หวังให้ทราบเรื่องลักษณ์ในอักษร | ||
จะได้วางข้างพระแท่นแทนสุนทร | ที่จากจรแต่ใจอาลัยลาน | ||
ซึ่งทูลเตือนเหมือนจะชูให้รู้รอบ | ขอความชอบตราบกัลปาวสาน | ||
อย่าฟังฟ้องสองโสตจงโปรดปราน | ด้วยลมพาลพานพัดอยู่อัตรา | ||
ถึงแม้นมาตรขาดเด็ดไม่เมตตา | กรุณาแต่หนังสืออย่าถือความ ฯ | ||
๏ อนึ่งคำนำถวายหมายว่าชอบ | แม้นทรงสอบเสียวทราบว่าหยาบหยาม | ||
อย่าเฉียวฉุนหุนหวนว่าลวนลาม | เห็นแก่ความรักโปรดซึ่งโทษกรณ์ | ||
แม้นเห็นจริงสิ่งสวัสดิ์อย่าผัดเพี้ยน | เร่งร่ำเรียนตามคำที่พร่ำสอน | ||
ดูดินฟ้าหน้าหนาวหรือคราวร้อน | เร่งผันผ่อนพากเพียรเรียนวิชา | ||
ซึ่งประโยชน์โพธิญาณเป็นการเนิ่น | พอจำเริญรู้ธรรมคำคาถา | ||
ถือที่ข้ออรหัตวิปัสสนา | เป็นวิชาฝ่ายพุทธ์นี้สุดดี | ||
ข้างฝ่ายไสยไตรเพทวิเศษนัก | ให้ยศศักดิ์สูงสง่าเป็นราศี | ||
สืบตระกูลพูนสวัสดิ์ในปัฐพี | ได้เป็นที่พึ่งพาเหล่าข้าไท ฯ | ||
๏ ซึ่งทูลความตามซื่ออย่าถือโทษ | ถ้ากริ้วโกรธตรัสถามตามสงสัย | ||
ด้วยวันออกนอกพรรษาขอลาไป | เหลืออาลัยทูลกระหม่อมให้ตรอมทรวง | ||
เคยฉันของสองพระองค์ส่งถวาย | มิได้วายเว้นหน้าท่านข้าหลวง | ||
จะแลลับดับเหมือนดังเดือนดวง | ที่แลล่วงลับฟ้าสุธาธาร | ||
ถึงมาเฝ้าเล่าที่ไหนจะได้เห็น | ด้วยว่าเป็นขอบเขตนิเวศน์สถาน | ||
จะตั้งแต่แลลับอัประมาณ | เห็นเนิ่นนานนึกน่าน้ำตากระเด็น | ||
ต่อโสกันต์วันพระองค์ทรงสิกขา | จะได้มานอบนบได้พบเห็น | ||
ให้ใช้สอยคอยเฝ้าทุกเช้าเย็น | มิให้เต้นโลดคะนองทั้งสององค์ | ||
ด้วยเหตุว่าฝ่าพระบาทได้ขาดเสร็จ | โดยสมเด็จประทานตามความประสงค์ | ||
ทูลกระหม่อมยอมในพระทัยปลง | ถวายองค์อนุญาตเป็นขาดคำ | ||
ในวันนั้นวันอังคารพยานอยู่ | ปีฉลูเอกศกแรมห้าค่ำ | ||
ขอละอองสองพระองค์จงทรงจำ | อย่าเชื่อคำคนอื่นไม่ยืนยาว | ||
อย่างหม่อมฉันอันที่ดีแลชั่ว | ถึงลับตัวก็แต่ชื่อเขาลือฉาว | ||
เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว | เขมรลาวลือเลื่องถึงเมืองนคร | ||
แผ่นดินหลังครั้งพระโกศก็โปรดเกศ | ฝากพระเชษฐานั้นให้ฉันสอน | ||
สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญของสุนทร | ฟ้าอาภรณ์แปลกพักตร์อาลักษณ์เดิม | ||
หากสมเด็จเมตตาว่าข้าเก่า | ประทานเจ้าครอกฟ้าบูชาเฉลิม | ||
ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมเหมือนจอมเจิม | จะขอเพิ่มพูนพระยศให้งดงาม | ||
เผื่อข้าไทไม่มีถึงที่ขัด | กับหนูพัดหนูตาบจะหาบหาม | ||
สองพระองค์จงอุตส่าห์พยายาม | ประพฤติตามแต่พระบาทมาตุรงค์ | ||
รักษาพระยศอุตส่าห์รักษาสัตย์ | พูนสวัสดิ์สังวาสตามราชหงส์ | ||
เห็นห้วยหนองคลองน้อยอย่าลอยลง | จะเสียทรงสีทองละอองนวล | ||
สกุลกาสาธารณ์ถึงพานพบ | อย่าควรคบคิดรักศักดิ์สงวน | ||
เหมือนชายโฉดโหดไร้ที่ไม่ควร | อย่าชักชวนชิดใช้ให้ใกล้องค์ | ||
อันนักปราชญ์ราชครูเหมือนคูหา | เป็นที่อาศัยสกุลประยูรหงส์ | ||
จงสิงสู่อยู่แต่ห้องทองประจง | กว่าจะทรงปีกกล้าถาทะยาน | ||
ขึ้นร่อนเร่เวหนให้คนเห็น | ว่าชาติเช่นหงสาศักดาหาญ | ||
ได้ปรากฏยศยงตามวงศ์วาน | พระทรงสารศรีเศวตเกศกุญชร | ||
ควรมิควรส่วนผลาอานิสงส์ | ซึ่งรูปทรงสังวรรัตน์ประภัสสร | ||
ให้สี่องค์ทรงมหาสถาวร | ถวายพรพันวสาขอลาเอย ฯ | ||