เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินà¹à¸”ง
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
แถว 3: | แถว 3: | ||
[[หมวดหมู่:กลอน]] | [[หมวดหมู่:กลอน]] | ||
[[หมวดหมู่:นิราศ]] | [[หมวดหมู่:นิราศ]] | ||
- | '''พระราชนิพนธ์:''' [[ | + | '''พระราชนิพนธ์:''' [[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]] |
<tpoem> | <tpoem> | ||
๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สม | ๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สม |
การปรับปรุง เมื่อ 07:18, 8 กรกฎาคม 2552
พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สม | |||
ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทร | สถาวรพูนสวาดิสวัสดี | ||
ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตร | อัคเรศงอนงามจำเริญศรี | ||
แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวี | มีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล | ||
อันราคีมิให้เคืองระคางข้อง | ปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน | ||
หวังสวาดิมิรู้ขาดอารมณ์ครวญ | เป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา | ||
เกษมสุขภิรมย์สมสมาน | เคยสำราญมิได้แรมนิราศา | ||
ไม่นิราศขาดชมสักเวลา | บำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน | ||
นิจจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกล | มาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหศวรรย์ | ||
ก็เพราะมีอริราชไภยัน | เข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์ | ||
จึงต้องกรูกรีธาพลากร | มาจำจรจากสุขเกษมสม | ||
สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชม | ก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น | ||
เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถาน | แสนสงสารสุดอาลัยใครจะเห็น | ||
พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็น | เพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา | ||
ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึง | คะนึงในให้หวนละห้อยหา | ||
ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนา | ยิ่งอาทวาอาวรณ์สะท้อนใจ | ||
ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแล | ให้หวาดแหวอารมณ์ดังจะล้มไข้ | ||
จนลุล่องคลองชลามหาชัย | ย่านไกลสุดสายนัยน์ตาแล | ||
เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศ | เหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห | ||
ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแด | จนล่วงกระแสสาครบุรีไป | ||
ลุสถานบ้านบ่อนาขวาง | ให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้ | ||
ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรณ์ใจ | มิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม์ | ||
เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้ว | แคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ | ||
คล้ายคล้ายอัสดงพระสุริยันต์ | ก็บรรลุถึงคลองสุนักข์ใน | ||
พอชลาถอยถดลงลดฝั่ง | เรือคั่งเคืองเขินไม่เดินได้ | ||
พลพายรายกันลงเข็นไป | เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา | ||
ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง | แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา | ||
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา | ประทับท่าเมืองสมุทบุรีรมย์ | ||
อันฝูงชนชาวบ้านย่านนั้น | ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม | ||
ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชม | ยิ่งเกรียมตรมสุดแสนระกำใจ | ||
ให้ปั่นป่วนหวนสวาดิประหวัดหา | จะดูใครไม่พาใจชื่นได้ | ||
จึงให้ออกนาวาคลาไคล | รีบไปตามสายชลธี | ||
อันเรือหลังดั้งกันสิ้นทั้งหลาย | ก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่ | ||
โห่สนั่นครั่นครื้นทั้งนาวี | มีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน | ||
เสียงเส้าเร้าเร่งพลพาย | เหมือนรักหมายสายสวาดิทุกขุมขน | ||
ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจล | ถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว | ||
ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถาน | ให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว | ||
ดังเอกามาแต่นาวาเดียว | เปลี่ยวสวาดินิราศไร้ภิรมย์ชม | ||
มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียง | ฟังสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม | ||
เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์ | โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก | ||
แสนทุเรศเวทนานิจจาเอ๋ย | นี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก | ||
ได้ระกำช้ำใจมาหลายยก | หวังจะป้องปิดปกให้พ้นภัย | ||
มิให้หมู่พาลาอาธรรม์ | มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้ | ||
จึงสู้สละรักหักใจ | มาทนเทวษอยู่ไกลเอกา | ||
ถึงบำหรุเหมือนพี่บำราศรัก | ให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา | ||
ครั้นลุราชบุรีภิรมยา | ที่อาทวาหักอารมณ์ค่อยสมประดี | ||
จึงรีบรัดจัดหมู่โยธา | ให้อยู่รักษาบุรีศรี | ||
ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวี | ก็จรลีนาเวศทุเรศจร | ||
ด่วนเดินโดยทางชลมารค | แสนลำบากด้วยร้างแรมสมร | ||
กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์ | แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์ | ||
ถึงท่าราบเหมือนที่ทาบทรวงถวิล | ยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน | ||
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวัน | จนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา | ||
ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมาย | มารายทุกข์ที่ทุกข์คะนึงหา | ||
จึงรีบเร่งนาเวศครรไลคลา | พอทิวากรเยื้องจะสายัณห์ | ||
ก็ลุยังวังศิลาท่าลาด | ชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร | ||
จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้น | พอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ | ||
พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวด | ชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ | ||
เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกราน | นุ่งห่มสคราญจำเริญตา | ||
ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึก | ห้าวฮึกขอขันอาสา | ||
ไม่คิดกายขอถวายชีวา | พร้อมหน้าถ้วนทั่วทุกตัวไป | ||
แต่ตริการที่จะผลาญอรินราช | จนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข | ||
ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจ | ถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย | ||
ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารัก | ภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย | ||
บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงราย | กรกรายโบกพัชนีพาน | ||
ยิ่งเร่าร้อนถอนทอดฤทัยทุกข์ | เมื่อเคยสุขหรือมาเสื่อมทุกสิ่งสมาน | ||
จนลืมหลงที่ดำรงดำริการ | แต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี | ||
จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อน | ให้ยกพลนิกรออกจากที่ | ||
กระบวนทัพซับซ้อนมามากมี | โห่มี่สะเทือนก้องท้องวาริน | ||
ถึงม่วงชุมเหมือนเมื่อเคยประชุมเฝ้า | ยิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประหวัดถวิล | ||
ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณ | แดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์ | ||
แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาดิ | ด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน | ||
ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบาน | แต่นี้นานสวาดิเว้นไม่เห็นใคร | ||
ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพล | พร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่ | ||
ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซร้ | สารพัดแต่งไว้ทุกประการ | ||
จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพ | สรรพด้วยพยุหทวยหาญ | ||
ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการ | ครั้นได้ศุภวารเวลา | ||
ให้ยกขึ้นตามทางไทรโยคสถาน | ทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา | ||
จะสังหารอริราชพาลา | อันสถิตอยู่ยังท่าดินแดง | ||
ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ | ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง | ||
จึงให้ยกพหลรณแรง | ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน | ||
ไปโดยพยุหบาตรรัถยา | พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น | ||
สะพรึบพร้อมหน้าหลังดั้งกัน | โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร | ||
รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย | ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน | ||
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล | ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกลียวมา | ||
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง | แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา | ||
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา | ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี | ||
สองวันบรรลุถึงวังยาง | คะนึงวังอ้างว้างเกษมศรี | ||
เคยเป็นสุขทุกทิวาราตรี | โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล | ||
ถึงบางลานยิ่งดาลทรวงสมร | ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้ | ||
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล | มาถึงไศลชลธีศีขรินทร์ | ||
สูงสง่าตรงโตรกโดดเดี่ยว | อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์ | ||
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล | ปักษิณบินร้องระงมไพร | ||
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา | บ้างง่วงเหงาหาคู่พิสมัย | ||
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย | อกเราหรือจะไม่เวทนา | ||
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์ | อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า | ||
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา | คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร | ||
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต | มาไร้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร | ||
สารพัดจะวิบัติอนาทร | แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา | ||
ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน | พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา | ||
คั่งเคียงเรียงเรียบริมชลา | สาขารื่นร่มสำราญใจ | ||
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง | เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว | ||
ชมพลางพลางรีบนาวาไป | บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล | ||
มาทางพลางแสนคะนึงหา | นัยนาแลลับไพรสณฑ์ | ||
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน | จนลุดลเขาท้องไอยรารมย์ | ||
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด | รุกขชาติรื่นรวยสวยสม | ||
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม | ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา | ||
มีท่อธารน้ำพุดุดั้น | ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา | ||
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา | เซ็นซ่าดังสายสุหร่ายริน | ||
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต | เลี้ยวลดไหลมาไม่รู้สิ้น | ||
น้ำใสไหลซอกศิขรินทร์ | แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา | ||
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง | บันเทิงจิตพิศวงหรรษา | ||
ชะลอได้ก็จะใคร่ชะลอมา | ให้เป็นที่ผาสุกทุกนางใน | ||
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน | สุธาธารทิพรสสดใส | ||
อันหอมหวนอวลอบสุมาลัย | มาร้างไร้สุคนธกำจร | ||
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง | อันบรรจงทิพรสเกสร | ||
เคยไพบูลย์ด้วยตรุณนิกร | ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา | ||
ชมเขาลำเนาพนาวาส | แสนสวาดิไม่วายถวิลหา | ||
ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา | มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล | ||
แต่เห็นทางท่าชลานั้น | เป็นเกาะแก่งขัดขั้นล้วนเนินไศล | ||
ยากที่นาวีจะหลีกไป | จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา | ||
เร่งรีบคชสารอัสดร | บทจรตามแถวแนวพฤกษา | ||
ชมพรรณมิ่งไม้นานา | บ้างทรงผลปนผกาเขียวขจี | ||
ลางต้นสาขาดูน่าชม | รื่นร่มมิดแสงพระสุรศรี | ||
สดับเสียงปักษาสุวาที | ลิงค่างบ่างชะนีวิเวกดง | ||
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร | แม่ม่ายลองไนในป่าระหง | ||
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง | ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล | ||
คิดคล้ายละม้ายเหมือนดนตรี | จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน | ||
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน | กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย | ||
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง | วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย | ||
รุกขชาติแกว่งกวัดสะบัดโบย | ลมโชยคันธรสจรุงใจ | ||
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง | เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่ | ||
แรมร้อนนอนแนวพนาลัย | เขตไศลป่าระหงดงดอน | ||
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ | ไม่มีสุขเร่าร้อนสะท้อนถอน | ||
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร | ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด | ||
วายุพัดพานดวงศศิธร | เขจรจรบังเมฆมิดสนิท | ||
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด | สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ | ||
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน | มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน | ||
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ | ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง | ||
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา | ในอุราเพียงทับด้วยเขาหลวง | ||
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง | ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล | ||
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก | พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้ | ||
มีแต่คอนข้อนทุกข์ทุกวันไป | จะเห็นใจหรือที่ใจการุญกัน | ||
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท | ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสันต์ | ||
จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ | จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา | ||
ออกจากเนินผาศิลาพนัส | เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา | ||
ไปตามแถวแนวในพนาวา | พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน | ||
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย | ให้ตั้งค่ายตามเชิงสิขร | ||
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร | ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี | ||
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง | แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่ | ||
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี | ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ | ||
มีทั้งพ่อค้ามาขาย | ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน | ||
ด้านหลังท่าทางวางตะพาน | ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล | ||
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย | ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน | ||
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน | จนตำบลสามสบครบครัน | ||
อันค่ายคูประตูหอรบ | ตบแต่งสารพัดเป็นที่มั่น | ||
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน | เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย | ||
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน | สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย | ||
แตกยับกระจัดพลัดพราย | ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อตี | ||
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร | เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี | ||
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี | ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา | ||
ตั้งใจจะอุปถัมภก | ยอยกพระพุทธศาสนา | ||
จะป้องกันขอบขัณฑสิมา | รักษาประชาชนแลมนตรี | ||
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก | ให้อัคเรศเป็นสุขจำเริญศรี | ||
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี | ก็ให้กรีธาทัพกลับมา | ||
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน | ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา | ||
แสนคะนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา | แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ | ||
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส | จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล | ||
อันบำราบรบราชไพริน | ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงชัย | ||
ก็พอจะพยายามตามตี | ให้ชนะไพรีจงได้ | ||
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ | ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี | ||
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ | ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี | ||
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้ | สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด | ||
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย | ยังค่อยอยู่สุขสบายหรือไฉน | ||
หรือในจิตคิดอ่านประการใด | อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริงเอย ฯ | ||