โคบุตร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ กำเนิดโคบุตร

๏ แต่ปางหลังครั้งว่างพระศาสนา
เป็นปฐมสมมตินิทานมาด้วยปัญญายังประวิงทั้งหญิงชาย
ฉันชื่อภู่รู้เรื่องประจักษ์แจ้งจึงแสดงคำคิดประดิษฐ์ถวาย
ตามสติริเริ่มเรื่องนิยายให้เพริศพรายพริ้งเพราะเสนาะกลอนฯ
๏ จะร่ำปางนางสวรรค์เสวยสุขอยู่ปรางค์มุขพิมานสโมสร
เผยพระแกลแลดูแผ่นดินดอนเห็นไกรสรคลอดลูกในหิมวา
ผลกรรมนำจิตให้พิศวาสนุชนาฏจะใคร่มีโอรสา
เห็นพระสุริโยทัยเธอไคลคลากัลยานึกไปดังใจปอง
แม้นสามีมิได้เหมือนพระอาทิตย์ไม่ขอคิดสมสู่เป็นคู่สอง
ผลกรรมจำจากวิมานทองนางก็ต้องจุติด้วยใจตน
เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษสุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธิ์
เกิดเป็นรูปนารีนิรมลกลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร
อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวงสุดาดวงกำดัดชมสมสมร
จะกล่าวถึงสุริยาทิพากรเสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา
อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัสส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา
พิศเพ่งเล็งแลในโลกาเห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์
เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพเกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร
จำจะช่วยให้อนงค์คงวิมานพระสุริยกาลโสมนัสสวัสดี
จึ่งแบ่งภาคจากรถระเห็จเหาะลงเฉพาะสระใหญ่ในไพรศรี
พระหัตถ์หักปทุมาจากวารีมานั่งที่ร่มไทรในไพรวัน
คลี่ปทุมอุ้มนางขึ้นวางตักแม่ยอดรักปิ่นสุรางค์นางสวรรค์
กุศลเราเคยสมภิรมย์กันบุญจึ่งบันดาลใจให้เจาะจง
พี่พึ่งรู้ว่าเจ้าอยู่ในโกเมศจึ่งประเวศติดตามด้วยความประสงค์
จะช่วยเจ้าเยาวลักษณ์วิไลทรงให้คืนคงเมืองฟ้าสุราลัยฯ
๏ ปางยุพินปิ่นเทพอัปสรฟังสุนทรสุริยงคิดสงสัย
นางผลักพลางทางแลชำเลืองไปงามวิไลพูนสวัสดิ์ชัชวาล
ถึงเทพบุตรสุดสิ้นในอากาศไม่ผุดผาดผิวพรรณเทียมสัณฐาน
นางค้อนคมก้มพักตร์แล้วพจมานไม่ควรการช่างไม่เกรงข่มเหงกัน
เทพบุตรภุชงค์หรือวงศ์ยักษ์มาหาญหักปทุมมาศขาดสะบั้น
เขาอาศัยได้สบายในบุษบันทำเช่นนั้นช่างไม่คิดอนิจจังฯ
๏ โอ้เจ้าพี่ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาทนุชนาฏแม่อย่าลืมเนื้อความหลัง
หรือชอบใจอยู่ที่ในอุบลบังสมบัติทั้งเมืองฟ้าไม่อาวรณ์
พี่หรือคือสุริยงดำรงทวีปทุเรศรีบมาด้วยการสงสารสมร
จะชูช่วยนางฟ้าสถาวรพะงางอนนุชน้องอย่าหมองนวล
มานั่งนี่เถิดพี่จะเล่าเรื่องแม่เนื้อเหลืองนพรัตน์กำดัดสงวน
พลางประโลมโฉมนางไม่ห่างนวลหอมรัญจวนเกสรขจรจายฯ
๏ สาวสวรรค์ครั้นสดับอภิวาทสุดสวาทแสนรักพระสุริย์ฉาย
แต่มารยาทกษัตรีทำทีอายค้อนชม้ายตอบสนองทำนองใน
ถึงดินฟ้าสาครภูเขาขุนเมื่อสิ้นบุญถึงกรรมทำไฉน
แต่ชาติก่อนใครห่อนประจักษ์ใจระลึกได้หรือจะรู้ในเรื่องราว
ซึ่งโปรดน้องจะให้ครองวิมานสวรรค์พระคุณนั้นล้ำฟ้าเวหาหาว
มิได้สนองครองคุณให้สิ้นคราวด้วยเปลี่ยวเปล่าเอ้องค์ในดงแดนฯ
๏ แสนเสนาะเพราะล้ำหนอน้ำเสียงช่างกล่าวเกลี้ยงเชิงฉลาดนั้นเหลือแสน
พี่เมตตาจะช่วยพาไปเมืองแมนถึงมิแทนคุณได้เป็นไรมี
เหมือนมัจฉาสาครเป็นที่พึ่งบุญแล้วจึ่งได้พบประสบศรี
ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดีถึงแม้นมีสิ่งของไม่ต้องการ
นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์วิไลศรีเสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน
อย่าพูดนักชักเยิ่นให้เนิ่นนานจะเสียการไมตรีที่เรียมวอน
จงแย้มเยื้อนเบือนพักตร์รับรักบ้างประโลมนางแนบกายสายสมร
แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธรพระกางกรประดิพัทธ์วัจนา
อัศจรรย์บรรดาสาคเรศอรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤกษา
เทพทั้งตั้งโห่เป็นโกลาสนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง
บรรดาฝูงเทพาวลาหกก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง
อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆังด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์
สมสนิทพิศวาสนางสวรรค์เกษมสันต์สบเชิงละเลิงหลง
แบ่งกำลังตั้งครรภ์ให้โฉมยงแล้วเอื้อนโองการตรัสกับกัลยา
อีกเจ็ดวันขวัญเข้าเจ้าคลอดบุตรเจ้าจะจุติไปสวรรค์ด้วยหรรษา
พี่อยู่ด้วยเจ้าไม่ได้ต้องไคลคลาถึงเวลาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุทอง
จะเร่งรีบไปทวีปข้างโน้นแล้วแม่ดวงแก้วนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
กลับชมพูจะมาอยู่ด้วยนวลละอองแม่อย่าหมองอารมณ์อยู่ร่มไทร
ประโลมลูบจูบสั่งสายสวาทจะนิราศแรมมิตรพิสมัย
ด้วยร้างรักหักจิตไปจำไกลคืนเวไชยันต์ถาวรเหมือนก่อนมา
เลี้ยวพระเมรุเผ่นเยี่ยมอุดรทวีปดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา
สาวสวรรค์สร้อยเศร้าเปล่าอุราพระสุริยาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุธร
สันโดษเดียวเปลี่ยวร่างอยู่กลางเถื่อนไม่มีเพื่อนสาวสุรางค์นางอัปสร
ยินสำเนียงปักษาทิชากรดวงสมรวังเวงวิเวกใจฯ
๏ ฝ่ายพระสุริยงผู้ทรงรถเที่ยวเลี้ยวรถส่องสัตว์จำรัสไข
ส่องตรีภพจบทวีปแล้วรีบไปสว่างในภพโลกชมพูพลัน
ระลึกถึงโฉมงามทรามสวาทออกจากราชรถชัยลงไพรสัณฑ์
ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกันเกษมสันต์พิศวาสไม่คลาดคลาย
แต่เช้ามาสายัณห์แล้วคืนกลับกำหนดนับเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย
ยุพาพินสิ้นกรรมประจำกายจะคลอดสายสุดที่รักโอรสนาง
พอรุ่งแสงสุริยาพระอาทิตย์มานั่งชิดโลมน้องอย่าหมองหมาง
สงสารนวลป่วนปั่นพระครรภ์ครางนาภีนางเพียงจะพังประทังทน
บรรดาเทพธิดาลงมาพร้อมเข้าแวดล้อมอรไทในไพรสณฑ์
บ้างนวดครรภ์ผันแปรให้นิรมลพระสุริยนเคียงน้องประคององค์
ถึงยามปลอดนางคลอดโอรสราชเสียงพิณพาทย์ก้องฟ้าป่าระหง
เป็นชายเหมือนพระอาทิตย์ไม่ผิดทรงสำอางค์องค์นวลละอองดังทองทา
สาวสวรรค์รับขวัญโอรสรักพิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยหา
นางกางกรช้อนอุ้มกุมาราเจ้าเกิดมามิได้อยู่ด้วยแม่แล้ว
ไม่เห็นใครที่จะให้นมเสวยเจ้าแม่เอ๋ยสุดอาลัยนะลูกแก้ว
เจ้าอยู่เถิดมารดาจะลาแล้วกอดลูกแก้วโศกาด้วยอาลัย
แล้วก้มกราบสุริยันรำพันสั่งพระระวังลูกยาในป่าใหญ่
พอสิ้นสั่งสุดสวาทก็ขาดใจกลับคืนไปสู่สวรรค์ชั้นวิมานฯ
๏ ปางพระสุริย์ใสวิไลลบให้ปรารภด้วยบุตรสุดสงสาร
ไม่เห็นใครที่จะได้พยาบาลพระสุริยกาลกอดบุตรเข้าโศกา
แล้วผันแปรแลไปเห็นไกรสรแม่ลูกอ่อนสถิตอยู่ในคูหา
พระอุ้มโอรสราชแล้วยาตราถึงพญาสิงหราชประกาศพลัน
ว่าดูราราชสีห์อันมีศักดิ์โอรสรักเราเกิดในไพรสัณฑ์
กำพร้าแม่แต่คลอดออกจากครรภ์จะให้ท่านเลี้ยงไว้ดังใจจง
เป็นบิดามารดาของทารกเราจะยกให้ตามความประสงค์
เวลาจวนเราจะด่วนไปอัสดงต่อนานนานจึงจะลงมาเชยชมฯ
๏ ราชสีห์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์บังคมคัลพระอาทิตย์อิศยม
ไว้ธุระสิงหราอย่าปรารมภ์จะส่งนมเลี้ยงดูให้อยู่เย็น
แม้นโตใหญ่ได้พึ่งซึ่งพระเดชช่วยปกเกศราชสีห์ไม่มีเข็ญ
อันลูกข้าทารกแม้นอยู่เย็นจะได้เป็นข้าไทเหมือนใจปอง
พระสุริยงทรงฟังไกรสรสัตว์โสมนัสยินดีไม่มีสอง
ส่งลูกให้สิงหราน้ำตานองอวยพรสองราชสีห์อย่ามีภัย
พระกอดจูบลูกยาน้ำตาหยดอุ้มโอรสเศร้าสร้อยละห้อยไห้
พระสงสารราชบุตรสุดอาลัยแล้วลาไกรสรไปเวไชยันต์ฯ
๏ ราชสีห์มีจิตพิศวาสด้วยองค์ราชโอรสพระสุริย์ฉัน
รักเสมอลูกยาไม่อาธรรม์เกษมสันต์อยู่ในถ้ำอันอำไพ
กุมาราชันษาได้สิบทัศงามจำรัสเหมือนองค์พระสุริย์ใส
กำลังเจ็ดช้างสารอันชาญชัยเพราะว่าได้กินนมนางสิงหราฯ
๏ จะกล่าวถึงพระอาทิตย์บิตุเรศพูนเทวษคิดถึงโอรสา
เสด็จจากรถชัยแล้วไคลคลาถึงคูหาถ้ำแก้วอันแพรวพราย
เห็นโอรสลดองค์ลงโอบอุ้มประจงจุมพิตพักตร์พระโฉมฉาย
พระโลมลูบรับขวัญบรรยายโอ้พ่อสายสุดที่รักของบิดร
พ่อมิได้อยู่เลี้ยงไว้เคียงพักตร์เอาลูกรักฝากไว้กับไกรสร
ชนนีนางฟ้าสถาวรนั้นม้วยมรณ์แต่เจ้าคลอดออกจากครรภ์
พระกุมารฟังสารให้สงสัยจึงถามไถ่ราชสีห์ขมีขมัน
ไกรสรเล่าความหลังให้ฟังพลันแจ้งสำคัญพระอาทิตย์เป็นบิดา
ศิโรราบกราบบาทบิตุเรศชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
พระสุริยันกันแสงด้วยลูกยาทั้งสามสัตว์สิงหราก็โศกี
ครั้นเคลื่อนคลายวายโศกกันแสงศัลย์พระสุริยันตรัสประภาษกับราชสีห์
จะให้นามตามวงศ์สวัสดีแทรกชนกชนนีเข้าในนาม
ชื่อโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์จงประสิทธิ์แก่กุมารชาญสนาม
ทั้งตรีโลกโลกาสง่างามเจริญความเกียรติยศปรากฏครันฯ
๏ พระอาทิตย์นิรมิตเครื่องประดับให้เสร็จสรรพล้วนเทพรังสรรค์
เป็นเครื่องทิพสาตราสารพันให้ป้องกันอยู่ในกายกุมารา
รณรงค์คงทนด้วยกายสิทธิ์พระอาทิตย์จึ่งสั่งโอรสา
อันเครื่องทรงที่ในองค์พระลูกยาล้วนเทพสาตราอันเกรียงไกร
จะรบราญรณรงค์เข้ายงยุทธ์ไม่พักหาอาวุธอย่าสงสัย
เครื่องประดับรับรบอรินทร์ภัยเหาะเหินได้รุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง
จงคิดอ่านไปผ่านพิภพโลกมาวิโยคอยู่ไยในไพรระหง
สิงหราชชาติเชื้อเขาชาวดงเจ้าเป็นพงศ์จักรพรรดิสวัสดี
พ่อจะบอกมรคาไปหาคู่นางนั้นอยู่บูรพาพาราณสี
จงลาแม่ลาพ่อจรลีถ้าได้ดีแล้วจงกลับมารับกัน
แม้นเคืองเข็ญจงคิดถึงบิตุเรศถ้าแจ้งเหตุจะมาช่วยอย่าโศกศัลย์
พระกอดจูบลูกยาเฝ้าจาบัลย์พระรำพันร่ำไรแล้วให้พร
พ่อจะลาแก้วตาไปส่องโลกอย่าแสนโศกจงสุขสโมสร
ครั้นเสร็จสั่งสิงหราสถาวรพระทินกรเหาะไปเวไชยันต์ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาน้ำตาไหลด้วยอาลัยสุริย์ฉายนั้นผายผัน
ยิ่งแลลับพระบิดายิ่งจาบัลย์สะอื้นอั้นกำสรดระทดกายฯ
๏ สิงหราว่ากล่าวเล้าโลมปลอบตามระบอบโศกเศร้าบรรเทาหาย
พระโคบุตรสุดจิตคิดเสียดายค่อยน้อมกายเกศก้มประนมกร
ลูกขอลาชนนีอย่ามีเหตุเที่ยวประเวศตามคำพระร่ำสอน
ว่าคู่สร้างนางอยู่ในสาครพเนจรไปในป่าพนาวัน
แม้นบุญช่วยได้สมอารมณ์คิดให้ต้องจิตดังคำพระสุริย์ฉัน
กุศลส่งคงพบประสบกันครองเขตขัณฑ์ได้คู่อยู่สำราญ
ถึงลูกไปใช่จะลืมพระคุณแม่ถ้าเว้นแต่ชีวังสิ้นสังขาร
แม้นบุญส่งคงสบายไม่วายปราณจะเวียนมามัสการพระมารดาฯ
๏ ราชสีห์สุดที่จะทานทัดกลัวจะขัดเคืองลูกเสน่หา
จึงอวยพรสั่งสอนกุมาราแล้วให้ยาล้ำเลิศประเสริฐครัน
ถ้าเคี้ยวพ่นคนตายแล้วคลายรอดไม่ม้วยมอดมรณาชีวาสัญ
พระรับยาอาลัยใจผูกพันกันแสงศัลย์กราบบาทสิงหราฯ
๏ โอ้แม่เจ้าคราวนี้จะนานแล้วจงอยู่ครองห้องแก้วถ้ำคูหา
ไม่ปลดปลงลูกคงจะกลับมาแล้วอำลาราชสีห์ผู้พี่ชาย
ตั้งอารมณ์ข่มใจอาลัยรักค่อยหาญหักอาดูรให้สูญหาย
เสด็จจากห้องแก้วอันแพรวพรายพระทัยหายกลับมาโศกาลัย
เป็นหลายครั้งตั้งร่ำรำพันรักแล้วหวนหักเสน่หาน้ำตาไหล
พระชุบเช็ดชลนาด้วยอาลัยแล้วหักใจจำทิศพระบิดา
เหาะละลิ่วปลิวคว้างมากลางเมฆลอยวิเวกมาในท้องพระเวหา
พระลอยลมแลชมอรัญวาประมาณมาหลายคืนชื่นอารมณ์ฯ
             

ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน

๏ จะกล่าวถึงขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม
ครองพาราณสีบุรีรมย์มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี
มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศเสวยราชสมบัติเกษมศรี
มีพระราชธิดาล้ำนารี ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์
มีพระราชกุมารเสน่หา อนุชาน้องถัดนวลหง
ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์ ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน
พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์
บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย
ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย
เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี
คิดการศึกนึกจะเป็นกษัตริย์ ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี
ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี ได้แทนที่พรหมทัตกษัตรา
จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา
ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา เครื่องสาตราครบถ้วนแลทวนแทง
ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง
เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน
จับกษัตริย์ตัดเศียรสิ้น ชีวิต ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้
จับพวกเหล่าสาวสรรค์ กำนัลใน มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน
แสน สังเวชนางในใจจะขาด ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน
ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ
๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง
เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์ นุชนางอุ้มสองกุมารา
แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา
อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา แล้วก็พาลูกเลี้ยว เที่ยวเวียนวง
ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง
เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบ องค์ กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ
สายสมรสอนสั่งพระลูก แก้ว พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้
ทั้ง พี่น้องสองราอย่าอาลัย พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย
ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย
พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี
สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้ จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี
นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร
เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส
รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี
แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี
เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ
น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่ สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร
กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน
นางมณีสาครจูงกรน้อง สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ
เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา
พ้นทวารบ้านเมืองชำเลือง เหลียว ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา
เจ้า รีบรัดตัดเนินดำเนินมา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์ หน่อกษัตริย์สองราน้ำตาไหล
ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ
๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน
ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง
ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง
แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ
ให้ค้นหาธิดากรุงกษัตริย์ จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน
มิได้พบพี่น้องสองกุมาร ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา
ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์ สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา
ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด
ทำโกศทองรองศพสองกษัตริย์ ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส
เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ
๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์
กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง
อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง
สงสารสองทรงศักดิ์ในนครัง บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย
เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ เธอเวียนรบตักเตือนให้สรงเสวย
ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน
เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์
เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล
พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์
สิ้นกำลังล้มลงในดงดาน สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ
๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง
ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ
ลมรำพายชายพัดมารึ่นรื่น ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้
พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป โศกาลัยเลียบเดินเนินคีริน
บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์
ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย
ทั้งสององค์นั่งลงกำลังหอบ พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย
แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล
พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด น้องว่ารสโอชาผลาผล
จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ
พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ
ได้ยินเสียงพี่ น้องสองกุมาร ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป
แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว
แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา
สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา
เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ
             

ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี

๏ พอโคบุตรสุริยาเหาะมาถึงได้ยินอึงหวั่นไหวทั้งไพรสณฑ์
พระลอยแลมาแต่โพยมบนเห็นสายชลฟุ้งสายกระจายฟอง
สี่ยักษาไล่ทารกอยู่หมกมุ่นนึกการุญสงสารเจ้าทั้งสอง
พระโถมลงตรงสระปทุมทองอุ้มเอาสองกุมารทะยานมา
ยักษ์พิโรธโกรธไล่กระชั้นชิดพระทรงฤทธิ์หยุดยืนบนยอดผา
โบกพระหัตถ์ตรัสห้ามแล้วถามมาอสุราโกรธกันด้วยอันใด
ยักษ์ทมิฬยินถามคำรามร้องมันจองหองลงชำระในสระใหญ่
เก็บโกมินกินฝักแล้วหักใบเราขัดใจจึ่งจะล้างให้วางวาย ฯ
๏ พระพี่น้องสองเจ้าเล่าความหลังเป็นสัจจังข้าพเจ้าเล่าถวาย
ทินกรร้อนรนกระวนกระวายมาเห็นสายชลธีก็ดีใจ
ทั้งพี่น้องสององค์ลงกินอาบก็เย็นซาบสรรพางค์ไม่ตักษัย
คิดว่าน้ำสำหรับอยู่กับไพรไม่แจ้งใจว่าเจ้าของเขาป้องกัน
จงเอาบุญเจ้าประคุณเอ็นดูด้วยเหมือนโปรดช่วยลูกกำพร้าจะอาสัญ
พระทรงฟังสังเวชพระทัยครันจึงว่ากับกุมภัณฑ์ไปทันความ
นี่แน่นายฝ่ายเด็กไม่รู้แจ้งใช่จะแกล้งมาข่มเหงไม่เกรงขาม
ถึงจะฆ่าทารกไม่ลือนามจะถือความไปทำไมไม่ต้องการ ฯ
๏ พวกรากษสโกรธร้องอยู่ก้องกึกจองหองฮึกเหิมนักทำหักหาญ
มิส่งมามึงจะพากันวายปราณมิใช่การของเอ็งไม่เกรงกัน ฯ
๏ พระฟังสารมารร้ายหมายชีวิตไม่หวาดจิตปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึ่งว่าเหวยอสุราใจอาธรรม์เราไม่พรั่นดอกที่ข้อจะต่อตี
พระถอดเทพสังวาลโองการสั่งสังวาลระวังพี่น้องทั้งสองศรี
ยักษ์พิโรธโลดไล่เป็นสิงคลีกระโดดตีตึงตังประดังมา ฯ
๏ พระลองแรงแผลงฤทธิ์เข้ารบรับพระหัตถ์จับข้างละสองสี่ยักษา
เผ่นผงาดฟาดผางกลางศิลาอสุราดิ้นกระเดือกลงเสือกกาย
จึงโอมอ่านอาคมพรหมประสิทธิ์ก็เปลื้องปลิดเจ็บปวดนั้นสูญหาย
เข้ากลาดกลุ้มรุมรบอยู่รอบกายดังเสียงสายสุนีลั่นสนั่นดัง
ด้วยเดชะเครื่องประดับสำหรับศึกแล่นพิลึกโลดไล่ไม่ถอยหลัง
ได้กินนมราชสีห์มีกำลังไม่พลาดพลั้งติดพันประจัญบาน
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงรบไม่หลีกหลบโลดไล่ด้วยใจหาญ
ยักษ์จะจับพี่น้องสองกุมารเพราะสังวาลป้องกันไม่อันตราย ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาวราเดชเอาธำมรงค์บิตุเรศอันเรืองฉาย
พระหัตถ์ขว้างเป็นแสงประกายพรายประหารกายยักษ์ขาดลงดาษดิน
ด้วยฤทธิ์เทพอาวุํธสุดจะแก้ไม่หายแผลม้วยมุดสุดถวิล
ราพณ์ร้ายตายกลาดลงดาษดินพระนรินทร์เหาะลงเนินคิรี
จึงเรียกสองกุมาราเข้ามาชิดพลางพินิจพี่น้องทั้งสองศรี
งามเจริญกิริยากุมารีดังมณีเมขลาวิไลทรง
ชมกุมารน้องชายก็เฉิดโฉมงามประโลมดังเทพครรไลหงส์
ชะรอยเป็นจักรพรรดิขัตติย์วงศ์จึงเอื้อนโองการถามเนื้อความไป
นี่แน่น้องสองเจ้าจงเล่าเรื่องอยู่บ้านเมืองแห่งหนตำบลไหน
ยังเด็กนักหักหาญมาเดินไพรบุญเจ้าไม่มรณาพี่มาทัน ฯ
๏ สองกันแสงเล่าความไปตามเรื่องฉันเสียเมืองยากไร้มาไพรสัณฑ์
มาประสบพบมารชาญฉกรรจ์แล้วโศกศัลย์ร่ำไรอยู่ไปมา
พระโปรดช่วยจึงไม่ม้วยชีวาวาตม์ขอรองบาทยุคลจนสังขาร์
ข้าชื่อมณีสาครแต่ก่อนมาอนุชาชื่ออรุณร่วมท้องกัน ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ใ้ห้สงสารปลอบกุมารว่าอย่าทรงกันแสงศัลย์
เจ้ายังเด็กพี่็ก็เล็กอยู่ด้วยกันไม่หมายมั่นจะเอามาเป็นข้าไท
จะช่วยน้องให้ได้ครองคืนสถานจงสำราญเถิดนะน้องอย่าหมองไหม้
พี่จะชุบกุมภัณฑ์ที่บรรลัยจึ่งจะไม่เป็นกรรมประจำกาย
พระหยิบยามาเคี้ยวแล้วเที่ยวพ่นกุมภัณฑ์พลได้กลิ่นก็กลับหาย
หมอบประนมก้มตัวด้วยกลัวตายต่างถวายอภิวันท์รำพันความ
ขอบพระคุณการุญชุบชีวิตได้พูดผิดข้าน้อยนี้หยาบหยาม
ขอรองบาทมุลิกาพยายามไปติดตามกว่าจะสูญสิ้นชีวา
แล้วยักษีสี่นายถวายแก้วอันเลิศแล้วเหาะได้ในเวหา
ทั้งสองดวงแต่ล้วนดีมีศักดาปรารถนานึกได้ดังใจจง ฯ
๏ พระรับแก้วแล้วตรัสกับขุนยักษ์ท่านจงรักสุจริตจิตประสงค์
เราสงสารพี่น้องทั้งสององค์เจ้าเชื้อพงศ์จักรพรรดิสวัสดี
เที่ยวทนทุกข์บุกป่าพนาเวศน่าสมเพชใจนักนะยักษี
จะแก้ไขให้สองราคืนธานีอสุรีจงไปช่วยเราด้วยกัน ฯ
๏ พนาสูรทูลความไปตามเรื่องมิให้เคืองบาทมูลทูลผ่อนผัน
ให้สององค์พระกุมารสำราญครันเหมือนทรงธรรม์อนุกูลกุมารา ฯ
๏ ได้ฟังสารแสนสำราญอารมณ์รื่นพระชมชื่นแสนสนิทเสน่หา
พระยื่นแก้วแล้วตรัสจำนรรจาถือจินดาเถิดน้องทั้งสองคน
เจ้ากุมแก้วแล้วเหาะไปตามพี่ถึงบุรีเรืองรัตน์ไม่ขัดสน
สองกุมารกรานกราบจอมสากลแล้วกุมแก้วฤทธิรณไว้กับกร ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาก็พาเหาะข้ามละเมาะเขาเขินเนินสิงขร
สามกษัตริย์อสุราพากันจรหมายนครลอยฟ้ามาบุรี
ครั้นภาณุมาศผาดแผดแดดร้อนจัดสามกษัตริย์ต้องแสงนรังสี
พระเคลื่อนคล้อยลอยลงในพงพีจรลีร่มรื่นชื่นพระทัย
พระโคบุตรชวนน้องสองกษัตริย์ชมพนัสหิมวาพฤกษาไสว
ที่ผลิดอกออกผลระคนไปวายุไกวกิ่งกวดเป็นวงกง
ชมพู่เทศเกดแก้วตะโกโกฐชะลูดโลดตุมกามหาหงส์
หันเหียนตะเคียนคางยางประยงค์วัลย์เปรียงปรงปรูปรางตะลิงปลิง
ฝูงอีลุ้มแอบพุ่มอุโลกลับกระสาจับไซ้ขนบนต้นสิง
กาลิงเลี้ยวไล่หานางกาลิงอัญชันชิงคู่เคียงอยู่เรียงกัน
นกกระเหว่าเฝ้าแฝงฝรั่งร้องฝูงยูงทองย่องเหยียบพะยุงขัน
สามกุมารเพลิดเพลินเจริญครันแล้วพากันชมนกไม้ไพรพนม
ตามประสาทารกรักสนิทไม่นึกคิดเคืองระคายเท่าปลายผม
สัพยอกหยอกเอินเพลินอารมณ์จนแดดร่มเบี่ยงบ่ายลงชายไพร
พระชวนน้องสององค์ขึ้นเหาะเหินงานเจริญรีบมาในป่าใหญ่
ลอยละลิ่วปลิวเมฆมาไรไรประมาณได้ยามหนึ่งถึงธานี
สองกุมารทูลความไปตามเรื่องนี่แลเมืองข้าน้อยทั้งสองศรี
โน่นปรางค์ทองของพระชนนีแต่เดี๋ยวนี้ใครจะอยู่ไม่รู้ความ
ได้ทรงฟังทั้งสองพระน้องนาฏลงปราสาทเถิดนะน้องอย่าเกรงขาม
แม้นมิใช่บิดาพะงางามจงแจ้งความพี่จะทำให้หนำใจ ฯ
๏ กุมาราพาองค์พระทรงเดชเข้านิเวศน์ปรางค์ทองอันผ่องใส
สามกษัตริย์อสุราก็คลาไคลเข้าห้องในปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ
๏ นางชาววังนั่งยามอยู่แออัดเห็นกษัตริย์สองราน่าสงสาร
ให้ระลึกถึงนายที่วายปราณวิ่งเข้ากอดกุมารแล้วโศกา
สิ้นบุญทูลกระหม่อมทั้งสองแล้วดังดวงแก้วมืดมิดทุกทิศา
แม่เป็นไรไปแล้วจึ่งกลับมาพราหมณ์ชราพ่อลูกมันครองวัง ฯ
๏ ได้ฟังฝูงกัลยาน้ำตาไหลแข็งพระทัยตรัสถามเนื้อความหลัง
สองพระองค์ปลดปลงชีวาวังพระศพยังอยู่หรือสูญไปแห่งใด ฯ
๏ สาวสนมก้มกราบแล้วทูลสนองอันศพสองปิ่นกษัตริย์ที่ตัดษัย
เขาใส่พระโกศทองไว้ห้องในแล้วร้องไห้ห้ามปรามพระทรามชม
นางมณีสาครกับน้องน้อยก็เศร้าสร้อยโลมเล้าสาวสนม
แต่ก่อนปางสร้างกรรมจำนิยมอย่าปรารมภ์เราจะคืนเอาพารา
แล้วนำองค์ทรงศักดิ์กับยักษ์ร้ายค่อยแฝงกายมาถึงแท่นอันเลขา
เห็นพราหมณ์เฒ่าขึ้นสถิตแท่นบิดากับลูกยาบนเตียงอยู่เคียงกัน ฯ
๏ พระพี่น้องร้องเรียกให้ยักษ์จับสั่งกำชับอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ
ยักษ์กระโจมโถมจับตาพราหมณ์พลันเชือกมัดมั่นสองแขนอยู่แอ่นกาย
ทั้งพ่อลูกถูกมัดอยู่นอนกลิ้งพวกผู้หญิงเห็นยักษ์ก็ใจหาย
บ้างหวีดหวาดผาดแลเห็นเจ้านายจึงค่อยคลายความกลัวทุกตัวคน ฯ
๏ พระพี่น้องร้องห้ามพวกสาวใช้อย่าตกใจใช่ศึกมากลางหน
ต่างรู้ชัดค่อยสงัดสงบตนพระสุริยนเยี่ยมยอดเมรุไกร
พระพี่น้องร้องเชิญพระโฉมศรีมาสู่ที่โกศทองอันผ่องใส
ให้เปิดโกศเชิญศพออกทันใดภูวไนยพ่นด้วยโอสถพลัน
จอมกษัตริย์สององค์คงชีวิตค่อยเคลิ้มจิตคลับคล้ายเหมือนใฝ่ฝัน
เห็นลูกรักยักษ์ร้ายอยู่เคียงกันพระโศกศัลย์สวมกอดเอาลูกยา
พ่อบรรลัยใครช่วยจึงรอดเล่าไฉนเจ้ารู้จักกับยักษา
พระโฉมยงองค์นั้นนะกัลยาเสด็จมาแต่หนตำบลใด ฯ
๏ พระโอรสยศยงทรงสดับจึงกล่าวกลับความหลังแถลงไข
พระชนกชนนีก็ดีใจราวกับได้ทิพสถานพิมานอินทร์
เข้าอุ้มองค์บุตราพระอาทิตย์พลางจุมพิตเชยชมสมถวิล
สมบัติของบิดาในธานินทร์ทั้งม้ารถคชริินทร์อันเพริศพราย
จะมอบให้ทรามชมเสวยราชย์ชนชาติจะได้พึ่งพระโฉมฉาย
พระบิดรมารดาชรากายจะเบี่ยงบ่ายบรรพชาไม่ราคี
ฝากแต่น้องสององค์ไว้ด้วยเถิดนึกว่าเกิดร่วมครรภ์พระโฉมศรี
พ่อขอถามนามชนกชนนีผ่านบุรีแห่งหนตำบลใด ฯ
๏ พระโคบุตรทรงฟังรับสั่งถามไม่บอกความออกแจ้งแถลงไข
หม่อมฉันชาวหิมวาพนาลัยทุเรศไร้สุริย์วงศ์อยู่ดงดอน
พระมารดาอาสัญแต่วันคลอดชีวิตรอดด้วยราชไกรสร
ลูกรักเคยอยู่ป่าพนาดรมาเที่ยวจรเล่นตามความสบาย
มาพบน้องนวลนางที่กลางเถื่อนเห็นเด็กเหมือนกันก็รักไม่รู้หาย
ฉันชุบช่วยภูวดลให้พ้นตายเสร็จแล้วจะถวายบังคมลา
ซึ่งโปรดปรานบ้านเมืองให้ลูกรักมิใช่ศักดิ์เชื้อวงศ์เผ่าพงศา
ลูกยกให้แก่พระน้องทั้งสองราจะกราบลาเที่ยวให้เพลินเจริญใจ
พระโศกาอาลัยใจจะขาดภูวนาถว่าวอนด้วยรักใคร่
สารพัดพ่อมาตัดอาลัยไปทั้งเวียงชัยก็ไม่รักจะหักจร
ทำกระไรจะได้แทนคุณสนองที่ช่วยสองสุดสวาทสโมสร
จงเอ็นดูบิดาที่ว่าวอนอยู่นครด้วยน้องทั้งสององค์ ฯ
๏ พระฟังห้ามตามมีไมตรีจิตบุตรอาทิตย์ทูลความตามประสงค์
ถึงลูกไปใช่จะลืมบาทบงสุ์เมื่อนานนานแล้วก็คงจะกลับมา ฯ
๏ พรหมทัตครั้นจะขัดก็สุดคิดรัญจวนจิตเศร้าสร้อยละห้อยหา
แลดูองค์ทรงฤทธิ์กับธิดาอุปมาเหมือนแก้วแกมกับทอง
แต่ทรงฤทธิ์จิตยังเด็กไม่รู้จักด้วยเ็ด็กนักยังไม่ควรภิเษกสอง
จะโลมเล้าเอาใจในทำนองพระตรึกตรองตรัสไปด้วยไมตรี
ถึงจะไปอาลัยแก่พ่อมั่งจงรอรั้งอยู่เมืองให้เรืองศรี
พออุ่นใจไพร่ฟ้าประชาชีชาวบุรีหญิงชายกระจายจร
ว่าพ่อได้สายสวาทเป็นโอรสเฉลิมยศภิญโญสโมสร
พ่อเอ็นดูบิดาให้อาวรณ์อย่าเพ่อจรให้พ่อช้ำระกำใจ ฯ
๏ พระโคบุตรสงสารท้าวพรหมทัตสุดจะขัดแล้วจึ่งทูลสนองไข
พระตรัสห้ามสามหนแล้วจนใจจะอยู่ไปมิให้เคืองเรื่องราคี
เมื่อนานนานลูกจะลาไปเล่นมั่งจิตลูกยังอาลัยถึงไพรศรี
จะเที่ยวดูเสียให้ทั่วทั้งธรณีชมบุรีจักรพรรดิกษัตรา
กรุงกษัตริย์ฟังสารสำราญรื่นประคองชื่นรับขวัญด้วยหรรษา
แล้วเชิญโอรสราชเร่งยาตราเสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล
ให้ยักษาพาพราหมณ์มาถามซักเอาเพื่อนพรรคพี่น้องจองหองหาญ
ทั้งพ่อลูกผูกมัดฝีมือมารก็ให้การซัดเพื่อนออกเปื้อนคำ
เขาจดหมายไล่จับมาคับคั่งมีรับสั่งให้ลงโทษแต่คนขำ
บีบขมับขับเฆี่ยนเจียนระยำให้ตรากตรำตรึงตราไว้ตรุใน
แล้วยกข้อพ่อลูกประโรหิตกระทำผิดสาหัสถึงตัดษัย
ให้ตีฆ้องร้องป่าวตระเวนไปอย่าฆ่าในธานีเป็นชีพราหมณ์
ใส่นาวาไปมหาทะเลหลวงเอาหินถ่วงเสียให้จมสมหยาบหยาม
พระตรัสสั่งสิ้นเสร็จสำเร็จความแล้วชวนสามโอรสเข้าสู่วัง
เสวกาพาพราหมณ์ทั้งพ่อลูกไปมัดผูกเฆี่ยนขับตามรับสั่ง
ตะโหงกคอข้อมือขื่อประดังข้างหน้าหลังตีฆ้องมาสองคน
พวกดาบแดงแซงเดินกระหนาบข้างขยับย่างจูงพราหมณ์มาตามถนน
ตีฆ้องแล้วให้ร้องประจานตนทั้งสองคนพ่อลูกเหมือนอย่างลิง
เสียงหม่องหม่องร้องว่าเจ้าข้าเอ๋ยอย่าดูเยี่ยงข้าเลยทั้งชายหญิง
ข้าพ่อลูกทุจริตทำผิดจริงกบฏชิงสมบัติกษัตรา
ทั้งชาวบ้านร้านตลาดก็กลาดเกลื่อนร้องเรียกเพื่อนวิ่งกรูมาดูหน้า
ทั้งธานีมิได้มีใครเวทนามันอยากชิงวาสนาสาแก่ใจ
ตระเวนรอบขอบเมืองทุกบ้านช่องลงเรือล่องไปในกลางทะเลใหญ่
เอาพ่อลูกผูกแผ่นศิลาลัยโยนลงในสาชลก็วายปราณ
กลับมาทูลมูลเหตุเกศกษัตริย์พรหมทัตปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
จิตระรื่นชื่นอารมณ์ชมกุมารจำเนียรกาลนานมาอยู่ธานี ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์บังคมทูลพรหมทัตเจ้ากรุงศรี
ลูกอยู่กับบิดามากว่าปีระลึกถึงพงพีพ้นกำลัง
ลูกจะขอลาองค์พระทรงเดชไปเที่ยวชมหิมเวศเหมือนใจหวัง
พรหมทัตขัตติย์วงศ์ได้ทรงฟังท้าวเธอหลั่งชลนาโศกาลัย
ครั้นจะตรัสหักหาญพูดทานทัดกลัวจะขัดเคืองวิญญาณ์อัชฌาสัย
จึ่งตรัสว่าแก้วตาจะคลาไคลสำราญใจกลับมายังธานี ฯ
๏ พระโคบุตรรับรสพจนารถกราบเบื้องบาทบงกชบทศรี
ลูกไปลับคงจะกลับมาบุรีไม่ถึงปีอย่าอาลัยพระทัยปอง
แล้วผินหน้ามาสั่งพระน้องรักอยู่ตำหนัีกเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง
พี่ไปแล้วคงจะกลับมารับน้องนวลละอองจงสุโขอย่าโศกา
ทั้งพี่น้องร้องไห้วิ่งไปกอดรำพันพลอดวิงวอนฉะอ้อนว่า
จะไปไหนฉันจะไปด้วยพี่ยาอย่าพักว่าเลยไม่อยู่ในบูรี ฯ
๏ พระรับขวัญจูบน้องประคองชิดตามจริตทารกทั้งสามศรี
อย่าไปเลยลำบากองค์ในพงพีล้วนเสือสีห์ผีสางกลางอารัญ
มันเห็นใครใจอ่่อนมันหลอนหลอกไม่ดีดอกเจ้าอย่าไปในไพรสัณฑ์
ทำไมกับพี่มีมนต์ไม่กลัวมันจงครองกันอยู่เมืองอย่าเคืองระคาย ฯ
๏ อย่าพักปดให้เหนื่อยปากไม่อยากเชื่อถึงช้างเสือก็ไม่พรั่นเหมือนมั่นหมาย
มิพาไปแล้วไม่ออกไปนอกกายจะกอดคอไว้จนตายไม่ปล่อยเลย ฯ
๏ ดูดู๋ว่าแล้วยังไม่ฟังว่าทั้งข้าวปลาก็จะได้ที่ไหนเสวย
ดวงมณีที่พี่ให้เอาไว้เชยอย่าไปเลยโฉมตรูอยู่พารา
ทั้งพี่น้องร้องไห้ไม่ฟังห้ามขืนจะตามไปหิมเวศด้วยเชษฐา
พระโคบุตรสุดจนพ้นปัญญาทูลบิดาให้ห้ามเจ้าทรามวัย
บิตุรงค์ทรงพระสรวลสำรวลร่าตามแต่เจ้าจะว่าอัชฌาสัย
เมื่อพ่อแม่เขาไม่รักจะหักไปแล้วภูวไนยเล้าโลมนางโฉมงาม
อนุชาพ่อจงพาไปฝึกสอนนางมณีสาครจะช่วยห้าม
แล้วตรัสปลอบพระธิดาพะงางามแม่อย่าตามไปให้ยากลำบากกาย
แม้นขุกเข็ญเป็นหญิงนี้ยากนักพระลูกรักพ่อว่าอย่าผันผาย
พระอนุชาเขาเชื้อเนื้อว่าชายอันตรายโพยภัยเขาไม่มี ฯ
๏ นางทรงฟังแค้นจิตบิตุเรศชลเนตรไหลนองหม่นหมองศรี
เจ้าหยิกข่วนเชษฐาไม่ปรานีแล้วเข้าที่ไสยาโศกาลัย ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาผวาวิ่งมาปลอบมิ่งสมรมิตรพิสมัย
พี่เมตตาจึ่งไม่พาเจ้าเดินไพรแม่ยังไม่เห็นดีเข้าตีรัน
แต่น้องน้อยยังหน่วงเป็นห่วงนักพระทรงศักดิ์เธอจะให้ไปกับฉัน
แม่จงฟังพี่ยาอย่าจาบัลย์จะเก็บพรรณบุปผาอัมพาพวง
ที่หอมหวนงามหลากมาฝากแม่ห้อยพระแกลเล่นสะพรั่งในวังหลวง
พงศ์กษัตริย์ตรัสล้อแล้วล่อลวงสุดาดวงค่อยชื่นกลืนน้ำตา ฯ
๏ พระจูงกรยุพยงอนงค์นาฏยุรยาตรจากแท่นอันเลขา
มาฝากองค์ทรงฤทธิ์พระบิดาแล้วชวนพระอนุชามาสรงชล
ในอ่างทองรองฝักปทุมมาศดูสะอาดชลปรอยเป็นฝอยฝน
น้ำกุหลาบอาบองค์สรงสุคนธ์ทรงเครื่่องต้นดูงามอร่ามพราย ฯ
๏ สององค์ออกหน้าโถงพระโรงรัตน์หน่อกษัตริย์ทรงแท่นอันเรืองฉาย
โองการสั่งอสุรีทั้งสี่นายจงผันผายไปสถานสำราญใจ
แต่จงช่วยกรุณังระวังนิเวศน์ทั่วขอบเขตนครังทั้งน้อยใหญ่
พนาสูรทูลสนองให้ต้องใจในกรุงไกรมิให้มีราคีพาน
สิบห้าวันจะผลัดกันมาสืบข่าวให้สองท้าวปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
แล้วกราบลาพี่น้องสองกุมารเหาะทะยานหมายมาพนาลี ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์สำราญจิตจากพระโรงอันเรืองศรี
เจ้าอรุณสุริยวงศ์ทรงมณีจรลีลอยลิ่วปลิวเมฆา
ออกจากรุงมุ่งหมายเข้าไพรระหงทั้งสององค์ชมไม้ไพรพฤกษา
พระเหาะเรียงเคียงชมยมนาลอยละลิ่วปลิวฟ้ารีบคลาไคล ฯ
๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมภูผาพระจันทราส่องสว่างกระจ่างไข
ทั้งสองชมจันทรานภาลัยมาตามในแถวทางกลางอารัญ
พระเหาะเรียงเคียงชมดารารายแสนสบายคลายทุกข์เกษมสันต์
ศิลาลายพรายเลื่อมด้วยแสงจันทร์ชี้ชวนกันทัศนาศิลาลัย ฯ
๏ พระสุริยาฟ้าสางสว่างภพกระจ่างจบในป่าพฤกษาไสว
ทั้งพี่น้องสองเหาะระเห็จไปถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านครัน
เป็นสี่เหลี่ยมสูงวิเวกเทียมเมฆมืดดูโยงยืดยาวใหญ่ในไพรสัณฑ์
เหมือนเมฆมืดเมฆาเมื่อสายัณห์พระชวนกันสององค์เดินตรงมา
ครั้นถึงที่เขาใหญ่ในไพรสณฑ์แลเห็นต้นนารีผลบนเนินผา
ล้วนคนธรรพ์นักสิทธ์วิทยาเฝ้ารักษาแลล้อมอยู่พร้อมกัน
ทั้งสององค์่ทรงแลไม่เคยเห็นมุ่งเขม้นแล้วทรงพระสรวลสันต์
พระโคบุตรนึกอนาถประหลาดครันต้นไม้นั้นแต่ล้วนนางสล้างไป
ที่ใต้ต้นคนธรรพ์สะพรั่งอยู่พระน้องดูให้เห็นเล่นใกล้ใกล้
ว่าพลางทางชวนกันเหาะไปสำราญใจชื่นจิตด้วยฤทธิรณ ฯ
             

ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย

๏ ฝ่ายคนธรรพ์กับพวกวิชาธรเหาะเร่ร่อนคอยระวังนารีผล
เห็นพี่น้องสององค์ในอำพนแต่ละตนเดือดดาลทะยานใจ
ด้วยหวงแหนแค้นเคืองเป็นที่สุดเหม่มนุษย์สองรามาแต่ไหน
แกว่งพระขรรค์หันเหาะระเห็จไปทะลวงไล่บุกบั่นกระชั้นมา ฯ
๏ พระโคบุตรหยุดถอดเอาแหวนก้อยให้น้องน้อยใส่นิ้วพระหัตถา
เข้าโจมจับกับพวกวิทยาเสียงศาสตรากริ่งกร่างกลางอัมพร
ชิงพระขรรค์ฟันฟาดเสียงฉาดฉับศีรษะพับตกผางกลางสิงขร
ที่เหลือตายรายรอบเข้าราญรอนวิชาธรล้อมกลุ้มเข้ารุมองค์ ฯ
๏ พระรบรับจับมารแล้วโยนขว้างเสียงผึงผางถูกเพื่อนเป็นผุยผง
ด้วยกำลังยั่งยืนกลางณรงค์ดังครุฑยงเหยียบพญาวาสุกรี
วิชาธรอ่อนฤทธิ์ไม่อาจรบน้อยกำลังหลีกหลบเอาตัวหนี
ที่วอดวายตายกลาดธรณีที่หลบลี้หลีกลอดก็รอดตาย
พระพี่น้องสองราพากันเหาะลงจำเพาะเขาใหญ่เหมือนใจหมาย
เห็นซากศพวิทยาบรรดาตายทั้งกรกายขาดพลัดกระจัดกัน
หวนพระทัยใจจิตคิดสังเวชแสนสมเพชวิทยาที่อาสัญ
อ้ายเหล่านี้ไม่พอที่ทำดุดันพระพูดกันพี่น้องทั้งสองรา
จะชุบชีวิตไว้พอหายหลาบอย่าเป็นบาปติดกายไปภายหน้า
ดำริพลางทางหยิบเอายามากุมาราเคี้ยวพ่นทุกคนไป ฯ
๏ วิชาธรรอดตายขึ้นไหว้กราบศิโรราบหมอบเรียงเคียงไสว
ยอมถวายกายเป็นเช่นข้าไทจะอยู่ใกล้บาทบงสุ์พระทรงธรรม์
ข้าขอถามนามวงศ์พระทรงเดชจากประเทศมาไยในไพรสัณฑ์
ฤทธิรงค์นี่กระไรดังไฟกัลป์ใครไม่ทันเทีียมศักดิ์ทั้งจักรวาล ฯ
๏ พระฟังพวกวิทยาสามิภักดิ์จึ่งประจักษ์เล่าแจ้งแถลงสาร
เราพี่น้องสองราปรีชาชาญนึกสำราญเที่ยวเล่นอรัญวา
นั่นโฉมงามนามชื่ออรุณน้องอันตัวของเรานี้เป็นเชษฐา
ชื่อโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดานี่ท่านมาทำไมในไพรวัน
ผูกชฎาอาภรณ์ล้วนหนังเสือหรือชาติเชื้อชาวป่าพนาสัณฑ์
วิชาธรกรประนมบังคมคัลกระหม่อมฉันพวกข้าวิชาธร
อันพฤกษาต้นนี้นารีผลออกเป็นคนได้ชมสมสมร
สำหรับชมชั่วประถมพุทธันดรไปกอดนอนชมเล่นเหมือนเช่นคน
จึงสามารถอาจหาญเพราะแสนหวงกลัวจะช่วงชิงนางนารีผล
พระยกโทษโปรดไว้ไม่วายชนม์ทั้งร้อยคนจะเป็นข้าพยาบาล
เชิญพระไปชมป่าพนาเวศมีประเทศหนึ่งโตรโหฐาน
ทั้งธารน้ำถ้ำแก้วอลังการแสนสำราญรุกขชาติสะอาดครัน
เป็นปิ่นเทพนิกรกินรนาฎมาประพาสแสนสุขเกษมสันต์
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนกันมาในอารัญทั้งสุบรรณครุฑาวาสุกรี
จะนำเสด็จสององค์พระทรงเดชไปทอดพระเนตรพนมคิรีศรี
สองพระองค์ทรงฟังก็เปรมปรีดิ์เออท่านดีแล้วจงพาเราคลาไคล
พระชวนองค์น้องชายสายสมรวิชาธรพรั่งพร้อมล้อมไสว
ต่างสำแดงศักดาเหาะคลาไคลนำตรงไปมรกตคิรีวัน ฯ
๏ พระพี่น้องชมป่าพฤกษาสัตว์ตามจังหวัดราวป่าพนาสัณฑ์
บรรลุถึงเขาเขินเนินอรัญก็พากันเหาะตรงลงคิรี ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทพไทในไกรลาสกินรนาฏนางฟ้าทุกราศี
ถึงเวลาก็พากันจรลีลงเล่นโบกขรณีในไพรวัน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์อดิศรก็ชวนพวกวิชาธรระเห็จหัน
ลงเล่นน้ำสำราญพระทัยครันเกษมสัีนต์รื่นเริงบันเทิงใจ ฯ
๏ ฝ่ายฝูงนางเทพอัปสรบ้างขับขานเป็นกังวานก้องเสียงสำเนียงใส
พอเวลาสายัณห์ลงไรไรเทพไทกลับหลังยังวิมาน ฯ
๏ ฝ่ายพระโคบุตรกับนุชน้องสั่งพวกพ้องวิทยาศักดาหาญ
ท่านจงอยู่อย่าเป็นทุกข์สุขสำราญไปถิ่นฐานที่สถิตแต่ก่อนมา
เราพี่น้องจะไปชมพนาเวศสีขเรศถ้ำเขาลำเนาผา
วิชาธรได้ฟังหลั่งน้ำตาต่างกอดบาทบาทาเข้าร่ำไร
ด้วยจงรักภักดีมีพระเดชชลเนตรแถวถั่งลงหลั่งไหล
แล้วทูลว่าจะเดินทางในกลางไพรพระอย่าไปทางทิศบูรพา
ประกอบด้วยยักขินีผีเสื้อน้ำเลิศล้ำฤทธิแรงกำแหงกล้า
ทั้งร้ายกาจสามารถด้วยมารยาจะเดินป่าระวังองค์ให้จงดี
ต่างอวยพรให้องค์พงศ์ฺนเรศจงเรืองเดชฤทธิไกรชาญชัยศรี
แล้วพากันเหาะเหขึ้นเมฆีกลับไปที่ถาวรเหมือนก่อนมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยงดำรงฤทธิ์สำราญจิตเกษมสันต์ยิ่งหรรษา
แล้วเชิญชวนโฉมยงองค์นุชาจากเนินผาแล้วระเห็จเสด็จไป
ไปตามทางข้างทิศบูรพาที่บิดาบอกทิศหนทางให้
ทั้งสององค์ลอยฟ้ามาไรไรเกือบจะใกล้พระสมุทรแลสุดตา ฯ
๏ จะกล่าวถึงอสุรีอันมีฤทธิ์นามประสิทธิ์หัศกัณฐมัจฉา
ตัวเป็นยักษ์พื้นล่างเป็นหางปลาทั้งกายาโตพียี่สิบกร
มีแว่นแคว้นแดนยาวสิบเก้าโยชน์ตัวเป็นโสดยศยิ่งในสิงขร
พระสยมภูวญาณประทานพรใครราญรอนราพณ์ร้ายไม่วายปราณ
ออกจากถ้ำสำราญชื่นบานจิตคะนึงคิดจะไปหาภักษาหาร
ด้วยอดสัตว์มัจฉามาช้านานจากสถานเที่ยวมาในวารี ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาพาพระน้องเที่ยวเลื่อนล่องลอยฟ้าในราศี
ถึงฟากฝั่งยมนาท่านทีเห็นยักษีว่ายวงในคงคา
ดูน่ากลัวตัวพักตร์เป็นยักษ์ใหญ่หางนั้นไซร้กลายเป็นเช่นมัจฉา
ไม่เคยเห็นดูอนาถประหลาดตาชวนน้องยาแลดูอสุรี
หางนั้นเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ดูโตนักเทียมเท่าคิรีศรี
ทั้งสองสรวลสุขเกษมต่างเปรมปรีดิ์ดูยักษีเวียนวงในคงคา ฯ
๏ หัศกัณฐ์แหวกว่ายมาในน้ำเที่ยวผุดดำวารินกินมัจฉา
เห็นมนุษย์พี่น้องทั้งสองรามันโกรธาโกรธนักดังอัคคี
สิงหนาทผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี
หมายเขม้นเข่นฆ่าเข้าราวีอสุรีถาโถมกระโจมมา
ยี่สิบหัตถ์รัดรวบพระทรงฤทธิ์หมายให้คิดอยู่ในมือของยักษา
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดาพระกรคว้ากอดน้องประคองไว้
พระหัตถ์ขวาถอดธำมรงค์ขว้างหมายจะล้างขุนยักษ์ให้ตักษัย
ถูกมารร้ายกายกรเป็นท่อนไปโลหิตไหลโซมลงในคงคา ฯ
๏ อสุรินทร์มิได้สิ้นชีวาวาตม์ด้วยอำนาจเจ้าดาวดึงส์ไตรตรึงษา
พลางอ่านเวทแสนประสิทธิ์วิทยากลับเป็นมาเจ็ดตนเหลือทนทาน
เข้าโลดโผนโจนจับสัประยุทธ์ท้องสมุทรเป็นระลอกกระฉอกฉาน
พระโคบุตรหยุดถอดเอาสังวาลขว้างประหารมารร้ายก็วายชนม์
สังวาลกลับเข้าองค์พระทรงศักดิ์ประเดี๋ยวยักษ์เป็นกลับขึ้นสับสน
มันตายหนึ่งกลับเกิดขึ้นเจ็ดตนเป็นยี่สิบเก้าคนเข้าชิงชัย ฯ
๏ พระโคบุตรนิ่งคิดผิดประหลาดสะดุ้งหวาดจิตพรั่นคิดหวั่นไหว
อันเทพสาตรานี้เกรียงไกรสังหารใครตายแล้วไม่กลับมา
ไฉนหนอไอ้นี่จึ่งมีฤทธิ์ยิ่งม้วยมิดกลับเป็นขึ้นหนักหนา
พระขว้างซ้ำไปต้องอสุราพวกยักษาเกิดมากกว่าหมื่นพัน
จนสิ้นเครื่องประดับองค์พระโฉมฉายพวกมารร้ายชีวาไม่อาสัญ
ยักษ์พิโรธโกรธใจดังไฟกัลป์ต่างประจัญโถมไล่กันไปมา
กำลังองค์ทรงเดชเจ็ดช้างสารพญามารสิทธิศักดิ์ฤทธิ์หนักหนา
ครั้นฆ่าตายมารร้ายกลับมากมาอสุรากลาดกลุ้มเข้ารุมรัน
เสียงพิลึกครึกครื้นเป็นคลื่นซัดวายุพัดหอบหวนอยู่ป่วนปั่น
ยักษาจะจับองค์พระทรงธรรม์ด้วยเครื่องทรงป้องกันพระกายา ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทพไทอยู่ใกล้สมุทรสงสารพระโคบุตรเป็นหนักหนา
สิ้นกำลังพลั้งพลาดจะอัปราด้วยยักษาพวกนั้นมันมากมาย
องค์เทเวศร์แปลงเพศให้ผิดผันเป็นแมงวันบินมาบอกพระโฉมฉาย
ว่ายักษ์นี้มันเลิศประเสริฐชายมนุษย์ฆ่ามันไม่ตายอย่าสงกา
มันได้พรพระอิศวรผู้ทรงเดชถ้าแจ้งเหตุแล้วจงจำคำเราว่า
เร่งไปหาพญากระบี่มาอยู่ที่เขาหิมวากลางพงไพร
เป็นเชื้อชาติสัตว์ป่าพนาเวศเขาเรืองเดชฆ่ายักษ์จึงตักษัย
ครั้นบอกแล้วเทวาก็คลาไคลรีบคืนไปกลับหลังยังวิมาน ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ผู้่ทรงเดชครั้นแจ้งเหตุเทวามาว่าขาน
จึ่งปลดเปลื้องเครื่องทรงสร้อยสังวาลพิษฐานขว้างไปมิได้ช้า
เป็นฝูงเทพเทวาออกดาดาษดูเกลื่อนกลาดทั่วไปในเวหา
ถือพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธากุมาราร้องสั่งไปทันที
ว่าดูก่อนฝูงเทพเทเวศร์จงอยู่รอต่อเดชกับยักษี
พระตรัสพลางชวนน้องจรลีรีบเหาะหนีเข้าป่าพนาลัย ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวหัศกัณฐมัจฉาเห็นฝูงเทพเทวาอยู่ไสว
มนุษย์นั้นหลบลี้หลีกหนีไปก็กริ้วโกรธดังไฟประลัยกัลป์
จึงร้องว่าเหวยเหวยเทวราชทำองอาจไม่กลัวจะอาสัญ
ไยมารับรบรุกทำบุกบันเข้าป้องกันสองมนุษย์ให้หนีไป
แต่ก่อนมิเคยอวดศักดิ์มาหักหาญกูจะผลาญชีพวิบัติให้ตัดษัย
สิ้นทั้งหมดเมืองฟ้าสุราลัยให้ฝูงปลาน้อยใหญ่กินเสียพลัน
ว่าพลางต่างแผลงสำแดงฤทธิ์เข้าต่อติดตามตีขมีขมัน
บ้างหักโหมโรมรุกไล่บุกบันฝูงเทวัญกายสิทธิ์ฤทธิรอน
ยิ่งตายยิ่งเป็นขึ้นเกลื่อนกล่นเข้าประจญต้านต่อไม่ย่อหย่อน
เสียงสนั่นลั่นฟ้าริมสาครกายสิทธิ์ต่อกรไม่พลาดพลั้ง ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์องค์เชษฐาทั้งสองรารีบไปเหมือนใจหวัง
เหาะข้ามพระสมุทรไม่หยุดยั้งก็ถึงฝั่งฟากทะเลชโลทร
ครั้นมาถึงที่เขาเหมราชสูงผงาดเงื้อมตลอดยอดสิงขร
เห็นพวกพลโยธาล้วนวานรอยู่ริมฝั่งสาครนั้นมากมี
แต่พญาวานรเป็นเผือกผู้เข้านั่งอยู่ท่ามกลางกระบี่ศรี
ทั้งสององค์เหาะลงเนินคีรีเฉพาะหน้าขุนกระบี่แล้วเดินมา
พวกลิงไพรแลไปเห็นมนุษย์อุตลุดต่างยืนขึ้นพร้อมหน้า
บ้างสำแดงแผลงฤทธิ์ไล่ติดมาจะโจมเข้าเข่นฆ่าสองกุมาร
พระโคบุตรโบกพระหัตถ์แล้วตรัสห้ามปราศรัยถามด้วยสุนทรคำอ่อนหวาน
เรามิใช่ไพรีมารบราญจะสมานรักใคร่เป็นไมตรี
ตัวเจ้าเป็นชาวป่าพนาเวศอยู่ประเทศเขตเขาคิรีศรี
จะแจ้งความตามข้อคดีมีขุนกระบี่ตนใดนั้นเป็นนาย ฯ
๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ที่เผือกผู้สถิตอยู่กลางพหลพลทั้งหลาย
จึ่งร้องตอบข้อความตามภิปรายเราเป็นนายวานรสัญจรไพร
ตัวท่านนี้เป็นมนุษย์หรือเทเวศร์มาแต่เขตแห่งหนตำบลไหน
ทั้งสององค์จะประสงค์สิ่งอันใดจงบอกให้เราแจ้งแห่งคดี ฯ
๏ พระโคบุตรหยุดยั้งได้ฟังถามจึงตอบความกับพญากระบี่ศรี
เราเป็นจอมจักรพรรดิสวัสดีจากบูรีพรหมทัตกษัตรา
มาเที่ยวชมพนมพนาสณฑ์ถึงวังวนผ่อนพักพบยักษา
อสุรีศักดิ์สิทธิ์มีฤทธาหางเป็นปลาหน้าเป็นอสุรี
แต่เราฆ่ายักษ์ตายถึงเจ็ดหนครั้นตายตนหนึ่งเกิดเจ็ดยักษี
ฝูงเทพเทวานั้นปรานีบอกว่ายักษีได้พรชัีย
พระอิศวรทูลกระหม่อมจอมมงกุฎแม้นมนุษย์เข่นฆ่าหาตายไม่
เทพเจ้าชี้แจงให้แจ้งใจว่าตัวท่านอยู่ในหิมวา
เป็นชาติเชื้อขุนกระบี่อันมีศักดิ์จึ่งจะล้างขุนยักษ์ให้สังขาร์
เราตั้งใจเจาะจงรีบตรงมาได้เมตตาเราด้วยไปช่วยกัน ฯ
๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ได้ยินเหตุผิดสังเกตก็ชวนกันสรวลสันต์
จึ่งร้องตอบวาจามาด้วยพลันท่านพูดนั้นไม่จริงยังกริ่งใจ
ซึ่งว่ามีฤทธามาฆ่ายักษ์เห็นหนักนักเชื่อฟังยังไม่ได้
มนุษย์น้อยเหมือนฝอยเข้าใส่ไฟไม่มีใครเห็นจริงอย่าเจรจา
ถ้ามีฤทธิ์เลิศล้ำดังคำเล่าฆ่าแต่เราลิงไพรให้สังขาร์
จะเห็นดีมีฤทธิ์ดังวาจาท่านจะมาเสี้ยมเขาให้ชนกัน
ว่าพลางทางเรียกพลไพร่มาจากในแนวป่าพนาสัณฑ์
สะพรั่งพร้อมล้อมองค์พระทรงธรรม์ล้วนเข้มขันคึกคักทำศักดา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยันไม่หวั่นไหวเห็นลิงไพรพร้อมพรักกันหนักหนา
จึ่งเปลื้องเครื่องรัดองค์อลงการ์แล้วร้องว่าดูก่อนวานรไพร
เอ็งเป็นแต่เพียงสัตว์เดียรัจฉานทำโวหารไม่มีอัชฌาสัย
กูเป็นจอมจักรพงศ์อันทรงชัยจะรบกับลิงไพรไม่ต้องการ
อยากเห็นฤทธิ์หรือไรจะให้รู้กำลังกูถึงเจ็ดเท่าช้างสาร
จะทำไว้แต่พอให้ประมาณไอ้สาธารณ์อวดกำลังอหังการ์
ว่าพลางทางทิ้งเทพอาวุธกลายเป็นภุชงค์ใหญ่ล้วนใจกล้า
สักหมื่นแสนแน่นทั่วบรรพตาเข้าไล่มัดลิงป่าพัลวัน
เสียงครึกครื้นตื่นเต้นทั้งไพรชัฏพวกลิงกัดนาคกอดสอดกระสัน
นาครัดลิงวิ่งร้องก้องอารัญเข้าไล่พันมัดพหลพลวานร
จะฟาดฟัดกัดทึ้งเข้าดึงฉุดนาคไม่หลุดมัดลิงกลิ้งสลอน
สิ้นกำลังล้มลงในดงดอนพวกวานรร้องขอชีวาวัน
ประทานโทษโปรดเถิดพระทรงฤทธิ์ขอชีวิตไว้อย่าฆ่าให้อาสัญ
จะเป็นข้าอยู่ในองค์พระทรงธรรม์กว่าชีวันจะม้วยบรรลัยลาญ ฯ
๏ พระโคบุตรยิ้มเยื้อนเอื้อนพระโอษฐ์อันที่โทษเอ็งถึงซึ่งสังขาร
แต่ครั้งนี้มิให้ถึงซึ่งวายปราณแล้วกุมารเรียกรัดพระองค์มา
ครั้นนาคหายคลายทุกข์ลุกขึ้นกราบศิโรราบกราบงามลงสามท่า
พญาลิงวิ่งเข้ามาวันทาพระอิศรายกโทษได้โปรดปราน
แต่ปางหลังพลั้งผิดด้วยคิดโกรธสานุโทษข้าควรจะสังขาร
ขอรองบาทโฉมฉายจนวายปราณจงประทานโทษผิดที่ติดพัน
ขอทูลความตามจริงทุกสิ่งสิ้นซึ่งภูมินทร์จะให้ข้าพาผายผัน
ไปเข่นฆ่าหมู่มารชาญฉกรรจ์ข้าคิดพรั่นศักดาพญามาร
แต่คงจะอาสาฝ่าพระบาทตามพระราชประสงค์จำนงผลาญ
จนสุดฤทธิ์กว่าชีวิตจะวายปราณจะคิดอ่านฉันใดในณรงค์
พระยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสสนองเราไม่ปองจะให้ท่านเป็นผุยผง
อันเครื่องทิพย์ที่ประดับสำหรับองค์ฤทธิรงค์แต่ล้วนเทพสาตรา
ด้วยยักษีมีพรประกาศิตมนุษย์ล้างชีวิตไม่สังขาร์
แม้นหาไม่ไหนจะรอดเป็นอสุราไม่พักมากวนท่านให้วุ่นวาย
แม้นท่านไปเรามิได้ให้ลำบากต้องเหนื่อยยากเหมือนเขารบกันทั้งหลาย
ไม่เหนื่อยเหน็ดเด็ดได้ด้วยสบายจะให้นายถือธำมรงค์ไป
เข้าต่อฤทธิ์รุกราชพิฆาตขว้างคงจะล้างอสุราให้ตักษัย
ถอดธำมรงค์ทรงยื่นให้ทันใดอย่านอนใจการด่วนจวนเวลา
ขุนกระบี่ดีใจเป็นที่สุดรับเอาเทพอาวุธทูนเกศา
แล้วสั่งไพร่ให้อยู่ในหิมวาเชิญเสด็จสองราเหาะทะยาน
คว้างคว้างมาในกลางโพยมมาศดังครุฑราชเรี่ยวแรงกำแหงหาญ
รุกขมูลเมืองแมนแดนวิมานสาธุการพร้อมพรั่งทั้งโลกา
พระพิรุณโปรยปรายพระพายพัดทุกจังหวัดเทวัญก็หรรษา
เยี่ยมพระแกลแลดูกุมาราด้วยจะฆ่ายักษ์ตายสบายใจ
พระโคบุตรสุริยากับพานเรศมาถึงเขตพระสมุทรอันสุดใส
รูปนิรมิตเทวาสุราลัยเข้าลุยไล่รบรุมกับกุมภัณฑ์
ไม่พลาดเพลี่ยงเสียงระลอกกระฉอกฝั่งเพียงจะพังโลกาสุธาลั่น
จึ่งเรียกสร้อยเข้าองค์พระทรงธรรม์ฝูงเทวัญรูปทิพย์ก็หายไป ฯ
๏ หัศกัณฐมัจฉาพญายักษ์แลเห็นพักตร์ทรงฤทธิ์คิดสงสัย
เทวราชกลับกลายก็หายไปยังจำได้แต่พี่น้องสองกุมาร
กับวานรหนึ่งเรียงมาเคียงชิดสำแดงฤทธิ์ร้องประกาศอยู่ฉาดฉาน
เมื่อตะกี้เหาะหนีไปลนลานไปชวนอ้ายเดียรัจฉานที่ไหนมา
ทั้งสามคนครึ่งคำไม่พอเคี้ยวประเดี๋ยวเดียวชีวังจะสังขาร์
ไม่พอมือครือฤทธิ์อสุราเท่าขี้ตาก็จะวิ่งมาชิืงชัย ฯ
๏ ฝ่ายพญาวานรสุนทรเย้ยว่าเหวยเหวยยักษาอ้ายหน้าไพร่
มึงประมาทว่ากูชาติวานรไพรตัวเองไซร้เป็นอะไรไม่พิศดู
หางมึงเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ทรลักษณ์อัปยศไม่อดสู
สองพระองค์พงศ์กษัตริย์ฉัตรชมพูจะต่อสู้เสื่อมเสียพระเดชา
กูเป็นข้ารองละอองบาทจะพิฆาตอสุรศักดิ์อ้ายยักษา
จงกราบองค์ทรงฤทธิ์อิศราจะเมตตาชีวันไม่บรรลัย ฯ
๏ พญามารฟังสารแสนพิโรธยิ่งกริ้วโกรธกัดฟันอยู่หวั่นไหว
ประกาศก้องรองเหม่อ้ายลิงไพรแต่ก่อนไม่โอหังเหมือนครั้งนี้
มึงจะให้ใครนั่นไปนอบนบพลางตลบโลดไล่กระบี่ศรี
ทั้งหมื่นแสนแน่นมาในเมฆีขุนกระบี่โจนโจมโถมประจัญ
หางกระหวัดปากกัดสองมือกอดเอาเท้าสอดฟาดฟัดสะบัดหัน
ดูกลมกลิ้งลิงกัดฟัดกุมภัณฑ์ยักษ์ประจัญลิงขบต้นคอวาง
พวกยักษ์ไล่ลิงจับสัประยุทธ์อุตลุดลิงถีบตกน้ำผาง
จมประดักยักษ์เจ็บลงร้องครางลิงไล่ล้างมารร้ายวายชีวา
จนสิ้นรูปกายสิทธิ์ฤทธิเดชจะอ่านเวทไม่ชะงัดด้วยสัตว์ป่า
ยังเหลืออยู่แต่ตัวอสุราลิงระอาอ่อนสิ้นกำลังครัน
จึงขว้างเทพธำมรงค์ของทรงศักดิ์ถูกอกอักอสุราจะอาสัญ
ลงเซทรุดสุดแรงท้าวกุมภัณฑ์หัศกัณฐ์ตกลงในคงคา
ค่อยกระเดือกเสือกกายเข้าฝั่งสมุทรจะสิ้นสุดสูญชีพสังขาร์
เลือดชโลมโซมซาบอาบกายาภาวนาทิพมนต์ประสานกาย
ไม่คืนติดต่อได้เหมือนใจนึกหวนระลึกหวั่นไหวหทัยหาย
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรายโอ้จะตายเสียวันนี้เป็นมั่นคง
ระลึกถึงพรชัยเจ้าไกรลาสซึ่งประสาทเคยประสิทธิ์ก็พิศวง
มาแพ้ฤทธิ์ลิงไพรในณรงค์เสียดายทรงฤทธิไกรดังไฟกัลป์
โอ้เสียดายชลสายกระแสเชี่ยวเคยมาเที่ยวปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ยามสบายเคยเล่นไม่เว้นวันประพาสพรรณมัจฉากุมภาพาล
โอ้นับปีนับเดือนจะเลื่อนลับมิได้กลับมาชมกระแสสาร
โอ้เสียดายคูหาในบาดาลเคยสำราญเช้าเย็นอยู่เป็นนิตย์
ยิ่งระลึกนึกไปก็ใจหายราพณ์ร้ายโหยหวนรัญจวนจิต
พอสิ้นคำอสุรินทร์สิ้นชีวิตก็ขาดจิดอยู่ยังฝั่งคงคา ฯ
             

ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต

๏ พระอรุณขุนกระบี่พระโคบุตรทั้งสามหยุดอยู่บนห้องท้องเวหา
เห็นกุมภัณฑ์ตกลงปลงชีวาฝ่ายพญาพานรินทร์ก็ยินดี
จึงทูลเชิญสององค์ผู้ทรงเดชกลับประเวศหิมวาพนาศรี
แล้วเหาะด้นดั้นออกนอกเมฆีมาถึงที่เนินผาไม่ช้านาน
ลงหยุดยั้งนั่งชะง่อนสิงขรเขินงามเจริญเลิศลบจบสงสาร
ขุนวานรอ่อนเกศลงกราบกรานบริวารน้อมกายถวายกร ฯ
๏ พระตรัสทักสนทนาบรรดากระบี่เป็นไมตรีสุขเกษมสโมสร
จนอัสดงลงลับยุคุนธรขุนวานรเกณฑ์พลกระบี่ไพร
เที่ยวเก็บพรรณบุปผาผกามาศมารองลาดต่างแท่นอันผ่องใส
แล้วกะเกณฑ์ให้ตระเวนระวังภัยทั้งกองไฟล้อมวงเป็นเวรนอน ฯ
๏ พระโคบุตรชวนนุชพระน้องนาฏเข้าไสยาสน์อยู่บนเชิงเพิงสิงขร
บุปผชาติอันสะอาดอรชรหอมขจรรสรื่นชื่นพระทัย
กอดประคองน้องแนบเข้าแอบอกฟังวิหคพลอดเสียงสำเนียงใส
ยิ่งวังเวงเพลงเพลินเจริญใจก็หลับไปทั้งสองกษัตรา
เสนาะเสียงชะนีไพรแลไก่เถื่อนทั้งดาวเดือนเลื่อนลับในเวหา
รุ่งสว่างกระจ่างแจ้งในเมฆาเสียงปักษาแซ่ซุ้มทุกพุ่มพง
พระฟื้นกายลิงถวายกระแสสินธุ์หน่อนรินทร์พี่น้องทั้งสองสรง
แสนสำราญบานใจอยู่ในดงที่หว่างวงหิมวาพนาวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทวาศักดาเดชตามประเทศแถวป่าพนาสัณฑ์
ในแว่นแคว้นแดนจังหวัดหัศกัณฐ์เห็นกุมภัณฑ์สิ้นชีวิตสว่างใจ
บ้างสำรวลสรวลสันต์ประสานเสียงส่งสำเนียงบอกกันอยู่หวั่นไหว
แต่นี้เราจะเป็นสุขไม่ทุกข์ใจด้วยหน่อไทพระอาทิตย์ฤทธิรอน
เราจะไปจับระบำรำถวายพระโฉมฉายหยุดอยู่เนินสิงขร
ต่างจับพิณโทนทับสำหรับกรชวนอัปสรนางเทพกัลยา
เที่ยวกู่ก้องร้องประกาศกันกลาดเกลื่อนแล้วลอยเลื่อนมาในพระเวหา
ทุกห้วยเหวเปลวปล่องช่องศิลามายังเขาเหมราพร้อมหน้ากัน
สำแดงกายต่างถวายพรสวัสดิ์มากำจัดพาลาให้อาสัญ
ช่วยดับเข็ญเป็นสุขทุกเทวัญแล้วชวนกันฟ้อนรำบำเรอเรียง
เสียงครึกครื้นรื่นเริงบนเชิงผาฝูงเทวากรีดกรายถวายเสียง
ดุริยางค์เย็นเสนาะเพราะสำเนียงนางฟ้าเรียงขับขานประสานกร
พวกเทวาคว้าหัตถ์กระหวัดกอดประสานสอดฉวยฉุดยุดอัปสร
นางฟ้าบิดปิดปัดสลัดกรฝูงวานรดูนางสำอางองค์
พระโคบุตรชวนน้องประคองชื่นสำราญรื่นเชยชมสมประสงค์
เห็นเทวาคว้าไขว่กันเวียนวงพระสรวลทรงทอดพระเนตรทั้งสองรา
เทวารำทำกระบวนชวนอัปสรทำกรีดกรเปลี่ยนซ้ายแล้วย้ายขวา
ตีวงเวียนเวียนไล่กันไปมาพวกลิงป่าดูงามตามกระบวน
เสียงหน้าทับรับพิณประสานเสียงเสนาะล้ำสำเนียงร้องโหยหวน
จับระบำรำถวายหลายกระบวนแล้วก็ชวนกันครรไลไปวิมาน ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์องค์อรุณทั้งพวกขุนวานรเกษมศานต์
ครั้นเทวาคลาไคลไปวิมานกระบี่กรานก้มกราบกับบาทา
เชิญเสด็จสององค์สรงสนานที่ในธารอมฤตบนเนินผา
ประกอบด้วยโกสุมปทุมาทั้งคงคาเย็นใสสะอาดครัน ฯ
๏ พระฟังสารแสนภิรมย์ด้วยสมจิตประคองชิดน้องชายแล้วผายผัน
กับพวกลิงแวดล้อมไปพร้อมกันจรจรัลเลียบเดินเนินคิรี
เดินพลางทางชมเนินสิงขรชะง้ำชะง่อนวุ้งเวิ้งคิรีศรี
เป็นหุบห้องช่องหินคูหามีดูเหมือนทีสัตว์สิงจะวิ่งโจน
ที่เนินผาเป็นศิลาเวิ้งชะวากดูหลายหลากแลโปร่งดังโรงโขน
ที่หน้าผาภูเขาเรียบเทียบไม้โคนที่ใบโกร๋นแอบโกรกชะโงกชัน
เสด็จถึงห้องธารละหานน้ำวิไลล้ำกว้างใหญ่ในไพรสัณฑ์
จอกกระจับตับเต่าขึ้นเคียงกันบุษบันโกสุมปทุมา
ดูเด่นดอกออกผการะดาดาษน้ำสะอาดใสเย็นเห็นมัจฉา
บ้างว่ายเรียงเคียงกันเป็นหลั่นมากุมาราเลียบดูอยู่ริมธาร
แล้วปลดเปลื้องเครื่องทรงสร้อยสะอิ้งพวกฝูงลิงต่างก็เล่นกระแสสาร
ทั้งสององค์ลงสรงแสนสำราญเสียงประสานสรวลสันต์สนั่นดัง
บ้างไล่โลดโดดดำเที่ยวคลำหาเล่นปิดตาอยู่โยงให้ผินหลัง
เที่ยวซุกซ่อนแอบตัวใบบัวบังบ้างแอบฝั่งบ้างก็ดำกำบังกาย
คงคาใสในกระแสแลถนัดเหมือนครุฑอัดแอ่นอกผงกหงาย
ที่อยู่โยงไล่ขยำคลำตะกายเขม้นหมายจับพลัดสะบัดไป
พระสรงชลสุริยนลงบ่ายคล้อยชวนน้องน้อยร่วมจิตพิสมัย
ขึ้นจากน้ำลำธารสำราญใจพวกลิงไพรพร้อมเพรียงอยู่เรียงรัน
พระโฉมยงทรงเครื่องดังเทพบุตรดังหนึ่งอัคนิรุทรนรังสรรค์
อยู่ที่เขาเหมราจวนสายัณห์พระทรงธรรม์โลมลาฝูงวานร
จงปกป้องครองกันให้ผาสุกอย่ามีทุกข์จงภิญโญสโมสร
เราพี่น้องสองราจะลาจรชมนครจักรพรรดิกษัตรา ฯ
๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ได้ยินสั่งน้ำตาหลั่งไหลนองลงโซมหน้า
ทั้งกระบี่รี้พลพวกโยธาต่างโศการ่ำไห้อาลัยวอน
ถึงเป็นตายไม่เสียดายแก่ชีวาตม์ขอรองบาทสององค์พระทรงศร
พระโลมเล้าเอาใจพวกวานรท่านอย่าจรไปให้ยากลำบากกาย
เมื่อนานไปคงจะได้มาพบพักตร์จงอยู่รักษากันอย่าผันผาย
อันตัวเราพี่น้องทั้งสองชายไม่สบายก็เที่ยวไปตามที
ฝูงวานรอ่อนเกศลงกรานกราบศิโรราบอวยชัยพระโฉมศรี
พระรับพรพานรินทร์ด้วยยินดีแล้วชวนน้องจรลีขึ้นเมฆา
ลิ่วลิ่วปลิืวมาเหมือนวายุพัดงามจรัสรุ่งเรืองพระเวหา
ลิงชะแง้แลตามจนลับตาต่างโศกาโศกเศร้าเปล่าฤทัย
สองพระองค์เหาะตรงเข้ากลีบเมฆเสนาะเสียงการเวกนั้นเย็นใส
ดังปีแก้วแว่ววับจับพระทัยสำราญใจลอยชมพนมวัน ฯ
๏ พระโคบุตรอนุชาพากันเหาะข้ามละเมาะเนินผาพนาสัณฑ์
เห็นเงาะป่าหาปูมาปะกันทำดุดันเตะต่อยกันตึงตัง
ที่ตัวกล้าไม่ถอยตบต่อยโขกเสียงดังโปกเหวี่ยงปัดถูกหมัดปั๋ง
ล้มถลาซวนเซอยู่เก้กังโดยกำลังข้างโกงโขย่งไป
ชื่นอารมณ์ชมป่าพฤกษาชาติจัตุบาทเสือสิงห์วิ่งไสว
พระชวนน้องเดินพนมเที่ยวชมไพรเก็บดอกไม้เล่นพลางตามหว่างเนิน ฯ
๏ จะกล่าวถึงอสุรีขินียักษ์อยู่สำนักในลำเนาภูเขาเขิน
เห็นพี่น้องสององค์ทรงเจริญเที่ยวเล่นเพลินด้นดั้นอรัญวา
พึ่งแรกรุ่นรูปร่างสำอางเอี่ยมงานเสงี่ยมน่ารักเป็นหนักหนา
เนตรโขนงโก่งวาดเพียงบาดตากิริยาขำคมก็สมทรง
ดูสองปรางเหมือนมะปรางเมื่อแรกปลิดให้ปลื้มจิตแลแลก็ยิ่งหลง
นึกนึกจะสะอึกเข้าอุ้มองค์กลัวจะทรงพระพิโรธกริ้วโกรธไป
จะกลับแกล้งแปลงเพศเสียจากยักษ์คงสมศักดิ์เหมือนคิดพิสมัย
แล้วอ่านเวทเพศยักษ์ก็สูญไปงามวิไลล้ำนางสำอางตา
ทั้งสองเต้าเต่งตั้งดังบัวหลวงพอเต็มทรวงกำดัดชมทั้งซ้ายขวา
ทำแกล้งเมินเดินทรงโศกามาที่ตรงหน้าพี่น้องสองกุมาร
พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์สำคัญคิดว่ามนุษย์สุดสงสาร
พอใกล้องค์ทรงวิ่งมาลนลานพจมานไถ่ถามตามเมตตา
เป็นไรน้องร้องไห้ไม่เห็นเพื่อนในกลางเถื่อนวุ้งเวิ้งชะวากผา
ไม่กลัวสัตว์เสือสีห์จะบีฑาอนิจจาเดินเดียวน่าเปลี่ยวใจ
ยักขินีฟังคำทำสะอื้นแล้วหยุดยืนเช็ดชลนัยน์ไหล
พระบิดาพาน้องมาเล่นไพรละเลิงไล่มฤคีกับรี้พล
ฉันหลงชมมิ่งไม้ไพรพฤกษาหมายจะกลับพาราก็ขัดสน
พระโปรดด้วยช่วยพาข้าจรดลพอให้พ้นหิมวาถึงธานี
ทั้งแก้วแหวนแสนทรัีพย์ซึ่งสิ่งของจะกอบกองแทนคุณพระโฉมศรี
เป็นสัจจังวาจาน้องพาทีช่วยชีวีน้องไว้อย่าให้ตาย
ทั้งสององค์หลงกลอีนางยักษ์ไม่ประจักษ์คิดว่าจริงก็ใจหาย
สงสารเจ้าเสาวภาคย์ลำบากกายจะพาสายสุดสวาทไปเวียงชัีย
ถึงแก้วแหวนแสนทรัพย์จะนับโกฏิไม่ประโยชน์เลยนะน้องอย่าหมองไหม้
เราจะช่วยนิรมลให้พ้นภัยอยู่ถึงไหนแก้วตาจะพาจร
อสุรีดีใจเข้าเคียงข้างอยู่หว่างกลางสององค์พระทรงศร
บอกบุรีอยู่ตรงที่ทิศอุดรบทจรเดินตามกันสามรา
ได้สมรักยักษ์ร้ายไม่วายยิ้มเดินกระหยิ่มมาด้วยความเสน่หา
เดินพลางดูพลางไม่วางตาวิ่งผวาเข้าไปกอดพระโฉมยง
พระตกใจว่าอะไรนั่นแก้วพี่อสุรีแกล้งบอกหลอกให้หลง
เมื่อตะกี้ไหวไหวอยู่ในพงพยัคฆ์ดงโตใหญ่กระไรเลย
ทั้งสององค์หลงเชื่ออียักษีว่ามิใช่พยัคฆีเจ้าพี่เอ๋ย
อย่าหวาดหวั่นพรั่นในพระทัยเลยแล้วชวนเชยชมนกในหิมวา
อียักษ์แปลงแกล้งถามถึงนามนกฝูงวิหคเรียงรายปลายพฤกษา
พระบอกนามตามชื่อสกุณาสาลิกาจับกิ่งตะโกวัน
โน่นแน่เจ้าเขาไฟนั่นไก่ป่านกกระทาจับต้นกระทิงขัน
ฝูงกาลิงจับกิ่งแสลงพันที่ต้นจันทน์นกตะขาบคาบมะปริง
จัตุบาทผาดผยองลำพองโผนกิเลนโจนไล่นางนรสิงห์
กระต่ายเต้นเล่นหลอกกับลูกลิงหมู่มหิงส์แรดช้างเสือกวางทราย
เย็นพยับอับแสงสุริยงชะนีส่งเสียงไห้น่าใจหาย
กุมาราพายักษ์จำแลงกายกำหนดหมายมุ่งทิศอุดรมา
ยักขินีดีใจเห็นใกล้ค่ำนิมิตถ้ำด้วยพระเวทของยักษา
ให้เห็นเป็นเวียงวังอลังการ์เป็นพาราบ้านช่องนั้นนองเนือง
ดูผู้คนอลหม่านร้านตลาดคนเกลื่อนกลาดเดินตามถนนเนื่อง
จึ่งชวนสองหน่อไทเข้าในเมืองเดินย่างเยื้องขึ้นปราสาทสุวรรณพราย
มีทวารบานบังที่นั่งแก้วดูเลิศแล้วล้วนวิสูตรสลับสาย
ลับแลบังฉากตั้งอยู่เรียงรายดูพรอยพรายอัจกลับระยับไฟ
ที่แท่นรัตน์ปัจถรณ์เขนยข้างเครื่องสำอางวางเรียงเคียงไสว
ด้วยฤทธิ์ยักษ์หากเห็นให้เป็นไปพระหน่อไทสององค์ไม่สงกา
อสุรีเชิญองค์พระทรงฤทธิ์ขึ้นสถิตแท่นสุวรรณอันเลขา
ทำฉะอ้อนวอนสองกุมาราเสน่หาพูนเพิ่มเติมอารมณ์
แสนสงสารสุดสวาทอนาถเหนื่อยก็หลัีบเรื่อยไปแต่แรกยามปฐม
อสุรียิ่งทวีสวาทชมเห็นสององค์ลงบรรทมสนิทใน
อันชาติยักษ์มักหอมเนื้อมนุษย์เป็นแสนสุดที่จะอยากน้ำลายไหล
นึกจะหักคอกินให้สิ้นใจแล้วอาลัยรักรูปทั้งสององค์
ลุกขึ้นนั่งตั้งจิตพินิจโฉมยิ่งประโลมลานจิตพิศวง
ก็ลืมอยากราคร้อนด้วยรูปทรงทั้งสององค์ดูละม้ายคล้ายคลึงกัน
โอ้เสียดายด้วยกายกูเป็นยักษ์พระยอดรักแจ้งจิตจะบิดผัน
นึกหันหวนป่วนใจอาลัยครันสุดจะกลั้นแล้วเข้ากอดพระยอดฟ้า
จูบพระน้องต้องแก้มอร่อยรื่นแล้วจูบพี่หอมชื่นในนาสา
แต่อึดอัดผลัดไพล่กันไปมาดังกุลาส่ายคว้างอยู่กลางลม
พระรูปหล่อพ่อคุณของน้องเอ๋ยไม่ตอบรักบ้างเลยเท่าเส้นผม
น้องกอดจูบลูบต้องประคองชมพระบรรทมเสียทั้งคู่ไม่รู้เลย
พระโคบุตรสุริยาผวาตื่นไม่พลิกฟื้นทำนิ่งอิงเขนย
อียักษ์หลงเคลิ้มตัวยังมัวเชยเฝ้ากอดเกยก่ายต้องประคองกร
พระโคบุตรคิดในพระทัยกริ่งไฉนหญิงจึงมาร่วมสโมสร
เฝ้ากอดจูบลูบไล้ไม่หลับนอนพระอาวรณ์หวาดถวิลในวิญญาณ์
ได้กลิ่นปากรากษสก็เหม็นสาบพระทรงทราบแจ้งประจักษ์ว่ายักษา
มันจำแลงแกล้งลวงเราหลงมาอันพารามิใช่ที่บุรีคน
จึ่งเสียงน้ำลำธารสะท้านลั่นจักจั่นเรไรในไพรสณฑ์
ดำริพลางทางนึกรู้สึกตนอีแสนกลนอนนิ่งไม่ติงกาย
พระถอยถดปลดเปลื้องเอาเครื่องทรงมาสวมองค์น้องไว้เหมือนใจหมาย
อนุชานั้นก็นึกรู้สึกกายเห็นสร้อยสายสวมองค์พระทรงธรรม
เชิงฉลาดชาติเชื้อประยูรศักดิ์รู้ประจักษ์แจ้งตามเนื้อความขำ
ทำผุดลุกเรียกพี่ว่าผีอำแล้วคลานคลำเข้าไปใกล้พระพี่ยา
พระโคบุตรพูดเบาเบาเล่าแถลงพี่นึกแคลงในจิตคิดกังขา
อันนารีนี้เป็นอสุราพี่นิทรามันเฝ้าจูบจนตกใจ
บ้านเมืองนี้วิปริตพี่คิดเห็นอันจะเป็นธานีนั้นมิใช่
สนั่นเสียงเสือสางเหมือนกลางไพรประหลาดใจแล้วเจ้าเราหลงมา
อรุณน้อยค่อยสะกิดผิดแล้วพี่เราหลบหนีไปเถิดหรือพระเชษฐา
พระโลมเล้าเอาใจพระน้องยาว่าช้าช้าอีกสักหน่อยจึ่งค่อยไป
ขินีมารร่านร้อนกำเริบราคทำอ้าปากหาวตื่นขึ้นปราศรัย
ฟ้าผี่เถิดวันนี้ประหลาดใจหนาวกระไรเหมือนรดด้วยวารี
แล้วแอบองค์วิงวอนฉะอ้อนพลอดโปรดช่วยกอดน้องสักหน่อยพระโฉมศรี
พระฟังคำซ้ำแค้นแสนทวีนึกจะล้างชีวีให้มรณา
แล้วหยุดยั้งรั้งรอพระทัยนิ่งมันเป็นหญิงฆ่าตายก็ขายหน้า
พอสอนใจไว้จำเป็นตำราจะเข่นฆ่ายักษ์ร้ายคงวายวาง
แล้วยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสประภาษสายสวาทนิ่มน้องอย่าหมองหมาง
พี่เป็นชายจะเอากายไปกอดนางไม่มีอย่างเขาจะเย้ยทั้งพารา
พี่จะต้องลาเจ้าจวนจะรุ่งพระหัตถ์จูงอรุณน้อยเสน่หา
อียักษ์ฟังคั่งแค้นแน่นอุราพิโรธว่าไปกับองค์พระทรงฤทธิ์
เ์์สียแรงรักชักชวนมาเชยชื่นไม่ถึงคืนก็มาทำให้ช้ำจิต
จะขืนไปก็ไม่ไว้ซึ่งชีวิตแล้วแผลงฤทธิ์กลับร่างอย่างขินี
ทั้งปรางค์มาศราชวังเป็นหิมเวศสำแดงเดชเหยียบยอดคิรีศรี
โลดถลาถาโถมเข้าโจมตีดังเสียงสายอสนีสนั่นครัน
พระโคบุตรหยุดยืนขยับรับกระโจนจับด้วยกำลังดังกังหัน
ฤทธิรอนกรจิกเกศกุมภัณฑ์พระบาทยันเหยียบยักขินีมาร
อสุรินทร์สิ้นแรงจะแผลงฤทธิ์ขอชีวิตร้องก้องทั้งไพรสาณฑ์
พระทรงเดชสังเวชอีนางมารยักษ์ก้มกรานกราบกับพระบาทา
ประทานโทษเถิดองค์พระทรงฤทธิ์ข้าหลงผิดเพราะความเสน่หา
อย่าฆ่าเสียให้ตายวายชีวาขอเป็นข้ากว่าจะม้วยด้วยสัจจัง
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายโปรดถ้างดโทษแล้วอย่าทำเหมือนหนหลัง
กระทิงถึกมฤคาในป่ารังชีวิตยังแล้วอย่าทำให้จำตาย
จงถือมั่นขันตีเป็นที่สุดเมื่อม้วยมุดจะไปเกิดให้เฉิดฉาย
วันนี้มึงจะถึงชีวาวายได้รอดตายแล้วอุตส่าห์รักษาตน
นางยักษ์รับอัพภิวาทถวายสัตย์จะบำหยัดบาปกรรมทำกุศล
ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้วายชนม์ประจวบจนชีวันนั้นบรรลัย
พระโฉมยงสงสารอีมารนักเป็นครู่พักรุ่งแจ้งปัจจุสมัย
ทั้งดวงเดือนเลื่อนลับพยับไพรสำเนียงไก่ขันขานประสานกัน
สุริยันเยี่ยมยอดยุคุนธเรศสว่างท้องหิมเวศพนาสัณฑ์
สองกษัตริย์ตรัสสั่งนางกุมภัณฑ์จรจรัลจากเชิงศิลามา
พระเชษฐานำหน้าอรุณน้อยละลิ่วลอยมาในห้องพระเวหา
ยักษ์ชะแง้แลตามจนลับตาก็โศกายกหัตถ์มัสการ
พระพี่น้องสองเสด็จระเห็จเหินงามเจริญเลิศลบจบสงสาร
ละลิ่วลมแลชมจักรวาลเห็นถิ่นฐานแว่นแคว้นแดนบุรี
เป็นเกาะน้อยนคราคงคารอบเกิดประกองในทวีปชมพูศรี
เหมือนจอกน้อยลอยอยู่กลางวารีพระหัตถ์ชี้ชวนน้องให้ชมชล
ยมนาสาครกระฉ่อนคลื่นเสียงครึกครื้นโครมฉ่าเป็นห่าฝน
มัจฉาชาติกลาดเกลื่อนอยู่กลางชลบ้างผุดพ่นฟองน้ำแล้วดำจร
มัติมิงค์กลิ้งกลอกระลอกซัดหางกระหวัดว่ายเวียนเศียรสลอน
พระชมชลพ้นฝั่งชโลทรทินกรร้อนกายขึ้นพรายพรรณ
พระโคบุตรสุดสวาทกับน้องรักครั้นเหนื่อยนักผ่อนลงตรงไพรสัณฑ์
หยุดพักเพิงเชิงผาศิลาชันแล้วชมพรรณมิ่งไม้ที่ในดง
ดูไม้ตั้งดังดัดมาจัดปลูกบ้างมีลูกสุกห่ามงามระหง
ระยะยอดสอดแซงแกล้งบรรจงเหมือนไม้องค์ท้าวไทในพระโรง
ที่ไม้โกร๋นยอดโอนมีต่อแอบใบแฉลบลับพุ่มปุ่มตะโขง
กาฝากแฝงกล้วยไม้ขึ้นในโพรงที่กิ่งโกงกอดเกี่ยวประกับกัน
พฤกษาโศกยูงยางที่กลางชัฏวายุพัดกิ่งแกว่งดังกังหัน
ที่ไม้พุ่มรุ่มรกเถาวัลย์พันเป็นฉัตรชั้นช่อดอกออกระคน
มะเดื่อดกนกจับจิกผลสุกต้นมะดูกเต็งรังมะสังสน
กันเกราไกรกร่างกรวยริมห้วยชลใบร่มต้นราบรื่นเหมือนพื้นทราย
โศกระบัดผลัดใบลอออ่อนใบแก่ก่อนหล่นหลามมาตามสาย
เห็นงูเหลือมเลื่อมแลดูหลายลายกระหวัดกายกอดโศกชะโงกงัน
กระบือเปลี่ยวเดินตรงลงกินน้ำทั้งที่ดำเรี่ยวแรงแข็งขยัน
งูเหลือมโลภโอบกระหวัดเข้ารัดพันกระบือดันดันดึงกันตึงตัง
พฤกษาโศกโยกโยนอยู่ยวบยาบงูเหลือมคาบควายดึงอยู่ขึงขัง
ควายฉกรรจ์ดันโดดสุดกำลังงูเหลือมยังไม่วางขาดกลางตัว
หางกระหวัดรัดไม้ก็คลายหลุดศีรษะมุดมัดควายไม่คลายหัว
สองสัตว์สิ้นชีวังทั้งสองตัวดูน่ากลัวต่างต่างกลางพนม
สองกษัตริย์ทัศนาแสนสนุกเป็นผาสุกที่ในเชิงคิรีสม
พระเอนอิงพิงแผ่นศิลาชมระเรื่อยลมรื่นรื่นชื่นพระทัย ฯ
             

ตอนที่ ๖ โคบุตรได้นกขุนทองแล้วเข้าเมืองกาหลง

๏ ยังมีบุตรสาลิกาปักษาสัตว์ขนระบัดพึ่งขึ้นพอบินได้
จิตคะนองลองปีกจะบินไปเหยี่ยวตะไกรโฉบฉาบจะคาบกิน
สาลิกาก็ถลาแถลบหลบเหยี่ยวประจบจับพลัดสะบัดดิ้น
พอถึงองค์ทรงฤทธิ์บนคีรินนกน้อยดิ้นสิ้นกำลังถลามา
สองปีกป้องร้องจ้อคุณพ่อช่วยเหยี่ยวจะฉวยลูกรักเป็นภักษา
ก็โผนลงตรงพักตร์พระราชาเหยี่ยวถลากลับหันไปทันใด
ทั้งพี่น้องเข้าประคองเอานกน้อยเห็นริ้วรอยเล็บเหยี่ยวเฉี่ยวเลือดไหล
พระหัตถ์ลูบลูกนกอย่าตกใจเหยี่ยวมันไปลับแล้วนะแก้วตา
นี่ร้อยชั่งรวงรังเจ้าอยู่ไหนเหยี่ยวจึ่งไล่ลูกรักเป็นหนักหนา
นกขุนทองป้องปีกขึ้นวันทาลูกอยู่ค่าคบไม้พระไทรพราย
ออกเที่ยวเล่นเห็นเหยี่ยวไม่ทันหลีกมันกางปีกต้อนจับลูกใจหาย
ได้พึ่งบุญคุณพ่อจึ่งรอดตายลูกถวายชีวาเป็นข้าไท
สองพระองค์ทรงฟังขุนทองพลอดเข้าจูบกอดเชยชิดพิสมัย
น่าเอ็นดูรู้พูดเล่นเป็นพ้นใจเจ้ามาไปด้วยพ่อจะขอชม
อันเหยี่ยวกาสารพัดที่สัตว์ร้ายไม่ให้กรายลูกเลยเท่าเส้นผม
พระตรัสพลางทางชวนกันเชยชมจนแดดร่มสุริยงเย็นสบาย
สองกษัตริย์ตรัสชวนสกุณชาติภาณุมาศสายัณห์จะผันผาย
อีเหยี่ยวเฉี่ยวลูกน้อยเป็นรอยลายยังเจ็บกายพ่อกอดอย่าบินบน
แล้วชวนน้องประคองนกเหาะระเห็จสองเสด็จมาในท้องห้องเวหน
พระแรมไพรไคลคลานภาดลประจวบจนเจ็ดราษราตรี
บรรลุถึงพาราเมืองกาหลงพอสุริยงรุ่งรางสว่่างศรี
พระลอยลมชมราชธานีประกอบมีปรางค์มาศปราสาททอง
ทั้งตึกกว้านบ้านเรือนโรงหัตถีตลอดมีร้านรายขายข้าวของ
ทั้งม้ารถคชพลอนนต์นองนครของใครหนอสนุกครัน
จะลงไปไถ่ถามแต่ตามชื่อจะอึงอื้อตกใจทั้งไอศวรรย์
สำนักนอกธานีเห็นดีครันถามสำคัญนคราดูอาการ
นกขุนทองสององค์ก็พร้อมจิตพลางพินิจหาที่รโหฐาน
พอเห็นสวนพฤกษาน่าสำราญนฤบาลรีบเหาะระเห็จไป
ครั้นถึงจึ่งลงพลางที่กลางสวนพระชี้ชวนให้น้องชมพฤกษาไสว
ทั้งสระศรีมีบัวขึ้นบังใบตำหนักใหญ่งามหยาดสะอาดตา
เห็นกระท่อมตายายอยู่ท้ายสวนพระชี้ชวนคลาไคลเข้าไปหา
ครั้นถึงเรือนเอื้อนโอษฐ์จำนรรจาจึ่งตรัสว่าปราศรัยเป็นไมตรี
ท่านตายายอย่าระคายระคางหมางนี่ใครสร้างพระตำหนักแลสวนศรี
ดูพฤกษาน่าชมอุดมดีไม่เห็นมีคนผู้มาเก็บกิน ฯ
๏ ฝ่ายตายายใจหายเมื่อแลเห็นมองเขม้นเพ่งพิศคิดถวิล
ทั้งสองทรงดังองค์อมรินทร์สองเฒ่าสิ้นสมประดีไม่มีใจ
แล้วยับยั้งตั้งสติตอบสนองพ่อทั้งสองเจ้าข้ามาแต่ไหน
เจ้าเป็นนายหรือชายสัญจรไพรขออภัยเถิดจงแจ้งแห่งความจริง
นี่สวนหลวงมีกระทรวงกษัตริย์สร้างประทานนางองค์ธิดาพระยาหญิง
ให้ข้าเฒ่าเฝ้าไล่ฝูงค่างลิงแล้วหมอบนิ่งก้มหน้าไม่พาที ฯ
๏ พระฟังสารสองเฒ่าเล่าแถลงประจักษ์แจ้งฤทัยพระโฉมศรี
ว่าจอมจักรพัตราธิดามีให้ยินดีเป็นคู่เชยเคยประคอง
จึ่งตรัสว่าตายายอย่าพรายแพร่งจงเล่าแจ้งความจริงสิ่งทั้งสอง
เจตนาหานางเป็นคู่ครองทั้งพี่น้องจากเมืองมาเดินไพร
อันลูกสาวเจ้านายของยายนั้นดูผิวพรรณชันษาสักเพียงไหน
พระบุตรีกับบุรีนั้นชื่อไรช่วยบอกให้รู้ความแต่ตามตรง
แม้นเหมือนหมายยายตาอย่าเศร้าหมองทั้งเงินทองกองให้งามตามประสงค์
สองตายายแกก็ไหว้พระโฉมยงพ่อคุณจงกรุณาอย่าพาที
ถึงเงินทองจะมากองให้ท่วมเกศลูกเกรงเดชพระผู้ผ่านบุรีศรี
แม้นรู้ว่าข้าสื่อพระบุตรีทราบคดีตายายจะวายชนม์
แต่ชื่อเสียงรู้เพียงจะบอกได้ที่จะให้สมจิตคิดขัดสน
ทูลกระหม่อมจอมเมืองมิ่งมงคลชื่อท้าวหลวิราชเจริญพร
ได้ดำรงนคราเมืองกาหลงอันนามองค์บุตรีศรีสมร
ชื่ออำพันมาลาพะงางอนอรชรน้อยแน่งดังแกล้งกลึง
ถึงรูปเขียนเจียนวาดสะอาดเอี่ยมจะเทียบเทียมพระลูกเจ้าไม่เท่าถึง
เหมือนรูปพ่อเห็นพอจะคล้ายคลึงอย่าอื้ออึงให้เขารู้เอ็นดูยาย ฯ
๏ พระฟังข่าวกล่าวโฉมประโลมจิตพระทัยคิดเหมือนจะเห็นนางโฉมฉาย
หยิบจินดามาจากพระน้องชายพระนึกให้ตายายเป็นเงินทอง
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกทั้งสองเฒ่าจงมาเอาไว้เถิดอย่าหม่นหมอง
ถึงเรื่องรักจะไม่ชักให้สมปองเราพี่น้องขอสำนักตำหนักจันทน์
ช่วยปกปิดกิตติศัพท์ให้สูญหายพอสบายแล้วเราจะผายผัน
พระตรัสพลางย่างขึ้นตำหนักพลันให้ป่วนปั่นถึงสายสวาทเพียงขาดใจ
สนธยาจะไปหาเจ้าถึงห้องที่อยู่ของน้องรักตำหนักไหน
ถ้าเล้าโลมโฉมยงไม่ปลงใจก็ผิดในธรรมดาปรีชาชาย
จะรุกรบบิตุรงค์ให้ส่งเจ้ามาคลึงเคล้าก็จะได้ดังใจหมาย
แม่ขวัญเมืองจะได้เคืองเรื่องระคายจำเบี่ยงบ่ายถ่ายความตามทำนอง
จึ่งตรัสเรียกสาลิกาเข้ามาใกล้พ่อจะใช้ให้เจ้าถือสารสนอง
จะได้หรือมิได้เล่าเจ้าขุนทองดูทำนองเล้าโลมนางโฉมยง ฯ
             

ตอนที่ ๗ นกขุนทองถือหนังสือถวายนางอำพันมาลา ธิดาท้าววิหลราช

๏ ขุนทองรับอภิวันท์รำพันพลอดลูกจะสอดสืบความตามประสงค์
ลูกอาสากว่าจะได้ดังใจจงคุณพ่อคงไ้ด้ชมสมคะเน
จะพูดพลอดสอดคล้องให้ต้องจิตดูจริตนางในให้หลายเล่ห์
ปะเลาะเลียบเลียมชวนให้รวนเรสมคะเนแล้วจะทูลประโลมนาง ฯ
๏ พระกอดจูบลูบสาลิกาแก้วดีจริงแล้วคิดเหมือนใจไม่ขัดขวาง
ระงับภัยที่จะไปในกลางทางอย่านอนค้างกลางดงจงกลับมา
นกขุนทองป้องปีกเคารพรับยืนขยับโผผันด้วยหรรษา
ขึ้นลอยลมไปในหว่างกลางนภาเข้าพาราร่อนลงตรงวังใน
โสตสดับตรับเหตุสังเกตจิตว่ามิ่งมิตรอยู่ปรางค์มุขอันสุกใส
มีตนกร่างข้างแกลปราสาทชัยสำราญใจลงจับขยับมอง
นัยน์ตาสอดลอดแลเห็นแกลแย้มไอกระแอมส่งเสียงสำเนียงก้อง
หัวเราะร่าอยู่หน้าพระแกลทองนัยน์ตามองโฉมเฉลาดูเยาวมาลย์ ฯ
๏ โฉมอำพันมาลาไสยาหลับให้วาบวับแว่วเสียงสำเนียงหวาน
นางลงจากแท่นรัตน์ชัชวาลแล้วเผยบานพระแกลเหลียวแลมา
พอเสียงอาดนกฉลาดเข้าแอบลับนัยน์ตาจับเพ่งพิศขนิษฐา
สะอาดเอี่ยมเทียมเทพธิดาสาลิกาพิศวงด้วยองค์นาง
ทำเลียบเมินเดินมาตรงหน้ามุขยืนหัวซุกไซ้ขนบนกิ่งกร่าง
นางเนื้อเย็นเห็นสาลิกาพลางงามสำอางเลิศล้ำสกุณี
ปากเหลืองดังทองคำธรรมชาติขนสะอาดผาดขำดูดำสี
คะนึงในน้ำพระทัยนางเทวีเมื่อตะกี้ชะรอยเสียงสาลิกา
ดำริพลางนางเรียกขุนทองเอ๋ยเป็นไรเลยเสียไม่พูดเล่าปักษา
หัวเราะหยอกหลอกแม่ให้แลมาแล้วเมินหน้าเสียไม่พูดให้แม่ฟัง ฯ
๏ นกขุนทองหัวร่อแล้วขอโทษอย่าถือโกรธลูกไม่มีนัยน์ตาหลัง
เมื่อแรกมาเห็นหน้าพระแกลบังแต่พูดพลั้งออกไปนิดยังคิดกลัว
มิชอบใจจะว่าใครมาพูดแจ้วถ้ากริ้วแล้วว่าขุนทองนี้ชาติืชั่ว
จะให้สาวชาววังมาจับตัวลูกก็กลัวที่จะไปไม่ใคร่ทัีน ฯ
๏ ฟังเสนาะเพราะเสียงสำเนียงนกนางลูบอกแล้วก็ทรงพระสรวลสันต์
แม่เจ้าเอ๋ยรู้จริงทุกสิ่งอันแล้วรับขวัญเรียกสาลิกาทอง
มานี่เถิดเจ้าสาลิกาเอ๋ยให้แม่เชยแต่พอชื่นอารมณ์หมอง
ข้าวกับไข่แม่จะใส่จานทองรองเจ้าขุนทองเข้ามาชิมให้อิ่มใจ ฯ
๏ สกุณีตีปีกหัวร่อร่าเจ้าแม่จ๋ามาลวงให้หลงใหล
ครั้นเข้าชิดแล้วจะปิดพระแกลไว้แม่คงจับลูกได้ไว้ใส่กรง ฯ
๏ อนิจจาว่าเปล่าดอกเจ้าเอ๋ยแม่ไม่เคยลวงใครให้ใหลหลง
จะจับเจ้าไว้ทำไมที่ในกรงแม่ชมเชยแล้วจะส่งไปรวงรัง
จริงกระนั้นหรือฉันจะไปหาสาลิกาทำขยับแล้วกลับหลัง
หัวเราะร่าว่าเจ้าแม่กรุณังลูกฝรั่งหรืออะไรจะให้ทาน
จะให้จริงทิ้งมาเถิดเจ้าแม่แต่พอแก้แสบท้องเป็นของหวาน
พอค่ำไปเช้ากลับมารับประทานอ้างพยานกิ่งกร่างกับปรางค์ทอง
ดูดู๋เจ้าใจแข็งเสียแรงปลอบคิดเห็นชอบหรือไฉนให้ทิ้งของ
บุญแม่น้อยมิได้อุ้มเจ้าขุนทองนุชน้องเจ้างับพระแกลบัง
นกขุนทองป้องปีกเคารพรับน้อมคำนับขยับบินแล้วผินหลัง
อนิจจาผิดล้นพ้นกำลังนี่หรือยังจะรักไปให้ยืดยาว
ก็สาสมที่อารมณ์เราทำชั่วท่านรักตัวแล้วยังดื้อทำอื้อฉาว
โอ้เคราะห์ร้ายเรื้อรังมาทั้งคราวฉันลาเจ้าแม่แล้วอย่าโกรธเลย
ทำยกปีกเหมือนจะถาไปอากาศสุดสวาทผลักบานบัญชรเผย
มาเถิดมาสาลิกาอย่าโกรธเลยแม่เจ้าเอ๋ยใจน้อยนี่้สุดใจ
นกขุนทองว่าฉันลองใจเจ้าแม่คิดอยู่แต่จะไม่เผยบัญชรให้
คอยรับลูกเถิดจะโผนโจนลงไปลูกอ่อนใจแสบท้องมาสองวัน
แล้วย่างเหยียบเลียบโจนจากกิ่งกร่างพอถึงนางเหมือนจะตกทำหกหัน
นางผวาคว้ารับขุนทองพลันแล้วรับขวัญจูบกอดเจ้าสาลิกา
เอาจานทองมารองข้าวกับไข่คลุกกล้วยน้ำสุกปอกส่งให้ปักษา
ลูกฝรั่งมังคุดอันโอชาสาลิกากินพลอดเฉาะฉอดไป
เจ้าแม่จ๋าถ้าลูกกินอิ่มแล้วจะปล่อยแก้วสาลิกาหรือหาไม่
นางยิ้มหลอกหยอกนกให้ตกใจถึงมือแล้วจะไปจากเห็นยากครัน
เออนี่แน่แม่จะถามเนื้อความหน่อยเขาเลี้ยงปล่อยหรืออยู่ป่าพนาสัณฑ์
มาท่องเที่ยวอดอยากลำบากครันอยู่ด้วยกันเถิดเป็นไรอย่าไปเลย
สาลิกาแสนกลเห็นคนว่างได้ท่าทางก็ตอบสารเฉลย
ไม่ทุกข์ร้อนก็จะนอนให้แม่เชยนี่ใครเลยจะแจ้งที่ใจจง
แม้นแม่รู้ความหลังจะสังเวชซึ่งทุเรศมรรคาในป่าระหง
ด้วยเจ้าพ่อพี่น้องทั้งสององค์เป็นเชื้อวงศ์จักรพรรดิสวัสดี
พึ่งแรกรุ่นรูปราวกับเจ้าแม่เขาลือแซ่เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
ว่าโฉมยงองค์หนึ่งในธรณีเป็นบุตรีจักรพรรดิกษัตรา
ว่าทรงโฉมงามประโลมวิไลโลกเธอแสนโศกมาเสาะแสวงหา
แต่พี่น้องสององค์กับสาลิกาถึงพาราเจ้าแม่ได้สามวัน
มาพบเหยี่ยวเฉี่ยวโฉบลูกบินหนีมันตามตีสาลิกาแทบอาสัญ
ครั้นพ้นเหยี่ยวเที่ยวหาไม่พบกันจึงโศกศัลย์ตกยากลำบากมา
ได้กินข้าวคลุกไข่ของเจ้าแม่สงสารแต่เจ้าพ่อของปักษา
พระพักตร์งามยามโศกจะโรยราทำมารยายืนเหงาไม่จิกกิน ฯ
๏ นางฟังคำนกสาลิกาเล่าโอ้แม่เจ้าช่างจำได้เสร็จสิ้น
ให้ปั่นป่วนครวญคิดถึงภูมินทร์แต่ได้ยินกล่าวโฉมให้ชื่นครัน
นางเสแสร้งแกล้งซักเจ้าปักษาสาลิกาปดดอกกระมังนั่น
ถ้าคุณพ่อเป็นเจ้าเหมือนเล่ากันจะด้นดั้นหาคู่ไม่ควรเลย
จริงจริงหรือชื่อไรเล่าเจ้าพ่อมิรูปหล่อหรือเจ้าสาลิกาเอ๋ย
นกขุนทองต้องใจกระไรเลยจะชมเชยชวนคบเฝ้ารบไป ฯ
๏ ตามแต่เยาะเถิดเป็นเคราะห์ของลูกร้ายพระโฉมฉายเธอไม่มาก็ว่าได้
ถึงมิหล่อก็แต่พอประโลมใจบุรุษในธรณีไม่มีปาน
หญิงที่เห็นเว้นไว้แต่เจ้าแม่จะงามแก้กันได้ไม่หักหาญ
ไม่เชื่อแล้วถึงจะเล่าไม่เข้าการมาอยู่นานแล้วจะลาไปหากัน ฯ
๏ นางฟังนกยกยอชะลอโฉมยิ่งประโลมลานจิตคิดกระสัน
ฟังปักษาว่าประหลาดพูดพาดพันหรือทรงธรรม์ใช้สาลิกามา
ดำริพลางนางแกล้งกระซิบสั่งแม้นกลับหลังพบคุณพ่อของปักษา
อย่าบอกเล่าว่าเข้ามาปรางค์ปราคุณพ่อเจ้าเธอจะว่าไม่เกรงใจ
เมื่อแรกคิดว่าเจ้ามาแต่ป่าไม่แจ้งว่าคุณพ่อเจ้ารักใคร่
ได้จับผิดนิดหน่อยก็แล้วไปรำคาญใจเขาจะว่าดูน่าชัง ฯ
๏ นกขุนทองรู้ทำนองว่านางแกล้งทำเสแสร้งตอบไปเหมือนใจหวัง
แม่ให้ทานข้าวกับไข่มิใช่ชังถึงมิสั่งลูกจะบอกทำไมมี
เป็นการด่วนจวนจะจรไปหาคู่เจ้าแม่อยู่จะมาบ้างในปรางค์ศรี
ฉันจะลาเจ้าแม่อยู่จงดีแล้วทำทีจะบินออกนอกบัญชร ฯ
๏ นางขยับจับสาลิกากอดระทวยทอดฤทัยสะท้อนถอน
กลัวปักษาจะมิทูลพระำภูธรเธอจะจรไปเสียจากพารา
จะสั่งไปให้บอกก็อายจิตแต่นึกคิดป่วนปั่นกระสันหา
เล้าโลมลูบจูบกอดสกุณาสาลิกาเอ๋ยแม่เชยไม่สิ้นรัก
แม้นเจ้าพ่อพบสาลิกาเข้าจะพาเจ้าจรไปจากไตรจักร
พ่อหนีมาให้แม่ชมพอสมรักอย่าเพ่อหักหวนไปเสียไกลตา
รำพันพลางทางหยิบสุคนธ์รื่นอันหอมชื่นมาชโลมเจ้าปักษา
ให้รู้ถึงทรงธรรม์ด้วยปัญญาสาลิกาแจ้งความก็ตามใจ ฯ
๏ ขุนทองเคารพจบปีกขึ้นเหนือเกล้าจะลาเจ้าแม่แล้วอย่าโหยไห้
พอพบพ่อลูกจะมาอย่าอาลัยสำราญใจโผผินบินทะยาน ฯ
๏ นางเยี่ยมแกลแลดูจนลับเนตรพูนเทวษพิศวงด้วยสงสาร
ไม่เล่นด้วยสาวสนมพนักงานอาลัยลานถึงคุณพ่อสา่ลิกา ฯ
๏ ฝ่ายขุนทองบินถลามาถึงสวนพลางสำรวลพูดจ้อคุณพ่อจ๋า
จูบขุนทองลองรสสุคนธาสาลิกาเจ้าก็เต้นขึ้นเพลาพลัน ฯ
๏ พระโคบุตรสุดสวาทด้วยนกพลอดพระกรกอดสาลิกาแล้วรับขวัญ
หอมระรื่นชื่นใจกระแจะจันทน์เกษมสันต์แจ้งความว่าทรามเชย
จึงยิ้มเยื้อนเอื้อนถามไปตามเล่ห์สมคะเนแล้วหรือเจ้าสาลิกาเอ๋ย
ใครทาแป้งแต่งตัวให้ทรามเชยเจ้าข้าเอ๋ยหอมหวนรัญจวนใจ ฯ
๏ ขุนทองฟังเจ้าพ่อหัวร่อร่าลูกอาสาพระองค์ก็คงได้
แล้วเล่าเรื่องกล่าวโฉมประโลมใจงามวิไลล้ำนางสำอางตา
ถึงนางในไกรลาสว่างามล้ำไม่งามขำเหมือนเจ้าแม่ของปักษา
จะเปรียบกรอ่อนดังงวงไอยราจะดูสองนัยนาดังนิลแนม
เปรียบขนงเหมือนหนึ่งวงธนูน้าวทั้งสองเต้าตั้งเต่งเปล่งแฉล้ม
ดังสัตตบุษย์ผุดปริ่มคงคาแวมทั้งสองแก้มเปรียบอย่างมะปรางทอง
เหมือนเจ้าพ่อพอสมเป็นคู่ชื่นอันชายอื่นแล้วไม่มีเสมอสอง
ทั้งสมบัติพัสถานก็เนืองนองดุจทองแกมแก้วประกอบกัน ฯ
๏ พระฟังนกยกโฉมให้ปั่นป่วนทรงพระสรวลสาลิกาแล้วรับขวัญ
พระฟังพลอดเพลิดเพลินเจริญครันถ้าแม่นมั่นเหมือนเล่าเจ้าขุนทอง
เอานกแอบแนบชมอารมณ์ชื่นหอมระรื่นพระยิ่งให้อาลัยหมอง
เย็นพยับอับฟ้าน้ำตานองพระตรึกตรองถึงแก้วตายิ่งอาวรณ์
ชวนอรุณขุนทองขึ้นแท่นรัตน์สองกษัตริย์บรรทมเหนือบรรจถรณ์
พระโคบุตรสุริยาพะงางอนอนาถนอนนิ่งนึกถึงเทวี
โอ้อำพันขวัญใจวิไลลักษณ์จะประจักษ์หรือว่าเรียมอยู่สวนศรี
นกมาเล่าเหมือนหนึ่งเจ้าจะปรานีรุ่งพรุ่งนี้จะให้อ่านสารแสดง
ให้ขวัญเมืองรู้เรื่องว่าเรียมรักแจ้งประจักษ์ตื้นลึกไม่นึกแหนง
ยิ่งกลัดกลุ้มรุ่มร้อนดังเพลิงแรงแต่พลิกแพลงปลาบปลื้มไม่ลืมคิด
จะใกล้หลับคลับคล้ายเหมือนสายสวาทมาร่วมอาสน์อิงแอบแนบสนิท
พระหัตถ์สอดกอดน้องประคองคิดแล้วจุมพิตเชยปรางทางสุนทร
นิจจาเจ้าเยาวลักษณ์วิไลโฉมงามประโลมล้ำเทพอักษร
อรุณฟื้นตื่นปลุกพระภูธรละเมอนอนเล้าโลมประหลาดครัน
พระรู้สึกนึกเขินเมินหน้านิ่งยิ่งคิดยิ่งสร้อยเศร้าถึงสาวสวรรค์
ไม่หลับไหลด้วยพระทัยนั้นผูกพันธ์จนไก่ขันจวนรุ่งน้ำค้างโปรย
หอมจำปาดอกลำดวนในสวนหลวงเรณูร่วงหอมหวนรัญจวนโหย
รื่นรื่นชื่นอารมณ์เมื่อลมโชยพระพายโรยพัดเฉื่อยระเรื่อยมา
สุริยงทรงราชรถเร่งขึ้นปลั่งเปล่งหมดเมฆในเวหา
พระตื่นขึ้นสรงพักตร์แลกายาแล้วจารึกสาราเป็นความใน
ด้วยยอดตองรองเขียนประดิษฐ์คิดตามจริตแรกเริ่มจะรักใคร่
สลักหลังสั่งซ้ำประจำไปพระมอบให้สาลิกาแล้วพาที
พระสั่งนอกบอกว่าโศกานักแล้วลูกรักอยู่บรรทมกับโฉมศรี
อย่าปิดแกลนิทราเมื่อราตรีพอเขาตีฆ้องยามจะตามไป
ขุนทองกราบคาบตองจำลองสารบินทะยานจากสวนพฤกษาไสว
ลงจับกร่างข้างแกลปราสาทชัยหนังสือพิงกิ่งไม้ไว้ดิบดี
แล้วขุนทองร้องเรียกคุณแม่จ๋าเจ้าแม่มามารับเจ้าปักษี
นางฟังแจ้วแว่วเสียงสกุณีนางเทวีวิ่งผวามาหน้าแกล
ขุนทองเห็นยกปีกเคารพรับขุนทองกลับมาแล้วจ๊ะพระเจ้าแม่
สาลิกาถาทะยานจับบานแกลไหนเจ้าแม่จะให้ข้าวกับไข่กิน
นางกอดแก้วสาลิกาแล้วกล่าวถ้อยให้กล้วยหน่อยข้าวกับไข่เหมือนใจถวิล
เอาใส่จานทองคลุกน้ำผึ้งรินขุนทองกินทางพลอดฉะฉอดไป
ลูกประสบพบสองเจ้าพ่อแล้วเธอจูบแก้วสาลิกาเป็นไหนไหน
ว่าหอมกลิ่นบุปผาสุมาลัยถามว่าใครให้แป้งมาแต่งทา
ฉันไม่บอกออกความว่าเจ้าแม่ลูกปดแก้ว่าไปเกลือกกลีบบุปผา
ทั้งสององค์หลงเชื่อลูกเจรจาเฝ้าจูบกอดสาลิกาไม่อิ่มใจ
ประเดี๋ยวพี่เอาไปจูบแล้วน้องจูบเฝ้าโลมลูบลูกรักจนเหงื่อไหล
ลูกหนีมาเสียให้สาแก่น้ำใจไม่กลับไปแล้วจะอยู่เสียในวัง ฯ
๏ นางฟังเล่าเศร้าจิตคิดถวิลกลัวภูมินทร์จะไม่แจ้งเหมือนใจหวัง
ทำแกล้งโกรธสาลิกาด้วยวาจังข้าเบื่อฟังแล้วเจ้าลิ้นทะเลวน
เขาทาแป้งแต่งตัวให้หอมกรุ่นเอาบุญคุณนั้นไปล้างเสียกลางหน
ขี้ปดพ่อว่าไปเกลือกกลีบอุบลราวกับคนไม่เคยพบกระแจะจันทน์
อันคุณพ่อเจ้าหรือกระสือแป้งไม่เคยแต่งอยู่แต่ป่าพนาสัณฑ์
นี่หรือรูปจะมิงามอร่ามครันเห็นไรฟันเสียสิ้นทุกสิ่งไป ฯ
๏ นกขุนทองพูดแก้ว่าแม่สั่งไปลับหลังว่าอย่าแจ้งแถลงไข
หรือเจ้าแม่อยากให้บอกจะออกไปลูกดีใจอยากจะอยู่ในพารา ฯ
๏ นางฟังคำทำโกรธเป็นทีหยอกไยมิบอกจะทำอะไรข้า
ขุนทองตอบไปให้ชอบด้วยปรีชาพระบิดาเธอจะทำอะไรมี
ลูกคิดดูเธอยิ่งรู้ก็ยิ่งรักไม่รู้จักก็ได้จูบแต่ปักษี
แล้วหัวร่อขอโทษนางเทวีเมื่อวานนี้ลูกทูลพระบิดา
ว่าแม่เจ้าให้กินข้าวกับไข่คลุกทั้งส้มสูกให้ลูกรักนั้นหนักหนา
แป้งอำพันจันทน์จวงกระแจะทาพระบิดาดีใจแล้วให้พร
ว่าแม่เจ้ามีคุณการุญด้วยจึ่งให้กล้วยกินอิ่มสโมสร
เหมือนเจ้าแม่มีคุณกับบิดรไม่ม้วยมรณ์ก็ไม่ลืมปลื้มอาลัย
แต่แสนยากจากเมืองได้เคืองยิ่งไม่มีสิ่งจะแทนพระคุณให้
จะมาเฝ้าเจ้าแม่ในปรางค์ชัยก็เกรงใจสองกษัตริย์จะขัดเคือง ฯ
๏ ชะปดแล้วปดเล่าเฝ้าแต่ปดช่างเลี้ยวลดยืนยาวเป็นราวเรื่อง
ยิ่งให้หลอกแล้วก็หลอกอยู่เนืองเนืองราวกับเรื่องรามเกียรติ์เจียวสาลิกา
แต่แรกบอกว่าออกไปหลอกพ่อประดิษฐ์ต่อข้อกลอนมาย้อนว่า
พ่อร้อยลิ้นกินหวานน้ำตาลทากินข้าวปลาเสียเถิดเจ้าข้าเข้าใจ
อนิจจาไม่ว่าเปล่าหนาเจ้าแม่แม้นไม่แน่แล้วจงฟัดให้ตัดษัย
พยานลูกเอามาพิงไว้กิ่งไทรไม่เชื่อใจฉันจะอ้างต้นกร่างทอง
พูดพลางทางบินไปต้นไทรใหญ่จับกิ่งไทรไพรศรีไม่มีสอง
ก็สมใจไม่วิตกนกขุนทองมาคาบตองไปถวายนางเทวี
เจ้างามพริ้มยิ้มหยิบใบตองอ่อนเห็นอักษรเรื่องราชสารศรี
เป็นความขำตามคำสกุณีพระหัตถ์คลี่นิ่งอ่านสำราญใจ ฯ
๏ ในสารว่าอิศเรศเกศมงกุฎพระโคบุตรเลิศล้ำในต่ำใต้
นิราศร้างแรมวังตั้งพระทัยมาอยู่ในสวนขวัญอันบรรจง
พี่มุ่งหมายมาถวายชีวาวาตม์พระจอมนาฏกัลยาเมืองกาหลง
ใบตองแทนแผ่นสุวรรณอันบรรจงจิตจำนงต่างเครื่องบรรณาการ
ด้วยไกลวังครั้งนี้จนเหลือแสนขุนทองแทนอุปทูตที่ถือสาร
มาถึงองค์พระธิดายุพาพาลให้แจ้งการเรื่องรักประจักษ์ใจ
แม้นมิพบสบสมสวาทนุชจนสิ้นสุดชนมชีพให้ตักษัย
เป็นกุศลดลจิตสาลิกาไปเรียมจึงได้ชมกลิ่นสุคนธา
ค่ำวันนี้พี่จะมาสู่หาน้องขอชมห้องพระตำหนักขนิษฐา
พอจบสารพจมานที่มีมาพระธิดาปั่นป่วนรัญจวนครัน
แกล้งทรงฉีกยอดตองที่รองเรื่องทำทีเคืองสกุณินแล้วผินผัน
เจ้าปักษีดีแล้วได้เห็นกันเที่ยวกล่าวขวัญให้รู้ทุกผู้คน
จะพาเจ้าขึ้นไปเฝ้าพระบิตุเรศให้ทรงเดชรู้ความตามเหตุผล
ยังพวกพ้องเจ้าจะมีสักกี่คนทำเล่ห์กลลามเลียมไม่เจียมใจ ฯ
๏ สกุณีรู้ทีไม่ทุกข์ร้อนพูดอ้อนวอนไปให้ชอบอัชฌาสัย
นี่ยอดตองฟ้องลูกประการใดไม่ถามไถ่บ้างเลยแม่ให้แน่ความ ฯ
๏ นางยิ้มพลางทางตอบเจ้าปักษินพ่อร้อยลิ้นสิ้นอาลัยไถลถาม
จะยอกย้อนซ่อนเงื่อนให้เลื่อนความเจ้าทำงามแล้วจะเป็นอะไรมี ฯ
๏ โอ้ตายจริงแล้วเจ้าสาลิกาเอ๋ยไม่รู้เลยเป็นอย่างไรไฉนนี่
จะฟ้องร้องให้ลูกต้องถูกตีมิปรานีแล้วกรรมของสาลิกา
พลางชะอ้อนวอนทูลว่าร้อยชั่งขอโทษครั้งหนึ่งเถิดเจ้าแม่จ๋า
นางแกล้งเมินเดินไปที่ไสยาสาลิกาเต้นตามนางทรามวัย
พลอดประโลมโฉมฉายให้คลายจิตแสงอาทิตย์ล่วงดับลับไศล
โฉมอำพันปั่นป่วนรัญจวนใจตั้งพระทัยคอยดูพระภูมินทร์ ฯ
             

ตอนที่ ๘ โคบุตรได้นางอำพันมาลาเป็นชายา

๏ ปางพระหน่อขัตติย์วงศ์พงศ์อาทิตย์พระทัยคิดถึงสายสวาทไม่ขาดถวิล
สุริยงลงลับสิขรินทร์พระภูมินทร์ไม่เห็นสาลิกามา
ก็รู้แน่ในอารมณ์ว่าสมรักตั้งพระพักตร์ดูจันทร์ชั้นเวหา
ครั้นประถมยามชัยได้เวลาพระตรัสสั่งอนุชาร่วมชีวัน
พี่จะลอบไปประโลมโฉมสมรพระน้องนอนเสียเถิดพ่ออย่าผายผัน
พอสางแสงสุริยาจะมาพลันเจ้าไปด้วยแจ่มจันทร์จะอายใจ ฯ
๏ อรุณรับแล้วกำชับพระเชษฐาอย่าอยู่ช้าสายแสงพระสุริย์ใส
เห็นนานนักน้องรักจะตามไปให้ถึงในปรางค์มาศปราสาททอง ฯ
๏ ได้ฟังน้องผ่องแผ้วพระทัยชื่นสำราญรื่นยินดีไม่มีสอง
ประดับองค์ทรงเครื่องอันเรืองรองค่อยเยื้องย่องยุรยาตรนาดพระกร
เหาะทะยานผ่านมาในอากาศหมายปราสาทพระธิดาดวงสมร
ด้วยแสงจันทร์แจ่มกระจ่างกลางอัมพรพระลอยร่อนดูพลางเหมือนกลางวัง
เห็นต้นกร่างข้างปรางค์เหมือนคำนกให้อิ่มอกเหมือนในฤทัยหวัง
ค่อยร่อนลงตรงหน้าบัญชรบังเห็นแกลยังแย้มไว้ไม่ใส่ดาล
ประทีปทองส่องสว่างในปรางค์รัตน์เงียบสงัดสุรเสียงไม่กล่าวสาร
พระค่อยผลักบัญชรรัตน์ชัชวาลนฤบาลเยื้องย่องเข้าห้องปรางค์
ชื่นอารมณ์ชมฉากเป็นชั้นชั้นฝูงกำนัลหลับสนิทไม่อางขนาง
บ้างขาวขำดำเกลี้ยงเป็นปานกลางเพลิงกระจ่างจับหน้าเป็นนวลคม
พระพิศดูเครื่องสำอางที่วางไว้เสี้ยมไม้ไผ่น้อยน้อยมาสอยผม
ลางนางหลับสนิทไม่ปิดนมนัดถุ์ยาดมลืมหลับอยู่กับกาย
บ้างนอนวัดปัดโถเขม่าหกหวีกระจกโถแป้งตะแคงหงาย
บ้างเล่นเพื่อนกอดน้องประคองกายพระชม้ายชม้อยชมทุกชั้นมา
ถึงห้องในใส่ล้วนลับแลฉายเขียนเป็นลายกำมะลอดูเลขา
เป็นรูปเรื่องเมืองฝรั่งชาวลังกาดูพาราแจ่มอร่ามงามระยับ
พระชมพลางทางรูดวิสูตรกั้นเห็นอำพันกัลยานิทราหลับ
ให้ซึมซาบวาบใจพระทัยวับหยุดประทับบนแท่นที่บรรทม
ลงนั่งแอบแนบองค์นุชนาฏพิศวาสใจเพียงจะเอียงล่ม
พระอิงแอบแนบน้องประคองชมเจ้างามคมขาวขำล้ำวิไล
โอษฐ์สะอาดตะละชาดบรรจงจิ้มเหมือนจะยิ้มแย้มรับทั้งหลับไหล
ศอระหงดังบุหรงสำหรับไพรพระขนงโก่งสุดนัยนานาง
นิ้วพระหัตถ์ทัดเทียนลอออ่อนลำพระกรกลมละอองทั้งสองข้าง
เล็บแฉล้มแช่มช้อยดังจัดวางทั้งสองปรางเปล่งนวลชวนให้เชย
ทั้งสองถันสันทัดดอกบัวหลวงเป็นพุ่มพวงงามสุดแรกผุดเผย
พลางประคองต้องเต้ามณฑาเชยเจ้าพี่เอ๋ยนอนนิ่งไม่ติงองค์
โอบพระกรช้อนอุ้มแล้วจุมพิตพระทรงฤทธิ์ปลุกชวนนวลหง
โฉมอำพันมาลาผวาองค์เห็นพระทรงฤทธิไกรวิไลงาม
เบือนสะบัดหัตถาผวาหวาดลงจากอาสน์เมียงเมินให้เขินขาม
พระกุมกรวอนว่าพะงางามขอฝากความรักเจ้าอย่าเฝ้าเคือง
กุศลพี่ชี้ช่วยอำนวยชักให้สมรักชิดเชื้อแม่เนื้อเหลือง
มาอยู่สวนโศกศัลย์ถึงขวัญเมืองพี่ร่างเรื่องให้สาลิกามา
ขอเชิญโฉมวรนุชสุดสวาทมาร่วมอาสน์บรรจถรณ์อันเลขา
อย่าหวาดหวั่นพรั่นใจนางไฉยาพี่หมายมาฝากชีวันกับขวัญใจ ฯ
๏ นางฟังสารหวานล้ำคำละม่อมแจ้งว่าจอมจักรพรรดิพิสมัย
นางชม้ายชายดูพระภูวไนยงามวิไลดังพระจันทร์อันเจริญ
พอเนตรน้องต้องเนตรพระภูวนาถสุดสวาทม่อยหมางระคางเขิน
เสียวกระสันหวั่นไหวพระทัยสะเทิ้นชม้อยเมินตอบพจมานพลัน
น่าสำรวลที่มาชวนขึ้นแท่นรัตน์พระมาจัดแจงไว้เมื่อไรนั่น
บรรจถรณ์เคยนอนอยู่ทุกวันมาบุกบั่นข่มเหงไม่เกรงใจ
ภูวนาถมาดหมายฝากชีวิตเมื่อดับจิตเถิดจะบอกหนทางให้
ที่นี่เคยหรือมาล่วงชะล่าใจไม่กลับไปก็จะร้องไห้ก้องดัง ฯ
๏ นิจจาน้องจะมาร้องเอาคนรักได้พบพักตร์อย่าขับไม่กลับหลัง
พี่รักเจ้าจริงจริงอย่าชิงชังจะร้องดังก็ไม่ร้างนิราศจร
ถึงตัวตายจะให้ชายเขาลือชื่อตลอดลือว่าได้โลมโฉมสมร
พลางประคองต้องเต้านั้นเต็มกรนางคมค้อนปลิดหัตถ์กษัตรา
นี่อะไรไล่จูบประโลมต้องพี่รักน้องนั่นสิเจ้าจึงเข้าหา
ช่างไม่เก้อเลยมาเพ้อจำนรรจาตามจะว่าเถิดไม่วางเจ้าอย่างเดียว
หยิกด้วยเล็บหนาให้เจ็บตลอดจิตแม้นไม่คิดแล้วจะหยิกให้เนื้อเขียว
จนเขาขับแล้วยังจับอยู่กลมเกลียวอย่าโกรธเกรี้ยวไปเลยน้องจะหมองนวล
พระโอบอุ้มจุมพิตสนิทสนมพระเชยชมโฉมนุชสุดสงวน
ปลอบประโลมโฉมน้องต้องกระบวนทั้งสองสรวลสุขเกษมประสานกร
ดังนาครัดดวงแก้วประคองกอดพระหัตถ์สอดพุ่มพวงดวงสมร
ดังราหูจู่จับพระจันทรประชากรก็ประโคมระฆังดัง
บ้างกรายกรีดดีดเล็บฉะฉับเฉาะเอาขันเคาะฆ้องกระแตทั้งแตรสังข์
เสียงปืนตึงผึงตามกันสามตังราหูยังหยุดยืนแล้วคืนคาย
พิรุณโรยโปรยปรอยลงย้อยปริบมณฑาทิพปทุมมาลย์บานขยาย
ภุมรินหอมกลิ่นลงเกลือกกายทั้งสองฝ่ายสบกระบวนให้ยวนยี
ต่างหลงเชิงพระละเลิงด้วยชมโฉมหลงประโลมลืมรักเจ้าปักษี
นางลืมสองจักรพรรดิสวัสดีพระลืมที่สวนขวัญอนุชา
ฆ้องสำคัญลั่นทุ่มเข้าสิบทัศประคองหัตถ์กอดแก้วขนิษฐา
ค่อยกระซิบกระซาบสั่งหลั่งน้ำตาพี่จะลาแล้วนะน้องอย่าหมองใจ
ตวันดับจึงจะกลับมาหาแก้วสว่างแล้วพี่จะอยู่กระไรได้
โฉมอำพันปั่นป่วนรัญจวนใจพลางพิไรครวญคร่ำด้วยคำวอน
มิเสียทีที่พระว่าการรุญน้องจะจากห้องแรมร้างห่างสมร
ดังฝูงผึ้งคลึงกลิ่นแล้วบินจรสมสุนทรที่พระเริ่มแต่เดิมที
หรือห่วงหลังหวังรักไปนัคเรศประจักษ์เหตุแล้วไม่ต้องให้หมองศรี
น้องโฉดเขลาเบาจิตผิดสตรีก็ตามทีเถิดเคราะห์จำเพาะเป็น ฯ
๏ นั่นมิใช่หรือมาใส่เอาเปล่าเปล่าใครบอกเล่าว่าห่วงมาล่วงเห็น
นี่จำใจจำลาน้ำตากระเด็นถ้าใครเห็นด้วยพี่บ้างแทบคลั่งตาย
มิใช่ชังจะมาร้างนิราศนุชมาวิมุติ์นึกหมางระคางหมาย
อารมณ์รักอุตส่าห์หักความเสียดายกลัวจะอายที่จะอึงพี่จึ่งจร
ไม่เห็นทุกข์แล้วก็แท้ว่าแม่แกล้งไม่เคลือบแคลงแล้วจะร้างห่างสมร
แม่ฟังคำพี่ว่าอย่าอาวรณ์แม้นไม่จรเขาเห็นกายจะอายคน ฯ
๏ พระทรงโฉมโลมลูบแล้วจูบสั่งน้ำเนตรหลั่งไหลนองดังฟองฝน
ลงจากอาสน์กรเผยพระแกลบนฤทธิรณรีบรุดมาอุทยาน
พอถึงสวนจวนสางสว่างแสงกระจ่างแจ้งพื้นภพจบสถาน
พระเข้าห้องกอดน้องแล้วพจมานพ่อตื่นนานแล้วหรือน้องอย่าหมองใจ
อรุณยิ้มพริ้มพรายภิปรายเปรียบทูลประเทียบเปรียบเปรยเฉลยไข
ไม่หาวนอนเลยสักนิดน้องผิดใจราวกับได้นางฟ้าลงมาเชย
พระเยื้อนบอกยิ้มย่องกับน้องแก้วถึงตัวบ้างก็ไม่แคล้วแล้วน้องเอ๋ย
เป็นประถมธรรมดาอย่าว่าเลยแล้วชมเชยตอบสนองกันสองเรา ฯ
๏ สงสารนุชสุดสวาทในวังหลวงสว่างดวงสุริยนบนเวหา
ไม่วายคิดจิตประหวัดถึงภัสดาประคองกอดสาลิกาไว้กับกาย
ขุนทองเอ๋ยเป็นไรเลยไม่พูดบ้างให้แม่สร่างโศกเศร้าบรรเทาหาย
นกฉลาดช่างเฉลยภิเปรยปรายไม่สบายสุดจะบอกให้ใครฟัง
เมื่อคืนนี้อัศจรรย์เหมือนฝันเห็นเผอิญเป็นให้พิกลกว่าหนหลัง
ราวกับลมเพชหึงพัดตึงตังพึ่งหายดังลงเมื่อดึกรู้สึกพลัน ฯ
๏ นางแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ลูกรักแม่ช่างพูดแก้ขอบจิตนิมิตฝัน
เจ้านอนนี่มีเหตุขึ้นอัศจรรย์ถ้ากระนั้นค่ำลงนอนพงพี ฯ
๏ อนิจจาขุนทองมาต้องขับช่างอาภัพไปห่างจากปรางค์ศรี
แต่ป่างก่อนนั้นสาลิกาดีตั้งแต่นี้เห็นอาภัพจะลับแล้ว ฯ
๏ นางฟังพลอดกอดสาลิกาน้อยช่างชดช้อยส่งเสียงสำเนียงแจ้ว
ถึงตัวตายก็ไม่วายสวาทแล้วนางกอดแก้วสาลิกาว่าน่ารัก
จงเฝ้าห้องนะขุนทองอย่าไปไหนแม่จะไปเฝ้าองค์พระทรงศักดิ์
สั่งพลางแต่งองค์นางนงลักษณ์พอสมศักดิ์สมองค์นางนงคราญ
ภูษาทรงวงสร้อยสะอิ้งรัดนิ้วพระหัตถ์ธำมรงค์วิเชียรฉาน
ดำรัสเรียกฝูงกำนัลพนักงานเยาวมาลย์ย่างเยื้องชำเลืองมา
ถึงปราสาทสององค์พระทรงภพนางเคารพอัญชลีเหนือเกศา
ภูวนาถหวาดจิตเห็นธิดาทั้งกายาพระยุพินสิ้นละออง
แต่ก่อนงามยามดูดังเดือนฉายมาระคายระคางมีราคีหมอง
ดังโกสุมภุมรินบินประคองเป็นรอยต้องซ้ำมีราคีพาน
พระลูกรักดีร้ายมีชายชิดจึงดูผิดผิวพรรณในสัณฐาน
จะถามนางเห็นจะพรางไม่ต้องการนฤบาลนิ่งพิศดูธิดา
เห็นแน่ใจแล้วมิได้โองการแจ้งครั้นสายแสงสุริยนบนเวหา
พระทรงเครื่องเยื้องย่องจากห้องมาออกนั่งหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล
สะพรั่งพร้อมเสนาพฤฒามาตย์ภูวนาถตรัสเรียกมนตรีทหาร
เคียงบัลลังก์กระซิบสั่งให้จัดการท่านผู้ชาญจงช่วยล้างในทางอาย
ผูกพยนต์กลในให้ลึกล้ำข้างนอกทำให้เป็นแท่นวิเชียรฉาย
ยักษ์พยนต์ตนหนึ่งให้แฝงกายคอยจับชายชู้ชิดพระธิดา ฯ
๏ ขุนทหารฟังสารที่ท้าวสั่งถวายบังคมคัลมาเคหา
เอาเชือกวงดำรงเสกด้วยวิทยามัดหุ่นหญ้าวางไว้เหมือนใจจง
บริกรรมซ้ำเสกข้าวสารซัดเชือกวิบัติเป็นบัลลังก์ที่นั่งหงส์
ทั้งหุ้นหญ้าก็เป็นมารชาญณรงค์แล้วบรรจงให้เป็นกลองของสำคัญ
ภาวนาสั่งผ้าพยนต์ยักษ์บุรุษใดมาร่วมรักสาวสวรรค์
เมื่อไสยาสน์จงพิฆาตกลองสำคัญจับกระสันมัดไว้ดังใจจง
ครั้นสำเร็จเสนาเอามาถวายจอมนารายณ์ชื่นชมสมประสงค์
พจมานให้ประทานนางโฉมยงฝูงอนงค์นำหน้าเสนาจร
ครั้นถึงปรางค์นางทูลถวายอาสน์ภูวนาถเธอจำนงให้องค์สมร
โฉมอำพันมาลาพะงางอนเห็นบรรจถรณ์งามดีก็ปรีดา
บรรจงจัดผลัดแท่นที่สถิตไม่แจ้งจิตนงลักษณ์ว่ายักษา
แต่คิดเร่งสุริยนให้สนธยาภัสดาจะได้ย่างเข้าปรางค์ทอง
อันท้าวหลวิราชอำมาตย์ทหารเกษมศานต์ยินดีไม่มีสอง
คอยเงี่ยโสตฟังเสียงสำเนียงกลองอยู่ในท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
๏ ป่างบพิตรอิศเรศเกศมงกุฎพระโคบุตรสุริย์วงศ์ยอดสงสาร
กับอรุณน้องยาปรีชาชาญแสนสำราญอยู่ในห้องตำหนักจันทน์
ครั้นสุริยงลงลับเหลี่ยมสิงขรพระภูธรครวญคิดจิตกระสัน
รำลึกถึงขนิษฐาวิลาวัณย์นางแจ่มจันทร์เห็นจะคอยละห้อยใจ
เข้านั่งแนบแอบน้องประคองถนอมแล้วแกล้งกล่อมเพลงขับให้หลับไหล
พระทรงเครื่องเยื้องย่องจากห้องในฤทธิไกรเหาะตรงมาลงปรางค์
พระกรกรีดดีดแกลเสียงดังกักนางนงลักษณ์แจ้งจิตไม่คิดหมาง
นางเผยแกลรับองค์พระทรงปรางค์พระจูงนางเยื้องย่องเข้าห้องใน
ถนอมแนบแอบน้องประคองกอดนาสาสอดสมสนิทพิสมัย
ต่างยวนยีปรีดิ์เปรมเกษมใจบรรทมในแท่นทองทั้งสองรา ฯ
๏ นางนบนอบตอบสนองต้องทำเนียบภิปรายเปรียบสรวลสันต์ด้วยหรรษา
ข้างฝ่ายแท่นแสนเล่ห์ของเสนาก็มารยาส่งเสียงประสานเพลง
มโหรีปี่แก้วจะแจ้วเจื้อยระรี่เรื่อยฟังเสนาะอยู่เหมาะเหมง
พระโคบุตรนุชนางให้วังเวงสดับเพลงฟังเพลินเจริญครัน ฯ
๏ ทั้งสององค์ทรงหลับไม่ลืมเนตรด้วยต้องเวทมนตราเหมือนอาสัญ
ยักษ์พยนต์รนตีเภรีพลันแท่นสุวรรณรวบรัดจะมัดองค์
ก็กึกก้องห้องปรางค์ปราสาทรัตน์สองกษัตริย์หลับสนิทพิศวง
แต่เครื่องเทพสาตรารักษาองค์ธำมรงค์สุริย์กาญจน์สังวาลพราย
เป็นจักรพัดตัดเชือกกระชากขาดวิปลาสลุ่ยแหลกละลายหาย
ที่รูปหุ่นก็เป็นจุณแหลกทำลายต่างวุ่นวายหวั่นไหวในไพชยนต์ ฯ
๏ นางสาวสาวชาววังกำลังหลับสะดุ้งวับหวีดวิ่งอยู่สับสน
ฝ่ายทหารชาญเวทวิเศษมนต์ยินพยนต์พิฆาตกลองเข้าสองที
แล้วกลับนิ่งกริ่งจิตผิดประหลาดขุนอำมาตย์วิ่งวางมาปรางค์ศรี
เห็นพยนต์ยับลงเป็นผงคลีขุนมนตรีโกรธใจดังไฟกัลป์
ดูพระองค์ทรงฤทธิ์สนิทหลับกระโจมจับด้วยกำลังดังกังหัน
สังวาลวงเป็นภุชงค์กระหวัดพันเสนาดันดึงเชือกลงเสือกกาย
แทบขาดจิตด้วยฤทธิ์ภุชงค์รัดดิ้นสะบัดก็ไม่ไหวให้ใจหาย
จึงอ่านเวทแก้มนต์สะกดกายทั้งสองสายสุดที่รักรู้สึกพลัน
ดูแท่นหายเห็นแต่สายสังวาลรัดเป็นนาคมัดเสนาจะอาสัญ
พระหยิบเครื่องประดับมาฉับพลันเสนานั้นหมอบตัวด้วยกลัวตาย
แล้วทูลความตามโทษที่ทำผิดได้ประดิษฐ์ทำแท่นมาถวาย
แม้นมิโปรดโทษข้าก็ควรตายหน่อนารายณ์อิศราได้ปรานี ฯ
             

ตอนที่ ๙ โคบุตรพานางอำพันมาลาหนีไปเมืองพาราณสี

๏ พระฟังสารเสนาสารภาพก็ซับทราบฤทัยพระโฉมศรี
จึงแย้มเยื้อนเอื้อนตรัสกับเสนีท่านผู้ปรีชามนต์เป็นพ้นใจ
พระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์นั้นคิดฆ่าฝ่ายเทวาป้องปัดไม่ตัดษัย
เราก็ผิดคิดด่วนทำกวนใจด้วยมิได้เกรงการที่ท่านมา
ทั้งสองข้างต่างกลุ้มอย่าคุมแค้นช่วยทูลแทนด้วยเถิดเจ้าเหมือนเราว่า
เราก็ปิ่นจักรพรรดิกษัตราชื่อโคบุตรสุริยาสวัสดี
ขอทูลลาพาน้องไปอุปภิเษกเป็นองค์เอกอัคเรศเจริญศรี
ถ้าสมเด็จพระบิดาจะุปรานีเชิญภูมีจงแจ้งไปแต่งงาน
เมืองพาราณสีบุรีรัตน์อยู่จังหวัดบูรพาทิศาสาร
สิบห้าวันจึงจะทันวิวาห์การแล้วอุ้มมิ่งเยาวมาลย์เสมอชนม์
ออกบัญชรร่อนลอยไปทางสวรรค์กระจ่างจันทร์แจ่มฟ้าเวหาหน
สงสารนางร้างไปจากไพชยนต์แสนกังวลห่วงหลังวังเวงใจ
ถึงบิดรมารดาคณาญาตินุชนาฏแสนเทวษน้ำเนตรไหล
พระทรงโฉมโลมนางให้สร่างใจมาถึงในสวนขวัญมิทันนาน
พระเคลื่อนคล้อยลอยลงตรงตำหนักปลุกอรุณน้องรักยอดสงสาร
อรุณตื่นสรงพักตร์แสนสำราญพระแจ้งการเกิดภัยขึ้นในวัง ฯ
๏ อรุณฟังบังคมพระเชษฐาแล้ววันทาอรไทเหมือนใจหวัง
นางรับหัตถ์วัฒนาด้วยวาจังอยู่พร้อมพรั่งสาลิกาสถาวร ฯ
๏ นกขุนทองป้องปีกขึ้นเหนือเกล้าลูกเห็นเจ้าแม่มาสโมสร
นางโอบอุ้มสกุณาให้อาวรณ์พ่อตื่นนอนแล้วหรือพลอดฉะฉอดไป ฯ
๏ พระโคบุตรสุดแสนเกษมสันต์เห็นแสงจันทร์จวนจะลับเหลี่ยมไศล
ไก่กระชั้นขันเร่งอโณทัยภูวไนยรับขวัญนางกัลยา
เอาแหวนน้อยของพระองค์บรรจงถอดมาสวมสอดใส่นิ้วขนิษฐา
แล้วตรัสหยอกบอกสั่งกับพังงาแม่รักษาธำมรงค์ไว้จงดี
ได้เหาะตามเชษฐาทางอากาศนางน้อมหัตถ์อภิวาทพระโฉมศรี
พระตรัสชวนอรุณสกุณีจรลีจากสวนด่วนจรัล
ถนอมนวลชวนเหาะขึ้นอากาศดูโอภาสเพียงเทพรังสรรค์
เจ้าอรุณขุนทองประคองกันนางแจ่มจันทร์เคียงมากับสามี
ดาวเดือนเลื่อนลับไศลจะใกล้รุ่งรีบหมายมุ่งตรงมาพาราณสี
แสนวิเวกมาในเมฆเมฆีลับบุรีเข้าป่าพนาวัน ฯ
๏ จะกลับกล่าวถึงเสนาอันสามารถเห็นภูวนาถอุ้มนางมาทางสวรรค์
ให้ครั่นคร้ามขามเข็ดขยาดครันทั้งกำนัลฝูงนางที่ปรางค์ใน
บ้างยกกรข้อนอกสะอึกสะอื้นออกครึกครื้นไห้หาน้ำตาไหล
ทั้งเสนาอำมาตย์เพียงขาดใจก็วิ่งไขว่รีบจรมาจากปรางค์
พวกผู้หญิงวิ่งตามกันอึกทึกสะอื้นสะอึกตีอกมาผางผาง
เหมือนเจ้าเซ็นเต้นหลามมาตามทางตรงมาปรางค์จักรพรรดิกษัตรา ฯ
๏ ท่านท้าวหลวิราชอนาถนิ่งสำเนียงวิ่งก้องวังให้กังขา
จากบัลลังก์เสด็จเลยมาเกยชาลาเห็นเสนาสาวสนมออกกลมกัน
มนตรีวิ่งกลิ้งเกลือกมากอดบาทยังมิอาจออกนุสนธิ์ให้อ้นอั้น
พวกผู้หญิงวิ่งตามพัลวันพระทรงธรรม์ขันขึงตะลึงแล
แล้วจึ่งมีสิงหนาทประภาษถามก็ทูลความขึ้นระเบ็งออกเซ็งแซ่
คนหนึ่งตั้งคนหนึ่งต่อออกจอแจมันไม่แน่ตรงไหนจะใคร่ฟัง ฯ
๏ ครั้นสร่างโศกเสนาอันสามารถอภิวาททูลตามเนื้อความหลัง
เมื่อแรกจับสัประยุทธ์สุดกำลังจนเธอสั่งสรรพเสร็จเสด็จไป ฯ
๏ ได้ฟังสารให้ระคายเสียดายยศดังแสงกรดกรีดศอให้ตัดษัย
พระฮึดฮัดตรัสกริ้วเสนาในเอ็งมิใช่ช้างงาปรีชาชน
ถึงใครดีมีฤทธิ์ให้ล้นฟ้าอยู่สุธาแล้วไม่อาจขยาดย่น
เวลารุ่งพรุ่งนี้จะกรีพลตามประจญจับตัวไม่กลัวตาย ฯ
๏ มนตรีฟังท้าวสั่งให้เตรียมทัพดังตามจับมัจจุราชเหมือนมาดหมาย
แสนขยาดหวาดหวั่นให้พรั่นกายทูลถวายชีวิตไม่คิดการ
เอาหม่อมฉันฟันเศียรเสียเอาฤกษ์แล้วจึ่งเลิกพลไกรไปสังหาร
พระทรงฤทธิ์เลี้ยงมาก็ช้านานเป็นทหารชิงชัียมาหลายครั้ง
ทั้งร้อยเอ็ดพระนครมาอ่อนเกศเพราะพระเวทฤทธิรณพระมนต์ขลัง
แต่ตรงพระโคบุตรสุดกำลังด้วยชีวังจะมรณาแต่ราตรี
หากเธอรักธิดาของฝ่าพระบาทข้าอำมาตย์จึ่งได้มาถึงบทศรี
แล้วดูองค์ทรงภุชกับบุตรีควรเป็นที่คู่ควรสงวนงาม
ทั้งสมทรงวงศาศักดาเดชมงกุฎเกศตรีภพจบสยาม
ซึ่งพระทัยของพระองค์จะสงครามไม่ทำตามเกล้ากระหม่อมจะยอมตาย
พระฟังข่าวกล่าวโฉมประโลมจิตแล้วหยุดคิดดับเดือดค่อยเหือดหาย
เสด็จขึ้นแท่นสุวรรณพรรณรายแสนเสียดายธิดาพะงางาม
รุ่งอุทัยไขแสงทุกแหล่งหล้าสั่งให้หาโหรเฒ่าเข้ามาถาม
โหรพินิจคิดคูณแล้วทูลความนางโฉมงามคงจะมาถึงธานี ฯ
๏ พระฟังคำโหรทายค่อยคลายคิดรัญจวนจิตจำจากนางโฉมศรี
แต่ตั้งคอยธิดาอยู่ธานีเมื่อเข้าที่โศกาลงจาบัลย์ ฯ
๏ จะกล่าวกลับจับความสามกษัตริย์พ้นจังหวัดกรุงไกรเข้าไพรสัณฑ์
พอรุ่งแสงรังสีรวีวรรณพระรับขวัญนุชน้องประคองเคียง
นางสาวน้อยคอยแลละลานเนตรในขอบเขตเขาไม้ชายเฉลียง
สกุณร้องก้องดงส่งสำเนียงจนแดดเที่ยงแผดเผาในอัมพร
พระนำนวลชวนน้องขุนทองน้อยค่อยเลื่อนลอยลงหยุดยอดสิงขร
พระชวนแก้วแววตาพะงางอนชมนิกรปักษาในป่ารัง
ทั้งแนวน้ำลำธารละหานหินเป็นน้ำรินแผ่นผาคงคาขัง
ที่ไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกระทบดังศิลาพังกลิ้งลั่นสะท้านดิน
บ้างฟุ้งฟูปรูปรายเป็นเกลียวปัดกระเด็นซัดทรายเม็ดเหมือนเพชรหิน
ที่รอยแตกแทรกซึมมารินรินแล้วภูมินทร์ชี้ชมสกุณา
ฝูงอีลุ้มแฝงพุ่มอุโลกเลียบกระจาบเหยียบยอดพุทธรักษา
นกเขานิ่งจับกิ่งกรรณิการ์อีร้าร่ารำปีกอยู่กรีดกราย
บ้างเหล่าสัตว์เสือสิงห์กระทิงโดดกิเลนโลดเลียงผาวิ่งผันผาย
นรสิงห์ลิงโลดละมั่งทรายทั้งแรดร้ายเรียงเดินเนินลำเนา
กระบือเปลี่ยวเที่ยวพบกับเสือโคร่งควายก็โก่งหางรับขยับเขา
เสือขยิกควายขยดกระทดเท้าเสือตรงเข้าควายขวิดด้วยจิตมุ
เสียงเขาขวับกับกักพยัคฆ์กัดเสือสะบัดควายขวิดด้วยฤทธิ์ดุ
นางกษัตริย์ทัศนาก็ผาสุกสว่างทุกข์โศกเศร้าบรรเทาหาย
นางอุ้มนกอิงแอบไว้แนบกายแล้วโฉมฉายตรัสถามเจ้าทรามเชย
โน่นนกแก้วแจ้วพลอดบนยอดไม้ว่ากระไรนั่นสาลิกาเอ๋ย
นั่นหรือเจ้าฉันจะบอกไม่หลอกเลยเขาชมเชยเจ้าแม่ว่าแท้งาม
ว่าดูดู๋ขุนทองคะนองนักเห็นว่ารักแล้วว่าเล่นไม่เกรงขาม
อนิจจาว่าจริงมากริ่งความกระนั้นตามแต่จะทำให้หนำใจ ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงพระสรวลสำราญชวนสาลิกาแล้วปราศรัย
นกปรอดพลอดเกรียวอยู่กิ่งไทรว่ากระไรบอกพ่อจะขอฟัง
สาลิกาว่าลูกไม่บอกได้จะเคืองใจหม่อมแม่เหมือนแต่หลัง
เจ้าบอกพ่อเถิดจะขอโทษประทังขุนทองฟังสัพยอกบอกรำพัน
เขาชมว่าทั้งสองพี่น้องแท้ทั้งเจ้าพ่อเจ้าแม่ดูคมสัน
เขาว่าเห็นเหมือนจะเป็นอะไรกันกลัวแต่ท่านจะว่าแกล้งแคลงขุนทอง
สองพระองค์ทรงพระสรวลสำรวลร่าขนิษฐาค้อนคมอารมณ์หมอง
ใครจะรู้เท่าเล่าเจ้าขุนทองทำคะนองเชื่อพ่อพูดล้อคน
ต่างสำรวลชวนชื่นระรื่นจิตแสงอาทิตย์บ่ายคล้อยพระเวหน
แดดพยับอับพื้นโพยมบนพระชวนมิ่งนิรมลให้แต่งองค์
ล้วนแต่แก้วแกมสีมณีสอดออกจากยอดเขาใหญ่ไพรระหง
ลอยละลิ่วปลิวตามกันสามองค์อรุณทรงอุ้มสาลิกามา ฯ
๏ สุริย์แสงใกล้ดับพยับคล้อยชะนีห้อยโหนไม้ร้องไห้หา
วิเวกวาบซาบเสียวเส้นโลมาพระพายพาพัดส่งตรงบุรี
กำหนดสิบห้าคืนที่แรมค้างบรรลุทางถึงเมืองพาราณสี
พระชวนแก้วกัลยาลงธานีจรลีเยื้องย่างเข้าปรางค์ปรา ฯ
๏ พรหมทัตขัตติยาวราเดชทอดพระเนตรเห็นสองโอรสา
กับโฉมยงนงลักษณ์วิไลตาเสด็จมาต้อนรับด้วยฉับพลัน
จูงสองบุตรสุดสวาทขึ้นอาสน์รัตน์กรุงกษัตริย์กอดจูบแล้วรับขวัญ
พ่อแีรมร้างนครามาช้าครันนางแจ่มจันทร์เจ้าได้มาพาราใด ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสดับจึงกล่าวกลับความหลังมาทูลไข
ครั้งจากเมืองเรื่องแรกนิราศไกลจนไปได้กัลยามาธานี ฯ
๏ พรหมทัตแจ้งอรรถว่าอัคเรศพูนเทวษตรึกตรองแล้วหมองศรี
พระเนตรคลอชลนาไม่พาทีโอ้ครั้งนี้วาสนาธิดาเรา
ได้จินดามาถือถึงมือแล้วเสียดายแก้วกลับคืนเป็นของเขา
แล้วหักจิตคิดความตามสำเนาเมื่อลูกเราบุญน้อยจะโทษใคร
จึงเอื้อนอรรถตรัสสั่งกับสาวศรีบอกมณีสาครผู้พิสมัย
ว่าเชษฐาเจ้ามาถึงเวียงชัยให้ทรามวัยจรจรัลมาวันทา ฯ
๏ สาวสนมต่างก้มบังคมสนองมาสู่ห้องบรรทมขนิษฐา
กราบทูลความตามมีโองการมาพระเชษฐาอนุชาถึงธานี ฯ
๏ ปางมณีสาครบวรนาฏสุดสวาทแรกรุ่นเจริญศรี
คิดระคายอายองค์พระภูมีนางเทวีจำใจต้องไคลคลา
ประดับองค์ทรงสร้อยงามจรัสเนาวรัตน์เรียบนิ้วพระหัตถา
แล้วเยื้องย่างดังนางกินรานัยนาลอบเหลือบชำเลืองชาย
แลเห็นองค์ทรงฤทธิ์กับน้องรักกับนงลักษณ์เคียงข้างพระโฉมฉาย
นางนั่งแอบบิดรแล้วอ่อนกายกรถวายอัญชุลีพระพี่ยา
๏ พรหมทัตตรัสเตือนพระลูกรักนั่นนงลักษณ์อัคเรศของเชษฐา
บังคมคัลกันเสียเถิดนะแก้วตาตามประสาพี่น้องกันสองนาง ฯ
๏ ยุพาพาลฟังสารบิดาสั่งให้แค้นคั่งเคืองในพระทัยหมาง
แกล้งสำรวญสรวลร่าต่อหน้านางแล้วเยื้องย่างเข้าในที่ไสยา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ผู้ทรงเดชชำเลืองเนตรเพ่งพิศขนิษฐา
พึ่งแรกรุ่นรูปงามอร่ามตากิริยางามงอนชะอ้อนองค์
แค้นจิตที่ยังพิศไม่เต็มพักตร์กำเริบรักจิตรำพึงตะลึงหลง
แต่แรกรู้ว่างามอร่ามทรงไม่เดินดงไปให้ยากลำบากใจ
คิดแค้นตาน่าจะตำให้แตกหักไม่รู้จักคนงามก็เป็นได้
ให้กลัดกลุ้มรุมรึงตะบึงไปด้วยพระทัยร้อนร่านในการรัก ฯ
๏ โฉมอำพันมาลาน้ำตาตกให้เจ็บอกใหญ่หลวงเพียงทรวงหัก
แรกก็หมายว่าพระไร้นารีรักจึ่งหาญหักตามติดไม่คิดอาย
นึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นไห้ชลนัยน์นองเนตรนางโฉมฉาย
พรหมทัตขัตติยาปรีชาชายเห็นนางฟายชลนาโศกาลัย
ก็รู้แจ้งแกล้งกล่าวประโลมเล้าพ่อจะเล่าโฉมยงอย่าสงสัย
อันลูกข้ากับสามีของสายใจใช่จะได้สู่สมภิรมยา
อันความหลังเจ้ายังไม่แจ้งจิตรักสนิทเหมือนหนึ่งญาติวงศา
จะเสกเจ้าเสาวภาคย์แก่ภัสดาเป็นมหาจักรพรรดิสวัสดี
อันพี่น้องสององค์โอรสข้าก็ให้แก่ภัสดาของโฉมศรี
จะเลี้ยงไว้ใช้สอยก็ตามทีแต่เทวีจะภิเษกเป็นเอกองค์ ฯ
๏ พระโคบุตรฟังสุดสารกษัตริย์ชุลีหัตถ์ตอบความตามประสงค์
ลูกเปล่าใจไร้ญาติประยูรวงศ์หมายพระองค์ทศมิตรเหมือนบิดา
นางมณีสาครนางนงลักษณ์ลูกก็รักเหมือนนัยนาขวา
ซึ่งโปรดปรานจะให้ผ่านซึ่งพาราลูกจะให้อนุชาอยู่แทนกาย
จะเชิญเสด็จบิดาของข้าบาทมาสร้างราชเวียงชัยเหมือนใจหมาย
จะแต่งการสยมพรขจรจายตามสบายมิให้ไพร่ได้รำคาญ
อรุณน้องจะได้ครองพารานี้แม่มณีวรนุชสุดสงสาร
มิให้เคืองเบื้องบาทพระภูบาลจะรับการให้ตลอดจนวอดวาย
ถึงคนอื่นหมื่นแสนจะแค่นให้ไม่เหมือนใจลูกรักสมัครหมาย
สุจริตจนชีวิตลูกจากกายมิให้คลายรักน้องทั้งสองรา ฯ
๏ พรหมทัตฟังสารสำราญสุดรู้ว่าบุตรจะได้เป็นฝ่ายขวา
ครั้นรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยาสั่งคณาสาวสรรค์กำนัลใน
ประจงจัดปัจถรณ์ให้ลูกรักกับนงลักษณ์เยาวยอดพิสมัย
เครื่องเสวยคาวหวานสำราญใจบรรทมในปรางค์รัตน์ชัชวาล
สนั่นก้องกองชนะปี่ไฉนวิเวกในปรางค์มาศราชฐาน
ประโคมยามตามศักดิ์จักรพาลสุริกาลเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์สำราญจิตตื่นจากปัจถรณ์
ชวนอำพันมาลาพะงางอนชุลีกรกษัตราเจ้าธานี
ขอพระองค์จงจัดบัลลังก์อาสน์อันโอภาสไว้ในพระโรงศรี
พร้อมพระญาติวงศาในธานีมายังที่ท้องพระโรงจงเสร็จพลัีน
จะเชิญองค์บิดาของข้าบาทให้ลินลาศมาพระโรงนรังสรรค์
จะได้พบกับองค์พระทรงธรรม์ปรึกษากันที่จะแต่งวิวาห์การ ฯ
๏ พรหมทัตขัตติย์วงศ์ทรงสดับประคองรับคำพลางต่างบรรหาร
แต่งบัลลังก์ทั้งพลับพลาตรงหน้าลานงามตระหง่านด้วยสุวรรณอันบรรจง
ครั้นสำเร็จเสร็จชวนมเหสีพระบุตรีเยื้องย่องเข้าห้องสรง
เครื่องประดับวับวามอร่ามองค์พระญาติวงศ์พร้อมพรั่งทั้งข้างใน
เสด็จมายังที่หน้าพระโรงรัตน์เป็นขนัดนั่งเรียงเคียงไสว
พร้อมสาวสรรค์กัลยาเสนาในคอยท้าวไทสุริยาวราฤทธิ์ ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ประสานหัตถ์นบนิ้วด้วยสุจริต
รำลึกถึงบิตุรงค์องค์อาทิตย์พระทรงฤทธิ์มา่ช่วยลูกด้วยพลัน
จะแต่งการบ้านเมืองให้เลื่องชื่อตลอดลือแหล่งหล้าสุธาสวรรค์
ด้วยสองนางขนิษฐาวิลาวัณย์พระทรงธรรม์จงมาช่วยลูกด้วยรา ฯ
             

ตอนที่ ๑๐ อภิเษกโคบุตรกับนางมณีสาครและนางอำพันมาลา

๏ จะกล่าวถึงบิตุรงค์องค์อาทิตย์สำราญจิตอยู่ในราชรถา
ทิพกรรณรู้แจ้งในกิจจาว่าลูกยาคิดคะนึงถึงพระองค์
ได้นางแล้วจะสร้างนครด้วยจำจะช่วยให้ได้สมประสงค์
จึ่งแบ่งภาคจากราชรถทรงพระสุริยงลอยฟ้ามาธานี
ครั้นถึงเมืองเยื้องย่างขึ้นนั่งอาสน์โอรสราชก้มกราบพระสุริย์ศรี
พรหมทัตขัตติยาเจ้าธานีกับบุตรีเมียแก้วบังคมคัล
พฤฒามาตย์ราษฎรอ่อนศิโรตม์ต่างมาโนชชมพระสุริย์ฉัน
แต่สงสัยไม่รู้ว่าสุริยันต่างชวนกันสรรเสริญเจริญทรง
พระโคบุตรเข้าชิดพระบิตุเรศแล้วก้มเกศทูลความตามประสงค์
ซึ่งลูกรักหากคิดถึงบิตุรงค์โดยจำนงจะให้สร้างพระพารา
อุภิเษกเอกองค์อนงค์นาฏเสวยราชย์สองฝ่ายเป็นซ้ายขวา
ข้างมณีนี่ได้แต่แรกมาพระบิดาให้แต่เล็กยังเด็กนัก
ได้ชื่นชมสมสองเหมือนน้องพี่ก็ควรที่จะภิเษกเป็นเอกอัคร
นางอำพันนั้นไซร้ได้ร่วมรักก็เป็นสักว่าที่หลังจะตั้งตาม ฯ
๏ พระสุริยงทรงฟังโอรสราชจึงประภาษกล่าวกลอนสุนทรถาม
ท่านท้าวพรหมทัตผู้จัดความพยายามพันผูกกับลูกเรา
ก็พร้อมจิตคิดยังเหมือนดังญาติท่านให้ราชธิดาโฉมเฉลา
จะแต่งการไว้พานธุระเราจะใช้ชาวชนบทปรากฏครัน
จะสร้างเมืองเครื่องอุภิเษกเสร็จให้สำเร็จตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
กับเมืองของท้าวไทอยู่ไกลกันสิบห้าวันเดินทางเหมือนอย่างเป็น
แต่จะย่นหนทางเข้าวางไว้เมื่อแต่งงานนั้นใกล้พอแลเห็น
ท้าวจะได้มาไปไม่ยากเย็นเมื่อเสร็จสรรพกลับเป็นสิบห้าวัน
อันสององค์นงนุชสุดสวาทอนุญาตยอดมิ่งทุกสิ่งสรรพ์
ท่านจัดแจงแต่งตบให้ครบครันด้วยอำพันเทวีไม่มีใคร
เรากับพระลูกยาจะลาก่อนจะไปสร้างพระนครให้สุกใส
พรุ่งนี้เช้าเชิญพาธิดาไปเราจะได้เสกสองให้ครองกัน ฯ
๏ พรหมทัตฟังสารแล้วก้มกราบสิโรราบรับสั่งพระสุริย์ฉัน
ถึงนวลนางโฉมยงองค์อำพันจะแต่งให้เหมือนกันกับธิดา ฯ
๏ พระสุริย์ฉานฟังสารกรุงกษัตริย์โสมนัสชวนองค์โอรสา
จะช้านานการด่วนจวนเวลาเราไปสร้างพาราเถิดลูกรัก
พระโคบุตรสั่งน้องทั้งสองศรีแล้วอัญชุลีลาองค์พระทรงศักดิ์
เสร็จสั่งสุริย์ฉายก็บ่ายพักตร์กับลูกรักเหาะทะยานผ่านโพยม
พระโคบุตรเหาะชิดกับบิตุเรศชาวนิเวศน์ชี้ชวนกันชมโฉม
เจริญงามยามคล้อยลอยโพยมและประโลมลิ่วลิบจนลับตา
พระสุริยงกับองค์โอรสราชก็ผันผาดมาในห้องพระเวหา
แล้วผันแปรแลดูในหิมวาที่จะสร้างพารานิเวศน์วัง
เห็นรุกขาป่าหนึ่งรโหฐานงามตระการเห็นจะได้ดังใจหวัง
มีคิรีล้อมรอบเป็นขอบบังจะแต่งตั้งพระบูรีเห็นดีครัน
พระสุริยาจึงพาราชโอรสลงหยุดยอดบรรพตเกษมสันต์
อธิษฐานอ่านเวทพระสุริยันหิมวันต์เรียบราบเหมือนปราบแล้ว
เกิดสถานบ้านเมืองอันโอภาสสามปราสาทวาวแวมทองแกมแก้ว
มีทางเดินจรดลถนนแนวเป็นแถวแถวตึกรามดูงามครัน
ทั้งกว้างใหญ่ได้สามสิบห้าโยชน์ภูเขาโขดล้อมรอบเป็นขอบขัณฑ์
กำแพงล้อมล้วนเพชรอยู่เจ็ดชั้นแล้วทรงธรรม์นิรมิตโรงพิทธี
ราชวัติฉัตรฉายตั้งรายรอบงามประกอบแก้วประดับสลับสี
จัตุรมุขช่อฟ้าสง่าดีทั้งบายศรีกองแก้วอันแพรวพราย
ทั้งกองทองรองเรืองแลเครื่องแก้วดูเลิศแล้วล้วนสีมณีฉาย
เป็นไพร่พลชนชาติทาสหญิงชายดูมากมายพร้อมพรั่งทั้งวังเวียง
ในห้องปรางค์มีนางสนมนาฏทั้งพิณพาทย์ดุริยางค์ถวายเสียง
มีโรงรถคชสารอยู่รายเรียงได้พร้อมเพรียงพอเวลาจะราตรี ฯ
๏ พระสุริยาพาลูกขึ้นปรางค์มาศเดียรดาษด้วยสุรางค์นางสาวศรี
เจ้าอยู่เถิดพ่อจะลาเป็นราตรีวันพรุ่งนี้พ่อจะลงมาแต่งการ
จึงตั้งนามนคราให้ปรากฏชื่อปราการบรรพตรโหฐาน
แล้วโลมลูบจูบกอดพระกุมารพระสุริย์ฉานรีบเหาะระเห็จมา
ขึ้นทรงรถลดเลี้ยวพระเมรุมาศก็โอภาสส่องจำรัสในเวหา
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดาก็ไสยาอยู่ในปรางค์ทิพมณี ฯ
๏ ขอหยุดยั้งครั้งนี้จะกลับกล่าวถึงองค์ท้าวเจ้าเมืองพาราณสี
ครั้นสองราคลาไคลไกลบูรีพระจึ่งมีพจนารถแก่เสนา
ให้เทียมรถเรียงเรียบประเทียบรับที่สำหรับสองนางเสน่หา
ทั้งม่านทองป้องปิดกำบังตาให้โยธาล้อมรถบทจร
รถสำหรับวงศาคณาญาติเทียมด้วยพาชีชาติชาญสมร
รถสาวสรรค์กัลยาสถาวรผูกกุญชรช้างพังกระโจมทอง
สั่งให้จัดคัดนางที่แรกรุ่นเนื้อละมุนงามดีไม่มีสอง
เลือกเอาแต่เหล่าล้วนนวลละอองให้ทั้งสองแจ่มจันทร์อำพันนาง
สำหรับไปใช้สอยให้ร้อยชั่งได้พร้อมพรั่งสารพัดไม่ขวาง
ประทานให้นวลละอองทั้งสองนางทั้งสองข้างเหมือนกันไม่ฉันทา ฯ
๏ ฝ่ายมนตรีดีใจไปจัดทัพให้เสร็จสรรพพร้อมหมดทั้งรถา
มาเรียงเรียบเทียบไว้ดาษดาสุริยาสิ้นแสงก็เสร็จพลัน
ข้างนอกในเตรียมไว้อยู่คับคั่งก็พร้อมพรั่งดีใจทั้งไอศวรรย์
จะกล่าวถึงเบื้องบาทพระสุริยันเที่ยวส่องชั้นสามทวีปแล้วรีบมา
สว่างแสงแหล่งโลกชมพูภพก็ปรารภจากราชรถา
มาแต่งองค์ทรงเครื่องให้ลูกยาเสด็จพามาโรงราชพิธี
ตะโกนก้องร้องด้วยเสียงสิงหนาทกู่ประกาศเทวาทุกราศี
เทพอัปสรพยาธรแลมุนีทุกถิ่นที่จงมาช่วยเราด้วยกัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทวาสุราฤทธิ์ฤาษีสิทธิ์โกสีย์อัปสรสวรรค์
ยินสำเนียงเสียงองค์พระสุริยันต่างชวนกันทอดทัศนามา
แลเห็นพระสุริยันอันทรงยศจะแต่งงานโอรสร้องเรียกหา
จะไปช่วยอวยชัยกุมาราฝูงเทวาเสด็จจากวิมานจร
ฝูงอัปสรมือถือปทุมชาติมาโรงราชพิธีสโมสร
ท้าวโกสีย์ชวนสุดาพากันจรนางอัปสรแวดล้อมมาพร้อมกัน
ฤาษีสิทธิ์วิทยาพวกดาบสต่างรู้หมดเหมือนหมายแล้วผายผัน
ลอยละลิ่วปลิวฟ้าลงมาพลันประชุมกันยังโรงพิธีการ
พวกมุนีชีป่ารักษากิจนั่งสถิตตามพวกฤาษีสาร
ฝูงเทวาอารักษ์ท้าวมัฆวานนั่งขนานเป็นขนัดจัดบรรจง
สุจริตรานั่งหน้าอัปสรสวรรค์เป็นพวกกันคนละข้างนวลหง
บายศรีทองกองแก้วอยู่กลางวงพระสุริยงชื่นในพระทัยครัน
จึงย่อย่นมรรคาเข้ามาใกล้ชิดเวียงชัยพรหมทัตเกษมสันต์
ให้ดีดสีตีกลองประโคมพลันเสียงครื้นครั่นคอยรับกองทัพชัย ฯ
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องพาราณสีครั้นราตรีรุ่งแจ้งปัจจุสมัย
เห็นบ้านเมืองเรืองโรจน์ลิงโลดใจปราสาทชัยแสงแก้วดูแพรวพราว
บ้างชะแง้แลแหงนจนหน้าหงายทั้งหญิงชายบอกกันสนั่นฉาว
ประชาชนเวียงชัยทั้งไทยลาวตื่นเกรียวกราวมาดูทุกผู้คน ฯ
๏ พรหมทัตกับพระมเหสีเห็นธานีเหมือนนัดไม่ขัดสน
ก็จัดแจงแต่งสองนฤมลทรงกุณฑลกาญจน์แก้วกรรเจียกจอน
สะอิ้งสร้อยพลอยพรายสายระหงสองอนงค์ดังหนึ่งเทพอัปสร
แสนสาวพระสนมประนมกรนรินทรชื่นชมภิรมยา
พลางแต่งองค์ทรงเครื่องอันโอภาสกับนางนาฏมเหสีโอรสา
พระนำสองทรามเชยมาเกยชาลาเชิญสุดาสององค์ชึ้นทรงรถ ฯ
๏ สารถีตีเตือนอัสวราชคณาญาติแวดล้อมมาพร้อมหมด
ถึงนครปราการที่บรรพตเสด็จลงจากรถบทจร
พวกนางฟ้ามารับอยู่คับคั่งก็พร้อมพรั่งเข้าประคองสองสมร
เข้านั่งโรงพิธีชุลีกรหมู่อัปสรนางสวรรค์เป็นชั้นเรียง
พวกสนมพรหมทัตมเหสีนั่งอยู่ที่เบื้องซ้ายชายเฉลียง
พระโคบุตรอยู่กลางสองนางเคียงเทวาเรียงรายรอบเป็นขอบคัน ฯ
๏ พระอาทิตย์พรหมทัตหัสเนตรอยู่ท่ามกลางเทเวศร์อัปสรสวรรค์
ครั้นได้ฤกษ์ให้เบิกบายศรีพลันพระสุริยันอุ้มองค์พระลูกยา
ขึ้นนั่งเหนือกองแก้วอลงกรณ์นางมณีสาครอยู่เบื้องขวา
ให้นั่งเหนือกองทองทั้งสองรานางอำพันมาลาเป็นฝ่ายซ้าย
ท้าวอินทราภาณุมาศญาติวงศ์ทุกทุกองค์ต่างอวยพระพรถวาย
ทั้งสามองค์จงเจริญพระวรกายอันตรายโรคาอย่าราวี
แล้วจุดเทียนเวีียนแว่นถวายเสียงก้องสำเนียงดุริยางค์แลดีดสี
ฆ้องหึ่งหึ่งเสียงโห่เป็นโกลีมโหรีครื้นเครงบรรเลงครัน
ครั้นถ้วนเสร็จเจ็ดรอบพรประสิทธิ์พระอาทิตย์ดับเทียนที่เวียนขวัญ
หยิบสุคนธ์ปนปรุงกระแจะจันทน์พระสุริยันเจิมพักตร์ให้ลูกยา ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกมุนีฤาษีสิทธิ์สวดประดิษฐ์ทิพมนต์บ่นคาถา
ขัดสมาธิ์สาดน้ำเป็นโกลาฝูงเทวาสาวสวรรค์เป็นผงคลี
เจ้าบ่าวเสียดเบียดสีระรี้ริกนางฟ้าหยิกเอาที่ขาผินหน้าหนี
พวกมนุษย์เห็นสนุกเข้าคลุกคลีพระฤาษีซัดน้ำกระหน่ำไป
นางอัปสรกรกั้นเทวัญเบียดออกยัดเยียดเบียดกันย่นทนไม่ได้
กระทั่งอาสน์บาตรน้ำจนคว่ำไปฤาษีไพรต้องยั้งกำลังซัด
เทวราชเพื่อนบ่าวเบียดสาวรุกฤาษีลุกขึ้นป้องตาลปัตร
จนสุดสิ้นวารีไม่มีซัดค่อยสงัดเงียบเสียงในเวียงชัย
พวกเทวินอินทราพระดาบสต่างประณตลาองค์พระสุริย์ใส
แต่บรรดามาช่วยต่างอวยชัยแล้วกลับไปยังสถานสำราญกาย ฯ
๏ พระสุริยันยินดีเป็นที่สุดครั้นเทวบุตรชวนกันจะผันผาย
พระยิ้มเยื้อนเอื้อนโอษฐ์โปรดภิปรายให้โฉมฉายสองนางขึ้นปรางค์ปรา
นางอำพันนั้นอยู่ปราสาทซ้ายนางมณีโฉมฉายอยู่ฝ่ายขวา
ปราสาทกลางปรางค์มาศพระลูกยาอยู่เถิดพ่อจะลาครรไลไป
แล้วฝากองค์โอรสกับพรหมทัตจงไพบูลย์พูนสวัสดิ์อันแจ่มใส
อยู่ชมเมืองลูกชายให้คลายใจเราจะไปฟากฟ้าจวนสายัณห์
พระสุริยงทรงตรัสกับโอรสแล้วทรงยศรีบเหาะระเห็จหัน
ขึ้นทรงรถหมดเมฆวิเวกครันพอสิ้นวันถึงเวลาเข้าราตรี ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ลาบรมพรหมทัตขึ้นปรางค์ศรี
สองกษัตริย์ไปปรางค์พระบุตรีเสด็จตรงมาที่พระลูกยา
ครั้นมาถึงแท่นทองอันผ่องใสพระภูวไนยเห็นองค์โอรสา
พระชนนีเข้าชิดกับธิดาพรรณนาสอนสั่งนางบังอร ฯ
๏ เจ้าโฉมงามทรามรักของแม่เอ๋ยอย่าลืมเลยจงจำคำแ่ม่สอน
ภัสดาอุปมาเหมือนบิดรจงโอนอ่อนฝากองค์พระทรงฤทธิ์
สรงเสวยคอยระวังอย่าพลั้งพลาดเมื่อไสยาสน์ผ่อนพร้อมถนอมจิต
ถ้าท้าวโศกแม่อย่าสรวลจงควรคิดระวังผิดอย่าให้ผ่านวรกาย
ผัวเคียดแม่อย่าเคียดทำโกรธตอบเอาความชอบมาดับให้สูญหาย
ถึงท้าวรักก็อย่าเหลิงละเลิงกายครั้นระคายแล้วมักมีราคีคาว
ความลับแม่อย่าแจ้งแถลงไขจงกล้ำกลืนกลบไว้อย่าให้ฉาว
แม้นปากชั่วตัวจะดีก็มีคาวพระทัยท้าวเธอจะแหนงระแวงความ
อันหญิงชั่วผัวร้างนิราศรักอัปลักษณ์ถ้าคนจะหยาบหยาม
มารดาพร่ำร่ำสอนจงทำตามแล้วโฉมงามแต่งกายให้สายใจ ฯ
๏ แล้วลินลาพานางมาปรางค์มาศขึ้นปราสาทโอรสพระสุริย์ใส
แล้วจูงนางย่างย่องเข้าห้องในพระหน่อไทเห็นองค์พระชนนี
พระลดองค์ลงจากบัลลังก์แก้วบังคมแล้วทูลเชิญพระโฉมศรี
นางรับหัตถ์ตรัสฝากพระบุตรีพ่อปิ่นปัถพีสถาวร
ขอฝากองค์อรไทไว้แก่เจ้าแม้นหนักเบาผิดพลั้งช่วยสั่งสอน
เหมือนเอ็นดูมารดาช่วยว่าวอนจะจากจรลับไปอยู่ไกลกัน
แม้นดวงจิตผิดพลั้งแต่ครั้งหนึ่งพ่อคิดถึงมารดรจงผ่อนผัน
ถึงสองสามแล้วก็ตามจะตีรันสารพันตามแต่พ่อจะเมตตา ฯ
๏ พระฟังสารมารดรแล้ววอนไหว้อย่าห่วงใยถึงนางขนิษฐา
ถึงผิดพลั้งสั่งสอนเหมือนน้องยาไม่โทษาโทษทัณฑ์จนวันตาย
พระชนนีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ประโลมขวัญลาลูกแล้วผันผาย
นางขยับกลับจะตามด้วยความอายพระฉวยชายภูษายุพาพาล
ปิดทวารบานบังเข้านั่งใกล้แล้วปราศรัยชวนนุชสุดสงสาร
เจ้างามเลิศเฉิดโฉมประโลมลานจะเปรียบปานพุ่มพวงดังดวงจันทร์
เหมือนดวงเดือนแจ่มจรัสรัศมีเจริญสุขโสภีดังนางสวรรค์
แม้นสวาทแล้วไม่คลาดเคลื่อนคลายวันไม่แรมขวัญเนตรนุชนสุดชีวา ฯ
๏ นางเบือนปิดปิดปัดพระหัตถ์ป้องมิให้กรทั้งสองต้องมังสา
แล้วเสแสร้งแกล้งกล่าวสุนทราจริงหรือดังพจนาไม่แรมจร
ไม่ร้างจากพรากน้องไปครองคู่ไปครองเมืองเรืองอยู่สโมสร
เหมือนความสัตย์ตรัสกล่าวสุนทรกลอนสุนทรแกล้งจะมาวอนให้วางใจ
น้องหวังจิตคิดถึงครั้งโปรดเกศมาช่วยกู้นคเรศให้เย็นใส
น้องเป็นข้าไม่ควรคู่จะชูใจจงชื่นจิตอยู่แต่ในอำพันนาง ฯ
๏ โอ้ดวงนุชสุดสายสวาทจิตสวาทเจ้าหรือจะคิดอางขนาง
สวาทน้องอย่าหมองเลยน้องนางสวาทโน้นหรือจะร้างสวาทนุช
สวาทไหนหรือจะเปรียบสวาทมิ่งสวาทแม่นี่แน่ยิ่งเป็นที่สุด
พี่หวังเสกเป็นเอกอนงค์นุชอนงค์ไหนมิได้สุดสวาทเรียม
สวาทรักภคินีเป็นที่ยิ่งเป็นยอดรักหนักจริงอย่าอายเหนียม
หรืออายพักตร์ว่าศักดิ์พี่ไม่เทียมมานั่งแท่นเถิดเรียมจะกล่อมน้อง
พระกล่อมนางพลางลอดเข้ากอดเคล้าพระสอดหัตถ์สัมผัสเต้าประสมสอง
ประทับทรวงชมดวงมณฑาทองมณฑาทิพที่พี่ปองสวาทนาง
ถนอมมิตรจุมพิตสวาทชื่นสวาทสมภิรมย์รื่นเกษมศานต์
เกษมสุขอัศจรรย์ก็บันดาลเสียงสะท้านอสนีคะนองครวญ
น้ำค้างหยัดหยดย้อยประปรอยปริบอาบละอองต้องทิพปทุมสงวน
หอมระรื่นชื่นชูเรณูนวลก็ชื่นชวนสัมผัสระบัดบาน
ภุมเรศร่อนเคล้าเสาวรสเกสรสดสุดถนอมก็หอมหวาน
เกษมสุขสองกษัตริย์สัมผัสพานฤดีดาลแดดิ้นในวิญญาณ์
ต่างละโมบโลภลืมละลานจิตรักสนิทหลงเล่ห์เสน่หา
อยู่เหนือแท่นบรรทมภิรมยาทั้งสองรารื่นรสด้วยชมกัน ฯ
๏ พระโคบุตรเบิกบานสำราญรื่นฤทัยชื่นเชยสองประคองขวัญ
ด้วยสองนางขนิษฐาวิลาวัณย์ทั้งสาวสรรค์กัลยาในธานี
ครั้นสายแสงสุริยาในอากาศตรัสประภาษชวนสองมเหสี
จะนำน้องสองชนกชนนีชมบุรีเวียงวังอลังการ์
แล้วเยื้องย่างจากปรางค์ปราสาทสูงพร้อมด้วยฝูงนักสนมขนานหน้า
เชิญบรมพรหมทัตกับมารดาพระวงศาพร้อมเพรียงอยู่เรียงราย
เที่ยวชมปรางค์เปรียบอย่างปราสาททิพลอยละลิบแลล้วนวิีเชียรฉาย
ยอดระยับวับวามอร่ามพรายล้วนเรียงรายรูปเทพประนมใน
ครุฑขยับจับพระยาภุชงค์รัดกอดกระหวัดฉวยกระชากจับนาคได้
กระหนกกระหนาบกาบแก้วอยู่แววไวแลวิไลล้ำงามอร่ามเรือง
ชมกำแพงแสงเพชรทั้งเจ็ดด้านดูทวารแก้วเก้าที่ขาวเหลือง
เที่ยวชมเพลินเดินพลางมากลางเมืองดูรุ่งเรืองดังสมบัติท้าวหัสนัยน์
หน้าพระลานลาดแล้วล้วนแก้วเลื่อมแลกระเพื่อมเหมือนดังวารีใส
บรรดาฝูงสาวสรรค์กำนัลในต่างดีใจหมายจะเล่นให้เย็นกาย
บ้างก็โผนโจนตามกันหวบหาบเสียงฮวบฮาบล้มคว่ำคะมำหงาย
บ้างขาฟกอกช้ำซ้ำตะกายลุกขยายนิ่วหน้าระอาใจ
จะชมรอบขอบเมืองเห็นนานนักขอยกยักตัดความแต่ตามได้
ครั้นจบรอบขอบเขตนิเวศน์ในกลับมาไพชยนต์รัตน์ชัชวาล
พรั่งพร้อมพระวงศาบรรดากษัตริย์พรหมทัตลาบุตรพระสุริย์ฉาน
แล้วสั่งสอนพังงายุพาพาลอยู่สำราญเถิดพ่อจะขอลา
ต่างอวยชัยให้พรสั่งสอนเสร็จพระเสด็จมาด้วยพระวงศา
ขึ้นทรงรถเลิกทศโยธามาพาราครู่หนึ่งก็ถึงพลัน
ครั้นเหลียวกลับลับเหมือนไม่แลเห็นก็โล่งเป็นที่ป่าพนาสัณฑ์
กำหนดทางมรคาสิบห้าวันเหมือนสุริยันสาปเมืองในเรื่องมี ฯ
             

ตอนที่ ๑๑ นางอำพันมาลาให้เถรกระอำทำเสน่ห์

๏ พระโคบุตรสุริยงยอดสงสารครองปราการบรรพตบุรีศรี
พระนามเลื่องเมืองขึ้นหมื่นบุรีดุดสดีน้อมกายถวายกร
บ้างก็แต่งธิดามาประณตก็ปรากฏตรีภพสยบสยอน
พระครอบครองนคราสถาวรด้วยบังอรอัคเรศทั้งสองนาง
โฉมมณีสาครบวรลักษณ์พระทรงศักดิ์รักใคร่ไม่อางขนาง
อำพันนั้นก็รักเป็นปานกลางทั้งสองนางก็เป็นที่ราคีกัน
นางอำพันทรงครรภ์อยู่อ่อนอ่อนพระภูธรละเมินอยู่เหินหัน
เฝ้าเคล้าคลึงฝ่ายขวาไม่ราวันโฉมอำพันคิดแค้นแสนระกำ
ด้วยไกลวงศ์พงศาคณาญาติโอ้อนาถหนอใครจะอุปถัมภ์
ไม่มีชื่นกลืนเข้าไม่เต็มคำนางปั่นป่วนครวญคร่ำระกำนาน
ธรรมดานารีสามีร้างเพราะจืดจางความรักสมัครสมาน
จะหาผู้รู้เวทวิเศษฌานมาแก้การพิสมัยมิให้วาง
จึ่งเรียกนางสาวใช้ที่ไว้จิตมานั่งชิดปราศรัยมิให้หมาง
นี่แน่เจ้าเรารักกันนะนางข้าอ้างว้างสุริย์วงศ์มาองค์เดียว
เป็นวาสนาคราวชะตานี้ตกอับแสนอาภัพภูวไนยเธอไม่เหลียว
ช่างต่ำต้อยน้อยหน้าไปตาเดียวจริงจริงเจียวนี่แน่เจ้าจึ่งเล่ากัน
เหมือนตัวข้าหน้าที่จะเป็นใหญ่เธอกลับให้น้อยหน้าเพียงอาสัญ
แม้นไม่คิดถึงองค์ว่าทรงครรภ์ไม่ขออยู่สู้กลั้นน้ำใจตาย
ใครช่วยชูกู้หน้าเหมือนข้าคิดถึงดวงจิตก็จะให้เหมือนใจหมาย
ทั้งเงินทองของมีมิเสียดายพอแก้อายให้เหมือนว่าไม่อาลัย ฯ
๏ นางทาสีฟังสารให้หวานฉ่ำสงสารคำกัลยาน้ำตาไหล
จึ่งนบนอบตอบสนองให้ต้องใจกลัวอะไรที่ตรงนั้นแม่ขวัญตา
จะช่วยแม่แก้ไขให้เหมือนจิตให้ทรงฤทธิ์หลงรักแม่หนักหนา
ข้ารู้จักคนดีมีวิชาแต่ครั้งข้าไม่มาเป็นชาววัง
เถรกระอำความรู้แกหลายเล่ห์ทำเสน่ห์เล่ห์ลมอาคมขลัง
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ดำรงวังคงจะคลั่งเห็นไม่คลาดสวาทชม
จะจัดของไปถวายภิปรายกล่าวที่แม่เจ้าคิดไว้ให้ได้สม
มิให้อายอัปราอย่าปรารมภ์จงจัดที่ไว้บรรทมให้สำราญ
ยุพาพินยินคำสาวใช้รับสั่งกำชับอย่าให้แซ่กระแสสาร
แล้วนางถอดธำมรงค์ของนงคราญยื่นประทานสาวใช้เป็นไมตรี
ถ้าสมหมายแล้วไม่วายสวาทเจ้าจนสองเรามอดม้วยไปเมืองผี
ทั้งสองสนทนาในราตรีจนรังสีรุ่งสร่างสว่างวัน
นางสาวใช้คลาไคลออกจากห้องมาจัดของเป็ดไข่แล้วใส่ขัน
นุ่งสุหรัดซัดเพลาะดูเหมาะครันกระแจะจันทน์น้ำอบตลบทา
กระเดียดขันผันผายขยายย่างออกระหว่างข้างทวารด้วยหรรษา
ถึงกุฎีเถรเฒ่าเจ้าตำราก็สอดตาหมอบเมียงเพียงบันได
เถรกระอำถามว่าสีกาแม่เจ้ามาแต่แห่งหนตำบลไหน
เชิญสีกามานั่งที่ข้างในนางสาวใช้วางขันแล้ววันทา
จึ่งจัดของออกวางพลางถวายทั้งเป็ดไก่หมูมัจฉมังสา
ตาเถรถามตามธรรมดามาเออสีกาชอบใจใครจะปาน
จะตรวจน้ำรำลึกไปถึงญาติหรือหมายมาตรเป็นไฉนจงไขสาร
นางชาววังวันทาพระอาจารย์เหมือนลูกหลานแล้วจะเล่ากับเจ้าคุณ
องค์อำพันมาลาให้มาถวายไม่สบายในพระทัยให้ว้าวุ่น
ด้วยโกรธขึ้งหึงกันตามมีบุญเฝ้าเคืองขุ่นขัดข้องกันสองนาง
พระสามีที่จะรักข้างฝ่ายขวาไม่นำพาท้าวน้องให้หมองหมาง
มากราบเท้าเจ้าประคุณการุญนางประสิทธิ์แท้แล้วจะสร้างกุฎีทอง
ทั้งรอดเสาจะเอาจันทน์เข้าสรรใส่ให้กว้างใหญ่โตยาวสักเก้าห้อง
มุงกระเบื้องเครื่องใช้ผ้าไตรครองได้ข้าวของสารพัดไม่ขัดเคือง
เถรกระอำรู้แน่แต่แรกนั่งอันชาววังแล้วไม่แกล้งมีแดงเหลือง
เป็นไรมีทีู่ธุระของนางเมืองถึงแค้นเคืองแก้ไขมิให้ชัง
จะเป็นที่อุปถัมภ์เหมือนคำว่ากลัวคำหน้าจะไม่เหมือนกับคำหลัง
ข้ารักคบอยู่ดอกเจ้านางชาววังแม้นสัจจังแล้วจะทำให้ล้ำลึก
อันกุฎีวิหารในการพระมิใช่จะอยู่เป็นสงฆ์คงจะสึก
แต่น้ำอบยาดมให้สมนึกกับเมื่อสึกแล้วอย่าเมินสะเทิ้นกัน
จะสงเคราะห์เพราะเห็นกับหน้าน้องซึ่งเงินทองก็ไม่รักดอกใจฉัน
แต่มิตรจิตมิตรใจอาลัยกันธุระนั้นรับได้มิให้นาน ฯ
๏ นางสาวใช้ว่าไฮ้ฉันกลัวบาปชราภาพแล้วยังหลงในสงสาร
จงผูกพันหันหน้าหานิพพานอย่าคิดการโลโภในโลกีย์ ฯ
๏ อนิจจังอนิจจาสีกาน้องพี่คิดครองโลกนิยมชมพูสี
พระนิพพานค่อยไปเป็นไรมีแม้นถึงที่ใครจะหาญมาทานทัด
แม้นได้เจ้าเนื้อเย็นเป็นประธานถึงจะไปนิพพานก็คงขัด
แม้นได้เจ้าเนื้อเย็นเป็นบรรทัดเห็นเร็วรัดตรงที่พระนิพพาน ฯ
๏ โอ้อะไรเหลวไหลไปเจียวนี่เนื้อความมีเขามาหาไม่ว่าขาน
แม้นโปรดเกศให้เหมือนเจตนาการอย่าเนิ่นนานแก้ไขให้ไฉยา
ให้พระองค์หลงรักนางร้อยชั่งให้ชิงชังโฉมฉายข้างฝ่ายขวา
จะเป็นโยมปรนนิบัติอยู่อัตราจะปรารถนาสารพัดไม่ขัดกัน ฯ
๏ ตาเถรว่าช้าหน่อยหนึ่งเถิดเจ้าแล้วลุกเข้ากุฎีขมีขมัน
น้ำมันพรายลงละลายน้ำมันจันทน์แล้วลงยันต์มหาวราฤทธิ์
เสกคาถาอาคมตามสังเกตเดชะเวทเทพรำจวนปั่นป่วนจิต
ครั้นเสกเสร็จเจ็ดครั้งกำลังฤทธิ์มานั่งชิดยื่นให้สาวใช้พลัน
จงเอายันต์นี้ไปใส่ไว้ใต้อาสน์อย่าประมาทเขาจะจับเอาคับขัน
สนธยาแล้วให้ทาน้ำมันจันทน์ทาแต่วันละครึ่งเล็บแล้วเก็บไว้
พอยามสองก็จะย่องเข้าถึงอาสน์แสนสวาทโฉมยงแล้วหลงใหล
ให้แค้นเคียดเกลียดชังเมียหลวงไปอโณทัยพลบค่ำให้ทำการ
นางสาวใช้ได้ยันต์น้ำมันหอมพลางนอบน้อมกราบไหว้ปราศรัยสาร
เย็นแล้วจำจะลาพระอาจารย์ไปแจ้งการทรามวัยที่ในวัง
ออกจากวัดลัดเดินมาโดยด่วนเข้าฉนวนวังในเหมือนใจหวัง
ถึงปรางค์มาศหมอบเมียงเคียงบัลลังก์ประณตนั่งทูลความนางทรามวัย
แล้วถวายกระแจะจันทน์ยันต์เสน่ห์อุปเท่ห์บอกแจ้งแถลงไข
นางฟังสารสาวศรีก็ดีใจดังหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ชั้นวิมาน
เอายันต์พับไส่ไว้ในใต้อาสน์สุดสวาทตั้งจิตแล้วพิษฐาน
เดชะคุณวิทยาของอาจารย์ให้เชี่ยวชาญได้สมอารมณ์คิด
แล้วพูดจาปราศรัยกับสาวศรีสำราญรื่นชื่นฤดีที่สนิท
ทินกรอ่อนแสงลงมือมิดขึ้นสถิตคอยถ้าพระสามี ฯ
๏ จึ่งเรียกฝูงสาวสรรค์กำนัลนาฏเดียรดาษมายังปราสาทศรี
นางให้ดูดอกจำปาแล้วพาทีเมื่อคืนนี้ยามสองสงัดคน
พระทรงธรรม์บรรทมบนแท่นรัตน์ให้ฮึดฮัดดิ้นโดยอยู่โหยหน
ให้คลั่งไคล้ใหลหลงเที่ยววงวนพิไรบ่นพึมพำึถึงอำพัน
พระไปจากไสยาเวลาดึกครั้นตรองตรึกเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ไม่เคยเห็นพึ่งจะเห็นจำปายันต์ฝูงกำนัลรู้บ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ สนมนางต่างคนฉงนคิดแต่จนจิตที่จะทูลสนองไข
พิเคราะห์ความกระแสเห็นแน่ใจด้วยทรามวัยสองนางระคางคอย
แล้วนึกกลัวว่าตัวเป็นข้าบาทไม่บังอาจที่จะพร้องสนองถ้อย
ผู้ดีว่าขี้ข้าไม่ควรพลอยแต่พูดคล้อยมิให้เคืองในเรื่องความ
อันเลขายันต์นี้วิปริตผู้ประสิทธิ์ห้าวหาญชาญสนาม
พระยุพินอย่าได้หมิ่นประมาทความพยายามหยุดยั้งระวังภัย ฯ
๏ นางฟังคำสาวใช้พระทัยหวาดเห็นพันพาดเคลือบแฝงแถลงไข
ยิ่งตรอมจิตคิดถึงพระภูวไนยจำจะไปเฝ้าดูให้รู้การ
จึ่งเรียกฝูงสาวสรรค์กำนัลนาฏเดียรดาษพรั่งพร้อมล้อมขนาน
มาถึงปรางค์นางอำพันมิทันนานยุพาพาลเยื้องย่องเข้าห้องใน
เห็นอำพันมาลากับสามีสถิตที่แท่นทองอันผ่องใส
นางประนมบังคมพระภูวไนยเห็นท้าวไทภัสดาไม่พาที ฯ
๏ ปางพระองค์ทรงภุชมงกุฎเกศชำเลืองเนตรเห็นองค์นางโฉมศรี
ให้เคืองขัดหัทยาเป็นราคีพระภูมีเมินพักตร์ไม่่ทักทาย
อำพันน้อยชม้อยชม้ายเนตรเห็นวิเศษอาคมก็สมหมาย
จะแกล้งทำกำจัดให้พลัดพรายนางชม้ายเมินหน้าไม่พาที ฯ
๏ แสนสงสารนางมณีศรีสวัสดิ์จอมกษัตริย์ภัสดาหันหน้าหนี
ทั้งอำพันมาลาไม่พาทีไม่นอบนบเทวีเหมือนก่อนมา
ให้แค้นคั่งดังแสงอัคคีสุมยิ่งกลัดกลุ้มเจ็บจิตขนิษฐา
สุดจะขืนกลืนกลั้นชลนานางโศการ่ำไห้อาลัยลาน
โอ้พระร่มโพธิ์ทองของน้องเอ๋ยไม่ควรเลยที่จะร้างห่างสมาน
หรือน้องนี้มีโทษไม่โปรดปรานให้เมียกลับอัประมาณไม่เมตตา ฯ
๏ พระฟังครวญหวนตั้งสติได้ชลนัยน์พรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
มาโลมเล้าเอาใจนางไฉยาอย่าโศกาเลยนะน้องจะหมองนวล
แล้วเคลิ้มองค์หลงลืมสมรมิตรด้วยอาคมข่มจิตดังลมหวน
เห็นพักตร์นางอำพันให้รัญจวนทรงพระสรวลร่าเริงบันเทิงชม ฯ
๏ นางอำพันกระสันเกษมชื่นสำราญรื่นปรีดิ์เปรมเกษมสม
จึ่งเสแสร้งแกล้งซ้ำด้วยคำคมพระบรมนรินทร์ปิ่นสุรางค์
มาร่วมเรียงเคียงน้องประคองคู่เธอไม่รู้จะว่าแกล้งอางขนาง
เชิญเสด็จภูวไนยกลับไปปรางค์ให้พี่นางคลายโศกโศกาลัย ฯ
๏ นางมณีได้ฟังให้คั่งแค้นยิ่งสุดแสนเคืองขัดให้ตัดษัย
จึงตอบวาจาพลันด้วยทันใดชะอะไรแม่อำพันขยันจริง
ข้ามันจ้านร่านรักเขารู้จบเหมือนดังกบสี่ตีนปีนตลิ่ง
พระทรงศักดิ์เธอไม่รักอยู่แอบอิงจึ่งวางวิ่งมาตามพระทรามเชย
สมคะเนแล้วกระไรไม่ไว้หน้าสารพัดที่จะว่าเจ้าข้าเอ๋ย
ไม่คิดถึงความหลังนั้นบ้างเลยเจ้าไม่เคยแล้วอย่าเจิ้นให้เกินการ ฯ
๏ อำพันฟังออกตั้งคารมรับเที่ยวบังคับรุกราชอยู่ฉาดฉาน
ลูกว่าไรกับแม่มาแหพานข้ามันจ้านร่านรักกระนั้นเอง
สมคะเนเหมือนว่าก็ผาสุกไม่สมคะเนแล้วก็ลุกขึ้นเต้นเหยง
รู้ว่าท่านเจ้าผัวต้องกลัวเกรงอย่าครืนเครงไปเลยแม่ฉันแพ้แล้ว ฯ
๏ ดูแสนงอนย้อนรอยทำลอยหน้าคารมกล้าท้าเสียงสำเนียงแจ้ว
เขารู้เช่นเห็นลิ้นอยู่สิ้นแล้วแม่ดวงแก้วนพเก้าถึงคราวรวย
ข้าเจ้าชั่วผัวร้างไว้ห่างเหินจึ่งเสาะเดินหาคู่มาชูช่วย
จึ่งลอยหน้าขึ้นมาท้าคารมรวยเห็นงงงวยสมนึกฮึกวาจา ฯ
๏ นางอำพันหวั่นไหวอกใจเต้นด้วยตัวเป็นเหมือนหนึ่งคำเขาร่ำว่า
เหมือนกับวัวหลังขาดชาติอีกาได้เกินหน้าแล้วกล้าไปลองดู
ต่างคนต่างก็ว่าต่อหน้าผัวเอาความชั่วมาประจานสะท้านหู
ตัวใครเล่าสิว่าเที่ยวหาครูทำไม่รู้จึงไม่จับเอาฉับพลัน
ยิ่งนิ่งแล้วก็ยิ่งกำเริบหนักอย่าแต่งพักตร์ใส่สร้อยมาเสกสรร
เหลือจะอดแล้วไม่ลดไม่ละกันพระทรงธรรม์ฟังเอาอย่าเข้าใคร ฯ
๏ นางมณีฟังสารให้ดาลเดือดประหนึ่งเลือดอสุชลจะหล่นไหล
อย่าพักทำสาระแนแก้ตัวไปดอกจำปานี่ของใครนางอำพัน
ทั้งสามีก็เห็นดีไปด้วยได้กำลังแค้นขัดใจว่าถลัน
ไปหาหมอปลุกเสกทำเลขยันต์ให้ทรงธรรม์หลงกลนางคนดี
เป็นผู้หญิงวิ่งตามพระทรงฤทธิ์เขาแจ้งจิตเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
คุณบิดรมารดาเขาปรานีถึงไม่ีมีก็มิให้อนาทร
ยังขึ้นหน้าท้าทายหมายชนะไม่ลดละลิ้นลมดังคมศร
คงจะทำเสียให้ยับลงกับกรเมื่อภูธรจะไม่เลี้ยงก็บรรลัย
ให้เคืองขุ่นหุนหันตันโทโสกำลังโมโหผุดลุกขึ้นรุกไล่
อำพันน้อยถอยแอบพระภูวไนยก็หวั่นไหวกึกก้องทั้งห้องปรางค์
ต่างคารมคมคำกระหน่ำหนักโมโหหักมาแข็งทั้่งสองข้าง
พระโคบุตรผุดลุกขึ้นยืนกลางพิโรธนางกัลยาแล้วว่าพลัน
ยิ่งใจดีผีเข้าเจียวเจ้าเอ๋ยกระไรเลยมวยปล้ำทำขยัน
จำปานี้วิปลาสทั้งเลขยันต์ได้สำคัญมาแต่ไหนนางมณี
แม้นใครเพลี่ยงก็ไม่เลี้ยงไว้เคียงแล้วพระขรรค์แก้วจะประหารให้เป็นผี
จะดูคนเจ้าเล่ห์เสน่ห์ดีในวันนี้เห็นกันเป็นมั่นคง ฯ
๏ โฉมอำพันพรั่นกายเห็นวายวุ่นคิดถึงคุณเถรกระอำนำประสงค์
นางไม่นิ่งชิงทูลพระโฉมยงน้องจากวงศ์จำจนมาทนอาย
ทุกวันนี้เพราะรักสู้ทนเจ็บยังซ้ำเหน็บความใส่ไม่รู้หาย
นั่นใครเล่าทำเสน่ห์เพทุบายนางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ นางมณีได้ฟังคั่งแค้นจิตที่ชอบผิดมิได้รออารมณ์ได้
ใครเขาเป็นขี้ข้าหรือว่าไรจึ่งจะได้ล่วงรู้กับครูมึง
พระทรงศักดิ์รักกูเขารู้แซ่เพราะห่างแหมึงไว้จึ่งได้หึง
พระคลุ้มคลั่งตั้งหน้ามาหามึงต่อรุ่งจึ่งเห็นว่าจำปายันต์
ทั้งธานีมีใครมาร่วมผัวช่างแก้ตัวลิ้นลมดูคมสัน
ตัวมึงนั่นแลทำอีอำพันอย่าเสกสรรท้าทายให้ตายใจ
นางอำพันว่ามันทุกคำปากมันมากมากมันจะข้นจนเป็นไข
เมื่อเห็นจริงแล้วนิ่งมันทำไมมันเป็นไรจึ่งไม่จับเอาตัวมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุดแค้นกระทืบบาทร้องตวาดนางมณีนี้หนักหนา
เสียแรงถนอมเป็นจอมกัลยาแต่ต่อหน้าสิยังทำกระนี้เจียว
เป็นผู้ใหญ่อารมณ์ไม่สมศักดิ์ทำหาญหักอุกอาจมากราดเกรี้ยว
เขาเป็นข้าหรือจะว่าแต่ข้างเดียวช่างลดเลี้ยวลงคำเอาอำพัน
ดอกจำปาว่าทำให้หลงรักครั้นสอบซักก็ไม่จริงทุกสิ่งสรรพ์
แล้วหยาบช้าไม่ว่าแต่เพียงกันสารพันว่าผัุวนี้ลำเอียง
ถูกเสน่ห์เล่ห์ลมมางมหลงห้ามแล้วก็ไม่ลงสงบเสียง
ดูน้ำใจจะไม่ให้ลงจากเตียงบุญข้าน้อยแล้วจึ่งเลี้ยงไม่เที่ยงธรรม์
พระจับไม้เรียวรี่ไล่ตีหวดนางเจ็บปวดก็ทรงกันแสงศัลย์
เสียงกรีดก้องร้องเถียงพระทรงธรรม์ไปฆ่าฟันเสียเถิดองค์พระทรงภุช ฯ
๏ ดูดู๋ดื้อถือตัวว่าทำชอบยังโต้ตอบเสียงดังไม่ยั้งหยุด
พระร่ำรันรอบองค์นางนงนุชอุตลุดหวั่นไหวทั้งไพชยนต์
นางสาวสรรค์กัลยาที่มาด้วยครั้นจะช่วยเกรงกษัตริย์ให้ขัดสน
บ้างวิ่งวางมาถึงปรางค์นฤมลแจ้งยุบลบอกความกับสาลิกา
ว่าพระจอมจักรพงศ์ทรงพิโรธพระลงโทษแม่มณีเป็นหนักหนา
สกุณินยินเรื่องก็รีบมาบินถลาเข้าห้องปราสาทพลัน
ลงแทรกกลางพลางร้องเจ้าพ่อโปรดประทานโทษเจ้าแม่อย่าหุนหัน
พระเห็นนกยกไม้ยั้งไม่ทันไม้เรียวนั้นถูกปีกเจ้าสาลิกา ฯ
๏ สาลิการาปีกแล้วแกล้งร้องปีกขุนทองหักแล้วเจ้าพ่อจ๋า
พระตกใจลืมโมโหที่โกรธาผวาอุ้มสาลิกาไว้ทันที
กอดประทับรับขวัญขุนทองเอ๋ยไม่ควรเลยจะเจ็บเจียวทีเดียวนี่
ไม่ทันยั้งกำลังเข้าคลุกคลีต้องถูกตีเปล่าเปล่าไม่เข้าทาง
ถูกที่ไหนเล่าลูกหรือถูกปีกเนื้อหนังฉีกไปถนัดหรือขัดขวาง
สาลิกาฟังคำยิ่งทำครางถูกสีข้างริมท้องของลูกยา
ถึงตีลูกถูกเจ็บสักร้อยแผลทั้งพ่อแม่คงจักคิดรักษา
ลูกสุดแสนสงสารพระมารดาทั้งกายาย่อยยับระยำไป
ถึงผู้คนกล่นเกลื่อนทั้งปรางค์มาศใครจะอาจทูลขอคุณพ่อได้
จงเห็นกับเจ้าตาเมื่อลาไปความอาลัยฝากฝั่งไว้พรั่งพร้อม
ทั้งเจ้าพ่อพระองค์น้อยจะสร้อยเศร้าขอโทษเจ้าแม่คุณทูลกระหม่อม
ถึงชอบผิดคิดงดจงอดออมแล้วนอบน้อมปราศรัยนางไฉยา
เชิญเสด็จเจ้าแม่นางไปปรางค์รัตน์อย่าเคืองขัดลูกขอโทษโปรดปักษา
นางฟังคำนกขุนทองนองน้ำตาสาลิกาเจ้าไม่แจ้งแห่งดวงใจ
อย่าว่าแต่ตีรันจะฟันฟาดให้เศียรขาดก็ไม่ว่าอย่าสงสัย
นางชุบเช็ดชลนาแล้วคลาไคลเสด็จไปปรางค์ทองของเทวี
ถึงบัลลัีงก์พร้อมเหล่านางสาวสรรค์เข้านวดฟั้นเล้าโลมนางโฉมศรี
บ้างฝนยาทาทั่วทั้งอินทรีย์นางโศกีคั่งแค้นแน่นพระทัย ฯ
๏ พระโคบุตรสุดรักเจ้าปักษาเฝ้าถามว่าพ่อยังเจ็บอยู่ตรงไหน
จะทายาเสียให้หายสบายใจพระลูบไล้ไปทั่วทั้งอินทรีย์
สาลิกาว่าเมื่อยังกริ้วนักกระดูกหักแทบจะพับลงกับที่
เมื่อเหือดหายวายกริ้วไม่โบยตีกระดูกดีเสียแล้วอย่าดูเลย ฯ
๏ พระโฉมยงทรงพระสรวลสำรวลร่าช่างมารยาเหลือทำนองขุนทองเอ๋ย
ให้ตกเนื้อตกใจกระไรเลยแล้วชมเชยจูบกอดเจ้าสาลิกา
ทั้งโฉมยงนงนุชอำพันนั้นเกษมสันต์สุดรักเจ้าปักษา
แสนสบายสายแสงพระสุริยาขุนทองลากลับหลังมายังปรางค์ ฯ
๏ พระโคบุตรกับนางอำพันนาฏสมสวาทเชยชิดไม่คิดหมาง
ด้วยอาคมให้นิยมเสน่ห์นางไม่จืดจางคลาดคลาสักนาที
ถึงเวลาออกหน้าพระโรงรัตน์ซังตายตรัสราชการบุรีศรี
ให้ป่วนปั่นพันผูกถึงเทวีเข้าสู่ที่แล้วค่อยคลายสบายองค์
ลืมสนมหลงชมแต่นางนาฏลืมประพาสลืมเสวยเลยลืมสรง
พระพักตร์คร่ำดำซูบผิดรูปทรงเพราะทะนงหมายหมิ่นประมาทการ ฯ
๏ นางอำพันหรรษากับทาสีกับข้าวมีมิให้เศร้าทั้งคาวหวาน
ถวายเถรเพลเช้าทุกวันวารเถรทำการเติมซ้ำกระหน่ำไป
ที่คนลอดสอดแนมไม่รู้เท่าแต่เป็นเงาในกระจกไม่จับได้
ซุบซิบกันเล่าเรื่องออกเนื่องไปจนแจ้งถึงอรไทนางมณี
ว่าอำพันนั้นคบกับเถรเฒ่ากระแสเล่านั้นว่าใช้ทาสี
จะจับกุมไม่ถนัดเป็นสตรีนางเทวีคิดหมายไม่วายวัน
จำจะอ้อนวอนวานเจ้าปักษาให้สาลิกาลอบไปไอศวรรย์
บอกอรุณน้องยาให้มาพลันจะจับมันให้ประจักษ์กับตาคน ฯ
๏ เมื่อวันนั้นนกสาลิกาน้อยออกบินลอยเที่ยวเล่นในเวหน
รำลึกถึงนางมณีนฤมลด้วยทุกข์ทนสร้อยเศร้าเปล่าอุรา
จะไปเฝ้าโฉมฉายให้คลายร้อนแล้วลอยร่อนลงปรางค์ขนิษฐา
จับพระแกลแลเห็นนางไฉยาเจ้าแม่จ๋าบรรทมเล่นหรือหลับแล้ว
นางดีใจปราศรัยกับปักษีเข้ามานี่เจ้าสาลิกาแก้ว
แต่วันนั้นจนวันนี้ไม่มีแววนางกอดแก้วสาลิกาไว้กับทรวง
ชลนัยน์ไหลโซมประโลมปลอบแม่คิดขอบคุณเจ้าเท่าเขาหลวง
พ่อมาเยือนเหมือนได้จินดาดวงเดี๋ยวนี้ทรวงแม่ช้ำระกำตรม
พระภูมีตีแม่ถึงสาหัสสารพัดไม่มีผิดเท่าเส้นผม
แม่อายชาวธานีบุรีรมย์จะต้องก้มหน้าม้วยบรรลัยไป
แต่คอยท่าหาเจ้าทุกเช้าค่ำเป็นความขำลูกรักช่วยแก้ไข
จะเขียนสารวานสาลิกาไปช่วยส่งให้พ่ออรุณถึงพารา
จงช่วยแม่อย่าให้แซ่ถึงสองหูทั้งเจ้าพ่ออย่าให้รู้นะปักษา
หนทางไปหลายคืนจะกลับมาปดบิดาว่าไปชมพนมไพร
ขุนทองฟังพลางตอบนางโฉมศรีเป็นไรมีจะช่วยแม่คิดแก้ไข
ที่แถวทางกลางป่าพนาลัยสัจจังใจลูกก็นึกอยู่นานมา
คิดจะลาองค์นรินทร์ผู้ปิ่นเกล้าไปเยี่ยมเจ้าพ่ออรุณของปักษา
เดี๋ยวนี้พระทรงศักดิ์ไม่พักลาไม่เห็นมาปรางค์มาศปราสาททอง
นางฟังสารนกสาลิกาแก้วให้ผ่องแผ้วยินดีไม่มีสอง
จงเห็นกับพ่ออรุณเถิดขุนทองนางจำลองสารลงแล้วทรงพลัน
ครั้นเสร็จสรรพพับผูกกับคอนกฝนจะตกไม่ต้องในไพรสัณฑ์
พ่อระวังเหยี่ยวกาในป่าวันให้จอมขวัญไปดีอย่ามีภัย ฯ
             

ตอนที่ ๑๒ พระอรุณมาเมืองปราการบรรพต จับเสน่ห์เถรกระอำ

๏ นกขุนทองป้องปีกคำรบรับบินขยับจับช่องพระแกลใหญ่
พอลับเนตรสาวสรรค์กำนัลในก็บินไปโดยลำพังกำลังแรง
ออกลอยลมชมดงอยู่ร่มรื่นในภาคพื้นแดดอับพยับแสง
หมายเมืองพาราณสีไม่มีแคลงกำลังแรงร่อนไปในไพรวัน ฯ
๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมสิงขรพระจันทรเทวบุตรก็ผุดผัน
ขึ้นลอยรถหมดเมฆวิเวกครันสว่างวันหิมวาพนาลัย
สงัดเสียงสิงสัตว์กำดัดดึกขุนทองนึกเอกาลงอาศัย
นอนสุมทุมพุ่มพงพนมไพรครั้นรุ่งจรรีบไปในเมฆา
ครั้นแดดร้อนผ่อนพักหาอาหารอิ่มสำราญบินรีบถีบถลา
ประมาณทางค้างคืนสองทิวาถึงพาราณสีบุรีพลัน
ลงจับแกลแลเห็นอรุณน้อยกระโดดลอยลงที่ตักเกษมสันต์
สำรวลป้องปีกประนมบังคมคัลนกว่าฉันรำลึกถึงเป็นพ้นใจ ฯ
๏ เจ้าอรุณฟังพลอดแล้วกอดจูบประโลมลูบสาลิกาแล้วปราศรัย
เห็นสารสวมคอนกพระตกใจหนังสืออะไรเจ้าสาลิกาทอง ฯ
๏ สาลิกาว่าสารของเจ้าแม่ในกระแสเศร้าใจอาลัยหมอง
สั่งให้ลูกรีบมาหาพระน้องแต่ความอื่นขุนทองไม่แจ้งการ ฯ
๏ ป่างอรุณสุริย์วงศ์ทรงสดับพระหัตถ์จับคลี่กระดาษราชสาร
เป็นความขำล้ำรสในพจมานให้นิ่งอ่านนะพระน้องของสำคัญ
ในสารศรีว่าพี่นางไม่สร่างโศกแสนวิโยคเพียงชีวาจะอาสัญ
ด้วยพระองค์หลงรักนางอำพันเธอมาดมั่นโมโหพาโลตี
นางอำพันฝ่ายน้อยพลอยสำทับพี่อายกับหญิงชายชาวกรุงศรี
เพราะเถรเฒ่าเจ้าเล่ห์เสน่ห์ดีมันทำให้ภูมีนั้นคลั่งไป
พี่สืบดูรู้แจ้งไม่แคลงจิตไม่มีใครจะคิดช่วยแก้ไข
อนุชาเร่งร้อนอย่านอนใจก็สิ้นในสารศรีที่มีมา ฯ
๏ พระอรุณรู้แจ้งแกล้งทำเฉยตรัสภิเปรยกับด้วยเจ้าปักษา
สั่งขุนทองให้อยู่ห้องที่ไสยาจะไปเฝ้าพระบิดาในราตรี
ครั้นถึงจึ่งบังคมอยู่เคียงอาสน์ถวายราชสารทองของโฉมศรี
พระพี่กับเชษฐาเป็นราคีให้ลูกรีบจรลีไปพารา ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถโอรสราชพระหวั่นหวาดวาบจิตคิดกังขา
แล้วคลี่สารอ่านแจ้งในกิจจาพระตรึกตราพลางตรัสกับโอรส
เจ้าพ่อเอ๋ยใครเลยในแหล่งหล้าใครจะว่าตัวชั่วไม่มีหมด
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ผู้ทรงยศก็ปรากฏเลิศลบในภพไตร
นางมณีพี่เจ้าก็อภิเษกให้เป็นเอกอัคเรศเธอรักใคร่
ถ้าแม้นดีจะไม่คิดก็ผิดไปเป็นจนใจที่จะแจ้งแห่งความจริง
ในเรื่องราวแต่บูราณว่าการหึงหน่อยตามตรึงตรอมใจฤทัยหญิง
จะยุ่งหยาบจาบจ้วงด้วยช่วงชิงจะดีจริงหรือจะมีราคีมา
จริงดังคำเขาว่าทำเสน่ห์แท้ก็เห็นแน่จะชังนางเหมือนอย่างว่า
เจ้าเป็นน้องร่วมท้องทั้งสองราพระผ่านฟ้าเธอจะหมางระคางแคลง
เจ้าจะไปพ่อนี้ให้ระแวงผิดครั้นว่าคิดลึกนักจะมักแหนง
กำลังวุ่นถ้าหุนระแวงแคลงจะเกิดแหนงหน่ายรักกันหนักไป ฯ
๏ อรุณฟังบังคมพระบิตุเรศซึ่งโปรดเกศตรัสความตามวิสัย
แต่ลูกนี้จิตนึกคิดตรึกไปถ้าเหมือนในสารศรีของพี่ยา
ถูกเสน่ห์เล่ห์ลมให้หลงรักจะเสียศักดิ์เสื่อมเดชพระเชษฐา
ไปเห็นแน่จะได้แก้พระจักราให้มนตราคลายองค์พระทรงฤทธิ์
ทั้งพี่นางอยู่ระหว่างในเวรโทษแม้นทราบโสตเที่ยงแท้แน่ว่าผิด
ทูลให้ล้างเสียให้ตายวายชีวิตจะปกปิดคลุมงำไว้ทำไม
ถึงพี่นางจะระคางพระทรงฤทธิ์ก็รักสนิทเหมือนพี่น้องร่วมท้องไส้
เกิดยุ่งยิ่งกันอย่างนี้ถ้ามิไปดูเหมือนใจไม่รักพระจักรา ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถพระโอรสเห็นหมดจดสมความตามปรึกษา
คิดชอบชั้นเชิงดีอันปรีชาตามปัญญาดวงจิตจงคิดความ
อรุณรับกราบลามาสู่อาสน์ไม่ไสยาสน์ตรึกความจนยามสาม
ซึ่งบิตุรงค์ว่าพระองค์จะแคลงความจะผ่อนตามมิให้มีราคีพาน
จะชวนสี่อสุรารักษาสระไปเฝ้าพระภูวนาถถึงราชฐาน
แม้นเธอหมางจะได้อ้างเป็นพยานดำริการเสร็จสรรพก็กลับพลัน
ครั้นรุ่งแสงแจ้งจบพิภพพื้นพระพลิกฟื้นปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ชำระองค์สรงสนานสำราญครันกระแจะจันทน์รื่นรสสุคนธา
พระทรงเครื่องเรืองงามอร่ามฉายดูแพรวพรายจำรัสพระเวหา
พระกุมแก้วแล้วชวนสาลิกาไปทูลลาบิตุเรศพระชนนี ฯ
๏ สองพระองค์ทรงสอนอวยพรสวัสดิ์จงกำจัดโพยภัยในวิีถี
พระรับพรอภิวันท์อัญชลีแล้วจรลีอุ้มสาลิกามา
เหาะทะยานผ่านรีบดั้นกลีบเมฆดูวิเวกมาในห้องพระเวหา
ลอยละลิ่วปลิวไปในเมฆาพระพายพาพัดส่งให้ตรงไป
รอนรอนอ่อนแสงนรังสีมาถึงที่ยักษาอยู่อาศัย
พระเหาะตรงลงริมคงคาลัยพระหน่อไทร้องเรียกอสุรี
สุรเสียงก้องกังวานสะท้านลั่นสี่กุมภัณฑ์อยู่ไหมในสระศรี
ฝ่ายว่าสี่อสุราในวารีเสียงใครนี่เรียกเราในสาคร
สี่กุมภัณฑ์หันคว้าตะบองเพชรต่างระเห็จผุดขึ้นดูอยู่สลอน
เห็นพระอนุชาสถาพรสโมสรยินดีทั้งสี่คน
ขึ้นบนฝั่งนั่งใกล้ปราศรัยถามพ่อโฉมงามมาไยในไพรสณฑ์
ทูลกระหม่อมจอมภพจบสากลเสด็จด้นแดนใดจึงไม่มา ฯ
๏ อรุณฟังแจ้งเรื่องแต่เบื้องก่อนเมื่อพระจรไปจากท้าวยักษา
ไปได้นางกลับมาสร้างพระพาราภิเษกสองกัลยาเป็นคู่ครอง
อันนามเมืองของพระองค์ผู้ทรงยศชื่อปราการบรรพตไม่มีสอง
บัดนี้ข่าวว่าท้าวไม่ปรองดองใช้ขุนทองนั้นใ้ห้ถือหนังสือมา
เป็นความลับขับขันกระชั้นชิดเราตั้งจิตจะไปเฝ้าพระเชษฐา
รำลึกถึงสี่นายเราหมายมาหวังจะชวนอสุราไปด้วยกัน ฯ
๏ ทั้งสี่มารทูลตอบว่าขอบจิตข้าก็คิดมุ่งหมายจะผายผัน
มานึกน้อยใจตัวเหมือนชั่วครันพระทรงธรรม์กลับมาก็ช้านาน
ไม่รู้เลยจริงจริงเป็นความสัตย์ด้วยสงัดอยู่ในกระแสสาร
จะไปเฝ้าเจ้าฟ้าเมืองปราการแล้วขุนมารเก็บของในคงคา
เที่ยวเลือกหักฝักบัวเท่ากงเกวียนกระจับสดเท่าเศียรมหิงสา
ทั้งสี่ตนเก็บคนละแบกมาอรุณพาชวนเหาะขึ้นเมฆี
หมายปราการบรรพตกำหนดเนตรข้ามประเทศป่าไม้คิรีศรี
อสุราอรุณสกุณีจรลีลอยฟ้ามาไรไร
ครั้นอัสดงลงลับพระเวหนนภาดลมัวหมองไม่ผ่องใส
ลมก็พัดริ้วริ้วตามทิวไม้ก็แกว่งไกวกระโชกลั่นอยู่ครั่นครื้น
วิเวกแว่วแจ้วเสียงชะนีน้อยโหยละห้อยร่ายไม้ไห้สะอื้น
เสือคะนองมองเนื้อขยับยืนนภาพื้นสว่างแสงพระจันทร
อรุณน้อยลอยแลดูเดือนหงายดารารายรอบแขแลสลอน
ดูวาวแววสีสว่างกลางดงดอนจับสิงขรแสงขาวดูวาววง
จะใกล้รุ่งฟุ้งกลิ่นบุปผาเผยหอมระเหยอบไปในไพรระหง
กระเหว่าร้องก้องเสียงในพุ่มพงทั้งไก่ดงขันดังก้องกังวาน
พระสุริย์ศรีส่องสว่างกระจ่างหมดถึงปราการบรรพตเกษมศานต์
อรุณเหาะนำหน้าพญามารลงพระลานหน้าท้องพระโรงชัย
สาลิกาลาพ่อเจ้าเข้าวังหลวงทุกกระทรวงเสนามาไสว
แลเห็นสี่กุมภัณฑ์หวั่นฤทัยแต่อุ่นใจด้วยพระอนุชา
บ้างดูฝักบุษบงเท่ากงเกวียนกระจับโตเท่าเศียรมหิงสา
ทั้งเวียงวังสังเสริญพระเดชาจนเวลาแสงสายขึ้นพรายพรรณ
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ก็ทรงเครื่องอร่ามเรืองพร้อมเหล่าพวกสาวสรรค์
ยุรยาตรจากปราสาทนางอำพันจรจรัลออกพระโรงพรรณราย
พร้อมตำแหน่งเสนาพฤฒามาตย์เดียรดาษดุสดีพระโฉมฉาย
อสุรากับอรุณก็น้อมกายต่างถวายอภิวันท์เป็นหลั่นมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์โองการตรัสเรียกอรุณเสน่หา
ที่พระน้องมิได้ต้องพระมนตราพระเรียกหานั่งแท่นอันเดียวกัน
ราพณ์รายต่างถวายกระจับสดทั้งฝักสัตบงกชอันเฉิดฉัน
พระเบือนพักตร์ปราศรัยสี่กุมภัณฑ์เราจากกันจะประมาณก็นานมา
อันเวียงชัยไกลกันถึงกลางเถื่อนมาเยี่ยมเยือนขอบใจแลัวยักษา
ทั้งสี่นายยังสบายในกายาหรือโรคาแผ้วพานประการใด ฯ
๏ อสุรินทร์ยินดีแล้วก้มกราบศิโรราบกราบทูลสนองไข
ในแดนดงพงพีไม่มีภัยสำราญใจอยู่ในที่นทีธาร
รำลึกถึงบาทบงสุ์ผู้ทรงเดชไม่แจ้งเหตุว่าเสด็จมาราชฐาน
พระอนุชาไปบอกจึ่งแจ้งการแสนสำราญรีบมาชมบังคมคัล ฯ
๏ พระตรัสตอบขอบใจในขุนยักษ์แล้วผันพักตร์สั่งเหล่านางสาวสรรค์
ให้แต่งเครื่องพร้อมเพรียงเลี้ยงกุมภัณฑ์แล้วทรงธรรม์ชวนเชิญพระอนุชา
เข้าสู่วังพรั่งพร้อมสนมนาฏขึ้นปราสาทนางอำพันด้วยหรรษา
นางโฉมยงเห็นองค์อรุณมาตกประหม่าแข็งขึงตะลึงไป
ด้วยตัวร้ายหมายว่าอรุณรู้จะจับกุมท่านครูเป็นไฉน
ซังตายทักถามว่ามาเมื่อไรพระหน่อไทอภิวันท์จำนรรจา
น้องนึกถึงซึ่งองค์พระพี่เจ้าจึ่งมาเฝ้าทรงเดชพระเชษฐา
พระโคบุตรชื่นชมภิรมยาเข้าแนบองค์อนุชาแล้วเล่าความ
นางมณีพี่ถนอมให้เป็นใหญ่ไม่รู้ไว้ตัวเลยทำหยาบหยาม
วันหนึ่งพี่มาหาพะงางามมาติดตามหวงหึงให้อึุงอาย
จนพี่ว่าแล้วยังไม่ฟังห้ามจะขืนตามเข้าไปตีนางโฉมฉาย
แล้วว่าพี่นี้ดูใช่ผู้ชายมางมงายลุ่มหลงงวยงงไป
ถูกเสน่ห์เล่ห์ลมลำเลิกแซ่ครั้นสอบซักจะเอาแน่ก็ไม่ได้
มิทำบ้างก็จะตั้งแต่กวนใจพี่จับได้ไม้เรียวรี่ไล่ตีรัน
เขาโกรธามิได้มาให้เห็นพักตร์พระน้องรักเจ้าไม่รู้จะโศกศัลย์
ด้วยขอบเขตกรุงไกรอยู่ไกลกันจึงไม่ทันจะไปทูลพระบิดา ฯ
๏ อรุณฟังบังคมบรมนาถถึงชีวาตม์ก็ถวายพระเชษฐา
อย่าว่าแต่เพียงตีพระพี่ยาแม้นผิดแล้วถึงจะฆ่าควรบรรลัย
น้องจะลาไปหาพระพี่นางจะระคางเคืองเข็ญเป็นไฉน
ทูลพลางทางลุกขึ้นคลาไคลเสด็จไปปรางค์ทองของพี่ยา
ตรงขึ้นอัฒจันทร์สุวรรณมาศกำนัลนาฏแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
นางโฉมยงทรงเห็นอนุชาก็โศกากอดน้องประคองกาย
สะอึกสะอื้นฝืนคิดถึงความหลังให้แค้นคั่งข้อนทรวงนางโฉมฉาย
พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรา่ยบรรยายเล่าความกับอนุชา
พี่รอใจไว้ถ้าพระน้องแก้วเป็นบุญแล้วที่เจ้ารีบมาเห็นหน้า
พี่ต้องโพยโบยรันเช่นริ้วปลาทั้งกายาย่อยยับระยำไป
อันความเจ็บนั้นก็เบาบรรเทาหายแต่ความอายปิ้มว่าเลือดตาไหล
เรื่องสาราที่ให้สาลิกาไปพี่จนใจเหมือนอย่างกระจกเงา
นางอำพันนั้นใช้อีทาสารีบไปหาหมอเณรเป็นเถรเฒ่า
ทำพระองค์หลงรักจนมัวเมาจะให้เจ้าไปจับอ้ายคนดี ฯ
๏ พระอนุชาสุริย์วงศ์ทรงสดับเคารพรับทูลสนองนางโฉมศรี
แม้นจริงเหมือนวาจาดังพาทีเป็นไรมีที่จะจับไม่ยากใจ ฯ
๏ นางมณีฟังน้องสนองสารพี่แจ้งการมั่นคงไม่สงสัย
มันแต่งของส่งกันทุกวันไปจะต้องให้คนดูรู้สำัีคัญ
แล้วนางสั่งคนนสนิทชิดใช้สอยลอบไปคอยดูคนกระเดียดขัน
ถ้าจับได้เราจะให้รางวัลครันนางกำนัลชื่นชมบังคมลา
ถึงเฉลียงเมียงชม้อยคอยชะแง้สองตาแลคอยข้างนางทาสา
จะกล่าวฝ่ายนางอำพันกัลยาพระอนุชาลุกไปจากปรางค์
ด้วยตัวนั้นเหมือนวัวสันหลังขาดให้ขยาดกลัวกานึกอางขนาง
พยักเรียกสาวใช้ร่วมใจนางเข้าในปรางค์บอกความตามกิจจา
วันนี้น้องฝ่ายขวาเจ้ามาเฝ้าพระผ่านเกล้าเธอยังรักอยู่หนักหนา
ไปบอกเถรทำให้ต้องพระน้องยาไปพูดจากันเถิดเจ้าเล่าให้ฟัง ฯ
๏ นางทาสีอัญชลีทูลเฉลยอย่ากลัวเลยครูเฒ่าท่านทำขลัง
แล้วเข้าห้องจัดของละล้าละลังกระจกตั้งขี้ผึ้งติดตะบิดตะบอย
จนขนเม่นเน้นหนังเข้าดังนับเลือดซิบซับก็ไม่ว่าอุตส่าห์สอย
จนปีกแปล้แลเปิดดูเลิศลอยนุ่งหิ่งห้อยชมต่วนสีนวลเพลาะ
ยุรยาตรนาดกรดูอ้อนแอ้นส่ายซัดแขนกระเดียดขันขยันเหมาะ
นางกำนัลแลพบประสบเคราะห์วิ่งหัวเราะมาทูลนางแจ่มจันทร์
บัดนี้อีสาวใช้มันไปวัดมันเดินดัดจริตกระเดียดขัน
เจ้าอรุณทรงพระสรวลชวนกำนัลอภิวันท์พี่นางจากปรางค์ทอง
แลเห็นกายฝ่ายนางสาวใช้ชี้อีห่มสีนวลนั้นถือขันของ
เจ้าอรุณจำได้ดังใจปองตรงไปท้องพระโรงเรียกขุนมารมา
เดินพลางทางเล่าเนื้อความลับช่วยกันจับคนกระทำพระเชษฐา
ท่านจงแปลงเป็นแมงวันให้เร็วราสะกดตามอีทาสาคนนั้นไป
ฟังมันพูดกิตติศัพท์กับเถรเฒ่าอันตัวเราจะไปก็ไม่ได้
พนาสูรฟังสารสำราญใจฤทธิไกรกลับแปลงเป็นแมงวัน
บินวู่จู่ไปจับที่ปลายผมอีทาสาเดินงมกระเดียดขัน
เจ้าอรุณโฉมงามสามกุมภัณฑ์ก็พากันตามแลไปแต่ไกล
นางทาสีถึงกุฎีบันไดเถรพอจวนเพลลงนั่งพับเพียบไหว้
เถรพยักทักถามเนื้อความไปวันนี้ไซร้ห่มสีนวลมากวนกัน
ตัวรูปนี้เหมือนมดอดน้ำอ้อยต่อดึกหน่อยนอนเพ้อละเมอฝัน
แต่นอนตรึกเพลงยาวมาเก้าวันยังไม่ทันจะจบเล่าพอเจ้ามา
นางสาวใช้ทำงอนอ่อนชม้ายแก่จะตายแล้วไม่หย่อนยังข้อนว่า
ไม่คิดถึงอนิจจังสังขารายังจะว่าเรื่องราวเพลงยาวเพราะ ฯ
๏ เถรกระอำตอบว่าสีกาแม่ถึงตัวแก่ใจยังกำลังเหมาะ
นึกนึกว่าจะสึกออกซัดเพลาะกลัวจะเดาะตามติดเสียอีกนาง
นางสาวใช้ยิ้มละไมอยู่ในหน้าเถรชราเอาใจมิให้หมาง
พี่เมตตาว่าหยอกเล่นดอกนางนี่ขัดขวางอยู่ในวังหรืออย่างไร ฯ
๏ นางทาสีอัญชลีแล้วเล่าเรื่องแม่ขวัญเมืองให้มาแจ้งแถลงไข
พระอนุชามาเฝ้าองค์ท้าวไทพระทรงศักดิ์รักใคร่ยังไม่คลาย
เขาร่วมห้องน้องพี่เป็นที่รักจะทูลองค์ทรงศักดิ์ให้เสื่อมหาย
จงโปรดด้วยช่วยเพิ่มเติมน้องชายพอให้คลายเบาใจพระทัยนาง ฯ
๏ เถรหัวเราะว่าออเจ้าเท่านั้นหรือมิได้ครือเคืองข้องทำหมองหมาง
เวลาค่ำจึ่งจะทำไม่อำพรางจะให้ล้างเสียให้ได้เป็นไรมี
ตัวเจ้ากับกัลยาเป็นผาสุกนายสนุกบ่าวคะนองทั้งสองศรี
ให้เถรแก่แดดิ้นอยู่กุฎีอเวจีไม่ต้องผลักเพราะรักกัน ฯ
๏ แมงวันยักษ์ฟังประจักษ์ก็แจ้งเรื่องให้แค้นเคืองเฉียวฉุนคิดหุนหัน
ปากกระเดาะเหาะโลดกระโดดพลันเรียกกุมภัณฑ์พ่ออรุณจงหนุนมา
ฤทธิแรงแปลงรูปเป็นยักษ์ร้ายข้างมือซ้ายจับจิกอีทาสา
ขวากระหวัดรัดเถรด้วยฤทธาอสุราอรุณหนุนถึงพลัน
เสียงสนั่นครั่นครื้นพื้นฤทธิ์ยักษ์กุฎีหักโครมครืนเถรยืนหัน
เสียงอ่างโอ่งโฉ่งฉ่างโผงผางลั่นเถรขยันภาวนามหามนต์
เป็นนาคินทร์ปลิ้นปลูดกระลูดเลื้อยดูยาวเฟื้อยขู่ฟ้อดังเสียงฝน
สองตาแดงดังแสงพระสุริยนกายพิกลโตดำเท่าลำตาล
ราพณ์ร้ายรูปกลายเป็นครุฑราชเผ่นผงาดฤทธิ์แรงกำแหงหาญ
เข้าจิกจับสัประยุทธ์ฉุดทะยานครุฑประหารนาคม้วยด้วยฤทธา
เถรก็หายกลายรูปเป็นหนูหริ่งกระโดดวิ่งเข้าโพรงไม้ในพฤกษา
ครุฑก็หายกลายเห็นเป็นวิลาเข้าไล่คว้าจับหนูอยู่ในโพรง
ขบขยาบจับพลาดฟาดสะบัดตาเถรพลัดไปเป็นลิงวิ่งโขยง
แหกตาหลอกกลอกคางทำหางโก่งแล่นโขย่งโลดกายขึ้นปลายยาง
ยักษ์เป็นงูเลื้อยไล่ตลอดยอดกระหวัดกอดลิงคะมำลงต้ำผาง
เสียงศอกอุบทุบอึกร้องโอยครางลิงก็หายกลายร่างเป็นเถรชรา
ยักษ์กระหวัดรัดแขนเป็นครุฑอัดเอาเชือกรัดโยงติดกับทาสา
แต่หัวผีที่กุฎีดาษดากับตำราคุณไสยน้ำมันพราย
อรุณน้อยสั่งให้ร้อยเอาหัวผีผูกคอเถรกับทาสีมาถวาย
ทั้งตำราผ้าห่อผูกคอตะพายให้นำไปขุดรูปปั้นที่ฝังมา
เถรกระอำเดินตามนางทาสีสาวใช้แบกคัมภีร์เดินไปหน้า
เอาเชือกผูกคอล่ามตามกันมาจนถึงหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล
พวกข้าเฝ้าเหล่าเสนามาพร้อมพรั่งบ้างก็ชังบ้างก็คิดจิตสงสาร
องค์อรุณอสุราพญามารข้าราชการแวดล้อมอยู่พร้อมมูล ฯ
๏ ป่างพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพขจรจบปัถพินบดินทร์สูร
สถิตเหนือแท่นสุวรรณอันจำรูญก็ไพบูลย์ด้วยสุรางค์นางเรียงราย
เสด็จทรงสรงสนานสำราญจิตทรงภูษิตเครื่องต้นวิมลฉาย
ร่มแสงสุริยาเวลาบ่ายพระผันผายเสด็จยังพระโรงทอง
ประโคมวังดังวิเวกปี่ไฉนกำนัลในเชิญเครื่องเนื่องสนอง
พระประทับยับยั้งบัลลังก์ทองดูทำนองผุดผาดสะอาดงาม
อสุราอรุณเข้าเคียงอาสน์อภิวาทจอมภพเคารพสาม
พร้อมด้วยหมู่เสนาพฤฒาพราหมณ์สง่างามหมอบเรียงเคียงกันไป
เจ้าอรุณทูลเหตุพระเชษฐาเถรชราทำเสน่ห์น้องจับได้
พามาเฝ้าพระองค์ผู้ทรงชัยทั้งขุดได้รูปปั้นสำคัญมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ก็สงสัยมันอยู่ไหนเล่าพระน้องเสน่หา
เจ้าอรุณสั่งยักษ์ให้พามาอีทาสาเมียงหมอบหอบคัมภีร์
ทั้งรูปรอยเถรถือมาตามหลังดูรุงรังพันพัวล้วนหัวผี
พระเห็นเถรกับทาสนางเทวีไม่สมประดีอ้นอั้นตันพระทัย
พระตรัสถามตำแหน่งด้วยแคลงจิตมึงคบคิดกันทำจริงหรือไฉน
เถรชราฟังถามให้คร้ามใจก็ทูลไปทุกสิ่งตามจริงมา
ขอพระองค์ทรงยศทศทิศข้าทำผิดโทษควรถึงซึ่งสังขาร์
ด้วยโฉมยงองค์อำพันกัลยาใช้ทาสานารีคนนี้ไป
ว่าพระองค์รักนางฝ่ายข้างขวาไปบนข้าทำพระองค์ให้หลงใหล
ด้วยอยากได้ลาภพาลสันดานใจมิโปรดไว้ชีวาฆ่าก็ตาย ฯ
             

ตอนที่ ๑๓ โคบุตรปรึกษาโทษนางอำพันมาลา

๏ พระทรงฟังคั่งแค้นแสนกระสันก็อ้นอั้นตันใจพระทัยหาย
อัปประมาณสามนต์พลนิกายคิดเสียดายเดชาสง่าเมือง
ทั่วประเทศเขตนครขจรฤทธิ์ปัจจามิตรต่างระบือออกลือเลื่อง
ทั่วจังหวัดปัถพีบุรีเรืองลือกระเดื่องทั่วหล้าฟ้าแลดิน
เราหลงตีนางมณีถึงสาหัสสารพัดที่เราผิดคิดถวิล
หลงด้วยหญิงแพศยาเป็นราคินเพราะดูหมิ่นของสำคัญไม่ทันคิด
แสนสลดเหมือนทศกัณฐ์ยักษ์เมื่อลิงลักล่อลวงเอาดวงจิต
เสียยศศักดิ์เสียศรีด้วยมีฤทธิ์พระยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นแน่นอุรา
พระหยุดยั้งสั่งฝูงนางสาวสรรค์ไปเอาตัวนางอำพันมาข้างหน้า
สาวสนมวิ่งกลมเป็นเกลียวมาทูลอำพันกัลยาประหม่าใจ
ว่าพระองค์ทรงเรียกแม่เนื้อเกลี้ยงทรงกริ้วเสียงดังลั่นสนั่นไหว
เขาจับทาสากับตาเฒ่าเข้ามาไว้ภูวไนยโกรธาอย่าช้าที ฯ
๏ โฉมอำพันขวัญหายพระทัยสั่นเห็นแม่นมั่นคงจะปลงลงเป็นผี
พระพักตร์เผือดเลือดซีดไม่สมประดีจรลีมากับสาวเหล่ากำนัล
หมอบประนมบังคมพระทรงฤทธิ์ดังชีวิตกัลยาจะอาสัญ
เห็นพระองค์ทรงกริ้วดังไฟกัลป์พระทรงธรรม์ตรัสถามนางทรามวัย
นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์ศักดิ์กษัตริย์จงแจ้งอรรถไปให้สิ้นที่สงสัย
เจ้าใช้นางทาสาไปหาใครแต่จริงใจนะนางอย่าพรางกัน ฯ
๏ ยุพาพาลฟังถามให้คร้ามจิตเห็นสุดคิดที่จะแก้พูดแปรผัน
ด้วยพวกเพื่อนเหมือนพยานออกยืนยันพระองค์สั่นก้มกราบกับบาทา
โอ้พระร่มโพธิ์ทองของน้องแก้วเมียผิดแล้วประทานโทษโปรดเกศา
ด้วยเปลี่ยวใจไกลญาติอนาถมาพระผ่านฟ้าห่างเหินสะเทิ้นไป
ซึ่งทำผิดคิดกับอีทาสาให้เถรทำผ่านฟ้าจนหลงใหล
ได้เมามัวชั่วแล้วพระภูวไนยจงโปรดไว้ชีวังแต่ครั้งเดียว ฯ
๏ พระทรงฟังดังอัคนีรุทรมาจี้จุดปุยนุ่นให้ฉุนเฉียว
เจ้ามารยากาลีอย่างนี้เจียวยังลดเลี้ยวลิ้นลมคารมดี
เมื่อแรกรักคิดว่าศักดิ์กษัตริย์สูงมาเป็นฝูงสัตว์ร้ายระบายสี
คิดว่าหงส์หลงพลัดเป็นกากีมาย้อมสีลวงชายด้วยลายกร
พระกริ้วตรัสตัดพ้อนางโฉมศรีเสียแรงที่ได้ร่วมสโมสร
สิ้นรักแล้วอย่าพักมาวิงวอนแต่เลือดตกในนครก็อัประมง
จะทำลายเสียให้วายชีวาวาตม์ทั้งวงศ์ญาติที่อยู่เมืองกาหลง
มิให้เหลือเชื้อชาติญาติวงศ์แล้วเอื้อนโองการสั่งสี่กุมภัณฑ์
ท่านรีบไปพาราเมืองกาหลงไปถึงตรงเข้าในไอศวรรย์
สุริย์วงศ์พงศาอีอำพันแก่ฉกรรจ์พูดไม่ชัดมัดเอามา
ใส่แพตะรางขังไว้กลางสมุทรเอาไฟจุดคลอกเสียทั้งวงศา
ทั้งอำมาตย์ทาสีเถรชรากุมภัณฑ์พากันไปจับมาฉับพลัน ฯ
๏ อสุรินทร์ยินกริ้วให้พรั่นจิตระวังผิดช่วยรอนทูลผ่อนผัน
แข็งอารมณ์บังคมพระทรงธรรม์ท้าวกุมภัณฑ์พูดเปรียบประเทียบทูล
ซึ่งพระองค์จะประสงค์วงศ์กษัตริย์ใช่จะขัดพระบัญชานราสูร
อันรบรุกนคราไม่อาดูรขอกราบทูลพระภูบาลนิทานมี
ยังมีพราหมณ์พรหมจรรย์อันวิเศษเที่ยวประเวศตามป่าพนาศรี
ข้าหยุดร่มพฤกษาพอนาคีขบนิ้วชี้หนีไปใต้สุธา
พราหมณ์กำจัดตัดนิ้วกระเด็นเด็ดก็หายเสร็จสิ้นพิษไม่สังขาร์
นี่ทำชั่วก็ตัวนางกัลยาพระวงศาใหญ่น้อยจะพลอยตาย
อันนิ้วพราหมณ์นั้นเหมือนภุชงค์กัดครั้นกำจัดตัดนิ้วพิษปลิดปลิวหาย
พระฟังยักษ์ชักทำเนียบเปรียบภิปรายจึ่งเผยผายเทวราชประภาสพลัน
พราหมณ์กำจัดตัดนิ้วก็เจ็บเนื้ออันชาติเชื้อนาคาไม่อาสัญ
อันภุชงค์เหมือนวงศ์อีอำพันไม่อาสัญจะเป็นเสี้ยนในธานี ฯ
๏ ฝ่ายกุมภัณฑ์คนนั้นก็จนจิตสุดจะคิดที่จะทูลพระโฉมศรี
กุมภัณฑ์หนึ่งจึ่งกราบลงสามทีอัญชลีทูลประเทียบเปรียบนิทาน
แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ผ่านสมบัติสาวัตถีบุรีสถาน
ประชวรพระยอดในกายแทบวายปราณพิษฝีซ่านทั่วตนสกนธ์กาย
แพทย์ประสิทธิ์คิดประกอบโอสถแก้ที่เจ็บแผลมิอาจจะขาดหาย
ยังรุมรึงตรึงฤทัยไม่สบายพอพบชายหมอฝีอันปรีชา
เอาคมมีดกรีดเจาะเฉพาะหวะถอนศีรษะฝีออกนอกมังสา
ก็เหือดหายคลายโรคกษัตราขอผ่านฟ้าจงรั้งยั้งพระทัย ฯ
๏ พระฟังเล่าขุนมารนิทานแถลงไม่จะแจ้งแคลงจิตคิดสงสัย
หมอเดิมนั้นเหมือนท่านไม่ชาญชัยตัวเราไซร้เหมือนหมอรู้เลิศผู้ชาย ฯ
๏ ต่างนิ่งจนขัดสนทั้งสองยักษ์กุมภัณฑ์หนึ่งจึ่งชักนิทานถวาย
ขอพระทูลกระหม่อมจอมนารายณ์ยังนิยายโบราณนิทานมี
ในเรื่องราวว่าดาบสอยู่ไพรสณฑ์เที่ยวสอยผลไม้ในไพรศรี
พบกระท้อนอ่อนแก่บรรดามีพระฤาษีฟาดหล่นระคนกัน
วานรป่ามาเห็นก็หัวเราะกล่าวเย้ยเยาะว่าโลภละโมบฉัน
สอยกระท้อนอ่อนกินจนสิ้นพันธุ์ทีหลังฉันอะไรนะพระอาจารย์ ฯ
๏ ฤาษีสิทธิ์ได้คิดเสียดายนักมิได้ภักษ์เสียผลผลาหาร
ขอพระองค์ทรงดำริเรื่องโบราณขอประทานโทษญาตินางกัลยา
อันสุกแล้วจึ่งสอยอย่าพลอยอ่อนพวกวานรทรลักษณ์จักครหา
พระฟังอรรถตรัสเอื้อนโองการมาอ้ายลิงป่ามันหวงกระท้อนไพร
จึ่งจาบจ้วงล่วงว่าพระฤาษีนิทานนี้เป็นทำเนียบพอเปรียบได้
ทีทูลความสามคนก็จนใจภูวไนยไม่ฟังสุนทรทูล
พรั่นอารมณ์ก้มเศียรลงหมอบราบกุมภัณฑ์หนึ่งจึ่งกราบบดินทร์สูร
ขอพระองค์ทรงพระอนุกูลจะกราบทูลตามนิทานบูราณมา
ว่ายังมีวาสุกรีหนึ่งกำแหงไม่เกรงแรงครุฑราชปักษา
ให้พวกนาคปากอมก้อนศิลาขึ้นลอยเล่นยมนาชโลทร
สุบรรณโลภโฉบฉวยข้างเศียรนาคเล็บกระชากปากขยิกจิกเอาหงอน
จะพาบินหินถ่วงลงสาครก็ม้วยมรณ์ชีวาด้วยนาคิน
ครั้นนานมาชีเปลือยมันกล่าวแจ้งภุชงค์แรงเพราะโอษฐ์นั้นอมหิน
ครุฑประจักษ์หัทยาในนาคินครั้นจะกินบินฉวยหางภุชงค์
สำรอกหินสิ้นแรงเจ้ากรุงนาคครุฑกระชากฉวยได้โดยประสงค์
บรรดาฝูงนาคราชพระญาติวงศ์เห็นภุชงค์ฤทธิ์หย่อนเหมือนก่อนมา
แม้นมิโปรดโทษนางที่ผิดพลั้งจะเหมือนดังครุฑราชปักษา
สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์นางกัลยาคงเอามาตามประสงค์ทรงระแวง ฯ
๏ พระฟังสารในนิทานประเทียบเรื่องให้ขัดเคืองจึ่งตอบสุนทรแถลง
มิเสียทีสี่นายช่างจัดแจงจะขอแรงเมื่อมิรับก็แล้วไป
พระตรัสสั่งเสนาให้เตรียมทัพไปโจมจับชาวกาหลงให้จงได้
เจ้าอรุณเห็นจะวุ่นให้หวาดใจบังคมไหว้สวมกอดพระบาทา
ไม่ต้องการจะไปผลาญวงศ์กษัตริย์จงประหยัดยกโทษโปรดโทษา
คนทั้งหลายชายหญิงในโลกาธรรมดาบิตุรงค์องค์มารดร
เป็นบุตรแล้วนั้นใครจะให้ชั่วแต่ฝ่ายตัวเหลือกำลังจะสั่งสอน
พี่อำพันมาลาพะงางอนจากนครมาพึ่งพักพระจักรี
ธรรมดานารีที่ร่วมผัวก็มีทั่วดินฟ้าทุกราศี
ซึ่งโฉมยงหลงเป็นไปเช่นนี้อีทาสีทุจริตนั้นคิดการ
พระทรงศักดิ์เหมือนหนึ่งหลักจอมพิภพขจรจบสรรเสริญเจริญสถาน
พระทรงยศทศทิศจะคิดการไปล้างผลาญญาติอำพันกัลยา
ใครจะหาญทานฤทธิ์คิดรบรับก็สำหรับชีวังจะสังขาร์
เหมือนสุเมรุเอนพับทับสุธาจะบ่ายหน้าพึ่งใครนั้นไม่มี
นางผิดพลั้งครั้งเดียวไม่ควรฆ่าด้วยวงศานั้นอยู่ห่างต่างกรุงศรี
เหมือนได้โปรดน้องรักที่ภักดีขอประทานชีวีนางกัลยา ฯ
๏ พระฟังอรุณทูลเรื่องบรรยายค่อยเสื่อมหายคลายกริ้วพระวงศา
จึ่งเอื้อนอรรถตรัสตอบอนุชาคำเจ้าว่านี้ก็ควรประเพณี
แต่อำพันนั้นไว้มันไม่ได้มันทำให้อายชาวบุรีศรี
จนหลงโกรธลงโทษนางมณีเจ้ากับพี่แทบจะขาดสิ้นญาติกัน
พระตรัสพลางทางสั่งกับอำมาตย์จงพิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญ
แล้วเสียบไว้ให้คนเห็นเป็นสำคัญทั้งอำพันเถรเฒ่าอีชาวใน
พระสั่งเสร็จเสด็จย่างขึ้นปรางค์มาศเพชฌฆาตเกณฑ์กันอยู่หวั่นไหว
โฉมอำพันขวัญหนีไม่มีใจนางกราบไหว้วิงวอนพระอนุชา
พี่ชั่วแล้วแก้วพี่อย่าผูกผิดด้วยชั่วจิตมัวเมาเขลาหนักหนา
พ่อช่วยด้วยอย่าให้ม้วยมรณาเหมือนเมตตาทารกอยู่ในครรภ์
ประจวบจวนถ้วนทศมาสคลอดพี่ม้วยมอดก็จะพากันอาสัญ
พ่อขอไว้อย่าให้เขาฆ่าฟันนางรำพันโศกาลัยอยู่ไปมา ฯ
๏ เจ้าอรุณทรงฟังให้สังเวชชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
น้องตั้งจิตคิดไว้แต่ไรมาเหมือนพี่ยาร่วมท้องทั้งสองนาง
มาหลงเชื่อคนชั่วจนมัวหมองอย่างนั้นน้องก็ไม่คิดระคางหมาง
ด้วยสัจจาตั้งใจอยู่ฝ่ายกลางพระพี่นางเบาใจจึ่งได้อาย
แทบจะวุ่นขุ่นเคืองถึงเมืองโน้นฉันปลอบโยนให้ทุเลาบรรเทาหาย
จะขอดูตามบุญอย่าวุ่นวายแล้วห้ามนายเพชฌฆาตไปทันที
จงหยุดยั้งรั้งรอพอสร่างโกรธจะขอโทษตามบุญของโฉมศรี
แล้วนบนอบปลอบพลางนางเทวีจรลีมายังที่พระพี่นาง
ทูลเนื้อความตามจับตาเถรเฒ่านำขุดเอารูปรอยได้ต่างต่าง
รับเป็นสัตย์ซัดถึงอำพันนางสั่งให้ล้างเสียด้วยกันทั้งสามรา
ฉันสงสารแม่อำพันด้วยครรภ์แก่จะผันแปรทูลขอต่อเชษฐา
นางทรงฟังคั่งแค้นแน่นอุราด้วยโกรธารึงรุมกลุ้มพระทัย
เขาทำพี่นี่หากไม่ม้วยมิดยังจะคิดผันแปรเข้าแก้ไข
รู้กระนั้นไปจับจำเขาทำไมถึงบรรลัยก็ตัวข้าชีวาวาย ฯ
๏ อรุณฟังตอบองค์อนงค์นาฏพยาบาทนี่กระไรมิใคร่หาย
จะมาโกรธกริ้วแค้นกับคนตายถึงเจ็บอายก็แจ้งอยู่เต็มใจ
แต่เพียงนั้นเขาก็เห็นว่าเป็นผิดเอาชีวิตไปทำอะไรได้
หรือรักให้เป็นกรรมติดตามไปดูพระทัยนั้นไม่คิดอนิจจัง
ใครเกิดมาถ้าจิตนั้นติดปราชญ์ย่อมหมายมาดขันตีเป็นที่ตั้ง
เหมือนเขาสุเมรุมาศไม่พลาดพลั้งใครชิงชังเหมือนหนึ่งว่าพายุพาน
ถึงแสนลมที่จะหมายทำลายโลกไม่คลอนโยกหนักแน่นเป็นแก่นสาร
ใครเกิดจิตอิจฉาเป็นสามานย์สันดานพาลผู้ใดทำกรรมอนันต์
แม้นนางอยู่ฟูเฟื่องจะเลื่องชื่อตลอดลือแหล่งหล้าสุธาสวรรค์
แม้นมิเชื่อถ้อยคำที่รำพันจะเจ็บแค้นแทนกันทำไมมี ฯ
๏ นางฟังน้องตรองตรึกค่อยนึกได้เข้ากอดจูบลูบไล้พระโฉมศรี
พี่พูดตามโกรธาอย่าราคีพ่อเห็นดีแล้วไม่ห้ามตามอารมณ์
จึ่งพูดจาโดยดีกันพี่น้องทั้งพวกพ้องข้าสาวเหล่าสนม
จะกล่าวถึงขุนทองเที่ยวล่องลมไปเที่ยวชมพฤกษาสารสำราญใจ
ตะวันชายบ่ายพักตร์เข้านคเรศปีนข้ามเขตเขาเขินเนินไศล
เห็นลำดวนหวนหอมตลบไพรคิดถึงสองทรามวัยให้เสียดาย
ทั้งหม่อมพ่อพระองค์น้องอยู่ปรางค์มาศหอมประหลาดดอกไม้ได้ถวาย
ลงจิกพวงดวงดอกลำดวนรายแล้วผันผายบินพามาวังใน
เข้าสู่ปรางค์นางมณีเห็นพี่น้องนกขุนทองปีกประนมบังคมไหว้
แบ่งลำดวนส่วนถวายนางทรามวัยคาบมาให้พ่ออรุณแล้วทูลพลัน
ลูกเที่ยวเล่นเห็นลำดวนก็หวนนึกคิดรำลึกถึงหม่อมพ่อแล้วผายผัน
เก็บดอกไม้พอได้มาแบ่งปันเหลืออยู่นั้นจะถวายหม่อมแม่น้อย
ดอกลำดวนดกกระไรในไพรสณฑ์ไม่มีคนผู้ใดจะไปสอย
อรุณรับขุนทองประคองค่อยช่างชดช้อยน่าจะกลืนชูชื่นใจ
แม่อำพันของขุนทองนั้นต้องโทษเจ้าพ่อโกรธสั่งให้ฆ่าไม่ปราศรัย
เดี๋ยวนี้พ่อให้เขารอเอานางไว้ขุนทองไปทูลขอพ่อสักพัก
มาที่นี่พ่อดีใจจงไปก่อนช่วยอ้อนวอนขอองค์พระทรงศักดิ์
ถ้ามิได้จงกลับมาอย่าช้านักให้ประจักษ์จะได้ทูลทันเวลา ฯ
๏ ขุนทองฟังตกตะลึงคะนึงนิ่งว่าจริงจริงหรือปดหม่อมพ่อจ๋า
อรุณลูบจูบเล่าเจ้าสาลิกาพ่อจะว่าปดเจ้าเอาอะไร
เจ้าไปดูเถิดยังอยู่พระโรงนอกแต่อย่าออกไปนานนั้นไม่ได้
จงด่วนไปทูลพระองค์ทรงชัยถึงมิได้กลับมาอย่าช้าที
สาลิกาทูลลาอรุณน้อยถลาลอยมาพระโรงอันเรืองศรี
เห็นอำพันกันแสงไม่สมประดีสกุณีโผลงริมองค์นาง ฯ
๏ นางแลเห็นสาลิกาน้ำตาตกประคองนกกอดแอบไว้แนบข้าง
นางสะอื้นบอกสาลิกาพลางสั่งให้ล้างแม่เสียแล้วพ่อแก้วตา
พ่ออรุณนั้นสั่งให้ยั้งไว้ถ้าหาไม่ไหนจะเห็นเจ้าปักษา
เออไฉนใครบอกจึ่งออกมาเป็นเวราของแม่ต้องแน่ใจ
เจ้าช่วยแม่แก้ไขไปทูลขอบอกหม่อมพ่อยกโทษช่วยโปรดให้
เหมือนช่วยชีวิตน้องขุนทองไว้ไม่เห็นใครที่จะช่วยแม่ด้วยรา ฯ
๏ ขุนทองฟังนางว่าน้ำตาไหลก็ร้องไห้ตามเพศของปักษา
แต่เช้าตรู่ลูกสู่อรัญวาไม่รู้ว่าภัยพาลประการใด
เก็บดอกไม้มาถวายสองสามดอกอรุณบอกว่าเจ้าแม่จะตักษัย
ได้ยินข่าวลูกอนาถเพียงขาดใจกรรมอะไรมาเป็นถึงเช่นนี้
แม้นหม่อมแม่ม้วยมอดไม่รอดแล้วก็เหมือนสาลิกาแก้วนี้เป็นผี
เคยร่วมร้อนจรพรากจากบุรีพระชนนีนี้ไซร้บรรลัยลาญ
จะไปเฝ้าเจ้าพ่อทูลขอโทษเผื่อจะโปรดลูกรักไม่หักหาญ
แล้วปักษาลาองค์นางนงคราญบินทะยานมาปราสาทพระภูธร
พอถึงห้องทำร้องอยู่กรีดกราดเผ่นผงาดโลดขึ้นปัจถรณ์
พระโคบุตรสุริยาสถาวรประคองกรรับสาลิกาพลัน ฯ
๏ นกขุนทองร้องไห้พิไรว่าเจ้าพ่อจ๋าทำไมฆ่าหม่อมแม่ฉัน
แม่ทำชั่วตัวผิดสิ้นชีึวันน้องในครรภ์ของขุนทองจะมรณา
จะพลอยตายเปล่าเปล่าไม่เข้าข้อฉันทูลขอโทษเถิดหนอคุณพ่อจ๋า
จะได้เล่นเลี้ยงน้องเป็นสองราสาลิกาอยู่เดียวก็เปลี่ยวกาย ฯ
๏ พระลูบเศียรขุนทองสนองสารไม่ต้องการจะเอาไว้เป็นเชื้อสาย
มันชั่วแล้วก็ล้างให้วางวายจะเสียดายมันทำไมอีกาลี
ถึงลูกเกิดอยู่ในกลางหว่างเสน่ห์มันเจ้าเล่ห์เหมือนมารดาน่าบัดสี
คอยเลี้ยงลูกที่ในท้องแม่มณีอีกาลีสาลิกาอย่าอาลัย ฯ
๏ ขุนทองฟังเห็นยังกำลังโกรธไม่ยกโทษกัลยาน้ำตาไหล
เอาความหลังครั้งก่อนวอนพิไรลูกคิดไปก็สงสารนางเทวี
อุตส่าห์ตั้งพยายามมาตามติดสิ้นชีวิตพ่อแม่ไม่เห็นผี
เห็นแต่องค์ผ่านฟ้าก็ฆ่าตีก็ไม่มีเห็นใครที่ไหนแล้ว
ทั้งเจ้าแม่อำพันก็ครรภ์แก่สงสารแต่น้องสาลิกาแก้ว
แม้นเจ้าแม่ม้วยมอดไม่รอดแล้วน้องของแก้วสาลิกามาพลอยตาย ฯ
๏ พระฟังนกยกเรื่องแต่เบื้องหลังที่แค้นคั่งแทบจะดับระงับหาย
แล้วปั่นป่วนหวนคิดถึงเรื่องร้ายกลับระคายเคืองแค้นแน่นพระทัย
จึ่งเอื้อนอรรถตรัสห้ามเจ้าปักษีอย่าเซ้าซี้ไปเลยเลี้ยงมันไม่ได้
ควรตายก็ให้ตายเสียดายไยภูวไนยแกล้งบรรทมไม่พาที
สาลิกาอุตส่าห์ประโลมพลอดเอาเศียรสอดเข้าในอกพระโฉมศรี
เห็นกับนางเมียรักพระจักรีถึงครั้งนี้ก็เพราะรักพระภูธร
มิใช่นางนอกจิตคิดกบฏจงเงือดงดหยุดยั้งสักครั้งก่อน
พระทำกริ้วมิให้สาลิกาวอนข้าจะนอนแล้วอย่ามาวุ่นวาย
จะบอกเจ้าให้ีรู้อย่าจู้จี้โมโหแล้วก็จะตีเอาง่ายง่าย
แล้วทำเชือนเบือนพักตร์ไม่ทักทายนกขยายวอนทูลพระภูบาล
แม้นไม่เลี้ยงถึงจะล้างให้วางวายแต่พอคลอดน้องชายน่าสงสาร
จึงค่อยฆ่าโฉมฉายให้วายปราณขอประทานโทษน้องขุนทองไว้ ฯ
๏ พระทรงนิ่งอิงเขนยไม่เอ่ยถ้อยขุนทองน้อยทูลพลางทางร้องไห้
เอาเศียรซบจบบาทจะขาดใจสุดอาลัยแล้วถวายบังคมลา
บินมาถึงหน้าปรางค์นางมณีลงจับที่เพลาอรุณพ่อคุณจ๋า
ว่าทรงฤทธิ์ติดจะกริ้วเต็มประดาลูกวอนว่าก็ไม่หยุดเห็นสุดคิด
พระโฉมยงนั้นทรงบรรทมนิ่งเห็นอยู่จริงลูกรักให้หนักจิต
หม่อมพ่อลองไปรอขอชีวิตเห็นทรงฤทธิ์จะโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ ฯ
๏ อรุณฟังนกขุนทองสนองสารพ่อดูการเห็นยังกริ้วอยู่กวดขัน
ตามกุศลผลกรรมทำมานั้นช่วยแก้กั้นกว่าจะสิ้นกำลังไป
อัญชุลีพี่นางแล้วย่างย่องชวนขุนทองร่วมจิตพิสมัย
มาถึงปรางค์เชษฐาประหม่าใจตรงเข้าไปห้องทองทั้งสองรา ฯ
๏ ครั้นถึงอาสน์อภิวาทถวายหัตถ์พงศ์กษัตริย์เห็นน้องรักกับปักษา
พระตรัสถามความโมโหด้วยโกรธาเขาเข่นฆ่าแล้วหรือหนาอีกาลี
อรุณกราบสารภาพด้วยผิดพลั้งฉันให้ยั้งไว้พระโรงอันเรืองศรี
ด้วยคิดเห็นครหาเป็นราคีเพราะเทวีทรงครรภ์กุมารา
เป็นน้ำเนื้อเชื้อวงศ์ของทรงฤทธิ์ไม่มีผิดกุมารังพลอยสังขาร์
ราษฎรก็จะค่อนจำนรรจาว่าเข่นฆ่าโอรสอยู่ในครรภ์
กับข้อหนึ่งเทวีไม่มีญาติพอพลั้งพลาดชีวาก็อาสัญ
ไม่มีใครขอร้องช่วยป้องกันนินทาฉันก็มีกับพี่นาง
ด้วยโกรธขึ้งหึงกันจึ่งเกิดเข็ญใครจะเห็นในจิตว่าคิดหมาง
ทั้งตัวน้องร่วมท้องกับพี่นางไม่แคล้วทางครหาทั้งธานี
จงว่าน้องแถลงแกล้งขอโทษแม้นมิโปรดเข่นฆ่านางโฉมศรี
มันจะว่าฉันมาขอพอเป็นทีคงกระนี้แน่นักประจักษ์ใจ
จงเมตตาทารกโอรสน้อยได้ติดต้อยตามเชื้อเป็นเนื้อไข
แม้นมิจำทำอีกไม่อายใจประหารให้มอดม้วยลงด้วยกัน ฯ
             

ตอนที่ ๑๔ ขับนางอำพันมาลาออกจากเมือง

๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ได้ฟังอรรถเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ด้วยลูกน้อยกลอยใจอยู่ในครรภ์จะหุนหันเข่นฆ่าคงราคี
ประโลมลูบจูบน้องเสน่หาพ่อปรีชาว่าชอบนะโฉมศรี
แต่ใจหญิงแพศยาเป็นกาลีไม่ควรที่จะเลี้ยงไว้เวียงชัย
จะลือชาว่าพี่นี้โฉดเขลาช่างมัวเมารักเมียไม่เสียได้
ขอชีวาอย่าวิตกจะยกไว้แต่ขับไล่เสียให้พ้นพระพารา ฯ
๏ ขุนทองฟังเห็นประทังประทานโทษเต้นกระโดดขึ้นบนพระเพลาขวา
พลอยฉะอ้อนวอนทูลพระบิดาลูกสมเพชเวทนาไม่รู้วาย
ถึงไม่เลี้ยงเคียงพักตร์เหมือนหนหลังให้อยู่วังตามประสานางโฉมฉาย
จะขับไปเดินดงก็คงตายประทานโทษโฉมฉายไว้เวียงชัย ฯ
๏ พระฟังคำทำเคืองมิให้ขอเฝ้าสอพลอไปทุกสิ่งไม่นิ่งได้
ใครว่าไรว่าบ้างเป็นอย่างไรยักออกไปเสียเจ้าไม่เข้าการ ฯ
๏ อรุณฟังเห็นยังไม่หยุดได้ดูพระทัยสิ้นรักสมัครสมาน
จะทูลนักจักเคืองเรื่องรำคาญเจ้ากราบกรานทูลลาออกมาพลัน ฯ
๏ สาลิกามาตามอรุณน้อยให้เศร้าสร้อยสงสารแล้วโศกศัลย์
ครั้นถึงห้องท้องพระโรงเรืองสุวรรณโฉมอำพันแลมาโศกาลัย
เข้าสวมสอดกอดน้องประคองนกน้ำตาตกไต่ถามตามสงสัย
พ่อขอโทษโปรดบ้างหรืออย่างไรพี่รอใจคอยฟังทั้งสองรา ฯ
๏ สาลิกากับอรุณกันแสงไห้ฉันขอได้แต่ชีวังไม่สังขาร์
ให้ขับไปไกลนอกพระพาราสุดปัญญาที่จะทูลให้เคลื่อนคลาย
ถ้าไปได้จะไปส่งถึงนคเรศก็เกรงเหตุตรงผิดน้องคิดหมาย
ใครจะเห็นความจริงทั้งหญิงชายได้รอดตายแล้วก้มหน้าไปตามบุญ ฯ
๏ เยาวมาลย์ฟังสารสลดจิตดังหนึ่งพิษนาคีให้เฉียวฉุน
ชีวิตพี่นี้เห็นจะเป็นจุณกอดอรุณร่ำไห้อยู่ไปมา
อันตัวพี่นี้ก็คงจะตักษัยพี่ขอบใจน้องรักเป็นหนักหนา
พระคุณเจ้าสุจริตดังบิดาพี่ชั่วช้าดูดื้อไม่ซื่อตรง
ผลกรรมจำจากบุรีศรีเอาซากผีไปไว้ไพรระหง
พ่อช่วยพาไปลาแม่โฉมยงเมื่อปลดปลงอย่าให้กรรมประจำกาย ฯ
๏ อรุณรับอภิวันท์แล้วผันพักตร์แจ้งประจักษ์เพชฌฆาตสิ้นทั้งหลาย
เราขอโทษพี่นางไม่วางวายยังคงตายอยู่เถรอีชาวใน
เขาถึงกรรมตามบทพจนารถเพชฌฆาตก้มกราบอยู่ไสว
เจ้าอรุณขุนทองนางทรามวัยพากันไปห้องสุวรรณพรรณราย ฯ
๏ เพชฌฆาตพาเถรกับทาสีไปถึงที่แล้วล้างเสียโดยหมาย
ไม้รวกเสียบกายทะลวงเลือดทลายประจานกายขึ้นขาหยั่งริมทางคน ฯ
๏ โฉมอำพันครรไลให้เทวษชลเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน
มาถึงปรางค์นางมณีนฤมลเจ้าขึ้นบนอัฒจันทร์เห็นกัลยา
สงสารนางวางวิ่งเข้ากอดบาทนุชนาฏร้องไห้โฮขอโทษา
ที่ได้ทำผิดพลั้งแต่หลังมาแม่อย่าผูกเวรให้ติดตัว
ลูกตายจากปลดเปลื้องไปเมืองผีเพราะกรรมมีดลจิตให้คิดชั่ว
ให้แม่เจ้าเศร้าหมองละอองมัวแม่ทูนหัวอย่าให้เป็นมีเวรไป
ชาตินี้ลูกอาภัพอัปลักษณ์จะรู้จักคุณแม่ก็หาไม่
เมื่อลูกพลัดมาถึงพระเวียงชัยพระหน่อไทบิดาก็ปรานี
ฉันหลงเชื่อคนชั่วด้วยมัวจิตมิได้คิดถึงคุณแม่โฉมศรี
ไม่ควรคบเถรชราทำยายีแม่ต้องโพยโบยตีระกำกาย
สารพัดที่ชั่วในตัวลูกแม่อย่าผูกเวราไปสืบสาย
อนุญาตลูกยาจะลาตายนางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ โฉมยงทรงฟังสุนทรหวานคิดสงสารกัลยาน้ำตาไหล
ที่แค้นเคืองเปลื้องปลดสลดใจพลอยร่ำไรเล้าโลมนางโฉมยง
อุตส่าห์กลั้นกันแสงเสียเถิดน้องพี่ไม่ปองผูกกรรมนวลหง
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่สบายองค์ฝูงอนงค์แซ่ซ้องประคองนาง
เวราใดจำให้ไกลนิเวศน์โอ้สมเพชนวลน้องจะหมองหมาง
จะได้ใครไปเป็นเพื่อนในเถื่อนทางสงสารนางโฉมยงเจ้าทรงครรภ์
แม้นรอดถึงพาราบิดาน้องจะประคองแก้ไขไม่อาสัญ
นี่พารากรุงไกรก็ไกลกันเจ้าโศกศัลย์สงสารนางเทวี
โอ้นิจจาครั้งนี้เจ้าพี่เอ๋ยกระไรเลยเบาใจไม่พอที่
แม้นช่วยได้พี่มิให้เจ้าจรลีเป็นสุดที่ใจจนพ้นกำลัง
อันความผิดมิได้คิดที่ตรงเจ้าเพราะกรรมเราย่อมสร้างแต่ปางหลัง
สงสารน้องจะลำบากไปจากวังจะเซซังเปลี่ยวองค์ในพงพี
แม้นบุญปลอดคลอดบุตรในไพรเขียวจะแลเหลียวเห็นใครในไพรศรี
ใครจะช่วยมาก่อกองอัคคีไม่เห็นมีใครแล้วนะแก้วตา ฯ
๏ นางอำพันอั้นอัดสะอื้นร่ำอาลัยคำพี่ไม่ผูกซึ่งโทษา
กันแสงพลางนางกราบกับบาทาอนิจจาเจ้าประคุณของลูกรัก
ลูกทำชั่วมัวหมองให้ข้องขุ่นลืมบุญคุณของพระองค์ผู้ทรงศักดิ์
ถึงฟ้าดินก็ไม่เท่ายังเบานักแต่ลูกรักทำชั่วด้วยมัวเมา
แม้นอยู่ได้ลูกจะตายอยู่ใต้บาทใจหมายมาดดังแม่บังเกิดเกล้า
แล้วกลิ้งเกลือกเสือกองค์นางนงเยาว์โฉมเฉลานิ่งซบสลบลง ฯ
๏ นางมณีสาลิกาเจ้าอรุณก็วายวุ่นเอาสุคนธ์มาโสรจสรง
หอมระรื่นฟื้นกายนางโฉมยงกันแสงทรงโอบอุ้มเจ้าสาลิกา
จะจำไกลไปจากขุนทองแล้วพระลูกแก้วอยู่เถิดอย่าโหยหา
นกขุนทองร้องไห้ฟายน้ำตาจนสุริยาเยื้องรถลงรอนรอน
นางมณีมีจิตคิดสงสารโดยอ่อนหวานให้สติสายสมร
เออแม่น้องลองไปเฝ้าพระภูธรทูลอ้อนวอนเพื่อจะโปรดแม่เทวี ฯ
๏ โฉมอำพันวันทาลงตรงพระบาทยุรยาตรจากปรางค์ปราสาทศรี
ขึ้นปราสาทรัตนาพระสามีนางเทวีก้มกราบกับบาทา
ทูลกระหม่อมจอมโลกของเมียแก้วเมียผิดแล้วจงประทานซึ่งโทษา
มิให้ขายแก่ฝ่ายพระบาทาขอเป็นข้าแม่มณีที่ในวังใน
อันหนทางกลางป่าก็ไม่แจ้งจะรู้แห่งจรดลไปหนไหน
พระลูกน้อยในครรภ์จะบรรลัยจงโปรดให้เป็นข้าอยู่ธานี ฯ
๏ พระฟังนางพลางคิดถึงความหลังให้แค้นคั่งขัดเคืองมเหสี
ออกไปเสียเถิดเจ้าอย่าเซ้าซี้หญิงกาลีกูจะเลี้ยงมึงไว้ไย
จะเดินป่าว่าไม่รู้จักแห่งหนเสาะหาคนทำเล่ห์เสน่ห์ได้
จะเหาะหรือเดินทางก็ช่างใครพระกริ้วเหล่าสาวใช้เป็นโกลี
เป็นไรเล่าอีเหล่านี้มึงนิ่งได้ขับลงไปเสียให้พ้นคนบัดสี
แล้วขึ้นแท่นไสยาไม่พาทีนางเทวีให้สลดระทดใจ
ฝูงกำนัลชวนกันเข้าวอนว่าเป็นเวรของแม่จะทำไฉน
จงกลืนกลั้นกันแสงแข็งพระทัยประคององค์ทรามวัยลงจากปรางค์
ข้าหลวงทุกกระทรวงนางเฒ่าแก่ร้องไห้แซ่เสียงก้องต่างหมองหมาง
ฟายน้ำตาตามส่งอนงค์นางลงจากปรางค์มาถึงทวารวัง ฯ
๏ โฉมอำพันมาลาน้ำตาไหลเห็นชาวในพระสนมมาคับคั่ง
ค่อยหยุดยืนขืนองค์ทรงประทังเหลียวมาสั่งสาวสรรค์กำนัลใน
จงปกป้องครองกันเป็นผาสุกอย่ามีทุกข์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
เรามีกรรมจำลาเจ้าคลาไคลหักพระทัยออกจากทวารา
เทวษร่ำกำสรดกันแสงโศกแสนวิโยคเศร้าสร้อยละห้อยหา
ละห้อยหันผันพักตร์ดูปรางค์ปราโอ้ปรางค์เปรียบปรางค์ฟ้าจะราคี
จะร้างไปไกลถิ่นที่เคยเล่นไม่แลเห็นเช้าเย็นจะหมองศรี
จะหมองเศร้าเปล่าใจไกลบุรีไกลบูรินธานีกลับพลัดพราย
กลับพลัดพรากจากเขนยเคยสถิตเคยบรรทมอยู่เป็นนิตย์จะเสื่อมหาย
จะแสนโหยโดยดิ้นสันโดษดายสันโดษเดียวเปลี่ยวกายระกำใจ
ระกำจิตคิดขึ้นมาก็สาจิตก็สาใจที่ไม่คิดจะทำไฉน
ฉะนั้นท่านจึ่งทำให้หนำใจจะอยู่ไปเป็นกายก็อายคน
ครองชีพอยู่รู้ถึงไหนก็อายทั่วเพราะว่าตัวต้องกำจัดมาเดินหน
จะครองชีพอยู่ไปก็อายคนนฤมลโศกซบสลบไป ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว