โคบุตร
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี) |
(→ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย) |
||
แถว 592: | แถว 592: | ||
===ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย=== | ===ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย=== | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | ๏ | + | ๏ ฝ่ายคนธรรพ์กับพวกวิชาธร เหาะเร่ร่อนคอยระวังนารีผล |
+ | เห็นพี่น้องสององค์ในอำพน แต่ละตนเดือดดาลทะยานใจ | ||
+ | ด้วยหวงแหนแค้นเคืองเป็นที่สุด เหม่มนุษย์สองรามาแต่ไหน | ||
+ | แกว่งพระขรรค์หันเหาะระเห็จไป ทะลวงไล่บุกบั่นกระชั้นมา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรหยุดถอดเอาแหวนก้อย ให้น้องน้อยใส่นิ้วพระหัตถา | ||
+ | เข้าโจมจับกับพวกวิทยา เสียงศาสตรากริ่งกร่างกลางอัมพร | ||
+ | ชิงพระขรรค์ฟันฟาดเสียงฉาดฉับ ศีรษะพับตกผางกลางสิงขร | ||
+ | ที่เหลือตายรายรอบเข้าราญรอน วิชาธรล้อมกลุ้มเข้ารุมองค์ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระรบรับจับมารแล้วโยนขว้าง เสียงผึงผางถูกเพื่อนเป็นผุยผง | ||
+ | ด้วยกำลังยั่งยืนกลางณรงค์ ดังครุฑยงเหยียบพญาวาสุกรี | ||
+ | วิชาธรอ่อนฤทธิ์ไม่อาจรบ น้อยกำลังหลีกหลบเอาตัวหนี | ||
+ | ที่วอดวายตายกลาดธรณี ที่หลบลี้หลีกลอดก็รอดตาย | ||
+ | พระพี่น้องสองราพากันเหาะ ลงจำเพาะเขาใหญ่เหมือนใจหมาย | ||
+ | เห็นซากศพวิทยาบรรดาตาย ทั้งกรกายขาดพลัดกระจัดกัน | ||
+ | หวนพระทัยใจจิตคิดสังเวช แสนสมเพชวิทยาที่อาสัญ | ||
+ | อ้ายเหล่านี้ไม่พอที่ทำดุดัน พระพูดกันพี่น้องทั้งสองรา | ||
+ | จะชุบชีวิตไว้พอหายหลาบ อย่าเป็นบาปติดกายไปภายหน้า | ||
+ | ดำริพลางทางหยิบเอายามา กุมาราเคี้ยวพ่นทุกคนไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ วิชาธรรอดตายขึ้นไหว้กราบ ศิโรราบหมอบเรียงเคียงไสว | ||
+ | ยอมถวายกายเป็นเช่นข้าไท จะอยู่ใกล้บาทบงสุ์พระทรงธรรม์ | ||
+ | ข้าขอถามนามวงศ์พระทรงเดช จากประเทศมาไยในไพรสัณฑ์ | ||
+ | ฤทธิรงค์นี่กระไรดังไฟกัลป์ ใครไม่ทันเทีียมศักดิ์ทั้งจักรวาล ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระฟังพวกวิทยาสามิภักดิ์ จึ่งประจักษ์เล่าแจ้งแถลงสาร | ||
+ | เราพี่น้องสองราปรีชาชาญ นึกสำราญเที่ยวเล่นอรัญวา | ||
+ | นั่นโฉมงามนามชื่ออรุณน้อง อันตัวของเรานี้เป็นเชษฐา | ||
+ | ชื่อโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดา นี่ท่านมาทำไมในไพรวัน | ||
+ | ผูกชฎาอาภรณ์ล้วนหนังเสือ หรือชาติเชื้อชาวป่าพนาสัณฑ์ | ||
+ | วิชาธรกรประนมบังคมคัล กระหม่อมฉันพวกข้าวิชาธร | ||
+ | อันพฤกษาต้นนี้นารีผล ออกเป็นคนได้ชมสมสมร | ||
+ | สำหรับชมชั่วประถมพุทธันดร ไปกอดนอนชมเล่นเหมือนเช่นคน | ||
+ | จึงสามารถอาจหาญเพราะแสนหวง กลัวจะช่วงชิงนางนารีผล | ||
+ | พระยกโทษโปรดไว้ไม่วายชนม์ ทั้งร้อยคนจะเป็นข้าพยาบาล | ||
+ | เชิญพระไปชมป่าพนาเวศ มีประเทศหนึ่งโตรโหฐาน | ||
+ | ทั้งธารน้ำถ้ำแก้วอลังการ แสนสำราญรุกขชาติสะอาดครัน | ||
+ | เป็นปิ่นเทพนิกรกินรนาฎ มาประพาสแสนสุขเกษมสันต์ | ||
+ | เป็นเวรเวียนเปลี่ยนกันมาในอารัญ ทั้งสุบรรณครุฑาวาสุกรี | ||
+ | จะนำเสด็จสององค์พระทรงเดช ไปทอดพระเนตรพนมคิรีศรี | ||
+ | สองพระองค์ทรงฟังก็เปรมปรีดิ์ เออท่านดีแล้วจงพาเราคลาไคล | ||
+ | พระชวนองค์น้องชายสายสมร วิชาธรพรั่งพร้อมล้อมไสว | ||
+ | ต่างสำแดงศักดาเหาะคลาไคล นำตรงไปมรกตคิรีวัน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระพี่น้องชมป่าพฤกษาสัตว์ ตามจังหวัดราวป่าพนาสัณฑ์ | ||
+ | บรรลุถึงเขาเขินเนินอรัญ ก็พากันเหาะตรงลงคิรี ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จะกล่าวถึงเทพไทในไกรลาส กินรนาฏนางฟ้าทุกราศี | ||
+ | ถึงเวลาก็พากันจรลี ลงเล่นโบกขรณีในไพรวัน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์อดิศร ก็ชวนพวกวิชาธรระเห็จหัน | ||
+ | ลงเล่นน้ำสำราญพระทัยครัน เกษมสัีนต์รื่นเริงบันเทิงใจ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายฝูงนางเทพอัปสรบ้างขับขาน เป็นกังวานก้องเสียงสำเนียงใส | ||
+ | พอเวลาสายัณห์ลงไรไร เทพไทกลับหลังยังวิมาน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพระโคบุตรกับนุชน้อง สั่งพวกพ้องวิทยาศักดาหาญ | ||
+ | ท่านจงอยู่อย่าเป็นทุกข์สุขสำราญ ไปถิ่นฐานที่สถิตแต่ก่อนมา | ||
+ | เราพี่น้องจะไปชมพนาเวศ สีขเรศถ้ำเขาลำเนาผา | ||
+ | วิชาธรได้ฟังหลั่งน้ำตา ต่างกอดบาทบาทาเข้าร่ำไร | ||
+ | ด้วยจงรักภักดีมีพระเดช ชลเนตรแถวถั่งลงหลั่งไหล | ||
+ | แล้วทูลว่าจะเดินทางในกลางไพร พระอย่าไปทางทิศบูรพา | ||
+ | ประกอบด้วยยักขินีผีเสื้อน้ำ เลิศล้ำฤทธิแรงกำแหงกล้า | ||
+ | ทั้งร้ายกาจสามารถด้วยมารยา จะเดินป่าระวังองค์ให้จงดี | ||
+ | ต่างอวยพรให้องค์พงศ์ฺนเรศ จงเรืองเดชฤทธิไกรชาญชัยศรี | ||
+ | แล้วพากันเหาะเหขึ้นเมฆี กลับไปที่ถาวรเหมือนก่อนมา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรสุริยงดำรงฤทธิ์ สำราญจิตเกษมสันต์ยิ่งหรรษา | ||
+ | แล้วเชิญชวนโฉมยงองค์นุชา จากเนินผาแล้วระเห็จเสด็จไป | ||
+ | ไปตามทางข้างทิศบูรพา ที่บิดาบอกทิศหนทางให้ | ||
+ | ทั้งสององค์ลอยฟ้ามาไรไร เกือบจะใกล้พระสมุทรแลสุดตา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จะกล่าวถึงอสุรีอันมีฤทธิ์ นามประสิทธิ์หัศกัณฐมัจฉา | ||
+ | ตัวเป็นยักษ์พื้นล่างเป็นหางปลา ทั้งกายาโตพียี่สิบกร | ||
+ | มีแว่นแคว้นแดนยาวสิบเก้าโยชน์ ตัวเป็นโสดยศยิ่งในสิงขร | ||
+ | พระสยมภูวญาณประทานพร ใครราญรอนราพณ์ร้ายไม่วายปราณ | ||
+ | ออกจากถ้ำสำราญชื่นบานจิต คะนึงคิดจะไปหาภักษาหาร | ||
+ | ด้วยอดสัตว์มัจฉามาช้านาน จากสถานเที่ยวมาในวารี ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรสุริยาพาพระน้อง เที่ยวเลื่อนล่องลอยฟ้าในราศี | ||
+ | ถึงฟากฝั่งยมนาท่านที เห็นยักษีว่ายวงในคงคา | ||
+ | ดูน่ากลัวตัวพักตร์เป็นยักษ์ใหญ่ หางนั้นไซร้กลายเป็นเช่นมัจฉา | ||
+ | ไม่เคยเห็นดูอนาถประหลาดตา ชวนน้องยาแลดูอสุรี | ||
+ | หางนั้นเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ ดูโตนักเทียมเท่าคิรีศรี | ||
+ | ทั้งสองสรวลสุขเกษมต่างเปรมปรีดิ์ ดูยักษีเวียนวงในคงคา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ หัศกัณฐ์แหวกว่ายมาในน้ำ เที่ยวผุดดำวารินกินมัจฉา | ||
+ | เห็นมนุษย์พี่น้องทั้งสองรา มันโกรธาโกรธนักดังอัคคี | ||
+ | สิงหนาทผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี | ||
+ | หมายเขม้นเข่นฆ่าเข้าราวี อสุรีถาโถมกระโจมมา | ||
+ | ยี่สิบหัตถ์รัดรวบพระทรงฤทธิ์ หมายให้คิดอยู่ในมือของยักษา | ||
+ | พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดา พระกรคว้ากอดน้องประคองไว้ | ||
+ | พระหัตถ์ขวาถอดธำมรงค์ขว้าง หมายจะล้างขุนยักษ์ให้ตักษัย | ||
+ | ถูกมารร้ายกายกรเป็นท่อนไป โลหิตไหลโซมลงในคงคา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ อสุรินทร์มิได้สิ้นชีวาวาตม์ ด้วยอำนาจเจ้าดาวดึงส์ไตรตรึงษา | ||
+ | พลางอ่านเวทแสนประสิทธิ์วิทยา กลับเป็นมาเจ็ดตนเหลือทนทาน | ||
+ | เข้าโลดโผนโจนจับสัประยุทธ์ ท้องสมุทรเป็นระลอกกระฉอกฉาน | ||
+ | พระโคบุตรหยุดถอดเอาสังวาล ขว้างประหารมารร้ายก็วายชนม์ | ||
+ | สังวาลกลับเข้าองค์พระทรงศักดิ์ ประเดี๋ยวยักษ์เป็นกลับขึ้นสับสน | ||
+ | มันตายหนึ่งกลับเกิดขึ้นเจ็ดตน เป็นยี่สิบเก้าคนเข้าชิงชัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรนิ่งคิดผิดประหลาด สะดุ้งหวาดจิตพรั่นคิดหวั่นไหว | ||
+ | อันเทพสาตรานี้เกรียงไกร สังหารใครตายแล้วไม่กลับมา | ||
+ | ไฉนหนอไอ้นี่จึ่งมีฤทธิ์ ยิ่งม้วยมิดกลับเป็นขึ้นหนักหนา | ||
+ | พระขว้างซ้ำไปต้องอสุรา พวกยักษาเกิดมากกว่าหมื่นพัน | ||
+ | จนสิ้นเครื่องประดับองค์พระโฉมฉาย พวกมารร้ายชีวาไม่อาสัญ | ||
+ | ยักษ์พิโรธโกรธใจดังไฟกัลป์ ต่างประจัญโถมไล่กันไปมา | ||
+ | กำลังองค์ทรงเดชเจ็ดช้างสาร พญามารสิทธิศักดิ์ฤทธิ์หนักหนา | ||
+ | ครั้นฆ่าตายมารร้ายกลับมากมา อสุรากลาดกลุ้มเข้ารุมรัน | ||
+ | เสียงพิลึกครึกครื้นเป็นคลื่นซัด วายุพัดหอบหวนอยู่ป่วนปั่น | ||
+ | ยักษาจะจับองค์พระทรงธรรม์ ด้วยเครื่องทรงป้องกันพระกายา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ จะกล่าวถึงเทพไทอยู่ใกล้สมุทร สงสารพระโคบุตรเป็นหนักหนา | ||
+ | สิ้นกำลังพลั้งพลาดจะอัปรา ด้วยยักษาพวกนั้นมันมากมาย | ||
+ | องค์เทเวศร์แปลงเพศให้ผิดผัน เป็นแมงวันบินมาบอกพระโฉมฉาย | ||
+ | ว่ายักษ์นี้มันเลิศประเสริฐชาย มนุษย์ฆ่ามันไม่ตายอย่าสงกา | ||
+ | มันได้พรพระอิศวรผู้ทรงเดช ถ้าแจ้งเหตุแล้วจงจำคำเราว่า | ||
+ | เร่งไปหาพญากระบี่มา อยู่ที่เขาหิมวากลางพงไพร | ||
+ | เป็นเชื้อชาติสัตว์ป่าพนาเวศ เขาเรืองเดชฆ่ายักษ์จึงตักษัย | ||
+ | ครั้นบอกแล้วเทวาก็คลาไคล รีบคืนไปกลับหลังยังวิมาน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ผู้่ทรงเดช ครั้นแจ้งเหตุเทวามาว่าขาน | ||
+ | จึ่งปลดเปลื้องเครื่องทรงสร้อยสังวาล พิษฐานขว้างไปมิได้ช้า | ||
+ | เป็นฝูงเทพเทวาออกดาดาษ ดูเกลื่อนกลาดทั่วไปในเวหา | ||
+ | ถือพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธา กุมาราร้องสั่งไปทันที | ||
+ | ว่าดูก่อนฝูงเทพเทเวศร์ จงอยู่รอต่อเดชกับยักษี | ||
+ | พระตรัสพลางชวนน้องจรลี รีบเหาะหนีเข้าป่าพนาลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายองค์ท้าวหัศกัณฐมัจฉา เห็นฝูงเทพเทวาอยู่ไสว | ||
+ | มนุษย์นั้นหลบลี้หลีกหนีไป ก็กริ้วโกรธดังไฟประลัยกัลป์ | ||
+ | จึงร้องว่าเหวยเหวยเทวราช ทำองอาจไม่กลัวจะอาสัญ | ||
+ | ไยมารับรบรุกทำบุกบัน เข้าป้องกันสองมนุษย์ให้หนีไป | ||
+ | แต่ก่อนมิเคยอวดศักดิ์มาหักหาญ กูจะผลาญชีพวิบัติให้ตัดษัย | ||
+ | สิ้นทั้งหมดเมืองฟ้าสุราลัย ให้ฝูงปลาน้อยใหญ่กินเสียพลัน | ||
+ | ว่าพลางต่างแผลงสำแดงฤทธิ์ เข้าต่อติดตามตีขมีขมัน | ||
+ | บ้างหักโหมโรมรุกไล่บุกบัน ฝูงเทวัญกายสิทธิ์ฤทธิรอน | ||
+ | ยิ่งตายยิ่งเป็นขึ้นเกลื่อนกล่น เข้าประจญต้านต่อไม่ย่อหย่อน | ||
+ | เสียงสนั่นลั่นฟ้าริมสาคร กายสิทธิ์ต่อกรไม่พลาดพลั้ง ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์องค์เชษฐา ทั้งสองรารีบไปเหมือนใจหวัง | ||
+ | เหาะข้ามพระสมุทรไม่หยุดยั้ง ก็ถึงฝั่งฟากทะเลชโลทร | ||
+ | ครั้นมาถึงที่เขาเหมราช สูงผงาดเงื้อมตลอดยอดสิงขร | ||
+ | เห็นพวกพลโยธาล้วนวานร อยู่ริมฝั่งสาครนั้นมากมี | ||
+ | แต่พญาวานรเป็นเผือกผู้ เข้านั่งอยู่ท่ามกลางกระบี่ศรี | ||
+ | ทั้งสององค์เหาะลงเนินคีรี เฉพาะหน้าขุนกระบี่แล้วเดินมา | ||
+ | พวกลิงไพรแลไปเห็นมนุษย์ อุตลุดต่างยืนขึ้นพร้อมหน้า | ||
+ | บ้างสำแดงแผลงฤทธิ์ไล่ติดมา จะโจมเข้าเข่นฆ่าสองกุมาร | ||
+ | พระโคบุตรโบกพระหัตถ์แล้วตรัสห้าม ปราศรัยถามด้วยสุนทรคำอ่อนหวาน | ||
+ | เรามิใช่ไพรีมารบราญ จะสมานรักใคร่เป็นไมตรี | ||
+ | ตัวเจ้าเป็นชาวป่าพนาเวศ อยู่ประเทศเขตเขาคิรีศรี | ||
+ | จะแจ้งความตามข้อคดีมี ขุนกระบี่ตนใดนั้นเป็นนาย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ที่เผือกผู้ สถิตอยู่กลางพหลพลทั้งหลาย | ||
+ | จึ่งร้องตอบข้อความตามภิปราย เราเป็นนายวานรสัญจรไพร | ||
+ | ตัวท่านนี้เป็นมนุษย์หรือเทเวศร์ มาแต่เขตแห่งหนตำบลไหน | ||
+ | ทั้งสององค์จะประสงค์สิ่งอันใด จงบอกให้เราแจ้งแห่งคดี ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรหยุดยั้งได้ฟังถาม จึงตอบความกับพญากระบี่ศรี | ||
+ | เราเป็นจอมจักรพรรดิสวัสดี จากบูรีพรหมทัตกษัตรา | ||
+ | มาเที่ยวชมพนมพนาสณฑ์ ถึงวังวนผ่อนพักพบยักษา | ||
+ | อสุรีศักดิ์สิทธิ์มีฤทธา หางเป็นปลาหน้าเป็นอสุรี | ||
+ | แต่เราฆ่ายักษ์ตายถึงเจ็ดหน ครั้นตายตนหนึ่งเกิดเจ็ดยักษี | ||
+ | ฝูงเทพเทวานั้นปรานี บอกว่ายักษีได้พรชัีย | ||
+ | พระอิศวรทูลกระหม่อมจอมมงกุฎ แม้นมนุษย์เข่นฆ่าหาตายไม่ | ||
+ | เทพเจ้าชี้แจงให้แจ้งใจ ว่าตัวท่านอยู่ในหิมวา | ||
+ | เป็นชาติเชื้อขุนกระบี่อันมีศักดิ์ จึ่งจะล้างขุนยักษ์ให้สังขาร์ | ||
+ | เราตั้งใจเจาะจงรีบตรงมา ได้เมตตาเราด้วยไปช่วยกัน ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ได้ยินเหตุ ผิดสังเกตก็ชวนกันสรวลสันต์ | ||
+ | จึ่งร้องตอบวาจามาด้วยพลัน ท่านพูดนั้นไม่จริงยังกริ่งใจ | ||
+ | ซึ่งว่ามีฤทธามาฆ่ายักษ์ เห็นหนักนักเชื่อฟังยังไม่ได้ | ||
+ | มนุษย์น้อยเหมือนฝอยเข้าใส่ไฟ ไม่มีใครเห็นจริงอย่าเจรจา | ||
+ | ถ้ามีฤทธิ์เลิศล้ำดังคำเล่า ฆ่าแต่เราลิงไพรให้สังขาร์ | ||
+ | จะเห็นดีมีฤทธิ์ดังวาจา ท่านจะมาเสี้ยมเขาให้ชนกัน | ||
+ | ว่าพลางทางเรียกพลไพร่ มาจากในแนวป่าพนาสัณฑ์ | ||
+ | สะพรั่งพร้อมล้อมองค์พระทรงธรรม์ ล้วนเข้มขันคึกคักทำศักดา ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรสุริยันไม่หวั่นไหว เห็นลิงไพรพร้อมพรักกันหนักหนา | ||
+ | จึ่งเปลื้องเครื่องรัดองค์อลงการ์ แล้วร้องว่าดูก่อนวานรไพร | ||
+ | เอ็งเป็นแต่เพียงสัตว์เดียรัจฉาน ทำโวหารไม่มีอัชฌาสัย | ||
+ | กูเป็นจอมจักรพงศ์อันทรงชัย จะรบกับลิงไพรไม่ต้องการ | ||
+ | อยากเห็นฤทธิ์หรือไรจะให้รู้ กำลังกูถึงเจ็ดเท่าช้างสาร | ||
+ | จะทำไว้แต่พอให้ประมาณ ไอ้สาธารณ์อวดกำลังอหังการ์ | ||
+ | ว่าพลางทางทิ้งเทพอาวุธ กลายเป็นภุชงค์ใหญ่ล้วนใจกล้า | ||
+ | สักหมื่นแสนแน่นทั่วบรรพตา เข้าไล่มัดลิงป่าพัลวัน | ||
+ | เสียงครึกครื้นตื่นเต้นทั้งไพรชัฏ พวกลิงกัดนาคกอดสอดกระสัน | ||
+ | นาครัดลิงวิ่งร้องก้องอารัญ เข้าไล่พันมัดพหลพลวานร | ||
+ | จะฟาดฟัดกัดทึ้งเข้าดึงฉุด นาคไม่หลุดมัดลิงกลิ้งสลอน | ||
+ | สิ้นกำลังล้มลงในดงดอน พวกวานรร้องขอชีวาวัน | ||
+ | ประทานโทษโปรดเถิดพระทรงฤทธิ์ ขอชีวิตไว้อย่าฆ่าให้อาสัญ | ||
+ | จะเป็นข้าอยู่ในองค์พระทรงธรรม์ กว่าชีวันจะม้วยบรรลัยลาญ ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พระโคบุตรยิ้มเยื้อนเอื้อนพระโอษฐ์ อันที่โทษเอ็งถึงซึ่งสังขาร | ||
+ | แต่ครั้งนี้มิให้ถึงซึ่งวายปราณ แล้วกุมารเรียกรัดพระองค์มา | ||
+ | ครั้นนาคหายคลายทุกข์ลุกขึ้นกราบ ศิโรราบกราบงามลงสามท่า | ||
+ | พญาลิงวิ่งเข้ามาวันทา พระอิศรายกโทษได้โปรดปราน | ||
+ | แต่ปางหลังพลั้งผิดด้วยคิดโกรธ สานุโทษข้าควรจะสังขาร | ||
+ | ขอรองบาทโฉมฉายจนวายปราณ จงประทานโทษผิดที่ติดพัน | ||
+ | ขอทูลความตามจริงทุกสิ่งสิ้น ซึ่งภูมินทร์จะให้ข้าพาผายผัน | ||
+ | ไปเข่นฆ่าหมู่มารชาญฉกรรจ์ ข้าคิดพรั่นศักดาพญามาร | ||
+ | แต่คงจะอาสาฝ่าพระบาท ตามพระราชประสงค์จำนงผลาญ | ||
+ | จนสุดฤทธิ์กว่าชีวิตจะวายปราณ จะคิดอ่านฉันใดในณรงค์ | ||
+ | พระยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสสนอง เราไม่ปองจะให้ท่านเป็นผุยผง | ||
+ | อันเครื่องทิพย์ที่ประดับสำหรับองค์ ฤทธิรงค์แต่ล้วนเทพสาตรา | ||
+ | ด้วยยักษีมีพรประกาศิต มนุษย์ล้างชีวิตไม่สังขาร์ | ||
+ | แม้นหาไม่ไหนจะรอดเป็นอสุรา ไม่พักมากวนท่านให้วุ่นวาย | ||
+ | แม้นท่านไปเรามิได้ให้ลำบาก ต้องเหนื่อยยากเหมือนเขารบกันทั้งหลาย | ||
+ | ไม่เหนื่อยเหน็ดเด็ดได้ด้วยสบาย จะให้นายถือธำมรงค์ไป | ||
+ | เข้าต่อฤทธิ์รุกราชพิฆาตขว้าง คงจะล้างอสุราให้ตักษัย | ||
+ | ถอดธำมรงค์ทรงยื่นให้ทันใด อย่านอนใจการด่วนจวนเวลา | ||
+ | ขุนกระบี่ดีใจเป็นที่สุด รับเอาเทพอาวุธทูนเกศา | ||
+ | แล้วสั่งไพร่ให้อยู่ในหิมวา เชิญเสด็จสองราเหาะทะยาน | ||
+ | คว้างคว้างมาในกลางโพยมมาศ ดังครุฑราชเรี่ยวแรงกำแหงหาญ | ||
+ | รุกขมูลเมืองแมนแดนวิมาน สาธุการพร้อมพรั่งทั้งโลกา | ||
+ | พระพิรุณโปรยปรายพระพายพัด ทุกจังหวัดเทวัญก็หรรษา | ||
+ | เยี่ยมพระแกลแลดูกุมารา ด้วยจะฆ่ายักษ์ตายสบายใจ | ||
+ | พระโคบุตรสุริยากับพานเรศ มาถึงเขตพระสมุทรอันสุดใส | ||
+ | รูปนิรมิตเทวาสุราลัย เข้าลุยไล่รบรุมกับกุมภัณฑ์ | ||
+ | ไม่พลาดเพลี่ยงเสียงระลอกกระฉอกฝั่ง เพียงจะพังโลกาสุธาลั่น | ||
+ | จึ่งเรียกสร้อยเข้าองค์พระทรงธรรม์ ฝูงเทวัญรูปทิพย์ก็หายไป ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ หัศกัณฐมัจฉาพญายักษ์ แลเห็นพักตร์ทรงฤทธิ์คิดสงสัย | ||
+ | เทวราชกลับกลายก็หายไป ยังจำได้แต่พี่น้องสองกุมาร | ||
+ | กับวานรหนึ่งเรียงมาเคียงชิด สำแดงฤทธิ์ร้องประกาศอยู่ฉาดฉาน | ||
+ | เมื่อตะกี้เหาะหนีไปลนลาน ไปชวนอ้ายเดียรัจฉานที่ไหนมา | ||
+ | ทั้งสามคนครึ่งคำไม่พอเคี้ยว ประเดี๋ยวเดียวชีวังจะสังขาร์ | ||
+ | ไม่พอมือครือฤทธิ์อสุรา เท่าขี้ตาก็จะวิ่งมาชิืงชัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ ฝ่ายพญาวานรสุนทรเย้ย ว่าเหวยเหวยยักษาอ้ายหน้าไพร่ | ||
+ | มึงประมาทว่ากูชาติวานรไพร ตัวเองไซร้เป็นอะไรไม่พิศดู | ||
+ | หางมึงเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ ทรลักษณ์อัปยศไม่อดสู | ||
+ | สองพระองค์พงศ์กษัตริย์ฉัตรชมพู จะต่อสู้เสื่อมเสียพระเดชา | ||
+ | กูเป็นข้ารองละอองบาท จะพิฆาตอสุรศักดิ์อ้ายยักษา | ||
+ | จงกราบองค์ทรงฤทธิ์อิศรา จะเมตตาชีวันไม่บรรลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | |||
+ | ๏ พญามารฟังสารแสนพิโรธ ยิ่งกริ้วโกรธกัดฟันอยู่หวั่นไหว | ||
+ | ประกาศก้องรองเหม่อ้ายลิงไพร แต่ก่อนไม่โอหังเหมือนครั้งนี้ | ||
+ | มึงจะให้ใครนั่นไปนอบนบ พลางตลบโลดไล่กระบี่ศรี | ||
+ | ทั้งหมื่นแสนแน่นมาในเมฆี ขุนกระบี่โจนโจมโถมประจัญ | ||
+ | หางกระหวัดปากกัดสองมือกอด เอาเท้าสอดฟาดฟัดสะบัดหัน | ||
+ | ดูกลมกลิ้งลิงกัดฟัดกุมภัณฑ์ ยักษ์ประจัญลิงขบต้นคอวาง | ||
+ | พวกยักษ์ไล่ลิงจับสัประยุทธ์ อุตลุดลิงถีบตกน้ำผาง | ||
+ | จมประดักยักษ์เจ็บลงร้องคราง ลิงไล่ล้างมารร้ายวายชีวา | ||
+ | จนสิ้นรูปกายสิทธิ์ฤทธิเดช จะอ่านเวทไม่ชะงัดด้วยสัตว์ป่า | ||
+ | ยังเหลืออยู่แต่ตัวอสุรา ลิงระอาอ่อนสิ้นกำลังครัน | ||
+ | จึงขว้างเทพธำมรงค์ของทรงศักดิ์ ถูกอกอักอสุราจะอาสัญ | ||
+ | ลงเซทรุดสุดแรงท้าวกุมภัณฑ์ หัศกัณฐ์ตกลงในคงคา | ||
+ | ค่อยกระเดือกเสือกกายเข้าฝั่งสมุทร จะสิ้นสุดสูญชีพสังขาร์ | ||
+ | เลือดชโลมโซมซาบอาบกายา ภาวนาทิพมนต์ประสานกาย | ||
+ | ไม่คืนติดต่อได้เหมือนใจนึก หวนระลึกหวั่นไหวหทัยหาย | ||
+ | ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย โอ้จะตายเสียวันนี้เป็นมั่นคง | ||
+ | ระลึกถึงพรชัยเจ้าไกรลาส ซึ่งประสาทเคยประสิทธิ์ก็พิศวง | ||
+ | มาแพ้ฤทธิ์ลิงไพรในณรงค์ เสียดายทรงฤทธิไกรดังไฟกัลป์ | ||
+ | โอ้เสียดายชลสายกระแสเชี่ยว เคยมาเที่ยวปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
+ | ยามสบายเคยเล่นไม่เว้นวัน ประพาสพรรณมัจฉากุมภาพาล | ||
+ | โอ้นับปีนับเดือนจะเลื่อนลับ มิได้กลับมาชมกระแสสาร | ||
+ | โอ้เสียดายคูหาในบาดาล เคยสำราญเช้าเย็นอยู่เป็นนิตย์ | ||
+ | ยิ่งระลึกนึกไปก็ใจหาย ราพณ์ร้ายโหยหวนรัญจวนจิต | ||
+ | พอสิ้นคำอสุรินทร์สิ้นชีวิต ก็ขาดจิดอยู่ยังฝั่งคงคา ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
===ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต=== | ===ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต=== | ||
<tpoem> | <tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 09:02, 25 มิถุนายน 2553
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
ตอนที่ ๑ กำเนิดโคบุตร
๏ แต่ปางหลังครั้งว่างพระศาสนา | ||||
เป็นปฐมสมมตินิทานมา | ด้วยปัญญายังประวิงทั้งหญิงชาย | |||
ฉันชื่อภู่รู้เรื่องประจักษ์แจ้ง | จึงแสดงคำคิดประดิษฐ์ถวาย | |||
ตามสติริเริ่มเรื่องนิยาย | ให้เพริศพรายพริ้งเพราะเสนาะกลอนฯ | |||
๏ จะร่ำปางนางสวรรค์เสวยสุข | อยู่ปรางค์มุขพิมานสโมสร | |||
เผยพระแกลแลดูแผ่นดินดอน | เห็นไกรสรคลอดลูกในหิมวา | |||
ผลกรรมนำจิตให้พิศวาส | นุชนาฏจะใคร่มีโอรสา | |||
เห็นพระสุริโยทัยเธอไคลคลา | กัลยานึกไปดังใจปอง | |||
แม้นสามีมิได้เหมือนพระอาทิตย์ | ไม่ขอคิดสมสู่เป็นคู่สอง | |||
ผลกรรมจำจากวิมานทอง | นางก็ต้องจุติด้วยใจตน | |||
เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษ | สุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธิ์ | |||
เกิดเป็นรูปนารีนิรมล | กลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร | |||
อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวง | สุดาดวงกำดัดชมสมสมร | |||
จะกล่าวถึงสุริยาทิพากร | เสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา | |||
อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัส | ส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา | |||
พิศเพ่งเล็งแลในโลกา | เห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์ | |||
เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพ | เกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร | |||
จำจะช่วยให้อนงค์คงวิมาน | พระสุริยกาลโสมนัสสวัสดี | |||
จึ่งแบ่งภาคจากรถระเห็จเหาะ | ลงเฉพาะสระใหญ่ในไพรศรี | |||
พระหัตถ์หักปทุมาจากวารี | มานั่งที่ร่มไทรในไพรวัน | |||
คลี่ปทุมอุ้มนางขึ้นวางตัก | แม่ยอดรักปิ่นสุรางค์นางสวรรค์ | |||
กุศลเราเคยสมภิรมย์กัน | บุญจึ่งบันดาลใจให้เจาะจง | |||
พี่พึ่งรู้ว่าเจ้าอยู่ในโกเมศ | จึ่งประเวศติดตามด้วยความประสงค์ | |||
จะช่วยเจ้าเยาวลักษณ์วิไลทรง | ให้คืนคงเมืองฟ้าสุราลัยฯ | |||
๏ ปางยุพินปิ่นเทพอัปสร | ฟังสุนทรสุริยงคิดสงสัย | |||
นางผลักพลางทางแลชำเลืองไป | งามวิไลพูนสวัสดิ์ชัชวาล | |||
ถึงเทพบุตรสุดสิ้นในอากาศ | ไม่ผุดผาดผิวพรรณเทียมสัณฐาน | |||
นางค้อนคมก้มพักตร์แล้วพจมาน | ไม่ควรการช่างไม่เกรงข่มเหงกัน | |||
เทพบุตรภุชงค์หรือวงศ์ยักษ์ | มาหาญหักปทุมมาศขาดสะบั้น | |||
เขาอาศัยได้สบายในบุษบัน | ทำเช่นนั้นช่างไม่คิดอนิจจังฯ | |||
๏ โอ้เจ้าพี่ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาท | นุชนาฏแม่อย่าลืมเนื้อความหลัง | |||
หรือชอบใจอยู่ที่ในอุบลบัง | สมบัติทั้งเมืองฟ้าไม่อาวรณ์ | |||
พี่หรือคือสุริยงดำรงทวีป | ทุเรศรีบมาด้วยการสงสารสมร | |||
จะชูช่วยนางฟ้าสถาวร | พะงางอนนุชน้องอย่าหมองนวล | |||
มานั่งนี่เถิดพี่จะเล่าเรื่อง | แม่เนื้อเหลืองนพรัตน์กำดัดสงวน | |||
พลางประโลมโฉมนางไม่ห่างนวล | หอมรัญจวนเกสรขจรจายฯ | |||
๏ สาวสวรรค์ครั้นสดับอภิวาท | สุดสวาทแสนรักพระสุริย์ฉาย | |||
แต่มารยาทกษัตรีทำทีอาย | ค้อนชม้ายตอบสนองทำนองใน | |||
ถึงดินฟ้าสาครภูเขาขุน | เมื่อสิ้นบุญถึงกรรมทำไฉน | |||
แต่ชาติก่อนใครห่อนประจักษ์ใจ | ระลึกได้หรือจะรู้ในเรื่องราว | |||
ซึ่งโปรดน้องจะให้ครองวิมานสวรรค์ | พระคุณนั้นล้ำฟ้าเวหาหาว | |||
มิได้สนองครองคุณให้สิ้นคราว | ด้วยเปลี่ยวเปล่าเอ้องค์ในดงแดนฯ | |||
๏ แสนเสนาะเพราะล้ำหนอน้ำเสียง | ช่างกล่าวเกลี้ยงเชิงฉลาดนั้นเหลือแสน | |||
พี่เมตตาจะช่วยพาไปเมืองแมน | ถึงมิแทนคุณได้เป็นไรมี | |||
เหมือนมัจฉาสาครเป็นที่พึ่ง | บุญแล้วจึ่งได้พบประสบศรี | |||
ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดี | ถึงแม้นมีสิ่งของไม่ต้องการ | |||
นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์วิไลศรี | เสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน | |||
อย่าพูดนักชักเยิ่นให้เนิ่นนาน | จะเสียการไมตรีที่เรียมวอน | |||
จงแย้มเยื้อนเบือนพักตร์รับรักบ้าง | ประโลมนางแนบกายสายสมร | |||
แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธร | พระกางกรประดิพัทธ์วัจนา | |||
อัศจรรย์บรรดาสาคเรศ | อรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤกษา | |||
เทพทั้งตั้งโห่เป็นโกลา | สนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง | |||
บรรดาฝูงเทพาวลาหก | ก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง | |||
อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆัง | ด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์ | |||
สมสนิทพิศวาสนางสวรรค์ | เกษมสันต์สบเชิงละเลิงหลง | |||
แบ่งกำลังตั้งครรภ์ให้โฉมยง | แล้วเอื้อนโองการตรัสกับกัลยา | |||
อีกเจ็ดวันขวัญเข้าเจ้าคลอดบุตร | เจ้าจะจุติไปสวรรค์ด้วยหรรษา | |||
พี่อยู่ด้วยเจ้าไม่ได้ต้องไคลคลา | ถึงเวลาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุทอง | |||
จะเร่งรีบไปทวีปข้างโน้นแล้ว | แม่ดวงแก้วนพเก้าอย่าเศร้าหมอง | |||
กลับชมพูจะมาอยู่ด้วยนวลละออง | แม่อย่าหมองอารมณ์อยู่ร่มไทร | |||
ประโลมลูบจูบสั่งสายสวาท | จะนิราศแรมมิตรพิสมัย | |||
ด้วยร้างรักหักจิตไปจำไกล | คืนเวไชยันต์ถาวรเหมือนก่อนมา | |||
เลี้ยวพระเมรุเผ่นเยี่ยมอุดรทวีป | ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา | |||
สาวสวรรค์สร้อยเศร้าเปล่าอุรา | พระสุริยาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุธร | |||
สันโดษเดียวเปลี่ยวร่างอยู่กลางเถื่อน | ไม่มีเพื่อนสาวสุรางค์นางอัปสร | |||
ยินสำเนียงปักษาทิชากร | ดวงสมรวังเวงวิเวกใจฯ | |||
๏ ฝ่ายพระสุริยงผู้ทรงรถ | เที่ยวเลี้ยวรถส่องสัตว์จำรัสไข | |||
ส่องตรีภพจบทวีปแล้วรีบไป | สว่างในภพโลกชมพูพลัน | |||
ระลึกถึงโฉมงามทรามสวาท | ออกจากราชรถชัยลงไพรสัณฑ์ | |||
ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกัน | เกษมสันต์พิศวาสไม่คลาดคลาย | |||
แต่เช้ามาสายัณห์แล้วคืนกลับ | กำหนดนับเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย | |||
ยุพาพินสิ้นกรรมประจำกาย | จะคลอดสายสุดที่รักโอรสนาง | |||
พอรุ่งแสงสุริยาพระอาทิตย์ | มานั่งชิดโลมน้องอย่าหมองหมาง | |||
สงสารนวลป่วนปั่นพระครรภ์คราง | นาภีนางเพียงจะพังประทังทน | |||
บรรดาเทพธิดาลงมาพร้อม | เข้าแวดล้อมอรไทในไพรสณฑ์ | |||
บ้างนวดครรภ์ผันแปรให้นิรมล | พระสุริยนเคียงน้องประคององค์ | |||
ถึงยามปลอดนางคลอดโอรสราช | เสียงพิณพาทย์ก้องฟ้าป่าระหง | |||
เป็นชายเหมือนพระอาทิตย์ไม่ผิดทรง | สำอางค์องค์นวลละอองดังทองทา | |||
สาวสวรรค์รับขวัญโอรสรัก | พิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยหา | |||
นางกางกรช้อนอุ้มกุมารา | เจ้าเกิดมามิได้อยู่ด้วยแม่แล้ว | |||
ไม่เห็นใครที่จะให้นมเสวย | เจ้าแม่เอ๋ยสุดอาลัยนะลูกแก้ว | |||
เจ้าอยู่เถิดมารดาจะลาแล้ว | กอดลูกแก้วโศกาด้วยอาลัย | |||
แล้วก้มกราบสุริยันรำพันสั่ง | พระระวังลูกยาในป่าใหญ่ | |||
พอสิ้นสั่งสุดสวาทก็ขาดใจ | กลับคืนไปสู่สวรรค์ชั้นวิมานฯ | |||
๏ ปางพระสุริย์ใสวิไลลบ | ให้ปรารภด้วยบุตรสุดสงสาร | |||
ไม่เห็นใครที่จะได้พยาบาล | พระสุริยกาลกอดบุตรเข้าโศกา | |||
แล้วผันแปรแลไปเห็นไกรสร | แม่ลูกอ่อนสถิตอยู่ในคูหา | |||
พระอุ้มโอรสราชแล้วยาตรา | ถึงพญาสิงหราชประกาศพลัน | |||
ว่าดูราราชสีห์อันมีศักดิ์ | โอรสรักเราเกิดในไพรสัณฑ์ | |||
กำพร้าแม่แต่คลอดออกจากครรภ์ | จะให้ท่านเลี้ยงไว้ดังใจจง | |||
เป็นบิดามารดาของทารก | เราจะยกให้ตามความประสงค์ | |||
เวลาจวนเราจะด่วนไปอัสดง | ต่อนานนานจึงจะลงมาเชยชมฯ | |||
๏ ราชสีห์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | บังคมคัลพระอาทิตย์อิศยม | |||
ไว้ธุระสิงหราอย่าปรารมภ์ | จะส่งนมเลี้ยงดูให้อยู่เย็น | |||
แม้นโตใหญ่ได้พึ่งซึ่งพระเดช | ช่วยปกเกศราชสีห์ไม่มีเข็ญ | |||
อันลูกข้าทารกแม้นอยู่เย็น | จะได้เป็นข้าไทเหมือนใจปอง | |||
พระสุริยงทรงฟังไกรสรสัตว์ | โสมนัสยินดีไม่มีสอง | |||
ส่งลูกให้สิงหราน้ำตานอง | อวยพรสองราชสีห์อย่ามีภัย | |||
พระกอดจูบลูกยาน้ำตาหยด | อุ้มโอรสเศร้าสร้อยละห้อยไห้ | |||
พระสงสารราชบุตรสุดอาลัย | แล้วลาไกรสรไปเวไชยันต์ฯ | |||
๏ ราชสีห์มีจิตพิศวาส | ด้วยองค์ราชโอรสพระสุริย์ฉัน | |||
รักเสมอลูกยาไม่อาธรรม์ | เกษมสันต์อยู่ในถ้ำอันอำไพ | |||
กุมาราชันษาได้สิบทัศ | งามจำรัสเหมือนองค์พระสุริย์ใส | |||
กำลังเจ็ดช้างสารอันชาญชัย | เพราะว่าได้กินนมนางสิงหราฯ | |||
๏ จะกล่าวถึงพระอาทิตย์บิตุเรศ | พูนเทวษคิดถึงโอรสา | |||
เสด็จจากรถชัยแล้วไคลคลา | ถึงคูหาถ้ำแก้วอันแพรวพราย | |||
เห็นโอรสลดองค์ลงโอบอุ้ม | ประจงจุมพิตพักตร์พระโฉมฉาย | |||
พระโลมลูบรับขวัญบรรยาย | โอ้พ่อสายสุดที่รักของบิดร | |||
พ่อมิได้อยู่เลี้ยงไว้เคียงพักตร์ | เอาลูกรักฝากไว้กับไกรสร | |||
ชนนีนางฟ้าสถาวร | นั้นม้วยมรณ์แต่เจ้าคลอดออกจากครรภ์ | |||
พระกุมารฟังสารให้สงสัย | จึงถามไถ่ราชสีห์ขมีขมัน | |||
ไกรสรเล่าความหลังให้ฟังพลัน | แจ้งสำคัญพระอาทิตย์เป็นบิดา | |||
ศิโรราบกราบบาทบิตุเรศ | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา | |||
พระสุริยันกันแสงด้วยลูกยา | ทั้งสามสัตว์สิงหราก็โศกี | |||
ครั้นเคลื่อนคลายวายโศกกันแสงศัลย์ | พระสุริยันตรัสประภาษกับราชสีห์ | |||
จะให้นามตามวงศ์สวัสดี | แทรกชนกชนนีเข้าในนาม | |||
ชื่อโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ | จงประสิทธิ์แก่กุมารชาญสนาม | |||
ทั้งตรีโลกโลกาสง่างาม | เจริญความเกียรติยศปรากฏครันฯ | |||
๏ พระอาทิตย์นิรมิตเครื่องประดับ | ให้เสร็จสรรพล้วนเทพรังสรรค์ | |||
เป็นเครื่องทิพสาตราสารพัน | ให้ป้องกันอยู่ในกายกุมารา | |||
รณรงค์คงทนด้วยกายสิทธิ์ | พระอาทิตย์จึ่งสั่งโอรสา | |||
อันเครื่องทรงที่ในองค์พระลูกยา | ล้วนเทพสาตราอันเกรียงไกร | |||
จะรบราญรณรงค์เข้ายงยุทธ์ | ไม่พักหาอาวุธอย่าสงสัย | |||
เครื่องประดับรับรบอรินทร์ภัย | เหาะเหินได้รุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง | |||
จงคิดอ่านไปผ่านพิภพโลก | มาวิโยคอยู่ไยในไพรระหง | |||
สิงหราชชาติเชื้อเขาชาวดง | เจ้าเป็นพงศ์จักรพรรดิสวัสดี | |||
พ่อจะบอกมรคาไปหาคู่ | นางนั้นอยู่บูรพาพาราณสี | |||
จงลาแม่ลาพ่อจรลี | ถ้าได้ดีแล้วจงกลับมารับกัน | |||
แม้นเคืองเข็ญจงคิดถึงบิตุเรศ | ถ้าแจ้งเหตุจะมาช่วยอย่าโศกศัลย์ | |||
พระกอดจูบลูกยาเฝ้าจาบัลย์ | พระรำพันร่ำไรแล้วให้พร | |||
พ่อจะลาแก้วตาไปส่องโลก | อย่าแสนโศกจงสุขสโมสร | |||
ครั้นเสร็จสั่งสิงหราสถาวร | พระทินกรเหาะไปเวไชยันต์ฯ | |||
๏ พระโคบุตรสุริยาน้ำตาไหล | ด้วยอาลัยสุริย์ฉายนั้นผายผัน | |||
ยิ่งแลลับพระบิดายิ่งจาบัลย์ | สะอื้นอั้นกำสรดระทดกายฯ | |||
๏ สิงหราว่ากล่าวเล้าโลมปลอบ | ตามระบอบโศกเศร้าบรรเทาหาย | |||
พระโคบุตรสุดจิตคิดเสียดาย | ค่อยน้อมกายเกศก้มประนมกร | |||
ลูกขอลาชนนีอย่ามีเหตุ | เที่ยวประเวศตามคำพระร่ำสอน | |||
ว่าคู่สร้างนางอยู่ในสาคร | พเนจรไปในป่าพนาวัน | |||
แม้นบุญช่วยได้สมอารมณ์คิด | ให้ต้องจิตดังคำพระสุริย์ฉัน | |||
กุศลส่งคงพบประสบกัน | ครองเขตขัณฑ์ได้คู่อยู่สำราญ | |||
ถึงลูกไปใช่จะลืมพระคุณแม่ | ถ้าเว้นแต่ชีวังสิ้นสังขาร | |||
แม้นบุญส่งคงสบายไม่วายปราณ | จะเวียนมามัสการพระมารดาฯ | |||
๏ ราชสีห์สุดที่จะทานทัด | กลัวจะขัดเคืองลูกเสน่หา | |||
จึงอวยพรสั่งสอนกุมารา | แล้วให้ยาล้ำเลิศประเสริฐครัน | |||
ถ้าเคี้ยวพ่นคนตายแล้วคลายรอด | ไม่ม้วยมอดมรณาชีวาสัญ | |||
พระรับยาอาลัยใจผูกพัน | กันแสงศัลย์กราบบาทสิงหราฯ | |||
๏ โอ้แม่เจ้าคราวนี้จะนานแล้ว | จงอยู่ครองห้องแก้วถ้ำคูหา | |||
ไม่ปลดปลงลูกคงจะกลับมา | แล้วอำลาราชสีห์ผู้พี่ชาย | |||
ตั้งอารมณ์ข่มใจอาลัยรัก | ค่อยหาญหักอาดูรให้สูญหาย | |||
เสด็จจากห้องแก้วอันแพรวพราย | พระทัยหายกลับมาโศกาลัย | |||
เป็นหลายครั้งตั้งร่ำรำพันรัก | แล้วหวนหักเสน่หาน้ำตาไหล | |||
พระชุบเช็ดชลนาด้วยอาลัย | แล้วหักใจจำทิศพระบิดา | |||
เหาะละลิ่วปลิวคว้างมากลางเมฆ | ลอยวิเวกมาในท้องพระเวหา | |||
พระลอยลมแลชมอรัญวา | ประมาณมาหลายคืนชื่นอารมณ์ฯ | |||
ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน
๏ จะกล่าวถึงขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ | พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม | ||
ครองพาราณสีบุรีรมย์ | มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี | ||
มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศ | เสวยราชสมบัติเกษมศรี | ||
มีพระราชธิดาล้ำนารี | ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์ | ||
มีพระราชกุมารเสน่หา | อนุชาน้องถัดนวลหง | ||
ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์ | ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน | ||
พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ | กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์ | ||
บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน | สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย | ||
ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต | ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย | ||
เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย | เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี | ||
คิดการศึกนึกจะเป็นกษัตริย์ | ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี | ||
ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี | ได้แทนที่พรหมทัตกษัตรา | ||
จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง | ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา | ||
ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา | เครื่องสาตราครบถ้วนแลทวนแทง | ||
ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก | อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง | ||
เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง | จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน | ||
จับกษัตริย์ตัดเศียรสิ้น ชีวิต | ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้ | ||
จับพวกเหล่าสาวสรรค์ กำนัลใน | มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน | ||
แสน สังเวชนางในใจจะขาด | ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน | ||
ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน | บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ | ||
๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ | สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง | ||
เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์ | นุชนางอุ้มสองกุมารา | ||
แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ | ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา | ||
อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา | แล้วก็พาลูกเลี้ยว เที่ยวเวียนวง | ||
ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด | ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง | ||
เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบ องค์ | กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ | ||
สายสมรสอนสั่งพระลูก แก้ว | พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้ | ||
ทั้ง พี่น้องสองราอย่าอาลัย | พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย | ||
ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว | แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย | ||
พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย | แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี | ||
สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้ | จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี | ||
นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี | พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร | ||
เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก | ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส | ||
รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล | เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี | ||
แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก | นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี | ||
เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี | นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ | ||
น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่ | สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร | ||
กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน | สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน | ||
นางมณีสาครจูงกรน้อง | สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ | ||
เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน | ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา | ||
พ้นทวารบ้านเมืองชำเลือง เหลียว | ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา | ||
เจ้า รีบรัดตัดเนินดำเนินมา | ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด | ||
กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์ | หน่อกษัตริย์สองราน้ำตาไหล | ||
ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป | ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ | ||
๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ | สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน | ||
ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน | ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง | ||
ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ | เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง | ||
แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง | ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ | ||
ให้ค้นหาธิดากรุงกษัตริย์ | จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน | ||
มิได้พบพี่น้องสองกุมาร | ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา | ||
ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์ | สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา | ||
ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา | สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด | ||
ทำโกศทองรองศพสองกษัตริย์ | ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส | ||
เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน | สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ | ||
๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร | ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์ | ||
กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน | ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง | ||
อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก | แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง | ||
สงสารสองทรงศักดิ์ในนครัง | บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย | ||
เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ | เธอเวียนรบตักเตือนให้สรงเสวย | ||
ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย | ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน | ||
เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต | เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์ | ||
เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน | ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล | ||
พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง | จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์ | ||
สิ้นกำลังล้มลงในดงดาน | สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ | ||
๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ | เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง | ||
ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง | สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ | ||
ลมรำพายชายพัดมารึ่นรื่น | ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้ | ||
พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป | โศกาลัยเลียบเดินเนินคีริน | ||
บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด | เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์ | ||
ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน | ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย | ||
ทั้งสององค์นั่งลงกำลังหอบ | พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย | ||
แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย | เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล | ||
พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด | น้องว่ารสโอชาผลาผล | ||
จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล | ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ | ||
พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ | ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ | ||
ได้ยินเสียงพี่ น้องสองกุมาร | ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป | ||
แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด | ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว | ||
แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ | เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา | ||
สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง | ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา | ||
เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา | อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ | ||
ตอนที่ ๓ โคบุตรมาช่วยชุบชีวิตท้าวพรหมทัตและพระมเหสี
๏ พอโคบุตรสุริยาเหาะมาถึง | ได้ยินอึงหวั่นไหวทั้งไพรสณฑ์ | ||
พระลอยแลมาแต่โพยมบน | เห็นสายชลฟุ้งสายกระจายฟอง | ||
สี่ยักษาไล่ทารกอยู่หมกมุ่น | นึกการุญสงสารเจ้าทั้งสอง | ||
พระโถมลงตรงสระปทุมทอง | อุ้มเอาสองกุมารทะยานมา | ||
ยักษ์พิโรธโกรธไล่กระชั้นชิด | พระทรงฤทธิ์หยุดยืนบนยอดผา | ||
โบกพระหัตถ์ตรัสห้ามแล้วถามมา | อสุราโกรธกันด้วยอันใด | ||
ยักษ์ทมิฬยินถามคำรามร้อง | มันจองหองลงชำระในสระใหญ่ | ||
เก็บโกมินกินฝักแล้วหักใบ | เราขัดใจจึ่งจะล้างให้วางวาย ฯ | ||
๏ พระพี่น้องสองเจ้าเล่าความหลัง | เป็นสัจจังข้าพเจ้าเล่าถวาย | ||
ทินกรร้อนรนกระวนกระวาย | มาเห็นสายชลธีก็ดีใจ | ||
ทั้งพี่น้องสององค์ลงกินอาบ | ก็เย็นซาบสรรพางค์ไม่ตักษัย | ||
คิดว่าน้ำสำหรับอยู่กับไพร | ไม่แจ้งใจว่าเจ้าของเขาป้องกัน | ||
จงเอาบุญเจ้าประคุณเอ็นดูด้วย | เหมือนโปรดช่วยลูกกำพร้าจะอาสัญ | ||
พระทรงฟังสังเวชพระทัยครัน | จึงว่ากับกุมภัณฑ์ไปทันความ | ||
นี่แน่นายฝ่ายเด็กไม่รู้แจ้ง | ใช่จะแกล้งมาข่มเหงไม่เกรงขาม | ||
ถึงจะฆ่าทารกไม่ลือนาม | จะถือความไปทำไมไม่ต้องการ ฯ | ||
๏ พวกรากษสโกรธร้องอยู่ก้องกึก | จองหองฮึกเหิมนักทำหักหาญ | ||
มิส่งมามึงจะพากันวายปราณ | มิใช่การของเอ็งไม่เกรงกัน ฯ | ||
๏ พระฟังสารมารร้ายหมายชีวิต | ไม่หวาดจิตปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
จึ่งว่าเหวยอสุราใจอาธรรม์ | เราไม่พรั่นดอกที่ข้อจะต่อตี | ||
พระถอดเทพสังวาลโองการสั่ง | สังวาลระวังพี่น้องทั้งสองศรี | ||
ยักษ์พิโรธโลดไล่เป็นสิงคลี | กระโดดตีตึงตังประดังมา ฯ | ||
๏ พระลองแรงแผลงฤทธิ์เข้ารบรับ | พระหัตถ์จับข้างละสองสี่ยักษา | ||
เผ่นผงาดฟาดผางกลางศิลา | อสุราดิ้นกระเดือกลงเสือกกาย | ||
จึงโอมอ่านอาคมพรหมประสิทธิ์ | ก็เปลื้องปลิดเจ็บปวดนั้นสูญหาย | ||
เข้ากลาดกลุ้มรุมรบอยู่รอบกาย | ดังเสียงสายสุนีลั่นสนั่นดัง | ||
ด้วยเดชะเครื่องประดับสำหรับศึก | แล่นพิลึกโลดไล่ไม่ถอยหลัง | ||
ได้กินนมราชสีห์มีกำลัง | ไม่พลาดพลั้งติดพันประจัญบาน | ||
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงรบ | ไม่หลีกหลบโลดไล่ด้วยใจหาญ | ||
ยักษ์จะจับพี่น้องสองกุมาร | เพราะสังวาลป้องกันไม่อันตราย ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยาวราเดช | เอาธำมรงค์บิตุเรศอันเรืองฉาย | ||
พระหัตถ์ขว้างเป็นแสงประกายพราย | ประหารกายยักษ์ขาดลงดาษดิน | ||
ด้วยฤทธิ์เทพอาวุํธสุดจะแก้ | ไม่หายแผลม้วยมุดสุดถวิล | ||
ราพณ์ร้ายตายกลาดลงดาษดิน | พระนรินทร์เหาะลงเนินคิรี | ||
จึงเรียกสองกุมาราเข้ามาชิด | พลางพินิจพี่น้องทั้งสองศรี | ||
งามเจริญกิริยากุมารี | ดังมณีเมขลาวิไลทรง | ||
ชมกุมารน้องชายก็เฉิดโฉม | งามประโลมดังเทพครรไลหงส์ | ||
ชะรอยเป็นจักรพรรดิขัตติย์วงศ์ | จึงเอื้อนโองการถามเนื้อความไป | ||
นี่แน่น้องสองเจ้าจงเล่าเรื่อง | อยู่บ้านเมืองแห่งหนตำบลไหน | ||
ยังเด็กนักหักหาญมาเดินไพร | บุญเจ้าไม่มรณาพี่มาทัน ฯ | ||
๏ สองกันแสงเล่าความไปตามเรื่อง | ฉันเสียเมืองยากไร้มาไพรสัณฑ์ | ||
มาประสบพบมารชาญฉกรรจ์ | แล้วโศกศัลย์ร่ำไรอยู่ไปมา | ||
พระโปรดช่วยจึงไม่ม้วยชีวาวาตม์ | ขอรองบาทยุคลจนสังขาร์ | ||
ข้าชื่อมณีสาครแต่ก่อนมา | อนุชาชื่ออรุณร่วมท้องกัน ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ใ้ห้สงสาร | ปลอบกุมารว่าอย่าทรงกันแสงศัลย์ | ||
เจ้ายังเด็กพี่็ก็เล็กอยู่ด้วยกัน | ไม่หมายมั่นจะเอามาเป็นข้าไท | ||
จะช่วยน้องให้ได้ครองคืนสถาน | จงสำราญเถิดนะน้องอย่าหมองไหม้ | ||
พี่จะชุบกุมภัณฑ์ที่บรรลัย | จึ่งจะไม่เป็นกรรมประจำกาย | ||
พระหยิบยามาเคี้ยวแล้วเที่ยวพ่น | กุมภัณฑ์พลได้กลิ่นก็กลับหาย | ||
หมอบประนมก้มตัวด้วยกลัวตาย | ต่างถวายอภิวันท์รำพันความ | ||
ขอบพระคุณการุญชุบชีวิต | ได้พูดผิดข้าน้อยนี้หยาบหยาม | ||
ขอรองบาทมุลิกาพยายาม | ไปติดตามกว่าจะสูญสิ้นชีวา | ||
แล้วยักษีสี่นายถวายแก้ว | อันเลิศแล้วเหาะได้ในเวหา | ||
ทั้งสองดวงแต่ล้วนดีมีศักดา | ปรารถนานึกได้ดังใจจง ฯ | ||
๏ พระรับแก้วแล้วตรัสกับขุนยักษ์ | ท่านจงรักสุจริตจิตประสงค์ | ||
เราสงสารพี่น้องทั้งสององค์ | เจ้าเชื้อพงศ์จักรพรรดิสวัสดี | ||
เที่ยวทนทุกข์บุกป่าพนาเวศ | น่าสมเพชใจนักนะยักษี | ||
จะแก้ไขให้สองราคืนธานี | อสุรีจงไปช่วยเราด้วยกัน ฯ | ||
๏ พนาสูรทูลความไปตามเรื่อง | มิให้เคืองบาทมูลทูลผ่อนผัน | ||
ให้สององค์พระกุมารสำราญครัน | เหมือนทรงธรรม์อนุกูลกุมารา ฯ | ||
๏ ได้ฟังสารแสนสำราญอารมณ์รื่น | พระชมชื่นแสนสนิทเสน่หา | ||
พระยื่นแก้วแล้วตรัสจำนรรจา | ถือจินดาเถิดน้องทั้งสองคน | ||
เจ้ากุมแก้วแล้วเหาะไปตามพี่ | ถึงบุรีเรืองรัตน์ไม่ขัดสน | ||
สองกุมารกรานกราบจอมสากล | แล้วกุมแก้วฤทธิรณไว้กับกร ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยาก็พาเหาะ | ข้ามละเมาะเขาเขินเนินสิงขร | ||
สามกษัตริย์อสุราพากันจร | หมายนครลอยฟ้ามาบุรี | ||
ครั้นภาณุมาศผาดแผดแดดร้อนจัด | สามกษัตริย์ต้องแสงนรังสี | ||
พระเคลื่อนคล้อยลอยลงในพงพี | จรลีร่มรื่นชื่นพระทัย | ||
พระโคบุตรชวนน้องสองกษัตริย์ | ชมพนัสหิมวาพฤกษาไสว | ||
ที่ผลิดอกออกผลระคนไป | วายุไกวกิ่งกวดเป็นวงกง | ||
ชมพู่เทศเกดแก้วตะโกโกฐ | ชะลูดโลดตุมกามหาหงส์ | ||
หันเหียนตะเคียนคางยางประยงค์ | วัลย์เปรียงปรงปรูปรางตะลิงปลิง | ||
ฝูงอีลุ้มแอบพุ่มอุโลกลับ | กระสาจับไซ้ขนบนต้นสิง | ||
กาลิงเลี้ยวไล่หานางกาลิง | อัญชันชิงคู่เคียงอยู่เรียงกัน | ||
นกกระเหว่าเฝ้าแฝงฝรั่งร้อง | ฝูงยูงทองย่องเหยียบพะยุงขัน | ||
สามกุมารเพลิดเพลินเจริญครัน | แล้วพากันชมนกไม้ไพรพนม | ||
ตามประสาทารกรักสนิท | ไม่นึกคิดเคืองระคายเท่าปลายผม | ||
สัพยอกหยอกเอินเพลินอารมณ์ | จนแดดร่มเบี่ยงบ่ายลงชายไพร | ||
พระชวนน้องสององค์ขึ้นเหาะเหิน | งานเจริญรีบมาในป่าใหญ่ | ||
ลอยละลิ่วปลิวเมฆมาไรไร | ประมาณได้ยามหนึ่งถึงธานี | ||
สองกุมารทูลความไปตามเรื่อง | นี่แลเมืองข้าน้อยทั้งสองศรี | ||
โน่นปรางค์ทองของพระชนนี | แต่เดี๋ยวนี้ใครจะอยู่ไม่รู้ความ | ||
ได้ทรงฟังทั้งสองพระน้องนาฏ | ลงปราสาทเถิดนะน้องอย่าเกรงขาม | ||
แม้นมิใช่บิดาพะงางาม | จงแจ้งความพี่จะทำให้หนำใจ ฯ | ||
๏ กุมาราพาองค์พระทรงเดช | เข้านิเวศน์ปรางค์ทองอันผ่องใส | ||
สามกษัตริย์อสุราก็คลาไคล | เข้าห้องในปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ | ||
๏ นางชาววังนั่งยามอยู่แออัด | เห็นกษัตริย์สองราน่าสงสาร | ||
ให้ระลึกถึงนายที่วายปราณ | วิ่งเข้ากอดกุมารแล้วโศกา | ||
สิ้นบุญทูลกระหม่อมทั้งสองแล้ว | ดังดวงแก้วมืดมิดทุกทิศา | ||
แม่เป็นไรไปแล้วจึ่งกลับมา | พราหมณ์ชราพ่อลูกมันครองวัง ฯ | ||
๏ ได้ฟังฝูงกัลยาน้ำตาไหล | แข็งพระทัยตรัสถามเนื้อความหลัง | ||
สองพระองค์ปลดปลงชีวาวัง | พระศพยังอยู่หรือสูญไปแห่งใด ฯ | ||
๏ สาวสนมก้มกราบแล้วทูลสนอง | อันศพสองปิ่นกษัตริย์ที่ตัดษัย | ||
เขาใส่พระโกศทองไว้ห้องใน | แล้วร้องไห้ห้ามปรามพระทรามชม | ||
นางมณีสาครกับน้องน้อย | ก็เศร้าสร้อยโลมเล้าสาวสนม | ||
แต่ก่อนปางสร้างกรรมจำนิยม | อย่าปรารมภ์เราจะคืนเอาพารา | ||
แล้วนำองค์ทรงศักดิ์กับยักษ์ร้าย | ค่อยแฝงกายมาถึงแท่นอันเลขา | ||
เห็นพราหมณ์เฒ่าขึ้นสถิตแท่นบิดา | กับลูกยาบนเตียงอยู่เคียงกัน ฯ | ||
๏ พระพี่น้องร้องเรียกให้ยักษ์จับ | สั่งกำชับอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ | ||
ยักษ์กระโจมโถมจับตาพราหมณ์พลัน | เชือกมัดมั่นสองแขนอยู่แอ่นกาย | ||
ทั้งพ่อลูกถูกมัดอยู่นอนกลิ้ง | พวกผู้หญิงเห็นยักษ์ก็ใจหาย | ||
บ้างหวีดหวาดผาดแลเห็นเจ้านาย | จึงค่อยคลายความกลัวทุกตัวคน ฯ | ||
๏ พระพี่น้องร้องห้ามพวกสาวใช้ | อย่าตกใจใช่ศึกมากลางหน | ||
ต่างรู้ชัดค่อยสงัดสงบตน | พระสุริยนเยี่ยมยอดเมรุไกร | ||
พระพี่น้องร้องเชิญพระโฉมศรี | มาสู่ที่โกศทองอันผ่องใส | ||
ให้เปิดโกศเชิญศพออกทันใด | ภูวไนยพ่นด้วยโอสถพลัน | ||
จอมกษัตริย์สององค์คงชีวิต | ค่อยเคลิ้มจิตคลับคล้ายเหมือนใฝ่ฝัน | ||
เห็นลูกรักยักษ์ร้ายอยู่เคียงกัน | พระโศกศัลย์สวมกอดเอาลูกยา | ||
พ่อบรรลัยใครช่วยจึงรอดเล่า | ไฉนเจ้ารู้จักกับยักษา | ||
พระโฉมยงองค์นั้นนะกัลยา | เสด็จมาแต่หนตำบลใด ฯ | ||
๏ พระโอรสยศยงทรงสดับ | จึงกล่าวกลับความหลังแถลงไข | ||
พระชนกชนนีก็ดีใจ | ราวกับได้ทิพสถานพิมานอินทร์ | ||
เข้าอุ้มองค์บุตราพระอาทิตย์ | พลางจุมพิตเชยชมสมถวิล | ||
สมบัติของบิดาในธานินทร์ | ทั้งม้ารถคชริินทร์อันเพริศพราย | ||
จะมอบให้ทรามชมเสวยราชย์ | ชนชาติจะได้พึ่งพระโฉมฉาย | ||
พระบิดรมารดาชรากาย | จะเบี่ยงบ่ายบรรพชาไม่ราคี | ||
ฝากแต่น้องสององค์ไว้ด้วยเถิด | นึกว่าเกิดร่วมครรภ์พระโฉมศรี | ||
พ่อขอถามนามชนกชนนี | ผ่านบุรีแห่งหนตำบลใด ฯ | ||
๏ พระโคบุตรทรงฟังรับสั่งถาม | ไม่บอกความออกแจ้งแถลงไข | ||
หม่อมฉันชาวหิมวาพนาลัย | ทุเรศไร้สุริย์วงศ์อยู่ดงดอน | ||
พระมารดาอาสัญแต่วันคลอด | ชีวิตรอดด้วยราชไกรสร | ||
ลูกรักเคยอยู่ป่าพนาดร | มาเที่ยวจรเล่นตามความสบาย | ||
มาพบน้องนวลนางที่กลางเถื่อน | เห็นเด็กเหมือนกันก็รักไม่รู้หาย | ||
ฉันชุบช่วยภูวดลให้พ้นตาย | เสร็จแล้วจะถวายบังคมลา | ||
ซึ่งโปรดปรานบ้านเมืองให้ลูกรัก | มิใช่ศักดิ์เชื้อวงศ์เผ่าพงศา | ||
ลูกยกให้แก่พระน้องทั้งสองรา | จะกราบลาเที่ยวให้เพลินเจริญใจ | ||
พระโศกาอาลัยใจจะขาด | ภูวนาถว่าวอนด้วยรักใคร่ | ||
สารพัดพ่อมาตัดอาลัยไป | ทั้งเวียงชัยก็ไม่รักจะหักจร | ||
ทำกระไรจะได้แทนคุณสนอง | ที่ช่วยสองสุดสวาทสโมสร | ||
จงเอ็นดูบิดาที่ว่าวอน | อยู่นครด้วยน้องทั้งสององค์ ฯ | ||
๏ พระฟังห้ามตามมีไมตรีจิต | บุตรอาทิตย์ทูลความตามประสงค์ | ||
ถึงลูกไปใช่จะลืมบาทบงสุ์ | เมื่อนานนานแล้วก็คงจะกลับมา ฯ | ||
๏ พรหมทัตครั้นจะขัดก็สุดคิด | รัญจวนจิตเศร้าสร้อยละห้อยหา | ||
แลดูองค์ทรงฤทธิ์กับธิดา | อุปมาเหมือนแก้วแกมกับทอง | ||
แต่ทรงฤทธิ์จิตยังเด็กไม่รู้จัก | ด้วยเ็ด็กนักยังไม่ควรภิเษกสอง | ||
จะโลมเล้าเอาใจในทำนอง | พระตรึกตรองตรัสไปด้วยไมตรี | ||
ถึงจะไปอาลัยแก่พ่อมั่ง | จงรอรั้งอยู่เมืองให้เรืองศรี | ||
พออุ่นใจไพร่ฟ้าประชาชี | ชาวบุรีหญิงชายกระจายจร | ||
ว่าพ่อได้สายสวาทเป็นโอรส | เฉลิมยศภิญโญสโมสร | ||
พ่อเอ็นดูบิดาให้อาวรณ์ | อย่าเพ่อจรให้พ่อช้ำระกำใจ ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสงสารท้าวพรหมทัต | สุดจะขัดแล้วจึ่งทูลสนองไข | ||
พระตรัสห้ามสามหนแล้วจนใจ | จะอยู่ไปมิให้เคืองเรื่องราคี | ||
เมื่อนานนานลูกจะลาไปเล่นมั่ง | จิตลูกยังอาลัยถึงไพรศรี | ||
จะเที่ยวดูเสียให้ทั่วทั้งธรณี | ชมบุรีจักรพรรดิกษัตรา | ||
กรุงกษัตริย์ฟังสารสำราญรื่น | ประคองชื่นรับขวัญด้วยหรรษา | ||
แล้วเชิญโอรสราชเร่งยาตรา | เสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
ให้ยักษาพาพราหมณ์มาถามซัก | เอาเพื่อนพรรคพี่น้องจองหองหาญ | ||
ทั้งพ่อลูกผูกมัดฝีมือมาร | ก็ให้การซัดเพื่อนออกเปื้อนคำ | ||
เขาจดหมายไล่จับมาคับคั่ง | มีรับสั่งให้ลงโทษแต่คนขำ | ||
บีบขมับขับเฆี่ยนเจียนระยำ | ให้ตรากตรำตรึงตราไว้ตรุใน | ||
แล้วยกข้อพ่อลูกประโรหิต | กระทำผิดสาหัสถึงตัดษัย | ||
ให้ตีฆ้องร้องป่าวตระเวนไป | อย่าฆ่าในธานีเป็นชีพราหมณ์ | ||
ใส่นาวาไปมหาทะเลหลวง | เอาหินถ่วงเสียให้จมสมหยาบหยาม | ||
พระตรัสสั่งสิ้นเสร็จสำเร็จความ | แล้วชวนสามโอรสเข้าสู่วัง | ||
เสวกาพาพราหมณ์ทั้งพ่อลูก | ไปมัดผูกเฆี่ยนขับตามรับสั่ง | ||
ตะโหงกคอข้อมือขื่อประดัง | ข้างหน้าหลังตีฆ้องมาสองคน | ||
พวกดาบแดงแซงเดินกระหนาบข้าง | ขยับย่างจูงพราหมณ์มาตามถนน | ||
ตีฆ้องแล้วให้ร้องประจานตน | ทั้งสองคนพ่อลูกเหมือนอย่างลิง | ||
เสียงหม่องหม่องร้องว่าเจ้าข้าเอ๋ย | อย่าดูเยี่ยงข้าเลยทั้งชายหญิง | ||
ข้าพ่อลูกทุจริตทำผิดจริง | กบฏชิงสมบัติกษัตรา | ||
ทั้งชาวบ้านร้านตลาดก็กลาดเกลื่อน | ร้องเรียกเพื่อนวิ่งกรูมาดูหน้า | ||
ทั้งธานีมิได้มีใครเวทนา | มันอยากชิงวาสนาสาแก่ใจ | ||
ตระเวนรอบขอบเมืองทุกบ้านช่อง | ลงเรือล่องไปในกลางทะเลใหญ่ | ||
เอาพ่อลูกผูกแผ่นศิลาลัย | โยนลงในสาชลก็วายปราณ | ||
กลับมาทูลมูลเหตุเกศกษัตริย์ | พรหมทัตปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
จิตระรื่นชื่นอารมณ์ชมกุมาร | จำเนียรกาลนานมาอยู่ธานี ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ | บังคมทูลพรหมทัตเจ้ากรุงศรี | ||
ลูกอยู่กับบิดามากว่าปี | ระลึกถึงพงพีพ้นกำลัง | ||
ลูกจะขอลาองค์พระทรงเดช | ไปเที่ยวชมหิมเวศเหมือนใจหวัง | ||
พรหมทัตขัตติย์วงศ์ได้ทรงฟัง | ท้าวเธอหลั่งชลนาโศกาลัย | ||
ครั้นจะตรัสหักหาญพูดทานทัด | กลัวจะขัดเคืองวิญญาณ์อัชฌาสัย | ||
จึ่งตรัสว่าแก้วตาจะคลาไคล | สำราญใจกลับมายังธานี ฯ | ||
๏ พระโคบุตรรับรสพจนารถ | กราบเบื้องบาทบงกชบทศรี | ||
ลูกไปลับคงจะกลับมาบุรี | ไม่ถึงปีอย่าอาลัยพระทัยปอง | ||
แล้วผินหน้ามาสั่งพระน้องรัก | อยู่ตำหนัีกเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง | ||
พี่ไปแล้วคงจะกลับมารับน้อง | นวลละอองจงสุโขอย่าโศกา | ||
ทั้งพี่น้องร้องไห้วิ่งไปกอด | รำพันพลอดวิงวอนฉะอ้อนว่า | ||
จะไปไหนฉันจะไปด้วยพี่ยา | อย่าพักว่าเลยไม่อยู่ในบูรี ฯ | ||
๏ พระรับขวัญจูบน้องประคองชิด | ตามจริตทารกทั้งสามศรี | ||
อย่าไปเลยลำบากองค์ในพงพี | ล้วนเสือสีห์ผีสางกลางอารัญ | ||
มันเห็นใครใจอ่่อนมันหลอนหลอก | ไม่ดีดอกเจ้าอย่าไปในไพรสัณฑ์ | ||
ทำไมกับพี่มีมนต์ไม่กลัวมัน | จงครองกันอยู่เมืองอย่าเคืองระคาย ฯ | ||
๏ อย่าพักปดให้เหนื่อยปากไม่อยากเชื่อ | ถึงช้างเสือก็ไม่พรั่นเหมือนมั่นหมาย | ||
มิพาไปแล้วไม่ออกไปนอกกาย | จะกอดคอไว้จนตายไม่ปล่อยเลย ฯ | ||
๏ ดูดู๋ว่าแล้วยังไม่ฟังว่า | ทั้งข้าวปลาก็จะได้ที่ไหนเสวย | ||
ดวงมณีที่พี่ให้เอาไว้เชย | อย่าไปเลยโฉมตรูอยู่พารา | ||
ทั้งพี่น้องร้องไห้ไม่ฟังห้าม | ขืนจะตามไปหิมเวศด้วยเชษฐา | ||
พระโคบุตรสุดจนพ้นปัญญา | ทูลบิดาให้ห้ามเจ้าทรามวัย | ||
บิตุรงค์ทรงพระสรวลสำรวลร่า | ตามแต่เจ้าจะว่าอัชฌาสัย | ||
เมื่อพ่อแม่เขาไม่รักจะหักไป | แล้วภูวไนยเล้าโลมนางโฉมงาม | ||
อนุชาพ่อจงพาไปฝึกสอน | นางมณีสาครจะช่วยห้าม | ||
แล้วตรัสปลอบพระธิดาพะงางาม | แม่อย่าตามไปให้ยากลำบากกาย | ||
แม้นขุกเข็ญเป็นหญิงนี้ยากนัก | พระลูกรักพ่อว่าอย่าผันผาย | ||
พระอนุชาเขาเชื้อเนื้อว่าชาย | อันตรายโพยภัยเขาไม่มี ฯ | ||
๏ นางทรงฟังแค้นจิตบิตุเรศ | ชลเนตรไหลนองหม่นหมองศรี | ||
เจ้าหยิกข่วนเชษฐาไม่ปรานี | แล้วเข้าที่ไสยาโศกาลัย ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยาผวาวิ่ง | มาปลอบมิ่งสมรมิตรพิสมัย | ||
พี่เมตตาจึ่งไม่พาเจ้าเดินไพร | แม่ยังไม่เห็นดีเข้าตีรัน | ||
แต่น้องน้อยยังหน่วงเป็นห่วงนัก | พระทรงศักดิ์เธอจะให้ไปกับฉัน | ||
แม่จงฟังพี่ยาอย่าจาบัลย์ | จะเก็บพรรณบุปผาอัมพาพวง | ||
ที่หอมหวนงามหลากมาฝากแม่ | ห้อยพระแกลเล่นสะพรั่งในวังหลวง | ||
พงศ์กษัตริย์ตรัสล้อแล้วล่อลวง | สุดาดวงค่อยชื่นกลืนน้ำตา ฯ | ||
๏ พระจูงกรยุพยงอนงค์นาฏ | ยุรยาตรจากแท่นอันเลขา | ||
มาฝากองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา | แล้วชวนพระอนุชามาสรงชล | ||
ในอ่างทองรองฝักปทุมมาศ | ดูสะอาดชลปรอยเป็นฝอยฝน | ||
น้ำกุหลาบอาบองค์สรงสุคนธ์ | ทรงเครื่่องต้นดูงามอร่ามพราย ฯ | ||
๏ สององค์ออกหน้าโถงพระโรงรัตน์ | หน่อกษัตริย์ทรงแท่นอันเรืองฉาย | ||
โองการสั่งอสุรีทั้งสี่นาย | จงผันผายไปสถานสำราญใจ | ||
แต่จงช่วยกรุณังระวังนิเวศน์ | ทั่วขอบเขตนครังทั้งน้อยใหญ่ | ||
พนาสูรทูลสนองให้ต้องใจ | ในกรุงไกรมิให้มีราคีพาน | ||
สิบห้าวันจะผลัดกันมาสืบข่าว | ให้สองท้าวปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
แล้วกราบลาพี่น้องสองกุมาร | เหาะทะยานหมายมาพนาลี ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ | สำราญจิตจากพระโรงอันเรืองศรี | ||
เจ้าอรุณสุริยวงศ์ทรงมณี | จรลีลอยลิ่วปลิวเมฆา | ||
ออกจากรุงมุ่งหมายเข้าไพรระหง | ทั้งสององค์ชมไม้ไพรพฤกษา | ||
พระเหาะเรียงเคียงชมยมนา | ลอยละลิ่วปลิวฟ้ารีบคลาไคล ฯ | ||
๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมภูผา | พระจันทราส่องสว่างกระจ่างไข | ||
ทั้งสองชมจันทรานภาลัย | มาตามในแถวทางกลางอารัญ | ||
พระเหาะเรียงเคียงชมดาราราย | แสนสบายคลายทุกข์เกษมสันต์ | ||
ศิลาลายพรายเลื่อมด้วยแสงจันทร์ | ชี้ชวนกันทัศนาศิลาลัย ฯ | ||
๏ พระสุริยาฟ้าสางสว่างภพ | กระจ่างจบในป่าพฤกษาไสว | ||
ทั้งพี่น้องสองเหาะระเห็จไป | ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านครัน | ||
เป็นสี่เหลี่ยมสูงวิเวกเทียมเมฆมืด | ดูโยงยืดยาวใหญ่ในไพรสัณฑ์ | ||
เหมือนเมฆมืดเมฆาเมื่อสายัณห์ | พระชวนกันสององค์เดินตรงมา | ||
ครั้นถึงที่เขาใหญ่ในไพรสณฑ์ | แลเห็นต้นนารีผลบนเนินผา | ||
ล้วนคนธรรพ์นักสิทธ์วิทยา | เฝ้ารักษาแลล้อมอยู่พร้อมกัน | ||
ทั้งสององค์่ทรงแลไม่เคยเห็น | มุ่งเขม้นแล้วทรงพระสรวลสันต์ | ||
พระโคบุตรนึกอนาถประหลาดครัน | ต้นไม้นั้นแต่ล้วนนางสล้างไป | ||
ที่ใต้ต้นคนธรรพ์สะพรั่งอยู่ | พระน้องดูให้เห็นเล่นใกล้ใกล้ | ||
ว่าพลางทางชวนกันเหาะไป | สำราญใจชื่นจิตด้วยฤทธิรณ ฯ | ||
ตอนที่ ๔ โคบุตรรบวิชาธร ฆ่าทัศกัณฐมัจฉาตาย
๏ ฝ่ายคนธรรพ์กับพวกวิชาธร | เหาะเร่ร่อนคอยระวังนารีผล | ||
เห็นพี่น้องสององค์ในอำพน | แต่ละตนเดือดดาลทะยานใจ | ||
ด้วยหวงแหนแค้นเคืองเป็นที่สุด | เหม่มนุษย์สองรามาแต่ไหน | ||
แกว่งพระขรรค์หันเหาะระเห็จไป | ทะลวงไล่บุกบั่นกระชั้นมา ฯ | ||
๏ พระโคบุตรหยุดถอดเอาแหวนก้อย | ให้น้องน้อยใส่นิ้วพระหัตถา | ||
เข้าโจมจับกับพวกวิทยา | เสียงศาสตรากริ่งกร่างกลางอัมพร | ||
ชิงพระขรรค์ฟันฟาดเสียงฉาดฉับ | ศีรษะพับตกผางกลางสิงขร | ||
ที่เหลือตายรายรอบเข้าราญรอน | วิชาธรล้อมกลุ้มเข้ารุมองค์ ฯ | ||
๏ พระรบรับจับมารแล้วโยนขว้าง | เสียงผึงผางถูกเพื่อนเป็นผุยผง | ||
ด้วยกำลังยั่งยืนกลางณรงค์ | ดังครุฑยงเหยียบพญาวาสุกรี | ||
วิชาธรอ่อนฤทธิ์ไม่อาจรบ | น้อยกำลังหลีกหลบเอาตัวหนี | ||
ที่วอดวายตายกลาดธรณี | ที่หลบลี้หลีกลอดก็รอดตาย | ||
พระพี่น้องสองราพากันเหาะ | ลงจำเพาะเขาใหญ่เหมือนใจหมาย | ||
เห็นซากศพวิทยาบรรดาตาย | ทั้งกรกายขาดพลัดกระจัดกัน | ||
หวนพระทัยใจจิตคิดสังเวช | แสนสมเพชวิทยาที่อาสัญ | ||
อ้ายเหล่านี้ไม่พอที่ทำดุดัน | พระพูดกันพี่น้องทั้งสองรา | ||
จะชุบชีวิตไว้พอหายหลาบ | อย่าเป็นบาปติดกายไปภายหน้า | ||
ดำริพลางทางหยิบเอายามา | กุมาราเคี้ยวพ่นทุกคนไป ฯ | ||
๏ วิชาธรรอดตายขึ้นไหว้กราบ | ศิโรราบหมอบเรียงเคียงไสว | ||
ยอมถวายกายเป็นเช่นข้าไท | จะอยู่ใกล้บาทบงสุ์พระทรงธรรม์ | ||
ข้าขอถามนามวงศ์พระทรงเดช | จากประเทศมาไยในไพรสัณฑ์ | ||
ฤทธิรงค์นี่กระไรดังไฟกัลป์ | ใครไม่ทันเทีียมศักดิ์ทั้งจักรวาล ฯ | ||
๏ พระฟังพวกวิทยาสามิภักดิ์ | จึ่งประจักษ์เล่าแจ้งแถลงสาร | ||
เราพี่น้องสองราปรีชาชาญ | นึกสำราญเที่ยวเล่นอรัญวา | ||
นั่นโฉมงามนามชื่ออรุณน้อง | อันตัวของเรานี้เป็นเชษฐา | ||
ชื่อโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดา | นี่ท่านมาทำไมในไพรวัน | ||
ผูกชฎาอาภรณ์ล้วนหนังเสือ | หรือชาติเชื้อชาวป่าพนาสัณฑ์ | ||
วิชาธรกรประนมบังคมคัล | กระหม่อมฉันพวกข้าวิชาธร | ||
อันพฤกษาต้นนี้นารีผล | ออกเป็นคนได้ชมสมสมร | ||
สำหรับชมชั่วประถมพุทธันดร | ไปกอดนอนชมเล่นเหมือนเช่นคน | ||
จึงสามารถอาจหาญเพราะแสนหวง | กลัวจะช่วงชิงนางนารีผล | ||
พระยกโทษโปรดไว้ไม่วายชนม์ | ทั้งร้อยคนจะเป็นข้าพยาบาล | ||
เชิญพระไปชมป่าพนาเวศ | มีประเทศหนึ่งโตรโหฐาน | ||
ทั้งธารน้ำถ้ำแก้วอลังการ | แสนสำราญรุกขชาติสะอาดครัน | ||
เป็นปิ่นเทพนิกรกินรนาฎ | มาประพาสแสนสุขเกษมสันต์ | ||
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนกันมาในอารัญ | ทั้งสุบรรณครุฑาวาสุกรี | ||
จะนำเสด็จสององค์พระทรงเดช | ไปทอดพระเนตรพนมคิรีศรี | ||
สองพระองค์ทรงฟังก็เปรมปรีดิ์ | เออท่านดีแล้วจงพาเราคลาไคล | ||
พระชวนองค์น้องชายสายสมร | วิชาธรพรั่งพร้อมล้อมไสว | ||
ต่างสำแดงศักดาเหาะคลาไคล | นำตรงไปมรกตคิรีวัน ฯ | ||
๏ พระพี่น้องชมป่าพฤกษาสัตว์ | ตามจังหวัดราวป่าพนาสัณฑ์ | ||
บรรลุถึงเขาเขินเนินอรัญ | ก็พากันเหาะตรงลงคิรี ฯ | ||
๏ จะกล่าวถึงเทพไทในไกรลาส | กินรนาฏนางฟ้าทุกราศี | ||
ถึงเวลาก็พากันจรลี | ลงเล่นโบกขรณีในไพรวัน ฯ | ||
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์อดิศร | ก็ชวนพวกวิชาธรระเห็จหัน | ||
ลงเล่นน้ำสำราญพระทัยครัน | เกษมสัีนต์รื่นเริงบันเทิงใจ ฯ | ||
๏ ฝ่ายฝูงนางเทพอัปสรบ้างขับขาน | เป็นกังวานก้องเสียงสำเนียงใส | ||
พอเวลาสายัณห์ลงไรไร | เทพไทกลับหลังยังวิมาน ฯ | ||
๏ ฝ่ายพระโคบุตรกับนุชน้อง | สั่งพวกพ้องวิทยาศักดาหาญ | ||
ท่านจงอยู่อย่าเป็นทุกข์สุขสำราญ | ไปถิ่นฐานที่สถิตแต่ก่อนมา | ||
เราพี่น้องจะไปชมพนาเวศ | สีขเรศถ้ำเขาลำเนาผา | ||
วิชาธรได้ฟังหลั่งน้ำตา | ต่างกอดบาทบาทาเข้าร่ำไร | ||
ด้วยจงรักภักดีมีพระเดช | ชลเนตรแถวถั่งลงหลั่งไหล | ||
แล้วทูลว่าจะเดินทางในกลางไพร | พระอย่าไปทางทิศบูรพา | ||
ประกอบด้วยยักขินีผีเสื้อน้ำ | เลิศล้ำฤทธิแรงกำแหงกล้า | ||
ทั้งร้ายกาจสามารถด้วยมารยา | จะเดินป่าระวังองค์ให้จงดี | ||
ต่างอวยพรให้องค์พงศ์ฺนเรศ | จงเรืองเดชฤทธิไกรชาญชัยศรี | ||
แล้วพากันเหาะเหขึ้นเมฆี | กลับไปที่ถาวรเหมือนก่อนมา ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยงดำรงฤทธิ์ | สำราญจิตเกษมสันต์ยิ่งหรรษา | ||
แล้วเชิญชวนโฉมยงองค์นุชา | จากเนินผาแล้วระเห็จเสด็จไป | ||
ไปตามทางข้างทิศบูรพา | ที่บิดาบอกทิศหนทางให้ | ||
ทั้งสององค์ลอยฟ้ามาไรไร | เกือบจะใกล้พระสมุทรแลสุดตา ฯ | ||
๏ จะกล่าวถึงอสุรีอันมีฤทธิ์ | นามประสิทธิ์หัศกัณฐมัจฉา | ||
ตัวเป็นยักษ์พื้นล่างเป็นหางปลา | ทั้งกายาโตพียี่สิบกร | ||
มีแว่นแคว้นแดนยาวสิบเก้าโยชน์ | ตัวเป็นโสดยศยิ่งในสิงขร | ||
พระสยมภูวญาณประทานพร | ใครราญรอนราพณ์ร้ายไม่วายปราณ | ||
ออกจากถ้ำสำราญชื่นบานจิต | คะนึงคิดจะไปหาภักษาหาร | ||
ด้วยอดสัตว์มัจฉามาช้านาน | จากสถานเที่ยวมาในวารี ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยาพาพระน้อง | เที่ยวเลื่อนล่องลอยฟ้าในราศี | ||
ถึงฟากฝั่งยมนาท่านที | เห็นยักษีว่ายวงในคงคา | ||
ดูน่ากลัวตัวพักตร์เป็นยักษ์ใหญ่ | หางนั้นไซร้กลายเป็นเช่นมัจฉา | ||
ไม่เคยเห็นดูอนาถประหลาดตา | ชวนน้องยาแลดูอสุรี | ||
หางนั้นเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ | ดูโตนักเทียมเท่าคิรีศรี | ||
ทั้งสองสรวลสุขเกษมต่างเปรมปรีดิ์ | ดูยักษีเวียนวงในคงคา ฯ | ||
๏ หัศกัณฐ์แหวกว่ายมาในน้ำ | เที่ยวผุดดำวารินกินมัจฉา | ||
เห็นมนุษย์พี่น้องทั้งสองรา | มันโกรธาโกรธนักดังอัคคี | ||
สิงหนาทผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ | ดังจะปิดบังแสงพระสุริย์ศรี | ||
หมายเขม้นเข่นฆ่าเข้าราวี | อสุรีถาโถมกระโจมมา | ||
ยี่สิบหัตถ์รัดรวบพระทรงฤทธิ์ | หมายให้คิดอยู่ในมือของยักษา | ||
พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงศักดา | พระกรคว้ากอดน้องประคองไว้ | ||
พระหัตถ์ขวาถอดธำมรงค์ขว้าง | หมายจะล้างขุนยักษ์ให้ตักษัย | ||
ถูกมารร้ายกายกรเป็นท่อนไป | โลหิตไหลโซมลงในคงคา ฯ | ||
๏ อสุรินทร์มิได้สิ้นชีวาวาตม์ | ด้วยอำนาจเจ้าดาวดึงส์ไตรตรึงษา | ||
พลางอ่านเวทแสนประสิทธิ์วิทยา | กลับเป็นมาเจ็ดตนเหลือทนทาน | ||
เข้าโลดโผนโจนจับสัประยุทธ์ | ท้องสมุทรเป็นระลอกกระฉอกฉาน | ||
พระโคบุตรหยุดถอดเอาสังวาล | ขว้างประหารมารร้ายก็วายชนม์ | ||
สังวาลกลับเข้าองค์พระทรงศักดิ์ | ประเดี๋ยวยักษ์เป็นกลับขึ้นสับสน | ||
มันตายหนึ่งกลับเกิดขึ้นเจ็ดตน | เป็นยี่สิบเก้าคนเข้าชิงชัย ฯ | ||
๏ พระโคบุตรนิ่งคิดผิดประหลาด | สะดุ้งหวาดจิตพรั่นคิดหวั่นไหว | ||
อันเทพสาตรานี้เกรียงไกร | สังหารใครตายแล้วไม่กลับมา | ||
ไฉนหนอไอ้นี่จึ่งมีฤทธิ์ | ยิ่งม้วยมิดกลับเป็นขึ้นหนักหนา | ||
พระขว้างซ้ำไปต้องอสุรา | พวกยักษาเกิดมากกว่าหมื่นพัน | ||
จนสิ้นเครื่องประดับองค์พระโฉมฉาย | พวกมารร้ายชีวาไม่อาสัญ | ||
ยักษ์พิโรธโกรธใจดังไฟกัลป์ | ต่างประจัญโถมไล่กันไปมา | ||
กำลังองค์ทรงเดชเจ็ดช้างสาร | พญามารสิทธิศักดิ์ฤทธิ์หนักหนา | ||
ครั้นฆ่าตายมารร้ายกลับมากมา | อสุรากลาดกลุ้มเข้ารุมรัน | ||
เสียงพิลึกครึกครื้นเป็นคลื่นซัด | วายุพัดหอบหวนอยู่ป่วนปั่น | ||
ยักษาจะจับองค์พระทรงธรรม์ | ด้วยเครื่องทรงป้องกันพระกายา ฯ | ||
๏ จะกล่าวถึงเทพไทอยู่ใกล้สมุทร | สงสารพระโคบุตรเป็นหนักหนา | ||
สิ้นกำลังพลั้งพลาดจะอัปรา | ด้วยยักษาพวกนั้นมันมากมาย | ||
องค์เทเวศร์แปลงเพศให้ผิดผัน | เป็นแมงวันบินมาบอกพระโฉมฉาย | ||
ว่ายักษ์นี้มันเลิศประเสริฐชาย | มนุษย์ฆ่ามันไม่ตายอย่าสงกา | ||
มันได้พรพระอิศวรผู้ทรงเดช | ถ้าแจ้งเหตุแล้วจงจำคำเราว่า | ||
เร่งไปหาพญากระบี่มา | อยู่ที่เขาหิมวากลางพงไพร | ||
เป็นเชื้อชาติสัตว์ป่าพนาเวศ | เขาเรืองเดชฆ่ายักษ์จึงตักษัย | ||
ครั้นบอกแล้วเทวาก็คลาไคล | รีบคืนไปกลับหลังยังวิมาน ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ผู้่ทรงเดช | ครั้นแจ้งเหตุเทวามาว่าขาน | ||
จึ่งปลดเปลื้องเครื่องทรงสร้อยสังวาล | พิษฐานขว้างไปมิได้ช้า | ||
เป็นฝูงเทพเทวาออกดาดาษ | ดูเกลื่อนกลาดทั่วไปในเวหา | ||
ถือพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธา | กุมาราร้องสั่งไปทันที | ||
ว่าดูก่อนฝูงเทพเทเวศร์ | จงอยู่รอต่อเดชกับยักษี | ||
พระตรัสพลางชวนน้องจรลี | รีบเหาะหนีเข้าป่าพนาลัย ฯ | ||
๏ ฝ่ายองค์ท้าวหัศกัณฐมัจฉา | เห็นฝูงเทพเทวาอยู่ไสว | ||
มนุษย์นั้นหลบลี้หลีกหนีไป | ก็กริ้วโกรธดังไฟประลัยกัลป์ | ||
จึงร้องว่าเหวยเหวยเทวราช | ทำองอาจไม่กลัวจะอาสัญ | ||
ไยมารับรบรุกทำบุกบัน | เข้าป้องกันสองมนุษย์ให้หนีไป | ||
แต่ก่อนมิเคยอวดศักดิ์มาหักหาญ | กูจะผลาญชีพวิบัติให้ตัดษัย | ||
สิ้นทั้งหมดเมืองฟ้าสุราลัย | ให้ฝูงปลาน้อยใหญ่กินเสียพลัน | ||
ว่าพลางต่างแผลงสำแดงฤทธิ์ | เข้าต่อติดตามตีขมีขมัน | ||
บ้างหักโหมโรมรุกไล่บุกบัน | ฝูงเทวัญกายสิทธิ์ฤทธิรอน | ||
ยิ่งตายยิ่งเป็นขึ้นเกลื่อนกล่น | เข้าประจญต้านต่อไม่ย่อหย่อน | ||
เสียงสนั่นลั่นฟ้าริมสาคร | กายสิทธิ์ต่อกรไม่พลาดพลั้ง ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์องค์เชษฐา | ทั้งสองรารีบไปเหมือนใจหวัง | ||
เหาะข้ามพระสมุทรไม่หยุดยั้ง | ก็ถึงฝั่งฟากทะเลชโลทร | ||
ครั้นมาถึงที่เขาเหมราช | สูงผงาดเงื้อมตลอดยอดสิงขร | ||
เห็นพวกพลโยธาล้วนวานร | อยู่ริมฝั่งสาครนั้นมากมี | ||
แต่พญาวานรเป็นเผือกผู้ | เข้านั่งอยู่ท่ามกลางกระบี่ศรี | ||
ทั้งสององค์เหาะลงเนินคีรี | เฉพาะหน้าขุนกระบี่แล้วเดินมา | ||
พวกลิงไพรแลไปเห็นมนุษย์ | อุตลุดต่างยืนขึ้นพร้อมหน้า | ||
บ้างสำแดงแผลงฤทธิ์ไล่ติดมา | จะโจมเข้าเข่นฆ่าสองกุมาร | ||
พระโคบุตรโบกพระหัตถ์แล้วตรัสห้าม | ปราศรัยถามด้วยสุนทรคำอ่อนหวาน | ||
เรามิใช่ไพรีมารบราญ | จะสมานรักใคร่เป็นไมตรี | ||
ตัวเจ้าเป็นชาวป่าพนาเวศ | อยู่ประเทศเขตเขาคิรีศรี | ||
จะแจ้งความตามข้อคดีมี | ขุนกระบี่ตนใดนั้นเป็นนาย ฯ | ||
๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ที่เผือกผู้ | สถิตอยู่กลางพหลพลทั้งหลาย | ||
จึ่งร้องตอบข้อความตามภิปราย | เราเป็นนายวานรสัญจรไพร | ||
ตัวท่านนี้เป็นมนุษย์หรือเทเวศร์ | มาแต่เขตแห่งหนตำบลไหน | ||
ทั้งสององค์จะประสงค์สิ่งอันใด | จงบอกให้เราแจ้งแห่งคดี ฯ | ||
๏ พระโคบุตรหยุดยั้งได้ฟังถาม | จึงตอบความกับพญากระบี่ศรี | ||
เราเป็นจอมจักรพรรดิสวัสดี | จากบูรีพรหมทัตกษัตรา | ||
มาเที่ยวชมพนมพนาสณฑ์ | ถึงวังวนผ่อนพักพบยักษา | ||
อสุรีศักดิ์สิทธิ์มีฤทธา | หางเป็นปลาหน้าเป็นอสุรี | ||
แต่เราฆ่ายักษ์ตายถึงเจ็ดหน | ครั้นตายตนหนึ่งเกิดเจ็ดยักษี | ||
ฝูงเทพเทวานั้นปรานี | บอกว่ายักษีได้พรชัีย | ||
พระอิศวรทูลกระหม่อมจอมมงกุฎ | แม้นมนุษย์เข่นฆ่าหาตายไม่ | ||
เทพเจ้าชี้แจงให้แจ้งใจ | ว่าตัวท่านอยู่ในหิมวา | ||
เป็นชาติเชื้อขุนกระบี่อันมีศักดิ์ | จึ่งจะล้างขุนยักษ์ให้สังขาร์ | ||
เราตั้งใจเจาะจงรีบตรงมา | ได้เมตตาเราด้วยไปช่วยกัน ฯ | ||
๏ ฝ่ายพญาพานรินทร์ได้ยินเหตุ | ผิดสังเกตก็ชวนกันสรวลสันต์ | ||
จึ่งร้องตอบวาจามาด้วยพลัน | ท่านพูดนั้นไม่จริงยังกริ่งใจ | ||
ซึ่งว่ามีฤทธามาฆ่ายักษ์ | เห็นหนักนักเชื่อฟังยังไม่ได้ | ||
มนุษย์น้อยเหมือนฝอยเข้าใส่ไฟ | ไม่มีใครเห็นจริงอย่าเจรจา | ||
ถ้ามีฤทธิ์เลิศล้ำดังคำเล่า | ฆ่าแต่เราลิงไพรให้สังขาร์ | ||
จะเห็นดีมีฤทธิ์ดังวาจา | ท่านจะมาเสี้ยมเขาให้ชนกัน | ||
ว่าพลางทางเรียกพลไพร่ | มาจากในแนวป่าพนาสัณฑ์ | ||
สะพรั่งพร้อมล้อมองค์พระทรงธรรม์ | ล้วนเข้มขันคึกคักทำศักดา ฯ | ||
๏ พระโคบุตรสุริยันไม่หวั่นไหว | เห็นลิงไพรพร้อมพรักกันหนักหนา | ||
จึ่งเปลื้องเครื่องรัดองค์อลงการ์ | แล้วร้องว่าดูก่อนวานรไพร | ||
เอ็งเป็นแต่เพียงสัตว์เดียรัจฉาน | ทำโวหารไม่มีอัชฌาสัย | ||
กูเป็นจอมจักรพงศ์อันทรงชัย | จะรบกับลิงไพรไม่ต้องการ | ||
อยากเห็นฤทธิ์หรือไรจะให้รู้ | กำลังกูถึงเจ็ดเท่าช้างสาร | ||
จะทำไว้แต่พอให้ประมาณ | ไอ้สาธารณ์อวดกำลังอหังการ์ | ||
ว่าพลางทางทิ้งเทพอาวุธ | กลายเป็นภุชงค์ใหญ่ล้วนใจกล้า | ||
สักหมื่นแสนแน่นทั่วบรรพตา | เข้าไล่มัดลิงป่าพัลวัน | ||
เสียงครึกครื้นตื่นเต้นทั้งไพรชัฏ | พวกลิงกัดนาคกอดสอดกระสัน | ||
นาครัดลิงวิ่งร้องก้องอารัญ | เข้าไล่พันมัดพหลพลวานร | ||
จะฟาดฟัดกัดทึ้งเข้าดึงฉุด | นาคไม่หลุดมัดลิงกลิ้งสลอน | ||
สิ้นกำลังล้มลงในดงดอน | พวกวานรร้องขอชีวาวัน | ||
ประทานโทษโปรดเถิดพระทรงฤทธิ์ | ขอชีวิตไว้อย่าฆ่าให้อาสัญ | ||
จะเป็นข้าอยู่ในองค์พระทรงธรรม์ | กว่าชีวันจะม้วยบรรลัยลาญ ฯ | ||
๏ พระโคบุตรยิ้มเยื้อนเอื้อนพระโอษฐ์ | อันที่โทษเอ็งถึงซึ่งสังขาร | ||
แต่ครั้งนี้มิให้ถึงซึ่งวายปราณ | แล้วกุมารเรียกรัดพระองค์มา | ||
ครั้นนาคหายคลายทุกข์ลุกขึ้นกราบ | ศิโรราบกราบงามลงสามท่า | ||
พญาลิงวิ่งเข้ามาวันทา | พระอิศรายกโทษได้โปรดปราน | ||
แต่ปางหลังพลั้งผิดด้วยคิดโกรธ | สานุโทษข้าควรจะสังขาร | ||
ขอรองบาทโฉมฉายจนวายปราณ | จงประทานโทษผิดที่ติดพัน | ||
ขอทูลความตามจริงทุกสิ่งสิ้น | ซึ่งภูมินทร์จะให้ข้าพาผายผัน | ||
ไปเข่นฆ่าหมู่มารชาญฉกรรจ์ | ข้าคิดพรั่นศักดาพญามาร | ||
แต่คงจะอาสาฝ่าพระบาท | ตามพระราชประสงค์จำนงผลาญ | ||
จนสุดฤทธิ์กว่าชีวิตจะวายปราณ | จะคิดอ่านฉันใดในณรงค์ | ||
พระยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสสนอง | เราไม่ปองจะให้ท่านเป็นผุยผง | ||
อันเครื่องทิพย์ที่ประดับสำหรับองค์ | ฤทธิรงค์แต่ล้วนเทพสาตรา | ||
ด้วยยักษีมีพรประกาศิต | มนุษย์ล้างชีวิตไม่สังขาร์ | ||
แม้นหาไม่ไหนจะรอดเป็นอสุรา | ไม่พักมากวนท่านให้วุ่นวาย | ||
แม้นท่านไปเรามิได้ให้ลำบาก | ต้องเหนื่อยยากเหมือนเขารบกันทั้งหลาย | ||
ไม่เหนื่อยเหน็ดเด็ดได้ด้วยสบาย | จะให้นายถือธำมรงค์ไป | ||
เข้าต่อฤทธิ์รุกราชพิฆาตขว้าง | คงจะล้างอสุราให้ตักษัย | ||
ถอดธำมรงค์ทรงยื่นให้ทันใด | อย่านอนใจการด่วนจวนเวลา | ||
ขุนกระบี่ดีใจเป็นที่สุด | รับเอาเทพอาวุธทูนเกศา | ||
แล้วสั่งไพร่ให้อยู่ในหิมวา | เชิญเสด็จสองราเหาะทะยาน | ||
คว้างคว้างมาในกลางโพยมมาศ | ดังครุฑราชเรี่ยวแรงกำแหงหาญ | ||
รุกขมูลเมืองแมนแดนวิมาน | สาธุการพร้อมพรั่งทั้งโลกา | ||
พระพิรุณโปรยปรายพระพายพัด | ทุกจังหวัดเทวัญก็หรรษา | ||
เยี่ยมพระแกลแลดูกุมารา | ด้วยจะฆ่ายักษ์ตายสบายใจ | ||
พระโคบุตรสุริยากับพานเรศ | มาถึงเขตพระสมุทรอันสุดใส | ||
รูปนิรมิตเทวาสุราลัย | เข้าลุยไล่รบรุมกับกุมภัณฑ์ | ||
ไม่พลาดเพลี่ยงเสียงระลอกกระฉอกฝั่ง | เพียงจะพังโลกาสุธาลั่น | ||
จึ่งเรียกสร้อยเข้าองค์พระทรงธรรม์ | ฝูงเทวัญรูปทิพย์ก็หายไป ฯ | ||
๏ หัศกัณฐมัจฉาพญายักษ์ | แลเห็นพักตร์ทรงฤทธิ์คิดสงสัย | ||
เทวราชกลับกลายก็หายไป | ยังจำได้แต่พี่น้องสองกุมาร | ||
กับวานรหนึ่งเรียงมาเคียงชิด | สำแดงฤทธิ์ร้องประกาศอยู่ฉาดฉาน | ||
เมื่อตะกี้เหาะหนีไปลนลาน | ไปชวนอ้ายเดียรัจฉานที่ไหนมา | ||
ทั้งสามคนครึ่งคำไม่พอเคี้ยว | ประเดี๋ยวเดียวชีวังจะสังขาร์ | ||
ไม่พอมือครือฤทธิ์อสุรา | เท่าขี้ตาก็จะวิ่งมาชิืงชัย ฯ | ||
๏ ฝ่ายพญาวานรสุนทรเย้ย | ว่าเหวยเหวยยักษาอ้ายหน้าไพร่ | ||
มึงประมาทว่ากูชาติวานรไพร | ตัวเองไซร้เป็นอะไรไม่พิศดู | ||
หางมึงเป็นหางปลาหน้าเป็นยักษ์ | ทรลักษณ์อัปยศไม่อดสู | ||
สองพระองค์พงศ์กษัตริย์ฉัตรชมพู | จะต่อสู้เสื่อมเสียพระเดชา | ||
กูเป็นข้ารองละอองบาท | จะพิฆาตอสุรศักดิ์อ้ายยักษา | ||
จงกราบองค์ทรงฤทธิ์อิศรา | จะเมตตาชีวันไม่บรรลัย ฯ | ||
๏ พญามารฟังสารแสนพิโรธ | ยิ่งกริ้วโกรธกัดฟันอยู่หวั่นไหว | ||
ประกาศก้องรองเหม่อ้ายลิงไพร | แต่ก่อนไม่โอหังเหมือนครั้งนี้ | ||
มึงจะให้ใครนั่นไปนอบนบ | พลางตลบโลดไล่กระบี่ศรี | ||
ทั้งหมื่นแสนแน่นมาในเมฆี | ขุนกระบี่โจนโจมโถมประจัญ | ||
หางกระหวัดปากกัดสองมือกอด | เอาเท้าสอดฟาดฟัดสะบัดหัน | ||
ดูกลมกลิ้งลิงกัดฟัดกุมภัณฑ์ | ยักษ์ประจัญลิงขบต้นคอวาง | ||
พวกยักษ์ไล่ลิงจับสัประยุทธ์ | อุตลุดลิงถีบตกน้ำผาง | ||
จมประดักยักษ์เจ็บลงร้องคราง | ลิงไล่ล้างมารร้ายวายชีวา | ||
จนสิ้นรูปกายสิทธิ์ฤทธิเดช | จะอ่านเวทไม่ชะงัดด้วยสัตว์ป่า | ||
ยังเหลืออยู่แต่ตัวอสุรา | ลิงระอาอ่อนสิ้นกำลังครัน | ||
จึงขว้างเทพธำมรงค์ของทรงศักดิ์ | ถูกอกอักอสุราจะอาสัญ | ||
ลงเซทรุดสุดแรงท้าวกุมภัณฑ์ | หัศกัณฐ์ตกลงในคงคา | ||
ค่อยกระเดือกเสือกกายเข้าฝั่งสมุทร | จะสิ้นสุดสูญชีพสังขาร์ | ||
เลือดชโลมโซมซาบอาบกายา | ภาวนาทิพมนต์ประสานกาย | ||
ไม่คืนติดต่อได้เหมือนใจนึก | หวนระลึกหวั่นไหวหทัยหาย | ||
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย | โอ้จะตายเสียวันนี้เป็นมั่นคง | ||
ระลึกถึงพรชัยเจ้าไกรลาส | ซึ่งประสาทเคยประสิทธิ์ก็พิศวง | ||
มาแพ้ฤทธิ์ลิงไพรในณรงค์ | เสียดายทรงฤทธิไกรดังไฟกัลป์ | ||
โอ้เสียดายชลสายกระแสเชี่ยว | เคยมาเที่ยวปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
ยามสบายเคยเล่นไม่เว้นวัน | ประพาสพรรณมัจฉากุมภาพาล | ||
โอ้นับปีนับเดือนจะเลื่อนลับ | มิได้กลับมาชมกระแสสาร | ||
โอ้เสียดายคูหาในบาดาล | เคยสำราญเช้าเย็นอยู่เป็นนิตย์ | ||
ยิ่งระลึกนึกไปก็ใจหาย | ราพณ์ร้ายโหยหวนรัญจวนจิต | ||
พอสิ้นคำอสุรินทร์สิ้นชีวิต | ก็ขาดจิดอยู่ยังฝั่งคงคา ฯ | ||
ตอนที่ ๕ ยักขินีพาโคบุตรเข้าเมืองเนรมิต
๏ | |||
ตอนที่ ๖ โคบุตรได้นกขุนทองแล้วเข้าเมืองกาหลง
๏ | |||
ตอนที่ ๗ นกขุนทองถือหนังสือถวายนางอำพันมาลา ธิดาท้าววิหลราช
๏ | |||
ตอนที่ ๘ โคบุตรได้นางอำพันมาลาเป็นชายา
๏ | |||
ตอนที่ ๙ โคบุตรพานางอำพันมาลาหนีไปเมืองพาราณสี
๏ | |||
ตอนที่ ๑๐ อภิเษกโคบุตรกับนางมณีสาครและนางอำพันมาลา
๏ | |||
ตอนที่ ๑๑ นางอำพันมาลาให้เถรกระอำทำเสน่ห์
๏ | |||
ตอนที่ ๑๒ พระอรุณมาเมืองปราการบรรพต จับเสน่ห์เถรกระอำ
๏ | |||
ตอนที่ ๑๓ โคบุตรปรึกษาโทษนางอำพันมาลา
๏ | |||
ตอนที่ ๑๔ ขับนางอำพันมาลาออกจากเมือง
๏ | |||