โคลงนิราศพระพิพิธสาลี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 07:13, 12 ตุลาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระพิพิธสาลี

โคลงนิราศพระพิพิธสาลี มีอีกชื่อหนึ่งว่าโคลงนิราศชุมพร แต่งขึ้นโดยพระพิพิธสาลี หากไม่ปรากฏว่าได้แต่งขึ้นในช่วงเวลาใด

บทประพันธ์

๏ ศรีอยุธยนิเวศไท้ทรงทศ ธรรมแฮ
ปราบอรินทร์ยาวยศยิ่งหล้า
กฤษดาญสุดโสฬศเลืองโลกย์
พระเกียรติขจรจบฟ้าฟากฟุ้งแดนดิน ฯ
๏ วิษณุบรเมศไท้ธราธาร ท่านฤๅ
พรหเมศรังสฤษดิดาลแหล่งหล้า
แมนสรวงสุรพิมานเมรุมาศ
ไตรยเทพหากชลอฟ้าเลื่อนให้ลงดิน ฯ
๏      ปราการปรากฏเพี้ยงอำพน
ดุจศิขรมณฑลเขื่อนขั้น
คูขอบพิศาลกลอรรณเวศ
ดูพิลึกเกือบกั้นอยู่เพี้ยงจักรพาฬ ฯ
๏ จรรเทินรายรอบป้อมปืนตรา
ตระหง่านเรือนรบดาสระหล้าง
นางจรัลจรอกรัถยายศยิ่ง
โดรณรดาหอห้างเศิกเสี้ยนสยบสยอง ฯ
๏ ปราสาทโสภาคยเพี้ยงพรหมินทร์
เมิลพิมานเมืองอินทร์อบแก้ว
ดุจปีกกวักกวายบินลมเลื่อน อยู่นา
แสงส่องจำรัสแผ้วพุ่งพ้นทินกร ฯ
๏ เสาโสมสวมมาศไล้เลอแสง
บันเขบ็จชรแชรงช่อฟ้า
ครงครีครีบครุฑแครงทวยทาบ
บานประทุมกระหลับหน้าสี่เกล้าเงยงาม ฯ
๏ โพรงพรายจัตุรมุขหว้ายเวหน
เวหาศบัญชรยลเยี่ยมฟ้า
เจียระไนจระนำกลเก็จมาศ
บานเบิกรจเรขหน้าหล่อเหลื้อมทองทอ ฯ
๏ มุขเด็จดูดิเรกห้องระหงฉาย
พิศพิมานอินทร์อายอาสน์ฟ้า
บุษบกพิพิธพรายไพโรจน์
ดุจอาสน์กัมพลถ้าออกท้าวแขกขาม ฯ
๏ จัตุรงค์พิริยราชร้าสงคราม
เอาอรินทรเข็ญขามทั่วท้าว
พลพฤนท์พ่างพลรามรอยราพณ์
ตนละตนอาจห้าวไล่ล้างดัสกร ฯ
๏ กระเกริกไกรเกียรติท้าวทุกเมือง
หยอนพระยศรณเรืองรุ่งเร้า
บรรณนิตย์นองเนืองมานอบ
ขออยู่เคียมคุมเค้าคู่ด้วยโดยใจ ฯ
๏ เรืองศาสน์พระศากยะสร้อยสุทธศรี
เรืองสถูปรัตนเจดีย์โด่งฟ้า
เรืองรองพระธาตุตรีไตรโลกย์
เรืองรสธรรมแจกหล้าเลื่อมให้เห็นสวรรค์ ฯ
๏ เกษมสุขทุกข์ราษฎร์แม้นเมืองอินทร์
สาวบ่าวเมากามยินแช่มช้อย
สายัณห์ร่ายเพลงพิณปากผิ่ว
โนนาดกรีดกรายก้อยม่ายคิ้วเคียงคม ฯ
๏ ครื้นเครงมหรสพซ้องทุกภาย
ชัวชื่นทุกหญิงชายทั่วหน้า
พรรษาน่านนองถวายกทงทีป เทียนนา
เป็นที่ดำเลิงหล้าอยู่เที้ยรนิจกาล ฯ
๏ ร่ำปางพิโยคเนื้อนงลักษณ์ พี่เอย
บเริ่มเรียมแรมรักห่างห้อง
กำโบลแนบแนมพักตร์พูนเทวษ
กำสรดแสนสวาดิน้องแนบไว้กับทรวง ฯ
๏ สงสารสาโรชสร้อยศรีสมร
ขวัญแม่เคยแนบนอนแนบเนื้อ
จักพรากอุรารอนเรียมสวาดิ
โอ้จักเย็นอกเรื้ออยู่ร้างแรมปี ฯ
๏ อาวรณ์โฉมแม่ร้อยรำพึง
อกพี่เพียงปืนตรึงตราดต้อง
อาลัยตกจรลึงขวัญฝ่อ ราแม่
ใจบ่เป็นใจหว้องหว่าดิ้นแดโดย ฯ
๏ จักบำราศแม่แม้ตัวตาย
เยียอยู่ใยเป็นกายก่อสร้าง
ดวงเดียวสุดเสียดายดวงสวาดิ พี่เอย
บุญก่อกรรมใดมล้างจากเจ้าจำไกล ฯ
๏ จักขืนจักขัดไว้ฤๅทาน
ดินท่านหนาหนักปานแผ่นฟ้า
จักไกลนุชเลวลาญลับเนตร
จำจากจำเนียรหน้าแม่หน้าเอ็นดู ฯ
๏ ซบพักตร์กระซิกไห้ฟูมฟาย
ชลเนตรคือชาดลายเลือดย้อม
ทุกข์ทับสุดทรงกายอกพี่ ราแม่
ดุจหนึ่งเขาแสนอ้อมโอบซ้อนทรวงเรียม ฯ
๏ จุมพิตพิศวาสน้องลาโลม
ปลอบนุชพลางถนอมโฉมซ่อนชู้
ตระกองปิยุทร์ตระโบมบัวมาศ
สอนแม่สอนใจสู้สั่งสิ้นทุกอัน ฯ
๏ ลาลงนาเวศหว้องเวียนตา
หวิวหว่างวิงวิญญาด่าวดิ้น
เหลียวหลังสั่งนุชอาดูรเทวษ
ใจจักขาดพันชิ้นเด็ดด้วยอาลัย ฯ
๏ เรือถอยจากท่าน้ำตาพราย
ท่าแม่เคยสนานกายห่อนเว้น
ขอฝากช่วยปรามสายสมรมิ่ง เรียมนา
เยียอย่าลงหลงเหล้นเงือกร้ายเรียมกลัว ฯ
๏ โอ้ดวงปิยุทร์ยั่วแย้มย่ำยาม กูเอย
จำวิโยคสุขสนามสุดไส้
คำนึงนุชโฉมกามกมเลศ
อกพี่ทนเทวษไหม้รุ่มร้อนฤๅวาย ฯ
๏ มาถึงตำหนักน้ำฉนวนสินธุ์
เสมออาสน์กัมพลอินทร์ฝ่ายฟ้า
แซ่เสียงสุรางค์ยินรมเยศ ท่านนา
หน้าพี่ดูทุกหน้าใช่หน้านวลสมร ฯ
๏ หลัดหลัดมาลุด้าวอาราม
วัดแจ้งแจ้งเจ็บกามโศกสร้อย
อกเรียมยิ่งไฟลามลำลาบ พระเอย
วัดแจ้งวัจนาหน้อยแก่น้องนางเฉลย ฯ
๏ ปากคลองไป่ปากรู้พาที
หูบ่มีอินทรีย์สอดรู้
กำสรดช่วยปรานีเรียมร่ำ ลาแม่
แหวกละเวิกวนหวู้หว่าด้วยเรียมมา ฯ
๏ บางกอกกอกเลือดซ้ำหนองใน แลฤๅ
กอกย่อมรักษาใครทั่วเท้า
อกเรียมชอกตับไตบวมบ่ง
วานกอกกอกหนองเหน้าช่วยให้เรียมคลาย ฯ
๏ มาลุวัดเลียบแล้ววันทา
แลเลียบทุกหนหาร่วมรู้
ตาแลสุดสายตาจักขาด แลแม่
เรียมบ่พานโฉมชู้เลียบเต้ามาตาม ฯ
๏ ตีนเลนรอยแม่เต้าตีนตาม
หวังว่าตีนสาวกามพี่ให้
ตีนเลนใช่เชิงทรามสวัสดิ์สวาดิ กูเอย
มือลูบอกละไล้อยู่แล้ลาญทรวง ฯ
๏ ตีนเลนไป่ย่างได้ยังตาม
ตีนแม่พะงางามห่อนเต้า
ตีนเลนแล่นอกหวามใจหว่า แลแม่
ตามส่งเรียมพลอยเศร้าอยู่เหยี้ยมสายชล ฯ
๏ ถึงสาวปลื้มพี่ปล้ำปลอบใจ
ปลอบประโลมอาลัยคะค้อย
สาวปลื้มห่อนเห็นไฉนราแม่
ปลื้มแต่นามละห้อยห่อนปลื้มใจเรียม ฯ
๏ สาวปลื้มฤๅเปล่าปลื้มอาลัย
ปลื้มจิตฤๅปลื้มใจพี่เศร้า
จากมาเจ็บเจียรไกลใครกล่อม
จักประโลมใจเจ้าพี่ปลื้มอารมณ์ ฯ
๏ สามเพ็งเพ็งพักตร์เพี้ยงดวงเดือน แม่ฤๅ
แขแข่งคงคมเหมือนแว่นฟ้า
รำลึกเกลื่อนใจเตือนดาลตื่น
เพ็งว่าเพ็งพักตร์หน้าแม่หน้านวลจันทร์ ฯ
๏ ฉางพริกชุมพริกร้อนระลุงลวง
แผดเผ็ดกำเดาดวงผ่าวพ้น
ไฟกามกลัดกลางทรวงเจียวจี่
ร้อนยิ่งพิษพริกต้นลวกไส้เรียมแรง ฯ
๏ ฉางเกลือเกลือนิ่งแกล้งดูดาย
ใดเน่ารำหัดหายช่วยได้
ขอเกลือช่วยระมัดสายสวาดิพี่ หนึ่งนา
วานสมานสมรรักษ์ไว้รักเจ้าฤๅจาง ฯ
๏ คลังฝางฝางสดไซ้ฤๅแสง
สายเนตรเรียมเดือดแดงเลือดช้ำ
น้ำตาตกรินแรงโรยร่วง ลงนา
ยิ่งกว่าสีฝางขร้ำเนตรขร้ำตาเรียม ฯ
๏ เยียมามาลุแล้วคลังฝาง
ฝางบ่สุกเลยจางจากเจ้า
บำราศนุชมาทางทุกข์ทอด ใจนา
เรียมโศกฝางพลอยเศร้าเสื่อมเศร้าศรีหมอง ฯ
๏ เรือมาหลัดลุน้ำวงชล
น้ำบ่เวียนเรียมวนสวาดิน้อง
ปรานีนุชเนาหนหลังพี่ ราแม่
ดูจักปิดหับห้องอยู่ให้หาเรียม ฯ
๏ ถึงคามเขตคอกคุ้มขังควาย
เห็นกระบือแปลงรายคอกล้อม
เขาขังจักตัวตายนอนตาก ตนนา
ดุจพี่กรรมตามห้อมห่างเจ้าจำแปลง ฯ
๏ ลิ่วลิ่วลำล่องคว้างควักแด กูเอย
ควิวควิวลับคอกแควละห้อย
ลุบางลำพูแลลาญสวาดิ
แลลับเลือดตาย้อยหยาดน้ำตานอง ฯ
๏ ลำภูลำภาคย์เพี้ยงนงพาล พี่เอย
ใครช่างแหนมากานขวากล้อม
อนาถแน่งนพมาลย์สมรมิ่ง เรียมนา
ใครจักหวงนุชห้อมจากแล้วจะระวัง ฯ
๏ ลำภูพิโดรดาษด้วยดอกดวง
กลกลิ่นมาลีพวงพู่ห้อย
มือมาลย์แม่มาควงเคียงคู่ แขวนฤๅ
แลละลุงลาญสร้อยพี่สร้อยโศกสมร ฯ
๏ กำสรดเสนาะน่านน้ำตาตก
จรหลิ่งจรลึงอกช่วยไห้
พฤกษาทาบทามทกโยนยอด
เจ็บเพื่อจรเทินไหม้แม่ร้างแรมเรียม ฯ
๏ เรียมรอคลอเคร่าน้องฤๅไคล
เรือก็รอเอาใจจอดเจ้า
สาครบ่ไหลไหลลาเลื่อน
ทุกทั่วทิศาเศร้าโศกด้วยเรียมครวญ ฯ
๏ คลาคลานาเวศหว้ายชลธี
ตามกระแสสินธุ์ลีลาศเต้า
ดลดางคะนองดีดูหลาก ใจแม่
ตาวกับหมองศรีเศร้าพี่เศร้าใจถึง ฯ
๏ เยียมาบางโคล่แคล้วคลาคลอง
คลาคลาดสมรเรียมปองคลาดแคล้ว
ตาแลมุ่งเมิลมองหนแห่ง
โคล่แม่มาแจ้วแจ้วจากเจ้าขอเห็น ฯ
๏ ลงลุอาวาสไหว้วังพระ
นามราชบุรณะท่านสร้าง
พระเอยช่วยเผด็จสระสรงโศก หนึ่งนา
ขอส่วนบูรณะก้างก่อให้พูนเกษม ฯ
๏ อาสูรเสาวภาคย์เพี้ยงพิมพ์จันทร์ แม่เอย
เคยพี่รับขวัญขวัญอยู่เหย้า
จากมาคิดคืนวันทุกทุ่ม
ใครจักรับขวัญเจ้าพี่ให้คลายใจ ฯ
๏ ถึงวัดดอกไม้พี่หอมหา
หอมกลิ่นกลอยมาลารื่นเร้า
รวยรวยรำเพยพาพูนสวาท
กลกลิ่นรสคนธ์เจ้าพี่ต้องติดใจ ฯ
๏ มาลุปากลัดเลี้ยวจักจร
ทางกลับกลายเป็นดอนติดเต้า
โอ้อกพี่อาทรทุกข์ทุ่ม ทรวงนา
เกลือกจักกลายใจเจ้าจากแล้วจักลืม ฯ
๏ ถึงลัดเรียกด่านให้ขุนดู
ด่านช่วยเล็งอกกูจากน้อง
ไฟกามเฉกไฟฟูไฟด่าน เดียวพ่อ
ฆ้องเรียกดุจราคร้องเรียกเจ้าในทรวง ฯ
๏ โอ้ศรีกุสุเมศสร้อยศรีสมร
โฉมแม่คืออัปสรแบ่งบั้น
อินทร์หากพรากเรารอนราญสวาดิ แม่ฤๅ
ฤๅบาปสองมาซั้นเร่งร้างเราแรม ฯ
๏ คำนึงมาโนชน้องฤๅวาย
โฉมนุชฤๅเห็นหายแห่งห้อง
ตากตนประดาษตายดีกว่า
เป็นอย่าเป็นพรากน้องทุเรศร้อยเรียมตรอม ฯ
๏ จรลิ่วลาญลับแก้วตนกู
โฉมชื่นกามมฤธูซ่อนช้า
บางยอยออกตูอกแตก แลแม่
เจ็บแผ่นดินเจ็บฟ้าเท่าด้วยฤๅทัน ฯ
๏ บางยอพิโยคเนื้อนงแถง พี่เอย
รักเร่งลรรลุงแลลั่นไส้
รันทดระทวยแดดวงสวาดิ
ไฟราครุมทรวงไหม้อยู่เพี้ยงไฟกัลป์ ฯ
๏ ดวงเดียวโฉมแม่แหม้นดวงเดือน
เดือนค่ำเพ็งพิมพ์เหมือนหนุ่มเหน้า
รำไพแกว่นกามเตือนใจตื่น หลับแม่
เจียรจากจำเราเคล้าพี่เคล้าใครโลม ฯ
๏ เรียมมาบางรักเจ้ารำพึง
รักบ่จางใจถึงแม่ให้
บำนาศนุชมารึงสุดกู่ กูเอย
เจ็บยิ่งหนามยอกไส้เสียดร้อยรึงทรวง ฯ
๏ ถั่นถั่นเรือร่อนท้องชลธี
ถึงช่องเรียกนนทรีหว่านไหว้
พระเอยรักษาศรีสงวนทรัพย์ ไฉนนา
ขอฝากขุมรักไว้รักเจ้าจงคง ฯ
๏ เยียมามาลุแล้วบางเตย
เตยบ่หอมระเหยอื่นอ้าง
บารนีรักเรียมเอยเกรงกริ่ง ราแม่
เกลือกจักกลายรักร้างแตกต้นเตยแกม ฯ
๏ ถึงศาลเทเวศไหว้พระแผดง
ขอเผด็จทุกข์แทงเท่าฟ้า
พระเอยสิทธิคุณแรงเร็วช่วย
คืนควบพลันเห็นหน้านิ่มน้องยาใจ ฯ
๏ พระแผดงผดุงประดิษฐ์ตั้งสารบาญ
เชิญช่วยจำจดจารเทวษไว้
รายเรียมจากยุพมาลย์มาโนช
บวกบอกบาญชีได้ทุกข์ร้อยรายทาง ฯ
๏ เยียมาลิวโลดเบื้องบางสาน
ถนัดหนึ่งสารพิศม์ลาญลวกไส้
เจียรจากวิมลมาลย์มาโนช
เสียวสมรเรียมไหม้ยิ่งด้วยสารแสลง ฯ
๏ คูแหลมใครเซี่ยมสร้างสรรค์คม
เป็นประสิทธินิยมตราบเท้า
อกเรียมกลัดหนองกรมรักเร่ง รนนา
วานช่วยสอยหนองเหน้าบ่งให้คลายใจ ฯ
๏ เดียวเด็ดประภาษโอ้อาลัย
ตัวพี่ไกลจากใจอยู่เฝ้า
น้ำตาถั่งแถวไหลพรึมเพรื่อ
เทียรอกดินฟ้าเร้าโศกด้วยเรียมมา ฯ
๏ เรือมาพิโยคน้ำชเลลง
เรียมลุบางพระขนงเนตรน้อง
สมบูรณ์บุษป์บัวบงกชมาศ กูเอย
ขนงแม่ฤๅมาคล้องเคลือบไว้เป็นนาม ฯ
๏ พระขนงขนงเนตรน้องไฉนนา
ขนงแม่สุดหางตาเค่งค้อม
โอ้ใครฉลาดฉลองมาเฉลิมเนตร เรียมฤๅ
ขนงดุจขนงนางน้อมแนบหน้าเรียมชม ฯ
๏ บางผึ้งเห็นแผ่นผึ้งชุมรัง
ผึ้งตื่นตัวตอมระวังต่างเต้น
เสมออกพี่ระไวหวังสายสวาดิ ราแม่
ใจบ่คงเซ้นเซ้นเท่าด้วยตัวตอม ฯ
๏ แลลานอเนกสร้อยสวนสรรพ์
หมากสุกสรงสีฉันชาดบ้าย
พร้าวตาลตกเครือครันลำลาด
แลชะลายยาบย้ายยอดแย้มโบกใบ ฯ
๏ เห็นปรงเรียมระลึกแก้มเปรมปราณ
สวายสวาดิรสสวรรค์หวานสุดไส้
รำลึกม่วงเจียรจานนางแจก มือแม่
อร่อยรสฟ้าไล้ซาบลิ้นฤๅลืม ฯ
๏ มลักสองฟากฝั่งสร้อยสนผกา
โดรดอกดวงระดะตาช่อช้อย
ตระการรสรำพาผายกลิ่น
กลกลิ่นสมรเรียมหม้อยพี่กลั้วกลืนใจ ฯ
๏ รวยรวยรสมาศไม้มาลา
ลมเลวงหอมหากลิ่นใกล้
โฉมกามแม่มาทาธารเทียบ ไว้ฤๅ
เสียวสมรแซบไส้สั่นไส้ยรรยวน ฯ
๏ เรียมมาเยียย่อนไส้ตับไต
กามกระเวนหัวใจแยบแย้า
ระลึกแม่อาลัยลิวโลด
เข้าบ่เป็นคำเข้าแต่น้ำตากิน ฯ
๏ ดวงเดียวโฉมแม่ร้อยเรียมหา
หาทั่วทิศพันตาห่อนได้
มวยมาศมิ่งมาลาเฉลิมกลิ่น กูเอย
ควรพี่กลืนสวาดิไว้แห่งห้องในทรวง ฯ
๏ รักเรียมเรียมร่ำไห้โหยหา
น้ำเนตรเป็นเลือดตาตกย้อย
สรวงสรรพ์ทั่วเทพาเชิญช่วย
คืนสู่สมสวาดิร้อยชั่งเช้าเย็นชม ฯ
๏ จากมาอกพี่พ้นพรรณนา
เจ็บยิ่งเจ็บแสนสาหัสไห้
บ่ลุแล่งอุระพาเทวภาคย์ แลยแม่
ภาคพี่รักเตรียกไว้อยู่เคล้าฤๅคลาย ฯ
๏ บางนาทุเรศด้าวดำบล
เห็นระหัดหันชลอกช้ำ
น้ำเนตรน่านนองทนเทวษดั่ง นี้นา
วานรหัดวิดน้ำเนตรหน้อยเอ็นดู ฯ
๏ บางวัววัวอาสน์ไท้เถลิงองค์ ท่านฤๅ
องค์อิศรยานยงยาตรฟ้า
ขอเดชพระดำรงไตรโลกย์
เชิญช่วยพลันเห็นหน้านิ่มเนื้อเรียมคะนึง ฯ
๏ ถึงสำโรงเรียกไม้นามคาม
ดุจหนึ่งสำโรงงามแม่อ้าง
รำลึกแม่โฉมกามฤๅห่อน เห็นเลย
โอ้ว่าสำโรงถ้างอยู่ถ้าใครลง ฯ
๏ สำโรงสำหรับบ้านจำบาง
ถนัดแนะลำเนาทางจักเต้า
สำโรงแม่รางชางสักชั่ว ใดนา
ไฉงว่าสำโรงเจ้าพี่เหล้นลงโรง ฯ
๏ มาจากสมรแม่ม้วยไมตรี เรียมฤๅ
เจ็บจากสุดแสนทวีเทวษไห้
ลุถึงจากแดงตีทรวงท่าว ถึงนา
จากก็แดงใบไหม้จากเจ้าพลอยตรม ฯ
๏ เรือมาบางชื่อบ้านหัวเสือ
ตระหนักตระหนกใจเผือกระด้าง
เรือรี่พี่รอเรือราเปล่า
เอาแต่หัวเสืออ้างไขว่ให้เรียมกลัว ฯ
๏ หัวเสือสมมติให้นามคาม
ดุจหนึ่งเสือปากปามปีบได้
เสือเอยช่วยคำรามกำราบ รักนา
เยียอย่าผีคนใกล้นิ่มน้องมากลาย ฯ
๏ พิไรเรียมร่ำร้อยสงสาร
ถึงสมุทรเมืองปราการท่านตั้ง
มาโนชแน่งนงพาลพิมพ์โพธิ กูเอย
ละพี่หัวใจขลั้งกลัดกลุ้มกลางใจ ฯ
๏ เมืองสมุทรสมรรถสร้างสิมา ท่านแฮ
กรุงเทพทวาราเลิศแล้ว
เกษมราษฎร์สุขสถา-พรภาพ
อาวาสวังพระแพร้วเพริศด้วยทองพราย ฯ
๏ เรียมยลทุกย่านน้ำนองชล
จบจลาดแถวถนนย่านกว้าง
สาวกามบ่ยวนยลใจชื่น พี่แม่
รำลึกโฉมรักร้างรักเจ้ารุมใจ ฯ
๏ เห็นเขาคือคู่เชื้อฝอยไฟ
กามเลวงตับไตแล่นล้าว
เจียรจากนุชมาไกลกลอยสวาดิ
รันทดรันทวยอ้าวอกร้อนรุมรึง ฯ
๏ ลิ่วลิ่วลมว่าวหวู้วายุพัด
ชาวเพื่อนแพใบดัดดาษฟ้า
เลียวลอดรอกรึงรัดระยางแย่ง โย่งนา
พลันจากจำเนียรหน้าแม่หน้าบัวจันทร์ ฯ
๏ ลมลิ่วตรูตราดต้องตราใบ
เรือเฉื่อยชมชเลชัยชื่นช้า
บงเนตรตัดดวงไถงสระคุ่ม
บัดลุแหลมล่งฟ้าฟากไม้ทิวทาง ฯ
๏ ถึงแหลมแหลมเรียกฟ้าฟาดสาย
แหลมล่มแหลกชำลายล่าวล้าง
สาวสมุทรเลือดตากระจายแสนเจ็บ ฤๅแม่
ฤๅเท่าขวานรักขว้างผ่าไส้ทรวงเรียม ฯ
๏ เยียมาลุปากน้ำชเลวน
ปากบ่พูดจาจนจักพร้อง
หวังวานช่วยทำงลเรียมบอก น้องนา
น้ำท่วมปิดปากร้องสั่งไว้ฤๅยิน ฯ
๏ ถับถึงหลังเต่าตั้งเรียมฉงน
ฉงายว่ากระดองกลเต่าแล้ว
เต่าทองแม่ลงชลชมช่อง ชเลฤๅ
อ้าใช่ตัวเต่าแก้วพี่เพี้ยนพึงอาย ฯ
๏ ดลดำบลเกาะแก้วสีชัง
เกาะย่อมรับเคราะห์ทังธเรศไว้
เกาะเอยอย่าเคียดรังเกียจหน่อย หนึ่งนา
รับเคราะห์เรียมฝากได้ช่วยด้วยมีคุณ ฯ
๏ เห็นเขาสมมุขแม้นพิศวง
ไฉงว่ามุขอนงค์วงแว่นแก้ว
ธาดาสฤษฎิ์แปลงปลงมาเปลี่ยน ไว้ฤๅ
สมมุขสมมติแล้วล่อให้เรียมชม ฯ
๏ เยียมามาลุแล้วเกาะคราม
ดุจหนึ่งสีอกกามพี่ช้ำ
เจ็บจากพะงางามลิวโลด
อกพี่คือพรายย้ำยิ่งด้วยครามทา ฯ
๏ มุ่งเห็นเกาะไผ่พู้นเด็ดเดียว
ไผ่บ่เขียวเรียมเขียวอกคล้ำ
จากมารากแรงเจียวทรวงจี่
เจ็บอุระเรียมช้ำชอกเนื้อในทรวง ฯ
๏ เกาะส้มนึกซ่มน้องโอชา
สอยใส่สอบฝากมาเมื่อไร้
ยามอยากหยิบจักยาใจพี่ ราแม่
ส้มแม่หวานรสไล้ระลึกลิ้นหวานเอง ฯ
๏ เรือเร็วมาล่วงแล้วแหลมหลวง
ดุจหนึ่งแหลมแทงทรวงเลือดย้อย
โอ้ศรีสุดาดวงกมเลศ กูเอย
เจ็บพี่ปานหอกร้อยห่อนเจ้าเห็นใจ ฯ
๏ เจ้าลายลายมุ่งแหม้นใจดล ดะฤๅ
ลายผุดบอกตำบลตกต้อง
ปรานีอย่าอำอลรังเกียจ
บอกบ่อนขุมรักน้องแนะให้เรียมปลง ฯ
             

๏ บัดใบลมแล่นเลี้ยวถึงปราณ
ปราณพี่พัดลมฆานขัดข้อง
ปราณแปรพิบัติดาลดูหลาก ลางแม่
อกพี่คือปืนต้องเร่งร้อนรุมทรวง ฯ
๏ กำสรดเสนาะเทพท้าวทุกภาย
รักช่วยบำรุงสายสวาดิไว้
บำเรอร่ำร้องถวายทุกแห่ง
ขอสมสมรเรียมได้แนบแนื้อคืนสม ฯ
๏ มาถึงเกาะโขลกเหล้หัวผี
ผีบ่หลอกเลยตีโขลกให้
กลายกลับช่วยปรานีเรียมร่ำ ถึงนา
โหดแต่ผีเพื่อนไร้ช่างรู้กินแรง ฯ
๏ เยียมามาเกาะแก้วนมสาว
ดุจเกาะดวงนงจาวแจ่มเจ้า
รำลึกฤดูหนาวนอนแนบ
เรียมประจงจรดเต้าติดไว้กับทรวง ฯ
๏ นมสาวสาวสวัสดิสร้อยสาวสวรรค์ แม่ฤๅ
ถนัดนึกยุคลถันหนุ่มเหน้า
ปริยุทรเทพบัน-ดาลเดช ไฉนนา
ดุจประทุมทิพย์เต้าเต่งให้เรียมชม ฯ
๏ ถึงสามร้อยยอดหย้านเขาหลวง
ยอดแยกดุจแยกทรวงบาปน้าว
เจ็บจากระลุงลวงลาญเทวษ ราแม่
อกยิ่งเขายอดร้าวแยกร้อยอกเรียม ฯ
๏ โอ้ดวงกมเลศแก้วโกมล กูเอย
เคยภู่พานเสาวคนธ์ค่อยเคี้ย
ตระบอกบุษป์ผกากลบานแบ่ง
เรียมภิรมย์รสเกลี้ยกลิ่นเกล้ากำจร ฯ
๏ เรือมาโท่งโท่งท้องชลธี
ถึงอ่าวเกลียวเรียมตีอกไห้
คำนึงมิ่งไมตรีรักร่วม ราแม่
เกลียวกล่อมกลืนสวาดิไว้หนึ่งน้อยฤๅคลาย ฯ
๏ เยียมามองไล่แล้วแลหา
ถนัดแม่หมายมองมาม่ายชู้
ตาติงบ่เต็มตาเรียมต่อ ตาแม่
มองไล่แลมองสู้สวาดิเจ้าเรียมมอง ฯ
๏ อุตราตึงตื่นตั้งพลพัด
ใบโบกคนโดงทัดท่านท้าน
สาครคลื่นฟองฟัดฟูมฝั่ง
อกเรือรันทดร้านร่าวร้าวอกเรียม ฯ
๏ มาดลแดนเกาะเงี้ยวงูดง
งูย่อมรัดสัตว์วงติดต้อง
จากมาแม่เลวองค์อกเปล่า
วานช่วยรัดรักน้องแน่นไว้ฤๅวาง ฯ
๏ เกาะแรดแม้วแรดร้ายดำเกิง
เยียวว่าแรดพระเพลิงม่านไซ้
ไฟพระเสด็จมาเถลิงหลังอาสน์ นั้นฤๅ
เผาอุระเรียมไหม้คู่ด้วยไฟกาม ฯ
๏ มาแรมทุเรศด้าวนางรมย์
เจียรจากเจ็บอกกรมสวาดิไหม้
โฉมกามชื่นกามชมเชยเปล่า ราแม่
นางร่วมภิรมย์ไร้สว่างร้อนฤๅมี ฯ
๏ นางรมย์นางราศร้างแรมสมร
เจ็บจากนุชมานอนสั่นไส้
อกเรียมทุเรรอนรุมเทวษ
นางรมย์รมย์พึงไหม้เร่าร้อนอารมณ์ ฯ
๏ นางรมรมย์รักร้อยรมยา เรียมเอย
รมเยศภิรมย์มาราศร้าง
รำลึกรสรมยกามาแม่ ราแม่
นางใช่นางเรียมอ้างอ่อนให้เรียมฉงน ฯ
๏ เยียมามาลุแล้วหัววาน
ถนัดหนึ่งวาฬไกรมานใช่น้อย
วาฬวนอยู่เจียนกาลจำปาก คลองนา
วานช่วยจำคำข้อยข่าวน้องนางเฉลย ฯ
๏ ถึงเมืองประเทศร้างแรมคน
ขวัญแม่ขวัญเมืองทนเทวษร้าง
บุรีราชจุมพลพงเปลี่ยว ไฉนนา
เมืองก็โรยราชร้างคู่ด้วยเรียมแรม ฯ
๏ เกาะพิงพิโยคน้องมาทาง
เรือร่อนแหวกวนวางผาดผ้าย
ลมลงปีกโขดงกางบินโบก ใบแฮ
แลระลอกคล้ายคล้ายเกลื่อนกลุ้มผกาแจรง ฯ
๏ เกาะจานมาจวบเพี้ยนพิศฉงน
ดุจดอกจานจงกลจาดแก้ว
จานทองแม่นฤมลนฤมิต มาฤๅ
นึกประหลาดแคล้วแคล้วคลับคล้ายจานงาม ฯ
๏ มาดลลุด้าวแม่ รำพึง
เรียมร่ำพรรณนาถึงสุดอ้าง
ร้อยรักแม่คำนึงคิดค่ำ คืนฤๅ
โอ้แม่รำพึงร้างพี่ร้อยรำพัน ฯ
๏ บางสะพานมาลุแล้วใจปอง
เห็นแต่เตาคุมทองบ่อนเบ้า
สมบูรณ์นิ่มนวลละอองกมุทมาศ กูเอย
ควรแต่ทองน้ำเก้าหล่อไว้ชมแทน ฯ
๏ บางสะพานพานพาดพื้นทองดี
ขุมขุดนิธีรีร่อนร้าง
ขุมทองแม่มังศรีเสาวภาคย์ เรียมเอย
มาจากจำเนียรหว้างร่อนเนื้อนพคุณ ฯ
๏ บางสะพานขัวขุดข้ามเป็นทาง
แสระสะพักกลบางบ่อเหน้า
แระริมร่องเป็นรางรอยร่อน
ไฉงว่าขุมคำเจ้าพี่เพี้ยนพิศวง ฯ
๏ เห็นเขาชลุช่องชั้นชำลาย
ดุจหนึ่งอกเรียมสลายรักน้อง
นับวันทอดตนตายประดาษ
เจ็บยิ่งพิษศรต้องชลุร้อยทรวงเรียม ฯ
๏ ม่านวังกลม่านน้องนางวง ไว้ฤๅ
บงบทจรอรองค์แม่เต้า
เกศกามแน่งนิศกลงกมเลศ
วานแหวกวังม่านเจ้าพี่ให้ขอเห็น ฯ
๏ เยียมาดลฝั่งด้าวดินแลง
ดินบ่แดงอกแดงเลือดย้อย
เจ็บจากทุราแรงแรมสวาดิ ราแม่
กำสรดสายตาห้อยสะอื้นอาดูร ฯ
๏ บางสนสนธเยศหย้ำสนธยา
สนส่งรำเพยมาคละคล้าย
รำลึกรสมาลาเลวงกลิ่น
เคยแม่รวยรสผ้ายผาดให้เรียมเชย ฯ
๏ ถึงประทิวประเทศท้าวเวียงไชย
เห็นแต่พฤกษ์ทิวไพรลิ่วล้ำ
ลันลุงย่อนตับไตจักแตก ราแม่
คลื่นก็ซัดลมซ้ำอยู่สู้กลางชล ฯ
๏ ฉานฉานกระฉอกคลื่นขลั้งถล่มดิน
ฉ่าฉ่าสมุทรนองสินธุ์เฟื้องฟื้น
พลพยุพัดโพยมบินเรือร่อน
เสียงอ่าวโอดอกสะอื้นช่วยไห้รักเรียม ฯ
๏ เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่นฟ้าตกเมรุ
ผรัศสุรามสุเรนทร์สาตรซ้อง
สะเทือนธรณิศเอนอกโอฆ ราแม่
ฤๅเท่าอกเรียมร้องเรียกเจ้าในใจ ฯ
๏ อ้าแม่แม้นแมกฟ้าเมขล กูเอย
มาแม่มาตระเวนวนน่านน้ำ
พระสมุทรพิมานมณ-ฑลเทพ ท่านนา
เชิญช่วยชูอกปล้ำปลาศพ้นอาดูร ฯ
๏ เรียมเรียกทุกเทพไท้ฤๅยิน
พันเนตรทฤษฎีดินโลกย์แล้ว
พรหมอิศวโครวินวรเวค ท่านนา
พิษณุนอนนาคแผ้วเพิกได้ฤๅฟัง ฯ
๏ ๖นเดียวสันโดษท้องชลธี
ไห้ร่ำศรีหาศรีสุดฟ้า
พระใดบ่ปรานีเด็ดสวาดิ เรียมมา
จำพี่ทุกข์เหลือหล้าแหลกหล้มลาญทรวง ฯ
๏ รำลึกโฉมแม่ไหน้กับตา
ตาพี่แลเห็นหาห่อนเว้น
กรรมใดแบ่งอกมามาจาก
ตัวจากใจเรียมเคล้นอยู่เคล้าฤๅคลาย ฯ
๏ ถึงเขาหมอนมาดแม้นหมอนทอง
หมอนแม่เคยเขนยรองรับชู้
ปานนี้นุชจักปองเป็นเปล่า แลแม่
หมอนจักราแรมสู้อยู่ถ้าเรียมนอน ฯ
๏ บรรจถรณ์นอนแนบเนื้อเรียมเสบย
เคยนุชแนบแนมเขนยอ่อนเอื้อ
จากมานิราเชยชมกลิ่น
โอ้จักเย็นเยียบเนื้อนิ่มน้องนอนเดียว ฯ
๏ กรรแจะขจรกลิ่นกลั้วกลืนใจ
จันทน์จรุงรำไพรื่นเร้า
โฉมฉมวิมลละไมละมุนมาศ เรียมเอย
จันทร์แม่วายว่างเศร้าอยู่แล้ใครทา ฯ
๏ เกศินีภู่แพร้วยุงพราย
เคยกรีดกันไรรายเรียบเส้น
เสนียดแหนบนุชฤๅวายสักคาบ
โอ้แต่จักว่างเว้นอยู่เศร้าศรีหมอง ฯ
๏ มลักเห็นนกชื่นชู้ชายชเล
ชายชลาลาดเทท่าน้ำ
นางนวลแนบโนเนแนมคู่
บ้างก็ปันรสกล้ำปากป้อนกันกิน ฯ
๏ ยลฝูงมยุรย่างเยื้องเฉวียนฉวาง
ชมคณานิกรนางฟ่ายฟ้อน
โอ้ศรีสบูบางแบบมาศ กูเอย
เคยพี่ชมนุชอ้อนแม่แม้นมายูร ฯ
๏ กุโนกเงือกงั่วต้อยติติรา
ภูรโดรโคกม้ามาแมกไม้
จักโกละวาลาบุรบุ่น
พิราบร่ำดุจเสียงไห้พี่ไห้หาศรี ฯ
๏ กินปลีแปลกเปลี่ยนเปล้าแนมนวล
ลมเล่นประโลมลวนคู่เคล้า
เห็นนกภิรมย์ชวนชายหาด แลแม่
เปล่าอุระเรียมเศร้าอยู่ดิ้นแดโดย ฯ
๏ ฝูงนกนกร่อนร้องริมชล
นกว่ายเวหาหนแซ่ซ้อง
นกเอยช่วยทำงลสารสั่ง น้องนา
นกบ่ภาษาพร้องพร่ำให้เรียมวอน ฯ
๏ จากมาตามืดหน้ามัวมนท์
เรียมร่ำทุกดำบลย่านน้ำ
น้ำตาตกเติมชลชเลล่ม ลงนา
อกพี่สุดอกค้ำเทวษไว้ฤๅคง ฯ
๏ เรือมาเร็วร่อนท้องสาชล
วาฬว่ายเวียรวันวนคล่ำคล้าย
ฝูงปลาตื่นตีตนตามคลื่น
โศกช่วยรักเรียมผ้ายอยู่เพี้ยงสงสาร ฯ
๏ ชเลชลาลึกร้อยรางวัด
ปักป่วนเป็นฟองฟัดอ่าวอ้า
สาครลั่นลมพัดเลือนลอก
เสียงสมุทรตีอกบ้าเพื่อด้วยเรียมครวญ ฯ
๏ ถึงเกาะนิเวศท้าวองค์ใด
ใดนิราศราไชยเปล่าว้าง
เกาะเวียงวิเวกใจปลงเปลี่ยว
เวียงก็แรมราชร้างพี่ร้างแรมเรือน ฯ
๏ คลอนคลอนสุริเยศคล้อยรถทรง
รับอัศดรอัสดงเมฆไม้
มยุเรศกระโหยหงส์หาคู่
เรียมก็โหยใจไห้พร้ำไห้หาศรี ฯ
๏ เกาะโทนโทนถงาดเงื้อมชลธี
ดุจอกเรียมเลวลีลาศเต้า
โทนทางทุเรศศรีเสาวภาคย์
อกพี่ปานเขาเศร้าอยู่เว้กลางวน ฯ
๏ เกาะโทนโทนเทพถ้องดนตรี แม่ฤๅ
โทนบ่ตีเรียมตีอกช้ำ
เจ็บทรวงพี่พันทวีแสนเทวษ ราแม่
อกหนึ่งหนังขึงซ้ำท่อนไม้ตระบองโบย ฯ
๏ หนาวลมลมพัดพื้อพาใบ
ใบโบกกะทงโขดงไหวกวัดฟ้า
ถึงเกาะเรียกนามไทรสุรเทพ สิงนา
ถนัดพระไทรจอมหล้าลอบให้สองสม ฯ
๏ พระไทรไกรเกียรติห้วงมหาสมุทร นี้ฤๅ
อาจเอาอนิรุทธ์รุดสู่น้อง
ปรานีอกเรียมทรุดทรวงสวาดิ
เชิญช่วยพาคืนห้องแนบเนื้อนางนอน ฯ
๏ เรียมบวงทุกบ่อนเบื้องบำรุง
นบเทพสิทธิศักดิ์คุงค่ำเช้า
ขอเดชอดุลย์ผดุงดับโศก
พลันควบคืนสมเจ้าพี่น้องนางเดียว ฯ
๏ มาถึงประเทศด้าวชุมพร
ชุมแต่ทุกข์อาทรเท่าฟ้า
ชุมพรช่วยอวยพรอกพี่ หนึ่งรา
พรท่านขอเห็นหน้าแม่หน้อยเรียมตรอม ฯ
๏ ชุมพรคิดเมื่อแม้ชุมพงศ์
ชมแรกเราโรงลงอยู่เหย้า
พรใดท่านอวยมง-คลคู่ กันนา
ขอประสิทธิ์จงเจ้าพี่ได้คืนสม ฯ
๏ ลุเขตเขานกน้อยแรมรัง
รังจักฟักฟองขังไข่ค้าง
จอแจจับประนังแนมคู่
ดุจหนึ่งอกเรียมร้างนิราศห้องเคยนอน ฯ
๏ ไชยาไชเยศเชื้อชุมไชย
ไชยสิทธิเกียรติไกรอาจอ้าง
ขอเทพยสถิตในชนบท นี้นา
อวยเดชดำเลิงมล้างเผ่าผู้อาธรรม์ ฯ
๏ เรียมแรมทุเรศด้าวลางสวน
แสนสวาดิคำนึงนวลแน่งน้อง
กุณฑ์กามระกำกวนทรวงซูบ ราแม่
โหยระลึกหาห้องอยู่เล้าเคยโลม ฯ
๏ ลางสวนสวาดิสร้อยสวนสวรรค์ มาฤๅ
ศรีสุพรรณทุกพรรณมิ่งไม้
ดาษดวงพิโดรชันชูช่อ
ฉมกลิ่นธารทิพย์ไล้เฟื่องฟุ้งเสาวคนธ์ ฯ
๏ กำจรกระแจะกลิ่นแก้วกำโบล แม่ฤๅ
ดวงตระบอกบุษพิโดรธูปต้อง
อ้าอรผอูนโอนองค์อ่อน แม่เอย
แก้มแม่ฤๅมาข้องค่าไม้หอมหวน ฯ
๏ มาลีพิลาสล้ำมาลา
มาลุลีลมพารวดเร้า
รวยรวยสุคนธาธารกลิ่น
การะเกดหอมกลเกล้าเกศน้องนางสยาย ฯ
๏ ลำดวนดอกดาษโอ้อบอวล
กลายกลิ่นนุชแนมนวลแนบชู้
กรรณิการ์พิกุลกวนชวนชื่น
หอมขจรรสรู้กลิ่นแก้มมาแกม ฯ
๏ จำปีปรีเยศแย้มยมโดย
สาวหยุดหยุดหาโหยกลิ่นน้อง
จันจาอุไรโรยรสร่วง
นางคลี่คลี่คลาช้องชื่นช้องนางคะนึง ฯ
๏ กาลากาลอดแก้วกาหลง
พุดจีบจำปาดงดอกค้อม
พยอมพิโยคประยงค์ยวนกลิ่น
ดุจกลิ่นศรีสไบย้อมร่ำไห้เรียมมา ฯ
๏ นมสวรรค์สวัสดิ์สวาดิเพี้ยงพิศวง
คิดประทุมบัวบงเติบเต้า
แลลาญสมรหลงลืมสวาดิ
ไฉงนึกนมนุชเหน้าพี่เคลิ้มเห็นหา ฯ
๏ เล็บนางเฉกเล็บน้องงามงอน
เมื่อแม่บรรจงกรจุดจี้
คำนึงนุชยามนอนนอนเปล่า
วานพิโดรดอกชี้ช่วยให้หายคัน ฯ
๏ สุกรมภิรมย์รสเร้ารำพาย
ลมเลวงอวลอายอบฟุ้ง
โฉมกามแม่เกลากายกลอยกลิ่น มาฤๅ
หอมสุกรมกรมสะดุ้งยั่วให้กรมใจ ฯ
๏ ศรกามแสนสาตร์ต้องตราทรวง
พิศม์ระลุงลาญลวงหมื่นไหม้
ใดอาจจักยาดวงแดเดือด พี่แม่
ยาจักเสียวสวาดิได้แต่น้องนางถนอม ฯ
๏ กลอ่นใดเชยชื่นช้อยชูทราม สวาดินา
ดุจกลิ่นพธูกามชื่นชู้
รสใดดุจรสความรักร่วม กันแม่
รังรสอำมฤตย์รู้อร่อยนั้นฤๅปาน ฯ
๏ โอ้ศรีสมรแม่แม้นสาวสวรรค์
ละพี่เดียวแดยันว่ายฟ้า
ทรวงเรียมเรียกหาขวัญแขวนสวาดิ
ทุกข์ท่านทุกข์ไตรหล้าโลกย์นี้ใครเทียม ฯ
๏ รำลึกสาโรชสร้อยเสาวคนธ์ กูเอย
เยียอยู่หนหลังทนเทวษเศร้า
กามาวจรดลใจมิ่ง แม่ฤๅ
ดาลดึกดำฤษณ์เคล้าคลื่นไส้เรียมคลอน ฯ
๏ คำนึงมาโนชด้าวเดือนดึก
เดือนบ่นึกเรียมนึกนิ่มน้อง
ภิรามรักรัวรึกรมเยศ
ไยแม่มามาจ้องจิ่มฟ้าเฟือนจันทร์ ฯ
๏ อาลัยฤๅลุแล้วคืนวัน
หลับบ่หลับเลยฝันคละคล้าย
โกศกามขจรจันทร์จรุงกลิ่น แม่ฤๅ
หอมกลิ่นรสใดผ้ายพี่เพี้ยงผกากาม ฯ
๏ จรลิ่วลับแม่ม้วยมาไกล
นับแต่เดือนดวงไถงว่างว้า
ตากตยแตกตับไตฤๅต่อ ติดแม่
อกพี่ดุจตกฟ้าอยู่คว้างขวัญหาย ฯ
๏ แม้มีปีกกวักได้บินบน
จักเห็จจรหาวหนสู่ห้อง
โฉมกามกอดกับตนฤๅตาก ตนแม่
เจ็บพิโยคแนบน้องอยู่โอ้อาดูร ฯ
๏ เรียมรักสุดที่อ้างอุปมา แม่ฮา
พ้นโอษฐ์อาจพรรณนาห่อนแล้ว
พันเนตรเลียบเล็งหาหายาก อรเอย
แสนโศกเจียรจากแก้วเท่าด้วยใครทัน ฯ
๏ อ้าแม่มาโนชน้องนงกาม พี่เอย
ดวงปิยุทร์ยำยามยาตรฟ้า
เล็งโฉมแม่สบสามภพแผ่น ถึงฤๅ
จากละคาบอกหล้าล่มแล้วฤๅคง ฯ
๏ ดูเดือนเดือนบ่ได้ดูดาว
ดาวก็อับแสงสาวส่องหล้า
พิมลมุกด์แน่งนงจาวจอมสวาดิ พี่เอย
ดูสิ่งใดดุจหน้าแม่หน้าดูตาง ฯ
๏ ดวงไถงแถงถงาดเงื้อมเมรู อรเอย
ยูงย่อมชมเงาชูชื่นหน้า
เดือนดวงต่ายตามดูลิวโลด ใจนา
โฉมแม่สุดสายฟ้าลับแล้วลาญสมร ฯ
๏ เมฆานฤโฆษผ้างพิทยุต
เทียรอกอากาศทรุดหลากหลั้น
กามาภิราบุษป์กาเมศ อรเอย
ทรวงสวาดิเรียมครวญขรั้นยิ่งฟ้าคะนองหาว ฯ
๏ โฉมฉมแลลับฟ้าสูรย์จันทร์
เรียมหว่าสวาดิแขวนขวัญสุดอ้าง
กระอืดอกกามศัลย์ทรวงทรุด ราแม่
ดุจสุเมรุมาก้างอยู่เพี้ยงตัวตาย ฯ
๏ ราตรีมือมุ่นผ้าปานองค์
เอากระเหน็ดนอนหลงกอดเกื้อ
ยามเดือนดึกอัสดงดาลตื่น
กรตระกองแนบเนื้อนึกหน้าแนมนอน ฯ
๏ คำนึงนรลักษณ์แก้วกับตน
ดูดุจสรัทกาลกลแมกฟ้า
วรภาคย์มิ่งมณฑลทิพยรูป พี่แม่
จันทร์แจ่มขจรจบหล้าอยู่เพี้ยงเฉาโฉม ฯ
๏ เรียมรักแรงร่ำไห้หาสมร แม่อา
ขอเทพเห็จสังหรข่าวน้อง
เยียมาอกไฟฟอนแสนท่า
โอ้แต่สารโศกร้องค่ำเช้าฤๅวาย ฯ
๏ โอ้โฉมเฉลิมลักษณ์เนื้อนงพาล
เรียมว่ายโศกสงสารสุดฟ้า
อับโอฆชลาลาญลับฝั่ง เล่าแม่
คิดบ่ลุเลยว้าอยู่ดิ้นแดโดย ฯ
๏ กำสรดแสนสวาดิสร้อยสงสาร อรเอย
เยียอยู่อกเลวลาญเปล่าเศร้า
ตัวตายชีพสาธารณ์ดีกว่า
บำราศรสแรมเคล้าอยู่ขลั้งหัวใจ ฯ
๏ ยามดึกเสียงแสกซร้องหาขวัญ สวาดิเอย
เค้ากู่แผดผาดผันทูดทู้
กอดเขนยแนบทรวงบันทับแทบ อกนา
ใหลประโลมขวัญชู้อยู่เพี้ยงสงสาร ฯ
๏ ฤดูเดือนสรัทขั้งไขธาร
สาวหนุ่มดุจบัวบานเบิกสร้อย
สระตนแข่งคมงานคัดแง่ งามนา
ดูบ่ปานโฉมช้อยชื่นหน้าฤๅมี ฯ
๏ ดูใดไป่ดุจแก้วตาเรียม กูเอย
เปรียบสิ่งใดฤๅเทียมเท่าด้วย
เจียรจากแม่แดเกรียมจักกรอบ ทรวงนา
เจ็บระอุอกม้วยมอดแล้วฤๅวาย ฯ
๏ กำโบลบัวบุษป์ช้อยชูกาม กูเอย
กลกลิ่นบัวทองทามท่งฟ้า
ชูชิดรสปรางงามแลคาบ
หอมตระหลบล่มหล้าอยู่แล้ฤๅหาย ฯ
๏ โกสุมสาโรชแก้มกามกลง
เทียนธูปทิพย์ธารจรงกลิ่นกลั้ว
ประพาสยุพยนต์ยงแยงยั่ว ใจ แม่
กลอยกลิ่นดวงดอกดั้วย่ามได้ดวงดม ฯ
๏ ภิญโญรังรสฟ้าไป่ปูน
รสภิรมย์เรียมพูนหล่อหล้า
ภุชงค์ชลามภูสูรสระมาศ
บานตระบอกบงถ้ายั่วแย้มยำยาม ฯ
๏ สุดแรงสุดร่ำไห้หาศรี
สุดเทวษแสนทวีสวาดิน้อง
สุดคิดควบคืนลีลาสู่ สมรนา
สุดอกสุดโอษฐ์ร้องเรียกแก้วกับตน ฯ
๏ โพยมพยับเมฆห้องหาวแครง ครวญนา
อากาศคำรนแรงทั่วท้อง
เสียงสมุทรบ่าบัวแจรงจบฝั่ง
ฤๅเท่าอกเรียมร้อยร่ำไห้หาศรี ฯ
๏ เสร็จสารกำสรดสร้อยศรีสมร
อาลักษณ์จรรโลงกลอนกล่าวอ้าง
นิติพฤทธาหรณ์วุติวากย์ นี้พ่อ
วานกระวีกาพย์สร้างสอดส้อมคำแปลง ฯ
๏ กุลบุตรวุติวากย์ผู้ปรีชาญ
ชาญฉลาดกาพย์การรอบรู้
พึงเพียรพิจารณ์ญาณจงถ่อง
เยียอย่าคาบคำหลู้ลากเหล้นหยามหยัน ฯ
๏ โลกีย์กอปรก่อเกื้อเป็นมูล
ปรีชาหาหนีสูญโฉดช้า
วิรุธเร่งเอาธูรชุมช่วย
เห็นแก่ผลภายหน้าเนื่องด้วยไมตรี ฯ
๏ อาวรณ์นอนนับนิ้วมานาน
เทียรทุกข์แสนทรมานค่ำเช้า
จำใจลักษณ์ลองสารเสาวภาคย์ นะพ่อ
หวังจักดับใจเศร้าส่างให้คลายถวิล ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

โคลงนิราศพระพิพิธสาลี กรมศิลปากร พ.ศ. ๒๕๔๒

เครื่องมือส่วนตัว