โคลงนิราศสุพรรณ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(๔๐๑ - ๔๖๒)
(๔๐๑ - ๔๖๒)
แถว 2,064: แถว 2,064:
ผลักอีิกกริกกลอนดัน  ดุนผลัก หนักแฮ
ผลักอีิกกริกกลอนดัน  ดุนผลัก หนักแฮ
ปตูกลับหับกึงก้อง  ปกับแหน้นแผ่นผนัง ฯ
ปตูกลับหับกึงก้อง  ปกับแหน้นแผ่นผนัง ฯ
 +
๔๑๐
 +
๏ โยกคลอนห่อนจได้  ไหวสเทือน
 +
รู้เท่าเจ้าบิดเบือน  บ่อให้
 +
เยนย่ำค่ำคิดเฟือน  ไฟไส่ ไว้แฮ
 +
ไกลถิ่นสริ้นเทียรไต้  ต่างต้องกองเพลิง ฯ
 +
๔๑๑
 +
๏ เหมือนรู้ครูเถ้าเล่า  เราเหน
 +
ถ้ำที่เจดีเปน  ป่าซึ้ง
 +
เบิกสลักผลักกระดอนกระเดน  กระดากกลับ หับแฮ
 +
หมดเลี่ยนเทียรน้ำผึ้ง  ผักส้าปลายำ ฯ
 +
๔๑๒
 +
๏ คิดกลับหลับอ่อนสอื้น  ตื้นใจ
 +
กรีดกริ่งหริ่งเรไร  เรื่อยร้อง
 +
แจ้วแจ้วแว่วเสียงไส  ซอรับ ขับเอย
 +
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเสียงซ้อง  เสนาะน้ำคำครวน ฯ
 +
๔๑๓ ( ฝัน )
 +
๏ เสียวทราบวาบสว่างเวิ้ง  เผิงผา
 +
เพียงพระโรงโถงฝา  เฟ่าท้าว
 +
สี่นางค่างเคียงพญา  ยอดยิ่ง หญิงเอย
 +
ไว้จุกลูกเล็กจ้าว  แจ่มหน้าสง่างาม ฯ
 +
๔๑๔
 +
๏ ท้าทับจับปี่จ้อง  ลองซอ
 +
พร้อมพรั่งนั่งเรียงรอ  เรียบร้อย
 +
กระษัตรหัฐจบฃอ  คำขับ สดับแฮ
 +
ยินชื่อฦๅเลื่องถ้อย  เทพท้าวกล่าวยอ ฯ
 +
๔๑๕
 +
๏ จำรับขับกล่อมท้าว  กล่าวกลอน
 +
ชมพระศะศริทร  ถ่องฟ้า
 +
ดาวประดับกับจรรจร  แจ่มเมฆ วิเวกเอย
 +
เพียงราชนาฎนวลหน้า  นอบน้อมล้อมสลอน ฯ
 +
๔๑๖
 +
๏ ท้าวชอบตอบเหล้าเรื่อง  เบื้องบุราณ
 +
ปราสาทราชวังสถาน  ท่านส้าง
 +
เฃารอบขอบปรากาล  เกิดห่า มาแฮ
 +
เปนเถื่อนเกลื่อนโขลงช้าง  ช่วยเผ้าเข้าของ ฯ
 +
๔๑๗
 +
๏ เจดีที่อยู่ห้อง  ทองพทม
 +
ปรอดเสร็จเพชปูนปสม  ใส่ไว้
 +
สำหรับกับถั่วนม  เนื้อแผด แปดแฮ
 +
ของลูกจุกจได้  เกิดสร้างปรางทอง ฯ
 +
๔๑๘
 +
๏ ใช่ยาอายุร้อย  แสนปี
 +
ทั่วล่าหาห่อนมี  แม่นแล้ว
 +
ปรอดฟอดรัศมี  เสมอเม็จ เพชเอย
 +
ใช่พระปรอดแพร้ว  พระไหว้ใช่การ ฯ
 +
๔๑๙
 +
๏ หนึ่งคว่างช้างเจ้าป่า  งากระเดน
 +
โป่งป่ามาคอยเขน  เคียดแค้น
 +
สมเคราะเพราะเหตุเหน  ให้สวัดิ กษัตรเอย
 +
นอนหลับทับที่แถ้น  ท่านอ้างทางบุญ ฯ
 +
๔๒๐ ( ห้าม ๓ ข้อ )
 +
๏ ห้ามอย่าหาปรอดแหร้  แชเชือน
 +
สืบทร่างทางบุญเบือน  แบ่งบ้าง
 +
ยายืนหมื่นปีเฟือน  ฝ่ายว่า บ้าแฮ
 +
อย่าอยู่จู่หนีช้าง  ช่วยให้ไปดี ฯ
 +
๔๒๑
 +
๏ ปลาดปากฝากบุตรไว้  ให้เรียน
 +
กลอนกล่าวท่านลัศเตียน  แต่ต้น
 +
ลูกวานอ่านรามเกียร  เกิดยุก สนุกแฮ
 +
ช้างไล่ได้พาพ้น  พูดอ้อนวอนวาน ฯ
 +
 +
 +
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 11:50, 7 กรกฎาคม 2552

เนื้อหา

๑ - ๑๐๐

โคลง ๔
๏ เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว
จรูญจรัดรัศมีพราว พร่างพร้อย
ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว ฯ
๏ มหานากฉวากวุ้ง คุ้งคลอง
ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง ฝั่งน้ำ
คุกคิดมิศหมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย
กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร ฯ
๏ ขอฝากซากสวาดิสร้อย สุรธร
ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้
ศาลาน่าวัดภร พี่ฝาก มากเอย
ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อไภยเจริญ ฯ
๏ จำร้างห่างน้องนึก น่าสวน
สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า
หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เหนเอย
กลเช่นเล่นซักเสร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ
๏ เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม คมลา
กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า
เดชะพระกุศลภา พ้นโลก โอกฆเอย
เสวยศุกทุกค่ำเช้า ช่องชั้นสวรรยางค ฯ
๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลักเรือ
โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ เกลื่อนกลุ้ม
หลีกล่องช่องเล็กเหลือ ลำบาก ยากแฮ
ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม ถี่ฆ้องสองยาม ฯ
๏ แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน
หง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง
สังแตรแซ่เสียงประสาร สังขีด ดีดเอย
ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียง ฯ
๏ วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม
ขุกคิดเคยพญายาม แย่งน้อง
รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาดร่วง ทรวงเอย
สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจ ฯ
๏ เจริญบุญสุรธรไว้ ให้สมร
สืบสวัสสัฐาภร ผ่องแผ้ว
เชิญทราบกาพกลกลอน กล่าวกลิ่น ถวินเอย
จำขาดชาตินี้แล้ว คลาดน้องของสงวน ฯ
๑๐
๏ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย
จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
๑๑
๏ สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ
ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้
ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย
วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ
๑๒
๏ ยนฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง
พระธินั่งบันลังทอง ที่เฝ้า
ชำระพระนิพนสนอง เสด็จสนิด ชิดเอย
สริ้นแผ่นดินปกเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ
๑๓
๏ แบ่งบุญสุรธรเชื้อ ชิณวง
สืบซ่างทางพุทพง ผ่องแผ้ว
ถวายพระหริรักทรง สารภิเศศ เสวตรเอย
ลุโลกโมฆเมืองแก้ว กิจร้ายหายสูร ฯ
๑๔
๏ อีกองมงกุฎิเกล้า เขากรุง
สืบกษัตรขัติยบำรุง รอบแคว้น
ถวายพระอนิสงพดุง พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย
สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น ขจัดผ้ายวายเขน ฯ
๑๕
๏ ท่าช้างหว่างค่ายล้อม แหล่งสถาน
ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน ที่ให้
เคยอยู่คู่สำราน ร่วมเย่า เจ้าเอย
เหนแต่ที่หมีได้ ภบน้องครองสงวน ฯ
๑๖
๏ วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า เจ้าเอย
เคยอยู่ชูชื่นเชย ค่ำเช้า
ยามนี้ที่เคยเลย ลืมภัก พี่แฮ
ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ
๑๗
๏ คิดคำลำฦกไว้ ใคร่เตือน
เคยรักเคยร่วมเรือน ร่วมรู้
อย่าเคืองเรื่องเราเยือน ยามแก่ แม่เอย
ใครที่มีชู้ชู้ ช่วยช้ำคำโคลง ฯ
๑๘
๏ เลี้ยวทางบางกอกน้อย ลอยแล
บ้านเก่าเย่าเรือนแพ พวกพ้อง
เงียบเหงาเปล่าอกแด ดูแปลก แรกเอย
ลำฦกนึกรักร้อง เรียกน้องในใจ ฯ
๑๙ ( นาคบริพันธ์ )
๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม อุ้มสนอม
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม กล่อมให้
ไกลห่างว่างอกตรอม ออมตรึก รฦกเอย
เลยอื่นขึ้นครองไว้ใคร่หว้าหน้าสวน ฯ
๒๐
๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง ตีขัน
ขุกคิดเคยชมจรร แจ่มฟ้า
ยามยากหากปันกัน กินซีก ฉลีกแฮ
มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ
๒๑
๏ เสียดายสายสวาดโอ้ อาวร
รักพี่มีโทษกร กับน้อง
จำจากพรากพลัดสมร เสมอชีพ เรียมเอย
เสียนุชดุจทรวงต้อง แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ
๒๒ ( นาคบริพันธ์ )
๏ เคราะกำจำห่างน้อง ห้องนอน
หวนนึกดึกเคยวอน ค่อนหว้า
คิดไว้ไม่ห่างจร ห่อนจาก
หากจิตรมิศหลายหน้าล่าน้องหมองหมาง ฯ
๒๓
๏ เดือนตกนกร้องเร่ง สุริยง
เยี่ยมยอดยุคุนททรง ส่องฟ้า
เดือนดับลับโลกคง คืนขึ้น อีกเอย
จันพี่นี้ลับหน้า นับสริ้นดินสวรร ฯ
๒๔
๏ วัดปขาวคราวรุ่นรู้ เรียนเขียน
ทำสุรทสอนเสมียน สมุทน้อย
เดินรวางรวังเวียน หว่างวัด ปขาวเอย
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาดิห้างกลางสวน ฯ
๒๕
๏ เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง แรมโรย
โอ้อกอาดูรโดย ทเวดด้วย
ดูสวรป่วนจิตรโหย หาดอก สร้อยเอย
แลลับกลับชาติม้วย ไม่ได้ใกล้กลาย ฯ
๒๖
๏ บางบำรุบำรุงแก้ว กานดา
แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว
ถือบวดตรวจน้ำภา ภพชาติ อื่นเอย
ชาตินี้พี่แคล้ว คลาศค้างห่างสมร ฯ
๒๗
๏ บางรมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิศถาน แทนฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัน ฯ
๒๘
๏ สงสารสายเนตรน้อง นองชล
ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน เฟ่าน้อง
จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย
คราวเคราะเพราะน้องต้อง พยุกล้าสลาตัน ฯ
๒๙
๏ สวรหลวงแลสล่างล้วน พฤกษา
เคยเสด็จวังหลังมา เมื่อน้อย
ข้าหลวงเล่นปิดตา ต้องอยู่ โยงเอย
เห็นแต่พลับกับสร้อย ซ่อนซุ้มคลุมโปง ฯ
๓๐
๏ วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง กลอยใจ
แรกรุ่นรวยมาไล ไส่เหล้น
เรียนร้อยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และเอย
ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น นวดฟั้นท่านครู ฯ
๓๑
๏ บางขวางข้างเขตแคว้น แขวงนน
สองฟากหมากมพร้าวผล พรรไม้
หอมรื่นชื่นเช่นปน แป้งประ ปรางเอย
เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ กลิ่นเนื้อเจือจรร ฯ
๓๒
๏ เชิงสวรล้วนรักน้ำ คล้ำไคล
ลูกดกรกเรื้อไบ บิดพลิ้ว
รักร้ายฝ่ายตนไกล กลัวรัก นักเอย
เดจลูกถูกยางนิ้ว หนิดเนื้อเหลือดัน ฯ
๓๓
๏ บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง บุญทาน
ส่งนิ่มนุชนิพพาน ผ่องแผ้ว
จำจากพรากพลัดสถาน ทิ้งพี่ หนีเอย
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาศเลื่อนเดือนปี ฯ
๓๔
๏ บางศรีทองคลองบ้านเก่า เจ้าคลอง
สีเพชผัวสีทอง ถิ่นนี้
เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง สำเหนียก นามเอย
คลองคดลดเลี้ยวชี้ เช่นไสร้ไสทอง ฯ
๓๕
๏ ล่วงทางบางบ้านเรียด ริมชลา
สองฝั่งพรั่งพฤกษา สลับสล้าง
ไม้ปลูกลูกดอกดา ดกดาษ กลาดเอย
ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง ขอบคุ้งฟุ้งขจร ฯ
๓๖
๏ รอกแตแลลอดเลี้ยว โลดโผน
นกหกจกจิกโจน จับไม้
ยางเจ่าเหล่ายางโทน ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย
โฉบฉาบคาบปลาได้ ด่วนขึ้นกลืนกิน ฯ
๓๗
๏ บางกร่างข้างคุ้งค่าม เขตคลอง
บางขนุนขุนกอง ก่อสร้าง
ของสวนส่วนเจ้าของ ขายน่า ท่าเอย
สาวแก่แม่ม่ายบ้าง บกน้ำลำเรือ ฯ
๓๘
๏ โรงหิบหนิบอ้อยออด แอดเสียง
สองข้างรางรองเรียง รับน้ำ
อ้อยไส่ไล่ควายเคียง คู่วิ่ง เวียรเอย
อกพี่นี้ชอกช้ำ เช่นอ้อยย่อยรยำ ฯ
๓๙
๏ หีบหันนั้นและเหล้ กระลาการ
ขู่ข่มเหงหักหาร ห่อนเว้น
เข้าพวกคิดอ่านพาล เอาผิด พ่อเอย
กลหีบหนิบนิดเน้น นึกช้ำน้ำใจ ฯ
๔๐
๏ บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน สวนไสว
เวียงชื่อศรีท้าวไท ท่านตั้ง
เวียงราชคลาดแคล้วไกล กลับรฦก นึกเอย
ยามยากจากเมืองทั้ง ถิ่นปลื้มลืมกเษม ฯ
๔๑
๏ บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน
ม่วงเกบมม่วงสวน ศุกรย้า
ม่วงอื่นรื่นรันจวน จิตไม่ ใคร่แฮ
ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า เสน่เนื้อเจือจรร ฯ
๔๒
๏ จันต้นผลห่ามให้ หวนหอม
แมลงภู่วู่เวียนตอม ไต่เคล้า
เพียงพี่ที่สุดถนอม เสน่ห์แจ่ม จรรเอย
พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า โศกร้างห่างจรร ฯ
๔๓
๏ ล่วงทางบางใหญ่บ้าน ด่านคอย
เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย เลื่อนช้า
สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย เพลินชื่น ชมเอย
แลเหล่าชาวสวนหน้า เสน่ห์น้องคลองสนอม ฯ
๔๔
๏ คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ
เกะกะรเรือรอ ร่องน้ำ
คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย
คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ฯ
๔๕
๏ ล่วงย่านบ้านวัดร้าง เรือนโรง
ตกทุ่งถึงคลองโยง หย่อมไม้
วัดใหม่ธงทองโถง ที่ติด ตื้นแฮ
ควายลากฝากเชือกไขว้ เคลื่อนคล้อยลอยเลน ฯ
๔๖
๏ คนขี่ตีต้อนเร่ง รันควาย
ถอนถีบกีบกอมตกาย โก่งโก้
เหนื่อยนักชักเชือกหงาย แหงนเบิ่ง เบือนแฮ
คนหวดปวดป่วนโอ้ สอึกเต้นเผ่นโผน ฯ
๔๗
๏ ทุกข์ใดในโลกล้น ล้ำเหลือ
ไม่เท่าควายลากเรือ รับจ้าง
หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งชุ่ม ชลเอย
มนุษย์ดุจติดค้าง เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ฯ
๔๘
๏ สังเวชเหตุด้วยทรัพย์ ศฤงคาร
พาสัตว์วัตนสงสาร โศกเศร้า
ตรวดน้ำร่ำศีลทาน ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย
จงสุขทุกค่ำเช้า ชาติพ้นชนมาน ฯ
๔๙
๏ ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย เฟือยแขม
คาแฝกแซกเซียดแซม ซับซ้อน
ในพุ่มกุ่มกกแกม กอย่า รย้าแฮ
นกหกวกเวียนหว้อน วิ่งเต้นเผ่นโผน ฯ
๕๐
๏ นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ทุ่งนา
คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา ปากโง้ง
ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ
ศีรษะกระกรุมโล้ง เล่ล้านบ้านเรา ฯ
๕๑
๏ นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม กลางหนอง
ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง คู่เคล้า
คิดเช่นเล่นลำคลอง คลอนุช น้อยเอย
สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า ฝึกน้องคล่องใจ ฯ
๕๒
๏ กาน้ำดำแหวกหว้าย วาริน
คาบขยอกขแยงกิน เก่งแท้
เด็กโห่โผล่พลุนบิน บ่เปียก ปีกแฮ
ยางกรอกดอกบัวแซ่ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ
๕๓
๏ กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน เวหา
ร่อนร่ายหมายมัจฉา โฉบได้
ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา กินสัตว์ สูเอย
โจมจับปรับไหมใช้ เช่นข้าด่าตี ฯ
๕๔
๏ ยางเจ่าเซาจับจ้อง จิกปลา
กินเล่นเป็นภักษา สุขล้ำ
กระลาการท่านศรัทธา ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ
บนทรัพกลับกลืนกล้ำ กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ฯ
๕๕
๏ ออกแควแม่น้ำปาก คลองโยง
แตนด่านบ้านเรือนโรง เรียดคุ้ง
ชื่อลานตากฟ้าโถง ทุ่งรอบ ขอบแฮ
เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง ฟากฟ้าสากล ฯ
๕๖
๏ ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง ตากปลา
แต่ปากว่าตากฟ้า เฟื่องฟุ้ง
กว้างขวางทร่างวัดวา ไว้ช่อง คลองแฮ
ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง ยอดแย้มแซมไสว ฯ
๕๗
๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัสดง
เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง ลับฟ้า
มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง พี่เปลี่ยว เดียวเอย
เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า นึกคร้ามหวามถวิล ฯ
๕๘
๏ ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง เขตคัน
ย่อมย่านบ้านกระจันจรร กจ่างฟ้า
เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน โศกสอื้น อกเอย
จรรอื่นชื่นแต่หน้า ใช่เนื้อเจือจรร ฯ
๕๙
๏ ลำภูดูหิ่งห้อย พรอยพราย
เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย รอบก้อย
วับวับจับเนตรสาย สวาดิสบ เนตรเอย
วับเช่นเห็นหิ่งห้อย หับหม้านนานเห็น ฯ
๖๐
๏ ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม โขลงหลวง
หมอเท่าเจ้าเล่ลวง ล่อคล้อง
ใช้เล่นเช่นกับดวง เนตรนุช พี่เอย
บ่วงรักดักพี่ต้อง ติดให้ใช้แรง ฯ
๖๑
๏ ล่องทางบางบ้านส ศรีธร
แปรชื่อครือจรรจร แจ่มแจ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เลียบแฮ
บ้านไร่ใครหนอแกล้ง กล่าวอ้างอย่างจรร ฯ
๖๒
๏ ยามดึกครึกครื้นลั่น ลมฝน
ถึงย่านบ้านขโมยมล มืดคลุ้ม
จรเข้เร่คำรน ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ
มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม แข่งขู้ฟูลอย ฯ
๖๓
๏ ราตรีหนีตเข้เค่า บ้านขโมย
เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย ด่วนพุ้ย
ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย ปรายสัต สนัดแฮ
ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย มุ่งทุ่มกุมภา ฯ
๖๔
๏ น่ากลัวตัวตเค่ขู้ ฟูขนอง
ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง ฟ่องเฟื้อย
เคียงคู่สู่สมสอง สังวาด สวาดแฮ
ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย เล่นน้ำปล้ำขนอง ฯ
๖๕
๏ เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง มองมัน
ว่าตเข้ขบกัน ปกับท้อง
บูรานท่านว่าสัน- ดานสัตว์ กำหนัดแฮ
ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง ติดค้างนางเมีย ฯ
๖๖
๏ หนีศึกว่าปะซุ้ม เซิงเสือ
ได้กับเราแล้วเหลือ หลากล้ำ
หลบตเข้เค่าจอดเรือ ริมเขต ขโมยแฮ
บกก็เสือเรือซ้ำ สัตเข้เฉโก ฯ
๖๗
๏ รุ่งเช้าเบาอกสริ้น โศรกสบาย
ลาย่านบ้านขโมยหมาย มุ่งข้าม
น้ำขึ้นรื่นลมชาย เฉื่อยส่ง ตรงเอย
ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ สัตว์น้ำคล่ำขนอง ฯ
๖๘
๏ บางปลาตาบ้านอยู่ หญิงชาย
สองฮ่องสองเรือนราย ร่ายกล้วย
ชาวป่าน่านอนสบาย บ่ครั่น ตวันเอย
มีคู่อูเข้าด้วย ดั่งนี้ที่สบาย ฯ
๖๙
๏ ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม เซิงหนาม
สองฝั่งรังรำราม รกเรื้อ
แพงพวยผักบุ้งงาม งอนทอด ยอดเอย
บนบกนกกับเนื้อ หว่างไม้ไผ่สลอน ฯ
๗๐
๏ บางปสีที่ถ่านตั้ง ตวงซาย
เผาไผ่ไม้ซากราย เรียดถ้า
หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย เช่นพูด อูดเอย
ดำทมื่นทื่นหน้า แนบน้องลองโลม ฯ
๗๑
๏ นาวาคลาเคลื่อนคล้อย ลอยลำ
ล่วงย่านบ้านบางรกำ รกไม้
สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ แทงพวก ฉมวกแฮ
ปลาติดปลิดปลดได้ ดุกต้องช่อนชโด ฯ
๗๒
๏ บางยุงคุ้งลาดล้วน เหล่าควาย
ลงปลักทลักทลาย เล่นน้ำ
ดำผุดฟูดฟาดหงาย แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ
ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ ปล่อยห้อยอควาย ฯ
๗๓
๏ เขาควายรายร่องนิ้ว นิทาน นานเอย
ว่าพญาพาลีทยาน ยุดพลิ้ว
ศีรษะกระบือกระบาน บั่งบั่ง ยังแฮ
นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ฯ
๗๔
๏ บ้านไซไซใหญ่ย้อย สร้อยไสว
คิดเช่นเล่นต้นไซ แซ่ซ้อง
ผูกกิ่งชิงช้าไกว แกว่งชัก เชือดเอย
เคยขี่พี่กับน้อง แนบเนื้อเจือใจ ฯ
๗๕
๏ เลยทางบางบ้านแห่ง หินมูล
เดิมว่าเตาเผาปูน ป่นไว้
อาภัพลับชื่อสูร เสียเปล่า เราเอย
อกพี่นี้และได้ ดุจอ้างอย่างปูน ฯ
๗๖
๏ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง
ลำฦกนึกถึงดวง ดอกฟ้า
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย
อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ
๗๗
๏ บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย
น้อยแนบแอบอกเคย คู่เคล้า
เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย เชือนชื่น อื่นแม่
น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า จิตรน้อยลอยลม ฯ
๗๘
๏ บางหวายท้ายคุ้งช่อง คลองมี
แดนนครไชยศรี สุดสริ้น
เข้าแดนสุพรรณบุรี รื้อเปลี่ยว เดียวเอย
ทุ่งท่าป่ายุงริ้น รกเรื้อเบื่อชม ฯ
๗๙
๏ ชุมนักผักตบซ้อน บอนแซง
บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้
บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแหล่ แม่เอย
บอนปากยากจะแก้ ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ
๘๐
๏ บางสามศาลเจ้าทร่าง ปางหลัง
อารักศักดิ์สิทธิ์วัง แว่นแคว้น
สุขีที่ข้าหวัง วานช่วย ด้วยแฮ
กำจัดศัตรูแม้น มุ่งร้ายตายเอง ฯ
๘๑
๏ ถึงบ้านด่านดักตั้ง ฝั่งกระแส
สองพี่น้องคลองแคว ค่ามคุ้ง
ตลิ่งตลิบโตล่งแล ตานสลับ สล้างเอย
สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง ถิ่นอ้อกอแขม ฯ
๘๒
๏ ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ธารา
ลอยเล่นเห็นคนถลา หลบสริ้น
สลิดสลาดสลับปลา ช่อนดุก พลุกแฮ
กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น กระโดดเหล้นเห็นตัว ฯ
๘๓
๏ นานาปลาว่ายเคล้า คลอเรือ
สีเสียดซิวกระโสงเสือ ซ่าสร้อย
เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ หลายหลาก มากเอย
กริมกระตรับนับร้อย เร่หว้ายรายเรียง ฯ
๘๔
๏ แก้มช้ำดำที่แก้ม แต้มดำ
ดูเคลื่อนเหมือนจนำ แนะน้อง
แรกรักปรักปรางประจำ จุมพิต นิดเอย
ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง แต่งแต้มแก้มสมร ฯ
๘๕
๏ เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ น้องหญิง
อ่อนแอบแนบอกอิง อุ่นล้ำ
นวลจันนั่นนวลจริง แต่ชื่อ ฦาเอย
นวลที่พี่กลืนกล้ำ กลิ่นเนื้อเหลือนวล ฯ
๘๖
๏ ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ หวดหาง
ฮืดฮาดฟาดโผงผาง พ่นน้ำ
ปลาค้าวเหล่าสวายคาง เบือนบิด เบี้ยวแฮ
กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ เคลื่อนคล้อยลอยแล ฯ
๘๗
๏ บางซอกอไผ่ล้อม หลายกอ
บ้านบ่มีสีซอ สักน้อย
เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ พยุโยก โชกแฮ
ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย เอื่อยอ้อซออินทร์ ฯ
๘๘
๏ ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้ อาทวา
สองฝั่งฝ่ายวิหกา กู่ก้อง
เร่ร่อนว่อนเวหา หาเหยื่อ
นกเถื่อนเหมือนจะร้อง เรียกให้คนชม ฯ
๘๙
๏ ถึงที่สีสนุกนั้น น้องเอย
สนุกแต่ชาวบ้านเคย ค่ำเช้า
พวกพี่ที่จากเชย ชวดสนุก ทุกข์แม่
สนุกที่ดูสูเจ้า สนุกเถ้านั้นเอง ฯ
๙๐
๏ ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย เฟือยตวาง
ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง กลบน้ำ
ซ้อนซับทับถมทาง ที่แคบ
เรือขัดตัดฟันค้ำ ค่อยกว้างทางจร ฯ
๙๑
๏ แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้ ไรราย
ถึงย่านบ้านตเภาทลาย ทลุท้อง
เดิมที่นี่เป็นชาย ทเลหาด ลาดแฮ
เรือสัดพลัดมาต้อง ติดเข้าตเภาทลาย ฯ
๙๒
๏ แลลิ่วทิวทุ่งต้น ตานราย
ลิบลิบลมปลิวปลาย ไปล่แปล้
เล่คนคัดปีกฉาย เฉิบเช่น เห็นแฮ
เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ พิศให้ใจเพลิน ฯ
๙๓
๏ บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ ลำคลอง
คนเหล่าเชาปมงมอง มุ่งข้า
สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง ปิดเรือก เฝือกแฮ
เหม็นเน่าคาวปลาร้า เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ฯ
๙๔
๏ ริมน้ำทำทีขึ้น ขอดปลา
เกล็ดติดตัวตีนตา ตมูกแก้ม
คิดคู่สู่เสน่หา หอมชื่น รรื่นเอย
โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม ติดเนื้อเหลือหอม ฯ
๙๕
๏ บางสแกแลสล่างงิ้ว ทิวราย
เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย แช่มช้อย
งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย สวาดิเช่น เห็นเอย
งิ้วพี่ที่แน่งน้อย นึกหน้าอาไลย ฯ
๙๖
๏ ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม
นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว
คงจะปะงิ้วทราม สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ
งิ้วกับพี่หมีแคล้ว คึ่นงิ้วลิ่วสูง ฯ
๙๗
๏ ถึงบ้านคันชั่งแท้ เที่ยงตรง
เพียงพี่ที่ดำรง รักน้อง
เคยคู่ซู่ซื่อตรง สัจคิด สนิทเอย
ยามยากจากพวกพ้อง พี่ให้ใจหาย ฯ
๙๘
๏ เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย เฟือยไสว
พงไผ่ไม้รำไร รอบคุ้ง
แลขวาป่าแฝกไฟ ฟอนเรียน เกรียนแฮ
ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง ถิ่นกว้างวางเวง ฯ
๙๙
๏ ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม ตามแหลม
วัดเก่าเศร้าโทรมแรม รกร้าง
ผู้ใดไม่ซ่อมแซม สร้างวัด สวัสดิ์เอย
เพียงพี่ที่อ้างว้าง ทเวทให้ใจหาย ฯ
๑๐๐
๏ ลมตกนกว้าว่อน ร่อนบิน
โฉบฉาบคาบปลากิน กู่ก้อง
ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน เดินซ่อง มองแฮ
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
             

๑๐๑ - ๒๐๐

๑๐๑
๏ ถึงบางนางแม่หม้ายไร้ผัว
เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัวหม่นไหม้
คราวใครใคร่ฝากตัวต่อม่าย หมายเอย
พร้อมจิตคิดจะได้ดับหม้ายกลายมี ฯ
๑๐๒
๏ ตวันออจรเข้ฟู่คู่เคียง
ยาวใหญ่ไล่เรือเรียงเราะท้าย
เด็กตวาดผาดแผดเสียงแซ่สุ่ม ขยุมเอย
มันบ่หยุดผุดหว้ายวู่คว้างขวางเรือ ฯ
๑๐๓
๏ เดชะพระพุทธิเจ้าเข้าฌาน
เคยชนะพญามารแม่นแล้ว
รฦกถึงจึ่งบันดานดุจเช่น เห็นแฮ
จรเค่เหห่างแคล้วคลาดคล้อยถอยหนี ฯ
๑๐๔
๏ ถึงช่องคลองน้ำชื่อกฤษณา
เข้าตอกออกดอกตำราว่าไว้
คิดสบพบถ้ำมหาสนุกแน่ แม่เอย
นึกจะปลงคงได้กระดากเจ้าเฝ้าหวง ฯ
๑๐๕
๏ บางเลนเป็นที่หลุ้มแหล่งปลา
แปลงปลักคลักคงคาขุ่นข้น
ไทเจ๊กเดอใหญ่พาพวกซ่อน ช้อนเอย
บุญส่งจงหลีกพ้นทุกถั้วตัวปลา ฯ
๑๐๖
๏ บางบัวบ้านชื่อพร้องสนองนำ
นึกเช่นเห็นบัวคำคู่พร้อง
เค่าเหนียวเกี่ยวมาทำแทนเค่า เจ้าเอย
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้องขัดค้างขวางเชิง ฯ
๑๐๗
๏ ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้ใบดลา
ถึงย่านบ้านดารารกเรื้อ
สองเรือนเพื่อนพูดจาเจ่านั่ง รวังเอย
คิดใคร่ได้ชิดเชื้อช่วยเฝ้าเหย้าเรือน ฯ
๑๐๘
๏ ใบร่มลมเรื่อยแหล้นลีลา
เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพาเพื่อนร้อง
อิเหนาเค่ามลกากลเม็ด มากแฮ
ฟังเสนาะเพราะพร้องพรักพร้อมซ้อมเสียง ฯ
๑๐๙
๏ ถึงชีปขาวย่านบ้านโบรำ
ชีไม่เห็นกาดำตื่นร้อง
เชาบ้านย่านนั้นทำแทงพวก ฉมวกแฮ
ซางแต่คำพร่ำพร้องชื่อนี้ชีปขาว ฯ
๑๑๐
๏ ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วนนวลขาว
แพรพ่าฟ้าดินดาวดุจพร้อง
ขาวดูครู่เดียวคราวหนึ่งเบื่อ เหลือแฮ
ขาวบ่เบื่อเนื้อน้องน่วมนิ้วผิวขาว ฯ
๑๑๑
๏ คุ้งขวางบางบ้านชื่อชี้หล
ทางทิศทุกตำบลบอกแจ้ง
อยู่กลางหว่างมณฑลทางร่วม รวมแฮ
คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้งย่านนี้ยีหน ฯ
๑๑๒
๏ บางปลาม้าป่าอ้อกอรกำ
ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำสล่างเฟื้อย
ชาวบ้านย่านนั้นทำที่ไร่ ไว้แฮ
ปลูกผักฟักแฟงเลื้อยลูกห้อยย้อยไสว ฯ
๑๑๓
๏ ถึงคุ้งโพกระก้มกราบกราน
โพอยู่บูรานนานเนิ่นแล้ว
ชื่นชุ่มพุ่มพิศดารเดชะ พระเอย
ขออย่าให้ไภยแผ้วผ่องพ้นกลโกง ฯ
๑๑๔
๏ โคกครามนามที่บ้านหิว่านคราม
เขียวชุ่มฉอุ่มงามกิ่งก้าน
เหมือนสีที่นุชทรามสวาดิฮุ่ม พุ่มเอย
เห็นแต่ครามนามบ้านไสบเจ้าเศร้าสูน ฯ
๑๑๕
๏ สวนหงส์วงวัดพร้อมพระเณร
รื่นรอบขอบบริเวณหว่างบ้าน
เคกเยาเล่ากนเกนก้องที่ กฎีแฮ
ใช่ที่มีสวนสอ้านชื่ออ้างปางหลัง ฯ
๑๑๖
๏ ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้ตนขาม
ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนามสนับหญ้า
แก้วอื่นหมื่นแสนทรามสู้สละ ปละเอย
รักแต่แก้วแววฟ้าจะเฝ้าเคล้าสนอม ฯ
๑๑๗
๏ ถึงวังตาเพชอ้างปางหลัง
ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรังรกเรื้อ
ตาเพชเหตุใดวังมีเล่า เจ้าเอย
ฤาว่าตาเพชเชื้อชาติท้าวเจ้าเมือง ฯ
๑๑๘
๏ สวนขิงตลิ่งแต่ล้วนสวนมเขือ
พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือเรื่อไหร้
กล้วยปลูกสุกห่ามเครือครบซ่ม มยมเอย
คิดคู่อยู่สวนได้แต่งต้มซ่มตำ ฯ
๑๑๙
๏ บ้านยอดยอดไม้สะพรั่งฝั่งชลา
ยอดยื่นชื่อช่อผกากิ่งคว้าง
ยอดอื่นหมื่นแสนดาดาษทอด ยอดแฮ
ยอดรักจักหาบ้างบ่ได้ใจหาย ฯ
๑๒๐
๏ ลุดลชนบทบ้านขนมจีน
โรงเจ๊กตั้งริมตีนท่าน้ำ
นั่งนับทรัพย์สิ่งสินสยายเพ่า เล่าแฮ
เมียช่างสางสลวยล้ำสลับผู้หูหนาง ฯ
๑๒๑
๏ โพคอยโพขึ้นอยู่คู่เคียง
ปากช่องคลองชลาเฉลียงลัดถุ้ง
บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียงรายอยู่ หมู่แฮ
แลรอบขอบแหลมคุ้งเขตบ้านตาลราย ฯ
๑๒๒
๏ ถึงหน้าท่าน้ำวัดมนาวหวาน
ฦาเลื่องเบื้องบูรานร่ำพร้อง
หวานอื่นคลื่นไส้นานนักเบื่อ เหลือแม่
หวานแต่น้ำคำน้องเสนาะน้ำคำหวาน ฯ
๑๒๓
๏ ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้มขมเหลือ
ครั้นแต่งแกงต้มเกลือกลบคั้น
พริกขิงสิ่งใส่เจือจิบอร่อย น้อยฤา
ขมขื่นคลื่นไส้นั้นแต่น้ำคำขม ฯ
๑๒๔
๏ วัดฝางอ้างชื่อไว้ใช่ฝาง
ฝางย่อมย้อมแพรยางยิ่งขรั้ง
แดงสุกถูกแดดหมางหมองคร่ำ ดำแฮ
อกพี่ที่แค้นขั้งขู่คร้ำน้ำฝาง ฯ
๑๒๕
๏ ท่าระหัดพัดน้ำท่วมท้องนา
หันกลับขับคงคาคึ่นได้
ใคร่จ้างช่างรหัดหาห่อนพบ หลบเอย
อกพี่ที่ร้อนให้รหัดน้ำพร่ำพรม ฯ
๑๒๖
๏ ถึงบางนางสุกน้องนามเหมือน
สุขพี่ที่ร่วมเรือนเพื่อนร้อน
ยามสุขทุกปีเดือนได้อยู่ คู่เอย
ยามทุกสุขกาหล้อนหล่นเหน้าเปล่าดาย ฯ
๑๒๗
๏ ถึงย่านยายท้าวที่ผีลง
ฦาข่าวเจ้าสิงทรงสอดรู้
คิดใคร่ไถ่ถามองค์อารักษ์ ประจักษ์เอย
แม่ม่ายหมายเคียงขู้คบเผื้อนเชือนไฉน ฯ
๑๒๘
๏ ท่าโขลงโขลงช้างค่ามตามโขลง
พลอยถูกผูกกูบโยงแย่ท้าย
ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรงรักยศ หมดแฮ
พี่เที่ยวเดียวโดดคล้ายคชร้างห่างโขลง ฯ
๑๒๙
๏ บ้านตั้งฝั่งน้ำที่กฎีทอง
ลาวอยู่รู้เสียงสนองเหน่อช้า
ปลูกผักหักฟืนตองตามเถื่อน เพื่อนแฮ
หูเจาะเหมาะแต่หน้าแน่งน้อยกลอยใจ ฯ
๑๓๐
๏ โคกม่อก่ออิฐตั้งเตาเพลิง
เผาม่อก่อไฟเริงเร่งเร้า
ม่อมีที่พะเพิงเพื่อนเหล่า เผาแฮ
อกพี่ที่ร้อนเถ้าถ่านกลุ้มรุมแรง ฯ
๑๓๑
๏ ถึงรยะสระโปยชหญ้านบ้านลาว
ผ้านุ่งถุงทบยาวย่างย้าย
กลีบกลับวับแวมวาวแวบแวบ แทบแฮ
เด็กว่าฟ้าแลบชม้ายมุ่งค้อนงอนงาม ฯ
๑๓๒
๏ ถึงท้ายชายน้ำตกรกคลอง
ที่ลุ่มขุมรางรองรับน้ำ
หน้าแล้งแฮ่งนาหนองน้ำตก ซกแฮ
ชลเนตรเชษฐาผร้ำเช่นน้ำตกบาง ฯ
๑๓๓
๏ ควันเย็นเห็นหาดหน้าท่ามี
เมืองสุพรรณบุรีรกร้าง
ศาลตั้งฝั่งนทีที่หาด ลาดแฮ
โรงเล่าเขาต้มค้างขอบคุ้งหุงสุรา ฯ
๑๓๔
๏ ผู้รั้งตั้งรั้วรอบขอบราย
เป็นหมู่ดูงัวควายไขว่บ้าน
สาวสาวเหล่านุ่งลายแล้วหม่อม มอมเอย
จ้ำม่ำลำสันสอ้านอาบน้ำปล้ำปลา ฯ
๑๓๕
๏ กรมการบ้านตั้งตลอดตลิ่งเตียน
ต่างต่อล้อเลื่อนเกียรเก็บไว้
เรือริมหาดดาษเดียรรดะปัก หลักแฮ
ของเหล่าเชาสวนใต้แต่งตั้งนั่งขาย ฯ
๑๓๖
๏ ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้นพิศดาร
มีวัดพระรูปบูราณท่านสร้าง
ที่ถัดวัดประตูสารสงฆ์สู่ อยู่เอย
หย่อมย่านบ้านขุนช้างชิดข้างสวนบันลัง ฯ
๑๓๗
๏วัดกระไกรใกล้บ้านที่ศรีประจัน
ถามเหล่าชาวสุพรรณเพื่อนชี้
ทองประศรีที่สำคัญข้างวัด แคแฮ
เดิมสนุกทุกวันนี้รกเรื้อเสือคนอง ฯ
๑๓๘
๏ ประทับหน้าท่าสิบเบี้ยบูราณ
หว่างวัดฝาโถสถานถิ่นร้าง
มหาโพทโบสถ์วิหารหักทับ ยับเอย
พิมพิลาไลยสร้างสืบขู้สูพรรณ ฯ
๑๓๙
๏ สงสารบ้านวัดร้างแรมโรย
เสียงแต่นกหกโหยค่ำเช้า
อกพี่ทีเดียวโดยด้วยแก่ แม่เอย
เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้าโศกซ้ำรำจวน ฯ
๑๔๐
๏ นอนค้างข้างคุ้งถัดวัดกระไกร
ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพรพรั่งพร้อม
ไหว้พระป่าเรไรร่มรรื่น ชื่นเอย
ริมรอบขอบเขื่อนล้อมสะล่างไม้ไพรพนม ฯ
๑๔๑
๏ น้อยน้อยพลอยชื่นชี้ชมไพร
ครึมครึกพฤกษาไสวแว่นแคว้น
ผลิดอกออกผลใบรบัดชื่น รื่นเอย
รอกกระแตแลแหล้นโลดเต้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๒ ( สระล้วน )
๏ แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้าจับใจ
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไรร่ำร้อง
แซงแซวส่งเสียงใสทราบโสต
แหนงนิ่งนึกนุชน้องนิ่มเนื้อนวลนาง ฯ
๑๔๓
๏ พิกุนบุนนากแก้วกาหลง
หอมชื่นรื่นลำดวนดงดอกรย้า
สาวหยุดพุทธิชาดทรงเสาวรส สดเอย
หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้าสนุกโน้มโถมชิง ฯ
๑๔๔
๏ เด็กได้ไส้ห่อผ้าพับเฉียง
เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียงลดเลี้ยว
ล้มลุกสนุกสำเนียงสนั่นโห่ โร่เอย
หน้าผากฝากบวมเบี้ยวบ่เว้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๕
๏ นกร้องก้องกิ่งไม้ใบบัง
แลลับกรับเสียงวังเวกแหว้ว
ค้อนทองป่องเป๋งดังดุจเคาะ ฆ้อนแฮ
กอไผ่ไก่ขันแจ้วแจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียง ฯ
๑๔๖
๏ ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้มกราบยุคล
พระป่าเรไรยลอย่างยิ้ม
ยอกรหย่อนบาทบนบงกช แก้วเอย
ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้มพระหนั้งดังองค์ ฯ
๑๔๗
๏ เทียนธูปบุพชาติบ้างบูชา
นึกพระเสด็จมายับยั้ง
ลิงเผือกเลือกสมอพวาถวายไว่ ใกล้แฮ
ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้งกิ่งไม้ไหว้ถวาย ฯ
๑๔๘
๏ ขอเดชะพระพุทธิเจ้าจงเห็น
อตส่าห์มาเช้าเย็นยากไร้
ปรารถนาว่าจะเป็นปเจกพุท ธะภูมิเอย
บุญช่วยด้วยให้ได้ดุจข้าอาวรณ์ ฯ
๑๔๙
๏ ยังไปไม่พ้นภพสงสาร
ขอปะพระศรีอารอีกเหล้า
กราบถึงซึ่งพระนิพานผ่ายภาก หน้าเอย
ขอสุขทุกข์โศกเศร้าสิ่งร้ายหายสูญ ฯ
๑๕๐
๏ อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วนลูกหลาน
หมายมั่งดังพิศถานถี่ถ้วน
ขอให้ใส่นามขนานตาบพัด สวัดิเอย
กลั่นชุบอุประถำล้วนลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์ ฯ
๑๕๑
๏ เย็นรอนอ่อนเกศก้มกราบลา
จากวัดตัดตรงมาแม่น้ำ
ค้างคืนตื่นเช้าคลาคลาดเคลื่อน เรือเอย
ติดแก่งแข็งข้อค้ำขัดข้องต้องเข็น ฯ
๑๕๒
๏ เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อโพคลาน
โพใหญ่ไม้บูราณร่มชื้น
สองฝั่งพรั่งพฤกษตาลโตนดพุ่ง สูงเอย
ท่าลาดหาดทรายตื้นตลิ่งล้วนสวนมเขือ ฯ
๑๕๓
๏ ศีรษะเวียงเสียงแซ่ล้วนพวนลาว
แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาวแช่น้ำ
ผ้าบ่นุ่งพุงขาวขวยจิต รอิดเอย
เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำค่ามให้ไกลลาว ฯ
๑๕๔
๏ โพหลวงห้วงน้ำฦกไหลเนือย
ปะแต่ลาวเปล่าเปลือยปลอดผ้า
อาบน้ำคล่ำริมเฟือยฝูงหนุ่ม กลุ้มแฮ
เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้านิ่วร้องสยองแสยง ฯ
๑๕๕
๏ สำประทิวงิ้วง้าวสล่างกร่างไกร
ถิ่นท่าป่ารำไรไร่ฝ้าย
เจ๊กอยู่หมู่มอญไทยทำถั่ว รั้วเอย
ปลูกผักฟักกล้วยกล้ายเกลื่อนข้างทางจร ฯ
๑๕๖
๏ ถึงย่านบ้านรัดช้างปางหลัง
ข้างถูกผูกรึงรังรัดไว้
พลัดพรากจากฝูงพังพวกเพื่อน เถื่อนเอย
เพียงพี่ที่ทุเรศไร้นิราศร้างห่างสมร ฯ
๑๕๗
๏ บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำธรรมกูล
วัดทร่างปางก่อนสูญสงัดเศร้า
ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูนเปื่อยเปล่า เจ้าเอย
โบสถ์ยับทับพระเจ้าเจิ่งน้ำกรำฝน ฯ
๑๕๘
๏ ยลย่านบ้านหนึ่งนั้นแนะนาม
วัดสว่างอารมอารามรื่นไม้
สว่างแต่ที่พี่ยามมืดมิด จิตรเอย
ห่อนสว่างอย่างไว้ชื่ออ้างสว่างอารม ฯ
๑๕๙
๏ โพพระระยะหญ้านหญ่อมไพร
โพชื่นรื่นร่มใบโบกรย้า
โปรดด้วยช่วยคุ้มไภยพยัฆพยศ คดเอย
โพพระอนุเคราะห์ข้าพระเจ้าคราวเข็น ฯ
๑๖๐
๏ โพพญาท่าตลิ่งล้วนฬ้อเกวียร
โพไผ่ไม้เต็งตเคียนตขบบ้าง
ซิกซากกระบากกระเบียนกระเบากระแบก กระบกแฮ
เสลาสลอดสลับสล้างเหล่าไม้ใกล้กระสิน ฯ
๑๖๑
๏ บ้านซ่องช่องชวากเวิ้งเซิงหวาย
เหล่าที่หนีมุนนายเนิ่นช้า
ซ่องสุมซุ่มเรือนรายริมกับ เกรี่ยงแฮ
ใครจับกลับรุมข้าขัดข้องซ่องหลวง ฯ
๑๖๒
๏ บางมดแดงแขวงเขตคุ้งทุ่งไพร
ถิ่นเถื่อนเรือนรำไรไร่กล้วย
นึกมดอดสูใจจงมม่วง หวงแฮ
เพียงพี่หมีมอดม้วยไม่สริ้นถวิลหวัง ฯ
๑๖๓
๏ วังยางค่างคุ้งสะล่างยางยูง
โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูงฉโงกง้ำ
นกแลแต่ลฝูงลฝูงฟุบสพั่ง รังเอย
ร่มรื่นชื่นชายน้ำนั่งเหล้นเย็นสบาย ฯ
๑๖๔
๏ ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำทำตาล
ไต่ผโองโหญ่งโย่ทยานย่างเก้า
หน้าหัวเราะเพราะรักหวานหวังใคร่ ได้ฤา
เพียงพี่นี้แฝงเฝ้าใฝ่น้ำคำหวาน ฯ
๑๖๕
๏ ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยวเหลียวแล
ตลิ่งสูงฝูงรอกแตไต่ไม้
กรวยกร่างค่างเคียมแคข่อยกทุ่ม กุ่มเอย
ลมป่วนหวนหอมให้ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ฯ
๑๖๖
๏ จวบจนชนบทบ้านศรีจัน
ท่าลาดหาดเกิดกันแก่งตื้น
เรือนตั้งฝั่งเรียงรันโรงเหล็ก เจ๊กเอย
คนภู่ดูครึกครื้นค่ามช้างต่างเกวียน ฯ
๑๖๗
๏ จวนเย็นเห็นแห่งบ้านด่านขนอน
หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญมี่บ้าน
จอดเรือเมื่อเย็นรอนริมหาด สอาดเอย
ร้องว่าอาศัยร้านร่มไม้ใกล้เรือ ฯ
๑๖๘
๏ เจ้าของร้องรับให้ได้การ
หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบานบ่เศร้า
ขึ้นฝั่งนั่งสำราญร้านใต้ ไทรเอย
สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้าฝั่งน้ำชำเลือง ฯ
๑๖๙
๏ ลูกเอยเฉยเช่นปั้นปูนขาว
สาวเพ่งเล็งหลบสาวสิ้นแล้ว
ปะเป็นเช่นพ่อคราวครั้งหนุ่ม ชุ่มฤา
ตายราบลาภไม่แคล้วคลาดช้านาที ฯ
๑๗๐
๏ ลูกลาวสาวรุ่นน้องทักทาย
เรือพี่มีสิ่งขายค่อยไหว้
ลูกเราเหล่าหนุ่มอายแอบเด็ก เล็กแฮ
สอนกระสาบตาบให้ว่าซื้อหรือจำ ฯ
๑๗๑
๏ หนูพัดพลัดพลอดล้อเลียนสาว
มีหมากอยากสู่สาวซิ่นแล้ว
ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาวขายมั่ง กระมังแม่
ตาบฮ่ามถามหาแห้วแห่งนี้มีฤา ฯ
๑๗๒
๏ ลาวไปไทยพี่น้องมองเมียง
มืดค่ำทำร่ายเรียงเราะร้าน
กลั่นชุบอุบอิบเอียงกแอมแอบ แยบเอย
ขอหมากปากสั่นสท้านทดท้อย่อหญิง ฯ
๑๗๓
๏ ราตรีพี่น้องอ่อนเอนดู
ขันใหญ่ใส่หมากพลูนาบให้
แห้วเลือกเผือกถั่วภูพัดรับ กลับแฮ
จสั่งมั่งไม่ได้เดือดหน้าด่าตี ฯ
๑๗๔
๏ ดึกลาวสาวรุ่นกล้ามาเดียว
ให้กระเช้าเข้าเหนียวนั่งใกล้
ถอยหลีกอีกบ่อเหลียวเลยลูก กูเอย
กลั่นรับกลับจุดไต้ตอบโต้โมทนา ฯ
๑๗๕
๏ บูราณท่านว่าเลี้ยงลูกสาว
มันมักหักรั้วฉาวเช่นพร้อง
หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราวรักขะยั่น พรั่นแฮ
ลูกโง่โซแสบท้องบ่อรู้สู่สาว ฯ
๑๗๖
๏ ครั้นช้าวสาวสบหน้าลาสาว
จากขนอนอ่อนหนาวหนุ่มเศร้า
คราวได้ไม่โลมลาวลองซู่ ดูแฮ
ครั้นลับกลับรฤกเหล้าลูกโหง้โซสาว ฯ
๑๗๗
๏ เอนดูหนูพี่น้องสองสาว
คิดใคร่ได้เลี้ยงลาวลูกสไภ้
แต่ลูกผูกรักชาววังเล่า เจ้าเอย
จเจ็บเล็บเขาไว้ข่วนร้ายคล้ายเสือ ฯ
๑๗๘
๏ บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยวเหลียวแล
บนบกนกซอแซแซ่ซ้อง
เห็นนกกกคู่แดดานลฦก นึกเอย
เหมือนอยู่คู่เคียงน้องแนบเนื้อเหลือสนอม ฯ
๑๗๙
๏ บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่งฝั่งชลา
ฟ่ายออกดอกขาวดาเด่นช้อย
เนื้อนุชสุดโสภาเพียงฟ่าย ไร่เอย
ชมฟ่ายคล้ายผิวสร้อยสวาดิเนื้อเหลือนวล ฯ
๑๘๐
๏ ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้งวาริน
เกิดแก่งแหล่งเหวหินฮ่วงคุ้ง
ปล่องน้ำท่ำกุมภินพวกเงือก เลือกแฮ
ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้งด่วนพ้นวลวัง ฯ
๑๘๑
๏ บ้านไร่ไทเจ๊กตั้งทั้งทวาย
กล้วยไข่ไร่เรียงรายเรียกซื้อ
ตกเครือเรื่อเรืองปลายปลีสลับ ปกับแฮ
เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อหมดรื้อซื้อเสมอ ฯ
๑๘๒
๏ วังปรานบ้านเว้นว่างวางเวง
สองฝั่งวังเสือเกรงเกรียบฉม้อย
นายรอดทอดท้ายเพลงพลอยหนุ่ม ชุ่มเอย
ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อยชุ่มฉ้อออรชร ฯ
๑๘๓
๏ บางม่วงห้วงหาดตื้นติดเรือ
ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือซับซ้อน
ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือค่างโครก โฮกแฮ
โปรยแต่ใบไม้หว้อนวิ่งร้องพองขน ฯ
๑๘๔
๏ ลูกค่างอย่างย้อมชาติชมภู
เหลืองอ่อนโอ้เอนดูเด็กน้อย
แม่อุ้มชุ่มชื่นชูชมลูบ จูบเอย
กอดแอบแนบอกห้อยหกโน้มโถมทยาน ฯ
๑๘๕
๏ ย่านซื่อชื่อว่าบ้านย่านยาว
เหนแต่ชุมนุมลาวล่อนโล้ง
ลากอวนส่วนหนุ่มสาวเสียงแซ่ แม่เอย
เท่าแก่แลโล้งโต้งต่างหล้อนห่อนอาย ฯ
๑๘๖
๏ อ้างว้างกลางน้ำร่มลมโชย
ลิงค่างครางครวนโหยโห่ร้อง
กระเบาออกดอกร่วงโรยรศรื่น ชื่นเอย
หึ่งหึ่งพึ่งเพียงฆ้องย่ำเถี้ยงเสียงกระหึม ฯ
๑๘๗
๏ ยนย่านศารปู่เจ้าจอมไพร
ปลาคล่ำน้ำซึ้งใสสอาดสอ้าน
งูเหลือมเลื่อมเลือกไคลคลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ
โตเท่าเสาเรือนกว้านกวาดน้ำดำปลา ฯ
๑๘๘
๏ ติดตื้นขืนถ่อค้ำเขนเรือ
บนบกรกรังเสือซอกซุ้ม
นำงูฟู่เลื้อยเหลือหลีกยาก หลากแฮ
ศักครู่ดูควันกลุ้มกลบข้างทางจร ฯ
๑๘๙
๏ เดกเหนเช่นมนุษหนั้งหลังงู
แวววับคลับคลายฟูฟ่องเฟื้อย
รู้ชัดจัดหมากพลูพลีปู่ เจ้าเอย
งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อยหลีกคล้ายหายสูร ฯ
๑๙๐
๏ เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อนเคลื่อนคลา
ถึงย่านบ้านกลวยเวลาบ่ายคล้อย
กล้วยไข่ไร่รื่นรดาดกเรื่อ เครือเอย
หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อยแอบกล้วยสลวยลำ ฯ
๑๙๑
๏ ถึงช่องคลองน้ำซับซ้ายมือ
เกิดแร่แง่งอกครืครืดท้อง
ผู้เท่าเล่าเลื่องฦาเหล็กที่ ดีเอย
ครึคระระเรือต้องติดตื้นขืนเขน ฯ
๑๙๒
๏ บ้านว่าขวาซ้ายค่างทางจร
หินแร่แลสลับสลอนฦกซึ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาครคนเงียบ เสียบเอย
ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้งแอบคุ้งมุ่งทาง ฯ
๑๙๓
๏ วังหินถิ่นเถื่อนกว้างยางยูง
สมอแสมสารสูงสดฉุ้ม
หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูงฟุบเขี่ย เรี่ยเอย
เด็กใคร่ได้ไก่อุ้มแอบขึ้นครึนราย ฯ
๑๙๔
๏ ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อก้อกพือ
เด็กย่องด่องดีดมือมุ่งหน้า
เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋ปร๋อร่อน ว่อนแฮ
เด็กโดดโลดไล่คว้าไคว่ขว้ำขะมำมอม ฯ
๑๙๕
๏ ลงเรือเหื่ออาบหน้าหนูเอย
อย่าไล่ไก่เลยเชยช่อไม้
ดอกดวงร่วงรื่นรเหยหอมกลิ่น รรินแฮ
เก็บศักห่อพ่อได้เด็จร้อยสร้อยสน ฯ
๑๙๖
๏ ย่านยาวลาวตั้งกลาดหาดทราย
แล่ผ่าปลาฉแวงสวายแหวะท้อง
ย่างไฟใส่ซ่ารายเรียงนั่ง สพรั่งเอย
พวกหนุ่มสุ่มเรือร้องเจียรน้อฬ้อลาว ฯ
๑๙๗
๏ ถึงวนก้นหวดห้วงหินแลง
แร่เกลื่อนเหมือนซิงแขงค่างคุ้ง
ตำราว่าทองแดงเดกต่อย ย่อยแฮ
พรายพร่างอย่างศรีรุ้งรอดชี้ที่แถลง ฯ
๑๙๘
๏ ตวันเยนเหนพยัฆด้อมดื่มชล
โห่ขับกลับโฮกคนเคี่ยวโง้ง
ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรนเราะไล่ ใกล้แฮ
ทังขู่ภู่เมียโขร้งคร่างร้องก้องกระหึม ฯ
๑๙๙
๏ นายรอดสอดรู้เท่าเหล่าเสือ
มักกัดสัตกินเหลือละไว้
มันหวงล่วงไล่เรือรอดแนะ แวะแฮ
หนูหนุ่มกุมมีดไม้มุ่งแย้งแทงเสือ ฯ
๒๐๐
๏ โห่ร้องซ้องแส้ป่ากล้าหาน
เสือวิ่งยิ่งทเยอทยานหยักรั้ง
ตามทางห่างฝั่งประมาณสองเซ่น เหนแฮ
ได้แต่เนื้อเหลือทั้งท่อนท้ายชายโครง ฯ
             

๒๐๑ - ๓๐๐

๒๐๑
๏ รอดรัดมัดเชือกกลุ้มหนุ่มหาม
ถึงที่เรือเสือตามติดก้น
จากท่าป่าเปลี่ยวขามขยาดพยัฆ นักพ่อ
ถ่อถี่หนีเสือพ้นพี่ให้ใจหาย ฯ
๒๐๒
๏ บูรานท่านว่าล้วงคอเสือ
เหล่าลูกถูกตำราเหลือเหล็กกล้า
เช่นพ่อก็กลืนเกลือกลั้วเค่า เจ้าเอย
ชิงเหยื่อเสือต่อหน้านึกคร้ามขามแขยง ฯ
๒๐๓
๏ วังฉลามยามสูริยเยื้องเย็นรอน
เสียงสุนัขไนหอนเห่าเนื้อ
ลิงค่างต่างโหวยวอนวิเวกวาบ สาบเอย
เผาะเผาะเราะรกเรื้อเรียดข้างทางจร ฯ
๒๐๔
๏ มืดค่ำจำจอดค้างหว่างไพร
หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟฝั่งน้ำ
เนื้อย่างค่างเครื่องในหมูแบ่ง แกงแฮ
เนื้อสดรสอร่อยล้ำกระหลบฟุ้งคุ้งแหลม ฯ
๒๐๕
๏ นอนค้างกลางหาดตื้นตลิ่งสูง
นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูงมฤคฆร้อง
เงาไม้ใหญ่ยางยูงเยนเยียบ เงียบเอย
เผาะเผาะเราะป่าต้องตวาดซ้ำร่ำไป ฯ
๒๐๖
๏ เกือบหลับกรับเกรียบไม้ไต้เหนือ
คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือรอบข้าง
ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือสวบโขยด โดดแฮ
เด็กด่าคว้าฟืนขว้างก่อให้ไฟโพลง ฯ
๒๐๗
๏ เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้งรวังไฟ
ดึกยิ่งวิ่งเวียรไวแวดล้อม
จำเปนเซนพระไพรเพราะเหญื่อ เสือแฮ
ตัดตับกับเนื้อพร้อมพร่ำตั้งสังเวย ฯ
๒๐๘
๏ เยนเยียบเงียบสงัดเงื้อมเงาครึม
อารักศักสิทพึมพุ่มไม้
ทิ้งทูตพูดงึมงึมเงี่ยง่วง ทรวงเอย
จังหรีดกรีดกริ่งให้ลเหี่ยเศร้าหาวนอน ฯ
๒๐๙
๏ ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้งฟังเสียง
แม่ม่ายลองไนเรียงแหร่ร้อง
รฦกแต่แม่ม่ายเวียงสวาดิว่าง ค้างเอย
เปนม่ายร้ายนักน้องจต้องลองไน ฯ
๒๑๐
๏ หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อมแลเหน
เจ้าป่าหน้าปากเปนพยัฆร้าย
ขี่แรดแผดเสียงเยนขยอกเหยื่อ เนื้อเอย
ร้องว่าลาแล้วคล้ายเคลือบเข้าเงาหาย ฯ
๒๑๑
๏ ยามสามยามสงัดไม้ไพรพนม
พร่ำพร่ำน้ำค้างพรมพร่างพร้อย
เยนเยียบเงียบสงัดลมแลตล่ง ดงเอย
ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อยชื่นฉุ้มพุ่มพกา ฯ
๒๑๒
๏ ค่อนรุ่งฝุงไก่แจ้แจ้วเสียง
เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียงเนื่องซ้อง
เรไรร่ายร้องเรียงรับแซ่ แม่เอย
เพียงรนาดพาดฆ้องแข่งเจ้งเพลงจีน ฯ
๒๑๓
๏ เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยงเพียงสุคน
หึ่งหึ่งพึ่งเวียรวลว่อนเคล้า
มาลีคลี่กลีบบนบานกลิ่น รรินเอย
ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้าเร่งให้ใจเจริญ ฯ
๒๑๔
๏ รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำอบหอม
หวนจิตคิดเคยสนอมแนบน้อง
เจือจรรกลั่นกลิ่นรอมรวยรรื่น ชื่นเอย
เคยชื่นรื่นรศต้องตกไร้ไกลสมร ฯ
๒๑๕
๏ เรืองรุ่งฝูงนกร้องก้องดง
เรียกเร่งรถสูริยงเยี่ยมฟ้า
ล่าป่าท่าน้ำจงเจริญศุข รุกขเอย
จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้าหนุ่มน้อยพลอยเพลิน ฯ
๒๑๖
๏ ล่วงทางบางขวากคุ้งเขดไพร
เหนแต่แร่รกไคลเคลือบคล้ำ
ซ้ายขวาป่าสูงไสวว่างย่าน บ้านเอย
เด็กใคร่ไปปลายน้ำสนุกแท้แควเหนือ ฯ
๒๑๗
๏ นึกนามสามชุกถ้าป่าดง
เกรี่ยงไร่ได้ฟ่ายลงแลกล้ำ
เรือค้าท่านั้นคงคอยเกรี่ยง เรียงเอย
รายจอดทอดท่าน้ำนับฝ้ายขายของ ฯ
๒๑๘
๏ นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้องกหนองกแหนง
สาวผูกลูกปัดแดงประดับพร้อย
คิ้วตาน่านวลแตงตลหม่อม จอมเอย
แค่งทู่หูยานย้อยอย่างลว้าพาคลาย ฯ
๒๑๙
๏ สามเพงเลงสะล่างไม้ไพรสน
ป่าใหญ่ใช่เขดคนขาดบ้าน
ร่มรื่นชื่นชมชลซุ่มแต่ แร่เอย
ปลาว่ายสายสินสอ้านสอาดตื้นพื้นทราย ฯ
๒๒๐
๏ ปลาชนางคว้างแคว้งว่ายลายแล
เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแกกดิบกเดี้ย
ไข่ฉะนางอย่างฝักแคเขียวฉอุ่ม ชุ่มเอย
สร้อยซ่ากากดเพลี้ยพล่านน้ำคล่ำทาง ฯ
๒๒๑
๏ ไอ้บ้าอ้าปากกว้างหางแดง
ซิวสูบสีเสียดแซงแซกซ้อน
กรีมกรายว่ายเวียรรแวงรวังม่าย หมายเอย
ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อนแฉลบหว้ายสายสินธุ์ ฯ
๒๒๒
๏ ปลาตเพียนเวียรว่ายเคล้าคลอเรือ
เกล็จเคลือบเหลือบเหลืองเหลือเลื่อมพร้อย
ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือส่ายโบก กโชกแฮ
หางไก่ใช่หางช้อยชแล่มหว้ายร่ายเรียง ฯ
๒๒๓
๏ นานาปลาน้ำถิ่นหินทราย
ชมเล่นเหนปลาดหลายเล็กน้อย
ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลายน้ำเล่า เจ้าเอย
บนบกนกกระเตนกระต้อยต้องร้องซ้องเสียง ฯ
๒๒๔
๏ ถึงรวางว่างบ้านชื่อชัดหอม
หอนประดู่ปรูพยอมยื่นย้อย
ดอกกระดึงพึ่งแตนตอมต่อร่อน ว่อนแฮ
นกพริกจิกจับห้อยหกหิ้วพลิ้วแพลง ฯ
๒๒๕
๏ ถึงแก่งแห่งท้ายย่านบ้านทึง
หินแร่แก่เก่าตรึงกรวดก้อน
ลงเข็นเล่นน้ำอึงอาบชุ่ม หนุ่มเอย
เยนสบายหายร้อนเรื่อยร้องลองลำ ฯ
๒๒๖
๏ เอนหลังฟังดอกสร้อยสักระวา
ร้องรับขับเสภาเพื่อนพร้อม
ลำนำคร่ำครวนหาหวนเอก วิเวกเอย
ผอยหลับรับเสียงซ้อมเสนาะน้ำคำครวน ฯ
๒๒๗
๏ หยุดเรือเหนือวัดเงื้อมเงาโพ
รื่นร่มรมยศุกโขค่างคุ้ง
วัดมีที่พระอุโบสดที่ กุดีแฮ
เหนพระศรทาหมุ้งมั่นสร้างทางบุญ ฯ
๒๒๘
๏ จัดแจงแต่งตบะเหลื้อมลายทอง
เทียรทูบท่วยแก้วรองดอกไม้
ลูกพลับกับกระเทียมดองถวายคนะ พระเอย
ย่ามร่มสมภารได้รับพร้อมน้อมถวาย ฯ
๒๒๙
๏ ตวันเยนเหบพระพร้อมล้อมวง
ตีปะเตะตะกร้อตรงคู่โต้
สมภารท่านก็ลงเล่นสนุก ขลุกแฮ
เข่าค่างต่างอวดโอ้อกให้ใจหาย ฯ
๒๓๐
๏ อยุดกระกร้อฬ่อไก่ตั้งตีอัน
ผ้าพาดบาดเหล็กพนันเหน็บรั้ง
ไก่แพ้แร่ขบฟันฟัดอุบ ทุบเอย
เจ้าวัดตัดเรือตั้งแต่งเหล้นเยนใจ ฯ
๒๓๑
๏ เสียเทียรเสียทูบซ้ำเสียสัทา
เสียที่มีกระมลมาโนศน้อม
เสียดายฝ่ายศาสนาสัมนะ พระเอย
เสียน่าตาหูพร้อมเพราะรู้ดูเหน ฯ
๒๓๒
๏ จวนค่ำจำค้างย่านบ้านทึง
ถอยหนีที่วัดอึงแอบคุ้ง
ตรวดน้ำร่ำรำพึงแผ่ทั่ว ตัวเอย
ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้งเทพสริ้นดินสวรร ฯ
๒๓๓
๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าท่านทังสอง
เมียนากนามผัวทองผ่องแผ้ว
มาหาพ่าขาวของคำนับ รับเอย
ท่านช่วยอวยภรแล้วเล่ารู้บูราณ ฯ
๒๓๔
๏ ฝ่ายตาอายุร้อยญี่สิบแถม
ยายสิบแปดปีแกมกับร้อย
ตามองช่องเขมแหลมตลอดแน่ แม่เอย
ฟันปากหมากเฆี้ยวจ้อยแจ่มอ้วนนวลขาว ฯ
๒๓๕
๏ ผู้เถ้าเล่าเรื่องอย้านบ้านทึง
ท้าวอู่ทองมาถึงถิ่นถุ้ง
แวะขอเชือกหนังขึงเขาไม่ ให้แฮ
สาปย่านบ้านเขดคุ้งคี่ทึ้งทึงแปลง ฯ
๒๓๖
๏ วัดทร่างข้างคุ้งย่านบ้านทึง
ชื่อชัดวัดคี่ทึ้งถูกต้อง
ผู่เถ้าเล่าเรื่องจึงจะแจ้ง แสดงเอย
ท่านนั่งสั่งสอนพร้องพร่ำไว้ไม้ตรี ฯ
๒๓๗
๏ ได้ครูผู่เท่าทั้งยายตา
สมมุติดุจะเทวดาบอกเหล้า
ทายทักลักขณะราศรีทั่ว ตัวเอย
จอดน่าท่าผู่เถ้าท่วนห้าราตรี ฯ
๒๓๘
๏ ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้แซ่สนอง
เสือตบขบภิขุสองรูปม้วย
ต่อไก่ไล่นกคนองนามเทศ เกดแฮ
เสือฟัดกัดกินด้วยบาปซ้ำกรรมหนา ฯ
๒๓๙
๏ ต่อนกยกพเนียดตั้งบังกาย
เสือฉีกซีกโครงทลายทลักท้อง
กินตับกับตโพกหายเหนน่า ขาเอย
ภิขุทุศีลต้องโทษนั้นทันตา ฯ
๒๔๐
๏ ต่อไก่ไม่สู้ฟาดขาดใจ
ที่อยู่ปู่เจ้าไปหลับเหล้า
เสือกินซิ่นตับไตตีนน่อง ท้องแฮ
สังเวทเหตุผู่เถ้าทักแท้แน่จริง ฯ
๒๔๑
๏ สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วยอวยภร
สิบประการประกอบกลอนกล่าวไว้
ขอสวัดสัฐาวอรไว้ว่า ลาเอย
สองเท่าเฝ้าร้องไห้ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ฯ
๒๔๒
๏ สงสารท่านสอื้นโอ้โศกา
พลั่งพลั่งหลั่งน้ำตาตกด้วย
หนูหนุ่มชุ่มชลนานั่งเจ่า เหงาเอย
ร่ำว่าท่าไม่ม้วยไม่สริ้นถวินหวัง ฯ
๒๔๓
๏เรือออกนอกท่าบ้านท่านยาย
ย่อไว่ไห้สอื้นฟายมูกย้อย
เชาบ้านท่านทังหลายแลสลด หมดเอย
ไห้มั่งทังใหญ่น้อยนั่งผร้ำน้ำตา ฯ
๒๔๔
๏ แลลับกลับกลั้นโศกสงสาร
หนุ่มน่อยพลอยรำคารคิดเศร้า
ทังหลายฝ่ายบูราณรักขู่ ชู้เอย
เราพรากจากผู่เถ้าทุกร้อนห่อนเสบย ฯ
๒๔๕
๏ ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่าเชาดง
โกนจุกลูกสาวทรงสอาดสอ้าน
เชิญด้วยช่วยแต่งมงคนเกริก ฤกษเอย
โกนจุกลูกเชาบ้านอยู่ค้างกลางคืน ฯ
๒๔๖
๏ ฟังติปี่พาดฆ้องกลองตโภน
เพลงไทยใส่กลองโยนยุ่งแท้
เด็กโดดโลดเล่นโขนแขนคอก ออกเอย
ร้องขับรับอ้อแอ้อุบเหล้าเมามาย ฯ
๒๔๗
๏ เสียงซออออ่ออ้อเอื่อยเพลง
จับปี่เตร๋งเต้งเตงเต่งต้อง
คลุยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนงเหน่งเน่ง รนาดแฮ
ฆ้องหน่องหนองน่องหน้องผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโภน ฯ
๒๔๘
๏ สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่นเต้นรำ
ซองหมากฝากหนุ่มนำเนตรชม้อย
โกนจุกลูกเล็กทำขวันเล่า เจ้าเอย
เนตรซู่หนูหนุ่มน้อยนั่งปลื้มลืมนอน ฯ
๒๔๙
๏ บ่วงรักดักเด็กต้องสองตา
เปิดปากฝากคำลาเหล่าน้อง
ลงเรือเมื่อจะคลาคลอเนตร ทเวทเอย
แก่เท่าสาวส่งซ้องแซ่หน้าอาไลย ฯ
๒๕๐
๏ บ่วงผูกลูกรักแล้วแร้วราย
ดักพ่อท้อที่กายแก่แล้ว
ห่อนอยู่ซู่สมรหมายมัติโมฆ โอขเอย
แต่เหล่าเจ้าลูกแก้วก่อร้อนสอนแสลง ฯ
๒๕๑
๏ หมากพลูบูหรี่ส้มขนมขนุน
สาวหนุ่มรุมการุญรักให้
ผูกมิตรคิดขอบคุณคนเท่า สาวเอย
ทุกโศกโรคอย่าได้เดือดร้อนนอนสบาย ฯ
๒๕๒
๏ จากย่านบ้านกระตั้วแต่แลดู
ศรรักปักทรวงหนูเหน็บช้ำ
รักป่าน่าชื่นชูชมเล่า เจ้าเอย
ดูถูกลูกปลายน้ำหนุ่มต้องหมองหมาง ฯ
๒๕๓
๏ น้อยน้อยพลอยว่าน้ำลำสุพรรณ
สาวแก่แลคมสันสะคร้าน
ดูมากว่าสิบวันตลอดแว่น แคว้นเอย
ไรจุกทุกทุกบ้านบ่อเว้นเห็นสาว ฯ
๒๕๔
๏ บูราณท่านว่าน้ำสำคัน
ป่าต้นคนสุพรรณผ่องแผ้ว
แดนดินถิ่นที่สูพรรณธรรมชาด มาศเอย
ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้วแจ่มน้ำคำสนอง ฯ
๒๕๕
๏ ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่าโป่งแดง
เรือติดคิดขยาดแสยงพยัฆร้าย
สวบสวบยวบไม้แฝงฟุ้งสาบ วาบแฮ
สองฝั่งทั้งขวาซ้ายสัตร้องซ้องเสียง ฯ
๒๕๖
๏ คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้างทางโขลง
เคยถิ่นกินโป่งโทงเที่ยวเร้น
ขามช้างต่างจัดโจงกระเบนกระบิด ตี๊ดแฮ
เก็บกรวดอวดกันเหล้นตลอดน้ำลำทาง ฯ
๒๕๗
๏ คุ้งขวางบางแวกตื้นพื้นทราย
กรวดกระจ่างพร่างพรายลายเลื่อมพร้อย
เหมือนเม็จเพชรัตรายแอร่มอร่าม งามเอย
ฉุนว่าแววแก้วก้อยนพเก้าวาวแหวน ฯ
๒๕๘
๏ กระเบาออกดอกรยับย้อยห้อยหอม
พึ่งหมู่แมงภู่ตอมไต่เคล้า
ว่าสุกลูกงามงอนเงาะป่า พวาเอย
กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้ารื่นข้างทางจร ฯ
๒๕๙
๏ รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้งคลุ้งโขลง
ป่านอกดอกสำโรงร่วงค้าง
เหล่าลูกผูกเรือฉโลงลากวิ่ง จริงแฮ
เหมนเช่นเหมนชื่ออ้างอีกล้ำสำโรง ฯ
๒๖๐
๏ ถึงหว่างยางพี่น้องสองยาง
เก่าแก่แต่ก่อนปางป่าต้น
เกิดแร่แง่งอกขวางขวากระ รกะแฮ
ถูกปวดรวดเร้าล้นสะล่างแหร้แง่สลอน ฯ
๒๖๑
๏ ปลายน้ำลำคุ้งแขบโขดเขิน
ขดค่องต้องติดพเอิญแอ่งตื้น
จอดสองพี่น้องเพลินพลองสะล่าง ยางเอย
ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้นคร่อมน้ำลำลหาล ฯ
๒๖๒
๏ ปลาดเหลือเรือหนุ่มน้อยลอยพาย
ถึงหว่างต้นยางตายตกน้ำ
ช่วยฉุดสุดชีพทลายทลักเลือด เฝือดแฮ
เมียแม่แซ่มาปล้ำปลุกร้องซ้องเสียง ฯ
๒๖๓
๏ ถามเขาเล่าว่าอ้ายฟักเฟือน
ตีแม่แร่ลงเรือนร่านร้าย
เจ้าสองพี่น้องเหมือนมุ่งปราบ บาปแฮ
โพล่งผลักหักคออ้ายฝักม้วยด้วยกรรม ฯ
๒๖๔
๏ ชาวป่าภาศภเศร้าสู่สถาน
เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาลสองพี่น้อง
อารักศักสิทชานเชี่ยวช่วย ด้วยเอย
โป่งป่าอย่าแผ้วพ้องพวกข้าอาไศรย ฯ
๒๖๕
๏ สรวงจ้าวพร้าวอ่อนกล้วยด้วยเอย
เชิญพี่น้องสองเสวยสว่างร้อน
แรกมาอย่าถือเลยลุกระโทษ โปรดพ่อ
ขอแร่แม่เก็จก้อนกับเต้าเจ้ายาง ฯ
๒๖๖
๏ หนูน้อยพลอยร้องบ่วงสรวงศาร
เสียงฉ่ำน้ำนมหวานแววก้อง
เบิกป่าท่าเทวถานถูกท่วน ขบวนเอย
หนุ่มรับสรัพเสียงซ้องเสนาะซ้อนกลอนใน ฯ
๒๖๗
๏ เทียรจุดขุดแร่หลั้นควันเขียว
พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียวดุ่มคล้าย
หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียวเลื่อนกลับ ลับแฮ
ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้ายรู้เถ้าเจ้าหวง ฯ
๒๖๘
๏ เหมือนครูผู่เท่าแจ้งแหนงใจ
รอขุดจุดเทียรไชยเช่นรู้
ดับพิศฤทธิพระไพรพรมสมุท อยุดแฮ
เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้อ่อนไม้ใหญ่รเนน ฯ
๒๖๙
๏ ลมลั่นครั่นครึกฟ้าหนาฝน
ซู่ซู่หนูวิ่งวนว่าช้าง
เทียรดับกลับมืดมนเหมนเบื่อ เสือเอย
จวนค่ำจำอยุดค้างคิดแก้แร่โพรง ฯ
๒๗๐
๏ ขอนเรือเหนือน้ำนึกน้อยใจ
คราวเคราะเพราะพระไพรพี่น้อง
ขัดพระจเชิญไฟฟอนซู่ รู้ฤๅ
ทุ่งท่าป่าจะต้องโตล่งสริ้นถิ่นสถาน ฯ
๒๗๑
๏ เราถือซื่อสัจสร้างศีลทาน
แล่งล่าฟ้าดินพญานย่อมรู้
หวังแร่แต่บูราณระงับโศก โลกเอย
จ้าวคิดปิดของขู้มนุษนั้นฉันใด ฯ
๒๗๒
๏ ดึกสงัดสัตสงบคลุ้มพุ่มพง
เยนรย่อบริเวณวงหว่างไว้
เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์อารัก ทักแฮ
เหนสพรั่งนั่งไหว้ว่าฬ้อขอสะมา ฯ
๒๗๓
๏ รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วนนวลงาม
สองพี่มีเป็นสามทั่งน้อง
เรียกสองพี่น้องนามน้องพี่ มีเอย
สามแน่แต่คำพร้องพี่น้องสองชาย ฯ
๒๗๔
๏ เล่าความตามเรื่องแหร้แต่หลัง
ใช่คิดบิดเบือนบังบอกแจ้ง
ขัดเคราะเพราะยุกยังอยู่อย่า มาเลย
กายสิทพิศกล้าแกล้งกลบกลุ้มคลุ้มควัน ฯ
๒๗๕
๏ รู้ศึกนึกเรื่องเจ้าเล่าความ
ทราบหมดจดหมายตามแต่งไว้
โออกตกอับยามยุกยาก มากเอย
บุญบวดกรวดกระสินให้แห่งเจ้าเล่าความ ฯ
๒๗๖
๏ เหมือนรู้ผู่เถ้าเล่าจ้าวแถลง
สามอย่างต่างลายแทงถูกต้อง
ใคร่เหนเช่นชี้แจงเจ้าบอก ดอกแฮ
ค้างย่านศารพี่น้องพนัศร้ายหายสูร ฯ
๒๗๗
๏ รุ่งเช้าเข้าป่ากว้างทางโขลง
คลองเก่าเท่าลำกระโดงโป่งช้าง
ซ้ายขวาป่าสมอโมงไม้อุโลก โมกเอย
กระแบกกระเบาเสลาสล้างสลับต้นคนทา ฯ
๒๗๘
๏ ตามร่องคลองที่เจ้าเล่าความ
เด็ดดอดลอดลัดตามติดท้าย
เลี้ยวลดปลดปลิดหนามหน่อคลอก ออกแฮ
เสียงแต่เนื้อเสือร้ายร่านร้องก้องกระหึม ฯ
๒๗๙
๏ สุดคลองหนองหนึ่งกว้างอย่างแถลง
ที่ถิ่นดินดาดแดงดุจพร้อง
สังเกตเขดขอบแขวงความที่ ชี้เอย
ขึ้นค่างทางขวาท้องทุ่งช้างวางเวง ฯ
๒๘๐
๏ ภบถ่อบ่อแร่น้ำดำนิล
เหมือนหมึกปึกปะดินเดกคุ้ย
ปะแต่แร่ปรอดกินแก่นเท่า เจ้าเอย
เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ยยกไว้ไปแสวง ฯ
๒๘๑
๏ ตัดทางหว่างต้นโตนดโขดสูง
เนื้อแยกแตกตื่นฝูงฝุ่นฟุ้ง
แฝงดูหมู่นกยูงยอบย่อง มองเอย
พรายพร่างอย่างศรีรุ้งอร่ามเพี้ยนเขียนซน ฯ
๒๘๒
๏ รำแพนแอ่นอกฉะแง้แผ่หาง
หันร่ายฝ่ายฝูงนางนกเคล้า
ตัวผู่อยู่กลางกางกลมปีก หลีกเอย
ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้าท่าฟ้อนอ่อนเอียง ฯ
๒๘๓
๏ ด้อมดูหมู่มยุรย้ายร่ายรำ
เยี่ยงย่างนางรบำทำท่าฉะม้าย
เคยดูคู่เคียงรบำรเบงกลับ ลับเอย
เหนแต่ฝูงยูงคล้ายนุชฟ้อนงอนงาม ฯ
๒๘๔
๏ ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้สู่สม
สังวาดชาติเช่นพรมพระพร้อง
ตัวภู่ฟู่ฟองกลมเมียชื่น กลืนแฮ
เกิดไข่ได้พวกพ้องเพื่อส้องฟองกสิน ฯ
๒๘๕
๏ หนุ่มหนูพรูไล่พร้อมล้อมยูง
ปีกกระพือฮือฝูงฟ่องฟ้า
ตานโดดโขดทรายสูงสมเล่า เจ้าเอย
เหนรอบขอบเขดหน้าสนุกแท้แลเพลิน ฯ
๒๘๖ ( สระล้วน )
๏ เขาเขียวโขดคุ่มขึ้นเคียงเคียง
ร่มรื่นรุกขรังเรียงเรียบร้อย
โหมหัดหิ่งหายเหียงหัดหาด แฮ่วแฮ
ย่างใหญ่ยอดยื่นย้อยโยกโย้โยนเยน ฯ
๒๘๗
๏ เลี้ยวทางหว่างช่องไม้ไผ่เหลือง
ปะแต่แร่กรัดเรืองร่วงรุ้ง
ย่องเหยียบเลียบลำเหมืองไม้ชื่น รรื่นเอย
หอมกระถินกลิ่นฟุ้งเฟื่องฟื้นชื่นใจ ฯ
๒๘๘
๏ สุดเหมืองเยืองขึ้นค่างหว่างเนิน
ล้วนแร่แก่เก่าเกินเก็บทิ้ง
พลวงเหล็กเด็กสดุดเดินกระโดดค่าม ตามแฮ
ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้งกลาดสล้างอย่างฝัน ฯ
๒๘๙
๏ ลงเนินเดินป่ากว้างวังเวง
ลมลั่นครั่นครืนเครงครึกครื้น
ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรงเกรียวโห่ โร่แฮ
ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้นช่อช้อยย้อยไสว ฯ
๒๙๐
๏ พิศพวงดวงดอกไม้ไพรพนม
รยับรย้าน่าชมแช่มช้อย
ม่วงโมกโศกสุกกรมกรวยกร่าง สล้างเอย
ดอกดกนกน้อยน้อยเหนี่ยวไซ้ไส้เพกา ฯ
๒๙๑
๏ ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้างว้างเอย
คิดใคร่ได้คนเคยคู่ชี้
คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชยชมนก หกแฮ
ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้กระแจะแต้มแก้มหอม ฯ
๒๙๒ ( ราชสีห์เทียมรถ )
๏ ยนโศกยามเศร้ายิ่งทรวงเยน
คิดสุดขัดแสนเขนโศกไข้
หวนหนาวหากนึกเหนหน้าแห่ง น้องแฮ
ดวงจิตเด็จจากได้จึ่งดิ้นจำโดย ฯ
๒๙๓ ( ราชสีห์เทียมรถ )
๏ เสลาสลอดสลับสล้างสลัดได
สอึกสอะสอมสไอสอาดสอ้าน
มแฝ่มฟาบมเฟืองมไฟมแฟบมฝ่อ พ่อเอย
ตขบตขาบตเคียนตคร้านตคร้อตไคร้ตเคราตครอง ฯ
๒๙๔
๏ ถึงธารบ้านเกรี่ยงร้างกลางดง
ไร่ฟ่ายหมายมั่นคงคิดค้าง
รอนรอนอ่อนอัศดงแดดพยับ ลับเอย
ภักผ่อนนอนเรือนห้างก่อให้ไฟโพลง ฯ
๒๙๕
๏ เหล่าลูกถูกส้มทับพลับจีน
หักฮ่างต่างหัดปีนคล่องแขล้ว
เหนื่อยนอนอ่อนมือตีนต่างรงับ หลับเอย
ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ววิเวกวิ้วหวีวโหวย ฯ
๒๙๖ ( สกัดแคร่ )
๏ หนาวลมห่มผ้าห่อนหายหนาว
ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราวพร่างฟ้า
เด่นเดือนเกลื่อนกลาศดาวดวงเด่น
ใจเปล่าเศร้าซบหน้านึกน้องหมองใจ ฯ
๒๙๗
๏ ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้โหร่เสียง
โหว่งโหว่งโรงรายเรียงรับพร้อง
หว่างไม้ไก่ขันเคียงเสียงเอ่ก อี๋เอ้กเอย
ยามดึกนึกนุชน้องนิ่งเศร้าเปล่าทรวง ฯ
๒๙๘
๏ จังหรีดกรีดกริ่งร้องซ้องเสียง
แหร่แหร่แม่ม่ายเรียงรับซ้อง
จักกจั่นสนั่นสำเนียงเสนาะเรื่อย เฉื่อยเอย
ผี่ผิวหวิ่วโหวกร้องรอบข้างวางเวง ฯ
๒๙๙
๏ ค่อนคืนดืนดึกแท้แม่เอย
เกรี่ยงไร่กระไรเลยล่าเนื้อ
ด่องด่องย่องเหยาะเงยฉโงกฉะงัก ทักแฮ
ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อผงะร้องซ้องเสียง ฯ
๓๐๐
๏ ถามไถ่ใช่เหล่าร้ายกรายมา
พูดเล่นเป็นคนชรารักใขร้
ถามชี้ที่ว่านยารยะย่าน บ้านเอย
ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้แวะเข้าเย่าเรือน ฯ
             

๓๐๑ - ๔๐๐

๓๐๑
๏ ลูกปัตตัดให้สี่สิบใบ
เกรี่ยงชอบยอบยิ้มลไมใส่ข้อ
หมากพลูสู่สมใจจันอับ พลับเอย
ถามกวั่งนั่งพูดจ้อจวบแจ้งแสงสูร ฯ
๓๐๒
๏ รุ่งเช้าเข้าบ้านเกรี่ยงเลี้ยงเหลือ
แกงฟักผักพริกมเขือค่างปิ้ง
อึ่งแย้แช่เขมเกลือเกลียดขะยั่น กลั้นแฮ
เด็กบ่อชอบลอบทิ้งท่วยขว้ำซ้ำแสยง ฯ
๓๐๓
๏ หญิงชายฝ่ายเกี่ยงล้อมพร้อมเพรียง
รักหนุ่มอุ้มแอบเคียงใคร่พร้อง
สาวแก่แม่ม่ายเมียงมุ่มขยิ่ม ยิ้มแฮ
ทักเพรียกเรียกพี่น้องนั่งเฝ้าเคล้าเคลีย ฯ
๓๐๔
๏ น้อยน้อยคอยหลีกเหลี้ยงเมียงเมิน
หญิงฉุดยุดหยอกเอิญแอบข้าง
ผลักไสไล่เล่นเพลินพลอยรรื่น ชื่อเอย
รุมรักชักชวนค้างคิดหน้าอาไลย ฯ
๓๐๕
๏ ลูกปัดตัดแจกถั้วตัวคน
หมดย่ามตามยากจนจัดให้
ลาจากอยากตรมปรนนิบัดหนุ่ม อุ้มเอย
ตากวั่งซั่งบูเรได้เพื่อนด้วยช่วยนำ ฯ
๓๐๖
๏ ตามเกรี่ยงเลี้ยงเลี้ยวลัดตัดทาง
หนามไหน่ไม่มีรคางค่างเท้า
ดงยาป่าปิ่นฝางฟุ้งรศ โอสถเอย
ต่างต่างย่างทรายเปล้าโปร่งฟ้าชาเกลือ ฯ
๓๐๗
๏ ปรายปรูปู่เจ้าเจดตพังคี
ลักกระจั่นขันใชศรีแซ่ม้า
ใครเครือเดื่อดีหมีมื้อเหลก เดกเอย
เขามวกรวกรกฟ้าฝิ่นต้นคนจาม ฯ
๓๐๘
๏ กทกรกกกกนากน้ำใจใคร
ราชดัตสลัดไดไข่เหน้า
พิษนาดพาดไฉนนากกภด กรดเอย
สอึกสอมซมเช้าชิ่งช้าชาลี ฯ
๓๐๙
๏ มหาสดำคำไก้ต้นทนดี
หางตเค่เนระภูศรีซ่มกุ้ง
ชาเลือดเหมือดคนมีหมอภิเภก เอกเอย
ลมป่วนหวนหอมฟุ้งเปลือกไม้ใบยา ฯ
๓๑๐
๏ กำยานก้ายกิ่งช้อยย้อยยาง
คิดใคร่ได้สำอางอบน้ำ
ยามไร้ไม่มีนางเสน่ห์พี่ นี้เอย
สรี้นกลิ่นสรี้นศุขซ้ำโศกเศร้าเช้าเยน ฯ
๓๑๑
๏ ฉลูดโลดโกฎเก้าค่าตาเสือ
มเดื่อดินขมิ้นเครือครอบฟ้า
กรันเกราเค่าเยนเหนือหนอนตยาก ซากเอย
หวายตมอยข่อยคล้าขลู่ขล้อสมอไทย ฯ
๓๑๒
๏ หนามหันสันพร้าพักแพวแดง
สหัศคุณหสมุลแวงสวาดเอื้อง
หลอดเสลาเหล่ากระเจี้ยงแจงกำจัด อัดเอย
หนุ่มอยุดขุดครบเขรื้องห่อผ้าลว้าศพาย ฯ
๓๑๓
๏ เกรี่ยงนำตำแหน่งแหร้แลหลาย
ทุบแหลกแตกเนื้อพรายพร่างพร้อย
เหมือนรู้ผู้เท่าทายถิ่นแร่ แม่เอย
ชมเล่นเยนบ่ายคล้อยคล่ำเนื้อเสือขะนอง ฯ
๓๑๔
๏ หวังปะพระปรอดรื้อดื้อเดิน
หลอยกวั่งสังบูเรเพลินพลอดพร้อง
หลีกหนามค่ามโขดเขินพนัศรื่น ครื้นเอย
ลำฦกนึกขนิดน้องเสน่หเต้าเคล้าคลอ ฯ
๓๑๕
๏ ดงมเกลือเหลือดกล้ำดำเหลือ
เล่หม่อมย้อมมเกลือกแจะให้
ใจหม่อมย่อมเหมือนเกลือกลิ่นร่ำ ดำเอย
ดำเทือกเปลือกแก่นไสร้ซี่นต้นผลดำ ฯ
๓๑๖
๏ เดินดงวงหว่างเวิ้งเซิงสูง
รื่นร่มชมฉมันฝูงฝ่านเนื้อ
เนินไม้ใหญ่ยางยูงพย่อมย่อม หอมเอย
ชุ่มชื่นกลืนกล้ำเกลื้อกลิ่นเกลี้ยงเพียงสุคน ฯ
๓๑๗
๏ ค่ามป่งลงฮ่วงน้ำค่ำเยน
ปะแต่หมอต่อกเตนตกกลิ้ง
หมอตายฝ่ายนกเปนปล่อยโปรด โทษเอย
ย่ามพ่าพร้ากะทอทิ้งไท่เฃ้ายาวยาน ฯ
๓๑๘
๏ สิ่งของต้องแต่งตั้งบังสกุน
ปลงพระอสุภบุญแบ่งให้
กรวดน้ำร่ำการุญเกรี่ยงกราบ ราบเอย
เถ้ากวั่งสังบุเนได้ดาบหญ้ามตามประสงค์ ฯ
๓๑๙
๏ จากศพพลบค่ำคลุ้มพุ่มพง
ป่าว่ายย่านหย่อมดงแด่นลว้า
ตามเกรี่ยงเลี่ยงลัดลงแหล่งฮ่วย กวยแฮ
หักฮ่างค้างที่ถ้าถิ่นน้ำลำธาร ฯ
๓๒๐
๏ เกรี่ยงสองกองกิ่งไม้ใส่เพลิง
โพลงพลุ่งฟุ้งฟอนเซิงสว่างฟ้า
กวางปีบถีบป่ากเจิงกจัดถิ่น สินแฮ
ดงว่านกำยานลว้ารเยือกข้างหว่างเขา ฯ
๓๒๑
๏ เหล่าเกรี่ยงเลี้ยงหนุ่มน้อยอ้อยแตง
มันเผือกเลือกจัดแจงจุดไต้
เดือนหนึ่งพึ่งรวงแสวงหวานฉ่ำ ล้ำเอย
เอมอิ่นยิ้มแย้มได้เกรี่ยงด้วยช่วยรวัง ฯ
๓๒๒
๏ เหล่าลูกผูกฮ่างห้อยย้อยโยน
ไกวเล่นเจรจาโขนขับร้อง
ชักเชือกเยือกยวบโอนอ่อนสบัด กวัดเอย
กล่อมเห่เรไรซ้องแซ่เหรื้อยเฉื่อยเสียง ฯ
๓๒๓
๏ เกรี่ยงว่าป่าว่านร้ายควายงัว
เสือบ่อกล้ามากลัวกลิ่นหว้าน
เข้าชิดพิศมืดมัวเมาซบ สลบแฮ
ต้องย่างค้างไฟร้านรอดได้ไม่ตาย ฯ
๓๒๔
๏ เหมือนรู้ดูหว้านสว่างกลางดง
เลื่อมลุกทุกที่ตรงเกิดต้น
มืดมืดยืดสว่างวงว่านชื่อ กระสือแฮ
คิดใคร่ไปเที่ยวค้นขุดบ้างกลางคืน ฯ
๓๒๕
๏ เกรี่ยงห้ามยามหว้านลุกถูกตาย
แก่อย่างไรไม่คลายคลั่งคลุ้ม
จำอยุดสุดเสียดายดูอร่าม วามเอย
ริ่มห่างว่างซอกซุ้มสว่างหว้านด่านดง ฯ
๓๒๖
๏ ดึกดื่นชื่นชุ่มไม้ไพรพนม
พร่ำพร่ำน้ำค้างพรมพร่างฟ้า
กลิ่นว่านซ่านส่งลมกระหลบกรุ่น อุ่นเอย
ยิ่งมืดครืดสว่างกล้ากลิ่นกลุ้มคลุ้มเมา ฯ
๓๒๗
๏ หากครูรู้แก้ว่านท่านสอน
เศกขะมิ่นกินจึ่งนอนนั่นได้
เกรี่ยงเมาเหล่าลูกถอนให้ขะมิ่น กินแฮ
เมาส่างต่างกราบไหว้ว่าขมี้นกินหาย ฯ
๓๒๘
๏ ยามสามยามพิศหว้านซานซึม
เพลิงกรับเสียงกระหึมเห่าหื้อ
ว่านคนบ่นพึมพึมพูดค่าง ห้างแฮ
กบเขียดเอียดอึงอื้ออึ่งร้องซ้องเสียง ฯ
๓๒๙
๏ กาแกแต่แว่วแหว้วแจ้วเสียง
ไก่กุกลูกเจี๊ยบเรียงรอบห้าง
หนุ่มฟังนั่งมองเมียงหมายไก่ ใกล้แฮ
เกรี่ยงใส่ไฟค่างหล้างดับสิ้นกลิ่นยา ฯ
๓๓๐
๏ เกรี่ยงชวนจวนสว่างหว้านว่านแสลง
ต่อแดดแผดแสงแขงค่อยเศร้า
อยู่ชิดพิศร้ายแรงร้อนทั่ว ตัวเอย
หนีออกนอกดงเข้าเขตลว้าพาเดิน ฯ
๓๓๑
๏ สามยามตามเกรี่ยงอย้องมองทาง
เดือนแหว่างแสงรางรางเรี่ยไม้
เกรี่ยงเราเป่าหลอดพลางเพลิงชุด จุดแฮ
ออกจากปากดงได้แด่นลว้าป่าสูง ฯ
๓๓๒
๏ หึ่งหึ่งพึ่งเรียกร้องก้องกหึม
หมีบ่นดันดุ่มพึมพุ่มไม้
เยนเยียบเงียบเงางึมสงบสงัด สัดเอย
ฟ้าพร่ำน้ำค้างไห้รเยือกเนื้อเหลือหนาว ฯ
๓๓๓
๏ จวนรุ่งฟุ้งดอกไม้ไพรพนม
รื่นรื่นชื่นอารมเรื่อยริ้ว
ร่วงหลุ่นบนเผ้าผมผอยถูก ตมูกเอย
ลมผ่าวหนาวดอกงิ้วง่วงเศร้าเหงาหงิม ฯ
๓๓๔
๏ หนาวลมห่มพ่าแก้แม่เอย
หนาวที่ใจใครเลยจแก้
ยามรุ่นอุ่นอกเอยเคียงคู่ อยู่แฮ
ยามเท่าเปล่าทรวงแท้เที่ยวค้างกลางดง ฯ
๓๓๕
๏ เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหล้งโหว่งดัง
สำเหนียกเรียกรว้าฟังฝ่ายบ้าน
ข้างเขาเป่ารับรวังวิเวกโร่ โหร่แฮ
รู้ชัดลัดเข้าหญ้านหย่อมลว้ามาคอย ฯ
๓๓๖
๏ เกรี่ยงปะละว้ารับนับถือ
พาเค่าเย่าเรือนครืพี่น้อง
โหมไฟใส่ฟืนฮือให้นั่ง อังเอย
เช้าเพื่อนเกลื่อนมาพร้องพรักพร้อมล้อมสลอน ฯ
๓๓๗
๏ ลว้าเถือเนื้อสดให้ไส่กระบุง
หนุ่มแต่งแกงเผ็ดปรุงเปราะพร้อม
กินเค่าเหล่าเกรี่ยงมุงมองปาก อยากแฮ
เสจสับกับเกรี่ยงล้อมกทะลี้มชิมแกง ฯ
๓๓๘
๏ ร้องอร่อยพลางซดกลุ้มหนุ่มสาว
แม่ลูกมูกฟูมยาวยืดย้อย
มดเนื้อเหื่อโทรมพราวพร่ำอร่อย น้อยฤๅ
กอดหนุ่มอุ้มหนูน้อยน่าได้ไว้ผัว ฯ
๓๓๙
๏ สานแกงแต่งพรีกพร้อมล้อมดู
ครกใหญ่ไส่โขรกครูครอบให้
กวางป่าฮ่ากระทะหูห้อมซด หมดแฮ
อิ่มอกยกมือไหว้แวดล้อมพร้อมเพรียง ฯ
๓๔๐
๏ สาวสาวเหล่าลูกลว้าหน้าชม
ยิ้มย่องผ่องผิวสมผูกเกล้า
คิ้วตาน่านวลสมเสมอฮ่าม งามเอย
แค่งทู่หูเจาะเจ้าจึ่งต้องหมองศรี ฯ
๓๔๑
๏ น้อยน้อยพลอยว่าลว้าหน้านวล
ยุทหยอกนอกเสื้อสวนแซ่ซ้อง
สาวสาวเหล่าลว้ากวนกอดหนุ่ม อุ้มเอย
ปล่ำเล่นเช่นพี่น้องนึกหน้าปรานี ฯ
๓๔๒
๏ ตาลวดยวดยิ่งลว้าป่าเขียว
เคยปะพระเจดีเดียวเที่ยวด้วย
ลาสาวเหล่าลว้าเกรียวกรูส่ง ดงเอย
เกรี่ยงเลือกเผือกมันกล่วยแบกบ้างทางไกล ฯ
๓๔๓
๏ ลวดลว้าพาเลี้ยวลัดตัดทาง
ไผ่ป่าหนาหนามกลางกลับเกลี้ยง
พ้นไผ่ไม้ยูงยางยามหล่น ผลเอย
ลูกร่อนว่อนเวียรเหลี้ยงหลีกต้นหล่นไกล ฯ
๓๔๔
๏ ลูกยางอย่างลูกน้อยถ่อยสถุน
ไม่รักศักศรีกระกุนเก่งก้อ
ครูสอนห่อนเหนคุนคิดออก นอกเอย
ปลิ้นปลอกหลอกหลอนฬ้อเล่ต้นผลยาง ฯ
๓๔๕
๏ เยนชื่นรื่นร่มไม้ไพรรหง
เปนป่ากฤศนาลงสลับไม้
โกร๋นเกราะเผาะผุะลงผุยล่อน กร่อนเอย
กฤศนางว่าครืไสร้พุะไม้ใหญ่พยูง ฯ
๓๔๖
๏ ขึ้นเนินเดินใกล้ชิดกฤศนา
หอมรื่นชื่นนาสาสูดซ้ำ
สมมุดดุจดังทาแป้งกแจะ และเอย
ใครไม่ได้ให้น้ำกุหลาบหุหล้อยน้อยใจ ฯ
๓๔๗
๏ ขาดขะมิ้นสรี้นแม่เลี้ยงลูกเอย
สารภีพ่อเคยขัดเนื้อ
บุญนากยากไร้เชยเช่นกลิ่น ขมิ้นแฮ
ถึงไม่เหลืองเรืองเหรื้อร่ำง้อขอหญิง ฯ
๓๔๘
๏ หนุ่มหนูรู้อบผ้าหาหอม
ดอกไม้ไส่ห่อสนอมแนบไว้
ขาดแป้งแต่งตัวมอมมีดอก ไม้เอย
ต่างฝูกลูกนอนได้นุ่มเนื้อเจือจอม ฯ
๓๔๙
๏ อกเอยเคยขู้พลอดฉอดเสียง
ตกเถื่อนเพื่อนกับเกรี่ยงรว้า
ยามมีที่รักเคียงค่างค่อน ฉอ้อนเอย
ยามยากบากเบือนหน้านึกน้องสยองแสยง ฯ
๓๕๐
๏ ทางร่มลมรื่นเหรื้อยเชื่อยโชย
หอมสุกกรมยมโดยดอกไม้
ผิละพวงกลิ่นโรยรริกร่อน ว่อนเอย
ตูมตาดกลาดหล่นใกล้เกลื่อนข้างทางเดิน ฯ
๓๕๑
๏ ตวันเที่ยงเลี่ยงเลียบน้ำลำธาร
ภบที่ศีลาลานฦกซึ้ง
อยุดยั้งนั่งสำราญร่มโศก ฉโงกเอย
ชื่นฉ่ำน้ำอ่อนอึ้งอาบเหล้นเยนสบาย ฯ
๓๕๒
๏ หนูหนุ่มทุ่มท่องน้ำลำลหาน
ฟุ้งฟาดสาดสายสนานสนุกบ้า
ลวดกวั่งซุ่งบูเรบูรานเรียนหนุ่ม กระทุ่มเอย
เด็กอ่อนสอนเกรี่ยงลว้าว่ายน้ำสำราน ฯ
๓๕๓
๏ เกรี่ยงเลือกเชือกชิ่งช้าช่วยแขวน
หนุ่มหนุ่มรุมไกวแสนสนุกล้ำ
เจรจาว่าถวายแหวนหวังเหาะ เคราะแฮ
วันฃาดพลาดโพล่งน้ำสนั่นร้องซ้องเสียง ฯ
๓๕๔
๏ น้ำใสไหลเลื่อนช้าปลากริม
กระกรับเกราะเราะเรียงริมร่มไม้
ศรีศะตะกั่วพิมพ์พาตพาก มากเอย
ปักเป่าเหล่าหลดไหล้แฉลบเลี้ยวเที่ยวสลอน ฯ
๓๕๕
๏ แห่งตื่นพื้นกรวดแก้วแวววาว
วาววับจับพฤกษพราวพร่างน้ำ
นิลบ้างหล่างเหลืองขาวเฃียวแข่ง แดงเอย
ช้อนคึ่นมึนมัวคล้ำเคลือบคล้ายสลายสลัว ฯ
๓๕๖
๏ กลางน้ำคล่ำดอกไม้ไหลลอย
เหล่าหนุ่มสุ่มว่ายคอยแข่งคว้า
เด็จกลีบจีบเรือพลอยเพลินเล่น เยนเอย
เกรี่ยงว่ายได้ลว้าว่ายไหม้ไคร่เปน ฯ
๓๕๗
๏ ชุ่มชื่นขึ้นจากน้ำสำราน
ลว้าเกรี่ยงเลี้ยงอ้อยตานมตาดมต้อง
เงาะป่าว่าหวายหวานวางต่าง ต่างเอย
อิ่มชื่นรื่นเริงร้องรับช้าลาธาร ฯ
๓๕๘
๏ ตวันบ่ายหายเลื่อยล้าคลาไคล
ค่ามโป่งดงเหลกไหลแล่งขมิ้น
ภบเตาเก่าก่อไฟผ้าพาด บาตแฮ
ตายแน่แร่กินสริ้นซากเนื้อเหลือของ ฯ
๓๕๙
๏ สงสารท่านที่ม้วยอวยบุญ
กระดูกยังบังสกุนเก็บผ้า
ย่ามบาตขาดเปนจุนจุดใส่ ไฟเอย
ตายเปล่าเจ้ากูบ้าบ่อรู้ครูสอน ฯ
๓๖๐
๏ เหล็กไหลได้แต่บ้าหาแสวง
ถูกแร่แม่สารแสลงเหล็กคล้าย
หลอมถลุงพลุ่งเพลิงแรงราวรศ กรดเอย
ควันพิศฤทธสารร้ายร่ำไซ้ไสร้สูร ฯ
๓๖๑
๏ เดินทางหว่างไม้ชัดลัดเฉลียง
ลมตกนกสนั่นเสียงแซ่ร้อง
ร่ายไม้ไต่มองเมียงเหมือนจัก ทักเอย
เพรียกพลอดฉอดเสียงซ้องแซ่จ้อซอแซ ฯ
๓๖๒
๏ นกตขาบคาบตขบเต้นเผ่นโจร
บ้ารบุ่นขุนแผนโผนผ่านหน้า
เหล่านกหกหิ้วโหนห้อยไต่ ไม้แฮ
ไก่เถื่อนเกลื่อนไก่ฟ้าฟุบไม้ไซ้ขน ฯ
๓๖๓
๏ คู่ลาโห่โหรโร่โหร้โห่โหย
โภระโดกโหวกวิเวกโหวยแว่วซ้อง
ยามยินยิ่งดิ้นโดยเดินหว่าง ทางเอย
เฆ้ากู่กู๋กู่ก้องไก่แก้วแจ้วเสียง ฯ
๓๖๔
๏ แซ้งแซวแว่วแหว้วพลอดฉอดเสียง
หวีดหว่อจ้อจับเคียงคู่เคล้า
นึกเหมือนเพื่อนรักเรียงร่ำพลอด ฉอดเอย
อายนกอกใจเศร้าโศกสอื้นฝืนเดิน ฯ
๓๖๕
๏ ผงกผงกนกอี่แอ้นกระแวนกระเวน
กวักเกว่าเหล่ากางเขนแขกเต้า
ตัวภู่จู่โจมเจนกโจมจับ ทับแฮ
ขะมิ่นอ่อนนอนแนบเคล้าคู่ป้อนสลอนเหลือง ฯ
๓๖๖
๏ หนูหนุ่มดูขมิ้นอ่อนนอนคลอ
ใครช่วยทามาหนอนกขมิ้น
เหลืองอ่อนหล่อนลองฃอขมิ้นนก ขมิ้นเอย
ขมิ้นที่ของน้องสิ้นแซ่งฉอ้อนวอนฃอ ฯ
๓๖๗ ( อักษรสาม )
๏ รวังไพรร่ายร้องกร่อกร๋อกรอ
แอ้แอ่แอ้แอ๊อุลอเลียบร้อง
พญาลอล่อล้อคลอเคล้าคู่ อยู่แฮ
กะหรอดกรอดกร๊อดกร๋อกร้องกะรอกเต้นเล่นกระแต ฯ
๓๖๘
๏ ต้อยตี๋วิศชิศโฉบร้องก้องเกรียว
ตวี๋ดตวิ๋ดติ๋ดเตี่ยวเตียวเจี่ยวจ้อย
ตามทักปักหน้าเจียวเจ้าตี๋วิด กระจิ๋ดเอย
เด็กรักทักถามกต้อยกเตาะเต้นเผ่นหนี ฯ
๓๖๙
๏ กต่ายตุ่นวุ่นวิ่งข้างทางเตียน
เด็กโดดโลดไล่เฉวียรฉวัดคว้า
ทักกระทอล่อเลี้ยวเวียรวิ่งลัด สกัดแฮ
ล้มลุกคุกเข่าหน้านิ่วต้องย่องเดิน ฯ
๓๗๐
๏ ตวันเยนเหนโขดตขุ้มเฃาเฃียว
สูงสุดดุจกลีบเกลียวเมฆคลุ้ม
เสือกวางต่างกระเกริงเกรียวเกริ่นป่า มาแฮ
เดชะพระเจ้าคุ้มคชร้ายควายเสือ ฯ
๓๗๑
๏ ถึงถิ่นหินเงื้อมงอกกรอกเขา
หินหลักปักสองเสาซอกน้อย
ลอดเลี้ยวเหนี่ยวหน่วงเถาลัดาช่วย ด้วยแฮ
ลงภุปรุะน้ำพร้อยพร่างคล้ายสายฝน ฯ
๓๗๒
๏ พระเจดีที่ค่างถ้ำบุรำบุราน
สูงสักหกสอกประมาณลม่อมป้อม
ปตูมีที่ช่องดานดันปิด สนิดแฮ
ปูนเพชรเขดเฃาล้อมแล่งไว้ใบลาน ฯ
๓๗๓
๏ หนูหนุ่มรุมเข้าผลักปักกตู
ปิดห่องของท่านผู่ภิเศศไว้
ต่างมองซ่องดานดูแวววับ ลับแฮ
สะมาบาปกราบไหว้หวังผึ้งจึ่งมา ฯ
๓๗๔
๏ จัดแจงแต่งตั้งธูป เทียรถวาย
เข้าตอกดอกไม้รายรอบล้อม
สงพระประสุคนปรายปรุงรศ สดเอย
กราบพระประนศน้อมนั่งไต้ไทรทอง ฯ
๓๗๕
๏ จุดเทียรเวียรสว่างเวิ้งเพิงผา
น้ำภุทลุศีลาลั่นครื้น
ห้วงห้องปล่องคงคาขังเปี่ยม เปรี่ยมเอย
ชื่นชุ่มภูมิภาคพื้นภิฦกหน้าอาไศรย ฯ
๓๗๖
๏ หาถ้ำค่ำมืดไหม้ใคร่เหน
สงัดเงียบเยียบเยือกเยนอย่อมไม้
ภบแท่นแผ่นผาเปนปูนเพช สำเรจเอย
ที่อยู่ผู่ภิเศศไว้ฉวากเวิ้งเพิงเขา ฯ
๓๗๗
อาไสในเงื้อมฉโงกโกรกผา
ที่แท่นแผ่นศีลาเลื่อมแก้ว
เทียรธูปบุพบูชาเชิญช่วย ด้วยเอย
กราบพระอธิถานแล้วลูกน้อยพลอยนอน ฯ
๓๗๘
๏ เกรี่ยงกวั่งทังลวดลว้ากล้าแขง
ฟืนไส่ไฟโพลงแสงสว่างหน้า
หุงเค่าเต่าต้มแกงกินเสจ สำเรจแฮ
นั่งเล่นเยนเยือกฟ้าพร่ำพร้อยฝอยฝน ฯ
๓๗๙
๏ ลวดว่าป่าปู่เจ้าเฃาโพรง
ที่อยู่หมู่ช้างโขลงคล่ำล้อม
เยนเช้าเหล่าช้างโยงฝูงเที่ยว เกรียวแฮ
มาปลอดยอดดีด้อมดอดเข้าเฃาสบาย ฯ
๓๘๐
๏ ไต้เหนือเสือช้างรอบขอบเขา
อยู่แต่นอกสอกเสาแซ่ซ้อง
โกรกกรอกซอกแซกเราทลุโตล่ง โว่งเอย
สัตอื่นหมื่นแสนต้องเติ่งค้างข้างเฃา ฯ
๓๘๑
๏ เกรี่ยงลว้าป่าปู่เจ้าเขากลัว
อยู่แต่นอกกลอกหวัวไว่ซ้อง
แสกเค้าเค่ามามัวมืดน่า ตาแฮ
เด็กใหญ่ไม่รู้ฉ้องฉวากโว้งโพรงเฃา ฯ
๓๘๒
๏ ตาลวดอวดอ้างเริ่มเดิมที
โขลงไล่ไพล่ผลุนหนีเหนี่ยวไม้
เหนปล่องช่องเลกมีมุดลอด ตลอดแฮ
จึ่งปะพระเจดีได้สดับต้นหนหลัง ฯ
๓๘๓
๏ ฟังผร่ำตำเรื่องรู้บูราน
ศักสิทพิศฐานชาญเชี่ยวแท้
ตรวดน้ำร่ำอธิถานเทพช่วย ด้วยเอย
ขอปะพระปรอดแก้สดวกได้ใบลาน ฯ
๓๘๔
๏ น้ำพึ่งครึ่งจอกตั้งสังเวย
เชิญพระปรอดเสวยหว่างไม้
บุบผาบุชาเชยช่วยชัก สลักแฮ
ฃออ่านลานทองได้ดุจข้าอาวร ฯ
๓๘๕
๏ หนึ่งครูผู่ภิเศศส้างปางหลัง
เชิญช่วยอวยสวัดิหวังไว่เท้า
ประโหญดโปรดสัตสังสารวัด สวัดิเอย
จึ่งจิตสิทธิแก่กล้ากม่อมหมั้นกตันยู ฯ
๓๘๖
๏ อัพิวาทราตนหนั้งตั้งใจ
หวิดหวิดชิดเฉียดไฟฟอดผึ้ง
เทียรดับกลับจุดไฟส่องขเม่น เหนแฮ
สธุสพระปรอดขรึ้งจอกแก้วแพรววาว ฯ
๓๘๗
๏ หญิบขึ้นลื่นหลุดเหล้ปรอดเหลว
ใสเหน่งเปล่งปลอดเปลวปลอบช้อน
ห่อนเหนเช่นองคเอวเล็ดฟ่าย คล้ายแฮ
หญิบหลุดปลุดปลิ้นปล้อนเปล่าคล้ายหายสูร ฯ
๓๘๘
๏ น้ำพึ่งครึ่งกระบอกตั้งหวังริน
ฟอดฟอดปรอดกินกบปล้อง
ควักขึ้นลื่นตกหินหายเปล่า เล่าแฮ
หนุ่มห่อ(ต้นฉบับเลือน)อยู่ซ้องแซ่ปล้ำคลำหวาม ฯ (หวามหรือหลาย ต้นฉบับไม่ชัด)
๓๘๙
๏ เกรี่ยงลว้าผ้าขอดเข้าเปล่าหาย
ใส่กลักหนักมือหมายมั่นแท้
กลับลอดปลอดเปล่าดายเดกกโดด โครทเอย
ลื่นหลุดสุดกลแก้กิจสึ้งตรึงกระสิน ฯ
๓๙๐
๏ หายลื่นคืนเข้ากบอกออกถูน (ถูนหรือพูน ต้นฉบับไม่ชัด)
รุ่มร่ำน้ำพึ่งสูนซิ่นม้วย
ปรอดหายฝ่ายกองกูลก่อกลับ ดับแฮ
เทียรท่วยพลอยหมดด้วยเด็กจ้องส่องแสวง ฯ
๓๙๑
๏ ดึกสามยามสงัดครึ้มงึมเงา
เยนเยียบเงียบขอบเฃาโขดเงื้อม
มืดคลุ้มพุ่มกระแบกกระเบาบังปิด มิดเอย
แวววับลับแลเหลื้อมปรอดหร้อนว่อนเวียร ฯ
๓๙๒
๏ เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่แปร๋แปร๋น
กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋นเกริ่นหย้าน
ฮูมฮูมอู่มอึงแสนสนั่นรอบ ขอบแฮ
คึกคึกทึกเสทือนสท้านถิ่นไม้ไพรพนม ฯ
๓๙๓
๏ ต่างตื่นฟื้นสติตั้งฟังโขลง
ครื้นครั่นลั่นผึงโผงแผดร้อง
เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหวงโหว่งโว่ โร่แฮ
ช้างสงัดบัดเดี๋ยวซ้องแซ่เข้าเสาหิน ฯ
๓๙๔
๏ อึกกทึกครึกครื้นนอกกรอกทาง
หักค่นต้นยูงยางย่ำค้น
เหมือนรู้ว่าอยู่กลางกลีบช่อง ปล่องแฮ
จนรุ่งฝูงช้างร้นรุกร้องซ้องเสียง ฯ
๓๙๕
๏ เกรี่ยงลว้าพาขึ้นฉโงกโกรกสูง
แลค่างล่างช้างฝูงฟูดฉเง้อ
กลิ่นใกล้ไล่โยกยูงยางค่น ต้นแฮ
เขย่งคึ้นยื่นงวงเหย้อยุดไม้ไต่เฃา ฯ
๓๙๖
๏ ดูเล่นเหนสนุกหน้าผาเผิน
ตรงกรอกซอกเสาเนินนั่งพร้อม
ช้างยิ่งวิ่งพล่านเพลินพลอยคว่าง ช้างแฮ
ช้างแล่นแปร๋นฮูมห้อมหืดฮื้ออื้ออึง ฯ
๓๙๗
๏ หนุ่มหนุ่มรุมโห่ขว้างช้างโขลง
มันขเม่นเหนคนโขยงเย่อไม้
ตามุ่งพลุ่งพลามโพลงพลั่งพลั่ง ปลั่งแฮ
ฮูมเค่าเสาหินไง้งัดง้างสล้างสลอน ฯ
๓๙๘
๏ แลดูหมู่ช้างเถื่อนเกลื่อนโขลง
ลุยผ่ามาผางโผงพวกพ้อง
ยัดเยียดเสียดแซกโยงยาวยืด มืดแฮ
แหงนน่างาเงยซ้องสลับสล้างค่างเขา ฯ
๓๙๙
๏ ช้างบ้างาใหญ่เฟื้อยเปลือยเปลา
ทลวงทลึ่งถึงแทงเสาสวบง้าง
งากระเด่นเผ่นท้าวเทาแทงอีก ฉลีกเอย
บ้าเลือดเดือดดุนช้างอื่นร้องซ้องเสียง ฯ
๔๐๐
๏ เพลินดูหมู่ช้างคล่ำต่ำสูง
เตี้ยค่อมปลอมแปลกฝูงเฟ่าฉแง้
ขุดขัดงัดยางยูงยับทับ สลับแฮ
จนเที่ยงเสียงเซงแส้แสบท้องต้องถอย ฯ
             

๔๐๑ - ๔๖๒

๔๐๑
๏ เกรี่ยงลว้าปลาเค่าน้ำสำรอง
ติดย่ามตามทำนองน่าไม้
พรีกเกลือเมื่อฃาดของคิดคู่ หมูเอย
อร่อยอิ่มยิ้มแย้มได้เด็กน้อยพลอยเพลิน ฯ
๔๐๒
๏ เลียบเดินเนินไม้รอบขอบเฃา
รื่นร่มชมสลูดเฉลาสลับเลื้อย
มสังทรางกร่างกรันเกรากรวยกระทุ่ม ฉอุ่มเอย
เคี่ยมข่อยสร้อยฟ้าเฟื้อยเฟื่องฟุ้งจรุงจรวย ฯ
๔๐๓
๏ มไฟมเฟืองเหลืองอร่ามต้นผลพวา
แมงคุดลมุดษีดาดกด้วย
บูราณท่านปลูกมามีพืด ยืดเอย
ไม้งอกซอกเหวห้วยดอกย้อยห้อยไสว ฯ
๔๐๔
๏ มตูมมตาดกลาดกลิ้งหล่นล้นเหลือ
เดกใคร่ได้ไส่เรือร่ำค้า
เหมือนปลูกลูกดอกเฝือฟุ้งตลบ อบเอย
อยากอยู่ดูสนุกหน้านั่งเหล้นเยนใจ ฯ
๔๐๕
๏ เลียบรอบขอบเขตฃ้ำย่ำเยน
มาที่เจดีเหนแห่งถ้ำ
น้ำภุปรุะซ่านเซนสาดปิด มิดแฮ
ต่อนั่งหลังรับน้ำภุไว้ได้เหน ฯ
๔๐๖
๏ อยากดูซู่เปียกน้ำตรำหนาว
มืดเขม่นเหนแวววาวสว่างหว้าน
ภุน้ำพร่ำพรมพราวหนาวสุด อยุดแฮ
ต่างต่างคางสั่นสท้านสทึกสท้อนถอนใจ ฯ
๔๐๗
๏ หนาวน้ำซ้ำเปียกผ้าหน้าจ๋อย
สุมไส่ไฟโพลงพลอยผึ่งผ้า
เพลิงแรงแฮ่งแล้วคอยขึ่งอื่น ผืนแฮ
พร้อมพรั่งทังเกรี่ยงลว้าไว่ตั้งสังเวย ฯ
๔๐๘
๏ บุบผาสารพัดพร้อมหอมรเหย
บำบ่วงสรวงสังเวยสวัดิให้
ผลักดูปตูเผยภอขเยื่อน เคลื่อนแฮ
แย้มช่องสองนิ้วได้เด็กด้วยช่วยดุน ฯ
๔๐๙
๏ ในห้องมองมืดกลุ้มคลุ้มควัน
หอมรื่นชื่นกลิ่นจรรจากห้อง
ผลักอีิกกริกกลอนดันดุนผลัก หนักแฮ
ปตูกลับหับกึงก้องปกับแหน้นแผ่นผนัง ฯ
๔๑๐
๏ โยกคลอนห่อนจได้ไหวสเทือน
รู้เท่าเจ้าบิดเบือนบ่อให้
เยนย่ำค่ำคิดเฟือนไฟไส่ ไว้แฮ
ไกลถิ่นสริ้นเทียรไต้ต่างต้องกองเพลิง ฯ
๔๑๑
๏ เหมือนรู้ครูเถ้าเล่าเราเหน
ถ้ำที่เจดีเปนป่าซึ้ง
เบิกสลักผลักกระดอนกระเดนกระดากกลับ หับแฮ
หมดเลี่ยนเทียรน้ำผึ้งผักส้าปลายำ ฯ
๔๑๒
๏ คิดกลับหลับอ่อนสอื้นตื้นใจ
กรีดกริ่งหริ่งเรไรเรื่อยร้อง
แจ้วแจ้วแว่วเสียงไสซอรับ ขับเอย
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเสียงซ้องเสนาะน้ำคำครวน ฯ
๔๑๓ ( ฝัน )
๏ เสียวทราบวาบสว่างเวิ้งเผิงผา
เพียงพระโรงโถงฝาเฟ่าท้าว
สี่นางค่างเคียงพญายอดยิ่ง หญิงเอย
ไว้จุกลูกเล็กจ้าวแจ่มหน้าสง่างาม ฯ
๔๑๔
๏ ท้าทับจับปี่จ้องลองซอ
พร้อมพรั่งนั่งเรียงรอเรียบร้อย
กระษัตรหัฐจบฃอคำขับ สดับแฮ
ยินชื่อฦๅเลื่องถ้อยเทพท้าวกล่าวยอ ฯ
๔๑๕
๏ จำรับขับกล่อมท้าวกล่าวกลอน
ชมพระศะศริทรถ่องฟ้า
ดาวประดับกับจรรจรแจ่มเมฆ วิเวกเอย
เพียงราชนาฎนวลหน้านอบน้อมล้อมสลอน ฯ
๔๑๖
๏ ท้าวชอบตอบเหล้าเรื่องเบื้องบุราณ
ปราสาทราชวังสถานท่านส้าง
เฃารอบขอบปรากาลเกิดห่า มาแฮ
เปนเถื่อนเกลื่อนโขลงช้างช่วยเผ้าเข้าของ ฯ
๔๑๗
๏ เจดีที่อยู่ห้องทองพทม
ปรอดเสร็จเพชปูนปสมใส่ไว้
สำหรับกับถั่วนมเนื้อแผด แปดแฮ
ของลูกจุกจได้เกิดสร้างปรางทอง ฯ
๔๑๘
๏ ใช่ยาอายุร้อยแสนปี
ทั่วล่าหาห่อนมีแม่นแล้ว
ปรอดฟอดรัศมีเสมอเม็จ เพชเอย
ใช่พระปรอดแพร้วพระไหว้ใช่การ ฯ
๔๑๙
๏ หนึ่งคว่างช้างเจ้าป่างากระเดน
โป่งป่ามาคอยเขนเคียดแค้น
สมเคราะเพราะเหตุเหนให้สวัดิ กษัตรเอย
นอนหลับทับที่แถ้นท่านอ้างทางบุญ ฯ
๔๒๐ ( ห้าม ๓ ข้อ )
๏ ห้ามอย่าหาปรอดแหร้แชเชือน
สืบทร่างทางบุญเบือนแบ่งบ้าง
ยายืนหมื่นปีเฟือนฝ่ายว่า บ้าแฮ
อย่าอยู่จู่หนีช้างช่วยให้ไปดี ฯ
๔๒๑
๏ ปลาดปากฝากบุตรไว้ให้เรียน
กลอนกล่าวท่านลัศเตียนแต่ต้น
ลูกวานอ่านรามเกียรเกิดยุก สนุกแฮ
ช้างไล่ได้พาพ้นพูดอ้อนวอนวาน ฯ
             
เครื่องมือส่วนตัว