โคลงนิราศสุพรรณ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(๑๐๑ - ๒๐๐)
(๑ - ๑๐๐)
แถว 96: แถว 96:
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม    กล่อมให้
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม    กล่อมให้
ไกลห่างว่างอกตรอม    ออมตรึก รฦกเอย
ไกลห่างว่างอกตรอม    ออมตรึก รฦกเอย
 +
เลยอื่นขึ้นครองไว้  ใคร่หว้าหน้าสวน ฯ
๒๐
๒๐
๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง    ตีขัน
๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง    ตีขัน
แถว 503: แถว 504:
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง    จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง    จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
=== ๑๐๑ - ๒๐๐ ===
=== ๑๐๑ - ๒๐๐ ===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 09:27, 6 กรกฎาคม 2552

๑ - ๑๐๐

โคลง ๔
๏ เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว
จรูญจรัดรัศมีพราว พร่างพร้อย
ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว ฯ
๏ มหานากฉวากวุ้ง คุ้งคลอง
ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง ฝั่งน้ำ
คุกคิดมิศหมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย
กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร ฯ
๏ ขอฝากซากสวาดิสร้อย สุรธร
ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้
ศาลาน่าวัดภร พี่ฝาก มากเอย
ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อไภยเจริญ ฯ
๏ จำร้างห่างน้องนึก น่าสวน
สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า
หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เหนเอย
กลเช่นเล่นซักเสร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ
๏ เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม คมลา
กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า
เดชะพระกุศลภา พ้นโลก โอกฆเอย
เสวยศุกทุกค่ำเช้า ช่องชั้นสวรรยางค ฯ
๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลักเรือ
โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ เกลื่อนกลุ้ม
หลีกล่องช่องเล็กเหลือ ลำบาก ยากแฮ
ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม ถี่ฆ้องสองยาม ฯ
๏ แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน
หง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง
สังแตรแซ่เสียงประสาร สังขีด ดีดเอย
ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียง ฯ
๏ วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม
ขุกคิดเคยพญายาม แย่งน้อง
รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาดร่วง ทรวงเอย
สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจ ฯ
๏ เจริญบุญสุรธรไว้ ให้สมร
สืบสวัสสัฐาภร ผ่องแผ้ว
เชิญทราบกาพกลกลอน กล่าวกลิ่น ถวินเอย
จำขาดชาตินี้แล้ว คลาดน้องของสงวน ฯ
๑๐
๏ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย
จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
๑๑
๏ สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ
ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้
ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย
วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ
๑๒
๏ ยนฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง
พระธินั่งบันลังทอง ที่เฝ้า
ชำระพระนิพนสนอง เสด็จสนิด ชิดเอย
สริ้นแผ่นดินปกเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ
๑๓
๏ แบ่งบุญสุรธรเชื้อ ชิณวง
สืบซ่างทางพุทพง ผ่องแผ้ว
ถวายพระหริรักทรง สารภิเศศ เสวตรเอย
ลุโลกโมฆเมืองแก้ว กิจร้ายหายสูร ฯ
๑๔
๏ อีกองมงกุฎิเกล้า เขากรุง
สืบกษัตรขัติยบำรุง รอบแคว้น
ถวายพระอนิสงพดุง พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย
สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น ขจัดผ้ายวายเขน ฯ
๑๕
๏ ท่าช้างหว่างค่ายล้อม แหล่งสถาน
ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน ที่ให้
เคยอยู่คู่สำราน ร่วมเย่า เจ้าเอย
เหนแต่ที่หมีได้ ภบน้องครองสงวน ฯ
๑๖
๏ วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า เจ้าเอย
เคยอยู่ชูชื่นเชย ค่ำเช้า
ยามนี้ที่เคยเลย ลืมภัก พี่แฮ
ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ
๑๗
๏ คิดคำลำฦกไว้ ใคร่เตือน
เคยรักเคยร่วมเรือน ร่วมรู้
อย่าเคืองเรื่องเราเยือน ยามแก่ แม่เอย
ใครที่มีชู้ชู้ ช่วยช้ำคำโคลง ฯ
๑๘
๏ เลี้ยวทางบางกอกน้อย ลอยแล
บ้านเก่าเย่าเรือนแพ พวกพ้อง
เงียบเหงาเปล่าอกแด ดูแปลก แรกเอย
ลำฦกนึกรักร้อง เรียกน้องในใจ ฯ
๑๙ ( นาคบริพันธ์ )
๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม อุ้มสนอม
ออมสนิทชิดกลิ่นหอม กล่อมให้
ไกลห่างว่างอกตรอม ออมตรึก รฦกเอย
เลยอื่นขึ้นครองไว้ใคร่หว้าหน้าสวน ฯ
๒๐
๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง ตีขัน
ขุกคิดเคยชมจรร แจ่มฟ้า
ยามยากหากปันกัน กินซีก ฉลีกแฮ
มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ
๒๑
๏ เสียดายสายสวาดโอ้ อาวร
รักพี่มีโทษกร กับน้อง
จำจากพรากพลัดสมร เสมอชีพ เรียมเอย
เสียนุชดุจทรวงต้อง แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ
๒๒ ( นาคบริพันธ์ )
๏ เคราะกำจำห่างน้อง ห้องนอน
หวนนึกดึกเคยวอน ค่อนหว้า
คิดไว้ไม่ห่างจร ห่อนจาก
หากจิตรมิศหลายหน้าล่าน้องหมองหมาง ฯ
๒๓
๏ เดือนตกนกร้องเร่ง สุริยง
เยี่ยมยอดยุคุนททรง ส่องฟ้า
เดือนดับลับโลกคง คืนขึ้น อีกเอย
จันพี่นี้ลับหน้า นับสริ้นดินสวรร ฯ
๒๔
๏ วัดปขาวคราวรุ่นรู้ เรียนเขียน
ทำสุรทสอนเสมียน สมุทน้อย
เดินรวางรวังเวียน หว่างวัด ปขาวเอย
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาดิห้างกลางสวน ฯ
๒๕
๏ เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง แรมโรย
โอ้อกอาดูรโดย ทเวดด้วย
ดูสวรป่วนจิตรโหย หาดอก สร้อยเอย
แลลับกลับชาติม้วย ไม่ได้ใกล้กลาย ฯ
๒๖
๏ บางบำรุบำรุงแก้ว กานดา
แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว
ถือบวดตรวจน้ำภา ภพชาติ อื่นเอย
ชาตินี้พี่แคล้ว คลาศค้างห่างสมร ฯ
๒๗
๏ บางรมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิศถาน แทนฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัน ฯ
๒๘
๏ สงสารสายเนตรน้อง นองชล
ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน เฟ่าน้อง
จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย
คราวเคราะเพราะน้องต้อง พยุกล้าสลาตัน ฯ
๒๙
๏ สวรหลวงแลสล่างล้วน พฤกษา
เคยเสด็จวังหลังมา เมื่อน้อย
ข้าหลวงเล่นปิดตา ต้องอยู่ โยงเอย
เห็นแต่พลับกับสร้อย ซ่อนซุ้มคลุมโปง ฯ
๓๐
๏ วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง กลอยใจ
แรกรุ่นรวยมาไล ไส่เหล้น
เรียนร้อยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และเอย
ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น นวดฟั้นท่านครู ฯ
๓๑
๏ บางขวางข้างเขตแคว้น แขวงนน
สองฟากหมากมพร้าวผล พรรไม้
หอมรื่นชื่นเช่นปน แป้งประ ปรางเอย
เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ กลิ่นเนื้อเจือจรร ฯ
๓๒
๏ เชิงสวรล้วนรักน้ำ คล้ำไคล
ลูกดกรกเรื้อไบ บิดพลิ้ว
รักร้ายฝ่ายตนไกล กลัวรัก นักเอย
เดจลูกถูกยางนิ้ว หนิดเนื้อเหลือดัน ฯ
๓๓
๏ บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง บุญทาน
ส่งนิ่มนุชนิพพาน ผ่องแผ้ว
จำจากพรากพลัดสถาน ทิ้งพี่ หนีเอย
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาศเลื่อนเดือนปี ฯ
๓๔
๏ บางศรีทองคลองบ้านเก่า เจ้าคลอง
สีเพชผัวสีทอง ถิ่นนี้
เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง สำเหนียก นามเอย
คลองคดลดเลี้ยวชี้ เช่นไสร้ไสทอง ฯ
๓๕
๏ ล่วงทางบางบ้านเรียด ริมชลา
สองฝั่งพรั่งพฤกษา สลับสล้าง
ไม้ปลูกลูกดอกดา ดกดาษ กลาดเอย
ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง ขอบคุ้งฟุ้งขจร ฯ
๓๖
๏ รอกแตแลลอดเลี้ยว โลดโผน
นกหกจกจิกโจน จับไม้
ยางเจ่าเหล่ายางโทน ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย
โฉบฉาบคาบปลาได้ ด่วนขึ้นกลืนกิน ฯ
๓๗
๏ บางกร่างข้างคุ้งค่าม เขตคลอง
บางขนุนขุนกอง ก่อสร้าง
ของสวนส่วนเจ้าของ ขายน่า ท่าเอย
สาวแก่แม่ม่ายบ้าง บกน้ำลำเรือ ฯ
๓๘
๏ โรงหิบหนิบอ้อยออด แอดเสียง
สองข้างรางรองเรียง รับน้ำ
อ้อยไส่ไล่ควายเคียง คู่วิ่ง เวียรเอย
อกพี่นี้ชอกช้ำ เช่นอ้อยย่อยรยำ ฯ
๓๙
๏ หีบหันนั้นและเหล้ กระลาการ
ขู่ข่มเหงหักหาร ห่อนเว้น
เข้าพวกคิดอ่านพาล เอาผิด พ่อเอย
กลหีบหนิบนิดเน้น นึกช้ำน้ำใจ ฯ
๔๐
๏ บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน สวนไสว
เวียงชื่อศรีท้าวไท ท่านตั้ง
เวียงราชคลาดแคล้วไกล กลับรฦก นึกเอย
ยามยากจากเมืองทั้ง ถิ่นปลื้มลืมกเษม ฯ
๔๑
๏ บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน
ม่วงเกบมม่วงสวน ศุกรย้า
ม่วงอื่นรื่นรันจวน จิตไม่ ใคร่แฮ
ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า เสน่เนื้อเจือจรร ฯ
๔๒
๏ จันต้นผลห่ามให้ หวนหอม
แมลงภู่วู่เวียนตอม ไต่เคล้า
เพียงพี่ที่สุดถนอม เสน่ห์แจ่ม จรรเอย
พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า โศกร้างห่างจรร ฯ
๔๓
๏ ล่วงทางบางใหญ่บ้าน ด่านคอย
เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย เลื่อนช้า
สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย เพลินชื่น ชมเอย
แลเหล่าชาวสวนหน้า เสน่ห์น้องคลองสนอม ฯ
๔๔
๏ คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ
เกะกะรเรือรอ ร่องน้ำ
คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย
คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ฯ
๔๕
๏ ล่วงย่านบ้านวัดร้าง เรือนโรง
ตกทุ่งถึงคลองโยง หย่อมไม้
วัดใหม่ธงทองโถง ที่ติด ตื้นแฮ
ควายลากฝากเชือกไขว้ เคลื่อนคล้อยลอยเลน ฯ
๔๖
๏ คนขี่ตีต้อนเร่ง รันควาย
ถอนถีบกีบกอมตกาย โก่งโก้
เหนื่อยนักชักเชือกหงาย แหงนเบิ่ง เบือนแฮ
คนหวดปวดป่วนโอ้ สอึกเต้นเผ่นโผน ฯ
๔๗
๏ ทุกข์ใดในโลกล้น ล้ำเหลือ
ไม่เท่าควายลากเรือ รับจ้าง
หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งชุ่ม ชลเอย
มนุษย์ดุจติดค้าง เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ฯ
๔๘
๏ สังเวชเหตุด้วยทรัพย์ ศฤงคาร
พาสัตว์วัตนสงสาร โศกเศร้า
ตรวดน้ำร่ำศีลทาน ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย
จงสุขทุกค่ำเช้า ชาติพ้นชนมาน ฯ
๔๙
๏ ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย เฟือยแขม
คาแฝกแซกเซียดแซม ซับซ้อน
ในพุ่มกุ่มกกแกม กอย่า รย้าแฮ
นกหกวกเวียนหว้อน วิ่งเต้นเผ่นโผน ฯ
๕๐
๏ นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ทุ่งนา
คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา ปากโง้ง
ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ
ศีรษะกระกรุมโล้ง เล่ล้านบ้านเรา ฯ
๕๑
๏ นกกทุงฝูงใหญ่กลุ้ม กลางหนอง
ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง คู่เคล้า
คิดเช่นเล่นลำคลอง คลอนุช น้อยเอย
สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า ฝึกน้องคล่องใจ ฯ
๕๒
๏ กาน้ำดำแหวกหว้าย วาริน
คาบขยอกขแยงกิน เก่งแท้
เด็กโห่โผล่พลุนบิน บ่เปียก ปีกแฮ
ยางกรอกดอกบัวแซ่ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ
๕๓
๏ กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน เวหา
ร่อนร่ายหมายมัจฉา โฉบได้
ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา กินสัตว์ สูเอย
โจมจับปรับไหมใช้ เช่นข้าด่าตี ฯ
๕๔
๏ ยางเจ่าเซาจับจ้อง จิกปลา
กินเล่นเป็นภักษา สุขล้ำ
กระลาการท่านศรัทธา ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ
บนทรัพกลับกลืนกล้ำ กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ฯ
๕๕
๏ ออกแควแม่น้ำปาก คลองโยง
แตนด่านบ้านเรือนโรง เรียดคุ้ง
ชื่อลานตากฟ้าโถง ทุ่งรอบ ขอบแฮ
เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง ฟากฟ้าสากล ฯ
๕๖
๏ ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง ตากปลา
แต่ปากว่าตากฟ้า เฟื่องฟุ้ง
กว้างขวางทร่างวัดวา ไว้ช่อง คลองแฮ
ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง ยอดแย้มแซมไสว ฯ
๕๗
๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัสดง
เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง ลับฟ้า
มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง พี่เปลี่ยว เดียวเอย
เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า นึกคร้ามหวามถวิล ฯ
๕๘
๏ ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง เขตคัน
ย่อมย่านบ้านกระจันจรร กจ่างฟ้า
เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน โศกสอื้น อกเอย
จรรอื่นชื่นแต่หน้า ใช่เนื้อเจือจรร ฯ
๕๙
๏ ลำภูดูหิ่งห้อย พรอยพราย
เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย รอบก้อย
วับวับจับเนตรสาย สวาดิสบ เนตรเอย
วับเช่นเห็นหิ่งห้อย หับหม้านนานเห็น ฯ
๖๐
๏ ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม โขลงหลวง
หมอเท่าเจ้าเล่ลวง ล่อคล้อง
ใช้เล่นเช่นกับดวง เนตรนุช พี่เอย
บ่วงรักดักพี่ต้อง ติดให้ใช้แรง ฯ
๖๑
๏ ล่องทางบางบ้านส ศรีธร
แปรชื่อครือจรรจร แจ่มแจ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เลียบแฮ
บ้านไร่ใครหนอแกล้ง กล่าวอ้างอย่างจรร ฯ
๖๒
๏ ยามดึกครึกครื้นลั่น ลมฝน
ถึงย่านบ้านขโมยมล มืดคลุ้ม
จรเข้เร่คำรน ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ
มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม แข่งขู้ฟูลอย ฯ
๖๓
๏ ราตรีหนีตเข้เค่า บ้านขโมย
เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย ด่วนพุ้ย
ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย ปรายสัต สนัดแฮ
ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย มุ่งทุ่มกุมภา ฯ
๖๔
๏ น่ากลัวตัวตเค่ขู้ ฟูขนอง
ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง ฟ่องเฟื้อย
เคียงคู่สู่สมสอง สังวาด สวาดแฮ
ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย เล่นน้ำปล้ำขนอง ฯ
๖๕
๏ เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง มองมัน
ว่าตเข้ขบกัน ปกับท้อง
บูรานท่านว่าสัน- ดานสัตว์ กำหนัดแฮ
ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง ติดค้างนางเมีย ฯ
๖๖
๏ หนีศึกว่าปะซุ้ม เซิงเสือ
ได้กับเราแล้วเหลือ หลากล้ำ
หลบตเข้เค่าจอดเรือ ริมเขต ขโมยแฮ
บกก็เสือเรือซ้ำ สัตเข้เฉโก ฯ
๖๗
๏ รุ่งเช้าเบาอกสริ้น โศรกสบาย
ลาย่านบ้านขโมยหมาย มุ่งข้าม
น้ำขึ้นรื่นลมชาย เฉื่อยส่ง ตรงเอย
ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ สัตว์น้ำคล่ำขนอง ฯ
๖๘
๏ บางปลาตาบ้านอยู่ หญิงชาย
สองฮ่องสองเรือนราย ร่ายกล้วย
ชาวป่าน่านอนสบาย บ่ครั่น ตวันเอย
มีคู่อูเข้าด้วย ดั่งนี้ที่สบาย ฯ
๖๙
๏ ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม เซิงหนาม
สองฝั่งรังรำราม รกเรื้อ
แพงพวยผักบุ้งงาม งอนทอด ยอดเอย
บนบกนกกับเนื้อ หว่างไม้ไผ่สลอน ฯ
๗๐
๏ บางปสีที่ถ่านตั้ง ตวงซาย
เผาไผ่ไม้ซากราย เรียดถ้า
หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย เช่นพูด อูดเอย
ดำทมื่นทื่นหน้า แนบน้องลองโลม ฯ
๗๑
๏ นาวาคลาเคลื่อนคล้อย ลอยลำ
ล่วงย่านบ้านบางรกำ รกไม้
สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ แทงพวก ฉมวกแฮ
ปลาติดปลิดปลดได้ ดุกต้องช่อนชโด ฯ
๗๒
๏ บางยุงคุ้งลาดล้วน เหล่าควาย
ลงปลักทลักทลาย เล่นน้ำ
ดำผุดฟูดฟาดหงาย แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ
ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ ปล่อยห้อยอควาย ฯ
๗๓
๏ เขาควายรายร่องนิ้ว นิทาน นานเอย
ว่าพญาพาลีทยาน ยุดพลิ้ว
ศีรษะกระบือกระบาน บั่งบั่ง ยังแฮ
นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ฯ
๗๔
๏ บ้านไซไซใหญ่ย้อย สร้อยไสว
คิดเช่นเล่นต้นไซ แซ่ซ้อง
ผูกกิ่งชิงช้าไกว แกว่งชัก เชือดเอย
เคยขี่พี่กับน้อง แนบเนื้อเจือใจ ฯ
๗๕
๏ เลยทางบางบ้านแห่ง หินมูล
เดิมว่าเตาเผาปูน ป่นไว้
อาภัพลับชื่อสูร เสียเปล่า เราเอย
อกพี่นี้และได้ ดุจอ้างอย่างปูน ฯ
๗๖
๏ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง
ลำฦกนึกถึงดวง ดอกฟ้า
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย
อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ
๗๗
๏ บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย
น้อยแนบแอบอกเคย คู่เคล้า
เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย เชือนชื่น อื่นแม่
น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า จิตรน้อยลอยลม ฯ
๗๘
๏ บางหวายท้ายคุ้งช่อง คลองมี
แดนนครไชยศรี สุดสริ้น
เข้าแดนสุพรรณบุรี รื้อเปลี่ยว เดียวเอย
ทุ่งท่าป่ายุงริ้น รกเรื้อเบื่อชม ฯ
๗๙
๏ ชุมนักผักตบซ้อน บอนแซง
บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้
บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแหล่ แม่เอย
บอนปากยากจะแก้ ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ
๘๐
๏ บางสามศาลเจ้าทร่าง ปางหลัง
อารักศักดิ์สิทธิ์วัง แว่นแคว้น
สุขีที่ข้าหวัง วานช่วย ด้วยแฮ
กำจัดศัตรูแม้น มุ่งร้ายตายเอง ฯ
๘๑
๏ ถึงบ้านด่านดักตั้ง ฝั่งกระแส
สองพี่น้องคลองแคว ค่ามคุ้ง
ตลิ่งตลิบโตล่งแล ตานสลับ สล้างเอย
สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง ถิ่นอ้อกอแขม ฯ
๘๒
๏ ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ธารา
ลอยเล่นเห็นคนถลา หลบสริ้น
สลิดสลาดสลับปลา ช่อนดุก พลุกแฮ
กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น กระโดดเหล้นเห็นตัว ฯ
๘๓
๏ นานาปลาว่ายเคล้า คลอเรือ
สีเสียดซิวกระโสงเสือ ซ่าสร้อย
เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ หลายหลาก มากเอย
กริมกระตรับนับร้อย เร่หว้ายรายเรียง ฯ
๘๔
๏ แก้มช้ำดำที่แก้ม แต้มดำ
ดูเคลื่อนเหมือนจนำ แนะน้อง
แรกรักปรักปรางประจำ จุมพิต นิดเอย
ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง แต่งแต้มแก้มสมร ฯ
๘๕
๏ เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ น้องหญิง
อ่อนแอบแนบอกอิง อุ่นล้ำ
นวลจันนั่นนวลจริง แต่ชื่อ ฦาเอย
นวลที่พี่กลืนกล้ำ กลิ่นเนื้อเหลือนวล ฯ
๘๖
๏ ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ หวดหาง
ฮืดฮาดฟาดโผงผาง พ่นน้ำ
ปลาค้าวเหล่าสวายคาง เบือนบิด เบี้ยวแฮ
กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ เคลื่อนคล้อยลอยแล ฯ
๘๗
๏ บางซอกอไผ่ล้อม หลายกอ
บ้านบ่มีสีซอ สักน้อย
เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ พยุโยก โชกแฮ
ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย เอื่อยอ้อซออินทร์ ฯ
๘๘
๏ ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้ อาทวา
สองฝั่งฝ่ายวิหกา กู่ก้อง
เร่ร่อนว่อนเวหา หาเหยื่อ
นกเถื่อนเหมือนจะร้อง เรียกให้คนชม ฯ
๘๙
๏ ถึงที่สีสนุกนั้น น้องเอย
สนุกแต่ชาวบ้านเคย ค่ำเช้า
พวกพี่ที่จากเชย ชวดสนุก ทุกข์แม่
สนุกที่ดูสูเจ้า สนุกเถ้านั้นเอง ฯ
๙๐
๏ ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย เฟือยตวาง
ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง กลบน้ำ
ซ้อนซับทับถมทาง ที่แคบ
เรือขัดตัดฟันค้ำ ค่อยกว้างทางจร ฯ
๙๑
๏ แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้ ไรราย
ถึงย่านบ้านตเภาทลาย ทลุท้อง
เดิมที่นี่เป็นชาย ทเลหาด ลาดแฮ
เรือสัดพลัดมาต้อง ติดเข้าตเภาทลาย ฯ
๙๒
๏ แลลิ่วทิวทุ่งต้น ตานราย
ลิบลิบลมปลิวปลาย ไปล่แปล้
เล่คนคัดปีกฉาย เฉิบเช่น เห็นแฮ
เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ พิศให้ใจเพลิน ฯ
๙๓
๏ บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ ลำคลอง
คนเหล่าเชาปมงมอง มุ่งข้า
สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง ปิดเรือก เฝือกแฮ
เหม็นเน่าคาวปลาร้า เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ฯ
๙๔
๏ ริมน้ำทำทีขึ้น ขอดปลา
เกล็ดติดตัวตีนตา ตมูกแก้ม
คิดคู่สู่เสน่หา หอมชื่น รรื่นเอย
โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม ติดเนื้อเหลือหอม ฯ
๙๕
๏ บางสแกแลสล่างงิ้ว ทิวราย
เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย แช่มช้อย
งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย สวาดิเช่น เห็นเอย
งิ้วพี่ที่แน่งน้อย นึกหน้าอาไลย ฯ
๙๖
๏ ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม
นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว
คงจะปะงิ้วทราม สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ
งิ้วกับพี่หมีแคล้ว คึ่นงิ้วลิ่วสูง ฯ
๙๗
๏ ถึงบ้านคันชั่งแท้ เที่ยงตรง
เพียงพี่ที่ดำรง รักน้อง
เคยคู่ซู่ซื่อตรง สัจคิด สนิทเอย
ยามยากจากพวกพ้อง พี่ให้ใจหาย ฯ
๙๘
๏ เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย เฟือยไสว
พงไผ่ไม้รำไร รอบคุ้ง
แลขวาป่าแฝกไฟ ฟอนเรียน เกรียนแฮ
ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง ถิ่นกว้างวางเวง ฯ
๙๙
๏ ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม ตามแหลม
วัดเก่าเศร้าโทรมแรม รกร้าง
ผู้ใดไม่ซ่อมแซม สร้างวัด สวัสดิ์เอย
เพียงพี่ที่อ้างว้าง ทเวทให้ใจหาย ฯ
๑๐๐
๏ ลมตกนกว้าว่อน ร่อนบิน
โฉบฉาบคาบปลากิน กู่ก้อง
ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน เดินซ่อง มองแฮ
ถิบถ่อกรอปีกจ้อง จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
             

๑๐๑ - ๒๐๐

๑๐๑
๏ ถึงบางนางแม่หม้ายไร้ผัว
เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัวหม่นไหม้
คราวใครใคร่ฝากตัวต่อม่าย หมายเอย
พร้อมจิตคิดจะได้ดับหม้ายกลายมี ฯ
๑๐๒
๏ ตวันออจรเข้ฟู่คู่เคียง
ยาวใหญ่ไล่เรือเรียงเราะท้าย
เด็กตวาดผาดแผดเสียงแซ่สุ่ม ขยุมเอย
มันบ่หยุดผุดหว้ายวู่คว้างขวางเรือ ฯ
๑๐๓
๏ เดชะพระพุทธิเจ้าเข้าฌาน
เคยชนะพญามารแม่นแล้ว
รฦกถึงจึ่งบันดานดุจเช่น เห็นแฮ
จรเค่เหห่างแคล้วคลาดคล้อยถอยหนี ฯ
๑๐๔
๏ ถึงช่องคลองน้ำชื่อกฤษณา
เข้าตอกออกดอกตำราว่าไว้
คิดสบพบถ้ำมหาสนุกแน่ แม่เอย
นึกจะปลงคงได้กระดากเจ้าเฝ้าหวง ฯ
๑๐๕
๏ บางเลนเป็นที่หลุ้มแหล่งปลา
แปลงปลักคลักคงคาขุ่นข้น
ไทเจ๊กเดอใหญ่พาพวกซ่อน ช้อนเอย
บุญส่งจงหลีกพ้นทุกถั้วตัวปลา ฯ
๑๐๖
๏ บางบัวบ้านชื่อพร้องสนองนำ
นึกเช่นเห็นบัวคำคู่พร้อง
เค่าเหนียวเกี่ยวมาทำแทนเค่า เจ้าเอย
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้องขัดค้างขวางเชิง ฯ
๑๐๗
๏ ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้ใบดลา
ถึงย่านบ้านดารารกเรื้อ
สองเรือนเพื่อนพูดจาเจ่านั่ง รวังเอย
คิดใคร่ได้ชิดเชื้อช่วยเฝ้าเหย้าเรือน ฯ
๑๐๘
๏ ใบร่มลมเรื่อยแหล้นลีลา
เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพาเพื่อนร้อง
อิเหนาเค่ามลกากลเม็ด มากแฮ
ฟังเสนาะเพราะพร้องพรักพร้อมซ้อมเสียง ฯ
๑๐๙
๏ ถึงชีปขาวย่านบ้านโบรำ
ชีไม่เห็นกาดำตื่นร้อง
เชาบ้านย่านนั้นทำแทงพวก ฉมวกแฮ
ซางแต่คำพร่ำพร้องชื่อนี้ชีปขาว ฯ
๑๑๐
๏ ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วนนวลขาว
แพรพ่าฟ้าดินดาวดุจพร้อง
ขาวดูครู่เดียวคราวหนึ่งเบื่อ เหลือแฮ
ขาวบ่เบื่อเนื้อน้องน่วมนิ้วผิวขาว ฯ
๑๑๑
๏ คุ้งขวางบางบ้านชื่อชี้หล
ทางทิศทุกตำบลบอกแจ้ง
อยู่กลางหว่างมณฑลทางร่วม รวมแฮ
คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้งย่านนี้ยีหน ฯ
๑๑๒
๏ บางปลาม้าป่าอ้อกอรกำ
ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำสล่างเฟื้อย
ชาวบ้านย่านนั้นทำที่ไร่ ไว้แฮ
ปลูกผักฟักแฟงเลื้อยลูกห้อยย้อยไสว ฯ
๑๑๓
๏ ถึงคุ้งโพกระก้มกราบกราน
โพอยู่บูรานนานเนิ่นแล้ว
ชื่นชุ่มพุ่มพิศดารเดชะ พระเอย
ขออย่าให้ไภยแผ้วผ่องพ้นกลโกง ฯ
๑๑๔
๏ โคกครามนามที่บ้านหิว่านคราม
เขียวชุ่มฉอุ่มงามกิ่งก้าน
เหมือนสีที่นุชทรามสวาดิฮุ่ม พุ่มเอย
เห็นแต่ครามนามบ้านไสบเจ้าเศร้าสูน ฯ
๑๑๕
๏ สวนหงส์วงวัดพร้อมพระเณร
รื่นรอบขอบบริเวณหว่างบ้าน
เคกเยาเล่ากนเกนก้องที่ กฎีแฮ
ใช่ที่มีสวนสอ้านชื่ออ้างปางหลัง ฯ
๑๑๖
๏ ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้ตนขาม
ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนามสนับหญ้า
แก้วอื่นหมื่นแสนทรามสู้สละ ปละเอย
รักแต่แก้วแววฟ้าจะเฝ้าเคล้าสนอม ฯ
๑๑๗
๏ ถึงวังตาเพชอ้างปางหลัง
ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรังรกเรื้อ
ตาเพชเหตุใดวังมีเล่า เจ้าเอย
ฤาว่าตาเพชเชื้อชาติท้าวเจ้าเมือง ฯ
๑๑๘
๏ สวนขิงตลิ่งแต่ล้วนสวนมเขือ
พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือเรื่อไหร้
กล้วยปลูกสุกห่ามเครือครบซ่ม มยมเอย
คิดคู่อยู่สวนได้แต่งต้มซ่มตำ ฯ
๑๑๙
๏ บ้านยอดยอดไม้สะพรั่งฝั่งชลา
ยอดยื่นชื่อช่อผกากิ่งคว้าง
ยอดอื่นหมื่นแสนดาดาษทอด ยอดแฮ
ยอดรักจักหาบ้างบ่ได้ใจหาย ฯ
๑๒๐
๏ ลุดลชนบทบ้านขนมจีน
โรงเจ๊กตั้งริมตีนท่าน้ำ
นั่งนับทรัพย์สิ่งสินสยายเพ่า เล่าแฮ
เมียช่างสางสลวยล้ำสลับผู้หูหนาง ฯ
๑๒๑
๏ โพคอยโพขึ้นอยู่คู่เคียง
ปากช่องคลองชลาเฉลียงลัดถุ้ง
บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียงรายอยู่ หมู่แฮ
แลรอบขอบแหลมคุ้งเขตบ้านตาลราย ฯ
๑๒๒
๏ ถึงหน้าท่าน้ำวัดมนาวหวาน
ฦาเลื่องเบื้องบูรานร่ำพร้อง
หวานอื่นคลื่นไส้นานนักเบื่อ เหลือแม่
หวานแต่น้ำคำน้องเสนาะน้ำคำหวาน ฯ
๑๒๓
๏ ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้มขมเหลือ
ครั้นแต่งแกงต้มเกลือกลบคั้น
พริกขิงสิ่งใส่เจือจิบอร่อย น้อยฤา
ขมขื่นคลื่นไส้นั้นแต่น้ำคำขม ฯ
๑๒๔
๏ วัดฝางอ้างชื่อไว้ใช่ฝาง
ฝางย่อมย้อมแพรยางยิ่งขรั้ง
แดงสุกถูกแดดหมางหมองคร่ำ ดำแฮ
อกพี่ที่แค้นขั้งขู่คร้ำน้ำฝาง ฯ
๑๒๕
๏ ท่าระหัดพัดน้ำท่วมท้องนา
หันกลับขับคงคาคึ่นได้
ใคร่จ้างช่างรหัดหาห่อนพบ หลบเอย
อกพี่ที่ร้อนให้รหัดน้ำพร่ำพรม ฯ
๑๒๖
๏ ถึงบางนางสุกน้องนามเหมือน
สุขพี่ที่ร่วมเรือนเพื่อนร้อน
ยามสุขทุกปีเดือนได้อยู่ คู่เอย
ยามทุกสุขกาหล้อนหล่นเหน้าเปล่าดาย ฯ
๑๒๗
๏ ถึงย่านยายท้าวที่ผีลง
ฦาข่าวเจ้าสิงทรงสอดรู้
คิดใคร่ไถ่ถามองค์อารักษ์ ประจักษ์เอย
แม่ม่ายหมายเคียงขู้คบเผื้อนเชือนไฉน ฯ
๑๒๘
๏ ท่าโขลงโขลงช้างค่ามตามโขลง
พลอยถูกผูกกูบโยงแย่ท้าย
ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรงรักยศ หมดแฮ
พี่เที่ยวเดียวโดดคล้ายคชร้างห่างโขลง ฯ
๑๒๙
๏ บ้านตั้งฝั่งน้ำที่กฎีทอง
ลาวอยู่รู้เสียงสนองเหน่อช้า
ปลูกผักหักฟืนตองตามเถื่อน เพื่อนแฮ
หูเจาะเหมาะแต่หน้าแน่งน้อยกลอยใจ ฯ
๑๓๐
๏ โคกม่อก่ออิฐตั้งเตาเพลิง
เผาม่อก่อไฟเริงเร่งเร้า
ม่อมีที่พะเพิงเพื่อนเหล่า เผาแฮ
อกพี่ที่ร้อนเถ้าถ่านกลุ้มรุมแรง ฯ
๑๓๑
๏ ถึงรยะสระโปยชหญ้านบ้านลาว
ผ้านุ่งถุงทบยาวย่างย้าย
กลีบกลับวับแวมวาวแวบแวบ แทบแฮ
เด็กว่าฟ้าแลบชม้ายมุ่งค้อนงอนงาม ฯ
๑๓๒
๏ ถึงท้ายชายน้ำตกรกคลอง
ที่ลุ่มขุมรางรองรับน้ำ
หน้าแล้งแฮ่งนาหนองน้ำตก ซกแฮ
ชลเนตรเชษฐาผร้ำเช่นน้ำตกบาง ฯ
๑๓๓
๏ ควันเย็นเห็นหาดหน้าท่ามี
เมืองสุพรรณบุรีรกร้าง
ศาลตั้งฝั่งนทีที่หาด ลาดแฮ
โรงเล่าเขาต้มค้างขอบคุ้งหุงสุรา ฯ
๑๓๔
๏ ผู้รั้งตั้งรั้วรอบขอบราย
เป็นหมู่ดูงัวควายไขว่บ้าน
สาวสาวเหล่านุ่งลายแล้วหม่อม มอมเอย
จ้ำม่ำลำสันสอ้านอาบน้ำปล้ำปลา ฯ
๑๓๕
๏ กรมการบ้านตั้งตลอดตลิ่งเตียน
ต่างต่อล้อเลื่อนเกียรเก็บไว้
เรือริมหาดดาษเดียรรดะปัก หลักแฮ
ของเหล่าเชาสวนใต้แต่งตั้งนั่งขาย ฯ
๑๓๖
๏ ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้นพิศดาร
มีวัดพระรูปบูราณท่านสร้าง
ที่ถัดวัดประตูสารสงฆ์สู่ อยู่เอย
หย่อมย่านบ้านขุนช้างชิดข้างสวนบันลัง ฯ
๑๓๗
๏วัดกระไกรใกล้บ้านที่ศรีประจัน
ถามเหล่าชาวสุพรรณเพื่อนชี้
ทองประศรีที่สำคัญข้างวัด แคแฮ
เดิมสนุกทุกวันนี้รกเรื้อเสือคนอง ฯ
๑๓๘
๏ ประทับหน้าท่าสิบเบี้ยบูราณ
หว่างวัดฝาโถสถานถิ่นร้าง
มหาโพทโบสถ์วิหารหักทับ ยับเอย
พิมพิลาไลยสร้างสืบขู้สูพรรณ ฯ
๑๓๙
๏ สงสารบ้านวัดร้างแรมโรย
เสียงแต่นกหกโหยค่ำเช้า
อกพี่ทีเดียวโดยด้วยแก่ แม่เอย
เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้าโศกซ้ำรำจวน ฯ
๑๔๐
๏ นอนค้างข้างคุ้งถัดวัดกระไกร
ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพรพรั่งพร้อม
ไหว้พระป่าเรไรร่มรรื่น ชื่นเอย
ริมรอบขอบเขื่อนล้อมสะล่างไม้ไพรพนม ฯ
๑๔๑
๏ น้อยน้อยพลอยชื่นชี้ชมไพร
ครึมครึกพฤกษาไสวแว่นแคว้น
ผลิดอกออกผลใบรบัดชื่น รื่นเอย
รอกกระแตแลแหล้นโลดเต้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๒ ( สระล้วน )
๏ แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้าจับใจ
หริ่งหริ่งเรื่อยเรไรร่ำร้อง
แซงแซวส่งเสียงใสทราบโสต
แหนงนิ่งนึกนุชน้องนิ่มเนื้อนวลนาง ฯ
๑๔๓
๏ พิกุนบุนนากแก้วกาหลง
หอมชื่นรื่นลำดวนดงดอกรย้า
สาวหยุดพุทธิชาดทรงเสาวรส สดเอย
หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้าสนุกโน้มโถมชิง ฯ
๑๔๔
๏ เด็กได้ไส้ห่อผ้าพับเฉียง
เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียงลดเลี้ยว
ล้มลุกสนุกสำเนียงสนั่นโห่ โร่เอย
หน้าผากฝากบวมเบี้ยวบ่เว้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๕
๏ นกร้องก้องกิ่งไม้ใบบัง
แลลับกรับเสียงวังเวกแหว้ว
ค้อนทองป่องเป๋งดังดุจเคาะ ฆ้อนแฮ
กอไผ่ไก่ขันแจ้วแจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียง ฯ
๑๔๖
๏ ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้มกราบยุคล
พระป่าเรไรยลอย่างยิ้ม
ยอกรหย่อนบาทบนบงกช แก้วเอย
ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้มพระหนั้งดังองค์ ฯ
๑๔๗
๏ เทียนธูปบุพชาติบ้างบูชา
นึกพระเสด็จมายับยั้ง
ลิงเผือกเลือกสมอพวาถวายไว่ ใกล้แฮ
ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้งกิ่งไม้ไหว้ถวาย ฯ
๑๔๘
๏ ขอเดชะพระพุทธิเจ้าจงเห็น
อตส่าห์มาเช้าเย็นยากไร้
ปรารถนาว่าจะเป็นปเจกพุท ธะภูมิเอย
บุญช่วยด้วยให้ได้ดุจข้าอาวรณ์ ฯ
๑๔๙
๏ ยังไปไม่พ้นภพสงสาร
ขอปะพระศรีอารอีกเหล้า
กราบถึงซึ่งพระนิพานผ่ายภาก หน้าเอย
ขอสุขทุกข์โศกเศร้าสิ่งร้ายหายสูญ ฯ
๑๕๐
๏ อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วนลูกหลาน
หมายมั่งดังพิศถานถี่ถ้วน
ขอให้ใส่นามขนานตาบพัด สวัดิเอย
กลั่นชุบอุประถำล้วนลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์ ฯ
๑๕๑
๏ เย็นรอนอ่อนเกศก้มกราบลา
จากวัดตัดตรงมาแม่น้ำ
ค้างคืนตื่นเช้าคลาคลาดเคลื่อน เรือเอย
ติดแก่งแข็งข้อค้ำขัดข้องต้องเข็น ฯ
๑๕๒
๏ เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อโพคลาน
โพใหญ่ไม้บูราณร่มชื้น
สองฝั่งพรั่งพฤกษตาลโตนดพุ่ง สูงเอย
ท่าลาดหาดทรายตื้นตลิ่งล้วนสวนมเขือ ฯ
๑๕๓
๏ ศีรษะเวียงเสียงแซ่ล้วนพวนลาว
แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาวแช่น้ำ
ผ้าบ่นุ่งพุงขาวขวยจิต รอิดเอย
เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำค่ามให้ไกลลาว ฯ
๑๕๔
๏ โพหลวงห้วงน้ำฦกไหลเนือย
ปะแต่ลาวเปล่าเปลือยปลอดผ้า
อาบน้ำคล่ำริมเฟือยฝูงหนุ่ม กลุ้มแฮ
เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้านิ่วร้องสยองแสยง ฯ
๑๕๕
๏ สำประทิวงิ้วง้าวสล่างกร่างไกร
ถิ่นท่าป่ารำไรไร่ฝ้าย
เจ๊กอยู่หมู่มอญไทยทำถั่ว รั้วเอย
ปลูกผักฟักกล้วยกล้ายเกลื่อนข้างทางจร ฯ
๑๕๖
๏ ถึงย่านบ้านรัดช้างปางหลัง
ข้างถูกผูกรึงรังรัดไว้
พลัดพรากจากฝูงพังพวกเพื่อน เถื่อนเอย
เพียงพี่ที่ทุเรศไร้นิราศร้างห่างสมร ฯ
๑๕๗
๏ บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำธรรมกูล
วัดทร่างปางก่อนสูญสงัดเศร้า
ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูนเปื่อยเปล่า เจ้าเอย
โบสถ์ยับทับพระเจ้าเจิ่งน้ำกรำฝน ฯ
๑๕๘
๏ ยลย่านบ้านหนึ่งนั้นแนะนาม
วัดสว่างอารมอารามรื่นไม้
สว่างแต่ที่พี่ยามมืดมิด จิตรเอย
ห่อนสว่างอย่างไว้ชื่ออ้างสว่างอารม ฯ
๑๕๙
๏ โพพระระยะหญ้านหญ่อมไพร
โพชื่นรื่นร่มใบโบกรย้า
โปรดด้วยช่วยคุ้มไภยพยัฆพยศ คดเอย
โพพระอนุเคราะห์ข้าพระเจ้าคราวเข็น ฯ
๑๖๐
๏ โพพญาท่าตลิ่งล้วนฬ้อเกวียร
โพไผ่ไม้เต็งตเคียนตขบบ้าง
ซิกซากกระบากกระเบียนกระเบากระแบก กระบกแฮ
เสลาสลอดสลับสล้างเหล่าไม้ใกล้กระสิน ฯ
๑๖๑
๏ บ้านซ่องช่องชวากเวิ้งเซิงหวาย
เหล่าที่หนีมุนนายเนิ่นช้า
ซ่องสุมซุ่มเรือนรายริมกับ เกรี่ยงแฮ
ใครจับกลับรุมข้าขัดข้องซ่องหลวง ฯ
๑๖๒
๏ บางมดแดงแขวงเขตคุ้งทุ่งไพร
ถิ่นเถื่อนเรือนรำไรไร่กล้วย
นึกมดอดสูใจจงมม่วง หวงแฮ
เพียงพี่หมีมอดม้วยไม่สริ้นถวิลหวัง ฯ
๑๖๓
๏ วังยางค่างคุ้งสะล่างยางยูง
โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูงฉโงกง้ำ
นกแลแต่ลฝูงลฝูงฟุบสพั่ง รังเอย
ร่มรื่นชื่นชายน้ำนั่งเหล้นเย็นสบาย ฯ
๑๖๔
๏ ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำทำตาล
ไต่ผโองโหญ่งโย่ทยานย่างเก้า
หน้าหัวเราะเพราะรักหวานหวังใคร่ ได้ฤา
เพียงพี่นี้แฝงเฝ้าใฝ่น้ำคำหวาน ฯ
๑๖๕
๏ ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยวเหลียวแล
ตลิ่งสูงฝูงรอกแตไต่ไม้
กรวยกร่างค่างเคียมแคข่อยกทุ่ม กุ่มเอย
ลมป่วนหวนหอมให้ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ฯ
๑๖๖
๏ จวบจนชนบทบ้านศรีจัน
ท่าลาดหาดเกิดกันแก่งตื้น
เรือนตั้งฝั่งเรียงรันโรงเหล็ก เจ๊กเอย
คนภู่ดูครึกครื้นค่ามช้างต่างเกวียน ฯ
๑๖๗
๏ จวนเย็นเห็นแห่งบ้านด่านขนอน
หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญมี่บ้าน
จอดเรือเมื่อเย็นรอนริมหาด สอาดเอย
ร้องว่าอาศัยร้านร่มไม้ใกล้เรือ ฯ
๑๖๘
๏ เจ้าของร้องรับให้ได้การ
หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบานบ่เศร้า
ขึ้นฝั่งนั่งสำราญร้านใต้ ไทรเอย
สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้าฝั่งน้ำชำเลือง ฯ
๑๖๙
๏ ลูกเอยเฉยเช่นปั้นปูนขาว
สาวเพ่งเล็งหลบสาวสิ้นแล้ว
ปะเป็นเช่นพ่อคราวครั้งหนุ่ม ชุ่มฤา
ตายราบลาภไม่แคล้วคลาดช้านาที ฯ
๑๗๐
๏ ลูกลาวสาวรุ่นน้องทักทาย
เรือพี่มีสิ่งขายค่อยไหว้
ลูกเราเหล่าหนุ่มอายแอบเด็ก เล็กแฮ
สอนกระสาบตาบให้ว่าซื้อหรือจำ ฯ
๑๗๑
๏ หนูพัดพลัดพลอดล้อเลียนสาว
มีหมากอยากสู่สาวซิ่นแล้ว
ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาวขายมั่ง กระมังแม่
ตาบฮ่ามถามหาแห้วแห่งนี้มีฤา ฯ
๑๗๒
๏ ลาวไปไทยพี่น้องมองเมียง
มืดค่ำทำร่ายเรียงเราะร้าน
กลั่นชุบอุบอิบเอียงกแอมแอบ แยบเอย
ขอหมากปากสั่นสท้านทดท้อย่อหญิง ฯ
๑๗๓
๏ ราตรีพี่น้องอ่อนเอนดู
ขันใหญ่ใส่หมากพลูนาบให้
แห้วเลือกเผือกถั่วภูพัดรับ กลับแฮ
จสั่งมั่งไม่ได้เดือดหน้าด่าตี ฯ
๑๗๔
๏ ดึกลาวสาวรุ่นกล้ามาเดียว
ให้กระเช้าเข้าเหนียวนั่งใกล้
ถอยหลีกอีกบ่อเหลียวเลยลูก กูเอย
กลั่นรับกลับจุดไต้ตอบโต้โมทนา ฯ
๑๗๕
๏ บูราณท่านว่าเลี้ยงลูกสาว
มันมักหักรั้วฉาวเช่นพร้อง
หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราวรักขะยั่น พรั่นแฮ
ลูกโง่โซแสบท้องบ่อรู้สู่สาว ฯ
๑๗๖
๏ ครั้นช้าวสาวสบหน้าลาสาว
จากขนอนอ่อนหนาวหนุ่มเศร้า
คราวได้ไม่โลมลาวลองซู่ ดูแฮ
ครั้นลับกลับรฤกเหล้าลูกโหง้โซสาว ฯ
๑๗๗
๏ เอนดูหนูพี่น้องสองสาว
คิดใคร่ได้เลี้ยงลาวลูกสไภ้
แต่ลูกผูกรักชาววังเล่า เจ้าเอย
จเจ็บเล็บเขาไว้ข่วนร้ายคล้ายเสือ ฯ
๑๗๘
๏ บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยวเหลียวแล
บนบกนกซอแซแซ่ซ้อง
เห็นนกกกคู่แดดานลฦก นึกเอย
เหมือนอยู่คู่เคียงน้องแนบเนื้อเหลือสนอม ฯ
๑๗๙
๏ บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่งฝั่งชลา
ฟ่ายออกดอกขาวดาเด่นช้อย
เนื้อนุชสุดโสภาเพียงฟ่าย ไร่เอย
ชมฟ่ายคล้ายผิวสร้อยสวาดิเนื้อเหลือนวล ฯ
๑๘๐
๏ ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้งวาริน
เกิดแก่งแหล่งเหวหินฮ่วงคุ้ง
ปล่องน้ำท่ำกุมภินพวกเงือก เลือกแฮ
ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้งด่วนพ้นวลวัง ฯ
๑๘๑
๏ บ้านไร่ไทเจ๊กตั้งทั้งทวาย
กล้วยไข่ไร่เรียงรายเรียกซื้อ
ตกเครือเรื่อเรืองปลายปลีสลับ ปกับแฮ
เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อหมดรื้อซื้อเสมอ ฯ
๑๘๒
๏ วังปรานบ้านเว้นว่างวางเวง
สองฝั่งวังเสือเกรงเกรียบฉม้อย
นายรอดทอดท้ายเพลงพลอยหนุ่ม ชุ่มเอย
ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อยชุ่มฉ้อออรชร ฯ
๑๘๓
๏ บางม่วงห้วงหาดตื้นติดเรือ
ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือซับซ้อน
ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือค่างโครก โฮกแฮ
โปรยแต่ใบไม้หว้อนวิ่งร้องพองขน ฯ
๑๘๔
๏ ลูกค่างอย่างย้อมชาติชมภู
เหลืองอ่อนโอ้เอนดูเด็กน้อย
แม่อุ้มชุ่มชื่นชูชมลูบ จูบเอย
กอดแอบแนบอกห้อยหกโน้มโถมทยาน ฯ
๑๘๕
๏ ย่านซื่อชื่อว่าบ้านย่านยาว
เหนแต่ชุมนุมลาวล่อนโล้ง
ลากอวนส่วนหนุ่มสาวเสียงแซ่ แม่เอย
เท่าแก่แลโล้งโต้งต่างหล้อนห่อนอาย ฯ
๑๘๖
๏ อ้างว้างกลางน้ำร่มลมโชย
ลิงค่างครางครวนโหยโห่ร้อง
กระเบาออกดอกร่วงโรยรศรื่น ชื่นเอย
หึ่งหึ่งพึ่งเพียงฆ้องย่ำเถี้ยงเสียงกระหึม ฯ
๑๘๗
๏ ยนย่านศารปู่เจ้าจอมไพร
ปลาคล่ำน้ำซึ้งใสสอาดสอ้าน
งูเหลือมเลื่อมเลือกไคลคลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ
โตเท่าเสาเรือนกว้านกวาดน้ำดำปลา ฯ
๑๘๘
๏ ติดตื้นขืนถ่อค้ำเขนเรือ
บนบกรกรังเสือซอกซุ้ม
นำงูฟู่เลื้อยเหลือหลีกยาก หลากแฮ
ศักครู่ดูควันกลุ้มกลบข้างทางจร ฯ
๑๘๙
๏ เดกเหนเช่นมนุษหนั้งหลังงู
แวววับคลับคลายฟูฟ่องเฟื้อย
รู้ชัดจัดหมากพลูพลีปู่ เจ้าเอย
งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อยหลีกคล้ายหายสูร ฯ
๑๙๐
๏ เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อนเคลื่อนคลา
ถึงย่านบ้านกลวยเวลาบ่ายคล้อย
กล้วยไข่ไร่รื่นรดาดกเรื่อ เครือเอย
หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อยแอบกล้วยสลวยลำ ฯ
๑๙๑
๏ ถึงช่องคลองน้ำซับซ้ายมือ
เกิดแร่แง่งอกครืครืดท้อง
ผู้เท่าเล่าเลื่องฦาเหล็กที่ ดีเอย
ครึคระระเรือต้องติดตื้นขืนเขน ฯ
๑๙๒
๏ บ้านว่าขวาซ้ายค่างทางจร
หินแร่แลสลับสลอนฦกซึ้ง
เรือนตั้งฝั่งสาครคนเงียบ เสียบเอย
ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้งแอบคุ้งมุ่งทาง ฯ
๑๙๓
๏ วังหินถิ่นเถื่อนกว้างยางยูง
สมอแสมสารสูงสดฉุ้ม
หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูงฟุบเขี่ย เรี่ยเอย
เด็กใคร่ได้ไก่อุ้มแอบขึ้นครึนราย ฯ
๑๙๔
๏ ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อก้อกพือ
เด็กย่องด่องดีดมือมุ่งหน้า
เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋ปร๋อร่อน ว่อนแฮ
เด็กโดดโลดไล่คว้าไคว่ขว้ำขะมำมอม ฯ
๑๙๕
๏ ลงเรือเหื่ออาบหน้าหนูเอย
อย่าไล่ไก่เลยเชยช่อไม้
ดอกดวงร่วงรื่นรเหยหอมกลิ่น รรินแฮ
เก็บศักห่อพ่อได้เด็จร้อยสร้อยสน ฯ
๑๙๖
๏ ย่านยาวลาวตั้งกลาดหาดทราย
แล่ผ่าปลาฉแวงสวายแหวะท้อง
ย่างไฟใส่ซ่ารายเรียงนั่ง สพรั่งเอย
พวกหนุ่มสุ่มเรือร้องเจียรน้อฬ้อลาว ฯ
๑๙๗
๏ ถึงวนก้นหวดห้วงหินแลง
แร่เกลื่อนเหมือนซิงแขงค่างคุ้ง
ตำราว่าทองแดงเดกต่อย ย่อยแฮ
พรายพร่างอย่างศรีรุ้งรอดชี้ที่แถลง ฯ
๑๙๘
๏ ตวันเยนเหนพยัฆด้อมดื่มชล
โห่ขับกลับโฮกคนเคี่ยวโง้ง
ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรนเราะไล่ ใกล้แฮ
ทังขู่ภู่เมียโขร้งคร่างร้องก้องกระหึม ฯ
๑๙๙
๏ นายรอดสอดรู้เท่าเหล่าเสือ
มักกัดสัตกินเหลือละไว้
มันหวงล่วงไล่เรือรอดแนะ แวะแฮ
หนูหนุ่มกุมมีดไม้มุ่งแย้งแทงเสือ ฯ
๒๐๐
๏ โห่ร้องซ้องแส้ป่ากล้าหาน
เสือวิ่งยิ่งทเยอทยานหยักรั้ง
ตามทางห่างฝั่งประมาณสองเซ่น เหนแฮ
ได้แต่เนื้อเหลือทั้งท่อนท้ายชายโครง ฯ
             

๒๐๑ - ๓๐๐

เครื่องมือส่วนตัว