นิพพานวังหน้า
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(แก้ไขรูปแบบ และปรับตัวสะกดตามฉบับศิลปวัฒนธรรม) |
|||
แถว 9: | แถว 9: | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | นิ ราศบาทเบื้องโอ้ | + | ๏ นิ ราศบาทเบื้องโอ้ โมฬี |
- | พาน จะโศกทั้งศรี | + | พาน จะโศกทั้งศรี อยุทธเยศ |
- | วัง | + | วัง เย็นสงัดตี อกร่ำ ก่ำเอย |
- | น่า มุขพิมานเมศร์ | + | น่า มุขพิมานเมศร์ เมื้อมิ่งแรมหมอง ฯ |
- | + | ||
- | + | ||
- | + | ||
- | + | ||
- | + | ||
+ | |||
+ | ๏ แต่ พระจอมมงกุฎโลกย์ แรมวัง | ||
+ | แผ่น พิภพเพียงพัง ม้วยไหม้ | ||
+ | ดิน โดยอดูรหวัง หวั่นเทวศ | ||
+ | ต้น แต่ตีทรวงให้ ห่อนเว้นวันเสบย ฯ | ||
+ | </tpoem> | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | ๏ | + | ๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอก อิศรา |
หน่อมงกุฎอยุทธยา เลื่องโลกย์ | หน่อมงกุฎอยุทธยา เลื่องโลกย์ | ||
สืบสายกรมฝ่ายน่า แรมนิราศ | สืบสายกรมฝ่ายน่า แรมนิราศ | ||
- | ทรงคิดคราววิโยค พระบิดุร้างสู่สวรรค์ | + | ทรงคิดคราววิโยค พระบิดุร้างสู่สวรรค์ ฯ |
๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า ทรงธรรม์ | ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า ทรงธรรม์ | ||
- | + | นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์ ฟากฟ้า | |
สี่ทวีปถวายบรร ณาน้อม | สี่ทวีปถวายบรร ณาน้อม | ||
- | เกรงบพิตรพระจอมหล้า โลกย์ลั่นฦๅแขยง | + | เกรงบพิตรพระจอมหล้า โลกย์ลั่นฦๅแขยง ฯ |
๏ เคยเสด็จออกแสนเส หนางค์ | ๏ เคยเสด็จออกแสนเส หนางค์ | ||
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ นอบน้อม | ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ นอบน้อม | ||
พระฤทธิ์เรืองปานปาง สุริเยศ | พระฤทธิ์เรืองปานปาง สุริเยศ | ||
- | ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม กราบเกล้าเศียรสยอง | + | ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม กราบเกล้าเศียรสยอง ฯ |
- | ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | + | ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ วังเย็น |
เคยเผยสีหเหน ลูกไห้ | เคยเผยสีหเหน ลูกไห้ | ||
ยามศุขกลับไปเปน ทุกข์เทวศ | ยามศุขกลับไปเปน ทุกข์เทวศ | ||
- | คิดฤๅวายวางไข้ จิตรโอ้อาดูร | + | คิดฤๅวายวางไข้ จิตรโอ้อาดูร ฯ |
๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ สั่งเวียง | ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ สั่งเวียง | ||
พระสนมเสนาะเรียง ร่ำร้อง | พระสนมเสนาะเรียง ร่ำร้อง | ||
หมู่มุขมนตรีเคียง ครวญคร่ำ | หมู่มุขมนตรีเคียง ครวญคร่ำ | ||
- | เสียงพิฦกลั่นก้อง โศกแส้วังโหย | + | เสียงพิฦกลั่นก้อง โศกแส้วังโหย ฯ |
- | ๏ | + | ๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ย ยังหัน |
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ สู่ฟ้า | เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ สู่ฟ้า | ||
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน หุยหุง เสียเนอ | ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน หุยหุง เสียเนอ | ||
- | ม้วยแต่นับโมงถ้า ทุกค่ำคืนหาย | + | ม้วยแต่นับโมงถ้า ทุกค่ำคืนหาย ฯ |
๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง กระหม่อมเฮย | ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง กระหม่อมเฮย | ||
ยามกระเษมแสนเสวย ศุขภาพ | ยามกระเษมแสนเสวย ศุขภาพ | ||
สุรางค์บำเรอเคย สพรั่ง พร้อมแฮ | สุรางค์บำเรอเคย สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
- | เรียงรอบศิโรราบ ราชร้างแรมโฉม | + | เรียงรอบศิโรราบ ราชร้างแรมโฉม ฯ |
๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า จากจร | ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า จากจร | ||
กรมพระราชวังบวร แรมร้าง | กรมพระราชวังบวร แรมร้าง | ||
ลูกทุ่มทรวงอาทร เทวศไห้ | ลูกทุ่มทรวงอาทร เทวศไห้ | ||
- | + | แสนทุกข์บวายหว้าง กี่เหมื้อจักเห็น | |
๏ ย่ำยามสดับเสียง ประโคมวัง | ๏ ย่ำยามสดับเสียง ประโคมวัง | ||
ดุริยางค์เสนาะดัง พาทย์ฆ้อง | ดุริยางค์เสนาะดัง พาทย์ฆ้อง | ||
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ สูญถนัด | ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ สูญถนัด | ||
- | ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | + | ฟังแต่เสียงสกุณก้อง กรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ |
๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง สมภาร | ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง สมภาร | ||
ปราถนาพระโพธิญาณ ยอดแก้ว | ปราถนาพระโพธิญาณ ยอดแก้ว | ||
ออกโอษฐ์ขอคชทการ นำสัตว์ | ออกโอษฐ์ขอคชทการ นำสัตว์ | ||
- | จากบ่วงสงสารแคล้ว คลาศพ้นพลันเข็ญ | + | จากบ่วงสงสารแคล้ว คลาศพ้นพลันเข็ญ ฯ |
</tpoem> | </tpoem> | ||
- | |||
- | |||
- | |||
<tpoem> | <tpoem> | ||
- | + | ๏ ครุวารกติกมาเส | |
+ | สุกรอัศสังวัจฉเร เหมันต์จตุมีดิถียัง | ||
+ | นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสอง ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
- | + | พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | |
- | ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | + | ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย |
- | + | โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย | |
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
- | + | พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดช ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์ | |
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
- | + | อรินราชกราบเกรงพระบารเมศ มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | |
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
- | + | เย็นเกษบารเมศบรมจักร ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | |
- | + | พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว ปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ | |
- | + | อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร ดัษกรรื่นราบกราบไสว | |
- | ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | + | ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย |
- | + | เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | |
- | + | เพราะไพรินลุยลามตามทำลาย กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | |
- | + | บิตุรงทรงนามธรรมิกราช ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | |
- | + | มายกพระสาสนาภิญญายืน ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | |
- | + | คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน | |
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | ||
- | + | จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ เทพนบน้อมเกษทุกราษี | |
- | + | สรรเสริญเดชาทั้งธาตรี กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | |
- | + | โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | |
- | เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | + | เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา |
- | + | ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | |
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
- | + | สุดเกษมไตรภพสบกระสัน อภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น | |
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
- | + | จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | |
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
- | + | ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | |
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
- | + | ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | |
- | ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | + | ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน ปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ |
- | + | เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | |
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
- | + | หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | |
- | เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | + | เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน ขอมัสการกรน้อมศิโรดม |
- | + | ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | |
- | โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | + | โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน |
- | + | ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์ ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน | |
- | + | สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทน ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล | |
- | + | เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ | |
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ||
- | + | หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษ พร้มพระราชธิดาประนมสนอง | |
- | + | สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลออง ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา | |
- | + | พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา | |
พระฉวีเสียศรีสุนทรา ชลนานองเนตรตลึงแล | พระฉวีเสียศรีสุนทรา ชลนานองเนตรตลึงแล | ||
- | + | ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข | |
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | ||
- | + | เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม จะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน | |
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | ||
- | + | แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร | |
- | + | ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานาน อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน | |
- | + | เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล | |
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | ||
- | + | พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ | |
- | + | เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม | |
- | + | สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์ จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม | |
- | เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม | + | เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง |
- | + | แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร แสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง | |
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | ||
- | + | จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา | |
- | ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา | + | ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา วาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์ |
- | + | สมรยากฝากองค์ให้การุญ ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล | |
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | ||
- | + | หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ | |
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | ||
- | + | ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง | |
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ||
- | + | สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง | |
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | ||
- | + | บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ ดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย | |
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | ||
- | + | ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่น กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง | |
- | แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง | + | แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง หมายฉลองพระคุณคอยระวัง |
- | + | ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง | |
- | + | แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆัง ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา | |
- | + | ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา | |
- | + | เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนา ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ | |
- | + | พอรตินทิวาเวลาสงัด ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง | |
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ||
- | + | ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม | |
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | ||
- | + | พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวล แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา | |
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ||
- | + | แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ ประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว | |
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | ||
- | + | คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์ | |
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ||
- | + | จะภินทนาอยู่เออนาโถ จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม | |
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ||
- | + | พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน | |
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ||
- | + | ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม | |
- | อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม | + | อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม จนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์ |
- | + | ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ เทพเทวศทุกวิมานรังสิน | |
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ ประชุมผินผันย้ายราษีจร | สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ ประชุมผินผันย้ายราษีจร | ||
- | + | เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร | |
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | ||
- | + | มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย | |
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | ||
- | + | พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น ภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง | |
- | + | ประทุมเกตุอาเภทดังสีทอง แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล | |
- | + | เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส | |
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ||
- | + | ทั้งโพยมก็พยับพยุฝน ดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง | |
- | + | สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียง ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน | |
- | + | วายุพาพัดปาริกชาติ ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น | |
- | + | เสวตรฉัตรหักยับระยำยล ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ | |
- | + | วิหคร้องในห้องเวหาหาว เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน | |
- | + | เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกิน คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา | |
- | + | บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา | |
- | ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา | + | ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา กลับระย้ายอดลัดระบัดใบ |
- | + | เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต โพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้ | |
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ||
- | + | ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดช แสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย | |
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ||
- | + | ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | |
- | + | จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | |
</tpoem> | </tpoem> |
การปรับปรุง เมื่อ 10:07, 5 สิงหาคม 2556
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร
เรื่องนิพานวังน่า
๏ | นิ | ราศบาทเบื้องโอ้ | โมฬี | |||||
พาน | จะโศกทั้งศรี | อยุทธเยศ | ||||||
วัง | เย็นสงัดตี | อกร่ำ ก่ำเอย | ||||||
น่า | มุขพิมานเมศร์ | เมื้อมิ่งแรมหมอง ฯ | ||||||
๏ | แต่ | พระจอมมงกุฎโลกย์ | แรมวัง | |||||
แผ่น | พิภพเพียงพัง | ม้วยไหม้ | ||||||
ดิน | โดยอดูรหวัง | หวั่นเทวศ | ||||||
ต้น | แต่ตีทรวงให้ | ห่อนเว้นวันเสบย ฯ | ||||||
๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอก | อิศรา | ||
หน่อมงกุฎอยุทธยา | เลื่องโลกย์ | ||
สืบสายกรมฝ่ายน่า | แรมนิราศ | ||
ทรงคิดคราววิโยค | พระบิดุร้างสู่สวรรค์ ฯ | ||
๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า | ทรงธรรม์ | ||
นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์ | ฟากฟ้า | ||
สี่ทวีปถวายบรร | ณาน้อม | ||
เกรงบพิตรพระจอมหล้า | โลกย์ลั่นฦๅแขยง ฯ | ||
๏ เคยเสด็จออกแสนเส | หนางค์ | ||
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ | นอบน้อม | ||
พระฤทธิ์เรืองปานปาง | สุริเยศ | ||
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม | กราบเกล้าเศียรสยอง ฯ | ||
๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | วังเย็น | ||
เคยเผยสีหเหน | ลูกไห้ | ||
ยามศุขกลับไปเปน | ทุกข์เทวศ | ||
คิดฤๅวายวางไข้ | จิตรโอ้อาดูร ฯ | ||
๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ | สั่งเวียง | ||
พระสนมเสนาะเรียง | ร่ำร้อง | ||
หมู่มุขมนตรีเคียง | ครวญคร่ำ | ||
เสียงพิฦกลั่นก้อง | โศกแส้วังโหย ฯ | ||
๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ย | ยังหัน | ||
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ | สู่ฟ้า | ||
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน | หุยหุง เสียเนอ | ||
ม้วยแต่นับโมงถ้า | ทุกค่ำคืนหาย ฯ | ||
๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง | กระหม่อมเฮย | ||
ยามกระเษมแสนเสวย | ศุขภาพ | ||
สุรางค์บำเรอเคย | สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
เรียงรอบศิโรราบ | ราชร้างแรมโฉม ฯ | ||
๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า | จากจร | ||
กรมพระราชวังบวร | แรมร้าง | ||
ลูกทุ่มทรวงอาทร | เทวศไห้ | ||
แสนทุกข์บวายหว้าง | กี่เหมื้อจักเห็น | ||
๏ ย่ำยามสดับเสียง | ประโคมวัง | ||
ดุริยางค์เสนาะดัง | พาทย์ฆ้อง | ||
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ | สูญถนัด | ||
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | กรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ | ||
๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง | สมภาร | ||
ปราถนาพระโพธิญาณ | ยอดแก้ว | ||
ออกโอษฐ์ขอคชทการ | นำสัตว์ | ||
จากบ่วงสงสารแคล้ว | คลาศพ้นพลันเข็ญ ฯ | ||
๏ ครุวารกติกมาเส | |||
สุกรอัศสังวัจฉเร | เหมันต์จตุมีดิถียัง | ||
นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสอง | ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง | ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง | สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย | ||
โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ | ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย | ||
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย | จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดช | ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์ | ||
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ | เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
อรินราชกราบเกรงพระบารเมศ | มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | ||
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม | ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
เย็นเกษบารเมศบรมจักร | ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว | ปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ | ||
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร | ดัษกรรื่นราบกราบไสว | ||
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย | ||
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ | อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
เพราะไพรินลุยลามตามทำลาย | กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | ||
บิตุรงทรงนามธรรมิกราช | ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | ||
มายกพระสาสนาภิญญายืน | ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | ||
คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ | สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน | ||
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร | ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | ||
จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ | เทพนบน้อมเกษทุกราษี | ||
สรรเสริญเดชาทั้งธาตรี | กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | ||
โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก | ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | ||
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา | ||
ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ | เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | ||
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา | บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
สุดเกษมไตรภพสบกระสัน | อภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น | ||
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน | หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง | ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | ||
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี | ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา | ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | ||
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร | สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า | นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | ||
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | ปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ | ||
เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว | ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | ||
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ | จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช | ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | ||
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | ขอมัสการกรน้อมศิโรดม | ||
ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว | กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | ||
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน | ||
ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์ | ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน | ||
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทน | ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล | ||
เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง | ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ | ||
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ | เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ||
หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษ | พร้มพระราชธิดาประนมสนอง | ||
สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลออง | ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา | ||
พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ | ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา | ||
พระฉวีเสียศรีสุนทรา | ชลนานองเนตรตลึงแล | ||
ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม | งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข | ||
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด | เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | ||
เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม | จะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน | ||
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล | เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | ||
แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป | ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร | ||
ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานาน | อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน | ||
เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี | แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล | ||
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน | แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | ||
พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง | จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ | ||
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น | เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม | ||
สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์ | จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม | ||
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม | ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง | ||
แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร | แสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง | ||
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง | เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | ||
จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร | ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา | ||
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา | วาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์ | ||
สมรยากฝากองค์ให้การุญ | ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล | ||
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ | ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | ||
หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ | พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ | ||
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง | เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | ||
ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ | ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง | ||
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง | จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ||
สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ | ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง | ||
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง | ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | ||
บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ | ดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย | ||
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย | เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | ||
ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่น | กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง | ||
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง | หมายฉลองพระคุณคอยระวัง | ||
ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม | ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง | ||
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆัง | ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา | ||
ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป | ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา | ||
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนา | ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ | ||
พอรตินทิวาเวลาสงัด | ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง | ||
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง | ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ||
ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร | นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม | ||
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม | จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | ||
พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวล | แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา | ||
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา | ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ||
แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ | ประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว | ||
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย | จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | ||
คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด | เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์ | ||
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน | ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ||
จะภินทนาอยู่เออนาโถ | จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม | ||
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ | เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ||
พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น | แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน | ||
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ | บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ||
ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ | เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม | ||
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม | จนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์ | ||
ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ | เทพเทวศทุกวิมานรังสิน | ||
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ | ประชุมผินผันย้ายราษีจร | ||
เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร | กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร | ||
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร | กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | ||
มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท | สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย | ||
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย | สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | ||
พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น | ภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง | ||
ประทุมเกตุอาเภทดังสีทอง | แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล | ||
เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป | พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส | ||
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร | ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ||
ทั้งโพยมก็พยับพยุฝน | ดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง | ||
สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียง | ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน | ||
วายุพาพัดปาริกชาติ | ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น | ||
เสวตรฉัตรหักยับระยำยล | ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ | ||
วิหคร้องในห้องเวหาหาว | เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน | ||
เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกิน | คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา | ||
บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ | นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา | ||
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา | กลับระย้ายอดลัดระบัดใบ | ||
เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต | โพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้ | ||
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ | ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ||
ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดช | แสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย | ||
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย | เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ||
ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ | ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ||
จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร | ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | ||