นิพพานวังหน้า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(แก้ไขรูปแบบ และปรับตัวสะกดตามฉบับศิลปวัฒนธรรม)
แถว 9: แถว 9:
<tpoem>
<tpoem>
-
นิ  ราศบาทเบื้องโอ้   โมฬี
+
๏  นิ  ราศบาทเบื้องโอ้       โมฬี
-
พาน  จะโศกทั้งศรี   อยุทเยศ
+
  พาน  จะโศกทั้งศรี       อยุทธเยศ
-
วัง  เย็นสรหงัดตี  อกร่ำ ก่ำเอย
+
  วัง  เย็นสงัดตี        อกร่ำ ก่ำเอย
-
น่า  มุขพิมานเมศร์   เมื้อมิ่งแรมหมอง
+
  น่า  มุขพิมานเมศร์       เมื้อมิ่งแรมหมอง
-
แต่  พระจอมมงกุฎโลกย์  แรมวัง
+
-
แผ่น  พิภพเพียงพัง  ม้วยไหม้
+
-
ดิน  โดยอดูรหวัง  หวั่นเทวศ
+
-
ต้น  แต่ตีทรวงให้  ห่อนเว้นวันเสบย
+
-
</tpoem>
+
 +
 +
๏  แต่  พระจอมมงกุฎโลกย์        แรมวัง
 +
  แผ่น  พิภพเพียงพัง        ม้วยไหม้
 +
  ดิน  โดยอดูรหวัง        หวั่นเทวศ
 +
  ต้น  แต่ตีทรวงให้        ห่อนเว้นวันเสบย ฯ
 +
</tpoem>
<tpoem>
<tpoem>
-
   ๏ วงษ์อินทกรุงธิปัตเอก   อิศรา
+
   ๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอก   อิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยา  เลื่องโลกย์
หน่อมงกุฎอยุทธยา  เลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่า  แรมนิราศ
สืบสายกรมฝ่ายน่า  แรมนิราศ
-
ทรงคิดคราววิโยค  พระบิดุร้างสู่สวรรค์
+
ทรงคิดคราววิโยค  พระบิดุร้างสู่สวรรค์
   ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า  ทรงธรรม์
   ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า  ทรงธรรม์
-
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์   ฟากฟ้า
+
นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์   ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรร  ณาน้อม
สี่ทวีปถวายบรร  ณาน้อม
-
เกรงบพิตรพระจอมหล้า  โลกย์ลั่นฦๅแขยง
+
เกรงบพิตรพระจอมหล้า  โลกย์ลั่นฦๅแขยง
   ๏ เคยเสด็จออกแสนเส  หนางค์
   ๏ เคยเสด็จออกแสนเส  หนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์  นอบน้อม
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์  นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปาง  สุริเยศ
พระฤทธิ์เรืองปานปาง  สุริเยศ
-
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม  กราบเกล้าเศียรสยอง
+
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม  กราบเกล้าเศียรสยอง
-
   ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ  วังเยน
+
   ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ  วังเย็น
เคยเผยสีหเหน  ลูกไห้
เคยเผยสีหเหน  ลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปน  ทุกข์เทวศ
ยามศุขกลับไปเปน  ทุกข์เทวศ
-
คิดฤๅวายวางไข้  จิตรโอ้อาดูร
+
คิดฤๅวายวางไข้  จิตรโอ้อาดูร
   ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้  สั่งเวียง
   ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้  สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียง  ร่ำร้อง
พระสนมเสนาะเรียง  ร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียง  ครวญคร่ำ
หมู่มุขมนตรีเคียง  ครวญคร่ำ
-
เสียงพิฦกลั่นก้อง  โศกแส้วังโหย
+
เสียงพิฦกลั่นก้อง  โศกแส้วังโหย
-
   ๏ พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ย   ยังหัน
+
   ๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ย   ยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์  สู่ฟ้า
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์  สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน  หุยหุง  เสียเนอ
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน  หุยหุง  เสียเนอ
-
ม้วยแต่นับโมงถ้า  ทุกค่ำคืนหาย
+
ม้วยแต่นับโมงถ้า  ทุกค่ำคืนหาย
   ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง  กระหม่อมเฮย
   ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง  กระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวย  ศุขภาพ
ยามกระเษมแสนเสวย  ศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคย  สพรั่ง  พร้อมแฮ
สุรางค์บำเรอเคย  สพรั่ง  พร้อมแฮ
-
เรียงรอบศิโรราบ  ราชร้างแรมโฉม
+
เรียงรอบศิโรราบ  ราชร้างแรมโฉม
   ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า  จากจร
   ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า  จากจร
กรมพระราชวังบวร  แรมร้าง
กรมพระราชวังบวร  แรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทร  เทวศไห้
ลูกทุ่มทรวงอาทร  เทวศไห้
-
แสนทุกข์บวายว่าง   ที่เมื้อจักเห็น
+
แสนทุกข์บวายหว้าง   กี่เหมื้อจักเห็น
   ๏ ย่ำยามสดับเสียง  ประโคมวัง
   ๏ ย่ำยามสดับเสียง  ประโคมวัง
ดุริยางค์เสนาะดัง  พาทย์ฆ้อง
ดุริยางค์เสนาะดัง  พาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์  สูญถนัด
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์  สูญถนัด
-
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง  กรู่แก้วเกลื่อนขัน
+
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง  กรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ
   ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง  สมภาร
   ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง  สมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณ  ยอดแก้ว
ปราถนาพระโพธิญาณ  ยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการ  นำสัตว์
ออกโอษฐ์ขอคชทการ  นำสัตว์
-
จากบ่วงสงสารแคล้ว  คลาศพ้นพลันเข็ญ
+
จากบ่วงสงสารแคล้ว  คลาศพ้นพลันเข็ญ
</tpoem>
</tpoem>
-
 
-
ครุวารกติกมาเส  สุกรอัคสังวชเร  เหมันต์จตุมีดิถียัง
 
-
 
<tpoem>
<tpoem>
-
  <sup>๑</sup>นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสอง   ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
+
  ครุวารกติกมาเส
 +
สุกรอัศสังวัจฉเร  เหมันต์จตุมีดิถียัง
 +
นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสอง   ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง  ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง  ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
-
  ๏ พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง   สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
+
พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง   สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
-
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน  ไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย
+
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน  ไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย
-
  ๏ โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์  ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย
+
โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์  ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย  จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย  จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
-
   ๏ พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดช  ที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์
+
พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดช   ที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์  เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์  เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
-
  ๏ อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศ   มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
+
อรินราชกราบเกรงพระบารเมศ   มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม  ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม  ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
-
  ๏ เย็นเกษบารเมศบรมจักร  ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
+
เย็นเกษบารเมศบรมจักร  ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
-
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว   ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ
+
พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาว   ปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ
-
  ๏ อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร  ดัษกรรื่นาบกราบไสว
+
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร  ดัษกรรื่นราบกราบไสว
-
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร  ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย
+
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร  ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย
-
  ๏ เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์  อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
+
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์  อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
-
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย   กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
+
เพราะไพรินลุยลามตามทำลาย   กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
-
  ๏ บิตุรงทรงนามธรรมิกราช  ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
+
บิตุรงทรงนามธรรมิกราช  ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
-
มายกพระสาศนาภิญยายืน   ประชาชื่นชมโพธิสมภาร
+
มายกพระสาสนาภิญญายืน   ประชาชื่นชมโพธิสมภาร
-
  ๏ คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์  สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
+
คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์  สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร  ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร  ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี
-
  <sup>๑๑</sup>๏ จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ  เทพนบน้อมเกษทุกราษี
+
จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ  เทพนบน้อมเกษทุกราษี
-
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรี   กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
+
สรรเสริญเดชาทั้งธาตรี   กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
-
  ๏ โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก  ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
+
โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก  ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
-
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา  ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์
+
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา  ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา
-
  ๏ ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์  เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
+
ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์  เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา  บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา  บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
-
   ๏ สุดกระเษมไตรภพสบกระสัน  อภิวันทุกพิมานสำราญรื่น
+
สุดเกษมไตรภพสบกระสัน   อภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน  หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน  หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
-
  ๏ จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง  ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
+
จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง  ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี  ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี  ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
-
  ๏ ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา  ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
+
ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา  ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร  สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร  สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
-
  ๏ ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า  นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
+
ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า  นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
-
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน  ปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
+
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน  ปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
-
  ๏ เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว  ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
+
เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว  ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ  จะริร่ำร่างลงก็งงนาน
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ  จะริร่ำร่างลงก็งงนาน
-
  ๏ หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช  ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
+
หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช  ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
-
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน  ขอมัศการกรน้อมศิโรดม
+
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน  ขอมัสการกรน้อมศิโรดม
-
  ๏ ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว  กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
+
ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว  กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
-
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม  ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจ
+
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม  ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน
-
   <sup>๒๑</sup>๏ ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์  รดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
+
ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์   ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
-
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทน   ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
+
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทน   ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
-
  ๏ เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง  ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
+
เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง  ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์  เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์  เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
-
  ๏ หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบรดาษ   พร้มพระราชธิดาประนมสนอง
+
หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษ   พร้มพระราชธิดาประนมสนอง
-
สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลออง   ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
+
สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลออง   ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
-
  ๏ พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ  ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
+
พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ  ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
พระฉวีเสียศรีสุนทรา  ชลนานองเนตรตลึงแล
พระฉวีเสียศรีสุนทรา  ชลนานองเนตรตลึงแล
-
  ๏ ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม  งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
+
ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม  งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด  เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด  เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
-
  ๏ เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม  จะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน
+
เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม  จะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล  เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล  เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
-
  ๏ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป  ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
+
แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป  ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
-
ถ้าชีวิตนั้นจะปลิดไม่เนาว์นาน   อย่าให้พานสอดคล่องนิยมยืน
+
ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานาน   อย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน
-
  ๏ เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี  แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
+
เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี  แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน  แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน  แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
-
  ๏ พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง  จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
+
พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง  จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
-
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ไอ้อยู่เย็น   เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
+
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็น   เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
-
  ๏ สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์   จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
+
สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์   จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
-
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม  ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคีย
+
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม  ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง
-
  <sup>๓๑</sup>๏ แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร  แสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง
+
แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร  แสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง  เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง  เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
-
  ๏ จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร  ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
+
จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร  ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
-
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา  วาศนาหาไม่จงเจียมสกล
+
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา  วาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์
-
  ๏ สมรยากฝากองค์ให้การุญ  ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
+
สมรยากฝากองค์ให้การุญ  ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์  ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์  ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
-
  ๏ หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ  พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
+
หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ  พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง  เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง  เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
-
  ๏ ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์  ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
+
ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์  ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง  จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง  จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
-
  ๏ สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ  ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
+
สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ  ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง  ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง  ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
-
   ๏ บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ  ดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย
+
บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ   ดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย  เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย  เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
-
  ๏ ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่น   กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
+
ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่น   กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
-
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง  หมายฉลองพระคุณคอยรวัง
+
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง  หมายฉลองพระคุณคอยระวัง
-
  ๏ ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม  ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
+
ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม  ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
-
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆัง   ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
+
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆัง   ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
-
  ๏ ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป  ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
+
ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป  ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
-
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์   ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ ... (๔๐)
+
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนา   ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์
-
<sup>๔๑</sup>๏ พอรตินทิวาเวลาสงัด  ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง
+
พอรตินทิวาเวลาสงัด  ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง  ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง  ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม
-
  ๏ ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร  นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม
+
ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร  นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม  จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม  จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา
-
  ๏ พรหมภักตรพร้อมภักตรละห้อยหวล   แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา
+
พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวล   แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา  ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา  ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป
-
  ๏ แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ  ประสิทธินามไว้ให้ลือพิภพไหว
+
แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ  ประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย  จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย  จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน
-
  ๏ คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด  เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์
+
คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด  เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน  ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน  ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม
-
  ๏ จะพินทนาอยู่เออนาโถ   จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม
+
จะภินทนาอยู่เออนาโถ   จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ  เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ  เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน
-
  ๏ พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น  แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถประสาน
+
พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น  แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์  บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์  บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม
-
  ๏ ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ  เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม
+
ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ  เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม
-
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม  จนประฐมล่วงพระชนม์นรินทร์
+
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม  จนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์
-
  ๏ ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์  เทพเทวศทุกวิมานรังสิน
+
ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์  เทพเทวศทุกวิมานรังสิน
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์  ประชุมผินผันย้ายราษีจร
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์  ประชุมผินผันย้ายราษีจร
-
  ๏ เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร  กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร
+
เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร  กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร  กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร  กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย
-
  <sup>๕๑</sup>๏ มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท  สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย
+
มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท  สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย  สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย  สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง
-
  ๏ พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น  พุชชงศ์ตื่นแผ่นน้ำผันผยอง
+
พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น  ภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง
-
ประทุมเกตุอาเพทดังสีทอง   แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล
+
ประทุมเกตุอาเภทดังสีทอง   แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล
-
  ๏ เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป  พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส
+
เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป  พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร  ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร  ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง
-
   ๏ ทั้งพโยมก็พยับพยุฝน  ดูฤกษ์บนเทเวศถวายเสียง
+
ทั้งโพยมก็พยับพยุฝน   ดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง
-
สุนีย์ฟาดอากาศก้องสำเนียง   ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน
+
สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียง   ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน
-
  ๏ วายุพาพัดปาริกชาติ  ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น
+
วายุพาพัดปาริกชาติ  ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น
-
เสวตรฉัตรหักยับรยำยล   ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ
+
เสวตรฉัตรหักยับระยำยล   ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ
-
  ๏ วิหคร้องในห้องเวหาหาว  เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน
+
วิหคร้องในห้องเวหาหาว  เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน
-
เหมือนสุลีรอยชลอพิมานเกิน   คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา
+
เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกิน   คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา
-
  ๏ บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ์   นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา
+
บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ   นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา
-
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา  กลับรย้ายอดลัดรบัดใบ
+
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา  กลับระย้ายอดลัดระบัดใบ
-
  ๏ เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต  โพธิ์สลดเอนล้มรทมไข้
+
เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต  โพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ  ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ  ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย
-
   ๏ หรือล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษเดช  แสดงเหตุแจ้งอัถกระจัดถวาย
+
ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดช   แสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย  เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย  เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร
-
  ๏ ด้วยพระปิ่นจัลโลงอยุทธเยศ   ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน
+
ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศ   ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน
-
จึงสำแดงบารเมศลือขจร   ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น
+
จึงสำแดงบารเมศฦๅขจร   ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 10:07, 5 สิงหาคม 2556

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร

เรื่องนิพานวังน่า

นิราศบาทเบื้องโอ้      โมฬี
พานจะโศกทั้งศรี      อยุทธเยศ
วังเย็นสงัดตี      อกร่ำ ก่ำเอย
น่ามุขพิมานเมศร์      เมื้อมิ่งแรมหมอง ฯ
แต่พระจอมมงกุฎโลกย์      แรมวัง
แผ่นพิภพเพียงพัง      ม้วยไหม้
ดินโดยอดูรหวัง      หวั่นเทวศ
ต้นแต่ตีทรวงให้      ห่อนเว้นวันเสบย ฯ
             
      ๏ วงษ์อินท์กรุงธิปัตเอกอิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยาเลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่าแรมนิราศ
ทรงคิดคราววิโยคพระบิดุร้างสู่สวรรค์ ฯ
      ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้าทรงธรรม์
นุภาพปราบมนุษย์สวรรค์ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรรณาน้อม
เกรงบพิตรพระจอมหล้าโลกย์ลั่นฦๅแขยง ฯ
      ๏ เคยเสด็จออกแสนเสหนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปางสุริเยศ
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อมกราบเกล้าเศียรสยอง ฯ
      ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบวังเย็น
เคยเผยสีหเหนลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปนทุกข์เทวศ
คิดฤๅวายวางไข้จิตรโอ้อาดูร ฯ
      ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียงร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียงครวญคร่ำ
เสียงพิฦกลั่นก้องโศกแส้วังโหย ฯ
      ๏ พระญาณยอดแก้วเฮ่ยยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผันหุยหุง      เสียเนอ
ม้วยแต่นับโมงถ้าทุกค่ำคืนหาย ฯ
      ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่งกระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวยศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคยสพรั่ง      พร้อมแฮ
เรียงรอบศิโรราบราชร้างแรมโฉม ฯ
      ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้าจากจร
กรมพระราชวังบวรแรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทรเทวศไห้
แสนทุกข์บวายหว้างกี่เหมื้อจักเห็น
      ๏ ย่ำยามสดับเสียงประโคมวัง
ดุริยางค์เสนาะดังพาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์สูญถนัด
ฟังแต่เสียงสกุณก้องกรู่แก้วเกริ่นขัน ฯ
      ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้างสมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการนำสัตว์
จากบ่วงสงสารแคล้วคลาศพ้นพลันเข็ญ ฯ
             
๏ ครุวารกติกมาเส
สุกรอัศสังวัจฉเรเหมันต์จตุมีดิถียัง
นาฬิกาหึ่งหึ่งถึงยามสองได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวังไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
พระสถานสถิตย์เยือกยินแต่เสียงสุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปนไม่เห็นเลยหลักภพพิบัติวาย
โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ประชาโศกแสนละห้อยไม่รู้หาย
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกายจึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
พระกฤษฎาดังพรหมอุดมเดชที่ทรงเพศพาหนพระยาหงษ์
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
อรินราชกราบเกรงพระบารเมศมงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวามดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
เย็นเกษบารเมศบรมจักรที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
พระอานุภาพเลิศลบจบแดนดาวปัจจาผ่าวอุรพาระอาใจ
อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวรดัษกรรื่นราบกราบไสว
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกรก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิเดชาชาย
เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
เพราะไพรินลุยลามตามทำลายกระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
บิตุรงทรงนามธรรมิกราชทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
มายกพระสาสนาภิญญายืนประชาชื่นชมโพธิสมภาร
คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสถาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตารผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี
จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพเทพนบน้อมเกษทุกราษี
สรรเสริญเดชาทั้งธาตรีกรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลกยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกาไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนา
ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบาบันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
สุดเกษมไตรภพสบกระสันอภิวันท์ทุกพิมานสำราญรื่น
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืนหมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนองให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรีที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษาใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากรสุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้านี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวนปราชญ์ช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
เราใช่ราชกระวีที่เฉลียวก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำจะริร่ำร่างลงก็งงนาน
หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดชซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมานขอมัสการกรน้อมศิโรดม
ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้วกราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรมล้มพระโรคแรกประทับจะอับจน
ประชวรแต่มาฆมาสเหมันต์ฤดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์ระทมทนถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วงประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบระดาษพร้มพระราชธิดาประนมสนอง
สุวรรณผุดโพธิญาณ์ฝ่าลอองให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
พระฉวีเสียศรีสุนทราชลนานองเนตรตลึงแล
ยลอนงค์นุชนางสนมน้อมงามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแดเหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอมจะไกลกล่อมขวัญให้ระหวยหน
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชลเสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีปขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
ถ้าชีวิตรนี้จะปลิดไม่เนานานอย่าให้พานสอคล่องนิยมยิน
เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรีแล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
พิศฐานเสร็จเสวยวารีรินแต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมองจึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ได้อยู่เย็นเห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
สุเรศดังสุรางค์บำเรออินทร์จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอมยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคียง
แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตรแสนเทวศพร้องเพราะพระสุรเสียง
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียงเคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมรประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลาวาศนาหาไม่จงเจียมสกนธ์
สมรยากฝากองค์ให้การุญถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
หนึ่งพระเสาวนีที่มียศพระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนงเจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปองจะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
สดับตรัสดังมัจจุราชรีบประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรืองถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
บ้างข้อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญดังกระเด็นเศียรเกล้าของเราหาย
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวายเหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
ถึงยามเกษมเคยแสนสำเริงรื่นกลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลอองหมายฉลองพระคุณคอยระวัง
ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่มดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะระฆังลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีปดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์
พอรตินทิวาเวลาสงัดดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวงยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม
ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตรนึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอมจะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา
พรหมภักตร์พร้อมภักตร์ละห้อยหวลแต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยาฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป
แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อประสิทธินามไว้ให้ฦๅพิภพไหว
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลยจะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน
คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิดเคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกันร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม
จะภินทนาอยู่เออนาโถจะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความเปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน
พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้นแต่พื้นผินน้อมศียรหัตถ์ประสาน
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม
ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศเห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชมจนประถมล่วงพระชนม์นรินทร์
ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์เทพเทวศทุกวิมานรังสิน
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ประชุมผินผันย้ายราษีจร
เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตรกระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนครกระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย
มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาทสุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตรายสายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง
พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่นภุชชงศ์ตื่นเผ่นน้ำผันผยอง
ประทุมเกตุอาเภทดังสีทองแสงส่องยลปลาดไม่อาจแล
เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีปพิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปรทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง
ทั้งโพยมก็พยับพยุฝนดูฤกษ์บนเทเวศร์ถวายเสียง
สุนีฟาดอากาศก้องสำเนียงดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน
วายุพาพัดปาริกชาติก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น
เสวตรฉัตรหักยับระยำยลฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ
วิหคร้องในห้องเวหาหาวเหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน
เหมือนศุลีรอยชลอพิมานเกินคอยพระราชดำเนินเสด็จคลา
บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธินิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรากลับระย้ายอดลัดระบัดใบ
เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคตโพธิ์สลดเอนล้มระทมไข้
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย
ฦๅล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษ์เดชแสดงเหตุแจ้งอัตถ์กระจัดถวาย
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตรายเมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร
ด้วยพระปิ่นจรรโลงอยุทธเยศทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน
จึงสำแดงบารเมศฦๅขจรว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น
             
เครื่องมือส่วนตัว