นิราศเดือน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(บทประพันธ์)
แถว 7: แถว 7:
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
<tpoem>
<tpoem>
 +
=== เดือนห้า ===
 +
  ๏ โอ้ฤดูเดือนห้าหน้าคิมหันต์
 +
พวกมนุษย์สุดสุขสนุกครัน  ได้ดูกันพิศวงเมื่อสงกรานต์
 +
ทั้งผู้ดีเข็ญใจใส่อังคาส  อภิวาทพุทธรูปในวิหาร
 +
ล้วนแต่งตัวทั่วกันวันสงกรานต์  ดูสคราญเพริศพริ้งทั้งหญิงชาย
 +
ที่เฒ่าแก่แม่หม้ายไม่ใคร่เที่ยว  สู้อดเปรี้ยวกินหวานลูกหลานหลาย
 +
ที่กำดัดขัดสีสวยทั้งกาย  เที่ยวถวายน้ำหอมน้อมศรัทธา
 +
บ้างก็มีที่สวาดิ์มาดพระสงฆ์  ต่างจำนงนึกกำดัดขัดสิกขา
 +
ได้แต่เพียงพูดกันจำนรรจา  นานนานมากลับไปแล้วใจตรอม ฯ
 +
 +
๏ ล้วนแต่งตัวเต็มงามทรามสวาดิ์  ใส่สีฉาดฟุ้งเฟื่องด้วยเครื่องหอม
 +
สงกรานต์ทีตรุษทีไม่มีมอม  ประดับพร้อมแหวนเพชรเม็ดมุกดา
 +
มีเท่าไรใส่เท่านั้นฉันผู้หญิง  ดูเพริดพริ้งเพราเอกเหมือนเมขลา
 +
รามสูรเดินดินสิ้นศักดา  เที่ยวไล่คว้าบางทีก็มีเชิง
 +
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วจนมัวมืด  ใครขี้ตืดถากถางวางกันเหลิง
 +
บ้างฉุดมือยื้อผ้าด่ากันเปิง  ที่รู้เชิงทำแปดเก้าเป็นเจ้ามือ
 +
เขาตัดไพ่ตายแพ้เหลือแต่ผ้า  สิ้นปัญญาบ่นพลางครางหือหือ
 +
นั่งเสียใจเต็มทีต้องหนีมือ  ไม่สัตย์ซื่อทำไพ่ตายเขาเอง
 +
ดูเขาเล่นเป็นฤดูไม่รู้ขาด  นุชนาฏพึ่งกระเตาะขึ้นเหมาะเหมง
 +
บ้างก็หลงเลยเล่นเป็นนักเลง  ฉันนี้เกรงกลัวนักไม่รักเลย
 +
ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานด้วยการเล่น  บ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเฉย
 +
แต่ตัวเราเปล่าไปมิได้เชย  โอ้อกเอ๋ยคิดไปแล้วใจตรม
 +
ให้เจ็บจุกทุกข์เท่าคีรีศรี  ด้วยไม่มีคู่ชิดสนิทสนม
 +
ทุกวันนี้ใครมีซึ่งคู่ชม  สำราญรมย์เริงจิตเป็นนิจกาล
 +
เมื่อไรเล่าเรานี้จะมีบ้าง  จะได้ว่างเว้นทุกข์สนุกสนาน
 +
แต่นึกปองตรองหามาช้านาน  ทอดสะพานเข้าที่ไหนไม่ได้เลย ฯ
 +
 +
๏ ร่ำคะนึงถึงนุชสุดวิตก  ถึงเดือนหกเข้าแล้วหนาเจ้าข้าเอ๋ย
 +
เขาแต่งงานปลูกหอขอกันเชย  เราจะเฉยอยู่ก็เห็นไม่เป็นการ
 +
เขาแรกนาแล้วมานักขัตฤกษ์  เอิกเกริกโกนจุกทุกสถาน
 +
ที่กำดัดจัดแจงกันแต่งงาน  มงคลการตามเล่ห์ประเวณี
 +
โอ้โอ๋อกอาตมานี้อาภัพ  ทั้งไร้ทรัพย์สารพัดจะบัดสี
 +
ดูเพื่อนบ้านเขาทั้งหลายสบายดี  เขาคิดมีลูกเมียเสียทุกคน
 +
สำราญรมย์ชมน้องในห้องหอ  เฝ้าเคลียคลอเจรจาว่ากุศล
 +
ที่ยังไม่ส่งตัวนึกกลัวตน  ก็ต่างคนต่างนึกคะนึงตรอง
 +
โอ้อกเอ๋ยยังไม่เคยจะมีผัว  สงสารตัวตั้งแต่นี้มีแต่หมอง
 +
มิได้แต่งแป้งขมิ้นดินสอพอง  จะมีท้องแท้แล้วไม่แคล้วเลย
 +
เสียดายแก้มผุดผ่องจะต้องจูบ  จะซีดซูบพักตรานิจจาเอ๋ย
 +
เสียดายนมจะระบมเพราะมือเชย  ยังไม่เคยมีคู่ดูน่าอาย
 +
ไหนจะปัดฟูกหมอนนอนด้วยผัว  ไม่เหมือนตัวเปล่าเปลือยเหนื่อยใจหาย
 +
จะไม่มีก็ไม่ได้สบาย  พวกผู้ชายเจ้าชู้มักดูแคลน
 +
จะพูดเกี้ยวเลี้ยวลดให้อดสู  ถ้ามีคู่คุ้มตัวเหมือนหัวแหวน
 +
ที่ลางคนบ่นบ้าว่าน่าแค้น  พ่อแม่แค่นขืนให้ไม่ชอบใจ ฯ
 +
=== เดือนหก ===
 +
๏ เที่ยวหลบลี้หนีสถานทิ้งบ้านช่อง  มีพวกพ้องน้าป้าไปอาศัย
 +
บ้างชอบใจรูปงามตามเขาไป  ไม่อาลัยพ่อแม่ไปแต่ตัว
 +
ที่โกนจุกได้ปีครึ่งพึ่งจะผลิ  อุตริหนักหนาอยากหาผัว
 +
ที่ลางคนนึกละห้อยน้อยใจตัว  ว่ารูปชั่วชายชังไม่หวังเชย
 +
ที่ตกพุ่มกลุ้มกลัดขัดในอก  ถึงมุ่นหมกอยู่ในใจก็ใช้เฉย
 +
แสนสงสารหญิงชายไม่วายเลย  โอ้อกเอ๋ยเราก็เป็นเหมือนเช่นกัน
 +
ไม่พ้นตัวชั่วช้าว่าแต่เขา  ตัวของเราก็เหมือนยักษ์มักกะสัน
 +
เห็นกระเตาะเข้าไม่ได้ใจเป็นควัน  เหลือจะกลั้นใจคอเที่ยวกรอกราย
 +
ถ้ามีงานใหญ่โตมโหรสพ  ขี้มักพบเห็นมากมีหลากหลาย
 +
เห็นนารีรูปงามตามแทบตาย  เพราะเมามายเรื่องรักนี้หนักจริง
 +
มีอิเหนาคราวนั้นขันหนักหนา  ทำทีท่าถูกในน้ำใจหญิง
 +
นอนละเมอเพ้อจิตคิดประวิง  ฉันหนาวจริงพ่อขุนทองประคองที
 +
อันความรักมักละเมอจนเพ้อพก  เหมือนกับอกเรียมแล้วนะแก้วพี่
 +
ให้โหยหวนครวญหาทุกราตรี  สักกี่ปีจะได้น้องประคองนอน ฯ
 +
=== เดือนเจ็ด ===
 +
๏ กระทั่งถึงเดือนเจ็ดไม่เสร็จโศก  บังเกิดโรคแรงหนักด้วยรักสมร
 +
สลากภัตต์จัดแจงแต่งหาบคอน  อย่างแต่ก่อนหาบกระทายมีลายทอง
 +
ใส่คานรูปนาคาวายุภักษ์  ครั้นเดินหนักดูเต้นเผ่นผยอง
 +
แสรกน้อยร้อยพวงมาลัยกรอง  ใส่ข้าวของหาบหามตามกันมา
 +
ทุกวันนี้มีแต่จะทำแปลก  ใส่โต๊ะแบกเดินด่วนมาถ้วนหน้า
 +
สารพันเอมโอชโภชนา  ตามศรัทธาสัปปุรุษนุชอนงค์
 +
ทั้งผู้ดีเข็ญใจก็ไปมาก  จับสลากหนังสือชื่อพระสงฆ์
 +
รู้จักนามตามพบประสบองค์  ต่างจำนงน้อมถวายรายกันไป
 +
พระลางองค์งงงกตกประหม่า  ให้ยถาเสียงสั่นอยู่หวั่นไหว
 +
สัปปุรุษตรวจน้ำร่ำในใจ  ที่ผู้ใหญ่หมายประโยชน์โพธิญาณ
 +
ที่หนุ่มหนุ่มสาวสาวคราวกับฉัน  นึกรำพันในจิตอธิษฐาน
 +
ให้มีเมียรูปงามทรามสะคราญ  ที่เรือนบ้านคับคั่งเขามั่งมี
 +
อนงค์นาฏปรารถนาจะหาผัว  ไม่เล่นถั่วสูบฝิ่นกินอาหนี
 +
ให้รูปงามทรามชมอุดมดี  ลางสตรีปรารถนาหาขุนนาง
 +
มีเงินทองบ่าวไพร่เครื่องใช้สอย  จะนั่งลอยนวลเป็นนายนุ่งลายอย่าง
 +
ขี่แต่เรือเก๋งพั้งลงนั่งกลาง  ไปตามทางแถวชลมีคนพาย
 +
ที่ติดพันกันอยู่ก็ชูชื่น  ไม่นึกอื่นนึกจะมีแต่ที่หมาย
 +
ที่มีแล้วฉ่ำเฉื่อยเรื่อยสบาย  ค่อนเว้นวายโศกเศร้าเบาหัวใจ
 +
กระทำมาหากินภิญโญยิ่ง  มีลูกหญิงลูกชายหมายอาศัย
 +
ที่ไม่มีฝั่งฝาให้อาลัย  เหมือนกับใจของฉันที่พรรณนา
 +
คิดถึงนุชสุดรักให้หนักอก  น้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
 +
สักเมื่อไรจะได้แนบแอบอุรา  ละห้อยหาโศกศัลย์รำพันพลางฯ
 +
=== เดือนแปด ===
 +
๏ ถึงเดือนแปดแดดอับพยับฝน  ฤดูดลพระวษาเข้ามาขวาง
 +
จวนจะบวชเป็นพระสละนาง  อยู่เหินห่างเห็นกันเมื่อวันบุญ
 +
ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถาง  รูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น
 +
ตุ๊กตาหน้าพราหมณ์งามละมุน  ต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง
 +
ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้ง  คู่สลึงเขาขายพวกชายหญิง
 +
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้ง  มีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ
 +
ขึ้นกุฎีที่รักรู้จักสนิท  ดัดจริตพูดจาวิสาสะ
 +
พระหนุ่มหนุ่มกลุ้มใจทำไมละ  เสียงจ๋าจ๊ะเจรจาพาสบาย
 +
ถ้าญาติโยมจริงจริงแล้วนิ่งเฉย  มิใคร่เงยดูหน้าปัญญาหาย
 +
ไม่พูดมากพาดพิงให้พริ้งพราย  ดูเราะรายเรียบร้อยกระช้อยชด
 +
พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุก  เข้าบ้านขลุกเลยลาสิกขาบท
 +
เหมือนน้ำอ้อยย้อยถูกจมูกมด  ใครจะอดได้เล่าพวกชาวเรา
 +
นึกคะนึงถึงนางกลางพรรษา  แต่คอยหาเช้าเย็นไม่เห็นเขา
 +
เที่ยวฟังเทศน์มิได้ขาดดูลาดเลา  เห็นแต่เขาคนอื่นไม่ชื่นตา
 +
นั่งพับเพียบเรียบร้อยน้อยไปหรือ  ประนมมือฟังธรรมเทศนา
 +
ที่ฟังจริงนิ่งตรับจนหลับตา  บ้างก้มหน้าฟังไปมิได้เงย
 +
ที่ฟังเล่นเห็นกันเป็นขวัญเนตร  ไม่ฟังเทศน์เอาบุญแม่คุณเอ๋ย
 +
มานั่งเล่นตากันฉันไม่เคย  ไม่สิ้นเลยเหล่าตะกลามกามคุณ
 +
ที่ท่านแก่แก่ตัวยังชั่วดอก  หมายจะออกห่างเหจากเมถุน
 +
ท่านอยากบวชสวดมนต์ขนเอาบุญ  ที่แรกรุ่นนี่แลร่านรำคาญใจ
 +
ด้วยความรักหนักเหลือเหมือนเรือเพียบ  จนน้ำเลียบแคมแล้วแจวไม่ไหว
 +
ถ้าผ่อนของขึ้นเสียบ้างยังชั่วใจ  แจวไปไหนไปได้ไม่หนักแรง
 +
โอ้โอ๋อกชาวเราเหล่าหนุ่มหนุ่ม  อยากใคร่สุ่มปลาหนองส่องแสวง
 +
ตัวฉันเล่าเฝ้าคลั่งด้วยยังแคลง  จะพลิกแพลงไปอย่างไรก็ไม่รู้
 +
โอ้ไฉนจะได้สมอารมณ์รัก  ใครช่วยชักฉันจะไหว้ให้หัวหมู
 +
ยิ่งร้อนใจในคอให้หมอดู  ว่าขัดคู่หนักหนายิ่งอาดูร ฯ
 +
=== เดือนเก้า ===
 +
๏ ถึงเดือนเก้าเศร้าสร้อยละห้อยหา  พระจันทราวันดับก็อับสูญ
 +
แต่โศกเศร้าเราเสริมขึ้นเพิ่มพูน  ไม่อับสูญไปบ้างเหมือนอย่างเดือน
 +
ไม่ได้ชมโฉมศรีไม่มีสุข  จะเปรียบทุกข์กับอะไรก็ไม่เหมือน
 +
ถึงจะมีข้าวของสักห้องเรือน  ไม่ชื่นเหมือนมีรักสักราตรี
 +
ถ้ามีคู่สู่สมภิรมย์รื่น  ทุกวันคืนปรีดิ์เปรมเกษมศรี
 +
ถ้าไม่ได้เหมือนหมายตายเสียดี  ไปเกิดมีชาติหน้าคอยท่าน้อง
 +
โอ้ว่ากรรมจำเพาะพระเคราะห์รุด  ไม่ได้นุชเดือนเก้ายิ่งเศร้าหมอง
 +
เห็นเมฆมืดเวหาฟ้าคะนอง  พยับฟองฝนสาดอยู่ปราดปราย
 +
พายุเยือกโยกมาฟ้าก็แลบ  ดูวาบแวบแวววับแล้วดับหาย
 +
เหมือนเห็นขวัญเนตรขวับแล้วลับกาย  ราวกับสายฟ้าแลบแปลบโพยม
 +
พิรุณโรยโปรยมาเวลาดึก  คะนึงนึกถึงนางสำอางโฉม
 +
ถ้าเหาะได้จะไปพาเอามาโลม  ประคองโฉมชมเล่นไม่เว้นวาง
 +
นี่จนจิตฤทธีหามีไม่  ยิ่งคิดไปสารพัดจะขัดขวาง
 +
ระทวยทอดกอดหมอนลงนอนคราง  กลัวจะค้างมรสุมกลุ้มหัวใจ
 +
ยิ่งคิดคิดจิตลอยละห้อยหา  ชลนาเอิบอาบพิลาปไหล
 +
กลางคืนหนาวกลางวันร้อนอ่อนฤทัย  เมื่อครั้งไรจะพ้นข้อทรมาน ฯ
 +
=== เดือนสิบ ===
 +
๏ ถึงเดือนสิบเห็นกันเมื่อวันสารท  ใส่อังคาสโภชนากระยาหาร
 +
กระยาสารทกล้วยไข่ใส่โตกพาน  พวกชาวบ้านถ้วนหน้าสาธารณะ
 +
เจ้างามคมห่มสีชุลีนบ  แล้วจับจบทัพพีน้อมศรีษะ
 +
หยิบข้าวของกระยาสารทใส่บาตรพระ  ธารณะเสร็จสรรพกลับมาเรือน
 +
พอลับเนตรเชษฐาอุราร้อน  แสนอาวรณ์โหยไห้ใครจะเหมือน
 +
ไม่รู้ที่จะวานใครไปตักเตือน  ให้มาเยือนเยี่ยมพี่ถึงที่นอน
 +
ถ้าเข้าชิดอิดออดจะกอดรัด  สอดสัมผัสเคล้นทรวงดวงสมร
 +
แม้นข่วนหยิกพลิกหันจะกันกร  ทำแง่งอนพี่จะง้อให้ท้อใจ
 +
จะเป่าด้วยคาถามหาเสน่ห์  อิทธิเจทำผงให้หลงใหล
 +
โอ้ยามนี้โฉมตรูก็อยู่ไกล  ทำไฉนจะได้มิตรมาชิดเชย
 +
ขอเชิญเทพทุกสถานพิมานสถิต  ช่วยเตือนมิตรให้มาเยือนอย่าเชือนเฉย
 +
อย่าให้เรียมคอยท่าอยู่ช้าเลย  ไม่ได้เชยนุชอนงค์ฉันคงตาย
 +
อันหญิงอื่นดื่นไปในไตรจักร  ไม่นึกรักเหมือนนุชที่สุดหมาย
 +
ขอให้ได้แนบน้องประคองกาย  อย่าคลาดคลายตราบเท่าเข้านิพพาน
 +
ยิ่งรำพันหวั่นไหวให้สะอื้น  ถ้างามชื่นเห็นคงจะสงสาร
 +
แม้นแลกเปลี่ยนน้ำใจอาลัยลาญ  คงรำคาญเหมือนเรียมที่เตรียมตรอม
 +
ถ้ายอดรักรักรวบประจวบจิต  คงได้ชิดเชยแนบแอบถนอม
 +
จะประโลมโฉมเฉลิมเป็นเจิมจอม  ให้เพริศพร้อมพริ้งพรายสบายบาน
 +
จะตั้งตึกปึกแผ่นให้แน่นหนา  มีเงินตรากินกลุ่มเป็นภูมิฐาน
 +
ช่วยข้าคนบ่าวไพร่ไว้ใช้การ  ให้เยาวมาลย์ชื่นชมภิรมย์ใจ
 +
ที่นอนตรึกนึกนิยมสมบัติบ้า  ก็เพราะว่าความรักมักหลงใหล
 +
สิ้นเดือนสิบลิบลับนับแต่ไกล  ยังไม่ได้กัลยาน้ำตาริน ฯ
 +
=== เดือนสิบเอ็ด ===
 +
๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระพรรษา  ชาวพาราเซ็งแซ่แห่กฐิน
 +
ลงเรือเพียบพายยกเหมือนนกบิน  กระแสสินธุ์สาดปรายกระจายฟอง
 +
สนุกสนานขานยาวสาวสนั่น  บ้างแข่งกันต่อสู้เป็นคู่สอง
 +
แพ้ชนะปะตาพูดจาลอง  ตามทำนองเล่นกฐินสิ้นทุกปี
 +
ไปช่วยแห่เห็นกันกระสันสวาท  นุชนาฏพายเรือใส่เสื้อสี
 +
จนเปียกชุ่มตุ่มตั้งอลั่งดี  เส้นเกศีโศกสร้อยก็พลอยยับ
 +
เหมือนตกแสกแบกโศกไว้สักพ้อม  ดูมัวมอมหน้าตาเมื่อขากลับ
 +
ถึงบ้านบอบหอบอ่อนลงนอนพับ  ตานั้นหลับใจตรึกนึกถึงพาย
 +
บ้างว่ากันวันนี้พี่คนนั้น  ช่างดูฉันนี่กระไรน่าใจหาย
 +
บ้างแกล้งพูดดังดังว่าชังชาย  เบื่อจะตายไปกฐินเขานินทา
 +
ได้ยินพูดเช่นนี้ก็มีมาก  พูดแต่ปากใจรนเที่ยวซนหา
 +
การโลกีย์มีทั่วทั้งโลกา  ใครบ่นบ้าว่าเบื่อไม่เชื่อเลย
 +
ถึงตัวเรานี้เล่าก็เร่าร้อน  แสนอาวรณ์วิญญาณ์นิจจาเอ๋ย
 +
ไม่ว่าเล่นเป็นบ้าหลังด้วยหวังเชย  ยิ่งเคยเคยแล้วยิ่งคิดเป็นนิจกาล
 +
ทุกค่ำรุ่งมุ่งมาดปรารถนา  จะพรรณนาสุดคิดให้วิตถาร
 +
ในเล่ห์กลโลกาห้าประการ  ฉันรำคาญสุดที่จะชี้แจง ฯ
 +
=== เดือนสิบสอง ===
 +
๏ เดือนสิบสองล่องลอยกระทงหลวง  ชนทั้งปวงลอยตามอร่ามแสง
 +
ดอกไม้ไฟโชติช่วงเป็นดวงแดง  ทั้งพลุแรงตึงตังดังสะท้าน
 +
เสียงนกบินพราดพรวดกรวดไอ้ตื้อ  เสียงหวอหวือเฮฮาอยู่ฉ่าฉาน
 +
ล้วนผู้คนล้นหลามตามสะพาน  อลหม่านนาวาในสาคร
 +
บ้างก็แห่ผ้าป่าพฤกษาปัก  มีเรือชักเซ็งแซ่แลสลอน
 +
ขับประโคมดนตรีมีละคร  อรชรรำร่าอยู่หน้าเรือ
 +
บ้างก็ร้องสักวาใส่หน้าทับ  ลูกคู่รับพร้อมเพราะเสนาะเหลือ
 +
ฟังสำเนียงเสียงสตรีไม่มีเครือ  เป็นใยเยื่อจับในน้ำใจชาย
 +
ฟังสำเนียงเสียงนางที่กลางน้ำ  แล้วหวนรำลึกนุชที่สุดหมาย
 +
กลับมานอนอ่อนทอดระทวยกาย  เฝ้าฟูมฟายชลนาทุกราตรี
 +
นอนไม่หลับกลับลุกเปิดหน้าต่าง  จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าในราศี
 +
เห็นดวงเดือนเหมือนพักตร์ภคินี  ยุพินพี่อยู่ไกลนัยนา
 +
พี่นั่งคอยนอนคอยละห้อยหวน  แสนรัญจวนมิได้สิ้นถวิลหา
 +
เห็นราหูจู่จับพระจันทรา  ชาวพาราอื้ออึงคะนึงดัง
 +
พิลึกลั่นครั่นครึกเสียงกึกก้อง  ระฆังฆ้องกลองแซ่ทั้งแตรสังข์
 +
ประดังเสียงเพียงพื้นพิภพพัง  มีทุกครั้งดังทุกคราวฉาวทุกที
 +
โอ้ว่าดวงจันทร์เจ้าดูเศร้าหมอง  ไม่ผุดผ่องเผือดอับพยับสี
 +
อยู่ในปากราหูอสุรี  มีนาทีปล่อยปละสละกัน
 +
แต่ตัวพี่มิได้มีนาทีชื่น  ทุกวันคืนเฝ้าวิโยคด้วยโศกศัลย์
 +
ครวญคะนึงถึงมิตรที่ติดพัน  พี่ชมจันทร์ต่างเจ้าเยาวมาลย์
 +
เมื่อวันมีเทศนามหาชาติ  ได้เห็นนาฏนุชอนงค์ยอดสงสาร
 +
สัปปุรุษคับคั่งฟังกุมาร  ชัชวาลแจ่มแจ้งด้วยแสงเทียน
 +
พี่ฟังธรรมเทศน์จบไม่พบน้อง  เที่ยวเมียงมองเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
 +
ไม่พบพักตร์เยาวมาลย์ในการเปรียญ  ก็วนเวียนมาบ้านรำคาญใจฯ
 +
=== เดือนอ้าย ===
 +
๏ ถึงฤดูเดือนอ้ายไม่ได้สมร  ยิ่งหนาวนอนทอดประทับไม่หลับไหล
 +
ถึงกอดหมอนนอนนิ่งแล้วผิงไฟ  ไม่อุ่นใจเหมือนกอดแม่ยอดรัก
 +
พี่เป็นทุกข์ทุกเดือนเหมือนจะม้วย  ใครจะช่วยทุกข์ได้ไม่ประจักษ์
 +
ให้คับแค้นวิญญาณ์หนักหนานัก  จนสุดรักสุดฤทธิ์จะคิดการ
 +
ให้สุดแค้นแสนวิตกในอกพี่  เหมือนพระสี่เสาร์กษัตริย์พลัดสถาน
 +
พระเสาร์ทับชันษาอยู่ช้านาน  พระภูบาลเป็นบ้าเข้าป่าไป
 +
ถึงกระนั้นพระองค์ก็คงหาย  กลับสบายคืนมาพาราได้
 +
แต่ทุกข์พี่นี้ยิ่งกว่านั้นไป  ทำกระไรจะได้ชื่นทุกคืนวัน
 +
เป็นเคราะห์กรรมซ้ำแซกเข้าแรกรุ่น  มาหมกมุ่นด้วยผู้หญิงจริงจริงฉัน
 +
แม่โลกีย์เจ้ากรรมแกทำครัน  จะบากบั่นก็ไม่ขาดประหลาดใจ
 +
ยิ่งเห็นหน้ามิ่งมิตรให้คิดรัก  อกจะหักเสียแล้วกรรมทำไฉน
 +
ชะรอยเป็นคู่สร้างหรืออย่างไร  จึงอาลัยถึงนางงามสามฤดู
 +
ยกเอาเรื่องในใจใส่สมุด  ถ้านงนุชทราบเรื่องคงเคืองหู
 +
อันความรักมักคลั่งตั้งกระทู้  มีทุกผู้ทุกคนไม่พ้นเลย ฯ
 +
=== เดือนยี่ ===
 +
๏ ครั้นล่วงเข้าเดือนยี่ทวีหนาว  นางสาวสาวอาบน้ำทำหน้าเฉย
 +
อุตส่าห์แต่งบำรุงกายให้ชายเชย  ไม่ขาดเลยแป้งขมิ้นดินสอพอง
 +
ไม่ใคร่ผิงอัคคีกลัวศรีเสีย  อะลิ้มอะเหลี่ยเหลือดีไม่มีหมอง
 +
ดัดปีกเปิดเลิศล้วนนวลละออง  อนงค์น้องน่ารักลักขณา
 +
บ้างก็กางคันฉ่องส่องกระจก  เห็นผมดกคิ้วดำขำหนักหนา
 +
อุตส่าห์ถอนอุตส่าห์ตัดหัดเล่นตา  เป็นวิชาชวนชายให้ตายใจ
 +
บ้างหัดยิ้มพริ้มพรายขยายแก้ม  เอาหมึกแต้มให้ดำทำเป็นไฝ
 +
ล้วนแต่งตัวทั่วกันทุกวันไป  นี่หรือใครจะไม่รักภัคินี
 +
ทั้งขาวขำสำอางเหมือนอย่างปั้น  ย่อมหวานมันเหมือนกันหมดรสอิตถี
 +
ผูกสายสร้อยข้อมือลือว่ามี  ทุกวันนี้นับถือข้อมือทอง
 +
บ้างก็ไปวัดวาหาหลวงพี่  ขึ้นกุฎีน้อมกายถวายของ
 +
ใครไม่รู้ดูทีเหมือนพี่น้อง  เขาแอบมองลอบดูรู้อุบาย
 +
ธรรมดาว่ารักเขามักรู้  เพราะตาหูบอกเหตุสังเกตง่าย
 +
จะเจรจาพาทีมีแยบคาย  ใครอย่าหมายว่าจะปิดไม่มิดเลย
 +
เช่นทำนองของฉันทุกวันเล่า  เขารู้เท่าทั้งนั้นฉันก็เฉย
 +
โอ้โอ๋อกของชายที่หมายเชย  ยังไม่เคยแล้วยิ่งคิดจิตระบม
 +
สิบเดือนถ้วนครวญหามารศรี  มิได้มีความสบายเท่าปลายผม
 +
เฝ้าคิดถึงสาลิกาป่าชะอม  น้ำค้างพรมพรั่งพราวหนาวหัวใจ
 +
ไม่เห็นมาเยี่ยมเยือนจนเดือนยี่  เจ้าปักษีโบยบินไปถิ่นไหน
 +
สุริยาอัสดงคต์ลงไรไร  โอ้อาลัยสาลิกาน้ำตานอง
 +
โฉมยุพินกินรีเจ้าพี่เอ๋ย  เมื่อไรเลยจะได้ชมประสมสอง
 +
ดูผิวเหลืองเรือดีเป็นสีทอง  ได้ประคองแล้วจะชื่นทุกคืนวัน
 +
ดอกโกมุทบุษบามณฑาทิพย์  วิไลลิบลอยล่องของสวรรค์
 +
ถ้าหล่นลงตรงพี่จะดีครัน  คงลือลั่นโลกาสุธาสะเทือน
 +
แม่ดวงแก้วนพเก้าเสาวภาคย์  พี่ฝังฝากรักใคร่ใครจะเหมือน
 +
ให้หมกมุ่นวุ่นวายมาหลายเดือน  สติเฟือนคลั่งไคล้ในใจตรมฯ
 +
=== เดือนสาม ===
 +
๏ ถึงเดือนสามความโศกไม่เลื่อมสูญ  จันทร์จำรูญแสงงามยามปฐม
 +
ดารารายพรายพร่างน้ำค้างพรม  พี่นั่งชมจันทร์เพ็งเปล่งโพยม
 +
ดูแวววับเวหาล้วนดาเรศ  เหมือนดวงเนตรนุชนางสำอางโฉม
 +
ดูกระพริบริบแดงดังแสงโคม  ลอยโพยมล้อมจันทร์พรรณราย
 +
พี่นั่งชมตรมตรึกดึกสงัด  น้ำค้างหยัดเยือกเย็นกระเซ็นสาย
 +
บุปผาเผยกลีบก้านบานกระจาย  ต้องพระพายหอมกระถินดังกลิ่นนาง
 +
พี่เคลิ้มคลั่งนั่งอยู่ดูมะลิ  ลืมสติหลงพลอดกอดกระถาง
 +
ฟังเป็นเสียงสายสมรวอนให้วาง  จึงปลอบนางทางว่าด้วยอาลัย
 +
พี่นั่งคอยนอนคอยน้อยไปหรือ  ขอถูกมือยอดรักอย่าผลักไส
 +
พอรู้สึกนึกเขินเดินออกไป  ถ้าแม้นใครเห็นฉันแล้วขันจริง
 +
ราวกับถูกยาแฝดสักแปดโถ  จะซูบโซเสียศรีดังผีสิง
 +
พระอภัยหลงรูปวาดหวาดประวิง  เรากลับยิ่งกว่าพระอภัยไป
 +
ถ้ามิได้นวลหงส์ฉันคงม้วย  ใครจะช่วยดับเข็ญเห็นไม่ไหว
 +
หรือจะเหมือนมดแดงน่าแคลงใจ  ให้สงสัยวิญญาณ์เป็นอาจิณ
 +
ดูตำราว่าพฤหัสเป็นปัตนิ  ตามลัทธิว่าคู่อยู่ทักษิณ
 +
ช่างพูดจาตาดำดังน้ำนิล  ก็สมสิ้นเหมือนตำราสารพัน
 +
เออก็ขัดด้วยอะไรไฉนหนอ  แต่รีรอรักนุชสุดกระสัน
 +
เห็นที่อื่นดื่นดาดไม่ขาดวัน  จะรักกันก็ประเดี๋ยวเมื่อเกี้ยวพาน
 +
เหมือนแสบท้องต้องขืนกลืนข้าวตาก  ระคายปากไม่ละมุนเหมือนวุ้นหวาน
 +
เหมือนอดข้าวกินมันยากกันดาร  กว่าจะพานพบของที่ต้องใจ
 +
กระแจะจันทน์คันธาบุปผาสด  ไม่เหมือนรสมิ่งมิตรพิสมัย
 +
ประเวณีมีจบภพไตร  ไม่ว่าใครทุกตัวทั่วโลกา ฯ
 +
=== เดือนสี่ และบทส่งท้าย ===
 +
๏ ถึงเดือนสี่ปีสุดจะตรุษใหม่  ยังไม่ได้นุชนาฏที่ปรารถนา
 +
ฟังเสียงปืนยืนยัดอัฏฏะนา  รอบมหานัคเรศนิเวศน์วัง
 +
ถ้าความทุกข์เราดังเหมือนยังปืน  พิภพพื้นก็จะไหวเหมือนใจหวัง
 +
นวลหงส์คงจะรู้ถึงหูดัง  จะนอนฟังทุกข์พี่ไม่มีเว้น
 +
ทุกวันคืนเดือนปีไม่มีหยุด  พี่แสนสุดทุกข์ใจใครจะเห็น
 +
ในทรวงซ้ำเหมือนเขาเชือดเลือดกระเด็น  ใครจะเห็นเช่นข้าทั้งธานี
 +
ความรักนุชสุดหลงพะวงจิต  จนลืมคิดญาติกาน่าบัดสี
 +
ลืมบิดรมารดาทั้งตาปี  เหมือนไม่มีกตัญญูดูเถิดเรา
 +
พอใจรักแม่เลี้ยงว่าเสียงเพราะ  เฝ้าฉอเลาะก็ไม่ได้อะไรเขา
 +
รักคนอื่นลืมตัวจนมัวเมา  อุตส่าห์เฝ้าไม่ไปข้างไหนเลย
 +
จะได้หรือมิได้ให้รู้แน่  เห็นจะแก่เสียเปล่าแล้วเราเอ๋ย
 +
สงสารใจใจคิดจะชิดเชย  สงสารตัวตัวเอ๋ยจะเอกา
 +
สงสารมือมือหมายจะก่ายกอด  สงสารปากปากพลอดให้หนักหนา
 +
สงสารอกอกโอ้อนิจจา  ใครจะมาแอบอกให้อุ่นใจ
 +
สงสารหลังหลังหมายจะให้จุด  สงสารสุดเวทนาน้ำตาไหล
 +
สงสารตาตาพี่แต่นี้ไป  จะดูใครต่างเจ้าจะเปล่าตา
 +
โอ้อกเรามีกรรมทำไฉน  จึงจะได้แนบชิดขนิษฐา
 +
ได้แต่ชื่อไว้ชมตรมอุรา  ถึงได้ผ้าไว้ห่มก็ตรมใจ
 +
ถึงได้แหวนไว้ชมก็ตรมจิต  ไม่เหมือนได้มิ่งมิตรพิสมัย
 +
ได้ของอื่นหมื่นแสนในแดนไตร  ไม่เหมือนได้นิ่มน้องประคองนอน
 +
จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก  ไม่เท่าโศกใจเหมือนหนักรักสมร
 +
จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน  ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน
 +
จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หาย  ถ้าเจ็บกายแล้วชีวาจะอาสัญ
 +
แต่เจ็บแค้นนี่แลแสนจะเจ็บครัน  สุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์
 +
จะว่าขมขมอะไรในพิภพ  ไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม
 +
ถึงดาบคมก็ไม่สู้คารมคม  จะว่าลมลมปากนี้มากแรง
 +
จะว่าเมาเมาอะไรก็ไม่หนัก  อันเมารักเช่นนี้มีทุกแห่ง
 +
เกิดยุ่งยิ่งชิงกันถึงฟันแทง  ใครพลาดแพลงล้มตายวายชีวา
 +
บ้างชกต่อยกันบอบลอบตีหัว  เขาจับตัวใส่คุกทุกข์หนักหนา
 +
อันโกรธขึ้งหึงกันทุกวันมา  เพราะตัณหาตัวเดียวมันเรี่ยวแรง
 +
จนพระเณรเถรตู้อยู่ไม่ได้  สึกออกไปซัดเพลาะเที่ยวเสาะแสวง
 +
บ้างร้อนตัวกลัวจะอดเหมือนมดแดง  นอนตะแคงคว่ำหงายวุ่นวายใจ
 +
บ้างก็แต่งเพลงยาวไปน้าวโน้ม  ว่ารักโฉมมิ่งมิตรพิสมัย
 +
พอลงเอยให้แม่สื่อถือเอาไป  แต่ละใบราคาถึงตำลึงทอง
 +
บ้างถูกแม่สื่อหลอกปอกเอาหมด  เจ็บอกอดอับอายเสียดายของ
 +
ถ้าแม่สื่อซื่อตรงคงได้ครอง  เป็นหอห้องเรือนเรือตามเชื้อวงศ์
 +
บ้างรักเขาข้างเดียวลงเคี่ยวเข็ญ  บ้างก็เป็นสังฆการีสึกชีสงฆ์
 +
วิสัยพระทุกวัดขัดทุกองค์  ถ้าลาภตรงมาหาเปลื้องผ้าไตร
 +
บ้างก็ถูกลมหลอกออกมาเก้อ  ชักสะพานแหงนเถ่อน้ำตาไหล
 +
ไม่ได้เมียเสียของร้องเอาใคร  กลับบวชใหม่สวดมนต์ไปจนตาย
 +
เขาว่าพระคราวนั้นก็ขันอยู่  บวชเณรรู้ไว้เป็นศิษย์ดังจิตหมาย
 +
ท่านจับสึกสักหน้าพากันอาย  พวกหญิงชายลือดังทั้งพิภพ
 +
เพราะโลกีย์ฟั่นเผือเหลือสละ  แต่เป็นพระแล้วยังคิดผิดขนบ
 +
นี่หรือคฤหัสถ์จะไม่โลภละโมบมบ  ให้ปรารถเรื่องผู้หญิงประวิงวน
 +
จะพรรณนาว่าไปไหนจะหมด  เหลือกำหนดนับไม่เสร็จเหมือนเม็ดฝน
 +
มิใช่ฉันหยาบช้าแกล้งว่าคน  อย่าร้อนรนร้าวรานรำคาญเคือง
 +
ฉันคนชั่วตัวโศกเป็นโรครัก  อกจะหักเสียด้วยตรอมจนผอมเหลือง
 +
สวาทหวังตั้งจิตเป็นนิตย์เนือง  จึงแต่งเรื่องรักไว้ให้คนฟัง
 +
ไว้อ่านเล่นเป็นที่ประกันทุกข์  ให้ผาสุกตามประสาที่บ้าหลัง
 +
ท่านทั้งหลายชายหญิงอย่าชิงชัง  ฉันต่อตั้งแต่งความตามทำนอง
 +
อันเรื่องราวตัณหานี้สาหัส  ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง
 +
อุตส่าห์หัดวิชาหาเงินทอง  ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน
 +
ถึงยากจนซนหาประสายาก  ที่มีมากตั้งกองครองสงวน
 +
บ้างก็ชอบชาววังรังกระบวน  เนื้อก็นวลเสียงก็หวานขานก็เพราะ
 +
ที่เต็มอัดกลัดมันกลั้นไม่หยุด  ก็รีบรุดเร็วรัดไปวัดเกาะ
 +
เป็นเงินแดงแย่งยุดฉุดเอาเพลาะ  เถียงทะเลาะวุ่นวายไม่อายกัน
 +
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมแกทำเข็ญ  เผอิญเป็นทั่วโลกให้โศกศัลย์
 +
ถึงเทวบุตรภุชงค์พงศ์สุบรรณ  ก็เหมือนกันกับเราที่เศร้าใจ
 +
ถ้ารักกันลั่นเปรี้ยงดังเสียงฟ้า  หูจะชาเสียด้วยดังฟังไม่ไหว
 +
แต่เงียบเงียบสิยังอึงคะนึงไป  ราวกับไฟไหม้ฟางสว่างโพลง
 +
ถ้าคนอื่นตรึกตรองก็ต้องที่  แต่เรานี้วุ่นวายแทบตายโหง
 +
ก็มิได้สายสมรนอนคลุมโปง  ยังดังโด่งพลอยเขาน่าเศร้าใจ
 +
แต่นั่งตรึกนอนตรึกนึกถึงน้อง  แม้นจะรองชลนาสักห้าไห
 +
ถ้าใครแย่งแกล้งพาขวัญตาไป  คงจะใส่เสียให้ยับไม่นับชิ้น
 +
จะถากเชือดเลือดเนื้อเอาเกลือประ  สับศรีษะเสียให้สมอารมณ์ถวิล
 +
จะทิ้งให้กาแร้งมันแย่งกิน  จึงจะสิ้นความแค้นแน่นอุรา
 +
เอ๊ะอะไรใจจิตคิดฉะนี้  ไม่ควรที่โกรธขึ้งด้วยหึงสา
 +
จะเป็นเวรเปล่าเปล่าไม่เข้ายา  จิตหนาอย่าอำมะหิตให้ผิดคน
 +
เมื่อรักเขาเล่าก็รักอยู่นิ่งนิ่ง  ถึงใครชิงนางงามตามกุศล
 +
ถ้าคู่แท้แลจะไปข้างไหนพ้น  อย่าร้อนรนไปนักจงหักใจ
 +
ครั้นคิดให้หายหึงไม่ขึ้งโกรธ  ค่อยปราโมทย์ยิ้มย่องสนองไข
 +
ที่จริงจิตฉันไม่กล้าจะฆ่าใคร  ตั้งหม้อใหญ่ไว้กระนั้นดีฉันเอง
 +
แต่ความรักรักจริงไม่ทิ้งรัก  ยังไม่หักได้ก่อนลงนอนเขลง
 +
น่าหัวร่อหนอเราไม่เข้าเพลง  พูดเอาเองเออเองออกวุ่นวาย
 +
ด้วยความรักหนักแน่นแสนจะคลั่ง  เหลือกำลังที่จะหักให้รักหาย
 +
ถ้าสมรักนั่นแลฉันพลันสบาย  ไม่เหมือนหมายแล้วเห็นไม่เป็นคน
 +
ทำกระไรโฉมเฉลาจะเข้าใกล้  ฉันจะได้ฝากรักเสียสักหน
 +
ขอเป็นข้านางงามไปตามจน  จะสู้ทนทุบถองให้น้องใช้
 +
ยิ่งรำพันปั่นป่วนรัญจวนจิต  ถ้าแม้นผิดที่นี้แล้วที่ไหน
 +
เหมือนหมายไม้กลางป่าพนาลัย  สุดจะหมายที่จะมุ่งผดุงปอง
 +
จะเอาจริงอย่างไรไม่ได้แน่  ให้มีแต่ทรัพย์นึกไม่ตรึกถอง
 +
ถ้านึกได้เหมือนนึกที่ตรึกตรอง  จะนอนร้องละครเล่นให้เย็นใจ
 +
นึกนึกแล้วก็เปล่าเรายิ่งวุ่น  เจ้าประคุณน้ำตาพากันไหล
 +
ท่านเจ้าจอมหม่อมจิตนี้คิดไป  แสนอาลัยเพียงกายจะวายชนม์
 +
เต็มกระเดือกเสือกกระแด่วอยู่แล้วหนอ  จะสู่ขอสารพัดจะขัดสน
 +
จะกระโจมโถมเอาเราก็จน  ครั้นจะทนอยู่เล่าเราก็ทุกข์
 +
ไม่ได้ตามความรักเลยสักท่า  ทุกทิวาราตรีไม่มีสุข
 +
เฝ้ารบรบเร้าเร้าจนเขาลุก  โอ้แม่ตุ๊กตางาไม่ปรานี
 +
จำจะแต่งเพลงยาวไปน้าวโน้ม  ว่ารักโฉมนพคุณจำรูญศรี
 +
งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์  ตั้งแต่พี่ได้เห็นไม่เว้นคะนึง ฯ
 +
 +
๏ จึงสอดส่งศุภอรรถมาบัดนี้  ว่าสุดที่เจรจามาไม่ถึง
 +
แสนอาวรณ์ร้อนจิตดังกฤชตรึง  ประดุจหนึ่งชีวันจะบรรลัย
 +
ไม่มีสุขทุกข์เท่าคีรีศรี  เพราะไม่มีฝั่งฝาที่อาศัย
 +
ให้เปลี่ยวเปล่าเช้าเย็นไม่เห็นใคร  ที่จะได้ชมชื่นทุกคืนวัน
 +
เห็นแต่น้องต้องใจพี่หมายพึ่ง  อย่าสูญซึ่งไมตรีของดีฉัน
 +
อันตัวเรียมเหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์  ถึงกระนั้นสุดแท้แต่ปรานี
 +
เอ็นดูด้วยช่วยดับระงับทุกข์  ให้เป็นสุขปรีดิ์เปรมเกษมศรี
 +
อันความรักหนักแน่นแสนทวี  ไม่รู้ที่เปรียบปานสถานใด
 +
ทรามประโลมโฉมงามอย่าคร้ามจิต  จงร่วมคิดร่วมรักอย่าผลักไส
 +
ถึงสุดสิ้นดินฟ้าอย่าสูญใจ  อย่าตัดไมตรีเรียมให้เตรียมตรอม
 +
ถ้าได้ชมนิ่มน้องประคองขวัญ  เหมือนได้นางในสวรรค์มาแนบถนอม
 +
มิให้ริ้นเลือดไรมาไต่ตอม  พี่จะกล่อมให้นอนกับหมอนอิง
 +
ทุกวันคืนตื่นหลับจะรับขวัญ  ไม่ผายผันห่างห้องแม่น้องหญิง
 +
จะม้วยด้วยเยาวยอดไม่ทอดทิ้ง  เป็นความจริงแก้วตาอย่าตัดรอน
 +
ขอให้พี่ได้สมอารมณ์รัก  พิศพักตร์ภิญโญสโมสร
 +
จงเล็งเห็นพี่ยาที่อาวรณ์  อย่าควรข้อนคิดแหนงแคลงอารมณ์
 +
เป็นบุญนำจำเพาะเสาะมาพบ  ก็ควรคบเคียงชิดสนิทสนม
 +
อย่าเบือนบิดคิดหนีให้พี่ตรม  แม่ทรามชมจงมาเมตตาเอยฯ
 +
 +
๏ ครั้นแต่งสารเสร็จส่งถึงนงสักษณ์  แม่ยอดรักรู้แจ้งก็แกล้งเฉย
 +
ยิ่งเศร้าสร้อยน้อยใจกระไรเลย  ไม่ได้เชยน้องแก้วแล้วกระมัง
 +
ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายรัก  รำพันนักก็จะว่าเป็นบ้าหลัง
 +
ที่ท่านชอบน้ำใจจะใคร่ฟัง  ที่ท่านชังท่าจะด่าเป็นบ้ากาม
 +
ใครอยู่ดูเยี่ยงข้าหนาพ่อแม่  ลำบากแท้ยิ่งกว่าหลงเข้าดงหนาม
 +
ถ้าใครรักประโลมลูบแต่รูปงาม  บังเกิดความทุกข์นานรำคาญใจ
 +
ถ้ารักเขาเขาชังไม่หวังรัก  ก็ทุกข์นักทุกข์หนาเลือดตาไหล
 +
ถ้าถ้อยทีถ้อยรักก็คงไว  คงจะได้เชยชิดสนิทกัน
 +
งามมิงามฉันไม่ว่าถ้าควรคู่  อุตส่าห์โอบอ้อมถนอมขวัญ
 +
เขมรลาวชาวพม่าแลรามัญ  ถ้ารักฉันก็รักไม่พักวอน
 +
ที่กลางแห่งท่านก็ถือทำหื้อหา  ต่างภาษาแล้วไม่ขอสโมสร
 +
บ้างเลือกไปเลือกมาปาเอามอญ  ต้องง้องอนอิงแอบเขาแทบตาย
 +
ที่ไม่เลือกได้ดีก็มีถม  ภิรมย์สมนุชนาฏไม่ขาดสาย
 +
ไม่ขัดสนพ้นที่จะอภิปราย  ท่านทั้งหลายฟังรู้อยู่แก่ใจ
 +
ว่าด้วยเรื่องตัณหาแล้วน่าเกลียด  ฉันขี้เกียจอธิบายน้ำลายไหล
 +
สำหรับโลภโศกศัลย์ทุกวันไป  กว่าจะได้พระนิพพานสำราญครัน
 +
จะเวียนตายเวียนเกิดกำเนิดนับ  สักกี่กัปป์จึ่งจะสิ้นที่โศกศัลย์
 +
กิเลสเล่าเมามัวเข้าพัวพัน  มัดกระสันฝูงสัตว์อยู่รัดรึง
 +
ทำกระไรจะได้รอดตลอดล่วง  ให้พ้นห่วงตัณหาราคาขึง
 +
ฉันก็นึกเหนื่อยหน่ายหายคะนึง  ให้คิดถึงชีวิตอนิจจัง
 +
เดือนก็จบครบปีเดือนสี่สิ้น  ใครอย่าได้นินทาว่าลับหลัง
 +
เอาเรื่องรักชักเหตุเทศน์ให้ฟัง  ก็เอวังหมดทีเท่านี้เอย ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

การปรับปรุง เมื่อ 09:42, 9 กรกฎาคม 2552

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: นายมี

บทประพันธ์

=== เดือนห้า ===
๏ โอ้ฤดูเดือนห้าหน้าคิมหันต์
พวกมนุษย์สุดสุขสนุกครันได้ดูกันพิศวงเมื่อสงกรานต์
ทั้งผู้ดีเข็ญใจใส่อังคาสอภิวาทพุทธรูปในวิหาร
ล้วนแต่งตัวทั่วกันวันสงกรานต์ดูสคราญเพริศพริ้งทั้งหญิงชาย
ที่เฒ่าแก่แม่หม้ายไม่ใคร่เที่ยวสู้อดเปรี้ยวกินหวานลูกหลานหลาย
ที่กำดัดขัดสีสวยทั้งกายเที่ยวถวายน้ำหอมน้อมศรัทธา
บ้างก็มีที่สวาดิ์มาดพระสงฆ์ต่างจำนงนึกกำดัดขัดสิกขา
ได้แต่เพียงพูดกันจำนรรจานานนานมากลับไปแล้วใจตรอม ฯ
๏ ล้วนแต่งตัวเต็มงามทรามสวาดิ์ใส่สีฉาดฟุ้งเฟื่องด้วยเครื่องหอม
สงกรานต์ทีตรุษทีไม่มีมอมประดับพร้อมแหวนเพชรเม็ดมุกดา
มีเท่าไรใส่เท่านั้นฉันผู้หญิงดูเพริดพริ้งเพราเอกเหมือนเมขลา
รามสูรเดินดินสิ้นศักดาเที่ยวไล่คว้าบางทีก็มีเชิง
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วจนมัวมืดใครขี้ตืดถากถางวางกันเหลิง
บ้างฉุดมือยื้อผ้าด่ากันเปิงที่รู้เชิงทำแปดเก้าเป็นเจ้ามือ
เขาตัดไพ่ตายแพ้เหลือแต่ผ้าสิ้นปัญญาบ่นพลางครางหือหือ
นั่งเสียใจเต็มทีต้องหนีมือไม่สัตย์ซื่อทำไพ่ตายเขาเอง
ดูเขาเล่นเป็นฤดูไม่รู้ขาดนุชนาฏพึ่งกระเตาะขึ้นเหมาะเหมง
บ้างก็หลงเลยเล่นเป็นนักเลงฉันนี้เกรงกลัวนักไม่รักเลย
ทั้งหนุ่มสาวฉาวฉานด้วยการเล่นบ้างซุ่มเป็นผัวเมียกันเสียเฉย
แต่ตัวเราเปล่าไปมิได้เชยโอ้อกเอ๋ยคิดไปแล้วใจตรม
ให้เจ็บจุกทุกข์เท่าคีรีศรีด้วยไม่มีคู่ชิดสนิทสนม
ทุกวันนี้ใครมีซึ่งคู่ชมสำราญรมย์เริงจิตเป็นนิจกาล
เมื่อไรเล่าเรานี้จะมีบ้างจะได้ว่างเว้นทุกข์สนุกสนาน
แต่นึกปองตรองหามาช้านานทอดสะพานเข้าที่ไหนไม่ได้เลย ฯ
๏ ร่ำคะนึงถึงนุชสุดวิตกถึงเดือนหกเข้าแล้วหนาเจ้าข้าเอ๋ย
เขาแต่งงานปลูกหอขอกันเชยเราจะเฉยอยู่ก็เห็นไม่เป็นการ
เขาแรกนาแล้วมานักขัตฤกษ์เอิกเกริกโกนจุกทุกสถาน
ที่กำดัดจัดแจงกันแต่งงานมงคลการตามเล่ห์ประเวณี
โอ้โอ๋อกอาตมานี้อาภัพทั้งไร้ทรัพย์สารพัดจะบัดสี
ดูเพื่อนบ้านเขาทั้งหลายสบายดีเขาคิดมีลูกเมียเสียทุกคน
สำราญรมย์ชมน้องในห้องหอเฝ้าเคลียคลอเจรจาว่ากุศล
ที่ยังไม่ส่งตัวนึกกลัวตนก็ต่างคนต่างนึกคะนึงตรอง
โอ้อกเอ๋ยยังไม่เคยจะมีผัวสงสารตัวตั้งแต่นี้มีแต่หมอง
มิได้แต่งแป้งขมิ้นดินสอพองจะมีท้องแท้แล้วไม่แคล้วเลย
เสียดายแก้มผุดผ่องจะต้องจูบจะซีดซูบพักตรานิจจาเอ๋ย
เสียดายนมจะระบมเพราะมือเชยยังไม่เคยมีคู่ดูน่าอาย
ไหนจะปัดฟูกหมอนนอนด้วยผัวไม่เหมือนตัวเปล่าเปลือยเหนื่อยใจหาย
จะไม่มีก็ไม่ได้สบายพวกผู้ชายเจ้าชู้มักดูแคลน
จะพูดเกี้ยวเลี้ยวลดให้อดสูถ้ามีคู่คุ้มตัวเหมือนหัวแหวน
ที่ลางคนบ่นบ้าว่าน่าแค้นพ่อแม่แค่นขืนให้ไม่ชอบใจ ฯ
=== เดือนหก ===
๏ เที่ยวหลบลี้หนีสถานทิ้งบ้านช่องมีพวกพ้องน้าป้าไปอาศัย
บ้างชอบใจรูปงามตามเขาไปไม่อาลัยพ่อแม่ไปแต่ตัว
ที่โกนจุกได้ปีครึ่งพึ่งจะผลิอุตริหนักหนาอยากหาผัว
ที่ลางคนนึกละห้อยน้อยใจตัวว่ารูปชั่วชายชังไม่หวังเชย
ที่ตกพุ่มกลุ้มกลัดขัดในอกถึงมุ่นหมกอยู่ในใจก็ใช้เฉย
แสนสงสารหญิงชายไม่วายเลยโอ้อกเอ๋ยเราก็เป็นเหมือนเช่นกัน
ไม่พ้นตัวชั่วช้าว่าแต่เขาตัวของเราก็เหมือนยักษ์มักกะสัน
เห็นกระเตาะเข้าไม่ได้ใจเป็นควันเหลือจะกลั้นใจคอเที่ยวกรอกราย
ถ้ามีงานใหญ่โตมโหรสพขี้มักพบเห็นมากมีหลากหลาย
เห็นนารีรูปงามตามแทบตายเพราะเมามายเรื่องรักนี้หนักจริง
มีอิเหนาคราวนั้นขันหนักหนาทำทีท่าถูกในน้ำใจหญิง
นอนละเมอเพ้อจิตคิดประวิงฉันหนาวจริงพ่อขุนทองประคองที
อันความรักมักละเมอจนเพ้อพกเหมือนกับอกเรียมแล้วนะแก้วพี่
ให้โหยหวนครวญหาทุกราตรีสักกี่ปีจะได้น้องประคองนอน ฯ
=== เดือนเจ็ด ===
๏ กระทั่งถึงเดือนเจ็ดไม่เสร็จโศกบังเกิดโรคแรงหนักด้วยรักสมร
สลากภัตต์จัดแจงแต่งหาบคอนอย่างแต่ก่อนหาบกระทายมีลายทอง
ใส่คานรูปนาคาวายุภักษ์ครั้นเดินหนักดูเต้นเผ่นผยอง
แสรกน้อยร้อยพวงมาลัยกรองใส่ข้าวของหาบหามตามกันมา
ทุกวันนี้มีแต่จะทำแปลกใส่โต๊ะแบกเดินด่วนมาถ้วนหน้า
สารพันเอมโอชโภชนาตามศรัทธาสัปปุรุษนุชอนงค์
ทั้งผู้ดีเข็ญใจก็ไปมากจับสลากหนังสือชื่อพระสงฆ์
รู้จักนามตามพบประสบองค์ต่างจำนงน้อมถวายรายกันไป
พระลางองค์งงงกตกประหม่าให้ยถาเสียงสั่นอยู่หวั่นไหว
สัปปุรุษตรวจน้ำร่ำในใจที่ผู้ใหญ่หมายประโยชน์โพธิญาณ
ที่หนุ่มหนุ่มสาวสาวคราวกับฉันนึกรำพันในจิตอธิษฐาน
ให้มีเมียรูปงามทรามสะคราญที่เรือนบ้านคับคั่งเขามั่งมี
อนงค์นาฏปรารถนาจะหาผัวไม่เล่นถั่วสูบฝิ่นกินอาหนี
ให้รูปงามทรามชมอุดมดีลางสตรีปรารถนาหาขุนนาง
มีเงินทองบ่าวไพร่เครื่องใช้สอยจะนั่งลอยนวลเป็นนายนุ่งลายอย่าง
ขี่แต่เรือเก๋งพั้งลงนั่งกลางไปตามทางแถวชลมีคนพาย
ที่ติดพันกันอยู่ก็ชูชื่นไม่นึกอื่นนึกจะมีแต่ที่หมาย
ที่มีแล้วฉ่ำเฉื่อยเรื่อยสบายค่อนเว้นวายโศกเศร้าเบาหัวใจ
กระทำมาหากินภิญโญยิ่งมีลูกหญิงลูกชายหมายอาศัย
ที่ไม่มีฝั่งฝาให้อาลัยเหมือนกับใจของฉันที่พรรณนา
คิดถึงนุชสุดรักให้หนักอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
สักเมื่อไรจะได้แนบแอบอุราละห้อยหาโศกศัลย์รำพันพลางฯ
=== เดือนแปด ===
๏ ถึงเดือนแปดแดดอับพยับฝนฤดูดลพระวษาเข้ามาขวาง
จวนจะบวชเป็นพระสละนางอยู่เหินห่างเห็นกันเมื่อวันบุญ
ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถางรูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น
ตุ๊กตาหน้าพราหมณ์งามละมุนต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง
ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้งคู่สลึงเขาขายพวกชายหญิง
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้งมีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ
ขึ้นกุฎีที่รักรู้จักสนิทดัดจริตพูดจาวิสาสะ
พระหนุ่มหนุ่มกลุ้มใจทำไมละเสียงจ๋าจ๊ะเจรจาพาสบาย
ถ้าญาติโยมจริงจริงแล้วนิ่งเฉยมิใคร่เงยดูหน้าปัญญาหาย
ไม่พูดมากพาดพิงให้พริ้งพรายดูเราะรายเรียบร้อยกระช้อยชด
พรรษาหนึ่งสองพรรษาไม่ผาสุกเข้าบ้านขลุกเลยลาสิกขาบท
เหมือนน้ำอ้อยย้อยถูกจมูกมดใครจะอดได้เล่าพวกชาวเรา
นึกคะนึงถึงนางกลางพรรษาแต่คอยหาเช้าเย็นไม่เห็นเขา
เที่ยวฟังเทศน์มิได้ขาดดูลาดเลาเห็นแต่เขาคนอื่นไม่ชื่นตา
นั่งพับเพียบเรียบร้อยน้อยไปหรือประนมมือฟังธรรมเทศนา
ที่ฟังจริงนิ่งตรับจนหลับตาบ้างก้มหน้าฟังไปมิได้เงย
ที่ฟังเล่นเห็นกันเป็นขวัญเนตรไม่ฟังเทศน์เอาบุญแม่คุณเอ๋ย
มานั่งเล่นตากันฉันไม่เคยไม่สิ้นเลยเหล่าตะกลามกามคุณ
ที่ท่านแก่แก่ตัวยังชั่วดอกหมายจะออกห่างเหจากเมถุน
ท่านอยากบวชสวดมนต์ขนเอาบุญที่แรกรุ่นนี่แลร่านรำคาญใจ
ด้วยความรักหนักเหลือเหมือนเรือเพียบจนน้ำเลียบแคมแล้วแจวไม่ไหว
ถ้าผ่อนของขึ้นเสียบ้างยังชั่วใจแจวไปไหนไปได้ไม่หนักแรง
โอ้โอ๋อกชาวเราเหล่าหนุ่มหนุ่มอยากใคร่สุ่มปลาหนองส่องแสวง
ตัวฉันเล่าเฝ้าคลั่งด้วยยังแคลงจะพลิกแพลงไปอย่างไรก็ไม่รู้
โอ้ไฉนจะได้สมอารมณ์รักใครช่วยชักฉันจะไหว้ให้หัวหมู
ยิ่งร้อนใจในคอให้หมอดูว่าขัดคู่หนักหนายิ่งอาดูร ฯ
=== เดือนเก้า ===
๏ ถึงเดือนเก้าเศร้าสร้อยละห้อยหาพระจันทราวันดับก็อับสูญ
แต่โศกเศร้าเราเสริมขึ้นเพิ่มพูนไม่อับสูญไปบ้างเหมือนอย่างเดือน
ไม่ได้ชมโฉมศรีไม่มีสุขจะเปรียบทุกข์กับอะไรก็ไม่เหมือน
ถึงจะมีข้าวของสักห้องเรือนไม่ชื่นเหมือนมีรักสักราตรี
ถ้ามีคู่สู่สมภิรมย์รื่นทุกวันคืนปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ถ้าไม่ได้เหมือนหมายตายเสียดีไปเกิดมีชาติหน้าคอยท่าน้อง
โอ้ว่ากรรมจำเพาะพระเคราะห์รุดไม่ได้นุชเดือนเก้ายิ่งเศร้าหมอง
เห็นเมฆมืดเวหาฟ้าคะนองพยับฟองฝนสาดอยู่ปราดปราย
พายุเยือกโยกมาฟ้าก็แลบดูวาบแวบแวววับแล้วดับหาย
เหมือนเห็นขวัญเนตรขวับแล้วลับกายราวกับสายฟ้าแลบแปลบโพยม
พิรุณโรยโปรยมาเวลาดึกคะนึงนึกถึงนางสำอางโฉม
ถ้าเหาะได้จะไปพาเอามาโลมประคองโฉมชมเล่นไม่เว้นวาง
นี่จนจิตฤทธีหามีไม่ยิ่งคิดไปสารพัดจะขัดขวาง
ระทวยทอดกอดหมอนลงนอนครางกลัวจะค้างมรสุมกลุ้มหัวใจ
ยิ่งคิดคิดจิตลอยละห้อยหาชลนาเอิบอาบพิลาปไหล
กลางคืนหนาวกลางวันร้อนอ่อนฤทัยเมื่อครั้งไรจะพ้นข้อทรมาน ฯ
=== เดือนสิบ ===
๏ ถึงเดือนสิบเห็นกันเมื่อวันสารทใส่อังคาสโภชนากระยาหาร
กระยาสารทกล้วยไข่ใส่โตกพานพวกชาวบ้านถ้วนหน้าสาธารณะ
เจ้างามคมห่มสีชุลีนบแล้วจับจบทัพพีน้อมศรีษะ
หยิบข้าวของกระยาสารทใส่บาตรพระธารณะเสร็จสรรพกลับมาเรือน
พอลับเนตรเชษฐาอุราร้อนแสนอาวรณ์โหยไห้ใครจะเหมือน
ไม่รู้ที่จะวานใครไปตักเตือนให้มาเยือนเยี่ยมพี่ถึงที่นอน
ถ้าเข้าชิดอิดออดจะกอดรัดสอดสัมผัสเคล้นทรวงดวงสมร
แม้นข่วนหยิกพลิกหันจะกันกรทำแง่งอนพี่จะง้อให้ท้อใจ
จะเป่าด้วยคาถามหาเสน่ห์อิทธิเจทำผงให้หลงใหล
โอ้ยามนี้โฉมตรูก็อยู่ไกลทำไฉนจะได้มิตรมาชิดเชย
ขอเชิญเทพทุกสถานพิมานสถิตช่วยเตือนมิตรให้มาเยือนอย่าเชือนเฉย
อย่าให้เรียมคอยท่าอยู่ช้าเลยไม่ได้เชยนุชอนงค์ฉันคงตาย
อันหญิงอื่นดื่นไปในไตรจักรไม่นึกรักเหมือนนุชที่สุดหมาย
ขอให้ได้แนบน้องประคองกายอย่าคลาดคลายตราบเท่าเข้านิพพาน
ยิ่งรำพันหวั่นไหวให้สะอื้นถ้างามชื่นเห็นคงจะสงสาร
แม้นแลกเปลี่ยนน้ำใจอาลัยลาญคงรำคาญเหมือนเรียมที่เตรียมตรอม
ถ้ายอดรักรักรวบประจวบจิตคงได้ชิดเชยแนบแอบถนอม
จะประโลมโฉมเฉลิมเป็นเจิมจอมให้เพริศพร้อมพริ้งพรายสบายบาน
จะตั้งตึกปึกแผ่นให้แน่นหนามีเงินตรากินกลุ่มเป็นภูมิฐาน
ช่วยข้าคนบ่าวไพร่ไว้ใช้การให้เยาวมาลย์ชื่นชมภิรมย์ใจ
ที่นอนตรึกนึกนิยมสมบัติบ้าก็เพราะว่าความรักมักหลงใหล
สิ้นเดือนสิบลิบลับนับแต่ไกลยังไม่ได้กัลยาน้ำตาริน ฯ
=== เดือนสิบเอ็ด ===
๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระพรรษาชาวพาราเซ็งแซ่แห่กฐิน
ลงเรือเพียบพายยกเหมือนนกบินกระแสสินธุ์สาดปรายกระจายฟอง
สนุกสนานขานยาวสาวสนั่นบ้างแข่งกันต่อสู้เป็นคู่สอง
แพ้ชนะปะตาพูดจาลองตามทำนองเล่นกฐินสิ้นทุกปี
ไปช่วยแห่เห็นกันกระสันสวาทนุชนาฏพายเรือใส่เสื้อสี
จนเปียกชุ่มตุ่มตั้งอลั่งดีเส้นเกศีโศกสร้อยก็พลอยยับ
เหมือนตกแสกแบกโศกไว้สักพ้อมดูมัวมอมหน้าตาเมื่อขากลับ
ถึงบ้านบอบหอบอ่อนลงนอนพับตานั้นหลับใจตรึกนึกถึงพาย
บ้างว่ากันวันนี้พี่คนนั้นช่างดูฉันนี่กระไรน่าใจหาย
บ้างแกล้งพูดดังดังว่าชังชายเบื่อจะตายไปกฐินเขานินทา
ได้ยินพูดเช่นนี้ก็มีมากพูดแต่ปากใจรนเที่ยวซนหา
การโลกีย์มีทั่วทั้งโลกาใครบ่นบ้าว่าเบื่อไม่เชื่อเลย
ถึงตัวเรานี้เล่าก็เร่าร้อนแสนอาวรณ์วิญญาณ์นิจจาเอ๋ย
ไม่ว่าเล่นเป็นบ้าหลังด้วยหวังเชยยิ่งเคยเคยแล้วยิ่งคิดเป็นนิจกาล
ทุกค่ำรุ่งมุ่งมาดปรารถนาจะพรรณนาสุดคิดให้วิตถาร
ในเล่ห์กลโลกาห้าประการฉันรำคาญสุดที่จะชี้แจง ฯ
=== เดือนสิบสอง ===
๏ เดือนสิบสองล่องลอยกระทงหลวงชนทั้งปวงลอยตามอร่ามแสง
ดอกไม้ไฟโชติช่วงเป็นดวงแดงทั้งพลุแรงตึงตังดังสะท้าน
เสียงนกบินพราดพรวดกรวดไอ้ตื้อเสียงหวอหวือเฮฮาอยู่ฉ่าฉาน
ล้วนผู้คนล้นหลามตามสะพานอลหม่านนาวาในสาคร
บ้างก็แห่ผ้าป่าพฤกษาปักมีเรือชักเซ็งแซ่แลสลอน
ขับประโคมดนตรีมีละครอรชรรำร่าอยู่หน้าเรือ
บ้างก็ร้องสักวาใส่หน้าทับลูกคู่รับพร้อมเพราะเสนาะเหลือ
ฟังสำเนียงเสียงสตรีไม่มีเครือเป็นใยเยื่อจับในน้ำใจชาย
ฟังสำเนียงเสียงนางที่กลางน้ำแล้วหวนรำลึกนุชที่สุดหมาย
กลับมานอนอ่อนทอดระทวยกายเฝ้าฟูมฟายชลนาทุกราตรี
นอนไม่หลับกลับลุกเปิดหน้าต่างจันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าในราศี
เห็นดวงเดือนเหมือนพักตร์ภคินียุพินพี่อยู่ไกลนัยนา
พี่นั่งคอยนอนคอยละห้อยหวนแสนรัญจวนมิได้สิ้นถวิลหา
เห็นราหูจู่จับพระจันทราชาวพาราอื้ออึงคะนึงดัง
พิลึกลั่นครั่นครึกเสียงกึกก้องระฆังฆ้องกลองแซ่ทั้งแตรสังข์
ประดังเสียงเพียงพื้นพิภพพังมีทุกครั้งดังทุกคราวฉาวทุกที
โอ้ว่าดวงจันทร์เจ้าดูเศร้าหมองไม่ผุดผ่องเผือดอับพยับสี
อยู่ในปากราหูอสุรีมีนาทีปล่อยปละสละกัน
แต่ตัวพี่มิได้มีนาทีชื่นทุกวันคืนเฝ้าวิโยคด้วยโศกศัลย์
ครวญคะนึงถึงมิตรที่ติดพันพี่ชมจันทร์ต่างเจ้าเยาวมาลย์
เมื่อวันมีเทศนามหาชาติได้เห็นนาฏนุชอนงค์ยอดสงสาร
สัปปุรุษคับคั่งฟังกุมารชัชวาลแจ่มแจ้งด้วยแสงเทียน
พี่ฟังธรรมเทศน์จบไม่พบน้องเที่ยวเมียงมองเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
ไม่พบพักตร์เยาวมาลย์ในการเปรียญก็วนเวียนมาบ้านรำคาญใจฯ
=== เดือนอ้าย ===
๏ ถึงฤดูเดือนอ้ายไม่ได้สมรยิ่งหนาวนอนทอดประทับไม่หลับไหล
ถึงกอดหมอนนอนนิ่งแล้วผิงไฟไม่อุ่นใจเหมือนกอดแม่ยอดรัก
พี่เป็นทุกข์ทุกเดือนเหมือนจะม้วยใครจะช่วยทุกข์ได้ไม่ประจักษ์
ให้คับแค้นวิญญาณ์หนักหนานักจนสุดรักสุดฤทธิ์จะคิดการ
ให้สุดแค้นแสนวิตกในอกพี่เหมือนพระสี่เสาร์กษัตริย์พลัดสถาน
พระเสาร์ทับชันษาอยู่ช้านานพระภูบาลเป็นบ้าเข้าป่าไป
ถึงกระนั้นพระองค์ก็คงหายกลับสบายคืนมาพาราได้
แต่ทุกข์พี่นี้ยิ่งกว่านั้นไปทำกระไรจะได้ชื่นทุกคืนวัน
เป็นเคราะห์กรรมซ้ำแซกเข้าแรกรุ่นมาหมกมุ่นด้วยผู้หญิงจริงจริงฉัน
แม่โลกีย์เจ้ากรรมแกทำครันจะบากบั่นก็ไม่ขาดประหลาดใจ
ยิ่งเห็นหน้ามิ่งมิตรให้คิดรักอกจะหักเสียแล้วกรรมทำไฉน
ชะรอยเป็นคู่สร้างหรืออย่างไรจึงอาลัยถึงนางงามสามฤดู
ยกเอาเรื่องในใจใส่สมุดถ้านงนุชทราบเรื่องคงเคืองหู
อันความรักมักคลั่งตั้งกระทู้มีทุกผู้ทุกคนไม่พ้นเลย ฯ
=== เดือนยี่ ===
๏ ครั้นล่วงเข้าเดือนยี่ทวีหนาวนางสาวสาวอาบน้ำทำหน้าเฉย
อุตส่าห์แต่งบำรุงกายให้ชายเชยไม่ขาดเลยแป้งขมิ้นดินสอพอง
ไม่ใคร่ผิงอัคคีกลัวศรีเสียอะลิ้มอะเหลี่ยเหลือดีไม่มีหมอง
ดัดปีกเปิดเลิศล้วนนวลละอองอนงค์น้องน่ารักลักขณา
บ้างก็กางคันฉ่องส่องกระจกเห็นผมดกคิ้วดำขำหนักหนา
อุตส่าห์ถอนอุตส่าห์ตัดหัดเล่นตาเป็นวิชาชวนชายให้ตายใจ
บ้างหัดยิ้มพริ้มพรายขยายแก้มเอาหมึกแต้มให้ดำทำเป็นไฝ
ล้วนแต่งตัวทั่วกันทุกวันไปนี่หรือใครจะไม่รักภัคินี
ทั้งขาวขำสำอางเหมือนอย่างปั้นย่อมหวานมันเหมือนกันหมดรสอิตถี
ผูกสายสร้อยข้อมือลือว่ามีทุกวันนี้นับถือข้อมือทอง
บ้างก็ไปวัดวาหาหลวงพี่ขึ้นกุฎีน้อมกายถวายของ
ใครไม่รู้ดูทีเหมือนพี่น้องเขาแอบมองลอบดูรู้อุบาย
ธรรมดาว่ารักเขามักรู้เพราะตาหูบอกเหตุสังเกตง่าย
จะเจรจาพาทีมีแยบคายใครอย่าหมายว่าจะปิดไม่มิดเลย
เช่นทำนองของฉันทุกวันเล่าเขารู้เท่าทั้งนั้นฉันก็เฉย
โอ้โอ๋อกของชายที่หมายเชยยังไม่เคยแล้วยิ่งคิดจิตระบม
สิบเดือนถ้วนครวญหามารศรีมิได้มีความสบายเท่าปลายผม
เฝ้าคิดถึงสาลิกาป่าชะอมน้ำค้างพรมพรั่งพราวหนาวหัวใจ
ไม่เห็นมาเยี่ยมเยือนจนเดือนยี่เจ้าปักษีโบยบินไปถิ่นไหน
สุริยาอัสดงคต์ลงไรไรโอ้อาลัยสาลิกาน้ำตานอง
โฉมยุพินกินรีเจ้าพี่เอ๋ยเมื่อไรเลยจะได้ชมประสมสอง
ดูผิวเหลืองเรือดีเป็นสีทองได้ประคองแล้วจะชื่นทุกคืนวัน
ดอกโกมุทบุษบามณฑาทิพย์วิไลลิบลอยล่องของสวรรค์
ถ้าหล่นลงตรงพี่จะดีครันคงลือลั่นโลกาสุธาสะเทือน
แม่ดวงแก้วนพเก้าเสาวภาคย์พี่ฝังฝากรักใคร่ใครจะเหมือน
ให้หมกมุ่นวุ่นวายมาหลายเดือนสติเฟือนคลั่งไคล้ในใจตรมฯ
=== เดือนสาม ===
๏ ถึงเดือนสามความโศกไม่เลื่อมสูญจันทร์จำรูญแสงงามยามปฐม
ดารารายพรายพร่างน้ำค้างพรมพี่นั่งชมจันทร์เพ็งเปล่งโพยม
ดูแวววับเวหาล้วนดาเรศเหมือนดวงเนตรนุชนางสำอางโฉม
ดูกระพริบริบแดงดังแสงโคมลอยโพยมล้อมจันทร์พรรณราย
พี่นั่งชมตรมตรึกดึกสงัดน้ำค้างหยัดเยือกเย็นกระเซ็นสาย
บุปผาเผยกลีบก้านบานกระจายต้องพระพายหอมกระถินดังกลิ่นนาง
พี่เคลิ้มคลั่งนั่งอยู่ดูมะลิลืมสติหลงพลอดกอดกระถาง
ฟังเป็นเสียงสายสมรวอนให้วางจึงปลอบนางทางว่าด้วยอาลัย
พี่นั่งคอยนอนคอยน้อยไปหรือขอถูกมือยอดรักอย่าผลักไส
พอรู้สึกนึกเขินเดินออกไปถ้าแม้นใครเห็นฉันแล้วขันจริง
ราวกับถูกยาแฝดสักแปดโถจะซูบโซเสียศรีดังผีสิง
พระอภัยหลงรูปวาดหวาดประวิงเรากลับยิ่งกว่าพระอภัยไป
ถ้ามิได้นวลหงส์ฉันคงม้วยใครจะช่วยดับเข็ญเห็นไม่ไหว
หรือจะเหมือนมดแดงน่าแคลงใจให้สงสัยวิญญาณ์เป็นอาจิณ
ดูตำราว่าพฤหัสเป็นปัตนิตามลัทธิว่าคู่อยู่ทักษิณ
ช่างพูดจาตาดำดังน้ำนิลก็สมสิ้นเหมือนตำราสารพัน
เออก็ขัดด้วยอะไรไฉนหนอแต่รีรอรักนุชสุดกระสัน
เห็นที่อื่นดื่นดาดไม่ขาดวันจะรักกันก็ประเดี๋ยวเมื่อเกี้ยวพาน
เหมือนแสบท้องต้องขืนกลืนข้าวตากระคายปากไม่ละมุนเหมือนวุ้นหวาน
เหมือนอดข้าวกินมันยากกันดารกว่าจะพานพบของที่ต้องใจ
กระแจะจันทน์คันธาบุปผาสดไม่เหมือนรสมิ่งมิตรพิสมัย
ประเวณีมีจบภพไตรไม่ว่าใครทุกตัวทั่วโลกา ฯ
=== เดือนสี่ และบทส่งท้าย ===
๏ ถึงเดือนสี่ปีสุดจะตรุษใหม่ยังไม่ได้นุชนาฏที่ปรารถนา
ฟังเสียงปืนยืนยัดอัฏฏะนารอบมหานัคเรศนิเวศน์วัง
ถ้าความทุกข์เราดังเหมือนยังปืนพิภพพื้นก็จะไหวเหมือนใจหวัง
นวลหงส์คงจะรู้ถึงหูดังจะนอนฟังทุกข์พี่ไม่มีเว้น
ทุกวันคืนเดือนปีไม่มีหยุดพี่แสนสุดทุกข์ใจใครจะเห็น
ในทรวงซ้ำเหมือนเขาเชือดเลือดกระเด็นใครจะเห็นเช่นข้าทั้งธานี
ความรักนุชสุดหลงพะวงจิตจนลืมคิดญาติกาน่าบัดสี
ลืมบิดรมารดาทั้งตาปีเหมือนไม่มีกตัญญูดูเถิดเรา
พอใจรักแม่เลี้ยงว่าเสียงเพราะเฝ้าฉอเลาะก็ไม่ได้อะไรเขา
รักคนอื่นลืมตัวจนมัวเมาอุตส่าห์เฝ้าไม่ไปข้างไหนเลย
จะได้หรือมิได้ให้รู้แน่เห็นจะแก่เสียเปล่าแล้วเราเอ๋ย
สงสารใจใจคิดจะชิดเชยสงสารตัวตัวเอ๋ยจะเอกา
สงสารมือมือหมายจะก่ายกอดสงสารปากปากพลอดให้หนักหนา
สงสารอกอกโอ้อนิจจาใครจะมาแอบอกให้อุ่นใจ
สงสารหลังหลังหมายจะให้จุดสงสารสุดเวทนาน้ำตาไหล
สงสารตาตาพี่แต่นี้ไปจะดูใครต่างเจ้าจะเปล่าตา
โอ้อกเรามีกรรมทำไฉนจึงจะได้แนบชิดขนิษฐา
ได้แต่ชื่อไว้ชมตรมอุราถึงได้ผ้าไว้ห่มก็ตรมใจ
ถึงได้แหวนไว้ชมก็ตรมจิตไม่เหมือนได้มิ่งมิตรพิสมัย
ได้ของอื่นหมื่นแสนในแดนไตรไม่เหมือนได้นิ่มน้องประคองนอน
จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลกไม่เท่าโศกใจเหมือนหนักรักสมร
จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอนถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน
จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หายถ้าเจ็บกายแล้วชีวาจะอาสัญ
แต่เจ็บแค้นนี่แลแสนจะเจ็บครันสุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์
จะว่าขมขมอะไรในพิภพไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม
ถึงดาบคมก็ไม่สู้คารมคมจะว่าลมลมปากนี้มากแรง
จะว่าเมาเมาอะไรก็ไม่หนักอันเมารักเช่นนี้มีทุกแห่ง
เกิดยุ่งยิ่งชิงกันถึงฟันแทงใครพลาดแพลงล้มตายวายชีวา
บ้างชกต่อยกันบอบลอบตีหัวเขาจับตัวใส่คุกทุกข์หนักหนา
อันโกรธขึ้งหึงกันทุกวันมาเพราะตัณหาตัวเดียวมันเรี่ยวแรง
จนพระเณรเถรตู้อยู่ไม่ได้สึกออกไปซัดเพลาะเที่ยวเสาะแสวง
บ้างร้อนตัวกลัวจะอดเหมือนมดแดงนอนตะแคงคว่ำหงายวุ่นวายใจ
บ้างก็แต่งเพลงยาวไปน้าวโน้มว่ารักโฉมมิ่งมิตรพิสมัย
พอลงเอยให้แม่สื่อถือเอาไปแต่ละใบราคาถึงตำลึงทอง
บ้างถูกแม่สื่อหลอกปอกเอาหมดเจ็บอกอดอับอายเสียดายของ
ถ้าแม่สื่อซื่อตรงคงได้ครองเป็นหอห้องเรือนเรือตามเชื้อวงศ์
บ้างรักเขาข้างเดียวลงเคี่ยวเข็ญบ้างก็เป็นสังฆการีสึกชีสงฆ์
วิสัยพระทุกวัดขัดทุกองค์ถ้าลาภตรงมาหาเปลื้องผ้าไตร
บ้างก็ถูกลมหลอกออกมาเก้อชักสะพานแหงนเถ่อน้ำตาไหล
ไม่ได้เมียเสียของร้องเอาใครกลับบวชใหม่สวดมนต์ไปจนตาย
เขาว่าพระคราวนั้นก็ขันอยู่บวชเณรรู้ไว้เป็นศิษย์ดังจิตหมาย
ท่านจับสึกสักหน้าพากันอายพวกหญิงชายลือดังทั้งพิภพ
เพราะโลกีย์ฟั่นเผือเหลือสละแต่เป็นพระแล้วยังคิดผิดขนบ
นี่หรือคฤหัสถ์จะไม่โลภละโมบมบให้ปรารถเรื่องผู้หญิงประวิงวน
จะพรรณนาว่าไปไหนจะหมดเหลือกำหนดนับไม่เสร็จเหมือนเม็ดฝน
มิใช่ฉันหยาบช้าแกล้งว่าคนอย่าร้อนรนร้าวรานรำคาญเคือง
ฉันคนชั่วตัวโศกเป็นโรครักอกจะหักเสียด้วยตรอมจนผอมเหลือง
สวาทหวังตั้งจิตเป็นนิตย์เนืองจึงแต่งเรื่องรักไว้ให้คนฟัง
ไว้อ่านเล่นเป็นที่ประกันทุกข์ให้ผาสุกตามประสาที่บ้าหลัง
ท่านทั้งหลายชายหญิงอย่าชิงชังฉันต่อตั้งแต่งความตามทำนอง
อันเรื่องราวตัณหานี้สาหัสถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง
อุตส่าห์หัดวิชาหาเงินทองก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน
ถึงยากจนซนหาประสายากที่มีมากตั้งกองครองสงวน
บ้างก็ชอบชาววังรังกระบวนเนื้อก็นวลเสียงก็หวานขานก็เพราะ
ที่เต็มอัดกลัดมันกลั้นไม่หยุดก็รีบรุดเร็วรัดไปวัดเกาะ
เป็นเงินแดงแย่งยุดฉุดเอาเพลาะเถียงทะเลาะวุ่นวายไม่อายกัน
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมแกทำเข็ญเผอิญเป็นทั่วโลกให้โศกศัลย์
ถึงเทวบุตรภุชงค์พงศ์สุบรรณก็เหมือนกันกับเราที่เศร้าใจ
ถ้ารักกันลั่นเปรี้ยงดังเสียงฟ้าหูจะชาเสียด้วยดังฟังไม่ไหว
แต่เงียบเงียบสิยังอึงคะนึงไปราวกับไฟไหม้ฟางสว่างโพลง
ถ้าคนอื่นตรึกตรองก็ต้องที่แต่เรานี้วุ่นวายแทบตายโหง
ก็มิได้สายสมรนอนคลุมโปงยังดังโด่งพลอยเขาน่าเศร้าใจ
แต่นั่งตรึกนอนตรึกนึกถึงน้องแม้นจะรองชลนาสักห้าไห
ถ้าใครแย่งแกล้งพาขวัญตาไปคงจะใส่เสียให้ยับไม่นับชิ้น
จะถากเชือดเลือดเนื้อเอาเกลือประสับศรีษะเสียให้สมอารมณ์ถวิล
จะทิ้งให้กาแร้งมันแย่งกินจึงจะสิ้นความแค้นแน่นอุรา
เอ๊ะอะไรใจจิตคิดฉะนี้ไม่ควรที่โกรธขึ้งด้วยหึงสา
จะเป็นเวรเปล่าเปล่าไม่เข้ายาจิตหนาอย่าอำมะหิตให้ผิดคน
เมื่อรักเขาเล่าก็รักอยู่นิ่งนิ่งถึงใครชิงนางงามตามกุศล
ถ้าคู่แท้แลจะไปข้างไหนพ้นอย่าร้อนรนไปนักจงหักใจ
ครั้นคิดให้หายหึงไม่ขึ้งโกรธค่อยปราโมทย์ยิ้มย่องสนองไข
ที่จริงจิตฉันไม่กล้าจะฆ่าใครตั้งหม้อใหญ่ไว้กระนั้นดีฉันเอง
แต่ความรักรักจริงไม่ทิ้งรักยังไม่หักได้ก่อนลงนอนเขลง
น่าหัวร่อหนอเราไม่เข้าเพลงพูดเอาเองเออเองออกวุ่นวาย
ด้วยความรักหนักแน่นแสนจะคลั่งเหลือกำลังที่จะหักให้รักหาย
ถ้าสมรักนั่นแลฉันพลันสบายไม่เหมือนหมายแล้วเห็นไม่เป็นคน
ทำกระไรโฉมเฉลาจะเข้าใกล้ฉันจะได้ฝากรักเสียสักหน
ขอเป็นข้านางงามไปตามจนจะสู้ทนทุบถองให้น้องใช้
ยิ่งรำพันปั่นป่วนรัญจวนจิตถ้าแม้นผิดที่นี้แล้วที่ไหน
เหมือนหมายไม้กลางป่าพนาลัยสุดจะหมายที่จะมุ่งผดุงปอง
จะเอาจริงอย่างไรไม่ได้แน่ให้มีแต่ทรัพย์นึกไม่ตรึกถอง
ถ้านึกได้เหมือนนึกที่ตรึกตรองจะนอนร้องละครเล่นให้เย็นใจ
นึกนึกแล้วก็เปล่าเรายิ่งวุ่นเจ้าประคุณน้ำตาพากันไหล
ท่านเจ้าจอมหม่อมจิตนี้คิดไปแสนอาลัยเพียงกายจะวายชนม์
เต็มกระเดือกเสือกกระแด่วอยู่แล้วหนอจะสู่ขอสารพัดจะขัดสน
จะกระโจมโถมเอาเราก็จนครั้นจะทนอยู่เล่าเราก็ทุกข์
ไม่ได้ตามความรักเลยสักท่าทุกทิวาราตรีไม่มีสุข
เฝ้ารบรบเร้าเร้าจนเขาลุกโอ้แม่ตุ๊กตางาไม่ปรานี
จำจะแต่งเพลงยาวไปน้าวโน้มว่ารักโฉมนพคุณจำรูญศรี
งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ตั้งแต่พี่ได้เห็นไม่เว้นคะนึง ฯ
๏ จึงสอดส่งศุภอรรถมาบัดนี้ว่าสุดที่เจรจามาไม่ถึง
แสนอาวรณ์ร้อนจิตดังกฤชตรึงประดุจหนึ่งชีวันจะบรรลัย
ไม่มีสุขทุกข์เท่าคีรีศรีเพราะไม่มีฝั่งฝาที่อาศัย
ให้เปลี่ยวเปล่าเช้าเย็นไม่เห็นใครที่จะได้ชมชื่นทุกคืนวัน
เห็นแต่น้องต้องใจพี่หมายพึ่งอย่าสูญซึ่งไมตรีของดีฉัน
อันตัวเรียมเหมือนกระต่ายที่หมายจันทร์ถึงกระนั้นสุดแท้แต่ปรานี
เอ็นดูด้วยช่วยดับระงับทุกข์ให้เป็นสุขปรีดิ์เปรมเกษมศรี
อันความรักหนักแน่นแสนทวีไม่รู้ที่เปรียบปานสถานใด
ทรามประโลมโฉมงามอย่าคร้ามจิตจงร่วมคิดร่วมรักอย่าผลักไส
ถึงสุดสิ้นดินฟ้าอย่าสูญใจอย่าตัดไมตรีเรียมให้เตรียมตรอม
ถ้าได้ชมนิ่มน้องประคองขวัญเหมือนได้นางในสวรรค์มาแนบถนอม
มิให้ริ้นเลือดไรมาไต่ตอมพี่จะกล่อมให้นอนกับหมอนอิง
ทุกวันคืนตื่นหลับจะรับขวัญไม่ผายผันห่างห้องแม่น้องหญิง
จะม้วยด้วยเยาวยอดไม่ทอดทิ้งเป็นความจริงแก้วตาอย่าตัดรอน
ขอให้พี่ได้สมอารมณ์รักพิศพักตร์ภิญโญสโมสร
จงเล็งเห็นพี่ยาที่อาวรณ์อย่าควรข้อนคิดแหนงแคลงอารมณ์
เป็นบุญนำจำเพาะเสาะมาพบก็ควรคบเคียงชิดสนิทสนม
อย่าเบือนบิดคิดหนีให้พี่ตรมแม่ทรามชมจงมาเมตตาเอยฯ
๏ ครั้นแต่งสารเสร็จส่งถึงนงสักษณ์แม่ยอดรักรู้แจ้งก็แกล้งเฉย
ยิ่งเศร้าสร้อยน้อยใจกระไรเลยไม่ได้เชยน้องแก้วแล้วกระมัง
ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายรักรำพันนักก็จะว่าเป็นบ้าหลัง
ที่ท่านชอบน้ำใจจะใคร่ฟังที่ท่านชังท่าจะด่าเป็นบ้ากาม
ใครอยู่ดูเยี่ยงข้าหนาพ่อแม่ลำบากแท้ยิ่งกว่าหลงเข้าดงหนาม
ถ้าใครรักประโลมลูบแต่รูปงามบังเกิดความทุกข์นานรำคาญใจ
ถ้ารักเขาเขาชังไม่หวังรักก็ทุกข์นักทุกข์หนาเลือดตาไหล
ถ้าถ้อยทีถ้อยรักก็คงไวคงจะได้เชยชิดสนิทกัน
งามมิงามฉันไม่ว่าถ้าควรคู่อุตส่าห์โอบอ้อมถนอมขวัญ
เขมรลาวชาวพม่าแลรามัญถ้ารักฉันก็รักไม่พักวอน
ที่กลางแห่งท่านก็ถือทำหื้อหาต่างภาษาแล้วไม่ขอสโมสร
บ้างเลือกไปเลือกมาปาเอามอญต้องง้องอนอิงแอบเขาแทบตาย
ที่ไม่เลือกได้ดีก็มีถมภิรมย์สมนุชนาฏไม่ขาดสาย
ไม่ขัดสนพ้นที่จะอภิปรายท่านทั้งหลายฟังรู้อยู่แก่ใจ
ว่าด้วยเรื่องตัณหาแล้วน่าเกลียดฉันขี้เกียจอธิบายน้ำลายไหล
สำหรับโลภโศกศัลย์ทุกวันไปกว่าจะได้พระนิพพานสำราญครัน
จะเวียนตายเวียนเกิดกำเนิดนับสักกี่กัปป์จึ่งจะสิ้นที่โศกศัลย์
กิเลสเล่าเมามัวเข้าพัวพันมัดกระสันฝูงสัตว์อยู่รัดรึง
ทำกระไรจะได้รอดตลอดล่วงให้พ้นห่วงตัณหาราคาขึง
ฉันก็นึกเหนื่อยหน่ายหายคะนึงให้คิดถึงชีวิตอนิจจัง
เดือนก็จบครบปีเดือนสี่สิ้นใครอย่าได้นินทาว่าลับหลัง
เอาเรื่องรักชักเหตุเทศน์ให้ฟังก็เอวังหมดทีเท่านี้เอย ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว