นิราศเมืองกาญจนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|นิราศมเืองกาญจนบุ…')

รุ่นปัจจุบันของ 11:17, 22 กันยายน 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ขุนวรการ (ทิม)

บทประพันธ์

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ผู้รับพระบรมราชโองการ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ

๏ นิราศ นางปางเสด็จเจ้าจอมนคร
กาญ จนวนาจรจากน้อง
บุ เรศเรียมรอญรักสัตว์ โศกฤๅ
รี ปุเวรเวียนต้องตัดร้างทางถนอม
             
๏ ปางนิราศแรมไปไกลสมร
โดยเสด็จธิบดินทร์นิกรดลนครเขตสถานกาญจน์บุรี
ด้วยเป็นข้าฝ่าละอองฉลองบาทฟุตกาตราชวัลลภเฉลิมศรี
เคยพิทักษ์รักษาฝ่าธุลีโดยภักดีกตัญญูต่อภูธร
ศุกร์ระกาเบญจศกขึ้นหกค่ำเดือนสามจำลองลักษณ์เป็นอักษร
วันจะลงนาวาล่วงหน้าจรทรวงสะท้อนถอนใจอาลัยครวญ
จะลอบลานารีศรีสวัสดิ์ก็ข้องขัดขามกิจจะผิดผวน
เป็นเร้นรักหนักในใจรัญจวนต้องจำด่วนพรากนางไว้กลางคัน
ลงจากเรือนเฝื่อนฤดีทวีหวนให้ปั่นป่วนไปด้วยรักดังจักรผัน
มาถึงท่าหน้านิเวศน์พระเชตุพันก็เลยครรไลตรงลงในเรือ
บ่ายห้าโมงออกนาวาอาเทวษจากประเทศถิ่นไปอาลัยเหลือ
นั่งง่วงเหงาเศร้าใจอยู่ในเรือเหมือนตัดเยื่อใยรักภักคินี
พลางน้อมเกล้า ฯ บังคมบรมนาถพระจอมราชธรณินทร์ปิ่นกรุงศรี
ขอพระเดชกฤษดาบารมีจงเป็นที่คุ้มกันอันตราย
อันโรคาอาพาธและความผิดจงเปลื้องปลิดจากร่างให้ห่างหาย
ทุรพลคนประทุษจริตร้ายให้แพ้พ่ายด้วยอำนาจราชฤทธิ์
หนึ่งอัญเชิญเทเวศร์มเหศรศักดิ์จงพิทักษ์ไมตรีที่สนิท
แม้ชายอื่นหมื่นหมายทำลายมิตรจงดลปิดอย่าให้ปองเป็นสองราย
ถึงป้อมคลองบางกอกใหญ่ฤทัยสะท้อนพระนครยังมีป้อมอยู่ล้อมหลาย
กายนครสมรที่จากชายไม่มีค่ายมีป้อมล้อมระวัง
ได้แต่พึ่งเทพไทกับใจพี่พอเป็นที่ค่ายคุมได้คุ้มขัง
แม้ศึกไส้ไม่มีเหมือนพี่ยังก็พอสังเขปความตามขบวน
ถึงวัดกัลยาณมิตรให้คิดหวาดนามอาวาสคล้ายนามงามสงวน
กัลยาณมิตรสนิทนวลพี่เคยชวนชมวัดนมัสการ
โอ้จากไปใครจะพาเจ้ามาอีกจะเปลี่ยวปลีกเปล่าอุราน่าสงสาร
ที่เคยสุขก็จะทุกข์ทรมานมีเพื่อนบ้านไหนจะเหมือนเพื่อนชีวี
ถึงวัดโมฬีโลกย์โศกสะทึกคะนึงนึกถึงคุณพระชินศรี
ทรงตรัสเทศนาไว้ในคัมภีร์ว่าโลกนี้มิได้เที่ยงอยู่เพียงใด
อันเพื่อนรักจากเรือนก็เหมือนโลกจะย้ายโยกฤๅจะยืนเพียงพื้นไหน
แม้ปรวนแปรไม่แน่แน่วก็แล้วไปพี่จะได้จดจำเป็นตำรา
ถึงวัดหงส์ให้รัญจวนถึงนวลหงส์จะสรรทรงรูปนุชเห็นสุดหา
กริยาท่าทางเหมือนนางคลาคล้ายพระยาหงส์เดินดำเนินจร
มาถึงวัดสังกจายน์กระจัดชัดฟังชื่อวัดหวาดไหวฤทัยถอน
กรรมวิบัติพลัดพรากจากบังอรดั่งใครรอนรักแยกแตกกระจาย
ประสานอื่นหมื่นหมอไม่ต่อติดกระจายมิตรจิตต่อจะพอหาย
พี่หางเหมาแต่ร่างห่างแต่กายใจจำหน่ายไปสนิทวนิดา
เขาลือว่าวัดนี้มีทรัพย์มากท่านใบ้ปากไว้ให้คิดปริศนา
ทำไฉนจึงจะได้ประจักษ์ตาจะได้มาปลงเปิดให้เพลิดเพลิน
คิดมาก็ไม่น่าจะปลงใบ้แต่ปลงใจยังไม่ตกระหกระเหิน
ยิ่งคิดไปใจยิ่งช้ำต้องทำเมินไม่เจริญมีแต่เรื่องระเคืองใจ
ถึงโรงเรือเรือรบสงบเงียบทอดประเทียบอยู่ในอู่ดูไสว
สำหรับรุดยุทธนาชลาลัยเคยปราบไชยไพรินทร์ทมิฬมาร
แต่ก่อนมาปัจจามิตรติดจะมากต้องลำบากนาวังทั้งทหาร
เที่ยวหักโหมโรมรันประจัญบานจนพวกพาลหย่อนระย่อไม่ต่อกร
ทุกวันนี้ศึกเสี้ยนไม่เบียนเบียดด้วยพระเกียรติเดชมหิศร์อดิศร
ได้ดับเข็ญเย็นอมาตย์ราษฎรทุกนครมาประณตบทมาลย์
ถึงวัดเวฬุราชินทร์ถวิลเศร้าทุกค่ำเช้าเคยชินอยู่ถิ่นฐาน
มาพลัดพรากจากงามยามกันดารมิได้ชาญชินน้องเป็นกองกรรม
ถึงวัดอินทรารามหวามถวิลขอองค์อินทร์จงช่วยชุบอุปถัมภ์
ถึงตกทุกข์ได้ยากกระกรากกรำอย่าให้กำพร้ารักมาแรมทาง
ถึงวัดจันทรารามงามสง่าจันทราเรืองรองไม่หมองหมาง
ทั้งจันทน์อินกลิ่นหอมพร้อมสำอางไม่เหมือนปรางประปรุงจรุงจันทน์
ถึงวัดราชคฤห์คะนึงถึงพระเดชพระจอมเกศโลกานราสรรพ์
ทรงประทับราชคฤห์แสดงธรรม์วิหารนั้นจะอยู่หนตำบลใด
โอ้ตัวเราเกิดมาเวลาเคราะห์ไม่เฉพาะพบพระบาทขาดนิสัย
ถ้าประสบก็คงเสร็จสำเร็จไปไหนจะได้ทรมานอยู่ป่านนี้
แท้ว่ากรรมนำเกิดในกามภพสุดจะหลบโลกอาลัยให้หน่ายหนี
เดชะบุญเบื้องหลังถ้ายังมีคงจะลี้หลีกรีกได้สักปาง
ร่ำรำพึงมาถึงตลาดพลูพิศดูพลูกองแล้วหมองหมาง
เหมือนเมื่อรับจับหมากจากมือนางพี่รับพลางต้องมือเจ้าถือเคือง
เคยหยอกเย้าสนทนาวิสาสะแต่นี้จะไม่ได้อยู่กินพลูเหลือง
ในทรวงช้ำกำสรดไม่ปลดเปลืองมีแต่เรื่องรักซ้อนไม่ผ่อนทรา
พิไรร่ำรำพึงมาถึงด่านเรือเพ่นพ่านแจวพายทั้งซ้ายขวา
ด่านคอยดักตรวจดูหมู่ปัจจาใครไปมาเรียบร้อยแล้วปล่อยไป
แต่ด่านกักรักเรียมเปี่ยมอุระไม่ปล่อยปละละวางไปข้างไหน
ทุกข์ก็แถมแกมกวมท่วมฤทัยเหมือนแก้ไกปริศนาติดงาแซง
ยิ่งคะนึงถึงอนงค์อเนจอนาถดั่งชีวาตม์ขาดกระดอนถูกศรแผลง
เห็นคลองชลสามแฉกเป็นแยกแย้งให้ระแวงห่วงสวาทพะวงเวียน
เกรงรักใคร่จะไปคล้องกับคลองแยกนานมักแปลกเหมือนหนังสือมือเสมียน
กำหนดในสามวันไม่หมั่นเพียรที่เคยเขียนงดงามก็ทรามซวน
นาวาคลามาถึงช่องคลองขุดใหม่ดูวิไลล้วนผลาพฤกษาสวน
ทั้งสองฟากหมากมะพร้าวมะม่วงพรวนตลิ่งล้วนแลเหมือนกับเขื่อนคัน
ทรงโปรดเกล้าเหล่านราแลพาณิชจึ่งขุดคิดคลองจรให้ผ่อนผัน
ประสงค์ว่ามาไปได้ใกล้กันพอแบ่งปันลำบากบ่าประชาชี
ควรกระกองพระคุณเกื้อไว้เหนือเกศด้วยพระเดชปกผมร่มเกศี
ได้พึ่งพาบารเมศพระภูมีชาวบุรีสรรเสริญเจริญพร
ซึ่งข้าพระพุทธเจ้ามาคราวนี้ก็เป็นที่สุขโขสโมสร
เหมือนเทพย่นมรรคาแลสาครไม่ต้องย้อนอ้อมคุ้งให้ยุงกวน
แสนรำพึงถึงพระคุณทูลกระหม่อมแล้วหน่วงน้อมคิดถึงนุชสุดกำสรวล
มาพลัดพรากจากกันน่ารัญจวนมิได้ชวนชื่นอารมณ์มาชมคลอง
โอ้น้องอยู่ผู้เดียวดูเปลี่ยวเปล่าจะโศกเศร้าเสียใจอาลัยหมอง
แม้ป่วยไข้ใครจะเข้าประคองมีพี่น้องไหนจะเหมือนเพื่อนอาลัย
ป่านฉะนี้โฉมเฉลาเยาวพักตร์จะผูกรักฤๅจะรื้อฤๅไฉน
ฤๅไม่หักรักร้างฤๅอย่างไรใจเอ๋ยใจเห็นจะคลั่งเสียครั้งนี้
แต่รักฝากชายฝากให้รักเฝ้าขอรกเก่ารักใหม่อย่าหน่ายหนี
เรียมรักเจ้าเท่าไรใจอารีขอให้มีรักเราเท่าเท่ากัน
ใครร้างรักลักลอบไม่ตอบรักจะค้อนควักแคะไค้เสียให้ขัน
ถ้ารักยังยั่งยืนทุกคืนวันจะรับขวัญนาฏน้องครองอาลัย
คะนึงนางนั่งนึกจนดึกดื่นนภาพื้นมัวหมองไม่ผ่องใส
พระพายพัดฮือเฮือกเยือกเย็นใจเรือก็ไคลคลาคล่ำมาตามคลอง
ถึงหนามแดงโศกแซงสลักจิตเหมือนหนามมิตรติดทรวงตำมาซ้ำสอง
อันหนามร้ายชายป่าสักห้ากองจะถูกต้องยอกบ่งก็คงคลาย
แต่หนามยอกซอกทรวงในดวงจิตสุดจะคิดบ่งออกให้ยอกหาย
ทั้งหนามรักหนามสวาทมาบาดกายแม้ได้สายสวาทบ่งจะเบาใจ
ถึงนางสาวพี่ให้สาวไปสื่อสารเวลาราญร้าวมิตรที่พิสมัย
มาแรมทางร้างสาวหนาวฤทัยคลองอะไรน่ารำคาญมาผ่านเรือ
แต่คลองนี้มีนิทานท่านขานกล่าวว่าหนุ่มสาวเกี้ยวกันแจมาแต่เหนือ
มาหยุดริมคลองนี้จึงมีเชื้อเรียกกันเพรื่อคลองนางสาวทุกคราวไป
มาถึงคลองกระทุ่มแบนแดนกระทุ่มว่าสาวหนุ่มสองเราเข้าอาศัย
ได้ร่วมรสร่วมภิรมย์ที่ร่มไม้คนจึงได้เรียกสุมทุมกระทุ่มแบน
นิยายบางทางนี้ก็ดีอยู่แต่อดสูเรียกยากกระดากแสน
มีบ้านเรือนเกลื่อนชุมกระทุ่มแบนดันดารแดนดอนเกษตรทุเรศใจ
ถึงดอนคลองไก่ดีทวีเทวษผิดสังเกตเงียบเสียงสำเนียงไก่
เคยหยอกเย้าสนทนาประสาใจจนเสียงไก่ขันเพราเพราไม่หาวนอน
ด้วยเป็นคู่ชูพาอุราชื่นถึงดึกดื่นก็ไม่หลับลงกับหมอน
ตั้งแต่วันพลัดพรากมาจากจรพี่ซบซอนเหงาง่วงทรวงรันทด
สิ้นระยะคลองพระศรีเจริญนามศิริตามหลักประจำเป็นกำหนด
หกร้อยเส้นเศษมีเป็นที่ลดทอนไปทดคลองบางยางต่อทางจร
นาวาออกคลองขุดสุดลำนำถึงแม่น้ำลมครืนคลื่นกระฉ่อน
อุราเรียมเทียมคลื่นพื้นสาครแทบจะคลอนเคลื่อนกระจายเช่นสายชล
เห็นน้ำเค็มเป็นประกายคล้ายหิ่งห้อยเหมือนแหวนก้อยเพชรรุ้งมุ่งฉงน
เมื่องามปลอดสอดใส่ให้พี่ยลดูชอบกลพราวแพรวเมื่อแจวพา
มัศยาลอยล่องพ่นฟองผุดเห็นเรือมุดหนีคล่ำดำน้ำหาย
สงสารแต่แมลงกระพรุนเป็นพรุ้นพรายเนื้อเหมือนทรายลอยซัดในนัทที
เขาเอาแจวกรีดปราดก็ขาดวิ่นไม่โดดดิ้นน่าสมเพชม้วยเป็นผี
ที่คนชั่วทำเล่นเห็นเป็นดีมิได้มีเกรงบาปทำหยาบคาย
ได้ชมสัตว์สาครพอผ่อนหมองคะนึงน้องหวนให้ฤทัยหาย
ถ้ามาด้วยจะได้ชมสมสบายแสนเสียดายสุดจะกลับไปรับนาง
ทัศนาลานชลาตลิ่งลิ่วจากเป็นทิวแถวทับสลับสล้าง
เหมือนเรียมจากพรากรักมาแรมทางทั้งจากร้างจากอารมณ์ที่ชมเชย
จากอื่นหมื่นสำเนียกที่เรียกจากถึงพบมากก็พอเบือนทำเชือนเฉย
แต่จากรักหักอาลัยไม่ได้เลยโอ้จากเอ๋ยใยมาพ้องให้หมองใจ
ถึงปากช่องคลองบางยางหนทางลิ่วไม่เห็นทิวยางมีอยู่ที่ไหน
เมื่อจากนางยางรักยังฝากไว้พี่มาไกลยางจิตยังติดมา
พอเช้าตรู่สุริยเรืองขึ้นเรื่อเรื่อเห็นชาวเรือจอดพักกันหนักหนา
ก็เลยแมะแวะกับเขาหุงเข้าปลาขึ้นวัดวาคารวะพระอาราม
เห็นวัดสวนส่วนพี่ก็มีสัตย์ถึงจะวัดวาใจก็ไม่ขาม
ยังคงเส้นคงวาไม่บ่าความพี่กริ่งคร้ามวัดสวาทจะขาดวา
เดชะคุณศีลทานการกุศลจะดอดดลดวงจิตกนิษฐา
ให้ดำรงคงสัจเหมือนวัดวาอยู่ชั่วนาตาปีอย่าคลี่คลาย
คะนึงนางพลางลงมาถึงนาเวศพระสุริเยศเยี่ยมฟ้าเวลาสาย
ทั้งร้อนแดดแผดใจไม่สบายก็ผันผายจากอารามไปตามคลอง
ถึงทุ่งกว้างว้างเวิ้งอุราว้าแต่อุราพี่ไม่กว้างตั้งแต่หมอง
ดูเรืออื่นชื่นเชิงเริงคะนองเรือพี่ครองครวญคร่ำระกำกาย
อันนาวังทั้งปวงที่ล่วงหน้าไปคอยท่าราชบุรีตามมีหมาย
ทั้งกลางคืนกลางวันแจวกันดายมาถึงท้ายทุ่งสวนล้วนไร่โรง
บ้างปลูกมูลเผือกมันแลพันธุ์ผักคนขึ้นลักเจ้าของปะเสียงโขมง
ตามตลิ่งกล้วยสล้างริมทางโยงต้นโคร่งโคร่งแต่ละเครือเหลือประมาณ
พอแก่เฒ่าเข้าไคลใบก็เผือดเข้าฟันเชือดโค่นต้นก่นสังหาร
เหมือนตัวเราถ้าเวลาชรากาลใครจะปราณปรานีไม่มีจริง
ตำราว่าต้นไม้ตายเพราะผลนรชนฝ่ายชายตายเพราะหญิง
ด้วยความโลภหลงเล่ห์ประเว่ประวิงสุดจะทิ้งถอนทอนนิวรณ์ใจ
ถึงโคกไผ่ใฝ่ประสงค์เพราะหลงโลกจะข้ามโคกโขดเขินก็เกินไหว
จะข้ามโอฆโคกบึงที่พึงใจเกรงจะไม่ข้ามพ้นต้องวนวง
ถึงสวนพริกพริกร้อนพอผ่อนพักไม่เท่ารักร้อนชีพรีบประสงค์
อันรูปเสียงกลิ่นรสเหลือปลดปลงต้องเลือนหลงโลมลูบด้วยรูปพราง
ถึงบางนกแขวกนกแสกแถกถาร้องป่านฉะนี้ขวัญน้องจะหมองหมาง
นกเอ๋ยฝากขวัญใจไปให้นางจงสู่ร่างมิ่งขวัญอย่ารัญจวน
พอโพล้เพล้เวลาจะใกล้ค่ำสุริยย่ำดวงดับลงลับสวน
ตะวันย่ำย่ำรักอารมณ์ซวนจิตจวนจะดับลับอาลัยลาญ
ทุ่มหนึ่งออกปากทางบางนกแขวกมีบ้านแขกเมืองตั้งฝั่งสถาน
เป็นห้างห้างห่างชิดพิศดารชาวเรือร้านริมฟากก็มากมี
สร้างโบสถ์โตโอ่สะอาดมีบาทหลวงเหมือนกลควงไขจิตผิดวิถี
บ้างลงเนื้อเชื่อเห็นว่าเป็นดีบ้างหลีกหนีหน่วงยุดพุทธมนต์
พี่ห่วงแต่แม่คุณเคยอุ่นอกกลัวจะวกหวังรักอกุศล
ด้วยสื่อสายไถ่เทหลายเล่ห์กลพี่ร้อนรนอยู่ด้วยรักจะแรมนาน
แต่บางยางมาถึงบางนกแขวกนั้นสรุปมรรคาหมดกำหนดขาน
เจ็ดร้อนเส้นเศษมีวิถีธารนับประมาณตามหลักที่ปักไว้
แล้วเลยด่วนทวนน้ำไปตามฝั่งดูเดือนยังไม่สู้ส่องขึ้นผ่องใส
มัวเมฆีสีคล้ำเห็นรำไรเหมือนอกใจหมองคล้ำประจำเจน
รีบตัดข้ามนามบางด้วยทางมากมาถึงฟากคุ้งกะถินถิ่นเขมร
มีกองไฟรายเรียงส่งเสียงเกณฑ์บ้างก็เล่นลงผีนั่งตีโทน
ใครป่วยไข้เข้าผีวิธีเอกทำโยกเยกยักหน้าดั่งท่าโขน
เสียงเทิบเทินเทิ่มจะหวะเหมือนตะโพนสำเนียงโยนเย็นใจไปในเรือ
แม้ยุพามาด้วยพี่เป็นที่รื่นจะชวนชื่นชมลำเนาบ้านชาวเหนือ
อุราเดียวถึงสนุกก็ทุกข์เจือจะกลับเรือรับนางก็ทางแรม
พ้นภูมิบ้านนั้นไปมิได้ช้าถึงบ้านป่าบ้านมีอยู่ที่แหลม
โรงภาษีแสงไฟไสวแรมคอยสอดแนมเก็บสินค้าหากำไร
อันตัวพี่อุปมาเหมือนภาษีเฝ้ารอรีเก็บรักไม่ผลักไส
ไม่เพิ่มผูกแบ่งตำบลกับคนใดเก็บรักได้แล้วมาส่งอนงค์นาง
คลองบำหรุหวังบำรุบำรุงสนองไม่ทันครองมาบำราศสวาทหมาง
พี่บำบวงเทวาทุกท่าทางขอให้นางค้อนจิตไว้คอยใจ
คลองนั้นเดิมเป็นลำน้ำแม่น่ำอ้อมครั้นคดค้อมเขาจึ่งลัดตัดทางใหม่
ไม่ใคร่มีนาวาใครมาไปแม่น้ำใหญ่ย่อมเยาเข้าทุกที
เหมือนรักพี่แม้มีใคร่มีใครรักเห็นทรวงจักเหมือนลำนำแม่น้ำนี่
คงคับแคบแอบใจไปทุกปีอินทรีย์พี่ก็จะผอมเพราะตรอมกาย
โอ้กรรมมากหากให้เห็นเป็นเวรพ้องชั้นชมคลองเกิดเป็นทุกข์ขึ้นชุกหลาย
เลยเมินหน้ามาถึงย่านบ้านลาวรายถึงเนินทรายท้ายหาดราชบุรี
ดูเรือนโรงดงนครสลอนสลับเหมือนโศกซับซ้อนทุกข์ไม่สุขี
แพตลอดจอดท่าหน้าธานีทั้งนาวีหน้าเมืองก็เนืองนอง
ที่ค่ายหลวงแลไปไฟสว่างด้วยขุนนางล่วงหน้ามาทั้งผอง
พอเรือจอดทอดลำพอย่ำฆ้องกำหนดสองยามได้หมายเวลา
เห็นดึกดื่นฝืนกายลงไสยาสน์ให้เคลิ้มหวาดว่าแม่งามมาตามหา
เผยอขยับรับขวัญกัลยาพอลืมตาตื่นกายละอายใจ
เสียงฆ้องยามในบุรีตีหึ่งหึ่งระลึกถึงความลับไม่หลับไหล
จนรังสีส่องหล้านภาลัยให้เลื่อนเรือจอดใหม่ใต้ลงมา
แล้วจัดกองของขนขึ้นบนค่ายอยู่ห้องรายริมคลังข้างเบื้องขวา
คอยรับองค์ทรงศักดิ์จักราทั้งคอยอาลัยสมรร้อนรำพึง
อังคารขึ้นสิบค่ำเวลาบ่ายอธิบายว่าเป็นเสร็จเสด็จถึง
ขุนนางน้อมพร้อมเพรียงเสียงกลองตึงทหารจึงพรีเซนต์เป็นธรรมเนียม
พิศพระองค์ทรงยังบัลลังก์อาสน์สุวรรณราชยานใหญ่ใหญ่ใหม่เอี่ยม
งามดั่งองค์สุริยันพอทันเทียมเมื่อยาตรเยี่ยมรถทองส่องสุธา
เสด็จขึ้นประทับพักตำหนักขวางขนัดขุนนางเฝ้ารายทั้งซ้ายขวา
ทรงสำราญพระจริตอิศราพร้อมด้วยข้าละอองบาทภิบาลองค์
ทหารนั้นปันยามตามมากน้อยสำหรับคอยห้ามปรามตามประสงค์
บ้างกองนอนบ้างป้องกันเป็นมั่นคงเป็นเขตดงต้องระดมทุกกรมไป
ถึงสองทุ่มเสียงแซ่ด้วยแตรเป่าที่แท่นเสาธงอยู่ดูไสว
เพลงฝรั่งตั้งต้นปนเพลงไทยเดี๋ยวนี้ใช้เพลงเจ้าสู่ดูชอบกล
ครั้นย่ำรุ่งสุริยงเอาธงขึ้นทหารยืนล้อมกันเข้าเป่าอีกหน
ธรรมเนียมนอกคำนับธงว่ามงคลเป็นเลิศล้นอยู่เพียงตรงธงสัญญา
รอบตำหนักปักไม้เป็นค่ายตับตั้งประกับป้องปิดทุกทิศา
ในค่ายมีที่แรมแฉล้มตาเป็นปั้นหยาหลายหลังทั้งวังใน
ท้องพระโรงโถงแถวโคมแก้วห้อยระย้าย้อยพรายพร่างสว่างไสว
ที่เสวยที่สรงพระทรงชัยสิ่งของใช้บริบูรณ์จรูญตา
หลังค่ายปลูกเพาะต้นผลไม้บ้างเป็นไร่พืชผักงามหนักหนา
ริมตำหนักทิวแถวเป็นแนวมาดูสง่าขึงแข็งทุกแห่งไป
ที่หน้าค่ายชายฝั่งตั้งตลาดล้วนร้านราษฎรอยู่ดูไสว
สำหรับประดับพระเดชผดุงนอกกรุงไกรเป็นกำไรพระบรมสมภาร
เวลาเย็นทรงม้าด้วยข้าเฝ้าประพาสเหล่าเขาเขินเนินละหาน
พักค่ายหลวงล่องทิวาวารจะเสด็จไปกาญจนบุรี
             

เดือนสามขึ้นสิบสองค่ำพฤหัสปางผูกอาสน์ขนัดแลหัตถี
พร้อมอมาตย์มาตยาโยธีเตรียมไว้ที่ตามควรจวนเวลา
พอรุ่งได้สุวฤกษ์วรายงเสด็จทรงอัศวราชเรืองสง่า
สะพรั่งพระบรมญาติมาตยาออพฟิเซอร์ซ้ายขวารักษาพระองค์
ขึ้นมาตามเสด็จออกจากค่ายเดินเรียงรายเป็นระยะงามระหงษ์
ดังเทพล้อมอมเรศประเวศดงในระหว่างวงทวีปนี้ไม่มีปาน
ชมพระเกียรติเพลินใจไปประเดี๋ยวแล้วกลับเลี้ยวคิดถึงนุชสุดสงสาร
สู้หักโหยโดยเสด็จพระภูบาลทั้งทวยหาญแห่ห้อมพร้อมกันไป
มาถึงเขานามบัญญัติสัตนาถให้หวั่นหวาดอนาถจิตคิดสงสัย
คะนึงนึกนุชนาฏอนาถใจจากเขาไปไม่ช้าถึงนาเราะ
คิดเมื่อครั้งคราวคิดไปติดสอยพี่เวียนคอยไม่ใคร่พบได้สบเหมาะ
แสนลำบากยากเย็นเป็นเวรเคราะห์เหมือนนกเราะร่ายย่างอยู่ข้างทาง
มาถึงทุ่งไล่ไก่ไฉนหนอใครมาล่อไล่ไก่ไพรระหง
จะไล่ได้ฤๅไม่ได้ที่ในดงแต่พี่หลงไล่รักไม่พักทัน
มาถึงหนองหญ้าปล้องหมองวิตกในทรวงอกช้ำหนองปองกระสัน
ถึงหนองคอยคอยหายมาหลายวันให้หวั่นหวั่นว่าแม่งามจะตามมา
ถึงห้วยแล่นไปเสียไกลน้องหมายเป็นทองแผ่นเดียวกันเจียวหนา
มาเปราะแตกแยกตัดอนาถตาพี่หวังว่าจะเป่าแล่นเป็นแผ่นเดียว
ถึงเนินม่วงม่วงไม้ก็หายหมดยังปรากฏอยู่แต่ไม้ในไพรเขียว
ได้แต่แพรม่วงแนบมาแถบเดียวพอได้เที่ยวชมแทนแม้นสุดา
ถึงหนองปลิงปลิงเกาะก็เลาะหลุดจะเลาะสุดสวาทพรากยากหนักหนา
เหมือนตัวปลิงยิงยืดในกายาใครจะมาเลาะฉุดให้ชายคลาย
ถึงสำนักยกฟ้าน่าอนาถใครบังอาจยกฟ้ากล้าใจหาย
มีฤทธากล้าแข็งกว่าแรงกายวานช่วยย้ายยกทุกข์ที่ชุกใจ
ถึงลำเนาเขาทะลุดูปรุโปร่งบ้างเป็นโพรงโกรกเกริ่นเนินไศล
พฤกษารกปรกงำอยู่รำไรบ้างโยกไกวแกว่งกวัดสบัดลม
บ้างเป็นถ้ำง้ำเงื้อมชะง่อนผาร่มรื่นพื้นศิลาเหมือนอาศรม
บ้างเป็นเหวเปลวปล่องมีช่องลมบ้างเป็นปมปุ่มกระเปาะละเมาะเนิน
บ้างเป็นแอ่งอ่างหินกระสินธุ์ขังบ้างพรุหลั่งไหลพร่าบนผาเผิน
พฤกษาออกดอกดวงพวงเจริญวิหคเพลินพลอดจับสลับพรรค์
ชนสำเนียกเรียกลำเนาเขาทะลุเหมือนฉลุบรรพตเป็นลดหลั่น
โอ้อุตส่าห์ฝ่าสวาทเข้าฟาดฟันไฉนบั่นบากอาลัยไม่ทะลุ
รีบดำเนินเดินข้ามบนโขดเขาขยาเหล่าสัตว์เสือก็เหลือดุ
ยกมือไหว้เทวาว่าสาธุขอให้ปรุโปร่งปลอดตลอดไป
ถึงหนองบัวที่ประทับพลับพลาตั้งดูมั่งคั่งคนผู้อยู่ไสว
มีโรงครัวโรงเลี้ยงเคียงกันไปพระจอมไทยทรงประทับบนพลับพลา
กรมวังตำรวจงานทหารครบรวมสมทบกองตระเวนเกณฑ์รักษา
นายเวรนายหมวดตรวจตราภิบาลฝ่าละอองบาทไม่ขาดกรม
บ้างหักซุ้มนอนซองเป็นห้องหับบ้างทำทับทุ่งเถียงเสียงขรม
บ้างโหยหวนครวญถึงชู้ที่คู่ชมบ้างนั่งงมง่วงงูบสูบกัญชา
ยามกลางคืนฟืนไฟไสวสว่างจุกช่องทางคอยพิทักษ์รักษา
พี่โศกเศร้าเข้าที่นอนค่อนอุราเอาแขนขวาก่ายหน้าผากวิบากครัน
โอ้อกเอ๋ยเลยมาลัยมาไกลลับเมื่อวันใดจะได้กลับไปรับขวัญ
เจ้าอยู่บ้านก็สำราญทุกคืนวันพี่แรมรัฐจวนใจอยู่ในดง
สงสารทรวงห่วงหลังระวังหน้ายามนิทราตรอมใจอาลัยหลง
ฟังแต่เสียงสกุณาในป่าดงไม่หลับลงเลยจนสางสว่างวัน
ไม่มีสุขทุกข์ทับระทมถมเที่ยวเดินชมชายป่าพนาสัณฑ์
เขาว่าหนองบัวค่ายนั้นใหญ่ครันบุษบันจะมีบ้างฤๅอย่างไร
ถึงหนองบัวมองเขม้นเห็นแต่หนองประทุมทองบัวบังอยู่ฝั่งไหน
หวนคะนึงถึงประทุมคลุมสไบพี่มาไกลใครจะคลุมประทุมทอง
หนองบัวนี้ทีจะนานจนธารแห้งบัวจึงแล้งลับเชื้อเหลือแต่หนอง
สงสารสองบัวบกที่อกน้องถ้าเลยละก็จะหมองเหมือนหนองบัว
เห็นนกยางนั่งเจ่าเหมือนเราจ๋อยแสวงคอยภักษามากลืนกลั้ว
พี่เหงาหงอยคอยน้องจนหมองมัวเพราะทุกข์ทั่วไปถึงเจ้าทุกเช้าเย็น
แต่นาเราะถึงหนองบัวค่ายนี้ทางเจ็ดร้อยเศษมีอีกสี่เส้น
ประทับแรมแรกถึงอยู่หนึ่งเวรพอบ่ายเบนก็เสด็จดำเนินไพร
พยายามตามสนองละอองบาทมิได้ขาดพักปลงที่ตรงไหน
บังคมขอพระเดชปกเกศไปอันโพยภัยมิได้แว่วมาแผ้วพาน
ถึงห้วยกาบใจพี่ไม่มีกาบพจน์สุภาพมั่นแม่นเป็นแก่นสาร
เกรงแต่จิตขนิษฐานิรานานจะเป็นก้านกาบกระเทาะเลาะอาลัย
ถึงหนองแร้งเขาว่าแร้งนี้แรงสาบแต่ไม่บาปเสพภักษ์ที่ตักษัย
ถึงรูปทรามความดีมีข้างในพี่หวังใจว่าอนงค์คงอย่างนี้
มาถึงห้วยท่านางระคางเขินเหมือนท่านางย่างเดินดำเนินหนี
พี่คอยท่าขนิษฐาทุกราตรีไม่จรลีตามหลังมาบ้างเลย
ถึงห้วนดอนดอนใจอาลัยแห้งยังซ้ำแซงดอนอุรานิจจาเอ๋ย
เคยอยู่ลุ่มชุ่มชื่นสะเบยเคยมาหลงเลยเดินจรดอนอรัญ
มาถึงห้วยท่ารักเรียมขนางพี่ข้ามทางห้วยท่ามาหลายหน
ยากแต่ข้ามห้วยรักไม่พักพ้นต้องเวียนวนเลียบห้วยระทวยใจ
มาถึงห้วยท่าช้างไม่เห็นช้างเห็นแต่ทางห้วยท่าน่าสงสัย
พี่แรมทางท่าน้องหมองฤทัยเหมือนร้างไร่ห้วยท่าคชาธาร
มาถึงที่ทับตะโกโอ้อนาถคราวนิราศรักมาได้ว่าขาน
เมื่อต่อหน้าว่ามะพลับครั้นลับนานเกรงจะพาลพูดจาว่าตะโก
ที่ประทับพลับพลาแรมระยะนี้ภูมิฐานที่ตำหนักมุขเป็นสุโข
ดูขึงขึงทำใหม่ล้วนใหญ่โตเป็นมโหฬารเลิศประเสริฐสบาย
ด้วยอำนาจบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์เหมือนเทวามาประสิทธิ์สร้างถวาย
ทวยประเทศเขตคันอรัญรายต่างถวายอภิบาลบาทยุคล
พอบ่ายห้าโมงเศษเสด็จประทับขึ้นบนพลับพลาไชยไพรสณฑ์
พร้อมอมาตย์มาตยาสามนต์ดั่งดาวล้อมมณฑลศศิธร
ครั้นรุ่งพระสุริยาเวลาสายกระเหรี่ยงนายนำหน้ามาสลอน
ดูรุงรังร่ำร่ายถวายกรพระทรงศรแย้มพระสรวลชวนสำราญ
โปรดพระราชทานทรัพย์กับเสื้อผ้ากระเหรี่ยงป่าปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
กราบถวายบังคมลาสาธุการด้วยถิ่นฐานันดรค่อนจะจน
บ้างได้ข้าวของป่ามาถวายพระโรปดปรายทรัพย์สร้างทางกุศล
โดยมหากรุณาประชาชนทั่วทุกคนสรรเสริญเจริญพร
กระเหรี่ยงในไพรสณฑ์ชอบกลนักอารีรักเหมือนเป็นญาติแต่ชาติก่อน
จะมาไปใกล้เคียงไม่เกี่ยงงอนแต่รูปค่อนข้างขี้เหร่เกเรไร้
ใส่ตุ้มหูสวมลูกปัดขัดขมิ้นดูจนสิ้นไม่เห็นแยบที่แถบไหน
ปลูกเหย้าเรือนเหมือนห้างอยู่กลางไพรสับไม้ไผ่ปูแทนแผ่นกระดาน
มีคู่ครองห้องหับพอดับทุกข์ประสาสุขโศกเสี้ยนไม่เบียนผลาญ
โอ้ตัวเราเอกามาช้านานไม่พบพานชื่นชูที่คู่ครอง
อนึ่งที่ทับตะโกรโหฐานมีลำธารไหลเป็นทิวละลิ่วล่อง
ล้วนกรวดทรายรายทอดตลอดคลองสะอาดมองเห็นมัจฉาในวาริน
หมู่วิหคนกกาได้อาศัยชลาไหลอยู่เสมอไม่หมดสิ้น
ยะเยือกเย็นกระเซ็นซาบน่าอาบกินดังสายสินธุ์ที่สีทันดร
กระสินธุ์ใสใจพี่ไม่มีใสให้ขุ่นไหม้หมองทรวงห่วงสมร
แม้เหาะเหินเดินได้ในอัมพรจะชูช้อนโฉมมาชมยมนา
เป็นขัดสนจนใจด้วยไร้ฤทธิ์ได้แต่คิดคะนึงคาดปรารถนา
เหมือนดักแร้วแพ้วนกพนาวาเสน่หาห่างแหไม่แน่นอน
ที่ท่าน้ำทำฉนวนตำหนักสูงมีรั้ววงรอบเหมือนกับเขื่อนขอน
บ้างพื้นสูงต่ำลดทดสาครเป็นที่ผ่อนประทับสรงคงคา
อันนทีที่เขตประเทศอื่นไม่เย็นชื่นเช่นธารละหานผา
เกิดสำหรับประดับพระเดชาดั่งธาราสระสวรรค์อันอุดม
ได้กินอาบซาบกายสบายจิตจืดสนิทใสสะอาดไม่ฝาดขม
เห็นจะเป็นพุห้วยเหวพนมน้ำจึ่งล่มไหลลาดไม่ขาดคลอง
แต่หนองบัวถึงทับตะโกนี้รวมวิถีห้าร้อยสามสิบสอง
ตามฉลากปักกะระยะจองพอรุ่งสองโมงเสด็จดำเนินคลา
อันตัวพี่เคราะห์โศกมาตกใส่เผอิญให้ป่วยเป็นบิดจิตผวา
ทั้งหยูกยาหาไม่ได้แต่ชากินเป็นยาแก้บิดประสิทธิ์ดี
เมื่อยามไข้ได้เห็นแต่หน้าเพื่อนอารีเยือนพยาบาลไม่คร้านหนี
ค่อยทุเลาแต่กำลังยังไม่มีต้องขึ้นขี่เกวียนเดินในดอนดง
ทุเรศเถื่อนแรมทางไปกลางป่าชมคณานกไม้ไพรระหง
นกแก้วแจ้วจับคู่อยู่ริมพงเหมือนน้องส่งเสียงสนั่นจำนรรจา
แต่นกในไพรศรียังมีคู่พี่ไร้ชู้ห่างชิดกนิษฐา
นกขุนทองเหมือนทองของน้องยาที่อังสาสวมห้อยสายสร้อยทอง
สีชมพูเหมือนสีชมพูฟ้าเจ้าห้อยบ่าบังใบไม่มัวหมอง
นกแขกเต้าเหมือนเต้าเต่งละอองจะจับต้องเจ้าก็ปัดสะบัดเบือน
นางนวลเหมือนนวลฉวีพักตร์วิไลลักษณ์หาไหนจะได้เหมือน
โอ้อุบัติพลัดพรากมาจากเรือนมิได้เยือนเตือนน้องให้แต่งนวล
ขมิ้นเหมืองเหลืองเหลือเหมือนเนื้อน้องเหลือละอองเปล่งปลั่งช่างสงวน
ไม่ทันชิดพิศใกล้ก็ใจยวนเหมือนจะชวนให้พี่ชมภิรมยา
ระวังไพรมิได้อยู่ระวังแล้วเป็นกรรมแคล้วคลาดเหเหน่หา
จะไว้ทางวางใจก็ไกลตาเกรงแต่ถ้าเจ้าจะทำให้ช้ำใจ
ถึงทุ่งแฝกแฝกบาดก็เมาพิษไม่เจ็บเหมือนจากมิตรที่พิสมัย
ลำภาชีแม้พี่มีมโนมัยจะรีบไปเยี่ยมถามงามผจง
ถึงหนองไผ่อกใจพี่ผ่ายผอมเพราะตรมตรอมตรองครวญถึงนวลหงส์
ถึงมะขามเตี้ยคิดจิตพะวงพี่ต่ำลงกว่ามะขามเพราะยามไร้
พ้นมะขามเตี้ยเดินเข้าเนินป่าร่มพฤกษายางยูงสูงไสว
เห็นเถาวัลย์พันเหนี่ยวเป็นเกลียวไปเหมือนอกใจผูกพันนิรันดร
หอมประดูดกดอกออกไสวเหมือนเมื่อใกล้กลิ่นกายสายสมร
นางแย้มแย้มขยายขจายจรเหมือนบังอรแย้มยิ้มให้อิ่มใจ
เห็นพวงจันทร์รัญจวนเหมือนนวลพักตร์วิไลลักษณ์ลออตาไม่ฝ้าไฝ
สุรภีหอมหวนรัญจวนใจเหมือนนางไล้ลูบประสุรภี
มหาหงส์ทรงนางเหมือนอย่างหงส์กาหลงหลงประโลมโฉมฉวี
ชงโคโยทะกาจำปาปีโอ้สักกี่ปีเล่าจะเบาใจ
เกดแก้วแก้วตานิราลับเหมือนดาวดับเดือนแรมไม่แจ่มใส
บุนนาคนาคทองของสิ่งใดไม่สดใสสำอางเหมือนปรางทอง
พิกุลตระกูลก็สมเกียรติไม่ชิดเฉียดชั่วทำให้ใจหมอง
กรรณิการ์กาแกไม่แซ่ซ้องเจ้าครุ่นครองรักนามงามเจริญ
สายหยุเหมือนพี่หยุดภิปรายทักพอสมบพักตร์เนตรนางระคางเขิน
สเมเช้าเช้าค่ำพี่ร่ำเชิญเทพเหินหาวหนให้ดลนาง
กระดังงาพี่อุส่าห์สงบปากไฉนหลากดังข่าวจนร้าวหมาง
ระกำกรรมพี่ได้ทำไว้ก่อนปางจึ่งเริศร้างแรมสงวนนวลอนงค์
พอโพล้เพล้เวลาฟ้าพยับชอุ่มอับมืดไม้ไพรระหง
จักจั่นเรไรร้องกึกก้องดงชะนีส่งเสียงหวนรัญจวนใจ
เหมือนโอ้ครวญทวนสมุทรเมื่อบุตรลบพี่โศกซบลงกับเกวียนเจียนตักษัย
เธอพลัดพรากมารดามาแต่ไพรพี่จากไกลน้องน้อยจึ่งพลอยเลือน
ครั้งพระรามเดินไพรไปในป่ายังได้น้องกับสีดามาเป็นเพื่อน
พี่เดินดงพงดอนมาค่อนเดือนไม่มีเพื่อนบุกรกเลยอกเรา
ชั้นจะมีที่รักประดักประเดิดเสียแรงเกิดมาเป็นชายไม่คล้ายเขา
อกุศลผลกรรมมาตามเงาทุกค่ำเช้าช้ำอกดังตกเตียง
ตกดึกดื่นเดือนดับพยับฟ้าสกุณาแซ่ขานประสานเสียง
วังเวงใจไพเราะเพราะสำเนียงเสนาะเพียงจะเคลิ้มหลับวับวิญญา
รื่นรื่นชื่นกลิ่นกระถินแดงให้พะวงหวาดกระสันเสน่หา
น้ำค้างตกซกกระเซ็นเย็นอุราเสียงไก่ป่าขันเจกวิเวกใจ
ครั้นจวนพระสุริยเรืองขึ้นเรือเหลืองออกปากเหมืองตัดมาเข้าป่าไผ่
มาถึงท่าตะคร้อแจ้งด้วยแสงไฟทั้งนายไพร่ขานฆ้องกองตระเวน
ตั้งแต่ทับตะโกไพรไปถึงท่ารวมมรรคาแปดร้อยเก้าเส้น
ทรงประทับพลับพลารอนแรมเวรพอสุริเยนทร์โอภาสก็ยาตรา
เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งข้ามไปฝั่งเบื้องบูรพทิศา
ประพาสทุ่งนาคราชแล้วยาตราไปประทับพลับพลากาญจนบุรี
พลับพลาแรมริมสมุทรสุดสะอาดแม้นทิพย์พิมานมาศโกสีย์
ดั่งจะรอนแรมป่าอยู่กว่าปีทั่วทั้งสี่ด้านดูดั่งบุรินทร์
ตั้งแต่ราชบุรีพลับพลาสถานหน้าเมืองกาญจนบุรีวิถีถิ่น
กับเถื่อนที่ทรงประเวศเขตคีรินจนสุดสิ้นระยะที่กะเกณฑ์
ศิริทางสถลมารคฉลากป่าสองพันห้าร้อยเก้าสิบแปดเส้น
ประทับพลับพลาไพรอยู่หลายเวรต่างกะเกณฑ์กันรักษาฝ่าธุลี
ประจำซองกองแซงทุกแห่งหนรอบมณฑลพลับพลาพนาศรี
ทั้งเรือแพแออัดในนัททีประชาชีรื่นเริงบันเทิงใจ
ทั้งเจ้าเมืองกรรมการด่านตำบลนำเหตุผลทูลฉลองสนองไข
ทรงโปรดเกล้าราษฎรนครไพรให้เฝ้าได้อภิวาทบาทบงสุ์
บ้างจัดหายาลังแลของป่าตามประสายากไร้ใจประสงค์
ให้นำขึ้นทูลถวายดังใจจงโปรดประสงค์มิประสงค์ทรงรับไว้
พระราชทานตอบแทนกว่าแสนส่วนต่างชื่นชวนปรีดิ์เปรมเกษมใส
น้อมกายถวายคำนับแล้วกลับไปโดยพระทัยทรงมหาเมตตาคุณ
ทั้งฝ่ายข้าราชการสำราญมากไม่อดอยากชุ่มชื่นทุกหมื่นขุน
เพราะบุญบารเมศพระเดชพระคุณปกเกล้าอุ่นอกอาณาประชาบาล
บ้างเที่ยวเตร่เร่หาเครื่องยาหยูกบ้างเที่ยวผูกไมตรีที่สมาน
บ้างสืบหวยเสาะหาพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญกำหนดวันได้ทันแทง
บ้างเที่ยวหานกเนื้อมาเถือพล่าบ้างเที่ยวหาตามตลาดอุจาดแสลง
บ้างกินเหล้าเมามายดูร้ายแรงบ้างเที่ยวแทงโปถั่วออกทั่วไป
แต่ตัวพี่ตรอมใจอยู่ในแต๊นด้วยโศกแสนทรวงหมองไม่ผ่องใส
ทุกเช้าค่ำรำพึงถึงอาลัยให้โหยให้ห่วงหลังเป็นกังวล
มาต่างเมืองเหมือนเมินมาเกินลับสุดจะนับนึกสังเกตซึ่งเหตุผล
จะส่งข่าวกล่าวแถลงแจ้งยุบลก็ไร้คนขัดขวางด้วยทางไกล
แสนลำบากยากเย็นอยู่เช่นนี้จะร้ายดีมิได้เห็นว่าเป็นไฉน
จะทุกข์โศกโรครานประการใดก็ยังไม่ทราบข่าวทราบคราวเลย
ให้ขุ่นคิดจิตใจไม่หายห่วงสงสารดวงฤดีเจ้าพี่เอ๋ย
เสียแรงช้ารอชมภิรมย์เชยบุญไม่เคยเคียงฉวีนีฤมล
ตั้งแต่วันพรากรักไปแรมเข็ญพี่ฝันเห็นน้องน้อยกว่าร้อยหน
นิมิตชื่นตื่นเช้าเศร้ากมลเหมือนโศกปรนทรวงปรวนให้รวนรี
เวลาเย็นเห็นแต่นกนั้นนำคู่กลับมาสู่พุ่มไม้ในไพรศรี
โอ้อกเรียมแรมมาพนาลีจะได้มีรวงรังเมื่อครั้งไร
ครวญครวญหวนระลึกจนดึกดื่นทุกวันคืนคอยแต่ทุกข์ไม่สุขใส
บางเวลาเพื่อนมิตรสนิทใจมาชวนให้บ่ายบากไปฟากเมือง
เที่ยวชมสาวชาวตลาดสะอาดเหลือเป็นจีนเจือเชื้อญวนดูนวลเหลือง
นั่งร้านรายขายของอยู่นองเนืองต่างชำเลืองตาสบหลบละอาย
โรงสุราร้านชำประจำท่าทั้งเสื้อผ้ายากรอกกร่างออกวางขาย
บ้างถักเสื้อทอผ้าหาอุบายพอซื้อขายตามประสาวนาลี
แต่ญวนจีนปีนไปอยู่นั้นดูมากเที่ยวตกลากเสาไม้ในไพรศรี
บ้างค้าขายบ่ายเบี่ยงเพียงบุรีจนมั่งมีทุนรอนนอนสบาย
ในธานีที่เมืองก็เขื่องคึกดูครื้นครึกเรือนบ้านประมาณหลาย
จวนพระยาฝากระดานสำราญกายกรมการบ้านรายระยะเมือง
ศาลากลางวางตราแลบอกบั่นยุติธรรม์ถ้ยความก็ตามเรื่อง
มีศาลเทพารักษ์พิทักษ์เมืองเจริญเรืองวัดวาประชาชี
อันถิ่นฐานกาญจนบุรีเดี๋ยวนี้ตั้งอยู่แหลมฝั่งตรงคุ้งเหมือนกรุงศรี
ชัยภูมิพาราสง่าดีเป็นธานีหน้าด่านรานณรงค์
เดิมจะเรียกปากแพร่ฤๅแควแยกเรียกปากแพรกคำโบราณท่านประสงค์
มีลำน้ำสามแควกระแสลงเดี๋ยวนี้คงชื่นขานกาญจนบุรี
แต่เมืองนี้มิใช่กาญจนบุรีก่อนสร้างนครคอยสงครามสามวิถี
ที่เมืองเดิมแดนสถานกาญจนบุรีเปลี่ยนชื่อศรีสวัสดิ์ถัดขึ้นไป
แต่เขตคามนามเมืองยังเยื้องยักอันความรักจะเที่ยงอยู่เพียงไหน
กาญจนบุรีแปลงศรีสวัสดิ์ไปเกรงอาลัยเจ้าจะแปลงน่าแคลงคลาง
แต่มั่นหมายอยู่ว่ามิตรไม่คิดคดด้วยได้ทดลองใจมาหลายอย่าง
ยังไม่เป็นด้วงแมลงที่แหนงนางเมื่อจะร้างทุจริตก็ผิดไป
             

เที่ยวประเมินเดินดูพอรู้เห็นเวลาเย็นกลับมาที่อาศัย
เวียนระวังราชกิจเป็นนิจไปกว่าจะได้กลับหลังยังนคร
วันหนึ่งเขาเล่าว่าน่าประหลาดว่าพระธาติประดิษฐานชานศิขร
ในเงื้อมถ้ำงำผาพนาดอนพัดนครออกไปไม่ไกลนัก
แสนยินดีปรีดาปรึกษามิตรที่ชอบชิดชวนกันไปใคร่รู้จัก
ออกหลังค่ายรีบรุดไม่หยุดพักคนรู้หลักแหล่งถ้ำก็นำไป
เข้าไร่ยาป่าไม้ออกชายทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเนินไศล
พูดกันเพลินเดินเรื่อยไม่เหนื่อยใจประมาณได้โมงกึ่งถึงบรรพต
ค่อยดำเนินเดินขึ้นบนคูหาดูเพิงผารุ่มสบายเมือนฉายกลด
ที่ปากถ้ำมีพระสงฆ์ดำรงพรตสำรวมอิริยาบถอยู่เอกา
แต่เมื่อเราเข้าไปท่านไม่อยู่เห็นแต่อาสน์ลาดปูในคูหา
มีย่ามกาผ้าเหลืองเครื่องบูชาอนาถน่าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ทั้งขัดเข็ญเย็นเยียบเงียบสงัดแต่สิงสัตว์เสือช้างนั้นห่างหาย
อำนาจศีลสินสรรพ์ภยันตรายสำราญกายสุโขกว่าโลกีย์
คิดจะใคร่ตัดห่วงเป็นหลวงจีนไปอยู่ถ้ำจำศีลเหมือนฤๅษี
ก็หนักหน่วงห่วงใยด้วยไมตรีไม่มีชีหุงจังหันให้ฉันเพล
แล้วรีบด่วยชวนกันไปเข้าในถ้ำมี่มืดคลำลุกล้มดั่งงมเถร
ติดตะกุกตะกักแก่งไม่แจ้งเจนต้องบ่ายเบนออกมาเที่ยวหาไฟ
จุดอัคคีเข้าไปส่องทุกช่องผาเที่ยวเสาะหาในถ้ำลำไศล
พบแต่ก้อนกรวดทรายออกรายไปจะพระใช่ฤๅมิใช่ก็ไม่รู้
อยู่กับฝุ่นมูลดินในถิ่นถ้ำบ้างขาวคล้ำคล้ายพระธาตุชาติต้องสู้
บ้างซ่อนเหน็บเก็บได้ไม่ให้ดูบ้างก็ชูเชิดอวดประกวดกัน
คนละเจ็ดแปดองค์คงเป็นได้ต่างดีใจชื่นชวนกันสรวลสันต์
บ้างละโมบโลภบ้าหาตะบันไม่ว่าชั้นชนิดใดเอาไปพอ
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวดูในคูหาบ้างเป็นฝาพื้นเกลี้ยงเหมือนเกรียงก่อ
บ้างเป็นแท่นแผ่นลาดอาสน์ลออบ้างเป็นหอห้องหับที่ลับตา
บ้างนูนมูลเหมือนมณฑลก้นกะทะบ้างเป็นปละแปลงตื้นที่ผืนผา
บ้างเป็นบ่อท่อธารชานชลาบ้างเป็นท่าทางลาดเหมือนหาดทราย
บ้างเป็นอแงอ่าวโอฆชะโงกชะง่อนบ้างกลมก้อนกลางหว่างเหมือนอ่างหงาย
บ้างพูลโผกโพรกพรุนเป็นโพรงพรายบ้างดาษดายเหมือนเพดานละลานแล
บ้างตูมตุ่มปุ่มปมเหมือนนมตั้งบ้างเป็นวังเวิ้งชะวากปากแฉว
บ้างเครอะคร่ำดำเป็นตอสะมอสะแมบ้างเป็นแควคุ้งสอกซอกศิลา
บ้างเป็นเหวหินเห็นเย็นชิดชื้อดูมืดตื้อเต็มดูในคูหา
เป็นหลืบลึกเหลือเล่ห์คะเนตาถ้าพลาดท่าก็เหมือนตกนรกตาย
บ้างเป็นฟองหินย้อยเพราะฝนหยาดเหมือนลูกกวาดตกเกลื่อนอยู่เลื่อนหลาย
ฝุ่นระคนปนงำในถ้ำรายคนจึ่งหมายว่าพระไม่คะเน
ใช่จะแกล้งท้วงทักขัดมรรคผลก็สวดมนต์อยู่ทุกวันไม่หันเห
เป็นสิ่งที่พึ่งหนึ่งแน่ไม่แปรเปรแต่ทำเลถ้ำนั้นยังหวั่นตรอง
ที่เสาะหามาไว้ใช่จะบาปแม้ไหว้กราบมีผลกุศลสนอง
จงตั้งใจหมายมาดว่าธาตุจำลองเหมือนทำนองพุทธรูปสถูปธรรม์
แต่ปัญญาข้าพเจ้านั้นเขลาซื่ออยากจะถือแต่ที่จริงทุกสิ่งสรรพ์
ก็ยังไม่พบดีที่สำคัญเพราะพระนั้นหายากลำบากใจ
แล้วออกจากลำน้ำถ้ำศิขรมาพักร้อนเพิงผาที่อาศัย
บ้างเอาพระออกประกวดอวดกันไปบ้างขีดไฟสูบบุหรี่ค่อยมีแรง
พอแดดร่มลมตกวิหคเหินชวนกันเดินเลียบผาตาแสวง
เที่ยวหาต้นจักจั่นจันทน์แดงได้มาแบ่งปันกันไม่ฉันทา
ที่ชานชั้นบรรพตเป็นลดเลี้ยวล้วนรกเรี้ยวรวกงอกบนซอกผา
ดูกร่องแกร่งแห้งกรอบหลอบในตาเพราะเป็นหน้าแล้งฝนไม่หล่นโปรย
แต่ใบไม้ร่วงเตียนยังเปลี่ยนก้านจะตายด้านแต่ไมตรีทวีโหย
มะลิวัลย์ลั่นทมยมโดยพระพายโชยชื่นถวิลว่ากลิ่นปราง
แล้วรีบเลียบลัดตัดบากลงจากเขาไปตามเค้ามรรคาเข้าป่ากว้าง
แสวงสรรพคุณยามาพลางเลยลัดทางเที่ยวไปตามไร่ยา
เห็นโรงจีนญวนตั้งอยู่กลางเถื่อนมีแต่เพื่อนเมียผัวน่ากลัวขลา
เพราะจนยากจากนครสัญจรมาอุตส่าห์หาเลี้ยงชีวิตที่คิดควร
ต้นเต็งรังยางยูงอันสูงร่มก็โค่นล้มลงเป็นฟืนพื้นเป็นสวน
เสียแรงมีมือตีนพวกจีนญวนช่วงเพียรทวนป่าไม้เป็นไร่กง
จนเจริญทรัพย์สมบัติไม่ขัดเข็ญเป็นสุขเย็นตามประสาป่าระหง
อันเงินทองนี้ไม่ว่าในป่าดงย่อมดำรงอยู่ทุกถิ่นแผ่นดินไทย
ด้วยภูมิพื้นปฐพินพระปิ่นภพไม่สิ้นจบนคราป่าไศล
ทั้งแปดทิศใต้เหนือถึงเหลือไกลเป็นมไหดิลกหล้าธานี
มีเมืองขึ้นใหญ่น้อยกว่าร้อยเศษอยู่ในเขตเถื่อนธารด่านวิถี
ห้อมล้อมกรุงทวารวดีเป็นบุรีบริวารชานนคร
โดยพระเกียรติมหาอานุภาพบำรามราบอริราชขยาดหย่อน
ไม่ต้องตั้งท่อปราการทุกด่านดอนมีนครคั่นแดนแทนปราการ
ประเทศใดในหล้าที่กล้าฤทธิ์ก็มาสนิทนอบน้อมยอมสมาน
ถวายสุวรรณบุปผาบรรณาการเพราะภินิหารบุญญาบารมี
อนึ่งพระองค์ทรงธรรม์ทศพิธประกอบกิจพระกุศลราศี
บำรุงราชศาสนาประชาชีทั้งธรณีนิราศเข็ญเย็นฤทัย
ในมณฑลมงคลคุ้งกรุงสยามเจริญงามทั่วพิภพสบสมัย
ทั้งข้าวปลาฟ้าฝนผลไม้ก็พร้อมไพบูลย์ถูกทุกตำบล
มีบ่อแร่ทองทรายไม้ขอนสักทั้งพืชภักษ์ปฐพีก็มีผล
แลทางท่าค้าขายหลายตำบลแระชาชนหากิ่นทุกถิ่นไป
ประเทศอื่นชั้นแต่ฟืนก็หายากเหลือลำบากยากจนพ้นวิสัย
จะหาเงินแต่ละเฟื้องก็เคืองใจไม่หาได้คล่องแคล่วเหมือนแถวเรา
แต่อย่างนั้นบางคนยังบ่นออดลงนอนทอดโทษว่าเคราะห์เพราะพระเสาร์
มาเสวยอายุจึ่งมุเมาให้เวียนเคล้าโปหวยจนซวยโซ
ที่จริงเพราะขี้เกียจเข้าพระเสาร์ผุฝาทะลุหลังคาร่วงจนกลวงโหว่
ตั้งแต่โจทย์โทษพระเสาร์เฝ้าพาโลท่านโกรธโกรธาเคืองด้วยเรื่องไร
ความยากจนเราท่านทุกวันนี้ก็เพราะขี้เกียจคร้านการไถล
ครั้นกรอบเกรียนเหี้ยนโหดจะโทษใครจะโทษได้ก็แต่กรรมเป็นธรรมดา
อันเรียนศิลป์แสวงทรัพย์เกินไศลแม้เร็วไว้ปรูดปราดก็พลาดท่า
ในสามกิจคิดประกอบชอบช้าช้าต้องอุตส่าห์หากินอย่าหมิ่นใจ
ประเทศอื่นไม่รื่นเรืองเหมือนเมืองนี้ทุกเดือนปีต่างภาษามาอาศัย
ทุกแดนกรุงทุ่งเขาลำเนาไพรเหมือนเขตไร่ญวนย่านกาญจนบุรี
จะสรรเสริญเจริญพระราชอาณาเขตสุดสังเกตบ้านเรือนเถื่อนวิถี
ได้ชมดูอยู่เพียงไร่ใกล้บุรียังเต็มที่เหนื่อยล้าระอาใจ
ตอก็แล้งแห้งผากบากเข้าสวนถึงไร่ญวนหยุดสำนักพักอาศัย
เจ้าของโรงต้อนรับคำนับใจบุหรี่ไฟเชียนสลาน้ำชาชง
เชิญให้พักชักให้กินเหมือนชินชอบแล้วพูดตอบไตาถามตามประสงค์
ดูท่วงทีมีอาชาชาวป่าดงเพราะเขาปลงใจว่าข้าราชการ
โดยพระเดชพระปรมินทร์พระปิ่นโลกรำงับโศกปกเกล้าเหล่าทหาร
ประชาชนทั่วถิ่นไม่หมิ่นพาลบำราศราญราคินสิ้นทั้งปวง
ครั้นเย็นลงเลยลามาสำนักยังที่พักแต๊นรายริมค่ายหลวง
หวนคนึงถึงสมรสะท้อนทรวงด้วยลับล่วงเลยมาก็ช้านาน
พอทราบข่าวว่าจะเสด็จกลับไปประทับราชบุรีที่สถาน
ความยินดีดั่งจะได้ไปวิมานทวยทหารร่านเริงบันเทิงใจ
พนักงานจัดเรือพระที่นั่งทั้งบัลลังก์รองเรียงเคียงไสว
เทียบประทับกับท่าชลาลัยพอฤกษ์ได้บ่ายโมงเศษเสด็จพลัน
เรือแห่นำซ้ายขวาหน้าหลังดาประดังดาษชลพลขันธ์
ดั่งพยุหนาวาคลาจรัญต่างผายผันเรือตามออกหลามไป
ปิกนิกโบทญวนแหวดแวดล้อมสะพรึบพร้อมธงทิวปลิวไสว
บ้างแจวแข่งแซงเคียงเกี่ยงกันไปชลาลัยเป็นระลอกกระฉอกคลอน
ที่ลำเดียวเปลี่ยวปลอดไม่ทอดร่ายเร่งฝีพายรีบรุดไม่หยุดหย่อน
ที่ห่วงเค้าข้าวหอก็รอจรไม่รีบร้อนเร่งไปทำใจเนือย
ที่คอรักสักวาก็ล้าหลังเสียงโทนทั่งรำมะนาพัดชาเฉื่อย
แต่ลำเราเปล่าปลี้เหมือนชีเปลือยไม่อาจเอื่อยเอ่ยออมตรอมกมล
ถึงแควน้อยพลอยคะนึงถึงน้องน้อยจะเปรมคอยฤๅจะปรวนหวนฉงน
พี่ท้อแท้แต่น้ำใจจะไม่ทนเหมือนสายชลแควน้อยเมื่อถอยลง
ถึงสีโละชั่งอาลัยได้หลายโละไม่ปู้โหละน้ำหนักเพราะรักหลง
จะสอบตรงชูเต็งก็เล็งตรงหวั่นพะวงสวาทไกลจะใจเบา
ถึงสำรองสำรองใจไปฝากรักสมัครหมายน้อมโน้มโฉมเฉลา
ขอให้น้องสำรองรักไว้คอยเราฤๅจะเปล่าเช้าค่ำไม่สำรอง
ถึงท่าเรือพระแท่นดงรังรกไม่แวะวกนบใจไปสนอง
ต่างประทีปเทียนชัยมาลัยกรองเคารพสองบัวบาทพระศาสดา
แล้วตั้งสัตย์อธิษฐานการกุศลที่ส่วนตนได้กระทำตามประสา
จงจุนใจไปทุกชาติอย่าคลาดคลาให้ผ่องผาสุกสวัสดิ์ขจัดภัย
หนึ่งราคะอกุศลระคนชั่วจงเกลียดกลัวอย่าได้ติดในนิสัย
สิ่งใดเข็นเป็นกุศลมงคลไปขอให้ได้ปฏิบัติเป็นอัตรา
ถึงลูกแกแกกาไม่วาว่อนแต่เรียมร่อนนิราศเร่เสน่หา
ก็นับเดือนมิได้เยือนวนิดาลูกแกกาไม่บอกข่าวเราบ้างเลย
ท่ากระทุ่มกระทุ่มทิ้งมาทั้งรักวิตกหนักอุรพานิจจาเอ๋ย
ทุกโมงทุ่มทอดใจไม่สะเบยเหมือนกายเกยกองอัคคีทุกวี่วัน
ถึงบ้านโป่งใครช่างมานั่งโป่งจะยิงโขลงช้างเสือฤๅเนื้อสมัน
ฤๅปิดตาอยู่โยงจนโป่งครรภ์ถ้าเช่นนั้นอย่าให้พ้องกับน้องยา
ถึงเบิกไพรใครมาเบิกพระไพรหาญจึ่งมีศาลเทวฤทธิ์สถิตป่า
จะหาฤกษ์เบิกรักแต่สักคราให้พยากรณ์ฤกษ์เหมือนเบิกไพร
เรือขึ้นล่องต้องพักพำนักก่อนมะพร้าวอ่อนบายศรีตองแลฟองไก่
ทั้งเทียนธูปบุปผาหาขึ้นไปคำนับไหว้วันทาเทพารักษ์
แต่ลำเราธูปเทียนก็เตียนหมดพฤกษาสดเก็บกิ่งไม้เอาไปปัก
ว่าสุขีสุขีที่พำนักขออารักษ์คุ้มกันอันตราย
ที่ศาลอยู่ดูสันโดษนิโครธครึ้มสงัดหงึมเงียบไพรน่าใจหาย
สะพรั่งพฤกษ์ร่มเย็นเห็นสบายแต่ระคายข่าวว่ามีกุมภีล์พาล
ครั้นเสร็จทำบำบวงล่วงลีลาศถวิลสวาทอ้างว้างมากลางสนาน
ระเถื่อนเรือนบางทางกันดารเหมือนรักรานเรือเดียวมาเปลี่ยวลำ
นครชุมเหมือนน้องชุมนุมนั่งดูเปล่งปลั่งกลางประชุมสุขุมขำ
สะอาดทรงวงนัยนาดำจะหาก้ำเกินนี้ไม่มีชุม
โพธารามเมื่อยามอร่ามรักให้อึกอักหนักอกเหมือนตกหลุม
เพราะมีที่กีดขวางระคางคุมจึ่งกลัดกลุ้มใจอยู่ไม่รู้วาย
ถึงบางเลาพอเป็นเลาอาลัยแล้วมาคลายแคล้วเคลื่อนคลาดสวาทหาย
อยู่ไกลมือเกรงจะรื้อรานระคายไม่เห็นลายแล้วก็เลือนที่เงื่อนงำ
ถึงเจ็ดเสมียนวานเสมียนจงเขียนต่อช่วยเติมข้อพ้อคารมให้คมขำ
จะฝังฝากรักไว้ที่ใจดำให้สมน้ำใจเราที่เมามัว
ตำบลเจ็ดเสมียนจำเนียรนี้นิทานมีผู้เฒ่าเล่ากันทั่ว
ว่าจระเข้เร่กายขึ้นหลายตัวจนมืดมัวไม่น้อยกว่าร้อยพัน
บ้างโผล่ลอยเลียบฝั่งบ้างกลางน้ำออกคลาคล่ำคำกล่าวดูข่าวขัน
เสมียนหนึ่งนับกำหนดจดไม่ทันต้องช่วยกันเบ็ดเสร็จถึงเจ็ดนาย
แล้วเลยล่องมาถึงคลองบางสองร้อยคะนึงถึงน้องน้อยไม่หน่ายหาย
นารีอื่นรื่นรวยสักร้อยรายก็ไม่หมายคบค้าเป็นราคี
ถึงบ้านหม้อเดิมเตาเขาเผาหม้อจึ่งเกิดก่อโคกบ้านสถานที่
เขายังดีมีหม้อข้าวเตาอัคคีเราไม่มีหม้อข้าวเปล่าอุรา
ถึงวัดตาลน้ำตาลว่าหวานล้ำไม่หวานฉ่ำเฉื่อยฉิวเหมือนชิวหา
แต่ลิ้นชายจืดชืดไม่โอชาจะพูดจาจับเส้นเป็นเถรตรง
ถึงอารามนามวัดหน้าพระธาตุอภิวาทระลึกความตามประสงค์
เห็นอารามพุทธปรางร้างเป็นพงเห็นรักคงจะร้างราเหมือนอาราม
ข้างฝั่งบูรพ์ราชบุรีที่ประเทศเป็นบริเขตรอมไรในสยาม
ภูมิสถานบ้านเมืองก็เรืองงามเจริญความสุขเย็นไม่เข็ญเคือง
นรชนกล่นเกลื่อนเรือนสล้างทำฟืนฟางไร่นาในป่าเหมือง
บ้างจอดแพขายของอยู่นองเนืองดูเนื้อเหลืองสวยสาวสักคราวนาง
จะชมอื่นก็ชื่นเหมือนชมมิตรถึงหน้าจวนจวนจิตจะจากร่าง
ถึงค่ายหลวงล่วงพ้นตำบลบางพลางจอดนาวาที่ท่าวัง
เรือหลามตามตลิ่งชิงกันจอดเต็มตลอดฝั่งชลาหน้าหลัง
ปางพระจอมจักรพงศ์ดำรงวังเสด็จยังที่ประทับพลับพลา
แรมรอนผ่อนพักพลหลวงทุกกระทรวงเกษมสันต์หรรษา
ประชาราษฎร์ชื่นชมภิรมยานบพระเดชเดชาบารมี
ผู้ว่าราชการเมืองกรมการมาประสานน้อมเกล้าเกศี
ทูลแถลงแจ้งเหตุร้ายดีพระบารมีปกเปลื้องทุกเรื่องไป
ดั่งษิโณทกทิพย์อากาศมาประพรมประชาราษฎร์ให้เย็นใส
ทั่วนครนิคมพนมไพรบูชาไหว้อภิวาทบาทบงสุ์
ครั้นรุ่งเตรียมโยธานาเวศด้วยสิ้นเขตรายระยะพระประสงค์
เสด็จจากราชบุรีที่ดำรงเฉพาะตรงกรุงทวารวดี
ต่างเคลื่อนนาวาเนื่องมาเบื้องหลังแวดระวังภิบาลบาทบทศรี
คั่งคับสับสนนาวีถึงกรุงศรีอยุธยามหานคร
ซึ่งข้าบาทไปราชการหลวงสิ่งทั้งปวงก็เป็นสุขสโมสร
โดยพระเดชนฤบดินทร์ปิ่นนิกรขจัดร้อนด้วยอำนาจบาทมูล
ขอพระองค์ทรงสุขศิริสวัสดิ์ดำรงรัตน์ราชัยมไหศูรย์
ให้ผ่องเหมือนเดือนเด่นเมื่อเพ็ญบูรณ์พระราชประยูรวงศาจงถาวร
หนึ่งโภไคยในพระคลังทั้งสิบสองเจริญพูนมูลมองอย่าพร่องหย่อน
สมณพราหมณ์อำมาตย์ราษฎรจงอวยพรพร้อมกันกตัญญู
ทั้งพืชพันธุ์ธัญญาหารที่หว่านปลูกให้ทั่วถูกทุกตำบลที่คนอยู่
จบจังหวัดวรรษาจงพร่าพรูตามฤดูปีเดือนอย่าเคลื่อนคลา
ขอสิ่งซึ่งเป็นใหญ่ในพิภพมาบรรจบภิบาลรักษา
กรุงเทพโกสินทร์มหินทราอยู่ชั่วสิ้นศาสนาพยากรณ์
ซึ่งเจริญเรื่องสังวาสนิราศนี้มิได้มีประสงค์ตรงสมร
ที่กล่าวความนามนางเป็นทางกลอนดั่งอาภรณ์ประดับพจน์พองดงาม
ดำริสฤษดิ์คิดไว้เหมือนหมายเหตุคราวทุเรศราชกิจไม่คิดขาม
กตัญญูมุลิกาพยายามโดยได้ตามเสด็จไปในไพรเอย ฯ
             
๏ ศิริพากย์สุวภาพสิ้นสารครวญ
ผิดชอบอดสำรวลเยาะแย้ม
รีบคิดกิจราชจวนวันกลับ จบฤๅ
เกินตัดขาดติแต้มตกแก้วงกา ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

กาญจนบุรีศึกษา ๒๕๔๒

เครื่องมือส่วนตัว