นิราศท่าดินแดง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ข้อมูลเบื้องต้น)
(ข้อมูลเบื้องต้น)
 
แถว 5: แถว 5:
'''พระราชนิพนธ์''' [[ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]]
'''พระราชนิพนธ์''' [[ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]]
-
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า [เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง]
+
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า [[เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง]]
==บทประพันธ์==
==บทประพันธ์==

รุ่นปัจจุบันของ 07:11, 24 กุมภาพันธ์ 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง

บทประพันธ์

๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สมร
ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทรสถาวรพูนสวาดิสวัสดี
ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตรอัคเรศงอนงามจำเริญศรี
แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวีมีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล
อันราคีมิให้เคืองระคางข้องปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน
หวังสวาสดิ์มิรู้ขาดอารมณ์ครวญเป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา
เกษมสุขภิรมย์สมสมานเคยสำราญมิได้แรมนิราศา
ไม่นิราศขาดชมสักเวลาบำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน
นิจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกลมาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหสวรรย์
ก็เพราะมีอธิราชไภยันเข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์
จึงต้องกรูกรีธาพลากรมาจำจรจากสุขเกษมสม
สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชมก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น
เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถานแสนสงสารสุดอาไลยใครจะเห็น
พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็นเพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา
      ๏ ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึงคนึงในให้หวนละห้อยหา
ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนายิ่อาทวาอาวรณ์สท้อนใจ
ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแลให้หวาดแหวอารมณ์ดังลมไข้
จนลุล่วงคลองชลามหาไชยย่านไกลสุดสายในตาแล
เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศเหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห
ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแดจนล่วงกระแสสาครบุรีไป
ลุสถานบ้านบ่อนาขวางให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้
ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรใจมิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม
เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้วแคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ
คล้ายคล้ายอัษฎงค์พระสุริยันก็บรรลุถึงคลองสุนัขใน
พอชลาถอยถดลดลงฝั่งเรือดั่งเคืองเขินไม่เดินได้
พลพายรายกันลงเข็นไปเหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา
๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรืองแสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลาประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้นผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม
ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชมยิ่งเกรียบกรมสุดแสนระกำใจ
ให้ปั่นป่วนหวนสวาสดิ์ประวัติหาจะดูใครไม่พาใจชื่นได้
จึงให้ออกนาวาคลาไคลรีบไปตามสายชลธี
อันเรือหลังตั้งกันสิ้นทั้งหลายก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่
โห่สนั่นครั่นครึ้นทั้งนาวีมีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน
เสียงเส้าเร้าเร่งพลพายเหมือนรักหมายสายสวาททุกขุมขน
ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจลถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว
ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถานให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว
ดังเอกามาแต่นาวาเดียวเปลี่ยวสวาสดินิราศไร้ภิรมย์ชม
      ๏ มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียงทั้งสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม
เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก
แสนทุเรศเวทนานิจาเอ๋ยนี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก
ได้ระกำช้ำใจมาหลายยกหวังจะป้องปิดปกให้พ้นไภย
มิให้หมู่พาลาอาธรรม์มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้
จึงสู้สละรักหักใจมาทนเทวษอยู่ไกลเอกา
      ๏ ถึงบำหรุเหมือนพี่นิราศรักให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา
ครั้นลุราชบุรีภิรมยาที่อาทวาหักอารมย์ค่อยสมประดี
จึงรีบรัดจัดหมู่โยธาให้อยู่รักษาบุรีศรี
ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวีก็จรลีนาเวศทุเรศจร
ด่วนเดินทางโดยทางชลมารคแสนลำบากด้วยร้างแรมสมร
กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์
ถึงท่าราบเหมือนพี่ทาบทรวงถวิลยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวันจนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา
ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมายมารายทุกข์ที่ทุกข์คนึงหา
จึงรีบเร่งนาเวศครรไลยคลาพอทิวากรเยื้องจะสายัณห์
ก็ลุถึงวังศาลาท่าลาดชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร
จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้นพอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ
พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวดชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ
เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกรานนุ่งห่มสะคราญจำเริญตา
ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึกห้าวฮึกขอขันอาสา
ไม่คิดกายขอถวายชีวาพร้อมหน้าถ้วนทุกตัวไป
แต่ตริการที่จะผลาญอรินราชจนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข
ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย
ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารักภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย
บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงรายกรกรายโบกพัชนีพาน
ยิ่งเร่าร้อนทอนทอดฤทัยทุกข์เมื่อเคยสุขฤามาเสื่อมทุกสิ่งสมาน
จนลืมหลงที่ดำรงดำริการแต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี
จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อนให้ยกพลนิกรออกจากที่
กระบวนทัพซับซ้อนมามากมีโห่มีสะเทือนก้องท้องวาริน
      ๏ ถึงม่วงชุมเหมือนเคยประชุมเฝ้ายิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประวัติถวิล
ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณแดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์
แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาสดิด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน
ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบานแต่นี้นานสวาสดิ์เว้นไม่เห็นใคร
ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพลพร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่
ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซ้สารพัดแต่งไว้ทุกประการ
จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพสรรพด้วยพยุหทวยหาญ
ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการครั้นได้ศุภวารเวลา
ให้ยกพลขึ้นทางไทรโยคสถานทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา
จะสังหารอริราชพาลาอันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง
      ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง
จึงให้ยกพหลรณแรงล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน
ไปโดยพยุหบาตรรัถยาพลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกันโห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร
รีบเร่งพลพายให้เร่งพายฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาลชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทางแก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลาใครจะเห็นเวทนาบรรดามี
สองวันบรรลุถึงวังยางคนึงวังอ้างว้างเกษมศรี
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรีโอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมรให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคลมาถึงไศลชลชีสีขริน
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยวอยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิลปักษินบินร้องร้องระงมไพร
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขาบ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัยอกเราฤาจะไม่เวทนา
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกาคิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิตมาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร
สารพัดจะวิบัติอนาทรแต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา
      ๏ ครั้นมาถึงวังนางตะเคียนพิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลาสาขารื่นรมสำราญใจ
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้างเหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว
ชมพลางพลางรีบนาวาไปบรรลุล่วงมาได้หลายตำบล
มาพลางทางแสนคนึงหานัยนาแลลับไพรสณฑ์
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทนจนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาดรุกขชาติรื่นรวยสวยสม
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชมลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา
มีท่อธารน้ำพุดุดันตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตาเซนซ่าดังสายสุหร่ายริน
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพตเลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น
น้ำใสไหลรินซอกศิขรินแสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริงบันเทิงจิตพิศวงหรรษา
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมาให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนานสุธาธารทิพรสสดใส
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลยมาร้างไร้สุคนธกำจร
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรงอันบรรจงทิพรสเกษร
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกรทีนี้มาจำจรอยู่เอกา
ชมเขาลำเนาพนาวาศแสนสวาดิไม่วายถวิลหา
      ๏ ถึงไทรโยคปลายแดนนัครามิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล
แต่เห็นทางท่าชลานั้นเป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล
ยากที่นาวีจะหลีกไปจึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา
เร่งรีบคชสารอัสดรบทจรตามแถวแนวพฤษา
ชมพรรณมิ่งไม้นานาบ้างทรงผลผกาเขียวขจี
ลางต้นสาขาดูน่าชมรื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี
สดับเสียงปักษาสุวาทีลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพรแม่ม่ายลองในในป่าระหง
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพงส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรีจำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวนกำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้องวิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบยลมโชยคันธรสจรุงใจ
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดงเหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่
แรมรอนนอนแนวพนาไลยแต่ไศลป่าระหงดงดอน
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพรยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด
วายุพัดพานดวงศศิธรเขจรจรบังเมฆมิดสนิท
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิดสะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝนมาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหาในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวงไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พักพี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไปจะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิทยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน
      ๏ จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณจึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา
ออกจากเนินผาศิลาพนัสเร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา
ไปตามแนวแถวในพนาวาพอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมายให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกรทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดงแต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมีดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ
มีทั้งพ่อค้ามาขายร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน
ด้านหลังท่าทางวางตะพานตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่ายถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคนจนตำบลสามสบครบครัน
อันค่ายคูประตูหอรบตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกันเป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรันสามวันพวกพม่าก็พังพ่าย
แตกยับกระจัดพลัดพรายทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตรเหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพีด้วยเดชะบารมีที่ทำมา
      ๏ ตั้งใจจะอุปถัมภกยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมารักษาประชาชนแลมนตรี
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รักให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรีก็ให้กรีธาทัพกลับมา
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อนด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลาแต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรสจะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล
อันบำราบรบราชไพรินถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย
ก็พอจะพยายามตามตีให้ชนะไพรีจงได้
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลายยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน
ฤาในจิตคิดอ่านประการใดอย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

ประยุทธ สิทธิพันธ์ สามวัง ไม่ระบุปีที่พิมพ์

[1]

เครื่องมือส่วนตัว