กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
Admin (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''บทนำและชมโฉม''' <tpoem> '''เจ้าฟ้า''' ธรรมท่านแท้ พยายาม …')
แตกต่างถัดไป →

การปรับปรุง เมื่อ 17:32, 26 มิถุนายน 2552

บทนำและชมโฉม

      เจ้าฟ้า ธรรมท่านแท้พยายาม
ธิเบศร์ กุมารนามบอกแจ้ง
ไชยเชษฐ ปัฐคามภิรภาพ
สุริยวงศ์ ทรงกาพย์แกล้งกล่าวเกลี้ยงโคลงการ ฯ
      กาพย์โคลงชมเถื่อนถ้ำไพรพง
เจ้าฟ้าธิเบศร์ทรงแต่งไว้
อักษรบวรผจงพจนาดถ์
ใครอ่านวานว่าให้เรื่อยต้องกลโคลง ฯ
      สองชมสองสมพาสสองสุดสวาทสองเรียงสอง
สองกรสองตระกองสองคลึงเคล้าเฝ้าชมกัน ฯ
      สองชมสมพาสสร้อยศรีสมร
สองสมพาสสองเสมอนอนครุ่นเคล้า
สองกรก่ายสองกรรีบรอบ
สองนิทร์สองเสน่ห์เหน้าแนบน้องชมเชย ฯ
      ชมเผ้าเจ้าดำขลับแสงยับยับกลิ่นหอมรวย
ประบ่าอ่าสละสลวยคือมณีสีแสงนิล ฯ
      ชมเกศดำขลับเจ้าสาวสลวย
แสงระยับหอมรวยกลิ่นแก้ว
ละเอียดเสียดเส้นสวยประบ่า
คือมณีเนื้อแล้วคลับคล้ำแสงนิล ฯ
      ไรน้อยรอยระเบียบเปนระเบียบเทียบตามแนว
ริมเกล้าเพราสองแถวปีกผมมวยรวยไรนาง ฯ
      ไรน้อยรอยแหนบทึ้งถอนแถว
เป็นระเบียบตามแนวรอบเกล้า
ริมเผ้าเพราพริ้งแววแลเลิศ
ผมมวยรวยปีกเจ้าเรียบร้อยไรงาม ฯ
      พิศงามตามนะลาตสายสุดสวาทผาดผายขึง
ราบผ่องดวงพอพึงฤดีกลุ้มคลุ้มดวงแด ฯ
      พิศพรรณนะลาตเจ้าใครถึง
สุดสวาทผาดผายขึงอ่าหน้า
ราบผ่องดวงพอพึงใจโลก
ยวลฤดีในหล้าคลั่งคลุ้มใฝ่ฝัน ฯ
      ชมขนงก่งเกาทัณฑ์ดำเป็นมันกันเฉิดปลาย
เป็นระเบียบเรียบรอยรายชายชำเลืองเยื้องยวลงาม ฯ
      ภมูธนูหน่วงน้าวเหมือนหมาย
ดำมีมันกันปลายเฉิดช้อย
ระเบียบเรียบงามชายชมชื่น
เหลือบแลแต่สักน้อยเพริศพริ้งเพราคม ฯ
      ชมน้องสองไนยนาแลมาชายละลายอารมณ์
เพราพริ้มยิ้มตาคมเป็นมันเคลือบเหลือบแลงาม ฯ
      พิศน้องสองเนตรพริ้มเพราคม
ขนเนตรงามสวยสมสั่งด้วย
เมียงม่ายชายเชยชมแสนลาภ
เป็นโทษหรือเกรงม้วยเษกซร้องมองดู ฯ
      นาสาอ่าแลเลิศงามประเสริฐเกิดด้วยบุญ
เหมือนของามลมุนลม่อมเจ้าเพราเพริศจริง ฯ
      นาสิกแลเลิศล้ำใครปูน
งามแง่แท้เที่ยงบุญเลื่องหล้า
คือของอสวยสุนทเรศ
เพราเพริศพริ้งจริงเจ้าอ่าพ้นฝูงหญิง ฯ
      โอฐงามยามยิ้มแย้มคางแสล้มแก้มเปรียบปราง
ทองแท่งแกล้งขัดกลางทาผิวเนื้อเยื่อใยนวล ฯ
      โอฐงามยามยั่วยิ้มแดงสอง
แฉล้มคางปรางเปรียบทองก่องแก้ม
ผิวพรรณสุวรรณปองเทียบทาบ
นิ่มเนื้อเมื่อสรวลแย้มยิ่งเย้าใจชาย ฯ
      พิศฟันรันเรียบเรียบเป็นระเบียบเปรียบแสงนิล
พาทีพี่ได้ยินลิ้นกระด้างช่างเจรจา ฯ
      ชมทันต์รันเรียบริ้วเรียมถวิล
ระเบียบเรียบแสงนิลย่องย้อย
พาทีพี่ฟังยินพจนาดถ์
ลิ้นเล่ห์เสนาะเพราะถ้อยกล่าวเกลี้ยงเสียงใส ฯ
๑๐
      พิศกรรณอันนฤมลกลีบอุบลยลเปรียบปลาย
หูไงใจแม่นหมายคอยสั่งใดได้ยินเร็ว ฯ
      กรรณาน้อยแน่งเนื้อนฤมล
คือกลีบอุบลยลเลื่องหล้า
หูไวใจแม่นผลบุญแต่ง
เรียมคอยสั่งใดเจ้าด่วนได้ยินพลัน ฯ
๑๑
      พิศพักตร์ลักขณาน้องเป็นนวลผ่องก่องกลมหมาย
แจ่มจันทร์วันเพ็ญฉายนวลงามนักพักตร์อรเหมือน ฯ
      ชมพักตร์ลักษณ์อ่าอ้างโฉมฉาย
นวลผ่องกล่องกลมหมายมุ่งต้อง
แจ่มจันทร์วันเพ็ญคลายมูลเมฆ
นวลพักตราแห่งน้องพี่นี้มีเหมือน ฯ
๑๒
      พิศพรรณกัณฐาน้องริ้วตกปล้องนวลผจง
กล่อมเทียบเปรียบคอหงส์ไม่ยาวยื่นชื่นชมงาม ฯ
      กัณฐาพิศเพ่งเจ้าสมองค์
ริ้วปล่องผ่องนวลผจงเปล่งปล้อง
กลมเทียบเปรียบคอหงส์รวยรูป
สวยสมกลมคอน้องห่อนหยื้นยาวงาม ฯ
๑๓
      ชมบ่าอ่างามผายอกหมายราบปราบกดานทอง
นมเคร่งเต่งทั้งสองคือบงกชสดดอกขาว ฯ
      ชมกายผายบ่าเจ้าชายปอง
ทรวงราบปราบกดานทองเรียบร้อย
นมเคร่งเต่งเต้าสองเคียงคู่
คือบงกชสดน้อยเต่งตั้งดวงขาว ฯ
๑๔
      กรน้อยทั้งสองข้างเปรียบงวงช้างพระอินทรา
เปลากลมสมกายายามเมื่อเจ้าเท้าแขนงาม ฯ
      กรน้อยเปรียบเช่นช้างไอยรา-
วัณแต่งวงเอามาเทียบเจ้า
เปลากลมสมกายาเรียวรูป
คราวเมื่อน้องนั่งเท้าอ่อนล้ำแขนงาม ฯ
๑๕
      นิ้วนางพี่พิศเพี้ยนเล็บย้อมเทียนแสงเฉิดฉัน
นิ้วแดงแสงมีพรรณกลมคือปั้นฟั่นเทียนกลึง ฯ
      นิ้วนางเรียวรูปต้องตาเรียม
เล็บแดงทับทิมเทียมก่ำแก้ว
นิ้วแดงใคร่และเลียมโลมลูบ
งามเปรียบเทียนฟั่นแล้วช่างซ้ำเกลากลึง ฯ
๑๖
      เอวอรอ่อนรทวยสะอาดสวยรวยรูปจริง
น้องอ่ากว่าฝูงหญิงงามแต่เจ้าเล่าฦาโฉม ฯ
      เอวอรอ่อนพี่หย้อมแอบอิง
สมสอดสวยรวยจริงจึ่งเหล้า
น้องอ่ากว่าฝูงหญิงในโลก
รูปร่างงามแต่เจ้าเลื่องหล้าฤาโฉม ฯ
๑๗
      นาภีพี่นอนแนบบางระแทบแอบอิงองค์
ตระโพกรัดบขัดทรงรวาดรวายชายพอใจ ฯ
      นาภีพี่แนบเน้นนวลผจง
บางระแทบแอบองค์นิ่มน้อง
ตะโพกรัดบขัดทรงรวยรูป
สูงระวาดชายต้องชอบเนื้อพึงใจ ฯ
๑๘
      ชมเพลาเจ้าเรียวรวยคือต้นกล้วยสวยสดเปลา
เข่าแข้งงามกว่าเพลาหรือพรหมกลึงจึงนางงาม ฯ
      อุรูดูเรียบร้อยคือเหลา
ลำกล้วยกลมปลายเปลาห่อนแห้ง
ชังฆาธนูเหลาเฉลิมรูป
หรือว่าพรหมกลึงแกล้งแต่งให้นางงาม ฯ
๑๙
      บาทางค์นางทั้งคู่ดูก็งามตามกายา
นิ้วน้อยสร้อยสมสารูปของเจ้าเพลาครบครัน ฯ
      บาทางค์ทั้งคู่ต้องเตือนตา
ชมแต่บนเกศาตราบเท้า
นิ้วกลมสมลักขณานวลนิ่ม
ชมชื่นร่างของเจ้าเพริศพร้อมสมควร ฯ
๒๐
      ชมล้วนถ้วนสารพางค์สุดแต่นางร่างเฉิดฉิน
นารีที่แดนดินคนใดใดไม่เสมอสมร ฯ
      ชมล้วนถ้วนสิ่งสิ้นสรรพางค์
งามแต่นางควรวางแท่นไว้
นารีที่ดินทางภูวโลก
หาแห่งใดไม่ได้ดั่งน้องเสมอสมร ฯ
๒๑
      กรรมใดให้จำจากเป็นวิบากพรากกันจร
ไกลข้างร้างแรมอรให้พี่คร่ำร่ำโศกา ฯ
      กรรมใดจำจากเจ้าสายสมร
ลำบากพรากเจียวจรจากข้าง
ไกลข้างร้างแรมอรวรภาคย์
เรียมคร่ำครวญอ้างว้างแหบไห้โหยหา ฯ
ครวญตามเวลา
๒๒
      ย่ำฆ้องเจ้าพี่เอ๋ยพี่ย่อมเคยเชยพักตรา
จุดไฟให้บูชาพระพุทธเจ้าเจ้าเคยเตือน ฯ
      จตุรารุณเรื่องเรื้องเพลา
เรียมย่อมชมพัตรานั่งน้อม
จุดไฟให้บูชานบนอบ
พระพุทธเจ้าเจ้าหย้อมนั่งเฝ้าคอยเตือน ฯ
๒๓
      โมงเช้าแล้วเจ้าพี่เจ้าถ้วนถี่ดีการเรือน
หญิงใดไม่มีเหมือนใช้สอยดีพี่เคยชม ฯ
      โมงหนึ่งคนึงเจ้าเร่งสติเฟือน
เจ้าถ้วนถี่การเรือนสั่งชี้
หญิงใดไม่มีเหมือนนางเนตร
รู้นพครบการผี้ช่วยต้องใจชม ฯ
๒๔
      สองโมงเช้าหึ่งหึ่งพี่ตลึงกอดเข่าเหงา
เวลามาทันเราพี่กับเจ้าไม่เห็นเลย ฯ
      สองโมงหุ่ยหุ่ยเข้าเรียมคนึง
พี่กอดเข่าเหงาตลึงโศกเศร้า
เวลาเท่าทันถึงจำพราก
กรรมพี่กับกรรมเจ้าหากให้เห็นกัน ฯ
๒๕
      เพลาสามโมงเช้าเจ้าแต่งองค์ทรงน้อยงาม
พูดจาว่าถ้อยความตามมีกิจนิตย์เนืองมา ฯ
      ไตรยานาฬิกาเช้าโฉมยง
ตกแต่งอรองค์ทรงแน่งน้อย
พูดจาว่าความจงภักดิ์เลิศ
มีกิจพิดทูลถ้อยแก่เรื้ยมเสมอมา ฯ
๒๖
      เจ้าพี่สี่โมงเช้าดูกับเข้าแลของหวาน
เสร็จเจ้าเอามากรานหมอบพัดวีพี่เกษมสันต์ ฯ
      สี่โมงเช้าเจ้าพี่หย้อมดูการ
เครื่องเข้าเล่าของหวานแต่งไว้
เสร็จเจ้าเข้ามากรานกรายแซ่
โบกปัดพัดวีให้พี่นี้สำราญ ฯ
๒๗
      เพลาห้าโมงเช้าเรียมกินเข้าเจ้ามาคัล
ว่องไวใช้สอยขยันหานางใดไม่เหมือนเลย ฯ
      ห้าโมงยามเมื่อเช้าเชยอร
กินเข้าชมนวลสมรหมอบเฝ้า
ว่องไวใช้สอยขยันนางอื่น
หาสตรีเปรียบเจ้าห่อนได้เหมือนเลย ฯ
๒๘
      ย่ำเที่ยงเข้าหึ่งหึ่งเคยเคล้าคลึงรึงกายา
เสน่ห์สนิทนิทรามาบัดนี้พี่เห็นเลย ฯ
      ย่ำเที่ยงหึ่งหึ่งก้องนาฬิกา
เคยเกลือกคลึงกายาไขว่ข้าง
สมสนิทนิทราสาทรภาพ
ไกลพี่เปลี่ยวอ้างว้างคลาศเคล้าฤาเห็น ฯ
๒๙
      บ่ายโมงพี่โกรงกลุ้มจิตคลั่งคลุ้มสุมดวงแด
เจ้าพี่พี่จะแปรหน้าไปต่อรอใครเลย
      บ่ายโมงทุกข์พี่กลุ้มคอยแล
จิตคลั่งทรวงดวงแดสลัดหลิ้ม
แก้วพี่จะปรวนแปรสมสู่
หญิงอื่นฤาจักยิ้มต่อด้วยใครเลย ฯ
๓๐
      ตีฆ้องสองโมงบ่ายทุกข์พี่ชายฟายน้ำตา
ร้อนรนบ่นครวญหาไกลพี่แล้วแก้วกลอยใจ ฯ
      ตีสองโมงบ่ายก้องแครงมา
พี่ชายฟายน้ำตาร่ำร้อง
ร้อนรนบ่นถามหาสายสวาท
พี่ห่างแก้วแล้วน้องแน่งน้อยนงคราญ ฯ
๓๑
      เพลาสามโมงเย็นเพื่อนเรียมเห็นเป็นทุกข์ทน
เขาถามความกังวลจะบอกไปไป่ได้เลย ฯ
      เพลาสุริยบ่ายเบื้องเวหน
เพื่อนเห็นเป็นทุกข์ทนบ่นบ้า
ถี่ถามความกังวลทนเทวษ
บอกบ่ได้เลยหน้าเฝื่อนเลี้ยวเดินหนี ฯ
๓๒
      เจ้าพี่สี่โมงเย็นเร่งเป็นเข็ญเห็นสาวศรี
อื่นมาหายินดีมิได้เลยเคยชมนาง ฯ
      เพลาสุริยอ่อนเรื้อยรังสี
พิศเพ่งเลงสาวศรีเชื่องใช้
สาวอื่นพูดพาทีนบนอบ
ไม่ชื่นจริงยิ่งได้เดือดร้อนคลึงนาง ฯ
๓๓
      เพลาห้าโมงเย็นเรียมลำเค็ญด้วยโฉมตรู
นางเดียวเที่ยวแลดูแก้วพี่อยู่ห่างหนใด ฯ
      บ่ายชายมาหึ่งซ้ำตาฟู
ทุกข์เพื่อเฉิดโฉมตรูโศกสร้อย
นางเดียวเที่ยวทางดูแดนโลก
แก้วพี่นางสาวน้อยอยู่แคว้นแดนใด ฯ
๓๔
      ย่ำฆ้องค่ำแล้วเจ้าเพลาเล่าเข้าสนธยา
จุดเทียนเวียนส่องหาเจ้าแห่งใดไม่เห็นเลย ฯ
      ราตรีรวีเลื่อนเลี้ยวลับตา
มัวมืดมนสนธยาค่ำแล้ว
ถือเทียนเวียนส่องหานางทั่ว
อยู่แห่งใดน้องแก้วห่อนได้เห็นเลย ฯ
๓๕
      ทุ่มหนึ่งย่อมคลึงเคล้าเนื้อพี่เจ้าเข้าแนบเนียน
สาวลม่อมย่อมจุดเทียนถือเทียนไว้ให้สูบยา ฯ
      ทุ่มหนึ่งพี่ย่อมเคล้าคลึงเศียร
จูบกอดอรนอนเนียนแนบไว้
สาวลม่อมย่อมจุดเทียนยาวยื่น
เจ้าจับเทียนไว้ให้พี่นี้สูบยา ฯ
๓๖
      สองทุ่มรุมอกพี่ฆ้องเขาตีพี่เจ็บตาง
กลุ่มใดไห้ครวญครางโหยไห้พลางนางฤาเห็น ฯ
      สองทุ่มค่อนอกเข้าผางผาง
ฆ้องตีพี่เจ็บตางปุ่มฆ้อง
กลุ้มใจไห้ครวญครางหาอยู่
โหยไห้ช้างนางน้องพี่นี้ฤาเห็น ฯ
๓๗
      ยามหนึ่งคนึงเคยเคล้าจูบกอดเจ้าเฝ้าชมกัน
เวรามาตามทันให้ไกลข้างร้างแรมสอง ฯ
      ยามหนึ่งคลึงสวาทหน้านวลจันทร์
จูบกอดพลอดชมกันเกลือกเคล้า
เวราติดตามทันทำโทษ
ไกลค่างห่างชมเจ้าเริศร้างแรมสอง
๓๘
      ราตรีสี่ทุ่มแล้วโอ้นางแก้วแคล้วคลาศไป
หมอนกอดทอดฤทัยหายใจใหญ่ให้รำคาญ ฯ
      ราตรีสี่ทุ่มแล้วลับไกล
น้องแก้วแคล้วเรียมไปขาดพร้อง
กอดหมอนทอดฤทัยทบท่าว
ลมแล่นพัดขัดข้องสวาทได้รำคาญ ฯ
๓๙
เพลาห้าหึ่งทุ่มคือเพลิงรุมสุมกลางใจ
ร้อนเรียมเทียมร้อนไฟอีกหนามรุมกลุ้มเสียบทรวง ฯ
เพลาห้าทุ่มพี่คนึงใน
เพลิงผ่าวเผาดวงใจคลั่งคลุ้ม
ร้อนเรียมเทียบร้อนไฟลนล่าว
อีกหนามหนามากลุ้มเสียบไส้ในทรวง ฯ
๔๐
      ย่ำฆ้องสองยามเข้าพี่ไกลเจ้าเหงาตลึง
นิทราผ้าคลุมขึงหญิงใดวอนห่อนเจรจา ฯ
      สองยามย่ำฆ้องพี่รำพึง
ไกลเจ้าเหงาเงียบตลึงยิ่งไข้
นิทราผ้าคลุมขึงไสยาศน์
หญิงอื่นวอนห่อนได้กล่าวเกลี้ยงพาที ฯ
๔๑
      เจ็ดทุ่มรุมความทุกข์ไม่เป็นสุขขุกคำนึง
ว้าวุ่นครุ่นคิดถึงแต่นวลเจ้าทุกเพรางายฯ
      เจ็ดทุ่มรุคุณร้อนรำพึง
สุขบมีคำนึงก่อนกี้
ว้าวุ่นครุ่นครวญถึงสังวาส
คิดแค้นวรนุชนี้ค่ำเช้าเพรางาย ฯ
๔๒
      แปดทุ่มกลุ้มทุกข์ชายลเมอลมายคล้ายเหมือนมา
เรียมตื่นฟื้นกายาเที่ยวหาไหนไม่พบเลย ฯ
      แปดทุ่มกลุ้มเทวษสร้อยโศกา
นอนลเมอเหมือนมาแนบใกล้
เรียมฟื้นตื่นกายาแลเปล่า
หาที่ไหนไป่ได้สบน้องเรียมเลย ฯ
๔๓
      สามยามความรักกันเร่งโศกศัลย์หวั่นใจถึง
ยามค่ำร่ำรำพึงถึงสามยามตามกรุณา
      สามยามความเสน่ห์เคล้าเคยคลึง
โศกศัลย์หวั่นใจถึงทุ่มนี้
พลบค่ำร่ำรำพึงคนึงเนื่อง
ถึงสามยามแล้วถี้พี่เอื้อเอ็นดู ฯ
๔๔
      สิบทุ่มเจ้าพี่เอ๋ยเมื่อไรเลยจะพบพาน
งามนักพักตร์เบิกบานจะหาได้แต่ใดมา ฯ
      สิบทุ่มนางแน่งน้อยนงคราญ
กี่เมื่อจะพบพานคู่เคล้า
งามนักพักตร์เบิกบานเรียมร่อ
เรียมจักเที่ยวหาเจ้าห่อนได้มาเลย ฯ
๔๕
      ตีสิบเอ็ดเสร็จครวญหาแต่เช้ามาคุ้มราตรี
จวบจนพระสุริย์ศรีเสร็จรถทองส่องสกล ฯ
      สิบเอ็ดเสร็จคร่ำไห้หาศร
ในทิวาราตรีแหล่งหล้า
จวบจวนพระสุริย์ศรีล่าเลื่อน
เสร็จรถทองท่องฟ้าส่องแคว้นแดนดิน ฯ
๔๖
      แสงทองเรืองรองรางขึ้นกระจ่างสว่างเวหา
รุ่งแล้วแก้วกัลยาสุดเสน่หาไม่มาเลย
      แสงเงินแสงนากผุ้งแสงทอง
แสงสว่างเรืองรังรองอร่ามฟ้า
รุ่งแล้วแคล้วเคยสองสังวาส
โอ้สายสุดสวาทข้าห่อนได้เห็นเลย ฯ      
ครวญตาม วัน เดือน ฤดู ปี
๔๗
      วันอาทิตย์นิทร์นอนแนบเคยอิงแอบแทบอกชาย
ทิพากรซ่อนนางสายสุดสวาทพี่นี้ฤาไฉน ฯ
      อาทิตย์นิทร์แนบน้องโฉมฉาย
อิงแอบแทบทรวงชายริกรี้
ทิพากรซ่อนนางสายสมรมิ่ง
แสนสุดสวาทพี่นี้แนบเนื้อชมโฉม ฯ
๔๘
      วันจันทร์พันกันอยู่เจ้าโฉมตรูคู่เคียงหมอน
ยามจันทร์เกลือกจันทรพาซ่อนไว้ให้เรียมศัลย์ ฯ
      จันทรกรพาดน้องแนบนอน
เคยคู่เคียงเรียงหมอนแนบข้าง
ยามจันทร์เกลือกจันทรโลมล่อ
พาซ่อนไว้ให้ร้างเริศน้องนานวัน ฯ
๔๙
      ครั้นถึงวันอังคารเรียมรำคาญพลางพลุ่งไป
อังคารรำคาญใจฤาซ่อนไว้ให้เรียมตอม ฯ
      วันอังคารเริศร้างอรไกล
เรียมร่ำรำคาญไปเพื่อน้อง
อังคารรำคาญใจเรียมรอด
ฤาซ่อนไว้ในห้องฟากฟ้าเมืองแมน ฯ
๕๐
      วันพุธเดินพุธคุ้มนางอุ่นอุ้มคลุมนอนใน
พระพุธยุดนางไปลักลอบชมสมพาสฤา ฯ
      วันพุธพุธพร่ำคุ้มฤาไกล
นางย่อมคลุมนอนในอุ่นอุ้ม
พระพุธยุดนางไปสมพาส
เกรงเกลือกอายคนกลุ้มซ่อนน้องโฉมฉาย ฯ
๕๑
      วันพระหัสกำหนัดนางบห่างครึ่งกึ่งนิ้วมือ
พระหัตถ์ยื่นมือถือข้อมืออรช้อนชมไฉน ฯ
      วันพระหัสกำหนัดน้องคราวครือ
บ่ห่างหว่างนิ้วมือกิ่งก้อย
พระหัตถ์ยื่นมือถือเมียมิ่ง
ชมชื่นอื่นอรสร้อยนิ่มเนื้อไปไฉน ฯ
๕๒
      วันศุกร์รสสมพาสเจ้าสุดสวาทอาจเสมอใจ
วันศุกร์จะสุขไฉนด้วยไกลข้างร้างแรมสมร ฯ
      วันศุกร์สมพาสน้องนอนใน
สุดสวาทขาดกลางใจแอบอ้าง
วันศุกร์จะสุขไฉนทนเทวษ
ด้วยมีใจเริศร้างห่างน้องแรมศรี ฯ
๕๓
      วันเสาร์เดือนคุมรอดเจ้างามสอดกอดถนัดมือ
เสาร์พักตร์รักนางฤาเสาร์ซ่อนไว้ในเรือนเสาร์ ฯ
      วันเสาร์กุมเจ้ารอดคลึงครือ
งามสอดกอดถนัดมือกลิ่นใกล้
เสาร์พักตร์รักนางฤาเสาร์ซ่อน
เมียมิ่งพี่นี้ไว้แห่งห้องพิมานเสาร์ ฯ
๕๔
      สงสารร่ำรักกันถ้วนเจ็ดวันอันใจชาย
รักเมียเสียตัวตายสายสุดใจไม่เห็นเลย ฯ
      สงสารร่ำรักเจ้าโฉมฉาย
ถ้วนเจ็ดวันใจชายชื่นชี้
รักเมียเสียตัวตายดีกว่า
สายสุดสวาทที่นี้ห่อนได้เห็นเลย ฯ
๕๕
      เดือนห้าอ่าโฉมงามการออกสนามตามพี่ไคล
สงกรานต์การบุญไปไหว้พระเจ้าเข้าบิณฑ์ถวาย ฯ
      เดือนห้าอ่ารูปล้ำโฉมฉาย
การออกสนามเหลือหลายหลากเหล้น
สงกรานต์การบุญผายตามพี่
พระพุทธรูปฤาเว้นแต่งเข้าบิณฑ์ถวาย ฯ
๕๖
      เดือนหกสรกฝนสวรรค์จรดนังคัลตามพิธี
แรกนาเข้าธรณีพี่ดูเจ้าเปล่าใจหาย ฯ
      เดือนหกตกครั่นครื้นฝนสวรรค์
พิธีจรดนังคัลก่อเกล้า
แรกนาจอมไอศวรรย์กรุงเทพ
พี่แลบเห็นเจ้าเปล่าแล้วใจหาย ฯ
๕๗
      เดือนเชฐเจ็ดค่ำแล้วพี่ยิ่งแคล้วแก้วกัลยา
ร่างระทวยสวยโสภาพี่ว้าวุ่นขุ่นอารมณ์ ฯ
      เดือนเชฐเจ็ดค่ำแล้วอกอา
เรียมเร่งไกลกัลยาขาดพร้อง
รูปน้อยสร้อยโสภาวรภาคย์
ใจพี่วุ่นขุ่นข้องขัดแค้นอารมณ์ ฯ
๕๘
      เดือนแปดเจ้าพี่คลาเข้าพระวษาสังฆาราม
พรั่งพร้อมเจ้าย่อมตามไปด้วยพี่สีฟันถวาย ฯ
      เดือนแปดพุทธบุตรเข้าพระวษา
ทายกมีศรัทธาต่างเต้า
โฉมงามตามเรียมคลานบนอบ
เมี่ยงหมี่สีฟันเข้าธูปน้อมเทียนถวาย ฯ
๕๙
      เดือนเก้าเข้าค่ำหนึ่งพี่รำพึงถึงเทวี
หลับนอนบห่อนมีสิ่งซึ่งสุขทุกข์คอยนาง ฯ
      สาวนดลมาศร้อนรนหา
เรียมรำพึงชายาแหบไห้
หลับนอนห่อนสบายอารมณ์รอด
สุขบ่มีแต่ได้โศกสร้อยคอยศรี ฯ
๖๐
      เดือนสิบเจ้าสร้อยสวาทพิธีราชตามโบราณ
ช้างม้าอ่าสระสนานผัดพานไล่ไม่เห็นอรฯ
      ภัทรบทดลมาศแล้วสงสาร
สารทพิธีโบราณห่อนเว้น
ช้างม้าอ่าสระสนานวรรูป
เขาผัดพานไล่เหล้นไป่ได้เห็นอร ฯ
๖๑
      เดือนสิบเบ็ดเสร็จสำแดงเรือกิ่งแข่งตามพิธี
พายงามตามชลธีพี่แลเจ้าเปล่าเป็นดาย ฯ
      อาสุชดลมาศแคว้นกรุงไกร
เรือกิ่งกระพรหมไชยชื่นสู้
กิ่งไกรสรจักรไคลเทียบเท่า
ทองอร่ามงามแข่งชู้พี่นี้คนเดียว ฯ
๖๒
      เดือนสิบสองถ่องแถวโคมแสงสว่างโพยมโสมนัสา
เรืองรุ่งกรุงอยุธยาวันทาแล้วแก้วไป่เห็น ฯ
      กติกมาศก้องแถวโคม
แสงสว่างแลลอยโพยมผ่องแผ้ว
อยุธยาเปรียบแสงโสมใสส่อง
ชมชื่นวันทาแล้วนิ่มน้องฤาเห็น ฯ
๖๓
      เดือนอ้ายผายกรุงท้าวพิธีว่าวกล่าวกลแสดง
เดือนนี้พิธีแคลงกลุ้มท้องฟ้าคลาอรไกล ฯ
      มฤคเศียรดลมาศเกล้าลมแรง
ว่าวง่าวพิธีแสดงแหล่งหล้า
เรียกชื่อพิธีแขลงโดยที่
สาวส่งขึ้นลอยฟ้าร่ายร้องคนึงสาว ฯ
๖๔
      เดือนยี่เจ้าพี่เอ๋ยเจ้าย่อมเคยตามพี่ชาย
ดูรำยัมพวายพิธีท่านผ่านอยุธยา ฯ
      บุศมาศตามพี่ด้วยเดือนฉาย
อรอ่าพี่รัมพรายกายดวงหน้า
ดิรำปาวายสบายดูเลิศ
พิธีท่านผ่านฟ้าครอบแคว้นแดนดิน ฯ
๖๕
      เดือนสามเคยตามพี่ดูพิธีธานย์เทาะห์แสดง
เผาเข้าเจ้างามแฝงพงศ์พวกพ้องน้องคอยดู ฯ
      มาฆมาศอาจเปล่งถ้อยเรียมแคลง
ธานย์เทาะห์พิธีแสดงบอกเบื้อง
เผาเข้าเจ้าเคยแฝงพงศ์พวก
โนนาดยุรยาตรเยื้องย่างหน้าเอ็นดู ฯ
๖๖
      เดือนสี่พิธีตรุษเจ้างามสุดผุดผาดดี
ชำระพระชินศรีหมดผงเผ่าเข้าบิณฑ์ถวาย ฯ
      การบุญผคุณมาศน้องนารี
ขาวสุดผุดผาดดีส่องแก้ว
ชำระสระสรงสีพุทธรูป
ผงเผ่าเท่าหมดแล้วแต่งเข้าบิณฑ์ถวาย ฯ
๖๗
      สงสารเรียมคลาศน้องสิบสองเดือนเลื่อนครบปี
รัญจวนครวญหาศรีสุดสวาทพี่นี้อยู่ไหน ฯ
      สงสารเรียมคลาศแคล้วสตรี
สิบสองเดือนเลื่อนครบปีขวบเข้า
รัญจวนครวญหาศรีแสนสวาท
โออกว่านวลเจ้าพี่นี้เป็นไฉน ฯ
๖๘
      ฤดูรูคิมหันต์สาวโฉมสวรรค์พี่สูญหาย
ร้อนรนสกนธ์กายชายนั่งนอนห่อนฤาเย็น ฯ
      ฤดูสุริยเดชร้อนโลกา
โฉมสวรรค์พรรณโสภาพี่แคล้ว
เรียมร้อนอรกายาชลแช่
นอนนั่งคลั่งคลึงแก้วก่ายรื้อฤาเย็น ฯ
๖๙
      ฤดูรูวัสสันต์เนื้อนวลจันทร์พัญเอิญสูญ
ไม่สุขทุกอาดูรพูลเพิ่มคร่ำน้ำตาฝน ฯ
      ฤดูสารทพร้อมพรรสันต์
นึกเนื่องเนื้อนวลจันทร์พี่เหล้า
ไม่สุขทุกข์เนืองนันต์นองเนตร
พูลเพิ่มเติมทุกข์เร้าคร่ำน้ำตาฝน ฯ
๗๐
      ฤดูรูเหมันต์เนื้อกลิ่นจันทน์อันหอมรวย
น้ำค้างว่างลมชวยด้วยไกลสมรที่นอนเย็น ฯ
      ฤดูวู้ว่าวห้องหาวบน
เกรี้ยงกลิ่นจันทน์นฤมลเฟื่องฟุ้ง
น้ำค้างว่างลมทนฤารอด
ใครจะกอดค่ำหรุ้งอุ่นเนื้อเสมอสมร ฯ
๗๑
      สงสารรักนางงามสามฤดูอยู่โหยหา
รูปเอี่ยมของเรียมอาคลาคลาศเจ้าเศร้าอกกรม ฯ
      สงสารการพรากแก้วหัทยา
สามฤดูโหยหาคู่เคล้า
สนิทเรียมเอี่ยมเอกายายิ่ง
สุดสวาทคลาศคลาเจ้าอกว้างเกรียมกรม ฯ
๗๒
      ปีชวดชวดเชยชาโฉมหลากหล้าน่าเอ็นดู
ปีชวดเป็นชื่อหนูเพื่อเรียมร้างอ้างกาลปี ฯ
      อุนทรงทรงเทวษด้วยตราตรู
โฉมชื่นน่าเอ็นดูด่วนร้าง
ปีชวดชื่อแห่งหนูโดยคลา ?
เพื่อเจ้าไคลเรียมอ้างถี่ถ้วนกาลปี ฯ
๗๓
      ปีฉลูรู้ชื่อโคเจ้าโฉมโอ่โสภาพร
ใจพี่นี้อักอรเจ้าเพื่อนนอนห่อนเห็นเลย ฯ
      พฤศภำจำเรียกรู้ทังมวล
โฉมโอ่โสภาควรคู่เคล้า
ใจพี่เร่งอักอ่วนทรงเทวษ
พรากเพื่อนนอนสมรเจ้าห่อนได้เห็นเรียม ฯ
๗๔
      ปีขาลว่าชื่อเสือนางอุ่นเนื้อเรื่อขาวเหลือง
คนระบือฦาทั่วเมืองโฉมเจ้างามทรามเชยหาย ฯ
      พยัคเฆนทรชื่อถั้วทังเมือง
สมรรูปเรื่อขาวเหลืองหลากเหล้า
ฝูงคนเล่าฦาเนืองในโลก
เขาว่างามนักเจ้าพี่นี้มาหาย ฯ
๗๕
      ปีเถาะจำเพาะกระต่ายเคราะห์พี่ร้ายเจ้าหายไป
เทียวหาลาแห่งใดใจเรียมฝ่อบเห็นนาง ฯ
      สสานาเมศอ้างอรไคล
เคราะห์พี่ร้ายนางไกลโศกสร้อย
เรียมเดียวเที่ยวแดนใดดูทั่ว
ใจพี่เท่าหิ่งห้อยฝ่อแล้วอรเอย ฯ
๗๖
      ปีมะโรงชื่อนาคราชสายสุดสวาทคลาศไกลตา
เร่งคิดอนิจจาโอ้น้องรักจักเป็นไฉน ฯ
      พรรสันต์ผันเนตรน้องไกลตา
ชลเนตรนองไนยนาหยดย้อย
เร่งคิดอนิจจาในโลก
โอ้นุชคลาศคล้อยป่านฉนี้เป็นไฉน ฯ
๗๗
      ปีมะเสงเลงชื่องูเจ้าตาตรูอยู่ทิศใด
เทพาพาน้องไปชมสู่สองห้องฟ้าฤา ฯ
      วัสสนะนาเมศเจ้ามาไกล
ตาตรูอยู่ทิศใดนิ่มน้อง
เทวาพานางไปนิทร์แนบ
สมสู่ชมในห้องฟากฟ้าสวรรค์ฤา ฯ
๗๘
      ปีมะเมียเสียเมียรักพี่รักน้องจักษุเทียม
กรรมใดไล่ทันเรียมหรือปีมาพานางเหิร ฯ
      มะเมียเมียมิ่งแคล้วอกเรียม
พี่รักจักษุเทียมเท่าแท้
กรรมใดไล่ทันเรียมลักลอบ
ปีมิ่งม้าพาแว้วากเว้หาหาย ฯ
๗๙
      ปีมะแมแต่จากเจ้าบกินเข้าเช้าราตรี
สัมกินไม่ยินดีครองชีพไว้ใคร่เห็นนาง ฯ
      ปีอัชพลัดหนุ่มน้อยสาวศรี
โภชน์บ่กินเป็นปีเนิ่นช้า
สัมกินบ่ยินดีปานโภชน์
ครองชีพเรียมไว้ถ้าใคร่ได้เห็นนาง ฯ
๘๐
      ปีวอกออกใหม่แล้วพี่เร่งแคล้วดวงสมร
ปีวอกชื่อวานรเจ้าเพื่อนร้อนเรียมหายไป ฯ
      พรรษาพาลิศเจ้าจำจร
เรียมเร่งไกลดวงสมรขาดเคล้า
ปีวอกชื่อพานรนับเนื่อง
นางเพื่อนร้อนเรียมเจ้าพี่นี้หายไปฯ
๘๑
      ปีระกาคลาคลาศเจ้าพี่สร้อยเศร้าแหบโหยหา
โฉมเฉลาเจ้าพี่อาอ่อนอาไลยใคร่ตรอมตาย ฯ
      กุกกุฏสุดเสน่ห์เจ้าไกลตา
เศร้าสร้อยหิวโหยหาร่ำร้อง
โฉมเฉลาเจ้าพี่อาอรเอี่ยม
อ่อนฤไทยแล้วน้องใคร่กลั้นใจตาย ฯ
๘๒
      ปีจอร่อแร่นักอกหอกสลักจักจำตาย
ครวญนักรักโฉมฉายพี่ชายห่างร้างแรมศรี ฯ
      คิดทุกข์กุกกุระได้ปีปลาย
ทรงหอกสลักจำตายเกือบใกล้
ครวญนักรักโฉมฉายเฉลิมรูป
กรรมก่อนตามทันให้เริศร้างแรมสมร ฯ
๘๓
      ปีกุญครุ่นอ้างว้างเรียมไกลข้างห่างเทพี
ศรีสวัสดิ์ไปจงดีอย่ามีไข้ให้สำราญ ฯ
      ปีกุญสุกเรศแคล้วคลาศรี
เรียมห่างร้างเทพีค่ำเช้า
ศรีสวัสดิ์อยู่จงดีสุขภาพ
หายโรคโพยไภยเจ้าสุขล้ำสำราญ ฯ
๘๔
      สงสารการโหยไห้นางไกลจรอรนาร
ร่ำร้องสิบสองปีพี่เร่งแคล้วแก้วกัลยา ฯ
      สงสารการแหบไห้แสนทวี
หายห่างอรนารีฝ่ายเฝ้า
ร่ำร้องสิบสองปีฤาเหนื่อย
กรรมพี่เร่งแคล้วเจ้าแก่นแก้วกัลยา ฯ
ชมไม้ ชมอาภรณ์
๘๕
      พระเจ้าเกล้านรนาถเสด็จยุรยาตรคลาศคลาไคล
ธารโศกเรียมโศกใจด้วยไกลน้องหมองอารมณ์ ฯ
      พระบาทนรนาถเจ้ากรุงไกร
เสด็จพยุหบาตรไปเถื่อนถ้อง
ธารโศกช่วยโศกใจจักขาด
ด้วยพี่ไกลพักตรน้องขุ่นคล้ำอกกรม ฯ
๘๖
      พรึบพร้อมหมู่เสนาพลช้างม้าดากันไป
ทรงช้างระวางในเทพลิลาหลังคาทอง ฯ
      พรั่งพรูหมู่มากซร้องเสนา
แตรแขกแตรลันดาแหร่แหร้
ทรงช้างระวางขวาสูงใหญ่
เทพลิลาหลังคาแหน้ธินั่งไล้เลือนทอง ฯ
๘๗
      เครื่องสูงเคียงคู่กันกลิ้งกลดคันเพียงขวัญตา
บังแสงพระสุริยาอีกโบกปัดพัชนีกาย ฯ
      เครื่องสูงเคียงขู้เรียบเรียงไสว
เขนพระขรรค์เดินในรวางเขรื้อง
ง้าวงอนโตมรไชยเชิญแห่
โบกปัดพัชนีเยื้องยาบเลื้องทองวาว ฯ
๘๘
      เขาเจ้าเหล่าเขาแม่นุ่งห่มแพรแลริ้วทอง
ขี่กูบขี่จำลองผ่องผิวหน้าอ่าองค์อร ฯ
      สาวสนมกรมฝ่ายห้ามทังผอง
นุ่งห่มเรืองริ้วทองก่องแก้ม
ขึ้นกูบขี่จำลองลายเลิศ
ผิวผ่องย่องยิ้มแย้มเพริศหน้าตาเพรา ฯ
๘๙
      เรียมเห็นแต่นางอื่นไม่ชูชื่นเหมือนสายใจ
คิดถึงคำนึงไปโหยละห้อยคอยเล็งแล ฯ
      สาวฉกรรจ์สะพรั่งพร้อมนางใน
เห็นบ่เหมือนสายใจละห้อย
รำพึงตลึงไปเนืองเทวษ
พรากพรากน้ำเนตรย้อยมุ่งม้องคองแล ฯ
๙๐
      สุขรมย์ชมหมู่ไม้ชมนกในไพรพงสถาน
เขาแดงแหล่งห้วยธารร่มรื่นสนุกขุกคำนึง ฯ
      สุขรมย์ชมหมู่ไม้เลือนลาน
ชมนกไพรพงสถานหลากเหล้น
เขาเชียวทุ่งห้วยธารรื่นรี่
ร่มรื่นลำน้ำเต้นแก่งก้องคนึงนาง ฯ
๙๑
      ไม้แก้วกลิ่นแก้วกรายหอมบวายวังเวงใจ
ทุกข์ลืมปลื้มอาไลยว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมหา ฯ
      ไม้แก้วแก้วพี่เยื้องหอมสไบ
หอมกลิ่นหอมชวยไปทั่วแคว้น
ทุกข์ลืมปลื้มอาไลยลานกลิ่น
กลกลิ่นนางน้องแหม้นแต่เที่ยวแลหา ฯ
๙๒
      ไม้เกดคิดเกศนางเมื่อสะสางเกล้าผมมวย
กลิ่นรื่นชื่นหอมรวยว่ากลิ่นเจ้าเปล่าใจหาย ฯ
      ไม้เกดคนึงเกศเจ้าสดสลวย
ถือเสนียดสางผมมวยเกศแก้
กลิ่นรื่นชื่นหอมรวยดีหลาก
ว่ากลิ่นเจ้าเปล่าแท้รุ่มร้อนใจหาย ฯ
๙๓
      มะกรูดสองแถวทางคิดมะกรูดนางสางสะผม
แก้เกล้าเจ้าผึ่งลมกลิ่นขจรจายเรียมสบายใจ ฯ
      ต้นมะกรูดสองเถื่อนถ้องแถวพนม
มะกรูดเหมือนนางสะผมพ่างเพี้ยง
แก้เกล้าเจ้าผึ่งลมรวยระรื่น
ขจรสุคนธ์กลิ่นเกลี้ยงรื่นล้ำเรียมสบาย ฯ
๙๔
      ต้นน้ำดอกไม้เทศกลิ่นวิเศษนึกเหมือนน้ำ
ดอกไม้ย้อมดอกคำรำชมภูดูห่มงาม ฯ
      น้ำดอกไม้เทศแท้เปรียบปาน
น้ำกลิ่นเมืองเทศปานกลิ่นเกล้า
สมรอดดอกคำจานขันคู่
รื่นร่ำชมภูผ้าห่มเจ้าหอมงาม ฯ
๙๕
      การเกดเพศผิวเนื้อดูเหลืองเรื่อเยื่อใยทอง
หอมกล้าการเกดปองเปรียบกลิ่นเจ้าเศร้าอับอาย ฯ
      การเกดผิวผ่องเนื้อรังรอง
เหลืองเนื้อเยื่อใยทองห่อนเศร้า
หอมกล้าการเกดปองปูนเปรียบ
กรายรอต่อตมูกเจ้าพ่ายแพ้อับอาย ฯ
๙๖
      ต้นกรายเหมือนนางกรายเดินหิ้วชายหมายตาคม
น้องนาฏผาดผายสมพี่รักเจ้าเท่าตัวเรียม ฯ
      ต้นกรายคิดย่างเยื้องเอวกลม
เดินหิ้วชายตาคมเลื่องหล้า
น้อยนาฏผาดผายสมทิพรูป
พี่นี่รักแต่เจ้าเท่าด้วยตัวเรียม ฯ
๙๗
      อัญชันคิดอัญชันทาคิ้วมันกันเฉิดปลาย
ชำเลืองเยื้องตาชายชายชมนักมักแลตาม ฯ
      อัญชันคนึงอ่าเจ้าโฉมฉาย
คิ้วเคลือบมันกันปลายเฉิดช้อย
ชำเลืองเยื้องตาชายเนืองนั่ง
ชมเพลินเดินคล้ายคล้อยบ่ายหน้าแลตาม ฯ
๙๘
      เรียมคนึงถึงนวลนางหมู่ไม้สล้างชื่อช้างเช้า
คิดช่างนางชาญเฉลาทำสิ่งใดได้งามดี ฯ
      เรียมคนึงนวลแน่งเนื้อนงเยาว์
ไม้ชื่อช้างเช้าเราว่าไว้
คิดนางช่างชาญเฉลาฉลักภาพ
ทำสิ่งใดย่อมได้รูปล้ำทรงดี ฯ
๙๙
      กุหลาบบานกลีบช้อยคิดกะทงน้อยวางพานทอง
หอมรื่นชื่นชมสองหยิบดอกไม้ให้นางดม ฯ
      กุหลาบกลิ่นเฟื่องฟุ้งเนืองนอง
นึกกะทงใส่พานทองก่ำก้าว
หอมรื่นชื่นชมสองสังวาส
หยิบรอจมูกเจ้าบ่ายหน้าเบือนเสีย ฯ
๑๐๐
      จำปาป่าบานบนคิดสร้อยสนเจ้าเคยกรอง
นอนแนบแอบอิงสองเจ้าถวายพี่ที่บรรทมฯ
      จำปาบานชื่นช้อยเนืองนอง
คนึงสร้อยสนนางกรองเกี่ยวแหน้น
นอนแนบแอบองค์สองไสเยศ
ถวายพี่วางบนแถ้นแว่นฟ้าบรรทม ฯ
๑๐๑
      พุทธชาตดวงน้อยน้อยคิดเจ้าร้อยพวงมาไลย
จำปาสายสุดใจแซมเกศเกล้าเจ้าถอดถวาย ฯ
      พุทธชาตดวงน้อยกลิ่นเปรมใจ
เจ้าช่างกรองมาไลยเลิศแล้ว
จำปาเสียบแซมในมวยมุ่น
หอมพี่ชมน้องแก้วถอหยื้นทูลถวาย ฯ
๑๐๒
      ลำดวนเจ้าเคยร้อยกรองเปนสร้อยลำดวนถวาย
เรียมชมดมสบายพี่เอาสร้อยห้อยคอนาง ฯ
      ลำดวนปลิดกิ่งก้านสนสาย
กรองสร้อยลำดวนถวายค่ำเช้า
ชูชมดมกลิ่นสบายใจพี่
เอาสร้อยห้อยคอเจ้าแนบหน้าชมโฉม ฯ
๑๐๓
      มาลุดีดอกน้อยน้อยคิดเจ้าร้อยพวงมาไลย
เวลามานอนในสวมมือพี่ที่ไสยา ฯ
      มาลุดีกลกลิ่นเกลี้ยงเอาใจ
เจ้าย่อมร้อยมาไลยแต่งตั้ง
เพลาเข้านอนในไสยาสน์
สวมข้อมือพี่ทั้งคู่ให้หอมรวย ฯ
๑๐๔
      นางนวลคิดนวลนางผลหมากปรางคิดปรางทอง
ช้างน้าวน้าวคอสองยามพี่น้าวเคล้าคลึงกัน ฯ
      นางนวลนึกนิ่มเนื้อนวลลออง
ปรางพี่นึกปรางทองก่องแก้ม
ข้างน้าวน้าวสอสองจุมพิต
พี่น้าวเคล้าคลึงแย้มยั่วยิ้มชมกันฯ
๑๐๕
      เห็นไม้ชื่อเทพีคิดเทวีพี่ย่อมเคย
ภิรมย์ชมชวนเชยเมื่อไรเลยจะเห็นนาง ฯ
      เทพีเป็นชื่อไม้ฤาเสบย
คิดเมื่อเทวีเคยครุ่นเคล้า
ภิรมย์ชมชวนเชยนอนแนบ
ไฉนจักเห็นหน้าเจ้าหนุ่มน้อยโฉมสมรฯ
๑๐๖
      เห็นไม้ชื่อนางแย้มคิดนางแย้มโอฐพริ้มพราย
สาวหยุดยุดมือชายพี่ย่อมยุดสุดเสน่ห์ชม ฯ
      นางแย้มเป็นชื่อไม้สูงเสลา
ตรึกเมื่อแย้มโอฐเพราเพริศหน้า
สาวหยุดยุดมือเราชมชื่น
พี่ยุดสุดเสน่ห์เกล้ากอดน้องชมเชย ฯ
๑๐๗
      ไม้ขนานเคยขนานหน้าหัวร่อร่าตาเมียงมัน
พุมเรียงเรียงหน้ากันยามเมื่อก่อนบ่ห่อนไกล ฯ
      ไม้ขนานขนานแนบหน้านวลจันทร์
หัวร่าตาเมียงมันต่อต้อง
พุมเรียงรื่นเรียงกันพักตรแนบ
ยามเมื่อก่อนฤาน้องห่างผ้างเจียรไกล ฯ
๑๐๘
      จิงจ้อคราวพูดจ้อย่อมหริกร่อต่เย้ายวน
ไม่เรอเหมือนเรอสรวลหัวร่อรื่นชื่นชมศรี ฯ
      จิงจ้อคราวพูดจ้อเรียมกวน
หริกร่อก่อยียวนยั่วยิ้ม
ไม้เรออย่างเรอสรวลพลางพลอด
หัวร่ารื่นชื่นพริ้มต่อต้องตาสมร ฯ
๑๐๙
      ต้นปริกคิดปริกตลับเจ้าประดับพลอยแหวนราย
หีบแป้งแต่งก่องกายอาบน้ำพัดผัดเป็นนวล ฯ
      ปริกคิดปริกตลับเจ้าโฉมฉาย
นางประดับพลอยแหวนรายร่วงรุ้ง
หีบแป้งแต่งสกนธ์กายแลเลิศ
ทาแป้งพัดกลิ่นฟุ้งผองหน้านวลงาม ฯ
๑๑๐
      กลำพ้อจำเพาะนักไม่รังรักคิดรักอร
สีเสียดเสียดนางนอนหว้าวานว่าให้นางคืน ฯ
      กลำพ้อจำเพาะแต่ด้วยสายสมร
รังรักนึกรักอรแนบข้าง
สีเสียดเสียดนางนอนนุชแนบ
วานว่าว่ามาบ้างเร่งให้นางคืน ฯ
๑๑๑
      ไม้เลียบเลียบมาหมดต้นสรรพะรศรสคำสมร
เชิงจำจำคำสอนต้นส้มเช้าเช้าเคยฝาน ฯ
      ต้นเลียบเลียบแล้วห่อนเห็นอร
สรรพะรศรสคำสมรสว่างไข้
เชิงจำจำคำสอนเรียมสั่ง
ต้นซ่มเช้าเช้าได้ปอกเจ้าถวายยา ฯ
๑๑๒
      กลุมพอพอเรียมคิดเรียมฝ่อจิตมะฝ่อชุม
มะรุมทุกข์รึงรุมต้นมังเรเรียมเร่หา ฯ
      กลุมพอพอตรึกร้อนเพลิงสุม
ใจฝ่อมะฝ่อชุมหลีกเลี้ยว
มะรุมทุกข์รึงรุมอกอยู่
ต้นมังเร่เรียมเถี้ยวร่ำร้องเร่หา ฯ
๑๑๓
      สรลสร้อยสร้อยหาน้องต้นมะต้องต้องตาไฉน
สบ้าบ้าจิตใจต้นไก่ไห้ไห้หานางฯ
      สรลสร้อยสร้อยโศกด้วยนางไกล
หมากต้องต้องตาไฉนห่างแก้ว
สบ้าบ้าจิตใจจักขาด
ต้นไก่ไห้ไห้แล้วครุ่นให้คนึงนางฯ
๑๑๔
      กำจัดกำจัดพี่มะตูมตีที่องค์อูร
หิ่งหายนางหายสูญต้นเต่าร้างร้างแรมปี ฯ
      กำจัดจัดแล้วห่อนสมบูรณ์
มะตูมตีทรวงอูรขัดข้าง
หิ่งหายเจ้าหายสูญแลเปล่า
ต้นเต่าร้างเรียมร้างอ่อนน้อยแรมปี ฯ
๑๑๕
      ไม้โรคคิดโรคาพังอาดยาชะโลมให้
มะไฟร้อนคือไฟต้นประเจ้าเคยประยา ฯ
      ไม้โรคคนึงโรคร้อนภายใน
พังอาดยาเย็นใสลูบไล้
มะไฟเผ่าเพียงไฟลนลวก
ต้นประประยาให้พี่เจ้าชะโลมเนือง ฯ
๑๑๖
      ชมพู่ชมพูนางช่างย้อมร่ำก่ำสีใส
แปลบปลาบทราบอกใจติดขลิบตาดประหลาทดี ฯ
      ชมพู่กลิ่นพ่าเจ้าตาตรู
สดชื่นชมพูดูยอดย้อม
แปลบปลาบทราบในอูระเรียม ไซ้นา
ติดขลิบตาดงามพร้อมเพริศหน้าสมสวย ฯ
๑๑๗
      ระกำลำลูกสล้างคิดผ้านางตาระกำโฉม
สมรพี่มีขลิบโลมใจทั่วโลกโศกศัลย์หาย ฯ
      ระกำลำลูกขึ้นสองทาง
คนึงผ้าตาระกำบางนิ่มน้อง
มีขลิบหยิบทรงพลางโลมโลก แลนา
มีโรคโศกศัลย์ข้องขัดแค้นเห็นหาย ฯ
๑๑๘
      หงอนไก่คิดเหนือเศษชมพูเทศมีขลิบรอย
หน้าทองก่องสายสร้อยห่มยางเยื้องชำเลืองแลฯ
      หงอนไก่คนึงผ้ากำสาวสร้อย
ชมพูเทศมีขลิบช้อยกลิ่นเฝื้อง
หน้าทองน้องห่มลอยรางร่าง
เดินสำอางย่างเยื้องแช่มช้าเหลือบแลฯ
๑๑๙
      ทัมทิมตรึกผ้าสีน้องห่มมีสีทับทิม
ขลิบทองทั้งสี่ริมหน้ากระจายพรายพรุยทอง ฯ
      ดอกแดงแสงก่ำไม้ คือพิมพ์เดียวนา
นึกห่มสีทับทิมก่ำผ้า
ขลิบมีสีด้านริมรึงรอบ
เส้นกระจายพรายหน้าอ่าพริ้งพรุยทอง ฯ
๑๒๐
      ไม้มะต้องต้องตาพี่ตรีผ้าสีหมากสุกนาง
ติดขลิบหยิบห่มบางเห็นรางรางพอยียวลฯ
      หมากต้องต้องเนตรเถี้ยวพลางพลาง นึกนา
ผ้าผ้าหมากสุกนางหยุดยั้ง
ปลิวปลิวไสบบางบางยองย่อง
รางรางคู่คู่ตั้งใคร่เห็นยอนยอนฯ
๑๒๑
      กรรณิกาก้านสีแสดคิดผ้าแสดติดขลิบนาง
เห็นเนื้อเรื่อโรงรางห่มสองบ่าอ่าโนเน ฯ
      ผ้าสีมีขลิบเนื้อบางดี
ก้านกรรณิกาสีแสดเถ้า
โนเนนาดน้องลีลาเลิศ
เมียมิ่งเรียมดูเจ้าห่อนได้วางตาฯ
๑๒๒
      ฟ่ายแดงพอสบตาพี่นึกผ้าสีแดงเอง
หอมกลิ่นฟุ้งวังเวงติดขลิบใหญ่ไหมแกมทอง ฯ
เห็นฟ่ายแดงดอกต้นโกงเกง
คนึงผ้าสีแดงเองอีกเหล้า
น้องห่มอ่าโถงเถงนวยนาด
ติดขลิบใหญ่ไหมเจ้าคั่นผุ้งแกมทอง ฯ
๑๒๓
      เห็นห่านในชลธีถวิลผ้าสีลูกห่านสาย-
สมรพี่ติดขลิบพรายทองช่องไหมในริ้วเรืองฯ
      เห็นห่านลงท่องท้องชลหลาย
สีลูกห่านผ้าสายสวาทข้า
นึกนางห่มกรุยกรายโนนาด
ขลิบทองช่องไหมหน้าอร่ามล้วนทองทราย ฯ
๑๒๔
      บัวบานในคงคานึกผ้าสีบัวโรยบาง
นวลลอองอ่องขลิบนางน้องเราห่มลอยชายงาม ฯ
      บัวบานงามพี่ดิ้นแดโดย
นึกผ้าสีบัวโรยกลิ่นเฝื้อง
ทรงขลิบอ่องชายโชยยวลผาด
เห็นห่มสมบนเบื้องบ่าเจ้าลอยชาย ฯ
๑๒๕
      ต้นครามพี่คิดผ้าสีฟ้าอ่อนอรเคยทรง
เรียมคิดติดขลิบวงเวียนรอบหน้าอ่าครุยทอง ฯ
      ต้นครามนึกผ้าเจ้าบรรจง
สีฟ้าอ่อนอรทรงเลิศฟ้า
เรียมพิศติดขลิบวงเวียนรอบ
นางประดิษฐ์ติดหน้าอ่าฝั้นครุยทอง ฯ
๑๒๖
      ไม้มะพูดผ้าสาวสวัสดิ์หน้าสีรัดติดครุยทอง ฯ
สดชื่นพื้นใบตองพี่ชมสมเจ้าห่มรวย ฯ
      มะพูดถวิลพ่าเจ้านวลลออง
หน้าสีรัดครุยทองก่ำเนื้อ
สดชื่นพื้นใบตองขลิบมาศ
เรียมย่อมเชยชมเหมื้อห่มเหล้นตามวัน ฯ
๑๒๗
      มะม่วงไพรใบอ่อนมีคิดผ้าสีม่วงอ่อนแทน
ขลิบอ่าตาตักแตนหน้าทอทองกรองข่ายทรง ฯ
      มะม่วงใบอ่อนเจ้าเรียมแหงน ดูนา
คิดมะม่วงอ่อนอรแทนผิดผ้า
รึงขลิบตาตักแตนริมเรื่อง
ถักทองกรองข่ายหน้าประหลาทเจ้าเคยทรง ฯ
๑๒๘
      เรียมเห็นดวงอัคคีถวิลผ้าสีควันเพลิงสมร
ขาวเหลืองห่มอรชรเห็นรักร่อนอย่างโชยชาย ฯ
      หุงโภชน์ควันคื่นกลุ้มอัคคี
ผ้าห่มควันไฟสีสวาทข้า
มีขลิบหยิบทรงสีลาเลื่อน
เห็นรักร่อนอ่อนหน้าย่างเยื้องโชยชาย ฯ
๑๒๙
      เห็นเมฆเบื้องบนฟ้าเรียมคิดผ้าโกหร่านาง
ขลิบทองย่องยงบางเจ้าสบัดชายกรีดกรายงาม ฯ
      เห็นเมฆลิ่วล่องฟ้าชมพลาง
นึกพ่าโกหร่านางร่างน้อย
ขลิบทองย่องยงบางลนเลื่อน แววนา
เจ้าสบัดชายพ่าช้อยกรีดนิ้วกรายโฉมฯ
๑๓๐
      บัวขาวคิดผ้าขาวงามเลิศล้ำส่ำน้ำดี
เจ้าห่มการพิธีหน้าเจ็ดชั้นคั่นทองรวย ฯ
      บัวขาวคิดพ่าน้องสาวศรี
ขาวฉ่ำน้ำเนื้อดีเอกนั้น
คราวสงฆ์พิธีมีโดยขนาด
เจ้าห่มหน้าเจ็ดชั้นเนื่องริ้วทองพราย ฯ
๑๓๑
      ผึ้งร้างพี่นึกปองผ้าขาวกรองลายดอกงาม
ย่อมห่มเข้าอารามหน้าเจียรบาดประหลาทตา ฯ
      ผึ้งหลวงรวงเก่าร้างเรียมปอง
ผ้าห่มขาวผูกกรองลูกไม้
สำหรับพับเฉียงทองลอยดอก
หน้าเจียรบาดประหลาทให้แซ่ซ้องชมโฉม ฯ
ชมสัตว์ บทส่งท้าย
๑๓๒
      ดูนกผกโผผาดบนอากาศดาษเหลือหลาย
ร่างไม้ไล่เรียงรายย่อมเคล้าคู่พี่อยู่เดียว ฯ
      สกุณินบินร่อนร้องโผผาย
อากาศดาษเหลือหลายม่ายขู้
ร่ายไม้ไล่เรียงรายพลางพลอด
เมียเกลือกคลึงตัวผู้พี่นี้เดินเดียว ฯ
๑๓๓
      กระเหว่าคิดเสียงนางนางนวลพลางนึกนวลสมร
ชายชมพูคิดผ้าอรโนรีผ้าตาระกำเหมือน ฯ
      เสียงกระเหว่าคิดนิ่มเนื้อสรวลสอน
นางนวลครวญถึงสมรขุ่นข้อง
ชายชมพูสีอ่อนแสงก่ำ
โนรีศตาระกำน้องหมู่นั้นมีเหมือน ฯ
๑๓๔
      นกขมิ้นเหลืองขมิ้นเจ้านกนอนเคล้าเคล้านงพงา
กวักกว่ากว่าจะมาเห็นยางเจ่าพี่เจ่าคอย ฯ
      นกขมิ้นคิดขมิ้นเจ้าลลายทา
แอ่นเคล้าพี่เคล้าพงาพี่เคล้า
กวักกว่ากว่าจะมาสมสู่
เห็นนกยางเจ่าเจ้าเจ่าแล้วเรียมคอย ฯ
๑๓๕
      ลับแลเร่งแลลับนกหว้าขับไปว่าวอน
ชายใดได้ดวงสมรวานนกหว้าว่าขอคืน ฯ
      นกลับแลเร่งแคล้วลับจร
นกว่าวอนว่าวอนด่วนได้
ชายใดได้ดวงสมรเสมอชีพ
นกว่าวอนว่าให้ส่งน้องขอคืน ฯ
๑๓๖
      นกอุกใครอุกนักมาลอบลักอรรคชายา
นกกระเวนวานกระเวนหาวานนกออกออกชื่อเร็ว ฯ
      นกอุกใครอุกพ้นควรมา
ลอบลักอัคชายาซ่อนไว้
นกกระเวนกระเวนหาจงทั่ว
นกออกออกชื่อให้ด่วนด้วยการเร็ว ฯ
๑๓๗
      ตบยุงเคยโบกยุงกรานในมุ้งถือแส้วี
ยุงขบพี่ฤามีเพราะเพื่อเจ้าเฝ้าพยาบาล ฯ
      นกตบยุงนึกน้องเทพี
ถือแส้หมอบพัดวีค่ำเช้า
ยุงขบพี่ฤามีสักหยาด
เพราะเพื่อนวลของเจ้าเฟ่าเฟื้ยมพยาบาล ฯ
๑๓๘
      ชมดเชียงตรึกกลิ่นเจ้าทากระแจะเช้าเย็นวังเวง
กลิ่นน้องของเรียมเองพี่รู้อยู่แดนใน ฯ
      ชมดเชียงกลกลิ่นเจ้ากลเพรง
ทากระแจะวังเวงกลิ่นเกล้า
กลิ่นน้องของเรียมเองหายห่าง
เรียมบ่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้าวแดนใด ฯ
๑๓๙
      เห็นช้างที่งอนงาคนึงขนตาเจ้างอนงาม
ครวญใคร่ใจว้ำหวามเจ้าสาวสวัสดิ์สารพัดงอน ฯ
      งาคชงอนเฉิดช้อยขึงขาม นึกหน้า
ขนเนตรนางงอนงามส่องเสื้อง
ครวญใคร่ใจว้ำหวามหาอยู่
เรียมร่ำรำพึงเหนื้องพรากน้องนานเห็น ฯ
๑๔๐
      เห็นทองรัดงาช้างเรียมคิดบ้างนางตาตรู
แหวนประดับกับแหวนงูเจ้าสอดใส่ในนิ้วน้อย ฯ
      ทองสวมงาคชไฝ้ตาตรู
แหวนประดับแหวนงูรูปแก้ว
ถมยาศิลาทองดูมีมาก
สวมใส่นิ้วน้องแล้วกรายช้อยชมงาม ฯ
๑๔๑
      เห็นสมุนเจ้าอุ่นเนื้อคิดสมุนเสื้อเมื่อซับทรง
ขนกลับเข้ากับองค์เสื้อริ้วทองปล้องน้อยงาม ฯ
      เห็นสมุนอุ่นแอบเนื้อแนบนอน
คิดสมุนเสมอสมรใส่เสื้อ
ขนกลับเข้ากับอรองค์อ่า
เสื้อริ้วทองน้อยเนื้อเอกปล้องขจิตงาม ฯ
๑๔๒
      น้ำธารสีเขียวเขียวปลาเป็นเกลียวว่ายพรูพัน
รายเรียงเคียงคู่กันแต่พี่อยู่ผู้เดียวดาย ฯ
      ชลธินนิลเผื้อเฉกนิลวรรณ
ปลาว่ายพรูดูพันแอบข้าง
ฝูงปลาย่อมชมกันเคียงครุ่น
แต่พี่อยู่อ้างว้างบ่นบ้าคนเดียว ฯ
๑๔๓
      นวลจันทร์นึกนวลสมรปลาเนื้ออ่อนอ่อนเอวสาย
สมรย่างปลาย่างกายนึกโชยชายกรายกรงาม ฯ
      นวลจันทร์นึกผ่องหน้าเดือนหมาย
เนื้ออ่อนอ่อนเอวสายสวาทหยิ้ง
สมรย่างปลานางกรายคนึงเนื่อง
ยูรย่างช่างเดิรพริ้งเพริศพร้อมกรงาม ฯ
๑๔๔
      ปลาทุกทุกข์โศกละห้อยเห็นปลาสร้อยสร้อยอาไลย
แก้มช้ำเรียมช้ำใจด้วยไม่พบสบสมศรี ฯ
      ปลาทุกทุกข์โศกด้วยอรไทย
ปลาสร้อยสร้อยอาไลยขุ่นข้อง
แก้มช้ำพี่ช้ำใจใจฝ่อ
ด้วยไม่พบพานน้องคลาศแคล้วสมศรี ฯ
๑๔๕
      กฤษดิยุคสุขสบายจริงทังชายหญิงสิ่งเกษมสรรพ์
นฤไภยไม่พรากกันอยู่ชื่นชมสมสำราญ ฯ
      กฤษดิยุคเป็นสุขแท้ทรงธรรม์
บุรุษสัตรีเกษมสรรพ์สวัสดิ์ล้ำ
นฤไภยไม่พลัดกันรักร่วม
สมสู่สนิทเสน่ห์ซ้ำสิ่งสึ้งสำราญ ฯ
๑๔๖
      ไตรดายุคพระรามาจากสีดาอ่าโฉมสมร
พระผลาญยักษ์มารมรณ์ได้สีดาอ่าองค์คืน ฯ
      ไตรดาราเมศร้างแรมอร
องค์สีดาดวงสมรหลากหล้า
พระผลาญหมู่มารมรณ์ลาญชีพ
ได้สีดาสมรหน้าอ้าเคล้าคลึงองค์ ฯ
๑๔๗
      ทวาบรยุคพระอนิรุทธจากนงนุชนางอุษา
สองคร่ำร่ำโศกานานมาไซ้ได้นางคืน ฯ
      ทวาบรกลอนกล่าวอ้างอนิรุทธ
จากอุษาสมรนุชแหบไห้
สองครวญป่วนโศกสุดแสนเสน่ห์
ยามเมื่อนานมาได้แนบน้องครองคืน ฯ
๑๔๘
      กลียุคเรียมจากเจ้าเมื่อใดเล่าจะกลับมา
โอน้องของพี่อาไกลพี่แล้วแกล้วกลอยใจ ฯ
      กลียุคเรียมจากน้องนงพงา
ไฉนจะกลับคืนมาเร่งแคล้ว
โอ้น้องของเรียมอาพลัดพราก
ไกลพี่นางน้องแก้วสวาทกล้ำกลางใจ ฯ
๑๔๙
      ชมโฉมโลมสมพาสบทนิราศจากชายา
นักปราชญ์ย่อมแต่งมาเล่ห์ท่าทางอย่างเรียมทำ ฯ
      ชมโฉมสมพาสแก้วไนยนา
พลัดพรากจากชายาชื่นชี้
นักปราชญ์ย่อมแต่งมาในโลก
เล่ห์ท่าทางอย่างนี้ชอบด้วยเรียมทำ ฯ
๑๕๐
      จบเสร็จคร่ำครวญกาพย์บทพิลาปถึงสาวศรี
แต่งตามประเวณีใช่เมียรักจักจากจริง ฯ
      โคลงครวญกลอนกล่าวอ้างนารี
โศรกสร้อยถึงสาวศรีเษกหว้า
แต่งตามประเพณีธิรภาคย์
เมียมิ่งพรั่งพร้อมหน้าห่อนได้จากกัน ฯ
๑๕๑
      เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชฐสุริย์วงศ์ทรง
นางรักนักสนมองค์อ่าห้อมล้อมพร้อมบริบูรณ์ ฯ
      เจ้าฟ้าธรรมธิเบศเชื้อรพิพงศ์
ไชยเชฐสุริย์วงศ์ทรงเลิศหล้า
นางรักนักสนมองค์อภิชาติ
คับคั่งนั่งเรียงหน้าเฟ่าพร้อมบริบูรณ์
๑๕๒
      นักปราชญ์หมู่เมธามีปัญญาอันฉับไว
พินิจผิดบทใดวานช่วยแซมแต้มเขียนลง ฯ
      กลกลอนบวรเกลี้ยงคำแขง ก็ดี
นักปราชญ์ฉลาดวานแปลงเปลี่ยนให้
กลอนเกินเขินคำแคลงขัดข้อง
วานเพิ่มเติมลงไว้อยู่ยื้นหญิงชาย ฯ
      จบ จนจอมโลกเจ้าคืนวัง
พิตรสถิตบัลลังก์เลิศหล้า
ริ ร่างกาพย์โคลงหวังชนโลก อ่านนา
บูรณ์ พระโคลงเจ้าฟ้าธิเบศร์เจ้าจงสงวน ฯ
      เจ้าฟ้า หนุ่มน้อยราชกุมาร
ธรรม พงศ์ทรงกลอนการอยู่แย้ม
ธิเบศร์ วราสถานไชยเชฐ
สุริย์วงศ์ ทรงโคลงแต้มแต่งไว้อ่านสงวนฯ
      เจ้าฟ้า เลิศล้ำโพธิสมภาร
กรมขุน หลวงพญากรานกราบเกล้า
เสนา นราบาล ใจชื่นชมนา
พิทักษ์ รักษาเช้าค่ำด้วยใจเกษม ฯ
             
เครื่องมือส่วนตัว