นิราศà¸à¸´à¹€à¸«à¸™à¸²
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…') |
(→บทประพันธ์) |
||
แถว 7: | แถว 7: | ||
== บทประพันธ์ == | == บทประพันธ์ == | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
+ | ๏ นิราศร้างห่างเหเสน่หา | ||
+ | ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบา พระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย | ||
+ | ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิม สุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย | ||
+ | โอ้เย็นค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย น้องจะลอยลมบนไปหนใด | ||
+ | หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้อง ไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน | ||
+ | แม้นน้องน้อยลอยถึงชั้นตรึงส์ตรัย สหัสนัยน์จะช่วยรับประคับประคอง | ||
+ | หรือไปปะพระอาทิตย์พิศวาส ไปร่วมอาสน์เวชยันต์ผันผยอง | ||
+ | หรือเมขลาพาชวนนวลละออง เที่ยวลอยล่องเลียบฟ้าชมสาคร | ||
+ | หรือไปริมหิมพานต์ชานไกรลาส บริเวณเมรุมาศราชสิงขร | ||
+ | โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่อง จะมัวหมองมิ่งขวัญจะหวั่นไหว | ||
+ | จะดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจ นี่เวรใดเด็ดสวาทให้คลาดคลา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระผันแปรแลรอบขอบทวีป เห็นแต่กลีบเมฆเคลื่อนเกลื่อนเวหา | ||
+ | จะแลดูสุริยนก็สนธยา จะดูฟ้าฟ้าคล้ำให้รำจวน | ||
+ | ฝืนวิโยคโศกเศร้าเข้าในห้อง เห็นแท่นทองที่ประทมภิรมย์สงวน | ||
+ | ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองค์ซวน ละห้อยหวนหิวโหยด้วยโรยแรง | ||
+ | ยลยี่ภู่ปูเปล่าเศร้าสลด ระทวยทดทอดทบซบกันแสง | ||
+ | โอ้สุดแสนแค้นอารมณ์ด้วยลมแดง ดูเหมือนแกล้งพัดไปให้ไกลทรวง | ||
+ | เสียดายเอ๋ยเคยแอบแนบสนิท ถึงชีวิตวอดวายไม่หายห่วง | ||
+ | โอ้น้องนุชบุษบาสุดาดวง พี่เปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้โพล้เพล้เวลาปานฉะนี้ เคยเข้าที่พี่เคยได้เชยโฉม | ||
+ | เห็นแต่ห้องน้องน้อยลอยโพยม ยามประโลมมิรู้ลืมเจ้าปลื้มใจ | ||
+ | โอ้เขนยเคยหนุนยังอุ่นอ่อน แต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน | ||
+ | ยี่ภู่เอ๋ยเคยชิดสนิทใน วันนี้ไกลกลอยสวาทอนาถนอน | ||
+ | โอ้รินรินกลิ่นนวลยังหวนหอม เคยถนอมแนบทรวงดวงสมร | ||
+ | ยังรื่นรื่นชื่นใจอาลัยวอน สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี | ||
+ | จนฆ้องค่ำย่ำหึ่งหึ่งกระหึม ยิ่งเศร้าซึมโศกาถึงยาหยี | ||
+ | โอ้ยามอยู่คูหาเวลานี้ เคยพาทีทอดประทับไว้กับทรวง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อม เคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง | ||
+ | ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวง เคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย | ||
+ | จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุน ถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย | ||
+ | ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอาย แสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน | ||
+ | เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้า พระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน | ||
+ | ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์ สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพต ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสง กระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด | ||
+ | สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณต พระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน | ||
+ | ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้าย เขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน | ||
+ | เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือน จนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์ | ||
+ | เห็นสระศรีที่เคยมาประพาส ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน | ||
+ | ลมรำเพยเชยชายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมัน เหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย | ||
+ | หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดย พระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง | ||
+ | โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่ง เห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง | ||
+ | ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้ง เสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง | ||
+ | จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้อง แว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง | ||
+ | เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์ เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง | ||
+ | เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนอง แต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง | ||
+ | โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียง พระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย | ||
+ | ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัด ใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว | ||
+ | ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัย ยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น | ||
+ | เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมัน เคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น | ||
+ | ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็น ยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา | ||
+ | จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ ตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา | ||
+ | เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบา หรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด | ||
+ | เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้ง จนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว | ||
+ | หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร ดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง | ||
+ | หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบ บ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง | ||
+ | ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้อง อาบละอองเกสรขจรจาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น ถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย | ||
+ | ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพาย ไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ | ||
+ | จำจะตามทรามชมทางลมพัด เผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน | ||
+ | ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัย ให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา | ||
+ | จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จ จะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา | ||
+ | พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดา ขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไป ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระเหลียวดูภูผาสะตาหมัน ที่สำคัญคูหาเคยอาศัย | ||
+ | จะแลลับนับปีแต่นี้ไป จะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย | ||
+ | เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริด ค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย | ||
+ | โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชย จะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนิน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้นกเอ๋ยเคยพากันมาจับ จะแลลับฝูงนกระหกระเหิน | ||
+ | โอ้เขาสูงฝูงหงส์เคยลงเดิน เคยเพลิดเพลินพิศวงด้วยหงส์ทอง | ||
+ | จะเริดร้างห่างหงส์ไปดงอื่น ทุกวันคืนค่ำเช้าจะเศร้าหมอง | ||
+ | โอ้ก้านกิ่งมิ่งไม้เรไรร้อง ประสานซ้องเสียงดังดูวังเวง | ||
+ | ได้เคยฟังครั้งนี้มาวิบาก ต้องพลัดพรากเพราะว่าลมทำข่มเหง | ||
+ | แม้นพบเห็นเป็นตัวไม่กลัวเกรง จะรำเพลงกริชผลาญสังหารลม | ||
+ | นี่จนใจไม่เห็นด้วยเป็นเคราะห์ มาจำเพาะพลัดคู่เคยสู่สม | ||
+ | ยิ่งสุดแสนแค้นขัดอัดอารมณ์ จะแลชมอื่นอื่นไม่ชื่นใจ | ||
+ | แต่จำเป็นเกนหลงมาดงด้วย ต้องชี้ช่วยชมผาพฤกษาไสว | ||
+ | กรดกระถินอินจันพรรณไม้ มีดอกใบก้านกิ่งขึ้นพริ้งเพรียว | ||
+ | บ้างแก่อ่อนซ้อนซับสลับสล้าง บ้างสดสร่างสีชุ่มชอุ่มเขียว | ||
+ | ที่ตายตอหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียว เถาวัลย์เกี่ยวกอดกิ่งเหมือนชิงช้า ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระชวนพลอดกอดน้องประคองอุ้ม ให้ชมเพลินเดินมะงุมมะงาหรา | ||
+ | ป่าประเทศเขตแคว้นแดนชวา อินทะผาลัมชุมสลุมพัน | ||
+ | โกฐสดำจำปาดะดงองุ่น สหัสคุณขึ้นระคนปนปาหนัน | ||
+ | สลาสล้างนางแย้มเข้าแกมกัน หญ้าฝรั่นฝรั่งเรียงขึ้นเคียงดง | ||
+ | โกฐกระวานกานพลูดูระบัด กำจายกำจัดสารพันต้นตันหยง | ||
+ | หอมระรื่นชื่นใจที่ในดง พฤกษาทรงเสาวคนธ์ดังปนปรุง | ||
+ | ที่พื้นปราบราบรายล้วนทรายอ่อน เข้าดงดอนเลียบเดินเนินกุหนุง | ||
+ | เทียนยี่หร่าป่าฝิ่นส่งกลิ่นฟุ้ง สมส้มกุ้งโกฐจุฬาการบูร ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ย มิได้เชยชมสบายมาหายสูญ | ||
+ | ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูร ยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน | ||
+ | ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บ เคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน | ||
+ | เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทน ละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม | ||
+ | มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้อง น้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม | ||
+ | ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิม ขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนิน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พนมมาศลาดเลี่ยนเตียนตลิบ บ้างสูงลิบลอยแหงนเป็นแผ่นเผิน | ||
+ | บ้างทะมึนทึนเทิ่งเป็นเชิงเทิน เป็นกรอกเกริ่นโกรกกรวยลำห้วยธาร | ||
+ | เสียงสินธุดุดั้นลั่นพิลึก สะท้านสะทึกโถมฟาดฉาดฉาดฉาน | ||
+ | ที่น้ำโจนโผนพังดังสะท้าน บ้างพุซ่านสาดสายสุหร่ายริน | ||
+ | คะนึงถึงนุชบุษบาแม้นมาเห็น จะลงเล่นลำธารละหานหิน | ||
+ | ฝูงปลาทองท่องไล่เล็มไคลกิน กระดิกดิ้นดูงามตามกระบวน | ||
+ | ปลาเนื้ออ่อนอ่อนกายขึ้นว่ายเกลื่อน ไม่อ่อนเหมือนเนื้อน้องประคองสงวน | ||
+ | ปลานวลจันทร์นั้นก็งามแต่นามนวล ไม่งามชวนชื่นเช่นระเด่นดวง | ||
+ | พลางรีบทัพขับรถกำหนดแสวง ทุกหล้าแหล่งลำเนาภูเขาหลวง | ||
+ | ไม่ประสบพบเห็นให้เย็นทรวง ให้เหงาง่วงเงียบเหงาเศร้าพระทัย | ||
+ | ถึงพลมากจากมิตรแต่จิตเปลี่ยว เหมือนมาเดียวดั่งจะพาน้ำตาไหล | ||
+ | เห็นนกหกผกโผนโจนจับไม้ บ้างฟุบไซ้ปีกหางต่างต่างกัน | ||
+ | นกกระตั้วคลัวเคลียตัวเมียป้อน เหมือนขวัญอ่อนแอบประทับพี่รับขวัญ | ||
+ | ป้อนสลาพาชื่นทุกคืนวัน มาจากกันกรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น | ||
+ | เห็นนกเปล้าเคล้าคู่เข้าชูชื่น ถอนสะอื้นเหมือนไม่พอใจเห็น | ||
+ | พอเวลาสายัณห์ตะวันเย็น นกยูงเล่นลมเพลินบนเนินเตียน | ||
+ | บ้างเยื้องอกหกหางก้อกางปีก แฉลกฉลีกเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน | ||
+ | บ้างย่างย่องจ้องประจงที่วงเวียน ออกกลางเตียนตีนขวิดดูกรีดกราย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดถึงไปใช้บนได้ยลสมร เมื่อทอดกรฟ้อนรำระบำถวาย | ||
+ | โอ้อาภัพลับนุชสุดเสียดาย สะอื้นอายมยุราให้อาวรณ์ | ||
+ | เห็นเขาเขียวเดี่ยวโดดล้วนโสดสูง แต่ล้วนฝูงหงส์จับสลับสลอน | ||
+ | หงส์ก็งามตามอย่างเพราะหางงอน เป็นคู่ป้อนปกปิดกันชิดชม | ||
+ | อรหันนั้นหน้าเหมือนมนุษย์ ปีกเหมือนครุฑครีบเท้ามีเผ้าผม | ||
+ | พวกม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินเนินพนม ลูกเล็กล้มลากจูงเหมือนฝูงคน | ||
+ | เหล่าละเมาะเงาะป่าคุลาอยู่ เที่ยวกินปูเปี้ยวป่าผลาผล | ||
+ | สิงโตตื่นยืนหยัดสะบัดตน เห็นผู้คนโผนข้ามลำเนาเนิน | ||
+ | ฝูงมฤคถึกเถื่อนเที่ยวเกลื่อนกลุ้ม เป็นคู่คุมเคียงนางไม่ห่างเหิน | ||
+ | เห็นกวางทองย่องเยื้องชำเลืองเดิน เหมือนน้องเชิญพานผ้าประหม่าเมียง | ||
+ | พี่เข้าด้วยช่วยประคองพระน้องนุช สงสารสุดสุดสวาทไม่อาจเถียง | ||
+ | โอ้ยามนี้มิได้น้องประคองเคียง พี่ก็เสี่ยงบุญตามเจ้าทรามเชย | ||
+ | เป็นกุศลหนหลังเราทั้งสอง คงได้น้องคืนมาเรียงเคียงเขนย | ||
+ | แม้นกรรมหนุนบุญน้อยจะลอยเลย มิได้เชยบุษบาพะงางอน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระครวญคร่ำร่ำไรมาในรถ โศกกำสรดแสนเสียดายสายสมร | ||
+ | พอเวลาสายัณห์ตะวันรอน ปักษาร่อนรีบกลับมาจับรัง | ||
+ | โอ้นกเอ๋ยเคยอยู่มาสู่ถิ่น แต่ยุพินลิบลับไม่กลับหลัง | ||
+ | ครั้นแลดูสุริย์แสงก็แดงดัง หนึ่งน้ำครั่งคล้ำฟ้านภาลัย | ||
+ | เหมือนครั้งนี้พี่มาโศกแสนเทวษ ชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล | ||
+ | โอ้ตะวันครั้นจะลบภพไตร ก็อาลัยโลกยังหยุดรั้งรอ | ||
+ | ประหลาดนักรักเอ๋ยมาเลยลับ เหมือนเพลิงดับเด็ดเดี่ยวไปเจียวหนอ | ||
+ | ชลนัยน์ไหลหลั่งลงคลั่งคลอ ยิ่งเย็นย่อเสียวทรวงให้ร่วงโรย | ||
+ | ชะนีน้อยห้อยไม้เรไรร้อง เสียงแซ่ซ้องเริ่มรัวเรียกผัวโหวย | ||
+ | เหมือนอกพี่ที่ถวิลให้ดิ้นโดย ละห้อยโหยหานางมากลางไพร ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระสุริยงลงลับพยับค่ำ ถึงแนวน้ำเนินผาพฤกษาไสว | ||
+ | หยุดสำนักพักพลสกลไกร พระเนาในรถทองกับน้องยา | ||
+ | ถนอมแนบแอบองค์หลงหนึ่งหรัด ให้บรรทมโสมนัสในรัถา | ||
+ | ต้องจากวังครั้งนี้เพราะพี่พา พระน้องมาอ้างว้างวังเวงใจ | ||
+ | นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว | ||
+ | คิรีรอบขอบเคียงเหมือนเวียงชัย อยู่ร่มไม้เหมือนปราสาทราชวัง | ||
+ | เคยสำเนียงเสียงนางสุรางค์เห่ มาฟังเรไรแซ่เหมือนแตรสังข์ | ||
+ | เคยมีวิสูตรรูดกั้นบนบัลลังก์ มากำบังใบไม้ในไพรวัน | ||
+ | หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อน จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ | ||
+ | เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์ ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย | ||
+ | จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเสียง ต่างสำเนียงขับครวญหวนละห้อย | ||
+ | พระพายเอ๋ยเชยมาต้องพระน้องน้อย เหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพัด | ||
+ | โอ้เวลาปานฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ย กระไรเลยแลเงียบเชียบสงัด | ||
+ | น้ำค้างเผาะเหยาะเย็นกระเซ็นซัด ดึกสงัดดวงจิตจงนิทรา | ||
+ | พระขวัญเอ๋ยเคยนอนอย่าร่อนเร่ ไปว้าเหว่หว่างไม้ไพรพฤกษา | ||
+ | ขวัญมาอยู่สู่ที่พระพี่ยา พระมารดาบิตุเรศนิเวศน์เวียง | ||
+ | พระขวัญเอ๋ยเคยแอบแนบถนอม มาฟังกล่อมกลอนเพราะเสนาะเสียง | ||
+ | โอ้แรมล่วงดวงเดือนก็เลื่อนเอียง พี่พิศเพียงพักตร์แฝงพลิกแพลงบัง | ||
+ | บุษบายาหยีเจ้าพี่เอ๋ย ช่างลอยเลยลิบลับไม่กลับหลัง | ||
+ | เมื่ออุ้มออกนอกเขตนิเวศน์วัง พระน้องนั่งรถทรงที่ตรงริม | ||
+ | พี่หยอกเย้าเซ้าซี้มีแต่โกรธ สะอื้นโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมเสงี่ยมหงิม | ||
+ | อยู่ใกล้เคียงเพี้ยงเอ๋ยได้เชยชิม ถนอมนิ่มเนื้อน่วมร่วมฤทัย | ||
+ | พระครวญคร่ำรำลึกจนดึกเงียบ เย็นระเยียบหย่อมหญ้าพฤกษาไสว | ||
+ | สงบเสียงสิงสัตว์สงัดไพร ทุกกอกิ่งมิ่งไม้พระไทรครึ้ม | ||
+ | สุมามาลย์บานกลิ่นระรินรื่น ในเที่ยงคืนเสียงแต่ผึ้งหึ่งระหึม | ||
+ | ผีพระไทรไม้พุ่มงุมงุมงึม โขมดพึมผิวกู่หวิวหวู่โวย | ||
+ | เหล่ามารยาป่าโป่งเที่ยวโทงเถื่อน ตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสำเนียงโหย | ||
+ | น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย ยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไม่หลับเลย | ||
+ | จนทรวงเจ็บเหน็บแน่นแหงนดูฟ้า องค์ประตาระกาหลาเจ้าข้าเอ๋ย | ||
+ | พระน้องนุชบุษบาเจ้าข้าเคย เป็นคู่เชยชมชื่นให้คืนมา | ||
+ | ทั้งโกสีย์ตรีเนตรเห็นเหตุสิ้น ว่ายุพินอยู่ที่ไหนนำไปหา | ||
+ | หาไม่ฉันวานแต่พระสุชาดา ช่วยอุ้มพามาให้พบประสบกัน | ||
+ | ทั้งพรหมานวานแต่พาหนะหงส์ จะได้ทรงเหาะแสวงทุกแห่งสวรรค์ | ||
+ | แม้นได้นุชบุษบาวิลาวัณย์ จะทำขวัญหงส์พรหมให้สมยศ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จนพลบค่ำรำลึกนึกอนาถ ไม่ไสยาสน์ยามวิโยคโศกกำสรด | ||
+ | จนแจ่มแจ้งแสงตะวันให้รันทด ให้ยกทัพขับรถเลี้ยวลดเดิน | ||
+ | ทุกแว่นแคว้นแดนชวาสุธาทวีป เที่ยวเร็วรีบรอบเกาะดังเหาะเหิน | ||
+ | ไม่พบเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ ไปจนเกินมะละกาพาราราย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เมืองระตูรู้ทั่วกลัวอำนาจ ต่างแต่งราชธิดามาถวาย | ||
+ | ไม่ไยดีอีนังแต่ซังตาย แม้นแก้วหายได้ปัดไม่ทัดเทียม | ||
+ | แม้นมิเหมือนเพื่อนเชยที่เคยชิด ไม่ขอคิดนึกหน่ายละอายเหนียม | ||
+ | แต่ปราศรัยไต่ถามตามธรรมเนียม ไม่และเลียมเลยแสวงทุกแห่งไป ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ถึงเจ็ดเดือนเคลื่อนคลาดประหลาดแล้ว ไม่พบแก้วกลอยจิตพิสมัย | ||
+ | จนพระรูปซูบผอมเพราะตรอมใจ ทั้งนายไพร่พลนิกรอ่อนกำลัง | ||
+ | จนถึงทางร่วมที่บุรีรัตน์ ที่จะตัดมรคาไปกาหลัง | ||
+ | เห็นเขาเขินเนินร่มพนมวัง ต้นดงรังครึกครื้นระรื่นเย็น | ||
+ | ที่ธารถ้ำน้ำพุทะลุลั่น เป็นช่องชั้นบัลลังก์น่านั่งเล่น | ||
+ | ผลาผลหล่นกลาดดาษกระเด็น ดอกไม้เป็นดอกพร้อมหอมรัญจวน | ||
+ | จะใคร่บวชสวดมนต์อยู่บนเขา เพราะแสนเศร้าสุดจะตามทรามสงวน | ||
+ | แม้นมิตามความรักเฝ้าชักชวน ให้ปั่นป่วนไปตามเพราะความรัก | ||
+ | จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก | ||
+ | สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ | ||
+ | จะสร้างพรตอดรักหักสวาท เผื่อจะขาดข้อคิดพิสมัย | ||
+ | แม้นน้องนุชบุษบานิคาลัย จะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นโสฬส | ||
+ | จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งอาศรม รักษาพรหมจรรย์ด้วยกันหมด | ||
+ | ปะตาปาอายันอยู่บรรพต อุตส่าห์อดอาลัยก็ไม่คลาย | ||
+ | ภาวนาว่าจะตั้งปลงสังเวช ก็หลับเนตรเห็นคู่ไม่รู้หาย | ||
+ | จะสวดมนต์ต้นถูกถึงผูกปลาย ก็กลับกลายเรื่องราวเป็นกล่าวกลอน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดถึงนุชบุษบาออกมานั่ง บนบัลลังก์เหลี่ยมผาหน้าสิงขร | ||
+ | พระตรวจน้ำร่ำว่าด้วยอาวรณ์ หวังสมรเหมือนจะคลาดในชาตินี้ | ||
+ | จะอุตส่าห์ปะตาปารักษากิจ อวยอุทิศผลผลาถึงยาหยี | ||
+ | จะเกิดไหนในจังหวัดปัถพี ให้เหมือนปี่กับขลุ่ยต้องทำนองกัน | ||
+ | เป็นจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแลอังกฤษ ให้สนิทเสน่หาตุนาหงัน | ||
+ | แม้นเป็นไทยให้เป็นวงศ์ร่วมพงศ์พันธุ์ พอโสกันต์ให้ได้อยู่เป็นคู่ครอง | ||
+ | ครั้นกรวดน้ำสำเร็จเสด็จกลับ เข้าห้องหับโหยไห้พระทัยหมอง | ||
+ | ทุกเช้าค่ำรำลึกเฝ้าตรึกตรอง จนขาดครองคราวสวาทนิราศเอย ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == |
การปรับปรุง เมื่อ 07:27, 9 กรกฎาคม 2552
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
๏ นิราศร้างห่างเหเสน่หา | |||
ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบา | พระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย | ||
ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิม | สุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย | ||
โอ้เย็นค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย | น้องจะลอยลมบนไปหนใด | ||
หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้อง | ไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน | ||
แม้นน้องน้อยลอยถึงชั้นตรึงส์ตรัย | สหัสนัยน์จะช่วยรับประคับประคอง | ||
หรือไปปะพระอาทิตย์พิศวาส | ไปร่วมอาสน์เวชยันต์ผันผยอง | ||
หรือเมขลาพาชวนนวลละออง | เที่ยวลอยล่องเลียบฟ้าชมสาคร | ||
หรือไปริมหิมพานต์ชานไกรลาส | บริเวณเมรุมาศราชสิงขร | ||
โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่อง | จะมัวหมองมิ่งขวัญจะหวั่นไหว | ||
จะดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจ | นี่เวรใดเด็ดสวาทให้คลาดคลา ฯ | ||
๏ พระผันแปรแลรอบขอบทวีป | เห็นแต่กลีบเมฆเคลื่อนเกลื่อนเวหา | ||
จะแลดูสุริยนก็สนธยา | จะดูฟ้าฟ้าคล้ำให้รำจวน | ||
ฝืนวิโยคโศกเศร้าเข้าในห้อง | เห็นแท่นทองที่ประทมภิรมย์สงวน | ||
ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองค์ซวน | ละห้อยหวนหิวโหยด้วยโรยแรง | ||
ยลยี่ภู่ปูเปล่าเศร้าสลด | ระทวยทดทอดทบซบกันแสง | ||
โอ้สุดแสนแค้นอารมณ์ด้วยลมแดง | ดูเหมือนแกล้งพัดไปให้ไกลทรวง | ||
เสียดายเอ๋ยเคยแอบแนบสนิท | ถึงชีวิตวอดวายไม่หายห่วง | ||
โอ้น้องนุชบุษบาสุดาดวง | พี่เปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรม ฯ | ||
๏ โอ้โพล้เพล้เวลาปานฉะนี้ | เคยเข้าที่พี่เคยได้เชยโฉม | ||
เห็นแต่ห้องน้องน้อยลอยโพยม | ยามประโลมมิรู้ลืมเจ้าปลื้มใจ | ||
โอ้เขนยเคยหนุนยังอุ่นอ่อน | แต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน | ||
ยี่ภู่เอ๋ยเคยชิดสนิทใน | วันนี้ไกลกลอยสวาทอนาถนอน | ||
โอ้รินรินกลิ่นนวลยังหวนหอม | เคยถนอมแนบทรวงดวงสมร | ||
ยังรื่นรื่นชื่นใจอาลัยวอน | สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี | ||
จนฆ้องค่ำย่ำหึ่งหึ่งกระหึม | ยิ่งเศร้าซึมโศกาถึงยาหยี | ||
โอ้ยามอยู่คูหาเวลานี้ | เคยพาทีทอดประทับไว้กับทรวง ฯ | ||
๏ โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อม | เคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง | ||
ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวง | เคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย | ||
จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุน | ถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย | ||
ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอาย | แสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน | ||
เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้า | พระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน | ||
ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์ | สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพต ฯ | ||
๏ พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสง | กระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด | ||
สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณต | พระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน | ||
ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้าย | เขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน | ||
เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือน | จนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์ | ||
เห็นสระศรีที่เคยมาประพาส | ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน | ||
ลมรำเพยเชยชายกระจายจร | หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย ฯ | ||
๏ โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมัน | เหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย | ||
หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดย | พระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง | ||
โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่ง | เห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง | ||
ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้ง | เสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง | ||
จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้อง | แว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง | ||
เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์ | เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง | ||
เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนอง | แต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง | ||
โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียง | พระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย | ||
ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัด | ใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว | ||
ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัย | ยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น | ||
เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมัน | เคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น | ||
ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็น | ยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา | ||
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ | ตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา | ||
เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบา | หรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด | ||
เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้ง | จนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว | ||
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร | ดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง | ||
หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบ | บ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง | ||
ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้อง | อาบละอองเกสรขจรจาย ฯ | ||
๏ จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น | ถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย | ||
ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพาย | ไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ | ||
จำจะตามทรามชมทางลมพัด | เผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน | ||
ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัย | ให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา | ||
จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จ | จะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา | ||
พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดา | ขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไป ฯ | ||
๏ พระเหลียวดูภูผาสะตาหมัน | ที่สำคัญคูหาเคยอาศัย | ||
จะแลลับนับปีแต่นี้ไป | จะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย | ||
เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริด | ค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย | ||
โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชย | จะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนิน ฯ | ||
๏ โอ้นกเอ๋ยเคยพากันมาจับ | จะแลลับฝูงนกระหกระเหิน | ||
โอ้เขาสูงฝูงหงส์เคยลงเดิน | เคยเพลิดเพลินพิศวงด้วยหงส์ทอง | ||
จะเริดร้างห่างหงส์ไปดงอื่น | ทุกวันคืนค่ำเช้าจะเศร้าหมอง | ||
โอ้ก้านกิ่งมิ่งไม้เรไรร้อง | ประสานซ้องเสียงดังดูวังเวง | ||
ได้เคยฟังครั้งนี้มาวิบาก | ต้องพลัดพรากเพราะว่าลมทำข่มเหง | ||
แม้นพบเห็นเป็นตัวไม่กลัวเกรง | จะรำเพลงกริชผลาญสังหารลม | ||
นี่จนใจไม่เห็นด้วยเป็นเคราะห์ | มาจำเพาะพลัดคู่เคยสู่สม | ||
ยิ่งสุดแสนแค้นขัดอัดอารมณ์ | จะแลชมอื่นอื่นไม่ชื่นใจ | ||
แต่จำเป็นเกนหลงมาดงด้วย | ต้องชี้ช่วยชมผาพฤกษาไสว | ||
กรดกระถินอินจันพรรณไม้ | มีดอกใบก้านกิ่งขึ้นพริ้งเพรียว | ||
บ้างแก่อ่อนซ้อนซับสลับสล้าง | บ้างสดสร่างสีชุ่มชอุ่มเขียว | ||
ที่ตายตอหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียว | เถาวัลย์เกี่ยวกอดกิ่งเหมือนชิงช้า ฯ | ||
๏ พระชวนพลอดกอดน้องประคองอุ้ม | ให้ชมเพลินเดินมะงุมมะงาหรา | ||
ป่าประเทศเขตแคว้นแดนชวา | อินทะผาลัมชุมสลุมพัน | ||
โกฐสดำจำปาดะดงองุ่น | สหัสคุณขึ้นระคนปนปาหนัน | ||
สลาสล้างนางแย้มเข้าแกมกัน | หญ้าฝรั่นฝรั่งเรียงขึ้นเคียงดง | ||
โกฐกระวานกานพลูดูระบัด | กำจายกำจัดสารพันต้นตันหยง | ||
หอมระรื่นชื่นใจที่ในดง | พฤกษาทรงเสาวคนธ์ดังปนปรุง | ||
ที่พื้นปราบราบรายล้วนทรายอ่อน | เข้าดงดอนเลียบเดินเนินกุหนุง | ||
เทียนยี่หร่าป่าฝิ่นส่งกลิ่นฟุ้ง | สมส้มกุ้งโกฐจุฬาการบูร ฯ | ||
๏ คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ย | มิได้เชยชมสบายมาหายสูญ | ||
ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูร | ยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน | ||
ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บ | เคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน | ||
เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทน | ละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม | ||
มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้อง | น้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม | ||
ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิม | ขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนิน ฯ | ||
๏ พนมมาศลาดเลี่ยนเตียนตลิบ | บ้างสูงลิบลอยแหงนเป็นแผ่นเผิน | ||
บ้างทะมึนทึนเทิ่งเป็นเชิงเทิน | เป็นกรอกเกริ่นโกรกกรวยลำห้วยธาร | ||
เสียงสินธุดุดั้นลั่นพิลึก | สะท้านสะทึกโถมฟาดฉาดฉาดฉาน | ||
ที่น้ำโจนโผนพังดังสะท้าน | บ้างพุซ่านสาดสายสุหร่ายริน | ||
คะนึงถึงนุชบุษบาแม้นมาเห็น | จะลงเล่นลำธารละหานหิน | ||
ฝูงปลาทองท่องไล่เล็มไคลกิน | กระดิกดิ้นดูงามตามกระบวน | ||
ปลาเนื้ออ่อนอ่อนกายขึ้นว่ายเกลื่อน | ไม่อ่อนเหมือนเนื้อน้องประคองสงวน | ||
ปลานวลจันทร์นั้นก็งามแต่นามนวล | ไม่งามชวนชื่นเช่นระเด่นดวง | ||
พลางรีบทัพขับรถกำหนดแสวง | ทุกหล้าแหล่งลำเนาภูเขาหลวง | ||
ไม่ประสบพบเห็นให้เย็นทรวง | ให้เหงาง่วงเงียบเหงาเศร้าพระทัย | ||
ถึงพลมากจากมิตรแต่จิตเปลี่ยว | เหมือนมาเดียวดั่งจะพาน้ำตาไหล | ||
เห็นนกหกผกโผนโจนจับไม้ | บ้างฟุบไซ้ปีกหางต่างต่างกัน | ||
นกกระตั้วคลัวเคลียตัวเมียป้อน | เหมือนขวัญอ่อนแอบประทับพี่รับขวัญ | ||
ป้อนสลาพาชื่นทุกคืนวัน | มาจากกันกรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น | ||
เห็นนกเปล้าเคล้าคู่เข้าชูชื่น | ถอนสะอื้นเหมือนไม่พอใจเห็น | ||
พอเวลาสายัณห์ตะวันเย็น | นกยูงเล่นลมเพลินบนเนินเตียน | ||
บ้างเยื้องอกหกหางก้อกางปีก | แฉลกฉลีกเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน | ||
บ้างย่างย่องจ้องประจงที่วงเวียน | ออกกลางเตียนตีนขวิดดูกรีดกราย ฯ | ||
๏ คิดถึงไปใช้บนได้ยลสมร | เมื่อทอดกรฟ้อนรำระบำถวาย | ||
โอ้อาภัพลับนุชสุดเสียดาย | สะอื้นอายมยุราให้อาวรณ์ | ||
เห็นเขาเขียวเดี่ยวโดดล้วนโสดสูง | แต่ล้วนฝูงหงส์จับสลับสลอน | ||
หงส์ก็งามตามอย่างเพราะหางงอน | เป็นคู่ป้อนปกปิดกันชิดชม | ||
อรหันนั้นหน้าเหมือนมนุษย์ | ปีกเหมือนครุฑครีบเท้ามีเผ้าผม | ||
พวกม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินเนินพนม | ลูกเล็กล้มลากจูงเหมือนฝูงคน | ||
เหล่าละเมาะเงาะป่าคุลาอยู่ | เที่ยวกินปูเปี้ยวป่าผลาผล | ||
สิงโตตื่นยืนหยัดสะบัดตน | เห็นผู้คนโผนข้ามลำเนาเนิน | ||
ฝูงมฤคถึกเถื่อนเที่ยวเกลื่อนกลุ้ม | เป็นคู่คุมเคียงนางไม่ห่างเหิน | ||
เห็นกวางทองย่องเยื้องชำเลืองเดิน | เหมือนน้องเชิญพานผ้าประหม่าเมียง | ||
พี่เข้าด้วยช่วยประคองพระน้องนุช | สงสารสุดสุดสวาทไม่อาจเถียง | ||
โอ้ยามนี้มิได้น้องประคองเคียง | พี่ก็เสี่ยงบุญตามเจ้าทรามเชย | ||
เป็นกุศลหนหลังเราทั้งสอง | คงได้น้องคืนมาเรียงเคียงเขนย | ||
แม้นกรรมหนุนบุญน้อยจะลอยเลย | มิได้เชยบุษบาพะงางอน ฯ | ||
๏ พระครวญคร่ำร่ำไรมาในรถ | โศกกำสรดแสนเสียดายสายสมร | ||
พอเวลาสายัณห์ตะวันรอน | ปักษาร่อนรีบกลับมาจับรัง | ||
โอ้นกเอ๋ยเคยอยู่มาสู่ถิ่น | แต่ยุพินลิบลับไม่กลับหลัง | ||
ครั้นแลดูสุริย์แสงก็แดงดัง | หนึ่งน้ำครั่งคล้ำฟ้านภาลัย | ||
เหมือนครั้งนี้พี่มาโศกแสนเทวษ | ชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล | ||
โอ้ตะวันครั้นจะลบภพไตร | ก็อาลัยโลกยังหยุดรั้งรอ | ||
ประหลาดนักรักเอ๋ยมาเลยลับ | เหมือนเพลิงดับเด็ดเดี่ยวไปเจียวหนอ | ||
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงคลั่งคลอ | ยิ่งเย็นย่อเสียวทรวงให้ร่วงโรย | ||
ชะนีน้อยห้อยไม้เรไรร้อง | เสียงแซ่ซ้องเริ่มรัวเรียกผัวโหวย | ||
เหมือนอกพี่ที่ถวิลให้ดิ้นโดย | ละห้อยโหยหานางมากลางไพร ฯ | ||
๏ พระสุริยงลงลับพยับค่ำ | ถึงแนวน้ำเนินผาพฤกษาไสว | ||
หยุดสำนักพักพลสกลไกร | พระเนาในรถทองกับน้องยา | ||
ถนอมแนบแอบองค์หลงหนึ่งหรัด | ให้บรรทมโสมนัสในรัถา | ||
ต้องจากวังครั้งนี้เพราะพี่พา | พระน้องมาอ้างว้างวังเวงใจ | ||
นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม | งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว | ||
คิรีรอบขอบเคียงเหมือนเวียงชัย | อยู่ร่มไม้เหมือนปราสาทราชวัง | ||
เคยสำเนียงเสียงนางสุรางค์เห่ | มาฟังเรไรแซ่เหมือนแตรสังข์ | ||
เคยมีวิสูตรรูดกั้นบนบัลลังก์ | มากำบังใบไม้ในไพรวัน | ||
หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อน | จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ | ||
เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์ | ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย | ||
จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเสียง | ต่างสำเนียงขับครวญหวนละห้อย | ||
พระพายเอ๋ยเชยมาต้องพระน้องน้อย | เหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพัด | ||
โอ้เวลาปานฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ย | กระไรเลยแลเงียบเชียบสงัด | ||
น้ำค้างเผาะเหยาะเย็นกระเซ็นซัด | ดึกสงัดดวงจิตจงนิทรา | ||
พระขวัญเอ๋ยเคยนอนอย่าร่อนเร่ | ไปว้าเหว่หว่างไม้ไพรพฤกษา | ||
ขวัญมาอยู่สู่ที่พระพี่ยา | พระมารดาบิตุเรศนิเวศน์เวียง | ||
พระขวัญเอ๋ยเคยแอบแนบถนอม | มาฟังกล่อมกลอนเพราะเสนาะเสียง | ||
โอ้แรมล่วงดวงเดือนก็เลื่อนเอียง | พี่พิศเพียงพักตร์แฝงพลิกแพลงบัง | ||
บุษบายาหยีเจ้าพี่เอ๋ย | ช่างลอยเลยลิบลับไม่กลับหลัง | ||
เมื่ออุ้มออกนอกเขตนิเวศน์วัง | พระน้องนั่งรถทรงที่ตรงริม | ||
พี่หยอกเย้าเซ้าซี้มีแต่โกรธ | สะอื้นโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมเสงี่ยมหงิม | ||
อยู่ใกล้เคียงเพี้ยงเอ๋ยได้เชยชิม | ถนอมนิ่มเนื้อน่วมร่วมฤทัย | ||
พระครวญคร่ำรำลึกจนดึกเงียบ | เย็นระเยียบหย่อมหญ้าพฤกษาไสว | ||
สงบเสียงสิงสัตว์สงัดไพร | ทุกกอกิ่งมิ่งไม้พระไทรครึ้ม | ||
สุมามาลย์บานกลิ่นระรินรื่น | ในเที่ยงคืนเสียงแต่ผึ้งหึ่งระหึม | ||
ผีพระไทรไม้พุ่มงุมงุมงึม | โขมดพึมผิวกู่หวิวหวู่โวย | ||
เหล่ามารยาป่าโป่งเที่ยวโทงเถื่อน | ตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสำเนียงโหย | ||
น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย | ยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไม่หลับเลย | ||
จนทรวงเจ็บเหน็บแน่นแหงนดูฟ้า | องค์ประตาระกาหลาเจ้าข้าเอ๋ย | ||
พระน้องนุชบุษบาเจ้าข้าเคย | เป็นคู่เชยชมชื่นให้คืนมา | ||
ทั้งโกสีย์ตรีเนตรเห็นเหตุสิ้น | ว่ายุพินอยู่ที่ไหนนำไปหา | ||
หาไม่ฉันวานแต่พระสุชาดา | ช่วยอุ้มพามาให้พบประสบกัน | ||
ทั้งพรหมานวานแต่พาหนะหงส์ | จะได้ทรงเหาะแสวงทุกแห่งสวรรค์ | ||
แม้นได้นุชบุษบาวิลาวัณย์ | จะทำขวัญหงส์พรหมให้สมยศ ฯ | ||
๏ จนพลบค่ำรำลึกนึกอนาถ | ไม่ไสยาสน์ยามวิโยคโศกกำสรด | ||
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันให้รันทด | ให้ยกทัพขับรถเลี้ยวลดเดิน | ||
ทุกแว่นแคว้นแดนชวาสุธาทวีป | เที่ยวเร็วรีบรอบเกาะดังเหาะเหิน | ||
ไม่พบเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ | ไปจนเกินมะละกาพาราราย ฯ | ||
๏ เมืองระตูรู้ทั่วกลัวอำนาจ | ต่างแต่งราชธิดามาถวาย | ||
ไม่ไยดีอีนังแต่ซังตาย | แม้นแก้วหายได้ปัดไม่ทัดเทียม | ||
แม้นมิเหมือนเพื่อนเชยที่เคยชิด | ไม่ขอคิดนึกหน่ายละอายเหนียม | ||
แต่ปราศรัยไต่ถามตามธรรมเนียม | ไม่และเลียมเลยแสวงทุกแห่งไป ฯ | ||
๏ ถึงเจ็ดเดือนเคลื่อนคลาดประหลาดแล้ว | ไม่พบแก้วกลอยจิตพิสมัย | ||
จนพระรูปซูบผอมเพราะตรอมใจ | ทั้งนายไพร่พลนิกรอ่อนกำลัง | ||
จนถึงทางร่วมที่บุรีรัตน์ | ที่จะตัดมรคาไปกาหลัง | ||
เห็นเขาเขินเนินร่มพนมวัง | ต้นดงรังครึกครื้นระรื่นเย็น | ||
ที่ธารถ้ำน้ำพุทะลุลั่น | เป็นช่องชั้นบัลลังก์น่านั่งเล่น | ||
ผลาผลหล่นกลาดดาษกระเด็น | ดอกไม้เป็นดอกพร้อมหอมรัญจวน | ||
จะใคร่บวชสวดมนต์อยู่บนเขา | เพราะแสนเศร้าสุดจะตามทรามสงวน | ||
แม้นมิตามความรักเฝ้าชักชวน | ให้ปั่นป่วนไปตามเพราะความรัก | ||
จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ | หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก | ||
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก | แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ | ||
จะสร้างพรตอดรักหักสวาท | เผื่อจะขาดข้อคิดพิสมัย | ||
แม้นน้องนุชบุษบานิคาลัย | จะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นโสฬส | ||
จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งอาศรม | รักษาพรหมจรรย์ด้วยกันหมด | ||
ปะตาปาอายันอยู่บรรพต | อุตส่าห์อดอาลัยก็ไม่คลาย | ||
ภาวนาว่าจะตั้งปลงสังเวช | ก็หลับเนตรเห็นคู่ไม่รู้หาย | ||
จะสวดมนต์ต้นถูกถึงผูกปลาย | ก็กลับกลายเรื่องราวเป็นกล่าวกลอน ฯ | ||
๏ คิดถึงนุชบุษบาออกมานั่ง | บนบัลลังก์เหลี่ยมผาหน้าสิงขร | ||
พระตรวจน้ำร่ำว่าด้วยอาวรณ์ | หวังสมรเหมือนจะคลาดในชาตินี้ | ||
จะอุตส่าห์ปะตาปารักษากิจ | อวยอุทิศผลผลาถึงยาหยี | ||
จะเกิดไหนในจังหวัดปัถพี | ให้เหมือนปี่กับขลุ่ยต้องทำนองกัน | ||
เป็นจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแลอังกฤษ | ให้สนิทเสน่หาตุนาหงัน | ||
แม้นเป็นไทยให้เป็นวงศ์ร่วมพงศ์พันธุ์ | พอโสกันต์ให้ได้อยู่เป็นคู่ครอง | ||
ครั้นกรวดน้ำสำเร็จเสด็จกลับ | เข้าห้องหับโหยไห้พระทัยหมอง | ||
ทุกเช้าค่ำรำลึกเฝ้าตรึกตรอง | จนขาดครองคราวสวาทนิราศเอย ฯ | ||