นิราศอิเหนา

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

๏ นิราศร้างห่างเหเสน่หา
ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบาพระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย
ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิมสุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย
โอ้เย็นค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อยน้องจะลอยลมบนไปหนใด
หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้องไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน
แม้นน้องน้อยลอยถึงชั้นตรึงส์ตรัยสหัสนัยน์จะช่วยรับประคับประคอง
หรือไปปะพระอาทิตย์พิศวาสไปร่วมอาสน์เวชยันต์ผันผยอง
หรือเมขลาพาชวนนวลละอองเที่ยวลอยล่องเลียบฟ้าชมสาคร
หรือไปริมหิมพานต์ชานไกรลาสบริเวณเมรุมาศราชสิงขร
โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่องจะมัวหมองมิ่งขวัญจะหวั่นไหว
จะดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจนี่เวรใดเด็ดสวาทให้คลาดคลา ฯ
๏ พระผันแปรแลรอบขอบทวีปเห็นแต่กลีบเมฆเคลื่อนเกลื่อนเวหา
จะแลดูสุริยนก็สนธยาจะดูฟ้าฟ้าคล้ำให้รำจวน
ฝืนวิโยคโศกเศร้าเข้าในห้องเห็นแท่นทองที่ประทมภิรมย์สงวน
ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองค์ซวนละห้อยหวนหิวโหยด้วยโรยแรง
ยลยี่ภู่ปูเปล่าเศร้าสลดระทวยทดทอดทบซบกันแสง
โอ้สุดแสนแค้นอารมณ์ด้วยลมแดงดูเหมือนแกล้งพัดไปให้ไกลทรวง
เสียดายเอ๋ยเคยแอบแนบสนิทถึงชีวิตวอดวายไม่หายห่วง
โอ้น้องนุชบุษบาสุดาดวงพี่เปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรม ฯ
๏ โอ้โพล้เพล้เวลาปานฉะนี้เคยเข้าที่พี่เคยได้เชยโฉม
เห็นแต่ห้องน้องน้อยลอยโพยมยามประโลมมิรู้ลืมเจ้าปลื้มใจ
โอ้เขนยเคยหนุนยังอุ่นอ่อนแต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน
ยี่ภู่เอ๋ยเคยชิดสนิทในวันนี้ไกลกลอยสวาทอนาถนอน
โอ้รินรินกลิ่นนวลยังหวนหอมเคยถนอมแนบทรวงดวงสมร
ยังรื่นรื่นชื่นใจอาลัยวอนสะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี
จนฆ้องค่ำย่ำหึ่งหึ่งกระหึมยิ่งเศร้าซึมโศกาถึงยาหยี
โอ้ยามอยู่คูหาเวลานี้เคยพาทีทอดประทับไว้กับทรวง ฯ
๏ โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อมเคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง
ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวงเคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุนถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย
ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอายแสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน
เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้าพระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน
ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพต ฯ
๏ พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสงกระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด
สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณตพระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน
ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้ายเขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน
เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือนจนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์
เห็นสระศรีที่เคยมาประพาสระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน
ลมรำเพยเชยชายกระจายจรหอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย ฯ
๏ โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมันเหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย
หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดยพระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง
โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่งเห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง
ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้งเสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง
จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้องแว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง
เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง
เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนองแต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง
โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียงพระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย
ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัดใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว
ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัยยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น
เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมันเคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น
ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็นยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา
เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบาหรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด
เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้งจนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพรดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง
หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบบ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง
ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้องอาบละอองเกสรขจรจาย ฯ
๏ จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้นถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย
ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพายไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ
จำจะตามทรามชมทางลมพัดเผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน
ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัยให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา
จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จจะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา
พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดาขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไป ฯ
๏ พระเหลียวดูภูผาสะตาหมันที่สำคัญคูหาเคยอาศัย
จะแลลับนับปีแต่นี้ไปจะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย
เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริดค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย
โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชยจะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนิน ฯ
๏ โอ้นกเอ๋ยเคยพากันมาจับจะแลลับฝูงนกระหกระเหิน
โอ้เขาสูงฝูงหงส์เคยลงเดินเคยเพลิดเพลินพิศวงด้วยหงส์ทอง
จะเริดร้างห่างหงส์ไปดงอื่นทุกวันคืนค่ำเช้าจะเศร้าหมอง
โอ้ก้านกิ่งมิ่งไม้เรไรร้องประสานซ้องเสียงดังดูวังเวง
ได้เคยฟังครั้งนี้มาวิบากต้องพลัดพรากเพราะว่าลมทำข่มเหง
แม้นพบเห็นเป็นตัวไม่กลัวเกรงจะรำเพลงกริชผลาญสังหารลม
นี่จนใจไม่เห็นด้วยเป็นเคราะห์มาจำเพาะพลัดคู่เคยสู่สม
ยิ่งสุดแสนแค้นขัดอัดอารมณ์จะแลชมอื่นอื่นไม่ชื่นใจ
แต่จำเป็นเกนหลงมาดงด้วยต้องชี้ช่วยชมผาพฤกษาไสว
กรดกระถินอินจันพรรณไม้มีดอกใบก้านกิ่งขึ้นพริ้งเพรียว
บ้างแก่อ่อนซ้อนซับสลับสล้างบ้างสดสร่างสีชุ่มชอุ่มเขียว
ที่ตายตอหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียวเถาวัลย์เกี่ยวกอดกิ่งเหมือนชิงช้า ฯ
๏ พระชวนพลอดกอดน้องประคองอุ้มให้ชมเพลินเดินมะงุมมะงาหรา
ป่าประเทศเขตแคว้นแดนชวาอินทะผาลัมชุมสลุมพัน
โกฐสดำจำปาดะดงองุ่นสหัสคุณขึ้นระคนปนปาหนัน
สลาสล้างนางแย้มเข้าแกมกันหญ้าฝรั่นฝรั่งเรียงขึ้นเคียงดง
โกฐกระวานกานพลูดูระบัดกำจายกำจัดสารพันต้นตันหยง
หอมระรื่นชื่นใจที่ในดงพฤกษาทรงเสาวคนธ์ดังปนปรุง
ที่พื้นปราบราบรายล้วนทรายอ่อนเข้าดงดอนเลียบเดินเนินกุหนุง
เทียนยี่หร่าป่าฝิ่นส่งกลิ่นฟุ้งสมส้มกุ้งโกฐจุฬาการบูร ฯ
๏ คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ยมิได้เชยชมสบายมาหายสูญ
ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูรยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน
ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บเคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน
เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทนละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม
มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้องน้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม
ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิมขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนิน ฯ
๏ พนมมาศลาดเลี่ยนเตียนตลิบบ้างสูงลิบลอยแหงนเป็นแผ่นเผิน
บ้างทะมึนทึนเทิ่งเป็นเชิงเทินเป็นกรอกเกริ่นโกรกกรวยลำห้วยธาร
เสียงสินธุดุดั้นลั่นพิลึกสะท้านสะทึกโถมฟาดฉาดฉาดฉาน
ที่น้ำโจนโผนพังดังสะท้านบ้างพุซ่านสาดสายสุหร่ายริน
คะนึงถึงนุชบุษบาแม้นมาเห็นจะลงเล่นลำธารละหานหิน
ฝูงปลาทองท่องไล่เล็มไคลกินกระดิกดิ้นดูงามตามกระบวน
ปลาเนื้ออ่อนอ่อนกายขึ้นว่ายเกลื่อนไม่อ่อนเหมือนเนื้อน้องประคองสงวน
ปลานวลจันทร์นั้นก็งามแต่นามนวลไม่งามชวนชื่นเช่นระเด่นดวง
พลางรีบทัพขับรถกำหนดแสวงทุกหล้าแหล่งลำเนาภูเขาหลวง
ไม่ประสบพบเห็นให้เย็นทรวงให้เหงาง่วงเงียบเหงาเศร้าพระทัย
ถึงพลมากจากมิตรแต่จิตเปลี่ยวเหมือนมาเดียวดั่งจะพาน้ำตาไหล
เห็นนกหกผกโผนโจนจับไม้บ้างฟุบไซ้ปีกหางต่างต่างกัน
นกกระตั้วคลัวเคลียตัวเมียป้อนเหมือนขวัญอ่อนแอบประทับพี่รับขวัญ
ป้อนสลาพาชื่นทุกคืนวันมาจากกันกรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น
เห็นนกเปล้าเคล้าคู่เข้าชูชื่นถอนสะอื้นเหมือนไม่พอใจเห็น
พอเวลาสายัณห์ตะวันเย็นนกยูงเล่นลมเพลินบนเนินเตียน
บ้างเยื้องอกหกหางก้อกางปีกแฉลกฉลีกเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
บ้างย่างย่องจ้องประจงที่วงเวียนออกกลางเตียนตีนขวิดดูกรีดกราย ฯ
๏ คิดถึงไปใช้บนได้ยลสมรเมื่อทอดกรฟ้อนรำระบำถวาย
โอ้อาภัพลับนุชสุดเสียดายสะอื้นอายมยุราให้อาวรณ์
เห็นเขาเขียวเดี่ยวโดดล้วนโสดสูงแต่ล้วนฝูงหงส์จับสลับสลอน
หงส์ก็งามตามอย่างเพราะหางงอนเป็นคู่ป้อนปกปิดกันชิดชม
อรหันนั้นหน้าเหมือนมนุษย์ปีกเหมือนครุฑครีบเท้ามีเผ้าผม
พวกม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินเนินพนมลูกเล็กล้มลากจูงเหมือนฝูงคน
เหล่าละเมาะเงาะป่าคุลาอยู่เที่ยวกินปูเปี้ยวป่าผลาผล
สิงโตตื่นยืนหยัดสะบัดตนเห็นผู้คนโผนข้ามลำเนาเนิน
ฝูงมฤคถึกเถื่อนเที่ยวเกลื่อนกลุ้มเป็นคู่คุมเคียงนางไม่ห่างเหิน
เห็นกวางทองย่องเยื้องชำเลืองเดินเหมือนน้องเชิญพานผ้าประหม่าเมียง
พี่เข้าด้วยช่วยประคองพระน้องนุชสงสารสุดสุดสวาทไม่อาจเถียง
โอ้ยามนี้มิได้น้องประคองเคียงพี่ก็เสี่ยงบุญตามเจ้าทรามเชย
เป็นกุศลหนหลังเราทั้งสองคงได้น้องคืนมาเรียงเคียงเขนย
แม้นกรรมหนุนบุญน้อยจะลอยเลยมิได้เชยบุษบาพะงางอน ฯ
๏ พระครวญคร่ำร่ำไรมาในรถโศกกำสรดแสนเสียดายสายสมร
พอเวลาสายัณห์ตะวันรอนปักษาร่อนรีบกลับมาจับรัง
โอ้นกเอ๋ยเคยอยู่มาสู่ถิ่นแต่ยุพินลิบลับไม่กลับหลัง
ครั้นแลดูสุริย์แสงก็แดงดังหนึ่งน้ำครั่งคล้ำฟ้านภาลัย
เหมือนครั้งนี้พี่มาโศกแสนเทวษชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล
โอ้ตะวันครั้นจะลบภพไตรก็อาลัยโลกยังหยุดรั้งรอ
ประหลาดนักรักเอ๋ยมาเลยลับเหมือนเพลิงดับเด็ดเดี่ยวไปเจียวหนอ
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงคลั่งคลอยิ่งเย็นย่อเสียวทรวงให้ร่วงโรย
ชะนีน้อยห้อยไม้เรไรร้องเสียงแซ่ซ้องเริ่มรัวเรียกผัวโหวย
เหมือนอกพี่ที่ถวิลให้ดิ้นโดยละห้อยโหยหานางมากลางไพร ฯ
๏ พระสุริยงลงลับพยับค่ำถึงแนวน้ำเนินผาพฤกษาไสว
หยุดสำนักพักพลสกลไกรพระเนาในรถทองกับน้องยา
ถนอมแนบแอบองค์หลงหนึ่งหรัดให้บรรทมโสมนัสในรัถา
ต้องจากวังครั้งนี้เพราะพี่พาพระน้องมาอ้างว้างวังเวงใจ
นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อมงามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว
คิรีรอบขอบเคียงเหมือนเวียงชัยอยู่ร่มไม้เหมือนปราสาทราชวัง
เคยสำเนียงเสียงนางสุรางค์เห่มาฟังเรไรแซ่เหมือนแตรสังข์
เคยมีวิสูตรรูดกั้นบนบัลลังก์มากำบังใบไม้ในไพรวัน
หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อนจะกางกรกอดน้องประคองขวัญ
เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย
จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเสียงต่างสำเนียงขับครวญหวนละห้อย
พระพายเอ๋ยเชยมาต้องพระน้องน้อยเหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพัด
โอ้เวลาปานฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ยกระไรเลยแลเงียบเชียบสงัด
น้ำค้างเผาะเหยาะเย็นกระเซ็นซัดดึกสงัดดวงจิตจงนิทรา
พระขวัญเอ๋ยเคยนอนอย่าร่อนเร่ไปว้าเหว่หว่างไม้ไพรพฤกษา
ขวัญมาอยู่สู่ที่พระพี่ยาพระมารดาบิตุเรศนิเวศน์เวียง
พระขวัญเอ๋ยเคยแอบแนบถนอมมาฟังกล่อมกลอนเพราะเสนาะเสียง
โอ้แรมล่วงดวงเดือนก็เลื่อนเอียงพี่พิศเพียงพักตร์แฝงพลิกแพลงบัง
บุษบายาหยีเจ้าพี่เอ๋ยช่างลอยเลยลิบลับไม่กลับหลัง
เมื่ออุ้มออกนอกเขตนิเวศน์วังพระน้องนั่งรถทรงที่ตรงริม
พี่หยอกเย้าเซ้าซี้มีแต่โกรธสะอื้นโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมเสงี่ยมหงิม
อยู่ใกล้เคียงเพี้ยงเอ๋ยได้เชยชิมถนอมนิ่มเนื้อน่วมร่วมฤทัย
พระครวญคร่ำรำลึกจนดึกเงียบเย็นระเยียบหย่อมหญ้าพฤกษาไสว
สงบเสียงสิงสัตว์สงัดไพรทุกกอกิ่งมิ่งไม้พระไทรครึ้ม
สุมามาลย์บานกลิ่นระรินรื่นในเที่ยงคืนเสียงแต่ผึ้งหึ่งระหึม
ผีพระไทรไม้พุ่มงุมงุมงึมโขมดพึมผิวกู่หวิวหวู่โวย
เหล่ามารยาป่าโป่งเที่ยวโทงเถื่อนตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสำเนียงโหย
น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชยยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไม่หลับเลย
จนทรวงเจ็บเหน็บแน่นแหงนดูฟ้าองค์ประตาระกาหลาเจ้าข้าเอ๋ย
พระน้องนุชบุษบาเจ้าข้าเคยเป็นคู่เชยชมชื่นให้คืนมา
ทั้งโกสีย์ตรีเนตรเห็นเหตุสิ้นว่ายุพินอยู่ที่ไหนนำไปหา
หาไม่ฉันวานแต่พระสุชาดาช่วยอุ้มพามาให้พบประสบกัน
ทั้งพรหมานวานแต่พาหนะหงส์จะได้ทรงเหาะแสวงทุกแห่งสวรรค์
แม้นได้นุชบุษบาวิลาวัณย์จะทำขวัญหงส์พรหมให้สมยศ ฯ
๏ จนพลบค่ำรำลึกนึกอนาถไม่ไสยาสน์ยามวิโยคโศกกำสรด
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันให้รันทดให้ยกทัพขับรถเลี้ยวลดเดิน
ทุกแว่นแคว้นแดนชวาสุธาทวีปเที่ยวเร็วรีบรอบเกาะดังเหาะเหิน
ไม่พบเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญไปจนเกินมะละกาพาราราย ฯ
๏ เมืองระตูรู้ทั่วกลัวอำนาจต่างแต่งราชธิดามาถวาย
ไม่ไยดีอีนังแต่ซังตายแม้นแก้วหายได้ปัดไม่ทัดเทียม
แม้นมิเหมือนเพื่อนเชยที่เคยชิดไม่ขอคิดนึกหน่ายละอายเหนียม
แต่ปราศรัยไต่ถามตามธรรมเนียมไม่และเลียมเลยแสวงทุกแห่งไป ฯ
๏ ถึงเจ็ดเดือนเคลื่อนคลาดประหลาดแล้วไม่พบแก้วกลอยจิตพิสมัย
จนพระรูปซูบผอมเพราะตรอมใจทั้งนายไพร่พลนิกรอ่อนกำลัง
จนถึงทางร่วมที่บุรีรัตน์ที่จะตัดมรคาไปกาหลัง
เห็นเขาเขินเนินร่มพนมวังต้นดงรังครึกครื้นระรื่นเย็น
ที่ธารถ้ำน้ำพุทะลุลั่นเป็นช่องชั้นบัลลังก์น่านั่งเล่น
ผลาผลหล่นกลาดดาษกระเด็นดอกไม้เป็นดอกพร้อมหอมรัญจวน
จะใคร่บวชสวดมนต์อยู่บนเขาเพราะแสนเศร้าสุดจะตามทรามสงวน
แม้นมิตามความรักเฝ้าชักชวนให้ปั่นป่วนไปตามเพราะความรัก
จะหักอื่นขืนหักก็จักได้หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนักแต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ
จะสร้างพรตอดรักหักสวาทเผื่อจะขาดข้อคิดพิสมัย
แม้นน้องนุชบุษบานิคาลัยจะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นโสฬส
จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งอาศรมรักษาพรหมจรรย์ด้วยกันหมด
ปะตาปาอายันอยู่บรรพตอุตส่าห์อดอาลัยก็ไม่คลาย
ภาวนาว่าจะตั้งปลงสังเวชก็หลับเนตรเห็นคู่ไม่รู้หาย
จะสวดมนต์ต้นถูกถึงผูกปลายก็กลับกลายเรื่องราวเป็นกล่าวกลอน ฯ
๏ คิดถึงนุชบุษบาออกมานั่งบนบัลลังก์เหลี่ยมผาหน้าสิงขร
พระตรวจน้ำร่ำว่าด้วยอาวรณ์หวังสมรเหมือนจะคลาดในชาตินี้
จะอุตส่าห์ปะตาปารักษากิจอวยอุทิศผลผลาถึงยาหยี
จะเกิดไหนในจังหวัดปัถพีให้เหมือนปี่กับขลุ่ยต้องทำนองกัน
เป็นจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแลอังกฤษให้สนิทเสน่หาตุนาหงัน
แม้นเป็นไทยให้เป็นวงศ์ร่วมพงศ์พันธุ์พอโสกันต์ให้ได้อยู่เป็นคู่ครอง
ครั้นกรวดน้ำสำเร็จเสด็จกลับเข้าห้องหับโหยไห้พระทัยหมอง
ทุกเช้าค่ำรำลึกเฝ้าตรึกตรองจนขาดครองคราวสวาทนิราศเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว