นิราศสุโขทัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 14:47, 31 พฤษภาคม 2556 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: [คุณหญิงเขื่อนเพ็ชรเสนา] (ส้มจีน อุณหะนันท์)

บทประพันธ์

๏ นิราศรักหักใจจำไกลบ้าน
ไปสุโขทัยเบื้องเมืองโบราณชมสถานแถวทางให้สร่างใจ
ทั้งประสงค์ส่งพ่อเถียวเกี่ยวเป็นญาติไปรับราชกิจวินิจฉัย
เป็นอัยการจังหวัดนัดกันไปพออุทัยไขศรีฉวีเรือง
ที่ยี่สิบเจ็ดมิถุนาวันคลาคลาดพุทธศักราชสองพันกันต่อเนื่อง
สี่ร้อยเจ็ดสิบสามยามประเทืองจึงย่างเยื้องยังหมู่ที่บูชา
จุดเทียนน้อมเศียรกราบพุทธรูปและจุดธูปที่อัฐิปริปากว่า
ขอลาไกลไปดูเมืองบูราณ์แล้วไคลคลาจากตึกรู้สึกงง
เห็นเด็กเด็กเลี้ยงมาล้อมหน้าหลังล้วนแต่ตั้งใจงามจะตามส่ง
คิดห่วงหลังห่วงหน้าพะว้าพะวงค่อยดำรงกายออกนอกประตู
ระทวยอ่อนถอนใจอาลัยเหลียวเคยไปเที่ยวครั้งใดก็ไปคู่
ไปคนเดียวเสียวเจตน์น้ำเนตรพรูมิได้ดูสิ่งใดหักใจจร
ถึงสถานีใหญ่รถไฟจวนจะออกล้วนเซ็งแซ่แลสลอน
เป็นหลายสายย้ายพรากจากนครเรารีบจรพร้อมเสร็จรวมเจ็ดคน
นั่งที่สองของใช้ไปรถตู้ดูคนผู้ส่งรับกันสับสน
บ้างอวยชัยให้ล้วนส่วนมงคลส่งกันจนรถออกนอกชาลา
เป็นขบวนขบวนไม่ป่วนปั่นแต่ละคันท่วงทีมีสง่า
ควรภูมิใจไทยเจริญเพลิดเพลินตานับเวลายิ่งทวีบริบูรณ์
ลอดสะพานกษัตริย์ศึกจารึกยศอันปรากฏเกียรติไว้มิให้สูญ
พระกำจัดไพรินทร์จนสิ้นมูลทรงเพิ่มพูนอำนาจของชาติไทย
เป็นดิเรกเอกราชชาติในโลกอุปโภคสารพันทันสมัย
พระสร้างทำบำรุงเป็นกรุงไกรสืบมาให้ไปภายหน้าคุ้มฟ้าดิน
มาถึงจิตรลดาสถานีมิใช่ที่ชาวประชาอย่าถวิล
สำหรับพระราชะจอมนรินทร์เสด็จลินลาศตรงทรงรถไฟ
เห็นดุสิตคิดเหมือนได้ไปดุสิตชวลิตแลตลอดยอดไสว
พระที่นั่งดังสถานพิมานไชยสวยดังไกรลาสสวรรค์อันรุ่งเรือง
เห็นโบสถ์วัดเบญจมบพิตรแลวิจิตรสี่มุขแสงสุกเหลือง
ดังทองทาบปลาบปลั่งมลังเมลืองสีกระเบื้องแลระยับจังนภางค์
ฉันน้อมกายถวายอภิวาทพระชินราชองค์ที่สองจำลองสร้าง
โปรดพิทักษ์รักษาทุกท่าทางให้สำอางสำเร็จเจตนา
ข้าพเจ้าเขาทั้งหลายทุกชายหญิงจงพ้นสิ่งโรคภัยให้ถ้วนหน้า
มีดวงใจใสกระจ่างทางสัมมาวัฒนาลาภล้ำอร่ามเรือง
ถึงสามเสนไม่ได้ความเรื่องสามเสนใครประเคนชื่อไว้ไฉนเรื่อง
เอาพิมเสนแลกเกลือเห็นเหลือเปลืองล้วนแต่เครื่องเสียค่าราคาควร
ถึงบางซื่อซื่อตรงลงว่าโง่โอ้พุทโธ่คิดมาก็น่าสรวล
ที่ตลบแตลงแต่งสำนวนกลับชมชวนกันว่าอาจฉลาดดี
คนชนิดไหนนะเรียกฉลาดที่จอมปราชญ์ยกย่องว่าผ่องศรี
ถ้าจะมีใครโผล่โต้วาทีและทั้งมีกรรมการประหารความ
คงได้ฟังคารมอุดมแปลกต่างจะแหวกเอาชัยในสนาม
ต่างชี้เลศเหตุผลจนให้งามซึ่งจะคร้ามปากกันนั้นไม่มี
ฉลาดใดไม่เหมือนการชาญฉลาดรักษาอาตม์ให้ดำรงตรงวิถี
แห่งสัมมาอาชีวะนั่นแหละดีมิให้มีอกุศลปนมลทิน
จึงควรนับว่าเป็นปราชญ์ฉลาดล้ำอันบาปกรรมมิให้เข้ากายสิ้น
ครองชีวิตสุขาเป็นอาจิณอยู่ในศีลซื่อสัตย์สวัสดี
เห็นตึกเตาเผาดินเป็นหินผงแล้วขายส่งเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
ทำสะพานบ้านเรือนเขื่อนกุฎีแห้งเป็นศีลาแท่งแข็งแรงทน
บางซื่อนี้โรงมีทหารบกปลูกล้อมวกกว้างใหญ่ดั่งไพรสณฑ์
มีทหารชาญชัยหลายกองพลเป็นน่ายลยินดีบุรีเรา
ถึงบางเขนเลนมากต้องลากเข็นเรือติดเลนหรือเช่นเข็นซุงเสา
ก็พอจะเข็นได้สบายเบาแต่ว่าเจ้าความรักนี้หนักครัน
ลงติดตรังฝังใจเข็นไม่ออกยิ่งกว่าตอกด้วยตะปูคิดดูขัน
บางทีถึงร่างกายวายชีวันเพราะรักนั้นมิได้สมอารมณ์ปอง
สมรักแล้วแคล้วคลาดนิราศร้างนี่อีกอย่างก็ระทมอกตรมหนอง
เป็นโรคร้ายหายยากมากทำนองยิ่งตรองตรองเรื่องรักชักรำคาญ
ถึงหลักสี่มีนาธัญญาไสวขอขอบใจชาวนามหาศาล
สู้เหนื่อยยากตรากตรำกระทำการไถคราดหว่านเก็บเกี่ยวด้วยเรี่ยวแรง
การกินอยู่ดูทุเรศสมเพชเหลือกะปิเกลือปลาร้าน่าแสยง
นอนโรงจากฟากปูสู้ตะแคงโคลนตมแห้งเกรอะกรังเขายังทน
เราลำบากยากใจอะไรหน่อยบ่นตะบอยกันทั้งวันตั้งพันหน
มีที่อยู่ดังวิมานสำราญตนกินดังปนเพชรทองยังร้องคราง
เอาแต่สุขส่วนตัวทั่วทุกผองขอเชิญมองดูคั่นคนชั้นล่าง
ตรองสักนิดคิดสักหน่อยอย่างปล่อยวางจะเห็นทางเพื่อนมนุษย์สะดุดใจ
อันหลักสี่นี้นามยังงามอยู่หลักหนึ่งสองสามไม่รู้ไปอยู่ไหน
รัชกาลที่สี่มีพระทัยบำรุงไพร่พลเมืองให้เฟื่องฟู
ให้ขุดคลองแยกจากคลองผดุงผ่านท้องทุ่งป่าละเมาะถึงเกาะคู่
ตำบลบางปะอินถิ่นควรรู้ปักไว้ให้ดูตลอดทาง
หลักละ ๕๐ เส้นเป็นหลักหลักตั้งแต่หนึ่งถึงสำนักหลักที่สอง
ที่สามที่สี่ห้าหกเจ็ดเขตรองรองนับเกือบสองพันเส้นสร้างกว้าง ๕ วา
ราวร้อยเส้นเป็นมีศาลาพักตัวไม้สักมุงกระเบื้องเขื่องอยู่หนา
เมื่อยังเยาว์เราได้เห็นเด่นนัยน์ตาแต่เวลานี้ไม่เห็นดังเช่นเคย
ทรงพระราชทานนามตามนุสรณ์ชื่อคลองเปรมประชากรสุนทรเฉลย
ชื่อตามหลักยักเป็นอื่นไม่คืนเลยเหลือพิเปรยสี่กับหกก็ตกลง
อันบูราณสถานที่มีประวัติถ้าเปลี่ยนผลัดชื่อใหม่ย่อมไหลหลง
ต้องเรียนใหม่ไถ่ถามเพราะความงงเอาไว้คงชื่อไม่ได้ไฉนนา
ถึงดอนเมืองเนืองนองกองเครื่องบินวิชาศิลป์สิ่งนี้ดีหนักหนา
ชวนกันหัดให้จบทางนพภาจะไปมาเร็วพลันเท่าทันการณ์
มิควรกลัวตกดินสิ้นชีวิตความตายคิดไม่ประหลาดชาติสังขาร
ถ้าถึงที่ชีวันอันตรธานอยู่กับบ้านมันก็มรณา
เป็นทหารนักบินควรยินดีเกิดมามีโชคแก่ชาติศาสนา
ถ้ามาตรแม้นไพรีมาบีฑาอาจรักษาปกป้องได้ว่องไว
แม้จะเสียชีวาตม์อย่าขลาดหลบต้องรุกรบจนศัตรูอยู่ไม่ได้
ช่วยกันรักษาเอกราชของชาติไทยถาวรไว้ในหล้าคุ้งฟ้าดิน
ให้สมศักดิ์อัครฐานทหารกล้ายามเวลาสงบสมอารมณ์ถวิล
รีบฝึกหัดให้ชำนาญในการบินรอบรู้ถิ่นทั่วประเทศเขตของเรา
รู้ทางหนีทีไล่ย่อมได้เปรียบไหวพริบเฉียบแหลมดีไม่มีเศร้า
สามัคคีมีไว้ไม่ใจเบาแม้ภูเขาก็อาจสามารถทำลาย
ทหารบกทหารเรือและเสือป่าย่อมมีหน้าที่เหมือนกันดังมั่นหมาย
ควรไว้เกียรติศักดิ์หลักผู้ชายมิให้อายแก่เขาชาวโลกา
ดูเขาหรือคือบุคคลที่ต้นคิดเพียรประดิษฐ์ยานยนตร์ด้นเวหา
มิได้เกรงตกตายวายชีวมทำจนสามารถเสร็จสำเร็จการ
โลกมนุษย์สุดประเสริฐเกิดชีวิตนักประดิษฐ์ต่างต่างอย่างวิตถาร
ถ้าช่างคิดประดิษฐ์ทำเครื่องสำราญเครื่องประหารชีวิตไม่คิดทำ
มีเมตตาอารีเหมือนพี่น้องใครขัดข้องช่วยชุบอุปถัมภ์
โลกจะแสนสุขประเสริฐเลิศล้ำเหมือนหนึ่งสำนักสวรรค์ชั้นอินทรา
ทางซ้ายมือมีตลาดขนาดใหญ่ของกินใช้สารพันน่าหรรษา
ใกล้ทางรถทางน้ำส่ำนาวาคลองเปรมประชากรขนานยานรถไฟ
ถึงหลักหกจีนยกร่องทำสวนแต่ผักล้วนแลลิ่วทิวไสว
ในท้องร่องปลูกข้าวไม่เปล่าไปเขาทำได้ประโยชน์คล่องทั้งสองทาง
การขยันขันข้อแล้วหนอเจ๊กงานใหญ่เล็กไม่เลือกคลำทำทุกอย่าง
ที่สุดขนอุจจาระไม่ระคางได้เงินอย่างเดียวนั้นเป็นชั้นดี
การหากินถูกอย่างทางสัมมาไม่เลวทรามต่ำช้าน่าบัดสี
การทุจริตมิจฉาชีพราคีและเป็นที่อับอายขายหน้าตา
เห็นบัวหลวงตระการบานแฉล้มบ้างตูมแย้มงามเล่ห์ดังเลขา
สัตตบุษย์ผุดพ้นชลธาร์สัตตบันวรรณาน่ายินดี
สัตตบงกชสดใสวิลัยลักษณ์บัวเผื่อนสะพักบัวผันกระชั้นสี
สะพรั่งพร้อมเยียยงจงกลมณีให้เปรมปรีดิ์เจริญเพลินกมล
ดอกไม้น้ำดอกไม้ดินสิ้นทั้งหลายดอกกล้วยไม้กินน้ำค้างกลางเวหน
ล้วนเป็นเครื่องชูจิตยามพิศยลกลิ่นระคนยั่วยวนชวนสำราญ
ความอยากชมดมกลิ่นถวิลหวังจึงปลูกฝังกันชุกแทบทุกบ้าน
ที่ใดมีผกาสุมามาลย์ดูสง่าพาบ้านโอฬารงาม
คลองรังสิตพิศตรงไม่โค้งคดมีการทดน้ำมาทำนาหลาม
มีคลองน้อยซอยสลับนับหนึ่งนามไปจนสามสิบกว่าล้วนนาดี
มีประตูระวังปิดขังน้ำถ้าเหลือล้ำระบายออกนอกวิถี
แต่น้ำรักไหลรวมท่วมฤดีมิรู้ที่จะระบายให้คลายใจ
มาถึงเชียงรากใหญ่ไฉนหรือจึงระบือชื่อเสียงเวียงที่ไหน
หรือเป็นเพียงตั้งรากแล้วจากไกลก็มิได้เห็นซากของรากเลย
สถานที่ย่อมมีประวัติการณ์จึงเรียกขานตำบลนุสนธิ์เฉลย
ทั้งบกเรือเหนือใต้ใช้กันเคยไปมาเอ่ยชื่อเค้าได้เข้าใจ
เหมือนความดีความชั่วตัวบุคคลแม้ร่างกายตายหล่นไปไหนไหน
ชื่อยังอยู่รู้แจ้งทุกแห่งไปลมน้ำไฟก็มิอาจสามารถทำลาย
รถข้ามสะพานเหล็กรองก้องกระทบดังตลบวับหวือหูอื้อหาย
ความเร็วของรถมองตาลายมิได้วายอาวรณ์อ่อนอารมณ์
มาถึงเชียงรากน้อยยิ่งสร้อยเศร้าไฉนเล่าจะทราบเรื่องเบื้องประถม
เชียงรากคู่อยู่ใกล้ไม่ระทมเราโศกซมเพราะคู่ไปอยู่ไกล
ข้ามสะพานเรียกร้องคลองเชียงรากเสียงดังมากอีกเหมือนกันสนั่นไหว
รถหยุดหน้าสถานีค่อยมีใจลืมอาลัยลืมตัวมัวแต่ดู
เขาขึ้นลงส่งรับกันสับสนเดินมาชนถูกตัวและหัวหู
ไม่ถือโกรธทำจำคำครูเบียดเสียดสู้อดทนปนกันไป
เชียงรากหรือเชิงลากยากจะคิดถูกหรือผิดตามแต่จะแก้ไข
เขาเล่ายักษ์สถุลมารพาลสุดใจหวังจะให้พระรถหมดชีวา
ทำประชวรกวนผัวดังตัวเปรตสยายเกศกระสับกระส่ายทั้งซ้ายขวา
เอาข้าวเกรียบเรียบไว้ใต้ไสยาแล้วครางว่ากระดูกลั่นจะบรรลัย
ทำฉะอ้อนวอนทูลอาดูรดิ้นว่าเคยกินผลพฤกษาในป่าใหญ่
มะม่วงผู้รู้หาวขาวอำไพมะนาวไซร้รู้โห่รสโอชา
จงโปรดให้พระรถทรงยศเดชไปแจ้งเหตุแก่เมรีที่ภูผา
ได้มากินก็จะสิ้นซึ่งโรคาซองสารานี้นำไปให้แก่นาง
พระราชางวยงงด้วยหลงใหลดำรัสใช้โอรสาไปป่ากว้าง
ฝ่ายพระรถขับม้ามาหลงทางจึงพักค้างที่กุฎีพระชีไพร
เห็นอักษรแก้ขยายชายภูสิตในลิขิตว่าผู้ถือหนังสือไข
ถึงกลางวันกินกลางวันอย่าพรั่นใจถึงกลางคืนกลืนให้มันวายปราณ
พระฤๅษีสงสารกุมารน้อยจึงแปลงถ้อยความใหม่ลงในสาร
ถึงกลางคืนรับกลางคืนให้ชื่นบานถึงกลางวันพลันสมานการไมตรี
พระรถไปได้นางได้ดวงเนตรยาวิเศษหนีลับกลับกรุงศรี
พระบิตุรงค์ทราบความตามคดีอสุรีมันแกล้งจำแลงมา
จึงลงโทษนางนั้นชีวันวายราพณ์ร้ายกลายพักตร์เป็นยักษา
มีร่างกายใหญ่โตต้องโกลาลากใหญ่มาหยุดหน่อยลากน้อยไป
ต้องตัดกรรอนเช่นกันเป็นชิ้นโลหิตนองกองดินดั่งธารไหล
ที่ตำบลขนกายมารร้ายไซร้พื้นไผทแดงดลจนทุกวัน
ตรงเนื้อหนาผ่าวิ่นเป็นชิ้นจิ๋วเป็นแปดริ้วหิ้วหามตามขยัน
จึงเรียกแปดริ้วนามไปตามกันเท็จจริงนั้นอยู่แก่เขาผู้เล่ามา
ถึงบางปะอินถิ่นเหมาะเป็นเกาะคู่พระราชวังตั้งอยู่ดูสง่า
แต่ตัวเราว้าเหว่อยู่เอกาอนิจจาเหมือนเกาะแกล้งเยาะเรา
มีคำกล่าวเล่าว่าเกาะนี้เดิมเป็นที่อาศัยของผู้เฒ่า
มีบุตรหลานหลายกระท่อมล้วนย่อมเยาปลูกน้ำเต้าฟักแฟงไว้แกงกิน
ที่ราบต่ำทำนาเป็นอาหารสุขสำราญตามทำนองของท้องถิ่น
มีหลานสาวขาวบางชื่อนางอินเขาเรียกถิ่นนี้เฉพาะเกาะเลนตม
ภายหลังมีสุริยวงศ์พระองค์หนึ่งเรือมาถึงหัวเกาะจำเพาะล่ม
เกิดพายุแรงกล้านาวาจมต้องระทมว่ายน้ำแทบจำตาย
ถึงตลิ่งทิ้งองค์ลงกับพื้นจะเดินยืนไม่ไหวฤทัยหาย
เห็นแสงไฟกระท่อมน้อยอยู่พร้อยพรายเรียกโวยวายช่วยด้วยจะม้วยมรณ์
พวกชายหญิงวิ่งไปเอาไฟส่องช่วยกันประคองมาประทับลงกับหมอน
ได้สมสองนางอินครั้นทินกรรุ่งแล้วจรกลับไปไม่ได้มา
ฝ่ายนางอินมีครรภ์ถ้วนกำหนดคลอดโอรสงามพักตร์เป็นหนักหนา
ได้เจ็ดขวบองอาจประหลาดตาจึงจัดพาไปถวายให้บิตุรงค์
ครั้นเติบใหญ่ได้เป็นมหาอำมาตย์ในพระราชทินนามตาประสงค์
เป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์แล้วได้ดำรงสยามราชปราสาททอง
ทรงสร้างวัดไชยชุมพลมงคลสถานซึ่งพระองค์ท่านสมภพประสบสนอง
ชาวบ้านเรียกเกาะอออินอออินครองบ้างเรียกร้องบางปะอินถิ่นพบกัน
อันเกาะนี้มีกษัตริย์หลายรัชช์ประทับสร้างสำหรับประพาสเปรมเกษมสันต์
แล้วเลิกร้างห่างมาช้านานครันพระทรงธรรม์มหาปิยายง
วงศ์จักรีที่ห้าพระปราโมทย์พระองค์โปรดสร้างขนาดราชประสงค์
พระที่นั่งใหญ่ใหญ่เป็นหลายองค์ที่งามทรงเลื่องลือฝีมือไทย
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เป็นปราสาทปลูกสร้างกลางสระใหญ่
ที่เกาะนอกออกมหาชลาลัยสร้างวัดไว้ท้ายเกาะเพราะศรัทธา
ทรงพระราชทานนามความพิเศษวัดนิเวศธรรมประวัติจัดศึกษา
ให้พระสงฆ์เรียนร่ำพระธรรมาบำรุงพุทธศาสนาถาวรเนา
ถึงบางโพธิโพธิมีที่ไหนแน่เห็นแต่แพปากคลองขายของข้าว
รถวิ่งข้ามสะพานปร๋อไม่รอเบาดูไม่เท่าไม่ทั่วของตัวคลอง
เลียบใกล้ทางข้างแม่น้ำเจ้าพระยาเห็นนาวากลไฟแล่นไวว่อง
จูงเรือข้าวยาวยืดเป็นพืดมองบ้างขึ้นล่องขนสินค้าทั้งมาไป
ทางน้ำนั้นก็นั่งสบายไม่พายถ่อทางบกก็ไม่ต้องเดินเพลินหรือไม่
ถ้าไม่ต้องกินอาหารประการใดจะสำราญบานใจไปทุกคน
การเหนื่อยยากกรากกรำทำทั้งสิ้นเพราะต้องกินเป็นเหตุประเภทผล
จะนั่งนอนร้อนเร่าเฝ้ากังวลจนวายชนม์นั่นแหละสิ้นถวิลปอง
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

รถไฟไทยดอทคอม [1]

เครื่องมือส่วนตัว