นิราศสุโขทัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|นิราศสุขโทัย}} [[หมวด…')
(ข้อมูลเบื้องต้น)
 
(การแก้ไข 5 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล)
แถว 5: แถว 5:
[[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]]
[[หมวดหมู่:กลอนสุภาพ]]
[[หมวดหมู่:นิราศ]]
[[หมวดหมู่:นิราศ]]
-
'''ผู้แต่ง:''' [คุณหญิงเขื่อนเพ็ชรเสนา] (ส้มจีน อุณหะนันท์)
+
'''ผู้แต่ง:''' [[คุณหญิงเขื่อนเพ็ชรเสนา]] (ส้มจีน อุณหะนันท์)
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
แถว 196: แถว 196:
</tpoem>
</tpoem>
=== ๒ ===
=== ๒ ===
 +
<tpoem>
 +
ถึงศรีอยุธยาเวลาสาย  น่าเสียดายกรุงเก่ามาเศร้าหมอง
 +
เคยรุ่งเรืองจำรัสกษัตริย์ครอง  โอ้มาต้องกลับกลายเป็นไร่นา
 +
ตำนานเก่าเล่าเรื่องแต่เบื้องก่อน  พระนครไพบูลย์พูนสุขา
 +
แต่ครั้งหนึ่งไร้กษัตริย์ขัดติยา  พวกเสนาพร้อมเพรียงกันเสี่ยงเรือ
 +
สุพรรณหงส์เอกชัยไปตามน้ำ  ประหลาดล้ำเรือคว้างไปทางเหนือ
 +
ดุจจะมีวิญญาณมาจานเจือ  ไปหยุดเกื้อกูลเผ่าพวกชาวนา
 +
มีฝูงเด็กเลี้ยงโคบ้างโห่ร้อง  เล่นทำนองยกทัพรับอาสา
 +
ตั้งหัวหน้าหนึ่งเป็นเจ้าชาวประชา  มีเสนาหมอบก้มประนมกร
 +
เอาจอมปลวกต่างบัลลังก์นั่งบัญชา  ลงอาชญาผู้ผิดกิจสังหรณ์
 +
เอาต้นกกต่างดาบปราบฟันฟอน  ถูกคนนอนมรณาน่าอัศจรรย์
 +
พวกอำมาตย์ถ้วนทั่วเชิญหัวหน้า  ลงนาวาประโคมร้องฆ้องกลองสนั่น
 +
ให้ครองศรีอโยธยาเป็นราชันย์  ทรงนามนั้นสายน้ำผึ้งซึ่งก็มี
 +
ว่าพระนามกษัตริย์สายน้ำผึ้ง  ครองกรุงถึงสุโขทัยหาใช่ที่นี่
 +
องค์เดียวกันหรือไฉนไม่ทราบดี  แต่ก็มีเรื่องเกี่ยวข้อเดียวกัน
 +
ว่าไปได้ธิดามหาประเทศ  กรุงจีนเขตห่างไกลไอศวรรย์
 +
ได้เงินทองเภตราสารพัน  บริวารนั้นตามมาพาราไทย
 +
ถึงบางกระจะพระเสด็จนิเวศน์ก่อน  แล้วย้อนเสด็จกลับมารับใหม่
 +
พระนางสร้อยดอกหมากมิอยากไป  กลั้นพระทัยแดดิ้นจนสิ้นชนม์
 +
พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงให้สร้าง  วัดพระนางเชิงไว้ให้กุศล
 +
ทั้งสร้างวัดกุฎีดาวคราวมงคล  นิรมลมเหสีมีศรัทธา
 +
ทรงสร้างวัดมเหยงค์ยังคงอยู่  สังเกตดูตามทางแนวข้างขวา
 +
พระเจดีย์เรียงรายสุดสายตา  ล้วนมหาเจดีย์มีมากองค์
 +
จะเห็นได้ใช่ชั้นสามัญสร้าง  ชำรุดร้างไม่มีใครใจประสงค์
 +
แนวแม่น้ำเก่ายังอยู่เป็นคู่ตรง  แต่ในพงศาวดารข้ามฐานมา
 +
จับเอาครั้งตั้งกรุงเทพฯทวาราวดี  ลงบัญชีปึกแผ่นไว้แน่นหนา
 +
ยกเอานามบุรีศรีอยุธยา  รวมเข้ามากล้ำกลืนเป็นพื้นเดียว
 +
ก็เริดร้างอย่างอนาถขาดชะตา  กลายเป็นป่าอีกไม่มีที่แลเหลียว
 +
ความจริงคนละเมืองต่างเรื่องเจียว  คิดแล้วเหี่ยวแห้งใจครรไลลา
 +
โอ้สิ่งใดก็ไม่เที่ยงทุกเยี่ยงอย่าง  จะก่อสร้างปึกแผ่นไว้แน่นหนา
 +
ถึงหลอมเหล็กหล่อแล่นแผ่นศิลา  ก็ไม่ถาวรเที่ยงจะเถียงใย
 +
มนุษย์เรากระดูกหนอเนื้อห่อหุ้ม  มันนิ่มนุ่มกระทบกระเทือนความเคลื่อนไหว
 +
หรือจะอาจทนทานการณ์โลกัย  ย่อยบรรลัยเปื่อยเน่าไม่เนานาน
 +
ความประพฤติดีและข้อทรลักษณ์  นั่นแหละจักดำรงคงสัณฐาน
 +
ไม่เปื่อยพังตั้งมั่นอันตรธาน  ตลอดกาลฟ้าดินจะสิ้นไป
 +
ถึงบ้านม้าม้าที่มีพยศ  ทั้งโกงคดเหลือกำลังจะรั้งไหว
 +
ขืนขับขี่มีแต่จะแพ้ภัย  ไม่ขอใกล้กายาของม้าโกง
 +
กลัวม้าร้ายควายขวิดไม่ชิดใกล้  มันก็ไม่มีเรื่องเครื่องโขมง
 +
คนทมิฬหินชาติอุบาทว์โครง  หลีกอยู่โพรงเขายังแผ่กระแสลาม
 +
เกิดเป็นคนยากจะพ้นวิกลเหตุ  ดังอยู่เขตรบระหว่างกลางสนาม
 +
ล้วนแต่ศึกกึกก้องทำนองความ  มีสงครามกว่าชีวันจะบรรลัย
 +
นั่งรำพึงถึงระยะมาบพระจันทร์  ยิ่งร้าวรัญจวนจิตพิสมัย
 +
ดวงจันทร์แจ่มแรมกลับมืดลับไป  ข้างขึ้นได้กลับมาแจ่มแอร่มตา
 +
แต่ดวงพักตร์ลักขณาลี้ลาลับ  มิได้กลับมาเหมือนจันทร์ดั้นเวหา
 +
จะชมอื่นเอี่ยมโอ่ทั่วโลกา  ไม่เหมือนหน้าคนรักประจักษ์ใจ
 +
ถึงพระแก้วมิประสบพบพระแก้ว  แต่จิตแน่วถึงพระไม่ไถล
 +
คำนึงถึงคุณพระรัตนตรัย  เป็นฉัตรชัยกั้นเกล้าทุกเช้าเย็น
 +
มาถึงบ้านภาชีที่ใหญ่กว้าง  รถหลีกทางรางไขว่น่าใคร่เห็น
 +
มีโรงใหญ่ปลูกขวางคร่อมทางเป็น  กั้นร่มเช่นฝนแดดระแวดระวัง
 +
รางรถค้อมอ้อมไปทั้งซ้ายขวา  ตัวสถานีวางอยู่กลางตั้ง
 +
มีตลาดสองฟากดุจฉากประดัง  ใต้ทางยังมีอุโมงค์เป็นโพรงยาว
 +
เดินได้ตลอดลอดทางกว้างวากว่า  คนไปมาทางนั้นกันอื้อฉาว
 +
ได้ปลอดภัยรถไขว่กันระนาว  ถ้าเดินก้าวข้ามข้างบนรถชนตาย
 +
เสียงจ้อกแจ้กจอแจกันแซ่ซ้อง  ขนข้าวของขึ้นลงกลัวหลงหาย
 +
ที่รู้จักทักถามความต้นปลาย  บ้างเรียกฝ่ายไกลเพียงสุ้มเสียงเครือ
 +
ดูอะไรไม่เห็นยุ่งเท่าพุงมนุษย์  ช่างแสนสุดยุ่งยากลำบากเหลือ
 +
พอรุ่งเช้างันงกทั้งบกเรือ  วุ่นจนเหงื่อเป็นน้ำมันทุกวันไป
 +
บ้างขายค้าหากำไรได้ง่ายคล่อง  แลกเปลี่ยนของสุจริตติดนิสัย
 +
บ้างทุจริตบิดงอไม่ขอใคร  เห็นถ้าได้เป็นประชิดไม่คิดอาย
 +
บ้างขี้เกียจทำงานขอทานเขา  บ้านปล้นเอาซึ่งหน้าฆ่าเสียหาย
 +
บ้างแย่งชิงวิ่งราวฉาวกระจาย  บ้างตะกายตลบตะแลงตะแคงลิ้น
 +
สุดแต่ได้เอาทั้งนั้นไม่หวั่นหวาด  ได้โอกาสแล้วไม่เลือกกระเดือกปลิ้น
 +
มิได้มีจรรยาเป็นอาจิณ  พอได้กินได้ผดุงให้พุงเต็ม
 +
การกินอยู่มนุษย์นี้สุดยาก  ต้องกินมากหลายประการคาวหวานเข้ม
 +
ทั้งของอ่อนแข็งเคี้ยวรสเปรี้ยวเค็ม  ต้องและเล็มตามคอหอยน้อยเมื่อไร
 +
จะบรรจุเรือกำปั่นสักพันหมื่น  ให้เต็มพื้นแล้วมิต้องเติมของใหม่
 +
บรรจุท้องมนุษย์นั้นทุกวันไป  ย่อมมิได้เต็มตามความยินดี
 +
ถึงหนองวิวาทอยู่ดีไม่วิวาท  เห็นต่างอาตม์ต่างอยู่ไม่สูสี
 +
มนุษย์เราถ้าวิวาทขาดไมตรี  ไม่มีดีมีแต่ร้ายทำลายกัน
 +
ทำอย่างใดจะให้เราเหล่ามนุษย์  ละสมมุติโทโสไม่โมหันธ์
 +
ไม่อิจฉาพยาบาทขาดสัมพันธ์  ยุติธรรม์ถ้วนทั่วทุกตัวคน
 +
แม้ผิดบ้างพลั้งให้อภัยผิด  กระทำจิตมุ่งหมายฝ่ายกุศล
 +
ไม่เบียนเบียดเสียดส่อก่อกังวล  จะมีผลสุขศานติ์สำราญกัน
 +
ถึงท่าเรือเมื่อสัปปุรุษไปพุทธบาท  ที่ชายหาดเรือเรียงเคียงมหันต์
 +
ข้ามสะพานเหล็กรานสะท้านครัน  แล้วลอดขั้นสะพานไม้ครรไลคลา
 +
เพราะที่ทางจอแจจำแก้ไข  กลัวรถไฟจะทับดับสังขาร์
 +
ช่างรอบคอบกอบโกยโปรยเมตตา  โมทนาสิ่งที่ทำดีกระไร
 +
หน้าสถานีใหญ่รถไฟหยุด  สัปปุรุษเซ็งแซ่แลไสว
 +
ทั้งทางบกทางนทีที่ใกล้ไกล  พากันไปล้นหลามตามมรรคา
 +
มีรถไฟสายน้อยคอยรับส่ง  ฝ่าทุ่งดงเลียบเดินริมเนินผา
 +
ผู้ที่ไปได้กุศลผลบูชา  ทั้งได้ค่าบันเทิงสำเริงรมย์
 +
ไปเที่ยวเขาเข้าถ้ำดูน้ำบ่อ  ได้เคลียคลอรวยรินชื่นกลิ่นฉม
 +
ซื้อของลาวชาวต้องสู้เที่ยวดูชม  ขอบรมบูราณตระการครัน
 +
ถึงบ้านหมอหมอยาหรือผ่าตัด  ช่วยกำจัดเชื้อโรคโศกกระศัลย์
 +
ให้สูญหายได้สนิทไม่ติดพัน  ไม่เห็นชั้นหมอกล้ามารับรอง
 +
ไม่มีหมอท้อจิตคิดวิตก  โอ้เอ๋ยอกเราเห็นต้องเป็นหนอง
 +
เพราะโรครักหมักหมมระทมมอง  หมดทางช่องเยียวยารักษาเลย
 +
ถึงหนองโดนโดนอีกตั้งกระมังนี่  โดนแต่ที่ทุกข์ซ้ำอีกกรรมเอ๋ย
 +
มาจ่อตาว่าวุ่นดังคุ้นเคย  พลางเมินเฉยชมตลาดสะอาดตา
 +
มีโรงพักตำรวจตรวจผิดจับ  คอยระงับความทุกข์เป็นสุขา
 +
ตามแผ่นดินราบรื่นล้วนพื้นนา  มีมรรคาไปถึงซึ่งคีรี
 +
ใกล้มณฑปบริสุทธิ์พุทธบาท  ประชาราษฎร์ครึกครื้นในพื้นที่
 +
ความเจริญเดินถึงพนาลี  ก็เพราะมีน้ำใช้ไม่กันดาร
 +
ที่แห่งใดไร้น้ำสำคัญมาก  เจริญยากขัดสนผลอาหาร
 +
ถ้ามีห้วยน้ำหนองคลองลำธาร  อาจตั้งบ้านตั้งหน้าการหากิน
 +
ถึงบ้านกลับคิดใคร่กลับไปบ้าน  เคยสำราญสถิตนิจศีล
 +
มานั่งเมื่อยเหนื่อยตาดูป่าดิน  กว่าถึงถิ่นกำหนดรันทดใจ
 +
ถึงป่าหวายหวายเหนียวเป็นเกลียวเชือก  มีแ...อกเหนียวแน่นแค่นไม่ไหว  (ต้นฉบับขาดหายไป)
 +
ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ใด  มีเงินไม่มีโชคแก่โลกเอย
 +
ที่เหลือล้นขนเข้าไว้ไม่จ่ายแจก  ตายจะแบกเอาไปได้ไฉนเอ๋ย
 +
คิดบางคนจนยากอ้าปากเงย  กินน้ำเคยนุ่งห่มโสมมมอม
 +
ควรเมตตาการุณย์เจือจุนบ้าง  พอประทังร่างกายที่ผ่ายผอม
 +
เหมือนช่วยคนเรือล่มระทมงอม  กุศลย่อมจะได้หลายประการ
 +
มาถึงลพบุรีทวีเศร้า  เห็นซากเก่าปรางค์ปราสาทราชฐาน
 +
สร้างลำดับนับกษัตริย์หลายรัชกาล  เป็นบูราณนานครันกว่าพันปี
 +
เดิมพระยากาวัณดิศราช  ให้พราหมณ์อำมาตย์มาสร้างถางถิ่นที่
 +
ตั้งปราสาทราชวังทั้งมณฑีร์  สิบเก้าปีพร้อมพรั่งทั้งอาราม
 +
เมื่อพุทธศกดกพันเศษสองส่วน  จุลสิบถ้วนระกาภาษาสยาม
 +
เรียกว่าเมืองละโว้โสภณนาม  พันสี่สิบสามบรรจุธาตุพระศาสดา
 +
จุลมีสี่สิบสองในปีเถาะ  อันงามเหมาะชูชาติศาสนา
 +
ได้สองพรรษกษัตริย์ก็มรณา  ครั้นต่อมาพระยาศรีธรรมไตร
 +
ปิฎกองค์ทรงภิเศกเจ้าไกรสรณ์  ครองนครละโว้อันโตใหญ่
 +
แล้วก็มาพระยาจันทปโชติไซร้  ต่อมานัยจะสูญสิ้นบุญญา
 +
ภายหลังจึงพระนารายณ์มหาราช  โปรดประพาสเมืองละโว้อันโอ่อ่า
 +
ให้สร้างซ่อมพร้อมหมดรจนา  เปลี่ยนนามว่าลพบุรีที่ยิ่งยง
 +
พระเดชาอำนาจราชประวัติ  สารพัดสมพระราชประสงค์
 +
พอประชวรควรหรือหมดเดชยศลง  เป็นน่าสงสารเหตุสังเวชใจ
 +
ต้องกำจัดตัดอำนาจราชศักดิ์  ไม่ปกปักษ์ข้าหลวงทั้งปวงได้
 +
ทรงสลดรันทดพระราชหฤทัย  เอาธงชัยอรหันต์กันผดุง
 +
ทรงอุทิศปรางค์ปราสาทราชมณฑีร์  ให้เป็นที่สีมาเขตวิสุง
 +
บวชเสวกสามสิบสองปองบำรุง  ได้สมมุ่งทุกคนพ้นไพรี
 +
ยังเหลือแต่พระปิยะไม่ละราช  ฉลองพระบาทบงกชบทศรี
 +
กตัญญูรู้กตเวที  พวกไพรีผลักตกฟกบรรลัย
 +
เป็นกษัตริย์ขัตติยามหาเดช  ต่างประเทศทั้งหลายไม่กรายใกล้
 +
แต่เกิดมีศัตรูอยู่ภายใน  กระทำให้ราชอำนาจถึงขาดลอย
 +
พิโรธล้ำดำรงองค์พระแสง  จะตัดแล่งกบฏให้ถดถอย
 +
ไม่สมหวังด้วยกำลังพระองค์น้อย  วาโยพลอยพาท่านสวรรคต
 +
ปลูกไม้ใหญ่ใกล้เรือนเหมือนเช่นว่า  ทับเคหาพังทลายกระจายหมด
 +
ขับขี่ม้าตัวดีมีพยศ  แต่ว่าหมดกำลังจะรั้งไว้
 +
ลพบุรีมีตำนานหลายท่านสร้าง  แต่ก็ร้างแล้วกลับต่อก่อสร้างใหม่
 +
เป็นหลายครั้งหลายคราน่าอาลัย  ขอจงให้มีผู้สร้างอย่างร้างเลย
 +
ข้างขวามือมีศาลพระกาฬสูง  มีพวกฝูงลิงไพรอาศัยเฉย
 +
ตามต้นไม้ใหญ่น้อยคอยก้มเงย  คนที่เคยขึ้นไปไหว้พระกาฬ
 +
ให้ขนมส้มกล้วยรวยกินเสมอ  ถ้าใครเผลอไม่ได้ให้อาหาร
 +
เข้าแย่งของจากกายหลายประการ  แล้วทะยานเอาไปทิ้งไว้กิ่งไม้
 +
ต้องนำกล้วยอ้อยไปวางพลางเรียกหา  เอาคืนมาเถิดเจ้าเราเปลี่ยนให้
 +
รู้เหมือนคนเอามาวางอย่างเห็นใจ  รวบของไปกินพลางยื่นคางชู
 +
บางทีขึ้นรถไฟไปเที่ยวป่า  นั่งหลังคาเต็มหมดไม่หดหู
 +
คนไล่ขับกลับคะนองจ้องตาดู  ตะคอกขู่เลิกคิ้วพลิ้วร่างกาย
 +
พอรถหยุดสถานีที่ประสงค์  ก็เผ่นลงจากหลังคาเข้าป่าหาย
 +
เที่ยวเสียสองสามคืนชื่นสบาย  แล้วก็ผายมาคอยท่าสถานี
 +
พอรถไฟใช้จักรมาพักหยุด  ต่างรีบรุดขึ้นหลังคาไม่ล่าหนี
 +
กลับยังที่เคยอยู่ลพบุรี  สัตว์ยังมีใจสมัครรักถิ่นครอง
 +
เราเกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ  รักชาติเถิดบำรุงไว้อย่าให้หมอง
 +
จงร่วมใจร่วมจิตคิดปรองดอง  อย่าคอยมองผิดกันฉะนั้นเลย
 +
ถึงตำบลโคกกระเทียมเรียมวิโยค  มาพบโคกกระเทียมซ้ำอีกกรรมเอ๋ย
 +
หวนสะท้อนร้อนใจไม่เสบย  จำแลเชยชมอื่นให้คืนคลาย
 +
เห็นสีดินดำคล้ำดังหมึก  มีไพรพฤกษ์ทัศนาภูผาหลาย
 +
เป็นแนวทิววิเวกเทียมเมฆพราย  จดสุดสายเนตรไม่หมดบรรพตเวียน
 +
ถึงหนองเต่าเท้าสั้นกระนั้นเต่า  แข่งเอาเจ้ากระต่ายแพ้พ่ายเลี่ยน
 +
ถือขายาวก้าวไวไปจวนเจียน  แต่เต่าเพียรเดินไม่หย่อนถึงก่อนพลัน
 +
ความเพียรดีมีตำราว่าไว้มาก  แต่มิอยากทำตามเป็นความขัน
 +
ไม่เพียรหาเพียรแต่จ่ายทุกรายวัน  จะป้องกันความจนได้กลใด
 +
ถึงทรายขาวขาวหรือดำในน้ำจิต  สุดที่จะพิศให้แจ้งแถลงไข
 +
ที่ใจดำอำมหิตยิ่งพิษไฟ  ภายนอกใสขาวช่วงหลอกปวงชน
 +
ที่ภายนอกมัวคล้ำแต่น้ำจิต  ขาวสนิทใจฉ่ำดังน้ำฝน
 +
เห็นใครมีทุกข์ร้อนช่วยผ่อนปรน  ถ้าดูคนดูแต่ผิวมักพลิ้วแพลง
 +
ถึงบ้านหมี่มี่ก้องมองระเหิด  เขาระเบิดภูผามาเป็นแผง
 +
เสียงสนั่นลั่นเลื่อนสะเทือนแรง  เอาเหล็กแทงพะเนินดอกออกกระจาย
 +
ที่เป็นก้อนคอนขนขึ้นบนรถ  ทำมีหมดทุกขนาดตามมาดหมาย
 +
พ่วงรถไฟยาวยืดไม่ฝืดคลาย  ส่งไปขายตามระยะพระนคร
 +
เขามีเพียรไม่น้อยขุดต่อยหิน  เราขุดดินง่ายง่ายไม่สังหรณ์
 +
ร้องลำบากยากเหนื่อยเมื่อยบาทกร  จะนั่งนอนคอยท่าเวลาตาย
 +
ศิลาแข็งแกร่งกล้าหนาแน่นสุด  เขายังอุตส่าห์ทยอยงัดต่อยขาย
 +
หวังได้เงินมาบำรุงผดุงกาย  ให้สบายพูนสวัสดิ์วัฒนา
 +
ถึงห้วยแก้วเงินหรือคือเหมือนแก้ว  ถ้ามีแล้วก็อาจปรารถนา
 +
นึกสิ่งใดได้สิ่งนั้นทันวิญญาณ์  เขาบูชาเงินกันทุกวันมี
 +
จะเลวทรามต่ำช้าถ้ามีทรัพย์  เขามักนับว่าเลิศประเสริฐศรี
 +
ที่ยากจนข้นแค้นถึงแสนดี  เขาไม่ชี้เชิดชมนิยมยิน
 +
ถึงจันเสนชื่อแฝงจันแดงแน่  เป็นยาแก้โรคภัยได้ทั้งสิ้น
 +
กล่าวกันว่าถ้าใครได้ไปกิน  จะมีอินทรีย์อ้วนเป็นนวลแดง
 +
ไม่รู้แก่รู้ป่วยสวยเสมอ  หาไม่เจอกันสักคราเป็นน่าแหนง
 +
ถ้าฉันพบจะผจญขนเต็มแรง  เอามาแบ่งให้ทุกคนได้ฝนกิน
 +
ไม่เจ็บป่วยสวยแท้ไม่แก่เฒ่า  มนุษย์เราก็จะสมอารมณ์ถวิล
 +
จะมีสุขสำราญปานเมืองอินทร์  จะแสนยินดีตัวทั่วทุกมวล
 +
ถึงช่องแคแลบุกค้นทุกช่อง  ไม่เห็นร่องรอยใดฤทัยหวน
 +
รถสะท้อนร้อนอบนั่งซบซวน  ยิ่งเรรวนใจหวามมาตามทาง
 +
ถึงตำบลบ้านตาคลีนี้ประหลาด  แผ่นดินดาดแดงทั่วไม่มัวหมาง
 +
พฤกษาเขียวเกลียวกลมสมสำอาง  ถึงห้วยหวายดินก็อย่างแดงต่างกัน
 +
สีชมพูดูงามอร่ามฉาย  บ้านหนองโพธิดินก็คล้ายกับที่นั่น
 +
แต่แดงสีมีคล้ำเป็นสำคัญ  บ้านหัวงิ้วก็เช่นนั้นช่างขันจริง
 +
สี่ตำบลนี้กระมังครั้งพระรถ  ฆ่ารากษสตัดแล่งเป็นแง่งขิง
 +
ว่าเลือดนองพสุธาน่าประวิง  มาเห็นสิ่งสีดินให้กินใจ
 +
มาถึงบ้านมะกอกยิ่งชอกช้ำ  ดังใครนำกรดมากรอกทุกซอกใส่
 +
ปวดระทมโทมนัสดวงฤทัย  โอ้เวรใดแน่หนอมาทรมาน
 +
มาถึงบ้านเขาทองมองดูถิ่น  เป็นเนินดินเหลืองแดงแข่งขนาน
 +
รถไฟไปกลางเนินเหินทะยาน  ถึงสถานอ่างหินดินธรรมดา
 +
เถาวัลย์วกกกพันวรรณพฤกษ์  เป็นเซิงซึกซึ้งไปไกลหนักหนา
 +
ทั้งสองข้างป่าชัฏริมรัถยา  สกุณาเคียงคลอกันจอแจ
 +
เหมือนจะทักถามเราเจียวเจ้านก  พลอยวิตกเห็นเรานั่งเศร้าแน่
 +
โอปักษียังมีแก่ใจแท้  มนุษย์แชเชือนชาไม่การุณย์
 +
</tpoem>
 +
=== ๓ ===
=== ๓ ===
 +
<tpoem>
 +
ถึงหนองปลิงปลิงทากต้องบากบิด  กลัวเกาะติดทำให้หัวใจขุ่น
 +
สูบโลหิตสดสดให้หมดทุน  หลงวายวุ่นลงหนองจะต้องคราง
 +
มาถึงปากน้ำโพโกลาหล  เสียงผู้คนเซ็งแซ่แลสล้าง
 +
รถหยุดยั้งบ้างลงบ้างตรงทาง  บ้างขนพลางหาบขนปนกันไป
 +
บ้างขายของร้องถามตามหน้าต่าง  ชูของพลางเชิญดูหมูเป็ดไก่
 +
หมี่ก๋วยเตี๋ยวข้าวผัดถนัดใจ  ข้ามต้มใส่ชามช้อนร้อนร้อนดี
 +
ทั้งข้าวโพดข้าวหมากอ้อยและน้อยหน่า  เสียงจ๊ะจ๋าซื้อกันสนั่นมี่
 +
ได้ลงเดินชมจังหวัดฝั่งนที  เรือแพมีคับคั่งสองฝั่งชล
 +
เป็นทางร่วมรวมสามแม่น้ำมา  เป็นแม่น้ำเจ้าพระยาโอฬาร์ผล
 +
ได้ชื่นชุ่มภูมิพื้นรื่นกมล  ประชาชนขายซื้อกันอื้ออึง
 +
ตลาดนี้สำคัญมากทางภาคเหนือ  ทั้งบกเรือเป็นแอ่งที่แข็งขึง
 +
ขนสินค้าคับคั่งเสียงดังตึง  บ้างฉุดดึงไม้ซุงมุ่งทำแพ
 +
นับพันหมื่นดื่นดาษดูกลาดกลุ้ม  เป็นที่ประชุมซื้อขายกระจายแพร่
 +
บ้างค้าซุงเป็นเศรษฐีก็มีแท้  บ้างค้าแพฝรั่งแขกจนแหลกลาญ
 +
การค้าขายถ้าไม่มีไหวพริบ  ย่อมจะฉิบหายป่นธนสาร
 +
ไหวพริบไม่มีตำราและอาจารย์  จะสอนอ่านเขียนให้ได้วิชา
 +
ไหวพริบอาจเกิดจากเหตุสังเกตทั่ว  สิ่งดีชั่วเลวงามตามยถา
 +
บรรดาได้เห็นรู้ทางหูตา  พิจารณาโดยสุขุมมิสุ่มไป
 +
จะบังเกิดวิทยาอันสามารถ  ประจำอาตม์เป็นนิจติดนิสัย
 +
เมื่อได้ยินได้เห็นการเช่นใด  ย่อมมีไหวพริบผับโดยฉับพลัน
 +
จะขอกล่าวเปรียบเทียบไว้  ถึงศรีธนญชัยคนขยัน
 +
เป็นตลกหลวงสำคัญ  ปัจจุบันคิดคล่องไม่ต้องนาน
 +
ทรงธรรม์พันวษาลงสรง  สนานองค์ในท้องธารละหาน
 +
จึงมีพระราชโองการ  ธนญชัยเจ้าชาญปรีชา
 +
ถ้าเอ็งหลอกข้าขึ้นฝั่งได้  จะตั้งให้ยงยศปรากฏกล้า
 +
หลอกไม่ได้ไม่ไว้ชีวา  เร่งว่าเร็วพลันจะบรรลัย
 +
  ธนญชัยไม่พรั่นหวั่นไหว
 +
บังคมทูลยอหัตถ์บัดใจ  ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์
 +
แม้พระเสด็จขึ้นก่อน  พอจะวอนทูลให้กลับไปสรง
 +
นี่จนเกล้าอยู่เพราะรู้องค์  แล้วแต่ทรงกรุณาข้าธุลี
 +
กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น  ข้าจะผันผายขึ้นพื้นที่
 +
จึงเสด็จจากฟากวารี  อ้ายอวดดีจะหลอกบอกมา
 +
ธนญชัยกราบปลกยกมือตั้ง  รับสั่งให้หลอกออกจากท่า
 +
ก็ลวงองค์ขึ้นฝั่งดังจินดา  พระกลับมารับสั่งดังนี้
 +
จะให้ลวงล่อต่อไป  เล่นกับไฟไม่พ้นเป็นผี
 +
ผู้อื่นจะชอบตอบคดี  พระองค์มีคุณตอบไม่ชอบทาง
 +
พระรู้สึกเสียกลธนญชัย  โปรดอภัยไม่ทรงอางขนาง
 +
เสด็จกลับขึ้นคืนปรางค์  ประทานรางวัลล้นธนญชัย
 +
ดำรัสชมสมกายชายชาติ  สามารถเอากูแพ้รู้ได้
 +
มีไหวพริบดีนี่กระไร  คนใดมีวิชาสารพัน
 +
แต่ไหวพริบปัจจุบันไม่ทันเพื่อน  มัวคิดฝันเฝือนเหมือนฝัน
 +
เสียประโยชน์โทษขำสำคัญ  ไม่ทันที่เขาผู้เชาวน์ไว
 +
ดูแต่พระมหากษัตริย์ยังตรัสชม  ผู้อุดมปฏิภาณวิตถารใหญ่
 +
ชมนิยมชมชอบระบอบนัย  ซึ่งมิใช่เอาคารมเที่ยวข่มกัน
 +
รถหยุดสิบนาทีที่กำหนด  แล้วเคลื่อนรถจากตอนนครสวรรค์
 +
ตามทางนี้ดีเหมาะเพาะปลูกกัน  กล้วยแลพันธุ์ข้าวโพดประโยชน์รวย
 +
ที่ขายสดเหลือมากก็ตากแห้ง  คั่วขายแพงราคาดีกว่ากล้วย
 +
เขาปลูกันแลตลอดยอดระทวย  พระพายชวยริ้วริ้วเหมือนทิวธง
 +
บ้านทับกฤชกฤชแขกแปลกภาษา  ดูไม่น่าจะคมสมประสงค์
 +
ดาบของไทยใสขาวแบนยาวตรง  ใครเห็นทรงยำเยงกลัวเกรงคม
 +
อันคมกฤชคมดาบย่อมทราบฤทธิ์  แต่ดวงจิตคมเข้มทั้งเค็มขม
 +
เห็นสุดรู้อยู่ลับดังจับลม  ไม่นั่งงมก็เหมือนนั่งรู้อย่างใด
 +
มาถึงคลองปลากดกำสรดเศร้า  ให้ง่วงเหงาแทบกับจะหลับใหล
 +
ตาไม่หลับแต่กลับเป็นหลับใน  จนรถไฟถึงชุมแสงจึงแจ้งการ
 +
สถานีผู้คนดูล้นหลาม  บ้างหิ้วหามขึ้นลงส่งเสียงฉาน
 +
ตลาดยาวยืดตั้งใกล้ฝั่งธาร  แม่น้ำน่านเรือแพเซ็งแซ่จริง
 +
ทั้งตลาดหันหน้ามาทางรถ  ขายของสดของแห้งทุกแจ้งสิ่ง
 +
ยุ้งข้าวเจ๊กมากหนักหนามองตาวิง  คอยแย่งชิงซื้อข้าวของชาวไทย
 +
บรรทุกข้าวมาทางเกวียนเดียรดาษ  เป็นตลาดข้าวแท้แลไสว
 +
เจ๊กหามขนเป็นพัลวันไป  ใส่ยุ้งไว้เต็มรักกักราคา
 +
คอยฟังว่าราคาดีแล้วพี่เจ๊ก  ก็ขายเขกเต็มแรงไม่แกล้งว่า
 +
ทั้งพ่อพวกโรงสีก็ปรีดา  แต่ชาวนาเหนื่อยมากกลับยากจน
 +
เขาจนทรัพย์ขัดสนเพียรขวนขวาย  ก็เหือดหายจนได้กำไรผล
 +
ฉันจนจิตคิดตั้งหวังกมล  มิได้พ้นจนใจแทบวายปราณ
 +
ครั้นถึงบ้านวังกร่างค่อยสร่างหลับ  แต่กระสับกระส่ายหลายสถาน
 +
ให้ปวดเศียรเวียนวิงนิ่งรำคาญ  ไม่อุทานนั่นมองตามช่องแกล
 +
แต่นิ่งยลถึงตำบลบางมูลนาค  บ้านเรือนมากสะพรั่งฝั่งกระแส
 +
ตลาดบกทางน้ำส่ำเรือนแพ  ฉางข้าวแลวัดวาสถานี
 +
คนขึ้นลงขายค้ากันหนาแน่น  ตามพื้นแผ่นดินแดงทุกแห่งที่
 +
มีเกร็ดกล่าวว่านาคจากวารี  แปลงอินทรีย์เป็นนางสำอางตา
 +
มาภิรมย์สมพาสชาติมนุษย์  จนเกิดบุตรผิดอย่างต่างภาษา
 +
เป็นไข่ฟองใหญ่ประหลาดชาตินาคา  แล้วหายหน้าไม่มีใครที่ได้พบ
 +
ฝ่ายฟองไข่อยู่ชายกระแสสินธุ์  กะเทาะบินขยายคลายประกบ
 +
เป็นเด็กชายงามสะอ้านอาการครบ  ออกนั่งตบน้ำเล่นน่าเอ็นดู
 +
พากันไปถวายเด็กชายประหลาด  ก็องอาจเดินได้ในผลู
 +
พระราชาปราโมทย์โปรดเชิดชู  เลี้ยงไว้อยู่เป็นโอรสยศไกร
 +
ภายหลังบุตรภุชงค์ผู้ทรงเดช  ได้ประเวศพนาพฤกษาไสว
 +
ลงบังคนบ้านบ่นเหม็นกระไร  ขัดพระทัยสาปต้องเป็นของกลืน
 +
ซึ่งติว่าเฝื่อนเหม็นจงเห็นหอม  อย่าให้ยอมกินสวัสดิ์จงขัดขืน
 +
ให้หนามเหนียวเกี่ยวยับดังสับฟืน  จึงได้กลืนเนื้ออยากทำปากบอน
 +
พระวาจาประสิทธิ์สฤษดิ์ผล  เกิดเป็นต้นชูดอกออกสลอน
 +
คือทุเรียนเดียรดาษกลาดดินดอน  ยังอีกตอนว่านั่งฝั่งคงคา
 +
ทรงเสวยโภชนามีปลาทอด  พระหัตถ์สอดแกะกระทั่งหมดมังสา
 +
ยังแต่ก้างพระวางในธารา  ดำรัสปลาว่ายไปในสายชล
 +
ก้างปลากลายว่ายน้ำบ้างดำผุด  คนสมมติเรียกนามตามนุสนธิ์
 +
ว่าพระร่วงร่วงมาแต่ฟ้าบน  จึงฝูงคนเรียกมูลนาคติดปากมา
 +
แต่พระราชพงศาวดารเหนือ  ว่ากษัตริย์ชาติเชื้อพราหมณ์นาถา
 +
นามอภัยคามมุนีศิลาจาริ์  ไปรักษาองค์ศีลอภิญญาณ
 +
ที่เขาใหญ่ไกลปราสาทราชนิเวศน์  นาคแปลงเพศเป็นกัลยามาสมาน
 +
พระชื่นชมนางนั้นเจ็ดวันวาร  นางกรายกรานทูลลาท้าวอาลัย
 +
พระราชทานประวิชภูษิตทรง  ไว้ต่างองค์จงคิดพิสมัย
 +
นางนาคาลาย่างลับร่างไป  ภูวนัยเศร้าสะอื้นกลับคืนวัง
 +
ฝ่ายนาคีมีครรภ์แต่วันจาก  นางคลอดฝากผู้ใดไม่สมหวัง
 +
พระฤๅษีหนีไปไม่จีรัง  นางทรุดนั่งแหวนผูกกรลูกยา
 +
ทั้งผ้าทรงวงพันกระสันห่อ  ของของพ่อให้อยู่ดูต่างหน้า
 +
แล้ววางไว้ในบรรณศาลา  พรานป่ามาพบกุมารสงสารครัน
 +
พาไปเลี้ยงเพียงบุตรสุดถนอม  อยู่กระท่อมตามยากสู้บากบั่น
 +
สองคนกับภรรยาไม่อาธรรม์  แต่ช่วยกันเลี้ยงมาได้กว่าปี
 +
มาวันหนึ่งจึงท้าวอภัยราช  สร้างปราสาทเพิ่มเติมเฉลิมศรี
 +
อำมาตย์จึงเกณฑ์เหล่าชาวบุรี  ทำหน้าที่ถากไม้ไสกระดาน
 +
ฝ่ายนายช่างตั้งเสาเอาขื่อทอด  แล้วยกยอดปรางค์รวมสวมประสาน
 +
ติดทวยเทพประนมพรหมประธาน  ครุฑทะยานเหนี่ยวพระยาวาสุกรี
 +
อันเครื่องบนต่างต่างวางสำเร็จ  ทั้งมุขเด็จบุษบกยกขึ้นที่
 +
ยังอยู่แต่พื้นล่างทางปัถพี  รีบทวีแรงแต่งทุกแห่งการ
 +
ฝ่ายพรานป่ามาทำประจำกิจ  เป็นห่วงคิดถึงบุตรสุดสงสาร
 +
ให้ภรรยาพาเอาเจ้ากุมาร  พักชายชานปราสาทชัยในเวลา
 +
สุริยงค์ส่งแสงอันแรงร้อน  ต้องเด็กอ่อนเหงื่อหลั่งตามมังสา
 +
องค์ปราสาทไหวหวั่นเอนหันมา  ให้ฉายาร่มทรงองค์กุมาร
 +
พระจอมเจ้านครินทร์ปิ่นประเทศ  ได้ยลเหตุอัศจรรย์จึงบรรหาร
 +
ให้สอบถามได้ความของประทาน  ภูษาสร้านธำมรงค์ไม่สงกา
 +
ท้าวปราโมทย์โปรดประกาศราชโอรส  ให้ทรงยศอำนาจวาสนา
 +
ครั้นต่อไปได้เป็นพระราชา  คนเรียกว่าพระร่วงตามท่วงที
 +
คนละองค์หรือองค์เดียวกันแน่  สุดจะแก้ปัญหาว่าคงที่
 +
เพราะต่างคนต่างก็ว่าตำราดี  ตามแต่มีความเห็นกันเช่นใด
 +
ดงตะขบไม่ประสบตะขบต้น  เขาว่าคนขบไม่แตกแปลกหรือไม่
 +
ผลมะตูมแข็งนอกออกง่ายใจ  มะกอกในแข็งกระด้างช่างต่างกัน
 +
เมื่อพิเคราะห์ดูต้นผลไม้  ช่างกระไรธรรมชาติประสาทสรรค์
 +
มีลูกมิได้ผิดชนิดพันธุ์  เป็นที่มั่นหมายแน่มิแปรปรวน
 +
จะปลูกฝังหวังผลต้นอะไร  ก็ย่อมได้รับผลไม่พ้นส่วน
 +
ลูกสิงห์สัตว์จัตุบาทอาจคำนวณ  มีลูกล้วนเหมือนพันธุ์ไม่ผันแปร
 +
แต่ส่วนลูกมนุษย์สุดมุ่งหมาย  มักกลับกลายกล่นเกลื่อนไม่เหมือนแม่
 +
ไม่เหมือนพ่อหนอช่างน่าชังแท้  ควรหรือแชเชือนไปไกลพืชพันธุ์
 +
ที่ลูกดีมีหน้าพาตระกูล  เรืองจรูญดังผ่านพิมานสวรรค์
 +
ที่ลูกชั่วตัวมารผลาญฉกรรจ์  ครอบครัวนั้นก็ต้องตรมหนองบวม
 +
ถึงตำบลตะพานหินถิ่นสถาน  อันสะพานเหมือนวิชารีบหาสวม
 +
ใส่กายตนขนควบเร่งรวบรวม  มัวแต่ต้วมเตี้ยมช้าหาไม่ทัน
 +
รวยวิชาถ้ามีอุปสรรค  วิชาชักจูงตนพ้นอาถรรพณ์
 +
ข้ามกันดารผ่านขุ่นคุณอนันต์  ช่วยเลื่อนชั้นฐานาลาภาพูน
 +
มาถึงบ้านคลองลาวกล่าวสำเหนียก  ช่างมาเรียกคลองลาวให้เค้าสูญ
 +
ควรเรียกร้องคลองไทยให้ไพบูลย์  สืบประยูรเผ่าพงศ์ของวงศ์ไทย
 +
ถึงหัวดงพงรกปกคลุมเครือ  น่าเกรงเสือจะมาอยู่อาศัย
 +
เรามานั่งพร้อมหมดบนรถไฟ  สัตว์ร้ายไม่หาญกล้ามาราวี
 +
แต่มนุษย์สุทธิชาติอนาถหลาย  ควรหรือกลายชาติเชื้อเป็นเสือหมี
 +
อยู่บ้านเรือนนอนสบายไม่ว่าดี  ต้องหลบหนีกระดอนไปนอนดิน
 +
หนุนรากไม้ใบหญ้าต่างผ้าหมอน  ต้องซุกซ่อนแอบตัวกลัวหัวบิ่น
 +
ทั้งอดอยากปากแห้งแย่งเขากิน  มดยุงริ้นกัดตอมจนผอมโซ
 +
เที่ยวฆ่าปล้นซนทำกรรมอุบาทว์  ไม่พ้นราชอาชญามาอักโข
 +
ประพฤติดีมีสัมมากัมมันโต  จะภิญโญดีกว่าเจือเสือเป็นพาล
 +
การเข้าใจตัวเองว่าเก่งกาจ  ทำอำนาจวางโตอวดโวหาร
 +
เที่ยวขัดใจขัดคอก่อรำคาญ  ที่เขาคร้านหลีกตัวว่ากลัวตน
 +
ยิ่งโอหังบังอาจประมาทหมิ่น  ไม่มองดินมองแต่ฟ้าคอยท่าฝน
 +
ไม่ทำมาหากินปลอกปลิ้นชน  ไหนจะพ้นเวรกรรมนำบันดาล
 +
บ้านวังกลมสร้างแต่ปางไหน  ก็มิได้แจ้งเค้าสำเนาสาร
 +
หรือจะเป็นวังวนชลธาร  ไม่ทราบการณ์เลยไม่ใส่ใจจำ
 +
ถึงพิจิตรคิดคะนึงถึงขุนแผน  ชมว่าแสนเป็นเจ้าชู้ดูไม่ขำ
 +
จากนางพิมไปทัพกลับมาทำ  ให้พิมช้ำใจร้าวเพราะลาวทอง
 +
เรือมาถึงบันไดไม่ขึ้นบ้าน  ไม่สมานพิมให้คลายเศร้าหมอง
 +
หล่อนละห้อยคอยท่าน้ำตานอง  ไม่เข้าห้องหอขุนช้างอย่างเห็นใจ
 +
เพราะความรักขุนแผนแสนสวาท  แม่เกรี้ยวกราดเฆี่ยนป่นสู้ทนได้
 +
รู้ผัวกลับวิ่งมารับถึงบันได  ขุนแผนไม่เที่ยงธรรมนำเหตุเอง
 +
แล้วกลับมาพาหนีสู่พิจิตร  นี่ก็ผิดอีกกรรมทำข่มเหง
 +
พระไวยรับแม่มาหากริ่งเกรง  กลับใช้เพลงเจ้าชู้อีกไม่หลีกกลัว
 +
กระทำจนวันทองต้องโทษตาย  ขุนแผนร้ายวันทองจึงต้องชั่ว
 +
พระพันวษาก็กระไรไปพันพัว  เรื่องส่วนตัวเอาเขาฆ่าน่ารำคาญ
 +
จะฆ่ากันให้บรรลัยทำไมหนา  คนเกิดมาต้องตายเองเพลงสังขาร
 +
ใครจะอยู่คู่ฟ้าสุธาธาร  ไม่ช้านานเท่าใดในระวาง
 +
พิจิตรเมืองโบราณนัยการกล่าว  ว่าลูกท้าวโคตะบองปกครองสร้าง
 +
ยังมีซากอิฐกำแพงพอแจ้งทาง  เมืองวัดร้างหญ้ารกขึ้นปกคลุม
 +
พิจิตรใหม่ย้ายมาอยู่แม่น้ำน่าน  ภูมิสถานใหญ่กว้างอย่างสุขุม
 +
มีบึงมากนักหนาข้าวปลาชุม  เพราะน้ำชุ่มชื้นชะกสิการ
 +
เดิมชื่อเมืองสระหลวงทบวงเก่า  พื้นที่เล่าใหญ่โตรโหฐาร
 +
มีบึงใหญ่ดังทะเลคะเนการ  กว้างประมาณเจ็ดพันไร่น่าใคร่ชม
 +
ปลูกบัวหลวงช่วงโชติประโยชน์หลาย  เก็บเมล็ดขายบรรทุกเกวียนเดียรดาษถม
 +
เป็นสินค้าหากำไรได้อุดม  ควรนิยมกันปองแต่ของไทย
 +
เมล็ดบัวกินดีมีกำลัง  ทำได้ทั้งคาวหวานสมานไส้
 +
ทำเป็นแป้งแห้งเก็บไปกินไกล  ดัดแปลงได้โอชาสารพัน
 +
อุตริตริอย่างใดอยากให้บอก  ซื้อของนอกกินกันเล่นไม่เห็นขัน
 +
ให้เงินทองล่องไหลไปทุกวัน  ค่าน้ำมันเราก็แย่ยังแส่กิน
 +
การกินอยู่ฟูฟ่องเป็นของง่าย  การหาเงินยากหลายแทบตายสิ้น
 +
เห็นแต่กินพล่อยพล่อยอร่อยลิ้น  มิได้จินตนานัยครวจไตร่ตรอง
 +
ถึงท่าฬ่อล่อหลอกกันออกฉาว  ให้นึกหนาวร้อนตัวกลัวสยอง
 +
กลัวทั่งล่อทั้งชนขนหัวพอง  ขอจงผ่องพ้นล่อจนมรณา
 +
บ้านกระท่อมคิดดูอยู่กระท่อม  มีกินพร้อมนุ่งห่มพอสมหน้า
 +
ไม่มีหนี้ไม่มีผู้บีฑา  ก็ดีกว่าอยู่สถานบ้านโตโต
 +
แต่ขัดสนจนทวีเจ้าหนี้แหนบ  เหมือนคับแคบทั้งศัตรูก็ขู่โห่
 +
งานสะบักสะบอมเผือดผอมโซ  ต้องโอดโอ้ประดาษอนาถตา
 +
ไร้วิชาอาหารกันดารกิจ  สิ้นลาภยศหมดมิตรเสน่หา
 +
ถึงอยู่ตึกเจ็ดชั้นสุวรรณทา  ก็ไม่ผาสุกจิตเหมือนติดกรง
 +
ถึงแม่เทียบเห็นแต่ป่าไร่นาอ้อย  ตะวันคล้อยลับไม้ไพรระหง
 +
ให้หวิวหวิวรันทดสลดทรง  นั่งบรรจงตัวไปหัวใจลอย
 +
ถึงบ้านใหม่เขาปองแต่ของใหม่  ของเก่าไม่รักษาน่าละห้อย
 +
เห็นเป็นเก่าแก่แล้วยังนั่งตะบอย  ยังไม่ค่อยจะตายช่างร้ายจริง
 +
อันของใหม่อาศัยเก่าเอากำเนิด  ใช่จะเกิดอุปาติกะระดะสิ่ง
 +
ย่อมได้นามชลัมพุชยุดพึ่งพิง  ควรหรือชิงชังทำใจลำเอียง
 +
</tpoem>
 +
=== ๔ ===
=== ๔ ===
 +
<tpoem>
 +
มาถึงพิษณุโลกประโยคสุด  รถไฟหยุดค้างจังหวัดแออัดเสียง
 +
ต่างรีบลงส่งของกองรวมเรียง  พ่อเถียวเลี่ยงไปว่าภัตตาคาร
 +
เช่าสี่ห้องของใช้ไม่ต้องขน  พวกคนยลภัตตามาขนาน
 +
ขนขึ้นให้ถึงห้องที่ต้องการ  ค่อยสำราญขึ้นสำนักพักราตรี
 +
มีเวลาพากันขึ้นรถยนต์  ถึงตำบลวัดใหญ่ประไพศรี
 +
นมัสการพระพุทธวิสุทธี  พระนามมีชินราชโอภาสทรง
 +
ประทับในเรือนเฉลาเนาวรัตน์  เศวตฉัตรกั้นเชิดระเหิดระหง
 +
งามประเสริฐประดุจพุทธองค์  ประทับทรงโปรดสัตว์จรัสกาล
 +
ฉันน้อมกายถวายเบญจางคประดิษฐ์  พลางอุทิศน้ำใจอันใสสานต์
 +
บูชาคุณตรัยรัตน์ชัชวาล  ขอนิพพานจงอย่าแคล้วข้าไป
 +
ตำนานกล่าวราวเรื่องของเมืองนี้  พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกใหญ่
 +
เป็นกษัตริย์เชียงแสนแดนไผท  มาสร้างไว้สองฝั่งข้างนที
 +
ทั้งสร้างวัดปรางค์เจดีย์โบสถ์วิหาร  พระประธานสามองค์ล้วนทรงศรี
 +
เมื่อพุทธศกดกพันห้าร้อยปี  ท้าวโกสีย์แปลงมาช่วยอำนวยการ
 +
ปั้นเบ้าหล่อต่อเสริมพระนลาฏ  ตรีศูลพาดไว้ประจักษ์ศักดาหาญ
 +
พระชินราชอาจองค์แทนทรงญาณ  ให้ยืนนานชั่วกัลป์พุทธันดร
 +
แล้วกราบลาองค์พระชินราช  ยุรยาตรหวนไห้ฤทัยถอน
 +
ขึ้นที่พักพร้อมหน้าคลายอาวรณ์  สโมสรรับอาหารสำราญรมย์
 +
มีโต๊ะตั้งทั้งบ๋อยคอยปฏิบัติ  สารพัดตามจะซื้อชื่อขนม
 +
ตะเกียงแสงจันทร์จ้าเป็นน่าชม  ฝนระดมตกใหญ่ในราตรี
 +
แขกยามแบกปืนยาวเที่ยวก้าวตรวจ  วางท่าอวดอำนาจดังราชสีห์
 +
ตามหน้าห้องช่องทางที่ขวางรี  สองชั้นมีหลายสิบห้องต้องระวัง
 +
สามชั้นมีสี่ห้องละสองบาท  เตียงสะอาดเอี่ยมดีมีที่นั่ง
 +
หน้าห้องมีเฉลียงโถงลูกกรงบัง  ห้องน้ำทั้งห้องถ่ายอยู่ฝ่ายบน
 +
ห้องสองชั้นเป็นพื้นคืนละบาท  ความสะอาดธรรมดาอย่าฉงน
 +
ให้กุญแจคนละห้องไม่ต้องปน  ฝนตกจนตีหนึ่งจึงได้ซา
 +
ดึกสงัดรัตติกาล์นิทราตื่น  อยู่ห้องพื้นสูงอย่างกลางเวหา
 +
วิเวกว่างห่างกระทบสบวิญญาณ์  ลมอัสสาสะประสาทสะอาดดี
 +
ดวงจิตดิ่งนิ่งนังดังวิมุตติ  เป็นสุขสุดจนกระทั่งเกือบรังสี
 +
สิ่งสมมติฉุดเบิกเลิกพิธี  กลับมามีอุปาทานรำคาญเคือง
 +
คิดอีกทีดีได้ขณะหนึ่ง  ดีกว่าซึ่งหมกมุ่นจิตขุ่นเหลือง
 +
ทั้งตาปีมีแต่เหตุกิเลสเนือง  ชีวิตเปลืองเปล่าประโยชน์ล้วนโทษภัย
 +
เสียงอธึกกึกก้องทุกห้องตื่น  ลงจากพื้นภัตตาที่อาศัย
 +
ต่างกังวลขนของปองครรไล  ขึ้นรถไฟไปสวรรคโลกทันที
 +
อากาศหนาวคราววิโยคสุดโศกซ้ำ  ฝนพรูพรำชืดชาหมดราศี
 +
นั่งระทมไม่เป็นสมประฤดี  อันอินทรีย์เหมือนจะแข็งด้วยแรงเย็น
 +
ไหนจะหนาวห่างอุ่นละมุนอก  ไหนจะหนาวฝนตกฟกเหลือเข็ญ
 +
ไหนจะหนาววายุดุลำเค็ญ  ฝนกระเซ็นปิดแกลแล้วแจจัน
 +
ต่างนั่งจ๋องมองหน้ากันตาแจ๋ว  แต่มองแล้วมองเล่าเฝ้าเหหัน
 +
ดูสิ่งใดก็ไม่เห็นเหมือนเช่นกัน  ต่างนิ่งอั้นตาขยิบปริบปริบไป
 +
บ้างโงกหงับหลับตาทีท่าขัน  บ้างเอนหันพิงเก้าอี้กรนฟี้ใหญ่
 +
บ้างง่วงหงุบฟุบผงกตื่นตกใจ  เห็นใครใครเข้ายิ้มยิ่งนิ่มอาย
 +
บ้างหาวหวอดกอดอกดังนกเจ็บ  นั่งหนาวเหน็บชาพานสะท้านหลาย
 +
เมื่อคืนนอนไม่หลับระงับกาย  กระสับกระส่ายเพราะแรกแปลกที่นอน
 +
ในรถไฟขายอาหารทั้งหวานคาว  เกาเหลาข้าวแกงดีมีสลอน
 +
กินสิ่งใดทำให้ของร้อนร้อน  ไม่อาวรณ์จานหนึ่งสลึงเดียว
 +
ถึงบ้านตูมฝนซาเปิดหน้าต่าง  ค่อยสว่างหัวใจหมองไหม้เหี่ยว
 +
คิดประทุมตูมแย้มแฉล้มเรียว  เกสรเสียวชื่นทรวงดวงกมล
 +
นิจจาเอ๋ยเคยชื่นระรื่นกลิ่น  มาสูญสิ้นอ้างว้างอยู่กลางหน
 +
โอ้แต่นี้ที่ไหนจะได้ยล  ดวงอุบลเบิกบานตระการตา
 +
ถึงแควน้อยข้ามกระแสแลชม้อย  อันแควน้อยย่อมอาศัยแควใหญ่กล้า
 +
จึงมีน้ำนำให้ฝ่ายนาวา  ได้ไปมาค้าขายสบายตัว
 +
ถ้าป่ารกยกทำคลองถนน  จะมีผลกว้างใหญ่มิใช่ชั่ว
 +
ผู้ขัดสนได้ผงกยกครอบครัว  ไปปลูกถั่วปลูกงาทำนากิน
 +
มนุษย์เราไม่เหมือนสัตว์ในปัถวี  เครื่องทิพย์มีมิต้องตรองถวิล
 +
ไม่วิตกยกหามตามแผ่นดิน  ก็เหลือกินมีเองไม่เกรงกลัว
 +
มนุษย์เราจำเป็นต้องนุ่งห่ม  ที่บังลมแดดฝนให้พ้นหัว
 +
อาหารต้องอิ่มหนำประจำตัว  จะมามัวเกี่ยงหาให้ช้าการ
 +
เหมือนเรือใหญ่พายเดียวน้ำเชี่ยวปราด  เมื่อใดอาจจะถึงยังห้วงสถาน
 +
แม้ช่วยพายหลายแรงแข่งทะยาน  มิทันนานก็จะถึงซึ่งสบาย
 +
คอยผิดจับสับฟันกันให้ยุ่ง  เหมือนตบยุงจะสูญประยูรหาย
 +
หาการงานให้ทำประจำกาย  ที่ลอยชายต้องบังคับให้จับงาน
 +
ป้องกันให้หายอดเหมือนทดน้ำ  ได้ชื่นฉ่ำอิ่มเอมเกษมสานต์
 +
ความหิวโหยโปรยประโยชน์โทษสาธารณ์  เห็นคชสารเท่ามดหมดความกลัว
 +
บ้านกรับพวงพวงกรับตีขับร้อง  แลกข้าวของกินบ้างค่อยยังชั่ว
 +
ที่โง่โซโออนาถดังชาติวัว  เห็นเพื่อนตัวไปทางไหนก็ไปตาม
 +
จะเป็นตายร้ายดีก็มิรู้  สุดแต่กูกินได้แล้วไม่ขาม
 +
จะตีขับจับขังก็รังความ  อยู่ในนามไทยสนิทน่าคิดดู
 +
ชาติของเราคนน้อยด้อยพละ  ควรจะสะสมให้มากบากบั่นสู้
 +
การทำลายกันเองใช่เพลงครู  ต้องเชิดชูจุนค้ำให้จำเริญ
 +
ถึงหนองตมตมก็เกิดต่อน้ำ  ละลายทำดินแห้งที่แข็งเขิน
 +
ให้เหลวไหลไปตามทางน้ำเดิน  บังเอิญไหลไม่พ้นข้นเป็นตม
 +
ดุจเหล็กแข็งแรงเหล็กรันต้องพลันนิ่ม  ก้อนเกลือจิ้มน้ำกลายหายเค็มขม
 +
ต้นไม้ใหญ่หักเดาะก็เพราะลม  ลิ้นคนคมร้ายกาจยิ่งสาตรา
 +
อาวุธอื่นหมื่นแสนแม้นประหาร  คนนับล้านในแผ่นดินสิ้นสังขาร์
 +
ให้พร้อมกันอันตรายวายชีวา  ย่อมไม่สามารถทำสำเร็จการ
 +
แต่ชิวหาอาวุธนี้สุดร้าย  อาจทำลายล้านโกฏิอุโฆษหาร
 +
ชีวิตมนุษย์ไม่มีที่ประมาณ  อาจล้างผลาญรอบล้อมลงพร้อมกัน
 +
ลิ้นที่ดีมีประโยชน์ล้างโทษร้าย  คนทั้งหลายสิ้นทุกข์เป็นสุขสันต์
 +
ทุกประเทศทุกถิ่นลิ้นสำคัญ  ตัวของฉันกลัวจริงยิ่งสาตรา
 +
ถึงบ้านบุ่งมุ่งมองยิ่งหมองอก  เห็นป่ารกโออนาถสัญชาติหญ้า
 +
เที่ยวขึ้นบุกรุกรานการไร่นา  อ่อนระอากันทั่วกลัวศัตรู
 +
ไม้ที่ดีมีผลต้องขวนขวาย  ส่วนไม้ร้ายมิต้องปลูกดอกลูกหรู
 +
เหมือนวิชาที่ดีต้องมีครู  ที่ชั่วดูมิต้องนำก็ชำนาญ
 +
ถึงบ้านโดนโดนกันสนั่นภพ  ยิ่งปรารภเรื้อรังชาติสังขาร
 +
อยู่คนเดียวในโลกก็โศกซาน  อยู่รวมกันบันดาลรำคาญเคือง
 +
นี่ของฉันนั่นของแกมาแส่แย่ง  นี่ของข้าอย่ามาแกล้งแสวงเรื่อง
 +
อยู่ดีดีรี่มาชนเข้าป่นเปลือง  เจ้ามันเงื่องไม่หลีกข้าว่ากระไร
 +
ต่างฝ่ายต่างก็ว่าข้าไม่ผิด  ไม่มีจิตปรองดองให้ผ่องใส
 +
ถ้ารักแล้วดีทั้งนั้นชมกันไป  ชังแล้วไม่มีราคาแกล้งว่าเดา
 +
ไม่เที่ยงแท้แน่นอนพระสอนสั่ง  ให้ระวังอยาตนะเขา
 +
ทั้งระวังอยาตนะเรา  กระทบเข้าจะเถกิงเป็นเพลิงกอง
 +
เวรใดทำกรรมใดสร้างแต่ปางไหน  เป็นปัจจัยแต่งทำให้ช้ำหมอง
 +
ไม่จดจำสำนึกคิดตรึกตรอง  มานั่งมองดินฟ้าระอาอาย
 +
ถึงพิชัยขอให้ชัยชนะ  สิ้นราคาโทสะโมหะหลาย
 +
จงพ้นสุขทุกข์สมานสราญกาย  จนวางวายชนม์ชีพถึงนิพพาน
 +
ถึงไร่อ้อยอ้อยตาลยังหว่านผล  ให้ฝูงชนกินน้ำชื่นฉ่ำหวาน
 +
มนุษย์ดีกว่าอ้อยร้อยประการ  มิให้ทานเงินทองของชอบใจ
 +
เพราะตระหนี่ถี่ห่างก็ช่างเถอะ  ที่เลอะเทอะปลูกเท็จเก็บเด็ดใส่
 +
ปลูกอิจฉากาล่อนต้นบอนใบ  จงถอนให้ทานเตาเผาอัคคี
 +
ข้ามสะพานแม่น้ำน่านสำราญรื่น  พลางขึ้นยืนเยี่ยมแกลแลวิถี
 +
ดูเวิ้งว้างกว้างใหญ่สายวารี  หาดทรายมีเรียบราบดังปราบทำ
 +
เป็นแหลมคุ้งวุ้งเว้าล้วนเหล่าทราย  น่าสบายสนุกทุกฉนำ
 +
น่าตั้งบ้านเรือนดูอยู่ประจำ  เสียแรงธรรมชาติสร้างสำอางดี
 +
ที่เปล่าว่างอย่างถูกมิปลูกอยู่  ที่อุดอู้ยัดเยียดเบียดเสียดสี
 +
อากาศอับสับสนพนธุลี  ไม่หน่ายหนีอดทนอยู่จนตาย
 +
ถึงตำบลบ้านดาราสถานี  อันเป็นที่ทางแยกดูแปลกหลาย
 +
ต้องรีบลงจากรถรันทดกาย  จะขึ้นสายสวรรคโลกครรไล
 +
ต้องกรำฝนวนวิ่งขนสิ่งของ  ลงมากองกลางหาวหนาวถึงไส้
 +
เห็นร่มกระดาษขายมีค่อยดีใจ  ซื้อมาได้ห้าคันกั้นกายา
 +
รถเก่าไปลำปางต่างแลเหลียว  หัวใจเสียวหวนไห้อาลัยหา
 +
ผู้รู้จักกันเมื่อนั่งร่วมทางมา  ต่างอำลาแยกทางกันต่างจร
 +
พอรถไฟสายพายัพกลับมาหยุด  อุตลุดเซ็งแซ่แลสลอน
 +
บ้างขึ้นลงส่งของประคองกร  ต้องเปียกปอนกลัวกันไม่ทันรถ
 +
พวกเราขึ้นรถใหม่สายสั้นหน่อย  พอเรียบร้อยพวกอื่นขึ้นกันหมด
 +
รถล่องลงแลหลามช่างงามงด  สายเราบทจรหลังแยกทางกัน
 +
ไม่เห็นมีบ้านช่องมองเปล่าเปลี่ยว  เหมือนมาเดี่ยวเศร้าในหัวใจฉัน
 +
ดูภูมิพื้นกว้างใหญ่เสียดายครัน  เมื่อไรนั่นชาวไทยจะไพบูลย์
 +
ไปที่ใดได้พบคนมีล้นหลาม  ล้วนตึกงามคับคั่งดังไอศูรย์
 +
เทียมหน้าอย่างต่างภาษาไม่อาดูร  จรัสจรูญเจริญเพลิดเพลินทรวง
 +
อันดินแดนของเราว่างเปล่ามาก  ทิ้งให้ตากแดดเล่นมิเป็นห่วง
 +
เอาแต่เที่ยวเอาแต่เล่นกันเป็นพวง  นอนจนดวงตะวันขึ้นไม่ตื่นตา
 +
เสียประโยชน์หาทรัพย์สำหรับร่าง  ไม่เอาอย่างผู้อื่นดื่นภาษา
 +
เขาพากันข้ามทะเลเฮกันมา  ขนเงินตราเมืองเราเอาสบาย
 +
บ้างตั้งห้างสร้างตู้ชูสิ่งของ  ทั้งเพชรทองวางเย้ยเฉลยขาย
 +
เพราะพวกเราไม่กังวลจะจนตาย  จะทนอายให้เขาหยามไม่งามตา
 +
เมื่อตัวเธอยากจนทนอายได้  ประเทศไซร้ต้องสมัครกันรักษา
 +
อย่างให้ยากจนได้ขายพักตรา  แก่นานาประเทศเขาเราเป็นไทย
 +
เป็นขี้ข้าตัวเองอย่าเกรงเหนื่อย  เราป่วยเมื่อยนึกจะพักก็พักได้
 +
ถ้ามีนายใช้ทำกระหน่ำไป  หยุดไม่ได้เขาหาเอื้ออาทร
 +
ถึงคลองละมุงมองเห็นคลองน้อย  ไร่นาจ้อยมีแต่ไพรไม้สลอน
 +
เต็งรังลิ่วงิ้วชะง้ำเงื้อมอัมพร  พะยอมดอนกระแบกกระเบาเหล่าเพกา
 +
มะกอกมะเกลือระดะต้นตะโก  เทพทาโรมะไฟไม้มะค่า
 +
ต้นยางยูงสูงเยี่ยมเทียมเมฆา  กิ่งสาขาเชิดยอดทอดระทวย
 +
พระพายพัดกวัดไกววิไลล้ำ  ดังระบำกรีดกรอ่อนสลวย
 +
ทุกก้านใบไหวจังหวะอันจรวย  เหล่าใบชวยเชิดช้อยชม้อยเมียง
 +
ลมพัดหวนป่วนปั่นเลื่อนลั่นเปราะ  ไม้ไผ่เสนาะเอนเบียดออดเอียดเสียง
 +
ดุจดนตรีตีรับศัพท์สำเนียง  เป็นคู่เคียงสำหรับจับระบำ
 +
อันพรรณะเหล่าไม้ใส่ใจคิด  เห็นงามพิศดารกว่าเลขาขำ
 +
งามสิ่งอื่นฝืนฝืดจืดประจำ  พ่ายแพ้ธรรมชาติประหลาดงาม
 +
งามจืดเจียนเปลี่ยนความงามเพริศพริ้ง  ผลิดอกกิ่งออกใหม่ยอดใบหลาม
 +
พอแก่เก่าเล่าก็เวียนแลกเปลี่ยนความ  แตกใบตามยอดระย้าทั้งตาปี
 +
ฝูงวิหคผกผินลงบินเกาะ  ส่งเสียงเพราะวังเวงดังเพลงปี่
 +
กระรอกไต่ไม้ชะแง้กระแตมี  หมู่ชะนีเหนี่ยวไม้โหนไปมา
 +
ลิงทโมนโจนจ้องมองเขม้น  บ้างโผนเผ่นเลิกคิ้วทำนิ่วหน้า
 +
เขาว่าคนซนเหมือนลิงจริงวาจา  หรือยิ่งกว่าลิงร้ายกี่ก่ายกอง
 +
มาถึงคลองมาปรับใคร่รับรู้  ปรับไหมผุ้ใดเล่าได้ข้าวของ
 +
เพียงแต่มาถ้าจะปรับไม่รับรอง  ให้อยู่คลองปรับหาไม่ว่าไร
 +
ตำบลนี้มีวัดขนาดย่อม  หมู่บ้านหย่อมน้อยโขไม่โตใหญ่
 +
ล้วนป่าไม้เบญจพรรณทั่วกันไป  ให้เปลี่ยวใจเปลี่ยวตานั่งชาเย็น
 +
อากาศคลุ้มอุ้มเมฆเป็นหมอกมืด  ยิ่งชื้นชืดหนาวใจใครจะเห็น
 +
วายุจัดพัดไม้ไหวกระเด็น  ดังสนั่นลั่นเช่นป่าทลาย
 +
พอฝนซาฟ้าคะนองก้องกัมปนาท  สุนีบาตรตกที่ไหนอกใจหาย
 +
รถวิ่งแหวกกลางฝนจนฝนคลาย  ค่อยสบายหายกลัวนั่งตัวตรง
 +
ถึงคลองบางต้นยางสล้างล้ำ  ล้วนหลายกำครื้นในไพรระหง
 +
กล้วยไม้เหมาะเกาะก่อเป็นกอกง  ออกดอกส่งกลิ่นฟุ้งจรุงใจ
 +
เอื้องคำช้อยช่อช่วงดังพวกทอง  ช้างเผือกผ่องขาวลออช่อไสว
 +
สามปอยตระการบานฟ้อช่อวิไล  อีกดอกไอยเรศสะพรั่งช่อดังงา
 +
ทั้งฟ้ามุ่ยเอื้องแซะแหละตีนเต่า  เอื้องแมลงเม่าเอื้องดาวช้างน้าวหา
 +
สายวิสูตรช่อม่วงพวงโมรา  ย้อยระย้าน่าชมภิรมย์ทรวง
 +
ถึงสวรรคโลกเรื่องเมืองมนุษย์  เป็นสิ้นสุดทางไปรถไฟหลวง
 +
จะขึ้นต่อรถยนต์คนทั้งปวง  เขาทักท้วงว่าทางอย่างกันดาร
 +
เมื่อคืนนี้ฝนตกเสียโชกชุ่ม  ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อข้อโดยสาร
 +
จะไปสุโขทัยไม่ได้การ  เพียงบางตาลถ้าจะไปพอได้ดี
 +
ต้องเปลี่ยนทางจ้างเรือเป็นเหลือคาด  หกสิบบาทจนจิตจะคิดหนี
 +
ต้องรีบไปให้ทันกฎกำหนดมี  ถ่ายของที่รถส่งลงนาวา
 +
ฝนพรูพร่ำจำใจไปไม่รอด  เรือต้องจอดค้างคืนสุดฝืนท่า
 +
ช่างเคราะห์ร้ายย้ายโยกโชคชะตา  สุริยาพลบค่ำเดือนรำไร
 +
นอนอนาถขาดสุขลุกขึ้นนั่ง  ท่านช่างตั้งนามสวรรคโลกชั้นไหน
 +
ภูมิประเทศเขตขอบดูรอบไป  ไม่สมให้นามสวรรค์เช่นนั้นเลย
 +
กันดารน้ำตามตลิ่งสูงจริงเจียว  ลำน้ำเชี่ยวแดงขุ่นแม่คุณเอ๋ย
 +
จะอาบกินอย่างใดเล่าหรือเขาเคย  ก็เสบยไปตามด้วยความชิน
 +
อันนิสัยไทยเราเป็นเหล่ามาก  ถึงจนยากอย่างใดไม่ไกลถิ่น
 +
ไม่เหมือนเจ๊กแขกฝรั่งต่างก็บิน  มาหากินเมืองเราจนเขารวย
 +
ขนเงินไปบำรุงเขตประเทศเขา  ทั้งพวกเราก็ช่วยยุ่งผดุงด้วย
 +
เปลือกหรือแก่นซื้อส่งเฝ้างงงวย  จะระหวยละห้อยน้อยใจใคร
 +
อันเมืองนี้มีตำนานโบราณกล่าว  สร้างกว้างยาวเรียบร้อยหาน้อยไม่
 +
กว้างห้าสิบยาวร้อยเส้นเช่นของไทย  กำแพงใหญ่ล้อมรอบเป็นขอบคัน
 +
กว้างสองวาสูงสี่วาศิลาแลง  ฤๅษีแจ้งกลับมาจากฟากสวรรค์
 +
จึงเอานามตามชั้นฟ้ามาประพันธ์  ชื่อสวรรคโลกเลิศประเสริฐนาม
 +
พระยาธรรมราชาเลออาสน์รัตน์  เป็นกษัตริย์เฟื่องฟุ้งทุกกรุงขาม
 +
ถวัลย์รัชสืบมาพยายาม  นับได้สามกษัตริย์ขัตติยา
 +
ภายหลังพระอรุณราชกุมาร  ชนขนานนามพระร่วงโชติช่วงหล้า
 +
ได้ปกป้องครองเมืองเรืองเดชา  สร้างมหาถาวรขจรนาม
 +
ได้ธิดากรุงจีนเป็นชิ้นเอก  มาภิเษกเป็นมเหสีองค์ที่สาม
 +
ทั้งได้ลำเภตราสง่างาม  บริวารตามเข้ามารวมห้าร้อย
 +
ทำถ้วยชากาน้ำชามกระเบื้อง  ขายทั่วเมืองซื้อไว้ได้ใช้สอย
 +
เหตุใดไทยไม่จำทำตามรอย  ซื้อเขาน้อยไปเมื่อไรชาติไทยเรา
 +
ทำไม่เป็นไม่อุตส่าห์น่าบัดสี  เกิดมามีเท้ามือนั้นหรือเปล่า
 +
เครื่องนุ่งห่มงมงายฟูมฟายเมา  ซื้อเขาเอาเสียทุกอย่างไม่สร้างเอง
 +
การทิ้งสิทธิ์คิดให้ดีเถอะพี่น้อง  เราจะต้องถูกระดมเขาข่มเหง
 +
ถ้าพวกเรามีสามัคคีมีคนเกรง  ควรรีบเร่งรักษาสิทธิ์ทุกกิจการ
 +
</tpoem>
 +
=== ๕ ===
=== ๕ ===
 +
<tpoem>
 +
พอเช้าตรู่หมู่นกโผนผกร้อง  เรียกพวกพ้องออกหาภักษาหาร
 +
ก็ออกเรือลอยลำไปตามธาร  ต่างสำราญด้วยอากาศสะอาดดี
 +
หอมสาวหยุดกระดังงาเวลารุ่ง  ส่งกลิ่นฟุ้งยิ่งเปรมเกษมศรี
 +
ชื่นอารมณ์ชมจังหวัดฝั่งนที  ดังคีรีเงื้อมชะง้ำตามลำธาร
 +
เห็นเด็กเด็กบนตลิ่งวิ่งกระโจน  ลงน้ำโผนเผ่นผงาดว่ายฉาดฉาน
 +
ตลิ่งสูงหลายวากล้าเอาการ  ไม่สะท้านสะทกกลัวตกเลย
 +
เขาย่อมว่าไม้ป่าไม้กระถาง  ก็จริงอย่างเขาว่าเจ้าข้าเอ๋ย
 +
ลูกคนมีออกจากท้องประคองเคย  คนจนเฉยไม่ต้องประคองกัน
 +
ก็โตใหญ่ได้เหมือนไม่เคลื่อนคลาด  ธรรมชาติเป็นกลางจัดสร้างสรรค์
 +
กลับแข็งแรงจ้ำม่ำดำเป็นมัน  พ่อแม่นั้นอาศัยได้เต็มมือ
 +
ตัวเล็กเล็กทำการงานทั้งหลาย  เลี้ยงวัวควายขับนกเสียงโหวกหวือ
 +
หาผักปลากังวลมาปรนปรือ  ไม่คร้านดื้อดีจริงทั้งหญิงชาย
 +
เจ๊กแจวเรือตามน้ำไม่ลำบาก  ช่างพูดมากหัวร่อกันงอหงาย
 +
เล่าถึงลูกถึงเมียว่าเสียดาย  เขาหนีตายไปหมดไม่อดทน
 +
ตัวของเขาอยู่ถิ่นนี้แปดปีกว่า  แจวนาวาเสียเพลินเหมือนเดินถนน
 +
ได้เท่าใดหมดก็ช่างไม่กังวล  ถึงแสนจนแสนยากไม่อยากตาย
 +
โลกสนุกมากมายทั้งใหญ่กว้าง  มีเสือช้างนกปลาพฤกษาหลาย
 +
กลางคืนมีเดือนดาวออกพราวพราย  กลางวันสายแสงตะวันประจันตา
 +
สารพัดดีดีก็มีชม  เนินพนมห้วยธารขนานหน้า
 +
จึงไม่อยากจะตายวายชีวา  มั่งมีว่าลำบากไม่อยากมี
 +
ถ้าทรัพย์มากยากใจดังไฟติด  ต้องพูดคิดปกป้องให้ผ่องศรี
 +
เป็นทุกข์ร้อนนอนไม่สบายดี  ตัวเขานี้ไม่ต้องการสำราญกาย
 +
ชอบแต่ให้ใจเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน  กินอิ่มนอนหลับเท่านั้นที่มั่นหมาย
 +
ไม่โลภล้นจนใจไม่สบาย  มั่งมีตายเอาไปได้เมื่อไรมี
 +
ความเป็นจริงยิ่งกว่าจริงทั้งหญิงชาย  เกิดแล้วตายทั่วจังหวัดปัถวี
 +
ย่อมรู้ตัวไม่พ้นทุกคนดี  แต่ยากที่จะห้ามความทะยาน
 +
หาได้กำน้อยไปอยากได้กอบ  ได้กระสอบมุ่งตะล่อมเท่าพ้อมสาน
 +
ได้เต็มลำเรือรบไม่สบมาน  ร้อยโกฏิล้านก็ไม่พอโลภต่อไป
 +
จักรพรรดิมีรัตนะเจ็ด  ก็มีเสร็จสมมาตรราชมไหย์
 +
ฝังมหาสมุทรอันสุดไกล  น้ำเท่าใดก็มิพักรู้จักพอ
 +
ถ้าจะพูดกันอีกทีโลกีย์สมบัติ  ที่จรัสรุ่งเรืองฟุ้งเฟื่องหนอ
 +
ประดับโลกประโยคยิ่งสิ่งพะนอ  ผู้โลภก่อสร้างไว้จึงได้งาม
 +
ทิ้งความรู้วิทยาสารพัด  เป็นบรรทัดวิริยาฝ่าพงหนาม
 +
ผู้กำเนิดที่หลังยังได้ความ  รู้เห็นตามท่านผู้สร้างนำทางมา
 +
มฤดกตกทอดตลอดโลก  เป็นชัยโชคอำนาจวาสนา
 +
ได้เป็นทุนหนุนเลิศเกิดปัญญา  คิดค้นหาประกอบทำล้วนสำคัญ
 +
ภูเขาใหญ่สูงปราบให้ราบต่ำ  พื้นภูมิทำเป็นทะเลเล่นเหหัน
 +
ถมสมุทรขุดบาดาลวิตถารครัน  เรือดำดั้นเป็นมหาชลาลัย
 +
เครื่องบินเผ่นผันเร่กลางเวหาส  วิทยุอาจต่อสำเนียงเสียงแจ่มใส
 +
ไฟฟ้าวงส่งแสงแข่งอุทัย  ใช้แรงไฟทำประโยชน์โชตนา
 +
มนุษย์เรามีฤทธิ์คล้ายวิษณุกรรม  ประดิษฐ์ทำของใช้ได้หนักหนา
 +
เครื่องจักรกลพ้นจะพรรณนา  ดังเทวานิรมิตไม่ผิดไกล
 +
ถึงน้ำหักหักอะไรได้เสียหนัก  แต่หักรักนี้อนาถไม่หวาดไหว
 +
มันแน่นเหนียวเหนี่ยวรัดดวงหทัย  หักเท่าไรก็ไม่หักหนักอุรา
 +
หนักอะไรก็ไม่หนักเท่ารักหลง  เดินบุกพงหลงทางในกลางป่า
 +
ยังประสบพบที่มีมรรคา  หลงรักหาพบทางที่สร่างใจ
 +
เพราะงวยงงหลงระเริงในเชิงรัก  ใครจะชักฉุดคลาดไม่หวาดไหว
 +
จนกระทั่งเปื่อยเน่าเป็นเถ้าไป  น่ากลัวภัยโมหะจิตระอิดระอา
 +
ถึงท่ายาวยาวให้บั่นสั้นให้ต่อ  นี้เป็นข้อคำบูราณขนานว่า
 +
ทำสิ่งใดให้ตริพิจารณา  แม้ปัญหาข้องขัดอึดอัดใจ
 +
ปรึกษาผู้รู้หลักอัครฐาน  จะอาจหาญชี้ทางสว่างไสว
 +
นี้คือสั้นต่อให้ยาวสาวกำไร  ยาวให้บั่นนั้นได้แก่ใจเรา
 +
ข้อใดส่อก่อเวรเห็นถนัด  จงเร่งรัดตัดเหตุนั้นให้สั้นเข้า
 +
ไม่มีเวรเสียได้สบายเบา  ใครว่าเต่าว่างั่งชั่งเป็นไร
 +
ถึงท่าช้างกว้างเตียนดูเลี่ยนโล่ง  บ้านเรือนโรงเคหาที่อาศัย
 +
ปลูกกันร่นพ้นฝั่งกลัวพังไป  พักเรือใกล้ไปธุระงานประจำ
 +
ตลิ่งสูงจูงกันเกาะหัวเราะร่วน  บ้างเซซวนเหนี่ยวไต่ไถลถลำ
 +
กลัวตกกลิ้งนิ่งกรานค่อยคลานคลำ  พอล่วงล้ำขึ้นไปได้สบายครัน
 +
หอมระรื่นชื่นใจดอกไม้ป่า  โยทะกาสุกรมนมสวรรค์
 +
ลำดวนดงส่งกลิ่นลูกอินจันทร์  มะลิวัลย์กาหลงและชงโค
 +
พวงพะยอมหอมกรุ่นพิกุลแก้ว  ทั้งนมแมวจันทร์กะพ้อช่อยี่โถ
 +
ต่างช่วยกันเก็บพอได้ห่อโต  เห็นวัดโอ้อนิจจาชื่อป่าแดง
 +
ดูกุฎีโบสถ์ศาลาล้วนฝาไม้  เก่าแก่ใช้ปิดกั้นกันด้วยแผง
 +
ชาวบ้านจนวัดก็งอก่อแรง  เป็นการแสดงพื้นถิ่นได้ยินยล
 +
ถ้าวัดวาอารามงามสง่า  ชาวประชาตำบลดีมั่งมีผล
 +
บำรุงวัดบำรุงสงฆ์ให้คงทน  ได้สวดมนต์ภาวนารักษาใจ
 +
ต่างลงเรือพร้อมหน้านาวาเคลื่อน  ออกลอยเลื่อนตามลำแม่น้ำไหล
 +
มาถึงบางกระจงเลยตรงไป  ดูสิ่งใดเหมือนแต่แรกไม่แปลกตา
 +
ถึงท่าถามถามถึงใครได้ทั้งนั้น  ส่วนตัวฉันมีแต่ทุกข์ไม่สุขา
 +
นั่งจำเจ่าเหงาใจในนาวา  ไม่เมตตาถามบ้างเลยชั่งเฉยเชือน
 +
ขาดอาลัยไม่ตรีเห็นดีหรือ  เสียชื่อว่าถามความไม่เหมือน
 +
ฉันอุตส่าห์มาทางไกลใคร่เยี่ยมเยือน  ช่างบิดเบือนเสียได้เจียวใจคอ
 +
ท่านี้เดิมเรียกว่าท่าเกษม  เป็นที่เปรมปลื้มใจผู้ใดหนอ
 +
ดูภูมิฐานการณ์สง่าก็น่าพอ  สมนามข้อเป็นสุขสนุกสบาย
 +
ที่แหลมยื่นพื้นน้ำไม่เชี่ยวปราด  มีชายหาดยาวยืดเป็นพืดสาย
 +
ริมตลิ่งสูงเขินล้วนเนินทราย  สีเหลืองคล้ายแกแลแผ่ไปไกล
 +
เห็นเด็กเด็กเล็กโตสองโหลกว่า  วิ่งไขว่คว้าปล้ำกันสนั่นไหว
 +
เอาฟ่อนหญ้ามัดเป็นพวงเล่นช่วงชัย  บ้างเอาเถิดเตลิดไล่จับได้กัน
 +
บ้างพูนทรายขวางทำเป็นกำแพง  กระโดดแข่งข้ามพ้นเป็นคนกลั่น
 +
ข้ามไม่พ้นชนทรายทลายครัน  ถูกฮาลั่นปรับให้ทำใหม่ดี
 +
บ้างวิ่งแซงแข่งกันคั่นระยะ  ใครชนะโห่ร้องก้องกันมี่
 +
ผู้แพ้ขอประวิงวิ่งอีกที  สามัคคีเล่นหยอกออกกำลัง
 +
เล่นแต่ของธรรมชาติประสาทให้  ไม่ต้องไปซื้อประคองของฝรั่ง
 +
ลูกอะไรไม้อะไรให้รุงรัง  เสียเงินทั้งเรื่องไม่เสียดายเลย
 +
ถึงนาตองใบตองเป็นของดี  ทำบายศรีเจ็ดชั้นเชิญขวัญเอ๋ย
 +
ขวัญจงมาอยู่กับร่างเหมือนอย่างเคย  อย่าเชือนเฉยมิ่งขวัญจงพลันมา
 +
อยู่ที่ใดไปที่อื่นหมื่นพิภพ  ขวัญอย่าหลบอื่นฉันนะขวัญจ๋า
 +
ขวัญจงรวมร่วมศรีร่วมชีวา  อย่าได้คลาคลาดฉันนะขวัญใจ
 +
ถึงหนองโว้งโล่งว่างอ้างว้างเหลือ  ตัวมาเรือจิตเปลี่ยวเที่ยวไถล
 +
ไปนรกวกสวรรค์ดั้นด้นไป  กลับมาในเรือเล่านั่งเฝ้าตรอง
 +
ความเร็วของเจตสิกดังพลิกหัตถ์  รวดเร็วจัดยวดยิ่งวิ่งทั้งผอง
 +
ลัดนิ้วเดียวเที่ยวไปได้เป็นก่ายกอง  เป็นสิ่งของประหลาดอัศจรรย์
 +
ถึงวัดเกาะเหมาะดูอยากอยู่บวช  จะได้สวดมนต์ห้ามความโศกศัลย์
 +
ปฏิบัติตัดเหตุกิเลสพรรค์  กว่าชีวันจะดับลับโลกา
 +
ถึงหนองแหนแหนปิดเสียมิดเม้น  แลไม่เห็นน้ำถนัดทั้งมัจฉา
 +
จะแหวกให้ห่างเหชั่วเวลา  ก็กลับมารวมปิดชนิดเดิม
 +
รู้ว่าเกิดมาแน่แก่เจ็บตาย  แต่ไม่วายทะเยอคิดเห่อเหิม
 +
เพราะตัณหาอุปาทานเจือจานเติม  จึงเคลิบเคลิ้มเห็นทุกข์เป็นสุขไป
 +
ถึงคลองตาลเห็นร้านตลาดตั้ง  ปลูกหันหลังลงท่าชลาไหล
 +
แวะนาวาพากันขึ้นทันใด  เห็นกว้างใหญ่รายรื่นครึกครื้นครัน
 +
มีถนนหลายสายซื้อขายของ  เรียงทั้งสองข้างถนนคนมหันต์
 +
มีรถรับส่งที่ทุกวี่วัน  สี่ห้าคันรถยนต์วิ่งวนเวียน
 +
ไปสวรรคโลกก็ไปได้  สุโขทัยธานีที่เสถียร
 +
ถนนรถบดปราบเสียราบเตียน  เดินกันเจียนเมื่อยตรงกลับลงเรือ
 +
แล้วเคลื่อนคล้อยลอยลำตามน้ำลิ่ว  พระพายฉิวชื่นในฤทัยเหลือ
 +
แสงแดดไม่ร้อนรุมดูคลุมเครือ  เหมือนเกื้อกูลทำให้สำราญ
 +
มาถึงนามอญเหนือให้เบื่อคิด  แต่จนจิตต้องกล่าวตามเค้าสาร
 +
ตำบลนามอญใต้ให้รำคาญ  ทำนาหว่านบ้างอุตส่าห์ทำนาดำ
 +
การทำนาของเราเท่าเป็นอยู่  พิเคราะห์ดูช่างลำบากถลากถลำ
 +
ขอเชิญเทพารักษ์ช่วยชักนำ  การกระทำให้ง่ายสบายเบา
 +
ถึงวังทองมองหาทั้งขวาซ้าย  แต่เห็นทรายไม่เห็นทองยิ่งหมองเศร้า
 +
ถ้าได้ทองสักสองลำสำเภา  ตัวของเราก็จะสร้างแต่ทางบุญ
 +
จะสร้างมหาวิทยาลัยให้ใหญ่ยิ่ง  เด็กชายหญิงอนาถาไม่ว้าวุ่น
 +
ให้เขาเรียนได้คล่องไม่ต้องทุน  จะอุดหนุนดีทำแต่สัมมา
 +
จะซื้อที่ดินแดนสามแสนไร่  ทำป่าไม้เตียนสะอาดปราศรกหญ้า
 +
ขุดคลองให้ใช้น้ำลำนาวา  ให้เคหาปลูกปักพอพักกาย
 +
ให้เครื่องมือทำกินตามถิ่นที่  พืชพันธุ์มีใช้ปลูกเพาะตามเหมาะหมาย
 +
ผู้ยากจนจริงจริงทั้งหญิงชาย  ถ้าฝักใฝ่ทำกินก็ยินดี
 +
แบ่งแจกให้เปล่าเปล่าไม่เอาค่า  แต่ขออย่าเอาไปขายยักย้ายหนี
 +
ตั้งโรงเลี้ยงคนพิการทานตาปี  สร้างกุฎีมีหลังคาสักห้าร้อย
 +
ให้อาหารการชีวะอุปโภค  ไม่ร้อนโรคหากินสิ้นละห้อย
 +
คนแก่ที่อดอยากปากจะงอย  ให้คนคอยปฏิบัติไม่ขาดแคลน
 +
สร้างถนนที่กันดารสะพานใหญ่  ให้มาไปทุกพวกสะดวกแสน
 +
ผู้สามารถขาดทุนจะหนุนแท่น  ตั้งปึกแผ่นขายค้าสมาคม
 +
บำรุงชาติศาสนามหากษัตริย์  ให้จรัสเจริญเดชวิเศษถม
 +
ไม่มีทองหมองไหม้ฤทัยตรม  คิดมิสมปรารถนายิ่งอาวรณ์
 +
ถึงคลองเขนงพราหมณ์ทำรำเขนง  แต่ก่อนเพรงตรงนี้หรือชื่อนุสรณ์
 +
ถึงทับผึ้งผึ้งช่างทำรังนอน  กินเกสรมาลีชูชีวัน
 +
สัตว์น้อยน้อยอย่างอุตส่าห์หาอาหาร  รู้สร้างบ้านอยู่ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
 +
มนุษย์เราเจ้าปัญญาสารพัน  ควรหรือนั่นไม่อุตส่าห์พยายาม
 +
สร้างบ้านช่องผองทรัพย์สำหรับกาย  ให้พ้นอายแมลงตั้งทำรังหยาม
 +
การขี้เกียจเหยียดตนเป็นคนทราม  จะไร้ความสุขสวัสดิ์วัฒนา
 +
การขี้เกียจคอยเบียดเบียนเขากิน  เป็นคนสิ้นความอายน่าขายหน้า
 +
ดูอย่างหอยปูเต่าเหล่ากุ้งปลา  ยังรู้หาเลี้ยงกายได้ใหญ่โต
 +
เกิดมาเป็นมนุษย์วิสุทธิ์ชาติ  ไม่สามารถเลี้ยงกายอายสุดโหล่
 +
ทำกระป้อกระแป้แน่ต้องโซ  มิได้โงหัวพ้นความจนเลย
 +
บ้างคอยรับมฤดกตกตะครุบ  คอยแต่ชุบมือเปิบเฉิบเฉิบเฉย
 +
ไม่รู้จักทำกินจนชินเคย  เขาจะเอ่ยหยามหมิ่นกล่าวนินทา
 +
ว่าดีแต่ผู้อื่นเขายื่นให้  ถ้าหาไม่ก็ต้องอดหมดปัญหา
 +
เอกลาภมิใช่ใช้ปัญญา  ไม่บรรเจิดเชิดหน้าเหมือนหาได้เอง
 +
เกิดเป็นคนถ้าอุตส่าห์เต็มสามารถ  มิอืดอาดออดอ้อนลงนอนเขลง
 +
ย่อมหาทรัพย์ประดับกายได้ครื้นเครง  ควรรีบเร่งเสียแต่ยังกำลังกาย
 +
ยังหนุ่มสาวคราวครั้งกำลังมาก  เพียรบั่นบากต้องได้สมอารมณ์หมาย
 +
หาไว้เพื่อเมื่อชราพาสบาย  มิต้องอายต้องอดหมดราคา
 +
ถึงหนองนางนางเต่าใหญ่ไข่แล้วกลบ  เอาอกลบรอยมิให้ใครกังขา
 +
ความรักลูกปลูกฝังกำบังตา  ครั้งแก่กล้าฟักไข่ให้เป็นตัว
 +
หัดให้ดำน้ำหาภักษาหาร  ว่ายน้ำคลานบนบกไวมิใช่ชั่ว
 +
เมื่อเห็นสัตว์ใหญ่มาใกล้ตัว  รีบหดหัวไว้ในหลังระวังตน
 +
การควรกลัวกลัวไว้ไม่บังอาจ  ย่อมแคล้วคลาดผองภัยไม่ไร้ผล
 +
การควรกล้ากล้าให้ควรล้วนมงคล  กลัวกล้าคนรู้จักใช้ได้ผลดี
 +
ที่ควรกลัวกลัวไว้ไม่หยามหยาบ  หมอบให้ราบกราบให้งามตามวิถี
 +
ทำกระด้างกระเดื่องเครื่องราคี  ไม่เป็นที่เสน่หาประชาชน
 +
มาถึงเกาะบางเกวียนเวียนแลเลาะ  ไม่เห็นเกาะเห็นแต่ทรายให้ฉงน
 +
หรือน้ำเซาะเกาะทลายตามสายชล  เวียนละวนป่วนปั่นพันเป็นเกลียว
 +
นาวาเหเซหมุนเจ๊กวุ่นวาย  หัวโทษท้ายคัดฉากแต้ไม่แลเหลียว
 +
ท้ายโทษหัวไม่ทวนเรือจวนเลี้ยว  ต่างเสียงเขียวเถียงกันสนั่นดัง
 +
พอเรือตั้งลำได้ไปสะดวก  ค่อยหายหนวกหูระคายเจ๊กหายคลั่ง
 +
ไม้ซุงปล่อยลอยน้ำตามลำพัง  ออกเก้กังเกะกะระดะไป
 +
ดังกุมภาอาละวาดน่าหวาดเสียว  บ้างก็เลี้ยวบ้างก็ขวางทางน้ำไหล
 +
บางต้นแล่นเร็วรี่ดังมีใจ  ชนกันไหวหวั่นสะท้อนดังรอนราญ
 +
น้ำกระฉอกเป็นระลอกกระจายฟุ้ง  บ้างแล่นพุ่งชนฟาดดังฉาดฉาน
 +
บ้างลอยเรียงเคียงคู่ดังรู้การณ์  บ้างทะยานชนฝั่งดินพังโครม
 +
ทั้งน่ากลัวน่าดูนั่งอยู่เรือ  คัดหางเสือหลีกหลบกระทบโถม
 +
ถือถ่อง่ามค้ำผลักเพียงหักโครม  ถ้ากระโจมกระแทกเรือแหลกลาญ
 +
ล้วนแต่มีเครื่องหมายหลายเจ้าของ  ปล่อยให้ล่องน้ำไปไกลสถาน
 +
พวกรับจ้างถือหวายดังนายพราน  โจนทะยานว่ายน้ำร้อยปล้ำซุง
 +
ของใครก็เลือกผูกถูกเจ้าของ  ทำแคล่วคล่องว่องไวมิให้ยุ่ง
 +
รวมเป็นแพเรียบร้อยคอยบำรุง  ค่าจ้างมุ่งต้นราคาห้าสิบสตางค์
 +
บ้างตีเชือกด้วยหวายใช้สายน้ำ  เอาไม้ทำกงจักรสะพักขวาง
 +
เอาต้นหวายผูกลงที่ตรงกลาง  จักรก็คว้างหมุนวงตามคงคา
 +
บนแพตั้งหลักจำปาให้ผ่าซีก  จักรนั้นฉีกตีเป็นเกลียวเหนียวนักหนา
 +
ครั้นเห็นพอประสงค์ก็ตรงมา  ขดไว้ท่าผูกซุงผดุงการ
 +
เมืองไทยเราอุดมเลิศประเสริฐนัก  มีไม้สักไม่แก่นแสนวิตถาร
 +
มีข้าวเหลือเกลือหลามตามดินดาน  มีอาหารต่างต่างอย่างเหลือเฟือ
 +
มีแร่ธาตุต่างต่างอย่างวิเศษ  ในขอบเขตกรุงไกรทั้งใต้เหนือ
 +
เกิดสำหรับกับบุญมาจุนเจือ  จะขายเกื้อกูลนิเวศประเทศไกล
 +
ไทยเรามีน้ำดินเป็นสินทรัพย์  อเนกนับราคาหาสุดไม่
 +
ได้กินอยู่สุขเกษมปลื้มเปรมใจ  จงรักษ์ใคร่ถิ่นฐานบ้านเมืองเรา
 +
การรักษาบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่  ต้องพร้อมนัยสามัคคีดีไม่เขลา
 +
มิเอาเรื่องส่วนตัวมามัวเมา  มุ่งแต่เอาให้ชาติจรัสชัชวาล
 +
ถึงตำบลบางปลากดรันทดท้อ  เมื่อไหร่หนอจะถึงซึ่งสถาน
 +
แต่นั่งบ้างนอนบ้างช่างรำคาญ  จึงเขียนสารแก้เหงาบรรเทาใจ
 +
ให้ปรากฏว่ามาชมไม่อมนิ่ง  ให้เห็นสิ่งคุณประโยชน์โทษไฉน
 +
หรือดวงจิตคิดเห็นเป็นเช่นใด  ขอเทพไททั่วหน้าได้ปรานี
 +
โปรดพิทักษ์รักษาสาราด้วย  แม้ข้าม้วยร่างกายตายเป็นผี
 +
แต่ถ้อยคำน้ำจิตคิดอารี  ให้อยู่มีพรรษาชั่วฟ้าดิน
 +
ถึงเตว็ดเตว็ดที่พิธีตั้ง  ไม่ให้หวังเตว็ดวิเศษสิ้น
 +
ให้น้อมจิตคิดบูชาเป็นอาจิณ  องค์พระปิ่นปกเกล้าของชาวไทย
 +
</tpoem>
 +
=== ๖ ===
=== ๖ ===
 +
<tpoem>
 +
ถึงท่าช้างช้างเอยเคยลงท่า  ช่างงามมารยาทนักน่ารักใคร่
 +
ฝีเท้าเดินเงียบจริงทุกสิ่งใด  รูปร่างใหญ่แต่ละม่อมดูพร้อมเพรียง
 +
ไม่เหมือนม้าน่าชังเดินปังโปก  กิริยาโฮกฮากขรมไม่กลมเกลี้ยง
 +
คนไม่มีจรรยาไม่น่าเคียง  ถ้าหลีกเลี่ยงได้เท่าใดได้ยิ่งดี
 +
ถึงเช็งเหม็งนามนี้ขึ้นปีใหม่  พวกจีนไปไหว้ศพเคารพผี
 +
ทำทวดปู่บูรพชนทุกคนมี  กตเวทีบูชาไว้อาลัย
 +
สถานที่ระลึกก่อตึกฝัง  ทั้งกายยังน้ำจิตให้คิดได้
 +
จารึกนามความดีมีอย่างใด  บุตรหลานให้เอาอย่างทางตระกูล
 +
ธรรมเนียมเราเผาเนื้อเหลือแต่ธาตุ  เก็บนานอาจตกเรี่ยหายเสียสูญ
 +
พ่อกับลูกก็ยังหวังเกื้อกูล  หลานเหลนพูนเพิ่มมากไม่อยากแล
 +
อัฐิของทวดปู่อยู่ไหนช่าง  เห็นมีอย่างนี้มากอยากจะแก้
 +
ยิ่งคิดไปใจคอให้ท้อแท้  นั่งชะแง้ชะเง้อไปใจกระพือ
 +
ถึงบางคลองคลองมีที่แหลมคุ้ง  เรือเดินมุ่งตรงไปจะได้หรือ
 +
จำต้องเอี้ยวเลี้ยวล่องตามคลองคือ  ใครขืนดื้อไปไม่รอดต้องจอดเลย
 +
ถึงบางสงฆ์เลยมาถึงท่าพระ  สาธุสะพระธรรมร่ำเฉลย
 +
ให้ละโลภโกรธหลงงวยงงเคย  จะเสบยวิญญาณ์สารพัน
 +
อันสุขใดในโลกประโยคสุด  ซึ่งมนุษย์เสาะแสวงทุกแห่งนั่น
 +
ก็ประสงค์สุขจิตไม่ผิดกัน  แต่เรานั้นโง่เขลาเบาปัญญา
 +
เที่ยวหาสุขบุกไปไกลประเทศ  ที่อยู่เขตชิดใกล้สิไม่หา
 +
ความสุขอยู่ที่ใจไม่นำพา  เพราะอุปาทานไม่มองเห็นของจริง
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
๏ สวรรค์มีสิ่งสิ่งล้ำ  โลกมนุษย์
 +
อยู่ที่ใจบริสุทธิ์  เท่านั้น
 +
ในจิตหน่ายสมมติ  เหินห่าง
 +
อกที่ทุกข์บีบคั้น  ผ่องพ้นดลเกษม
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
ถึงบางควายควายดีมีคุณมาก  ช่วยเข็นลากเบาแรงแจ้งทุกสิ่ง
 +
ใช้ไถนากรากกรำทั้งน้ำปลิง  ช่างเปรียบหญิงเป็นควายไม่อายคำ
 +
แสนลำบากกรากกรำทำงานบ้าน  ไม่สงสารสตรีและมิหนำ
 +
ยังเอาเปรียบกับกระบือแทนชื่อนำ  ช่างใจอำมหิตหนอไม่ขอฟัง
 +
ถ้าหญิงเปรียบชายยิ่งกว่าลิงป่า  ของมีค่าก็ไม่รู้ฟังดูมั่ง
 +
มิโกรธใหญ่ไล่ตีเอาชีวัง  จะยับยั้งชั่งใจนิ่งเหมือนหญิงฤๅ
 +
มาถึงทางด่างแต่ปางไหน  ปล่อยไว้ให้ดำด่างทางนั้นหรือ
 +
จนทำให้เรื่องฉาวกล่าวระบือ  ถึงตั้งชื่อด่างประจำของตำบล
 +
ถึงปากแควแลละลิ่วล้วนทิวไม้  บ้านเรือนไกลจากฝั่งกลัวพังหล่น
 +
เด็กเด็กมากนั่งมองสองฝั่งชล  สุริยนเบนบ่ายค่อยคลายใจ
 +
ทั้งแม่เพิ่มแม่กี่บ่นขี้เกียจ  นั่งเมื่อยเหยียดการระงับเลยหลับใหล
 +
พ่อเถียวกับน้องก็หลับเป็นดับไป  ฉันมิได้ยับยั้งนั่งรำพึง
 +
เจ๊กแจวท้ายบอกว่าเรามาใกล้  ไม่เท่าใดดอกหนานาวาถึง
 +
ลดแจวนั่งถือหางเสือหัวเรืออึง  ไฉนจึงหลบเลี่ยงทำเสียงดัง
 +
ยืนแจวแต่มืดมาน่าสงสาร  ก็ควรการอยู่นักจะพักนั่ง
 +
ฉันบอกว่าอย่างอึงทำตึงตัง  จะพักมั่งก็ไม่ช้าน้ำพาจร
 +
ถึงวังหินหินตั้งทำรังไว้  เพื่อจะให้เนาในหล้าอุทาหรณ์
 +
ไม่เห็นวังยังแต่นามก็งามงอน  อนุสรณ์ถึงภาพปลาบวิญญาณ์
 +
คนเราตายกายเน่าเปล่าประโยชน์  แต่คุณโทษคงอยู่เป็นคู่หล้า
 +
ไม่เปื่อยเน่าเค้ากรรมประจำตรา  ใครเข่นฆ่าลบล้างไม่วางวาย
 +
ปิดสิ่งใดใช้ปิดย่อมมิดเม้น  ปิดปากเห็นไม่สมอารมณ์หมาย
 +
จะฆ่าให้สูญแน่ก็แต่กาย  จะทำลายเสียงปากนั้นยากจริง
 +
กวีฝากพจมานสาส์นโศลก  ไว้แก่โลกสืบสายทั้งชายหญิง
 +
ถึงตัวตายลายลักษณ์ยังพักพิง  สนองสิ่งได้อาศัยในโลกา
 +
ถึงบางแก้วแก้วกองทองทั้งหลาย  มีมากมายเก็บไว้ก็ไร้ค่า
 +
เอาไว้พอเป็นเสบียงเลี้ยงอาตมา  เหลือนั้นน่าเกื้อกูลเป็นทุนรอน
 +
แก่คนที่เจตนาสัมมาชีพ  ช่วยคีบหนีบมิให้กลายเป็นไม้ขอน
 +
เป็นประโยชน์โชตนาสถาวร  การดับร้อนเพื่อนมนุษย์เป็นสุดดี
 +
เวลาบ่ายชายแสงสุริเยศ  บรรลุเขตโบราณสถานที่
 +
สุโขทัยจังหวัดราชธานี  บ้านเรือนมีคับคั่งสองฝั่งชล
 +
มีแพเรือจอดหลามตามตลิ่ง  รถยนต์วิ่งส่งรับอยู่สับสน
 +
สะพานใหญ่ทำข้ามแม่น้ำวน  เชือมถนนไปได้เป็นหลายทาง
 +
โรงสีไฟไทยเราเป็นเจ้าของ  สีข้าวปล่องควันพลุ่งมียุ้งฉาง
 +
แต่อารามคร่ำคร่าน่าระคาง  ดูเหินห่างซ่อมแซมจึงแรมโรย
 +
แทบทุกวัดทัศนาน่าสงสาร  จนเรือผ่านคลาดคล้อยละห้อยโหย
 +
พอสายัณห์ตะวันร่มมีลมโชย  ค่อยรื่นโรยหอมประทิ่นกลิ่นมาลี
 +
รอเรือถามบ้านที่มีประสงค์  เขาบอกตรงแถวเจ้าเมืองอันเรืองศรี
 +
เห็นบ้านเรือนตามถนนใกล้ชลธี  จอดเรือที่ร่มท่าชลาลัย
 +
ขนของขึ้นบ้านพักเป็นหลักฐาน  อัยการคนเก่าก็เล่าไข
 +
ว่าเตรียมของพร้อมสรรพคอยกลับไป  ท่านมาใหม่เรือนมอบจงครอบครอง
 +
อันเรือนหลวงหลังนี้ทำดีโข  ไม่เล็กโตพอดีมีสี่ห้อง
 +
มีนอกชานครัวไฟได้ทำนอง  ติดต่อห้องน้ำบันไดลงไปดิน
 +
จัดที่ทางเรียบสรรพรับอาหาร  เสร็จสำราญอารมณ์สมถวิล
 +
ตียี่สิบต่างนอนพักผ่อนอิน-  ทรีย์ทั้งสิ้นสมประดีจนตีระฆัง
 +
ฉันแม่เพิ่มแม่กี่กระวีกระวาด  จัดแจงอาตม์เที่ยวตามที่ความหวัง
 +
เดินถนนริมแม่น้ำตามลำพัง  จนกระทั่งถึงตลาดดาษดา
 +
เขาขายของต่างต่างอย่างกรุงเทพฯ  ทั้งเครื่องเสพสารพัดช่างจัดหา
 +
ถูกทุกอย่างหมูไก่ผักไข่ปลา  กล้วยน้ำว้าอย่างดีหวีหนึ่งสตางค์
 +
แล้วข้ามเชิงสะพานมาถึงหน้าวัด  นามถนัดราชธานีมีลานกว้าง
 +
เข้าโบสถ์น้อยน้อมกายถวายเบญจางค์  พระพุทธปรางค์ประธานตระการตา
 +
มีเณรใหญ่ไขประตูอยู่พิทักษ์  เห็นมีอักษรห้ามไปตามเลขา
 +
มิให้ใครนำปองของบุราณ์  จากทะวาร์ออกไปตามใจพาล
 +
พระพุทธที่มีแต่เกศสังเวชหลาย  ตั้งเรียงรายหลายขนาดอาสน์ฐาน
 +
ภาชนะเนืองนองของเบาราณ  ถ้วยโถพานกระปุกกระถางต่างนานา
 +
ที่ไม่ทราบใช้อย่างใดสมัยนั้น  รูปพรรณสุดจะแจ้งแถลงว่า
 +
ล้วนดินเผาเค้าปั้นด้วยปัญญา  ตามประสาตามสมัยใช้ได้การ
 +
ท่านแต่ก่อนมิใช่โง่โวแต่ปาก  ยังทิ้งซากไว้ประจักษ์เป็นหลักฐาน
 +
แบบหนังสือคำภาษาวิชาการ  ให้บุตรหลานเรียนคืบสืบกันมา
 +
ออกจากโบสถ์พิพิธภัณฑ์สถานเก่า  รูปพระพุทธเจ้านั่งตั้งอยู่ข้างหน้า
 +
มีนามเรียกหลวงพ่อเป๋าชาวประชา  นับถือว่าศักดิ์สิทธิฤทธิไกร
 +
มีทุกข์ร้อนบนกันให้ท่านช่วย  แก้บนด้วยบุหรี่จุดจึ้ใส่
 +
พระโอษฐ์พระสูบนั้นเป็นควันไป  ว่าลามไหม้หมดมวนเห็นถ้วนกัน
 +
ทั้งทำนายทายชะตาอนาคต  ก็ถูกหมดทุกกิจไม่ผิดผัน
 +
ตามเสี่ยงทายในเลขาว่ารำพัน  เราชวนกันวันทาลาครรไล
 +
เลียบตามฝั่งชลธีถึงที่บ้าน  พระวิเชียรสถานบ้านโตใหญ่
 +
เป็นเจ้าของถิ่นที่โรงสีไฟ  จึงเข้าไปไต่ถามความสำราญ
 +
ท่านยิ้มย่องผ่องใสเชิญให้นั่ง  อยู่พร้อมพรั่งเป็นสุขทั้งลูกหลาน
 +
ฉันหยิบซองพร้องคำเงินบำนาญ  บุตรที่บ้านท่านนั้นฝากฉันมา
 +
ต่างปราศรัยไต่ถามตามฉันญาติ  แล้วคลาคลาดคล้อยออกนอกเคหา
 +
ท่านตามส่งให้ลงยังนาวา  ฝีพายพาสู่สำนักที่พักพลัน
 +
รุ่งเวลาพากันขึ้นรถยนต์  ไปตำบลราชวัง ณ รังสรรค์
 +
ของกษัตริย์โบราณนมนานครัน  อันนามนั้นสุโขทัยเคยไพบูลย์
 +
ระยะทางไปไม่น้อยสามร้อยเส้น  พอถึงเห็นกว้างใหญ่สมไอศูรย์
 +
กำแพงสามชั้นรอบเป็นขอบมูล  ชั้นในจรูญแน่นหนาศิลาแลง
 +
ภายในกว้างทางสังเกตร้อยเศษไร่  ประตูใหญ่สี่ทิศชนิดแฝง
 +
กำแพงกลางบังไว้ให้เคลือบแคลง  สร้างระแวงเชิงชั้นกันไพรินทร์
 +
มีป้อมตั้งบังประตูอยู่สี่ทิศ  ขอบคูชิดกำแพงออกรอบนอกสิ้น
 +
ปรางค์ปราสาทอาสน์อุดมลงจมดิน  แต่ฐานหินยังอยู่พอรู้เค้า
 +
ที่ตระพังสุวรรณนั้นมีวัด  กลางสระจัดเกาะดูดังภูเขา
 +
มีเจดีย์องค์ใหญ่ฝ่ายกลางเนา  แล้วมีเหล่าองค์ย่อมล้อมแปดองค์
 +
วัดตระพังเงินดูมีคูรอบ  วัดตระพังสอก็มีขอบชอบประสงค์
 +
เอาน้ำเป็นสีมาเห็นท่าตรง  วัดสระสี่มีสระวงสี่ด้านวัด
 +
วัดมหาธาตุตั้งอยู่กลางเมือง  องค์สูงเขื่องมีฐานด้านสกัด
 +
ถัดขึ้นไปชั้นทักษิณมีหินชัด  ลวดลายจัดจำหลักวิจิตรพิสดาร
 +
รูประหงทรงแปลกครั้งแรกเห็น  ซ่องซุ้มเด่นมีกระจังอย่างวิตถาร
 +
พุทธรูปไสยาสน์อาสน์โอฬาร  มีวิหารสี่ทิศอุกฤษฎ์ลาย
 +
มีฐานทรงองค๋พระมหาธาตุ  อันโอภาสจรัสรัศมี
 +
ยอดจึงคงทรงไว้ไม่ราคี  ด้วยบารมีบรมธาตุพระศาสดา
 +
มีวิหารใหญ่ยาวเก้าห้องแจ้ง  เสาเป็นแลงกลมพร้อมสักอ้อมกว่า
 +
ยังตั้งเคียงเรียงไสวนัยนา  แต่หลังคายับย่อยน่าน้อยใจ
 +
พระประธานหน้าตักกว้างหนักหนา  ถึงสามวาหนึ่งคืบวัดสืบได้
 +
หล่อด้วยโลหะถ้วนล้วนอำไพ  ทั่งทั้งในประเทศสยามตามหล่อมา
 +
มิได้มีองค์ใดใหญ่เท่าทัน  ต้องแดดฝนพ้นอันจะรักษา
 +
รัชกาลที่หนึ่งจึงเชิญมา  สร้างพระอารามสุทัศน์ฯ ให้ในพระนคร
 +
นามเรืองรุ่งกรุงเทพรัตนโกสินทร์  คุ้งฟ้าดินขอให้อยู่คู่นุสรณ์
 +
วัดศรีชุมทัศนายิ่งอาวรณ์  หลังคากร่อนฝาผนังซ้ายยังดี
 +
ถ่อเป็นโพรงข้างในเดินได้ตลอด  ถึงขื่อทอดหลังคาน่าเป็นที่
 +
สำหรับขึ้นตรวจดูหมู่ไพรี  ข้างขวามีบันไดลงใต้ดิน
 +
ว่าเดินได้ไปถึงอุตรดิตถ์  แต่เขาปิดทางกั้นกันเสียสิ้น
 +
เกรงลงไปพร่ำเพรื่อเสือจะกิน  น่าชมศิลปะวิทยา
 +
พระประธานก่อด้วยแลงยังแข็งกร่าง  หน้าตักกว้างคะเนห้าวากว่า
 +
เสารับขื่อหรือก็ก่อศิลา  หวังให้ถาวรงามอร่ามเรือง
 +
กระนี้นี่พระเจ้ารามกำแหง  จึงแสดงด้วยหนังสือให้ลือเลื่อง
 +
จารึกไว้ในศิลาค่าควรเมือง  ให้สืบเนื่องถึงพวกเราทราบเค้าการณ์
 +
อันชาติไทยไพโรจน์อุโฆษศักดิ์  มานานนักหลายพันปีอย่างวิตถาร
 +
สุโขทัยธานีมีสมญา  ที่ทิ้งเป็นป่ายังไม่แจ้งหลายแห่งราย
 +
ไม่แต่ธรรมชาติทำให้ชำรุด  มนุษย์ขุดล้มคว่ำคะมำหงาย
 +
เที่ยวรื้อค้นคุ้ยเขี่ยเสียกระจาย  จึงเสียหายมากหนักหนาเป็นน่าเคือง
 +
การจะดูบูราณสถานนี้  ให้ถ้วนถี่กระจ่างแต่บางเรือง
 +
เพราะปรักหักพังเสียทั้งเมือง  อิฐแลงเขื่องเขื่องหล่นปนกันไป
 +
โบสถ์วิหารปรางค์เจดีย์ล้วนวิจิตร  ช่างประดิษฐ์ประดับประดาน่าเลื่อมใส
 +
ไว้ฝีมือให้ชื่อของชาติไทย  ศิลาแลงแต่ไว้วิไลกรณ์
 +
ทั้งโบสถ์พราหมณ์ตามทางไสยศาสตร์  ที่เทวราชสถิตมิศร
 +
ทุกสิ่งสมฐานะพระนคร  อนุสรณ์ถึงครั้งเมื่อยังดี
 +
แม้ชำรุดทรุดเศร้าเค้ายังอยู่  ให้ล่วงรู้ประวัติเลิศประเสริฐศรี
 +
ย่อมเชิดชูกู้ตำนานโบราณมี  ราชธานีของชาติอันอาจองค์
 +
แต่พินิจพิศดูอยู่จนบ่าย  แสนเสียดายสิ่งของต้องประสงค์
 +
อนาถจิตคิดไปใจพะวง  สุริยงเย็นพยับกลับครรไล
 +
สุโขทัยราชฐานเป็นบ้านเก่า  ของพราหมณ์เผ่าพงศ์คือเพศถือไสย
 +
เป็นท่าเรือสำเภามีเสาใบ  มาจอดในเขตค้าทั้งตาปี
 +
กษัตริย์เชียงแสนระบิลนามปิ่นเกศ  ยกหนีเดชตะเลงห่างมาสร้างที่
 +
ธิดาพราหมณ์งามลักษณ์กัลยณี  ภิเษกศรีเฉลิมเป็นเจิมจอม
 +
ทั้งทรงรับนับถือไสยศาสตร์  สำหรับราชพิธีไมตรีถนอม
 +
รูปนเรศว์นารายณ์ให้ประนอม  ตั้งเสาซ้อมโล้ชิงช้าแรกนาดี
 +
แจกพืชพันธุ์ธัญญาประชาราษฎร์  เลือกนางนาฏจรูญประยูรศรี
 +
แต่ล้วนเหล่าสาวพรหมจารี  เข้าพิธีกวนข้าวทิพย์หยิบแจกไป
 +
ประเพณีเหนือเนื่องสืบเนื่องมา  จนเคลื่อนคลามาสร้างกรุงทางใต้
 +
กรุงเทพมหานครกระฉ่อนไกล  รุ่งเรืองใหญ่โตกว่าเก่าร้อยเท่าทวี
 +
ขอเดชามหาชัยพระไตรรัตน์  บำรุงฉัตรชาติไทยชายชัยศรี
 +
ให้ตั้งอยู่คู่ฟ้าธาตุธาตรี  ล้วนแต่มีเกษมสุขทุกนิรันดร์
 +
ข้าพเจ้าผู้กรองสนองถ้อย  ส้มจีนสร้อยเขื่อนเพ็ชรกั้นเขตขัณฑ์
 +
พระราชทานนามสกุลอุณหะนันท์  พุทธ์สองพันสี่ร้อยนับถอยไป
 +
เจ็ดสิบสามปีมะเมียไม่เสียชาติ  เกิดมาคลาดพุทธกาลสมัย
 +
แต่ดวงจิตชิดพระธรรมมีกำไร  ขอจงได้ประสบสุขทุกคืนวัน
 +
ไปแห่งใดได้เห็นความงามสนุก  ย่อมเจือทุกข์ปนอยู่เป็นคู่ขัน
 +
หนาวต้องผ่อนร้อนต้องทนไม่พ้นกัน  ต้องฝืนชั้นอิริยาบถอาการ
 +
เที่ยวชมไปในพิภพให้จบทั่ว  สู้บ้านตัวเราไม่ได้หลายสถาน
 +
ความสะดวกสบายทำให้สำราญ  ดีกว่าบ้านคนอื่นที่ดื่นตา
 +
เงินคนอื่นหมื่นโกฏิประโยชน์เขา  เงินของเราเท่าที่มีย่อมดีกว่า
 +
เพราะอาศัยได้เหมือนเพื่อนชีวา  จะปรารถนาใช้ตามความพอใจ
 +
ดังนกน้อยสกนธ์มีขนน้อย  ก็บินลอยไปมาเวหาได้
 +
ถ้าขนมากเท่านกเขื่องจะเยื้องไกล  หรือนกใหญ่แต่ขนน้อยถอยกำลัง
 +
จะโบกบินไม่คล่องทั้งสองอย่าง  ย่อมเป็นทางสอนใจไว้ได้มั่ง
 +
เกิดเป็นคนตนต้องดูรู้กำลัง  ของตัวทั้งของผู้อื่นยั่งยืนนาน
 +
แมวลำพองร้องคำรณให้คนเชื่อ  ข้าคือเสือฤทธิไกรอันไพศาล
 +
จิ้งจกยกหางแกว่งสำแดงการ  ข้าคือท่านกุมภาศักดาเกรียง
 +
มดง่ามว่าข้าคือคชสาร  ฝ่ายสุวาณโก่งหางพลางขึ้นเสียง
 +
ข้าคือราชสีหะตะบะเพียง  ขวานฟ้าเปรี้ยงสะท้านทั่วกลัวเดชา
 +
พักอยู่สุโขทัยได้สามวัน  จึงพากันลาลับกลับเคหา
 +
พร้อมสามคนลงเรือไฟในเวลา  สุริยาเรืองเรื่อออกเรือพลัน
 +
มาทางเก่าเล่ามีถี่ถ้วนแล้ว  ครั้งเรือแจวตามน้ำเป็นล่ำสัน
 +
คราวนี้กลับเรือไฟเบื่อหน่ายครัน  ทวนน้ำรันทดใจไม่เสบย
 +
ถึงบางตาลขึ้นจากท่ามารถยนต์  ถึงตำบลสวรรคโลกวิโยคเอ๋ย
 +
ขึ้นรถไฟกลับทางอย่างที่เคย  มาลงเอยบ้านดาราคอยท่ารถ
 +
ขึ้นรถไฟสายกลับพระนคร  หยุดพักนอนพิษณุโลกโชคตามบท
 +
แม่สองคนบ่นเหนื่อยเมื่อยระทด  เช้าขึ้นรถไฟพามาบ้านเอย ฯ
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
รถไฟไทยดอทคอม [http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5951]
รถไฟไทยดอทคอม [http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5951]

รุ่นปัจจุบันของ 14:59, 31 พฤษภาคม 2556

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: คุณหญิงเขื่อนเพ็ชรเสนา (ส้มจีน อุณหะนันท์)

บทประพันธ์

๏ นิราศรักหักใจจำไกลบ้าน
ไปสุโขทัยเบื้องเมืองโบราณชมสถานแถวทางให้สร่างใจ
ทั้งประสงค์ส่งพ่อเถียวเกี่ยวเป็นญาติไปรับราชกิจวินิจฉัย
เป็นอัยการจังหวัดนัดกันไปพออุทัยไขศรีฉวีเรือง
ที่ยี่สิบเจ็ดมิถุนาวันคลาคลาดพุทธศักราชสองพันกันต่อเนื่อง
สี่ร้อยเจ็ดสิบสามยามประเทืองจึงย่างเยื้องยังหมู่ที่บูชา
จุดเทียนน้อมเศียรกราบพุทธรูปและจุดธูปที่อัฐิปริปากว่า
ขอลาไกลไปดูเมืองบูราณ์แล้วไคลคลาจากตึกรู้สึกงง
เห็นเด็กเด็กเลี้ยงมาล้อมหน้าหลังล้วนแต่ตั้งใจงามจะตามส่ง
คิดห่วงหลังห่วงหน้าพะว้าพะวงค่อยดำรงกายออกนอกประตู
ระทวยอ่อนถอนใจอาลัยเหลียวเคยไปเที่ยวครั้งใดก็ไปคู่
ไปคนเดียวเสียวเจตน์น้ำเนตรพรูมิได้ดูสิ่งใดหักใจจร
ถึงสถานีใหญ่รถไฟจวนจะออกล้วนเซ็งแซ่แลสลอน
เป็นหลายสายย้ายพรากจากนครเรารีบจรพร้อมเสร็จรวมเจ็ดคน
นั่งที่สองของใช้ไปรถตู้ดูคนผู้ส่งรับกันสับสน
บ้างอวยชัยให้ล้วนส่วนมงคลส่งกันจนรถออกนอกชาลา
เป็นขบวนขบวนไม่ป่วนปั่นแต่ละคันท่วงทีมีสง่า
ควรภูมิใจไทยเจริญเพลิดเพลินตานับเวลายิ่งทวีบริบูรณ์
ลอดสะพานกษัตริย์ศึกจารึกยศอันปรากฏเกียรติไว้มิให้สูญ
พระกำจัดไพรินทร์จนสิ้นมูลทรงเพิ่มพูนอำนาจของชาติไทย
เป็นดิเรกเอกราชชาติในโลกอุปโภคสารพันทันสมัย
พระสร้างทำบำรุงเป็นกรุงไกรสืบมาให้ไปภายหน้าคุ้มฟ้าดิน
มาถึงจิตรลดาสถานีมิใช่ที่ชาวประชาอย่าถวิล
สำหรับพระราชะจอมนรินทร์เสด็จลินลาศตรงทรงรถไฟ
เห็นดุสิตคิดเหมือนได้ไปดุสิตชวลิตแลตลอดยอดไสว
พระที่นั่งดังสถานพิมานไชยสวยดังไกรลาสสวรรค์อันรุ่งเรือง
เห็นโบสถ์วัดเบญจมบพิตรแลวิจิตรสี่มุขแสงสุกเหลือง
ดังทองทาบปลาบปลั่งมลังเมลืองสีกระเบื้องแลระยับจังนภางค์
ฉันน้อมกายถวายอภิวาทพระชินราชองค์ที่สองจำลองสร้าง
โปรดพิทักษ์รักษาทุกท่าทางให้สำอางสำเร็จเจตนา
ข้าพเจ้าเขาทั้งหลายทุกชายหญิงจงพ้นสิ่งโรคภัยให้ถ้วนหน้า
มีดวงใจใสกระจ่างทางสัมมาวัฒนาลาภล้ำอร่ามเรือง
ถึงสามเสนไม่ได้ความเรื่องสามเสนใครประเคนชื่อไว้ไฉนเรื่อง
เอาพิมเสนแลกเกลือเห็นเหลือเปลืองล้วนแต่เครื่องเสียค่าราคาควร
ถึงบางซื่อซื่อตรงลงว่าโง่โอ้พุทโธ่คิดมาก็น่าสรวล
ที่ตลบแตลงแต่งสำนวนกลับชมชวนกันว่าอาจฉลาดดี
คนชนิดไหนนะเรียกฉลาดที่จอมปราชญ์ยกย่องว่าผ่องศรี
ถ้าจะมีใครโผล่โต้วาทีและทั้งมีกรรมการประหารความ
คงได้ฟังคารมอุดมแปลกต่างจะแหวกเอาชัยในสนาม
ต่างชี้เลศเหตุผลจนให้งามซึ่งจะคร้ามปากกันนั้นไม่มี
ฉลาดใดไม่เหมือนการชาญฉลาดรักษาอาตม์ให้ดำรงตรงวิถี
แห่งสัมมาอาชีวะนั่นแหละดีมิให้มีอกุศลปนมลทิน
จึงควรนับว่าเป็นปราชญ์ฉลาดล้ำอันบาปกรรมมิให้เข้ากายสิ้น
ครองชีวิตสุขาเป็นอาจิณอยู่ในศีลซื่อสัตย์สวัสดี
เห็นตึกเตาเผาดินเป็นหินผงแล้วขายส่งเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
ทำสะพานบ้านเรือนเขื่อนกุฎีแห้งเป็นศีลาแท่งแข็งแรงทน
บางซื่อนี้โรงมีทหารบกปลูกล้อมวกกว้างใหญ่ดั่งไพรสณฑ์
มีทหารชาญชัยหลายกองพลเป็นน่ายลยินดีบุรีเรา
ถึงบางเขนเลนมากต้องลากเข็นเรือติดเลนหรือเช่นเข็นซุงเสา
ก็พอจะเข็นได้สบายเบาแต่ว่าเจ้าความรักนี้หนักครัน
ลงติดตรังฝังใจเข็นไม่ออกยิ่งกว่าตอกด้วยตะปูคิดดูขัน
บางทีถึงร่างกายวายชีวันเพราะรักนั้นมิได้สมอารมณ์ปอง
สมรักแล้วแคล้วคลาดนิราศร้างนี่อีกอย่างก็ระทมอกตรมหนอง
เป็นโรคร้ายหายยากมากทำนองยิ่งตรองตรองเรื่องรักชักรำคาญ
ถึงหลักสี่มีนาธัญญาไสวขอขอบใจชาวนามหาศาล
สู้เหนื่อยยากตรากตรำกระทำการไถคราดหว่านเก็บเกี่ยวด้วยเรี่ยวแรง
การกินอยู่ดูทุเรศสมเพชเหลือกะปิเกลือปลาร้าน่าแสยง
นอนโรงจากฟากปูสู้ตะแคงโคลนตมแห้งเกรอะกรังเขายังทน
เราลำบากยากใจอะไรหน่อยบ่นตะบอยกันทั้งวันตั้งพันหน
มีที่อยู่ดังวิมานสำราญตนกินดังปนเพชรทองยังร้องคราง
เอาแต่สุขส่วนตัวทั่วทุกผองขอเชิญมองดูคั่นคนชั้นล่าง
ตรองสักนิดคิดสักหน่อยอย่างปล่อยวางจะเห็นทางเพื่อนมนุษย์สะดุดใจ
อันหลักสี่นี้นามยังงามอยู่หลักหนึ่งสองสามไม่รู้ไปอยู่ไหน
รัชกาลที่สี่มีพระทัยบำรุงไพร่พลเมืองให้เฟื่องฟู
ให้ขุดคลองแยกจากคลองผดุงผ่านท้องทุ่งป่าละเมาะถึงเกาะคู่
ตำบลบางปะอินถิ่นควรรู้ปักไว้ให้ดูตลอดทาง
หลักละ ๕๐ เส้นเป็นหลักหลักตั้งแต่หนึ่งถึงสำนักหลักที่สอง
ที่สามที่สี่ห้าหกเจ็ดเขตรองรองนับเกือบสองพันเส้นสร้างกว้าง ๕ วา
ราวร้อยเส้นเป็นมีศาลาพักตัวไม้สักมุงกระเบื้องเขื่องอยู่หนา
เมื่อยังเยาว์เราได้เห็นเด่นนัยน์ตาแต่เวลานี้ไม่เห็นดังเช่นเคย
ทรงพระราชทานนามตามนุสรณ์ชื่อคลองเปรมประชากรสุนทรเฉลย
ชื่อตามหลักยักเป็นอื่นไม่คืนเลยเหลือพิเปรยสี่กับหกก็ตกลง
อันบูราณสถานที่มีประวัติถ้าเปลี่ยนผลัดชื่อใหม่ย่อมไหลหลง
ต้องเรียนใหม่ไถ่ถามเพราะความงงเอาไว้คงชื่อไม่ได้ไฉนนา
ถึงดอนเมืองเนืองนองกองเครื่องบินวิชาศิลป์สิ่งนี้ดีหนักหนา
ชวนกันหัดให้จบทางนพภาจะไปมาเร็วพลันเท่าทันการณ์
มิควรกลัวตกดินสิ้นชีวิตความตายคิดไม่ประหลาดชาติสังขาร
ถ้าถึงที่ชีวันอันตรธานอยู่กับบ้านมันก็มรณา
เป็นทหารนักบินควรยินดีเกิดมามีโชคแก่ชาติศาสนา
ถ้ามาตรแม้นไพรีมาบีฑาอาจรักษาปกป้องได้ว่องไว
แม้จะเสียชีวาตม์อย่าขลาดหลบต้องรุกรบจนศัตรูอยู่ไม่ได้
ช่วยกันรักษาเอกราชของชาติไทยถาวรไว้ในหล้าคุ้งฟ้าดิน
ให้สมศักดิ์อัครฐานทหารกล้ายามเวลาสงบสมอารมณ์ถวิล
รีบฝึกหัดให้ชำนาญในการบินรอบรู้ถิ่นทั่วประเทศเขตของเรา
รู้ทางหนีทีไล่ย่อมได้เปรียบไหวพริบเฉียบแหลมดีไม่มีเศร้า
สามัคคีมีไว้ไม่ใจเบาแม้ภูเขาก็อาจสามารถทำลาย
ทหารบกทหารเรือและเสือป่าย่อมมีหน้าที่เหมือนกันดังมั่นหมาย
ควรไว้เกียรติศักดิ์หลักผู้ชายมิให้อายแก่เขาชาวโลกา
ดูเขาหรือคือบุคคลที่ต้นคิดเพียรประดิษฐ์ยานยนตร์ด้นเวหา
มิได้เกรงตกตายวายชีวมทำจนสามารถเสร็จสำเร็จการ
โลกมนุษย์สุดประเสริฐเกิดชีวิตนักประดิษฐ์ต่างต่างอย่างวิตถาร
ถ้าช่างคิดประดิษฐ์ทำเครื่องสำราญเครื่องประหารชีวิตไม่คิดทำ
มีเมตตาอารีเหมือนพี่น้องใครขัดข้องช่วยชุบอุปถัมภ์
โลกจะแสนสุขประเสริฐเลิศล้ำเหมือนหนึ่งสำนักสวรรค์ชั้นอินทรา
ทางซ้ายมือมีตลาดขนาดใหญ่ของกินใช้สารพันน่าหรรษา
ใกล้ทางรถทางน้ำส่ำนาวาคลองเปรมประชากรขนานยานรถไฟ
ถึงหลักหกจีนยกร่องทำสวนแต่ผักล้วนแลลิ่วทิวไสว
ในท้องร่องปลูกข้าวไม่เปล่าไปเขาทำได้ประโยชน์คล่องทั้งสองทาง
การขยันขันข้อแล้วหนอเจ๊กงานใหญ่เล็กไม่เลือกคลำทำทุกอย่าง
ที่สุดขนอุจจาระไม่ระคางได้เงินอย่างเดียวนั้นเป็นชั้นดี
การหากินถูกอย่างทางสัมมาไม่เลวทรามต่ำช้าน่าบัดสี
การทุจริตมิจฉาชีพราคีและเป็นที่อับอายขายหน้าตา
เห็นบัวหลวงตระการบานแฉล้มบ้างตูมแย้มงามเล่ห์ดังเลขา
สัตตบุษย์ผุดพ้นชลธาร์สัตตบันวรรณาน่ายินดี
สัตตบงกชสดใสวิลัยลักษณ์บัวเผื่อนสะพักบัวผันกระชั้นสี
สะพรั่งพร้อมเยียยงจงกลมณีให้เปรมปรีดิ์เจริญเพลินกมล
ดอกไม้น้ำดอกไม้ดินสิ้นทั้งหลายดอกกล้วยไม้กินน้ำค้างกลางเวหน
ล้วนเป็นเครื่องชูจิตยามพิศยลกลิ่นระคนยั่วยวนชวนสำราญ
ความอยากชมดมกลิ่นถวิลหวังจึงปลูกฝังกันชุกแทบทุกบ้าน
ที่ใดมีผกาสุมามาลย์ดูสง่าพาบ้านโอฬารงาม
คลองรังสิตพิศตรงไม่โค้งคดมีการทดน้ำมาทำนาหลาม
มีคลองน้อยซอยสลับนับหนึ่งนามไปจนสามสิบกว่าล้วนนาดี
มีประตูระวังปิดขังน้ำถ้าเหลือล้ำระบายออกนอกวิถี
แต่น้ำรักไหลรวมท่วมฤดีมิรู้ที่จะระบายให้คลายใจ
มาถึงเชียงรากใหญ่ไฉนหรือจึงระบือชื่อเสียงเวียงที่ไหน
หรือเป็นเพียงตั้งรากแล้วจากไกลก็มิได้เห็นซากของรากเลย
สถานที่ย่อมมีประวัติการณ์จึงเรียกขานตำบลนุสนธิ์เฉลย
ทั้งบกเรือเหนือใต้ใช้กันเคยไปมาเอ่ยชื่อเค้าได้เข้าใจ
เหมือนความดีความชั่วตัวบุคคลแม้ร่างกายตายหล่นไปไหนไหน
ชื่อยังอยู่รู้แจ้งทุกแห่งไปลมน้ำไฟก็มิอาจสามารถทำลาย
รถข้ามสะพานเหล็กรองก้องกระทบดังตลบวับหวือหูอื้อหาย
ความเร็วของรถมองตาลายมิได้วายอาวรณ์อ่อนอารมณ์
มาถึงเชียงรากน้อยยิ่งสร้อยเศร้าไฉนเล่าจะทราบเรื่องเบื้องประถม
เชียงรากคู่อยู่ใกล้ไม่ระทมเราโศกซมเพราะคู่ไปอยู่ไกล
ข้ามสะพานเรียกร้องคลองเชียงรากเสียงดังมากอีกเหมือนกันสนั่นไหว
รถหยุดหน้าสถานีค่อยมีใจลืมอาลัยลืมตัวมัวแต่ดู
เขาขึ้นลงส่งรับกันสับสนเดินมาชนถูกตัวและหัวหู
ไม่ถือโกรธทำจำคำครูเบียดเสียดสู้อดทนปนกันไป
เชียงรากหรือเชิงลากยากจะคิดถูกหรือผิดตามแต่จะแก้ไข
เขาเล่ายักษ์สถุลมารพาลสุดใจหวังจะให้พระรถหมดชีวา
ทำประชวรกวนผัวดังตัวเปรตสยายเกศกระสับกระส่ายทั้งซ้ายขวา
เอาข้าวเกรียบเรียบไว้ใต้ไสยาแล้วครางว่ากระดูกลั่นจะบรรลัย
ทำฉะอ้อนวอนทูลอาดูรดิ้นว่าเคยกินผลพฤกษาในป่าใหญ่
มะม่วงผู้รู้หาวขาวอำไพมะนาวไซร้รู้โห่รสโอชา
จงโปรดให้พระรถทรงยศเดชไปแจ้งเหตุแก่เมรีที่ภูผา
ได้มากินก็จะสิ้นซึ่งโรคาซองสารานี้นำไปให้แก่นาง
พระราชางวยงงด้วยหลงใหลดำรัสใช้โอรสาไปป่ากว้าง
ฝ่ายพระรถขับม้ามาหลงทางจึงพักค้างที่กุฎีพระชีไพร
เห็นอักษรแก้ขยายชายภูสิตในลิขิตว่าผู้ถือหนังสือไข
ถึงกลางวันกินกลางวันอย่าพรั่นใจถึงกลางคืนกลืนให้มันวายปราณ
พระฤๅษีสงสารกุมารน้อยจึงแปลงถ้อยความใหม่ลงในสาร
ถึงกลางคืนรับกลางคืนให้ชื่นบานถึงกลางวันพลันสมานการไมตรี
พระรถไปได้นางได้ดวงเนตรยาวิเศษหนีลับกลับกรุงศรี
พระบิตุรงค์ทราบความตามคดีอสุรีมันแกล้งจำแลงมา
จึงลงโทษนางนั้นชีวันวายราพณ์ร้ายกลายพักตร์เป็นยักษา
มีร่างกายใหญ่โตต้องโกลาลากใหญ่มาหยุดหน่อยลากน้อยไป
ต้องตัดกรรอนเช่นกันเป็นชิ้นโลหิตนองกองดินดั่งธารไหล
ที่ตำบลขนกายมารร้ายไซร้พื้นไผทแดงดลจนทุกวัน
ตรงเนื้อหนาผ่าวิ่นเป็นชิ้นจิ๋วเป็นแปดริ้วหิ้วหามตามขยัน
จึงเรียกแปดริ้วนามไปตามกันเท็จจริงนั้นอยู่แก่เขาผู้เล่ามา
ถึงบางปะอินถิ่นเหมาะเป็นเกาะคู่พระราชวังตั้งอยู่ดูสง่า
แต่ตัวเราว้าเหว่อยู่เอกาอนิจจาเหมือนเกาะแกล้งเยาะเรา
มีคำกล่าวเล่าว่าเกาะนี้เดิมเป็นที่อาศัยของผู้เฒ่า
มีบุตรหลานหลายกระท่อมล้วนย่อมเยาปลูกน้ำเต้าฟักแฟงไว้แกงกิน
ที่ราบต่ำทำนาเป็นอาหารสุขสำราญตามทำนองของท้องถิ่น
มีหลานสาวขาวบางชื่อนางอินเขาเรียกถิ่นนี้เฉพาะเกาะเลนตม
ภายหลังมีสุริยวงศ์พระองค์หนึ่งเรือมาถึงหัวเกาะจำเพาะล่ม
เกิดพายุแรงกล้านาวาจมต้องระทมว่ายน้ำแทบจำตาย
ถึงตลิ่งทิ้งองค์ลงกับพื้นจะเดินยืนไม่ไหวฤทัยหาย
เห็นแสงไฟกระท่อมน้อยอยู่พร้อยพรายเรียกโวยวายช่วยด้วยจะม้วยมรณ์
พวกชายหญิงวิ่งไปเอาไฟส่องช่วยกันประคองมาประทับลงกับหมอน
ได้สมสองนางอินครั้นทินกรรุ่งแล้วจรกลับไปไม่ได้มา
ฝ่ายนางอินมีครรภ์ถ้วนกำหนดคลอดโอรสงามพักตร์เป็นหนักหนา
ได้เจ็ดขวบองอาจประหลาดตาจึงจัดพาไปถวายให้บิตุรงค์
ครั้นเติบใหญ่ได้เป็นมหาอำมาตย์ในพระราชทินนามตาประสงค์
เป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์แล้วได้ดำรงสยามราชปราสาททอง
ทรงสร้างวัดไชยชุมพลมงคลสถานซึ่งพระองค์ท่านสมภพประสบสนอง
ชาวบ้านเรียกเกาะอออินอออินครองบ้างเรียกร้องบางปะอินถิ่นพบกัน
อันเกาะนี้มีกษัตริย์หลายรัชช์ประทับสร้างสำหรับประพาสเปรมเกษมสันต์
แล้วเลิกร้างห่างมาช้านานครันพระทรงธรรม์มหาปิยายง
วงศ์จักรีที่ห้าพระปราโมทย์พระองค์โปรดสร้างขนาดราชประสงค์
พระที่นั่งใหญ่ใหญ่เป็นหลายองค์ที่งามทรงเลื่องลือฝีมือไทย
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เป็นปราสาทปลูกสร้างกลางสระใหญ่
ที่เกาะนอกออกมหาชลาลัยสร้างวัดไว้ท้ายเกาะเพราะศรัทธา
ทรงพระราชทานนามความพิเศษวัดนิเวศธรรมประวัติจัดศึกษา
ให้พระสงฆ์เรียนร่ำพระธรรมาบำรุงพุทธศาสนาถาวรเนา
ถึงบางโพธิโพธิมีที่ไหนแน่เห็นแต่แพปากคลองขายของข้าว
รถวิ่งข้ามสะพานปร๋อไม่รอเบาดูไม่เท่าไม่ทั่วของตัวคลอง
เลียบใกล้ทางข้างแม่น้ำเจ้าพระยาเห็นนาวากลไฟแล่นไวว่อง
จูงเรือข้าวยาวยืดเป็นพืดมองบ้างขึ้นล่องขนสินค้าทั้งมาไป
ทางน้ำนั้นก็นั่งสบายไม่พายถ่อทางบกก็ไม่ต้องเดินเพลินหรือไม่
ถ้าไม่ต้องกินอาหารประการใดจะสำราญบานใจไปทุกคน
การเหนื่อยยากกรากกรำทำทั้งสิ้นเพราะต้องกินเป็นเหตุประเภทผล
จะนั่งนอนร้อนเร่าเฝ้ากังวลจนวายชนม์นั่นแหละสิ้นถวิลปอง
             

ถึงศรีอยุธยาเวลาสายน่าเสียดายกรุงเก่ามาเศร้าหมอง
เคยรุ่งเรืองจำรัสกษัตริย์ครองโอ้มาต้องกลับกลายเป็นไร่นา
ตำนานเก่าเล่าเรื่องแต่เบื้องก่อนพระนครไพบูลย์พูนสุขา
แต่ครั้งหนึ่งไร้กษัตริย์ขัดติยาพวกเสนาพร้อมเพรียงกันเสี่ยงเรือ
สุพรรณหงส์เอกชัยไปตามน้ำประหลาดล้ำเรือคว้างไปทางเหนือ
ดุจจะมีวิญญาณมาจานเจือไปหยุดเกื้อกูลเผ่าพวกชาวนา
มีฝูงเด็กเลี้ยงโคบ้างโห่ร้องเล่นทำนองยกทัพรับอาสา
ตั้งหัวหน้าหนึ่งเป็นเจ้าชาวประชามีเสนาหมอบก้มประนมกร
เอาจอมปลวกต่างบัลลังก์นั่งบัญชาลงอาชญาผู้ผิดกิจสังหรณ์
เอาต้นกกต่างดาบปราบฟันฟอนถูกคนนอนมรณาน่าอัศจรรย์
พวกอำมาตย์ถ้วนทั่วเชิญหัวหน้าลงนาวาประโคมร้องฆ้องกลองสนั่น
ให้ครองศรีอโยธยาเป็นราชันย์ทรงนามนั้นสายน้ำผึ้งซึ่งก็มี
ว่าพระนามกษัตริย์สายน้ำผึ้งครองกรุงถึงสุโขทัยหาใช่ที่นี่
องค์เดียวกันหรือไฉนไม่ทราบดีแต่ก็มีเรื่องเกี่ยวข้อเดียวกัน
ว่าไปได้ธิดามหาประเทศกรุงจีนเขตห่างไกลไอศวรรย์
ได้เงินทองเภตราสารพันบริวารนั้นตามมาพาราไทย
ถึงบางกระจะพระเสด็จนิเวศน์ก่อนแล้วย้อนเสด็จกลับมารับใหม่
พระนางสร้อยดอกหมากมิอยากไปกลั้นพระทัยแดดิ้นจนสิ้นชนม์
พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงให้สร้างวัดพระนางเชิงไว้ให้กุศล
ทั้งสร้างวัดกุฎีดาวคราวมงคลนิรมลมเหสีมีศรัทธา
ทรงสร้างวัดมเหยงค์ยังคงอยู่สังเกตดูตามทางแนวข้างขวา
พระเจดีย์เรียงรายสุดสายตาล้วนมหาเจดีย์มีมากองค์
จะเห็นได้ใช่ชั้นสามัญสร้างชำรุดร้างไม่มีใครใจประสงค์
แนวแม่น้ำเก่ายังอยู่เป็นคู่ตรงแต่ในพงศาวดารข้ามฐานมา
จับเอาครั้งตั้งกรุงเทพฯทวาราวดีลงบัญชีปึกแผ่นไว้แน่นหนา
ยกเอานามบุรีศรีอยุธยารวมเข้ามากล้ำกลืนเป็นพื้นเดียว
ก็เริดร้างอย่างอนาถขาดชะตากลายเป็นป่าอีกไม่มีที่แลเหลียว
ความจริงคนละเมืองต่างเรื่องเจียวคิดแล้วเหี่ยวแห้งใจครรไลลา
โอ้สิ่งใดก็ไม่เที่ยงทุกเยี่ยงอย่างจะก่อสร้างปึกแผ่นไว้แน่นหนา
ถึงหลอมเหล็กหล่อแล่นแผ่นศิลาก็ไม่ถาวรเที่ยงจะเถียงใย
มนุษย์เรากระดูกหนอเนื้อห่อหุ้มมันนิ่มนุ่มกระทบกระเทือนความเคลื่อนไหว
หรือจะอาจทนทานการณ์โลกัยย่อยบรรลัยเปื่อยเน่าไม่เนานาน
ความประพฤติดีและข้อทรลักษณ์นั่นแหละจักดำรงคงสัณฐาน
ไม่เปื่อยพังตั้งมั่นอันตรธานตลอดกาลฟ้าดินจะสิ้นไป
ถึงบ้านม้าม้าที่มีพยศทั้งโกงคดเหลือกำลังจะรั้งไหว
ขืนขับขี่มีแต่จะแพ้ภัยไม่ขอใกล้กายาของม้าโกง
กลัวม้าร้ายควายขวิดไม่ชิดใกล้มันก็ไม่มีเรื่องเครื่องโขมง
คนทมิฬหินชาติอุบาทว์โครงหลีกอยู่โพรงเขายังแผ่กระแสลาม
เกิดเป็นคนยากจะพ้นวิกลเหตุดังอยู่เขตรบระหว่างกลางสนาม
ล้วนแต่ศึกกึกก้องทำนองความมีสงครามกว่าชีวันจะบรรลัย
นั่งรำพึงถึงระยะมาบพระจันทร์ยิ่งร้าวรัญจวนจิตพิสมัย
ดวงจันทร์แจ่มแรมกลับมืดลับไปข้างขึ้นได้กลับมาแจ่มแอร่มตา
แต่ดวงพักตร์ลักขณาลี้ลาลับมิได้กลับมาเหมือนจันทร์ดั้นเวหา
จะชมอื่นเอี่ยมโอ่ทั่วโลกาไม่เหมือนหน้าคนรักประจักษ์ใจ
ถึงพระแก้วมิประสบพบพระแก้วแต่จิตแน่วถึงพระไม่ไถล
คำนึงถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นฉัตรชัยกั้นเกล้าทุกเช้าเย็น
มาถึงบ้านภาชีที่ใหญ่กว้างรถหลีกทางรางไขว่น่าใคร่เห็น
มีโรงใหญ่ปลูกขวางคร่อมทางเป็นกั้นร่มเช่นฝนแดดระแวดระวัง
รางรถค้อมอ้อมไปทั้งซ้ายขวาตัวสถานีวางอยู่กลางตั้ง
มีตลาดสองฟากดุจฉากประดังใต้ทางยังมีอุโมงค์เป็นโพรงยาว
เดินได้ตลอดลอดทางกว้างวากว่าคนไปมาทางนั้นกันอื้อฉาว
ได้ปลอดภัยรถไขว่กันระนาวถ้าเดินก้าวข้ามข้างบนรถชนตาย
เสียงจ้อกแจ้กจอแจกันแซ่ซ้องขนข้าวของขึ้นลงกลัวหลงหาย
ที่รู้จักทักถามความต้นปลายบ้างเรียกฝ่ายไกลเพียงสุ้มเสียงเครือ
ดูอะไรไม่เห็นยุ่งเท่าพุงมนุษย์ช่างแสนสุดยุ่งยากลำบากเหลือ
พอรุ่งเช้างันงกทั้งบกเรือวุ่นจนเหงื่อเป็นน้ำมันทุกวันไป
บ้างขายค้าหากำไรได้ง่ายคล่องแลกเปลี่ยนของสุจริตติดนิสัย
บ้างทุจริตบิดงอไม่ขอใครเห็นถ้าได้เป็นประชิดไม่คิดอาย
บ้างขี้เกียจทำงานขอทานเขาบ้านปล้นเอาซึ่งหน้าฆ่าเสียหาย
บ้างแย่งชิงวิ่งราวฉาวกระจายบ้างตะกายตลบตะแลงตะแคงลิ้น
สุดแต่ได้เอาทั้งนั้นไม่หวั่นหวาดได้โอกาสแล้วไม่เลือกกระเดือกปลิ้น
มิได้มีจรรยาเป็นอาจิณพอได้กินได้ผดุงให้พุงเต็ม
การกินอยู่มนุษย์นี้สุดยากต้องกินมากหลายประการคาวหวานเข้ม
ทั้งของอ่อนแข็งเคี้ยวรสเปรี้ยวเค็มต้องและเล็มตามคอหอยน้อยเมื่อไร
จะบรรจุเรือกำปั่นสักพันหมื่นให้เต็มพื้นแล้วมิต้องเติมของใหม่
บรรจุท้องมนุษย์นั้นทุกวันไปย่อมมิได้เต็มตามความยินดี
ถึงหนองวิวาทอยู่ดีไม่วิวาทเห็นต่างอาตม์ต่างอยู่ไม่สูสี
มนุษย์เราถ้าวิวาทขาดไมตรีไม่มีดีมีแต่ร้ายทำลายกัน
ทำอย่างใดจะให้เราเหล่ามนุษย์ละสมมุติโทโสไม่โมหันธ์
ไม่อิจฉาพยาบาทขาดสัมพันธ์ยุติธรรม์ถ้วนทั่วทุกตัวคน
แม้ผิดบ้างพลั้งให้อภัยผิดกระทำจิตมุ่งหมายฝ่ายกุศล
ไม่เบียนเบียดเสียดส่อก่อกังวลจะมีผลสุขศานติ์สำราญกัน
ถึงท่าเรือเมื่อสัปปุรุษไปพุทธบาทที่ชายหาดเรือเรียงเคียงมหันต์
ข้ามสะพานเหล็กรานสะท้านครันแล้วลอดขั้นสะพานไม้ครรไลคลา
เพราะที่ทางจอแจจำแก้ไขกลัวรถไฟจะทับดับสังขาร์
ช่างรอบคอบกอบโกยโปรยเมตตาโมทนาสิ่งที่ทำดีกระไร
หน้าสถานีใหญ่รถไฟหยุดสัปปุรุษเซ็งแซ่แลไสว
ทั้งทางบกทางนทีที่ใกล้ไกลพากันไปล้นหลามตามมรรคา
มีรถไฟสายน้อยคอยรับส่งฝ่าทุ่งดงเลียบเดินริมเนินผา
ผู้ที่ไปได้กุศลผลบูชาทั้งได้ค่าบันเทิงสำเริงรมย์
ไปเที่ยวเขาเข้าถ้ำดูน้ำบ่อได้เคลียคลอรวยรินชื่นกลิ่นฉม
ซื้อของลาวชาวต้องสู้เที่ยวดูชมขอบรมบูราณตระการครัน
ถึงบ้านหมอหมอยาหรือผ่าตัดช่วยกำจัดเชื้อโรคโศกกระศัลย์
ให้สูญหายได้สนิทไม่ติดพันไม่เห็นชั้นหมอกล้ามารับรอง
ไม่มีหมอท้อจิตคิดวิตกโอ้เอ๋ยอกเราเห็นต้องเป็นหนอง
เพราะโรครักหมักหมมระทมมองหมดทางช่องเยียวยารักษาเลย
ถึงหนองโดนโดนอีกตั้งกระมังนี่โดนแต่ที่ทุกข์ซ้ำอีกกรรมเอ๋ย
มาจ่อตาว่าวุ่นดังคุ้นเคยพลางเมินเฉยชมตลาดสะอาดตา
มีโรงพักตำรวจตรวจผิดจับคอยระงับความทุกข์เป็นสุขา
ตามแผ่นดินราบรื่นล้วนพื้นนามีมรรคาไปถึงซึ่งคีรี
ใกล้มณฑปบริสุทธิ์พุทธบาทประชาราษฎร์ครึกครื้นในพื้นที่
ความเจริญเดินถึงพนาลีก็เพราะมีน้ำใช้ไม่กันดาร
ที่แห่งใดไร้น้ำสำคัญมากเจริญยากขัดสนผลอาหาร
ถ้ามีห้วยน้ำหนองคลองลำธารอาจตั้งบ้านตั้งหน้าการหากิน
ถึงบ้านกลับคิดใคร่กลับไปบ้านเคยสำราญสถิตนิจศีล
มานั่งเมื่อยเหนื่อยตาดูป่าดินกว่าถึงถิ่นกำหนดรันทดใจ
ถึงป่าหวายหวายเหนียวเป็นเกลียวเชือกมีแ...อกเหนียวแน่นแค่นไม่ไหว(ต้นฉบับขาดหายไป)
ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ใดมีเงินไม่มีโชคแก่โลกเอย
ที่เหลือล้นขนเข้าไว้ไม่จ่ายแจกตายจะแบกเอาไปได้ไฉนเอ๋ย
คิดบางคนจนยากอ้าปากเงยกินน้ำเคยนุ่งห่มโสมมมอม
ควรเมตตาการุณย์เจือจุนบ้างพอประทังร่างกายที่ผ่ายผอม
เหมือนช่วยคนเรือล่มระทมงอมกุศลย่อมจะได้หลายประการ
มาถึงลพบุรีทวีเศร้าเห็นซากเก่าปรางค์ปราสาทราชฐาน
สร้างลำดับนับกษัตริย์หลายรัชกาลเป็นบูราณนานครันกว่าพันปี
เดิมพระยากาวัณดิศราชให้พราหมณ์อำมาตย์มาสร้างถางถิ่นที่
ตั้งปราสาทราชวังทั้งมณฑีร์สิบเก้าปีพร้อมพรั่งทั้งอาราม
เมื่อพุทธศกดกพันเศษสองส่วนจุลสิบถ้วนระกาภาษาสยาม
เรียกว่าเมืองละโว้โสภณนามพันสี่สิบสามบรรจุธาตุพระศาสดา
จุลมีสี่สิบสองในปีเถาะอันงามเหมาะชูชาติศาสนา
ได้สองพรรษกษัตริย์ก็มรณาครั้นต่อมาพระยาศรีธรรมไตร
ปิฎกองค์ทรงภิเศกเจ้าไกรสรณ์ครองนครละโว้อันโตใหญ่
แล้วก็มาพระยาจันทปโชติไซร้ต่อมานัยจะสูญสิ้นบุญญา
ภายหลังจึงพระนารายณ์มหาราชโปรดประพาสเมืองละโว้อันโอ่อ่า
ให้สร้างซ่อมพร้อมหมดรจนาเปลี่ยนนามว่าลพบุรีที่ยิ่งยง
พระเดชาอำนาจราชประวัติสารพัดสมพระราชประสงค์
พอประชวรควรหรือหมดเดชยศลงเป็นน่าสงสารเหตุสังเวชใจ
ต้องกำจัดตัดอำนาจราชศักดิ์ไม่ปกปักษ์ข้าหลวงทั้งปวงได้
ทรงสลดรันทดพระราชหฤทัยเอาธงชัยอรหันต์กันผดุง
ทรงอุทิศปรางค์ปราสาทราชมณฑีร์ให้เป็นที่สีมาเขตวิสุง
บวชเสวกสามสิบสองปองบำรุงได้สมมุ่งทุกคนพ้นไพรี
ยังเหลือแต่พระปิยะไม่ละราชฉลองพระบาทบงกชบทศรี
กตัญญูรู้กตเวทีพวกไพรีผลักตกฟกบรรลัย
เป็นกษัตริย์ขัตติยามหาเดชต่างประเทศทั้งหลายไม่กรายใกล้
แต่เกิดมีศัตรูอยู่ภายในกระทำให้ราชอำนาจถึงขาดลอย
พิโรธล้ำดำรงองค์พระแสงจะตัดแล่งกบฏให้ถดถอย
ไม่สมหวังด้วยกำลังพระองค์น้อยวาโยพลอยพาท่านสวรรคต
ปลูกไม้ใหญ่ใกล้เรือนเหมือนเช่นว่าทับเคหาพังทลายกระจายหมด
ขับขี่ม้าตัวดีมีพยศแต่ว่าหมดกำลังจะรั้งไว้
ลพบุรีมีตำนานหลายท่านสร้างแต่ก็ร้างแล้วกลับต่อก่อสร้างใหม่
เป็นหลายครั้งหลายคราน่าอาลัยขอจงให้มีผู้สร้างอย่างร้างเลย
ข้างขวามือมีศาลพระกาฬสูงมีพวกฝูงลิงไพรอาศัยเฉย
ตามต้นไม้ใหญ่น้อยคอยก้มเงยคนที่เคยขึ้นไปไหว้พระกาฬ
ให้ขนมส้มกล้วยรวยกินเสมอถ้าใครเผลอไม่ได้ให้อาหาร
เข้าแย่งของจากกายหลายประการแล้วทะยานเอาไปทิ้งไว้กิ่งไม้
ต้องนำกล้วยอ้อยไปวางพลางเรียกหาเอาคืนมาเถิดเจ้าเราเปลี่ยนให้
รู้เหมือนคนเอามาวางอย่างเห็นใจรวบของไปกินพลางยื่นคางชู
บางทีขึ้นรถไฟไปเที่ยวป่านั่งหลังคาเต็มหมดไม่หดหู
คนไล่ขับกลับคะนองจ้องตาดูตะคอกขู่เลิกคิ้วพลิ้วร่างกาย
พอรถหยุดสถานีที่ประสงค์ก็เผ่นลงจากหลังคาเข้าป่าหาย
เที่ยวเสียสองสามคืนชื่นสบายแล้วก็ผายมาคอยท่าสถานี
พอรถไฟใช้จักรมาพักหยุดต่างรีบรุดขึ้นหลังคาไม่ล่าหนี
กลับยังที่เคยอยู่ลพบุรีสัตว์ยังมีใจสมัครรักถิ่นครอง
เราเกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐรักชาติเถิดบำรุงไว้อย่าให้หมอง
จงร่วมใจร่วมจิตคิดปรองดองอย่าคอยมองผิดกันฉะนั้นเลย
ถึงตำบลโคกกระเทียมเรียมวิโยคมาพบโคกกระเทียมซ้ำอีกกรรมเอ๋ย
หวนสะท้อนร้อนใจไม่เสบยจำแลเชยชมอื่นให้คืนคลาย
เห็นสีดินดำคล้ำดังหมึกมีไพรพฤกษ์ทัศนาภูผาหลาย
เป็นแนวทิววิเวกเทียมเมฆพรายจดสุดสายเนตรไม่หมดบรรพตเวียน
ถึงหนองเต่าเท้าสั้นกระนั้นเต่าแข่งเอาเจ้ากระต่ายแพ้พ่ายเลี่ยน
ถือขายาวก้าวไวไปจวนเจียนแต่เต่าเพียรเดินไม่หย่อนถึงก่อนพลัน
ความเพียรดีมีตำราว่าไว้มากแต่มิอยากทำตามเป็นความขัน
ไม่เพียรหาเพียรแต่จ่ายทุกรายวันจะป้องกันความจนได้กลใด
ถึงทรายขาวขาวหรือดำในน้ำจิตสุดที่จะพิศให้แจ้งแถลงไข
ที่ใจดำอำมหิตยิ่งพิษไฟภายนอกใสขาวช่วงหลอกปวงชน
ที่ภายนอกมัวคล้ำแต่น้ำจิตขาวสนิทใจฉ่ำดังน้ำฝน
เห็นใครมีทุกข์ร้อนช่วยผ่อนปรนถ้าดูคนดูแต่ผิวมักพลิ้วแพลง
ถึงบ้านหมี่มี่ก้องมองระเหิดเขาระเบิดภูผามาเป็นแผง
เสียงสนั่นลั่นเลื่อนสะเทือนแรงเอาเหล็กแทงพะเนินดอกออกกระจาย
ที่เป็นก้อนคอนขนขึ้นบนรถทำมีหมดทุกขนาดตามมาดหมาย
พ่วงรถไฟยาวยืดไม่ฝืดคลายส่งไปขายตามระยะพระนคร
เขามีเพียรไม่น้อยขุดต่อยหินเราขุดดินง่ายง่ายไม่สังหรณ์
ร้องลำบากยากเหนื่อยเมื่อยบาทกรจะนั่งนอนคอยท่าเวลาตาย
ศิลาแข็งแกร่งกล้าหนาแน่นสุดเขายังอุตส่าห์ทยอยงัดต่อยขาย
หวังได้เงินมาบำรุงผดุงกายให้สบายพูนสวัสดิ์วัฒนา
ถึงห้วยแก้วเงินหรือคือเหมือนแก้วถ้ามีแล้วก็อาจปรารถนา
นึกสิ่งใดได้สิ่งนั้นทันวิญญาณ์เขาบูชาเงินกันทุกวันมี
จะเลวทรามต่ำช้าถ้ามีทรัพย์เขามักนับว่าเลิศประเสริฐศรี
ที่ยากจนข้นแค้นถึงแสนดีเขาไม่ชี้เชิดชมนิยมยิน
ถึงจันเสนชื่อแฝงจันแดงแน่เป็นยาแก้โรคภัยได้ทั้งสิ้น
กล่าวกันว่าถ้าใครได้ไปกินจะมีอินทรีย์อ้วนเป็นนวลแดง
ไม่รู้แก่รู้ป่วยสวยเสมอหาไม่เจอกันสักคราเป็นน่าแหนง
ถ้าฉันพบจะผจญขนเต็มแรงเอามาแบ่งให้ทุกคนได้ฝนกิน
ไม่เจ็บป่วยสวยแท้ไม่แก่เฒ่ามนุษย์เราก็จะสมอารมณ์ถวิล
จะมีสุขสำราญปานเมืองอินทร์จะแสนยินดีตัวทั่วทุกมวล
ถึงช่องแคแลบุกค้นทุกช่องไม่เห็นร่องรอยใดฤทัยหวน
รถสะท้อนร้อนอบนั่งซบซวนยิ่งเรรวนใจหวามมาตามทาง
ถึงตำบลบ้านตาคลีนี้ประหลาดแผ่นดินดาดแดงทั่วไม่มัวหมาง
พฤกษาเขียวเกลียวกลมสมสำอางถึงห้วยหวายดินก็อย่างแดงต่างกัน
สีชมพูดูงามอร่ามฉายบ้านหนองโพธิดินก็คล้ายกับที่นั่น
แต่แดงสีมีคล้ำเป็นสำคัญบ้านหัวงิ้วก็เช่นนั้นช่างขันจริง
สี่ตำบลนี้กระมังครั้งพระรถฆ่ารากษสตัดแล่งเป็นแง่งขิง
ว่าเลือดนองพสุธาน่าประวิงมาเห็นสิ่งสีดินให้กินใจ
มาถึงบ้านมะกอกยิ่งชอกช้ำดังใครนำกรดมากรอกทุกซอกใส่
ปวดระทมโทมนัสดวงฤทัยโอ้เวรใดแน่หนอมาทรมาน
มาถึงบ้านเขาทองมองดูถิ่นเป็นเนินดินเหลืองแดงแข่งขนาน
รถไฟไปกลางเนินเหินทะยานถึงสถานอ่างหินดินธรรมดา
เถาวัลย์วกกกพันวรรณพฤกษ์เป็นเซิงซึกซึ้งไปไกลหนักหนา
ทั้งสองข้างป่าชัฏริมรัถยาสกุณาเคียงคลอกันจอแจ
เหมือนจะทักถามเราเจียวเจ้านกพลอยวิตกเห็นเรานั่งเศร้าแน่
โอปักษียังมีแก่ใจแท้มนุษย์แชเชือนชาไม่การุณย์
             

ถึงหนองปลิงปลิงทากต้องบากบิดกลัวเกาะติดทำให้หัวใจขุ่น
สูบโลหิตสดสดให้หมดทุนหลงวายวุ่นลงหนองจะต้องคราง
มาถึงปากน้ำโพโกลาหลเสียงผู้คนเซ็งแซ่แลสล้าง
รถหยุดยั้งบ้างลงบ้างตรงทางบ้างขนพลางหาบขนปนกันไป
บ้างขายของร้องถามตามหน้าต่างชูของพลางเชิญดูหมูเป็ดไก่
หมี่ก๋วยเตี๋ยวข้าวผัดถนัดใจข้ามต้มใส่ชามช้อนร้อนร้อนดี
ทั้งข้าวโพดข้าวหมากอ้อยและน้อยหน่าเสียงจ๊ะจ๋าซื้อกันสนั่นมี่
ได้ลงเดินชมจังหวัดฝั่งนทีเรือแพมีคับคั่งสองฝั่งชล
เป็นทางร่วมรวมสามแม่น้ำมาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาโอฬาร์ผล
ได้ชื่นชุ่มภูมิพื้นรื่นกมลประชาชนขายซื้อกันอื้ออึง
ตลาดนี้สำคัญมากทางภาคเหนือทั้งบกเรือเป็นแอ่งที่แข็งขึง
ขนสินค้าคับคั่งเสียงดังตึงบ้างฉุดดึงไม้ซุงมุ่งทำแพ
นับพันหมื่นดื่นดาษดูกลาดกลุ้มเป็นที่ประชุมซื้อขายกระจายแพร่
บ้างค้าซุงเป็นเศรษฐีก็มีแท้บ้างค้าแพฝรั่งแขกจนแหลกลาญ
การค้าขายถ้าไม่มีไหวพริบย่อมจะฉิบหายป่นธนสาร
ไหวพริบไม่มีตำราและอาจารย์จะสอนอ่านเขียนให้ได้วิชา
ไหวพริบอาจเกิดจากเหตุสังเกตทั่วสิ่งดีชั่วเลวงามตามยถา
บรรดาได้เห็นรู้ทางหูตาพิจารณาโดยสุขุมมิสุ่มไป
จะบังเกิดวิทยาอันสามารถประจำอาตม์เป็นนิจติดนิสัย
เมื่อได้ยินได้เห็นการเช่นใดย่อมมีไหวพริบผับโดยฉับพลัน
จะขอกล่าวเปรียบเทียบไว้ถึงศรีธนญชัยคนขยัน
เป็นตลกหลวงสำคัญปัจจุบันคิดคล่องไม่ต้องนาน
ทรงธรรม์พันวษาลงสรงสนานองค์ในท้องธารละหาน
จึงมีพระราชโองการธนญชัยเจ้าชาญปรีชา
ถ้าเอ็งหลอกข้าขึ้นฝั่งได้จะตั้งให้ยงยศปรากฏกล้า
หลอกไม่ได้ไม่ไว้ชีวาเร่งว่าเร็วพลันจะบรรลัย
ธนญชัยไม่พรั่นหวั่นไหว
บังคมทูลยอหัตถ์บัดใจชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์
แม้พระเสด็จขึ้นก่อนพอจะวอนทูลให้กลับไปสรง
นี่จนเกล้าอยู่เพราะรู้องค์แล้วแต่ทรงกรุณาข้าธุลี
กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้นข้าจะผันผายขึ้นพื้นที่
จึงเสด็จจากฟากวารีอ้ายอวดดีจะหลอกบอกมา
ธนญชัยกราบปลกยกมือตั้งรับสั่งให้หลอกออกจากท่า
ก็ลวงองค์ขึ้นฝั่งดังจินดาพระกลับมารับสั่งดังนี้
จะให้ลวงล่อต่อไปเล่นกับไฟไม่พ้นเป็นผี
ผู้อื่นจะชอบตอบคดีพระองค์มีคุณตอบไม่ชอบทาง
พระรู้สึกเสียกลธนญชัยโปรดอภัยไม่ทรงอางขนาง
เสด็จกลับขึ้นคืนปรางค์ประทานรางวัลล้นธนญชัย
ดำรัสชมสมกายชายชาติสามารถเอากูแพ้รู้ได้
มีไหวพริบดีนี่กระไรคนใดมีวิชาสารพัน
แต่ไหวพริบปัจจุบันไม่ทันเพื่อนมัวคิดฝันเฝือนเหมือนฝัน
เสียประโยชน์โทษขำสำคัญไม่ทันที่เขาผู้เชาวน์ไว
ดูแต่พระมหากษัตริย์ยังตรัสชมผู้อุดมปฏิภาณวิตถารใหญ่
ชมนิยมชมชอบระบอบนัยซึ่งมิใช่เอาคารมเที่ยวข่มกัน
รถหยุดสิบนาทีที่กำหนดแล้วเคลื่อนรถจากตอนนครสวรรค์
ตามทางนี้ดีเหมาะเพาะปลูกกันกล้วยแลพันธุ์ข้าวโพดประโยชน์รวย
ที่ขายสดเหลือมากก็ตากแห้งคั่วขายแพงราคาดีกว่ากล้วย
เขาปลูกันแลตลอดยอดระทวยพระพายชวยริ้วริ้วเหมือนทิวธง
บ้านทับกฤชกฤชแขกแปลกภาษาดูไม่น่าจะคมสมประสงค์
ดาบของไทยใสขาวแบนยาวตรงใครเห็นทรงยำเยงกลัวเกรงคม
อันคมกฤชคมดาบย่อมทราบฤทธิ์แต่ดวงจิตคมเข้มทั้งเค็มขม
เห็นสุดรู้อยู่ลับดังจับลมไม่นั่งงมก็เหมือนนั่งรู้อย่างใด
มาถึงคลองปลากดกำสรดเศร้าให้ง่วงเหงาแทบกับจะหลับใหล
ตาไม่หลับแต่กลับเป็นหลับในจนรถไฟถึงชุมแสงจึงแจ้งการ
สถานีผู้คนดูล้นหลามบ้างหิ้วหามขึ้นลงส่งเสียงฉาน
ตลาดยาวยืดตั้งใกล้ฝั่งธารแม่น้ำน่านเรือแพเซ็งแซ่จริง
ทั้งตลาดหันหน้ามาทางรถขายของสดของแห้งทุกแจ้งสิ่ง
ยุ้งข้าวเจ๊กมากหนักหนามองตาวิงคอยแย่งชิงซื้อข้าวของชาวไทย
บรรทุกข้าวมาทางเกวียนเดียรดาษเป็นตลาดข้าวแท้แลไสว
เจ๊กหามขนเป็นพัลวันไปใส่ยุ้งไว้เต็มรักกักราคา
คอยฟังว่าราคาดีแล้วพี่เจ๊กก็ขายเขกเต็มแรงไม่แกล้งว่า
ทั้งพ่อพวกโรงสีก็ปรีดาแต่ชาวนาเหนื่อยมากกลับยากจน
เขาจนทรัพย์ขัดสนเพียรขวนขวายก็เหือดหายจนได้กำไรผล
ฉันจนจิตคิดตั้งหวังกมลมิได้พ้นจนใจแทบวายปราณ
ครั้นถึงบ้านวังกร่างค่อยสร่างหลับแต่กระสับกระส่ายหลายสถาน
ให้ปวดเศียรเวียนวิงนิ่งรำคาญไม่อุทานนั่นมองตามช่องแกล
แต่นิ่งยลถึงตำบลบางมูลนาคบ้านเรือนมากสะพรั่งฝั่งกระแส
ตลาดบกทางน้ำส่ำเรือนแพฉางข้าวแลวัดวาสถานี
คนขึ้นลงขายค้ากันหนาแน่นตามพื้นแผ่นดินแดงทุกแห่งที่
มีเกร็ดกล่าวว่านาคจากวารีแปลงอินทรีย์เป็นนางสำอางตา
มาภิรมย์สมพาสชาติมนุษย์จนเกิดบุตรผิดอย่างต่างภาษา
เป็นไข่ฟองใหญ่ประหลาดชาตินาคาแล้วหายหน้าไม่มีใครที่ได้พบ
ฝ่ายฟองไข่อยู่ชายกระแสสินธุ์กะเทาะบินขยายคลายประกบ
เป็นเด็กชายงามสะอ้านอาการครบออกนั่งตบน้ำเล่นน่าเอ็นดู
พากันไปถวายเด็กชายประหลาดก็องอาจเดินได้ในผลู
พระราชาปราโมทย์โปรดเชิดชูเลี้ยงไว้อยู่เป็นโอรสยศไกร
ภายหลังบุตรภุชงค์ผู้ทรงเดชได้ประเวศพนาพฤกษาไสว
ลงบังคนบ้านบ่นเหม็นกระไรขัดพระทัยสาปต้องเป็นของกลืน
ซึ่งติว่าเฝื่อนเหม็นจงเห็นหอมอย่าให้ยอมกินสวัสดิ์จงขัดขืน
ให้หนามเหนียวเกี่ยวยับดังสับฟืนจึงได้กลืนเนื้ออยากทำปากบอน
พระวาจาประสิทธิ์สฤษดิ์ผลเกิดเป็นต้นชูดอกออกสลอน
คือทุเรียนเดียรดาษกลาดดินดอนยังอีกตอนว่านั่งฝั่งคงคา
ทรงเสวยโภชนามีปลาทอดพระหัตถ์สอดแกะกระทั่งหมดมังสา
ยังแต่ก้างพระวางในธาราดำรัสปลาว่ายไปในสายชล
ก้างปลากลายว่ายน้ำบ้างดำผุดคนสมมติเรียกนามตามนุสนธิ์
ว่าพระร่วงร่วงมาแต่ฟ้าบนจึงฝูงคนเรียกมูลนาคติดปากมา
แต่พระราชพงศาวดารเหนือว่ากษัตริย์ชาติเชื้อพราหมณ์นาถา
นามอภัยคามมุนีศิลาจาริ์ไปรักษาองค์ศีลอภิญญาณ
ที่เขาใหญ่ไกลปราสาทราชนิเวศน์นาคแปลงเพศเป็นกัลยามาสมาน
พระชื่นชมนางนั้นเจ็ดวันวารนางกรายกรานทูลลาท้าวอาลัย
พระราชทานประวิชภูษิตทรงไว้ต่างองค์จงคิดพิสมัย
นางนาคาลาย่างลับร่างไปภูวนัยเศร้าสะอื้นกลับคืนวัง
ฝ่ายนาคีมีครรภ์แต่วันจากนางคลอดฝากผู้ใดไม่สมหวัง
พระฤๅษีหนีไปไม่จีรังนางทรุดนั่งแหวนผูกกรลูกยา
ทั้งผ้าทรงวงพันกระสันห่อของของพ่อให้อยู่ดูต่างหน้า
แล้ววางไว้ในบรรณศาลาพรานป่ามาพบกุมารสงสารครัน
พาไปเลี้ยงเพียงบุตรสุดถนอมอยู่กระท่อมตามยากสู้บากบั่น
สองคนกับภรรยาไม่อาธรรม์แต่ช่วยกันเลี้ยงมาได้กว่าปี
มาวันหนึ่งจึงท้าวอภัยราชสร้างปราสาทเพิ่มเติมเฉลิมศรี
อำมาตย์จึงเกณฑ์เหล่าชาวบุรีทำหน้าที่ถากไม้ไสกระดาน
ฝ่ายนายช่างตั้งเสาเอาขื่อทอดแล้วยกยอดปรางค์รวมสวมประสาน
ติดทวยเทพประนมพรหมประธานครุฑทะยานเหนี่ยวพระยาวาสุกรี
อันเครื่องบนต่างต่างวางสำเร็จทั้งมุขเด็จบุษบกยกขึ้นที่
ยังอยู่แต่พื้นล่างทางปัถพีรีบทวีแรงแต่งทุกแห่งการ
ฝ่ายพรานป่ามาทำประจำกิจเป็นห่วงคิดถึงบุตรสุดสงสาร
ให้ภรรยาพาเอาเจ้ากุมารพักชายชานปราสาทชัยในเวลา
สุริยงค์ส่งแสงอันแรงร้อนต้องเด็กอ่อนเหงื่อหลั่งตามมังสา
องค์ปราสาทไหวหวั่นเอนหันมาให้ฉายาร่มทรงองค์กุมาร
พระจอมเจ้านครินทร์ปิ่นประเทศได้ยลเหตุอัศจรรย์จึงบรรหาร
ให้สอบถามได้ความของประทานภูษาสร้านธำมรงค์ไม่สงกา
ท้าวปราโมทย์โปรดประกาศราชโอรสให้ทรงยศอำนาจวาสนา
ครั้นต่อไปได้เป็นพระราชาคนเรียกว่าพระร่วงตามท่วงที
คนละองค์หรือองค์เดียวกันแน่สุดจะแก้ปัญหาว่าคงที่
เพราะต่างคนต่างก็ว่าตำราดีตามแต่มีความเห็นกันเช่นใด
ดงตะขบไม่ประสบตะขบต้นเขาว่าคนขบไม่แตกแปลกหรือไม่
ผลมะตูมแข็งนอกออกง่ายใจมะกอกในแข็งกระด้างช่างต่างกัน
เมื่อพิเคราะห์ดูต้นผลไม้ช่างกระไรธรรมชาติประสาทสรรค์
มีลูกมิได้ผิดชนิดพันธุ์เป็นที่มั่นหมายแน่มิแปรปรวน
จะปลูกฝังหวังผลต้นอะไรก็ย่อมได้รับผลไม่พ้นส่วน
ลูกสิงห์สัตว์จัตุบาทอาจคำนวณมีลูกล้วนเหมือนพันธุ์ไม่ผันแปร
แต่ส่วนลูกมนุษย์สุดมุ่งหมายมักกลับกลายกล่นเกลื่อนไม่เหมือนแม่
ไม่เหมือนพ่อหนอช่างน่าชังแท้ควรหรือแชเชือนไปไกลพืชพันธุ์
ที่ลูกดีมีหน้าพาตระกูลเรืองจรูญดังผ่านพิมานสวรรค์
ที่ลูกชั่วตัวมารผลาญฉกรรจ์ครอบครัวนั้นก็ต้องตรมหนองบวม
ถึงตำบลตะพานหินถิ่นสถานอันสะพานเหมือนวิชารีบหาสวม
ใส่กายตนขนควบเร่งรวบรวมมัวแต่ต้วมเตี้ยมช้าหาไม่ทัน
รวยวิชาถ้ามีอุปสรรควิชาชักจูงตนพ้นอาถรรพณ์
ข้ามกันดารผ่านขุ่นคุณอนันต์ช่วยเลื่อนชั้นฐานาลาภาพูน
มาถึงบ้านคลองลาวกล่าวสำเหนียกช่างมาเรียกคลองลาวให้เค้าสูญ
ควรเรียกร้องคลองไทยให้ไพบูลย์สืบประยูรเผ่าพงศ์ของวงศ์ไทย
ถึงหัวดงพงรกปกคลุมเครือน่าเกรงเสือจะมาอยู่อาศัย
เรามานั่งพร้อมหมดบนรถไฟสัตว์ร้ายไม่หาญกล้ามาราวี
แต่มนุษย์สุทธิชาติอนาถหลายควรหรือกลายชาติเชื้อเป็นเสือหมี
อยู่บ้านเรือนนอนสบายไม่ว่าดีต้องหลบหนีกระดอนไปนอนดิน
หนุนรากไม้ใบหญ้าต่างผ้าหมอนต้องซุกซ่อนแอบตัวกลัวหัวบิ่น
ทั้งอดอยากปากแห้งแย่งเขากินมดยุงริ้นกัดตอมจนผอมโซ
เที่ยวฆ่าปล้นซนทำกรรมอุบาทว์ไม่พ้นราชอาชญามาอักโข
ประพฤติดีมีสัมมากัมมันโตจะภิญโญดีกว่าเจือเสือเป็นพาล
การเข้าใจตัวเองว่าเก่งกาจทำอำนาจวางโตอวดโวหาร
เที่ยวขัดใจขัดคอก่อรำคาญที่เขาคร้านหลีกตัวว่ากลัวตน
ยิ่งโอหังบังอาจประมาทหมิ่นไม่มองดินมองแต่ฟ้าคอยท่าฝน
ไม่ทำมาหากินปลอกปลิ้นชนไหนจะพ้นเวรกรรมนำบันดาล
บ้านวังกลมสร้างแต่ปางไหนก็มิได้แจ้งเค้าสำเนาสาร
หรือจะเป็นวังวนชลธารไม่ทราบการณ์เลยไม่ใส่ใจจำ
ถึงพิจิตรคิดคะนึงถึงขุนแผนชมว่าแสนเป็นเจ้าชู้ดูไม่ขำ
จากนางพิมไปทัพกลับมาทำให้พิมช้ำใจร้าวเพราะลาวทอง
เรือมาถึงบันไดไม่ขึ้นบ้านไม่สมานพิมให้คลายเศร้าหมอง
หล่อนละห้อยคอยท่าน้ำตานองไม่เข้าห้องหอขุนช้างอย่างเห็นใจ
เพราะความรักขุนแผนแสนสวาทแม่เกรี้ยวกราดเฆี่ยนป่นสู้ทนได้
รู้ผัวกลับวิ่งมารับถึงบันไดขุนแผนไม่เที่ยงธรรมนำเหตุเอง
แล้วกลับมาพาหนีสู่พิจิตรนี่ก็ผิดอีกกรรมทำข่มเหง
พระไวยรับแม่มาหากริ่งเกรงกลับใช้เพลงเจ้าชู้อีกไม่หลีกกลัว
กระทำจนวันทองต้องโทษตายขุนแผนร้ายวันทองจึงต้องชั่ว
พระพันวษาก็กระไรไปพันพัวเรื่องส่วนตัวเอาเขาฆ่าน่ารำคาญ
จะฆ่ากันให้บรรลัยทำไมหนาคนเกิดมาต้องตายเองเพลงสังขาร
ใครจะอยู่คู่ฟ้าสุธาธารไม่ช้านานเท่าใดในระวาง
พิจิตรเมืองโบราณนัยการกล่าวว่าลูกท้าวโคตะบองปกครองสร้าง
ยังมีซากอิฐกำแพงพอแจ้งทางเมืองวัดร้างหญ้ารกขึ้นปกคลุม
พิจิตรใหม่ย้ายมาอยู่แม่น้ำน่านภูมิสถานใหญ่กว้างอย่างสุขุม
มีบึงมากนักหนาข้าวปลาชุมเพราะน้ำชุ่มชื้นชะกสิการ
เดิมชื่อเมืองสระหลวงทบวงเก่าพื้นที่เล่าใหญ่โตรโหฐาร
มีบึงใหญ่ดังทะเลคะเนการกว้างประมาณเจ็ดพันไร่น่าใคร่ชม
ปลูกบัวหลวงช่วงโชติประโยชน์หลายเก็บเมล็ดขายบรรทุกเกวียนเดียรดาษถม
เป็นสินค้าหากำไรได้อุดมควรนิยมกันปองแต่ของไทย
เมล็ดบัวกินดีมีกำลังทำได้ทั้งคาวหวานสมานไส้
ทำเป็นแป้งแห้งเก็บไปกินไกลดัดแปลงได้โอชาสารพัน
อุตริตริอย่างใดอยากให้บอกซื้อของนอกกินกันเล่นไม่เห็นขัน
ให้เงินทองล่องไหลไปทุกวันค่าน้ำมันเราก็แย่ยังแส่กิน
การกินอยู่ฟูฟ่องเป็นของง่ายการหาเงินยากหลายแทบตายสิ้น
เห็นแต่กินพล่อยพล่อยอร่อยลิ้นมิได้จินตนานัยครวจไตร่ตรอง
ถึงท่าฬ่อล่อหลอกกันออกฉาวให้นึกหนาวร้อนตัวกลัวสยอง
กลัวทั่งล่อทั้งชนขนหัวพองขอจงผ่องพ้นล่อจนมรณา
บ้านกระท่อมคิดดูอยู่กระท่อมมีกินพร้อมนุ่งห่มพอสมหน้า
ไม่มีหนี้ไม่มีผู้บีฑาก็ดีกว่าอยู่สถานบ้านโตโต
แต่ขัดสนจนทวีเจ้าหนี้แหนบเหมือนคับแคบทั้งศัตรูก็ขู่โห่
งานสะบักสะบอมเผือดผอมโซต้องโอดโอ้ประดาษอนาถตา
ไร้วิชาอาหารกันดารกิจสิ้นลาภยศหมดมิตรเสน่หา
ถึงอยู่ตึกเจ็ดชั้นสุวรรณทาก็ไม่ผาสุกจิตเหมือนติดกรง
ถึงแม่เทียบเห็นแต่ป่าไร่นาอ้อยตะวันคล้อยลับไม้ไพรระหง
ให้หวิวหวิวรันทดสลดทรงนั่งบรรจงตัวไปหัวใจลอย
ถึงบ้านใหม่เขาปองแต่ของใหม่ของเก่าไม่รักษาน่าละห้อย
เห็นเป็นเก่าแก่แล้วยังนั่งตะบอยยังไม่ค่อยจะตายช่างร้ายจริง
อันของใหม่อาศัยเก่าเอากำเนิดใช่จะเกิดอุปาติกะระดะสิ่ง
ย่อมได้นามชลัมพุชยุดพึ่งพิงควรหรือชิงชังทำใจลำเอียง
             

มาถึงพิษณุโลกประโยคสุดรถไฟหยุดค้างจังหวัดแออัดเสียง
ต่างรีบลงส่งของกองรวมเรียงพ่อเถียวเลี่ยงไปว่าภัตตาคาร
เช่าสี่ห้องของใช้ไม่ต้องขนพวกคนยลภัตตามาขนาน
ขนขึ้นให้ถึงห้องที่ต้องการค่อยสำราญขึ้นสำนักพักราตรี
มีเวลาพากันขึ้นรถยนต์ถึงตำบลวัดใหญ่ประไพศรี
นมัสการพระพุทธวิสุทธีพระนามมีชินราชโอภาสทรง
ประทับในเรือนเฉลาเนาวรัตน์เศวตฉัตรกั้นเชิดระเหิดระหง
งามประเสริฐประดุจพุทธองค์ประทับทรงโปรดสัตว์จรัสกาล
ฉันน้อมกายถวายเบญจางคประดิษฐ์พลางอุทิศน้ำใจอันใสสานต์
บูชาคุณตรัยรัตน์ชัชวาลขอนิพพานจงอย่าแคล้วข้าไป
ตำนานกล่าวราวเรื่องของเมืองนี้พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกใหญ่
เป็นกษัตริย์เชียงแสนแดนไผทมาสร้างไว้สองฝั่งข้างนที
ทั้งสร้างวัดปรางค์เจดีย์โบสถ์วิหารพระประธานสามองค์ล้วนทรงศรี
เมื่อพุทธศกดกพันห้าร้อยปีท้าวโกสีย์แปลงมาช่วยอำนวยการ
ปั้นเบ้าหล่อต่อเสริมพระนลาฏตรีศูลพาดไว้ประจักษ์ศักดาหาญ
พระชินราชอาจองค์แทนทรงญาณให้ยืนนานชั่วกัลป์พุทธันดร
แล้วกราบลาองค์พระชินราชยุรยาตรหวนไห้ฤทัยถอน
ขึ้นที่พักพร้อมหน้าคลายอาวรณ์สโมสรรับอาหารสำราญรมย์
มีโต๊ะตั้งทั้งบ๋อยคอยปฏิบัติสารพัดตามจะซื้อชื่อขนม
ตะเกียงแสงจันทร์จ้าเป็นน่าชมฝนระดมตกใหญ่ในราตรี
แขกยามแบกปืนยาวเที่ยวก้าวตรวจวางท่าอวดอำนาจดังราชสีห์
ตามหน้าห้องช่องทางที่ขวางรีสองชั้นมีหลายสิบห้องต้องระวัง
สามชั้นมีสี่ห้องละสองบาทเตียงสะอาดเอี่ยมดีมีที่นั่ง
หน้าห้องมีเฉลียงโถงลูกกรงบังห้องน้ำทั้งห้องถ่ายอยู่ฝ่ายบน
ห้องสองชั้นเป็นพื้นคืนละบาทความสะอาดธรรมดาอย่าฉงน
ให้กุญแจคนละห้องไม่ต้องปนฝนตกจนตีหนึ่งจึงได้ซา
ดึกสงัดรัตติกาล์นิทราตื่นอยู่ห้องพื้นสูงอย่างกลางเวหา
วิเวกว่างห่างกระทบสบวิญญาณ์ลมอัสสาสะประสาทสะอาดดี
ดวงจิตดิ่งนิ่งนังดังวิมุตติเป็นสุขสุดจนกระทั่งเกือบรังสี
สิ่งสมมติฉุดเบิกเลิกพิธีกลับมามีอุปาทานรำคาญเคือง
คิดอีกทีดีได้ขณะหนึ่งดีกว่าซึ่งหมกมุ่นจิตขุ่นเหลือง
ทั้งตาปีมีแต่เหตุกิเลสเนืองชีวิตเปลืองเปล่าประโยชน์ล้วนโทษภัย
เสียงอธึกกึกก้องทุกห้องตื่นลงจากพื้นภัตตาที่อาศัย
ต่างกังวลขนของปองครรไลขึ้นรถไฟไปสวรรคโลกทันที
อากาศหนาวคราววิโยคสุดโศกซ้ำฝนพรูพรำชืดชาหมดราศี
นั่งระทมไม่เป็นสมประฤดีอันอินทรีย์เหมือนจะแข็งด้วยแรงเย็น
ไหนจะหนาวห่างอุ่นละมุนอกไหนจะหนาวฝนตกฟกเหลือเข็ญ
ไหนจะหนาววายุดุลำเค็ญฝนกระเซ็นปิดแกลแล้วแจจัน
ต่างนั่งจ๋องมองหน้ากันตาแจ๋วแต่มองแล้วมองเล่าเฝ้าเหหัน
ดูสิ่งใดก็ไม่เห็นเหมือนเช่นกันต่างนิ่งอั้นตาขยิบปริบปริบไป
บ้างโงกหงับหลับตาทีท่าขันบ้างเอนหันพิงเก้าอี้กรนฟี้ใหญ่
บ้างง่วงหงุบฟุบผงกตื่นตกใจเห็นใครใครเข้ายิ้มยิ่งนิ่มอาย
บ้างหาวหวอดกอดอกดังนกเจ็บนั่งหนาวเหน็บชาพานสะท้านหลาย
เมื่อคืนนอนไม่หลับระงับกายกระสับกระส่ายเพราะแรกแปลกที่นอน
ในรถไฟขายอาหารทั้งหวานคาวเกาเหลาข้าวแกงดีมีสลอน
กินสิ่งใดทำให้ของร้อนร้อนไม่อาวรณ์จานหนึ่งสลึงเดียว
ถึงบ้านตูมฝนซาเปิดหน้าต่างค่อยสว่างหัวใจหมองไหม้เหี่ยว
คิดประทุมตูมแย้มแฉล้มเรียวเกสรเสียวชื่นทรวงดวงกมล
นิจจาเอ๋ยเคยชื่นระรื่นกลิ่นมาสูญสิ้นอ้างว้างอยู่กลางหน
โอ้แต่นี้ที่ไหนจะได้ยลดวงอุบลเบิกบานตระการตา
ถึงแควน้อยข้ามกระแสแลชม้อยอันแควน้อยย่อมอาศัยแควใหญ่กล้า
จึงมีน้ำนำให้ฝ่ายนาวาได้ไปมาค้าขายสบายตัว
ถ้าป่ารกยกทำคลองถนนจะมีผลกว้างใหญ่มิใช่ชั่ว
ผู้ขัดสนได้ผงกยกครอบครัวไปปลูกถั่วปลูกงาทำนากิน
มนุษย์เราไม่เหมือนสัตว์ในปัถวีเครื่องทิพย์มีมิต้องตรองถวิล
ไม่วิตกยกหามตามแผ่นดินก็เหลือกินมีเองไม่เกรงกลัว
มนุษย์เราจำเป็นต้องนุ่งห่มที่บังลมแดดฝนให้พ้นหัว
อาหารต้องอิ่มหนำประจำตัวจะมามัวเกี่ยงหาให้ช้าการ
เหมือนเรือใหญ่พายเดียวน้ำเชี่ยวปราดเมื่อใดอาจจะถึงยังห้วงสถาน
แม้ช่วยพายหลายแรงแข่งทะยานมิทันนานก็จะถึงซึ่งสบาย
คอยผิดจับสับฟันกันให้ยุ่งเหมือนตบยุงจะสูญประยูรหาย
หาการงานให้ทำประจำกายที่ลอยชายต้องบังคับให้จับงาน
ป้องกันให้หายอดเหมือนทดน้ำได้ชื่นฉ่ำอิ่มเอมเกษมสานต์
ความหิวโหยโปรยประโยชน์โทษสาธารณ์เห็นคชสารเท่ามดหมดความกลัว
บ้านกรับพวงพวงกรับตีขับร้องแลกข้าวของกินบ้างค่อยยังชั่ว
ที่โง่โซโออนาถดังชาติวัวเห็นเพื่อนตัวไปทางไหนก็ไปตาม
จะเป็นตายร้ายดีก็มิรู้สุดแต่กูกินได้แล้วไม่ขาม
จะตีขับจับขังก็รังความอยู่ในนามไทยสนิทน่าคิดดู
ชาติของเราคนน้อยด้อยพละควรจะสะสมให้มากบากบั่นสู้
การทำลายกันเองใช่เพลงครูต้องเชิดชูจุนค้ำให้จำเริญ
ถึงหนองตมตมก็เกิดต่อน้ำละลายทำดินแห้งที่แข็งเขิน
ให้เหลวไหลไปตามทางน้ำเดินบังเอิญไหลไม่พ้นข้นเป็นตม
ดุจเหล็กแข็งแรงเหล็กรันต้องพลันนิ่มก้อนเกลือจิ้มน้ำกลายหายเค็มขม
ต้นไม้ใหญ่หักเดาะก็เพราะลมลิ้นคนคมร้ายกาจยิ่งสาตรา
อาวุธอื่นหมื่นแสนแม้นประหารคนนับล้านในแผ่นดินสิ้นสังขาร์
ให้พร้อมกันอันตรายวายชีวาย่อมไม่สามารถทำสำเร็จการ
แต่ชิวหาอาวุธนี้สุดร้ายอาจทำลายล้านโกฏิอุโฆษหาร
ชีวิตมนุษย์ไม่มีที่ประมาณอาจล้างผลาญรอบล้อมลงพร้อมกัน
ลิ้นที่ดีมีประโยชน์ล้างโทษร้ายคนทั้งหลายสิ้นทุกข์เป็นสุขสันต์
ทุกประเทศทุกถิ่นลิ้นสำคัญตัวของฉันกลัวจริงยิ่งสาตรา
ถึงบ้านบุ่งมุ่งมองยิ่งหมองอกเห็นป่ารกโออนาถสัญชาติหญ้า
เที่ยวขึ้นบุกรุกรานการไร่นาอ่อนระอากันทั่วกลัวศัตรู
ไม้ที่ดีมีผลต้องขวนขวายส่วนไม้ร้ายมิต้องปลูกดอกลูกหรู
เหมือนวิชาที่ดีต้องมีครูที่ชั่วดูมิต้องนำก็ชำนาญ
ถึงบ้านโดนโดนกันสนั่นภพยิ่งปรารภเรื้อรังชาติสังขาร
อยู่คนเดียวในโลกก็โศกซานอยู่รวมกันบันดาลรำคาญเคือง
นี่ของฉันนั่นของแกมาแส่แย่งนี่ของข้าอย่ามาแกล้งแสวงเรื่อง
อยู่ดีดีรี่มาชนเข้าป่นเปลืองเจ้ามันเงื่องไม่หลีกข้าว่ากระไร
ต่างฝ่ายต่างก็ว่าข้าไม่ผิดไม่มีจิตปรองดองให้ผ่องใส
ถ้ารักแล้วดีทั้งนั้นชมกันไปชังแล้วไม่มีราคาแกล้งว่าเดา
ไม่เที่ยงแท้แน่นอนพระสอนสั่งให้ระวังอยาตนะเขา
ทั้งระวังอยาตนะเรากระทบเข้าจะเถกิงเป็นเพลิงกอง
เวรใดทำกรรมใดสร้างแต่ปางไหนเป็นปัจจัยแต่งทำให้ช้ำหมอง
ไม่จดจำสำนึกคิดตรึกตรองมานั่งมองดินฟ้าระอาอาย
ถึงพิชัยขอให้ชัยชนะสิ้นราคาโทสะโมหะหลาย
จงพ้นสุขทุกข์สมานสราญกายจนวางวายชนม์ชีพถึงนิพพาน
ถึงไร่อ้อยอ้อยตาลยังหว่านผลให้ฝูงชนกินน้ำชื่นฉ่ำหวาน
มนุษย์ดีกว่าอ้อยร้อยประการมิให้ทานเงินทองของชอบใจ
เพราะตระหนี่ถี่ห่างก็ช่างเถอะที่เลอะเทอะปลูกเท็จเก็บเด็ดใส่
ปลูกอิจฉากาล่อนต้นบอนใบจงถอนให้ทานเตาเผาอัคคี
ข้ามสะพานแม่น้ำน่านสำราญรื่นพลางขึ้นยืนเยี่ยมแกลแลวิถี
ดูเวิ้งว้างกว้างใหญ่สายวารีหาดทรายมีเรียบราบดังปราบทำ
เป็นแหลมคุ้งวุ้งเว้าล้วนเหล่าทรายน่าสบายสนุกทุกฉนำ
น่าตั้งบ้านเรือนดูอยู่ประจำเสียแรงธรรมชาติสร้างสำอางดี
ที่เปล่าว่างอย่างถูกมิปลูกอยู่ที่อุดอู้ยัดเยียดเบียดเสียดสี
อากาศอับสับสนพนธุลีไม่หน่ายหนีอดทนอยู่จนตาย
ถึงตำบลบ้านดาราสถานีอันเป็นที่ทางแยกดูแปลกหลาย
ต้องรีบลงจากรถรันทดกายจะขึ้นสายสวรรคโลกครรไล
ต้องกรำฝนวนวิ่งขนสิ่งของลงมากองกลางหาวหนาวถึงไส้
เห็นร่มกระดาษขายมีค่อยดีใจซื้อมาได้ห้าคันกั้นกายา
รถเก่าไปลำปางต่างแลเหลียวหัวใจเสียวหวนไห้อาลัยหา
ผู้รู้จักกันเมื่อนั่งร่วมทางมาต่างอำลาแยกทางกันต่างจร
พอรถไฟสายพายัพกลับมาหยุดอุตลุดเซ็งแซ่แลสลอน
บ้างขึ้นลงส่งของประคองกรต้องเปียกปอนกลัวกันไม่ทันรถ
พวกเราขึ้นรถใหม่สายสั้นหน่อยพอเรียบร้อยพวกอื่นขึ้นกันหมด
รถล่องลงแลหลามช่างงามงดสายเราบทจรหลังแยกทางกัน
ไม่เห็นมีบ้านช่องมองเปล่าเปลี่ยวเหมือนมาเดี่ยวเศร้าในหัวใจฉัน
ดูภูมิพื้นกว้างใหญ่เสียดายครันเมื่อไรนั่นชาวไทยจะไพบูลย์
ไปที่ใดได้พบคนมีล้นหลามล้วนตึกงามคับคั่งดังไอศูรย์
เทียมหน้าอย่างต่างภาษาไม่อาดูรจรัสจรูญเจริญเพลิดเพลินทรวง
อันดินแดนของเราว่างเปล่ามากทิ้งให้ตากแดดเล่นมิเป็นห่วง
เอาแต่เที่ยวเอาแต่เล่นกันเป็นพวงนอนจนดวงตะวันขึ้นไม่ตื่นตา
เสียประโยชน์หาทรัพย์สำหรับร่างไม่เอาอย่างผู้อื่นดื่นภาษา
เขาพากันข้ามทะเลเฮกันมาขนเงินตราเมืองเราเอาสบาย
บ้างตั้งห้างสร้างตู้ชูสิ่งของทั้งเพชรทองวางเย้ยเฉลยขาย
เพราะพวกเราไม่กังวลจะจนตายจะทนอายให้เขาหยามไม่งามตา
เมื่อตัวเธอยากจนทนอายได้ประเทศไซร้ต้องสมัครกันรักษา
อย่างให้ยากจนได้ขายพักตราแก่นานาประเทศเขาเราเป็นไทย
เป็นขี้ข้าตัวเองอย่าเกรงเหนื่อยเราป่วยเมื่อยนึกจะพักก็พักได้
ถ้ามีนายใช้ทำกระหน่ำไปหยุดไม่ได้เขาหาเอื้ออาทร
ถึงคลองละมุงมองเห็นคลองน้อยไร่นาจ้อยมีแต่ไพรไม้สลอน
เต็งรังลิ่วงิ้วชะง้ำเงื้อมอัมพรพะยอมดอนกระแบกกระเบาเหล่าเพกา
มะกอกมะเกลือระดะต้นตะโกเทพทาโรมะไฟไม้มะค่า
ต้นยางยูงสูงเยี่ยมเทียมเมฆากิ่งสาขาเชิดยอดทอดระทวย
พระพายพัดกวัดไกววิไลล้ำดังระบำกรีดกรอ่อนสลวย
ทุกก้านใบไหวจังหวะอันจรวยเหล่าใบชวยเชิดช้อยชม้อยเมียง
ลมพัดหวนป่วนปั่นเลื่อนลั่นเปราะไม้ไผ่เสนาะเอนเบียดออดเอียดเสียง
ดุจดนตรีตีรับศัพท์สำเนียงเป็นคู่เคียงสำหรับจับระบำ
อันพรรณะเหล่าไม้ใส่ใจคิดเห็นงามพิศดารกว่าเลขาขำ
งามสิ่งอื่นฝืนฝืดจืดประจำพ่ายแพ้ธรรมชาติประหลาดงาม
งามจืดเจียนเปลี่ยนความงามเพริศพริ้งผลิดอกกิ่งออกใหม่ยอดใบหลาม
พอแก่เก่าเล่าก็เวียนแลกเปลี่ยนความแตกใบตามยอดระย้าทั้งตาปี
ฝูงวิหคผกผินลงบินเกาะส่งเสียงเพราะวังเวงดังเพลงปี่
กระรอกไต่ไม้ชะแง้กระแตมีหมู่ชะนีเหนี่ยวไม้โหนไปมา
ลิงทโมนโจนจ้องมองเขม้นบ้างโผนเผ่นเลิกคิ้วทำนิ่วหน้า
เขาว่าคนซนเหมือนลิงจริงวาจาหรือยิ่งกว่าลิงร้ายกี่ก่ายกอง
มาถึงคลองมาปรับใคร่รับรู้ปรับไหมผุ้ใดเล่าได้ข้าวของ
เพียงแต่มาถ้าจะปรับไม่รับรองให้อยู่คลองปรับหาไม่ว่าไร
ตำบลนี้มีวัดขนาดย่อมหมู่บ้านหย่อมน้อยโขไม่โตใหญ่
ล้วนป่าไม้เบญจพรรณทั่วกันไปให้เปลี่ยวใจเปลี่ยวตานั่งชาเย็น
อากาศคลุ้มอุ้มเมฆเป็นหมอกมืดยิ่งชื้นชืดหนาวใจใครจะเห็น
วายุจัดพัดไม้ไหวกระเด็นดังสนั่นลั่นเช่นป่าทลาย
พอฝนซาฟ้าคะนองก้องกัมปนาทสุนีบาตรตกที่ไหนอกใจหาย
รถวิ่งแหวกกลางฝนจนฝนคลายค่อยสบายหายกลัวนั่งตัวตรง
ถึงคลองบางต้นยางสล้างล้ำล้วนหลายกำครื้นในไพรระหง
กล้วยไม้เหมาะเกาะก่อเป็นกอกงออกดอกส่งกลิ่นฟุ้งจรุงใจ
เอื้องคำช้อยช่อช่วงดังพวกทองช้างเผือกผ่องขาวลออช่อไสว
สามปอยตระการบานฟ้อช่อวิไลอีกดอกไอยเรศสะพรั่งช่อดังงา
ทั้งฟ้ามุ่ยเอื้องแซะแหละตีนเต่าเอื้องแมลงเม่าเอื้องดาวช้างน้าวหา
สายวิสูตรช่อม่วงพวงโมราย้อยระย้าน่าชมภิรมย์ทรวง
ถึงสวรรคโลกเรื่องเมืองมนุษย์เป็นสิ้นสุดทางไปรถไฟหลวง
จะขึ้นต่อรถยนต์คนทั้งปวงเขาทักท้วงว่าทางอย่างกันดาร
เมื่อคืนนี้ฝนตกเสียโชกชุ่มถนนเป็นหลุมเป็นบ่อข้อโดยสาร
จะไปสุโขทัยไม่ได้การเพียงบางตาลถ้าจะไปพอได้ดี
ต้องเปลี่ยนทางจ้างเรือเป็นเหลือคาดหกสิบบาทจนจิตจะคิดหนี
ต้องรีบไปให้ทันกฎกำหนดมีถ่ายของที่รถส่งลงนาวา
ฝนพรูพร่ำจำใจไปไม่รอดเรือต้องจอดค้างคืนสุดฝืนท่า
ช่างเคราะห์ร้ายย้ายโยกโชคชะตาสุริยาพลบค่ำเดือนรำไร
นอนอนาถขาดสุขลุกขึ้นนั่งท่านช่างตั้งนามสวรรคโลกชั้นไหน
ภูมิประเทศเขตขอบดูรอบไปไม่สมให้นามสวรรค์เช่นนั้นเลย
กันดารน้ำตามตลิ่งสูงจริงเจียวลำน้ำเชี่ยวแดงขุ่นแม่คุณเอ๋ย
จะอาบกินอย่างใดเล่าหรือเขาเคยก็เสบยไปตามด้วยความชิน
อันนิสัยไทยเราเป็นเหล่ามากถึงจนยากอย่างใดไม่ไกลถิ่น
ไม่เหมือนเจ๊กแขกฝรั่งต่างก็บินมาหากินเมืองเราจนเขารวย
ขนเงินไปบำรุงเขตประเทศเขาทั้งพวกเราก็ช่วยยุ่งผดุงด้วย
เปลือกหรือแก่นซื้อส่งเฝ้างงงวยจะระหวยละห้อยน้อยใจใคร
อันเมืองนี้มีตำนานโบราณกล่าวสร้างกว้างยาวเรียบร้อยหาน้อยไม่
กว้างห้าสิบยาวร้อยเส้นเช่นของไทยกำแพงใหญ่ล้อมรอบเป็นขอบคัน
กว้างสองวาสูงสี่วาศิลาแลงฤๅษีแจ้งกลับมาจากฟากสวรรค์
จึงเอานามตามชั้นฟ้ามาประพันธ์ชื่อสวรรคโลกเลิศประเสริฐนาม
พระยาธรรมราชาเลออาสน์รัตน์เป็นกษัตริย์เฟื่องฟุ้งทุกกรุงขาม
ถวัลย์รัชสืบมาพยายามนับได้สามกษัตริย์ขัตติยา
ภายหลังพระอรุณราชกุมารชนขนานนามพระร่วงโชติช่วงหล้า
ได้ปกป้องครองเมืองเรืองเดชาสร้างมหาถาวรขจรนาม
ได้ธิดากรุงจีนเป็นชิ้นเอกมาภิเษกเป็นมเหสีองค์ที่สาม
ทั้งได้ลำเภตราสง่างามบริวารตามเข้ามารวมห้าร้อย
ทำถ้วยชากาน้ำชามกระเบื้องขายทั่วเมืองซื้อไว้ได้ใช้สอย
เหตุใดไทยไม่จำทำตามรอยซื้อเขาน้อยไปเมื่อไรชาติไทยเรา
ทำไม่เป็นไม่อุตส่าห์น่าบัดสีเกิดมามีเท้ามือนั้นหรือเปล่า
เครื่องนุ่งห่มงมงายฟูมฟายเมาซื้อเขาเอาเสียทุกอย่างไม่สร้างเอง
การทิ้งสิทธิ์คิดให้ดีเถอะพี่น้องเราจะต้องถูกระดมเขาข่มเหง
ถ้าพวกเรามีสามัคคีมีคนเกรงควรรีบเร่งรักษาสิทธิ์ทุกกิจการ
             

พอเช้าตรู่หมู่นกโผนผกร้องเรียกพวกพ้องออกหาภักษาหาร
ก็ออกเรือลอยลำไปตามธารต่างสำราญด้วยอากาศสะอาดดี
หอมสาวหยุดกระดังงาเวลารุ่งส่งกลิ่นฟุ้งยิ่งเปรมเกษมศรี
ชื่นอารมณ์ชมจังหวัดฝั่งนทีดังคีรีเงื้อมชะง้ำตามลำธาร
เห็นเด็กเด็กบนตลิ่งวิ่งกระโจนลงน้ำโผนเผ่นผงาดว่ายฉาดฉาน
ตลิ่งสูงหลายวากล้าเอาการไม่สะท้านสะทกกลัวตกเลย
เขาย่อมว่าไม้ป่าไม้กระถางก็จริงอย่างเขาว่าเจ้าข้าเอ๋ย
ลูกคนมีออกจากท้องประคองเคยคนจนเฉยไม่ต้องประคองกัน
ก็โตใหญ่ได้เหมือนไม่เคลื่อนคลาดธรรมชาติเป็นกลางจัดสร้างสรรค์
กลับแข็งแรงจ้ำม่ำดำเป็นมันพ่อแม่นั้นอาศัยได้เต็มมือ
ตัวเล็กเล็กทำการงานทั้งหลายเลี้ยงวัวควายขับนกเสียงโหวกหวือ
หาผักปลากังวลมาปรนปรือไม่คร้านดื้อดีจริงทั้งหญิงชาย
เจ๊กแจวเรือตามน้ำไม่ลำบากช่างพูดมากหัวร่อกันงอหงาย
เล่าถึงลูกถึงเมียว่าเสียดายเขาหนีตายไปหมดไม่อดทน
ตัวของเขาอยู่ถิ่นนี้แปดปีกว่าแจวนาวาเสียเพลินเหมือนเดินถนน
ได้เท่าใดหมดก็ช่างไม่กังวลถึงแสนจนแสนยากไม่อยากตาย
โลกสนุกมากมายทั้งใหญ่กว้างมีเสือช้างนกปลาพฤกษาหลาย
กลางคืนมีเดือนดาวออกพราวพรายกลางวันสายแสงตะวันประจันตา
สารพัดดีดีก็มีชมเนินพนมห้วยธารขนานหน้า
จึงไม่อยากจะตายวายชีวามั่งมีว่าลำบากไม่อยากมี
ถ้าทรัพย์มากยากใจดังไฟติดต้องพูดคิดปกป้องให้ผ่องศรี
เป็นทุกข์ร้อนนอนไม่สบายดีตัวเขานี้ไม่ต้องการสำราญกาย
ชอบแต่ให้ใจเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อนกินอิ่มนอนหลับเท่านั้นที่มั่นหมาย
ไม่โลภล้นจนใจไม่สบายมั่งมีตายเอาไปได้เมื่อไรมี
ความเป็นจริงยิ่งกว่าจริงทั้งหญิงชายเกิดแล้วตายทั่วจังหวัดปัถวี
ย่อมรู้ตัวไม่พ้นทุกคนดีแต่ยากที่จะห้ามความทะยาน
หาได้กำน้อยไปอยากได้กอบได้กระสอบมุ่งตะล่อมเท่าพ้อมสาน
ได้เต็มลำเรือรบไม่สบมานร้อยโกฏิล้านก็ไม่พอโลภต่อไป
จักรพรรดิมีรัตนะเจ็ดก็มีเสร็จสมมาตรราชมไหย์
ฝังมหาสมุทรอันสุดไกลน้ำเท่าใดก็มิพักรู้จักพอ
ถ้าจะพูดกันอีกทีโลกีย์สมบัติที่จรัสรุ่งเรืองฟุ้งเฟื่องหนอ
ประดับโลกประโยคยิ่งสิ่งพะนอผู้โลภก่อสร้างไว้จึงได้งาม
ทิ้งความรู้วิทยาสารพัดเป็นบรรทัดวิริยาฝ่าพงหนาม
ผู้กำเนิดที่หลังยังได้ความรู้เห็นตามท่านผู้สร้างนำทางมา
มฤดกตกทอดตลอดโลกเป็นชัยโชคอำนาจวาสนา
ได้เป็นทุนหนุนเลิศเกิดปัญญาคิดค้นหาประกอบทำล้วนสำคัญ
ภูเขาใหญ่สูงปราบให้ราบต่ำพื้นภูมิทำเป็นทะเลเล่นเหหัน
ถมสมุทรขุดบาดาลวิตถารครันเรือดำดั้นเป็นมหาชลาลัย
เครื่องบินเผ่นผันเร่กลางเวหาสวิทยุอาจต่อสำเนียงเสียงแจ่มใส
ไฟฟ้าวงส่งแสงแข่งอุทัยใช้แรงไฟทำประโยชน์โชตนา
มนุษย์เรามีฤทธิ์คล้ายวิษณุกรรมประดิษฐ์ทำของใช้ได้หนักหนา
เครื่องจักรกลพ้นจะพรรณนาดังเทวานิรมิตไม่ผิดไกล
ถึงน้ำหักหักอะไรได้เสียหนักแต่หักรักนี้อนาถไม่หวาดไหว
มันแน่นเหนียวเหนี่ยวรัดดวงหทัยหักเท่าไรก็ไม่หักหนักอุรา
หนักอะไรก็ไม่หนักเท่ารักหลงเดินบุกพงหลงทางในกลางป่า
ยังประสบพบที่มีมรรคาหลงรักหาพบทางที่สร่างใจ
เพราะงวยงงหลงระเริงในเชิงรักใครจะชักฉุดคลาดไม่หวาดไหว
จนกระทั่งเปื่อยเน่าเป็นเถ้าไปน่ากลัวภัยโมหะจิตระอิดระอา
ถึงท่ายาวยาวให้บั่นสั้นให้ต่อนี้เป็นข้อคำบูราณขนานว่า
ทำสิ่งใดให้ตริพิจารณาแม้ปัญหาข้องขัดอึดอัดใจ
ปรึกษาผู้รู้หลักอัครฐานจะอาจหาญชี้ทางสว่างไสว
นี้คือสั้นต่อให้ยาวสาวกำไรยาวให้บั่นนั้นได้แก่ใจเรา
ข้อใดส่อก่อเวรเห็นถนัดจงเร่งรัดตัดเหตุนั้นให้สั้นเข้า
ไม่มีเวรเสียได้สบายเบาใครว่าเต่าว่างั่งชั่งเป็นไร
ถึงท่าช้างกว้างเตียนดูเลี่ยนโล่งบ้านเรือนโรงเคหาที่อาศัย
ปลูกกันร่นพ้นฝั่งกลัวพังไปพักเรือใกล้ไปธุระงานประจำ
ตลิ่งสูงจูงกันเกาะหัวเราะร่วนบ้างเซซวนเหนี่ยวไต่ไถลถลำ
กลัวตกกลิ้งนิ่งกรานค่อยคลานคลำพอล่วงล้ำขึ้นไปได้สบายครัน
หอมระรื่นชื่นใจดอกไม้ป่าโยทะกาสุกรมนมสวรรค์
ลำดวนดงส่งกลิ่นลูกอินจันทร์มะลิวัลย์กาหลงและชงโค
พวงพะยอมหอมกรุ่นพิกุลแก้วทั้งนมแมวจันทร์กะพ้อช่อยี่โถ
ต่างช่วยกันเก็บพอได้ห่อโตเห็นวัดโอ้อนิจจาชื่อป่าแดง
ดูกุฎีโบสถ์ศาลาล้วนฝาไม้เก่าแก่ใช้ปิดกั้นกันด้วยแผง
ชาวบ้านจนวัดก็งอก่อแรงเป็นการแสดงพื้นถิ่นได้ยินยล
ถ้าวัดวาอารามงามสง่าชาวประชาตำบลดีมั่งมีผล
บำรุงวัดบำรุงสงฆ์ให้คงทนได้สวดมนต์ภาวนารักษาใจ
ต่างลงเรือพร้อมหน้านาวาเคลื่อนออกลอยเลื่อนตามลำแม่น้ำไหล
มาถึงบางกระจงเลยตรงไปดูสิ่งใดเหมือนแต่แรกไม่แปลกตา
ถึงท่าถามถามถึงใครได้ทั้งนั้นส่วนตัวฉันมีแต่ทุกข์ไม่สุขา
นั่งจำเจ่าเหงาใจในนาวาไม่เมตตาถามบ้างเลยชั่งเฉยเชือน
ขาดอาลัยไม่ตรีเห็นดีหรือเสียชื่อว่าถามความไม่เหมือน
ฉันอุตส่าห์มาทางไกลใคร่เยี่ยมเยือนช่างบิดเบือนเสียได้เจียวใจคอ
ท่านี้เดิมเรียกว่าท่าเกษมเป็นที่เปรมปลื้มใจผู้ใดหนอ
ดูภูมิฐานการณ์สง่าก็น่าพอสมนามข้อเป็นสุขสนุกสบาย
ที่แหลมยื่นพื้นน้ำไม่เชี่ยวปราดมีชายหาดยาวยืดเป็นพืดสาย
ริมตลิ่งสูงเขินล้วนเนินทรายสีเหลืองคล้ายแกแลแผ่ไปไกล
เห็นเด็กเด็กเล็กโตสองโหลกว่าวิ่งไขว่คว้าปล้ำกันสนั่นไหว
เอาฟ่อนหญ้ามัดเป็นพวงเล่นช่วงชัยบ้างเอาเถิดเตลิดไล่จับได้กัน
บ้างพูนทรายขวางทำเป็นกำแพงกระโดดแข่งข้ามพ้นเป็นคนกลั่น
ข้ามไม่พ้นชนทรายทลายครันถูกฮาลั่นปรับให้ทำใหม่ดี
บ้างวิ่งแซงแข่งกันคั่นระยะใครชนะโห่ร้องก้องกันมี่
ผู้แพ้ขอประวิงวิ่งอีกทีสามัคคีเล่นหยอกออกกำลัง
เล่นแต่ของธรรมชาติประสาทให้ไม่ต้องไปซื้อประคองของฝรั่ง
ลูกอะไรไม้อะไรให้รุงรังเสียเงินทั้งเรื่องไม่เสียดายเลย
ถึงนาตองใบตองเป็นของดีทำบายศรีเจ็ดชั้นเชิญขวัญเอ๋ย
ขวัญจงมาอยู่กับร่างเหมือนอย่างเคยอย่าเชือนเฉยมิ่งขวัญจงพลันมา
อยู่ที่ใดไปที่อื่นหมื่นพิภพขวัญอย่าหลบอื่นฉันนะขวัญจ๋า
ขวัญจงรวมร่วมศรีร่วมชีวาอย่าได้คลาคลาดฉันนะขวัญใจ
ถึงหนองโว้งโล่งว่างอ้างว้างเหลือตัวมาเรือจิตเปลี่ยวเที่ยวไถล
ไปนรกวกสวรรค์ดั้นด้นไปกลับมาในเรือเล่านั่งเฝ้าตรอง
ความเร็วของเจตสิกดังพลิกหัตถ์รวดเร็วจัดยวดยิ่งวิ่งทั้งผอง
ลัดนิ้วเดียวเที่ยวไปได้เป็นก่ายกองเป็นสิ่งของประหลาดอัศจรรย์
ถึงวัดเกาะเหมาะดูอยากอยู่บวชจะได้สวดมนต์ห้ามความโศกศัลย์
ปฏิบัติตัดเหตุกิเลสพรรค์กว่าชีวันจะดับลับโลกา
ถึงหนองแหนแหนปิดเสียมิดเม้นแลไม่เห็นน้ำถนัดทั้งมัจฉา
จะแหวกให้ห่างเหชั่วเวลาก็กลับมารวมปิดชนิดเดิม
รู้ว่าเกิดมาแน่แก่เจ็บตายแต่ไม่วายทะเยอคิดเห่อเหิม
เพราะตัณหาอุปาทานเจือจานเติมจึงเคลิบเคลิ้มเห็นทุกข์เป็นสุขไป
ถึงคลองตาลเห็นร้านตลาดตั้งปลูกหันหลังลงท่าชลาไหล
แวะนาวาพากันขึ้นทันใดเห็นกว้างใหญ่รายรื่นครึกครื้นครัน
มีถนนหลายสายซื้อขายของเรียงทั้งสองข้างถนนคนมหันต์
มีรถรับส่งที่ทุกวี่วันสี่ห้าคันรถยนต์วิ่งวนเวียน
ไปสวรรคโลกก็ไปได้สุโขทัยธานีที่เสถียร
ถนนรถบดปราบเสียราบเตียนเดินกันเจียนเมื่อยตรงกลับลงเรือ
แล้วเคลื่อนคล้อยลอยลำตามน้ำลิ่วพระพายฉิวชื่นในฤทัยเหลือ
แสงแดดไม่ร้อนรุมดูคลุมเครือเหมือนเกื้อกูลทำให้สำราญ
มาถึงนามอญเหนือให้เบื่อคิดแต่จนจิตต้องกล่าวตามเค้าสาร
ตำบลนามอญใต้ให้รำคาญทำนาหว่านบ้างอุตส่าห์ทำนาดำ
การทำนาของเราเท่าเป็นอยู่พิเคราะห์ดูช่างลำบากถลากถลำ
ขอเชิญเทพารักษ์ช่วยชักนำการกระทำให้ง่ายสบายเบา
ถึงวังทองมองหาทั้งขวาซ้ายแต่เห็นทรายไม่เห็นทองยิ่งหมองเศร้า
ถ้าได้ทองสักสองลำสำเภาตัวของเราก็จะสร้างแต่ทางบุญ
จะสร้างมหาวิทยาลัยให้ใหญ่ยิ่งเด็กชายหญิงอนาถาไม่ว้าวุ่น
ให้เขาเรียนได้คล่องไม่ต้องทุนจะอุดหนุนดีทำแต่สัมมา
จะซื้อที่ดินแดนสามแสนไร่ทำป่าไม้เตียนสะอาดปราศรกหญ้า
ขุดคลองให้ใช้น้ำลำนาวาให้เคหาปลูกปักพอพักกาย
ให้เครื่องมือทำกินตามถิ่นที่พืชพันธุ์มีใช้ปลูกเพาะตามเหมาะหมาย
ผู้ยากจนจริงจริงทั้งหญิงชายถ้าฝักใฝ่ทำกินก็ยินดี
แบ่งแจกให้เปล่าเปล่าไม่เอาค่าแต่ขออย่าเอาไปขายยักย้ายหนี
ตั้งโรงเลี้ยงคนพิการทานตาปีสร้างกุฎีมีหลังคาสักห้าร้อย
ให้อาหารการชีวะอุปโภคไม่ร้อนโรคหากินสิ้นละห้อย
คนแก่ที่อดอยากปากจะงอยให้คนคอยปฏิบัติไม่ขาดแคลน
สร้างถนนที่กันดารสะพานใหญ่ให้มาไปทุกพวกสะดวกแสน
ผู้สามารถขาดทุนจะหนุนแท่นตั้งปึกแผ่นขายค้าสมาคม
บำรุงชาติศาสนามหากษัตริย์ให้จรัสเจริญเดชวิเศษถม
ไม่มีทองหมองไหม้ฤทัยตรมคิดมิสมปรารถนายิ่งอาวรณ์
ถึงคลองเขนงพราหมณ์ทำรำเขนงแต่ก่อนเพรงตรงนี้หรือชื่อนุสรณ์
ถึงทับผึ้งผึ้งช่างทำรังนอนกินเกสรมาลีชูชีวัน
สัตว์น้อยน้อยอย่างอุตส่าห์หาอาหารรู้สร้างบ้านอยู่ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
มนุษย์เราเจ้าปัญญาสารพันควรหรือนั่นไม่อุตส่าห์พยายาม
สร้างบ้านช่องผองทรัพย์สำหรับกายให้พ้นอายแมลงตั้งทำรังหยาม
การขี้เกียจเหยียดตนเป็นคนทรามจะไร้ความสุขสวัสดิ์วัฒนา
การขี้เกียจคอยเบียดเบียนเขากินเป็นคนสิ้นความอายน่าขายหน้า
ดูอย่างหอยปูเต่าเหล่ากุ้งปลายังรู้หาเลี้ยงกายได้ใหญ่โต
เกิดมาเป็นมนุษย์วิสุทธิ์ชาติไม่สามารถเลี้ยงกายอายสุดโหล่
ทำกระป้อกระแป้แน่ต้องโซมิได้โงหัวพ้นความจนเลย
บ้างคอยรับมฤดกตกตะครุบคอยแต่ชุบมือเปิบเฉิบเฉิบเฉย
ไม่รู้จักทำกินจนชินเคยเขาจะเอ่ยหยามหมิ่นกล่าวนินทา
ว่าดีแต่ผู้อื่นเขายื่นให้ถ้าหาไม่ก็ต้องอดหมดปัญหา
เอกลาภมิใช่ใช้ปัญญาไม่บรรเจิดเชิดหน้าเหมือนหาได้เอง
เกิดเป็นคนถ้าอุตส่าห์เต็มสามารถมิอืดอาดออดอ้อนลงนอนเขลง
ย่อมหาทรัพย์ประดับกายได้ครื้นเครงควรรีบเร่งเสียแต่ยังกำลังกาย
ยังหนุ่มสาวคราวครั้งกำลังมากเพียรบั่นบากต้องได้สมอารมณ์หมาย
หาไว้เพื่อเมื่อชราพาสบายมิต้องอายต้องอดหมดราคา
ถึงหนองนางนางเต่าใหญ่ไข่แล้วกลบเอาอกลบรอยมิให้ใครกังขา
ความรักลูกปลูกฝังกำบังตาครั้งแก่กล้าฟักไข่ให้เป็นตัว
หัดให้ดำน้ำหาภักษาหารว่ายน้ำคลานบนบกไวมิใช่ชั่ว
เมื่อเห็นสัตว์ใหญ่มาใกล้ตัวรีบหดหัวไว้ในหลังระวังตน
การควรกลัวกลัวไว้ไม่บังอาจย่อมแคล้วคลาดผองภัยไม่ไร้ผล
การควรกล้ากล้าให้ควรล้วนมงคลกลัวกล้าคนรู้จักใช้ได้ผลดี
ที่ควรกลัวกลัวไว้ไม่หยามหยาบหมอบให้ราบกราบให้งามตามวิถี
ทำกระด้างกระเดื่องเครื่องราคีไม่เป็นที่เสน่หาประชาชน
มาถึงเกาะบางเกวียนเวียนแลเลาะไม่เห็นเกาะเห็นแต่ทรายให้ฉงน
หรือน้ำเซาะเกาะทลายตามสายชลเวียนละวนป่วนปั่นพันเป็นเกลียว
นาวาเหเซหมุนเจ๊กวุ่นวายหัวโทษท้ายคัดฉากแต้ไม่แลเหลียว
ท้ายโทษหัวไม่ทวนเรือจวนเลี้ยวต่างเสียงเขียวเถียงกันสนั่นดัง
พอเรือตั้งลำได้ไปสะดวกค่อยหายหนวกหูระคายเจ๊กหายคลั่ง
ไม้ซุงปล่อยลอยน้ำตามลำพังออกเก้กังเกะกะระดะไป
ดังกุมภาอาละวาดน่าหวาดเสียวบ้างก็เลี้ยวบ้างก็ขวางทางน้ำไหล
บางต้นแล่นเร็วรี่ดังมีใจชนกันไหวหวั่นสะท้อนดังรอนราญ
น้ำกระฉอกเป็นระลอกกระจายฟุ้งบ้างแล่นพุ่งชนฟาดดังฉาดฉาน
บ้างลอยเรียงเคียงคู่ดังรู้การณ์บ้างทะยานชนฝั่งดินพังโครม
ทั้งน่ากลัวน่าดูนั่งอยู่เรือคัดหางเสือหลีกหลบกระทบโถม
ถือถ่อง่ามค้ำผลักเพียงหักโครมถ้ากระโจมกระแทกเรือแหลกลาญ
ล้วนแต่มีเครื่องหมายหลายเจ้าของปล่อยให้ล่องน้ำไปไกลสถาน
พวกรับจ้างถือหวายดังนายพรานโจนทะยานว่ายน้ำร้อยปล้ำซุง
ของใครก็เลือกผูกถูกเจ้าของทำแคล่วคล่องว่องไวมิให้ยุ่ง
รวมเป็นแพเรียบร้อยคอยบำรุงค่าจ้างมุ่งต้นราคาห้าสิบสตางค์
บ้างตีเชือกด้วยหวายใช้สายน้ำเอาไม้ทำกงจักรสะพักขวาง
เอาต้นหวายผูกลงที่ตรงกลางจักรก็คว้างหมุนวงตามคงคา
บนแพตั้งหลักจำปาให้ผ่าซีกจักรนั้นฉีกตีเป็นเกลียวเหนียวนักหนา
ครั้นเห็นพอประสงค์ก็ตรงมาขดไว้ท่าผูกซุงผดุงการ
เมืองไทยเราอุดมเลิศประเสริฐนักมีไม้สักไม่แก่นแสนวิตถาร
มีข้าวเหลือเกลือหลามตามดินดานมีอาหารต่างต่างอย่างเหลือเฟือ
มีแร่ธาตุต่างต่างอย่างวิเศษในขอบเขตกรุงไกรทั้งใต้เหนือ
เกิดสำหรับกับบุญมาจุนเจือจะขายเกื้อกูลนิเวศประเทศไกล
ไทยเรามีน้ำดินเป็นสินทรัพย์อเนกนับราคาหาสุดไม่
ได้กินอยู่สุขเกษมปลื้มเปรมใจจงรักษ์ใคร่ถิ่นฐานบ้านเมืองเรา
การรักษาบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ต้องพร้อมนัยสามัคคีดีไม่เขลา
มิเอาเรื่องส่วนตัวมามัวเมามุ่งแต่เอาให้ชาติจรัสชัชวาล
ถึงตำบลบางปลากดรันทดท้อเมื่อไหร่หนอจะถึงซึ่งสถาน
แต่นั่งบ้างนอนบ้างช่างรำคาญจึงเขียนสารแก้เหงาบรรเทาใจ
ให้ปรากฏว่ามาชมไม่อมนิ่งให้เห็นสิ่งคุณประโยชน์โทษไฉน
หรือดวงจิตคิดเห็นเป็นเช่นใดขอเทพไททั่วหน้าได้ปรานี
โปรดพิทักษ์รักษาสาราด้วยแม้ข้าม้วยร่างกายตายเป็นผี
แต่ถ้อยคำน้ำจิตคิดอารีให้อยู่มีพรรษาชั่วฟ้าดิน
ถึงเตว็ดเตว็ดที่พิธีตั้งไม่ให้หวังเตว็ดวิเศษสิ้น
ให้น้อมจิตคิดบูชาเป็นอาจิณองค์พระปิ่นปกเกล้าของชาวไทย
             

ถึงท่าช้างช้างเอยเคยลงท่าช่างงามมารยาทนักน่ารักใคร่
ฝีเท้าเดินเงียบจริงทุกสิ่งใดรูปร่างใหญ่แต่ละม่อมดูพร้อมเพรียง
ไม่เหมือนม้าน่าชังเดินปังโปกกิริยาโฮกฮากขรมไม่กลมเกลี้ยง
คนไม่มีจรรยาไม่น่าเคียงถ้าหลีกเลี่ยงได้เท่าใดได้ยิ่งดี
ถึงเช็งเหม็งนามนี้ขึ้นปีใหม่พวกจีนไปไหว้ศพเคารพผี
ทำทวดปู่บูรพชนทุกคนมีกตเวทีบูชาไว้อาลัย
สถานที่ระลึกก่อตึกฝังทั้งกายยังน้ำจิตให้คิดได้
จารึกนามความดีมีอย่างใดบุตรหลานให้เอาอย่างทางตระกูล
ธรรมเนียมเราเผาเนื้อเหลือแต่ธาตุเก็บนานอาจตกเรี่ยหายเสียสูญ
พ่อกับลูกก็ยังหวังเกื้อกูลหลานเหลนพูนเพิ่มมากไม่อยากแล
อัฐิของทวดปู่อยู่ไหนช่างเห็นมีอย่างนี้มากอยากจะแก้
ยิ่งคิดไปใจคอให้ท้อแท้นั่งชะแง้ชะเง้อไปใจกระพือ
ถึงบางคลองคลองมีที่แหลมคุ้งเรือเดินมุ่งตรงไปจะได้หรือ
จำต้องเอี้ยวเลี้ยวล่องตามคลองคือใครขืนดื้อไปไม่รอดต้องจอดเลย
ถึงบางสงฆ์เลยมาถึงท่าพระสาธุสะพระธรรมร่ำเฉลย
ให้ละโลภโกรธหลงงวยงงเคยจะเสบยวิญญาณ์สารพัน
อันสุขใดในโลกประโยคสุดซึ่งมนุษย์เสาะแสวงทุกแห่งนั่น
ก็ประสงค์สุขจิตไม่ผิดกันแต่เรานั้นโง่เขลาเบาปัญญา
เที่ยวหาสุขบุกไปไกลประเทศที่อยู่เขตชิดใกล้สิไม่หา
ความสุขอยู่ที่ใจไม่นำพาเพราะอุปาทานไม่มองเห็นของจริง
             
๏ สวรรค์มีสิ่งสิ่งล้ำโลกมนุษย์
อยู่ที่ใจบริสุทธิ์เท่านั้น
ในจิตหน่ายสมมติเหินห่าง
อกที่ทุกข์บีบคั้นผ่องพ้นดลเกษม
             
ถึงบางควายควายดีมีคุณมากช่วยเข็นลากเบาแรงแจ้งทุกสิ่ง
ใช้ไถนากรากกรำทั้งน้ำปลิงช่างเปรียบหญิงเป็นควายไม่อายคำ
แสนลำบากกรากกรำทำงานบ้านไม่สงสารสตรีและมิหนำ
ยังเอาเปรียบกับกระบือแทนชื่อนำช่างใจอำมหิตหนอไม่ขอฟัง
ถ้าหญิงเปรียบชายยิ่งกว่าลิงป่าของมีค่าก็ไม่รู้ฟังดูมั่ง
มิโกรธใหญ่ไล่ตีเอาชีวังจะยับยั้งชั่งใจนิ่งเหมือนหญิงฤๅ
มาถึงทางด่างแต่ปางไหนปล่อยไว้ให้ดำด่างทางนั้นหรือ
จนทำให้เรื่องฉาวกล่าวระบือถึงตั้งชื่อด่างประจำของตำบล
ถึงปากแควแลละลิ่วล้วนทิวไม้บ้านเรือนไกลจากฝั่งกลัวพังหล่น
เด็กเด็กมากนั่งมองสองฝั่งชลสุริยนเบนบ่ายค่อยคลายใจ
ทั้งแม่เพิ่มแม่กี่บ่นขี้เกียจนั่งเมื่อยเหยียดการระงับเลยหลับใหล
พ่อเถียวกับน้องก็หลับเป็นดับไปฉันมิได้ยับยั้งนั่งรำพึง
เจ๊กแจวท้ายบอกว่าเรามาใกล้ไม่เท่าใดดอกหนานาวาถึง
ลดแจวนั่งถือหางเสือหัวเรืออึงไฉนจึงหลบเลี่ยงทำเสียงดัง
ยืนแจวแต่มืดมาน่าสงสารก็ควรการอยู่นักจะพักนั่ง
ฉันบอกว่าอย่างอึงทำตึงตังจะพักมั่งก็ไม่ช้าน้ำพาจร
ถึงวังหินหินตั้งทำรังไว้เพื่อจะให้เนาในหล้าอุทาหรณ์
ไม่เห็นวังยังแต่นามก็งามงอนอนุสรณ์ถึงภาพปลาบวิญญาณ์
คนเราตายกายเน่าเปล่าประโยชน์แต่คุณโทษคงอยู่เป็นคู่หล้า
ไม่เปื่อยเน่าเค้ากรรมประจำตราใครเข่นฆ่าลบล้างไม่วางวาย
ปิดสิ่งใดใช้ปิดย่อมมิดเม้นปิดปากเห็นไม่สมอารมณ์หมาย
จะฆ่าให้สูญแน่ก็แต่กายจะทำลายเสียงปากนั้นยากจริง
กวีฝากพจมานสาส์นโศลกไว้แก่โลกสืบสายทั้งชายหญิง
ถึงตัวตายลายลักษณ์ยังพักพิงสนองสิ่งได้อาศัยในโลกา
ถึงบางแก้วแก้วกองทองทั้งหลายมีมากมายเก็บไว้ก็ไร้ค่า
เอาไว้พอเป็นเสบียงเลี้ยงอาตมาเหลือนั้นน่าเกื้อกูลเป็นทุนรอน
แก่คนที่เจตนาสัมมาชีพช่วยคีบหนีบมิให้กลายเป็นไม้ขอน
เป็นประโยชน์โชตนาสถาวรการดับร้อนเพื่อนมนุษย์เป็นสุดดี
เวลาบ่ายชายแสงสุริเยศบรรลุเขตโบราณสถานที่
สุโขทัยจังหวัดราชธานีบ้านเรือนมีคับคั่งสองฝั่งชล
มีแพเรือจอดหลามตามตลิ่งรถยนต์วิ่งส่งรับอยู่สับสน
สะพานใหญ่ทำข้ามแม่น้ำวนเชือมถนนไปได้เป็นหลายทาง
โรงสีไฟไทยเราเป็นเจ้าของสีข้าวปล่องควันพลุ่งมียุ้งฉาง
แต่อารามคร่ำคร่าน่าระคางดูเหินห่างซ่อมแซมจึงแรมโรย
แทบทุกวัดทัศนาน่าสงสารจนเรือผ่านคลาดคล้อยละห้อยโหย
พอสายัณห์ตะวันร่มมีลมโชยค่อยรื่นโรยหอมประทิ่นกลิ่นมาลี
รอเรือถามบ้านที่มีประสงค์เขาบอกตรงแถวเจ้าเมืองอันเรืองศรี
เห็นบ้านเรือนตามถนนใกล้ชลธีจอดเรือที่ร่มท่าชลาลัย
ขนของขึ้นบ้านพักเป็นหลักฐานอัยการคนเก่าก็เล่าไข
ว่าเตรียมของพร้อมสรรพคอยกลับไปท่านมาใหม่เรือนมอบจงครอบครอง
อันเรือนหลวงหลังนี้ทำดีโขไม่เล็กโตพอดีมีสี่ห้อง
มีนอกชานครัวไฟได้ทำนองติดต่อห้องน้ำบันไดลงไปดิน
จัดที่ทางเรียบสรรพรับอาหารเสร็จสำราญอารมณ์สมถวิล
ตียี่สิบต่างนอนพักผ่อนอิน-ทรีย์ทั้งสิ้นสมประดีจนตีระฆัง
ฉันแม่เพิ่มแม่กี่กระวีกระวาดจัดแจงอาตม์เที่ยวตามที่ความหวัง
เดินถนนริมแม่น้ำตามลำพังจนกระทั่งถึงตลาดดาษดา
เขาขายของต่างต่างอย่างกรุงเทพฯทั้งเครื่องเสพสารพัดช่างจัดหา
ถูกทุกอย่างหมูไก่ผักไข่ปลากล้วยน้ำว้าอย่างดีหวีหนึ่งสตางค์
แล้วข้ามเชิงสะพานมาถึงหน้าวัดนามถนัดราชธานีมีลานกว้าง
เข้าโบสถ์น้อยน้อมกายถวายเบญจางค์พระพุทธปรางค์ประธานตระการตา
มีเณรใหญ่ไขประตูอยู่พิทักษ์เห็นมีอักษรห้ามไปตามเลขา
มิให้ใครนำปองของบุราณ์จากทะวาร์ออกไปตามใจพาล
พระพุทธที่มีแต่เกศสังเวชหลายตั้งเรียงรายหลายขนาดอาสน์ฐาน
ภาชนะเนืองนองของเบาราณถ้วยโถพานกระปุกกระถางต่างนานา
ที่ไม่ทราบใช้อย่างใดสมัยนั้นรูปพรรณสุดจะแจ้งแถลงว่า
ล้วนดินเผาเค้าปั้นด้วยปัญญาตามประสาตามสมัยใช้ได้การ
ท่านแต่ก่อนมิใช่โง่โวแต่ปากยังทิ้งซากไว้ประจักษ์เป็นหลักฐาน
แบบหนังสือคำภาษาวิชาการให้บุตรหลานเรียนคืบสืบกันมา
ออกจากโบสถ์พิพิธภัณฑ์สถานเก่ารูปพระพุทธเจ้านั่งตั้งอยู่ข้างหน้า
มีนามเรียกหลวงพ่อเป๋าชาวประชานับถือว่าศักดิ์สิทธิฤทธิไกร
มีทุกข์ร้อนบนกันให้ท่านช่วยแก้บนด้วยบุหรี่จุดจึ้ใส่
พระโอษฐ์พระสูบนั้นเป็นควันไปว่าลามไหม้หมดมวนเห็นถ้วนกัน
ทั้งทำนายทายชะตาอนาคตก็ถูกหมดทุกกิจไม่ผิดผัน
ตามเสี่ยงทายในเลขาว่ารำพันเราชวนกันวันทาลาครรไล
เลียบตามฝั่งชลธีถึงที่บ้านพระวิเชียรสถานบ้านโตใหญ่
เป็นเจ้าของถิ่นที่โรงสีไฟจึงเข้าไปไต่ถามความสำราญ
ท่านยิ้มย่องผ่องใสเชิญให้นั่งอยู่พร้อมพรั่งเป็นสุขทั้งลูกหลาน
ฉันหยิบซองพร้องคำเงินบำนาญบุตรที่บ้านท่านนั้นฝากฉันมา
ต่างปราศรัยไต่ถามตามฉันญาติแล้วคลาคลาดคล้อยออกนอกเคหา
ท่านตามส่งให้ลงยังนาวาฝีพายพาสู่สำนักที่พักพลัน
รุ่งเวลาพากันขึ้นรถยนต์ไปตำบลราชวัง ณ รังสรรค์
ของกษัตริย์โบราณนมนานครันอันนามนั้นสุโขทัยเคยไพบูลย์
ระยะทางไปไม่น้อยสามร้อยเส้นพอถึงเห็นกว้างใหญ่สมไอศูรย์
กำแพงสามชั้นรอบเป็นขอบมูลชั้นในจรูญแน่นหนาศิลาแลง
ภายในกว้างทางสังเกตร้อยเศษไร่ประตูใหญ่สี่ทิศชนิดแฝง
กำแพงกลางบังไว้ให้เคลือบแคลงสร้างระแวงเชิงชั้นกันไพรินทร์
มีป้อมตั้งบังประตูอยู่สี่ทิศขอบคูชิดกำแพงออกรอบนอกสิ้น
ปรางค์ปราสาทอาสน์อุดมลงจมดินแต่ฐานหินยังอยู่พอรู้เค้า
ที่ตระพังสุวรรณนั้นมีวัดกลางสระจัดเกาะดูดังภูเขา
มีเจดีย์องค์ใหญ่ฝ่ายกลางเนาแล้วมีเหล่าองค์ย่อมล้อมแปดองค์
วัดตระพังเงินดูมีคูรอบวัดตระพังสอก็มีขอบชอบประสงค์
เอาน้ำเป็นสีมาเห็นท่าตรงวัดสระสี่มีสระวงสี่ด้านวัด
วัดมหาธาตุตั้งอยู่กลางเมืององค์สูงเขื่องมีฐานด้านสกัด
ถัดขึ้นไปชั้นทักษิณมีหินชัดลวดลายจัดจำหลักวิจิตรพิสดาร
รูประหงทรงแปลกครั้งแรกเห็นซ่องซุ้มเด่นมีกระจังอย่างวิตถาร
พุทธรูปไสยาสน์อาสน์โอฬารมีวิหารสี่ทิศอุกฤษฎ์ลาย
มีฐานทรงองค๋พระมหาธาตุอันโอภาสจรัสรัศมี
ยอดจึงคงทรงไว้ไม่ราคีด้วยบารมีบรมธาตุพระศาสดา
มีวิหารใหญ่ยาวเก้าห้องแจ้งเสาเป็นแลงกลมพร้อมสักอ้อมกว่า
ยังตั้งเคียงเรียงไสวนัยนาแต่หลังคายับย่อยน่าน้อยใจ
พระประธานหน้าตักกว้างหนักหนาถึงสามวาหนึ่งคืบวัดสืบได้
หล่อด้วยโลหะถ้วนล้วนอำไพทั่งทั้งในประเทศสยามตามหล่อมา
มิได้มีองค์ใดใหญ่เท่าทันต้องแดดฝนพ้นอันจะรักษา
รัชกาลที่หนึ่งจึงเชิญมาสร้างพระอารามสุทัศน์ฯ ให้ในพระนคร
นามเรืองรุ่งกรุงเทพรัตนโกสินทร์คุ้งฟ้าดินขอให้อยู่คู่นุสรณ์
วัดศรีชุมทัศนายิ่งอาวรณ์หลังคากร่อนฝาผนังซ้ายยังดี
ถ่อเป็นโพรงข้างในเดินได้ตลอดถึงขื่อทอดหลังคาน่าเป็นที่
สำหรับขึ้นตรวจดูหมู่ไพรีข้างขวามีบันไดลงใต้ดิน
ว่าเดินได้ไปถึงอุตรดิตถ์แต่เขาปิดทางกั้นกันเสียสิ้น
เกรงลงไปพร่ำเพรื่อเสือจะกินน่าชมศิลปะวิทยา
พระประธานก่อด้วยแลงยังแข็งกร่างหน้าตักกว้างคะเนห้าวากว่า
เสารับขื่อหรือก็ก่อศิลาหวังให้ถาวรงามอร่ามเรือง
กระนี้นี่พระเจ้ารามกำแหงจึงแสดงด้วยหนังสือให้ลือเลื่อง
จารึกไว้ในศิลาค่าควรเมืองให้สืบเนื่องถึงพวกเราทราบเค้าการณ์
อันชาติไทยไพโรจน์อุโฆษศักดิ์มานานนักหลายพันปีอย่างวิตถาร
สุโขทัยธานีมีสมญาที่ทิ้งเป็นป่ายังไม่แจ้งหลายแห่งราย
ไม่แต่ธรรมชาติทำให้ชำรุดมนุษย์ขุดล้มคว่ำคะมำหงาย
เที่ยวรื้อค้นคุ้ยเขี่ยเสียกระจายจึงเสียหายมากหนักหนาเป็นน่าเคือง
การจะดูบูราณสถานนี้ให้ถ้วนถี่กระจ่างแต่บางเรือง
เพราะปรักหักพังเสียทั้งเมืองอิฐแลงเขื่องเขื่องหล่นปนกันไป
โบสถ์วิหารปรางค์เจดีย์ล้วนวิจิตรช่างประดิษฐ์ประดับประดาน่าเลื่อมใส
ไว้ฝีมือให้ชื่อของชาติไทยศิลาแลงแต่ไว้วิไลกรณ์
ทั้งโบสถ์พราหมณ์ตามทางไสยศาสตร์ที่เทวราชสถิตมิศร
ทุกสิ่งสมฐานะพระนครอนุสรณ์ถึงครั้งเมื่อยังดี
แม้ชำรุดทรุดเศร้าเค้ายังอยู่ให้ล่วงรู้ประวัติเลิศประเสริฐศรี
ย่อมเชิดชูกู้ตำนานโบราณมีราชธานีของชาติอันอาจองค์
แต่พินิจพิศดูอยู่จนบ่ายแสนเสียดายสิ่งของต้องประสงค์
อนาถจิตคิดไปใจพะวงสุริยงเย็นพยับกลับครรไล
สุโขทัยราชฐานเป็นบ้านเก่าของพราหมณ์เผ่าพงศ์คือเพศถือไสย
เป็นท่าเรือสำเภามีเสาใบมาจอดในเขตค้าทั้งตาปี
กษัตริย์เชียงแสนระบิลนามปิ่นเกศยกหนีเดชตะเลงห่างมาสร้างที่
ธิดาพราหมณ์งามลักษณ์กัลยณีภิเษกศรีเฉลิมเป็นเจิมจอม
ทั้งทรงรับนับถือไสยศาสตร์สำหรับราชพิธีไมตรีถนอม
รูปนเรศว์นารายณ์ให้ประนอมตั้งเสาซ้อมโล้ชิงช้าแรกนาดี
แจกพืชพันธุ์ธัญญาประชาราษฎร์เลือกนางนาฏจรูญประยูรศรี
แต่ล้วนเหล่าสาวพรหมจารีเข้าพิธีกวนข้าวทิพย์หยิบแจกไป
ประเพณีเหนือเนื่องสืบเนื่องมาจนเคลื่อนคลามาสร้างกรุงทางใต้
กรุงเทพมหานครกระฉ่อนไกลรุ่งเรืองใหญ่โตกว่าเก่าร้อยเท่าทวี
ขอเดชามหาชัยพระไตรรัตน์บำรุงฉัตรชาติไทยชายชัยศรี
ให้ตั้งอยู่คู่ฟ้าธาตุธาตรีล้วนแต่มีเกษมสุขทุกนิรันดร์
ข้าพเจ้าผู้กรองสนองถ้อยส้มจีนสร้อยเขื่อนเพ็ชรกั้นเขตขัณฑ์
พระราชทานนามสกุลอุณหะนันท์พุทธ์สองพันสี่ร้อยนับถอยไป
เจ็ดสิบสามปีมะเมียไม่เสียชาติเกิดมาคลาดพุทธกาลสมัย
แต่ดวงจิตชิดพระธรรมมีกำไรขอจงได้ประสบสุขทุกคืนวัน
ไปแห่งใดได้เห็นความงามสนุกย่อมเจือทุกข์ปนอยู่เป็นคู่ขัน
หนาวต้องผ่อนร้อนต้องทนไม่พ้นกันต้องฝืนชั้นอิริยาบถอาการ
เที่ยวชมไปในพิภพให้จบทั่วสู้บ้านตัวเราไม่ได้หลายสถาน
ความสะดวกสบายทำให้สำราญดีกว่าบ้านคนอื่นที่ดื่นตา
เงินคนอื่นหมื่นโกฏิประโยชน์เขาเงินของเราเท่าที่มีย่อมดีกว่า
เพราะอาศัยได้เหมือนเพื่อนชีวาจะปรารถนาใช้ตามความพอใจ
ดังนกน้อยสกนธ์มีขนน้อยก็บินลอยไปมาเวหาได้
ถ้าขนมากเท่านกเขื่องจะเยื้องไกลหรือนกใหญ่แต่ขนน้อยถอยกำลัง
จะโบกบินไม่คล่องทั้งสองอย่างย่อมเป็นทางสอนใจไว้ได้มั่ง
เกิดเป็นคนตนต้องดูรู้กำลังของตัวทั้งของผู้อื่นยั่งยืนนาน
แมวลำพองร้องคำรณให้คนเชื่อข้าคือเสือฤทธิไกรอันไพศาล
จิ้งจกยกหางแกว่งสำแดงการข้าคือท่านกุมภาศักดาเกรียง
มดง่ามว่าข้าคือคชสารฝ่ายสุวาณโก่งหางพลางขึ้นเสียง
ข้าคือราชสีหะตะบะเพียงขวานฟ้าเปรี้ยงสะท้านทั่วกลัวเดชา
พักอยู่สุโขทัยได้สามวันจึงพากันลาลับกลับเคหา
พร้อมสามคนลงเรือไฟในเวลาสุริยาเรืองเรื่อออกเรือพลัน
มาทางเก่าเล่ามีถี่ถ้วนแล้วครั้งเรือแจวตามน้ำเป็นล่ำสัน
คราวนี้กลับเรือไฟเบื่อหน่ายครันทวนน้ำรันทดใจไม่เสบย
ถึงบางตาลขึ้นจากท่ามารถยนต์ถึงตำบลสวรรคโลกวิโยคเอ๋ย
ขึ้นรถไฟกลับทางอย่างที่เคยมาลงเอยบ้านดาราคอยท่ารถ
ขึ้นรถไฟสายกลับพระนครหยุดพักนอนพิษณุโลกโชคตามบท
แม่สองคนบ่นเหนื่อยเมื่อยระทดเช้าขึ้นรถไฟพามาบ้านเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

รถไฟไทยดอทคอม [1]

เครื่องมือส่วนตัว