นิราศสรวมครวญ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ข้อมูลเบื้องต้น)
(ที่มา)
แถว 1,138: แถว 1,138:
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== ที่มา ==
== ที่มา ==
 +
นิราศนรินทร์คำโคลงและนิราศปลีกย่อย พ.ณ. ประมวญมารค ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓

การปรับปรุง เมื่อ 16:42, 22 กันยายน 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: นายเวรจำลอง, หลวงลิขิตปรีชา, ขุนสาราบันจง, ขุนจำนงสุนธร

บทประพันธ์

๏ บังคมบรมบาทเจ้าจอมสยาม
ถวัลทวารพดิ์รามราชตั้ง
พระยศประเสริฐสามภพนอบ นิจจา
คือดั่งฉัตรแก้วกั้งเกศสิ้นสากล
๏ อยุธยายศเฟื่องฟ้าดินสถาน ทั่วแฮ
เกษมสนุกนิสำราญรุ่งด้าว
จักรพรรดิปิ่นจักรพาฬพันเดช
ร้อยเอ็ดเมืองออกท้าวนอบไท้ทูลสาร
๏ สบสิ่งเรืองรู้ทั่วประชากร
โคลงกาพย์สารสุนทรถ่องพร้อง
ไพเราะภิรมย์อรเอมโสต นิจจา
โหยแหบหวลหริ่งร้องเครื่องเล้าโลมใจ
๏ สวนเสียงขับถ้อปี่ปฏิภาณ
ฟังเสนาะใดปานเปรียบได้
จำเรียงจำรูญสารซอกล่อม
ถวายบำเรอท้าวไท้ธิราชผู้มีบุญ
๏ บันเทิงทุกเหย้าทั่วแถวสถาน
คืนค่ำสุขสำราญรื่นเหล้น
สนุกหนุ่มสาวสคราญเครียวใคร่ กันนา
รำร่ำร้องฤๅเว้นไป่เว้นวันเกษม
๏ แสนสบายคลาดคลี่หน้านรชน
แสนสนุกนิ์ทุกทางสถลเนื่องน้ำ
แสนแสวงแต่งตนตามไววาส นานา
แสนเสน่ห์นฤเบศล้ำแหล่งหล้าสดุดี
๏ ถวายพรทุกผู้แซ่สรรเสริญ
ขอพระชนม์จงเจริญเรื่องร้อย
อย่ามาพาธพันเอิญเบียนบาท ยุคลนา
ใครนึกแหนงนารถน้อยหนึ่งให้พลันเห็น
๏ ขอพรไตรรัตนแก้วอำนรรฆ์
เป็นที่ทวยอภิวันท์นอบน้อม
ให้พระผ่านไอสวรรย์เสวยสุข เสมอนา
ดับทุกข์โทษภัยพร้อมสิ่งร้ายมลายสูญ
๏ กรุงเกรียงไกรลาศเจ้าจอมปราณ
ชำนิโคขาวธารแท่นใต้
ขอเชิญช่วยบันดาลศิวเวท
ประสิทธิ์พระพรให้เสื่อมสิ้นศัตรู
๏ เทเวนทรวาสุเทพท้าวผทมสินธุ์
อ่อนอาสน์อุรัคคินทร์ค่ำเช้า
ทรงสังข์จักราจิณเจนหัตถ์
หลับอย่าลืมละเจ้าปิ่นไท้ผไทสยาม
๏ พระใดของห้าอิ่มเอมภุญช์ นิจนา
มันธย่อมขี่ขุนห่านผ้าย
ขอเชิญสุรเทพสุนทรภาพ
มาอยู่บริรักษ์ใกล้อยู่เกล้าอย่าไกล
๏ ขอวรวาสพท้าววชิรา วุธแฮ
พันเนตรภูวไนยตาสอดรู้
ใครคดคิดแหนงทารุณต่อ ราชนา
เชิญช่วยสังหารผู้คิดนั้นเลวลาญ
๏ พระสูรสางเสริดม้าแมนจรัล รวดแฮ
รี่รถกวัดกงผันเผ่นด้าว
รำไพบพิตรพรรณไพโรจน์
ขอแบ่งโอภาสท้าวเพิ่มไท้ไผทไทย
๏ ดวงโสมส่องฟ้าแจ่มจรูญฉาย
เย็นเรื่อยรัศมีพรายเพริศพริ้ม
สรวมพรเพิ่มพูนถวายถวัลยราช สิริแฮ
ปวงราษฎร์เย็นใจยิ้มยิ่งแจ้งเย็นจันทร์
๏ ขอพรพิฆเนศเกื้อการไสย ศาสตร์แฮ
ดานแนะนำดำไรยเผือกผู้
มาเป็นชำนิในนรนารถ
เสริมศักดิ์เจ้าช้างรู้ทั่วแจ้งอัศจรรย์
๏ ขอพรพรุณสาตรซ้องสายฝน
เที้ยนทั่วภูวมณฑล เทศไท้
โดยเดือนรดูดลดาลตก
อย่ามากอย่าน้อยให้เพียบน้ำพอนวล
๏ เสร็จแสดงพระเกียรติไท้ธรณี ศวรแฮ
เกลากล่าวสังวาสกวีก่อเกี้ยว
จรจากมิ่งมารศรีสมรมิตร แม่เฮย
เอมเอษฐ์ไล้ลิ้นเลี้ยวเล่ห์เลี้ยวลมครวญ
๏ ข้าไหว้สรรเพชญ์ข้ามเข็ญขน สัตว์เอย
ไปโมกขเมือสู่หนหกฟ้า
เผือข้องข่ายมารกมลมัวมืด เมานา
ขออยู่สมสุขห้าแห่งน้องนิจกาล
๏ พระนอนนิทรนิ่งโอ้เอองค์
เอนบเอื้อความหลงเกลศไหม้
เรียมข้องคำนึงอนงค์นอนเปลี่ยว
นอนบเป็นนอนไห้ห่วงน้องนางนอน
๏ อรองค์อ้อนแอ้นทรวดสมสูง ทรงแม่
เกษดั่งกำหางยูงเหยียดช้อย
ดวงเดาะเด่นดำตรูงตรูเนตร กูเฮย
ควรพิโยคเยาวน้อยหนึ่งได้ฉันใด
๏ เกษนีนิลเลื่อมล้ำลาวัณย์
เรียบจุไรรอยมันแม่ไล้
รักเรียมเร่งโรมรันจวนเจ็บ
เจ้าบสางเสยให้เกษหยุ้งหยองสยาย
๏ สยายเกษกับทิ้งทอดตนตี
ทรวงสมรเทพีพี่ดิ้น
ถานถันยุคลศรีเสาวภาคย์ กูเอย
ช้ำชอกฉลอกฉลายสิ้นสุดเศร้าเสียสกนธ์
๏ ผจงจุมพิตเบื้องบัวบาน
กรตระกองไดมาลย์แม่ป้อง
ย้ายแยบสอดประสานเสียวแซบ ใจนา
ถนอมบหนักพี่ต้องต่อมแก้วกามี
๏ ถนอมชมช้าช่อนช้อนเชยโฉม
กรตระกองเอวโลมพี่ไล้
เปรมปรางแม่เปรียบโคมแขคู่ กันนา
จุมพิตเยาวยวนไส้อิ่มแม้นหมื่นปี
๏ หายใจจุมพิตเฟ้นฟอนปราง
พลางพี่ลูบปฤษฎางค์ดับเศร้า
ลาเภพบูบางบัวมาศ กูเอย
อย่าแม่อย่ากลิ้งเกล้าเกลือกดิ้นแดยัน
๏ ป่วนปั่นเป็นห่วงไห้แหนหวง
โอ้แม่โฉมงามพวงพู่ฟ้า
ไกลแดดุจเด็จดวงจิตจาก กายนา
ทุกข์บเห็นหน้าหน้าใคร่กลั้นใจตาย
๏ โฉมแม่จักฝากฟ้าเกรงอินทร์ หยอกนา
เขาว่าองค์อำมรินทร์ใช่ช้า
หวนคิดใคร่ฝากดินดินเล่า แลนา
ดินฤขัดเจ้าหล้าลอบใกล้กลอยสม
๏ โฉมแม่ฝากน่านน้ำอรรณพ ก็ดี
เยียวนาคพานพบโลมเลือกไล้
พู้นพี้ร่ำพึงจบจอมสวาดิ กูเอย
โฉมแม่ใครสงวนได้ดุจเนื้อนวลสงวน
๏ ครวญนักหน้าไหม้แม่ขวัญเมือง กูเอย
ปลอบเท่าปลอบนัยน์เนืองเนตรน้ำ
อ้าโฉมอุไรเรืองดรุเณศ นางนา
จากแม่วันเดียวช้ำเฉกร้อยปีปาน
๏ สงสารสุดสวาดิไห้โหยหา
ชลเนตรถั่งธาราเรี่ยย้อย
อาลัยพี่อำลาโลมสั่ง
กำชับรับขวัญสร้อยซับน้ำตานาง
๏ ไนยนามพุพ่านแก้มโกสุมภ์ พี่เอย
ผัดผจงเคยจุมพิตเจ้า
กลิ่นปรางเปรียบประทุมทิพมาศ
เป็นคราบชลนัยน์เศร้าสลดแก้มเกษร
๏ พิโยคเยาวนี่เนื้อกองเข็ญ
สักคาบไป่เคยกระเด็นจากห้อง
คิดใคร่แล่งตนเป็นสองซีก
ซีกหนึ่งไว้แนบน้องหนึ่งนั้นนำไป
๏ อ้าอรโฉมแม่แม้นแมนสรร
พิมพักตร์เพ็ญบูรณ์จันทร์แจ่มหน้า
จักไกลกลิ่นอวรอันจรุงรื่น รมย์นา
รินรสเรณูฟ้าเฟื่องฟุ้งกำจร
๏ แม้สรงสระเทพถ้าไตรตรึงส์
ยังไป่ปูนเคลียคลึงสระแก้ว
สระสวรรค์อำมฤตยรึงฤๅเปรียบ ได้นา
สรงสระนงนุชแผ้วเพิกฟ้าดินเกษม
๏ มาลัยโมลิศแก้วเกษนี
หอมกลิ่นกลอยมาลีล่งฟุ้ง
คืนวันบว่างหวีมวยแม่
แซมดอกไม้เพชรรุ้งร่วงต้องตาเตือน
๏ อาศูรเสาวภาคย์เพี้ยงพิมพ์จันทร์
เคยพี่รับขวัญขวัญอยู่เหย้า
จากคามคิดคืนวันทุกทุ่ม โมงนา
ใครจะรับขวัญเจ้าพี่ได้ดุจเรียม
๏ จากเจ็บยิ่งโรคเร้ารึงสกนธ์
แสบเสียดขุมขนจนอกด้าน
ยาทาประทับทนทานเทวษ ได้ฤๅ
แรงรักเหลือแรงต้านพี่แพ้แรงโรย
๏ หลัดหลัดพลัดแม่โอ้อนิจจัง
เพรงพี่พรากเขาขังขุ่นแค้น
บาปทันบั่นจากบังอรอก เรียมเอย
จำพลัดเจ้าพรากแม้นก่อแล้วกรรมหลัง
๏ กรรมใดดาลบร้างสุขรมย์
มีแต่เกิดทุกข์ทมเท่าหล้า
เสียรักบำราศชมในชาติ นี้นอ
ตายเกิดขอเห็นหน้าอยู่เคล้าอย่าคลาย
๏ คิดปรางปรุงกลิ่นแก้มมาลัย เลิศนา
จูบประจงเจียนใจจักขว้ำ
แสนสงวนสุดสงวนใดใดเท่า เทียมฤๅ
กอดแม่หนักเนื้อช้ำชอกแล้วชมไฉน
๏ บุญสมกรรมซัดไห้แหเห็น
รักบ่เป็นรักกระเด็นเดาะค้าน
กองสุขเสื่อมไป่เป็นกองเทวษ เวรฤๅ
หน้าบ่เป็นหน้าม้านมืดกลุ้มกลางใจ
๏ เคยนิทรอรนุ่มเนื้อแนบเรียม
เดาะกระไดใดเลียมลอดเคล้น
นาสาสูบรสเทียมปรางมาศ
สองสรนุกนิ์ล้วนเหล้นเล่ห์นั้นฤๅลืม
๏ สุดแรงสุดร่ำไห้หาศรี
โศกสุดโศกแสนทวีเทวษน้อง
สุดรักร่วมฤดีเดียวเด็ด เจ้านา
สุดอกออกโอษฐ์ร้องเรียกแก้วกับตน
๏ ราตรีลีลาศด้วยเดือนฉาย
แหลมลุ่มลำภูพรายพร่างแพร้ว
วาบวาบหิ่งห้อยรายฤๅชอบ ชมนา
เดือนว่าดวงพักตร์แผ้วผ่องฟ้าใฝ่เห็น
๏ แสงจันทร์แจ่มฟ้าเร่งเรียมครวญ
คนึงว่านวลจันทร์นวลแจ่มหน้า
รสจันทร์กระแจะอวรอบกลิ่น
หอมกลิ่นคล้ายกลิ่นผ้าห่มเนื้อจันทร์นวล
๏ จากมาเมิลหมู่ไม้ในสวน
ปรางปราศชมปริงปรวนเปรียบแก้ม
ครวญใคร่ใฝ่พลูนวลไหนนั่น มีฤๅ
เห็นแต่พลูเขียวแย้มยอดให้ชายชม
๏ นาลีเกตกจั่นแล้หลายชลาย
สัพรศเรียดรายริมร่องอ้อย
ฉงนตีบบตีบปลายปลีเปล่ง
ติแต่ตกเครือคล้อยเคลือบเคล้นแคลงใจ
๏ เมิลหมากรุ่นรุ่นเรี้ยเรียงกัน อยู่แฮ
ดกช่างดกดูอันออกล้า
ขวยขวยคิดใคร่ปันไปฝาก
จวบแต่จืดจางหน้านุชเคี้ยวจักคาย
๏ เห็นแถวสท้อนทุ่มทรวงผึง แผ่แฮ
เมิลหมากไฟไฟรึงราคร้อน
ส้มจุกจิตคำนึงนึกเทียบ สถลแม่
ขามคิดคมเนตรค้อนนุชค้อนเรียมขาน
๏ เห็นระกำแกมจากโอ้อัศจรรย์
เหมือนจะบอกสำคัญข่าวช้ำ
จากแจ้งเจ็บจาบัลย์บำราศ
ระกำว่าหนามเหน็บย้ำยอกร้อนรุมทรวง
๏ เห็นสวนส้มเกลี้ยงลูกสุกทราม ปลิดเอย
ส้มว่าส้มนงรามเรียบไว้
หวนถวิลประหวัดยามยังอยู่ สถานนา
ไปขาดครุ่นครุ่นได้ส้มแก้วกับกร
๏ มลิลาส่งกลิ่นสู้สุรภี
เหมือนระเบียบมาลีแม่ร้อย
บำราศภิรมย์ศรีสุดสวาท แล้วแม่
นุชจะกรองพู่ห้อยยื่นให้ใครชม
๏ มณฑาเทียมเทียบเนื้อนวลอุไร
ซ่อนกลิ่นอายกลิ่นไกลกลิ่นชู้
อัญชันเฉกนิลไนยเนตรนุช พี่นา
เสาวรสเหมือนเรียมรู้รสรู้ในใจ
๏ ซ่อนชู้ใส่ชื่อช้ำในโฉม มาลย์แม่
นามปลาดระลึกลมเล่นชู้
เยาวรุ่นเริ่มเป็นโยมยามผนวช นั้นแม่
สองซ่อนอุตส่าห์สู้ซ่อนชู้ชมเหมือน
๏ เทียนแดงเทียนด่อนย้อมมือมี
เทียนว่าเทียนแดงศรีสว่างเหย้า
เย็นยามสุริยลีลาโลก ลงเอย
เทียนแม่จุดจักเข้าสู่ห้องหาใคร
๏ เรียมชมการะเกษหั้นหอมหา ยากนา
หอมหื่นกลเกษารื่นเร้า
มาลัยมะลิลาลาญสวาท
เหมือนดอกไม้เกี่ยวเกล้าแม่อกล้งผจงกรอง
๏ นิลุบลนิลเนตรน้องนิลพราย
นพมณีนิลอายเนตรน้อง
จากพักตร์พิโยคสายสมรแม่
นุชจะส่ายเนตรต้องตอบต้องชายใด
๏ อัญชันฉินขาบแต้มตางาม
ก่ำกำโบลบัวกามยื่นแย้ม
ถวิลรสยั่วยำยามยุพโยค
เหมือนเมื่อตฤบรสแก้มกลิ่นเกลี้ยงเกลาฉม
๏ ชมบัวบัวบุษย์บ้างบัวหลวง ก็มี
กำดัดไพรโดรดวงเด่นน้ำ
คนึงโฉมมณีพวงกมุทมาศ เรียมเอย
ยี้ยิ่งบัวหลวงล้ำเล่ห์แย้มยามชม
๏ ทินกรกรก่ายเคล้าคลึงบัว
บัวบบานหุบกลัวภู่ย้ำ
ภุมรีภมรมัวเมาทราบ บัวนา
แนมแนบนอกกลีบกล้ำกลิ่นสร้อยเสาวคนธ์
๏ บึงบัวบงกชแก้วกานดา พี่เฮย
กลิ่นบไกลคนธาเท่ห์น้อง
บัวปรางปรับนาสาสมสนิท
บัวแนบบัวทรวงซ้องเบียดสร้อยบัวศรี
๏ ป่วยกล่าวร้อยสระแก้วโกสุมภ์
เพ็ญผกากัลพุมเสียดซ้อง
ไป่เปรียบปริดิประทุมทิพยสระ พี่แม่
แมลงมาศหึ่งหึ่งร้องร่อเคล้าคลอบัว
๏ พฤกษชาติรายเรียดชื้อเชิงเลน
วายุโยกโยนเยนยอดโย้
จักเอนก็จงเอนทับท่าว เถิดรา
เรียมบเอนโอนโอ้ซื่อตั้งใจจง
๏ เรียมเจ็บอกฟ้าแผ่นดินเป็น สุขแฮ
ทรวงระทมเข็ญคือค่อนค้อน
อู่น้ำนทีเย็นใจอยู่ ไยนา
โอ้อู่อกเรียมร้อนป่วนปิ้มเป็นไฟ
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์แจ่มหน้า
มัศยาย่อมพัวพันพิศวาส
ฤๅพี่พรากน้องช้าชวดเคล้าคลึงชม
๏ เพียนทองแลเลื่อมแพร้วทองพราย
ใจพี่พิศเพียนหมายมุ่งน้อง
ฉินโฉมเฉกกวีกายกลทาบ ทองนา
เห็นตะเคียนผุดพ้องพี่เพี้ยงขาดใจ
๏ เทพาพาตะภากผ้ายผันจร
เพียงภาคย์พิมลสมรแม่ผ้าย
นวลจันทร์หวั่นอาวรณ์แสวงเหยื่อ
โอ้พี่แปลกปลาคล้ายหนุ้มหน้านวลจันทร์
๏ เทโพพาพวกหว้ายเป็นทิว มาแม่
สบสลาดสลิดจิ๋วเจื่อนหน้า
กดโชลงกระโสงซิวสันโดษ เดียวเฮย
แหว่าห่างชู้ช้าช่อนช้าชมเพียน
๏ ตระพากผันเข้าฝั่งแฝงเตย
ดุกชะโดโดดเกยหาดเหล้น
แก้มช้ำมัจฉาเชยชมชอก ช้ำฤๅ
ฤๅพี่เชยชื่นเฟ้นก่ำแก้มกลกัน
๏ ปลาเค้าคิดเค้ามุ่งหมายเหมือน
ปลาทุกถวิลคางเบือนบู่สร้อย
นาลจันทร์แจ่มเจียนเดือนดวงพักตร์ แม่ฤๅ
กรายว่ากรายกรีดก้อยแน่งนิ้วนางกราย
๏ ชลจรเจนน้ำนับแสนไสว
คล่ำคล่ำดำกินไคลเคลื่อนคล้อย
คล้าย ๆ ว่ายไวไวแสวงเหยื่อ
โหยพี่เห็นปลาน้อยเนตรน้ำตกตาง
๏ โพงพางกางข่ายอ้าเอาปลา
สบหมู่สัญจรมาติดต้อง
กรรมพรากจากเสน่หามาห่าง
ข่ายดั่งข่ายรักข้องรักค้างเรียมเคือง
๏ เรืออวนญวนหย่อนล้อมวงระไว แวดนา
ตรือตรากตรอมอยู่ในข่ายนั้น
ข่ายรักพี่แรมไกลกลอยสวาท แล้วแม่
เอาแต่สายใจกั้นแวดไว้ฤๅวาง
๏ มหรรณพน้ำสุดซึ้งแสนวา ก็ดี
ยังบ่ปิดปัญญาดิ่งได้
คลองรักเรื่องเสน่หาเห็นหยั่ง ได้ฤๅ
ลึงล่วงสาครไซร้สุดรู้เรียมคนึง
๏ เห็นเรือเรือมากหน้าไฉนจำ ได้นา
เรือว่าเรือนางนำข่าวพร้อง
คว้างคว้างห่างหายลำลับเนตร
พี่ก็เคร่าเรือร้องเร่งซั้นสั่งความ
๏ กรกฎกางก้ามร่ายริมเฉนียร
เล็มล่าอาหารเวียนหวาดดุ้ง
ลงปล่องซ่องชายเดียรถ์โดยด่วน
หอยและเต่าเล่ากุ้งลากก้ามตามกัน
๏ มลักเห็นกรกฎเปี้ยวปนปู
ปูนึกน่าเอ็นดูเคลือบคล้าย
จุบแจงไต่ตามพรูปูหนีบ เปี้ยวนา
หยุบเหยื่อมารู้ป้ายปิดกั้นกำบัง
๏ ทะเลเจ้าว่าห้วยเรียมฟัง
ลุ่มว่าดอนเรียมหวังว่าด้วย
ปุ่มว่าเปือกปการังเรียมร่วม คำแม่
ปูว่าหอยหนึ่งกล้วยว่ากล้ายเรียมตาม
๏ มลักเห็นใบจากเจ้านฤมิต
เป็นสำเภาไพจิตรเลื่อนโล้
จักลงระวางคิดจวนแก่
ผิงหนุ่มแล้วโอ้พี่เพี้ยงโดยสาร
๏ เห็นทิวทุ่งน้อยหุบลำเนา สนุกนา
ลาดเลี่ยนลานเข้าเขานวดเฟ้น
แลลานลำลึกเยาวมาลย์มิ่ง กูเอย
ลานแหล่งนุชเคยเหล้นลับแล้วลานทรวง
             

๏ ชาวนาอเนกเกื้อการตน
ออกไร่ไปแขกขนฟ่อนเข้า
แสนรักสุดแรงรนเร็วช่วย เรียมรา
โอ้บเห็นแขกเต้าช่วยร้อนเรียมเลย
๏ เห็นโพงโพงน้ำหลั่งลงคาม เขตแฮ
ดูบดับร้อนความโศกซ้ำ
นัยนาคล่าวไนยนามพุพุ่ง โพงนา
โพงช่วยวานโพงน้ำเนตรบ้างเบาครวญ
๏ เห็นตระโหนดเขานวดน้ำบีบระบม
รสฤชอบใจชมแต่เต้า
ใบตาลยะยาบลมโบยโบก มานา
ถวิลว่าด้ำจิ้วเจ้าฝากไว้วีเรียม
๏ ร้อนรุ่มรุ่งบ่รู้คืนวัน
ตัวตื่นตาใจฝันคลับคล้าย
แปดยามย่ำแดยันแทนทุ่ม โมงแม่
นอนนั่งลุกยืนย้ายยิ่งร้อนเรียมวี
๏ ปานนี้ศรีสวัสดิเจ้าจอมสมร พี่เอย
กันจุไรฤๅนอนนั่งเหล้น
กรองพวงพู่เกสรบุปผชาติ ชมฤๅ
ฤๅว่านุชสระเส้นเกษน้องนางสนาน
๏ เคยนอนอิงแอบเนื้อในรา ตรีแม่
นาสิกสูบกลิ่นนาสิกน้อง
ถวิลโอษฐ์แม่รับสลาโอษฐ์พี่
ฤๅนิราแรมห้องห่างหน้านางไกล
๏ ไกลถนอมเนื้อเกลี้ยงแกล่ไกลนุช
ไกลกลิ่นบุษบาบุษป์คลี่เคล้า
ไกลพี่พางทรวงทรุดโทรมเพื่อ ไกลนา
ไกลเนตรไกลแนบหน้าหนุ่มหน้านางไกล
๏ รัญจวนเจ็บจากเนื้อนางไกล
จากแต่ทรวงสายใจจ่อเจ้า
ห่างสมรพี่เสพย์ใดฤๅมุ่ง เหมือนเลย
เข้าบเป็นคำเข้าแต่น้ำตากิน
๏ ลมพัดคือพิษต้องตากทรวง
หนาวนอกรุมในดวงจิตช้ำ
โฉมแม่พิมลพวงมาเลศ กูเอย
มือแม่วีเดียวล้ำยิ่งล้ำลมพาน
๏ แว่วแว่วเสาวนิศน้องนางทรง เสียงฤๅ
สรวลกระซิกโสตพะวงว่าเจ้า
คล้ายคล้ายดำเนินหงส์หาพี่ ฤๅแม่
อ้าใช่อรเรียมเศร้าซบหน้ากรรแสง
๏ รอยกรรมมาแบ่งแก้วกับสกนธ์ กูเอย
เห็นก็เห็นแต่ตนต่างร้าง
โอ้ดวงทิพสุมณฑามาศ แม่เอย
บุญที่สมสองสร้างจักสิ้นฤๅยัง
๏ ป่านนี้มาโนชน้อยนงพาล พี่เอย
เห็บเหษฤๅกรองมาลย์มาศห้อย
ปรุงจันทร์จอกทองธารประทิ่น ทาฤๅ
นอนนั่งถามแถลงถ้อยทุกข์พร้องความใคร
๏ ฟักแฟงแตงไร่ร้านริมสอง ฝั่งนา
ผลแทบเท่ากลองกองกับหญ้า
นวลแตงอ่อนลอองลอออก
นึกลำลึกนวลหน้าหนุ่มหน้านวลแตง
๏ ดงเตยหนามแน่นร้ายแรงครัน
ดูดอกดุจปะหนันน่าเคล้า
ฉันใดไป่ทรงคันธรสรื่น รมย์นา
ไกลกลิ่นลำเจียกเจ้าพี่ชี้ชมเตย
๏ ดูเดื่อเดื่อห่อนให้ใครเห็น
เดื่อประจักษ์ต่อเป็นลูกเต้า
โอ้อกอ่อนเอยเอ็นดูหน่อย หนึ่งเทอญ
รู้เช่นเห็นเดื่อเจ้าจดไว้หว่างทรวง
๏ เห็นงิ้วคิดงิ้วง่วงใจฉงน อยู่นา
โฉมแม่ฟ้อนงามยลยิ่งงิ้ว
งิ้วรุ่นระดูดลดอกกลาด
หนาวดอกงิ้วเรียมหิ้วแต่ร้อนโรยแรง
๏ พฤกษไทรไพรปู่เจ้าจอมอา รักษ์ฤๅ
รุขพิมานโรยราร่วงไร้
น้อยฤทธิร้างพากูสู่ สมรแฮ
ขอแต่ดลใจให้แม่เต้ามาตาม
๏ หมู่ม่วงม่วงว่าไม้สวายหวาน
ดลระดูม่วงมานช่อช้อย
ชมช่อชื่นไปปานรสเสพย์ สวายแฮ
เพลินพิศผลฮวบห้อยยิ่งให้ใจเห็น
๏ หมากกรูดกรูดกับแก้กองลม
ถวิลบิยุคยาดมอ่อนสร้อย
ผลกรูดสดสระผมเสาวภาคย์ พี่แม่
ไม้จะจักหวีน้อยฝากน้องนางสาง
๏ พฤกษ์ฉายคล้ายอรเต้าเต็มตา เห็นแฮ
เห็นดั่งเอวบางมาแมกไม้
ไฉนเนตรตอบนัยนาเรียมหน่อย หนึ่งแม่
มาแม่ยาใจให้พี่น้อยยาใจ
๏ เห็นรพกำป่าปิ้มไป่เป็นผล
ระกำเกิดกองระกำทนเทวษสร้อย
ระกำร่วมเรื่องระกำกลกับพี่
ระกำเพื่อเหตุเจ้าร้อยชั่งร้างเรียมระกำ
๏ ชมแขคิดใช่หน้านวลนาง
เดือนดำหนิวงกลางต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปรางจักเปรียบ ได้เลย
ขำกว่าแขไขแย้มยิ่งยิ้มอัปสร
๏ ดูใดไปดุจแก้วตาเรียม
ชมอื่นชื่นไป่เทียมเท่าด้วย
เจียรจากเจ็บทรวงเกรียมเหลือกรอบ
กลืนแต่ยาคูถ้วยหนึ่งแค้นเคืองคอ
๏ เอวงามงามบให้เห็นโฉม
งามแม่เกรงจักโลมลอบเหล้น
งามเอวอ่อนอย่าโทมมนัสทุกข์ เทวษนา
เชิญแม่เยี่ยมอย่าเร้นซ่อนโอ้อายงาม
๏ สาวทวายถวิลว่าเนื้อนฤมล แม่นา
ย่างขยับแวมยลแทบทั้ง
อ้าโฉมสุมาลย์มณฑามาศ เรียมเอย
คอยจักขอเห็นครั้งหนึ่งนี้ฤๅเห็น
๏ นางชีชี้ชื่ออ้างแอหนัง นี้แม่
เพรงพรากปันหยียังสบหน้า
สองคืนสู่กาหลังโลมสวาท กันนา
เรียมจะสมสบหน้านุชปิ้มปางไหน
๏ ร่ำเริ่มราเมศไท้ธิบดี
จากสีดาเดียวลีลาศแล้ว
ยังคืนสู่บุรีรมเยศ
ฤๅอนุชน้องแคล้วคลาดช้าฉากเรียม
๏ อนิรุทบำราศห้องหวลสมร
ศรีอุษาเอวอรอกว้าง
เทวาผ่าพาจรจำจาก
ยังพึ่งพี่เลี้ยงอ้างอาจอุ้มเอาสม
๏ พระสมุทโฆเรศร้างแรมพิน
ธุบดีโฉมฉินชวดช้า
ยังสืบสบสมรกินรสร่วม กันนา
เรียมจะพลันสบหน้านุชปิ้มปางไหน
๏ ขุนงามงามสรรพสร้อยสุธน
จากมโนราห์รนรีบเต้า
เดียวเศร้าสู่ไพรสณฑ์สั่งสวาท
สังเวชเรียมจากเจ้าเจ็บช้ำชมสมร
๏ ศิลปีบรเมศท้าวสัทธนู
พิโยคเยาวพธูแทบม้วย
ยังพบพระพาชูชมสุข เสมอนา
เรียมจะสบหน้าส้วยเสพเจ้าเจียรไฉน
๏ พระใดบำราศน้องเนาไกล พี่นา
ร้อยหนึ่งนางถวายไปแต่ท้าว
ดวงเดียวมิ่งมาลัยเฉลิมโลก กูเอย
ขอค่อยอิงอคร้าวครุ่นเฟ้นฟูใจ
๏ รอน ๆ สุริเยศเยื้องยอแสง
เพียงพี่สิ้นสุดแรงร่ำร้อง
เดือนดาวเด่นดวงแสดงดาษเมฆ
ดูดั่งดวงหน้าน้องแนบหน้าเสน่หา
๏ ดารกดาวฤกษ์ร้ายราคี
ดาวเคราะห์พิเคราะห์ศรีส่อเศร้า
ดวงเดือนดับรัศมีจรล่ำ ลงแฮ
ฟ้าขุ่นข่าวขวัญเข้าแม่ไข้ใจตรอม
๏ ลาลศระลึกไห้หนหา
สามย่ำยามเพลาล่วงแล้ว
ดาวเดือนเกลื่อนไกลตาตกต่ำ
วิเวกดุเหว่าไก่แก้วกฎร้องระวังยาม
๏ ยามนี้นิทรแนบเนื้อนางเคย
ฉ่ำ ๆ สำรวยเชยกลิ่นแก้ม
เกสรสรดศรีเสบยบัวมาศ
หอมประทิ่นกลิ่นแต้มหว่างเต้าเยาวมาลย์
๏ เสียงนกเงี่ยว่าน้องนงพาล
ปลุกพี่เพลากาลเกือบแจ้ง
ลืมเนตรบัดดลดาลหายแห่ง ใดแม่
อ้าใช่อรอรรแถ้งแทบกลั้นใจตาย
๏ กรรมเพรงพรากน้องนับวันไกล
ทุกข์พี่เจ็บเจียนใจจักขว้ำ
ทรวงเรียมรุ่มร้อนใดฤๅดุจ นี้แม่
อกระแหงแล้งน้ำเนตรแห้งโหยเห็น
๏ เห็นหีบหีบอ้อยบีบเบียดกัน
ทุกข์พี่เบียดใจฉันหีบอ้อย
รินรินรสเอมอันไหลหลั่ง ลงนา
หลั่งดั่งไหลหลั่งย้อยหยาดน้ำตาตรอม
๏ เห็นอ้อยไหนอ้อยห่อนเห็นหา อยู่แฮ
อ้อยกระเอมโอชาใช่น้อย
อรเอ่ยอ่อนเจรจาจับจิต ใจพี่
หวานกว่าหวานรสอ้อยโอชน้ำคำนาง
๏ มลักเห็นป่ากล้วยยอดยรรยง
เขาปลูกปือเป็นดงดื่นต้น
จันนสลนิจเรียมจงใจเสพย์
เครือครั่งผลพ่วงพ้นพี่ชี้ชั่งกรัน
๏ ทางเทียวทุเรศร้อนใจเข็ญ
ชรอ่ำอัษฎงค์เย็นย่ำฆ้อง
วังเวงวิเวกเห็นราวป่า
ยินแต่เสียงโขมดก้องกู่ให้เรียมหลง
๏ ลมลงโลมลาดไม้กฤษณา
โบกบอกนาสาหากลิ่นต้อง
รอยอรร่ำพัสตราตากตรอก ลมฤๅ
พากลิ่นกรายมาข้องค่าไม้หอมเหมือน
๏ สาวหยุดหยุดย่างช้าหวังชัก ชวนแม่
รักใช่รักแรมรักสุดรู้
นางแย้มจะยลพักตร์ฤๅพบ พานแม่
ซ่อนกลิ่นกลอยซ่อนชู้ชื่อช้ำใจถวิล
๏ ขานางนงค์ภาคแพ้พิมเพลา นุชนา
กลกล่อมสองปลีเยาวยาตรเยื้อง
เล็บนางเล็บนุชเบาบอกคึ่ง พี่ฤๅ
หลงปัดเล็บนางเปลื้อง ปลาบเนื้อเรียมขนาง
๏ หมากกรูดกะพ้อพุ่มพูมเรียง เรียดแฮ
โรครักบำราศเวียงหวั่นสร้อย
เต็งรังตะเคียนเคียงสนโศก ด้วยฤๅ
ไม้แม่บีบยางย้อยอย่างน้ำตาเรียม
๏ เห็นกระทุ่มทิ้งถ่อนต้นตูมมี
เรียมก็ตูมตูมตีอกร้อน
ค้อนกลองไป่เจ็บฝีมือค่อน ค้อนเอย
เจ็บแต่อกจากน้องพี่เร้ารันทรวง
๏ สพราศพฤกษ์โศกแส้สุกกรม
กรมบดมเรียมดมดอกแก้ว
ดูดอกอรพิมชมชอบชื่อ ไม้แม่
หวังว่าพิมพี่แล้วเล่ห์นี้เรียมหลง
๏ นางล้อมคิดอรลี้ลับหาย
เคยแม่ล้อมฤๅคลายคลาดได้
นางนูนนึกนามอายขวยโอษฐ์ กูเอย
อกจักครากใครให้ชื่อนี้นางนูน
๏ หมากลื่นร้อยลิ้นลูกสุกทราม อยู่นา
หมากพูดลับลิ้นงามพูดได้
ฉุนคิดใครครอถามหมากพูด
เปื่อจะเบือนใบ้ให้บอกร้างเร็วสม
๏ นางแย้มคิดแย้มยั่วใจชาย
แย้มพี่ยลเสมอหมายแม่ยิ้ม
กะลำพักพ่างพักตร์บายคำโบษ มุขแม่
ผิวพิมลงามปิ้มแปดน้ำคำเปลว
๏ พยอมคิดแม่แย้มยินดี
สีเสียดดั่งทรวงศรีเสียดซ้อน
เชิงชันเฉกในทีเชิงเกี่ยว กายแม่
หว้าดั่งวอนนางค้อนเคียดแกล้งเป็นกล
๏ เห็นมะขามเรียงเรียดท้อถวิลหวาม ใจนา
นุชบขามเรียมขามเข็ดเคี้ยว
คิดร่วมภิรมย์ยามสังวาส
หวานแม่หวังว่าเปรี้ยวพี่เปรี้ยวปรวนโดย
๏ ยลโศกแส้งส่อให้เรียมโหย
ดูดอกบานฤๅโรยส่างเศร้า
ช้องนางคลี่ใบโบยโบกบอก เกษแม่
ต้องดุจใดต้องเต้าเต่งเนื้อเรียมถนอม
๏ นางแย้มเหมือนแม่แย้มยินดี
ต้องดุจใจเทพีพี่ต้อง
ช้องนางคลี่เกษีนุชคลี่ ไว้ฤๅ
รักดุจเรียมรักน้องร่วมรู้รักเรียม
๏ ยมโดยประดุจเจ้าจงโดย
ใบโบกคือนุชโบยเรียกข้า
เรียมเห็นเกษเรียมโหยหาเกษ นุชนา
วัลโอบเอวไม้อ้าอ่อนอ้อมเอวเรียม
๏ เล็บมือนางนี้ดั่งเล็บนาง เรียมนา
ชมม่านนางวงตางม่านน้อง
ชมพูสไบบางนุชคลี่ ลงฤๅ
งามบารนีไม้ปล้องเปล่งปล้องคอศรี
๏ ธารโศกโศกร่มท้องธารสนาน
โศกเรียดริมธารบานช่อช้อย
เห็นโศกสุดสงสารเหมือนโศก สั่งนา
ธารดั่งธารเนตรย้อยหยาดน้ำตาตรอม
๏ ไพรโดยดวงดอกสร้อยเสาวคนธ์
รสร่ำดวนหอมกลกลิ่นแก้ว
พระพายรำเพยดลแดคร่ำ ครวญนา
เดือนว่าดวงพักตร์แผ้วพี่ไห้หาสมร
๏ หวลหาหอมกลิ่นฟุ้งมลิวัน
เปรียบประยงค์หอมหรรษ์หื่นห้า
หอมกลหลิ่นจอมขวัญขวัญพี่ มาฤๅ
หอมห่อนเห็นหน้าหน้าใคร่กลั้นใจตาย
๏ เห็นผึ้งหึ่งหึ่งตั้งตาดู ผึ่งแฮ
ผึ้งภิรมย์เรณูแนบข้าง
คิดรังรสมฤธูทายาท
ผึ้งแผ่นสมรแม่งม้างแม่มิ้มหมายเหมือน
             

๏ จ้าจ้าจักจั่นแจ้วเจียนสาร สวรรค์นา
หริ่งหริ่งเรไรปานพาทย์ฆ้อง
หึ่งหึ่งผึ้งชมมาลย์มวนว่อน
แว่วว่าเสียงสมรร้องเรียกแล้วเรียมขาน
๏ แมลงภู่หวู่ว่อนเคลี้ยคลึงคนธ์ ก็มี
ใจจ่อต่อโกมลมุ่นใกล้
ระดูฤดีดลโดยเพท
อิ่มอาบเอารสไล้ลูบล้วงดวงมาลย์
๏ ชะนีโกนกู่ก้องกาษดง
หวุ่ยวิเวกเสียงหลงละห้อย
ยามเย็นพี่เอองค์อกเปลี่ยว เปล่านา
มาแม่เพื่นเรียมน้อยหนึ่งแล้วจึ่งไป
๏ ส่ำสวาว่องไม้ร่ายโจนจร
หักฝักขามขบพลอนไพล่แก้ม
หมู่ค่างขู่ลิงหลอนโลดเล่น
ลางแนบนางลิงแย้มยั่วให้เรียมอาย
๏ หาดทรายเห็นมฤคเนื้อทรายคนอง
เถลิงโลดโลมสุขสองแล่นเลี้ยว
ลำลึกแน่งนวลลอองโอยแม่ กูเอย
เคยตระกองกรเกี้ยวกอดไล้โลมเหมือน
๏ ตะวันพาดร่มไม้เขาขนอง
ขุนมฤครเมียนมองมุ่งเนื้อ
สวนเสียงสัตว์คนองแนวป่า
เย็นอุระเรียมเรื้อสั่นเริ้มรนสมร
๏ นางทรายจามเรศรู้รักขน
คือนุชสงวนงามตนแต่น้อย
ตายองตอบตายลนวลเนตร นางเอย
โฉมแม่บาดตาย้อยอยู่พู้นฉันใด
๏ ขุนพาลพยัคฆ์คล้อพยัคฆี
สารสู่สาวคชลีลอบเหล้น
ปวงสัตว์เพรียกไพรศรีสังวาส
สังเวชสมรมาเว้นพี่เว้นวายชม
๏ ราชีพฤกษชาติชื้อชายดง
ใบบไหวเทียมธงทบเท้า
วังเวงวิเวกวงเขาเขต นี้เฮย
สบสัตว์เสียถิ่นเศร้าช่วยเศร้าทรวงเรียม
๏ ขุนสีห์คลึงคู่เคล้าสาวสีห์
สารแนบนางคชลีลาศเหล้น
ยองทรายร่ายรมย์กรีฑาชื่น ชมนา
กระต่ายกระแตเต้นตอบเต้าตามกัน
๏ กาสาสั้งเสริดดั้นโดยดง
กลกับทรพีทนง เผ่นผ้าย
หาญเสี่ยวศิขรผงผุยแหลก ละเอียดเฮย
เสนงลับแหลมเซียบย้ายโยคค้ำคาดิน
๏ นาสวรรค์ถันฟากฟ้าในไพร นี้ฤๅ
นมพฤกษเพรงใครไคลคล่าวคล้อย
ถานถันแม่สายใจจอมสวาท กูเอย
แลเล่ห์ปั้นไป่ย้อยเยี่ยงไม้มีนม
๏ ตาเสือเสือเพ่งผาดมองทาง
กวางมาแนบหูกวางฟิกเร้น
ทรายเสพย่างทรายพลางผลุนแล่น
ช้องลอดอ้อยช้างเหล้นป่าลี้ลับตน
๏ ลางลิงลิงลอดไม้ลางลิง
เล็งลูกลิงลงชิงลูกไม้
ลิงลมไล่ลิงจริงลิงโลด หนีนา
แลลูกลิงลางไหล้เล่ห์เลี้ยวลางลิง
๏ กาจับกาฝากต้นตุมกา
กาลอดกาลาราร่อนร้อง
เพกาหมู่กามาจับอยู่
กาม่ายมัดกาต้องกิ่งก้านกาหลง
๏ นกหกโหนห้อยพฤกษ์เรียงรัน
ระรี่ร้องรับขวัญอ่อนอ้า
กะสากำศรวลศัลย์สารสั่ง กันนา
กระทุ่มกระทาจ้าจับจ้องกระทาทา
๏ แอ่นเคล้าเหมือนแม่เคล้าคลอคลึง พี่นา
ไกลกลิ่นเรียมคิดถึงกลิ่นเจ้า
สุกกรมพยอมพึงใจพี่ นักนา
เหมือนกลิ่นอรหนุ้มเหน้าพี่ต้องติดใจ
๏ นางนวลนามเสนาะเนื้อนกใด ดุจนา
นาลว่าศรีนวลสไบห่มเจ้า
นวลพักตร์คู่แขไขหมดเมฆ มุขแม่
ร้อยรุ่งร้อยค่ำเคล้าห่อนสิ้นเสน่ห์นวล
๏ เรียมฟังโมเรศร้องริมดง
ขุนมยุรเวียนวงกู่ก้อง
เรียกนางมยุรลงสังวาส
อายแก่นกเรียมร้องเรียกเจ้าในใจ
๏ นกแก้วจับกิ่งแก้วกอดคอน
กลพี่กอดแก้วนอนแนบเนื้อ
นางกวักนกกวักจรจับกวัก ไกลแม่
หวังว่ากรนุชเกื้อกวักให้เรียมตาม
๏ เรียมยลมยุเรศฟ้อนฝ่ายฝูง
นางมยุรหมู่ยูงย่างย้าย
บรรพตพิศาลสูงสังวาส
ดูดำเนินนกคล้ายแม่คล้ายยูงเดิน
๏ แขกเต้าตามคู่เต้าแขกสมร มาฤๅ
ถามข่าวนกแหงนจรจับไม้
สัตวาสุวาวอนวานหน่อย นกเอย
บอกสมรเรียมไห้ให้ข่าวน้องมาแถลง
๏ เสนาะเสียงสุโนคร้องระงมวัน
สาลิกามาปันเหยื่อป้อน
นางนกกระศรวลศัลย์สมเสพย์
คือนุชแนบโอษฐ์อ้อนแนบให้เรียมโลม
๏ ดอกบัวบินร่อนร้างรังรมย์
เพียงพี่ร้างทรามชมจากห้อง
ยางเจ่าจับเจ่ากรมเกรียมอก นกนา
เหมือนพี่จ่อใจเจ้าจอดเจ้าจำตรอม
๏ นางนวลนึกว่าหน้านวลเดือน
เค้าคู่เค้าโมงเหมือนแม่นแล้ว
แขกเต้าตกบเตือนนุชไต่ มาแม่
โอ้ว่าแก้วไหนแก้วใช่แก้วตาเรียม
๏ ปากห่างประเล่ห์โอษฐ์ช้อยชออน พี่แม่
โอ้อิลุ้มไป่งอนเท่อเทื้อ
กางเขนคิดคู่กรกางกอด
ถนัดตระไนนึกเนื้อแนบเนื้อแนมใน
๏ กลุมภูเผ่นจับต้นลำพู
พุงจาบหมู่จาบพรูจับพร้อง
บนเขานกเขาคูขันเรียก รังนา
แก้วกอดกิ่งแก้วร้องเรียกแก้วกานดา
๏ กินปลีจีบเปล่าเปล้ารังรมย์
เอี้ยงแอ่นลมเล่นลมโลดเคล้า
เป็ดน้ำแนบน้ำตมเต็มติด ตัวนา
เหมือนพี่ตกทุกข์เศร้าสรากหน้าตาหมอง
๏ นกเขาขันจะโจ้จับเขา คูแฮ
นางแอ่นนกแอ่นเอาเหยื่อป้อน
เค้าโมงมุ่งสะเดาเดาดุ เขาฤๅ
ยูงจับยูงยืนฟ้อนใฝ่ยี้นางยูง
๏ สีชมพูพ่างผ้าชมพู แม่ฤๅ
นกขมิ้นเหลืองดูดั่งเจ้า
สร้อยร้าเรื่องสร้อยพธูถนิมมาศ มือแม่
นางแอ่นเอวอรเคล้าอแนเคล้าเรียมคลึง
๏ สาลิกาวานส่งสร้อยสารกู หนึ่งรา
แถลงแต่เยาวพธูที่ห้อง
เรียมไห้อยู่ทรหูหาอ่อน อวรนา
เห็นแต่นกหกร้องร่ำร้องรนสมร
๏ สัตวาวานช่วยร้อนเร็วไป
บอกว่าเรียมแรมไกลกลิ่นชู้
อยู่เดียวดุจหัวใจจักขาด แล้วแม่
จงอนงค์นุชรู้ที่ร้อนเรียมศัลย์
๏ โนรีเร็วเร่งผ้ายเผยอบิน
ไปสู่สำนักยุพินพร่ำพร้อง
เรียมถ้าหฤทัยถวิลหวังพบ ผอูนนา
นกบรับคำร้องเรียกแล้วบินหนี
๏ นางผาผาเผ่นกลิ้งกลางดง
ไฉนบมีองค์ทรงเปล่าไซร้
นารีที่ยรรยงเยาวรูป
ผาจะทำแท่นให้แก่น้องนางนอน
๏ เคยสุขไสยาศน์คุ้นเคียงเขนย
เคยตระกองบัวเชยชื่นชู้
เคยรวมร่วมนางเสวยรสโภชน์
เคยภิรมย์รสรู้ร่วมรู้รมย์นาง
๏ เรียมหวังวายชีพน้องฤๅเห็น
โทมเทวษลำเค็ญเข็ญใช่น้อย
น้ำตาตกกระเซ็นเสมอหยาด เหมแฮ
อกพี่จักหักร้อยท่อนด้วยดวงใจ
๏ ยามหนาวหนาวเหน็บพ้นพันทวี
เขาห่มนวมสองศรีสอดเสื้อ
เรียมนอนเปล่าอินทรีย์ตรอมตราก ตนนา
ขเดาดุจเพลิงสุมเนื้อรุ่มร้อนฤๅวาย
๏ หน่ายเชยหนักอกช้ำไชทรวง
เจ็บพ่างภูผาหลวงทุ่มแปล้
หนักหาบหากชนปวงปลงปลด ได้นา
หนักรักเรียมจักแก้ผ่อนให้เบาไฉน
๏ ครื้นครื้นเครงใช่ฟ้าเรียมครวญ
ฝนใช่ฝนตกอวรพี่ไห้
ลมโชยใช่ลมหวนใจหาก หวนนา
ไฟใช่เพลิงโหมไหม้ราคไหม้ใจเรียม
๏ พันเนตรภูวนาถตั้งตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่โสตแปดฟังอื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลังนาคหลับ ฤๅพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อเทพท้าวทำเมิน
๏ ปานนี้อรเช้าแม่เกลาองค์ อ่อนฤๅ
ตั้งกระดานจัตุรงค์ม่ายม้า
จักเทสะกาลงทายบาศ
ฤๅกล่าวคำหลวงอ้าอรแกล้งเกลาฉัน
๏ สารสั่งสมรแม่ไซร้จักสงวน ได้นา
กรองพี่เกรงชายลวนล่วงเคล้า
ไกลกล่อมเกลือกจักปรวนเป็นอื่น อกเอย
เรียมก็เสี่ยงใจเจ้าพี่ด้วยดวงใจ
๏ เรื่องรักรวมใส่สิ้นเกษียรสาร
แสดงพิโยคเยาวมาลย์หมื่นเศร้า
ควรสงวนร่างสำนานแนบนิทร นาแม่
ยามเมื่ออ่านแล้วเจ้าจักไห้หาเรียม
๏ สารนี้นุชแนบไว้ในหมอน
คราวสุขจึ่งเอวอรอ่านเหล้น
ยามนอนนาฏเอานอนเป็นเพื่อน
รักอย่าโรยวันเว้นค่ำเช้าชมโคลง
๏ ร่ำรักร่ำเรื่องร้างแรมนวล
เสนาะสนั่นดินครวญครั่นฟ้า
สารสั่งพี่กำศรวญแสนเสน่ห์ นุชเอย
ควรแม่ไว้ต่างหน้าพี่พู้นภายหลัง
             
ศรีสิทธวิวิธบวรนครศรีอยุธยาเยศ
อดุลย์เดชฟุ้งฟ้าจบแหล่งหล้าเกรงยศ
เกียรติปรากฏทั่วด้าวทุกไทท้าวพำนัก
เฉกหลักโลกพูนเกษมเปรมใจเมืองมิ่งเย็น
เป็นมงคลจักรพาฬวิศาลสุขสมบูรณ์
ปูนแมนมาสิงสถิตเพื่อบพิตรเร้าร้าง
ยศยิ่งยศฤๅอ้างอาจให้พึงแสยง ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

นิราศนรินทร์คำโคลงและนิราศปลีกย่อย พ.ณ. ประมวญมารค ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓

เครื่องมือส่วนตัว