นิราศวังบางยี่ขัน
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
รุ่นปัจจุบันของ 16:38, 29 กรกฎาคม 2553
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: คุณพุ่ม
คุณพุ่มแต่งเรื่องตามเสด็จพระองค์เจ้านารีรัตนาไปเยี่ยมพระญาติ
เมื่อปีมเสง พ.ศ. ๒๔๑๒
บทประพันธ์
๏ สิบเอ็จพุธอุตราเวลาสาย | |||
แสนอาดูรทูลลาเยี่ยมน้าชาย | กับพระสายสุดกระษัตริย์รัตนา[1] | ||
หลานสาวเจ้าประทุม[2]คุมไปด้วย | ดูสะสวยส่างสดซึ่งยศถา | ||
แต่คุณจอม[3]ตรอมกรมอารมณ์อุรา | ไม่ผัดหน้าผิวเนื้อเธอเหลือนวล | ||
ยังงามงดชดช้อยนั้นน้อยฤๅ | สมเขาฦๅว่าเปนองค์ทรงสงวน | ||
ที่ปราโมทย์โปรดปรานการก็ควร | แบบกระบวนบทบาทเยื้องยาตรา | ||
ลงจากตึกคึกคักสพรักพร้อม | ข้าหลวงล้อมหลายหลากมากนักหนา | ||
แต่แม่จันกั้นพระกลดดูหมดตา | คุณมารดาเดินสลับลำดับกัน | ||
โอ้เอ็นดูหนูอ่อนสมรพี่ | ห่มแพรสีนวลสมดูคมสัน | ||
เหมือนลูกวัวอั้วเอี้ยตั้วเตี้ยครัน | ทุกสิ่งสรรพ์สั้นสิ้นทั้งอินทรีย์ | ||
เลยลีลามาถึงน่าปราสาทรัตน์ | เธอทอดทัศนาทางหว่างวิถี | ||
เขาขายของสองฟากล้วนมากมี | ดูคุณขี้เกียจแท้ไม่แลเลย | ||
หยุดบังคมพระบรมโกษฐ์รัตน์[4] | โทมนัศนึกมานิจจาเอ๋ย | ||
สิ้นพระเดชเขตรยศสลดเลย | เหลือจะเงยภักตราลงมาแพ ฯ | ||
๏ เห็นเก๋งทองของประทานมีม่านกั้น | สอื้นอั้นโอ้อายสายกระแส | ||
ยศมนุษย์สุดคะเนปรวนเปรแปร | มันไม่แน่นิ่งอยู่กับผู้ใด | ||
เลยลงเรือเหลืออุระมะนะนิ่ง | เฝ้าแต่หมองตรองกริ่งประวิงไหว | ||
สุดจะอ้อนวอนหวังไปสั่งใคร | ให้แจ้งใจเหมือนจิตรที่คิดปอง | ||
นาวาล่วงทรวงเสียวเหลียวเหลียวหลัง | แลดูวังสังเกตเทวศหมอง | ||
นิจาเอ๋ยเคยเปนข้าฝ่าลออง | อำไพผ่องเพียงเดือนบนเรือนรถ | ||
สิ้นพระชนม์ล้นกระหม่อมจอมกระษัตริย์ | เคยเปรมปราสาระพัดวิบัติหมด | ||
แต่ก่อนเอ๋ยเคยมีอิศริยศ | เดี๋ยวนี้ลดลับเลือนเหมือนเดือนดาว | ||
ถึงโรงเรือเรือที่นั่งยังประทับ | โอ้แลลับเห็นแต่แม่สาว ๆ | ||
ต้องแรมร้างจางจืดไม่ยืดยาว | แต่เมื่อช้าวยังพบไม่หลบตา | ||
ถึงท่าขุนนางวังเวงวิเวกจิตร | คงจะคิดถึงพระเดชเทวศหา | ||
เคยเฝ้ารับสั่งถามความสุธา | เดี๋ยวนี้มาเฝ้าพระโกษฐ์ไม่โปรดปราน | ||
แต่พระจอมกระษัตราจุฬาเลิศ | เหมือนแก้วเกิดกลางฟ้าเวหาหาญ | ||
ได้สืบวงศ์ทรงแดนแสนศฤงคาร | จึงสำราญร่มเกล้าทุกเช้าเย็น | ||
ถึงท่าพระปะบ้านสถานถิ่น[5] | ยิ่งถวิลหวั่นใจมิได้เห็น | ||
สวาดิแสวงแฝงชีวิตมามิดเม้น | เปนรักเร้นรักร้างจึงจางจร | ||
จะคงสัตย์ฤๅจะปัดขี้ปดปิด | ฤๅจะคิดลายลักษณอักษร | ||
เห็นบ้านเรือนเตือนใจอาไลยกลอน | ปานนี้นอนอยู่ที่หอแล้วหนอจ๊ะ | ||
ฝีพายจ้วงล่วงแลชำเลืองเหลียว | ในทรวงเสียวเสียวเศร้าเปล่าอุระ | ||
ดูวัดระฆังฝั่งซ้ายรายระยะ | ขอคุณพระพุทธรูปสถูปรัตน์ | ||
เปนที่พึ่งพึ่งซึ่งภัยในมนุษย์ | หนึ่งสิ่งสุดเสนหารักษาสัตย์ | ||
ที่ทรวงซื่อถือธรรมน้ำพิพัฒน์ | โสมนัศสนิทนาถราชการ | ||
หมายเปนหนึ่งพึ่งเขตรพระเดชเสด็จ | เปนสิ้นเสร็จครองสัตย์อัธิฐาน | ||
ขอเปนข้ากว่าจะถึงซึ่งนิพพาน | ไม่โปรดปรานเปรียบเปนเพียงเอ็นดู | ||
นี่เปนข้ามาพึ่งแต่ครึ่งชาติ | แรมนิราศร้างรศโอ้อดสู | ||
เหมือนสระสุทธิ์บุษบงทรงเรณู | ไร้ที่ผู้รักษาพยาบาล | ||
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเหลียวหลังดูฝั่งขวา | องค์รัตนาบานเบิกให้เลิกม่าน | ||
เห็นวังกรมราชสีห์ที่นิพพาน | แสนสงสารพงศ์กระษัตริย์วิบัติเปน | ||
ประชวรจับกลับหายก็หลายหน | นี่เนื้อผลเวรกรรมมาทำเข็ญ | ||
จับไข้หนาวคราวนี้ท่านหนีเร้น | คืนไปเปนกรมชั่งทำวังเวียง | ||
อยู่สวรรค์ชั้นสุดถึงดุสิต | สูพระวิศนุวาดไม่อาจเถียง | ||
คอยพระจอมเกษกระษัตริย์จำรัสเรียง | เปนแท้เที่ยงท่าทางเหมือนอย่างคิด | ||
รักษาพระองค์ทรงเดชเกษสยาม | เสด็จไหนไม่ขามสู้ตามติด | ||
ทราบว่าพระภูวนาถบาทบพิตร | เสด็จดุสิตก็อุส่าห์คลาศคลาไคล | ||
คอยคำนับรับเสด็จเสร็จประทะ | ไปสร้างพระปรางทองอันผ่องใส | ||
ทิ้งคุณน้อยสร้อยเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ | ให้ร้องไห้โหยหาทุกราตรี | ||
เคยเปรื่องโปรดโสดทรวงจะง่วงเหงา | แต่ลูกเต้าเล่ายังอยู่กะจู๋กะจี๋ | ||
ค่อยสบายคลายคลั่งเพราะมั่งมี | ไม่เหมือนพี่คุณพุ่มซุ่มซุกซน[6] | ||
พ่อแม่น้ายายตายเหมือนถั่ว | ยังแต่ตัวเต็มทีออกปี้ป่น | ||
มายอมยากฝากชีวิตด้วยฤทธิจน | อยู่เปนคนชิดใช้หมั่นไปมา | ||
พอฝีพายท้ายประจำลำที่นั่ง | ทรงกำลังยาวโยนบโทนขวา | ||
แลตลิ่งวิงเวียนเปลี่ยนตา | คุณให้รารอรั้งจะนั่งดู | ||
ด้วยรุ่นสาวคราวมาเปนข้าบาท | ได้รับราชการเสีจเสด็จอยู่ | ||
ไม่อาจทูลลาเลยไม่เคยดู | เห็นคนผู้แซกซอกชาวนอกวัง | ||
จึงให้รอพอแลกระแสสาย | เบิกสบายเบาร้อนอาวรณ์หวัง | ||
ถึงโรงสีมีกระท่อมล้อมรุงรัง | แกลบริมฝั่งรำฟุ้งกระบุงกระบาย | ||
ไม่น่าดูสูสีมีแต่แขก | เอาบ่าแบกฟืนตองมากองขาย | ||
นึกสะเทินเมินหน้าระอาอาย | ชำเลืองชายชมวัดมัสการ | ||
ถิ่นสุธาหน้าพระธาตุอาวาสนิเวศน์ | ของปิ่นเกษกระษัตราสุธาสถาน | ||
ทรงสะสางสร้างสมมานมนาน | ตั้งแต่ผ่านภพประเทศธเรศตรี | ||
บรมนารถบาทบัณฑูณจำรูญจำรัส | ครองสมบัติบำรุงซึ่งกรุงศรี | ||
ทรงปราโมทย์โปรดจัดสร้างวัดนี้ | เดิมชื่อศรีสารเพชญ์มีเม็ดพราย | ||
ด้วยตาสีตาสากับตาเพ็ช | มั่งมีเม็ดเข้ากล้าทำนาขาย | ||
ได้เงินเฝือเหลือหลามทั้งสามนาย | สร้างถวายสังกาศอาวาสวง | ||
จึงให้นามสามนายหมายฉนี้ | ชื่อพระศรีสารเพ็ชญ์เสร็จประสงค์ | ||
พอจอมเกษมงกุฏสมมุติวงศ์ | เสด็จมาทรงสร้างเมืองเรืองจำเริญ | ||
ทรงสถาปนาจัดวัดพระศรี | ให้งามดีโดนดังสั่งรเสริญ | ||
เอาบรมธาตุธรรมนำดำเนิน | ประชุมเชิญไว้ในโบถสาโรชราย | ||
ก่อสถูปทำปฐมบรมธาตุ | สามขนาดตวงทนานประมาณหมาย | ||
พระเจดีย์นี้ประดับสลับลาย | ทรงสร้อยสายตาบทิศแล้วปิดทอง | ||
มีรูปพระสาวกหกสิบห้า | ที่ตรงฝาผนังในไม้สิบสอง | ||
ทราบกำหนดจดถ้อยริร้อยกรอง | ฉล่ำฉลองเฉลิมวัดโดยศรัทธา | ||
บรรดาสงฆ์วงจังหวัดวัดพระธาตุ | ล้วนฉลาดเหลือดีที่มหา | ||
เพราะบารมีของพระศรีศาสดา | คือมหาธาตุสุคตกำหนดนาม | ||
ได้แลเห็นเปนสุขลืมทุกข์ทับ | จะเลยลับล่วงไปให้ไหวหวาม | ||
ถึงกระทั่งวังน่าสง่างาม | เรืองอร่ามบริรักษ์ตำหนักแพ | ||
กำปั่นทอดจอดประทับไว้กับท่า | ทัศนาในระหว่างกลางกระแส | ||
คนนั่งเล่นเปนหมู่อยู่ที่แพ | เราแลแลไม่รู้จักไม่ทักทาย | ||
โอ้คิดบุญคุณตึกอยู่คึกคัก | เคยเอ็นดูรู้จักสมัคหมาย | ||
ไม่เหมือนมาดคลาศคลาชีวาวาย | ท่านตรอมกรมล้มตายเสียหลายปี | ||
เมื่ออยู่เอ๋ยเคยไปวังบางยี่ขัน | พอแม่พันมาประนตบทศรี | ||
ได้รู้จักภักตราพูดท่าที | เห็นคุณพี่พุ่มภักตร์ก็รักแทน | ||
จะทำนุอุปฐากช่วยลากถู | คิดคิดดูอยู่ข้างเบื่อนั้นเหลือแสน | ||
ใช้ปัญญาน่าหัวร่อเหมือนต่อแตน | ไม่เหมือนแทนคุณคอยจะต่อยตอม | ||
คิดเหมือนเบ่าเก่าแก่แต่ปัจฉิม | รักคุณอิ่มสุดแสนแทนถนอม | ||
เห็นยากเย็นเปนทุกข์คะมุกคะมอม | จะซูบผอมอย่างประมาณให้ทานกิน | ||
กลับอิดเอื้อนเลื่อนหลบเหมือนกบเขียด | ไม่บังเบียดใบอุบลทนถวิล | ||
เฝ้าชื่นเช่นเผ่นโผนในโคลนดิน | รังเกียจกลิ่นกุสุมาระอาอาย | ||
ถึงคลองหลอดสอดเนตรสังเกตโฉม | สู้ถาโถมทอดเทเสน่ห์หมาย | ||
ไม่ทิ้งทอดลอดเล็ดไปเด็ดดาย | ขอเปนด้ายกับหลอดกอดกันกลม | ||
อย่าเหนี่ยวเหน็บเก็บตะกอไปทอหูก | ไม่หวังผูกพันสายหมายประสม | ||
จะพึ่งหลอดกอดสัตย์พิกัดกลม | มิขอชมเชยกี่มีตะกอ | ||
ถึงบ้านท่านพระยาอินทราเก่า | ดูหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวจริงเจียวหนอ | ||
แต่ยี่โถโอ้อกช่างดกพอ | บานเปนหมู่ชูช่ออรชร | ||
๏ เขาข้ามตัดไปวัดประโคนเขตร | เห็นนิเวศน์อาวาสขยาดสยอน | ||
เปนเสาหินสิ้นสังเกตเขตรนคร | วังบวรนิเวศน์ธเรศตรี | ||
โอ้ธานินทร์ถิ่นฐานย่านแม่น้ำ | ยังรู้กำหนดแนวแถววิถี | ||
แต่วิโยคโศกศัลย์ของฉันนี้ | มิได้มีที่หมดกำหนดเลย | ||
ตั้งแต่หมดพระวสันต์สวรรคต | เฝ้ารันทดทุกทิวานิจาเอ๋ย | ||
ไม่ส่างเสื่อมสิ่งเศร้าเบาเสบย | เมื่อไรเลยจึงจะส่างสว่างทรวง | ||
แลดูไหนก็ไม่เพลินต้องเมินหน้า | ที่ทูลลาเหลือกำลังอยู่วังหลวง | ||
ไม่ให้ส่างโศกเสริมกลับเติมตวง | ไม่วายห่วงโหยไห้อาไลยอาวรณ์ | ||
อยากแบ่งปันคั่นเขตรเทวศถวิล | เหมือนเสาหินเขตรปักลงอ้กษร | ||
ที่โศกศุขทุกข์ประทะอุระสะท้อน | ให้เปนตอนเหมือนตัดวัดประโคน | ||
ดูเรือแพแลหลายจอดท้ายวัด | เขาขายพัดจัดวางกระถางกระโถน | ||
ตะลุ่มโอโถตลับมีดพับมีดโกน | บ้างขายโทนโอ่โถงโรงลคร | ||
แลตลิ่งมิ่งไม้ใบชะอุ่ม | อัมพาพุ่มออกพวงร่วงสลอน | ||
ชมพู่ดกนกกาพากันจร | มาเวียนว่อนบินวนตอมต้นไม้ | ||
เห็นโศกออกดอกโศกโบกสะบัด | พระพายพัดพากิ่งประวิงไหว | ||
แต่โศกทรวงดวงจิตรนี้ผิดใจ | ลมช่างไม่พัดพานสงสารทรวง | ||
โอ้โศกออกดอกงามเมื่อยามโศก | แต่ลมโลกโบกโบยก็โรยร่วง | ||
อันโศกในใจเราโศกเศร้าทรวง | ถ้าลมดวงใจจัดช่วยพัดพาน | ||
คงจะโรขโดยรศพจนพร้อง | ให้หายตรองเกรียมตรมเพราะลมหวาน | ||
เพี้ยงเอ๋ยเพี้ยงเสี่ยงสัตย์ช่วยพัดพาน | ที่พจมานให้แม่เหมนหล่อนเห็นจริง | ||
๏ ถึงคลองขวางบางลำภูอยู่ข้างขวา | โทมนัศทัศนาประสาหญิง | ||
มีป้อมใหญ่ใส่ปืนคอยยืนยิง | แลตลิ่งเห็นตลอดน้ำขอดคลอง | ||
โอ้วารียังรู้มีเวลาว่าง | นิราศร้างแรมทิ้งตลิ่งหมอง | ||
รู้คลาศเคลื่อนเลื่อนลดไปหมดคลอง | ดูทำนองเหมือนในน้ำใจคน | ||
เมื่อคราวดีมีผู้มาสู่หา | หมายพึ่งพาผูกรักเปนพักผล | ||
พอถอยยศลดลับฤๅอับจน | ไม่เห็นคนใครทักรู้จักเลย | ||
โอ้ยามเข็ญเห็นหน้าคุณป้าพุ่ม | มาซ่อนซุ่มซอมซ่อฉลอเฉลย | ||
ช่วยชักชอบขอบคุณเหมือนคุ้นเคย | ฟังภิเปรยชูชื่นทุกคืนวัน | ||
ถึงคลองย่านบ้านพระยามหาเทพ | เขาสมเสพเรียกทางบางยี่ขัน | ||
ยังไม่ถึงบ้านลาวชาวเวียงจันท์ | ให้หวั่นหวั่นถึงวังนั่งคนึง | ||
ปานฉนี้นี่นะจะไฉน | ใจเอ๋ยใจเฝ้าแต่นึกรำฦกถึง | ||
แล้วปรารถทบทวนไม่ควรคนึง | เราตั้งปึ่งทำเปนเหมือนเช่นนาย | ||
มาลักลอบชอบพอก็ล้อเล่น | ที่จะเปนแน่หนึ่งอย่าพึงหมาย | ||
แต่น้ำยังหลั่งไหลได้ใต้ทราย | เดือนยังหงายกลางป่าลับตาคน | ||
เหมือนพิกุลฉุนชื่นระรื่นรศ | ก็ปรากฏเกสราบุบผาผล | ||
เมื่อบานกลีบจีบจัดระบัดบน | โดยจะหล่นจากก้านการพิกุล | ||
ถึงเหี่ยวแห้งแสงสายอย่าหมายหมด | คงหอมรศรวยรินทรงกลิ่นฉุน | ||
ฉลาดลึกนึกเล่นเช่นพิกุล | ถึงหอมฉุนชื่นจิตรไม่ติดแพร | ||
มิใช่ดอกมลิลาฤๅกาหลง | จะได้จงเจือประจำแพรดำแส | ||
พอเรือเคลื่อนเลื่อนมาถึงน่าแพ | ตะลึงแลดูแม่น้ำลำชลา | ||
ลูกละลอกกลอกกลิ้งเปนเกลียวคลื่น | เหมือนสอื้นอาไลยโหยไห้หา | ||
แต่ล่วงลับดับพระชนมา | โอ้น้ำตาตวงขันทุกวันคืน | ||
จะคะเนชลไนยที่ไหลเลื่อน | ตั้งแต่เดือนออกพรรษาเฝ้าฝ่าฝืน | ||
วิโยคยิ่งสิ่งสรรพ์สู้กลั้นกลืน | ดูดังคลื่นคลาคล่ำลำชลา | ||
๏ พอถึงบ้านตะพานพักนึกหนักจิตร | โอ้อนิจคิดอนาถวาสนา | ||
ฝีพายทวนเรือประทับกลับนาวา | จอดที่ท่าน่าจวนฉนวนใน | ||
พวกข้าหลวงล่วงลีลาลงมานั่ง | ดูสะพรั่งพร้อมเหล่าสาวไสว | ||
เชิญเครื่องอานพานทองสำรองไว้ | พระองค์ใหญ่ยิ่งกระษัตริย์รัตนา | ||
แม่พี่เลี้ยงเคียงคำนับรับเสด็จ | ทรงหมวกเพ็ชร์พรรณรายลายเลขา | ||
ฉลององค์ทรงประจำธรรมดา | หนูแย้มมากั้นพระกลดบทจร | ||
คุณจอมเดินเขินขวยระทวยทอด | ดูงามยอดยิ่งทรงองค์อัปษร | ||
แล้วคุณน้องสองนาฏลีลาศจร | สลับสลอนหลานสาวทั้งเจ้าอา | ||
พวกที่วังบางยี่ขันพันธุ์พระญาติ[7] | มาดาดาษรับเสด็จโดยประสา | ||
ก็เซ็งแซ่แม่ข้าหลวงล่วงลีลา | ทนายจ่าแจ่มตามงามกระทรวง | ||
โอ้คิดครั้งยังมีพระชนมาศ | แม้จะออกนอกพระราชวังหลวง | ||
มีทหารแห่เห็นดูเด่นดวง | ได้โชติช่วงชูพระเดชกระเษตรา | ||
อันแผ่นดินสิ้นยศลดไสล | ไม่ทันไรมานิราศวาสนา | ||
เหลือจะคาดพลาดไพล่เหมือนไปมา | โอ้ชตาตกอับไม่รับยอ | ||
เลยลีลามาที่เรือนประทับ | ต่างต้อนรับวงศ์วารคลานออกสอ | ||
เธอกราบกรานมารดาน้ำตาคลอ | คนไข้พอเห็นภักตร์ก็ทักทาย[8] | ||
เชิญเสด็จพระองค์ใหญ่นั้นไปนั่ง | บนเตียงตั้งตามยศกำหนดถวาย | ||
เปนชื่นในไข้หนักก็หักคลาย | เหมือนจะหายนั่งลุกเจ้ามุกดา | ||
ต่างปราไสไต่ถามเมื่อยามปะ | วิสสาสะสรวลสันต์แสนหรรษา | ||
เจ้าแม่แก้วเข้าไปรื้อหนังสือตรา | ที่ฝากมามีเรื่องเมืองอุบล | ||
ส่งให้คุณจอมอ่านสารอักษร | ว่าอวยพรภูลเพิ่มเฉลิมผล | ||
ได้ทราบเกล้าเจ้าแผ่นดินสิ้นพระชนม์ | พี่[9]ทุกข์ทนถึงขนิษฐ์คิดคนึง | ||
สั่งสนองสองพระหน่อวรนุช | ลุงนี้สุดที่จะนึกรำฦกถึง | ||
จงเจียมองค์ทรงตรึกให้ฦกซึ้ง | ขาดที่พึ่งโพธิ์ทองของสำคัญ | ||
จงฝากกายในพระสายกระษัตริย์หญิง | องค์ใหญ่ยิ่งอย่าได้คิดให้ผิดผัน | ||
ซึ่งน้องเขียนเลขาขึ้นมานั้น | จะให้ฉันไปคำนับสดัปกรณ์ | ||
จะลงมาหาของสำรองสำเร็จ | ทุกสิ่งเสร็จส่วยสาแพรผ้าผ่อน | ||
เกณฑ์พวกไพร่ให้ทราบช่วยหาบคอน | อ้ายชาวดอนแดนไพรมันไม่มา | ||
ว่าอุปฮาดราชวงศ์เจาะจงห้าม | ไม่ให้ตามคำถ้อยของข้อยว่า | ||
ว่าต้องถอดจากที่ไม่มีตรา | เธอพูดจาเอาแต่ใจแสร้งใส่ความ | ||
จึงต้องรอข้อนี้เต็มวิตก | พอแรมหกค่ำวันจันทร์เดือนสาม | ||
คาดคะเนเวลานั้นกว่ายาม | เรามานั่งฟังความอยู่หอกลาง | ||
มีผู้มามองยืนยิงปืนไฟ | ผิดพี่ไปถูกเตียงเสียงดังผาง | ||
ออกไปจับกับเบ่าเหล่าขุนนาง | มันวิ่งวางว่องไวไปไม่ทัน | ||
ก็ตรองหาสาเหตุสังเกตภักตร์ | เหมือนเงาตักน้ำใส่ไว้ในขัน | ||
จะลงมาเฝ้าพระศพปรารภครัน | กลัวพวกมันตามตัดสะกัดทาง | ||
จึงเขียนสั่งหนังสือหารือถึง | เจ้าน้าพึ่งไปปฤกษาท่านหาล่าง | ||
เรียนเจ้าคุณภูธรา[10]พระยาจางวาง | ให้กระจ่างแจ้งคดีของพี่ชาย | ||
คุณในวังฟังสารอ่านหนังสือ | ที่หารือร่ำไรจิตรใจหาย | ||
สุชลนองตรองการสงสารกาย | ที่กลับกลายเกิดเข็ญไปเช่นนี้ | ||
สิ้นพระชนม์ล้นกระหม่อมจอมกระษัตริย์ | สาระพัดยับย่อยไปร้อยสี | ||
ดูปรวนแปรแต่หลังไม่ยังนี้ | เมื่อครั้งมีพระชนม์ผู้คนคร้าม | ||
โอ้สิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมพิภพ | ชั้นเขียดกบตุ๊กแกตอแยหยาม | ||
แม้นพระชนมานอยู่ได้รู้ความ | ใครจะห้ามเสียให้ยากคงอยากทูล | ||
นี่เจ็บจิตรต้องเจียมเสงี่ยมสงบ | ดินไม่กลบหน้านามความไม่สูญ | ||
มาพร้อมพงศ์วงศ์สวาดิ์ญาติประยูร | ที่อาดูโดยคดีต้องปรีดา | ||
แต่เจ้าเมืองมุกดาได้มาปะ | องค์พระดไนยนาถเสนหา | ||
คือพระสายสุดกระษัตริย์รัตนา | เปนนัดดาเนื้อนพคุณนาม | ||
เฉลิมวงศ์เวียงจันท์โดยอันดับ | สืบสลับในจังหวัดกระษัตริย์สยาม | ||
พระน้องน้อยนงนุชนั้นสุดงาม | ทรงพระนามประดิษฐาสร้อยสารี | ||
มิได้ตามบาทบงสุ์พระองค์ใหญ่ | เสร็จอยู่ในตึกตําหนักเปนศักดิ์ศรี | ||
ได้มาชมสมถวิลก็ยินดี | จดบาญชีชื่อเสียงชาวเวียงวง | ||
เมื่อเดิมทีมีบุญสกุลสูง | กลายเปนยูงแล้วขยับกลับเปนหงส์ | ||
อันชาวศรีสัตนหุตสมมุติพงศ์ | ร่วมพระวงศ์สมเด็จฟ้ามาลากร | ||
คือกรมขุนบําราบปรปักษ์ | เฉลิมหลักโมลิตอดิศร | ||
เปนวงศ์เวียงเรียงลําดับไม่ซับซ้อน | กับสมรเสมอทรวงแม่ดวงคํา | ||
แลนับเนื่องเบื้องยุคลกุณฑลฟ้า | วงศ์จังหวัดสัตนาเลขาขํา | ||
เจ้ามุกดามาจําเภาะคราวเคราะห์กรรม | ป่วยประจําจึงบอกคุณออกมา | ||
เจ้าแม่แก้วแววเวียนวิเชียรโฉม | เกษมโสมสรวลสันต์แสนหรรษา | ||
เจ้าลุงจอมพร้อมภักตร์รักนัดดา | เชิญลงมาชมสวนชวนคุณดวง | ||
ไปพลับพลาท่าพักตำหนักห้าง | พร้อมสุรางค์เรียงหน้าพวกข้าหลวง | ||
ทั้งองค์อาวเจ้าประทุมโกสุมภ์ทรวง | เธอชื่นช่วงชวนเชิญเที่ยวเดินชม | ||
โสมนัศทัศนาพฤกษาสวน | ที่หลังจวนรกร้างที่สร้างสม | ||
ต้นมะดูกลูกจันทน์กับลั่นทม | ยอมะยมฝาหรั่งกระดังงา | ||
ดูรกเรี้ยวเกี่ยวพันเถาวัลย์วุ่น | เกดพิกุลเลียบอุโลกโศกสาขา | ||
ทุกพุ่มพักหักพังเปนรังกา | เมื่อเจ้าตาย่านกระหม่อมอยู่พร้อมพรัก | ||
ก็บริบูรณ์ภูลผลมีคนผู้ | รักษาอยู่ห้ามไม่ให้ผู้ใดหัก | ||
สิ้นสงวนสวนรกไม่น่ารัก | กำแพงหักหอห้างก็ร้างโรย | ||
นึกอนาถวาศนาไม่น่าชื่น | ไม่ยืดยืนยศอย่างที่ห่างโหย | ||
หมดบุรินทร์สิ้นสูญอาดูรโดย | เวียงจันท์โรยร้างราเปนป่าไป | ||
บ้านที่สร้างบางยี่ขันท่านมาพัก | ตึกตำหนักหักตกถึงอกไก่ | ||
นี่แอบอิงพิงประเดชประเทศไทย | ยังเปนได้ดูดู๋พังถึงหลังคา | ||
ตรงนี้เอ๋ยเคยหม่อมหม่อมมาซ้อมบท | ร้องเมื่อทศกรรฐ์คลั่งสั่งให้หา | ||
เบญกายปลอมสกนธ์ยลนัดดา | เจ้าลงกาเลยพาโลเข้าโอ้โลม | ||
เจ้าประทุมอุ้มองค์ใหญ่พิไรเล่า | นี่สวนเจ้าเอื้อยที่ตายยายจันโฉม | ||
เคยสนุกศุขสุดกลับซุดโซม | คิดแล้วโทมนัศแทนแสนเสียดาย | ||
ยังเหลือต้นผลอินที่ถิ่นสระ | พอแลปะผลอินถวิลหมาย | ||
คิดแล้วแค้นแสนน่าระอาอาย | ไม่ขอหมายมุ่งปลูกต้นลูกอิน | ||
แต่พฤกษาน่าออกดอกแลผล | ถ้าร่วงหล่นโรยลงก็ทรงกลิ่น | ||
เว้นแต่ในใจคนชื่อผลอิน | ไม่น่ายินดีต่อขอษมา | ||
ลูกอินต้นผลดกนกมาจับ | เกิดสำหรับรุกขเรศเหมือนเชษฐา | ||
จิกลูกอินกินอิ่มกริ่มอุรา | เชยผลาผลปลื้มลืมประทุม | ||
แล้วเลยพาหลานสาวเหล่าข้าหลวง | เสียวเสียวทรวงสุดแสนแค้นสุขุม | ||
มาที่สระสาครด้วยร้อนรุม | ลงแช่ชุ่มชื่นจิตรฤทธิวารี | ||
คุณจอมดวงทรวงดิ้นถวิลไหว | ร้อนก็ไม่ได้ชำระสรงสระศรี | ||
คิดถึงพี่หนักในฤไทยทวี | โอ้ปานนี้จะมินั่งตั้งใจคอย | ||
จะเขียนข่าวตอบสนองก็ข้องขัด | ไม่สันทัดเชิงลิขิตประดิษฐ์ถ้อย | ||
แสนน้อยจิตรที่ไม่คิดเรียนแต่น้อย | ถ้าค่อยค่อยโผยกผยอกคงออกเอง | ||
ตั้งแต่นี้จะเพียรเรียนกอขอ | ไม่ของ้อคุณพุ่มให้คุมเหง | ||
คงอ่านได้ใจเราเหล่านักเลง | จะทำเพลงยาวหนอไม่ง้อใคร | ||
นี่ต้องวานสารสวาดินิราศร่ำ | กลอนที่ทำคุณหาถึงสลึงไม่ | ||
เธอว่ากล่าวยาวยืดจางจืดใจ | จะร่ำไปก็เรื่องจะเคืองเรา | ||
แล้วมานั่งยังน่าพลับพลาพร้อม | พี่น้องล้อมเรียงกันสิ้นเลยกินเข้า | ||
หมี่หมูแนมแถมส้มตำทำไม่เบา | เครื่องเกาเหลาหูฉลามชามโตโต | ||
ที่มาเฝ้าเจ้าน้ามุกดาหาร | พาสำราญรายรักขึ้นอักโข | ||
ยังวิโยคอยู่ด้วยโรคโรโค | ดูโศกโซเศร้าซูบเสียรูปทรง | ||
ยังป่วยไข้ไม่คลายเหือดหายหิว | ดูเผือดผิวผอมผิดด้วยพิษสง | ||
หาหมอมาว่าเปนฝีทวีพะวง | บ้างก็ลงว่าเปนกล่อนอ่อนระอา | ||
พอบ่ายร่มลมเชยรำเพยพัด | คุณจีดจัดเรือข้ามตามไปหา | ||
นำเอาผู้ที่จะกู้ซึ่งเงินตรา | เปนนายหน้าจัดทำของกำนัน | ||
กล้วยขนมส้มไข่ของหลายอย่าง | ผลมะปรางแตงไทไปให้ฉัน | ||
เปนข้าไทใส่สารกรมธรรม์ | ก็ให้ปันเงินกู้จะดูใจ | ||
พวกคนข้าน่าวังบางยี่ขัน | เอาของกำนันหมากมะพร้าวห้าวไปให้ | ||
ผักหัวปลีมีในสวนควรอย่างไร | ก็เอาไปหาบหามเดินตามกัน | ||
วิไสยลาวจ้าวนายมาถึงที่ | ย่อมยินดีไปคำนับเหมือนรับขวัญ | ||
จึงรีบรัดจัดทำของกำนัน | ที่สุดชั้นผลฝักเข้าเถาตำลึง | ||
ชั้นแก่เถ้าเอาหน้ามาถวาย | ตะเกียกตะกายกราบกรานคลานจนถึง | ||
เห็นซุ่มซ่ามห้ามฤๅก็ดื้อดึง | คงทลึ่งลนลานคลานเข้าไป | ||
แต่กระษัตริย์องค์รัตนาเรศ | ทอดพระเนตรนึกว่าชื่อหาถือไม่ | ||
เห็นหมอบดื่นชื่นชอบด้วยขอบใจ | ทรงปราไสยโปรดกระทรวงข้าหลวงลาว | ||
๏ พอบ่ายสี่โมงเศษสังเกตฟ้า | พื้นนภาท่าประเทืองเหลืองเขียวขาว | ||
ต้องจำลารารักกันสักคราว | พระองค์จ้าวจรจรัลไปวันทา | ||
คมเจ้าแก้วแล้วลาเจ้าตาจ่อม | ประนมน้อมต่างประนตตามยศถา | ||
มาสยามยามทุกข์เจ้ามุกดา | แจกเงินตราแทนถวายหลายตำลึง | ||
แต่จ่าแจ่มเกรงใจต้องให้บาท | โขลนขนาดนายรองสองสลึง | ||
แล้วจัดขันเงินงามสิบสามตำลึง | สำรับหนึ่งนั้นถวายพระสายใจ | ||
คือองค์รัตนาเรศวิเศษสรรพ์ | นอกจากนั้นเปนแพนกจัดแจกให้ | ||
ต่างภิวันท์คัลลาต่างอาไลย | ต่างจำใจจำจากไม่อยากมา | ||
สถิตย์เหนือที่นั่งบัลลังก์เก๋ง | ตลึงเลงแลคะเนดูเวหา | ||
พระสุริฉายบ่ายรถสลดลา | ยังรู้รารอรถไม่บทจร | ||
แต่พระจอมสุเมรุมิ่งกระหม่อมเอ๋ย | มาละเลยราชกิจอดิศร | ||
ทิ้งสุรางค์ปรางค์มาศราษฎร | ทิ้งจันทรภานุมาศอาศน์พิมาน | ||
ละพระมูลมนเฑียรเสถียรสถิตย์ | ราชฤทธิ์รุ่งโรจจรูญสถาน | ||
พระที่นั่งวังวงชื่อนงคราญ | ทิ้งสถานทรงสถิตย์พิพิธภัณฑ์ | ||
ไม่เปรมโปรดที่โภชลิลาศ | ละปราสาททองอุไรสุทไธสวรรย์ | ||
ทิ้งจังหวัดทัศนาบุบผาพรรณ | พระอนันตมหาสมาคม | ||
ที่นั่งใหม่ไชยชุมพลเปนเขื่อนเขตร | ทอดพระเนตรแห่แหนดูแสนสม | ||
ละเจ้าคุณขุนนางทิ้งต่างกรม | เสด็จไปชมช่อชั้นสวรรยางค์ | ||
แต่ครวญคร่ำช้ำใจมาในเก๋ง | ตลึงเลงแลลำแม่น้ำขวาง | ||
จนถึงวังยังไม่สิ้นถวิลวาง | มิได้สร่างโศกศัลย์สักวันเลย | ||
๏ คุณดวงคำให้กำหนดจดอักษร | จึงคิดกลอนเขียนข้อชลอเฉลย | ||
เฉลิมฉลองพร้องพจน์รศรำเพย | เหมือนลมเชยชวยชื่นฟื้นพโยม | ||
นี่แต่งต่อยอยศรศระรื่น | หวังชมชื่นชอบจิตรเหมือนพิศโฉม | ||
อันสุนทรกลอนบรรเลงดังเพลงโลม | ควรจะโสมนัสแสนแทนลคร | ||
ถึงรำเต้นเห็นกายร่ายฤๅเชิด | ก็ไม่เลิศเหมือนหนึ่งลักษณในอักษร | ||
ได้ระเบียบเรียบรศแบบบทกลอน | ไว้ให้นอนอ่านแอบแนบอุรา | ||
พระอไภยได้ปี่เปนที่พึ่ง | ค่อยส่างซึ่งโศกสร้อยละห้อยหา | ||
เพราะลูกเต้าเอาธุระนางผกา | นี่เห็นหน้าเปนแน่ก็แต่เกย | ||
นิราศร้างบางยี่ขันของฉันคิด | ประจงจิตรจัดจดบทเฉลย | ||
มากำนันท่านหาในเอาไว้เชย | เปนดอกเตยแทนสำเหนียกลำเจียกเอย ฯ | ||
เชิงอรรถ
อ้างอิง
นิราศวังบางยี่ขัน โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒนากร พ.ศ. ๒๔๖๕