นิราศภูเขาทà¸à¸‡
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 03:51, 9 กรกฎาคม 2552 โดย Admin (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา | ||||
รับกฐินภิญโญโมทนา | ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย | |||
ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส | เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย | |||
สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย | มาจำไกลอารามเมื่อยามเย็น | |||
โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร | แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น | |||
เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น | เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง | |||
จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง | ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง | |||
จึ่งจำลาอาวาสนิราศร้าง | มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ฯ | |||
๏ ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด | คิดถึงบาทบพิตรอดิศร | |||
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร | แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น | |||
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด | ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ | |||
ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น | ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา | |||
จะสร้างพรตอตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย | ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา | |||
เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา | ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไป ฯ | |||
๏ ถึงหน้าแพแลเห็นเรือที่นั่ง | คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล | |||
เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย | แล้วลงในเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง | |||
เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ | เคยรับราชโองการอ่านฉลอง | |||
จนกฐินสิ้นแม่น้ำแลลำคลอง | มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา | |||
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ | ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา | |||
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา | วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ ฯ | |||
๏ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ | ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล | |||
ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสกล | ให้ผ่องพ้นภัยสำราญผ่านบุรินทร์ ฯ | |||
๏ ถึงอารามนามวัดประโคนปัก | ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน | |||
เป็นสำคัญปันแดนในแผ่นดิน | มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา | |||
ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย | แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา | |||
อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา | อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง | |||
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้ำ | แพประจำจอดรายเขาขายของ | |||
มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง | ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสำเภา ฯ | |||
๏ ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง | มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา | |||
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา | ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย | |||
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ | สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย | |||
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย | ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป | |||
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก | สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน | |||
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป | แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน ฯ | |||
๏ ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง | มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน | |||
เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน | จึงต้องขืนในพรากมาจากเมือง | |||
ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง | เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลือง | |||
ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง | ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน | |||
ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธิ์ | ร่มริโรธรุกขมูลให้พูนผล | |||
ขอเดชะอานุภาพพระทศพล | ให้ผ่องพ้นภัยพาลสำราญกาย ฯ | |||
๏ ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง | มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย | |||
ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย | พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง | |||
จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน | ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง | |||
ถึงเขมาอารามอร่ามทอง | พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืน ฯ | |||
๏ โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ | มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น | |||
ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน | ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา | |||
โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง | เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา | |||
เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา | พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน | |||
ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก | กลับกระฉอกฉาดฉันฉวัดเฉวียน | |||
บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน | ดูเปลี่ยนเปลี่ยนคว้างคว้างเป็นหว่างวน | |||
ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง | ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน | |||
โอ้เรือพ้นวนมาในสาชลี | ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา ฯ | |||
๏ ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง | สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา | |||
โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคง | เหมือนกลิ่นผ้าแพรดำร่ำมะเกลือ | |||
เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง | ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ | |||
เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ำเจือ | เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย | |||
ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ | มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย | |||
ทั้งของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย | พวกหญิงชายชุมกันทุกวันคืน ฯ | |||
๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก | ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น | |||
โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น | ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร | |||
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ | ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย | |||
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ | เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา ฯ | |||
๏ ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า | ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา | |||
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา | ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย | |||
โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง | เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย | |||
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ | ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด ฯ | |||
๏ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ | มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต | |||
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร | จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ฯ | |||
๏ ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน | จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปรารถนา | |||
ขอให้สมคะเนเถิดเทวา | จะได้ผาสุกสวัสดิ์จำกัดภัย | |||
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด | บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ | |||
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน | อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา | |||
ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก | สู้เสียศักดิ์สังวาสพระศาสนา | |||
เป็นล่วงพ้นรนราคราคา | ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดี ฯ | |||
๏ ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า | พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี | |||
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี | ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว | |||
โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง | แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว | |||
โอ้เรานี้ที่สุนทรประทานตัว | ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ | |||
สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ | ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย | |||
แม้นกำเนิดเกิดชาติใดใด | ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี | |||
สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง | อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี | |||
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี | ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา ฯ | |||
๏ ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง | ไม่มีฝูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา | |||
ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา | นึกก็น่ากลัวหนามขามขามใจ | |||
งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม | ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว | |||
ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย | ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง | |||
เราเกิดมาอายุเพียงนี้แล้ว | ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง | |||
ทุกวันนี้วิปริตผิดทำนอง | เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไร ฯ | |||
๏ โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด | ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว | |||
ถวิลหวังนั่งนึกอนาถใจ | ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น | |||
ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง | ระวังทั้งสัตว์น้ำจะทำเข็ญ | |||
เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น | เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอา ฯ | |||
๏ พระสุริยงลงลับพยับฝน | ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา | |||
ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา | ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว | |||
เป็นเงาง้ำน้ำเจิ่งดูเวิ้งว้าง | ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว | |||
เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว | ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย | |||
เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด | เรือเราฝืดเฝือมานิจจาเอ๋ย | |||
ต้องถ่อค้ำร่ำไปทั้งไม่เคย | ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก | |||
กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน | เรือขย่อนโยกโยนกระโถนหก | |||
เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก | น้ำค้างตกพร่างพรายพระพายพัด | |||
ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง | พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด | |||
เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด | ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน ฯ | |||
๏ แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง | ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน | |||
จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร | กาเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม | |||
ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย | พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม | |||
วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงความ | ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส | |||
สำรวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม | อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ | |||
โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด | ช่วยนั่งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย | |||
จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก | ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย | |||
เห็นร่องน้ำลำคลองทั้งสองฝ่าย | ข้างหน้าท้ายถ่อมาในสาคร | |||
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก | ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร | |||
เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร | ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา | |||
สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า | เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา | |||
กระจับจอกดอกบัวบานผกา | ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย | |||
โอ้เช่นนี้สีกาได้มาเห็น | จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย | |||
ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย | เที่ยวถอนสายบัวผันสันตวา | |||
ถึงตัวเราเล่าถ้ายังมีโยมหญิง | ไหนจะนิ่งดูดายอายบุปผา | |||
คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา | อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน | |||
นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ | ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน | |||
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน | ถึงตำบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจ ฯ | |||
๏ มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง | คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล | |||
จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย | ก็จะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน | |||
แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก | อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล | |||
เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร | จะต้องม้วนหน้ากลับอัปประมาณ ฯ | |||
๏ มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม | ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน | |||
บ้างขึ้นล่องร้องลำเล่นสำราญ | ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง | |||
บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ | ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง | |||
มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสำเพ็ง | เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู | |||
อ้ายลำหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก | ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู | |||
ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู | จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอน ฯ | |||
๏ ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด | จนสงัดเงียบหลับลงกับหมอน | |||
ประมาณสามยามคล้ำในอัมพร | อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ | |||
นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง | มันดำล่องน้ำไปช่างไวเหลือ | |||
ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ | เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเคอะดูเซอะซะ | |||
แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง | ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ | |||
ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ | ชัยชนะมารได้ดังใจปอง ฯ | |||
๏ ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ | เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง | |||
ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง | ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย | |||
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น | เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส | |||
ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได | คงคงลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน | |||
มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด | ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น | |||
ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน | เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม | |||
บันไดมีสี่ด้านสำราญรื่น | ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม | |||
ประทักษิณจินตนาพยายาม | ได้เสร็จสามรอบคำนับอภิวันท์ | |||
มีห้องถ้ำสำหรับจุดเทียนถวาย | ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหัน | |||
เป็นลมทักขิณาวัฏน่าอัศจรรย์ | แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก | |||
ทั้งองค์ฐานราญร้าวถึงเก้าแสก | เผลอแยกยอดสุดก็หลุดหัก | |||
โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก | เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น | |||
กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ | จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น | |||
เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น | คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น ฯ | |||
๏ ขอเดชะพระเจดีย์คีรีมาศ | บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์ | |||
ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวันท์ | เป็นอนันต์อานิสงส์ดำรงกาย | |||
จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ | ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย | |||
ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย | แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ | |||
ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ | ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง | |||
ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง | ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดาน | |||
อีกสองสิ่งหญิงร้ายแลชายชั่ว | อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน | |||
ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ | ตราบนิพพานภาคหน้าให้ถาวร ฯ | |||
๏ พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ | พบพระธาตุสถิตในเกสร | |||
สมถวิลยินดีชุลีกร | ประคองซ้อนเชิญองค์ลงนาวา | |||
กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว | ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา | |||
มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา | ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ | |||
แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ | ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล | |||
โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล | เสียน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน | |||
สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก | กำเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน | |||
พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ | ให้ล่องวันหนึ่งมาถึงธานี ฯ | |||
๏ ประทับท่าหน้าอรุณอารามหลวง | ค่อยสร่างทรวงทรงศีลพระชินสีห์ | |||
นิราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ | ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนา | |||
ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป | ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา | |||
เป็นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา | ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ | |||
ใช่จะมีที่รักสมัครมาด | แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย | |||
ซึ่งครวญคร่ำทำทีพิรี้พิไร | ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา | |||
เหมือนแม่ครัวคั่วแกงแพนงผัด | สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา | |||
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา | ต้องโรยน่าเสียสักหน่อยอร่อยใจ ฯ | |||
๏ จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น | อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน | |||
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ | จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย ฯ | |||