พระนลคำฉันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: พระนิพนธ์พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ

ขาดสรรคที่ ๒๑ - ๒๕

บทประพันธ์

สดุดี

วสันตติลกฉันท์
๏ อัญขยมประนมนขประณามพระสยามสวามี
เชลงฉันท์ประพันธสดุดีนรเทพเถกิงไกร
๏ จักรพรรดิขัตติยนรินทร์ปถพินทร์ทิพาลัย
ดั่งรามราฆพไผทกิติศักดิ์ประจักษ์จินต์
๏ สมเด็จปรเมนทรมหาวชิราวุธาวนินทร์
เอกองค์พระมงกุฏสิรินทสุคันธ์สมัญญา
๏ นามเมืองก็เรืองกิติวิมลเพราะยุบลพระราชา
นามราชก็เรืองกิติประภากรเหตุประเทศเรือง
๏ โสภาวิชาภรณแพร้วกลแก้วกำจายเมือง
โสภณพิมลสตยเนืองนิติธรขจรธรรม์
๏ ในสรวงก็แสงสุริยส่องทิวก่องณะกลางวัน
สิ้นสูรย์ก็แสงศิศิรจันทรจ้าณะราตรี
๏ สูรย์จันทร์ก็ปันทินนิศาจกรานุจรมี
เวรเปลี่ยนและเวียนศศิรวีปริวัตระผลัดกัน
๏ อันองค์พระมงกุฏกษัตริย์ทนุรัฐนครฃัณฑ์
วันคืนพระยืนจิตกระสันธุรม่งพระองค์เดียว
๏ เชอดชาติพระราชประยุรรักมนภักดิกลมเกลียว
เสนาประชานรก็เหนียวจิตรักสมัคคุณ
๏ ครองดินอรินทมนเรนทร์ประเมนทร์มฆาดุลย์
เดชเปรื่องกระเดื่องพระยศบุณยโศลกสิเรนทร
๏ สรวมคุณพระไตรย์สรณรัตน์สิริภัทร์อุบัติพร
ยิ่งกี้พระกีรติขจรทิศเทอดคุณาธาร
๏ พุทธานุภาพผริตผลสุขดลอดูลย์ดาล
ธรรมานุภาพพิมลภูลชยเชอดชลอธรรม์
๏ จำเริญพระชนม์ธนสุขีพลศรีสอางพรรณ
ไร้โรคนิราศภยนิรันตรทุกขถอยไกล
๏ ฃ้าบาทประดิษฐ์พจประพันธ์บทฉันท์ชลอใจ
ดำเนิรนิทานพระนลไนษธเบื้องฉบับบรรพ์
๏ ทูลแทบพระราชบทมาลย์มหิพาลวิบูลย์ธรรม์
หวังเสริมสราญกมลกรรณพระนราธิราชา ฯ
             

สรรคที่ ๑

วสันตติลกฉันท์
๏ ยังมีกษัตริย์นิษธราษฎร์นลราชสมัญญา
ลือฃามพระนามนลนราธิปทั่วไผทศรี
๏ เฉกฉัตรอุบัตินิษธร่มอภิรมยะลาภี
สมบัติพิพัฒนะธนีธรณีระบือบุญ
๏ ทรงศักดิ์ประจักษ์จิตประจำรสธรรมธิราดุลย์
นานาคุณานุคุณจุนจิตเหิมเฉลิมรมย์
๏ ทรงเดชวิเศษศรวิสิฎฐ์อภิฤทธิ์ปรากรม
เลี้ยงราษฎร์พระราชอุปสดมภ์อดิเรกอเนกนันท์
๏ ทรงโฉมประโลมจิตประเจิดสิริเลิศะรังสรรค์
อำไพประพลพิมลพรรณืผิวพิศก็ติดตา
๏ แคล่วคล่องทำนองอศวชาติจรผาดผยองพา
เปนปิ่นมหารถมหารถอื่นบ่ขืนแขง
๏ รู้หลังประจักษ์จตุรเวทนรเศรษฐะกำแหง
เชิงชั้นพนันนลระแวงจิตรักตระหนักนัย
๏ อวยทานอุทารอุทยเทอดนรเลิศสุฃาลัย
บรรเทิงสเริงสริระไภยพิบัติบ่บีฑา
๏ เสนาพลาธิกพหลนรชนระบือชา
เหิ่มหาญทยานหทยทานพแทตย์บ่เทียมทาน
๏ เกริกเกียรติ์กระหลบพิภพแม้นภพแมนมโหฬาร
เสมอศักดิ์ศักระมฆวานสุรสิทธิ์รังสรรค์ ฯ
๏ ยังมีพระภีมะมรุเดชนคเรศวิทรรภ์ฃัณฑ์
ครองราชย์บำราศบรถวัลยเถลิงเถกิงศรี
๏ ไพร่ฟ้าประชากรเกษมสุขเหมหทัยทวี
เรืองรมยะร่มนิคมมีพิตภัทระภูลเพ็ญ
๏ แต่องค์พระภีมะนิรรมยะระทมระทวยเข็ญ
หมายปองและหมองมนลำเค็ญเพราะบ่สิทธิสมหมาย
๏ เหตุไร้พระราชบุตระบุตรีมหิษีฤดีดาย
กำศรดระทดหทยวายอุระร้อนบ่ห่อนมี
๏ บำเพ็ญกุศลผลก็ไร้มนไหม้มลายศรี
หลายหลากประจากธนมณีพรพิตก็นิษผล
๏ วันหนึ่งมนีวิริยกล้าตละฌานะโกศล
สู่ราชสถานถิรถกลชชวาลตระการตา
๏ จึ่งภีมะราชและมหิษีจิตปรีดิหรรษา
ซาบซ่านสราญกมลมานิตน้อมประฌามเธอ
๏ เชิญองค์พระดาบสสถิตยณะอาศน์อุไรเลอ
สององคะทรงบำรุบำเรอปฏิบัิติพระโยคี
๏ เมื่อนั้นมุนีสถิรธรรมอรัญยะวาสี
เปี่ยมปิติในหทยมีมนเหมเกษมศานติ์
๏ อวยพรถวายนฤบดีมหิษีวิมลมาลย์
จงทรงพระราชสิริสราญสุรฤทธิธำรง
๏ อันใดพระใคร่จิตกระสันสุขหรรษะจำนง
อันนั้นประสบศุภประสงค์พรสิทธิสมบูรณ์
๏ หมายมีบุตรีบุตระประเสริฐฉวิเฉิดฉมามูรธ์
เปนศรีมหานครคูณกิติเลื่องระบือไกร
๏ จงสบมโนรถประสงคจำนงมนุญใน
ไป่คลาดพระราชหฤทัยดุจอาตมะอวยถวาย
๏ ครั้งเสร็จประสิทธิ์พระพิพัฒน์พระวนัสถะผันผาย
ทูลลานราธิปและหมายทิศถิ่นพนาลัย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระปินนรวิทรรภสุธรรมะธรไท
อีกนางพระยายุวประไพอภิลาษลออองค์
๏ จำเดิมมุนีวิริยเดชวรเวทธำรง
เธอช่วยอำนวยพระพรมงคลสิทธิสมปอง
๏ แต่นั้นสุรางคะมหิษีธก็มีบุตรีสนอง
สวาดิ์แสนเสน่ห์สนิทสองปฏิพัทธะเพียงใจ
๏ อีกมีพระราชดนุชสามทมะนามเกรียงไกร
หนึ่งทานตะหนึ่งทมนะไชยะยศาภิศักดิ์ศรี
๏ ฝ่ายราชบุตรีสิริยโศธรทัมะยันตี
พรายเพราพระเยาวะดรุณีสุขุมาลละลานเลอ
๏ ทรงศรีฉวีวรวิลาสกลวาดวิมลเสมอ
ใครยลก็ดลจิตเลมอมนถึงคนึงศรี
๏ ในฟ้าจะหาอรสุรางค์ดุจนางก็ห่อนมี
ในดินจะหาอรยุพีกลนุชก็สุดหา
๏ ความงามณะสามภพเสนอจะเสมอบ่มีมา
ทรามไวยประไพพรศุภาผิวเห็นก็เปนบุญ ฯ
๏ ฝ่ายองค์นิษัธฃติยนาถนลราชระลือคุณ
ภๅโฉมประโลมนยนะสุนทรทั่วไผทศรี
๏ ทราบศัพท์ยุบลนลอนันต์ณะวิทรรภะธานี
จวบองค์พระราชวรบุตรีธก็รู้ระหัสสาร
๏ ปางปวงประชานิษธราษฎร์ก็นินาทะพิสดาร
ภๅลักษณ์ยุบลวิมลมาลย์พระวิทรรภะนารี
๏ จวบจนพระนลธก็ตระหนักวรลักษณ์พระบุตรี
ต่างองค์ก็ต่างกมลมีปฏิพัทธะผูกพัน
๏ ยิ่งยินระบินยุบลภๅก็ระบือหทัยศัลย์
นางใคร่จะยลพระนลครันนลใครจะยลนาง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลพิมลโฉมอุระโซมระคางขนาง
หมายน้องและหมองกมลหมางเพราะบ่เหมือนกมลหมาย
๏ วันหนึ่งพระจึ่งจรประพาศพนราชสราญกาย
องค์เดียวพระเที่ยวทุรณะทายบทท่องระโหฐาน
๏ ยลหงส์หิรญวิมลเมิลมนเพลินพิบูลย์บาน
สำเริมประเทิงหทยะลานจิตเล่นบ่เห็นองค์
๏ ปางนั้นนราธิปกษัตริ์ยนิษัธะธำรง
ซอกซอนและซ่อนคณะพิหงคและหงสะหลงเผลอ
๏ เมียงเมิลดำเนิรบทบ่แกรบจรแอบกำบังเฌอ
จับได้สุโนคพระนลเธอก็แจร่มจรูญปรีดิ์
๏ ฝ่ายหงสะเหมวรวิหคก็สทกสท้านมี
ใจกลัวระรัวสริระตีอุระข้อนคนึงครวญ ฯ
ทูลพระนลว่า
๏ อ้าองค์พระทรงสุรมเหศรศักดิ์นเรศวร
ภูวนาถพระบาทยุคลควรภพพึ่งสำนึงนาน
๏ แม้นทรงพระคุณกรุณโปรดสละโทษมิสังหาร
ขอรองลอองพระบทมาลย์กลทูตนำทูลเสนอ
๏ แด่นางพระราชปิยยุพาพระธิดาวิทรรภ์เธอ
สำแดงพระคุณอดุลเลอนรราชนเรสูร
๏ นางทราบยุบลพระนลแล้วฤจะแคล้วอุราดูร
จักครวญจะใคร่หททภูลจิตเล่ห์เสนหา ฯ
๏ ฟังหงส์ทำนูลมธุรวาทนลราชหรรษา
ปลดปล่อยพิหคพิหคลาจรรีบระเห็จหน
๏ พาพวกพิหงคะคณะหมายมนบ่ายโพยมบน
ฉิวฉิวละลิ่วอำพรดลณะวิทรรภะธานี
๏ ลงยังพระราชอุทยานยุวมาลย์พระบุตรี
ชมพรรณ์กุสุมสุขุมปรีดิจรัสจรูงราม
๏ เมื่อนั้นพระองค์อรธิดาทศนาสุโนคงาม
คิดใคร่จะได้ก็จรตามบริษัทก็ตามองค์
๏ แอบอ้อมแลล้อมคณะสุโนคและกระโชกจะจังหงส์
หวุดหวิดกระชิดจิตพวงผิวใกล้วก็ไป่ทัน
๏ ปางราชยุพาพรประไพจรไล่พิหคหัน
หนีนางและห่างคณะกำนัลก็สุโนคเสนอสาร ฯ
หงส์ทูลนางว่า
๏ อ้าองค์พระราชวรบุตรีศุภศรีฉวีกาญจน์
เพ็ญพักตร์พิมลกลสุมาลย์อรเอี่ยมอุไรพรรณ์
๏ อันในนิษัธฃติยะนาถอธิราชยะรังสรรค์
ไพศาลพิศลย์ผลอนันต์นลผู้ผดุงเมือง
๏ อันองค์พระนลพิมลเฉิดฉวิเลิศวิไลยเรือง
บุญญาภิฤทธิ์พิชิตเปลืองปรภาพบ่พึงเผยอ
๏ คนธรรพ์อุรุคสุรและรากษสมากบ่มีเสมอ
ดาวเดือนบ่เหมือนพระนลเธอนิติธรนิกรพิง
๏ ฉันใดพระองค์อรประเสริฐสิริเลิศณเหล่าหญิง
ฉันนั้นพระนลวิมลจริงจิตรเลิศณะเหล่าชาย
๏ ชายเลิศผิร่วมสมรเลิศจะประเสริฐะแหล่หลาย
โลกหล้าจะหาอุภยะผายภทระเหมือนมิพึงมี ฯ
๏ เมื่อนั้นยุพาพรลำเภาอรเยาวะสุนทริ
ปางทรงสดับสกุณปรีดิก็ตอบยุบลไป
๏ ดูราพิหคกนกหงส์จะประสงค์ประการใด
จงเร่งระเห็จอำพรไคลณะนิษัธนครฃัณฑ์
๏ บรรยายยุบลกลประสงค์ดุจหงส์จำนงสรร
ทูลองค์พระนลพลอนันต์กลที่ทำนูนเรา ฯ
๏ บัดนั้นสุโนคสิรประณตวรนุชนงเยาว์
ทูลลายุพาอรลำเภาจรเหิรระเห็จคลา
๏ ถ่องทูลพระนลนรบดีธก็ปรีดิหรรษา
ปลื้มเปรมเกษมกมลมาลยะแผ้วพิมลศรี ฯ
             

สรรคที่ ๒

อินทรวงศ์ฉันท์
๏ เมื่อนั้นพระไภมียุวดีกำดัดฤดี
คำนึงพระนลมีนยะหงส์พิหงคะทูล
๏ หมองหมายบ่วายว่างสุขนางก็ส่างก็สูญ
อาดูรอดูลย์ภูลพิศวาสบ่คลาดบ่คลาย
๏ ยามนิทร์บ่นิทร์เนานิทระเศร้าทุรนทุราย
ร้อนรนสกลกายบ่มิเหือดก็เดือดกมล
๏ โภชน์ตั้งก็นั่งเฉยบ่เสวยกระยาสุคนธ์
กลุ้มกลัดสบัดตนอุระเข็ญลำเค็ญรำคาญ
๏ พักตร์พิมพะพริ้มเพราพิศเศร้าบ่เบิกบ่บาน
ขุ่นข้นกมลมาลย์มลหมางระคางระคาย
๏ เคยสรวลบ่สรวลสันต์จิตซั้นระส่ำระสาย
แค้นคิดระคายหมายมนแล้วก็แคล้วก็คลา
๏ เคยมีฉวีฉ่องสิริผ่องประไพประภา
บัดนี้ฉวีวามก็หมองบ่รองบ่เรือง
๏ เผลอ ๆ มะเมอมนจิตจนก็ข่นก็เคือง
ผิวพักตร์ก็ชักเหลืองวรรูปก็ซูปก็ผอม
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงทนุเคียงยุพาถนอม
เห็นราชธิดาตรอมจิตหม่นกระวนกระวาย
๏ หนักใจก็ไปเฝ้าณะพระเจ้าวิทรรภะฉาย
ทูลว่าธิดาสายจิตไท้มิใครเสบย
๏ เมื่อนั้นพระจอมธรรมะวิทรรภะฟังเฉลย
ห่อนรู้ระหัสเผยธก็ร้อนอุราสลาย
๏ ลูกกูก็ชีพกูจิตกูบ่รู้สบาย
ใจกูบ่ดูดายอุระเดือดบ่เหือดทำงน
๏ หนักในหทัยท้าวอุระร้าวบ่รู้จะทน
จึ่งองค์พระทรงพลก็ละห้อยละเหี่ยหทัย
๏ รำลึกพระชนมายุยุพาประภาพิไลย
นงเยาว์ลำเภาไวยะก็รุ่นเจริญจรูญ
๏ สมควรสยุมพรอรชรพิธีพิทูร
สมศักดิ์สมบูรณ์วรเกียรติ์ขจายขจร
๏ ตรึกเสร็จก็ตรัสสั่งกิจดังมนานุสร
เสนาพลากรสุมนัสก็จัดก็ปัน
๏ ส่งข่าวและป่าวทั่วนคเรศเฃตตะฃัณฑ์
ทุกรัฐกษัตริย์อันจิตหวังพระอังคนา
๏ ทราบข่าวสยุมพรอรไทยประไพประภา
เสียวศัลย์กระสันหากลยาณิ์ประภาประไพ
๏ ต่างองค์ทนงฤทธิ์มนคิดจะสมสมัย
ต่างองค์ทนงใจจรหมายจะได้สมร
๏ ร้อนรักตะหนักมาดพิศวาสพระนางบวร
เวียนหวังพระบังอรอุระเต้นบ่เว้นทิวา
๏ ไฝ่ถึงยุพาภีมะลุตรีสุโลจนา
ฝันถึงยุพาภาดรุณีพระภีมะพงศ์
๏ ต่างเตรียมพลากรอภิฤทธิเรืองณรงค์
เนืองแน่นณะแดนดงจรโดยวิทรรภ์วิถี
๏ ถั่นถึงนครรัตน์ก็กษัตร์สุภัทร์พลี
เฝ้าภีมะราชภีมะก็รับก็เลี้ยงก็ดู ฯ
๏ เมื่อนั้นมุนีนาทรญาณวิธานวิทู
เชี่ยวณานวิศาลบูรณะก่องเถกิงถกล
๏ อีกทั้งมุนีบรรพตอันวิชาวิมล
สองเหิรระเห็จหนจรโดยอำพรพิถี
๏ ถั่นถึงสวรรค์เวียงอมราวะดีมณี
จึ่งสองพระโยคีจรไปณะไวชยันต์
๏ เฝ้าองค์พระวาสพอมเรนทร์วฤตระหัน
สมเด็จพระจอมสวรรค์ก็คำรพไชมมุนี
๏ ถามทุกข์แลสุขในภพโลกมนุษยะมี
เจริญจรูญพิบูลย์ปรีดิสวัสดิ์ฤาฤษี
๏ จึ่งสองมุนีน้อมมนทูลทิวัสบดี
ในโลกมนุษย์มีสุขเปรมเกษมกมล
๏ บรรดาพระราชาฃติยาธิเกียรติ์ถกล
ทุกที่มหรีดลก็สวัสดิ์พิพัฒน์ประพันธ์
๏ เมื่อนั้นสุราธิปทิพราชมไหศวรรย์
ฟังทูลพระทรงธรรมะก็ปริ่มหทัยะปรีดิ์
๏ ตรัสถามพระนักสิทธมหิทธิเวททวี
ดูราพระโยคีพรตผู้พิสุทธพิสัย
๏ อันเหล่าพระราชาธิกษัตริย์วิวัฒน์วิชัย
ครองเวียงกำเรียงไกรอภิชิตมหิทธิ์มหัน
๏ ต่างองคะต่างทรงสุรภาพอเนกอนันต์
ทุกองค์ทรงธรรม์สุจริตวิสิฏฐ์วิศาล
๏ ต่างองคะหายพักตร์บ่มิยาตรณะคัคะณานต์
ตูห่อนจะพบพานภพนาถนรินทะใด
๏ เหตุใดกษัตราธิกอานุภาพะไกร
จึ่งหายพระพักตร์ไปบ่มิสู่สวรรคะเลย
๏ เมื่อนั้นพระนารทพจพร้อมฉลองเฉลย
อันซึ่งกษัตริย์เคยจรชั้นสวรรค์ก็หาย
๏ ด้วยเหตุสยุมพรอรชรสุพรรณราย
กานดายุพาสายจิตภีมะวีระวงศ์
๏ ทุกเทศเกษตรรัฏฐกษัตริย์ก็เตร็จก็ตรง
สู่เวียงวิทรรภ์จงมนมุ่งวิมลสุมาลย์
๏ เหตุนี้บ่มีใครจรเฝ้าพระมัฆะพาน
สมเด็จมรุตวานธตระหนักหทัยเทอญ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระโลกบาลแลพระอัคนีเจริญ
เสด็จเยือนพระอินทร์เมิลพระฤษีสุมนต์ยุคล
๏ ต่างองค์ก็ยินความมุนิงามแถลงยุบล
ต่างองค์ก็มุ่งกมลจะเสด็จณะเมทินี
๏ เพื่อการสยุมพรกลยาณิ์ประภาฉวี
ต่างองค์ประสงค์ศรีอรราชพาลิกา
๏ องค์อินทร์วรุณยมและพระเพลิงเถกิงประภา
ต่างทรงมหาวาหนะเหิรระเห็จทยาน
๏ หมายมุ่งวิทรรภ์รัตนะนครบวรวิศาล
พรึบพร้อมพหลหาญพลแห่อำพรสลอน ฯ
๏ กล่าวฝ่ายพระนลราชนลนาถนิษัธนคร
ทราบฃ่าวสยุมพรอรนุชก็สุดกระสัน
๏ รีบจัดพลากรบทจรนครวิทรรภ์
คำนึงพระนุชพลันพระก็เร่งพหละคลา
๏ นึกนุชบ่เหนื่อยนึกอุระทึกระลึกยุพา
หมายนางบ่หมางมานเสน่ห์วิมลสมร ฯ
๏ เมื่อนั้นพระวัชรีอัคนีเถกิงบวร
ยมราชวรุณจรพลผองผยองโพยม
๏ ต่างยลพระนลทรงสิริลักษณ์พิไลยประโลม
ตรูตาสง่าโฉมภพหล้าจะหาบ่เหมือน
๏ สี่เทพธอยุดพาหนเด่นประดุจจะเดือน
ลงจากโพยมเยือนนลราชณะแนวพนม
๏ มีเทพกถาสุนทรชื่นบ่ขื่นบ่ขม
ถ้อยคำก็ฉ่ำฉมผิวฟังก็ดังจะกลืน
๏ ดูราพระทรงศักดิ์ปรปักษ์บ่ฝ่าบ่ฝืน
ขันแขงพระแสงปืนอภิศักดิ์ตระหนักสวรรค์
๏ ทรงโฉมประโลมลักษณะพักตร์ประจักษะพลัน
ทรงศรีฉวีวรรณวรเดชวิเศษวิมล
๏ เชิญองค์นิษัธนาถนลราชพลีพหล
กอบกิจประกอบผลดุจเราจะกล่าวถวาย ฯ
             

สรรคที่ ๓

อินทรวิเชียรฉันท์
๏ เมื่อนั้นพระนลนนทะกมลวิมลฉาย
น้อมก้มประนมผายพจเผยเฉลยวอน
๏ อ้าองค์พระทรงฤทธิ์สุรสิทธิ์มหิศร
โลกหล้านรากรกรก้มประนมคัล
๏ ฃ้านี้เสมอฃ้าอมราภิฤทธิ์อัน
เฉกฉัตรอุบัติกันภพรมยะร่มเย็น
๏ สี่องค์ประสงค์ใช้กิจใดบ่ลำเค็ญ
หมายปองสนอมเปนดุจฃ้าพระบาทบงส์
๏ แต่ฃ้าจะทูลถามพจตามคะดีตรง
เทพช่วยอำนวยมงคลเพื่อพราทร
๏ สี่เทพธคือใครสุรไกรอลงกรณ์
เลิศหล้าสถาพรทิพลักษณ์วิไลยไร
๏ สี่เธอจะใช้ฃ้ากิจภาระฉันไหน
โองการประการใดสุรเทพประทานเทอญ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุราธิปทิพราชจำเริญ
อวยอัตถ์ดำรัสเชิญมธุรสพระพจมาน
๏ เรานั้นพระอินทร์นี่อคนีมณีฉาน
นั่นคือพระโลกบาลยมรักษะทักษิณ
๏ โน่นวาริโลมลักษณะพักตระโศภิน
เปนเจ้ากระแสสินธุ์พระวรุณวรางค์เรือง
๏ สี่เราเสด็จมาพสุธามลังเมลือง
มุ่งใจจะไปเมืองระบุฃ่าวสยุมพร
๏ ใคร่ได้ธิดาราชอภิลาษลอออร
หวังพายุพาจรภพเทวะเขมี
๏ ขอเชิญพระนลจรณะสมรสุมาลย์ศรี
ทูลทัมะยันตีกลทูตทำนูลความ
๏ ว่าองค์พระวาสพสุรภพพิไลยราม
มาดินถวิลทรามวยะใคร่จะได้นาง
๏ อีกองค์วรุณลักษณะพักตระโศภางค์
หมายชวนพระนวลปรางอภิรมยะชมขวัญ
๏ หนึ่งองค์พระยมใคร่จิตได้พระเพ็ญจันทร์
หวังพาพระลาวัณย์กรคล้องตระกององค์
๏ ทั้งองค์พระเจ็ดกรอรชรขจรทรง
หมายโลมพระโฉมยงสุภคาประภาการ
๏ สี่สู่สมาคมณะสยมพโรฬาร
หวังองคะนงคราญศุภลักษณ์ประจักษ์ใจ
๏ นางจงประจงสรรสุรฉันทะอาลัย
เลือกหนึ่งพระองค์ในจตุเทพธหมายมา ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลยินพระมหินทะเจรจา
ยิ่งฟังก็กังฃาอุระขุ่นรำคาญเคือง
๏ อ้าองค์สุเรศรอสุเรศร์บ่รอเรือง
รอบราบประภาพเปลืองพิษพาลบ่ทานทน
๏ ฃ้ายกนิการชาญชวหาญระเห็จหน
ด่วนโดยสถลกลจะกระหืดกระหอบเห็น
๏ เพื่อการสยุมพรพระยุพาประภาเพ็ญ
หมายมิตรบ่คิดเข็ญทุรทางณะกลางไพร
๏ บัดนี้พระเปนเจ้าธจะให้ระเห็จไป
ทูลความณะทรามไวยกลสื่อสำนารนาย
๏ ฃ้าเองประสงค์นางนุชพางอุราผาย
ทุกเวรบ่เว้นวายอุระหม่นกมลหมอง
๏ โปรดให้อภัยฃ้าธุระภาระอื่นปอง
ใช้ฃ้าและฃ้าจองจิตให้พระใช้เจียว ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมัฆวานพจมานธฉุนเฉียว
ดูดู๋ประเดี๋ยวเดียวพระก็กลับก็กลายไป
๏ เมื่อกี้พระนลว่ากิจภาระฉันไหน
โองการประการใดก็บ่คิดจะบิดเบือน
๏ ครั้นเราดำรสวานมหิบาลก็แชเชือน
เกลื่อนกลบจะลบเลือนดุจนี้มิบังควร
๏ ไปเถิดพระนลไปจรไวบ่เรรวน
ตัดโศกวิโยคครวญผิวโศกจะสื่อไฉน ฯ
๏ เมื่อนนั้นพระนลอิดอุระอัดระอาใจ
จำเปนก็จำไปดุจเทพจำนง
๏ หวนมีมนาดูรธก็ทูลพระอินทร์องค์
เวียงวังยุพาวงพลแขงกำแพงกัน
๏ ฃ้าฤาจะเฃ้าได้กลใดพระทรงธรรม์
แน่แล้วบ่แคล้วอันพจฃ้าทำนูลความ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระพันตาอมราธิเบนทร์งาม
ตรัสตอบพระนลตามจิตหวังพระบังอร
๏ ดูราพระนลภูธรผู้สถาพร
เธออย่ามนาวรณ์กิจนั้นมิพรั่นพรึง
๏ เราอาจอำนวนให้จรเตร็จเสด็จถึง
ผู้คนประตูกรึงบ่มิบังมิกั้นกาง
๏ เธอจงเสด็จไปดลในนิเวศน์นาง
พริบเนตระเดียวทางทุรถั่นก็ถึงองค์
๏ พออินทะโองการพจมานธหมดลง
นลราชระเห็จตรงกลวายุพาไป
๏ ลัดนิ้วพระหัตถ์เดียวพระก็ดลณะวังใน
ทวยหาญทหารใครก็บ่ห่อนจะเห็นองค์
๏ ปราการตระการกั้นบ่มิกันพระนลยง
แวดป้อมและล้อมวงก็ประหนึ่งบ่มีตา ฯ
๏ เมื่อนั้นนิษัธนาถยลราชกานดา
นวลนงพงาวามวิลาสวิไลยศรี
๏ โศภางค์สอางอ่อนอรชรสุพรรณี
เพราพร้อมมลม่อมมีสิริเลิศสราญตา
๏ เอวองคะอ้อนแอ้นอุระแม้นประทุมมา
ลัยแย้มยะยวนยามะกมุทบดีเชย
๏ เพ็ญจันทร์บ่เพ็ญจริงดุจหญิงฉนี้เลย
ใครใดจะได้เคยยลนางสำอางเหมือน
๏ รำพึงตลึงเล็งพิศเพิ่งพระเพ็ญเดือน
ดวง:-)็แชเชือนกิจทูตมิพึงทำ
๏ หวนหักหทัยท้อจิตแท้ทวีรำ
คาญขุ่นระคายคำสุรเทพธใช้มา ฯ
๏ บัดนั้นกำนัลนางบ่มิห่างยุพาภา
ล้อมเล่หะดารากรล้อมพระจันทร
๏ เห็นองค์พระไนษัธสิริรัตน์วราภรณ์
เลอล้ำนรากรทินกรบ่เทียมทัน
๏ ต่างนางก็ออเออมนเผลอมะเมอฝัน
ยักษ์นาคะคนธรรพ์สุรทิพยาคม
๏ ใครหนอลออทรงอรองค์อำเรอชม
งอนงามอร่ามรมย์ภพนี้บ่มีสอง
๏ พิศรูปก็เลิศลักษณ์พิศพักตร์ก็เพ็ญผอง
พิศองค์ลอออองพิศมาดสวาดิ์หมาย
๏ ต่างนางก็งวยงงพิศวงพระทรงฉาย
อยากผายบ่อาจผายพจถามพระภูธร
๏ ต่างนางก็บังคมสิรก้มประนมกร
อ้ำอึ้งอุราอรบ่มิอาจจำนรรจา ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนงเภาอรเยาวะโสภา
หากในหทัยมานพมาณะวังใน
๏ งามดังอนงค์ทรงสิริโฉมประโลมใจ
ใครหนอฉนี้ใครฤจะเทพเสด็จมา
๏ นลยิ้มพระนางยิ้มพิศพริ้มประไพตา
พลางองค์พระนงพาลก็ถามพระนลไป
๏ ดูราพระทรงศักดิ์ศุภลักษณ์วิไลยไกร
เหตุหาญประการใดพระเสด็จณะวังหลวง
๏ จู่ถึงประหนึ่งเทวะสุเรศะเลอสรวง
ไพร่พลพหลปวงก็บ่ห้ามบ่ปรามองค์
๏ มาได้ก็โดยฤทธิมหิศรธำรง
อันซึ่งพระองค์ทรงสุรภาพคือใคร ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลยินอรพินทะปราไสย
ตรัสตอบยุบลไปดุจเทพจำนง
๏ ฃ้านามพระนลไนษธไอศวรรย์ทรง
มาโดยประสงค์องค์จตุเทพมาดิน
๏ องค์เพลิงเถกิงกาจยมราชวรุณอินทร์
สี่องคะทรงจินตะประสงค์จำนงใจ
๏ หวังพายุพาจรกลพายุพาไป
สู่ทิพย์สถานในภพหล้าสง่าทรง
๏ เสพย์สุขสถาวรนิรชรถนอมองค์
เพ็ญพรรณะบรรจงมลไร้วิไลยราม
๏ สี่เทพธใช้อาตมะมาทำนูลความ
เปนทูตแถลงตามศุภอัตถ์อำนวยไข
๏ นางจงประจงสรรสุรฉันทะอาลัย
เลือกหนึ่งพระองค์ในจตุเทพธหมายมา ฯ
             

สรรคที่ ๔

พุชฌงคปยาตฉันท์
๏ พระลาวัณยะพรรณิบุตรีภีมะราชา
สดับวัจน์นิษัธนาถหลากจิตก็อิดใจ
๏ ไฉนนั่นพระพันตาสุเรนทราธิเบนทร์ไกร
เถลิงอาศน์ถวัลย์ไอศวรรย์ในสวรรค์เวียง
๏ ประดานางสุรางค์ทรงสเอวองค์สอางเคียง
บำรุงเธอบำเรอเรียงประไพตาประภาเพรา
๏ พระอินทร์ไซร้จะไร้นางสุรางค์แนบเสน่ห์เนา
ก็เหลือเชื่อและเหลือเดาจะเปนได้ไฉนเนอ
๏ พระกาลกาญจน์ตระการเพริศวิลาสเลิศวิไลยเลอ
สรีล้อมบำเรอเธอประเล้าโฉมประโลมฉาย
๏ พระเพลิงเริงเถกิงกาจวโรภาสสุพรรณ์พราย
ประเสริฐศักดิ์ตระหนักหมายบ่ไร้ร้างสุรางค์โลม
๏ วรุณไซร้วิไลยทรงสอางองค์ลออโฉม
ก็ย่อมมีสุรีโลมสุภัทร์แพร้วศุภาดูลย์
๏ พระอินทร์ยมวรุณเพลิงเถกิงกาญน์วิมานมูรธ์
พิพัฒน์แผ้วพิพิธภูลพิชัยฤทธิ์พิชิตชาญ
๏ ไฉนจงประสงค์เราฉนี้เล่าบ่เปนการ
คำนึงพลางยุพาพาลก็ทูลตอบพระนลไป
๏ พระทรงฤทธิ์อดิศวรประมวลศรีระวีไกร
เถลิงรัฐนิษัธไอศวรรย์เอี่ยมอลงกรณ์
๏ สยุมพรพิธีนี้จะมีเพื่อพระภูธร
สมาคมสโมสรกษัตริย์สิ้นณะดินแดน
๏ ประสงค์ตรงพระองค์เธอพระนลเลอเสมอแมน
บุรุษอื่นผิหมื่นแสนจะหมายชมบ่สมหมาย
๏ เพราะเหตุหงส์พิหงค์ทองยุบลถ่องแถลงปราย
ประลือโฉมประโลมฉายพระนลเฉิดประเสริฐทรง
๏ จำเดิมกาละนั้นมาก็จึงฃ้าคำนึงองค์
จำนงในหทัยตรงถวายแด่พระทรงศรี
๏ ผิแม้นองค์พระทรงศรมนาทรบ่ห่อนมี
ก็ตัวฃ้าจะพาชีวะก้มหน้าอำลาตาย ฯ
๏ พระนลยินยุบลตรึกคเนนึกคนึงหมาย
จะเล้าโลมพระโฉมฉายประดุจเทพประสงค์มา
๏ พระนางเอยอุไรนงพงาองค์อำเรอตา
ก็เมื่อสี่สุเรนทราคนียมวรุณเรือง
๏ เสด็จสู่สยุมพรธิดาภีมะศรีเมือง
มนุษย์แน่นอเนกเนืองจะเทียมเทพกระไรเธอ
๏ จะเลือกคนดำเนิรดินบ่เลือกอินทร์ระบินเลอ
ก็ผัวคนไฉนเนอจะเทียมผัวพระอินทร์ไกร
๏ มิเลือกอินทร์ก็เลือกยมมิเลือกยมก็เลือกไฟ
วรุณเกียรติกำไรก็ล้ำเลิศประเสริฐสาร
๏ มนุษย์หยิ่งเผยอยงจะเทียมองค์พระโลกบาล
บ่ทันเทียบจะเปรียบปานลอองบาทก็ห่อนมี
๏ มนุษย์ต่ำบ่ยำเยงบ่กริ่งเกรงพระวัชรี
วรุณยมวราคนีก็แท้โทษจะถึงมรณ์
๏ ผิขัดเทวะบัญชาก็คือพาทุฃากร
และทั้งทิ้งทิพาภรณ์สถานทิพย์บ่พึงถึง
๏ ผิโดยดังหทัยแมนจะแสนสุขสวรรค์สึง
เกษมใจณะไตรตรึงษ์เสวยทิพย์สถาวร
๏ สตรีมีณะที่ใดมิอยากได้สุเรนทร
สตรีใดณะดินดอนมิคิดใคร่วรุณฉาย
๏ สตรีใดณะใต้หล้ามิใฝ่หาพระเพลิงพราย
สตรีใดบ่แดดายคนึงสมพระยมยง
๏ พระนางจงผจงสรรประสบฉันทะจำนง
ณะเหล่าเทพสี่องค์พระองค์หนึ่งพระองค์ใด ฯ
๏ ยุพายินยุบลตันหทัยอั้นอุราใน
ทำนูลตอบพระนลไปพระเนตรน้ำก็คลอคลอง
๏ ประดาเทพเสด็จมาและบรรดากษัตริย์ผอง
ก็ฃ้าน้อยประณตปองประณามก้มประนมกร
๏ พระองค์อื่นพระองค์ใดก็ฃ้าไม่มนาทร
จะหมายเรียงจะเคียงหมอนมิสมแท้จะแดดาย
๏ พระองค์เธอพระองค์เดียวพระนลเชี่ยววิชาชาย
ผิหมายชมจะสมหมายเพราะฃ้าหมายถวายตัว
๏ มิเลือกองค์พระนลได้ก็ฃ้าไซร้บ่มีผัว
มิยำเยงมิเกรงกลัวจะเปนไรก็เปนไป
๏ อำนาจสัตย์อธิษฐานสำเร็จสารสำราญใจ
ประสบส่งประสงค์ไปประดุจฃ้าจำนงหวัง ฯ
๏ พระนลยินยุพาพร้องอุราข้องคนึงฟัง
ดำรัสตอบพระนางดังหทัยธัมมะสำนึง
๏ สมรเอยเฉลยอัตถ์ก็โดยสัตย์บ่พรั่นพรึง
ตระหนักในหทัยตรึงเสน่ห์หาญประทานตู
๏ ก็ฃ้านี้ณะกาลนี้มิอาจที่จะชี้ชู
จะเล้าโลมพระโฉมตรูประสงค์เพื่อประโยชน์ตน
๏ ก็ห่อนได้เพราะสัญญาจะมาสื่อแสวงผล
ถวายเทพถกลพลเถกิงเกียรติ์ตระการไกร
๏ ณะกาลอื่นผิมาได้จะมาใหม่ลำพังใจ
จะทูลความณะทรามไวยเสน่ห์หมายถวายนาง ฯ
๏ ยุพาแย้มพระโอษฐ์ยิ้มพระพักตร์พร้อมพิไลยพลาง
คำณวนถึงคำนึงทางจะแก้ยากวิบากเบา
๏ พระนางทูลพระราชาผิสัญญาก็ทำเนา
อุบายอันจะบันเทาก็พอเห็นจะเปนการ
๏ ณะวันซึ่งสยุมพรอลงกรณ์มโหฬาร
กำหนดถ้วนคำณวนวารสมาคมสโมสร
๏ สุเรนทราคณีกาลวรุณชาญชโลทร
เสด็จสู่สยุมพรประสงค์ฃ้าธิดาหลวง
๏ พระองค์จงเสด็จด้วยบ่งงงวยทำงนทรวง
กษัตริย์เทพสุทัศน์ปวงประชุมพร้อมพยานเรา
๏ ก็จึ่งฃ้าจะเลือกองค์พระนลทรงทรงวิชาเชาวน์
ทำนองโทษจะหนักเบาบ่มีแก่พระภูมี ฯ
๏ พระนลฟังบ่กังขาก็อำลายุพาศรี
เสด็จจากนิเวศน์ภีมะเฝ้าเทพสี่องค์
๏ พระพันตาสุราธิปประทับพร้อมพิไลยทรง
พระยมงามประสามชงฆ์วรุณเรื่องวราภรณ์
๏ ดำรัสถามพระนลไปกระไรปิ่นนรินทร
พระพานพบยุพาพรพระนางฃานประการใด
๏ เสด็จได้สดวกดีสดังศรีแสดงใจ
จะเลือกเราฤเลือกใครพระนลเร่งแถลงสาร ฯ
๏ พระนลยินยุบลเล่าเสนอเค้าสนองฃาน
สุเรนทราทิบรรหารตระบัดฃ้าก็สู่วัง
๏ ประตูคนก็พรั่งพร้อมกำแพงป้อมก็ล้อมบัง
ทนายเฒ่าก็เฝ้าฟังทนายหนุ่มก็คุมดู
๏ ประดาพลพหลใดบ่มีใครจะเห็นตู
ระเห็จถึงพธูตรูยุพาแผ้วพิมลมาลย์
๏ กำนัลแวดระวังองค์ธิดาทรงฉวีกาญจน์
ประหนึ่งโสมะสำราญระหว่างโชติดารา
๏ พระนางทอดพระเนตรฃ้าก็ถามว่าพระราชา
บ่ฃามเฃ็ดเสด็จมาเพราะเหตุหาญประการใด
๏ อนึ่งฃ้าพระองค์ทรงณรงค์ฤทธิคือใคร
พหลพลสกลไกรกำแพงกั้นบ่บังกัน
๏ ก็จึ่งฃ้าทำนูลตอบยุบลชอบชลอฉันท์
แถลงซึ่งพระทรงธรรมะสี่ท้าวธจงใจ
๏ ประสงค์พายุพาจรประหนึ่งพายุพาไป
ณะถิ่นทิพย์สถานไอศวรรย์หล้าสง่างาม
๏ และสี่เทพธใช้ฃ้าเสด็จมาทำนูลความ
ประหนึ่งทูตแถลงตามยุบลอัตถ์อำนวยไข
๏ พระนางประจงสรรประสบฉันทะอาลัย
พระองค์หนึ่งพระองค์ใดณะสี่เทพธจำนง
๏ ยุพาตอบยุบลว่าจะเลือกฃ้าพระนลยง
มิยอมเลือกสุเรนทร์องค์วรุณอัคะนีกาล
๏ ณะวันซึ่งสยุมพรสโมสรมโหฬาร
กษัตริย์ชัชะวาลดาลเสน่ห์หาธิดาหลวง
๏ ณะท่ามกลางสมาคมพระอินทร์ยมวรุณปวง
พระเพลิงเพริศพิไลยสรวงเสด็จพร้อมพยาาเยาว์
๏ ก็จึ่งนางจะเลือกฃ้าพระนลกล้าวิชาเชาวน์
ทำนองโทษจะหนักเบาบ่เกิดได้ไฉนเลย
๏ ฉนี้แลสุเรนทรสมรพร้องฉลองเฉลย
พระวาจายุพาเผยประดุจฃ้าทำนูลความ
๏ ยุบลทราบพระบทมาลย์พระกฤตานตะเรืองราม
พระเจ็ดลิ้นพระอินทร์งามวรุณวาริโลมศรี ฯ
             

สรรคที่ ๕

วสันตติลกฉันท์
เมื่อนั้นวิทรรภะอธิราชนรนาถภูมี
กำหนดพระราชพรพิธีศุภฤกษ์อุดมวาร
๏ เชิญปวงประชาธิปประชุมณสยุมวราคาร
เรืองศรีมณีรตนกาญจนะแจ่มเจริญตา
๏ ราชานุราชนรพยัคฆตระหนักหทัยอา
ดูรใคร่จะได้พระวนิดาก็เสด็จสมาคม
๏ งามราชนิเวศน์รุจิรจิตรสุประดิษฐ์ดำรูรมย์
โรงคัละกาญจนะสดมภ์ผิวพิศก็พิศวง
๏ งามเหล่ากษัตริย์พฒนพงศ์พรองคะอาจอง
ดั่งสิงหะสิงสิขรทรงสุรภาพอนันต์เนือง
๏ งามราชวราภรณราชยะรามอร่ามเมือง
กุณฑลหิรญรตนเรืองผิวแมนก็แม้นกัน
๏ งามทรงสุมาลยะมณีสุรศรีระพีพรรณ
พิศพาหะเปรียบปริฆอันปรภาพจะราบลาญ
๏ เพ็ญพักตร์ก็นักษตระนภางคะกระจ่างเจริญมาน
เกศาสุนาสิกสคราญและพระเนตรก็ฃำคม
๏ งามราชสมาคมนราอธิเลิศวโรดม
อ่าโอ่สโมสรวิกรมชชวาลตระการตา
๏ ดังนาคณะกรุงอุรุคโภควตีสมัญญา
แม้เสือสถิตย์คิริคุหานรศาระทูลเหมือน ฯ
๏ เมื่อนั้นพระราชอรธิดากลยาณิเด่นเดือน
โสภาประภาพิมลเตือนจิตแจ่มเจริญชม
๏ อาภรณ์ประไพพรพิพิธชวลิตชลอรมย์
แสงศรีมณีกนกสมอรสุทธะโสภา
๏ ยาตรสู่สโมสรสมาคมเหล่าพระราชา
ยลนางและต่างขติยะตาจะกระพริบก็ห่อนมี
๏ ดูไหนก็ดูบ่มิเขยื่อนผิวศกก็ศกศรี
ดูเนตรก็เนตรกลมณีผิวกรรณก็กรรณนาง
๏ ดูเอวก็เอวอรสุรางค์ผิวปรางก็เพียงปราง
ดูอกก็อกอรสอางผิวกรก็กรตรู
๏ พิศไหนก็เพ่งกมลพิศบ่มิคิดจะเปลี่ยนดู
เฉาจิตบ่พิศอรพธูวรภาคอื่นเลย ฯ
๏ ปากราชยุพาพรสวัสดิสุภัทร์กำดัดเชย
นานเนืองชำเลืองนยนะเงยยลราชสมาคม
๏ เฃาฃานพระนามนฤปถ้วนยศล้วนวิไลยสม
บูรณ์ศักดิ์วิสิฎฐ์กิติอุดมนรศาระทูลปวง
๏ ถึงนามพระนลพิมลราชนรนาถนิษัธหลวง
หลากในหทัยสมรทรวงดุจศัสตระตัดเถือ
๏ เหตุเห็นพระไนษธประจักษ์อภิศักดิ์เสมอเสือ
ห้าองค์บ่ผิดวิจิตรเหลือจิตซึ่งจะพึงเดา
๏ ดูโน่นก็นลถกลศักดิประจักษ์อุราเยาว์
ดูนี่ก็นลพิมลเชาวนะนั่นก็นลจริง
๏ ห้านลสกนธะวรลักษณะพักตร์บ่เพี้ยนพิง
อกเอ๋ยไฉนหทยหญิงก็จะทราบประการใด
๏ ไหนแน่พระนลนรพยัคฆ์อุระจักทลายไป
นงลักษณ์ตระหนักพระหฤทัยจตุเทพธแปลงมา
๏ เหตุเราจะเลือกพระนลไนษธผู้ประไพตา
สี่เทพธทราบยุบลสาระรหัสก็ดัดตน
๏ เทพหนึ่งก็เปนพระนลหนึ่งจตุเทพสี่นล
รวมทั้งพระนลพลถกลและก็ห้าพระภูธร
๏ ไหนหนอพระนลนิษธนาถนรราชอดิศร
ไหนหนอพระนลพลขจรสุจริตจิโรดม
๏ อัดอั้นอุราอรอุไรระอุไหม้หทัยกรม
อ้ำอึ้งคนึงจิตะระงมทุนนัสวิบัติกรรม
๏ ตรึกพลางพระนางนุชระลึกมนนึกทำนองธรรม
วอนเทพผิเทพอุปถัมภ์ก็จะสิทธิสมหวัง
๏ หมายพึ่งสุรานิมิษทั้งจตุเทพจำบัง
สี่ท้าวจะอาทรกระมังผิววอนอชรชาญ
๏ คิดพลางยุพาพรประนมกรก้มกมลบาน
วาจามนัสนมสการพจนาตถ์ทำนูลไป
๏ อ้าองค์สุเรศระสถาพรอานุภาพไกร
ภูลศักดิ์พิสิฏฐ์พิชิตไชยอสูรก็สูญปราณ
๏ อันฃ้าธิดานรบดีพรภีมะภูบาล
จำเดิมกนกพิหคฃานพจพร้องทำนองสาร
๏ กล่าวโฉมพระนลพิมลศักดิ์ศุภลักษณ์ประจักษ์มาน
มาดหมายบ่หน่ายถวิลดาลจิตน้อมเสน่ห์ไป
๏ มอบกายถวายนลนเรศร์กลเจตนาใน
เสี่ยงจิตผิผิดพระนลใครจะประสงค์บ่ปลงมาน
๏ ด้วยเหตุระหัสสตยวาทจิตมาดสมาทาน
จงสัตย์อุบัติผลพยานสตยานุกูลไกร
๏ สรวมเทพสุธรรมอธิตย์ผิวจิตจำนงใน
ความตรงก็จงกรุณใจระบุแจ้งแสดงองค์
๏ องค์ไหนพระไนษธสถาพรศาระทูลยง
เชิญเทพธกอบกรุณทรงคุณชี้พระภูธร
๏ หนึ่งฃ้าจำนงนฤปมั่นบ่มิพรั่นทุฃากร
หนักแน่นบ่แคลนหทัยคลอนบ่มิเคลื่อนมิคลายใจ
๏ ชั่วตากระพริบก็บ่คนึงจิตถึงบุรุษใด
ความจริงบ่กริ่งกมลในนยะนี้บ่มีแหนง
๏ สรวมสัตย์อุบัติผลสนองกลปองหทัยแจง
สรวมสิทธิ์สุเรศรแสดงนลให้ประจักษ์ตา
๏ หนึ่งฃ้าจำนงพระนลภูธรผู้ระบือชา
มุ่งในพระไนษธนชาธิปแผ้วภิย์โยเย็น
๏ เหตุด้วยสุราธิปมเหศรเดชะภูลเพ็ญ
จัดไว้จะให้อุบติเปนดุจนั้นก็เปนไน
๏ สรวมสัตย์อุบัติผลสนองกลปองจำนองใจ
เชิญเทพธชี้พระนลไนษธเพื่อภโรปถัมภ์
๏ หนึ่งฃ้าจำนงสตยจ่อจิตต่อพระนลสำ
เหนียกสัตย์ก็จำจิตจะทำดุจสัจจะวาจา
๏ สรวมสัตย์อุบัติผลสนองกลปองกมลมา
เชิญเทพธชี้นลนราธิปให้ประจักษ์องค์
๏ สรวมเทพธทรงสตยจุ่งจิตมุ่งกมลตรง
สำแดงพระองค์อมรทรงสุรลักษณ์ประจักษ์ตรู
๏ เพื่อฃ้าจะเลือกพระนลได้ดุจใจจำนงตู
สรวมทรงพระคุณกรุณชูสตยาภิวาจา ฯ
๏ เมื่อนั้นสุเรศระสดับวนศัพทะกานดา
วิงวอนอมรอมรปรากฏเห็นก็เอ็นดู
๏ ร่ำไรพิไรพจนนางบ่ระคางระคายหู
พักตรผ่องลำยองยุพพบูก็บ่ผ่องเพราะหมองมน
๏ ตั้งสัตย์และมีมนสสาระอุสาหะกังวล
รักสัตย์และทรงสตยทนบ่มิทอดมิทิ้งไป
๏ มุ่งรักประจักษ์จิตบ่จากอนุราควราภัย
หมายจิตและจิตตะนิศจัยบ่มิพรั่นมิพรึงกลัว
๏ น้ำใจก็ไสกลมณีและบ่มีจะหม่นมัว
ภักดีบ่มีกมลกลัวกลนี้บ่มีเหมือน
๏ คิดแล้วสุราชรสุทัศน์ก็ตระบัดบ่บังเบือน
พรรณเพ็ญก็เด่นประดุจเดือนสุรสุทธะโสภา
๏ ศรีแสงแสดงอมรลักษณะพักตร์ประจักษ์ตา
จึ่งองค์พระราชอรธดาก็ตระหนักหทัยนาง
๏ สี่ท้าวธเท้าบ่ดลดินอมรินทะรางชาง
เนตรห่อนกระพริบพรศุภางค์ผิวเหื่อก็ห่อนมี
๏ สรวมทรงสุพรรณ์สุรภิมาลยะไร้ธุลีศรี
หนึ่งองค์สุรามรบดีก็บ่ห่อนจะมีเงา
๏ อันองค์พระนลนรพยัคฆ์ก็ประจักษ์หทัยเยาว์
เหตุเหื่อและเงามนุชเราและพระบาทก็ดลดิน
๏ ปางราชยุพาพระสวัสดิพิพัฒนะโศภิน
สำเหนียกตระหนักนลนรินทรเที่ยงหทัยนาง
๏ ทันใดพระราชอรสุดากลยาณิโศภางค์
ทรงเลือกพระไนษธวรางค์อธิราชยะธำรง
๏ ฉวยชายพตราภรณพลางก็พระนางธสวมทรง
มาลัยถวายพระนลปลงจิตกายถวายไท ฯ
๏ ปางนั้นสุเรศะมฆพานภควานวิบูลย์ไกร
บรรดาสุรามรวิไลยยศะมาสมาคม
๏ เธอผองก็ซร้องสุรสำเนียงวจเจรียงเจริญชม
เทพทวยก็อวยอุปสดมภประทานพระนลหลวง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไนษธสบายจิตหมายธิดาดวง
สมหมายและกายกมลทรวงกธระรื่นระเริงปรีดิ์
๏ ทูลความณะทรามวยะประไพอรไทยพระไภมี
ดูราพระองค์อรยุพีพนิดาประภาทรง
๏ ซึ่งมองเสน่ห์นิตยน้อมมนพร้อมประพันธ์ปลง
จิตมาดสวาดิ์วิมลองค์ยุวมาลย์ประทานเรียม
๏ ท่ามกลางสุราธิปนราธิปศาระทูลเทียม
เลือกเรียมและเรียกปิติก็เตรียมจิตกายถวายนาง
๏ ตราบชีวะมอดมรณหมายบ่สลายเสน่ห์หมาง
หมายออมถนอมพระนุชวางนุชไว้ณะใจตู
๏ จง:-)ระแสพจนแจงจิตแจ้งพระโฉมตรู
สรวมสุขสวัสดิ์อุบัติชูกลสัจจะวาที ฯ
๏ ปางนั้นพระองค์อรสุพรรณพระวิทรรภะนารี
ยินถ้อยพระนลนรบดีก็เกษมกมลมาน
๏ นางปลื้มพระเปรมกมลปริ่มอรอิ่มอุราบาน
สององค์ก็ทรงนมสการอมเรนทราชร ฯ
๏ เมื่อนั้นพระวาสพสุเรศรเทวะเจ็ดกร
อีกองค์วรุณวรอมรยมเรืองทิพาภา
๏ เห็นนางสอางอรวิลาสยุพราชพาลา
ทรงเลือกพระไนษธนราธิบดินทร์ก็ยินดี
๏ ต่างเทพก็อวยพรประทานนลชาญพิชัยศรี
ผาสุกสวัสดิ์วฒนะปรีดิวิเศษยโสธร
๏ เทวาธิเบนทรวิชิตสุรฤทธิ์ประสิทธิ์พร
แต่นลเนรทรบวรนรสีหะราชา
๏ หนึ่งให้พระไนษธประจักษะตระหนักพระนัยนา
เห็นเทพณะเมื่ออมรมาดลเพื่อพิธียัญ
๏ หนึ่งให้พระไนษธนรินทรปิ่นนครฃัณฑ์
เดิรงามณะสามภพฤทันยุรยาตระอาจหาญ
๏ ฝ่ายองค์หุตาศะสุรฤทธิ์ก็ประสิทธิ์ประสาทสาร
สองพรพิสิฏฐะพิสดารนลรับก็จับใจ
๏ หนึ่งแม้นพระนลพิมลทรงจิตจงประสงค์ไฟ
องค์เพลิงเถกิงกิติจะไปดุจซึ่งพระพึงหมาย
๏ หนึ่งให้อุดมนิคมรัฏฐจรัสจรูญพราย
เรืองเมืองและเรืองอคนิฉายก็วิเศษเสมอกัน
๏ ฝ่ายองค์พระกาลจิตรตระการชยะชาญสราญธรรม์
อวยพรพิมลผลอนันต์นลยินก็ยินดี
๏ หนึ่งให้พระรู้รสกระยาทิพโภชน์พิพิธมี
เอมโอษฐะโอชอุดมชีวะก็แผ้วก็แพร้วพราว
๏ หนึ่งให้สถิตย์สุขุมธรรมะอนันตะยืนยาว
เลื่องชื่อระบือคุณณะหาวและณะดินระบินธรรม
๏ ฝ่ายองค์วรุณกรุณจิตก็ประสิทธิ์ประสาทคำ
สองพรสุภัทร์อุปสดัมภ์นลตรับสดับผล
๏ หนึ่งแม้นพระนลพิมลทรงจิตจงประสงค์ชล
วารีจะมีดุจกมลนลใคร่หทัยหมาย
๏ หนึ่งเธอประทานทิพยมาลยะรสสุคนธ์ปราย
ต่งอวยสุมงคลขจายพรสิทธิ์ประสาทสาร
๏ เสร็จแล้วสุรามรเสด็จจรเตร็จอำพรชาญ
งามเทพพาหนะทยานพลผองผยองโพยม ฯ
๏ ฝ่ายเหล่ากัษตริย์วิบติในหฤทัยไผทโกรม
หมายใจจะได้นุจตระโบมก็บ่ได้พธูอร
๏ นางเลือกพระนลสิบ่มิหนำสรุซ้ำประทานพร
ต่างราชก็ต่างจนนครทิศทั่วไผทศรี ฯ
๏ เมื่อนั้นวิทรรภ์อธิบดีพรภีมะภูมี
จัดการวิวาหพระบุตรีกลในหทัยจง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระนลพิมลธรรมิกพรรณรายทรง
ทูลลาพระภีมะบิตุรงค์จรจากนครศรี
๏ สู่เวียงวิวัฒน์นิษธราชพิศวาสพระไภมี
ดังศักระผู้ศจิบดีธตระกองพระน้องเธอ
๏ ครองครองประชากรนิษัธก็อุบัติวิบูลย์เลอ
บำเพ็ญกุศลผลเสมอสุขแผ้วพรากร
๏ กอบกิจพิธีอศวเมธะมะเหศะกำธร
ดังองค์พระนาหษขจรกิติเกริกณะธาตรี
๏ ฝ่ายสายสมรบวรไนษธราชมเหษี
มีราชวโรรสบุตรีศุภลักษณ์วิไลยตา
๏ นามราชธิดานรบดินทรอินทะเสนา
นามราชวโรรสนราธิปดินทะเสนยง
๏ ฝ่ายองค์พระนลนฤปไนษธไอศวรรย์ทรง
ครอบครองประชากรธำรงยุติธรรม์นิรันดร ฯ
             

สรรคที่ ๖

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์
๏ เมื่อนั้นอินทร์อคนีวรุณยมอมร ครั้งเสร็จสยุมพร
พิธี
๏ สี่เทพอวยพรแด่พระนลนรบดี ผู้ซึ่งพระไภมี
ธสรร
๏ เสร็จแล้วสี่สุรเทพธจากนครพลัน หันเตร็จระเห็จผัน
นภางค์
๏ พอพลท้าวกลิท้าวทวาปรณะกลาง แถวเถื่อนวิถีทาง
จรัล
๏ เมื่อนั้นองค์อมเรนทราธิปก็พลัน เผยภัททะอัตถ์อัน
อุดม
๏ ดูราองค์กลิทั้งทวาปรวิกรม จักสู่สถานรม
ยใด
๏ เมื่อนั้นท้าวกลิเธอก็ทูลสหสนัยน์ ฃ้าม่งจะตรงไป
วิทรรภ์
๏ หมายมั่นปั้นจิตจงประสงค์พระทมยัน ตีเลิศะลาวัณย์
วิไลย
๏ หวังออมองค์ยุวดีพระศรีสมรไว ทรรภีฉวีไร
วิลาส
๏ บัดนี้ภีมะบุตรีจะมีพิธิประกาศ หวังพาพระพาลา
ตระกอง
๏ เมื่อนั้นองค์อมรินทะยินกลิสนอง จึ่งตอบยุบลสอง
ธไกร
๏ ดูราองคืกลิจงระเห็จอำพรไคล คลาคืนผิขืนไป
ก็เปล่า
๏ มาป่านนี้และพิธีสยุมพรพระเยาว์ แล้วเสร็จและสี่เรา
จะกลับ
๏ ต่อหน้าเราจตุรางค์พระนางสิริวิทรรภสรรเสร็จประสงค์สรรพ
พิธี
๏ องค์ไนษัธสุรพลพระนลนฤบดี เปนราชสวามี
ตระกอง
๏ เมื่อนั้นองค์กลิทราบก็ปลาบกมลตรอง ตรึกกริ้วพระผิวทอง
ยุพา
๏ เอิบอาฆาตทุจริตเพราะจิตตะริศยา ดูดู๋สุดามา
นุษี
๏ กำเริบเอิบจิตหมิ่นสุรินทรบ่มี เคารพพระวัชรี
วิชัย
๏ ดูหมิ่นทั้งพระวรุณพระเพลิงพระยมไกร กำเริบลำพังใจ
บ่เกรง
๏ บังอาจเลือกภสดามนุษย์นะมิเยง อันองค์พระอินทร์เอง
บ่เลือก
๏ เลือกผัวคนอรเธอเสมอจิตกระเสือก หาทุกข์บ่ฉุกเกลือก
จะวาย
๏ ทั้งผัวเทพอรเธอเสมอจิตสลาย ทิ้งสุขบ่ฉุกหมาย
สวรรค์
๏ หยาบใหญ่หลวงบ่มิล่วงณะห้วงวิบุลทัณฑ์ แท้โทษจะถึงอัน
ตราย
๏ เมื่อนั้นองค์อมรินทร์ธยินก็อธิบายตอบถ้อยแถลงปราย
ประโยชน์
๏ ดูราองค์กลิควรบ่ด่วนประทุฐโทษ อันองค์พระนงโพธ
บ่ผิด
๏ นางเลือกผัวสุรพลพิมลนลนริศร์ เรืองบุญมนุญกิต
ติคุณ
๏ สี่เราให้อนุมัติบ่ขัดจิตพระสุน ทรีโศภนาดุลย์
ดิลก
๏ ชายเช่นไนษธอันถวัลยะอธิปก พราหมโณปถัมภก
เถกิง
๏ นางใดบ้างจะมิมาดสวาดิ์จิตประเทิง เสน่ห์ภูปะผู้เชิง
ฉลาด
๏ ใครบ้างทรงคุณธรรมประจำจิตบ่คลาด ดังองค์นิษัธนาถ
นเรศร์
๏ ทรงเมตตากรุณาอุสาหะจตุเวท อาฃยาน์ประชาเบศร์
ก็เจน
๏ ทรงสัตย์ปรีดิฤดีมหิ*ะนฤเบนทร์ แท้เที่ยงบ่เอียงเอน
ลเอียด
๏ เธอดีแล้วดุจนั้นและท่านสิจะกระเสียด เบียดบ่งและจงเกลียด
มิชอบ
๏ ใคร่แช่งผู้คุณเลิศประเสริฐจิตะระบอบ เวรต่อก็เวรตอบ
บ่ผัน
๏ คำแช่งนั้นจรปรวนและหวนดลณะมัน ผู้แช่งแสวงทัณ
ฑกรรม
๏ มันหยามอยาบผิวสาปจะตกนรกจำ รึงรุมณะหลุมดำ
ดำงน
๏ ดำรัสเสร็จสุรเตร็จระเห็จอำพรบน เพ็ญผ่องอำพนพล
อำไพ
๏ ทันใดเมื่อจตุเทวะเขจรกำไร กลีกล่าวยุบลไป
บ่หึง
๏ ดูราทวาปรผู้สหายสุหฤทพึง ช่วยข้าบ่ช้าจึง
จะชอบ
๏ ตูคิดแค้นนลแสนผิแหลนพิษประกอบ เสียบกายมิหมายตอบ
กระไร
๏ ฃ้าไซร้จักจรสู่และสิงพระนลไน ษัธราชจะคลาดไป
บ่มี
๏ เฃ้าสิงแล้วและก็ฃ้าจะพาพระนรสีห์ สู่ชั่วบ่กลั้วดี
ดำงน
๏ จักทำให้นลล้มและจมณะมหิดล เสียเมืองกระเดื่องมนท์
มลาย
๏ อันองค์ไนษธเคยเสวยสุขสบาย จักเสื่อมสลายกาย
ทุพลี
๏ เคยชื่นฉมอภิรมยะชมพระรมณี ทรามไวยพระไภมี
จะดาย
๏ คิดคงสมจิตหนาทวาปรสหาย มุ่งหวังจะดังหมาย
มิคลาด
๏ เชิญช่วยอาตมะเถิดจะเกิดผลมิพลาด เกลอสิงณะลูกบาศก์
นะเกลอ
๏ เกลอสิงอักขะและฃ้าจะสิงพระนลเธอ ห่อนช้าจะพาเธอ
ทำงน ฯ
             

สรรคที่ ๗

อินทรวงศ์ฉันท์
๏ เมื่อนั้นกลีมี วรมีกมลสมล
อาฆาตพระนลจนจิตกร้าวจะร้าวจะราน
๏ มุ่งร้ายและหมายขวัญมนมั่นจะหักจะหาญ
มาดจ้องทำนองพาลนลพลาดจะฟาดจะฟัน
๏ มั่วมิตรสนิทจิตทุจริตบ่ผิดบ่ผัน
สองเกลอเสมอกันจรสู่นิษัธสถาน
๏ มุ่งหน้าจะหาช่องจิตจ้องประหัดประหาร
สิบสองฉนำนานนลพลาดเพราะฃาดพิธี
๏ ถ่ายมูตรสำเร็จแล้วพระบ่บ้างพระบทศรี
ไป่ทันสอาดดีจรสู่ณะสันธยา
๏ ฝ่ายท้าวกลีทราบอวกาศอุจาดก็มา
สำนึงพระราชาบ่มิหึงกระลึงพระนล
๏ ดลใจพระไนษัธก็วิบัติวิกัติวิกล
เชิงเชาวน์กำเลามนท์มนช้ำระกำวิกร
๏ ครั้นองค์กลีสิงมนสมมนานุสร
จึ่งองค์ทวาบรจรตรงดำรงสกา
๏ กลีทูลพระบุษกรอรชรขจรวิชา
ผู้เปนพระภาดานลราชอำนาจมหัน
๏ ดูก่อนพระบุษกรจิตหาญชำนาญพนัน
เชิญชวนพระนลธรรมิกราชประลองสกา
๏ องค์ท่านสิชาญกลยลเล่หะเทวะนา
รู้หลักประจักษ์ปาศกะคล่องทำนองจะทำ
๏ นลไซร้มิได้รู้ผิวสู้ก็เห็นจะกรรม
ตัวท่านชำนาญชำนะนริศร์บ่ผิดกมล
๏ ศฤงคารสราญรมยะบรมบุราภินนท์
สมบัติสุภัทร์ผลพรราชมไหศวรรย์
๏ เราจักอำนวยให้ประลุท่านเพราะการพนัน
สมบัตินิษัธพลันจะวิเภทเพราะเหตุสกา
๏ สิ่งใดมิได้เหลือกลเผือแถลงกถา
ด่วนดลพระนลนายกเถิดจะเกิดสุผล ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบุษกรบทจรนครพระนล
ท้าทูลทำนองกลกลิสอนบ่ห่อนจะแหนง
๏ ดูราพระภาดาฃติยาธิคุณแสดง
ไววีระแวงแคลงจิตหวั่นพระบารมี
๏ เชิญนลพนันบาศก์นลอาจก็อาตม์บ่หนี
ตูอักขะเทวีมนมั่นพนันจะลอง
๏ ท้าแล้วก็ท้าเล่านลเศร้าหทัยะตรอง
คลองธัมมะทำนองผิวเล่นก็เห็นบ่ดี
๏ บัดเดี๋ยวก็หันหวนจิตป่วนอำนาจกลี
ใคร่ขันพนันมีมลจิตบ่คิดจะฃาม
๏ บัดเดี๋ยวกลีดลจิตนลก็เชือนก็แช
แดหมายก็ดายแดบ่มิยั่งมิยืนมิยง
๏ บุษกรทำนูลท้าเฉภาะหน้าพระนางทนง
ไนษัธกษัตริย์ปลงจิตผันพนันสกา
๏ เสียทรัพย์บ่นับเหลือธุระเบื่อจะไตรจะตรา
ทีนาระนานานิธิเนื่องอเนกอนันต์
๏ ลูกบาศก์อุบาทว์แท้นลแพ้บ่แผกบ่ผัน
หลายคืนและหลายวันนิธิสิ้นและสินกษัย
๏ ส่ำเสวกามาตย์ก็มิอาจจะทำอะไร
จักทัดจะทานไนษธได้ก็ห่อนจะมี ฯ
๏ ปางนั้นนรากรชนชาวนิษัธบุรี
อำมาตยะมนตรีจรสู่นิเวศน์นรินทร์
๏ มั่วสุมประชุมกันจิตหวั่นเพราะภูบดินทร์
มัวมนท์บ่ยลยินกิจราชวินาศวิการ
๏ เช้าเย็นบ่เว้นว่างนลร้างเสวยสนาน
คืนค่ำมิสำราญพระบ่แนบพระนงพงา
๏ จึ่งสูตะผู้เชาวนะเฝ้าวรางคนา
ทูลองค์พระนงพาละวิทรรภะมานวี
๏ แจงแจ้งแถลงลงเล่าดุจเค้ายุบลคดี
บรรดาประชาชีจรสู่ประตูสภา
๏ เหตุเหือดหทัยที่นรเทพธทรงสกา
หวั่นองสทกทาหะถนัดวิบัติจะมี
๏ ขอเชิญพระนางองค์อรอรรคะราชินี
ทูลภูบดีพลีดุจฃ้าทำนูลพระนาง
๏ เชิญองค์ประชาเบศร์ฃติเยศร์วิไลยวรางค์
เสด็จออกณะท่ามกลางชนเฝ้าพระบทศรี ฯ
๏ เมื่อนั้นพระรามาวนิดาสุวรรณินี
องค์ทัมะยันตีจิตเจียนจะจากสกนธ์
๏ แสนโศกบ่สร่างศัลย์มนหวั่นวะว้าวะวน
ด่วนดลพระนลชลนยนาก็พร่าก็พราย
๏ เสียงสั้นรำพรรณ์ทูลจิตภูลเทวศบ่วาย
อ้าองค์พระทรงฉายกษมาปะศารทูล
๏ บัดนี้ประชาราษฎร์และอำมาตรย์จะมาทำนูล
เชิงชอบระบอบบูรพ์จิตภักดิรักพระองค์
๏ หวังเฝ้าพระเจ้าฉัตรและประณตพระบทบงสุ์
ภูมินทร์นรินทร์จงจรให้นิกรประณาม
๏ ทูลแล้วทำนูลเล่าอรเศร้าหทัยะซาม
โฉมศรีฉวีงามก็สลัวระรัวสกนธ์
๏ นลเฉยบ่เผยโอษฐ์ดุจโสตรบ่ยินยุบล
ลุ่มหลงพวงวนจิตมั่นกระดาสสกา
๏ นางทัมะยันตียุวดีก็อ่อนอุรา
มนตรีนิกรมาครกรมระบมหทัย
๏ โจษจรรสนั่นว่าพระนราธิเบนทร์กระไร
กลับกลายสลายไปดุจนี้บ่มีคนึง
๏ ฝ่ายองค์กลีดลจิตนลกระหลบกระลึง
ไนษัธวิบัติกรึงมนแน่วณะเทวนา
๏ หลายปักษะหลายมาสบ่มิคลาดกระดานสกา
หลายปักษะหลายมาสะบ่ฟื้นบ่คืนพระองค์ ฯ
             

สรรคที่ ๘

อุปชาติฉันท์
๏ พระนางศุภางคีมหิษีนิษัธทรง
รันทดบ่ปลดปลงธุระท้อทำนองการ
๏ ไนษัธบ่คืนดียุวดีฤดีดาล
ระอาอุราลาญกลศัสตระเสียบอร
๏ ระโหยระหวยหวนบ่สงวนพระองค์สมร
ยามนอนบ่เปนนอนจะเสวยก็เฉยชา
๏ ตรัสเรียกพระนมนามวฤหัตะเสนา
เฉลียวฉลาดสาระระเบียบก็เฉียบแหลม
๏ พิทักษ์สมัคสมานกลกาญจน์บ่มีแกม
ภักดีบ่โรยแรมปฏิบัติบ่โรยรา
๏ นางทัมยันตีตรัสว่า
อ้าท่านสราญสัตย์วฤหัตะเสนา
พระนลนเรนทราธิปล่มจะจมพลัน
๏ สภาจะพาพรากจรจากมไหศวรรย์
สมบัตินิษัธสันติพิบูลย์จะสูญไป
๏ เร่งเชิญวโรงการมหิบาลฉกรรจ์ไกร
ประหนึ่งพระนลไนษธสั่งบ่กังฃา
๏ ประชุมประชามาตย์มนม่งมิสงกา
แจ้งเหตุวิเภทภาระจะล่มจะแหลกลง
๏ เธอทรงสกาสิ้นนิธิสินบ่คืนคง
อมาตย์ฉลาดจงจรเฝ้านรินทร
๏ มไหศวรรย์สูญก็จะภูลเทวศถอน
เสนานรากรก็จะเดือดจะดายใจ
๏ ท่านจงกระจายเล่าธนซึ่งพระเสียไป
จำแนกจำนวนในนิธิซึ่งพระยังมี ฯ
๏ นรีฤดีมาศวรราชธาตรี
รับสั่งพระสุนทรีจรเรียกอมาตย์มา
๏ แจ้งกิจบ่ผิดซึ่งพระวิทรรภะกันยา
แถลงบ่แฝงการณะอันจะพลันเปน
๏ ตระบัดนิษัธเสวกราชอมาตย์เห็น
เหตุล้ำจะลำเค็ญก็เทวศทวีทรง
๏ รู้ราชวโรงการก็ทยานหทัยยง
เพราะเหตุพระรู้องค์พระดำรัสประชุมเรา
๏ ประดาประชามาตย์จิตคาดคนึงเดา
เหตุร้อนจะผ่อนเบาก็ละเลิงละลาญใจ
๏ กลุ่มกลุ่มประชุมชวนจรด่วนดำเนิรไป
สพรึบสพร้อมในวรราชสภาพลัน ฯ
๏ พระนางสอางมาศยลราชอมาตย์อัน
มากหน้าประดากันจรสู่สมาคม
๏ นางด่วนเสด็จดลณะพระนลนโรดม
ทำนูลยุบลกรมจิตตรองทำนองความ
๏ วะว้าวะหวั่นวอนอดิศรขจรนาม
กานดาพยายามจะสกิดหทัยนล
๏ อ้าองค์พระทรงศักดิ์ปฏิปักษ์แสยงพล
ประชาและสามนต์จรมาสมาคม
๏ พระจงเสด็จเพื่อชนชื่นนิยมชม
ยังให้นิกรสมจิตเถิดพระภูธร
๏ ทูลแล้วทำนูลเล่าอรเศร้าอุราอร
ระทดระทวยถอนจิตแทบทลายลาญ
๏ พระเฉยบ่เผยโอษฐ์ดุจโสตรบ่ยินขาน
กานดาประภาการมหิษีก็หนีจร
๏ สู่แทนผธมซบศุภพักตระเหนือหมอน
ละอายบ่คลายคลอนจิตโศกสยองภัย
๏ สกาก็พาเธอมนเผลอมะเมอไป
ใครคิดสกิดใจพระบ่ยั้งบ่ยินยล
๏ มีแต่จะแพ้บาศก์บ่มิคลาดจะสักหน
พระแพ้จะแก้ตนก็บ่ได้ประดุจแด
๏ นิษัธนรินทร์ร้อนบุษกรบ่แยแส
นลพลั้งจะรังแกกลเจตนาจง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไภมียุวดีกำศรดทรง
ประจักษ์วิถีองค์ภสดาถลาจร
๏ พระนางคนึงในหฤทัยก็อาวรณ์
ตรัสเรียกพระนมอรวฤหัตะเสนา
๏ อ้าท่านสราญธรรม์สติมั่นสุปัญญา
มหิประชาธบ่คืนบ่ฟื้นองค์
๏ มิไวมิได้การผิวนานจะแหลกลง
เชิญวาร์ษเณย์ยงและก็ฃ้าจะสั่งการ ฯ
๏ บัดนั้นพระนางนมกรก้มกมลมาน
ดำรัสพระนงคราญจรรีบคระไลคลา
๏ บ่รั้งบ่รอใช้ชนให้ตระบัดหา
จึ่งวาร์ษเณย์สารถิทราบพระเสาวนีย์
๏ รีบเฝ้าพระนางองค์อรราชมเหษี
พระสุนทรีมีพจนาตถะสุนทร
๏ นางทัมยันตีตรัสว่า
บุรุษวิสุทธเอยจิตเคยบ่แคลนคลอน
ภูภฤตอดิศรธก็ไว้ก็วางใจ
๏ บัดนี้สิมีเหตุจะวิเภทมหาภัย
พระนลนรินทร์ไนษธหลงพวงวน
๏ พระแพ้พนันบาศก์พระบ่คลาดกระดานกล
ยิ่งแพ้จะแก้ตนพระก็ยิ่งถลำไป
๏ ฉันใดพระบุษกรชำนำบาศก์บ่คลาดใจ
ฉนั้นพระนลไนษธแพ้บ่แปรผัน
๏ จะทัดจะทานเธอก็มะเมอกมลมันท์
ญาติวงศ์พระทางธรรมะและมิตรก็อิดแด
๏ แม้ตูมเหษีอวนีศ์บ่แยแส
จะชี้จะแนงแปรจิตไท้ก็เหลือทำ
๏ จะแก้ก็เหลือแก้ทุระแท้วิถีกรรม
เจ็บจิตจะคิดจำจิตฝ่าทุสาธัย
๏ เหลียวหน้าจะหาใครก็บ่ได้ประดุจใจ
จะพึ่งพำนักในธุระนี้บ่มีตน
๏ จำนงพินิจใจหฤทัยแสวงผล
หาผู้พิทักษ์นลนรราชชลอชู
๏ เห็นตัวก็แต่ท่านจิตหาญกระตัญญู
ระบอบระเบียบบูรพะเที่ยงหทัยตรง
๏ สกุลพระนลภูประจะรอดธำรงคง
ไป่สูญประยูรวงศ์ก็เพราะท่านชำนาญรณ
๏ จงเทียมดุรงค์รีบรถแทบวิถีพน
ดนุชธิดานลจรพาบ่ช้าที
๏ ลุแทบวิทรรภ์ทูลณะพระภีมะภูมี
ฝากราชกุมารีและกุมารสราญองค์
๏ ฝากทั้งดุรคราชรถมาศมณีรง
สำเร็จประสงค์จงจรโดยจะปราถนา ฯ
๏ พระนางสอางวรรณวจสรรจำนรรจา
จึ่งวาร์ษเณย์สารถิแจ้งวิจารณ์จง
๏ ทูลลาพระรามาจรรีบคระไลตรง
ประชุมอมาตย์ยงณมหาสภาปอง
๏ ตริตรึกและปฤกษากิจว่าพระผิวทอง
มาดม่งจะส่งสองยุพพ้นพระนลจร
๏ เห็นชอบระบอบพร้อมชนน้อมถวายกร
ประชาอุราวรณ์จิตกรมระทมเกรียม
๏ บ่รั้งบ่รอสารถิจัดตระบัดเตรียม
บรรจงดุรงค์เทียมรถรีบคระไลคลา
๏ เชิญราชดนัยราชดนยายุพาภา
พระอินทะเสนาและพระอินทะเสนทรง
๏ ลุราชนครกุณฑินบุญอดุลย์ยง
ถ่องทูลยุบลองค์พระวิทรรภ์บดีศรี
๏ มององค์กุมารราชและพระราชกุมารี
พระภีมะภูมีก็ตระหนกหทัยปอง
๏ ถนอมและกล่อมเกลี้ยงทนุเลี้ยงพระหลานสอง
สองเยาวะลำยองก็เจริญจรูญเรือง ฯ
๏ ฝ่ายวาร์ษเณย์ไข้จิตอยู่มิรู้เปลือง
รำพึงคนึงเคืองอุระฃุ่นระคายคลอน
๏ อำลาวิทรรภ์ราชจรโดยพนาดร
ถึงถิ่นนรินทรฤตุบรรณะราชา
๏ เธอครองนรากรณะนครอโยธยา
บำรุงประชาปรากฏเดชอดุลย์ยง
๏ ระบือระบินบุณยะพระคุณขจรองค์
จึ่งวาร์ษเณย์จงจิตพึ่งพระบารี
๏ เฃ้าเฝ้าถวายตัวฤตุบรรณะเรืองศรี
พระภูบดีปรีดิก็เลี้ยงบำรุงเฃา ฯ
             

สรรคที่ ๙

วสันตติลกฉันท์
๏ ปานนั้นพระนลพิมลฤทธิ์พิปริตเลมอเมา
บ่มบ้าสกากลกำเลาบ่มิฟื้นมิฝืนองค์
๏ มึนมนท์กมลทุมลมัวมนมั่วอมิตรยง
หลงลมนิยมประยุรวงศ์บุษกรกระฉ่อนเชาวน์
๏ เหลิงเล่นบ่เห็นภยพิบัติดุจศัสตระเสียบเอา
เซซุดประดุจดรุนเยาว์ผิวเสียบ่เสียดาย
๏ ไอสูรย์พิสิฏฐิพิพิธภัณฑสุวรรณะโพรงพราย
โภคพัตถุ์สุวัสตรกระจายจรเฝื่อบ่เหลือหลอ
๏ คลังใหญ่และน้อยผิวจะนับธนทรัพย์บ่เพียงพอ
มาตยค์ตุรงค์รถลออนิธิสินก็สิ้นเชิง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบุษกรกษัตริย์ชำนะฉัตรก็บรรเทิง
ไอสูรย์วิบูลย์กิติเถกิงอภิศักดิรังสรรค์
๏ แย้มยิ้มพะพริ้มพจเฉลยนลเอ๋ยบ่เปนอัน
เหมรัตน์สุวัตถุจะพนันนิธิผองก็ฃองตู
๏ เหลืออยู่ก็แต่พระสุภคาพนิดาพบูตรู
เอกรัตน์พระฃัตติยพธูวรราชมเหษี
๏ มาเราจะทอดทิวะพนันพระวิทรรภะนารี
ใครดีจะได้พระรมณีนลจงบ่สงกา ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลกมลเศร้าจิตเฉาพระปัญญา
อ้ำอึ้งตลิงนยนะวาทะวิวาทบ่ออาจแสดง
๏ นิ่งจ้องทำนองมนุชไบ้อุระไข้คนึงแหนง
มาตรว่าศราวุธสำแลงพิษเหน็บบ่เจ็บปาน
๏ ยินคำพระบุษกรดำรัสนลอัดอุราลาญ
แสบแสนจะทนกมลมาลย์จะเลอียดเพราะเสียดแทง
๏ ปลดเปลื้องพระภูษณะพิพิธวิรจิตะพึงแสวง
อาภรณ์ดิลกกนกแสงมณิฉายกระจายเงา
๏ เหมพัตถะรัตนะวิสิฏฐ์ชวลิตพรายเพราะ
อัมพรหิรญพิมลเกาศิกเลื่อมละลานตา
๏ ทุกอย่างพระวางณะคฤหดลและพระนลบ่เจรจา
เหลือผ้าจะพันพระวรกายะก็แทบบ่มิดองค์
๏ ออกจากพระมนทิรเสทินมนเมินดำเนิรตรง
พักตรก้มระทมอุระธำรงทุขแทบจะจาบัลย์
๏ นวลนางพระราชสุพรตาสุภคาชวาวรรณ
ได้ผ้าสพักสริระพลันจรรีบคระไลตาม
๏ สององค์ธทรงมยุรยาตรณะตลาดถนนงาม
นอนนั่งณะร่มนิคมคามดุจไพร่ดำเนิรดิน ฯ
๏ บัดนั้นประชานิกรรู้คุณผู้สวามินทร์
นาครก็ถอนหทยจินตะระทดระทวยทวี
๏ ภักดีพระนลนฤปราชและพระราชมเหษี
เอื้อเฟื้อเพราะเพื่อกรุณมีจิตโอบอำรุงภาร
๏ เลี้ยงดูพระภูธรบ่แคลนชนแสนจะสงสาร
สามวันพระบุษกรสราญยศรู้ก็ขู่เขา
๏ ป่าวในนครนิกรชนผิวนลเสด็จเนา
หนไหนและใครกรุณเอาธุระแวดถวายบาย
๏ ไป่เกรงพระบุษกรพิโรธก็และโทษจะถึงตาย
ทวยราษฎร์ตระหนกจิตก็วายธุระเอื้ออำรุงนล
๏ สิ้นที่พำนักพระนลหมองและพระน้องก็หม่นมน
สองจากนครจรณะพนนิทระนอกกำแพงเมือง
๏ อาหารก็จนพลก็ไร้อุระไข้ระคายเคือง
มันเผือกบ่เลือกรสประเทืองชิวะแทบทลายลาญ
๏ โหยหิววะหวิวหทัยเวียนและพระเศียรก็ซมซาน
โซมซุดประดุจทุพลพาลอุระเอ๋ยบ่เคยซาม
๏ หลายวันพระดั้นทุรดำเนิรนุชเดิรผจงตาม
วันหนึ่งประสบสกุณงามนลใกล้ก็ไป่หนี
๏ ไนษัธคนึงหทยนายกว่าปตัตรี
มากหมู่และอยู่ณะปถพีบ่ตระหนกหทัยบิน
๏ เนื้อนกก็โภชนะพิเศษผิวเจตนากิน
จับได้จะโดยกมลจินต์รสทิพโอชา
๏ เผือกมันและสรรพะผลไม้ก็มิได้กระหายหา
ตราบวาระลาภและบุญมาจรสบสสกุณพี
๏ จำเราจะจับทวิชหมายมุทุชีพพาชี
แล้วเราจะเผาณะอคนีบ่มิหึงจะถึงใจ
๏ หนึ่งขนหิรญก็กลทรัพยะจะนับอเนกนัย
คิดกินและคิดนิธิอุไรก็กระหายบ่หายจง
๏ ตรึกพลางพระเปลื้องวสนะซึ่งนลทรงสพักองค์
คลี่คลุมจะกุมคณะพิหงค์และพิหกก็เหิรบน
๏ ปางนั้นนริศร์ก็พิศวงเพราะพิหงคะทรงพล
พาผ้าระเห็จอำพรจนพระจะไล่บ่ได้คืน
๏ ไนษัธก็ทรงปริวิตกผิวนกกำลังยืน
เหลือร้ายลอายกมลกลืนทุขเที่ยงทิคัมพร
๏ ปางนั้นพิหคกนกแกล้งจิตแสร้างจำแลงหลอน
ถาบถาชล่าอำพรจรพจนาดถ์ทำนูลนล
๏ ดูราพระนลพิมลศักดิ์ปรปักษ์สยองพล
นี่หรือระบือกิติถกลวิทยานชำนาญเชาวน์
๏ รู้เท่าศกุนตะก็บ่รู้ดุจผู้กำเลาเมา
มัวโมหะม่นกมลเราจรล่อก็หลงกล
๏ เรานี้มิใช่สกุณดอกและจะบอกยุบลนล
เราคือสกาจรผจญนลไว้บ่ให้เกษม
๏ อันเราสกาสกุณไซร้จะมิให้พระนลเปรม
แม้ผ้าจะพันสริระเอมอุระได้มิให้มี
๏ พูดพลางสกาศกุนิผันจรหันระเห็จหนี
ปานนั้นพระนลนฤบดีก็ระทดระทวยใจ
๏ พลางทูลผอูนอรสอางนุชนางวิไลยไร
เทวีพระศรีสมรไวทรภีฉวีกาญจน์
๏ อ้าองค์พระนุชบุศยะรัตน์กุลฃัติย์มหาศาล
อันอักขะจ้องจรประหารดุจนี้ก็มีกรรม
๏ ตูเพลินสกาวิกลจิตวิปริตเลมอมำ
สมบัตินิษัธวิบติจำจิตจากนครหลวง
๏ ไป่เคยวิบากดลวิบากจรลากพระเพ็ญยวง
สู่ป่าและพาสมรดวงจิตจากประยูรวงศ์
๏ อาหารก็อดบถก็ร้อนบทจรณะดอนดง
หมดรู้จะสู้จรดำรงอิหโลกไฉนใด
๏ ตูแสนจะโศกจิตกำศรดอปยศแสยงใจ
นานัปปการวิกลไภยะจะจู่จะสู่นาง
๏ โฉมตรูก็คู่ชนมพี่ยุวดีจะหม่นหมาง
ฟังพี่จะชี้สถลทางนุชจงประจงจำ
๏ ในทักษิณาปถสถลผิวด้นดำเนิรสำ
เหนียกจิตบ่ผิดทิศจะนำจรกรุงอวันตี
๏ นงพาลผิผ่านนครพ้นก็จะดลศิขรีศรี
นามฤกษะวัตคิริมหิธรเงื้อมโชงกเงา
๏ ทางนั้นก็บรรพตพิศาลพิสดารตระการเพรา
วินธัยศิขรจรลำเนาบถฝ่าพนาลี
๏ ถัดนั้นนทีรยะชลาลยะชื่อปโยษณี
ไหลตรงและลงสมุทมีชลควั่งผะผังจร
๏ มันเผือกจะเลือกรสนิยมก็จะสมอุราอร
อาศรมอุดมมุนินิกรตบะกล้าวิชาชาญ
๏ ใครใครจะใคร่จรจรัลณะวิทรรภะปราการ
มุ่งหน้าณะมารคะประมาณทิศนั้นจะพลันดล
๏ ใครใครจะใคร่จรประเวศณะประเทศโกศล
มุ่งหน้าณะมารคะสถลทิศนั้นจะพลันถึง
๏ ต่อไปก็ทางจรณะทักษิณเทศสำนึง
เนืองนรนครศิขรพึงพิศชมนิยมใจ
๏ ตรัสแล้วพระไนษธมหิปติชี้นครไกล
ชี้แล้วพระนลนฤปไนษธตรัสทำนูลนาง
๏ ตรัสเสร็จพระซ้ำพจนตรัสและพระหัตถ์ก็ชี้ทาง
นวลน้องก็ข้องอุระระคางมนข้นคนึงใจ
๏ รู้เท่าพระราชวรติยากลยาณิตรึกไตร
เห็นท่าทำนองนฤปไนษธเที่ยงจะเลี่ยงทาง
๏ ชี้ทิศวิทรรภ์นครไท้ก็จะให้พระน้องนาง
สู่ภีมะผู้ชนกพลางนลแยกวิถีไป
๏ คิดพลางพระนางนุชประนมกรก้มทำนูลไท
ฃ้าแต่พระผู้สุรวิชัยนฤเบนทรภูบาล
๏ เศรียรตูจะแตกอุระจะแยกจิตแหลกทำลายลาญ
ยิ่งตรองก็หมองพระพจมานนรเทพวาที
๏ บัดนี้มหิกษิตร้สุขในพนาลี
ราชัยะไอศวรศรีธนทรัพย์ก็ยังเยิน
๏ แม้ผ้าจะพันวรกษัตริย์ก็อุบัติโพยงเหิร
คราวขัดวิวัสตรดำเนิรดุจยาจนกนร
๏ ฃ้าผู้พธูจะจรจากนลโดยพนาดร
ทิ้งนายกาธิปบวรบทได้ไฉนเธอ
๏ เธอมีกมลกลจะไหม้หฤทัยมะมัวเมอ
ฃ้าอยู่จะสู้จรบำเรอปฏิบัตินรินทร
๏ คราวทุกขะแทบทุระสถลจรหนวนัชจร
ฤาเมื่อภยามยะวิกรพิษพาดทุพลเพลีย
๏ ยาใดผิไภษชประเสริฐก็บ่เลิศเสมอเมีย
ชุ่มชื่นระรื่นกมลเคลียภสดาพยาบาล
๏ ผู้รู้และผู้ภิษชพร้อมพจย่อมจะกล่าวฃาน
ดั่งฃ้าทำนูลพระบทมาลย์พระก็แจ้งประจักษ์ใจ
๏ ฉันนี้ไฉนพระกษมาธิปศารทูลไกร
จักชี้วิถีสถลในพนพฤกษะไพศาล
๏ ฃ้าฤาจะจากพระนลไปดุจไร้เสน่ห์นาน
แม้นมาตรมิเมื้อมรณะปราณก็มิจากพระองค์จร ฯ
พระนลตรัสว่า
๏ ดูรายุพาพรสวัสดิ์พระสุมัธยมาอร
จริงเจียวเฉลียววจสมรชนพลันจะสรรเสริญ
๏ ผู้ไข้จะได้ภิษชฟ้าผิวยาจะหาวเหิร
โอสถบ่ปลดวิกรเกินภริยามนาทร
๏ อันอาตม์สวาดิ์วรพธูนุชผู้มโนหร
มุ่งรักสมัคมิตรสมรจะเสมอบ่ห่อนมี
๏ นางอางขนางขณะวิบากจรจากบุรีศรี
เกรงพี่จะหนีพระยุวดีสละทิ้งพระมิ่งเมือง
๏ นางเอยเฉลยพจนเล่านุชเจ้าระคายเคือง
ขุ่นข้นระคนกมลเปลืองดุจนั้นเพราะฉันใด
๏ ตูมาดบ่คลาดสมรมิตรกลจิตบ่จากไป
แม้นกรรมและจำจะสละใครสละอาตมะก่อนอร ฯ
นางทัมยันตีตรัสว่า
๏ อ้าองค์พระทรงสตยจิตอวนิศร์นรินทร
แม้นมาดมิมุ่งกมลจตสละน้องณะกลางไพร
๏ ตั้งจิตบ่ผิดพจนกี้ก็พระชี้วิทรรภ์ไย
นึกนึกก็หนักหทยในนยะที่พระชี้ทาง
๏ น้องนี้ก็ทราบสนิทจิตพระบ่คิดจะอางขนาง
ลำพังพระนลพิมลวางจิตได้จะไม่เปน
๏ แต่นี่กลีจรดำรงณะพระองคะขุ่นเข็ญ
ยังให้นริศร์จิตลำเค็ญมนมุ่นมะเมอเผลอ
๏ ชี้ทิศวิทรรภ์บถแถลงระบุแหล่งศิขรเฌอ
ใจตูก็รู้หทัยเธอนลผู้สวามี
๏ แม้ว่านราธิปประสงคะจะส่งมเหษี
ฃ้าบาทพระราชสหจรีจรทิศวิทรรภ์ตรง
๏ ให้ไปนครบิดาอาตมะฃ้าก็ตกลง
แต่ฃ้าจะเชิญพระนลทรงยศด้วยสำรวยใจ
๏ มาเถิดพระผู้หฤทเยศณะประเทศสถานไกล
มาเราจะเต้าสถลไปณะวิทรรภะทางหลวง
๏ ห่อนหึงจะถึงนครกุณฑินบุญมนุญปวง
องค์ภีมะผู้บิดรทรวงก็จะปลื้มกมลเปรม
๏ ยับยั้งณะวังวรวิศาลบริหารหทัยเหม
ภูมีพระภีมะจะเกษมสุขศานติสมานมน ฯ
             

สรรคที่ ๑๐

มานวกฉันท์
พระนลตรัสว่า
๏ ดูกรนุชบุศยะรัตน์
พงศะกษัตริย์ภัทระถกล
๏ พี่จะมิไปในพนสณฑ์
ทิ้งนิรมลเอ้วรองค์
๏ อันพระบุรีภีมะนรินทร์
ผู้ปถพินทร์ยินยศยง
๏ ยิ่งปุรแมนแสนสุขทรง
สิทธิประสงค์ศักดิ์ดุจสูรย์
๏ อาตมะไซร้ไข้จิตกรม
เดิมก็อุดมสมบติบูรณ์
๏ มาตระจะเทียบเปรียบยศปูน
ทรัพยะอดูลย์ภูลนิธินอง
๏ ศักดิ์ก็เสมอเลอยศปาน
ทรัพยะตระการกาญจนะกอง
๏ เพียบบริพารหาญพลผอง
ครอบปุรครองรัฎฐะนิกร
๏ ปรัตยุบันอันยศลี้
จักจรลีภีมะนคร
๏ พักตระจะก้มกรมอุระถอน
เหตุบทจรเฉกชนซาม
๏ เคยรถล้อมห้อมจรดล
เกลื่อนคชพลกล่นหยะงาม
๏ พรึบพยุห์เทียบเพียบพลหลาม
สมกิติทรามไวยะยุพา
๏ อาตมะไม่ไปเพราะจะฃาย
หน้าอรฉายโฉมสุภคา
๏ เฃาก็จะหัวผัวพระธิดา
เดินดุจยาจกจรดิน ฯ
๏ ไนษฑฃัติย์ตรัสดุจนี้
ว่าจะบ่หนีศรีอรพินทร์
๏ องค์สุภคามานะก็ยิน
ดีและถวิลเบาอุระลง
๏ องค์นลจรอรจรตาม
นวลนุชทรามไวยะระหง
๏ วัสตรครึ่งซึ่งนุชทรง
ปิดวรองค์แทบจะบ่มิด
๏ เหตุนรนาถชาตินรสีห์
ผ้าพระบ่มีปกปุรปิด
๏ จึ่งอรรัตน์ฃัติยะกนิษฐ์
วัสตรติดองค์ก็ถวาย
๏ แด่นลครึ่งซึ่งนลทรง
ครึ่งยุพยงพันวรกาย
๏ อำพรเดียวเที่ยวทุรทาย
อัดอุระอายจำจิตจร
๏ ไนษธเหนื่อยเมื่อยวรองค์
นวลนุชทรงเสียงดุจศร
๏ บาทะระบมกรมอุระอร
กายะสมรสุดจะธำรง
๏ ไหนจะกระหายสายชลแห้ง
ในพนแล้งชีพจะบ่คง
๏ หิวฤก็หิวหวิวจิตจง
ภักษะประสงค์เหลือจรหา
๏ วาสรหนึ่งถึงณะกระหม่อม
อันธุลิห้อมริมมรคา
๏ จึ่งนรนาถราชภริยา
สู่ณะสภาพักวรกาย
๏ เหนือปถพีศรีนิษธา
ธิปและพระวามาก็ระคาย
๏ ดินบ่มินุ่มรุมอุระคาย
นั่งบ่สบายนอนบ่เสบย
๏ จิตตะละเหี่ยเปลี้ยวรองค์
นวลนุชนงเยาวะบ่เคย
๏ เคยปจถรณ์อ่อนอุระเกย
นุ่มประเขนยแนบสิระนาง
๏ ผัวธก็เพลียเมียธก็อ่อน
สองธก็ผ่อนพักสริรางค์
๏ แสนจะอนาถดาดรชกลาง
ดินธก็วางกายนิทระเนา
๏ นางและพระนลดลคุรุกรรม
เหตุกลิทำทุกขะบ่เบา
๏ นิทระณะทับหลับดุจเมา
ทั้งนุชเยาว์ทั้งนลยง
๏ ครั้งพระสตีภีมะธิดา
องค์อพลาอ่อนจิตทรง
๏ นิทระสนิทอิศระองค์
นลธจำนงในหฤทัย
๏ เหตุพระระแวงแหนงมนะนึก
ตรงจิตตรึกควรฤไฉน
๏ จักจรลีหนีนุชใน
แนวพนไพรพฤกษะพิศาล
๏ จึ่งนลฟื้นตื่นบ่มิหึง
พิศนุชพึงเดือดอุระดาล
๏ โอ้อรเอยเคยสุขศานติ์
มิตระสมานมาลยะสมร
๏ หนียุวดีดีฤบ่จร
โอ้อุระอาตม์มาตระศิขร
๏ ทุ่มอุระถอนชีพก็บ่แหยง
อันพระยุพายาจิตพี่
๏ มิ่งมิตระมีใจบ่ระแวง
มุ่งจะบ่คลาดมาดจะบ่แหนง
๏ ภักดิบ่แคลงสัจจะบ่คลอน
ตูจรด้นหนทุรใด
๏ นางก็จะไปเจ็บก็จะจร
ทุกข์ก็บ่บ่นหม่นมนะอร
๏ น้ำฤศิขรขวางก็บ่เยง
แม้นนุชเดียวเปลี่ยวจิตกลาง
๏ พงพนพลางนางก็จะเกรง
เปล่าจิตเฃ้าเจ้าจรเอง
๏ สู่สุขเพรงรัฎฐะวิทรรภ์
แม้นสละนางกลางวนอา
๏ รัณยะพระลาวัณยะสุวรรณ์
คงจรดลด้นบทมรร
๏ คาณะวิทรรภ์ภีมะบิดร
นางนะเกษมเปรมหฤทัย
๏ แผ้วนิรภัยในพระนคร
อาตมะเดียวเที่ยวบทจร
๏ ซอกพนซอนห่วงก็บ่มี
อันยุพยงพงศ์จกระพรรดิ
๏ เกษะกษัตริย์สัจจะธนี
สัตยะย่อมห้อมยุวดี
๏ ดั่งกวจีภัยะบ่พาน
ไนษธคิดผิดดุจนี้
๏ เหตุกลีมีวรหาญ
ดลจิตเธอเมอมลมาน
๏ ตรึกก็วิการตรองก็วิกล
จักจรลี้หนีนุชน้อง
๏ คิดก็บ่คล่องข้องจิตจน
เหตุเพราะผ้าวาสะสมล
๏ องค์สุรพลเธอก็บ่มี
สองวรฃัติย์วัสตรเดียว
๏ จักจรเดี่ยวเหลือจรลี
ผ้าผิจะแบ่งแย่งยุวดี
๏ เกรงพระสตีตื่นนิทระเนา
ไนษธตรองข้องอุระขัด
๏ มาตระจะตัดวัสตรเยาว์
ใหนุชครึ่งครึ่งนลเอา
๏ ยากบ่มิเบามีดก็บ่มี
องค์นลเดียวเที่ยวจรดล
๏ จองจิตด้นค้นกษุรี
จำเพาะเพอินเดิรจรลี
๏ ในพนพีพลฉุริกา
สมดุจหวังดังจิตไท้
๏ เธอจรไปใกล้สุภคา
จึ่งนลตัดวัสตร์วนิดา
๏ องค์กลยาณิ์แน่วนิทระเนา
แล้วนลพลันพันวรองค์
๏ รีบจรจงจากอรเยาว์
หน่ายพระยุพีหนีพระลำเภา
๏ บ่ายบทเบาเฃ้าพนไป
หันมนหน่วงห่วงมหิษี
๏ หวนจะบ่หนีศรีสุวิไลย
กลับจรมาหาอรไทย
๏ พักตระประไพพิศนุชพลาง
โอ้ภริยาอาตมะเอย
๏ ทุกขะบ่เคยเกยสริรางค์
ลมบ่ระคายกายนุชนาง
๏ แดดบ่ระคางกายนุชนวล
เคยศยนีย์ศรีสุขแผ้ว
๏ พัสตรแพร้วเพราพิตบวรณื
กรรมจรแปรแก้จนปรวน
๏ โทษะคำณวนทุกขะคำณูน
โอ้อรเยาว์เพราะพิศวาส
๏ มิตรกลมาศภาสจรูญ
เคยสุขสันต์หรรษะพิบูลย์
๏ พร้อมพระประยูรภูลบริจาร์
โอ้นุชนางพางนยนา
๏ พี่พิศหน้าน่ากรุณา
องค์อรอ่อนนอนณะสภา
๏ แทบพสุธาเจียนจะประลัย
อำพรครึ่งซึ่งนุชทรง
๏ พันวรองค์มิดฤไฉน
โอ้รมณีพี่จรไป
๏ เมื่อนุชตื่นฟื้นนิทระนาน
เพ่งบ่มิพานพักตระพระนล
๏ นางก็จะร่ำคร่ำจิตจน
จักจรหนใดก็บ่เห็น
๏ เดียวจรด้นหนทุรกัน
ดารณะอรัญอันคุรุเข็ญ
๏ หมีมิคโคโฆระลำเค็ญ
พักตร์กลเพ็ญจันทร์ก็จะหมอง
๏ นวลก็จะเศร้าเจ้าก็จะโศก
ยามวิประโยคโรคก็จะครอง
๏ โอ้พระปิยาอาดุรปอง
ผิวกลทองหมองสิริครวญ
๏ อ้าอชรินทร์จินตะประจักษ์
ภักดิพิทักษ์รักษะสงวน
๏ กอบกิจเอื้อเกื้อกิจนวล
โรคะบ่กวนภัยะบ่มี
๏ เชิญอศวินอินทรอา
ทิจจะมหาวายุพลี
๏ อีกรุทระยงองค์วสุศรี
รักษ์ยุวดีภีมะธิดา
๏ อันยุพยงทรงคุณธรรม
สัจจะประจำจิตพระศุภา
๏ สัจจะประเสริฐเลิศพสุธา
ดั่งสุรอาวุธพลวาน
๏ ย่อมจะสงวนนวลนุชนาง
ภัยะณะกลางพนบ่มิพาน
๏ องค์อรจงทรงพระสราญ
สู่ณะสถานราชบิตุรงค์ ฯ
๏ ฝ่ายกลิอิงสิงจิตนล
เธอก็วิกลมนทะจำนง
๏ แหนงมหิษีหนียุพยง
จิตนลจงจักจรลี
๏ หันมนะหักจักจรไป
หวนมนะไม่ไกลยุวดี
๏ เหจิตหวนป่วนจิตมี
ทุกขะทวีแทบจะประลัย
๏ ครั้งกลิดลนลธก็เผลอ
มุ่นมนะเมอเธอจรไกล
๏ ดุ่มบถด่วนซวนบทไป
ทิ้งอรไทยหลับณะสภา ฯ
             

สรรคที่ ๑๑

อินทรวิเชียนฉันท์
๏ เมื่อนั้นพระพรรณ์ไรอรไทยะศัยยา
ชอกช้ำระกำกายะก็นิทร์สนิทดี
๏ ครั้งเมื่อพระทรงชัยจรในพนาลี
ห่อนช้าพระนารีธก็ตื่นก็ฟื้นกาย
๏ หวาดคว้าผวากอดจิตวอดพระฦาฉาย
คว้าลมบ่สมหมายมิประสบสวามี
๏ เหลียวแลชะแง้หาพระมหากษัตริย์ศรี
เธอหายจะหน่ายหนีสละน้องกระมังหนา
๏ หวั่นเสียวจะเหลียวซ้ายนลหายบ่เห็นมา
หวาดเสียวจะเหลียวขวาก็บ่สบพระทรงศิลป์
๏ อาดูรอดูลย์เดือดดุจเลือดละหลั่งริน
เผือดพักตร์ประจักษ์จินตนะพรั่นภยันตราย
๏ หวาดหวั่นรำพรรณ์เรียกพจเพรียกณะแถวทาย
โอ้องค์พระทรงฉายจรดลณะหนไหน
๏ ทิ้งเมียก็เสียคำพระบ่จำฤฉันไร
เหตุการณ์ประการใดนรนาถปลาตเมีย
๏ โอ้ปิ่นนริทร์เอยพระบ่เคยฉนี้เยีย
เคยน้อมถนอมเคลียนุชคลอชลอรัมย์
๏ โอ้ปิ่นบดินทร์เอยพระบ่เคยจะเสียคำ
สัตย์เลิศประเจิดจำจิตหมายบ่คลายคลอน
๏ โอ้ปิ่นประชาเบศร์พระประเวศณะดงดอน
ร้างมิตรสนิทนอนศยยาณะป่าหลวง
๏ ดังฤาระบือธัมมะประจำบ่จากทรวง
สัตย์ในหทัยปวงพระบ่ถือและฤาไฉน
๏ สัยญามิคลาคลาดนรนาถธคลาไคล
ตูเดียวณะแดนไพรนลพรากก็จากปราณ
๏ โอ้องค์พระทรงเดชฃติเยศร์มหาศาล
แม้นหั่นประหารผลาญชิวะข้อยบ่น้อยใจ
๏ เธอผู้ศตรูมากจรจากกนิษฐ์ไย
น้องใช่ริปูไภยะประทุษฐะห่อนมี
๏ คืนวันก็มั่นจิตมนนิตยะภักดี
นลหน่ายสลายหนีสละน้องณะไพรวัน
๏ นี่หรือพระถือสัตย์ปิยะวัจนานันท์
ในคราวอะคร้าวสันนิธิเทพสโมสร
๏ อินทร์ยมวรุณเริงและพระเพลิงประภากร
ชุมนุมสยุมพรณะวิทรรภะธาน
๏ นลแจ้งแถลงอัตถ์ศุภสัจจะวาที
มุ่งมองกมลปรีดิสราญประทานนาง
๏ ตราบชีวะมอดหมายบ่สลายเสน่ห์หมาง
หมายออมถนอมวางนุชไว้ณะใจตน
๏ นี่หรือพระถือสัตย์ปิยะวัจนานนท์
ทิ้งนางณะกลางพนภยะผองก็พ้องพาง
๏ อันปวงประชาปราณะจะดับจะอับปาง
แม้นชีพบ่วายวางก็เพราะเหตุบ่ถึงกาล
๏ ในเมื่อพระนลหนีจรลีณะไพรสาณฑ์
ตูไซร้มิวายปราณก็เพราะชนม์บ่ดลขัย
๏ หาไม่มิแคล้วคลาดจะวินาศประลัยไป
ชนม์วายมลายในขณะที่พระหนีจร
๏ ฉุกคิดพระอิศเรศร์บ่ประเวศณะดงดอน
เธอหยอกและซอกซอนพนซ่อนจะหลอนตู
๏ อย่าเลยพระอย่าเล่นจรเร้นณริมผลู
เฉกเช่นบ่เอ็นดูจิตน้องสยองภัย
๏ นั่นแน่ณะกอแฝกพระจะแมกจะเมี้ยนไย
โน่นเวณุไหวไหวพระจะเร้นก็เห็นองค์
๏ มาเถิดพระเกิดเกล้านลเผ้าพิบูลย์ยง
เล่นเร้นก็เช่นทรงจิตหมายทำลายรมย์
๏ โอ้โอ๋พระโพรัตน์จรพลัดนครคมน์
เวรทำระกำกรมบทฝ่าณะกานน
๏ น้องม่งจำนงโดยพระเสด็จดำเนิรหน
แหวกป่าทุรารณปฏิบัติพระภัตตา
๏ เกรงเธอจะกรมทุกข์ภยะฉุกจะมีมา
ภัยกรายณะกายอาตมะเองมิเกรงฃาม
๏ ร่ำพลางพระนางทอดอรองคะนงราม
หมั่นมันยุซั้นทรามวยะโศกบ่ส่างทรง
๏ บัดเดี๋ยวก็ทอดองค์อรทุ่มณะธาตรี
บัดเดี๋ยวก็นิ่งตีอุระกลืนสอื้นครวญ
๏ ชลนัยนะไหลรินดุจสินธุกำศรวญ
โศกพลางพระนางนวลนุชเผยพระพจมาน
๏ ภูตใดหทัยหยาบอภิสาปพระภูบาล
ทุ่มทุกขะเทียมปราณจะประลัยกษัยสูญ
๏ ภูตนั้นและมันจงจรดลอนลกุณฑ์
เทียมทุกข์ทวีคูณนรกาคนีแรง
๏ สาปพลางพระนางหม่นมนมันยุกรรมแสง
กำศรดบ่ปลดแปลงปริเทวะเหหวน
๏ เที่ยวท่องทุรารัณยะรำพรรณ์รำพึงครวญ
หมองคล้ำระกำนวลนุชเพรียกณะแนวไพร
๏ หาหาสวามีอวนีศะเกรียงไกร
ภูมีจะหนีไปสละสัตย์มิสมควร
๏ เพรียกพลางพระนางข้อนอุระร้อนระกำกวน
ฟังเพียงสำเนียงครวญกุรรีระลวงดาย
๏ ฝ่ายงูณะผลูจรอรครมหากาย
เห็นนางสอางกรายบทใกล้ก็ได้ที
๏ รวบรัดกระหวัดองค์ยุพยงพระไภมี
สมถวิลจะกินศรีสุภคาสง่าพรรณ
๏ นางดิ้นก็สิ้นแรงอพลาก็จาบัลย์
โอ้องค์พระทรงธรรม์จรด้นณะหนใด
๏ น้องเดียวณะแดนดงและอุรงค์กำลังไกร
รึงรึดสลัดไปบ่มิหลุดก็สุดแรง
๏ อ้าองค์พระทรงฤทธิ์อภิชิตกำแหง
เรืองเลอเสมอแสงทินกรขจรศรี
๏ แม้นเมื่อพระพ้นสาปกลิหยาบบ่ยำยี
เวียรวัฒน์สวัสดีสุขศานติ์เสวยรมย์
๏ เธอตรึกระลึกฃ้าภริยาอุรารงม
แม้นร้างบุรีกรมทุฃมาณะอารัญ
๏ หาพักตระห่อนพบบ่ประสบพระเมียขวัญ
เหตุตูสิสู่อันตะเพราะคราหะคร่ากิน
๏ เธอจักตระหนักโศกวิปรโยคประวาสิน
ใครจักพิทักษ์จินตะถนอมพระจมชน
๏ คราวเธอถวิลทุกข์กษุธาณะกานน
โศกศรานติ์วิการกลคุรุเขทะลำเค็ญ
๏ ใครจักสมัครเอื้อจิตเฟื้อณะคราวเข็ญ
ยามร้อนจะผ่อนเย็นปฏิบิตกษัตริย์ศรี
๏ พร่ำพลางพระนางพร้องพจก้องพนาลี
หาหาสวามีพระมิช่วยจะม้วยชนม์
๏ ยังมีวยาธเหี้ยมจิตห้าวณะราวพน
ลัดเลียบมหารญก็สดับสำเนียงนาง
๏ พรานป่าบ่ช้าทีจรลีตระบัดพลาง
เห็นองค์พระเอวบางอหิรัดณะริมผลู
๏ พรานแขงก็แผลงศัสตรตัดชีวิตงู
แล้วล้างพระนางตรูมลปราศสอาดตา
๏ พรานหาผลาหารบริหารพระกานดา
นางเปลี้ยละเหี่ยกายะก็เกิดกำลังทรง
๏ ฝ่ายพรานชำนาญไพรหฤทัยทยานยง
ทูลถามพระนามองค์อรอรรคนารี
๏ ดูราศุภามาลยะภาวินีศรี
นามกรสมรมีกุลถิ่นสถานไหน
๏ เนตรนางและเนตรเนื้อก็อะเคื้อเสมอใจ
เหตุการณ์ประการใดจรดลณะหนดอน
๏ เดิรดงดำรงทุกขะสำบุกสำบันจร
เอวองคะบังอรก็มิน่าดำเนิรไพร ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไภมียุวดีดำรัสไป
เล่าเรื่องณะเบื้องไนษธเสื่อมสลายลง
๏ ซัดเซพเนจรระอุอ่อนระอาองค์
ซอกซอนณะดอนดงจรพลัดพระภัตตา
๏ จวบงูกระหวัดองค์ยุพยงศุภาภา
ต่อนี้จะเดิรมารคะด้นสถลไป
๏ ตามหาสวามีบุญมีก็สมใจ
แม้นบุญบ่หนุนในพนดอมก็ยอมตาย ฯ
๏ ฝ่ายพรานทยานในหฤทัยบ่เหือดหาย
หมายโลมพระโฉมฉายพิศรูปวิไลยวร
๏ เอวอรสอางองค์ยุพยงปโยธร
บูรณ์จันทร์นิภากรสุกุมารสคราญครัน
๏ วาดวงขนงไนยนะสอลออกรรณ
โศภางค์สอางพรรณเสนาะพจนะภาษิน
๏ พรานเพลินเจริญตากิริยาประมาทิน
เมามานะราคินก็ทำนูลทำนองถาม ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนงเภาอรเยาวะเรืองราม
ยินยลยุบลความกลเพลิงเถกิงลน
๏ ดูดู๋เทมอไพรชนไพร่กำเดาดล
เหลิงหลงทนงตนจะประสบเสน่ห์ตู
๏ เรานี้อนาถาภสดาก็พลัดผลู
เดิรเดียวณะดงดูดุจไร้พิชัยพงศ์
๏ พรานดำจะปล้ำปลุกก็จะคลุกจะคลีองค์
ชอกช้ำจะธำรงอิธโลกฉันไร
๏ จักอ้อนจะวอนมันก็บ่กันมหาภัย
เหตุมันกระสันในมนะหมายทำลายเรา
๏ แค้นขัดสหัสสานลโหมพระโฉมเฉลา
เผยพจน์สบถเผาหินชาติวยาธดง ฯ
นางทัมยันตีสาปว่า
๏ เหตุฃ้าจำนงจินตะเสน่ห์พระนลยง
เนืองนิตย์สนิทจงจิตจอดพระยอดใจ
๏ ชั่วตากระพริบหนึ่งบ่คนึงบุรุษใด
แน่นแน่กมลในสตยาภิวาจา
๏ สรวมสัตย์อุบัติให้ผลได้ประจักษ์ตา
พรานดงทนงมานตระบัดวิบัติชนม์ ฯ
๏ สิ้นสาปอำนาจสัตยะอุบัติบ่แผกผล
ชีพพรานบ่ทานทนก็สลายมลายปราณ ฯ
             

สรรคที่ ๑๒

วสันตติลกฉันท์
๏ ปานนั้นพระราชสุพรตาพระศุภาพิมลมาลย์
พรานไพรประลัยชนมปราณนุชนางบ่ส่างศัลย์
๏ เสียงแสยงระแวงภยะดำเนิรคิริเขินศิขรขัณฑ์
ดอนเดียรถะด้นวิชนวันบทท่องทุราดูร
๏ เสียงสีหะภีรุมยะเกริกรุรุฤกษะศารทูล
โรหิษมหิษภิษมภูลภยะร้องลำพองพน
๏ วาฬมิคคะไล่มฤคล่ามฤคาริคำรน
โคโฆระโกกะจรปนกบี่แล่นสเริงไพร
๏ สำนักมิลักขะวนจรดสกรกำเรียงไกร
รากษสปิศาจอสุรไภยะพิบากก็มากมาย
๏ มากมีมหิรุหะมหารญศาระแหล่หลาย
อิงคุทกุมุทลพุชรายอศวัตถ์เถกิงเกรียง
๏ เกศร์เกตก์และกิงศุกกทัมพและชัมพุรายเรียง
ศาลตาลปริยาลขทริเคียงอรชุนพกุลสลอน
๏ จิญจาและอามลกโลธร์นยโครธอุฑุมพร
เรียงรายขจายพนขจรรสฉมอุดมฆาน
๏ ยามร้อนก็เร่าสริระร้อนทินกรบ่สงสาร
แผดเผาบ่เบากิรณปานกระอุไหม้มลายโรย
๏ ยามเย็นก็เยือกหทยเย็นหิมเปนลอองโปรย
ลมชายก็เช่นอนิลโบยบุรถมระทมใจ
๏ อารัณยะบรรพตตระการคิริกุฎูนิกุญช์ไพร (กุฏ สระอู)
หลากธาตุอาศยะณะไศละอเนกอนันต์มี
๏ เหวห้วยลหานหิมอุทกก็พุตกณะศีขรี
ผังผังละหลั่งสลิละปรีดิสะเริงสราญรมย์
๏ นางมึนกมลอพลภาพบ่มิซาบฤดีชม
วันคืนสอื้นอุระระงมบ่ระงับพระโศกา
๏ ควายป่าวราห์มฤคร้ายจรกรายบ่บีฑา
เหตุสัจจะในหทยมาลยะมิ่งสมรมี
๏ โศกพลางพระนางจรจรัลพนสัณฑะทุกขี
โหยหาสวามิศบดีพหุภัยบ่ใกล้กราย ฯ
๏ นางทมยันตีทรงรำพรรณ์ว่า
โอ้องค์พระผู้นรพยัคฆ์สุรศักดิ์กำจาย
ใจตูบ่รู้ระแคะระคายนลข้องทำนองไหน
๏ จึ่งนาถปลาตสหจรีดุจนี้ณะแนวไพร
น้องด้นณะพนวิชนไภยก็เบียดก็เบียนองค์
๏ เธอทำพิธีอศวเมธดุจเวทประสาททรง
ท่อทักษิณากรจำนงนิธิล้วนมโหฬาร
๏ ทรงธรรมประจำจิตบ่คลาดนรนาถคุณาธาร
ทรงสัตย์บ่เสื่อมพระพจมานบ่กระหลับกระหลอกคำ
๏ บัดนี้พระวัจนะวิบัติศุภสัตย์สลายรำ
คาญเข็ญลำเค็ญคุรุระกำวนกอบกราลภัย
๏ นลเอยพระเคยทนุถนอมนุชน้อมมโนมัย
มั่นหมายบ่หน่ายมนสในนิจจินต์ปฏิญญา
๏ นลเอยพระเผยพจนภัทร์ปิยะวัจน์จำนรรจา
ต่อหน้าวรุณยมวราคนิทั้งสุเรนทร
๏ แจ่มแจ้งแสดงปิยะกถาดุจผาบ่แคลนคลอน
แม้นเมื่อมิเมื้อชนมมรณ์พระมิร้างวรางคนา
๏ ลืมแล้วและหรือพระนรเศรษฐ์อภิสัตยะสัญญา
หงส์เหมพิหงคะหิตการกพร้องสนองเสนอ
๏ สี่เวทและอังคะและอุปางค์ก็กระจ่างหทัยเธอ
ชั่วดีคำภีร์บุรพเลอธประจักษ์ตระหนักใจ
๏ ชั่งในหทัยพระนลเถิดพระจะเริศจะร้างไป
ทิ้งน้องก็ทิ้งสตยในพจนาตถ์พระนลเอง
๏ น้องไซร้มิใช่กนิฐหรือพระมิถือสุธรรมเพรง
เมียมาณะอารญก็เยงพระบ่คุ้มบ่ครองภัย
๏ น้องเรียกพระศัตรุฆนหาญพระบ่ฃานก็ลาญใจ
น้องใช่กนิษฐะฤไฉนนรนาถนิราศหนี
๏ ตูหวั่นอรัณยชะฉกาจวนราชศักดี
แยกเขี้ยวจะเคี้ยวพระปตนีนลอยู่ก็สู้มัน
๏ รักใครบ่รักประดุจฃ้านลว่าบ่เว้นวัน
รักแล้วจะแคล้าวพจนธรรมิกได้ไฉนนา
๏ ไนษัธบ่ทรงพระประติภาษพระก็คลาดปฏิญญา
ตูท่องก็ทุกข์ทุพลอาดุรแต่จะแลเหลียว
๏ จาบัลย์วิวรรณะรลักษณะรูปก็ซูบเซียว
ป่าเปลี่ยวก็เปล่าหทัยเดียวจรดินมลินทรง
๏ ผืนผ้าจะปกสริรปิดก็บ่มิดบ่เมี้ยนองค์
โอ้อาตม์อนาถนฤปจงจิตหมางก็ร้างไป
๏ ด้นดั้นอรัณยะดรุเดียวก็เสยียวสยองภัย
เสือสีหะหมีมฤคในพนเสียงกำเรียงรณ
๏ อ้าจิตระกายวนราชมฤคาทคำแหงพล
โอษฐ์อ้ามหามุขพหลอริล่าคุหาศัย
๏ เปนใหญ่ณะหมู่มฤคพรรคะอรัณยะราชัย
แกล้วกล้าศวาบทกำไรอภิเดชกระเดื่องวัน
๏ ฃ้าคือพระภีมะดนยาพระบิดาดำรงฃัณฑ์
โอบอ้อมถนอมนรวิทรรภะเกษตรเกษมศรี
๏ ตูผู้ธิดานฤปนามกรทัมะยันตี
ตำแหน่งพระราชสหจรีนรเทพธำรงขัณฑ์
๏ เธอทรงพระนามนลกษัตรอริกรรษณ์กำไรธรรม์
จำจากนครจรอรัญบทท่องทำนองจน
๏ ตูพลัดกษัตริยะภสดาจรหาณะกานน
หม่นเศร้ามิสร่างสิริวิกลปริเขทะลำเค็ญ
๏ เสือเอยผิเคยจรประจักษนลพักตระพรรณเพ็ญ
เชิญช่วยอำนวยยุบลเปนอุปถัมภะกำลูน
๏ อยู่ไหนพระนลพิมลเชษฐ์นรเศรษฐ์เสมอสูรย์
ตูรู้จะสู้จรจะปูนปถทุกข์ก็จำทน
๏ แม้นเสือมิทราบยุบลไซร้จิตได้กรุณดล
ฆ่าฃ้าและฃ้ามรณชนม์ก็จะสิ้นศิฃาดูร
๏ อ้าเสือสหัสพหลห้าวจิตกร้าวกำลังภูล
ยินตูบ่ตสอบยุบลทูลจรเลี่ยงเฉวียงเดิร
๏ โอ้อาตม์นิราศพระนลพรากผิพยาฆร์ก็ยังเมิน
เชิญกินบ่กินประดุจเชิญอปยศสลดใจ
๏ เห็นอยู่ก็แต่ศิขรโศภนโอสถาลัย
อ้าท่านตระหง่ายอำพรไศละสง่าสถาวร
๏ ไพจิตรพิพิธอุบลรายพิศพรายประภากร
แง่ง้ำชโลกธรณิธรกลเกตุกระจายเจียร
๏ เสือสีหะหมีมฤคหมูคชอยู่คณาเกียรณ์
ผาห้อมพิหงคมจำเนียรนิจพึ่งสำนึงเนือง
๏ อ้าไศละโศภณพิศาลพิสดารสราญเรือง
ผาเผ่นผงานผงาชำเลืองคิริราชสอาดตา
๏ ฃ้าเปนธิดานฤปนาถอธิราชชายา
เปนวีระเสนะสุณิสาสิริเลิศระบินวงศ์
๏ ท้าวภีมะผู้วิทรภาธิบดินทร์ธนินทรง
แกล้วกล้ามหารถรณงค์อริแล่นระบือชา
๏ ราชสูยะอีกอศวเมธอภิเดชศักดา
เปนที่พำนักนิกรจาตุรวรรณนิรันดร
๏ พรหมัณยะธรรมะวิทวีรยะศีละสังวร
โลกหล้าประชาชนนิกรระบุฃามพระนามเสมอ
๏ องค์นั้นและคือบิดรอาตมะฃ้าธิดาเธอ
นอบกายถวายกรเสนอนมะน้อมณะศีขรี
๏ อนึ่งในนิษัธฃติยนาถอธิราชภูมี
ท้าววีระเสนอธิบดีนลราชดนัยตรู
๏ องค์วีระเสนสสรุฃ้านลกล้าพระผัวตู
ครองราชย์ดำรงนครชูมรดกพระบิดร
๏ เธอทรงพระคุณวิบุลสันต์ศตรุหันมหิศร
แสนเศิกบ่สู่นิษธรอนอริฃามศยามนล
๏ เดิรป่าและข้าสิจรพลัดนลภัสดาตน
เปล่าเปลี่ยวจะเที่ยวทุรณะพนก็บ่พบพระสามี
๏ ผาเอยผิเคยยลพระพักตรนลศักดิสมศรี
เชิญแจ้งแถลงบทวิถีทิศถิ่นนรินทร์จร
๏ อ้าไศละโอ้อจลเศรษฐ์คิริเชษฐะถาวร
ห่อนพร้องสนองพจนถอนคุรุทุกขะทำงน
๏ โอ้อาตม์อนาถนฤปทิ้งดุจกลิ้งณะกลางหน
ภูผาบ่อาทรกมลและมิบอกยุบลเรา
๏ โอ้ปิ่นนิษัธสตยวาคจรพรากพธูเยาว์
แม้นมาตรพระบาทยุคลเนาพนกว้างบ่ห่างไป
๏ โปรดน้องสนองพจนตอบจิตกอบกรุณไกร
ว่านี่แน่ะพี่สถิตไพรจะตระโลมพระโฉมตรู
๏ น้อยยินนรินทรสำเนียงก็จะเพียงสุรินทร์ชู
ชวยชื่นระรื่นหทยตูอมฤตก็ปานกัน
๏ กายตูพธูก็จะดำรงบ่มิปลงชิวาสัญ
เอองค์จะทรงชนมทัณฑะก็ช้ำบ่จำนง
๏ พร่ำพลางพระนางบทจรัลพนสัณฑะโศกทรง
คืนวันก็พรั่นภยะณะพงทุรท่องวิถีไพร
๏ บ่ายบาทแทบอุดรทิศระดุอิดระอาใจ
อ่อนเปลี้ยละเหี่ยหทยในอุระก่นระกำกลืน
๏ สามวันวิทรรภะกลยาณิ์จรฝ่าอรัญฝืน
สามคืนธขืนจรบ่คืนบถมุ่งอุดรจรัล
๏ พ้นพนก็ดลทิพยกานนตาปสารัญ
งามหมู่มหามุนิอนันต์ตละกล้าวิชาบุญ
๏ เสมือนเสมอพระพมหมฤษิวิสุทธะวศิษฐ์วิศาลคุณ
เสมอเสมือนมุนีอะตริอดุลย์ภฤคุเดชกระเดื่องดิน
๏ ปางราชินีนิษธรัฐสุมนัสสุนันทิน
เหตุสบสวัสดิ์ตปสวินพระวนัสถายี
๏ อาศรมก็สมมุนิสถิตย์ตบะกิจพระโยคี
ศาฃามฤคมฤคมีสุขเล่นสเริงรมย์
๏ นวลนางก็สร่างกมลเศร้าอุระเร้าระบมกรม
ดำเนิรประณตนขประนมกรสู่พระโยคี
๏ งอนงามพระทรามวยปิยาสุกุจาประภาศรี
ขนงเนตระเกศวิมลมีศุภลักษณ์ลออเพ็ญ
๏ ปางหมู่มุนีสิริสถาวรวานะปรัสถ์เห็น
นงคราญสุมาลยะสรเล็ญวนิกอบกรุณใจ
๏ ทักว่าสวาคตและเอื้อจิตเกื้อกมลใน
เชิญนั่งและหวังกิจอะไรจะประสงค์ก็จงแถลง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระองค์อรสคราญพจมานบ่เคลือบแคลง
ถามว่าพระดาบสแสวงผลเผล็ดสำเร็จหรือ
๏ กอบกิจพิธีอคนิโหตรโสมะยัญรบือ
บุญล้นกุศลผลกระพือคุณพัดณะปัถพี ฯ
๏ ปางปวงมุนีมนสน้อมกรุณาพระนารี
พร้อมพร้องสนองพระยุวดีพิศพักตรพิมลพรรณ
๏ ดูราศุภาพรสวัสดิ์พระสุภัททะลาวัณย์
องค์เดียวธเที่ยวจรอรัญมนม่งจำนงใด
๏ โฉมเฉลาจะเหงากมลหงอยจะละห้อยละเหี่ยไย
ด่วนดับระงับทุฃะณะใจอรเถิดจะเกิดศรี
๏ นางคือสุรางคะณะสวรรค์ฤอรัณยะเทวี
นางไม้ฤนาทยะสุรีระบุบอกยุบลเรา ฯ
๏ เมื่อนั้นวิทรรภะวนิดามนทุกขะบันเทา
ยินถามพระทรามวยะลำเภาก็ดำรัสยุบลไป
๏ ฃ้าแต่พระดาบสสถาพรสาธุตาลัย
ฃ้าใช่สุรางคะทิพไกรฤอรัญยะเทวี
๏ ตูไซร้มิใช่อรมตาทิพยาธิศักดิ์ศรี
เปนมานุษีผิวมุนีอนุญาตจะพรรณนา
๏ อันในวิทรรภะวรรัฐอธฃัติยะราชา
ทรงราชย์ดำรงนครอาตมะนี้บุตรีเธอ
๏ อนึ่งในนิษัธฃติยนาถอธิราชบ่อาจเผยอ
จักหามหาธิปเสมอนลไซร้ก็ไป่มี
๏ สงครามะชิตวิวิธบุณยะอดุลย์สวัสดี
ปราชญ์เปรื่องกระเดื่องปฤถิพีพระวิศามบดีศวร
๏ เปนที่พำนักทวิชชนธุระชอบระบอบควร
นอบนบคำรพสุรขบวนปฏิบัติพิพัฒน์ผล
๏ เลี้ยงรักพิทักษ์นิษฑวงศ์ยศยงสถานนท์
เดชานุภาพพลถกลอธิเกียรติเถกิงพรรณ
๏ โสภณพิพัฒน์สตยสันธอริหันอนันต์ธรรม์
ชาญศัสตร์ฃจรปรปุรัญชยะสิทธิศักดี
๏ ฃ้าภารยายุคลบาทบริจาริกามี
ใจน้อมพระนลนฤบดีภพนาถสวามินทร์
๏ อันองค์พระนลนฤปเศรษฐ์อภิศักดิ์เสมออินทร์
สัตยธรรมปรายณะนรินทร์ระวิโสมเสมือนองค์
๏ มีผู้ชำนาญกลสกาคติกอบจะโกงวงศ์
ท้าเธอพระนลพิมลปลงจิตเล่นก็เห็นผล
๏ โภคทรัพย์ก็ยังธนก็ย่อยนิธิน้อยบ่ติดตน
สมบัติก็หมดรถพหลหยะคชก็ปลดไป
๏ ไอสูรย์ก็สูญสิริก็สิ้นนิษธินทะราชัย
พลัดจากนครจรณะไพรกลพิษพระเพลิงกูณฑ์
๏ ฃ้าโดยเสด็จวรกษัตริย์นลภัสดาดูร
ด้นดั้นอรัณยะภยะภูลปฏิบัติกษัตริย์ศรี
๏ บัดนี้ก็พลัดพระภสดาจรหาสวามี
เขนเขาลำเนาวนนทีทศทิศจะติดตาม
๏ อันในนิวาสวนิสถานนลชาญณรงค์ราม
เสด็จมาฤเปล่าพระมุนิงามจิตกอบกรุณแถลง
๏ ตามหาและฃ้ากลจะคลั่งกลไคล้ณไพรแวง
เที่ยวท่องณะทุ่งทรุแสยงภยะทุกขะทุกโมง
๏ เสือสิงห์กระทิงอธิกทารุณพรานชำนาญโกง
หลอกล่อชลอจิตโชลงภยะคิดจะชิดตัว
๏ ไม่ช้าผิฃ้าจรมิพบบ่ประสบพระพักตรผัว
ห่อนอยู่จะสู่มรณกลัวปรโลกบ่ห่อนมี
๏ อยู่ไปใครก็จะสรเสริญขณะเดิรพนาลี
นางงามบ่ตามนฤบดีปฏิบัติพระภัสดา
๏ อยู่ไปก็เปล่าคุณประโยชน์ผิวโทษสินานา
เวรกรรมก็จำจิตจะคลามละชีวะดีเจียว
๏ อยู่ไปก็ใครจะอภิรักษจรจักดำเนิรเดียว
ภูตผีปิศาจอนุรเกรียวภยะกราวณะราวไพร ฯ
๏ เมื่อนั้นประชุมวนิสดับวจศัพทะทรามไวย
ชี้ชอบก็ตอบยุบลไปมุนิกอบมโนปการ
๏ ดูราพระราชอรสุดาจิตอย่ากำศรดศรานติ์
จักหมายทำลายชนมปราณก็บ่สมพระปราถนา
๏ เราห็นประจักษะตบะญาณบ่มินานพระกานดา
จักพบพระพักตรพระนิษธาธิปผู้ริปูแสยง
๏ อันองค์พระนลนรพยัคฆ์อภิศักดิ์เริงแรง
สิ้นบาปก็บุณยะจะแสดงกิติเชิดชลอคุณ
๏ คืนครองนครพรพิพัฒน์อริมรรทน์มนุญบุญ
ก่องแก้วกนกดิลกสุนทรแสงมไหสูรย์
๏ นางจักประสบพระภสดานิษธาธิเบนทร์จรูญ
ทรงอาสน์อำรุงนิกรภูลสุขทั่วสุมณฑล
๏ นางจุ่งบำรุงพระวรกายบ่มิหมายทำลายชนม์
ห่อนฃ้าจะได้กลกมลดุจซึ่งมุนีทูล
๏ พูดพลางนิกรมุนิก็ปราศวนวาสก็หายสูญ
พริบเดียวก็เปลี่ยวจิตอดูลย์ฤษิหลายก็หายพลัน
๏ นงเพ็ญธเห็นวิปรยาสก็ประลาดหทัยครัน
อาศรมมณฑลก็อันตรธานวิการกลาย
๏ ดาบสก็หมดมิคก็สิ้นขคบินก็พริบหาย
พรรณ์พฤกษ์อำพนผลก็ดายมธุรสก็หมดไป
๏ ไภมีก็มีจิตะระทวยประทะทุกข์ณแถวไพร
กำศรดระทดทุรคไภยอรัณยะรัญจวน
๏ พบต้นอโศกสถิตมั่นพยุปั่นบ่หันหวน
ช่อช้อยยะย้อยยลยะยวนรสรื่นระรวยลม
๏ อ้าวีตะโศกะศุภวัฒน์กลฉัตรเฉลิมรมย์
ฃ้าภารยานรวิกรมนลราชนรินทร
๏ ท่านไซร้วิโศกสุขประเสริฐสิริเลิศณะราวดอน
ตูโศกวิโยคนฤปจรนลเริศณะราวดง
๏ อ้าศรีอโศกะตรุเศรษฐ์ภยะเฉทฉวางพง
แม้นทราบยุบลพระนลทรงภพผู้ประภากร
๏ จงช่วยอำนวยคุณแถลงระบุแจ้งวิถีจร
ทางใดจะพบพระมหิธรทุมบอกยุบลเรา
๏ ตูโศกอโศกจะมิระงับปริโศกบางเบา
ท่านไซร้สถิตย์พนลำเนาก็บ่สมสมัญญา
๏ พร่ำพลางพระนางนุชพิลาปชลอาบพระนัยนา
เศร้าสร้อยละห้อยอรอุราจรสัณฑะรัญจวน
๏ โคถึกอธึกมฤคร้ายคณิควายบ่กรายนวล
หมูหมาณะกานนบ่กวนอรหลีกก็หลีกอร
๏ เฃาเขินดำเนิรบ่มิสดวกพิษพวกภยังกร
เปือกตมและหล่มจะบทจรบทก้าวก็ร้าวองค์
๏ ช้านานบ่พานพิมลพักตรนลอรรคนรินทร์ยง
เมื่อยล้าอุสาหะจรดงดุจไพร่ดำเนิรพน
๏ วันหนึ่งพระนางนิษธศรียุวดีเสด็จดล
แทบท่านทีสริชชลก็สอ้านสอาดดี
๏ เต่าปลาชล่าชลกระเพื่อมคิริเงื้อมชโงกมี
น้ำไหลก็ไสกลมณีจรเฃ้ชเลจร
๏ เสียงเกราญจะเร้ากลจะเรียกเสนาะเพรียกณะอำพร
ฝ่ายเหยี่ยวก็เฉี่ยวชลชงอนนขยึดทยานบิน
๏ จักรวากณะฟากชลก็ก้องเสนาะร้องณะริมสินธุ์
บ้างฟ่องณะห้องสลิลกินชลว่ายกระจายกัน
๏ ยังมีประชุมพณิชสารถมาณอารัณย์
เกวียนพาและม้าคชอนันต์คณะเนื่องดำเนิรมา
๏ ถึงท่านทีชนบ่ฃามจรฃ้ามณะมรรคา
พ่อค้าก็คุมคณะคชาศวรถจะบทจร
๏ ปานนั้นพระราชอรยุพีมหิษีมหิศร
พานพลพณิชชนนิกรก็เสด็จแสดงองค์
๏ เผือดซูบพระรูปวรฉวีมหิษีธทรุดทรง
เปือกเถื่อนก็เปื้อนสริระมงคลปราศอนาถจน
๏ ปานนั้นประชุมชนก็แปลกจิตแรกจะเห็นคน
เหตุมาณะกานนวิชนบ่ประสบมนุษย์ใด
๏ บางผู้ตระหนกจิตก็ลี้จรลีณะพงไพร
บางผู้ก็หลายหทยใครจรเตร่และเอองค์
๏ บางผู้คนองมนก็กล่าวระบุหยาวพระโฉมยง
บางผู้ก็พร้องพจนจงจิตโกรธพิโรธนาง
๏ บางพวกก็กอบกรุณหมายบ่ระคายระคางขนาง
ปราไสยไฉนจรณะทางวนเปลี่ยวและเดียวองค์
๏ บ้างถามพระนามกรไฉนและไฉนสกุลวงศ์
ถิ่นบ้านสถานทิศณะพงพนพฤกษะราวใด
๏ แม้นเปนมนุษย์ประดุจเราก็และเจ้าจะไปไหน
ฤาเปนสุรางคะทิพไกรจรเล่นณะราวพน
๏ สาวสวรรค์อรัณยะบริรักษ์ฤพิทักษ์นทีวน
เปนใหญ่ณะไศละนิรมลฤพระทิศเทวี
๏ สาวสวรรค์ศรัณยะสุขทาทิพยาภิศักดิ์ศรี
เชิญช่วยอำนวยคุณธนีผลลาภอนันต์นัย
๏ ฤารากษสีอสุรยักษิณิจักประสงค์ใด
เชิญกันอนันตะพิษภัยสิริภัทร์สวัสดี
๏ สรวมศรายะสารถจะท่องบทท้องพนาลี
ลาภผลพิพัฒน์อุบติมีดุจในหทัยจง ฯ
๏ เมื่อนั้นพระภีมะดนยาสุภคาประภาองค์
ยินถามพระทรามวยะก็ทรงอภิปรายประยายไป
๏ ดูก่อนพณิกนิกรสารถวาหะหาญไพร
ตูใช่สุรางคะทิพไกรฤอรัณยะเทวี
๏ เปนมานุษีพระดนยามนุชาธิเบนทร์พลี
ภารยาพระมานุษบดีจรป่าจะหาเธอ
๏ ปิ่นฃัณฑ์วิทรรภะอธิราชภพนาถพระนามเลอ
สัตยธรรมประจำจิตเสมอกิติศักิ์ประจักษ์ไกล
๏ องค์นั้นพระราชชนกฃ้าพระนราธิราชไกร
ครองกรุงอำรุงนิกรในภพแผ้วสถาพร
๏ อนึ่งในนิษัะฃติยนาถนรราชริปูหยอน
ทรงลักษณ์ประจักษ์นยนะนรอภิรูประบือบน
๏ ทรงนามพระนลนรพยัคฆ์ปรปักษ์บ่ปองรณ
พลัดฃ้าและฃ้าจรณะพนบ่มิพลประสบองค์
๏ ท่านมาณะป่าผิยลพักตรนลศักดิ์ประเสริฐจง
บอกฃ้าและว่านฤปทรงบทท่องวิถีใด ฯ
๏ บัดนั้นพณิกบุรุษสารถวาหะทูลไป
ฃ้าแต่พระราชอรไทยกลยาณิลาวัณย์
๏ ฃ้ามาณะกานนวิชนบ่มิยลพระนลอัน
เปนปิ่นสุรัฐนิษธฃัณฑเถลิงเถกิงฉาย
๏ ในป่าจะหาชนบ่มีผิวสีหะเสือหลาย
หมีหมาวราหะคชควายก็อเนกณะกานน
๏ มานุษบ่พบณะพนกว้างพนห่างนิคมคน
จงยักษะราชพลพหลมณิภัทรพิทักษ์เรา
๏ เมื่อนั้นพระนางนฤบดีมหิษีศุภาเพราะ
ยินคำระกำจิตบ่เบาอุระอัดดำรัสถาม
๏ ดูก่อนประชุมพณิชจักจรมรรคนิคมคาม
จงจิตจะจรนครงามทิศทุ่งสถานใด ฯ
พ่อค้าผู้นำหมู่เกวียนทูลว่า
๏ ฃ้าแต่พระนางนิษธศรียุวดีดำรูวัย
อันฃ้าและสารถจะไปณะประเทศะเจที
๏ แว่นแคว้นสุพาหุอธิราชจิตคาดจะค้าดี
ซื้อฃายและหมายธนทวีผลลาภกำไรเนือง ฯ
             

สรรคที่ ๑๓

ภุชฌงคปยาตฉันท์
๏ พระเอวบางศุภางคีพระไภมีสิรีเรือง
บ่เปลื้องปลดกำศรดเปลืองบ่แปรปรวนกำศรวญปลง
๏ สดับถ้อยพณิชทูลมนาดูรบ่เสื่อมทรง
จะเดิรเดียวณะแดนดงประโยชน์ใดก็ไป่มี
๏ คำนึงในหทัยว่าจะตามหากษัตริย์ศรี
ณะแถบเทศะเจทีผิบุญสบก็พบเธอ
๏ ก็ตามสารถิกจรณะดงดอนศิขรเฌอ
พระโฉมตรูบ่รู้เผลอพระเนตรค้นพระนลพราง
๏ บ่พานพบประสบผัวพระน้องมัวกมลหมาง
ปถินทุ่งสถานทางสถลถิ่นถวิลหมอง
๏ ดำเนิรมาณะป่าจึงณะวันหนึ่งก็ถึงหนอง
ทุมลปราศสอาดปองจะอาบกลืนก็ชื่นฉม
๏ สลาดโดดสโรชดื่นสลิดชื่นสราญชม
ชเลชาตวิลาสรมย์วิไลยเลิศลออชล
๏ อนันต์บุษบาบานอเนกก้านตระการผล
กระจายกลิ่นกระถินคนธะรสเร้าฤดีรมย์
๏ ผกากรรณิการ์กุณท์พิกุลกรุ่นกระหลบลม
พระพายชายรำพายชมรำเพยชื่นกมลชน
๏ สำเนียงนกสำนวนยวนหทัยชวนชลอมน
ชล่าหล้าถลาบนอำพรเพรียกสำเหนียกกัน
๏ ประชุมเกวียนก็ยับยั้งณะฝั่งท่าบ่ช้าพลัน
สอาดกายสบายครันสราญรื่นสเริงใจ
๏ นิกรนรก็ผ่อนจิตสนิทนิทร์ณะแนวไพร
พนานดรบ่ห่อนใครจะพรึงพรั่นภยันตราย
๏ ณะเที่ยงคืนก็ช้างป่าจะไตรตราก็เหลือหลาย
จำนงในหทัยหมายจะดื่มน้ำณะลำชล
๏ กรีป่าประสบกลิ่นกรินบ้านณะแนวพน
ก็ไล่บุกและรุกรนประหารชีพถีบแทง
๏ กรีบ้านก็พล่านพลุกทลึ่งลุกถลันแรง
สอยงภัยหทัยแสยงก็เหยียบย่ำกระหน่ำกัน
๏ ตุรงค์ตื่นก็แตกวิ่งมนุษย์กลิ้งณะกลางสัณฑ์
สำเนียงเรียกสำเหนียกอันตรายร้ายสลายชนม์
๏ ประชุมชนก็อลหม่านกรีพล่านณะไพรพน
กรินป่าก็ฆ่าคนกรินบ้านก็ปราณวาย
๏ ตุรงค์ย่ำมนุษย์ลงมตงค์เหยียบตุรงค์ตาย
เสทื้อนก้องณะท้องทายสท้านป่าณะราตรี
๏ อนันต์ทรัพยะยับย่อยจะหาน้อยบ่มีดี
อเนกสินก็สิ้นชีวะชนหลายมลายไป
๏ วิเชียรช่วงเฉลาชมเฉลิมรมยะไฉไล
วิทูรช์งามอร่ามไรแอร่มรัตนะรังสี
๏ อนัคฆ์บุษปราครัตน์อนันต์ปัทมาราคมี
วิมลมาลินีนีลนานาประภาชม
๏ ประไพโชติมรกตฉวีสดขจีสม
ขจายศรีมณีรมย์มโนรถจรูญราย
๏ แจร่มรัตนะโคเมทเจริญเนตรวิเศษฉาย
วิสุทธฉานประพาลพรายประไพเพริศประเสริฐสม
๏ ประสานสีมณีนามะมุกดาอุรารมณ์
อุไรรัตน์จรัสชมจรูญช่วงเฉลิมใจ
๏ และทรัพย์อื่นก็หมื่นแสนอเนกแน่นอนันต์นัย
สุพิตมาศศุภามัยสุพรรณ์มากมณีเรือง
๏ ก็สูญสิ้นณะถิ่นพนชิวิตคนก็ป่นเปลือง
กรินย่ำกระหน่ำเนืองอนัคฆ์ทรัพยะยับลง ฯ
๏ จะกล่าวองค์พระนงลักษณ์ผธมพักณะพื้นพง
สำเหนียกฉาวณะราวดงผวาผกตระหนกใจ
๏ พระเนตรทัศนาพลางพระนางพรั่นอนันต์ภัย
ก็ลอดเล็ดเสด็จไปดำเนิรฝ่าณะป่าหลวง
๏ กำลังดูณะหมู่ไม้บ่มีใครจะเห็นปวง
จะลืมเนตรก็เสียวทรวงจะหลับเนตรก็เสียวใจ
๏ พระกายสั่นพระขวัญหนีมิรู้ที่จะทำไฉน
ก็นิ่งอยู่และดูไปบ่จรจากกำบังพน
๏ มตงค์ดงทนงชาญมตงค์บ้านบ่ทานทน
สำเร็จผลาญสำราญตนกรีป่าก็คลาไคล
๏ ประชุมชนก็ชุมนุมณะสุมทุมพนาศัย
สำรวจกันสนั่นไปสลดเศร้าบ่เสื่อมคลาย
๏ ก็เจรจาประสาโศกวิโยคญาติวงศ์วาย
สหายเกลอเสมอกายประลัยเกลื่อนณะเถื่อนไพร
๏ พณิกหนึ่งก็จึ่งว่าฉนี้ฃ้าบ่เฃ้าใจ
กำเนิดเหตุวิเภทภัยสลายกายมลายสิน
๏ มิใช่ว่าดำเนิรป่าบ่บูชาพระยักขินท์
กุเวรเดชกระเดื่องดินธเนศวรสราญทรง
๏ มณีภัทร์ก็บูชามิใช่ว่าจะลืมหลง
กำเนิดภัยณะไพรพงเพราะเหตุการณ์สถานใด
๏ บุรุษหนึ่งก็จึ่งว่าหทัยฃ้าก็สงสัย
สตรีเดียวณะแดนไพรและสิงห์สัตว์มิกัดกิน
๏ ก็ใครเล่าสตรีนั้นดำเนิรดั้นณะแดนดิน
ชรอยรากษสีจินตนาหมายทำลายเรา
๏ และหลอกว่าพระบุตรีวิทรรภ์ภีมะพรายเพรา
พธูรัตน์กษัตริย์เสาวะสมบัตินิษัธศรี
๏ มเหษีมณีวงศ์จะเดิรดงบ่ห่อนมี
ชรอยว่าปิศาจีจำนงแกล้งจำแลงมา
๏ และเราหลายก็ตายใจมิรู้ภัยะมายา
วิบัติเหตุวิเภทพาธแหลกล่มละลายพลัน
๏ ปิศาจีก็หนีหน้าผิรอช้าจะอาสัญ
กำลังเราก็เท่าทันจะฉีกเนื้อจะเถือหนัง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายพระสายสมรสถิตย์ซ่อนสถานบัง
สดับถ้อยพณิชดังคธาวุธระดมตี
๏ ลอายในหทัยนักพณิกว่าปิศาจี
ผรุสวาทประมาทมีจำนงมั่นจะฟังแทง
๏ แสยงภัยหทัยพรั่นก็ลี้ดั้นณะไพรแวง
พนาลีบ่มีแสงศะศินส่องสยองมัว
๏ ดำเนิรพลางพระนางโศกวิโยคญาตินิราศผัว
รำพึงพรั่นรำพรรณกลัวลำพังเกลือกกราญเข็ญ
๏ อำเภออาตม์อนาถโอ้อเนกโฆระลำเค็ญ
เพราะบาปใดไฉนเปนฉนี้ปานจะลาญชนม์
๏ ทุศีลใดบ่ได้ทำก็ผลกัมมะใดดล
พระผัวพรากวิบากตนวิบัติเต้าพนาดร
๏ ชรอยชาติก่อนฃ้าประกอบลามกากร
ฉนั้นชาตินี้รอนหทัยลาญก็ปราณวาย
๏ อนิจจาอนาถาจะคิดไปก็ใจหาย
สุดารัตน์กษัตริย์ฉายเกษตรเชษฐ์เฉลิมวงศ์
๏ มเหษีมหาศักดิ์มไหสูรย์ประยูรยง
พระผัวหน่ายสลายทรงสลดเศร้าสลักทรวง
๏ มเหศวรมหาสิทธิ์มหาฤทธิ์ระบือสรวง
นิราศสัตย์ดำรัสลวงดำรงเล่ห์อุบายใด
๏ ชรอยกรรมกระทำโทษกระทุ่มทุกข์กระท้อนใจ
เพราะบาปบรรพะทันภัยพิบัติซัดก็พลัดเวียง
๏ รำพรรณ์พลางพระนางทรงสอื้นองค์อ่อนเอียง
หทัยหดสลดเพียงสลบพางจะวางวาย
๏ สอื้นพลางพระนางร่ำรำพรรณ์ช้ำระกำกาย
แสวงผัวผิตัวตายก็ตามแต่จะแปรไป
๏ อนิจจาธิดาภีมะภูมีพลีไกร
อนาถาจะหาใครจะเห็นทุกข์ก็ห่อนมี
๏ ประหนึ่งใช่พิชัยพงศ์พิชิตทรงสวัสดี
พระวงศาวลีศรีวิไลยศักดิ์ประจักษ์ไกล
๏ พระผัวมีก็ลี้ร้างพระญาติห่างบ่เห็นใจ
มหายศก็หมดไปจะนอนนั่งบ่ดังเคย
๏ พระลูกหญิงพระลูกชายจะดีร้ายมิรู้เลย
ธิดาเยาว์เฉลาเชยแชล่มชื่นเฉลิมรมย์
๏ จะอ้วนพีบ่มีภัยฤเจ็บไข้หทัยกรม
กุมารเคยเสวยนมกำพร้าแม่จะแลลาญ
๏ อนาถกรรมระกำดลจะคิดทนก็เหลือทาน
ดำเนิรป่าบ่ช้านานพระผัวร้างณะกลางหน
๏ ประสบพวกพณิชหมายจะรอดตายมลายชนม์
บ่เข็ดฃามจะตามจนประจวบหน้าสวามี
๏ กรีป่าก็มาผลาญพณิชลาญบ่เหลือดี
เลอียดยับจะนับชีวะชนวายก็หลายเจียว
๏ ฉนี้ไซร้ก็ใช่อื่นชรอยบาปขวาบเขวียว
พณิชรู้เพราะตูเดียวดำรงกรรมกระทำผล
๏ จะเปนด้วยพระโลกบาลกำเรียงชาญพิชัยพล
ณะคราวเมื่อเสด็จดลวิทรรภ์เพื่อสยุมพร
๏ พิโรธฃ้าเพราะฃ้าเลือกพระนลไนษธเธศร
บ่เลือกหนึ่งสุรามรณะเหล่าเทพสี่องค์
๏ ก็จึงเธอประทานทุกข์ทลายสุขสลายวงศ์
ดำเนิรมาณะป่าดงก็ชอกช้ำระกำเกิน
๏ มิสิ้นกรรมก็จำทนจะดั้นด้นอรัญเดิร
จะวอดวายก็ตายเทอญจะอาไลยทำไมมี
๏ รำพรรณ์พลางพระนางจรณะดงดอนพนาลี
ประสบวิปปะเวทีบ่ปองร้ายพระสายสมร
๏ ก็ตามพราหมณ์ดำเนิรไพรสอื้นไห้อุราวรณ์
ระโหยหวนระทวยถอนเทวศเศร้ากำศรดศรี
๏ ณะวันหนึ่งก็ถึงเมืองจรูญเรืองสวัสดี
กำไรรัฐะเจทีนิกรคั่งกำลังชาญ
๏ พระโฉมเฉลาก็เฃ้าในนครไศละปราการ
ตระหง่านฟ้าสง่าปานจะเปรียบชั้นสวรรค์บน
๏ ประชาราษฎร์ประหลาดจิตตลึงพิศพระนางฉงน
สตรีนี้พิกลคนจะเปนบ้าฤว่าไร
๏ จะนุ่งผ้าก็ครึ่งผืนจะเดิรยืนก็แปลกใจ
ประชาชนก็กล่นไปดำเนิรหลามและตามดู
๏ พระนางก้มพระพักตรเดิรพระเนตรเมินเขม้นผลู
ประจวบน่านิเวศน์ภูบดีสีหะราชา
๏ ณะกาลนั้นพระพันปีบรมราชมารดา
ประทับทอดพระทัศนาถนนนอกพระมณเฑียร
๏ พระนางเยี่ยมพระบัญชรนิกรนรคณาเกียรณ์
ประชุมอยู่และดูเจียนจะแน่นน่าพระลานหลวง
๏ สตรีหนึ่งทำนองแปลกดำเนิรแหวกประชาปวง
มิใช่ชาวนครทรวงก็สั่งรัวเพราะกลัวคน
๏ พระนางราชะชนนีคนึงมีกมลฉงน
สตรีเที่ยวณะแถวถนนและชนหลามก็ตามดู
๏ ดำรัสเรียกพระธาตรีนรีนี้พบูตรู
จะพิศรูปก็ราวภูบดีพงศ์บ่สงกา
๏ ไฉนท่องถนนเดียวหทัยเหี่ยวอนาถา
จะนุ่งห่มบ่สมกายะโคลนฝุ่นก็ขุ่นมัว
๏ จะเรียกมาณะวังในจำนงใคร่จะถามตัว
ดำเนิรท่องทำนองกลัวบุรุษกรายก็หน่ายไกล
๏ จะว่าไพร่ก็ใช่ที่จะผู้ดีก็แปลกใจ
ประสงค์มาจะหาใครถนนน่าพระมณเฑียร
๏ พระธาตรีสดังอัตถ์ประนมหัตถะเหนือเศียร
ดำเนิรดลถนนเตียนก็โบกไล่ประชาชน
๏ และแหวกมาพระไภมีเสด็จหนีประชุมคน
บ่เนิ่นช้าก็มาดลพระตำหนักพระชนนี
๏ พระนางราชมารดาก็ปราไสยพระไภมี
คนึงดูจะผู้ดีชรอยซามณะยามจน ฯ
พระราชมารดาตรัสว่า
๏ นรีเอยเฉลยเล่าไฉนเต้าลำพังตน
ดำเนิรมาประชาชนก็ห้อมล้อมและตอมดู
๏ จะพิศรูปก็เลิศลักษณ์จะพิศพักตรก็เชิดชู
สเอวบางสอางตรูสุรีเลอเสมอกัน
๏ ผินุ่งห่มบ่สมกายและฝุ่นทรายทำลายวรรณ
บ่ชื่นแช่มแจร่มจันทร์เฉลารูปก็ซูบผอม
๏ ก็ยังเห็นประจักษ์ได้มิใช่ไพร่ณะไพรพนอม
ฉวีคล้ำจะดำมอมบ่ปกปิดพิศิษฎ์พรรณ
๏ ประหนึ่งเมฆและหมอกมิดบ่ปิดวิทยุตอัน
วะวาบแวบณะแถบสวรรค์ก็เห็นชัดถนัดตา
๏ ก็นางนามกรใดตระกูลไหนวนิดา
มิเกรงชายจะกรายกายะยทับถมและข่มเหง
๏ ประไพเพราะเฉลาองคเดียวยงบ่ยำเยง
อเนกภัยมิได้เกรงดำเนิรด้นสถลทาง ฯ
นางทัมยันตีทูลตอบว่า
๏ นริทร์ราชมารดาพระกัลยาณิสำอาง
แสดงคุณกรุณรคางพระบาทบงสุ์เพราะสงสาร
๏ ก็ฃ้านี้สิมีกรรมระทมช้ำอุรานาน
ธำรงทุกขะทุกวารบ่ว่างเว้นลำเค็ญถวิล
๏ ดำเนิรป่าก็หามูลผลาหารตระการกิน
ลำพังกามะวาสินมิวายเศร้าสลดใจ
๏ เพราะพลัดผัวและตัวเดียวจะท่องเที่ยวณะแถวไพร
จำนงตามบ่ฃามในกมลหมายบ่หน่ายแหนง
๏ จะทูลเรื่องณะเบื้องหลังบ่ปิดบังยุบลแถลง
วิบากกรรมจะสำแดงถวายความณะยามจน
๏ สกุลหนึ่งอุดมลักษณ์อุดลศักดิ์อุดมพล
กำลังลือระบือรณระบินฤทธิกำไร
๏ และฃ้าไซร้ก็ได้สู่สำนักอยู่พำนักใน
สกุลนั้นสราญใจตำแหน่งเสวิกาจน
๏ มินานช้าสวามีกำเนิดมีวิบัติตน
เพราะหลงเล่นสกากลพนันทรัพยะยับเยิน
๏ บ่อยู่ได้ก็ไปป่าและตัวฃ้าก็ตามเดิร
จะเปนเพื่อนณะเถื่อนเขินศิขรทุกขะทำงน
๏ สพักพัสตระหนึ่งผืนบ่มีอื่นจะติดตน
ดำเนิรป่าประสาจนลำบากบุกพนาลี
๏ ณวันหนึ่งวิบัติกรรมวิบากเกิดณะพงพี
เพราะผืนผ้าสวามีสพักกายก็หายไป
๏ ประจวบกรรมก็จำจรทิคัมพรพนาลัย
ลำเค็ญเคืองบ่เปลืองในกมลหม่นวิกลกลืน
๏ และฃ้าไซร้บ่ได้ห่างมิเว้นว่างวิบากฝืน
จะนับคืนก็หลายคืนบ่พักผ่อนก็อ่อนแรง
๏ ละห้อยเปลี้ยละเหี่ยใจก็หลับไหลณะไพรแวง
สนิทนิทร์บ่คิดแคลงจะเริศร้างรคางรคาย
๏ บ่ห่อนช้าก็ฃ้าฟื้นผวาตื่นหทัยหาย
มิเห็นผัวระรัวกายระริกอกสทกถอน
๏ ธตัดผ้าและฃ้าไซร้มเมอจิตสนิทนอน
บ่รู้ตัวและผัวจรจรัลลับบ่กลับคืน
๏ จะร่ำเรียกจะเพรียกพร้องจะร่ายร้องระบมกลืน
บ่สมหวังผิยังยืนชีวิตอยู่จะสู้ตาม
๏ ดำเนิรดงพนาดรภยังกรก็เหลือหลาม
จะเตรีเตร็จบ่เข็ดฃามจำนงหาสวามี
๏ เพราะธอกอปคุณากรมนาทรหทัยดี
ผิแหนงหน่ายสลายหนีสลัดภารยาตน
๏ ก็เหตุบาปบ่มกรรมกมลช้ำระกำกล
ณะคราวทุกข์ก็จำทนผิทั่วทิศจะติดตาม ฯ
๏ พระมารดาสดับคำแสดงเค้าลำเนาความ
สอื้นไห้พิไรยามพิลาปร่ำระกำเกย
๏ พระนางทรงพระเม็ตตาดำรัสว่าปิยาเอย
ดำรงเขตเพราะเหตุเคยประกอบกรรมกระลัมกร
๏ อนาถาจะหาที่พำนักลี้ภยังกร
ก็ยากแสนผิแม้นจรลำพังตัวจะมัวหมาง
๏ ก็จงอยู่สวัสดีณะวังนี้บ่มีรคาง
บำรุงตัวและผัวนางมินานช้าจะมาดล ฯ
๏ พระไภมีทำนูลตอบพระองค์กอบกรุณกมล
และฃ้าไซร้ถวายตนพำนักพึ่งพระบารมี
๏ ผิแม้นทรงพระเม็ตตาและสัญญาจะเลี้ยงดี
มิใช้ล้างพระบทศรีมิกินเหลือนรีใด
๏ บุรุษใดหทัยอาจจำจงมาดเสน่ห์ใน
ทนงหาญทยานใจมิให้คลาดพระราชทัณฑ์
๏ ผิแม้นเอิบกำเริบอีกก็ให้ฉีกชีวิตมัน
มิไว้ชนม์เพราะผลอันทนงจิตบ่คิดกลัว
๏ ประดาชายมิหมายใกล้มิมุ่งใคร่จะพันพัว
สงวนศักดิ์พิทักษ์ตัวทุมลใดมิให้พาน
๏ ผิพบพราหมณ์ดำเนิรผลูก็จึงตูจะกล่างฃาน
กมลม่งจำนงมานจะสืบผัวบ่กลัวพราหมณ์
๏ บุรุษอื่นจะหมื่นพันก็ฃ้ามั่นถนอมนาม
มิเจรจาพยายามสงวนพรตกำหนดใจ
๏ พระนางทรงพระเมตตาและสัญญาบ่ผิดไป
ก็จึงตูจะอยู่ในนิเวศน์ด้วยพระมารดา
๏ บ่โปรดปรานประทานคำก็ฃ้าจำจะทูลลา
ดำเนิรดงดำรงกายซัดเซพเนจร ฯ
๏ พระมารดาสดับคำพิลาปร่ำพิไรวอน
ดำเนิรป่าอนาทรลำพังองค์ก็สงสาร
๏ ดำรัสว่าสุดาเอยสุวัตตาภาจาร
ถนอมพรตและพจมานก็ชื่นชอบระบอบบรรพ์
๏ ประสงค์ไฉนจะให้นางบ่อางขนางนะสาวสวรรค์
พำนักเถิดประเสริฐสันต์อุดมสุขสวัสดี
๏ ดำรัสพลางพระนางเรียกพระนางราชกุมารี
วิไลยรามพระนามศรีสุนันทาภิลาวัณย์
๏ สุนันทาแนะมานี่นรีนี้สคราญครัน
จะรุ่นราวก็คราวกันวิมลรูปลออทรง
๏ เฉลียวเชาวน์ก็เกลาเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงณะโฉมยง
สขีชิดสนิทองค์ธิดาศรีบ่มีภัย ฯ
๏ สุนันทาสุดารัตน์มนัสภัททะผ่องไส
สเริงมานสราญใจพระพักตรแช่มแจร่มจันทร์
๏ ดำรัสเรียกพระไภมีและจรลีบ่ช้าพลัน
เสด็จสู่ตำหนักอันอุไรรัตนะรองเรือง
๏ พระไภมีก็มีสุขประทังทุกขะขุ่นเคือง
จำนงนิตย์บ่ปลิดเปลืองคนึงหาพระสามี ฯ
             

สรรคที่ ๑๔

ฉบัง
๏ ปางนั้นพระนลนฤบดีได้ผ้านารี
ครึ่งผืนก็พลันพันกาย
๏ รีรอท้อแท้แดดายเคืองขุ่นวุ่นวาย
ธทุกขะเท่าเฃาหลวง
๏ ลำเค็ญเข็ญเข้มเต็มตวงตาวศัสตร์ตัดทรวง
บ่เจ็บบ่แสบแปลบปาน
๏ อาไลยในห่วงดวงมาลย์สงไสยสงสาร
จะเร้นจะลี้หนีสมร
๏ ไปแล้วมาเล่าเฝ้าจรหน่ายแหนงแคลงคลอน
จะเริศจะร้างห่างไกล
๏ อักอ่วนป่วนปั่นหวั่นใจหวนห่วงดวงใจ
เดียวเจ้าจะด้นดงเดิร
๏ พี่อยู่พี่สู้พาเพลินพิศพฤกษ์เพราเนิน
พนมแพนกแปลกกัน
๏ เสือสีห์หมีหมาสารพรรณพงไพรไภยัน
ตรายก็ร้ายหลายเจียว
๏ ภูตผีมี่ฉาวกราวเกรียวทารุณฉุนเฉียว
เหลือบยุงบุ้งริ้นกินคน
๏ เตร็จเตร่เอองค์ทรงทนทุกข์แทบแถบพน
จะเปลี่ยวจะเปล่าเศร้าจร
๏ ปางนั้นกลีมีวรดลจิตอดิศร
ธขลาดธเขลาเมามนท์
๏ บุกชัฏลัดทางกลางหนหลีกลี้หนีตน
มหิษีทรามไวยศัยยา
๏ รีบร้นด้นดั้นมรรคาทอดเนตรทัศนา
แนวเพลิงเริงไหม้ในสัณฑ์
๏ ทันใดได้สดังศัพท์อันกองเพลิงเถกิงควัน
กระหลบบ่กลบสำเนียง
๏ ดูราพระนลพลเกรียงเผยเกียรติ์กำเรียง
กำไรวิลาสเลอวงศ์
๏ เร็วเฃ้าเราอยู่ในพงเพลิงเร้าเผาองค์
พางอาตม์พินาศในไฟ
๏ เร็วเถิดเทอดฃ้าพาไปเร็วเถิดภูวไนย
เร็วเถิดพระเลิศฦาดิน
๏ ปางนั้นไนษัธปัถพินทร์แว่วศัพท์ตรับยิน
ก็โจนก็จู่สู่ไฟ
๏ บุกพลางพลางพร้องร้องไปอย่ากริ่งเกรงภัย
กลัวภิษม์ประเภทนานา
๏ บัดนลยลนาคราชากำยำมายา
ขดอยู่บ่รู้หลีกตน
๏ เมื่อนั้นอุรุคราชเรืองพลเพลิงรอนร้อนรน
เร็วรีบประนมก้มทูล
๏ ฃ้าแต่พระนลพลภูลกำเรียงกำลูน
กำไรพระยศยืนยง
๏ ฃ้านี้นาคนาถนามผจงกรรโกฏกทรง
ทุกข์แทบจะทอดชนม์มรณ์
๏ เหตุฃ้าชล่าจิตคิดหยอนยักยอกหลอกหลอน
ล่อล้อนารถฤษี
๏ เธอสาปตูสบทุกขีกลางกองอัคคี
บ่พักบ่ผ่อนร้อนรน
๏ ผิงเผาตราบเท่าพระนลภูวนาถสุรพล
สุรภิตพระเกียรติ์กำไร
๏ เสด็จมาพบฃ้าพาไปวางนอกแนวไฟ
จะสิ้นซึ่งสาปมุนี
๏ เร็วเถิดนิษัธนรสีห์นรเศรษฐ์ศักดี
ศุภเดชกระเดื่องแดนไผท
๏ ตูปองสนองคุณภูวไนยภพนาถเกรียงไกร
เกริงแกล้วพระเกียรติ์ดำเกิง
๏ ช่วยตูสู่พนพ้นเพลิงสำราญสำเริง
สำเร็จประสงค์ม่งหมาย
๏ นานาเนกนาคหลากหลายฤทธิ์เลิศเฉิดฉาย
จักหาเสมอฃ้าหาไหน
๏ สามารถบำรุงกรุงไกรบำเรอเสมอนัย
บำราบราบเสี้ยนเบียนบุญ
๏ โปรดเถิดนรเทพธีรคุณธุระฃ้าการุญ
และฃ้าจะช่วยภูบดี
๏ ทำคุณตอบคุณหนุนทวีศัตรูภูมี
จะแพ้จะพ่ายมลายพล
๏ ทูลแล้วอุรุคราชเรืองรณบันดาลกายตน
ขนาดกนิษฐ์อังคุลี
๏ ปางนั้นพระนลนรสีห์เสด็จจากอัคคี
พานาคมาวางกลางดิน
๏ เมื่อนั้นพระยานาคินทร์กรรโกฏกยิน
ดีได้พ้นสาปซาบตน
๏ ทูลบุณยโศลกฦารณดูก่อนพระนล
นฤปผู้ภูมี
๏ พระองค์จงย่างบทศรีเหนือแผ่นปัถพี
นับก้าวจำนงทรงเดิร
๏ ดั่งตูกู้เกื้อเชื้อเชิญพระจักจำเริญ
จำรัสจรูญภูลศรี
๏ เมื่อนั้นนิษธาธิบดีบ่ายบาทจรลี
บ่ขุ่นบ่ข้องหมองเมิน
๏ ก้าวย่างพลางนับดำเนิรสิบก้าวบ่เกิน
จึ่งกรรโกฏกฉกนรินทร์
๏ อำนาจพระยานาคินทร์พระนลนฤบดินทร์
พระรูปก็กลับกลายไกล
๏ ผิดแปลกแผนเปลี่ยนเพี้ยนไปพิศดูภูวไนย
บ่อาจรู้จักสักคน
๏ นายกตกตลึงคนึงตนหลากจิตคิดฉงน
บ่คัดบ่ค้านฃานคำ
๏ ฝ่ายพระยานาเคนทร์เจนจำคืนรูปกำยำ
อุรงคะราชเลอไกร
๏ พลางทูลมหิบาลชาญชัยพระนลภูวไนย
นิษัธนเรศร์ลือณรงค์
พระยานาคทูลพระนลว่า
๏ ดูราพระองค์จงปลงใจเปลี่ยนเพี้ยนองค์
ประสงค์มิให้ใครจำ
๏ ใครคิดอิสสามาทำกอบเกิดกองกรรม
ก่อทุกข์ถนัดพลัดวงศ์
๏ แอบอิงสิงได้ในองค์ดลใจให้ทรง
ประพฤติบ่ชอบกอบการณ์
๏ บัดนี้พิษฃ้ากล้าหาญเต็มองค์ภูบาล
ใครสิงก็ยิ่งมฤตยู
๏ คือหล่ออยู่ในพิษงูจักพ้นพิษตู
ก็ต่อเมื่อพ้นกายนรินทร์
๏ ใครสิงให้สิงสมจินต์พิษฃ้านาคินทร์
จะสิงอยู่บ้างล้างมัน
๏ อันองค์พระองค์ทรงธรรม์พิษตูอยู่กัน
ริปูประทุฏฐ์ฤาสม
๏ เสือสิงห์กระทิงแถวแนวพนมเงือกเงี้ยวเขี้ยวคม
จะขบจะขวิดผิดองค์
๏ โพยภัยใดใดในดงหนามเสี้ยนเบียนจง
จิตจ้องปองร้ายมลายลาญ
๏ ไร้โรคาพาธพยาธิภยานต์เหี้ยมพหลพลวาน
อริบ่รอต่อกร
๏ จงเสด็จด่วนโดยดงดอนเดิรชัฏลัดจร
อโยธยาธานี
๏ เฝ้าพระฤตุบรรณ์นฤบดีภูมีผู้มี
เชาวน์เชี่ยวชำนาญการสกา
๏ ทูลว่าฃ้านี้นามวาหุกผู้สา
รถีรถาศวาจารย์
๏ ขอรองลอองราชบทมาลย์มาดเอื้อมเอาภาร
พระองค์จงโปรดปรานี
๏ เธอรับเลี้ยงดูอยู่ดีจงมุ่งใจมี
จะแลกความรู้กู้ตน
๏ วิชาม้าแลกวิชาสกากลสแกราชชาญกมล
จะแม่นดั่งมาดปรารถนา
๏ แคล่วคล่องลบองบาศก์อาจสามารถสู้สู่สถา
นสุขนิษัธสวัสดี
๏ คืนครองไอสูรย์ภูลทวีมหิศวรมหิษี
พระบุตรธิดาลาวัณย์
๏ จงจำคำฃ้าสารพรรณสารพัดจัดสรร
จะสบประสงค์ม่งหมาย
๏ เสื้องนี้มีอยู่ตูถวายสงวนแนบแอบกาย
บ่ละบ่ร้างห่างไป
๏ แม้นใคร่คืนรูปภูวไนยสวมเสื้อสุรไกร
ระลึกถึงฃ้านาคินทร์
๏ พระจักคืนรูปนฤบดินทร์ระบือระบิน
พระบุพระนามฃามเธอ
๏ ทรงสัตย์กระหวัดจิตสนิทเสนอถนอมนิษัธสมรรถเสมอ
สมิทธิแกล้วกลางณรงค์
๏ ทูลพาลพระยางูผู้ทรงสุรภาพเพ็ญพงศ์
ก็หายวับกับตา ฯ
             

สรรคที่ ๑๕

อิทิสํฉันท์
๏ ปางนิษัะนรินทะยินพระยาภุชงค์ทำนูลก็ภูลมนา
ภินันท์พลัน
๏ ฝ่ายอุรงคะราชอำนาจอนันต์สำเร็จประสงค์ภุชงค์ก็อัน
ตรธานไป
๏ นลนราธิเบนทร์เจนณะไพรก็ด่วนดำเนิรณะเถินณะไศ
ละพฤกษ์สาณฑ์
๏ เลียบพนัสและลัดพนมพนานต์พนาชพนาลิกาตระการ
เถกิงรมย์
๏ ผองพิหคก็ผกก็โผพนมพิหงค์พิราบพิลาบระงม
ระงายครวญ
๏ เกราญจะเร้าจะเรียกสำเหนียกสำนวนสำเนียงพระนางสอางกำศรวญ
กำศรดศัลย์
๏ สร้อยอิร้าก็ถาชล่าสวรรค์อิลุ้มอิแอ่นก็แล่นถลัน
ถลาไป
๏ สาลิกาปรอดก็พลอดณะไพรกระจอกกระจาบกระจิบกระไซ
กระสาดง
๏ ยางกระหรอดกระเรียนกะลิงก็ลงกระตั้วกระเต็นก็เต้นณะดง
ณะดินแดน
๏ เหยี่ยวตะไกรตระไนกะเหล่ากะแวนกะต้อยติวิตจะคิดแคนน
ก็มากมาย
๏ ภูบดีบ่มีหทัยสลายคนึงพระนางบ่ว่างบ่วาย
บ่เว้นวัน
๏ ทรงพระบทจรณะดอนอรัญประเภทพฤกษ์พิลึกอนันต์
เอนกมี
๏ กรรณิการ์ผกาจำปาจำปีตะไคร้ตะคร้อสมอสมี
แสมเจือ
๏ โมกมรุมมริดมะขวิดมะเขือมะฃามระกำมะกล่ำมะเกลือ
ก็เกลื่อนไป
๏ ต้นตะบูนตะแบกก็แซกลำไยลำดวนพยอมก็หอมณะไพร
พนาธวา
๏ ตาลมะตูมมะตาดก็ดาษฉมาจะเลือกจะสรรจะพรรณะนา
ก็เหลือเกิน
๏ เกษกษัตริย์นิษัธบดีก็เดิรณะห้วยณะไพรณะไศระเขิน
พนาดร
๏ หมู่มฤคก็เล่นก็เร้นก็จรพยัคฆะสีหะหมีสุกร
คณาเกียรณ์
๏ เหม้นระมั่งระมาดก็ดาษเดียรสมันก็ล่าและขลาก็เบียน
ณะพงเพิง
๏ ควายกระต่ายกระแตก็แส้กระเซิงกระจงก็พลัดกระจัดกระเจิง
กระจายหนี
๏ เหลือมก็เลื้อยและรัดกระหวัดชนีกระรอกและลิงกระทิงก็มี
ก็มากครัน
๏ นลดำเนิรณะเขินศิขรอรัญสกลสถานลหานอนันต์
อเนกมี
๏ มุ่งกมลและด้นมหาฏวีบ่เบื่อดำเนิรบ่เพลินพิถี
ธรีบจร
๏ สิบทิวาพระนลก็ดลนครอโยธยามหานิกร
อุดมศรี
๏ สู่นิเวศน์และเฝ้าพระเจ้าบุรีทำนูลทำนองลบองคะดี
บ่ช้านาน
๏ พระนลผู้แปลงเปนนายม้าชื่อวาหุกทูลว่า
๏ ฃ้าพระองค์จำนงกมลสราญจะรองลอองพระบทมาลย์
พระทรงศักดิ์
๏ ชาญวิชาวราศวาภิรักษ์จะฝึกจะหัดก็ปรัตะยักษ์
บ่มีเสมอ
๏ ทราบกิจานุกิจบ่ผิดบ่เผลอจะคิดจะทำสน่ำเสนอ
สนองสาร
๏ อันนสังสการะฃ้าชำนาญจะต้มจะหุงประปรุงก็ปาน
อมรกฤติ์
๏ ทรงประสงค์ไฉนจะได้ประดิษฐ์ประดุจพระองค์จำนงบ่ผิด
บ่แผกไป
๏ ขอพระภูบดีธมีหทัยประกอบกรุณสุคุณอภัย
พระภูธร ฯ
พระฤตุบรรณตรัสว่า
๏ นี่แน่ะท่านทหารชำนาญสมรสมรรถวิชากละมานคร
บ่คิดแคลง
๏ ท่านก็สามิภักดิ์ตระหนักบ่แหนงและตูก็ม่งจำนงแสวง
จะทำคุณ
๏ จงพำนักพิทักษ์ตุรงค์กรุณและขี่และขับสนับสนุน
สนองกิจ
๏ ทรัพยะไซร้จะให้อเนกชนิดสุภักตะพัสตระภัทระพิต
ประไพพัฒน์ ฯ
๏ ปางพระนลสดับกษัตริย์ดำรสธรับธรองบ่ข้องบ่ขัด
ก็ยินดี
๏ อยู่อโยธยามหาบุรีพำนักประชาปะบาระมี
พระราชา
๏ หวนระลึกพระนางบ่ว่างทิวาคนึงพระน้องก็ข้องอุรา
พระภูวไนย
๏ เศร้ากำศรดระทดระทวยหทัยบ่รู้จะปลดกำศรดกระไร
ก็ขับครวญ ฯ
พระนลทรงขับว่า
๏ โอ้สมรเสมอสุมาลย์ประมวลสุคุณสุธรรมประจำสงวน
เสงี่ยมศักดิ์
๏ ฝัวก็ร้างพธูบ่อยู่พิทักษ์อุราจะไหม้หทัยจะหัก
จะแตกพัง
๏ เจ้าจะหิวจะโหยจะโรยกำลังจะเปนไฉนและใครระวัง
พิทักษ์นาง ฯ
๏ นายม้าชื่อชีวละกล่าวแก่พระนลว่า
๏ นี่แน่ะนายบ่คลายระคายระคางเพราะเหตุไฉนมิใครจะวาง
จะเว้นครวญ
๏ จงแถลงแสดงยุบลขบวนระทวยระทดกำศรดกำศรวญ
เพราะนางไหน ฯ
พระนลตรัสว่า
๏ จงสดับเถอะเจ้าและเราจะไขยุบลคะดีบ่มีระไว
ระวังพราง
๏ มีสตรีสุคุณวิบุลย์วรางค์วิไลยวิลาสสอาดสอาง
สเอวอร
๏ มีสวามิหมางและร้างสมรเพราะโฉดเพราะเฉากำเลาวิกร
วิกลจิต
๏ นางณะแนวพนมผธมสนิทสมามิหนีบ่มีจะคิด
คนึงนาง
๏ แสนลำบากณะไพรและภัยณะกลางพนัสก็ร้ายระคายระคาง
ลำเค็ญใจ
๏ ทุกทิวานิศาสวามิไปณะเดียรถะดอนก็ถอนหทัย
และขับครวญ
๏ โอ้สมรเสมอสุมารลย์ประมวลสุคุณสุธรรมประจำสงวน
เสงี่ยมศักดิ์
๏ ผัวก็ร้างพธูบ่อยู่พิทักษ์อุราจะไหม้หทัยจะหัก
จะแตกพัง
๏ เจ้าจะหิวจะโหยจะโรยกำลังจะเปนไฉนและใครระวัง
พิทักษ์นาง
๏ ฝ่ายสมรก็จรณะดอนฉวางจะเปนจะตายจะวายจะวาง
มิรู้เลย
๏ เรืองอำนัคฆะนุชประดุจเฉลยสวามินางบ่ว่างเสวย
วิบากกรรม
๏ เหตุวิชาวิบัติอสัตย์อธรรมเพราะเขลาเพราะขลาดอุบาทว์ระยำ
ก็เปนไป ฯ
๏ นลรำพรรณ์รำพึงคำนึงหทัยบ่ลืมพระนางสองอุไร
อุราเคือง
๏ อยู่อโยธยาบุราณะเรืองกำศรวญบ่ปลดกำศรดบ่เปลือง
บ่แปรไป ฯ
             

สรรคที่ ๑๖

อินทรวิเชียรฉันท์
๏ ​เมื่อนั้น​วิทรรภ์ราชภพนาถนรินทร์ไกร
ทราบฃ่าว​พระนลไนษธผู้​พระเขยขวัญ
๏ อีกองค์​พระไภมีมหิษีฉวีจันทร์
สององค์ธำรงมันยุวิโยคประยูรยง
๏ ราชัยมไหสูรย์สุวิบูลย์จรูญรง
สูญสิ้นนรินทร์ทรงจรป่าปิยาตาม
๏ ตกยากลำบากบุกทุคทุกขะทุกยาม
สิงห์เสือก็เหลือหลามภยะหลายก็กรายองค์
๏ ท้าวภีมะมีคนึง​พระธิดาณะป่าดง
เขินเฃาลำเนาพงบทจร​จะอ่อนแรง
๏ สงสาร​พระเขยขวัญ​จะสัณฑะสำแลง
โพยภัยณะไพรแวงพหุพิษก็พิสดาร
๏ ตรึกพลาง​พระภูมีธก็มี​พระโองการ
ให้หาคณาจารย์ทวิชาติชาญเชาวน์ ฯ
​พระภีมะตรัสว่า
๏ ดูราทิชาจารย์อุระตูบ่รู้เบา
บุตรเขยบตรีเราจรจากมไหสูรย์
๏ ซัดเซพเนจรภยะขรศิฃาดูร
​ใครเล่า​จะ​เอาธูรนิธินิดบ่ติดตน
๏ พราหมณ์เร่งดำเนิรไพรจิต​ใคร่แสวงนล
สืบหาณะอารญ​และนครบ่หย่อนเพียร
๏ สืบ​ทั้ง​พระไภมียุวดีดำรูเจียร
สบองค์​พระทรงเกียรติก็รีบทำนูลเชิญ
๏ คืนสู่วิทรรภ์รัฎฐสุภัททะภูลเพลิน
รีบดั้นอรัญเทอญทวิชาติเชาวน์ชาญ
๏ รางวัลอนันต์นับนิธิทรัพยะส่ำสาร
บรรดาคณาจารย์​จะนิยมก็สมหมาย
๏ เขยฃ้าผิหาพบผิประสบสุดาฉาย
แก้วกาญจน์ประมาณหลายหยะช้าง​จะรางวัล
๏ ปลาเฃ้า​และเย่าใหญ่ก็​จะให้บ่เกียดกัน
โคถ้วนจำนวนพันพิตหลากก็มากมาย​
๏ พราหมณ์ใดหทัยมุ่งธุระจุ่งสำเร็จหมาย
รางวัลอนันต์หลาย​จะประสบประสงค์สรร ฯ
๏ ปางปวงทิชาจารย์พนมานสดับพลัน
บ่ายหน้ามหารัญจรแยกดำเนิรไพร
๏ เขินเขตประเทศสิ้นทิศถิ่นพนาลัย
มาดม่งจำนงใจจรสืบกษัตริย์สอง
๏ หมายหา​พระนารีมหิษีฉวีทอง
หมายค้น​พระนลจองจิตคิด​จะติดตาม
๏ ห่อนพบ​พระพรรณ์ไรอรไทยะเรืองราม
เขินขัณฑ์นิคมคามจรสืบแสวงนาง
๏ ห่อนพบ​พระทรงพลบทต้นดำเนิรพลาง
สืบฃ่าวณะราวทางวนเทศธานี ฯ
๏ ปางพราหมณ์สุพรตนามสุเทวะเวที
บุกฝ่าพนาลีจรจวบนครไกร
๏ เจทีบุรีรัฏฐวิวัฒนะเวียงชัย
ราษฎร์ร่มนิยมใน​พระสุพาหุราชา
๏ ปางนั้น​กุมารียุวดีสุนันทา
สาวสวรรค์กำนัลมามสน้อมประนมคัล
๏ ผ่อนกายสบายองค์ยุพยงณะสวนขวัญ
ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สุขวัฒน์ณะวันบุญ
๏ ไภมีนรีรัตน์วรฃัตติยาดุลย์
เคียงข้าง​พระนางสุนทรทิพย์สุนันทา
๏ ปางพราหมณ์สุเทพยลอรรัตนะรามา
ทรงโฉมประโลมตาจิตแจ้งบ่แคลงกมล
๏ ว่าองค์​พระไภมีมหิษีศยามนล
เผือดซูบ​พระรูปยลสิริหย่อนฉอ้อนองค์
๏ อ้าตูจำนงมานสมาณะป่าดง
จงหวังก็ดังจงจรหาก็มาเห็น
๏ โน่นนางสอางลักษณะพักตระพรรณเพ็ญ
ฉันฉวี​พระศรีเปนสุรโลกกานดา
๏ ช่วงโชติอุโรช​เพื่อมพิศเลื่อมละลานตา
บูรณ์จันทร์สุวรรณ์จารุจรัสสุสัตรี
๏ กานดาประภาฉายทิศหลายขจายศรี
มล้างมืดมลายมีสิรินางสว่างดิน
๏ ดังกามเทวี​พระรตีสุคันธิน
งามลบพิภพจินตนห่วง​พระดวงสมร
๏ นวลนางวรางค์รัตน์กลปัทมะงามงอน
โศภาณะสาครอภิรมยะลำยอง
๏ นางจากวิทรรภ์รัฐดุจปัทมะพลัดหนอง
ทึ้งถอนกระฉ่อนฟองชลฃุ่นฃจายตม
๏ จันทร์ทองบ่ส่องแสงศศิแห้งระหวยกรม
​คือราหุมาอมศศพินทุสิ้นแรง
๏ หมองหมาง​เพราะร้างผัวสิริมัวสลัวแสง
อ้างว้างระคางแคลงจิตเศร้ากำเดาองค์
๏ เหมือนหนึ่ง​นทีแห้งขณะแล้งก็ไหลลง
ลำน้ำระกำทรงชลเหือดก็เดือดดาล
๏ เปรียบปัทมีมีหสดีแสดงพาล
ขุดคุ้ยตลุยลาญบุษกรก็ถอนโยน
๏ ปัทมีบ่มีปัทมะกระจัดกระจายโคลน
วายวอดตลอดโคนผิวเง่าบ่เนาดิน
๏ เคยงามบ่งามเลย​รสเคยสุคันธิน
หนองบัวสลัวสินธุ์​เพราะสโรชสลายลง
๏ อุปมาก็ฉันใดอุปมัยฉนี้ตรง
ไภมีฉวีองคะ​สลัว​เพราะผัวจร
๏ พิศองค์ก็สงสารสุกุมารละลานสยอน
นวลนางสอางอรประทะกรรมก็ช้ำนวล
๏ ควรแก่คฤหาสน์แก้วมณิแพร้วประไพสงวน
แสงแดดบ่แผดกวนวนิดาประภามัย
๏ ยามร้างสวามีดจุศรีสุมาลัย
แผ่ผึ่งรำไพไอกระอุเร้าก็เผาผกา
๏ รูปวานอุทารคุณสุวิบุลยะกานดา
ดังจันทะเลฃานิลเมฆมาบดบัง
๏ ห่อนมีมณีมัณฑนอันอุไรรัง
อดสู​จะดูดังชนใช่พิชัยพงศ์
๏ เริศรักตระหนักโศกวิปรโยคประยูรยง
ร้างผัวก็มัวมงคลผองก็หมองหมาง
๏ นางใดผิไร้ภูษณะชูพะบูนาง
มีคู่ก็ชูพางมณิภูษณาภรณ์
๏ แน่งนางผิร้างคู่ผิวภูษณากร
งามสรรพประดังอรก็บ่ชูพะบูเลย​
๏ อ้าองค์​พระนลภูธรผู้พิบากเอ๋ย
ติดตาม​พระทรามเชยณะพนมนิคมไหน
๏ ป่านนี้​จะหนักทุกข์จรบุกพนาลัย
เศร้าส้อยละห้อยใจกลจิต​จะจากกาย
๏ ​เมื่อใด​จะ​ได้พบนุชนบ​พระนลฉาย
ดั่งโรหิณีพรายจรพบ​พระจันทร์เพ็ญ
๏ นล​ได้​พระนางคืนก็​จะรื่นอุราเย็น
ปลื้มเปรมเกษมเปนสุขล้ำประจำใจ
๏ ห่อน​ได้มไหสูรย์สุวิบูลยะราชัย
โภคทรัพยะยับ​ไปนลหากบ่ไยดี
๏ พบนางก็พางพบสุขครบณะธาตรี
​ได้เมทินีมีศุภศานติปานกัน
๏ ชายใดณะไตรภพบ่มิลบนรินทร์อัน
ควรคู่พธูวรรณวิวัฒน์สวัสดี
๏ หญิงใดณะไตรภพบ่มิลบ​พระนารี
ควรคู่​พระภูมีนลแกล้วณรงค์รอน
๏ ​ใครอื่นบ่ควรคู่​พระพธู​พระภูธร
เธอศักดิ์เสมออรอรศักดิ์เสมอเธอ
๏ ตูมาประสบองค์ยุพยงวิไลยเลอ
จำด่วนบ่ควรเมอจิตอยู่​บ่รู้การ
๏ จักเฝ้า​พระไภมียุวดีทำนูลสาร
​เพื่อนางสอางมาลย์มละเศร้ากำเดาใจ
๏ ตรึกพลางสุเทพเข้าจรเฝ้า​พระพรรณ์ไร
ทูล​ความ​พระทรามไวยดุจเจตนามา ฯ
พราหมณ์สุเทวทูลนางทัมยันตีว่า
๏ อ้านางสอางรัตนวรฃัตติยาภา
ฃ้าชาววิทรรภ์นามสุเทวะเวที
๏ เ​ที่ยวมาณะอารัณย์คิริขัณฑะธานี
รับสั่ง​พระภูมีอธิราชชนกนาง
๏ ให้สืบแสวงหาพระธิดาณะดงขวาง
เฃตเฃาลำเนาทางชนบทนครปวง
๏ ปิ่นฃัณฑ์วิทรรภ์รัฎฐะกษัตริย์กำศรดทรวง
ถวิลหาสุดาดวงจิตพลัดณะพงไพร
๏ อันองค์กษัตริย์ศรีชนนีชนกไกร
อยู่​ดีบ่มีภัยนิรโรคดำรง
๏ ​ทั้งสาม​พระภาตาพระธิดา​พระบุตรทรง
ผาสุกทุกองค์สุสถิติ์ธำรงศรี
๏ ​แต่องค์​พระมารดาชนกาธิราชมี
คำนึง​พระนารีจิตห่วง​พระดวงจันทร์
๏ ร้อยพราหมณะตามหาพระธิดาณะไพรสัณฑ์
ขอบเฃตประเทศอันนรราษฎร์ดำรงเรือง
๏ ห้วยธารละหานทุ่งจิตมุ่งดำเนิรเนือง
อาศรมนิคมเมืองจรสืบ​พระโฉมงาม ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​​พระรามาวนิดาสดับพราหมณ์
ทูลถ่องทำนอง​ความอรพินทะยินดี
๏ ซักไซ้มิ​ใคร่สุดวรบุตระบุตรี
โรคภัยบ่​ได้มีฤพยาธิมาทรง
๏ ถามฃ่าว​พระภาดาชนิกาชนกวงศ์
ไอสูรย์ประยูรองค์อรรัตน์ดำรัสถึง
๏ ซักพลาง​พระนางโศกวิปโยครำพึง
โศกซ้ำระกำกรึงจิตศัลยะกรรแสง ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​สุนันทา​พระธิดาคนึงแคลง
หลากใจไฉนแหนงจิตทุกฃะเต็มตวง
๏ พลางทูล​พระพันปีชนนี​พระนางหลวง
เห็นช้ำระกำทรวงยุพยงธสงสาร
๏ ฃ้า​แต่​พระมารดากลยาณินงคราญ
นางนี้ฤดีดาลปริเทวะโศกา
๏ ร้องไห้พิไรร่ำอุระช้ำกระมังหนา
สงสาร​จะลาญอาดุรเดือดบ่เหือดหาย
๏ เรียกพราหมณ์​และถามดูก็​จะรู้คะ​ดีปราย
ใจตูบ่ดูดายกรุณาอุราดูร
๏ โปรดเถิด​พระมารดากลยาณิจำรูญ
เรียกถาม​และพราหมณ์ทูลก็​จะแจ้งประจักษ์ใจ ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​​พระพันปีชนนีนรินทร์ไกร
ฟัง​ความ​พระทรามไวยดนยาพงางาม
๏ ตรัสเรียกสุเทพเฃ้าจรเฝ้า​พระนางถาม
เหตุผลยุบล​ความอรไทย​จะ​ใคร่ยิน
๏ อ้าพราหมณะงามพรตวรพจนะภาษิน
นางนั้น​รำพรรณ์จินตวิบาก​เพราะพราก​ใคร
๏ เกรียมกรมระทมกรรมอุระช้ำประจำใจ
ฃุ่นเขต​เพราะเหตุไรระบุบอกยุบลเรา
๏ ​ใครเปนสวามีชนนีชนกเฃา
ถิ่นบ้านสถานเนาทิศไหน​จะ​ใคร่ยิน
๏ นางใช่​จะไร้วงศ์ยุพยงประวาสิน
ตกยากลำบากกินผลไม้ณะไพรแวง
๏ พราหมณ์ก็จงเล่าระบุเค้ายุบลแสดง
ย่นแยกจำแนกแจงดุจมีคะ​ดีมา ฯ
๏ ปางพราหมณ์สุเทพยิน​พระนรินทะมารดา
เริ่มต้นยุบลวาทะทำนูล​พระนาง​ไป ฯ
             

สรรคที่ ๑๗

ฉบัง แล สุรางคณางค์

พราหมณ์สุเทวทูล​พระราชมารดาว่า

๏ ฃ้า​แต่​พระราชอรไทยสิริวิไลย
นรินทะราชมารดา
๏ ยังมีภีมะราชเรืองปรากฎฃามนามมา
ถะทุกประเทศเฃตเมือง
๏ ครองราษฎร์ครอบร่มรมย์เรืองเรียบราบปราบเปลือง
บ่มีอริริรณ
๏ ไอศวรรย์วิทรรภ์รัฐเลอบนเลิศล้ำดำกล
​พระเกียรติ์กระเดื่องแดนไกร
๏ เธอมีบุตรีทรามไวยเฉิดลักษณ์ไฉไล
​พระรูปก็เลิศนารี
๏ นางนี้​คือนางไภมีนางทัมะยันตี
วิทรรภะราชธิดา
๏ อนึ่งในนิษัธฃัติยาธิบดินทร์ยินดา
นุภากระหลบภพไตร
๏ ​พระนาม​พระนลภูวไนยริปูรู้​ไป
บ่อาจประชิดฤทธี
๏ นางนี้​คือนางไภมีผู้​พระมหิษี
​พระนลนเรศร์เรืองณรงค์
๏ ​พระนล​พระน้องสององค์สู่ป่าฝ่าพง
​เพราะเหตุพนันมันนำ
๏ ตกทุกข์​ได้ยากตรากตรำแพ้สกาพาระกำ
มไหศวรรย์พลันผลาญ
๏ ฃ้านี้ภีมะราชบรรหารหาองค์นงคราญ
นิคมศิขรดอนขวาง
๏ ตูเดียวเ​ที่ยวมาหานางสบองค์สำอาง
บ่พลาดบ่พลั้งดังทูล
๏ ​คือนางองค์นี้ศรีบูรณ์แจ่มล้ำจำรูญ
เสมอเสมือนเดือนหงาย
๏ มีพยาน​คือไฝประไพพรายหว่างขนงทรงฉาย
กำเนิดก็เกิด​กับองค์
๏ บัดนี้มลกลบลบลงไฝนางหว่างขนง
​จะหาบ่เห็นเพ็ญศรี
๏ เหมือนจันทร์ดั้นเมฆหมอกมีมืดทั่วธาตรี
มิไสมิส่องผ่องพรรณ์
๏ ​แม้ฉนั้น​​พระธิดาลาวัณย์ลักษณ์เลิศเฉิดฉัน
บ่โหดบ่ห่อนหย่อนงาม
๏ ผิวไร้เครื่องประดับวับวามโฉมยงนงราม
วิไลยะไร้ราคี
๏ เทียบทองผ่องผุดสุดศรีขุดจากปถพี
ก็ชูก็เชิดเพริศพรรณ์
๏ นางนี้โศภาลาวัณย์ฃ้ารู้เร็วพลัน
ว่า​พระธิดานารี
๏ ​ความร้อนย่อมส่ออัคคีฉันใดเทวี
ก็แจ้งประจักษใจตู ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​สุนันทาโฉมตรูฟัง​ความงามดู
ดำริห์ระบอบสอบพยาน
๏ ทรงอยิบขันทองรองพานพลางองค์นงคราญ
ก็ล้าง​พระพักตรไภมี
๏ มลทินสิ้น​ไปไฝภีมะธิดานารี
ก็เด่นประดุจดวงเพ็ญ
๏ สมดังคำพราหมณ์งามเห็นแม่นแท้แน่เปน
วิสุทธะลักษณ์ลานตา
๏ จึงองค์​พระราชมารดาอีก​ทั้งสุนันทา
ก็ลูบก็ไล้ไภมี
๏ ขณะนั้น​​พระราชชนนีคำนึงคะ​ดี
​พระนางก็เดือดแดดาล
๏ โศกพลางนางเผยพจมานดูก่อนนงคราญ
วิไลยวิลาสเลอภู
๏ อันองค์นงคราญหลานตรูลูกน้องของตู
มหิษีวิทรรภ์กันยา
๏ คนอื่นคนไกลไหนมาสาวสรรค์ขวัญตา
จงแจ้งประจักษ์ใจนาง
๏ ป้า​กับแม่เจ้าเยาวภางค์สององค์สำอาง
ธิดาแห่งท้าวสุทามัน
๏ เปนปิ่นประเทศเฃตขัณฑ์ทศารณ์ไอศวรรย์
สวัสดิ์วิบูลย์ภูลศรี
๏ แม่เจ้าวิวาหะ​พระภีมะผู้ภูมี
วิทรรภะรัฐราชา
๏ ป้าสู่เจทีวิวาห์เปนราชชายา
​พระวีรพาหุเหิมหาญ
๏ ป้าไซร้​ได้เห็นนงคราญ​เมื่อเจ้าเยาวมาลย์
กำเนิดจากองค์ชนนี
๏ ไฝนางหว่างเนตรมารศรีสำคัญมั่นมี
ตระหนักบ่แหนงแจ้งจง
๏ นงคราญหลานฃ้าอย่าทรงโศกเศร้าเหงาองค์
ประสบประเสริฐเถิดนาง
๏ ปลดทุกข์ปลิดทิ้งสิ่งหมางหมองหมายคลายระคาง
​และเสพย์​แต่สุขสวัสดี ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​อรไทยไภมียิน​พระมาตุลี
ก็ชื่นก็แช่มแจ่มใจ
๏ ประนมก้มกราบทูล​ไปฃ้า​แต่อรไทย
นรินทะราชชนิกา
๏ ฃ้านี้มีสุขทุกวาระพึ่ง​พระบา
รมี​พระองค์ทรงคุณ
๏ แผ่ผลล้นเหลือเกื้อหนุนอรไทยใจบุญ
บ่รู้จักฃ้าว่า​ใคร
๏ ยังทรงเม็ดตาอาไลย​เอาอก​เอาใจ
บ่ชอกช่ช้ำรำคาญ
๏ บัดนี้รู้ว่าฃ้าหลานเสริมส่งสงสาร
​จะทรงพิทักษ์รักษา
๏ ฃ้าฃอ​พระคุณกรุณา​โดยเหตุเจตนา
​จะ​ใคร่คืนสู่บูรี
๏ เฝ้าองค์​พระชนกชนนีดรุณดรุณี
ลูกฃ้าทากร​ทั้งสอง
๏ กำพร้าพ่อแม่แดหมองหม่นล้ำลำยอง
​จะโศก​จะเศร้าเหงาทรวง
๏ ​พระป้าการุณคุณปวงโปรดเรียกวอหลวง
​และโปรดให้ฃ้าลา​ไป
๏ คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัยสมหวังดังใจ
​โดยเจตนาฃ้าเทอญ ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​​พระนางล้ำจำเริญฟังคำซ้ำเพลิน
​พระพจมานหลานขวัญ
๏ ​พระนางพลางเรียกวอสุวรรณ์​พร้อมพหลพลสรร
​แต่ล่ำ​แต่เรี่ยวแรงณรงค์
๏ ฝ่าย​พระราชบุตรยุทธยง​พระสุพาหุองค์
นรินทะปิ่นเจที
๏ อำนวยช่วย​พระชนนีส่ง​พระไภมี
คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัย
๏ พงไพรไพร่พลกล่นไกลแห่หามตาม​ไป
สพรึบส​พร้อมล้อมนาง ฯ
๏ ​เมื่อนั้น​​พระวิทรรภ์กันยางค์เลิศล้ำสำอาง
วิไลยวิลาสเลอศรี
๏ สมถวิลอรพินท์ยินดีเฝ้า​พระชนนี
​พระบิตุราชเรืองไกร
๏ ยงยศฃัติยาธิปตัยอ่าเอี่ยมอำไพ
ศุภาภิรมย์สมบูรณ์
๏ พรั่ง​พร้อมพันธ์พงศ์วงประยูรเอื้อเฟื้อเกื้อกูล
สนับสนุนเนืองนัย
๏ นางตระกองสองบุตรสุดใจกอดทับ​กับหทัย
ประคับประคองสองศรี
๏ บูชาสุรารักษ์ศักดีประณามพราหมณ์ชี
บ่บกบ่พร่องคลองธรรม
๏ ร้อยสุขทุกข์หนึ่ง​พึงนำสุขหลายมลายลำ
เค็ญข้อ​ที่ก่อกองเข็ญ
๏ พราก​พระสวามีพีรเพ็ญคำนึงพึงเห็น
​จะสุข​จะสันต์ฉันไร
๏ รำลึก​พระนลพลไกรนงรามทรามไวย
ก็กอบระกำช้ำแด
๏ รำพึงตลึงลาญแลกรรมกั้งรังแก
ละห้อยละเหี่ยเปลี้ยองค์
๏ ปาง​พระชนนีมีจงในจิตคิดพวง
​พระราชธิดาลาวัณย์
๏ เห็นนางระคางจาบัลย์ทรงถาม​ความพลัน
​เพราะหตุไฉน​ใคร่ยิน
๏ ฝ่ายราชธิดาอาจินจงหาสวามินท์
ก็ทูล​พระราชมารดา
๏ ฃ้า​แต่​พระแม่มีการุณเอื้อ​เอาภา
ระไฝ่​และเฝ้าเช้า​เย็น
๏ ​แม้น​พระชนนีมีเอ็นดูตูผู้เข็ญ
จำนงสงวนชีวี
๏ จงตาม​พระวิศามบดีคืนมาธานี
​และฃ้า​จะยิ่งชนม์ยืน
๏ พรากนลพรั่งน้ำตากลืนโศกซั้นวันคืน
มิช้า​จะวอดชนม์วาย
๏ ปางนั้น​​พระแม่แดดายฟังคำซ้ำระคาย
ก็เฝ้า​พระราชสามี
๏ ทูล​ความตามข้อคะ​ดีดังทัมยันตี
ทำนูลจำนงองค์นาง
๏ ​เมื่อนั้น​วิทรรภ์ราชเรืองวรางค์ยินฃ่าวร้าวระคาง
กรุณ​พระราชบุตรี
๏ รับสั่งให้ตามพราหมณ์ทีชะเชี่ยวเชาวน์ชี
นรินทะเล่าเลา​ความ
๏ เฃาทราบประสงค์นงรามทุกผู้ทุกพราหมณ์
สดังก็รับอาสา
๏ ต่างด่วนชวนกันพลันลา​ไปเฝ้าเยาวะภา
​พระราชบุตรีศรีสมร
๏ ทูลว่าฃ้าจักลาจรเดิรป่าฝ่าดอน
ลำเนาละเมาะเสาะนล
๏ ​เมื่อนั้น​​พระบุตรีนิรมลฟัง​ความตามยุบล
ก็มี​พระราชเสาวนีย์
๏ ดูราคณาจารย์ชาญวีรยะว่องเวที
​จะเสาะ​พระนลพลไกร
๏ พบชนชุมนุมกลุ่มใดจงเดิรเฃ้า​ไป
​และกล่าวฉนี้เนืองเนือง
             
๏ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรงเล่นเบี้ยเสียเมือง
เริศร้างกลางไพรห่อนไฝ่ชำเลือง
ว้าวุ่นขุ่นเ​คืองคับแค้นแสนใจ
๏ ทิ้งเมียกลางป่า
ทรามไวยศัยยาตัดผ้าพา​ไป
สงสารกานดาน้ำตาหลั่งไหล
อ้างว้างกลางไพรกลัวพิษนานา
๏ นุ่งผ้าครึ่งผืน
จาบัลย์วันคืนสอื้นโศกา
เดิรเปลี่ยวเดียวปลงจิตม่งมองหา
ห่อนพบภรรดาเปือกฝุ่นขุ่นเ​คือง
๏ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรงเล่นเบี้ยเสียเมือง
ทิ้งเมียเสีย​ได้ห่อนไฝ่ชำเลือง
เคยกล่าวเนืองเนืองให้สัตย์แก่นาง
๏ ว่าตราบม้วยมรณ์
หมายออมสมรฤาห่อนอางขนาง
บัดนี้หนี​ไปอยู่​ไหนอย่าพราง
น้องน้อยคอยกลางดงเดือดอาดูร
๏ เม็ตตานางน้อง
ชอกช้ำร่ำร้องราวในไฟกูณฑ์
หมองมัวผัวร้างทุกข์นางร้อยคูณ
คืนค้ำกำลูนปลดทุกข์ประเทือง
๏ โอ้โอ๋นักเลง
ลืมคำพร่ำเพรงเล่นเบี้ยเสียเมือง
เมียอยู่​กลางไพรเชิญไฝ่ชำเลือง
ปลดเศร้าเปล่าเปลืองอย่าปราศเม็ตตา
             
๏ ดูราอาจารย์ชาญมารคะ​ทั่วทิศา
นุทิศประเทศแถวทาย
๏ จงจำคำฃ้าบรรยายพบชุมนุมชาย
จงขับดัง​ซึ่งตูสอน
๏ แล้ว​ยั้งสังเกตทวยนร​ใคร​ได้ยินกลอน
​จะเงี่ยสดังคำฃาน
๏ ​ใครพร้องสนองพจมานจงจำอาการ
​และคำ​ที่พูดตอบมา
๏ สังเกตอากัปกิริยาชนชนิดใดภา
ระกิจประกอบการใด
๏ มั่งมีดีจนเข็ญใจประสงค์สิ่งไร
จำมาให้แจ้งใจเรา ฯ
๏ ปางนั้น​ปวงพราหมณ์งามเชาวน์รับสั่งโฉมเฉลา
ก็ลา​และรีบจรจรัล
๏ บุกชัฎลัดป่าอารัญทุกเทศเฃตขัณฑ์
นิคมนครดอนฉวาง
๏ พบคนพราหมณ์ขับกลอนพลางดัง​ซึ่ง​พระนาง
ธสอนให้ขับจับใจ
๏ ห่อนพล​พระนลพลไกร​ใครฟังห่อน​ใคร
​จะรู้ระหัสชัดดี ฯ
             

สรรคที่ ๑๘

สัทธราฉันท์
๏ ​เมื่อนั้น​กัลยาณินารีวรรตนสตรี
ทัมะยันตีกำศรดทรวง
๏ เนาวังนั่งแลชะแง้ดวงจิต​พระนุชระลวง
พราก​พระนลหลวงก็แลลาญ
๏ เวียนหวังตั้งตาก็ช้านานยุบล​พระนลหาญ
​ใคร​จะมาฃานบ่มีเลย​
๏ วันหนึ่ง​จึงพราหมณะงามเงยมธุรพจนเผย
ทูล​พระทรามเชยมเหสี
๏ ฃ้า​แต่นวลนางศุภางคีวรฃติยนรี
ราชธิดาภีมะภูธร
๏ ฃ้านามบรรณาทคเนจรวนนิคมนคร
หานเรศร​พระไนษัธ
๏ วันหนึ่ง​ถึงเมืองกระเดื่องรัฐวิบุลยศสุภัทร์
นามนครฃัติย์อโยธยา
๏ ฃ้าพเจ้าเฃ้าเฝ้า​พระภางคาสุริมหิปติปรา
กฎกระเดื่องนามะกรยง
๏ ฃ้าขังศัพท์อย่าง​พระนางองค์อรกุสุมประสงค์
​โดย​พระจำนงบ่แผกผัน
๏ พอฃ้าเอ่ยขับก็ตรับพลันนฤป​พระฤตุบรรณ
เธอก็เงี่ยงกรรณสดับ​ไป
๏ เธอฟังฃ้าขับบ่จับใจกิจยุบลไฉน
เธอบ่รู้ไซร้ก็ห่อนถาม
๏ ชนสิ้นยินตูบ่รู้​ความมธุรพจนพราหมณ์
ห่อนพยายาม​จะรู้เลย​
๏ ​ทั้งเจ้า​ทั้งฃ้าก็หน้าเฉยพจนบ่มิเฉลย
โอษฐะฤาเผยบ่ไฝ่ฟัง
๏ ฃ้าถอยออกนอกนิเวศน์วังบทจร​จะกำบัง
แดด​เพราะ​โดยหวัง​จะผ่อนกาย
๏ สักครู่หนึ่ง​จึงบุรุษนายอศววิกลชาย
รูปบ่ผึ่งผายดำเนิรมา
๏ เฃา​คือครูสูตะนามวาหุกกุศลวิชา
ชาญดุรงค์หาบ่มีเสมอ
๏ ต้มหุงอาหารชำนาญเสนออุดมรสบำเรอ
​ใคร​จะเหมือนเกลอบ่ห่อนมี
๏ มาใกล้ไห้กลืนสอื้นตีอุระประดุจ​จะชี
วิต​และอินทรีย์ทลายลาญ
๏ ไห้พลางพลางร่ำรำพรรณ์ปานอกุศลพิสดาร
เพียบ​จะเผาผลาญ​และเจรจา ฯ
             

คำ​พระนลผู้เปนวาหุกกล่าวแก่พราหมณ์บรรณาท

๏ อันหญิงสิงทุกขะธรรมดากุลสตรีก็​จะอา
รักขะอาตมาบ่หมิ่นมันท์
๏ ​ความสัตย์แห่งนางสอางวรรณกุศลวิมลธรรม์
พาประสบสวรรค์บ่แคล้วคลาด
๏ มาตร​แม้นสามี​จะหนีปราศ​เพราะหทยวิปลาส
นางบ่กริ้วกราดสวามี
๏ จารีตนวลย่อมสงวนศรีดุจสุรกวจี
ภัยบ่พึงมี​จะมาพาน
๏ ผัวโซโง่เขลากำเดามานภยะพิษพิสดาร
​แม้​จะเลี้ยงปราณก็ยากเย็น
๏ เสื้อผ้าหาไม่หทัยเข็ญ​เพราะทวิชขคเปน
เหตุลำเค็ญก็คาบ​ไป
๏ เสียเมืองเลื่องชื่อระบือไกลพลรถคชหัย
ทรัพยะสินไอศวรรย์หมด
๏ ต่ำตกอกช้ำก็กำศรดนิรอิศริยยศ
เนตระน้ำหยดลำยองไย
๏ ผัวเปนเช่นนี้ผิหนี​ไปกุลสตริอรไทย
ย่อม​จะเห็นใจบ่โกรธเลย​ ฯ
             

พรามหณ์บรรณาททูลนางต่อ​ไปว่า

๏ ฃ้ายินคำร่ำรำพรรณ์เผยดุจพจนเฉลย
ฃ้าบ่เฉยเมยก็รีบมา
๏ ทูล​ความตาม​ซึ่งสดับวาหุกกุศลวิชา
กล่าวบ่กังฃาฉนี้เทียว ฯ
๏ ปางราชนารีฤดีเฉลียวพจน​พระนลเจียว
เธอ​พระองค์เดียวตระหนักใน
๏ รู้เรื่อง​เบื้องหลังบ่พลั้งใจกิจยุบลณะไพร
ผ้า​พระทรงชัยสกุณพา
๏ ตรึกพลางนางผู้​พระกัลยาณิวิบุลวนิดา
เนตระน้ำตาก็ฟูมฟาย
๏ รางวัลบรรณาทฉลาดหลายธนนิธิมณิพราย
องค์​พระโฉมฉายประทาน​เขา
๏ ห่อนหึงจึงองค์​พระนงเภาพิมลฃติยเยาว์
เธอเสด็จเฝ้า​พระมารดา
๏ ทูลว่าฃ้า​แต่​พระแม่อาตมคุณกรุณา
ทรง​พระเม็ตตา​จะเลี้ยงดู
๏ อย่าเพ่อทูลราชวิทรรภ์ภูธร​พระชนกชู
เกียรดิดำรู​จะเสียการ
๏ จงตรัสเรียกพราหมณ์สุเทพชาญชวนทวิชหาญ
มัคคะ​ชำนาญสุปัญญา
๏ ฉันใดพราหมณ์​ได้ประสบอาตมดุจ​พระบิดา
แล​พระมาตาจำนงหวัง
๏ ฉันนั้น​ฃ้ามั่นหทัยฟังนลนฤป​จะยัง
คืนนิเวศน์วังบ่กังฃา
๏ ​เมื่อนั้น​จึ่งองค์​พระกัลยาณิวิมลชนิกา
มีดำรัสหาสุเทพพราหมณ์
๏ เฃาเฃ้าเฝ้าองค์​พระนงรามสมรวิมลงาม
เธอก็ตรัสตามจำนงใจ ฯ
             

นางทัมะยันตีตรัสแก่พราหมณ์สุเทวะว่า

๏ ดูราท่านชาญวิชาไวจรณะนครไกล
เร่งดำเนิร​ไปอโยธยา
๏ รีบเฃ้า​ไปเฝ้า​พระราชา​พระฤตุปรณปรา
กฎกำเรียงนามะศักดี
๏ ทูลว่านางทัมะยันตี​พระนิษธมหิษี
เธอ​จะซ้ำมีสยุมพร
๏ เหตุสามีนางก็ร้างสมร​พระนิษธมหิศร
เธอคเนจรบ่มีฃ่าว
๏ สูญหายตายจากวิบากยาวสมรรตนสาว
พักตระแพร้วพราวพิไลยลักษณ์
๏ อยู่​เดียวเปลี่ยวจิตก็คิดจักกระทำประดุจสมัค
เลือก​พระผัวรักคำรบสอง
๏ ​แม้นหวังเทวีฉวีทองอรกุสุมลำยอง
​ใคร่หทัยปองก็รีบเสด็จ
๏ เลือกม้าเร็วล้ำ​จะสำเร็จรถดูรคระเห็จ
ห่อน​จะเหนื่อยเหน็จณะกลางไพร
๏ ​แม้นว่าช้าอยู่​​พระภูวไนยประลุณะนครไกล
คง​จะช้า​ไปบ่ทันการ
๏ วันรุ่งพรุ่งนี้​พระเยาวมาลย์วิมลมุขสะคราญ
ทรง​พระสำราญสยุมพร ฯ
๏ ปางนั้น​พราหมณ์ทราบกระแสอรวรพจนสมร
จำประดุจสอนบ่แคล้วคลาด
๏ หมายกรุงมุ่งจรนครนาถ​พระฤตุปรณราช
เฝ้ายุคลบาท​​พระราชา
๏ ทูล​ความตาม​ซึ่ง​พระกานดาอรฃติยธิดา
มี​พระวาจาดำรัสสอน ฯ
             

สรรคที่ ๑๙

อินทรวงศ์ฉันท์
๏ เมื่อนั้นพระทรงธรรม์ฤตุบรรณ์อนันต์ขจร
ยศยงอลงกรณสิริโรจน์อโยธยา
๏ ยินถ้อยสุเทพทูลจิตหวังพระอังคนา
นึกนางสอางตาปถพินทร์ถวิลกระสัน
๏ ภูธเรศธเรียกวาหุกสารถีขยัน
จอมขัติย์ดำรัสพลันพรพจน์พระภูบดี
๏ อ้าท่านชำนาญม้าจิตฃ้าคำนึงนรี
นางทัมะยันตีวนิดาประภาสมร
๏ คิดใคร่หทัยตูจรสู่วิทรรภ์นคร
พรุ่งนี้สยุมพรอรไทยวิไลยระหง
๏ ท่านรับจะขับรถจรบถวิทรรภะตรง
จักทันมิทันจงระบุบอกบ่หลอกบ่เลือน ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลวาหุกจิตก็อิดก็เอือน
จักคิดจะบิดเบือนฤจะรับจะขับดุรงค์
๏ อ้ำอึ้งรำพึงในหฤทัยพะว้าพะวง
จักจริงมิจริงปลงจิตเชื่อก็เหลือจะจริง
๏ นางคิดชนิดนี้ยุวดีประสงค์ประวิง
หลากหลายอุบายหญิงดุจน้ำณะลำนที
๏ เหตุทุกขะเทียมเฃาอรเยาวะภาวินี
ฟุ้งซ่านทยานมีมลจิตบ่คิดระวัง
๏ ฤานางจะล่อตูจรสู่วิทรรภ์กระมัง
โฉมฉายจะหมายยังผลเพื่อประโยชนะเรา
๏ ยากเย็นบ่เห็นหน้าภสดาก็เดือดกำเดา
เจ็บใจกระไรเยาวะกนิษฐะคิดบ่ดี
๏ เยี่ยมหญิงประวิงเจตนะเล่หะกลสตรี
แยบคายก็หลายมีนยะลึกจะนึกก็เลือน
๏ เราเล่าก็เหลือเลวชลเหลวก็เหลวบ่เหมือน
นางนวลก็ควรเบือนจิตจากบ่อยากจะดู
๏ นึกไปก็ไม่น่ากลยาณินวลพบู
จักร้างจะห่างตูก็บ่ควรจะด่วนหทัย
๏ ใคร่ครวญบ่ควรเชื่อนุชเนื้ออุไรวิไลย
นงเพ็ญจะเปนไปดุจนั้นก็มั่นบ่เปน
๏ ลูกเต้าก็มีอยู่พระพธูจะเคืองจะเข็ญ
ยามเปลี่ยวผิเหลียวเห็นบุตรน้อยก็ค่อยสบาย
๏ จักเชื่อมิเชื่อไซร้หฤทัยระส่ำระสาย
จักจริงมิจริงหมายจรสู่จะรู้ยุบล
๏ ควรรับจะขับรถจรบถวิทรรภ์สถล
แม้นโหดประโยชน์ตนก็ประโยชน์พระภูบดี
๏ คิดพลางทำนูลพลันฤตุบรรณ์วิบูลย์พลี
ฃ้าแต่พระภูมีอธราชมไหศวรรย์
๏ ฃ้ารับจะขับรถจรบถสถลวิทรรภ์
ขับควบประจวบวันก็จะถึงมิพึงลำเค็ญ
๏ ทูลพลางก็ทูลลานรศาระทูละเพ็ญ
สู่โรงดุรงคเห็นหยะพลันก็สรรดุรงค์
๏ เห็นหัยกำไรแรงพลแขประดุจประสงค์
ผอมซูบและรูปทรงดุจหาญทยานดำพร
๏ ขวัญดีก็มีถ้วนทศล้วนวิไลยบวร
แม่นมาดจะอาจจรกละพายุพาคระไล
๏ ลักษณ์เลิศกำเนิดสินธวถิ่นดุรงค์กำไร
จมูกว้างและคางไหยะก็เติบและเอิบกำลัง
๏ สี่ม้าเสมอกันนลสรรประดุจหวัง
นิ่งนานวิจารณ์ดังจิตแน่บ่แปรหทัย
๏ ปางองค์พระทรงธรรม์ฤตุบรรณ์อนันต์อำไพ
เห็นสูตะดูไหยะกษัรติย์ก็ตรัสประหาร
๏ สารถีฉะนี้หรือกิจคือคุณูปการ
เลือกหัยจะให้ปานพยุพัดกระพืออำพร
๏ ม้าผอมก็ย่อมไร้พลไปณะป่าณะดอน
สิ้นแรงบ่แขงจรก็จะล่าจะช้าบ่ทัน
๏ แสนโซมโนมัยก็และใครจะเลือกจะสรร
ขับควบประจวบวันก็จะล้มบ่สมหทัย ฯ
วาหุกทูลว่า
๏ อ้าองค์พระทรงศรีหยะสี่ประเสริฐกำไร
สิบขวัญสำคัญในคตินี้จะชี้ตำรา
๏ ขวัญหนึ่งณะหน้าผากดุจแบบบุราณะมา
สองขวัญณะอกปรากฎแท้บ่แปรบ่ผัน
๏ สองขวัญณะหัวม้าผิวหาจะเห็นสำคัญ
สีฃ้างก็สี่ขวัญหยะฃ้างละสองละสอง
๏ ขวัญหนึ่งณะหลังม้าดุจฃ้าทำนูลลบอง
สิบขวัญสำคัญปองจิตพบก็สบประสงค์
๏ อันนี่ดุรงค์นี้จรลีจะสมจำนง
วิ่งวางณะทางตรงก็จะถึงประหนึ่งหทัย
๏ มาตรแม้นพระองค์ทรงพระประสงค์ดุรงคะใด
จอมกษัตริย์ดำรัสไปและก็ฃ้าจะโดยจำนง ฯ
พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า
๏ อ้าท่านชำนาญอัศวะจะจัดจะเลือกดุรงค์
ตูไซร้มิได้จงจิตหาญจะค้านจะติง
๏ เลือกไหนบ่ขัดวาหุกอย่าพะวงประวิง
ม้าไหนจะไวจริงจรลีบ่รีบ่รอ
๏ เครื่องงามอร่ามรัตนะจรัสดุรงค์ลออ
รีบเทียมและเตรียมพอรถเสร็จจะเตร็จทยาน ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนลวาหุกจาตุริกชำนาญ
ยินตรัสพระภูบาลจรรีบตุรงคะเทียม
๏ สี่หัยะไวว่องนลคล่องทำนองทำเนียม
รถเก็จสำเร็จเตรียมฤตุบรรณ์ก็พลันเถลิง
๏ ปางสัตวะสี่ม้ากิริยาก็ร่าก็เริง
ยืนกรานชำนาญเชิงกลดื้อสดังภะกร
๏ สี่ม้าก็นอนลงบ่มิปลงหทัยจะจร
ไนษัธธตรัสสอนคติชอบพระปลอบพระโยน
๏ บังเหียนพระรวบกำหยะล้ำก็เผ่นกระโจน
เทียมพายุพาโผนรถเก็จระเห็จถลัน
๏ ฝ่ายวาร์ษเณย์ยืนจรขึ้นก็แทบบ่ทัน
เร็วกลจะย่นมรรคะสถลณะพนณะไพร
๏ นลเร่งดุรงค์รีบจรถีบธุลีคระไล
เร็วรุดประดุจใจพยุพัดกระพืออำพร
๏ ปางองค์พระทรงขัณฑ์ฤตุบรรณ์วิบูลย์บวร
รถปลิวละลิ่วจรนรนาถประหลายหทัย
๏ ฝ่ายวาร์ษเณย์คะนึงจิตอึ้งรำพึงไฉน
หลากจิตจะคิดไปก็บ่คล่องทำนองคะดี
๏ สารถีฉะนี้หรือก็และคือพระมาตลี
ผู้เทวะสารถีสุรราชวรมรินทร์
๏ ชะรอยมาตลีมาดุจสารถีบดินทร์
ใครเลยจะเคยยินชนหาญชำนาญเสมอ
๏ ฤๅหนึ่งพระนลนายกมากระมังนะเออ
ชาญม้าวิชาเธอดุจเทพสารถี
๏ ใครอื่นจะหาหนึ่งบ่มิถึงพระมาตลี
ใครอื่นก็ไม่มีชนหนึ่งจะถึงพระนล
๏ คนนี้ก็ใครเล่าดุจเจ้านิษัธถกล
เริงแรงกำแหงรณรถคล่องทำนองดุรงค์
๏ สามารถเสมอนลสุรพลพิชาผจง
ชาญอัศวะทัดองค์นลราชนราธิเบนทร์
๏ แม้นใช่พระไนษัธก็สมรรถเสมอนเรนทร์
ฉันใดพระนลเจนจิตหาญชำนาญดุรงค์
๏ วาหุกก็ฉันนั้นดุจกันบ่แผกจำนง
เที่ยงแท้บ่แปรปลงจิตมั่นสำคัญหทัย
๏ แปลกกันก็แต่รูปนลเลิศประเสริฐวิไลย
วาหุกวิรูปไนยนะพิศก็อิดระอา
๏ วัยสองเสมอกันดุจมั่นเสมอวิชา
นลแสร้างจะแปลงวาหุกหรือก็คือพระนล
๏ วาร์ษเณย์คะนึงตรองก็บ่ถ่องทำนองยุบล
สนเท่ห์คเนจนจิตอยู่บ่รู้คะดี
๏ ฝ่ายองค์พระทรงธรรม์ฤตุบรรณ์อนันต์พลี
เอมอิ่มกระหยิ่มมีมนเหมเกษมกมล
๏ รถรุดประดุจปลิวจรฉิวณะแถวสถล
หวิวๆ ละลิ่วปนพยุแล่นณะราวพนม
๏ มารุตบ่หยุดพัดพนชัฎระงายระงม
รถรัตน์ก็ทัดลมหยะห้อบ่รอกำลัง ฯ
             

สรรคที่ ๒๐

วสันตติลกฉันท์
๏ ลิ่วๆ ประเล่ห์มรุตพัดดุจปัถะพีพัง
ฤๅเล่หะเขจรประนังขคแขงก็แข่งลม
๏ แถวเถินและเขินศิขรขัณฑ์พนสัณฑะอาศรม
หัยหาญทยานนิคมคมฯรถแล่นณะแผ่นภูมิ
๏ เหวห้วยละหานเหิมอุทกชลตกก็ตูมตูม
เฟือยฟองก็ฟ่องสลิลฟูมพยุฟัดก็ปัดไป
๏ ปางองค์พระทรงนครฃัณฑ์ฤตุบรรณะเกรียงไกร
ภูบาลสราญพระหฤทัยกลเหิรก็เพลินดง
๏ ผืนผ้าสพักสริรหลุดพระจะหยุดบ่ทันทรง
ลมพาและผ้าจรณะพงหยะวิ่งก็ทิ้งไกล
๏ ปางองค์พระทรงวิบุลธรรม์ฤตุบรรณ์อนันต์ชัย
ผ้าหลุดก็ยุดกรพระไนษธฃัติย์ดำรัสพลัน
๏ อยุดม้าเถอะจาตุริกชักหยะพักณะไพรสัณฑ์
ลมจัดและวัสตรบ่ทันกรหยุดก็หลุดไป
๏ ตกอยู่ณะพื้นปฤถิพีรถรี่ก็เร็วไกล
จงวาร์ษเณย์บทคระไลบ่มิช้าจะพาคืน
๏ ปางนั้นพระนลกุศลสารถิกล้าวิชาปืน
ยินตรัสกษัตริย์สุพลยืนก็ทำนูลสนองไป
๏ ฃ้าแต่นราธิปกษัตริย์วรวัตถะอยู่ไกล
ห้าประโยชน์จะกลับรถคระไลก็กระชั้นบ่ทันการ
๏ ผ้าปลิวก็ลิ่วรถก็แล่นหยะแกว่นกำลังหาญ
ทันใดก็ไกลกลประมาณมิละผ้าจะล่าไป
๏ ทูลพลางก็เร่งดุรครีบจรถีบธุลีไพร
เหี้มห้อบ่รอรถคระไลดุจย่นสถลทาง
๏ ปางนายกาธิปมหันฤตุบรรณะโศภางค์
รถแล่นณะแผ่นปถพิพลางนรนาถประภาษไป
๏ อ้าท่านชำนาญสถลผลูจรรู้วิถีไพร
อันซึ่งประชานิกรในภพนี้บ่มีเลย
๏ คนเดียวจะเชี่ยววิทยถ้วนกิจล้วนก็คุ้นเคย
ถ่องทุกวิชากรเฉลยดุจนี้บ่มีหนา
๏ เช่นท่านชำนาญอศวชาติบ่ฉลาดณะสังขยา
ส่วนอาตมะอาจจะคณนาผลไม้ณะไพรวัน
๏ ดูต้นวิภีตกะณะไพรตรุใหญ่กำยำครัน
ใบผลก็หล่นพนอนันต์ผิวนับจำนวนปน
๏ ผลหล่นก็ยิ่งผลณะต้นเฉพาะร้อยและหนึ่งผล
ใบหล่นก็ยิ่งฉทนะบนตรุร้อยและหนึ่งใบ
๏ กิ่งสองผิปองจิตจะนับทลดูก็รู้ไว
ห้าโกฎิจำนวนคณนะไนยะบ่พลาดบ่ฃาดเกิน
๏ กิ่งสองจำนองจิตจะไตรผลไม้ก็ลองเทอญ
สองพันและร้อยผลประเมินผิวหย่อนก็ห้าใบ
๏ ปางสูตะผู้พระนลวาหุกฟังก็ชั่งใจ
ตรึกตรองจะลองคณนะไนยะดำรัสกษัตริย์ทรง
๏ คิดพลางก็พลางพระนลรั้งหยะยั้งณะแนวดง
พลันทูลวิบูลย์ชติยะองค์ฤติบรรณ์อันันต์ชาญ
๏ ฃ้าแต่นรินทะอธิราชพจนาตถะสำนาร
ฃ้ายินบ่ยลยุบลปานพระดำรัสกษัตริย์ศรี
๏ ยินแล้วบ่รู้ประดุจฃานพจมานพระภูมี
ขอสอบดำรัสนฤบดีคณนาวิชายง
๏ สองกิ่งวิภีตกะณะกานนฃ้าจะตัดลง
จำนวนจะนับกลจำนงบ่มิช้าจะคลาไคล
๏ จริงเท็จสำเร็จคณนะนับก็จะขับมโนมัย
อ้าวาร์ษเณย์พลกำไรกรยึดดุรงค์เทอญ
๏ ปางองค์พระทรงคุณอนันต์ฤตุบรรณะจำเริญ
ยินวาทะวาหุกผเชิญอธิฃัติยะตรัสไป
๏ อ้าสูตะผู้อศวโกวิทโสมนัสไพร
จักสู่วิทรรภ์นครไกลผิวยั้งและรั้งรอ
๏ ไหนนั่นจะทันพิธิสยมพรสมหทัยหนอ
หมายใจจะได้อรลออชวะหย่อนก็ห่อนทัน
๏ เร็วเลื่อนและเตือนตรุคเร่งจิตเพ่งณะไพรสัณฑ์
หมายมุ่งนครจรวิทรรภ์หยะห้อบ่รอแรง ฯ
วาหุกทูลว่า
๏ ดูรานราธิปกษัตริย์พลวัฒนะกำแหง
ฃ้าขอจะรอรถแสวงคณนาวิชาชาญ
๏ แม้นมีพระราชหทยะจักบ่มิพักณะไพรสาณฑ์
ขอเชิญเสด็จอวนิบาลจรรีบณะราวดง
๏ วาร์เษเณยะขับดุรคเถิดรถเลิศระเห็จตรง
ฃ้าไซร้จะพักณะพนพงบ่มิโดยเสด็จไป
๏ ตูมีจำนงจิตจะรอเพราะสมอพิเภกไพร
ตัดกิ่งและนับผลอำไพบ่มิเสร็จมิเตร็จจร ฯ
พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า
๏ อ้าท่านชำนาญดุรคเลิศชวะเชิดวิชาธร
บรรดาประชาชนนิกรจะเสมอบ่ห่อนมี
๏ ตูมุ่งจะจรนครฃัณฑะวิทรรภะธานี
จักดั้นจะด้นดลบุรีก็เพราะท่านชำนาญไพร
๏ อ้าสูตะผู้ศรณะฃ้าผิวช้าจะทำไฉน
เที่ยงแท้ผิแน่ณะหฤทัยบ่มล่าณะอารัญ
๏ ตามใจจะนับผลก็นับผิวรับจะไปทัน
นับเสร็จระเห็จจรณะมรรคะวิถีพนาดร
๏ วันหนึ่งผิถึงนครราชบ่มิคลาดสยุมพร
มาแล้วบ่แคล้วสมรอรก็จะสมหทัยคะนึง ฯ
วาหุกทูลว่า
๏ ฃ้าแต่พระทรงนครฃัณฑะวิทรรภะคงถึง
ฃ้ารับจะขับดุรคพึงประลุแทบนครทัน
๏ โปรดอวยพระราชอนุมัติวรฃัติยะรังสรรค์
ขอสอบดำรัสนฤปอันคณนาวิชายง ฯ
พระฤตุบรรณ์ตรัสว่า
๏ นับเถิดจะนับก็จรนับผลสัพพะโดยจง
หมายสอบก็สมดุจประสงค์ผิวเสร็จจะเตร็จจร
๏ เร่งนับและขับดุรคเร่งรถเพ่งพิถีดอน
ไวไวจะได้จรนครผิวล่าจะช้าไป ฯ
๏ ปางนั้นพระนลพิมลเชาวนะเจ้านิษัธไกร
จากรถก็รีบบทคระไลณะสมอพิเภกพลัน
๏ หักกิ่งและนับผลวิภีตกะมีก็สองพัน
เศษร้อยและหย่อยเฉพาะมีปัญจะประเล่ห์พระพจมาน
๏ ไนษัธะคิดก็พิศวงและประสงค์วิชาการ
น้องพลางทำนูลอวนิบาลดุจเจตนามี
๏ ฃ้าแต่นรินทรวิโรจนะอโยธยาศรี
วิชชานราธิปธนีดุจอย่างธอ้างอิง
๏ ฃ้าไซร้ก็ใคร่จิตจะรู้กลภูบดีจริง
เห็นแจ้งบ่แคลงมนะประวิงผิประทานก็บานใจ ฯ
๏ ปางองค์อธีศวรเพ่งจิตเร่งจะคลาไคล
ฟังทูลก็ตอบยุบลไปบ่มิคิดจะปิดบัง
๏ อ้าสารถีสถลหาญหยะชาญวิชาขลัง
อันฃ้าสกากลฉมังชนผองบ่ปองขัน
๏ รู้บาศก์บ่คลาดจิตวิศารทะหาบ่เทียมทัน
ใครมาและท้าทิวะพนันก็จะแถ้บ่แปรปรวน
๏ เชิงนับชำนาญชำนิฉะนั้นดุจกันบ่ผันผวน
สังขยาและปาศะกะขบวนก็บ่แผกบ่แปลกกัน ฯ
วาหุกทูลว่า
๏ ฃ้าแต่พระปารถิวฃัตติยะวัจนานันท์
วิชชาสกากิจพนันผิวโปรดประทานสอน
๏ ส่วนฃ้าวิชาอศวหลายจะถวายพระภูธร
เสร็จแลกจะเร่งดรุคจรณะวิทรรภะทันการ ฯ
๏ ปางองค์พระทรงนครขัณฑ์ฤตุบรรณะภูบาล
เชิงชั้นพนันชำนิชำนาญอุปเทศธทรงอวย
๏ เจนจัดถนัดสนิทแน่นนลแม่นบ่งงงวย
รู้ท่าสกากลอำนวยพระก็ปลื้มกมลปรีดิ์
๏ ครั้งนลชำนาญกลพนันกลิพลันก็ผันหนี
ออกจากพระกายพระนลมีจิตกลัวระรัวลาญ
๏ พ่นพิษพระยาอุรคถ่มพิษขมระบมฆาน
ปางนั้นนิษัธกษิติบาลก็จะสาปกลีเลว
๏ ฝ่ายองค์กลีสริระสั่นดุจพรั่นพระเพลิงเปลว
ถูกสาปจะซุดประดุจเหวทวิทุกขะทำงน
๏ น้อมก้มประนมนขประสานพจมานแสวงผล
ฃ้าแต่พระภูธรถกลกิติเกริกตระการไกร
๏ โปรดเถิดประทานอภยะตูกลิผู้ลำบากใจ
ถูกสาปพระราชอรไทยพระนิษัธมเหสี
๏ นลร้างและนางจรณะกานนหาสวามี
ทุกข์ถมระทมพระรมณีธพิลาปก็สาปตู
๏ ร้ายแรงบ่แสร้างพจนฃ้าดุจว่ามฤตยู
นางสาปก็สิทธิพิษงูระอุร้อนบ่ห่อนหาย
๏ ฃ้าสิงพระองค์พระนลอยู่พิษงูก็สิงกาย
เดือดร้อนจะผ่อนจิตสบายก็บ่ได้กระไรเลย
๏ โปรดเถิดพระนลพิมลจิตสุจริตประเล่ห์เคย
อย่าสาปจะบาปบ่มิเสบยนลอย่าอนาทร
๏ แม้นมัณฑเลศวรเว้นดุจเช่นทำนูลวอน
ฃ้าจักอำนวยสุขนิกรนรชนบ่ข่นใจ
๏ ตราบใดประชานิคมคามระบุนามพระนลไกล
กล่าวเกียรติ์อธีศวรไนษธอยู่บ่รู้วาย
๏ ตราบนั้นมิพรั่นกลิจะใกล้กลิไซร้มิไปกราย
ห่อนพึงคะนึงอุระระคายจิตเกลือกกลีกวน
๏ เช่นนี้พระนามพระนลทรงภพคงบ่แปรปรวน
ยาวยืนผิหมื่นฉนำก็ชวนชนปลื้อบ่ลืมนาม
๏ เมื่อนั้นพระนลนิษธนาถนรราชเรืองราม
ยินวอนก็อ่อนหทยะยามกลิหย่อนกำลังยง
๏ ไนษัธบ่สาปกลิก็สู่ตรุอยู่ณะกลางดง
จึ่งต้นวิภีกะณะพงสิก็แห้งก็เหี่ยวไป
๏ อันองค์นรินทะฤตุบรรณะอนันตะราชัย
อีกวาร์ษเณย์พลกำไรก็บ่เห็นกลีเลย
๏ ปางนั้นพระนลกุศลสารถิกล้ากำลังเคย
พ้นทุกข์ก็สุขจิตเสบยจรเร่งดุรงค์พลัน
๏ รวบรัศมีกรกระหวัดจตุอัศวะผกผัน
ฉิวๆ ละลิ่วจรณะมรรคะประเล่ห์สกุณบิน
๏ ไนษัธสมรรถอศวชาติรถมาศกระโดดดิน
ห้วงๆ กระจ้วงจรนรินทะหทัยก็ไสศานติ์
๏ รีบรัตนะรถบถวิทรรภ์ฤตุบรรณะเบิกบาน
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยะปานอมฤตสุรารมณ์
๏ ไนษัธกษัตริยะจรพ้นกลิล้นระอากรม
ออกจากวิภีกะพนมจรสู่คฤหาศัย
๏ ปางนั้นพระนลนรพยาฆร์กลิจากก็สุขใจ
ปลดทุกขะทิ้งสถลไพรจรโดยวนาธวา
๏ ห่อนคืนพระรูปวิมลลักษณะศักดิสมญา
ทรงรูปจาตุริกวาหุกเร่งดุรงค์จรัล ฯ
             

สรรคที่ ๒๑

โตฎกฉันท์
๏ ขณะนั้นอวนินทะนรินทร์ฤตุบรรณ
จรโดยพนสัณฑ์กลเขจรบิน
๏ นลเร่งรถแล่นหยะแกว่นพลสิน
ธวสี่จรดินดุจพายุกระพือ
๏ อธิราชอภิชิตอภิฤทธิประลือ
ฤตุบรรณะระบืออภิคมนะนคร
๏ นรนาครรู้จรสู่อดิศร
พระประชาปะบวรนคเรศวิทรรภ์
๏ และทำนูลพระนราธิปว่าฤตุบรรณ
จรมาณะอรัญอภิคมนะบุรี
๏ ขณะนั้นฃติยาธิปปารถะภี
มะวิทรรภะบดีจิตแจ้งก็ฉงน
๏ ธุระไรฤตุบรรณจรสัณฑะสถล
ดุจนี้ก็พิกลบ่มิแจ้งกิจการ
๏ ดำริห์พลางก็พระภีมะธมีพจมาน
คณะเสวกชาญและอมาตยะพหล
๏ ก็ตระเตรียมพระนิเวศน์นฤเบศถกล
ขติยาติถิดลณะวิทรรภะนคร
๏ ธก็ต้อนธก็รับกิติสัพพะบวร
ฤตุบรรณ์อดิศรธเสด็จณะถนน
๏ นลขับหยะแขงจรแข่งขคบน
รถโฆษระคนอศนีณะอำพร
๏ หยะของนลเนาณะวิทรรภะนคร
จำสำเนียงรถจรจิตแจ้งนลมา
๏ ก็กระทืบบทก้องหยะร้องกลปรา
กฏพักตร์นลนายกเยี่ยมหยะรณ
๏ พระธิดานรราชภพนาถถกล
ปตนีนิรมลนิษธาธิบดี
๏ ธสดับรถโฆษเสนาะโสตรมหิษี
ก็ตระหนักจิตภีมะธิดาอรไทย
๏ รถนั้นนลแท้นลแน่มนใน
นรอื่นบ่มิใครรถแขงดุจนล
๏ รถนาทนำรถจรบถสถล
ดุจเมฆนำฝนพยุหอบชลแรง
๏ อรไทยะประจักษะตระหนักบ่มิแหนง
ดุจหัยะบ่แคลงจิตแน่นลมา
๏ คชอัศวะยินแลศิขินเสนาะนา
ทะดำเรียงกลพายุกระพือชลหาว
๏ คณะสัตวะก็ร้องคชก้องขคกราว
รถโฆษกลคราวพยุเมฆชลทา
๏ ยุวดีสิริรัตน์อรฃัติยะประภา
ก็คนึงจิตมานสเที่ยงหฤทัย
นางทมยันตีตรัสว่า
๏ รถนั้นนิรโฆษหยะโลดจรไว
ดุจหนึ่งนลไนษธเจ้าตุรคิน
๏ ผิวใช่นรนาถอธิราชพลิน
ชนเกวลดินรถโฆษบ่เหมือน
๏ นลแน่บ่มิผิดอภิฤทธิบ่เลือน
นรชาติจะเตือนหยะห้อบ่เสมอ
๏ ทินนี้ผิบ่พบบ่ประสบนลเธอ
ก็และฃ้าจะบำเรอชิวะได้กลใด
๏ ทินนี้ผิววีระบดีพลไกร
กลจันทะอำไพวรพักตระประภา
๏ บ่มิส้วมกรสอดบ่มิกอดภริยา
ก็ไฉนชิวะอาตมะจักบ่ประลัย
๏ ทินนี้ผิวองคะพระทรงภพไกร
พระเสด็จรถในพระบุรีนิรโฆษ
๏ บ่เสด็จจรมาภริยาพระบ่โปรด
ก็และอาตมะโหดภสดานิรนาถ
๏ จะกระโจนอคนีสละชีวะบ่ขลาด
ภสดาจรปราศก็จะปราศชิวปราณ
๏ ทินนี้นรเศรษฐ์นลสิงหะวิกรานต์
พลวานกลวารณะวิกรมกำไร
๏ บ่เสด็จจรมาภริยาจะประลัย
ชนมาธิปตัยรถโฆษะนคร
๏ นลสิงหะประเสริฐยศเลิศะขจร
อภิสัตย์อดิศรดุจบรรพตผา
๏ อปการบ่กระทำจิตล้ำกรุณา
อประโยชนะวากยะห่อนจะดำรัส
๏ พระอุทาระบุรุษวรสุทธะกษัตริย์
กษมาปอุบัติคุณเลิศธรณี
๏ จิตฃ้าภริยาพระนราธิบดี
บ่มิลืมคุณวีระวิบุลย์กรุณา
๏ ทินนี้ผิวองคะพระทรงกษมา
บ่มิสู่ภริยานุชแน่จะประลัย ฯ
โตฎกฉันท์
๏ มหิษีสุษมากลยาณิประไพ
ธจำนงหฤทัยยลพักตรนฤเบศร์
๏ วนิดาอรเอี่ยมจรเยี่ยมพระนิเวศน์
นุชทอดวรเนตรชนแน่นณะพระลาน
๏ ขณะนั้นฤตุบรรณะอนันตะสราญ
ดลราชบุรปานบุรท้าวสุรราช
๏ นลวาหุกชักหยะพักรถมาศ
พระก็ปลดรถปราศหยะปล่อยณะพระลาน
๏ ขณะวาหุกวารษเณยะชำนาญ
จรจากรถกาญจนสู่ปถพี
๏ ฤตุบรรณ์อดิศรมหิธรนรสีห์
จรจากรถภีมะก็รับนฤบาล
๏ ขติยาธิบดีพรภีมะพิศาล
อภิศักดิตระการธประหลาดหฤทัย
๏ บ่มิทราบฤตุบรรณ์จรวันะคระไล
กิจด่วนธุระใดธเสด็จณะนคร
๏ ธก็ต้อนธก็รับยศสัพพะขจร
มิตรภาพบวรอธิเกียรติตระการ
๏ และพระภีมะกษัตริย์ก็ดำรัสพจมาน
นรนาถมหิบาลพระเสด็จธุระไร
๏ ผิวราชประสงคะพระทรงภพไกร
ธุระจิตกิจใดก็ดำรัสเถอะพระองค์ ฯ
โตฎกฉันท์
๏ ขณะนั้นฃติยาติถิปารถะยง
ฤตุบรรณะณรงคะวิเศษะสุธี
๏ ธธำรงธิรเลิศชยเชิดศิลปี
ยลในพระบุรีก็ฉงนหฤทัย
๏ กิจเตรียมบ่มิสมสวยมพรไกร
พิธิเลิศก็กระไรบ่มิกอบกิจการ
๏ อธิราชอนุราชและพระราชกุมาร
นคเรศอุฬารบุตรเจ้านครินทร์
๏ บ่สมาคมกันณะวิทรรภะธนิน
ก็ไฉนพระยุพินจะสยุมพรนาง
๏ บ่สมาคมพราหมณ์พิธิงามอุตมางค์
ก็ไฉนพระศุภางคะจะเลือกภสดา
๏ ดำริห์พลางฤตุบรรณะก็พลันพจนา
ทะทำนูลพระนราธิปเทศวิทรรภ์ ฯ
พระฤตุบรรณ์ทูลตอบว่า
๏ นรนาถอวนินทร์นครินทะมหัน
ธุระอาตมะอันจะประสงคะบ่มี
๏ จรมาจะถวายอภิวาทน์นรสีห์
พระวิทรรภะบดีภพแผ่คุณผล ฯ
๏ ขณะนั้นนรสีหะพระภีมะฉงน
ฤตุบรรณะถกลวรเกียรดิกำไร
๏ ผิวเปล่าธุระปราศอภิวาทนะทำไม
จรโดยวนไกลสตโยชนะอนันต์
๏ นรนาถพสุธาธิปนามะมหัน
บ่มิเชื่อฤตุบรรณ์ก็ฉงนหฤทัย
๏ เพราะบ่ทราบกลนางพระศุภางคะประไพ
วรราชอรไทยพระวิทรรภะธิดา
๏ พระนเรนทรภีมะพลีชนกา
ธิบดีจิตมานะฉงนบ่มิทราบ
๏ ธก็รับธก็รองดุจคลองมิตรภาพ
อติถิตวะก็ซาบจิตราชฤตุบรรณ
๏ พระเสวยศุภโภชนะโอชสวรรค์
พระมหาธิปหรรษะวิวัฒนะอุดม
๏ ขติยาถิติปรีดิฤดีอภิรมย์
ฤตุบรรณะวิกรมจรพักสริรางค์
๏ นลวาหุกไซร้หฤทัยะระคาง
บ่มิรู้กลนางมหิษียุพยง
๏ พระก็ขุ่นจิตขัดพระก็อัดอุระองค์
อรนุชจะจำนงดุจกล่าวฤไฉน
๏ นลตรึกนลตรองบ่มิถ่องหฤทัย
พระคนึงจิตในอรนุชดุจเดือน
๏ ธก็ปลดรถเปลื้องหยะเครื่องบ่กระเทือน
บทรีบจรเรือนรถพักหยะพลัน ฯ
๏ ขณะนั้นยุวดีมหิษีวรวรรณ
ยลราชฤตุบรรณะและวารษเณย์
๏ ยลนายรถวาหถกพาหุก็เก
บ่มิยลพระนเรศรผู้ภสดา
๏ มหิษียุพยงธก็สงสยะอา
ดุจจิตวนิดาดุจอัคนิลน
๏ รถนั้นนิรโฆษจรโลดณะถนน
ดุจหนึ่งรถนลนิษธาธิบดี
๏ ชนอื่นบ่ถนัดรถทัดนลธี
ระสมรรถอศวีดุจมาตลิชาญ
๏ รถใครนิรโฆษบ่เสมอมหิบาล
รถนั้นชวะปานนิรโฆษรถนล
๏ นิษธาธิปไซร้ก็บ่ได้จรดล
จิตตูก็ฉงนนิรโฆษรถใคร
๏ ฤนรินทร์ฤตุบรรณะอนันตะกำไร
ธฉลาดรถไนยะถนัดดุจนล
๏ ฤจะวารษเณยะชำนาญรถกล
ดุจสามิพหลหยะเลิศพลลือ
๏ นิรโฆษรถฉายดุจสายนลถือ
หยะห้อจรคือรถมาตลิถึง
๏ พระวิทรรภะนรีดุจนี้ธคนึง
บ่มิแจ้งจิตจึงอรเรียกบริจาร
๏ และก็สั่งจรสู่ดุจทูตสำนาร
ธุระสืบกิจการจะแสวงภสดา ฯ
             

สรรคที่ ๒๒

             

สรรคที่ ๒๓

             

สรรคที่ ๒๔

             

สรรคที่ ๒๕

             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

ศาลานกน้อย

เครื่องมือส่วนตัว