พระรถคำกลอน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: [[]]

บทประพันธ์

สำนวนที่ ๑

◉ ประนมกรอ่อนกายถวายเศียร[1]
ต่างโกสุมประทุมมาศดาษเดียรประทีปเทียนส่องนัยนาแทน
ด้วยอารมณ์ชมบุญพระไตรรัตน์วาจาสัตย์สรรเสริญนี้สุขแสน
ถึงดินหล้าฟ้าเหล่าตลอดแดนทุกเมืองแมนยกยอชะลอคุณ
ยังหลงเหลือเผื่ออยู่ไม่รู้สิ้นเป็นอาจิณเจืออยู่ไม่รู้สูญ
คือสิ่งใดพิสดารไม่ปานปูนเพราะนุกูลไกรโลกให้เลิศไกร
ยอมรื้อสัตว์ในวัฏสงสารดลสถานศิวาโมกข์มไห
เด็ดสังขารดาลดับมหาภัยอันเกิดในตัณหาอันสาธารณ์
เราคำนึงจะพึ่งพระทั้งสามจะใคร่ข้ามแอ่งโอฆสงสาร
จะเด็ดรักหักบ่วงที่ห่วงมารเห็นกันดารไม่สำเร็จโดยเจตนา
เพราะรึงรังกำลังด้วยโมโหทั้งโลโภเข้ามาเกาะเพราะตัณหา
บาปทำซ้ำเติมจะเพิ่มพาให้เชือนช้าชักไว้ในโลกีย์
จะครรไลไปสถานพิมานสุขก็เห็นทุกข์ในกลางหว่างวิถี
ยังทุรพลจนแต่บารมีเป็นสุดที่จะได้ถึงซึ่งนิพพาน
แสนมหาโพธิสัตว์ยังพลัดพลาดเพราะประมาทอาจองในสงสาร
ด้วยตัณหาทาระกำให้รำคาญเบญจมารมาระคนจนลังเล
อันพวกเราเหล่าพวกชนาเนกยังโหยกเหยกตัณหาพาให้เห
จะจวบจมตกหล่มในกาเมเหลือคะเนในอนาคตกาล
จึ่งคิดถึงความเพียรโพธิสัตว์เมื่อสัญจรในวัฏสงสาร
ที่สร้างสมบารมีมีนิทานในกัปกาลก่อนล่วงแต่หลังมา
หวังจะให้ชายชาญชำนาญศิลป์แจ้งระบิลภิปรายไปภายหน้า
บาลีในชาดกท่านยกมายังไม่ปรากฏที่คัมภีร์ใด
เรามิใช่เมธาบาเรียนปราชญ์ด้วยสามารถชี้แจงแถลงไข
แต่บูราณท่านเล่าพอเข้าใจจัดแจงไว้ให้ระบือเลื่องลือยศ ฯ
◉ จะขอกล่าวราวเรื่องนิทานหลังในบูรังสมญามีปรากฏ
เป็นใหญ่ในแว่นแคว้นแดนโสฬสชื่อไกรจักรปรากฏบูรีรมย์
ประกอบด้วยศีลาปราการกั้นสูงเจียนจดตะวันคะเนสม
สีมารายปรายปราการปานเมืองพรหมระงมลมพัดต้องคะนองดัง
ซุ้มทวารบานชิดที่ปิดเปิดฉลุลายฉลักเลิศเครือฝรั่ง
มีมหาปราสาทราชวังแสงปลั่งสุกปลาบกาบมณี
จตุรมุขสุกสว่างกระจ่างแสงระยับแดงเขียวเหลืองประเทืองศรี
ผลึกลาดดาดฝ้าหลังคาดีกระจกสีกระจ่างแสงแจ้งอัมพร
สารพันสมบูรณ์พูนทรัพย์สารพัดสิ่งสรรพสลับสลอน
เรือนจันทน์สรรสุดาพะงางอนอรชรเฉิดโฉมประโลมตา
เนาในห้องทองเป็นถ้องแถวดังนางแก้วเกิดประกอบวาสนา
แห่งองค์รถสิทธิ์อิศราเพียงมหาจักรพรรดิขัตติยวงศ์
พระชมเชยเสวยสุขในสมบัติเป็นกษัตริย์อนุพันธุ์อันสูงส่ง
ครองสนมรมเยศยุพยงไร้องค์เอกอัครชายา
ฝูงนิกรไพร่ฟ้าประชาราษฏร์ทั้งพระญาติมนตรีมียศถา
สามนต์ต่างประเทศมีเจตนาจะพึ่งเดชบุญญาบารมี
ยกธิดามาถวายเป็นหลายสิบจะหยิบบุญแบ่งไปให้เป็นศรี
เคืองระคางหมางพระทัยไม่ไยดีสั่งให้นางเทวีคืนพารา ฯ
◉ จะกลับกล่าวราวเรื่องถึงเศรษฐีในบูรีจำปากอันสุขขา
มีทรัพย์เหลือที่จะนับคณนานามกรชื่อว่าท่านหิรัญ
ภรรยาชื่อว่ากาญจนีผ่องศรีสมบูรณ์ทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งข้าวของทองนากมากครันสารพันข้าทาสดาษดา
มีตึกกว้านบ้านเรือนเป็นเขื่อนขอบกำแพงรอบสองชั้นกั้นแน่นหนา
ตั้งโรงหีบน้ำตาลทรายขายสุราเรือกสวนไร่นามีครบครัน
เกวียนลากรับจ้างพวกลูกค้าเป็นอัตรามิได้ขาดทุกสิ่งสรรพ์
บ่าวค้าเหนือล่องเรือเป็นนิรันดร์สารพันบริบูรณ์เป็นช้านาน
จึ่งปรึกษาภรรยาผู้ร่วมใจถ้าบุญเราหาไม่เป็นแก่นสาร
เงินทองข้าวของแลสิงคารไม่นานก็จะเป็นของเขาไป
ด้วยเราไร้โอรสแลธิดาจะครอบครองไปข้างหน้าหามีไม่
ห่วงสมบัติวัตถาแลข้าไทมิได้ว่างเว้นสักเวลา ฯ
◉ ครั้นพลบค่ำสนธยาราตรีเศรษฐีเข้านอนในเคหา
ดึกสงัดมัชฌิมเวลาหลับสนิทนิทราแล้วฝันไป
ว่ายังมีเทวาสุราฤทธิ์สถิตอยู่บนต้นพระไทรใหญ่
เข้าไปในเรือนด้วยทันใดแล้วปราศรัยบอกความตามคดี
ว่าผัวเมียสองคนอย่าบ่นบ้าอยากได้บุตรธิดาเกษมศรี
พระไทรใหญ่อยู่ข้างทิศหรดีไปบัตรพลีบวงบนต้นพระไทร
นั้นแหละก็จะสมอารมณ์หมายจะขอลูกหญิงชายก็คงได้
เศรษฐีผวาตื่นขึ้นทันใดก็นึกได้ว่าฝันเป็นมั่นคง
รุ่งสว่างสางแสงพระเวหาล้างหน้าแล้วมานั่งดังประสงค์
จึ่งแก้ฝันให้เมียฟังดังจำนงเล่าความตามตรงที่ฝันไป
กาญจนีว่าครั้งนี้เห็นสมคิดด้วยอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์มาบอกให้
มาเราจะพากันคลาไคลไปตามคำเทพไทให้รู้การ
ว่าแล้วคืนเข้าในเคหาแต่งตัวนุ่งผ้าเกษมศานต์
เรียกบ่าวไพร่อึงมี่ตะลีตะลานให้ถือพานเทียนธูปเครื่องบูชา
แล้วออกจากสถานพ้นบ้านช่องทั้งพวกพ้องวงศ์วานไปแน่นหนา
รีบเดินตามเนินมรคามิทันช้าถึงต้นพระไทรพลัน
พระไทรใหญ่โตได้ถึงแปดอ้อมกิ่งค้อมร่มชิดปิดสุริย์ฉัน
ทิศหรดีทีจะจริงของเทวัญก็พากันเข้าไปใต้ร่มไทร
จึ่งจุดธูปเทียนทองมิทันช้าบวงบนเทวาแล้วกราบไหว้
ประนมกรวอนว่าไปทันใดข้าอยากได้ลูกรักแต่สักคน
ถ้าได้บุตรที่สุดเสน่หาจะแก้บนเทพดาไม่ขัดสน
ควายวัวหัวหมูคู่บานบนสีชมพูห่มต้นพระไทรทอง
จะปลูกศาลให้ตระการประไพจิตรเสาปิดทองคำไม่มีสอง
จะเวียนเทียนสมโภชแล้วโห่ร้องใบศรีทองใบศรีนากมากครามครัน
จะมีงิ้วโขนหนังทั้งละครให้ถาวรเครื่องเล่นเป็นมหันต์
จะสมโภชสรรพเสร็จทั้งเจ็ดวันตามยุบลรำพันที่กล่าวมา
จงอารักษ์ศักดิ์สิงพระไทรใหญ่ขอให้ได้สมความปรารถนา
แล้วกราบไหว้พระไทรอำลามาบ่าวไพร่ก็พากันจรลี
แล้วคืนกลับสถานยังบ้านช่องพร้อมพวกพร้อมวงศ์วานท่านเศรษฐี
ครั้นอยู่มาเจียรกาลประมาณปีกาญจนีมีครรภ์วันอังคาร
ด้วยอารักษ์ชักสัตว์ให้ปฏิสนธิ์ประสูติบุตรสองคนเมื่อปีขาล
เป็นฝาแฝดเดือนแปดวันอังคารได้เมื่อทศกัณฐ์มารขับน้องยา
ครบหกปีมีบุตรถึงหกคู่พิศดูหน้าแสนเสน่หา
ล้วนสตรีมีโฉมประโลมตาวัฒนาทั้งสิบสองกุมารี
พี่คนใหญ่ชันษาได้สิบเก้านางน้องสาวอายุได้สิบสี่
จึ่งให้นามตามวงศ์พงศ์ผู้ดีนางผู้พี่มีนามเมศรา
ถัดไปไพรสพอันเฉิดฉายงามประโลมใจชายในใต้หล้า
ชื่อมณีสีสันนั้นถัดมามรกตกัลยาอนงค์นาง
คู่สามเกษอรกับผกาโสภาราศีไม่มีหมอง
คู่สี่มาลีทรงสำอางกับเอวบางบุศรากุมารี
คู่ห้ามาลัยประไพพักตร์กับนงลักษณ์เบญจวรรณอันมีศรี
คู่หกเสาวรัตน์สวัสดีนางลำเภาโฉมศรีนั้นสุดท้อง
พิมพ์พักตร์ลักขณานั้นเพริศพริ้งงามยิ่งสารพัดไม่ขัดข้อง
ผิวฉวีสีเหลืองเรืองรองดังทาทองนพคุณละมุนละไม
เนตรคมหน้าขำผมดำขลับไรรับพักตราน่าพิสมัย
อรชรอ้อนแอ้นแสนวิไลแม้นผู้ใดได้เห็นเป็นขวัญตา
ด้วยผลบุญจุนเจือนางนงเยาว์แต่ก่อนเก่าสร้างสมมานักหนา
เผอิญให้บิตุเรศแลมารดาสุดแสนเสน่หาพันทวี
อันเศรษฐีไหรัญนั้นประมาทด้วยแน่นเหนียวร้ายกาจเป็นพ้นที่
ไปบานบนขวนขวายได้บุตรีที่พระไทรใหญ่ทวีเป็นสำคัญ
ครั้นได้บุตรสุดสวาทเสน่หาไม่แก้บนเทพดาในไพรสัณฑ์
เสียดายทรัพย์ข้าวของเงินทองนั้นจะจำหน่ายให้ปันก็เสียดาย ฯ
◉ ฝ่ายพระไทรเทวฤทธิ์มีสิทธิศักดิ์บำรุงรักษ์เศรษฐีได้สมหมาย
ไม่เห็นเครื่องพลีกรรมโดยภิปรายแต่คอยหายนิ่งอยู่มาช้านาน
สิบเก้าปีเศรษฐีไม่คำนับกิตติศัพท์เงียบเซียบไปทั้งบ้าน
เทพไทขัดจิตคิดรำคาญเดือดดาลฤทัยอยู่ไปมา
อุเหม่อุเหม่เศรษฐีนี้โกหกคราววิตกมีกังวลซนมาหา
ครั้นได้การสมถวิลจินตนาไม่กลับมาแลดูกูสักที
เสียแรงเราสงเคราะห์สะเดาะทุกข์ช่วยทำนุกบำรุงผดุงศรี
อันนวลนางสิบสองกุมารีเรามีอุปถัมภ์ช่วยนำมา
เออสิบสองราศีจะจุติเราดำริแนะนำพร่ำว่า
ให้มาปฏิสนธิ์ในคัพภาแห่งนางภรรยากาญจนี
จนพี่ใหญ่ก็ได้ถึงสิบเก้าน้องสาวก็ประจวบเข้าสิบสี่
อ้ายเศรษฐีไหรัญกาญจนีมันจะได้ดูดีกันกับกู
เหมือนเขาว่าได้ทุกข์ขุกเจ็บไข้มาบนให้ควายวัวกับหัวหมู
ครั้นหายหกตกหล่นกำนลครูควายวัวหัวหมูก็หายไป
ถึงกระไรในจิตจะคิดบ้างนี่มันช่างตัดเด็ดไม่เกล็ดให้
จะให้มันรู้จักศักดิ์สิทธิ์ไว้ไอ้จังไรชาติอกตัญญู
ปางพระไทรเทพาวาจาสิทธิ์แค้นคิดแช่งประชดให้อดสู
อ้ายเศรษฐีมีพยศปดกับกูมันซื้อรู้แล้วจะทำให้รู้ตัว
แต่นั้นมาข้าคนที่ใช้สอยก็ตำรอยตำมะรึงเพราะทำชั่ว
มันอพยพหลบหายไปหลายครัวควายวัวขโมยลักหักคอกไป
ทรัพย์สินลูกหนี้ก็หนีหายที่ค้าขายก็หามีกำไรไม่
ทั้งเมียงามก็หนีตามชายชู้ไปทั้งเก่าใหม่ไปหมดได้อดอาย
จะค้าบกตกเรี่ยก็เสียสูญกำไรทุนชาวป่าพาไปหาย
เข้าของเงินทองก็วุ่นวายมีผู้ร้ายตีชิงวิ่งเอาไป
ทรัพย์สินตั้งแต่จะบกพร่องเงินทองเหมือนกับปีกมันบินได้
มีแต่จะสูญหายละลายไปบ่าวไพร่แต่จะใช้ก็ไม่มี
ยังเหลืออยู่แต่ลูกสิบสองคนความกังวลแสนวิตกอกเศรษฐี
ทั้งข้าวปลาอาหารก็ไม่มีเชื้อผู้ดีตกยากลำบากครัน
จึ่งกระซิบปรับทุกข์กันเมียผัวจะเลี้ยงตัวทำไฉนอย่างไรนั่น
ลูกเราทั้งสิบสองคนนั้นจะผ่อนผันคิดอ่านประการใด
จะเข้าชื่อซื้อขายก็อายหน้าเขาจะค่อนนินทาไม่ปราศรัย
คนนับถือลือเลื่องกระเดื่องไปตัวเราไซร้มั่งมีมาครามครัน
จะตบแต่งให้ไปไม่มีทุนผู้ใดเล่าจะอุดหนุนให้เรานั่น
ทั้งสองคนตรองตรึกปรึกษากันจะคิดอ่านผ่อนผันกันอย่างไร
พรุ่งนี้พี่คิดจะไปสู่ป่าพาสิบสองธิดาไปจงได้
ปล่อยเสียในป่าพนาลัยจงหุงข้าวห่อไว้ให้จงดี
จะแจกให้คนละห่อพอแก้หิวอย่าบิดพลิ้วรั้งรอไม่พอที่
ไหรัญกระซิบสั่งกาญจนีแล้วโศกีรักลูกสิบสองคน
กาญจนีได้ฟังผัวสั่งเสียน้ำตาเรี่ยจากตาดังห่าฝน
คิดอาลัยพันผูกด้วยลูกตนสิบสองคนเจ้าจะไปไกลมารดา
โอ้สงสารแต่ลำเภาสุดท้องแม่ยังอ่อนแอเป็นเด็กเล็กหนักหนา
ขวัญข้าวเจ้าจะไปเสียไกลตามารดาเล่าก็แสนได้แค้นเคือง
ด้วยความจนบ่นร่ำทุกค่ำเช้าได้กินข้าวแต่ละมื้อก็คางเหลือง
จะหนักหน่วงห่วงเจ้าข้าวจะเปลืองจักยักเยื้องแยกเจ้าให้เข้าไพร
จึ่งตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจาขอเดชะเทพดาในป่าใหญ่
ช่วยคุ้มครองธิดาของข้าไซร้อย่าให้มีเหตุเภทภัยพาน
แต่ครวญคร่ำร่ำรักซึ่งบุตรีจนสุริย์ศรีจวนแจ้งแสงฉาน
เอารำเคล้าเข้าห่อมิทันนานเตรียมการคนละห่อพอครบคน
ห่อหนึ่งนั้นดีมีแต่ข้าวให้ลำเภาเอาไปกินเมื่อขัดสน
เศรษฐีจัดแจงแล้วแต่งตนแจงยุบลบอกลูกไปทันใด
วันนี้พ่อจะพาไปสู่ป่าเก็บพฤกษาหาฟืนตามแต่ได้
ด้วยจนยากลำบากเป็นพ้นไปจะแจกให้ข้าวห่อสิบสองคน
ทางก็ไกลไปมาถ้าค่ำคืนแม้นดึกดื่นจะต้องค้างกลางไพรสณฑ์
แล้วยื่นข้าวให้ทั้งสิบเอ็ดคนแต่ห่อหนึ่งไม่ปนให้ลำเภา
สิบสองคนคำนับรับข้าวห่อจึ่งถามว่าพ่อจะไปข้างไหนเล่า
ก็ตามแต่ปรารถนาบิดาเราสิบสองเจ้ามิได้ขัดหัทยา
เศรษฐีฟังลูกยาว่าทุกข์อกอย่าวิตกซึ่งจะไปที่ในป่า
ฤดูนี้ผลไม้สุกระย้าพฤกษาสารพันนั้นอุดม
ทุเรียนลำไยก็ดกดาษลางสาดทั้งลิ้นจี่ก็ิมีถม
ขนุนหนังทั้งมะดูกลูกมะยมอย่าปรารมภ์กรมใจในพงพี
ทั้งผักหญ้าหาง่ายบนชายเขาไปแต่เช้าเก็บมาให้ถ้วนถี่
ลวงลูกให้เร่งจรลีสิบสองนางฟังคดีก็ไคลคลา
ถือข้าวห่อที่ให้ตะพายหิ้วเมื่อยมือถือพลิ้วขึ้นใส่บ่า
ออกจากบ้านข้ามตะพานถึงทุ่งนาพ่อก็พาเข้าดงตัดพงไป
เดินในป่าพาลูกเข้าไพรชัฏจะกริ่งเกรงสิงสัตว์ก็หาไม่
เลี้ยวลัดดัดเดินดำเนินไปหวังจะให้ลูกหลงเที่ยววงเวียน
เวลาสายตะวันบ่ายสักน่อยหนึ่งบรรลุถึงภูผาศิลลาเลี่ยน
สะอาดตาสนุกดีเป็นที่เตียนไม่มีเสี้ยนหนามรกที่รึงรัง
เศรษฐีชวนลูกเต้าเข้าอาศัยก็ดีใจแล้วพากันมานั่ง
ร่มรื่นพื้นบนใบไม้บังพร้อมพรั่งพ่อลูกสิบสองคน
เห็นได้ที่เศรษฐีก็สั่งบุตรเจ้าจงหยุดอย่าไปในไพรสณฑ์
พ่อจะไปริมคีรีมีกังวลจรดลสักประเดี๋ยวเที่ยวหายา
สิบสองนางฟังพ่อเข้าล่อหลอกไม่รู้ว่าย้อนยอกแกล้งมุสา
นึกว่าพ่อไปแล้วจะกลับมาเหมือนสัญญาว่าจะจริงก็นิ่งไป
ฝ่ายเศรษฐีหนีลูกเข้าหลังเขาจากลำเนาพฤกษาลัดป่าใหญ่
กลับมาบ้านหายรำคาญสบายใจก็อยู่ในบ้านช่องแต่สองคน ฯ
◉ ฝ่ายสิบสองนารีที่อยู่ป่าครั้นบิดาจรไปในไพรสณฑ์
แต่คอยหาช้าไปให้กังวลดูแต่ต้นมรคาบิดาไป
ยิ่งคอยคอยก็ยิ่งหายจนสายเที่ยงฟังเสียงไม่ได้ยินถวิลไห้
หวั่นหวาดประหลาดจิตเห็นผิดใจพากันไปเที่ยวหาบิดาตัว
เที่ยวสอดเสาะทุกละเมาะลำเนาไม้ในพงไพรพลบมืดขมุกขมัว
ก็หวั่นไหวใจหวามด้วยความกลัวกายระรัวร้อนเร่าให้เปล่าตา
เห็นไม้ไหวแลไปคิดว่าพ่อไม่รั้งรอกู่ก้องตะโกนหา
เข้าใกล้ได้ยินเสียงสกุณาก็โศกาพากันเที่ยวสัญจร
จนเสียงแห้งแรงอ่อนเห็นรังใหญ่มีเพิงผาอยู่ใต้ร่มสิงขร
หยุดประทับยับยั้งด้วยแรงร้อนระอาอ่อนหวยระหายเพียงกายปลิว
แสบท้องเหลือทนจนใจพ่อแก้ข้าวห่อออกมาเพลาหิว
เห็นแต่รำห่อมากับปลาซิวมีแต่ผิวหนังปลาให้หมากิน
สิบเอ็ด[2]นางอย่างจะเด็ดชีวิตดับโอ้อาภัพจริงจริงทุกสิ่งสิ้น
แม่เจ้ากรรมทำได้ช่างให้กินก็ทิ้งข้าวลงดินทุกนารี
ฝ่ายลำเภาแก้ข้าวของตัวเล่าก็เห็นข้าวเต็มห่อจึงเรียกพี่
มากินข้าวห่อฉันนั้นข้าวดีตามแต่มีพี่น้องต้องปันกัน
นางลำเภาจัดแจงแบ่งข้าวห่อให้แต่พอแก้จนคนละปั้น
พอกลั้วลิ้นกินข้าวได้เท่ากันพอแรงนั้นชุ่มชื่นคืนยินดี
ครั้นโพล้เพล้สนธยาเพลาค่ำสิบสองคนบ่นพร่ำจนถ้วนถี่
ก็รู้ว่ามารดาของข้านี้ใจไม่ดีลำเอียงไม่เที่ยงธรรม์
เราได้กินแต่ข้าวลำเภาให้พอชื่นใจจึ่งไม่ม้วยชีวาสัญ
บิดาช่างกระไรใจฉกรรจ์มาบากบั่นทิ้งลูกผูกเวรา
ทั้งพี่น้องร้องไห้ไม่วายโศกแสนวิโยคต่างตนก็บ่นบ้า
ชะรอยเวรากรรมได้ทำมาบิดาพามาทิ้งเพราะชิงชัง
ถึงยากง่ายเอาไปขายก็ไม่ว่าจะแทนคุณบิดามารดาบ้าง
มาทอดทิ้งเราได้ไม่อินังพ่อก็ช่างตัดได้ไม่กลัวกรรม
โอ้อกเอ๋ยพี่น้องสิบสองหญิงอนาถจริงใครเล่าจะอุปถัมภ์
จะตายด้วยสัตว์ร้ายกายระยำมืดค่ำแล้วจะไปข้างไหนนา
นางลำเภาจึ่งว่าไปทันใดเราอาศัยนอนที่นี่ดีหนักหนา
ต่อรุ่งรางสางแสงพระสุริยาจึ่งค่อยพากันจรซอกซอนไป
พูดกันพลางทางชวนกันนิทราเอนกายาลงระงับก็หลับใหล
ด้วยอารักษ์คุ้มครองป้องกันไว้หวังมิให้สัตว์ร้ายมาบีฑา
ครั้นแสงทองส่องฟ้าเวหาหนสิบสองคนออกจากร่มพฤกษา
ไก่ขันสนั่นไพรไหววิญญาคิดถึงแม่แลหาให้อาดูร
จนซูบผอมผิดศรีฉวีวรรณทั้งผิวพรรณงามโฉมก็โทรมสูญ
คิดถึงพ่อก็ให้แค้นแสนอาดูรให้เพิ่มพูนถวิลทุกข์ทุกเวลา
ได้ยินเสียงสกุณีร้องมี่ก้องชะนีเหนี่ยวไม้ร้องร้องเรียกหา
ให้ฉุนเฉียวเฉลียวคิดถึงมารดาอนิจจาเคยอยู่บ้านสำราญใจ
อกเอ๋ยไม่เคยมาตกยากแสนลำบากเคืองเข็ญเป็นไฉน
ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ฉุกใจทั้งสิบสองทรามวัยก็โศกี ฯ
             

◉ ครั้นค่อยคลายหายโศกกันแสงศัลย์ก็พากันจรไปในไพรศรี
เจ็บบาทาค่อยย่องจ้องจรลีแรงไม่มีอ่อนใจไปโซเซ
อดอาหารโหยหาหิวหน้าแห้งจนสิ้นแรงผอมไผ่ใจโผเผ
ไม่รู้แห่งตำแหน่งไหนให้โลเลคิดระเหระหนหาอาหารกิน
ชวนกันมองตามช่องระหว่างผาแสวงหาลูกไม้ดังใจถวิล
หิวระหวยฉวยอะไรได้ก็กินพอกลั้วลิ้นเลี้ยงท้องสิบสองนาง
จะกลับหลังตั้งหน้าคืนมาบ้านก็บันดาลเดินหลงเข้าดงกว้าง
ปรึกษากันพี่น้องสิบสองนางเราหลงทางแล้วจะไปข้างไหนดี
นางลำเภาสาวน้อยจึ่งค่อยว่าจะตั้งหน้าไปข้างไหนไปเถิดพี่
คงจะพบเรือนเหย้าชาวบุรีพอเป็นที่อาศัยในบ้านคน
เมศราว่าจริงแล้วนะแม่จะท้อแท้ทำไมไม่เป็นผล
ชีวิตเราพี่น้องสิบสองคนจะปี้ป่นตายเป็นก็เป็นไป
พูดกันพลางทางเดินเข้าเนินผาพากันมาเลี้ยวลัดตัดไศล
หนามเกี่ยวเลือดย้อยเป็นรอยไปรีบคลาไคลตามแถวแนวอรัญ
อุตส่าห์เดินเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าสร้อยตะวันคล้อยลงแล้วรีบผายผัน
ทั้งสิบสองกัลยาก็จรจรัลบรรลุถึงสวนขวัญเข้าทันที
ขนุนหนังลางสาดมะตาดต้องพลับพลองลำไยกล้ายลิ้นจี่
มังคุดพุทราพะวาดีกล้วยตานีหักมุกลูกอัมพา
ใต้ต้นเตียนสบายทรายสะอาดรุกขชาติงามล้ำดังเลขา
เหมือนไม้ฉากหลากผลหล่นลงมาเกลื่อนสุธากลาดกลิ้งทิ้งลงดิน
สวนนั้นของนางอสุรีนามบูรีทานตะวันทิศทักษิณ
นางสุนนทามารอสุรินท์เป็นปิ่นเกล้ายักษาในธานี
ประกอบด้วยกำพตวิเศษมนต์ถกลทิพโอสถภิเษกศรี
จะประสงค์สิ่งใดในธรณีก็ได้ด้วยฤทธีวิเศษมนต์
ถึงพระพายพานพัดขจัดกล้าจะห้ามว่าอย่าให้พัดในเวหน
ก็สมใจห้ามได้ดังเล่ห์กลมนต์นั้นเรียนได้จากพระมารดา
ครั้นสิ้นบุญบิตุเรศชนนีได้ปกป้องครองบูรีแห่งยักษา
ไร้คู่อยู่เดียวเปลี่ยวกายาครองประชาราษฎรไม่ร้อนรน
วันหนึ่งรำพึงด้วยสมบัติโทมนัสคิดไปในนุสนธิ์
จะหาบุตรสุดรักนิฤมลอันถกลตระกูลประยูรวงศ์
อันตัวกูไร้คู่เสน่หาจะใคร่ได้ธิดาดังประสงค์
หมายจะให้อยู่ครองสนององค์ควรตำรงนคเรศอสุรี
จึ่งออกนั่งยังท้องพระโรงรัตน์พร้อมขนัดเสนางค์ของยักษี
จึ่งสั่งสิทธิกรรม์ด้วยทันทีกูนี้จะไปเที่ยวในชมพู
จงรักษาธานีอยู่ข้างหลังกูกลับวังอย่าเอาร้ายมาป้ายหู
จงกำชับป้อมรายแลค่ายคูอย่าให้ศัตรูมาบีฑา
หนึ่งสวนแก้วอุทยานสำราญยศปรากฏพระราชพฤกษา
มะม่วงหาวมะนาวโห่อันโอฬาร์เกิดสำหรับพาราเป็นเสี่ยงทาย
แต่ดอกใบนั้นอย่าให้ใครจับต้องจะเกิดกองทุกข์เข็ญเป็นเหลือหลาย
ใครเข้ามาจับฆ่าเสียให้ตายเร่งบาดหมายตรวจดูอยู่ระวัง
สิทธิกรรม์รับสั่งอาญาสิทธิ์จึงเขียนหมายไปปิดตามรับสั่ง
สุนนทากลับเข้านิเวศวังทรุดนั่งยังแท่นรัตนา
สาวสรรยักษีพนักงานหมอบกรานชะเง้อเสนอหน้า
คอยฟังรหัสดูอัชฌาจะตรัสด้วยกิจจาประการใด ฯ
◉ นางสุนนทามารยักษีแต่งองค์เทวีหาช้าไม่
ทรงภูษาผืนแดงดังแสงไฟฉลององค์เข้มขาบไหมดูเพราพราย
สิบนิ้วสอดทรงธำมรงค์รัตน์สังวาลสร้อยสายสะพัดจำรัสฉาย
เข็มขัดเพชรลงยาพรรณรายสไบลอยดอกลายเครือวัลย์
โขมพัสตร์กระหวัดเวียนพระเศียรสมคาดนมตะแบงมานดูแข็งขัน
ทรงกำพตยศไกรดังไฟกัลป์จรจรัลจากปรางค์ย่างกราย
โอมอ่านมหาจินดาเวทบันดาลเหตุเหาะขึ้นเวหาหาย
เฉียวฉิวปลิวไปด้วยพระพายผันผายเผ่นฟ้าจากธานี
เที่ยวไปทุกประเทศเขตพิภพจบเมืองในทวีปชมพูศรี
เล็ดลอดสอดดูทุกบูรีหวังจะหาสามีแนบนอน
บ้านน้อยเมืองใหญ่ก็ไปจบไม่พานพบบุตรีสโมสร
ก็เผ่นฟ้าผ่าเมฆบทจรถึงนครจำปากบูรีรมย์
เห็นภูมิฐานบ้านเมืองนั้นมั่งคั่งเวียงวังดูอร่ามงามสม
คำนึงในฤทัยดังนิยมว่าเมืองนี้อุดมเจษฎา
ชะรอยว่ากษัตริย์สุริยวงศ์สูงส่งปรากฏมียศถา
จำกูจะไปทอดทัศนาในมหาปราสาทราชวัง
แม้นกษัตริย์ผู้ครองเมืองนี้สำอางองค์ทรงศรีเปล่งปลั่ง
จะพาไปพิศมัยในบูรังครองนิเวศเขตวังของเรา
คิดแล้วนางมารก็ลินลาศผันผาดเข้าแอบอยู่เงื้อมเขา
พักผ่อนหายร้อนค่อยบรรเทาพอพลบค่ำจึ่งจะเข้าไปในบูรี ฯ
◉ จะกล่าวถึงบรมพรหมทัตผ่านสมบัติจำปากบูรีศรี
แสนสุดสุขกระเษมเปรมปรีดิ์ในจำปากบูรีพระนคร
เกศินีที่เป็นอัครชายาก็ประสูติธิดาสายสมร
รูปโฉมโนมพรรณนางบังอรอรชรจิ้มลิ้มพริ้มพักตรา
แต่อายุหกเดือนกับเจ็ดวันนางจอมขวัญแสนโสมนัสสา
รักใคร่ในบุตรสุดปัญญาดังดวงตาของชนกชนนี
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมก็พรั่งพร้อมห้อมล้อมถนอมเลี้ยงนางโฉมศรี
จัดแจงอู่ทองล้วนของดีให้มารศรีบรรทมสำราญใจ
พระพี่เลี้ยงนางนมคอยเห่ช้าจวนเวลาก็มาพร้อมล้อมไสว
เห่กล่อมแซ่เสียงสำเนียงไปอยู่ในห้องแก้วแพรวพรรณ
เมื่อจะเกิดเหตุเภทภัยพาลให้บันดาลให้สงัดเงียบทั้งไอศวรรย์
พลบค่ำสนธยาสายัณห์พวกรักษาหน้าที่นั้นก็กองไฟ
นายประตูผู้รักษาพระทวารก็ลั่นดาลแน่นหนาหาช้าไม่
บ้างตีฆ้องกองเกณฑ์ตระเวนไปรอบในนคเรศเขตธานี ฯ
◉ จะกล่าวถึงนนทา[3]สุรามารเข้าแอบอยู่ที่ชานบุรีศรี
พอพลบค่ำสนธยาราตรีอสุรีแอบย่องไปมองดู
คิดแล้วร่ายมนต์อันศักดิ์สิทธิ์สะกดจิตโยธาทุกหมวดหมู่
ให้รี้พลล้อมวังนั่งประตูมิให้รู้สึกสมประดี
ก็ค่อยย่องเข้าไปในปราสาทองอาจดุจนางราชสีห์
ร่ายเวทวิเศษประสิทธีทวาราวดีประสาทนาง
ก็แย้มชักสลักหลุดผลุดเผลาะสะเดาะห้องหอรีและหอขวาง
ประทีปแจ้งแสงส่องทุกห้องนางแจ่มกระจ่างดังว่าทิวาวัน
นางมารทัศนาในปราสาทโอภาสเครื่องแต่งแสงฉัน
เตียงตั้งแท่นแก้วแพรวพรรณล้วนสุวรรณเลขาศิลาพราย
นางสนมสมบูรณ์จำรูญโฉมงามประโลมล้ำเลิศเฉิดฉาย
อสุรียลยิ้มพริ้มพรายแล้วผันผายเข้าในห้องกระษัตรา
เห็นอู่ทองรองนางกุมารีมีพี่เลี้ยงทั้งสี่อยู่ซ้ายขวา
นางก็เร่งพิศวงด้วยสงกาเข้ามาแลดูอยู่ช้านาน
เห็นบุตรีกรุงกระษัตริย์สุริยวงศ์ประทมในอู่ทรงน่าสงสาร
พักตรากายาเยาวมาลย์เปรียบปานทองแท่งธรรมดา
นางยิ่งดูไปใจยิ่งรักวรพักตร์ดังเทพเลขา
แล้วโอบอุ้มจุมพิตพระธิดาขึ้นไว้แอบอุราอสุรี
ก็บังเกิดน้ำนมพรมหยดปรากฏจากถันของยักษี
ด้วยกุศลหนหลังกุมารีเคยเป็นบุตรีสุนนทา
กุมารีอ้าอมนมเสวยดื่มเลยมิได้คลายโอษฐา
กรกำขยำนมอสุรานางมารจินตนาด้วยยินดี
รักเหมือนธิดานั้นมาเกิดกำเนิดจากครรภ์ของยักษี
คำนึงในฤทัยอสุรีกูนี้จะพาพระธิดา
ไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม์ครอบครองเขตขันธ์ด้วยหรรษา
ทั้งโภไคยไอศูรย์สวรรยากูมรณาจะได้สืบสุริย์วงศ์
จึ่งร่างสารศุภลักษณ์เป็นอักษรโดยสุนทรเรื่องความตามประสงค์
หวังจะให้กรุงกระษัตริย์สุรีวงศ์ที่เป็นองค์ชนกชนนี
ในลักษณ์นั้นว่าสุทามาร[4]เป็นปิ่นผ่านทานตะวันบุรีศรี
อย่าให้บิตุรงค์ทรงโศกีทุกข์ทวีเทวษเศร้าถึงลูกยา
เราไร้ภัสดาและบุตรีจะขอไปไว้เป็นที่เสน่หา
ทั้งโภไคยไอศูรย์สวรรยาจะมอบให้ธิดาทั้งธานี
ครั้นจารึกราชสารลงลานแล้วนางมารผ่องแผ้วกระเษมศรี
แขวนไว้ที่อู่ทองมณีอสุรีอุ้มนางเหาะไปพารา
ลอยคว้างมากลางเวหาหนสุริยนแจ่มแจ้งพระเวหา
เชยชมมาพลางกลางเมฆาดุจกาคาบแก้วกระพือบิน
คว้างคว้างมากลางเวหาหาวก็ถึงด้าวแดนมารสถานถิ่น
เหาะลงปรางค์ปราในธานินทร์ก็ลินลาศเข้าสู่ปราสาทไชย ฯ
◉ จะกล่าวถึงพี่เลี้ยงทั้งสี่ซึ่งรักษาบุตรีในกรุงใหญ่
ครั้นรุ่งแสงสุริโยอโณทัยแลไปไม่เห็นพระบุตรี
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหายวุ่นวายบอกกันอยู่อึงมี่
ว่าองค์พระราชกุมารีประทมอยู่ในที่พระอู่ทอง
หายไปไม่เห็นเหตุไฉนต่างต่างตกใจให้หม่นหมอง
บ้างข้อนทรวงโศกาน้ำตานองทั้งกลัวตัวจะต้องพระอาชญา
สาวสนมกำนัลทุกหมวดหมู่ค้นคว้าหาดูเป็นหนักหนา
ทุกห้องหับสับสนเที่ยวค้นคว้าบ้างบ่นว่าน่าอัศจรรย์ใจ
บ้างก็ว่าถ้าไม่ได้พระบุตรีเห็นชีวีเรานี้จะตักษัย
บ้างบนบานศาลกล่าวกันวุ่นไปถวายพวงมาลัยสักสิบพวง
แล้วแยกย้ายรายกันเที่ยวค้นคว้าทุกห้องหับกัลยาพวกข้าหลวง
ไม่พานพบบุตรีธิดาดวงบ้างข้อนทรวงมาทูลพระชนนี
ว่าองค์พระธิดาดวงใจประทมในอู่ทองผ่องศรี
หายไปในราษราตรีเมื่อใกล้ศรีสุริโยอโณทัย ฯ
◉ ปางองค์อัคเรศเกษณีแจ้งคดีกัมปนาทหวาดหวั่นไหว
ดังพระกาลผลาญชีพให้บรรลัยมาเด็ดเอาดวงใจไปจากองค์
ทั้งพระจอมจำปากกรุงกระษัตริย์แจ้งอรรถแล้วรำพึงตะลึงหลง
เหตุไฉนใครหนอช่างตัวยงมาลักองค์พระธิดากูพาไป
จะว่าเป็นศัตรูมาดูถูกลักลูกเช่นนี้หามีไม่
จึ่งชวนเหล่าสาวสรรกำนัลในมาจะลงไปดูให้รู้การ
ตรัสพลางทางเสด็จจรลีกับองค์มเหสียอดสงสาร
ครั้นเข้าใกล้แลไปเห็นใบลานก็ยื่นหัตถ์หยิบมาอ่านด้วยทันใด
ครั้นประจักษ์เรื่องสารในอักษรนรินทรเสื่อมคลายหายสงสัย
แล้วออกข้างหน้าหาโหรมาทันใดภูวไนยจึ่งแจ้งแห่งเหตุการณ์
แล้วซักถามโหราพฤฒาเฒ่าว่าลูกเราหายไปไกลสถาน
อันสาราจารึกในใบลานว่าขานเท็จหรือจริงยังกริ่งใจ
จงทายทักให้ประจักษ์ตามรู้เห็นว่าตายเป็นจงแจ้งแถลงไข
ฝ่ายโหรกราบก้มบังคมไทเข้าใจจับกระดานมาหารคูณ
เอาปุตตะมาบวกด้วยชันษาเอาสามมาบวกเหตุเป็นเศษศูนย์
ที่ชันษาพระธิดานั้นสมบูรณ์ราศีร่วมเค้ามูลกับชะตา
เหตุด้วยพระเสาร์มาเล็งลัคน์แจ้งประจักษ์แล้วหมอหัวร่อร่า
จึ่งกราบทูลความตามตำราพระอาชญาสุดแต่จะโปรดปราน
นี่หากว่าพระธิดามารับเคราะห์ดังสะเดาะทุกข์โศกจากสถาน
ถ้าหาไม่ก็จะได้ความรำคาญพระภูบาลจะต้องไปจากพารา
หญิงกาลกิณีมาต้องมูลจะอาดูรด้วยหญิงมารสา
บุตรนั้นเป็นศรีทับจรมาร่วมราศีกันทันนาที
นางมารจึ่งได้เห็นแต่พระหน่อถ้าเห็นพ่อสุนนทาจะพาหนี
ลูกหายทายว่าพระเคราะห์ดีพระภูมีอย่าทรงพระอาลัย
แต่ชันษาพระธิดานั้นดีนักจะมีศักดิ์สมปองครองมไห
จะเลื่องชื่อลือตระหลบภพไตรแจ้งพระทัยอย่าได้ทรงวิตกเลย
มเหสีฟังโหรมาทายทักไม่ประจักษ์ถามโหรว่าตาเอ๋ย
ลูกหายทายว่าดีข้ามิเคยกรรมเอ๋ยไม่เคยฟังเลยอย่างนี้
หมอทูลตามสนองให้ต้องกิจมันลักผิดไปดอกนะพระโฉมศรี
ถ้าลักถูกก็จะพาพระสามีเกิดกุลีวุ่นวายทั้งเวียงไชย
ไพร่บ้านพลเมืองจะเคืองแค้นพระแม่เจ้าก็จะแสนกระมลไหม้
อย่าเศร้าสร้อยโศกาให้อาลัยจงหักใจเสียเถิดพระทรงธรรม์
สองพระองค์ทรงฟังตาโหรเฒ่าที่โศกเศร้าเสื่อมหายคลายกระศัลย์
พระราชทานเงินทองของรางวัลแพรพรรณเสื้อผ้าให้อาจารย์
เถลิงศกปีใหม่เกษณีก็ประสูติบุตรีเมื่อปีขาล
งามพริ้งยอดสุดาพารามาลย์เหมือนนงคราญโฉมฉายที่หายไป
จึ่งให้นามตามวงศ์พระมารดาชื่อเกษณีแก้วผกาอันผ่องใส
แสนถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้สำราญใจกระเษมสุขอยู่ในวัง ฯ
◉ จะกล่าวถึงสุนนทาอสุรีถึงปราสาทแล้วมีบัญชาสั่ง
ให้ชาวแม่และสนมกรมวังอีกทั้งชาวสะดึงที่ตัวดี
ชาวพระคลังวิเสทข้างฝ่ายในให้ไปเบิกโขมพัสตร์อันรังสี
เย็บยี่ภู่ทรงองค์เทวีสำหรับที่ลูกหลวงจะบรรทม
ให้ช่างทองกรองอู่สุวรรณมาศงามประหลาดด้วยมณีล้วนศรีสม
พระพี่เลี้ยงขอเฝ้าแลเจ้ากรมนางนมขับกล่อมพร้อมมากมี
ฟักฟูมอุ้มเสวยให้บรรทมเชยชมพระธิดามารศรี
ขนานนามกัลยาว่าเมรีจำเริญศรีวัฒนาสถาพร
ชันษาเจ็ดปีมีศักดิ์สารพัดรู้หลักเขียนอักษร
สุนนทาเชยชิดสนิทนอนไม่เจียรจรไปจากพระธิดา
ยามเสวยกระยาหารทุกเช้าค่ำเสวยน้ำเมรัยด้วยหรรษา
ดังดวงใจของนางสุนนทาสุดแสนเสน่หาพันทวี ฯ
◉ จะกลับกล่าวจับเรื่องสิบสองนางหลงทางอยู่ในสวนของยักษี
เที่ยวชมผลพฤกษาบรรดามีไม่รู้ว่าสวนศรีของนางมาร
เห็นพฤกษาผลาผลนั้นสุกสดปรากฏงามไสวทั้งใบก้าน
บ้างทรงผลหล่นกลาดดาษดินดานงามตระการรื่นเริงบันเทิงใจ
บ้างเก็บผลไม้ลูกที่สุกสดอร่อยรสโอชาจะหาไหน
ชวนกันกินเล่นสำราญใจเที่ยวชมพรรณมิ่งไม้มีหลายพรรณ
เห็นสระศรีมีอยู่ที่กลางสวนก็ชวนกันลงอาบกระเษมสันต์
ด้วยร้อนรนกระวนกระวายมาหลายวันค่อยกระสันชื่นบานสำราญใจ
แล้วขึ้นจากสระศรีมิทันช้าเที่ยวชมพรรณพฤกษางามไสว
เห็นมะม่วงพวงงามอร่ามไปมะนาวใหญ่เคียงอยู่เป็นคู่กัน
สิบสองนางต่างคนเข้าน้าวกิ่งแย่งชิงกันเก็บแล้วสรวลสันต์
หักมะม่วงพวงงามอร่ามครันลางคนนั้นหักมะนาวลงก่ายกอง
ต้นมะม่วงร่วงแล้วก็ร้องหาวผลมะนาวลูกโตก็โห่ก้อง
เสียงสนั่นลั่นป่าดังฟ้าคะนองโห่ร้องสนั่นดังทั้งกรุงไกร
ฝ่ายพวกพลมารที่อยู่เฝ้าก็บอกกล่าวต่อกันอยู่หวั่นไหว
พลเมืองเล่าลือกันอื้อไปตกใจตื่นวิ่งเป็นสิงคลี
บ้างก็เข้าไปแจ้งซึ่งยุบลแก่สุนนทามารยักษี
ว่าต้นไม้เสี่ยงทายพระบูรีเผอิญมีเสียงโห่เป็นโกลา
สุนนทามารครั้นได้ฟ้งให้แค้นคั่งขัดใจเป็นนักหนา
ฉวยกำพตเพชรรัตน์อันศักดานางมารรีบมาอุทยาน
ถึงสวนด่วนเข้าไปด้อมมองเห็นสิบสองกัลยาสนุกสนาน
สอยมะม่วงพวงหล่นลงดินดานนางมารโกรธานัยน์ตาแดง
ร้องตวาดด้วยเสียงสำเนียงดังอุเหม่มึงโอหังช่างขันแข็ง
ล่วงลัดตัดทางมากลางแปลงเข้าถึงแขวงแว่นแคว้นแดนของกู
จะจับฟัดกัดกินให้สิ้นซากพลางสำรากคุกคามตะคอกขู่
อีหน้าเป็นจะได้เล่นกันกับกูว่าแล้วโจมจู่เข้าจับนาง
สิบสองคนใจพรั่นขวัญหายดังชีวิตจะละลายไปจากร่าง
ร้องกราดกรีดหวีดผวาเที่ยวหาทางหนีนางอสุรีไม่มีใจ
ฝ่ายเทพอารักษ์นิโครธนั้นอยู่ป้องกันสายสวาทไม่ขาดได้
กำบังตาสุนนทาเสียทันใดมารมิได้เห็นนางสิบสองคน
ทั้งสิบสองหนียักษ์เข้าป่าใหญ่ซอกซอนซ่อนไปในไพรสณฑ์
มารไม่เห็นเผ่นเหาะขึ้นนภภนเทพดลใจมารทะยานไป
สิบสองคนแสนกลัวตัวสั่นเหลือกลัวเสือก็หากลัวเหมือนยักษ์ไม่
เที่ยวบุกรกด้นดั้นพากันไปหนามไหน่เกี่ยวยับเลือดซับกาย
จูงมือกันพลางทางบ่นว่าเห็นไม่รอดชีวาอย่าพักหมาย
เราพี่น้องครั้งนี้ถึงที่ตายจะวอดวายเป็นเหยื่ออสุรี
จึ่งตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจาขอเดชะเทพดาทุกราศี
อันตัวข้าทั้งสิบสองพี่น้องนี้แม้ถึงที่มรณาไม่อาลัย
แม้นไม่ถึงที่ตายวายชนม์ขอให้พ้นมือมารไปจงได้
เสร็จตั้งจิตพิษฐานด้วยทันใดพอเกือบใกล้สถานท่านโยคี
นางลำเภาบอกพี่สาวโน่นอะไรมีเสาหงส์ธงใหญ่ตรงนี้นี่
ครั้นมาใกล้แลไปเห็นกุฎีอารามกลัวอสุรีวิ่งพัลวัน
วันนั้นพระสิทธาเธอกวาดลานทั้งสิบสองเยาวมาลย์รีบผายผัน
วิ่งเข้ากอดบาทพัลวันโปรดดีฉันช่วยชีวิตไว้เอาบุญ
พระสิทธาตาไม่เห็นเอามือป้องแล้วแกร้องว่าอะไรออกว้าวุ่น
มายื้อยุดฉุดกูออกชุลมุนนี่เกิดขุ่นขึ้นอย่างไรไปไหนมา
ทั้งสิบสองกัลยาก็ทูลไขอีนางยักษ์มันจะไล่พิฆาตฆ่า
พระมุนีนึกสมเพชเวทนาอียักษาตาจะช่วยอย่ากลัวมัน
สุทามารทะยานขึ้นบนอากาศผิดประหลาดไม่แลเห็นเป็นแม่นมั่น
กลับลงมายังพี้นสุธาพลันผายผันเล็งแลไปแต่ไกล
เห็นนางเข้าไปอยู่ที่สิทธาแล้วร้องว่าจะพ้นมือหรือไฉน
พระอาจารย์เห็นอีมารก็ขัดใจเอาไม้กวาดแกว่งไปต่างกระบอง
แล้วก็ร้องว่าเหม่อีนางมารอหังการดูถูกทำจองหอง
อวดศักดากล้าหาญพาลคะนองกูจะลองให้เห็นฤทธิ์อันเกรียงไกร
แล้วอ่านมนต์คาถามหาเวทอันวิเศษเลิศล้ำในต่ำใต้
เอาไม้กวาดฟาดหวดแล้วแกว่งไปเป็นเปลวไฟไล่ล้างอีนางมาร
สุนนทาเห็นไฟมาไล่รุกก็หนีบุกซุกไปในไพรสาณฑ์
แล้วรีบเหาะหนีตะลีตะลานไปยังเนินจักรวาลด้วยทันใด
พระอาจารย์จึ่งบรรหารสารสนองนี่ถิ่นฐานบ้านช่องเอ็งอยู่ไหน
จึ่งพากันซอกซอนสัญจรไพรอีมารไล่วิ่งกระจัดซัดเซมา
สิบสองนางพลางทูลสนองไขจึ่งเล่าความหลังไปไม่กังขา
ด้วยแสนยากสุดจนพ้นปัญญาบิดาพามาปล่อยเสียในไพร
จึ่งหนียักษามาพบพระอัยการอดชีวาเพราะพระคุณช่วยไว้ได้
ถ้าหาไม่ชีวันคงบรรลัยจงทราบใต้เบื้องบาทบทมาลย์ ฯ
             

◉ พระสิทธาฟังว่าน่าสมเพชสิบสองร่วมบิตุเรศกันฤๅหลาน
ล้วนสาวสาวรุ่นราวคราวกระการมาบันดาลเกิดเข็ญเป็นทุกข์ภัย
แล้วหลับเนตรสำรวมฌานญาณกิจก็ทราบกิจเรื่องหลังครั้งไหนไหน
เห็นประจักษ์แจ้งสิ้นไม่กินใจแล้วปราศรัยว่าชะตายังร้ายครัน
ถูกเมื่อสดายุนั้นปีกหักแทบจักสิ้นชีวาอาสัญ
จะอยู่ด้วยกับตาลำบากครันไม่ต้องด้วยทางธรรม์ซึ่งชีไพร
แล้วหยิบเอาพฤกษาโอชารสอันปรากฎลูกส้มมะยมใหญ่
ขนุนหนังทั้งทุเรียนลูกลำไยเฟืองไฟลูกตะโกล้วนโอชา
จึ่งชวนกันกินเถิดให้สำราญพอชื่นบานผลไม้ของในป่า
สิบสองนางพลางกินของสิทธาเสร็จแล้วก็พากันกราบกราน
ว่าพระคุณเลิศลบจบธาตรีไม่มีผู้ใดเปรียบเสมอสมาน
ขอหยุดพักสักเพลาราตรีกาลต่อรุ่งแจ้งสุริฉานจะกราบลา
ว่าพลางเหลียวดูทินกรศศิธรลับไม้ไพรพฤกษา
พระอาจารย์ชี้บอกกับกัลยาศัลลาโน่นเปล่าอยู่จงไปนอน
ทั้งสิบสองก็ชวนกันไคลคลาเข้านอนในศัลลาสโมสร
ครั้นรุ่งรางสางแสงทินกรบังอรล้างหน้าด้วยทันใด
แล้วกราบลาอาจารย์ผู้ชาญเวทพระเดชนั้นล้นเกล้าจะหาไหน
หลานจะลาซอกซอนสัญจรไปตามกุศลทำไว้ได้สร้างมา
พระอาจารย์จึ่งว่าหลานนี้เคราะห์ร้ายยังมากมายหลายอย่างไปข้างหน้า
จะเวียนทุกข์เวียนสุขอยู่ไปมาต่อเดือนห้าปีเถาะสิ้นเคราะห์ร้าย
จงไปเถิดทางเฉลียงเฉียงอิสานจะพบพานบ้านเมืองได้สมหมาย
หลานจงเร่งระมัดระวังกายถึงได้ดีแล้วจะกลายเมื่อปลายมือ
แล้วให้พรถาวรสวัสดีจงเป็นที่ประชาชนคนนับถือ
ปรากฏเกียรติยศให้เลื่องลือให้มีชื่อรุ่งสราญกระการไป
สิบสองนางกราบก้มบังคมคัลก็โศกศัลย์โศกาน้ำตาไหล
พากันจรดลด้นดั้นไปลุถึงกรุงไกรนครา
มาพบต้นพระไทรใบดกคิดวิตกกลัวยักษ์อยู่หนักหนา
ใต้ต้นไทรแลโล่งไม่ลับตาจะอยู่อาศัยนั้นไม่กันภัย
เห็นสระน้ำอยู่ใต้พระไทรนั้นวารีสีสันสะอาดใส
จะซ่อนยักษ์จักหนีอยู่ที่ใดอโณทัยก็ใกล้จะสนธยา
เห็นโพรงไทรนั้นอยู่ที่โคนต้นชอบกลที่นี่ดีหนักหนา
ก็ชวนกันเข้าในโพรงนิโครธานิทราอาศัยอยู่ในนั้น
กายสั่นรันรัวจนตัวแข็งน้ำลายแห้งอกใจไหวหวั่น
ครั้นรุ่งแจ้งแสงศรีระวีวันนึกพรั่นกลัวยักษ์นั้นเหลือใจ
เห็นมนุษย์นิกรที่เดินหนตามถนนยุรยาตรไม่ขาดได้
ก็คลางแคลงแหนงคิดด้วยกลัวภัยไม่ไว้ใจกลัวอียักษ์มันมักแปลง
นางลำเภากัลยาว่ากับพี่อยู่ที่นี่คับแคบจะแอบแฝง
แม้นใครมาเห็นหน้าจะระแวงด้วยที่แจ้งไม่มีที่กำบัง
ท่าบนพระไทรใบหนาจะบังตาผู้ตนอยู่ได้บ้าง
พี่สาวทั้งนั้นครั้นได้ฟังเห็นจริงจังด้วยน้องว่าต้องใจ
ก็ชวนกันปีนป่ายตะกายเกาะค่อยละเลาะมือกุมเอาปุ่มได้
ทะยานยุดฉุดก้านย่านกิ่งไทรพลิ้วไพล่ขึ้นบนกิ่งพิงกายา
ใบปกดกมิดสนิทนั่งปิดบังตาคนบนสาขา
สิบสองนางเยี่ยมยลคนไปมาอยู่บนต้นนิโครธาระงับกาย ฯ
◉ จะจับเรื่องสาวสาวชาวในวังครั้นราตรีตีระฆังก็ใจหาย
จวนจะแจ้งแสงตะวันพรรณรายฟื้นกายเรียกกันสนั่นไป
ต่างนางต่างตื่นยืนหยิบขันล้างหน้าที่ชั้นหน้าต่างใหญ่
เช็ดหน้าเสร็จแล้วมาเช็ดไรหวีไม้มะกรูดดีหวีผมงาม
จับกระเหม่าดำขลับกำชับผมแป้งประสมผัดพักตร์ชักมะขาม
ส่องกระจกดูเงาเห็นพองามนุ่งเขียวครามงามล้ำพอขำคม
สีขี้ผึ้งกินหมากให้ปากแดงจัดแจงเลือกขาวม้าเอามาห่ม
สะแบงมานให้สนิทปิดเนื้อนมจับกะละออมกลมขึ้นใส่เอว
บอกกันว่าจะไปตักน้ำจืดไปแต่มืดถ้าไม่ทันพากันเหลว
เรียกเตือนเพื่อนว่ามาเร็วเร็วจะไปเหวไปสระจะช้าไป
ต่างคนสับสนไปเป็นยืดแต่เช้ามืดก็ถึงสระพระไทรใหญ่
ต่างคนตักน้ำสำราญใจเต็มกระออมแล้วก็ไปเข้าในวัง
แต่นางหนึ่งเกียจคร้านพาลจะเชือนเที่ยวแวะนั่งไม่ทันเพื่อนอยู่ล้าหลัง
ฉวยกระออมลงจ้องละล้าละลังเงาหัวตัวบังที่เงาไทร
แลเห็นเงานางลำเภาอยู่ในน้ำงามประเสริฐเลิศล้ำในต่ำใต้
พักตราเป็นนวลน่ายวนใจคำนึงในเงาเขาว่าเงาตัว
จึ่งรำพึงว่ากูงามถึงเพียงนี้เป็นสาวมาสิบห้าปีไม่มีผัว
น่าแค้นแสนระคายนายของตัวใช้ให้กูอยู่ที่ครัวต้องตักน้ำ
จะเป็นไรก็เป็นไปเถอะหม่อมฉวยกระออมลงทิ้งกลิ้งล้มคว่ำ
เมื่อกูงามราวกับทองต้องตักน้ำหยิบกระออมฟัดซ้ำสองสามที
แล้วชี้นิ้วลอยหน้าด่ากระออมดีแล้วคะเจ้าจอมกระออมผี
กูมาต้องตักน้ำเพราะมึงดีมึงแตกแล้วกูนี้ไม่ต้องมา
หน้ากูงามราศีดีกว่าหม่อมแต่กระออมมันให้กูเป็นทาสา
กระทืบตีนเร่าเร่าเดินเข้ามาทำไว้หน้าท่าทางเหมือนนางแมว
แล้วลงนั่งกอดเข่าเจ่าจุกขุกใจตัวกูเหมือนดวงแก้ว
มาตกต่ำคล้ำหมองไม่มีแววถ้ารู้แล้วเช่นนี้จะอยู่ไย
คิดเสียใจนั่งบ่นเหมือนบ้าหลังเหลือกำลังเจ็บจิตจะคิดไฉน
อันตัวกูนี้จะอยู่ไปทำไมเกิดมาไม่สมพักตร์ต้องตักชล
พวกหนุ่มหนุ่มเห็นเข้าเขาจะสรวลจะลามลวนล้อเล่นไม่เป็นผล
รูปงามงามต้องตักน้ำดูพิกลจะเป็นที่ฝูงคนมันไยไพ
ผูกคอตายเสียเถิดนะมันจะดีสิ้นชีวีเอากำเนิดเกิดเอาใหม่
พลางเปลื้องขาวม้าผ้าสไบแล้วหวนคิดท้อใจกลัวเวรา
สิบสองนางลักดูเป็นครู่พักอดหัวเราะกลั้นสำลักเป็นนักหนา
จนกิ่งไทรไหวสั่นอยู่ไปมากระซิบห้ามกันว่าอย่าอึงไป ฯ
◉ นางทาสีได้ยินผินหน้าเงยร้องว่าแม่เจ้าเอ๋ยใครที่ไหน
มาหัวร่อล้อคนที่ต้นไทรพินิจไปก็เห็นสิบสองนาง
นึกกระดากที่ตัวทำชั่วช้าทั้งนึกอายขายหน้าพาให้หมาง
ออกได้รีบวิ่งเดินตามเนินทางมาทันนางเพื่อนที่ไปถึงในวัง
เร่งรำพึงถึงกระออมก็ใจหายพรั่นตัวกลัวนายจะตีหลัง
ด้วยความกลัวคิดแก้ตัวดูสักครั้งเข้าไปนั่งหมอบนายแล้วไหว้พลัน
จะเอาเรื่องอะไรเล่าก็ไม่ได้ขาตะไกรเจียนจะครากปากคอสั่น
แต่กระแอมรั้งรอปากคอคันกระออมฉันตกแตกที่ต้นไทร
ด้วยว่านางรูปทองสิบสองหญิงมานั่งอยู่บนกิ่งพระไทรใหญ่
ข้านึกว่าผีหลอกก็ตกใจล้มลงไปกระออมแตกเป็นความจริง
หม่อมนายได้ฟังยังไม่เชื่อเออมันเหลือแล้วที่กูจะสู้นิ่ง
มึงลุกลนสุดทนเหมือนค่างลิงเอาผู้หญิงริงเรือที่ไหนมา
จริงจริงนะเจียวหม่อมไม่ย้อมพูดจะพิสูจน์ตัวได้ให้ฟ้าผ่า
เห็นประจักษ์จริงใจกับนัยน์ตาแม้นไม่จริงอย่างว่าฆ่าให้ตาย
เถ้าแก่ชาวเครื่องที่เนืองนั่งครั้นได้ฟังมันว่าน่าใจหาย
ก็ชวนกันนั่งล้อมพร้อมมุลนายเห็นแยบคายโจษกันสนั่นไป ฯ
◉ วันนั้นพอองค์พระทรงฤทธิ์รถสิทธิ์กรุงกระษัตริย์อันเป็นใหญ่
พระเสด็จยาตราคลาไคลทอดพระเนตรข้างในอยู่ไปมา
ได้ยินเสียงโจษกันสนั่นอยู่จะใคร่รู่ที่พระทัยเธอกังขา
จึงตรัสถามสาวสนมกัลยาวิวาทกันด้วยกิจจาประการใด
เถ้าแก่กราบทูลมูลเหตุว่าวันนี้อาเพศจึงถามไถ่
อีทาสีมันแก้ตัวด้วยกลัวภัยกระออมแตกแก้ไขสำนวนดี
ว่านางสาวสวรรค์ที่ไหนก็ไม่รู้มานั่งอยู่ต้นไทรริมสระศรี
มันตกใจกระออมแตกเช้าวันนี้ดูพาทีกิริยาเห็นมั่นคง
พระทรงฟังสั่งให้หาอีทาสีเข้ามาถามตามคดีที่ประสงค์
มึงได้เห็นแม่นยำคำมั่นคงจงบอกความตามตรงอย่าอำพราง
นางทาสีบังคมแล้วก้มกราบสารภาพแล้วทูลไปไม่อางขนาง
ข้าเห็นแท้แน่ใจไม่อำพรางสิบสองนางนั่งอยู่บนต้นพระไทร
รูปงามล้ำเหลือเนื้อกระษัตริย์ไม่ข้องขัดทรวดทรงที่ตรงไหน
ข้าดูดูก็เผอิญให้เพลินไปกระออมแตกเมื่อไรไม่รู้ตัว
ถ้าทูลไม่แม่นยำเหมือนคำว่าให้ลงพระอาญาถึงตัดหัว
เมื่อจริงแล้วความตายไม่หมายกลัวพระอยู่หัวจงทราบบทมาลย์ ฯ
◉ ฝ่ายองค์รถสิทธิ์กรุงกระษัตริย์แจ้งรหัสในราชบรรหาร
เสด็จออกพระโรงรัตน์ชัชวาลมีโองการสั่งให้หาเสนาใน
จึ่งตรัสเล่ากิจจาเมื่อวันนี้อีทาสีไปตักน้ำที่สระใหญ่
ว่ามีหญิงนั่งอยู่กิ่งร่มพระไทรท่านเร่งไปสืบดูให้รู้การ ฯ
◉ อำมาตย์ได้ฟังรับสั่งตรัสก็รีบรัดตัดไปสระสนาน
บ่าวไพร่สี่ห้าคนตาลนลานกระบัดการก็ถึงที่ต้นไทร
เหลือบแลเห็นนางสิบสองคนงามล้ำเลิศล้นในต่ำใต้
อำมาตย์แลดูขึงตะลึงไปงามล้ำเหลือใจแล้วแม่คุณ
คนเล็กทรวดทรงองค์อ้อนแอ้นแขนแมนคิ้วตาเหมือนหน้าหุ่น
ท่วงทีกิริยาอ่อนละมุนให้ว้าวุ่นพิศวงสงสัยใจ
หรือจะเป็นยักขินีผีเสื้อป่ามันแกล้งแปลงปลอมมาฤๅไฉน
ฤๅสาวสุรางค์นางฟ้านภาลัยมาล่อลวงภูวไนยเจ้าธานี
ให้ยลโฉมพอประโลมลานสวาทแล้วจะผาดผันผยองล่องลอยหนี
ให้กรุงกระษัตริย์โทมนัสแสนทวีเสนีตำริแล้วก็กลับไป ฯ
◉ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้ากราบก้มบังคมไหว้
ทูลแถลงแจ้งการทั้งปวงไปโดยในคดีที่เห็นมา
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีบาทเห็นประหลาดจริงอย่างคำที่ทาสา
สิบสองนางอย่างนางสุรางค์ฟ้าลงมาหล้าล่มชาวชมพู
ข้าบาทได้เห็นก็ใจหายแต่เงยหงายหน้าแหงนอยู่เป็นครู่
ลืมสติตาชะแง้แต่แลดูพึ่งได้รู้ว่าตัวเป็นบุญตา
ช่างงามจริงหญิงใดทั้งไตรจักรถึงงามหลักแหลมเหลือเพียงเนื้อห้า
ถ้าแปดปนเป็นหกตกลงมานี้เนื้อว่านพคุณควรนคร
ชะรอยสบสมพงศ์แต่ปางไหนปางนี้พระจะได้สมสมร
เสมอเหมือนองค์อินทร์ทินกรเทพจรชวนชักชู้สู่สมภาร
สมเพชพระยุพินลำเพาภาคลำเพาพื้นพลัดพรากมาสู่สถาน
สถิตกิ่งพระไทรได้รำคาญระคนการทุรพลมาดลตา
แต่ยามยากอย่างนี้ยังมีโฉมดังจันทร์ลอยกลางโพยมกระจ่างหล้า
ถ้ายามมีราศีจะส่องฟ้าสุริยายังไม่แจ้งเหมือนแสงนาง
เชิญเสด็จภูวไนยไปชมโฉมที่ทุกข์โถมหฤทัยจะใสสว่าง
อันนางในไตรภพไม่ลบนางเป็นสุดอย่างยอดหญิงที่กิ่งไทร ฯ
◉ พระทรงยศรถสิทธิ์จอมกระษัตริย์ฟังทูลพูนสวัสดิ์จัดแจ่มใส
ดังอมฤตฟ้ามายาใจสะเทือนไหวซาบสิ้นทั้งอินทรีย์
ได้ข่าวโฉมประโลมใจดังได้เห็นเพียงจะเผ่นจากท้องพระโรงศรี
ดังได้สัมผัสต้องนางเทวีประคองเชยชมศรียุพาพาล
จึ่งมีโองการสั่งหมู่อำมาตย์ให้เตรียมกุญชรชาติเคยสนาน
มนตรีเทียมเทียบระเบียบการพนักงานคอยเสร็จเสด็จจร
เสด็จเข้าที่สรงแล้วทรงเครื่องอร่ามเรืองดั่งหนึ่งราชไกรสร
จับพระแสงศรสิทธิ์ฤทธิรอนแล้วกรายกรมาขึ้นคชาธาร
พวกตำรวจเกณฑ์แห่อยู่แออัดพร้อมขนัดเหล่าพวกโยธาหาญ
ก็เดินกระบวนพร้อมกันมิทันนานกระบัดการก็ถึงต้นพระไทร
จึ่งตำรัสตรัสถามซึ่งเสนาว่าสาวสวรรค์กัลยานั้นอยู่ไหน
ครั้นเหลือบเห็นนิรมลบนต้นไทรจึ่งปราศรัยด้วยราชวาที
อนิจจาร้อยชั่งทั้งสิบสองไฉนน้องจึ่งมาอยู่ที่สระศรี
ขอเชิญดวงสุดาแม่พาทีเล่าคดีชี้แจงให้แจ้งใจ ฯ
◉ สิบสองนางได้ฟังรับสั่งถามให้วาบหวามหวั่นหวาดฤทัยไหว
จะทูลความตามจริงก็อายใจจึงแก้ไขทูลทัดกษัตรา
ตัวข้าพี่น้องสิบสองคนเที่ยวดั้นด้นสัญจรนอนป่า
พระชนกชนนีก็มรณาตัวข้าพี่น้องท้องเดียวกัน
เป็นบุญแล้วจึ่งได้พบภูวนาถขอรองบาทบาทาจนอาสัญ
ทางเคลื่อนองค์ลงจากพระไทรพลันทั้งสิบสองนางนั้นอัญชุลี ฯ
◉ ปางองค์ธิบดินทร์ปิ่นกระษัตริย์แจ้งรหัสนึกสงสารนางโฉมศรี
พี่จะรับขวัญตาไปธานีครองบูรีเป็นปิ่นสนมใน
สิบสองนางกราบก้มประนมหัตถ์จึ่งตอบอรรถกรษัตราที่ปราศรัย
ซึ่งพระองค์กรุณาจะพาไปตามพระทัยมิได้ขัดพระอัชฌา
พระฟังนางจึ่งสั่งพวกชาวที่ให้จัดวออย่างดีอันเลขา
มาเทียบประทับรับสิบสองดวงสุดากัลยาสิบสององค์ขึ้นทรงวอ
เสด็จบ่ายช้างธินั่งเข้าวังเวียงตำรวจเรียงแห่หน้ามาสอสอ
พวกโขลนจ่าเรียงรายมาท้ายวอเสียงแจจอเสียดแซงแข่งกันเดิน
เหล่าถนนคนดูอยู่พรูพร่างบ้างก็หมอบยอบหลังสรรเสริญ
องค์กระษัตริย์รีบรัดกุญชรเดินจนเกือบเกินเข้าประตูพระบูรี
เสด็จถึงปราสาทราชฐานรับยุพานเยาวมิ่งมเหสี
ขึ้นไพชยนต์ปราสาทอาสน์รูจีนฤบดีสุขเกษมเปรมใจ
ประทานห้องของแต่งตำแหน่งเอกอดิเรกเตียงตู้ยี่ภู่ใหม่
ม่านมุ้งปรุงเจือเหลือวิไลงามประไพพื้นสรรด้วยบรรจง
ทั้งแสนสาวชาวแม่อยู่แออัดเป็นขนัดจัดแจงแต่งเครื่องสรง
สิบสองนางพลางผลัดภูษาทรงสำอางองค์อดิเรกในเรือนจันทน์
ฝ่ายองค์รถสิทธิ์กรุงกระษัตริย์โสมนัสหฤทัยให้กระสัน
แต่ได้นางมาไว้ในวันนั้นให้ผูกพันประดิพัทธ์สวัสดี
แต่ครวญเคร่าเฝ้าปองจะครองสวาทภาณุมาศเย็นคล้อยรัศมี
ดำริพลางเสด็จจรลีมาเข้าที่โสรจสรงคงคาลัย
สำอางองค์ทรงเครื่องสรรพเสร็จด่วนเสด็จลินลาหาช้าไม่
ส่องโคมนำหน้าแล้วคลาไคลเสด็จถึงปรางค์ในปราสาททอง
เข้าสู่ห้องเมศราเชษฐาใหญ่จึ่งปราศรัยกล่าวเกลี้ยงสุนทรสนอง
พี่อยู่เดียวเปลี่ยวเทวศให้กรมกรองได้ข่าวน้องค่อยคลายสบายใจ
เป็นบุพเพสันนิวาสพาสนาเทพดานำสิบสองน้องมาให้
พลางสัพยอกหยอกชักชายสไบนางปัดกรค้อนให้แล้วพาที
พระทรงเดชช่างไม่เวทนาน้องมาจับต้องกอดรัดน่าบัดสี
น้องเป็นชาวดงพงพีควรแต่รองธุลีพระบาทา
พระฟังคำนุชน้องสนองไขยิ่งมีใจกระสันแสนเสน่หา
เจ้าว่าไยอย่างนั้นกัลยาบริจาข้าบาทนั้นมากมี
อย่างเช่นน้องควรประคองไว้แนบข้างเป็นปิ่นนางสนมให้สมศรี
พลางตระโบมโลมลูบนางเทวีเปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน
พระจุมพิตชิดเชยปรางทองฟ้าร้องลั่นเลื่อนสะเทือนไหว
ดังมังกรคาบแก้วอยู่แววไวสำราญใจอยู่ในห้องทั้งสองรา ฯ
◉ พระได้ครองสิบสองสายสมรไม่จากจรเริศร้างเสน่หา
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนเฝ้าทุกทิวาพระผ่านฟ้ารักใคร่ไว้พระทัย
ถึงเวรสุดศรีลำเภาเยาวลักษณ์รสรักเชยชิดพิสมัย
ประทมแท่นทองรัตน์กับภูวไนยไม่ห่างไกลเกลียวกลมภิรมย์นาง
พระได้ครองสิบสองเสาวรสมีพระยศเฟื่องหล้าฟ้าสว่าง
ศรีลำเภาเยาวลักขณานางเป็นหญิงอย่างยิ่งยอดกัลยา
นางก็เผื่อเจือจานการนุกิจมิได้ผิดแหนงเหตุกับเชษฐา
สิบเอ็ดนางรักน้องดังดวงตาความอิจฉาสิ่งใดก็ไม่มี ฯ
◉ จะจับเรื่องทานตะวันนคเรศเมื่อเกิดเหตุเฟื่องฟุ้งในกรุงศรี
มะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นโกลีชาวบูรีตระหนกตกใจ
สิทธิกรรม์เสนารักษาเมืองก็ขุ่นเคืองทุกข์ทนหม่นไหม้
วิ่งไปยังท้องพระโรงชัยให้เชิญองค์อรทัยพระธิดา
ออกมายังพระโรงวินิจฉัยแล้วทูลว่ากรุงไกรของยักษา
พญาไม้เสี่ยงทายในพาราเป็นโกลาหาวโห่เป็นโกลี
ไพร่ฟ้าประชากรก็ร้อนรนตื่นตนตกใจอยู่อึงมี่
จะโปรดปรานประการใดให้บูรีอยู่เป็นศรีบรมสุขสนุกสบาย ฯ
             

◉ พระธิดาบุตรีเมรีรัตน์เชื้อกระษัตริย์สมบูรณ์ประยูรสาย
สดับสารสิทธิกรรม์มาบรรยายโฉมฉายมีรสพจนา
ว่าดูก่อนสิทธิกรรม์อันมีศักดิ์นครยักษ์เคยบรมสุขา
อันยุคเข็ญเช่นนี้ที่มีมาจงปรึกษาโหราพราหมณ์ตามบูราณ
จะสมโภชบ้านเมืองที่เคืองเข็ญให้อยู่เย็นเป็นสุขสนุกสนาน
จงจัดแจงบัตรพลีพลีการเตรียมงานเร่งทำตามตำรา
ตรัสแล้วเสด็จคืนเข้าปรางค์มาศยังนิวาสพิมานอันเลขา
สิทธิกรรม์ได้ฟังพระบัญชาก็ตรวจตราเตรียมงานการละคร
สั่งกรมพระสัสดีให้เกณฑ์ไพร่มูลนายน้อยใหญ่มาสลอน
บ้างเจาะเสาเกลาฟากถากกลอนบ้างขุดถอนหลักตอให้ที่เตียน
บ้างขุดหลุมยกเสาเอารอดใส่ติดขื่อวางอกไก่มีกระเสียน
แล้วใส่แปผูกหวายใต้หัวเทียนกลอนเปลี่ยนกันรายเอาปลายลง
มุงจากลากเอาแต่ห่างห่างหอขวางหอรีที่สระสรง
โรงโขนหมายจ่ายเกณฑ์พะทำมะรงเร่งบรรจงตบแต่งให้แนบเนียน
แปดตำรวจนายด้านจัดการเกณฑ์ชัดเจนตรวจตราหาเสมียน
จ่ายคนเลกด้านดาษเดียรที่หลบหนีตีเฆี่ยนเอาตัวมา
ที่บอกป่วยฉวยตัวเมียมาได้เกาะไว้เร่งเอาผัวให้มาหา
ที่ติดการภารธุระจะทำนาเสียเงินตราจ้างคนให้แทนตัว
แก่ชราตาเฒ่าชาวบ้านนอกให้จักตอกเหลาหวายจ่ายให้ทั่ว
ลาวระดมสมส่งไปโรงครัวเกณฑ์หัวสิบไว้ให้กำชับ
น้ำกับฟืนพื้นเหล่าพวกชาวบกตะวันตกเกณฑ์ยกให้เสร็จสรรพ
แม้นโตกจานพานหายให้นายรับเร่งกำชับกวดขันกันสักคราว
เจ้าภาษีเกณฑ์มาล้วนหน้าใหญ่เอาหมูไก่มาประจำทำกำหลาว
โรงครัวเตรียมการทั้งหวานคาวทั้งไพร่บ่าวพร้อมสรรพลำดับการ
ถึงวันดีฤกษ์งามยามมีโชคต้องโฉลกโหรกล่าวไม่ร้าวฉาน
เชิญเสด็จพระธิดายุพาพาลยังอุทยานสวนขวัญอันอุดม
นางเสด็จลีลาพลับพลาสวนโดยกระบวนด้วยสุรางค์นางสนม
ทัศนาโรงงานการนิยมอันอุดมด้วยเครื่องเรืองระยับ
พระโหรเฒ่าพฤฒาแท้แกตัวดีตั้งบัตรพลีบายศรีแล้วเสร็จสรรพ
วางบนศาลเพียงตาโดยคำนับพร้อมกับข้าวปลาสุราริน
ควายวัวหัวหมูคู่บายศรีแว่นเวียนเทียนดีก็เสร็จสิ้น
จุดธูปเทียนเชิญเทพเทวินทร์เจิมกระแจะรสกลิ่นสุคนธา
แก้บนอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์พระเสื้อเมืองเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
เชิญสิงสู่อยู่บนต้นอัมพาทั้งพญารุกขมาศชาติมะนาว
แต่นี้ไปสองไม้พญาพฤกษ์อย่าอึกระทึกโทโสร้องโห่หาว
จงอยู่เย็นเป็นสุขให้ยืดยาวสิ้นที่กล่าววอนไหว้แล้วเวียนเทียน
ฆ้องชัยลั่นเสียงสำเนียงโห่ให้ไชโยเวียนแว่นฉวัดเฉวียน
มโหรสพโขนเรื่องรามเกียรติ์[5]ทศเศียรลักสีดาพาเหาะไป
พบราชปักษีเข้าโฉบตีจะแย่งนางให้ได้
ราพณ์ร้ายไม่มีความละอายใจถอดแหวนก้อยนางใส่นั้นขว้างมา
ถูกพญาสกุณาจนปีกหักแทบจักสิ้นชีวังสังขาร์
อิเหนาเล่นไปเมืองมะละกาลงเภตราชักใบไปทันที
งิ้วเล่นสี่โรงเข้าสมทบจับเมื่อโจโฉแตกจิวยี่[6]
พะบู๊หกคะเมนล้วนเจนดี[7]จุดประทัดอึงมี่ลอดบ่วงไฟ
หุ่นเล่นจองสนนขนศิลาหนุมานไล่คว้ามัจฉาได้
ฝูงมัจฉาคาบศิลามาคืนไว้พระรามยกข้ามไปเมืองลงกา
ทวายรำร้องทะแยออกแซ่เสียงทำอ่อนเอียงซัดแขนแอ่นซ้ายขวา
พวกไต่ลวดถือหางมยุราทั้งทัดทาโมงครุ่มรุมล้อมวง
พวกแม่ค้านั้นนั่งรายขายหวานคาวบุหรี่ยาวลูกบัวถั่วยะสง[8]
ร้านสุราขายหมี่นั้นมีธงตามจำนงพวกมาดูซื้อสู่กิน
หญิงชายประชาชนคนดูงานบ้างอุ้มลูกจูงหลานมาหมดสิ้น
เที่ยวงานแสบท้องซื้อของกินแลดูสิ้นเห็นสนุกไปทุกโรง
ชาวบ้านนอกขอกนามาอึงมี่ห่มแพรสีต่างต่างดูโอ่โถง
พอเย็นย่ำกำลังน้อยก็ลาโรงเสียงเกราะโกร่งโรงหนังตั้งกระบวน
ทั้งสองนายชูเชิดดูเฉิดฉายรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์มหิศวร
เบิกหน้าพระปล่อยลิงชิงกระบวนทั้งสองล้วนฤทธิ์แรงไม่แพ้กัน
ลิงขาวโดดกัดมัดด้วยหางท่าทางเรี่ยวแรงดูแข็งขัน
จูงข้างหน้าพาลัดไปวัดพลันพระนักธรรม์ขอโทษโปรดปล่อยลิง
พวกดูงานรื่นเริงบันเทิงจิตเที่ยวพินิจพิศดูไปทุกสิ่ง
เสร็จสมโภชธานีนั้นดีจริงไม้ก็นิ่งหาวโห่ไม่โกลา
นางเสด็จยังนิเวศเขตสถานพอนางมารสุนนทายักษา
กลับมาเมืองรู้เรื่องว่าธิดาให้สมโภชพาราก็ยินดี
ประคององค์ลูกแก้วแล้วรับขวัญแม่ดวงจันทร์แจ่มฟ้าทุกราศี
ช่างรอบคอบรอบรู้การบูรีประกอบปรีชาฉลาดนั้นเหลือใจ
ควรจะมอบสมบัติพัสถานเมืองมารนี้แม่จะมอบให้
จงอยู่ครองพระสนมกรมในทั้งกำพตฤทธิไกรกับห่อยา
จงรับไว้เป็นมหาศาสตราวุธรณรงค์ยงยุทธ์ไปข้างหน้า
กำพตพิษฤทธิไกรดังไฟฟ้าหนึ่งห่อยานี้สำเร็จมโนปอง
ประสมเนตรฤๅจะนึกเอาแม่น้ำตามจะทำได้ดังฤทัยสนอง
อันกรุงไกรโฉมตรูจงอยู่ครองแม่นี้ปองฆ่านางสิบสองคน
แม้นพบเข้าที่ไหนจะไล่ฆ่าให้มรณายับย่อยเป็นฝอยฝน
ค่อยอยู่เถิดแม่จะลาอย่ากังวลนฤมลแก้วแม่อย่าโศกา
นางเมรีฟังคดีมารดาสั่งน้ำตาหลั่งกราบบาททั้งซ้ายขวา
รับกำพตปรากฏทั้งห่อยาทั้งโศกาอาดูรด้วยมารดร
สุนนทาสั่งธิดายุพาพักตร์ประยูรยักษ์วงศ์ญาติสลอน
ต่างโศกเศร้าโศกาด้วยอาวรณ์เพราะนางมารจะจรไปแรมไกล
อสุรีสั่งเสร็จสำเร็จแล้วก็คลาศแคล้วไคลคลาหาช้าไม่
นึกขัดใจพระอาจารย์ชาญชัยออกแก้ไขป้องกันสิบสองนาง
จึงอ่านมนต์จินดามหาเวทอุดมเดชนึกได้ไม่ขัดขวาง
เหาะทะยานผ่านเมฆในนภางค์ลอยคว้างกลางหาวราวกับลม
ลอยฟ้าทัศนาทั่วทวีปแล้วก็รีบลงมายอดคีรีสม
ไม่เห็นนางทั้งสิบสองดังนิยมก็ปรารมภ์หฤทัยอยู่ไปมา
จึงนึกได้ร่ายมนต์อันประสิทธิ์โดยฤทธิ์อิทธิเวทแห่งยักษา
เรียกพระพายมาใกล้แล้วนนทามีวาจาถามไปในทันที
อันนางสิบสองนั้นอยู่ไหนจงแถลงแจ้งไปให้ถ้วนถี่
องค์พระพายได้ฟังอสุรีแจ้งคดีไปสำนักพระอาจารย์
แล้วก็พากันไปจากพระมุนีนั่งบนที่กิ่งไทรทิศอีสาน
ในกรุงไกรบรมจักรพาลจอมนิเวศนเรศสถานผ่านพารา
นามกรรถสิทธิ์อิศเรศมารับไปพระนิเวศครองยศถา
เป็นเอกอัครนารีศรีสุดาจงแจ้งหัทยาของนางมาร
บอกแล้วเทวาพายุวาตคืนยังพิมานมาศอันไพศาล
ฝ่ายว่าสุนนทาอสูรมารแจ้งการยักษีก็ดีใจ
จึงเหาะลงตรงกรุงไกรจักรยังตำแหน่งแหล่งหลักพระไทรใหญ่
เนรมิตกายาแล้วคลาไคลเป็นมนุษย์เดินไปในพารา
นั่งอยู่ริมสระที่ร่มไม้ทำเหมือนนางชาวไร่มาแต่ป่า
ครั้นเห็นคนพลเมืองนั้นเดินมากินอาบธาราในสระนั้น
นางมารจึ่งเข้าไปทายทักผูกรักแยบคายหมายมั่น
ไถ่ถามเอาความที่สำคัญครั้นนั้นได้ยินข่าวเล่าลือไป
ว่าพระเจ้าไกรจักรภูวดลได้นางสิบสองคนนั้นที่ไหน
ข้าเป็นชาวป่าพนาลัยอยากจะใคร่รู้เรื่องของนารี
ประชาชนชาวเมืองทั้งหญิงชายมิได้รู้แยบคายว่ายักษี
นึกว่าเป็นชาวป่าพนาลีจะไม่รู้คดีสิ่งอันใด
จึงบอกว่าเออเจ้าชาวบ้านนอกยังไม่รู้เราจะบอกเรื่องราวให้
จอมกระษัตริย์ได้หญิงที่กิ่งไทรเอาไปไว้เป็นเอกกัลยา
โปรดปรานประทานทั้งเงินทองข้าวของสมบัติแล้วสถา[9]
ด้วยรูปทรงส่งศรีเข้าโสภาวาสนาถึงเข้ากับเจ้านาย
สุนนทาฟังแสดงก็แจ้งเหตุจึงสังเกตโดยนิยมว่าสมหมาย
ก็เสสรวลชวนมนุษย์ทั้งหญิงชายพูดภิปรายแล้วก็ไปดังใจปอง
ครั้นราตรีนางยักษ์สำนักไทร[10]ประจุสมัยไก่ขันสนั่นก้อง
จวนจะแจ้งแสงใสอุทัยทองก็ตรึกตรองยักย้ายอุบายกล
สุนนทาทิ้งยาลงในสระศรีเป็นบัวผุดในวารีมีดอกผล
แล้วอ่านเวทจินดามหามนต์บันดาลตนเป็นสุดากุมารี
สถิตในดอกบัวกลั้วเกสรอรชรชุ่มแช่ชลศรี
ด้วยดอกบัวสำหรับสระนั่นเดิมมี[11]บัวของนางอสุรีอยู่กลางกอ
กลีบสดปรากฏด้วยศรีแสงดอกแดงเขียวสลับอยู่กับหน่อ
ทั้งโตใหญ่ใบบังช่างลอองามพอใจคนเมื่อยลงาม ฯ
◉ จะกล่าวถึงทาสีที่ในวังครั้นได้ยินเสียงระฆังเมื่อยามสาม
ชวนกันตื่นแต่งแง่แต่พองามถือกระออมเดินตามกันคลาไคล
ถึงสระศรีดีใจลงในสระก็อาบน้ำชำระสระเกศา
เห็นดอกบัวสะพรั่งหลังคงคาดอกหนึ่งใหญ่กว่าทั้งปวงนั้น
ต่างคนดลใจจะใคร่ได้ก็โผไปชิงชักหักสะบั้น
ยังไม่ได้ดอกดีที่สำคัญแต่ชวนกันวนเวียนเพียรอยู่นาน
น้ำนั้นลึกซึ้งไม่ถึงดินสุดว่ายป่ายปีนไปเด็ดก้าน
ก็พากันขึ้นจากชลธารตักน้ำไปบ้านเข้าในวัง
ต่างคนมาถึงก็อึงอื้อบอกกล่าวเล่าลือกันไปบ้าง
เฒ่าแก่มูลนายครั้นได้ฟังโด่งดังได้รู้ถึงภูมี
พระซักไซ้ไล่เลียงเอาถ้อยคำเห็นแม่นยำถ่องแท้แก่ทาสี
ให้หาตัวเข้ามาทุกนารีฟังคดีจะต้องกันหรือฉันใด
ถ้าเอาความมุสามาทูลแถลงไม่ประจักษ์จริงแจ้งที่ตรงไหน
จะผูกเข้าเฆี่ยนขับให้ยับไปสาแก่ใจมันเอาเท็จมาเจรจา
อีทาสีสี่ห้าคนสดับสารพระภูบาลคาดโทษไว้นักหนา
จึงกราบทูลตามมูลกิจจาข้าลงไปสู่ท่าชลาลัย
ทั้งห้าคนก็ได้เห็นพร้อมกันหมดดอกสัตตบงกชอันสุกใส
อยู่กลางสระดูเป็นทองผ่องวิไลเหมือนอุทัยไขสว่างกลางวารี
ถ้าไม่สัตย์จริงจังเหมือนยังว่าลงอาญาแล้วให้ส่งไปโรงสี
ด้วยโทษผิดสับปลับกับภูมีขอจงทราบใต้ธุลีบทมาลย์ ฯ
◉ พระฟังทาสีทูลมูลเหตุภูวเรศมีพระทัยใสศานต์
จึงตำริตริตรองทำนองการประทุมมาลย์นี้เกิดเพราะบุญญา
จึ่งตรัสสั่งกรมช้างผูกกุญชรขุนนางหมอบสลอนก้มเกศา
รับสั่งบังคมแล้วไคลคลาออกมาผูกช้างระวางใน
นำมาเทียบประทับกับเกยลาพระผ่านฟ้ารีบเสด็จหาช้าไม่
ขึ้นเกยเลยทรงคชไกรภูวไนยให้ขับซึ่งกุญชร
ช้างทรงขององค์รถสิทธิ์เชิงชิตชำนาญชาญสมร
ย่างบาทยาตรเยื้องบทจรพาพระภูธรจากวังใน
ครั้นถึงจึงมีบัญชาการพนักงานบังคมก้มไสว
ให้หยุดช้างพระธินั่งด้วยทันใดเสนาในหมอบรอบสโรชา
พระเสด็จจากช้างธินั่งทรงแลเห็นดอกบุษบงอันเลขา
งามล้ำเล่ห์ทิพย์ประทุมมาพระผ่านฟ้าแสนถวิลยินดี
จอมกระษัตริย์ผลัดผ้าภูษาทรงพระประสงค์จะลงในสระศรี
เห็นดอกบัวผุดผ่องในนทีบัวยักษีลอยไล่ใกล้พักตรา
พระก็หยิบขึ้นดูชูชมรสปรากฏงามล้ำในแหล่งหล้า
พระเสด็จยุรยาตรคลาศคลาขึ้นทรงไอยราเข้าธานี
ครั้นถึงจึงเสด็จเข้าปรางค์มาศขึ้นนั่งแท่นแสนสวาทเกษมศรี
พอบัวแย้มพระเห็นก็กุมารีพระภูมีโอบอุ้มกัลยา
เป็นกุศลหนหลังเราทั้งสองเผอิญให้น้องมาอยู่ในบุปผา
สัพยอกหยอกเย้าอยู่ไปมาสุดแสนเสน่หาอาลัย
นางมารแสร้งปัดสลัดกรชำเลืองเนตรคมค้อนแล้วปราศรัย
อนิจจาช่างคุมเหงไม่เกรงใจน้องไร้ญาติวงศ์แลพงศ์พันธุ์
พระฟังสุนทรถ้อยดังฝอยฝนต้องสกนธ์ซาบใจให้กระสัน
จึงมีรสวาจาว่าดวงจันทร์เจ้าผู้ขวัญเมืองมิ่งอย่ากริ่งใจ
เป็นบุญแล้วแก้วตามาประสบจะเลื่อนหลบหลีกหนีพี่ไปไหน
เป็นบุญพี่กับนางได้สร้างไว้จึงมาได้พบกันในวันนี้
พี่จะเสกให้เป็นเอกอัครฐานครอบครองสิงคารเกษมศรี
เจ้าอย่าคิดสลัดตัดไมตรีแก้วพี่อย่าหมางระคางเคือง[12]
ว่าพลางทางประโลมเยาวลักษณ์เชยพักตร์ชมศรีฉวีเหลือง
มารยายักษ์ผลักหัตถ์ทำขัดเคืองยักเยื้องสลัดกายไม่ไยดี
แต่แรงราคอยากนิยมจะชมรสแกล้งถอยถดทีเหมือนจะเบือนหนี
จึงกล่าวรสพจนาว่าภูมีมาด่วนตีมัจฉาต่อหน้าไซ
พระเป็นมิ่งโมลีบุรีรมย์อันจะไร้นักสนมอย่าสงสัย[13]
ที่ดีดีมีเอกก็ถมไปจะมาเห็นอะไรกับน้องนี้
อันคนอยู่ในสัดจองล่องลอยมาจะร่วมรสเสน่หาน่าบัดสี
ครั้นนานหน่อยค่อยคลายที่ยินดีจะมีแต่เทวศช้ำระกำใจ
เชิญพระองค์เอาไปส่งเสียที่สระเหมือนปล่อยปละเต่าปลาลงท่าใหญ่
ไม่ควรคู่จะมาอยู่กับภูวไนยด้วยน้องไซร้ไร้ญาติประยูรวงศ์ ฯ
◉ อนิจจาเยาวยอดผกาสรรค์เพราะบุญทันจึงมาปะที่สระสรง
ทำถ่อมตัวกลัวไฉนยุพยงพี่นี้จงใจรักภคินี
ถึงไร้ญาติก็ย่อมแจ้งว่าสาวสวรรค์เจ้าดวงจันทร์เกิดในสระกระสินธุ์ศรี
ควรเป็นปิ่นกษัตราในธานีเฉลิมศรีสมบูรณ์กษัตรา
ขอเชิญเจ้าเนาในบนแท่นที่ให้เปรมปรีดิ์เป็นบรมสุขา
แม้นน้องรักหักรสภิรมยาอันชีวาพี่จะวางลงกลางรัก
ว่าพลางกางกรเข้าช้อนองค์วางลงเพลาพลางนางก็ผลัก
ไพล่พลิกหยิกข่วนกระบวนยักษ์ทำปัดผลักคมค้อนงอนกระบวน
พระองค์จะมาทำให้ช้ำจิตกิตติศัพท์ลือเลื่องเครื่องคนสรวล[14]
แต่กองกรรมนำให้ประจวบจวนพระมาด่วนโดยได้ไม่เมตตา
ไหนไหนก็ได้พามาถึงนี่ไม่รู้ที่จะหักห้ามเสน่หา
ใช่จะแข็งขืนขัดวัจนาแม้นโกรธาน้องจะยับลงกับกร
ถ้าแม้นทรงเมตตากับข้าบาทจงประสาทความสัตย์โดยนุสรณ์
ขอพระเดชภูวเรศประทานพรตามสุนทรข้าน้อยเจตนา
อันสิ่งใดอยู่ในอาณาเขตที่น้องรักจงเจตนาหา
จะทูลขอพระอย่าขัดซึ่งอัชฌากระนั้นและเห็นว่าพระปรานี
ถ้าพระไม่โปรดปรานประทานพรถึงม้วยมรณ์ฆ่าเข่นให้เป็นผี
มิร่วมประดิพัทธ์ด้วยภูมีถ้าปรานีจงประทานสัตยา ฯ
◉ รถสิทธิ์ได้ฟังกำลังหลงงวยงงพระเวทอียักษา
นางชะอ้อนวอนกล่าวเป็นมารยาก็เยื้องหาว่าไปไม่ทันคิด
ว่าเจ้าแม่แน่แล้วจะให้สัจไม่ข้องขัดเลยนะแม่แต่สักหนิด
ของสิ่งใดในขัณฑ์ขอบอยู่รอบชิด[15]ที่เป็นสิทธิ์อยู่ในศักดิ์สุริวงศ์
แม้นเจ้าออกโอษฐ์ขอจะยอยกอย่าวิตกที่น้องต้องประสงค์
เว้นดวงจันทร์พระอาทิตย์ฤทธิรงค์สุดจะปลงปลิดให้ได้ดังใจ
แต่นอกนั้นพี่มิได้ให้ข้องขัดความกำหนัดรักน้องจะหาไหน
หลงระเริงเชิงอีมารนั้นพ้นไปเคล้นไคล้คลึงเคล้าเยาวลักษณ์
นางสุนนทามารก็สมหมายระทวยกายอ่อนกระบวนไม่ควรผลัก
กำเริบราคร้อนระคนทุรนรักพยศยักยั่วยวนให้ป่วนใจ[16]
พลางร่ายมนต์จินดามหาเสน่ห์เล่ห์กระเท่ห์เป่าพระองค์ให้หลงใหล
พระจอมภพกลบกลุ้มในฤทัยรักใคร่มืดมัวทั่วอินทรีย์
ถนอมนางวางแท่นแสนสวาทสัมผัสกายสมพาสเกษมศรี
รูปนิมิตงามสนิทเสน่ห์ดีแต่ท่วงทีอำมหิตติดคะนอง[17]
อย่างเยี่ยงม้าพยศที่ตัวดีเร็วรี่เบานักชักผยอง
เต้นน้อยบางทีมีลำพองผยองย่องหกกลับเต้นหรับรัว
จ้วงฝีเท้าเดินหยกหกหน้าหลังกระทืบโกลนโผนดังสนั่นทั่ว
ขยับแส้ทำชม้อยคอยจะกลัวเต้นรัวเหยาะย่ำทำพยศ
กระทืบแผงแกว่งแส้ก็แหย่ท้ายหน้าหงายเงยแหงนแอ่นกระชด
ถ้ารู้ทันแก้ดีที่พยศได้รู้รสว่าฝีมือไม่ดื้อดึง
จะยักย้ายซ้ายขวาท่าทางเต้นโผนเผ่นเล่นโลดโดดทะลึ่ง
ถ้าควบขับชอบใจไปตะบึงกระทั่งถึงสำนักชั่วพักม้า
ประมาณเหมือนเสมอสมรมิตรเชยชิดเชิงชวนกระบวนหา
อันเรื่องรักนั้นจักร่ำพรรณนาจะเนิ่นช้าต้องตัดหลีกลัดเลย ฯ
             

◉ พระจอมภพลบโลกนาถาตั้งแต่ได้สุนนทามาเคียงเขนย
แสนรักร่วมภิรมย์อยู่ชมเชยช่างงมงายไปไม่เงยด้วยมารยา
ด้วยหลงรักนางยักษ์ลืมสนมเชยชมรูปนิมิตผิดภาษา
ลืมทั้งสิบสองกัลยาถึงขึ้นเฝ้าผ่านฟ้าไม่ไยดี
สิบสองนางพี่น้องนั้นครรภ์แก่ก็ลือแซ่ซุบซิบทั้งปรางค์ศรี
จึงได้รู้ไปถึงหูอสุรียิ่งให้มีอิจฉาวิญญานัก
นางสุนนทามารให้ดาลโกรธหฤโหดก็เพราะใจอัปลักษณ์
แต่หากไทเทวาสุรารักษ์มาพิทักษ์รักษาทุกนารี
แต่ตำริตริปองจะปองผลาญให้สิบสองเยาวมาลย์นั้นเป็นผี
จึงอุบายแยบคายอสุรีทำทีป่วยไข้ใช้มารยา
เข้าประทมเอาผ้าห่มแล้วเมื่อยมื่น[18]ประหนึ่งไม่มีชื่นทำโหยหา
ให้ปวดเศียรเวียนวิงทั้งนัยนาโรยราอาเจียนเหียนหาวลม
สะอึกไอหายใจก็ไม่คล่องกายสะดุ้งพุงพองให้ปากขม
เบื่ออาหารเห็นเข้าให้เป็นลมอยากแต่นมเนยเนื้อนั้นเหลือใจ
ประทมเหนือแท่นทองทำร้องครางสนมนางเข้าไปเยี่ยมก็ไม่ได้
ร้องครางครวญคร่ำร่ำไรถอนใจให้สะท้อนอ่อนทั้งกาย
ฝ่ายองค์รถสิทธิ์อิศเรศครั้นสนธเยศสิ้นศรีพระสุริยฉาย
เสด็จยังห้องแก้วอันแพรวพรายเคียงสายสุนนทาอสุรี
ทัศนาเห็นน้องนั้นหมองหมางครวญครางกำสรดสลดศรี
ทางประคองต้ององค์พระเทวียังอ่อนอุ่นอินทรีย์ทั้งกายา
นางมารมารยาพระอย่าต้องตัวน้องปวดเจ็บเหน็บนักหนา
พระคุณเอ๋ยสุดจะทนพ้นปัญญาในอุราเพียงจะแยกแตกกระจาย
พระได้ฟังนั่งถามด้วยสงสัยเจ็บที่ไหนบอกให้แจ้งเถิดโฉมฉาย
ปวดกระดูกในตัวทั่วทั้งกายโอ้เจ้าสายสวาสดิ์พี่นี้เป็นไร
ความเจ็บของน้องนี้เหลือทนนิรมลเจ็บปวดจะนวดให้
พระอย่าต้องเหมือนหนองอยู่ข้างในเหลืออาลัยเมียขืนสุดชื่นชู ฯ
◉ พระให้หาหมอหลวงมาสะพรั่งก็มานั่งพรั่งพร้อมกันเป็นหมู่
หมอนวดหมอยาก็มาดูก็ไม่รู้จักเหตุว่าเพทใด
นางมารมารยาหลับตาครางพระคุณเอ๋ยอย่าหมางกมลไหม้
สองกรค่อนทรวงเข้าร่ำไรร้องไห้ร่ำรักพระภูวดล
พระได้ฟังสั่งให้หมอหายาแก้หมอก็แซ่กันเข้ามาน่าฉงน
ถวายยาหลายขนานแล้วบานบนทั้งน้ำมนต์น้ำมันสุคันธ์เคียง
เสวยยาหลายขนานบันดาลโรครากโอ๊กร้องครางจนสุดเสียง
จอมกระษัตริย์โลมเล้าเข้านั่งเคียงครางก็เสียงอ่อนลงแต่คงคราง
พลางชะอ้อนวอนว่าทำอ้อยอิ่งพระก็พิงแนบน้องประคองข้าง
ยักษ์ร้ายสำออยตะบอยครางแม้นพระวางครางก็ดังช่างสำออย
จอมกระษัตริย์หลงกลสุนนทาด้วยมนตราเข้าประจำนั่งคลำป้อย
เตือนให้เมียเงยเสวยแต่สักน้อยพอใส่ปากรากก็พลอยไม่ลงคอ
สุนนทาแต่งกลแล้วเยื้องยักว่าพระจักไม่ช่วยเมียเสียแล้วหนอ
ให้ร้อนอกหมกไหม้อยู่ในคอน้องจะขอลาองค์พระทรงชัย
ในชาตินี้มีกรรมน้องจำลาไปชาติหน้าขอให้พบพระองค์ใหม่
พระองค์จงรับรับว่าไว้มิได้สนองคุณพระภูบาล
ซึ่งข้าน้อยผิดพลั้งแต่หลังมาอย่าเป็นเวรเวรากระหม่อมฉัน
ให้ทนทุกข์เวทนาอยู่ช้านานจงประทานโทษาได้การุญ ฯ
◉ รถสิทธิ์ได้ฟังนางสั่งว่าดังศรศักดิ์ปักอุราให้เคืองขุ่น
โอ้ขวัญเนตรน้องทองนพคุณจะตัดสูญไมตรีทิวาวัน
อียักษีแปลงแสร้งทำกลมารยาหลับตาประหนึ่งว่าจะอาสัญ
รถสิทธิ์ค่อนอุราเข้าจาบัลย์นางมารนั้นลืมเนตรทูลทันที
จะเป็นกรรมอะไรไม่พอหูเมื่อสักครู่หลับตาเห็นฤๅษี
มาบอกยาอาหารขนานดีว่านัยน์ตานารีสิบสองนาง
ให้เอามาประกอบยามหาวิเศษที่อาเพศโรคภัยจะได้สว่าง
จะเอาได้อย่างไรนัยน์ตานางเป็นสุดอย่างแล้วพระองค์จงปรานี
พระได้ฟังกำลังมนต์เข้าดลจิตจึ่งตอบมารมิ่งมิตรมเหสี
อนิจจานงลักษณ์ภคินีการเท่านี้พลางไว้ไม่บอกกัน
อย่าว่าแต่นัยนานางสิบสองจะต้องการก็คงได้ดอกสาวสวรรค์
อย่าทุกข์ร้อนอาวรณ์เลยเท่านั้นตรัสแล้วทรงธรรม์ก็บัญชา
กรมท่าไปหาหมอฝรั่งนอกให้ล่ามบอกชี้แจงเข้ามาหา
จะให้ควักนัยน์เนตรประกอบยาก็พามาเฝ้าองค์พระทรงชัย
จึ่งมีพระราชบัญชาการกับเถ้าแก่พนักงานหาช้าไม่
นำสิบสองกัลยาคลาไคลก็รีบไปหาหมอด้วยทันที
ให้กินเหล้าอย่างฝรั่งทั้งพี่น้องนางสิบสองเมาตึงพอถึงที่
ไม่รู้สึกสิ้นสมประฤดีทุกนารีซอนซบสลบลง
ฝรั่งหมอควานควักชักดวงเนตรทั้งสิบเอ็ดอัคเรศที่ประสงค์
แต่ลำเภาสุดท้องน้องโฉมยงพระองค์ให้ควานควักจักษุเดียว
ประสมยาทาตานางสิบสองเจ็บร้องโศกาจนหน้าเขียว
ชลนัยน์ไหลกระเซ็นลงเป็นเกลียวจะแลเหลียวมืดมนอนธการ
ให้อยู่ในอุโมงค์ตรงท้องนาที่ริมป่าพงไม้ใกล้เรือนบ้าน
สิบสองคนทนเทวศมาเนานานน่าสงสารแสนลำบากยากใจ
หมอฝรั่งแสนฉลาดเหมือนบาทหลวงเมื่อควักดวงนัยนาเอามาได้
ล่ามก็พามาเฝ้าพระภูวไนยท้าวไทรับตาแล้วพาจร
มานั่งแนบแอบนางสุนนทาส่งนัยน์ตานั้นให้กับสายสมร
นี่แนะเจ้าดวงสุดาพะงางอนจงยื่นกรรับแก้วนัยนา ฯ
◉ นางสุนนทามารประสานหัตถ์โสมนัสรับเนตรด้วยหรรษา
เก็บไว้มิดปิดมั่นด้วยสัญญาครั้นลับตาจอมกระษัตริย์ผู้สามี
จึ่งอ่านเวทจินดามหามนต์เรียกพระพายเดินหนมาปรางค์ศรี
นางยื่นเนตรส่งไปในทันทีแล้วจึงมีพจนาว่าไป
เราฝากตานางสิบสองของประสงค์ไปถึงองค์พระธิดาอย่าช้าได้
แล้วจารึกสาราให้พาไปถึงอรไทเมรีผู้ธิดา
พระพายรับของฝากรำพากพัดเป็นลมจัดพัดฮือกระพือกล้า
ก็ลุกรุงทานตะวันนคราวางนัยน์ตากับสาราให้ทันที
พระเยาวลักษณ์อัคเรศสังเกตได้ก็รับไว้แล้วก็อ่านซึ่งสารศรี
ว่านัยน์ตานางสิบสองของทั้งนี้ให้เทวีรับไว้ดังจินดา
ครั้นนางแจ้งเหตุรหัสสั่งนางร้อยชั่งสั่งสนมให้ห่อผ้า
แล้วห้อยไว้ใต้เพดานที่หลังคาตามคำสั่งมารดาทุกสิ่งอัน ฯ
◉ น่าสงสารเยาวมาลย์ทั้งสิบสองเฝ้าแต่กรองเวทนาเพียงอาสัญ
อยู่ในอุโมงค์มาก็นานครันแต่จาบัลย์กัลหายไม่วายครวญ
อดอาหารการกินดิ้นประดักมาตกคลักครวญคร่ำให้กำสรวล
นัยน์ตามืดฝืดเคืองเรื่องรัญจวนเสียนวลน่าอนาถประสาทครัน
ไม่มีใครที่จะได้อุปถัมภ์ทารกรรมกายเกินจะปลักปล้ำ
จะหากินก็ไม่มีที่จะทำมีแต่ร่ำซานซมอยู่งมงาย
นางลำเภาเยาวยอดขนิษฐ์น้อยกำสรดสร้อยเศร้าใจไม่รู้หาย
ตายังมีข้างเดียวเที่ยวถ่อกายขวนขวายแต่จะหาอาหารกิน
ตื่นแต่เช้าเข้าป่าหาลูกไม้กล้วยกล้ายหักมุกทุกสิ่งสิ้น
มังคุดละมุดมะยมลูกพรมอินมะเดื่อดินส้มโอตะโกนา
โฉมเฉลาเจ้าเก็บใส่กระจาดแล้วลีลาศเลียบเดินตามเนินผา
พอสายัณห์ตะวันลับก็กลับมาถึงอุโมงค์ลงไปหาสิบเอ็ดนาง
แจกให้พี่ตามมีที่หาได้พอทาไส้จานเจือที่ขัดขวาง
สิบเอ็ดคนทนเทวศก็ร้องครางจนรูปร่างนั้นผิดศรีฉวีวรรณ
สงสารแต่เมศรานิจจาเจ้ายิ่งโศกเศร้าโศกาแทบอาสัญ
จะคลอดโอรสยศยงที่ทรงครรภ์พระกายนั้นเจียนทรุดแทบสุดแรง
พอลูกออกจากท้องก็ร้องแหวนางแม่ก็ปวดท้องร้องเสียงแข็ง
พระลูกคลอดทอดกายหงายให้ตะแคงทั้งอู่แอ่งก็ไม่มีที่จะทำ
ครั้นลูกร้องเซ่อซ่ามาหาลูกเหยียบตะหมูกถูกปากถลากถลำ
ให้งันงกหกล้มลงทับล้ำลูกเจ้ากรรมทำลายตายทันที
ฝูงแม่น้ามาประชุมอยู่กลุ้มกลาดด้วยสามารถความอยากลากเอาผี
มาฉีกเนื้อเถือหนังกุมารีมาเผาจี่คนละอันปันกันกิน
แจกให้นางลำเภาเก็บเอาไว้กินไม่ได้ย่างแห้งแข็งดังหิน
ใครคลอดบุตรออกมาป้าน้ากินคนละชิ้นคนละอันปันกันมา
แต่คลอดบุตรทีละคนทนไม่รอดแม่ตาบอดป่วยไข้ไม่รักษา
ลูกตายหมายกินต่างข้าวปลาพอเป็นยาแก้แสบท้องร้องอุทร
นางลำเภาได้แจกสิบเอ็ดครั้งประสมเนื้อเหลือยังสิบเอ็ดก้อน
เจ้าหาของท้องนาในป่าดอนเลี้ยงอุทรตามประสาคนตาเดียว ฯ
◉ ครั้นกำหนดทศมาสนาถลำเภายุพเยาว์ปวดครรภ์กระสันเสียว
เจ้าหลีกไปไกลเพื่อนไม่กลมเกลียวอดเหนียวทนเจ็บไม่จาบัลย์
พอได้ฤกษ์นางก็คลอดปิโยรสไม่กำสรดเกลากล่อมถนอมขวัญ
สิบเอ็ดนางเชษฐาก็มาพลันหมายจะปันเนื้อแย่งไปแบ่งเอา
นางหยิบเนื้อย่างแห้งที่แบ่งไว้แล้วส่งให้ใช้เนื้อของพี่เขา
สิบเอ็ดนางรับเนื้อของลำเภาต่างก็เอามากินด้วยยินดี
เออมันแห้งแข็งกังทั้งเหม็นตืดพวกตามืดแสนลำบากกินซากผี
ลูกอีเภาเนื้อเน่ากินไม่ดีต้องประชีกระฉีกกินจนสิ้นไป ฯ
◉ ฝ่ายลำเภาเยาวลักษณ์รักษาบุตรบริสุทธิ์ราคินสิ้นปัถไหม
นิราศโศกโรคพยาธิอุบาทว์ภัยด้วยเทพไทบำรุงผดุงชู
เจียรกาลประมาณพระชันษาประจวบห้าหกปีมีผลู
พระกุมารงามประโลมโฉมตรูฉลาดรู้เฉลียวแหลมแต้มนักเลง
เมื่อออกจากอุโมงค์ตรงเข้าทุ่งทำกริ่งกรุ่งตำเนินเดินโฉงเฉง
พบกับเด็กเลี้ยงวัวตัวเจ้าเพลงร้องแหะเราเองแก้เพลงกัน
เด็กชาวนาชอบใจให้ข้าวห่อพระน้อยหน่อห่อข้าวรัดกระสัน
คำนึงถึงแม่ป้าก็มาพลันเอาข้าวห่อให้ปันทุกคนไป
แม่กับป้าทั้งสิ้นได้กินข้าวก็โลมเล้าหลานพลางทางปราศรัย
อันข้าวปลาได้มาแต่แห่งใดพ่อสายใจช่างหามาให้ทาน
พระบอกว่าเมื่อเย็นไปเล่นเพลงเหล่านักเลงชาวไร่ให้แก่หลาน
ชนนีดีใจใครจะปานป้าตาบอดกอดหลานแล้วเชยชม
ช่างแกล้วกล้าสามารถฉลาดเล่นชื่อเจ้ารถเสนจึ่งจะสม
พูดก็เหลือเนื้อก็เกลี้ยงเสียงก็กลมต่างนิยมชมหลานสำราญใจ
พระรถลาชนนีกับแม่ป้าว่าลูกยานี้จะเที่ยวไปหาไก่
ไปชนพนันขันเอาข้าวกับน้ำไซร้ได้มาเลี้ยงแม่ป้าประสาจน
ว่าแล้วก็ตำเนินเดินออกมาตามแถวทางมรคาริมถนน
หลีกลัดตัดไปให้พ้นคนปากก็บ่นครึ่งท่อนเป็นกลอนเพลง ฯ
◉ ก็ร้อนถึงเทวฤทธิ์สิทธิศักดิ์นิมิตไก่ให้ประจักษ์ดูเหมาะเหม็ง
เดินกอขันจ้าท่านักเลงเที่ยวเขี่ยคุ้ยหากินเองตามทุ่งนา
พระรถแลเห็นไก่ของใครหนอด่างประดับรูปเหมือนหล่องามหนักหนา
ก็จับเอาไก่นั้นอุ้มเอามาเดินร่าพาเข้าไปสังเวียนดิน
วันนั้นเป็นนัดใหญ่ไก่พร้องเพรียกก็เรียกไก่เข้าไปเปรียบจนหมดสิ้น
ด่างประดับเปรียบได้ไก่เขียวนิลไก่ตาไลถิ่นนี้มีเดิมพัน
พวกนักเลงจึ่งว่าถ้าท่านแพ้จงสัญญากันให้แน่เป็นเหมาะมั่น
ถ้าเราแพ้ละจะให้เงินเดิมพันถ้าท่านแพ้เรานั้นจงสัญญา
พระรถว่าถ้าเราแพ้แก่นักเลงจะยำเกรงยอมตัวเป็นทาสา
ถ้านักเลงแพ้เรานั้นจงสัญญาเอาโภชนาสิบสองห่อหม้อน้ำครบ
เหล่านักเลงเก่าเก่าก็พูดก้อลวงล่อเอาเชิงกระเจิงประจบ
หมายจะได้เป็นทาสาหาไม่พบแล้วก็รบให้เอาไก่เข้าไปวาง
ต่างคนเคล้าหน้าหาทิศที่เห็นไม่ถูกผีหลวงแล้วปล่อยหาง
เขียวนิลลำโตนั้นตีคางด่างประดับชนล่างผูกมัดไป
ด่างเสียทีเขียวตีถูกหลังคอด่างประดับหักงอหัวไถล
เจ้าของเฮฮาอึงคะนึงไปเออที่ไหนจะตลอดถึงสองอัน
กำลังเมาโยโสพูดโวหารด่างของท่านคงไม่อดเป็นแม่นมั่น
พระกุมารว่าอย่าประมาทชาติเดิมพันเจ็บเท่านั้นที่จะแพ้อย่าพึงคิด
ด่างประดับหายคัดมัดขึ้นมาฉวยตุ้มแทงนัยน์ตาไม่มีผิด
พระรถว่าเออนั่นปะไรได้เหมือนคิดแพ้สนิทพนันครัวไม่กลัวเลย
พวกไก่เขียวหน้าจ๋อยดูหงอยง่วงอันจมทะลวงจับไก่ไว้หน้าเฉย
ให้ตาครูผู้ให้น้ำแก่คร่ำเคยว่าลุงเอ๋ยประคองสู้ดูอิกอัน
แล้วเย็บตาผ้าขี้ริ้วจุดตามแผลหมอเข้าแก้สองคนจนมือสั่น
ให้หลับนอนป้อนข้าวอยู่พัลวันบ้างกระซิบบอกกันออกตัวไป
นาฬิกาจมลงพออันสองนายบ่อนร้องเร่งรีบให้วางไก่
ข้างไก่รองร้องว่าทอดตั้งต่อไปพระรถคิดแต่ในใจคงแพ้กู
พออันจมแล้วเอาไก่เข้าไปรับด่างประดับขันจ้าเที่ยวก๋าอยู่
เขียวตาบอดชะแง้เที่ยวแลดูทั้งคู่สองด่างปล่อยหางไป
ไอ้เขียวงงชนหลงเพราะตาบอดไก่ด่างลอดขึ้นมาตีคางคัดได้
แทงซ้ำหักเหเซซวนไปเจ้าของจับทันใดยอมแพ้พลัน
พวกนักเลงเล่นนอกกันนักหนาก็ชมว่าไก่พระรถนี้ขยัน
เจ้าของไก่ไอ้เขียวบอกเพื่อนกันไก่นั้นอาเพศแต่เดิมที
เมื่อนัดก่อนชนชนะถึงห้าชั่งมันก็ยังไม่เป็นรองถึงสองสี่
นี่ไก่เจ้าหนุ่มน้อยของเขาดีเหมือนไก่ผีมิใช่เป็นไก่คน
คิดเสียใจครั้นจะกลับเข้าไปบ้านเมียจะพาลด่าว่าไม่เป็นผล
ก็ชวนเพื่อนพวกพ้องสองสามคนไปโรงหมี่หัวสนนกินสุรา ฯ
◉ พระรถได้ข้าวน้ำสิบสองส่วนก็เดินด่วนมาถวายให้แม่ป้า
แต่มีชัยชนะไก่ได้โภชนามาเลี้ยงป้าเป็นนิจกาลนาน
ฝูงนักเลงก็ระบือลือพระรถปรากฏจบสิ้นทุกถิ่นฐาน
พระรถสิทธิ์อิศเรศเธอแจ้งการทราบสารแสนถวิลยินดี
จะใคร่เห็นรูปทรงพงศ์เพศมาประเวศอยู่ในกรุงบูรีศรี
ด้วยมานะกษัตราธิบดีว่าใครมีชัยชนะจะผจญ
วิสัยกระษัตริย์สนัดในเอกระมิให้ใครมาชำนะแต่สักหน
อันนักเลงนองเนืองในเมืองตนมาแพ้คนสับพลัดจึงขัดใจ
อุเหม่เหม่มานพนี้ลบหลู่ชนะในเมืองกูก็เป็นได้
จำกูจะผจญให้เสียชัยแล้วจะได้ข่มขี่ให้ลี้ลับ
แม้นเราเล่นสิ่งใดมีชัยเขาเกียรติเราจะมีชื่อระบือศัพท์
แม้นมันแพ้ก็จะร่ำทำให้ยับเฆี่ยนขับใส่คุกให้ทุกข์ทน
ดำริแล้วสั่งทแกล้วทหารหน้าให้ไปหานักเลงมาทุกแห่งหน
นายทหารรับสั่งพระภูวดลจัดให้คนป่าวเหล่านักเลงมา
ฝูงนักเลงรู้กระแสก็แซ่ซ้องเป็นหมวดกองเข้ามานั่งอยู่ข้างหน้า
รถเสนหนุ่มน้อยก็พลอยมาเป็นชาวป่าอยู่วังนั่งอยู่ไกล
จอมกระษัตริย์เสด็จยังธินั่งสนามรับสั่งถามว่าใครเล่นสกาได้
ให้เข้ามาทอดสกากับภูวไนยเสียหรือได้พ่ายแพ้แต่พนัน
เหล่านักเลงน้อยใหญ่ใครไม่สู้ก็นิ่งอยู่ดูใจใครจะขัน
สิ้นทุกคนมิได้ต่อขอประชันยังแต่องค์ทรงธรรม์พระกุมาร
จึ่งถามว่าจะมาเล่นอะไรเจ้าจงเร่งเข้ามาเร็วเถิดนะหลาน
เล่นสกาพนันสู้กับภูบาลรีบคลานเข้าไปเถิดอย่ารั้งรอ
พระกุมารได้ฟังไม่ยั้งได้ไม่รู้จักเข้าไปใกล้ไม่ไหว้พ่อ
หมอบเมียงคอยฟังอยู่รั้งรอไม่ย่อท้อหมายจะสู้กับภูบาล
รถสิทธิ์เห็นโอรสรถเสนนฤเบนทร์มีราชบรรหาร
ว่าดูรามานพผู้เชี่ยวชาญเรารำคาญเคืองระคายไม่วายวัน
จะใคร่เล่นสกาให้ผาสุกให้คลายทุกข์เสื่อมสิ้นที่โศกศัลย์
เจ้าก็เชิงนักเลงมาเล่นกันไม่พนันก็ไม่เพลินจำเริญใจ
ถ้าเราแพ้ตามแต่จะปรารถนาเงินตราผ้าพับจะนับให้
ถ้าเจ้าแพ้แก่เราเอาสิ่งไรมาเสียให้ราคาค่าพนัน ฯ
◉ พระรถบุตรอุดมบรมหน่อจึ่งตอบพ่อด้วยใจมิได้พรั่น
แม้นตัวข้าแพ้พระองค์ทรงพนันไม่มีอันที่จะเห็นเป็นราคา
ตัวหม่อมฉันคนเดียวเท่านี้แลถ้าแม้นแพ้จะยอมตัวเป็นทาสา
พระทรงฟังสั่งให้ยกกระดานมาวางตรงหน้าทั้งสองต้องกระบวน
พระรถกับกรุงกระษัตริย์ทัศนาบาศกาคู่กันไม่ผันผวน
ลูกขาวท้าวไททั้งมูลมวลลูกแดงล้วนแก่เจ้ารถดังพจนา
ทั้งสองทอดลูกบาศผาดผันป้องกันคอยระวังทั้งหลังหน้า
ทีทับทีถอนผ่อนกันมาพูดจาหลอกลวงดูท่วงที
พระกุมารพาลจะคล่องร้องเรียกบาศซัดปราดบาศพลิกเป็นสามสี่
หกกับหนึ่งสามหนึ่งกันก็ดีทำทีเรือนกันไว้มั่นคง
กรุงกระษัตริย์บาศขัดซัดบาศกริกบาศก็พลิกหน้าร้ายไม่ประสงค์
ก็จำเดินโดยขัดซัดบาศลงแล้วพระองค์ยอมแพ้อายแก่ใจ
รถเสนมีชัยฝ่ายพ่อแพ้ถึงสามกระดานจะแก้ก็ไม่ไหว
ยิ่งแก้ก็ยิ่งแพ้ทุกทีไปจนอ่อนใจยอมแพ้แก่กุมาร
จึ่งให้ของเงินตราค่าพนันทรงธรรม์ทูลแจ้งแถลงสาร
เงินทองสิ่งของซึ่งประทานไม่ต้องการคืนถวายแก่ราชา
จะขอแต่วารีสิบสองเต้าทั้งข้าวน้ำดังใจปรารถนา
กรุงกระษัตริย์ฟังอรรถกุมาราจึ่งให้น้ำข้าวปลาได้ดังใจ
จึ่งตรัสว่าดูรามานพน้อยเราก็พลอยพิศวงให้สงสัย
อันเงินทองของเราสักเท่าไรที่ยกให้ค่าพนันนั้นมากมาย
เจ้ามิได้จำนงที่ตรงทรัพย์ก็คืนกลับเงินตรามาถวาย
เราสงสัยไฉนเล่าจงภิปรายบรรยายให้เรานี้เข้าใจ ฯ
◉ พระกุมารฟังสารกระษัตริย์ถามจึ่งแจ้งความตามสัตยาศัย
อันเงินทองไม่ประสงค์จำนงใจจะเอาไปกินได้ฤๅไรนา
อันข้าวน้ำต้องประสงค์จำนงนักด้วยบำรุงเลี้ยงรักษ์พระแม่ป้า
สิบสองคนทุรพลอัปราด้วยหูตามืดมนอนธการ
พระฟังคำพระรถเสนยิ่งเกณฑ์ถวิลแล้วทรงจินตนาบัญชาหาร
พิศดูรูปทรงองค์กุมารในอาการประจักษ์ลักขณา
ทั้งมารยาทจะเป็นชาติประยูรยศปรากฏงามประโลมทั้งโฉมหน้า
จะเป็นพงศ์องค์ใดที่ไหนมากิริยารูปร่างสำอางครัน
จึ่งตรัสว่าดูรากุมาเรศจงแจ้งเหตุโดยจริงทุกสิ่งสรรพ์
อันสุริวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้านั้นเป็นพงศ์พันธุ์ว่านเครือเชื้อผู้ใด
ทั้งบิตุรงค์มารดาและป้าเชื้อเป็นชาวใต้ชาวเหนือตำบลไหน
จงบอกเล่ากับเราให้เข้าใจอยากจะใคร่รู้จักไว้ทักกัน ฯ
             

◉ พระรถฟังบังคมบรมนาถจึ่งตอบราชบรรหารเจ้าไอศวรรย์
เกล้ากระหม่อมไร้ญาติพงศ์พันธุ์เป็นคนจัณฑาลทุกข์ทุรพล
อันมารดาข้าชื่อนางลำเภาสนิทเนาในอุโมงค์ด้วยขัดสน
กับแม่ป้าตาบอดสิบเอ็ดคนมาทุรพลอดอยากได้ยากเย็น
ได้ยินว่าบิดาเป็นกระษัตริย์ไม่แจ้งชัดอยู่ที่ไหนมิได้เห็น
แม่กับป้าเลือดนัยน์ตาไหลกระเซ็นอดแต่เช้ากินเย็นอยู่อัตรา
เมื่อได้ข้าวของพนันทุกวันนี้ไปให้แก่ชนนีกับแม่ป้า
สิบสองคนชนนีไม่มีตาได้ข้าวแล้วข้าจะลาพระองค์ไป ฯ
◉ กรุงกระษัตริย์ฟังอรรถสนัดแน่ก็รู้แท้มั่นคงไม่สงสัย
ว่ากุมารเป็นบุตรพระภูวไนยจึ่งเข้าไปสวมกอดกุมารา
อนิจจาขวัญข้าวเจ้าพ่อเอ๋ยกระไรเลยได้ยากเป็นนักหนา
แต่นี้ไปพ่อจะให้ซึ่งโภชนาไปเลี้ยงป้ากับแม่ของโฉมยง
จงไปเฝ้าแหนให้เป็นนิจถ้ามีกิจสิ่งใดต้องประสงค์
ของในนิเวศวังดังจำนงจะได้สืบสุริวงศ์พงศ์พันธุ์
ตรัสพลางทางมีพระบัญชาสั่งเฒ่าแก่โขลนจ่าตัวขยัน
จงไปบอกวิเสทนอกทั้งปวงนั้นให้เปลี่ยนกันส่งข้าวทุกเวลา
สั่งเสร็จเสด็จคืนเข้าปราสาทยุรยาตรเข้าในห้องอันเลขา
พระรถก็ลินลาศคลาดคลามายังแม่ป้าโดยจำนง
แม่กับป้าพากันมารับหลานก็ชื่นบานเชยชมสมประสงค์
พระรถบอกกับแม่แต่ตามตรงวันนี้พบองค์พระบิดา
เล่นสกาพนันพระพ่อแพ้ประทานเงินผ้าแพรเป็นนักหนา
ลูกไม่เอาถวายคืนพระผ่านฟ้าทูลกิจจาตามคดีโดยจำนง
พระพ่อรู้เรื่องความตามกระแสประจักษ์แน่ว่าเป็นบุตรสุดประสงค์
ก็โปรดให้โภชนาดังจำนงสั่งวิเสทขนส่งทุกเพลา
สั่งลูกยาว่าจงอยู่นิเวศวังลูกตั้งใจจะมาหาแม่กับป้า
นางลำเภาฟังอรรถวจนาจึ่งเล่าเรื่องหลังมาให้แจ้งใจ
บิตุรงค์ได้องค์มเหสีในดอกประทุมมาลีที่สระใหญ่
เวทมนตร์มันขลังล้นเป็นพ้นไปมันว่าไรเป็นนั่นดังวาจา
มันให้ควักนัยน์ตาป้ากับแม่สุดแท้ตามใจมันปรารถนา
โทษผิดสิ่งไรไม่มีมาพระผ่านฟ้าช่างทำได้ไม่อินัง
พระรถแจ้งคดีที่แม่เล่าก็โศกเศร้าโศกาน้ำตาหลั่ง
สงสารแม่พลัดพรากมาจากวังสุดจะสังเวชป้าแล้วว่าไป
อย่าทุกข์ร้อนลูกจะจรไปหาเลี้ยงอันมีจนนั้นไม่เที่ยงอย่าสงสัย
วาสนาอาภัพก็ลับไปแม่อย่าได้มัวหมองด้วยกองจน
ปลอบแม่ป้านั่งฟังพระหลานก็ชื่นบานแต่ตามยามขัดสน
น่าสงสารพระกุมารนะถนน[19]เที่ยวซุกซนหาเลี้ยงพระมารดา
กับได้ของประทานวิเสทส่งโดยจำนงเลี้ยงกายไปภายหน้า
วิเสทนอกออกมาส่งเป็นอัตราตามบัญชากรุงกระษัตริย์ตรัสประทาน
รถเสนสุริวงศ์เธอองอาจสามารถแว่นไวใจทหาร
ค่ำเช้าเฝ้าแหนพระภูบาลยังมิได้ว่าขานการสิ่งใด
ฝูงข้าเฝ้าเหล่าพระยาก็ยำเกรงด้วยเธอเป็นนักเลงเก่งจนใหญ่
ท่วงทีเชี่ยวชาญชำนาญในพริบไหวเชิงชั้นขยันนัก
ทั้งรูปทรงเจ้าชู้ดูหลักแหลมกิริยาก็แชล่มดูแหลมหลัก
พวกขุนนางน้อยใหญ่มีใจรักที่งอนง้อขอทักนั้นเราะราย
บ้างกระซิบพูดกันกระนั้นกระนี้กุมารนี้ท่วงทีดีใจหาย
อย่าทำเล่นดูถูกลูกงูร้ายฉวยกัดถูกแล้วก็ตายไม่รู้ตัว
อย่าคลำหางเสือผอมจะตรอมจิตแต่ราชสีห์มีฤทธิ์ยังสั่นหัว
อันว่านเครือเชื้อสายเจ้านายตัวถึงตกยากก็ให้กลัวอย่าแรมโรย
บางทีว่าข้าพเจ้าเห็นเค้าเงื่อนคงจะเลื่อนจากจนพ้นหิวโหย
พูดขอรับคำนี้ดีกว่าโฮยย่อมกันโพยพอให้รักสักเวลา
บางที่ว่าพระกุมารนี้นักหนาฉกาจเก่งท่วงทีดีหนักหนา
เล่นอะไรมีชัยไปทุกคราทั้งแกล้วกล้านานไปจะได้ดี
เหล่าขุนนางต่างคนสรรเสริญจนอายุเธอจำเริญได้สิบสี่
ราชการทุกกระทรวงรู้ท่วงทีสิบหกปีปราดเปรื่องกระเดื่องกรุง
ก็ลือเล่าเข้าหูสุนนทานางยักษากลับวิตกตีอกผลุง
ให้เคืองขุ่นหุนหันหมั่นไส้พุงนอนไม่หลับยังรุ่งจนตาโรย
แสนแค้นพี่น้องสิบสองคนไม่วายชนม์จนกายนั้นหิวโหย
มีลูกชายได้ข่าวราวขโมยจะทำโพยก็เกรงพ่อต้องรอคิด
จะฆ่าเสียในเมืองจะเลื่องลือจะอึงอื้อรู้ถึงองค์รถสิทธิ์
กูจะทำสงครามด้วยความคิดให้ชีวิตไอ้รถมันปลดปลง
คิดแล้วเข้าห้องทำร้องครางเอาหยูกยาทาข้างขอบขนง
เรียกเครื่องสุพรรณภาชนะทรงของประจงดีดีมีโอชา
จับช้อนทำทีเสวยข้าวเมื่อยามเจ้าภพไตรจะไปหา
ทำแค่นขืนกลืนข้าวเหมือนกลืนยาแล้วบ่นว่าอยากมะม่วงกับมะนาว
ต่อเมื่อใดได้มะนาวที่รู้โห่กับมะม่วงผลนั้นโตที่รู้หาว
ถ้าได้กินสักชิ้นลูกมะนาวประหนึ่งราวกับปลิดลิดโรคา
พูดกันไม่ทันจะขาดปากพอสามีเสด็จกรากเข้ามาหา
ได้ยินยังไม่ชัดตรัสถามมาเมื่อตะกี้แก้วตาว่าอะไร
นางสุนนทามารได้ฟังผัวยอบตัวแกล้งชะอ้อนวอนไหว้
วันนี้ให้ปวดหัวมัวตาไปอกใจให้เขม่นเต้นริกริก
ให้นึกอยากมะม่วงหาวมะนาวโห่ท้องจะโตแล้วลำบากยากยุกยิก
อยากร้อนอยากเผ็ดอยากเม็ดพริกมันให้อยากจุกจิกไปทีเดียว
ฉะนี้แน่แพ้ท้องหฤๅไรและมันเสาะแสะอยู่อยู่ก็ใจเสียว
ทูลพลางแอบองค์ลงกลมเกลียวแสนฉลาดจริงเจียวช่างสอพลอ
จูบน้องลองรสแล้วพจนารถสายสวาททูลไปพิไรขอ
ประทานโทษโปรดเมียให้คล่องคออย่าหาหมอมาลองไม่ต้องเลย
พระฟังนางพลางประโลมโฉมถนอมอีมารปลอมย้อมพูดเล่นเฉยเฉย
เพราะต้องมนต์เล่ห์ลมหลงชมเชยพระกอดเกยเกี้ยวกายคลายฤๅทัย
ประจงจับขยับเยื้องนางสลัดผลักพระหัตถ์กล่าวชะอ้อนแล้ววอนไหว้
ไม่สบายพระอย่ายวนให้กวนใจเป็นอะไรในอุทรให้ร้อนร้าว
มันให้อยากเปรี้ยวหวานพานจะมากมันเหลืออยากผลพวงมะม่วงหาว
ที่รู้โห่เหมือนคนผลมะนาวถ้าได้กินแล้วราวกับได้พิมานทอง
โอ้เจ้าพี่ที่ไหนไม่เคยเห็นประหลาดเป็นอัศจรรย์สำคัญของ
ท่าเห็นมีแก้วพี่จงปรองดองที่ตรงน้องเรียมไม่ขัดพระอัชฌา
มีอยู่ดอกพระทูลกระหม่อมแก้วน้องรู้แล้วมีในเมืองของยักษา
น้องจะเขียนราชสารตามปัญญาไปขอมาก็จะได้ดังใจปอง
รถเสนกุมารมีบุญนักถ้าเจ้าไปเมืองยักษ์เห็นได้คล่อง
ด้วยชั้นเชิงโฉมตรูรู้ทำนองไม่ขัดข้องที่จะใช้ให้ขอมา
ถ้ากระนั้นขวัญเมืองอย่าเคืองใจพี่จะใช้ให้องค์โอรสสา
ไปยังกรุงทานตะวันนคราขออัมพากับมะนาวมาให้น้อง
ว่าพลางคลึงเคล้าเย้ายวนโดยกระบวนประดิพัทธ์ไม่ขัดข้อง
เสพสมรมยาดังฟ้าคะนองจนแสงทองส่องทิศบูรพา
พระก็ฟื้นตื่นสรงเพลาสายสำอางองค์พรรณรายทรงภูษา
เสด็จเข้าที่เสวยโภชนาเสร็จทรงปัญจากุกุธภัณฑ์
แล้วออกท้องพระโรงรัตน์อรรถอำมาตย์หมอบกลาดดังสิเนรุสองสวรรค์
ข้าเฝ้าท้าวพระยาทั้งนั้นก็ถวายบังคมคัลด้วยทันใด ฯ
◉ รถเสนโอรสประณตน้อมพรั่งพร้อมเสนาทั้งน้อยใหญ่
จอมกระษัตริย์ทัศนามาแต่ไกลมีพระทัยโสมนัสด้วยอัชฌา
ด้วยพระองค์หลงเล่ห์เสน่ห์เมียพาให้เสียยศศักดิ์ลงหนักหนา
เมากิเลสเวทมนตร์ดลวิญญาหลงตัณหาตาบอดลงกอดมือ
นึกจะใช้ลูกไปก็สมเพชคิดถึงเมียที่สังเวชไม่อาจหือ
ระลึกคำเมียสั่งตั้งฮึดฮือเห็นหน้าลูกแล้วก็รื้อให้รั้งรอ
แต่ผินหน้าผินหลังนั่งแล้วลุกไม่มีสุขเหมือนจะเข้ต้องมนต์หมอ
ครั้นใจเขลาเมาเมียมาเคลียคลอให้คันคอพอจะตรัสขัดในใจ
อันเมาเหล้าเมายาช้าก็หายอันเมาเมียนี้จะคลายอย่าสงสัย
มันคอยเติมคอยซ้ำอยู่ร่ำไปซ้ำทีไรรามาพิรากน
แต่ครั้งหนึ่งสองครั้งใจยังดีมันเสียทีเมื่อครบจนสามหน
ครั้นถึงสี่สุดที่จะทานทนมันลงเป็นผักต้มขนมยำ
ท่านว่ามีเมียผิดให้คิดหย่าครั้นเห็นหน้ามันแต่งล่อพอขำขำ
ก็ลืมคำสุภาษิตไม่คิดคำเฝ้าแต่ร่ำไรรักหักไม่ลง
ถึงรู้ว่าเมียชั่วถ้าตัวรักรักจะหักชั่วได้ไม่ประสงค์
คิดว่าชั่วช่างมันเทอะก็เลอะลงอันชายคงหลงเมียเสียทุกคน
ท้าวรถสิทธิ์หลงเล่ห์เสน่ห์ยักษ์มีความรักมืดฟ้าเวหาหน
มาปิดรักโอรสหมดกลเพราะมัวมนต์หลงเล่ห์เสน่ห์เมีย
อันรักลูกก็หายคลายไปสิ้นหวังถวิลให้กระจัดพลัดไปเสีย
จะยกยศให้ปรากฏไว้แต่เมียลูกให้จำต่ำเตี้ยเมียชอบใจ
จึ่งตรัสเรียกโอรสนั้นเข้ามาลูบไล้พูดจาแล้วปราศรัย
ลูกเอ๋ยพ่อนี้หวังตั้งใจอยากจะได้ลูกไม้ที่เอกโท
ผลหนึ่งชื่อมะม่วงนั้นรู้หาวผลหนึ่งชื่อมะนาวนั้นรู้โห่
ถ้าได้มาพาราเราจะภิญโญเป็นมโหฬารเลิศประเสริฐนัก
ไม้นั้นสุนนทาเขาว่ามีในบูรีทานตะวันอันมีศักดิ์
เจ้าแก้ไขไปขอทูลอสูรยักษ์ว่ารู้จักกับนางสุนนทา
แต่ครั้งเขายังอยู่เขาไกรลาสเป็นข้าบาทพระสยมอันนาถา
ได้ลงไปเที่ยวสวนอสุราเห็นอัมพากับมะนาววิเศษดี
พระธิดาบุตรีเมรีนั้นได้ผูกพันยอมเป็นบุตรของโฉมศรี
จงเอาสารนี้ไปส่งให้เมรียังบูรีทานตะวันพระพารา
นางจะให้หนังสือเจ้าถือไปแจ้งในข้อระบิลสิ้นกังขา
คงจะได้มะนาวผลอัมพาจะอาสาพ่อได้หฤๅลูกรัก ฯ
◉ พระโฉมยงฟังองค์พระบิตุราชอภิวาทบาทบงสุ์พระทรงศักดิ์
โดยจิตตรงเจตนาสามิภักดิ์ไม่รู้ว่ากลยักษ์มันอุบาย
จึ่งทูลว่าจะอาสาพระบิตุเรศให้สมเจตนาในมโนหมาย
ไปเอาผลมะม่วงงามตามอุบายมาถวายบิตุรงค์ด้วยจงใจ
อย่าว่าเลยจะลำบากในแดนดงถึงของดีที่ประสงค์ตรงทิศไหน
แม้นพระองค์จำนงจงใจจะใคร่ได้จะเอามายังธานี
จะขอแต่อาชาม้าต้นขี่ข้ามพนาสณฑ์เดินวิถี
จงโปรดปรานประทานซึ่งพาชีพอได้ขี่ข้ามพงดงดอน ฯ
◉ กรุงกระษัตริย์ฟังอรรถพระลูกรักสามิภักดิ์โดยการชาญสมร
มีพระทัยโสมนัสสถาพรนรินทรเยื้องย่างเข้าปรางค์ใน
นั่งแอบแนบน้องสุนนทาเชยแก้วกัลยาแล้วปราศรัย
เจ้าจงแต่งสาราอย่าช้าไยให้โอรสถือไปบัดเดี๋ยวนี้
มันก็รับอาสาว่ามั่นคงจะไปส่งนครเมรีศรี
แม้นมิได้ผลไม้มาธานีจะฆ่าให้ชีวีมันปลดปลง
สุนนทาฟังว่ากระเษมจิตรด้วยสมคิดนิยมสมประสงค์
จึ่งทูลความตามอุบายหลายกระทงเชิญพระองค์เสด็จออกยังเสนา
น้องจะคิดแต่งสารการตรองตรึกถ้าอึกทึกก็ไม่ชอบประกอบว่า
ถ้าเขียนเสร็จสำเร็จอักษราจะส่งไปข้างหน้าดังใจปอง
พระฟังแก้วขนิษฐามารยาบอกเสด็จออกที่นั่งเย็นเผ่นผยอง
พระว่าขานการพาราตามทำนองพระกรรณจ้องคอยฟังสุทามาร ฯ
◉ สุนนทายักษีมีพยศแต่งกลอนคิดคดลงในสาร
เป็นความลับกำชับในใบลานเสร็จสารม้วนห่อใส่กล่องพลัน
แล้วเสกมนต์ผูกรัดมัดกล่องแน่นใครจะแก้หมื่นแสนอย่าไหวหวั่น
เว้นแต่หมู่สุริวงศ์พงศ์พันธุ์แล้วถือสารจรจรัลมาทันใด
ทำกระแอมกระไอแล้วให้เสียงภูวไนยจำสำเนียงกระแอมได้
เสด็จกลับหวนหันเข้าทันใดเห็นอรทัยแล้วจึ่งถามไปทันที
ไหนเล่าราชสารจะให้ไปส่งมาเร็วไวเถิดโฉมศรี
นางส่งกล่องสาราด้วยทันทีพระเผยม่านจรลีกลับออกมา ฯ
◉ เรียกองค์โอรสเข้ามารับพระรถคลานคำนับน้อมเกศา
รับสารจากหัตถ์กษัตราจึ่งมีบัญชาไปทันที
กรมม้าที่มาหมอบตามกระทรวงแต่บรรดาม้าหลวงอยู่ที่นี่
ให้จัดม้าทุกตัวชั่วแลดีให้ลูกยาเรานี้ไปเลือกพลัน
พระรถบังคมแล้วคลาดคลาเดินมาทางวิโยคไห้โศกศัลย์
มาถึงอุโมงค์เข้าด้วยพลันทรงธรรม์กราบกับบาทพระมารดา
โอ้ว่าแม่ป้าผู้เพื่อนยากกรรมวิบากสิ่งไรเป็นหนักหนา
สมเด็จบิตุเรศไม่เวทนาใช้ข้าให้ถือหนังสือไป
ยังเมืองยักษ์ทานตะวันนคราขออัมพาที่รู้หาวมาจงได้
ทั้งมะนาวที่รู้โห่อันเกรียงไกรจะมิไปเล่าก็เกรงพระอาญา
ลูกเป็นห่วงแม่กับป้าอยู่ข้างหลังจะฝากฝังกับผู้ใดไม่เห็นหน้า
ลูกไปแล้วเมื่อไรจะกลับมามรคาทุ่งกว้างทางก็ไกล
นางลำเภากอดลูกเข้าครวญคร่ำโอ้เวรกรรมสิ่งใดมาซัดให้
แสนลำบากยากจนคนไร้เจ็บไข้ก็ได้เห็นหน้ากัน
เกิดเหตุทั้งนี้อีนนทาพยาบาทอิจฉานั้นเข้มขัน
ถ้ามิได้อย่างนี้เอาอย่างนั้นมันว่าไรเป็นนั่นดังวาจา
คิดถึงตัวก็ให้นึกสังเวชจิตคิดถึงลูกก็สงสารเป็นหนักหนา
ไหนจะคิดเคืองขัดพระภัสดากัลยาค่อนอุระประปราน
พระรถค่อยคลายหายความโศกว่าแม่ป้าอย่าวิโยคโศกถึงหลาน
แม้นกุศลหนหลังแต่ก่อนกาลมาเจือจานแล้วไม่มีซึ่งโพยภัย
อันเกิดมาในวัฏสงสารจะพ้นการมรณาอย่าสงสัย
จงหักใจเถิดแม่ป้าอย่าห่วงใยลูกไปไม่ช้าจะมาพลัน
แล้วประกาศเทวัญทุกชั้นฟ้าอันตัวข้ากระตัญญูถือสัตย์มั่น
บำรุงเลี้ยงแม่ป้ามานานครันจงมาช่วยป้องกันอันตราย
ตาก็บอดมืดมนอนธการทั้งสาธารณ์ยากจนเป็นเหลือหลาย
ให้พ้นจากไภยันอันตรายเทพเจ้าทั้งหลายจงเมตตา ฯ
◉ ครั้นเสร็จตั้งจิตธิษฐานพระกุมารจึ่งบอกกับแม่ป้า
ของประทานเอมโอชโภชนาวิเสทขนส่งมาเป็นนิจกาล
นั้นและจงบำรุงผดุงเลี้ยงเป็นเสบียงเลี้ยงชีวาคอยท่าหลาน
แล้วกราบลาแม่ป้ามิทันนานแม่กับป้าให้พรหลานด้วยทันใด
พ่อไปให้เป็นสุขสวัสดีจงปราบหมู่ไพรีให้แพ้พ่าย
ให้มีเดชภิญโญเดโชชัยจงสมใจปรารถนาพยายาม
พระรถประนมกรรับพรแล้วก็คลาศแคล้วไปยังวังสนาม
จึ่งเรียกกรมม้าให้มาตามอันม้างามอยู่ที่ไหนไปกะเรา
กรมม้าออกมากับพระรถให้จูงม้ามาหมดทุกหมวดเหล่า
สีขาวแดงดีทั้งสีเทาม้าเก่าม้าใหม่ที่ในโรง
พระเลือกดูหมู่ม้ากว่าพันฝีเท้านั้นผกเผ่นเต้นเยงโหยง
ไอ้ม้าอดอยากลากซี่โครงดูเกงโก้งรูปร่างไม่น่าดู
พระจึ่งถามกรมม้าว่าพาชีม้าระวางบรรดามีอยู่ทั้งหมู่
เราดูไม่ต้องตำราไม่น่าดูรูปเหมือนหมูเหมือนวัวชั่วเหลือใจ
นายม้าทูลว่าม้าของหลวงทุกกระทรวงเอามาหาเหลือไม่
ทั้งม้าเชลยศักดิ์พรรคพวกใครบรรดามีที่ไหนก็เอามา
สุดสิ้นเท่านี้ไม่มีแล้วพระอย่าได้สอดแคล้วกังขา
ยังมีม้าหมู่หนึ่งในท้องนาเที่ยวกินหญ้าดงรามมีสามตัว
ขอเชิญเสด็จไปดูให้รู้เห็นมันร้ายร้องคะนองเล่นกัดเอาหัว
ชาวเมืองชาวบ้านสะท้านกลัวพระอยู่หัวจงทราบบทมาลย์ ฯ
◉ พระฟังนายกรมม้าว่ามั่นคงพาเราไปโดยจำนงที่ว่าขาน
จะได้รู้กิริยาและอาการเหมือนท่านว่าแล้วจะจับมาขี่ลอง
พูดพลางกรมม้าพาพระรถเดินเลี้ยวลดตามถนนพ้นบ้านช่อง
ออกจากบึงพอถึงที่ริมคลองเห็นม้าสองสามตัวเที่ยวมัวกิน
กรมม้าพากันขึ้นต้นไม้จะไว้ใจไม่ได้โดยถวิล
อย่าพูดดังม้าร้ายจะได้ยินมันขี้ผินโผผกมาชกเอา
พระรถเห็นพาชีที่ในทุ่งเขม้นมุ่งเห็นดีทั้งสีขาว
เขียวขำลำนิลสินสีเทาเชิงเชาว์ชาญคะนองว่องไว
พระเสด็จหากแกล้งแสดงองค์เป่าพระหัตถ์เสี่ยงส่งกระแสงไสย[20]
พลางตำเนินเดินตรงเข้าไปมโนมัยผัวเมียเลียลูกพลาง
แล้วบอกว่าพระกุมารจ้าวเรามาตรงคันนาริมบึงที่ขึงขวาง
ลูกม้าเหลียวชะแง้แลตามทางเห็นพระรถเดินกลางคันนามา
ดีใจลำพองแล้วร้องกระหึมแห้ก็วิ่งแต้เต้นใหญ่เข้าไปหา
พระรถรักกวักหัตถ์กัณฐัศมาแล้วอาชาเต้นชิดเข้าติดพัน
พระกอดคอม้าแก้วแล้วป้อนหญ้าชักชวนว่าพี่ม้าเอ็นดูฉัน
ครั้งนี้มีงานการสำคัญไปด้วยกันกับน้องเถิดอาชา
จะถือสารไปเมืองทานตะวันหนทางนั้นสุดไกลเป็นนักหนา
จงพาน้องไปให้ถึงพระพาราพระบิดาใช้ไปดังใจปอง
ม้าทรงขององค์พระสยมสบเศียรก้มแล้วก็กล่าวสารสนอง
อัมรินทร์ปิ่นภพพิมานทองให้พี่ม้าคอยน้องหลายราตรี
จะกริ่งเกรงอะไรไปเมืองยักษ์ไม่เกรงศักดิ์ยักษาดอกโฉมศรี
จงขึ้นหลังพี่เถิดนะภูมีพาชีรื่นเริงบันเทิงใจ
พระฟังม้าพาทีดีใจนักกวักพระหัตถ์เรียกกรมม้าแล้วปราศรัย
เร่งเอาเครื่องมาแต่งมโนมัยให้ทันในเวลาอย่าช้าการ
กรมม้าพาเครื่องมาแต่งม้าเบาะอานผ่านหน้าดูไพศาล
แผงจำหลักราชสีห์เผ่นทะยานปานม้าทรงขององค์เวชยันต์
........................................................................................
........................................................................................
............................................ฝีเท้า........................ดังลมกรด
โผนเผ่นเต้นร้องลำพองพยศก็พาพระรถ..................นภา[21]
ราษฎรยืนดูอยู่หวั่นไหวบอกกันไปว่าองค์โอรสา
............บุญเลิศล้นคณนาคงได้ครองพาราพระบุรี
ม้าทรงพาองค์พระหน่อนาถผันผาดข้ามเมรุคีรีศรี
พระโหยละห้อยไห้หาพระชนนีก็โศกีอยู่บนหลังอาชาไนย
โอ้ว่าปานฉะนี้พระแม่เจ้า[22]..........................................
.................................................................................................
..................................................................................................
หลานน้อยไม่ประสงค์ตรงว่านยา[23]ด้วยไม่รู้มรคาจะโคจร
ตัวข้าชื่อว่ารถเสนหน่อนเรนทร์รถสิทธิ์อดิศร
อยู่ไกรจักรพระพาราสถาวรพระบิดรใช้ให้ถือหนังสือไป
ถึงเมรีลูกรักสุนนทาอยู่พาราทานตะวันกรุงใหญ่
ให้เอาผลมะม่วงหาวในกรุงไกรพาไปถวายองค์พระบิดา
อันหนทางที่จะไปเมืองทานตะวันทิศไหนนั่นใกล้หรือไกลให้กังขา
จึ่งโปรดเกศแจ้งเหตุแห่งมรคาได้เมตตาชี้แสดงให้แจ้งการ ฯ
             

◉ พระมุนีฟังคดีกุมารไขก็แจ้งใจทราบสิ้นกระบิลสาร
จึ่งหลับเนตรสังเกตดูรู้ในฌานเหตุการณ์ทราบยุบลแต่ต้นมา
จึ่งปราศรัยว่าดูรากุมาเรศเจ้าประเวศมาถึงนี่ดีนักหนา
แต่เหน็ดเหนื่อยจงหยุดพักสักเวลาบ่ายแสงสุริยาจึ่งบทจร
พระอาจารย์จึ่งไปเลือกผลไม้ทุเรียนระกำลำไยมะพร้าวอ่อน
ส้มโอส้มซ่าผลกระท้อนให้ภูธรเสวยเถิดพอชื่นใจ
พระภูบาลรับประทานของฤๅษีก็เปรมปรีด์ปราโมทย์ค่อยแจ่มใส
ด้วยเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้ามาแต่ไกลพระภูวไนยเสด็จนั่งหลังศาลา
บนแผ่นผาศิลาใหญ่ใต้ร่มโศกแสนวิโยคคิดคำนึงถึงแม่ป้า
จึ่งแก้กล่องที่ผูกคออาชาวางไว้ริมกายาพระภูมี
แล้วเอนกายลงบนแผ่นศิลาลาดก็ไสยาสน์ใต้โศกกระเษมศรี
ฝ่ายว่าม้ามิ่งที่ตัวดีก็จรลีไปเที่ยวในพงไพร
พระมุนีเที่ยวจงกรมแล้วลินลาศเห็นกุมารไสยาสน์นอนหลับใหล
กล่องสารที่กุมารเอาวางไว้เธอหยิบได้เอาขึ้นดูอยู่ช้านาน
จึ่งแก้มนต์ที่อีมารมันผูกมาแล้วหยิบเอาสาราออกมาอ่าน
ในสาราว่าสุนนทามารมาแจ้งการกับเมรีผู้ธิดา
ด้วยกุมารนี้เป็นหลานอีตาบอดนัยน์ตามันนั้นให้ขอดไว้บนฝา
ถ้าวันใดมันมาถึงพาราให้ยักษาจับกินให้สิ้นไป
ทั้งอาชาม้าที่ขี่พยศกินให้หมดอย่าให้เลือดตกดินได้
ครั้นแจ้งสารพระทรงญาณสังเวชใจว่าพุทโธมันทำได้ไม่เวทนา
คิดสงสารพระกุมารยังอ่อนศักดิ์อีนางยักษ์มันใช้ไปให้เขาฆ่า
พระบิตุรงค์หลงกลมารยาก็คิดแปลงสาราเสียทันที ฯ
◉ ในราชสารนางมารสุนนทามาถึงองค์พระธิดาเมรีศรี
ด้วยพระเจ้าไตรจักรธิบดีให้แม่นี้เป็นเอกสนมใน
บัดนี้แม่แต่งกุมาราให้เป็นคู่ธิดากระเษมใส
นามกรรถเสนอันเลิศไกรแม่รักใคร่เสมอบุตรในอุทร
ไปถึงเช้าให้ข้าเฝ้ามาต้อนรับกลับไปอุภิเษกกับสายสมร
ให้เป็นศรีทานตะวันอันบวรตามราชสารมารดรอวยพรมา
ครั้นแปลงสารสิ้นเสร็จสำเร็จแล้วก็ผ่องแผ้วเกษมสันต์ด้วยหรรษา
จึ่งใส่ไว้ในกล่องอย่างเดิมมาแล้วคืนเข้าศาลาด้วยทันใด
พระกุมารฟื้นกายค่อยคลายจิตแล้วคิดถึงม้าหาช้าไม่
ม้าก็วิ่งผ่าพงตรงเข้าไปอยู่แทบใกล้พระกุมารทะยานคะนอง
แล้วกราบลาพระอาจารย์ชาญพระเวทคุณนั้นล้ำปกเกศเย็นสนอง
พระอาจารย์จึ่งว่าหลานจงตรึกตรองอันมะม่วงนั้นเป็นของที่เสี่ยงทาย
ถ้าใครปลิดใบก้านรานตัดจะวิบัติบ้านเมืองเรื่องฉิบหาย
ในสารามันให้ฆ่าเสียให้ตายตาเขียนกลายอภิเษกกับเมรี
เป็นกุศลล้นลบได้พบตาหาไม่ชีวาจะเป็นผี
พระกุมารฟังสารพระมุนีแจ้งคดีแข็งขึงตะลึงไป
โอ้ว่าทูลกระหม่อมพระจอมเกศมาอาเพศหลงกลอีมารได้
เอากล่องสารายื่นมาให้ลูกไปมิรู้ข้างในอสรพิษตัวสำคัญ
มันจองเวรจองผลาญมานานช้าแม่กับป้าแทบชีวาจะอาสัญ
นี่หากว่าอัยกาท่านรู้ทันถ้าที่ไหนชีวันคงมรณา
พระกุมารคิดแค้นพระบิตุเรศสงสารตัวคิดสังเวชถึงแม่ป้า
พลางซบพักตร์ลงทรงโศกาดังจะสิ้นชีวาวายปราณ
พระนักสิทธิ์คิดสงสารพระหลานเหลือ[24]อย่าโศกนักจงเชื่อตาเถิดหลาน
คงได้สมอารมณ์ทุกประการตาจะให้มนต์หลานกับขรรค์ชัย
แล้วบอกมนต์ศักดิ์สิทธิ์อิทธิเวทกับพระขรรค์ทรงเดชนั้นส่งให้
แล้วชี้ช่องมรรคาให้คลาไคลตรงมือเราชี้ไปและเมืองมาร
มีเขาใหญ่สูงเยี่ยมเทียมเวหาบังสุริยาร่มชิดทิศอิสาน
จึงมีนามทานตะวันอันปราการแล้วอาจารย์อวยพรสวัสดี
ให้สุโขภิญโญโอฬารเลิศจงประเสริฐปราบได้ทิศทั้งสี่
ให้สมปองได้ครองกับเมรีพรของตานี้ให้ได้ดังใจ
พระกุมารยอกรรับพรแล้วก็คลาศแคล้วออกมาหาช้าไม่
เผ่นขึ้นบนหลังมโนมัยลอยละลิ่วปลิวไปในอัมพร
กำลังม้ายิ่งกว่าเพชรหึงประเดี๋ยวหนึ่งพระยลยอดสีขร
สูงตระหง่านพ้นเยี่ยมเทียมอัมพรเห็นจะเป็นเขานครทานตะวัน
สมวาทีที่ฤๅษีเธอบอกเล่าก็ถึงเขาใหญ่เยี่ยมเทียมมหันต์
เห็นขอบค่ายรายเรียงอยู่เคียงกันพวกกุมภัณฑ์รักษาด่านอยู่มากมี
ได้ยินเสียงฆ้องกระแตออกแซ่เสียงทั้งสำเนียงเกราะโกร่งอยู่อึงมี่
พระจึ่งปรึกษากับพาชีที่นี้จะเป็นด่านชานนคร
เราจะรออยู่สักหน่อยฟังถ้อยความเขาจะได้ไต่ถามให้รู้ก่อน
แล้วจึ่งค่อยคลาไคลในนครอัสดรจะเห็นอย่างไรดี
อาชาฟังว่าไปไฉนพ่อมาย่อท้อยอมตัวกลัวยักษี
ไอ้ชาวด่านยักษ์ไพร่ใช่ผู้ดีพ่อก็มีเวทมนตร์พระขรรค์ชัย
ว่าแล้วลำพองคะนองเหาะเฉพาะข้ามด่านมาหาช้าไม่
ผาดผายหมายมุ่งยังกรุงไกรหวังจะใคร่ให้รู้ในยุบล ฯ
◉ ฝ่ายฝูงชาวด่านทหารเมืองตาชำเลืองแลไปในเวหน
เห็นคนขี่ม้างามตามกระกลทั้งกล่องแก้วอำพนคอพาชี
หมู่ยักษ์ร้องถามแล้วห้ามไว้จะข้ามด่านไปไหนจงหยุดนี่
เราจะถามตามข้อเรื่องคดีอย่าทำทีไม่ได้ยินเร่งลงมา
พระฟังถามบอกความแก่ชาวด่านเราถือสารการเร็วเป็นหนักหนา
ครั้นจะหยุดพูดกันก็จะช้าจะรีบไปพาราบัดเดี๋ยวนี้
ฝ่ายว่าอาชาชาญระเห็จเหาะจำเพาะกรุงทานตะวันอันเรืองศรี
ชาวด่านแค้นคั่งดั่งอัคคีก็ตามพระภูมีเข้าพารา
ครั้นถึงวังขึ้นยังศาลาเวรพอสิทธิกรรม์อสุเรนยักษา
ออกนั่งว่าขานการพาราขุนด่านคลานเข้าหาแล้วแจ้งการ
ว่ายังมีมนุษย์หนึ่งพึ่งรุ่นรวยรูปสวยเป็นทูตถือสาร
ขี่ม้าเหาะเหินเดินทะยานข้ามด่านเข้ามาในธานี
จะห้ามไว้ให้หยุดก็ไม่อยู่ทำจู่ลู่ดูถูกชาวกรุงศรี
จงท่านเสนาธิบดีได้ปรานีอดโทษจงโปรดปราน
สิทธิกรรม์ยักษีมีพยศครั้นปรากฏกิจจาที่ว่าขาน
คิดแค้นเคืองใจดั่งไฟกาลให้บันดาลโมโหโกรธา
อันเป็นทูตถือสารการแต่ก่อนต้องแรมร้อนผ่อนผันหันหา
ให้ด่านทางบอกกล่าวจึงเข้ามาเพ็ดทูลกษัตราให้แจ้งการ
สั่งให้เบิกเข้ามายังกรุงศรีต้องที่ให้ทูตมาแจ้งสาร
นี่ช่างทำอาจอุกรุกรานข้ามด่านเข้ามานี่ว่าไร
คิดแล้วเรียกทหารชำนาญฤทธิ์มากมายหลายชนิดน้อยใหญ่
เร่งตรวจตราพากันมาเร็วไวคอยระวังนอกในพระพารา ฯ
◉ บรรดาพวกทหารชำนาญศึกบอกกันอึกทึกถ้วนหน้า
ต่างรู้กรูเกรียวกันเนืองมาถือศาสตราอาวุธยุทธยง
บ้างขึ้นรักษาที่หน้าป้อมบ้างก็ล้อมราชวังดั่งประสงค์
บ้างเฝ้าประตูเป็นหมู่นั่งล้อมวงล้วนหมู่จตุรงค์มากมาย
บางที่ลากปืนใหญ่เข้าใส่ช่องถือชุดคอยจ้องเขม้นหมาย
ถ้าศึกมาสงครามจะถามนายสั่งให้ยิงแล้วก็หมายจะยิงปืน
ที่ขี้ขลาดชาติพลคนตาขาวคอยข่าวนายว่าไม่ฝ่าฝืน
ทั่วทั้งเมืองอึกทึกเสียงครึกครื้นพากันตื่นตามกันใจสั่นริก
บ้างทีว่าบ้านเมืองเราแต่ก่อนราษฎรอยู่ได้ไม่หยุกหยิก
ประเดี๋ยวนี้มีแต่จะซุกซิกมันหยุกหยิกยุ่งใจไปทีเดียว
บ้างปรับทุกข์ให้กันฟังว่าครั้งนี้ถ้าศึกมีจะร้อนใจดั่งไฟเขียว
ไร่นาทำไว้ได้นิดเดียวยังไม่เกี่ยวเข้ามาบ้านรำคาญใจ
หญิงชายชาวเมืองก็เลื่องลือความระบือออกลั่นสนั่นไหว
ต่างคนต่างกระหนกตกใจซุบซิบพูดกันไปทั้งพารา
ฝ่ายสิทธิกรรม์จัดสรรหมู่ทหารอลหม่านวุ่นวายฝ่ายข้างหน้า
ฝ่ายข้างในได้ความที่ถามมานำกิจจาไปทูลพระเทพี
ว่าบัดนี้มีทูตมาทูลสารข้ามด่านเข้ามายังกรุงศรี
เหตุเห็นต้นปลายร้ายหรือดียังไม่แจ้งคดีราชการ
สิทธิกรรม์จัดสรรซึ่งโยธาให้รักษานิวาสราชฐาน
ให้ขึ้นป้อมล้อมรอบขอบปราการอลหม่านหนักหนาทั้งธานี ฯ
◉ ฝ่ายองค์พระธิดาดวงสมรฟังสุนทรทูลข่าวแก่สาวศรี
จินตนาปรารมภ์ไม่สมประดีเทวีรำพึงคำนึงใน
อันราชการพารามีมาถึงจะอ้ำอึ้งอยู่ฉะนี้หาดีไม่
จำเราจะลีลาคลาไคลออกไปพระโรงรัตนา
จะได้รู้ราชการในสารศรีร้ายดีใคร่ครวญควรปรึกษา
ด้วยมนตรีข้าเฝ้าท้าวพญาได้รักษาธานีบุรีเรา
คิดแล้วแต่งองค์ทรงเครื่องรุ่งเรืองด้วยสุวรรณดั่งหล่อเหลา
สอดสะอิ้งแซมศรีมณีเนาว์พราวเพราเฉิดโฉมประโลมตา
ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตรยังท้องพระโรงราชอันเลขา
ด้วยฝูงสาวสรรค์กัลยาคอยฟังกิจจาดั่งใจปอง ฯ
◉ ฝ่ายมิ่งมโนมัยมีพยศพาพระรถองอาจผาดผยอง
ข้ามกำแพงกรุงไตรดั่งใจปองมาลอยล่องเวหาอยู่หน้าวัง
โยธาสิทธิกรรม์ครั้นแลเห็นก็โลดโผนโจนเต้นอยู่สะพรั่ง
ผาดแผลงสำแดงฤทธิ์กำลังเข้ารอรั้งจะจับเอาอาชา
สิทธิกรรม์หันเหาะขึ้นอากาศสำแดงเดชสิงหนาทสหัสสา
เข้าไปใกล้มโนมัยตรงพักตราแล้วจึ่งมีวาจาถามไป
เหวยมนุษย์วุฒิไกรใจกล้าขี่ม้านี่จะไปตำบลไหน
ว่าเป็นทูตพูดจาไม่เกรงใครบังอาจใจเข้ามาถึงธานี
ด่านทางจะเรียกก็ไม่หยุดเป็นมนุษย์ดูถูกพวกยักษี
ว่าถือสารสำคัญอันใดมีจงแสดงแจ้งคดีมาเร็วพลัน ฯ
◉ ปางพระรถสุริวงศ์พงศ์กระษัตริย์แจ้งรหัสข้อคดีไม่มีพรั่น
จึ่งตอบคำยักษามาด้วยพลันกล่องสำคัญนั้นอยู่ที่คอม้า
แล้วแก้กล่องเชิดชูดูถกลของสุนนทามารยักษา
ให้พวกยักษ์เห็นประจักษ์กับนัยนาแล้วจึ่งมีวาจาว่าไป
อันกล่องแก้วนี้ใส่ราชสารของสุนนทามารประสาทให้
มีสลักสำคัญเป็นมั่นใจยังรู้จักหรือไม่อสุรา
สิทธิกรรม์ครั้นเห็นกล่องแก้วจำได้แล้วว่าของนางยักษา
โดยสำคัญมั่นใจไม่สงกาก็ลงมากราบทูลนางเมรี
ราชทูตซึ่งถือสารตราขององค์พระมารดามารศรี
ด้วยกล่องแก้วของสำคัญพระเทพีควรที่จะรับสารมาอ่านดู ฯ
◉ ฝ่ายมิ่งเมรีศรีสวัสดิ์ได้ฟังอรรถสิทธิกรรม์ก็นิ่งอยู่
แล้วคำนึงนึกในใคร่ความดูนางโฉมตรูจึ่งมีพจนา
ท่านผู้ปรีชาชาญการนครพระมารดรวางพระทัยให้รักษา
กิจการพระนครแต่ก่อนมาธรรมดาไมตรีบูรีรมย์
ย่อมต้อนรับราชทูตพูดปราศรัยตามใกล้ไกลทางบุรีที่งามสม
นี่สารตรามารดาดั่งนิยมมิใช่เขตนิคมที่ไหนมา
ควรจะรับราชสารอ่านให้แจ้งแม้นได้จริงจึ่งแสดงข้อกังขา
เกลือกจะมีเหตุผลยุบลมาจะได้แจ้งกิจจาของชนนี
สิทธิกรรม์รับสั่งศรีสมรประนมกรลาเบื้องบทศรี
ออกมาแต่งตำแหน่งพลโยธีให้คอยรับสารศรีดั่งใจปอง
แล้วเหาะขึ้นยังพื้นนภากาศเชื้อเชิญยุพราชสารสนอง
ว่าบัดนี้ที่ประทับรับรองสารตราของพระแม่ที่มีมา
เชิญราชสารศรีไปที่พักอย่าช้านักสารพัดจัดไว้ท่า
พระทรงศักดิ์ชักราชอัศวราลงมายังสำนักนิ์ที่พักพลัน
พระเสด็จประทับที่ตามควรตามกระบวนอสุรีที่จัดสรร
อสูรมารรับสารนั้นกว่าพันเป็นเหล่าหลั่นชั้นขุนนางและต่างกรม
มหาดเล็กถามความพระภูบาลจะใคร่ครวญตรองการให้เห็นสม
พระตอบความตามควรแก่นิยมแต่ประถมเหตุแจ้งตำแหน่งมา
สิทธิกรรม์จึ่งมีพาทีสรวลเพลานี้สมควรเป็นหนักหนา
เชิญท่านผู้ถือสารตราขึ้นไปเฝ้ากัลยาประเดี๋ยวนี้
พระฟังคำทำยิ้มแล้วหยิบสารจึ่งมีรสพจมานแก่ยักษี
ท่านจงรับสาราแต่ข้านี้ไปคลายคลี่อ่านดูให้รู้ความ
อันตัวเราจะไปเฝ้าพระธิดาด้วยกลัวความครหายังเกรงขาม
ชอบแต่พระธิดาพงางามมาฟังความให้ประจักษ์สำนักนิ์เรา
ด้วยมิใช่อื่นไกลที่ไหนมาไปอ่านดูสารตราก่อนเถิดเจ้า
จะได้ทราบเรื่องประจักษ์ว่าหนักเบาซึ่งตัวเรานี้ก็แปลกเป็นแขกเมือง ฯ
◉ สิทธิกรรม์ตอบความตามขนบว่าเคยพบกิจการโบราณเรื่อง
ถึงธิดาใช่แปลกเป็นแขกเมืองผู้นำเรื่องกิจการท่านใช้มา
ผู้ถือสารต้องภาระจะไปเฝ้าแต่จอมเจ้าธิบดินทร์ปิ่นเกศา
นี่ตัวท่านถือสารพระมารดาเป็นผู้มาก็ต้องเฝ้าเล่าคดี ฯ
◉ พระฟังอสุราที่ว่าขานจึ่งตอบการให้ประจักษ์แก่ยักษี
เราก็อตส่าห์มาถึงธานีซึ่งพาทีนั้นก็ชอบระบอบควร
อันตัวเรานี้มาแต่ไตรจักรเป็นลูกรักรถสิทธิ์มหิศวร
ฝ่ายพระแม่นนทาเธอใคร่ครวญถึงนิ่มนวลอัคเรศเมรี
จึ่งใช้เราถือสารสมานข่าวในเรื่องราวราชการในกรุงศรี
ว่านั้นก็จริงการสิ่งนี้แต่ขอหยุดที่นี่ก็ควรการ
ถึงมิใช่ใยเจือก็เนื้อญาติจงคิดคาดดูในข่าวเรื่องราวสาร
ควรแต่องค์พระธิดายุพาพาลดำริการจงประกอบให้ชอบกล
ถึงมีมาก็จงพาราชสารไปคลี่อ่านให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
เราจะกลับพาราพายุบลแจ้งนุสนธิ์สุนนทาอสุรี
หรือจะไม่คำนับรับสาราเราจะลากลับยังบุรีศรี
จงท่านผู้เสนาธิบดีปรีชาให้ต้องที่ทำนองใน ฯ
◉ สิทธิกรรม์ครั้นฟังพจนารถไม่อาจจะโต้ตอบฉันใดได้
จึ่งคำนับรับราชสารไปยังในท้องพระโรงรัตนา
เอาพานทองรองรับสุวรรณบัตรอย่างกระษัตริย์อนุพรรณอันยศถา
โหราพราหมณ์รามราชอันเมธามานั่งเฝ้ากัลยาอเนกนันต์
คอยฟังราชสารการบุรินทร์จะใคร่รู้ระบิลทุกสิ่งสรรพ์
ฝ่ายมหาเสนาสิทธิกรรม์ถวายบังคมคัลซึ่งสารตรา
ฝ่ายเมรีศรีสวัสดิ์ขัตติยราชอภิวาทน้อมเกศพระเกศา
หมู่อำมาตย์มนตรีและเสนาก็วันทาพร้อมกันขึ้นทันที
มหาดไทยคลี่สารอ่านถวายเห็นเป็นลายเลขามารศรี
แห่งนางสุนนทาอสุรีด้วยฤๅษีเสกสรรนั้นแนบเนียน
ว่าสารตราสุนนทาอสุรีมเหสีรถสิทธิ์สถิตเสถียร
ยังกรุงไกรจักรราชมนเทียรแต่จากเจียนเจียรกาลประมาณปี
ด้วยคิดถึงอัครเรศผู้ร่วมจิตยิ่งแสนคิดมัวหมองไม่ผ่องศรี
จึงใช้ให้ลูกเราเอาคดีมาแจ้งเหตุกับเมรีผู้ธิดา
ถ้าพระรถภูบาลชาญสมรมาถึงพระนครของยักษา
ให้มนตรีข้าเฝ้าท้าวพญาแต่งการวิวาห์กับเมรี
เร่งจัดสรรพ์ให้ทันวันมาถึงอย่าอ้ำอึ้งเร่งให้ภิเษกศรี
จงทำตามสารตราที่พาทีอสุรีอย่าระแวงแคลงใจ
ครั้นเสร็จสิ้นราชสารอ่านเสนอพระนางเธอไม่มีจิตคิดสงสัย
ให้ซับซาบอาบอิ่มในฤๅทัยด้วยเคยได้เป็นคู่แต่ก่อนมา
จึงเรียกเอากล่องแก้วราชาสารเยาวมาลย์ถือไว้ในหัตถา
แล้วจึ่งมีมธุรสพจนาตรัสปรึกษาสิทธิกรรม์ทันใด
ท่านผู้มีปรีชาปัญญาฉลาดสามารถชำนาญการน้อยใหญ่
อันราชสารมารดาที่ว่าไว้สุดแต่ใจจะประกอบให้ชอบการ
เราจะได้เชิญองค์พระทรงเดชเสด็จประเวศในนิวาสราชฐาน
จงปรึกษาโหราพฤฒาจารย์ให้แจ้งการร้ายดีแต่ที่จริง ฯ
◉ โหรเฒ่าเข้าใจไสยศาสตร์อภิวาทแล้วก็คิดพินิจนิ่ง
คำนวณในสมพงษ์เห็นพาดพิงแอบอิงลัคน์จันทร์ก็พันพัว
ชันษานารีนั้นดีแท้ธาตุกระแสน้ำกับไฟมิใช่ชั่ว
แต่กระดากได้นาคคนละตัวน่ากลัวสมพงษ์องค์ธิดา
เอาชันษาทั้งสองมาบวกกันเอาสามนั้นมาคูณชันษา
เจ็ดหารเศษสี่ก็มีมาโหรากราบทูลพระเทพี
ขอเดชเบื้องบาทพระแม่เจ้าพระอาชญาล้นเกล้าบทศรี
ข้าพระเจ้าเรียนรู้ดูคัมภีร์ราศีสมพงศ์นั้นตรงกัน
จะได้ครองลองลิ้มแต่ชิมรสคงมีจิตคิดคดเป็นแม่นมั่น
แต่ชะตานั้นดูเป็นคู่กันรักสนิทติดพันไม่เคลื่อนคลา
แต่เป็นเวรหนหลังนั้นยังมีที่เศษสี่นั้นยังร้ายอยู่หนักหนา
จะพลัดพรากจากกันมิทันช้าในสารามิได้จริงทุกสิ่งอัน ฯ
             

◉ นางฟังคั่งแค้นแสนพิโรธโกรธโหรว่าแกล้งทายให้ผิดผัน
เอาแต่ชั่วทายว่าสารพันจะให้คนทั้งนั้นมันระบือ
ด้วยพระแม่สุนนทาว่าทั้งนี้ถ้าไม่ดีมารดาจะว่าหรือ
มาแกล้งทายซุกซนให้คนลือจะเชื่อถือโหราไปว่าไร
ใครจะว่าร้อยปากไม่อยากแน่เชื่อแต่แม่มั่นคงไม่สงสัย
ก็ตามแต่บุญกรรมได้ทำไว้สิทธิกรรม์เป็นผู้ใหญ่จงจัดแจง
สิทธิกรรม์ครั้นฟังรับสั่งสารก็ตรวจการเกณฑ์ทำตามตำแหน่ง
แล้วเกณฑ์กันกราวเกรียวเที่ยวขอแรงจัดแจงการด่วนก็เสร็จดี
พฤฒาพราหมณ์เชิญสองกษัตราแต่งการวิวาห์ภิเษกศรี
มหรสพครบเสร็จเจ็ดราตรีตามมีแบบอย่างแต่ก่อนมา ฯ
◉ ฝ่ายองค์เมรีศรีสวัสดิ์โสมนัสด้วยอารมณ์ปรารถนา
เทพเจ้าเดินหนดลวิญญาให้ปรีดาประดิพัทธ์สวัสดี
ด้วยทรงยศพระรถฤทธิไกรบุญได้เคยภิรมย์สมศรี
นวลนางสุขเขษมเปรมปรีดิ์มาเข้าที่โสรจสรงคงคา
แต่งองค์ทรงเครื่องพรายพรรณล้วนสุวรรณทองทิพย์อันเลขา
ภูษาทรงยกเมล็ดเกล็ดนาคาห่มมหาตาดริ้วดูผิวนวล
พระสุคนธ์ปนทองผ่องฉวีล้วนมณีแวววามงามสงวน
งามโฉมงามประโลมงามกระบวนธำมรงค์ทรงถ้วนพระหัตถ์นาง
แต่งองค์สมทรงนางกระษัตริย์ดูจำรัสแจ่มศรีไม่มีหมาง
ดั่งเทพสาวสวรรค์ชั้นสุรางค์ออกจากปรางค์ยุรยาตรคลาศคลา
พร้อมด้วยสุรางค์นางสาวสรรค์จรจรัลตามยุพินมาแน่นหนา
ครั้นถึงห้องแก้วแววฟ้ากัลยาบังคมภูวไนย
พระรถรับจับหัตถ์วรนุชพระกรยุดกรแก้วแล้วปราศรัย
ขอเชิญน้องเจ้าของปราสาทชัยมาเนาในแท่นทิพยโอฬาร์
พี่เป็นคนตกยากมาฝากองค์ยุพยงเยาวยอดเสน่หา
มาชูเชิดขึ้นให้เลิศมโหฬาร์ดั่งเทวาดาลเดชไกรเกรียง
สำแดงฤทธิ์เนรมิตพระพาหาประกาศก้องช่องฟ้าด้วยแสงเสียง
เข้าประคองเขาสุเมรุที่เอนเอียงประเทืองเที่ยงฟูฟื้นให้คืนตรง
ก็เห็นใจว่ามีใยนิยมสวาสดิ์ขอเชิญเยาวราชนวลหงส์
มาร่วมอาสน์อิงเขนยที่เคยทรงไยอนงค์เอื้อนอายระคายกัน
ตรัสพลางทางชวนสถิตแท่นฤๅทัยแสนเสน่ห์น้องประคองขวัญ
นางเมรีน้อมนบอภิวันท์พระกรกันกันกรด้วยงอนอาย
จึ่งน้อมเกล้ากล่าวรสพจนาโดยอัชฌาสุจริตที่คิดหมาย
ขอพระเดชปกเกศอย่าระคายด้วยเงื่อนสายแรกมาถึงธานี
อสูรไม่รู้จักจึ่งหักห้ามไม่ทราบความจะขุ่นข้องหม่นหมองศรี
จะแหนงจิตคิดคะเนว่าเมรีนี่ถือใจไม่มีซึ่งอัชฌา
จงงดโทษโปรดปรานประทานให้ขออภัยอย่ามีซึ่งโทษา
พระปลอบนางทางตอบกัลยาอนิจจาพี่หรือจะถือใจ
ด้วยรักเยาวยอดหญิงอย่ากริ่งโกรธจงปราโมทย์รสรักหนักไฉน
ดวงสมรอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัยอย่าขึ้งเคียดเกียดไยให้ระแวง
พระมารดาก็เป็นใหญ่ในไตรจักรรักพี่รักน้องไม่กินแหนง
ยังเจือเนื้อสองชั้นท่านรักแรงเจ้าย่อมแจ้งที่ในสารพระมารดร ฯ
◉ พระเยาวยอดกระษัตริย์เมรีสดับให้แจ้วจับฤทัยสายสมร
ดังสุคนธ์ทิพยรสชโลธรมารดกายหายร้อนให้เย็นใจ
จึ่งอ่อนองค์ประณตบทศรีกล่าวรสวาทีอันแจ่มใส
ทอดสนิทดั่งจะปลิดดวงฤๅทัยออกชูให้เห็นรักประจักษ์ตา
พระรถฟังนุชนางสว่างจิตรักสนิทหลงเล่ห์เสน่หา
สองกระษัตริย์ประดิพัทธ์ภิรมยาพระแนบชิดกัลยาด้วยทันใด
ฟั่นเฝือดุจเรือกับสายน้ำประลองลำลอยวนชลไหล
ก็ฝ่าฝืนคลื่นเฉียงจะเหวี่ยงไปเรือก็ไหลตามกระแสที่แปรปรวน
แม้นพายุกระพือพัดกระจัดกล้าจึงทรุดซาไปประสมตามลมหวน
กระทบคลื่นเรือเต้นเป็นกระบวนปั่นป่วนด้วยระลอกกระฉอกซัด
ต้นหนคนท้ายก็ย้ายเย้พอเรือเหง้างเงื้อหางเสือตัด
พอลมดีก็เอากล้องส่องบรรทัดเรือก็ลัดหลังน้ำไปตามลม
อย่างเยาวยุพาแรกมาเชยถึงไม่เคยจำเคยที่เสพสม
สองกระษัตริย์ประดิพัทธ์เกลียวกลมก็บรรทมอยู่บนแท่นแสนเปรมปรีดิ์
เพลาค่ำย่ำสนธยากาลพนักงานสังคีตดีดสี
ทั้งนางขับสำหรับมโหรีคอยบำเรอภูมีอเนกเนือง
แต่ละคนอ้อนแอ้นทั้งกิริยาโสภาผ่องฉวีสีเนื้อเหลือง
เนตรชม้ายคายคมทำชำเลืองกระบิดกระบวนยวนเยื้องยั่วใจชาย
บ้างก็ตีโทนทับดีดจับปี่สีซอซอสีประสานสาย
ระนาดท้องฆ้องเล็กระนาดไม้ตะเข้สายฉิ่งกรับสำรับกัน
พรั่งพร้อมคอยกล่อมเมื่อบรรทมให้นิยมเพลินพระทัยกระเษมสันต์
ครั้นพร้อมสรรพก็ขับขึ้นด้วยพลันกระหม่อมฉันจะกล่อมให้นิทรา ฯ
◉ โอ้ว่าพระทองของน้องเอ๋ยทรามเชยผู้ยอดเสน่หา
มาไสยาสน์อยู่บนอาสน์รัตนางามดั่งสุริยากับพระจันทร์
งามทรงวงพักตร์ลักขณาดั่งเทวากับสุรางค์นางสวรรค์
อยู่ไกรจักรนคเรศเขตคันมรรคาไกลกันพันทวี
เทพดาดลใจให้ประเวศข้ามเขตหมายมุ่งมากรุงศรี
ได้สมถวิลสิ้นกังขาไม่ราคีดั่งมณีเรือนรองทองสุวรรณ
ถนอมรักแล้วจงรักอย่าคลายถนอมดูพริ้งพร้อมสมปองครองไอศวรรย์
พระทองหวนผวนเสียงแล้วโอดพันเพลงบุหลันลอยฟ้านภาลัย
สาวสุรางค์เหมือนหนึ่งนางในไกรลาสสร้อยสนสนสวาทพิสมัย
เทพบรรทมจงบรรทมสำราญใจจีนแสให้โศกาแล้วจาบัลย์
พระยาโศกโศกหนักสลักจิตพระยาคิดวิโยคโศกศัลย์
จงเป็นศรีรมเยศเขตทานตะวันครอบครองเขตคันบุรี
จักรพงศ์ทรงฟังที่กล่อมขับให้วาบวับจับเสียวพระทรวงศรี
ให้ฉุนเฉียวเฉลียวคิดถึงชนนีพระภูมีทำชื่นขืนอารมณ์
แล้วเสสรวลชวนชื่นประโลมลองทั้งสองชื่นชมสมประสงค์
พระเชยแก้มแนมปรางนางโฉมยงเอนอิงพิงองค์พระเทพี
ปางพระรถเยาวราชภิรมเยศด้วยเยาวเรศเมรีมารศรี
แสนสุดสุขกระเษมเปรมปรีดิ์ในแท่นที่ทิพอาสน์ปราสาททอง
ให้คิดถึงพาชีคู่ชีวิตพระทรงฤทธิ์จึ่งบรรหารสารสนอง
ดูกรเจ้าเยาวยอดมณฑาทองพี่กริ่งกรองคิดถึงมโนมัย
ม้าตัวนี้เคยขี่มาแต่ก่อนจะเขจรสถิตไปทิศไหน
มันแคล่วคล่องถูกต้องในฤทัยพี่รักใคร่ได้อาศัยมาชำนาญ
เมื่ออยู่เมืองเชื่องใช้ให้หญ้าป้อนอยู่แทบใกล้บัญชรรโหฐาน
อันมานี่ครั้งนี้หลายวันวารเนิ่นนานมิได้ไปเยี่ยมเยือน
อันม้าพยศหลายวันไม่ป้อนหญ้าจะเริงร่าตื่นเต้นเช่นม้าเถื่อน
เมื่อขับขี่ก็จะมีแต่แชเชือนจะฟั่นเฟือนทางที่พาชีไป
ถ้าผูกไว้ริมแกลพอแลเห็นเช้าเย็นพี่จะไปป้อนหญ้าให้
จะทำโรงพาชีไว้ที่ในแม่ขวัญใจจงแจ้งซึ่งกิจจา ฯ
◉ ฝ่ายอัครนารีศรีสวัสดิ์ได้ฟังอรรถภูวไนยไม่กังขา
รักผัวกลัวจะขัดพระอัชฌาไม่รู้การผ่านฟ้าอุบายกล
จึ่งสั่งนางสาวศรีและโขลนจ่าให้จัดแจงโรงม้าโดยนุสนธิ์
จึงจูงม้ามาไว้ใกล้ไพชยนต์ตามคำสั่งนฤมลเจ้าเมรี
แต่นั้นมาเวลาทั้งเช้าเย็นพระผ่านเกล้ารถเสนเรืองศรี
เสด็จลงป้อนหญ้าให้พาชีทุกราตรีทิวาเวลากาล
อัสดรกระซิบสอนเตือนสติให้เริ่มริปดป้อยอสมาน
ให้ชวนนางเลี้ยงเหล้าพิชัยบานถ้าเยาวมาลย์เมาสุราเสียอารมณ์
ให้ลวงถามความรหัสให้ชัดเหตุจะคืนนคเรศกระเษมสม
พระรถฟังคำม้ามานิยมก็เอื้อนอมความไว้ในพระทัย
จึ่งเสด็จขึ้นยังปราสาทศรีครั้นราตรีสิ้นแสงพระสุริย์ใส
พระเชยชมเยาวมาลย์สำราญใจอรทัยเมรีก็ปรีดา
เสด็จนั่งเหนือเตียงเข้าเคียงน้องพลางประคองกรแก้วขนิษฐา
เมรีโสมนัสด้วยภัสดาเสน่หารำจวนป่วนใจ
พระจึ่งมีพจนารถถนอมขวัญเจ้าดวงจันทร์ยาจิตพิสมัย
แต่พี่มาช้านานนะทรามวัยประมาณได้หลายทิวาราตรี
พี่นึกนึกจะใคร่เลี้ยงราษฎรให้ถาวรเป็นสุขเขษมศรี
ทั้งจะเลี้ยงเสนาธิบดีให้เป็นที่สบายค่อยคลายทุกข์
ว่าจะเลี้ยงโต๊ะกันสักวันหนึ่งแต่รำพึงก็เห็นเป็นสนุกนิ์
ถ้ากินเหล้าเมามายก็หายทุกข์หมู่มุขมนตรีจะดีใจ
นางเมรีทรามวัยได้ฟังผัวชอบใจตัวเพราะต้องอัชฌาศัย
ด้วยกัลยาชอบสุราและเมรัยที่ตรึกไตรนี้ก็สมอารมณ์กัน
ไม่รู้จักว่าผัวตัวเจ้าเล่ห์นึกคะเนก็จริงทุกสิ่งสรรพ์
จึ่งทูลความตามระบอบที่ชอบธรรม์ซึ่งการนั้นอย่าได้คิดกังวล
พรุกนี้น้องรักจะจัดการเลี้ยงเหล้าพิชัยบานไม่ขัดสน
พระอย่าได้ตรองตรึกนึกกังวลน้องจะคิดผ่อนปรนให้จงดี
สุดแต่จะประสงค์สิ่งอันใดน้องมิให้ขัดเคืองเบื้องบทศรี
ทูลพลางทางเข้าทำเย้ายีชวนชักภักดีให้เปรมปรา
นางชะอ้อนวอนว่าแล้วยิ้มแย้มพระเชยแก้มแนมรสนาสา
นางยิ้มเยื้อนเตือนอารมณ์ภิรมยาพระต้องถันกัลยายิ้มละไม
ประโลมเล่นให้เห็นว่ารักสนิทที่แยบยลกลคิดเอาการใหญ่
ทำพิรี้อย่าให้อ้อนซ่อนน้ำใจเอาวาจาลูบไล้ให้หลงกล
ฝ่ายเมรีรักผัวจนตัวมืดดั่งหว่านพืชคิดเห็นว่าเป็นผล
ไม่รู้ว่าตัวพะวงมาหลงกลไม่เชื่อคนมัวรักด้วยภักดี
แต่คลึงเคล้าเย้ายวนป่วนสวาทในปรางค์มาศปราสาททองผ่องศรี
ทั้งสองสมสังวาสสวัสดีด้วยมีมาโนชญ์เสมอกัน
ถ้าแต่ตัวก็จะมัวเสน่หานิอาชาตักเตือนให้ผ่อนผัน
กระซิบบอกเหตุเห็นเป็นสำคัญพระทรงธรรม์รู้สึกสำนึกใน ฯ
◉ ครั้นรุ่งแจ้งแสงสุริโยภาสฝ่ายเยาวราชเมรีศรีใส
ตื่นประทมออกสนมแล้วทรามวัยก็สั่งให้วิเสทเร่งเตรียมการ
ให้เทียบพระสุพรรณภาชน์โอชารสให้หมดจดของทั้งคาวหวาน
จัดแจงโรงเลี้ยงหน้าพระลานเตรียมการอย่าช้าเพลานี้
ให้บาดหมายจ่ายไปตามตำแหน่งที่เดือนออกขอแรงเข้ามานี่
ให้เจ้าภาษีจ่ายให้ตามบาญชีทั้งชาดีบุหรี่หมากให้พร้อมเพรียง
ครั้นเสร็จสรรพยกสำรับมาแน่นหนาในโรงเลี้ยงข้างหน้าออกแซ่เสียง
เครื่องแกล้มเหล้านั้นมาตั้งทั้งของเคียงหมูทั้งตัวตั้งเรียงเป็นหลั่นกัน
เป็ดนึ่งข้างในใส่ลูกบัวไก่ทั้งตัวปิ้งพะแนงแกงมัสมั่น
อั้งโล่แกงร้อนไฟใส่ในนั้นเนื้อสมันยำญวนล้วนของดี
ยำเต่าตะพาบน้ำโอชารสแกงปลาไหลใส่พริกสดร้อยสิบสี่
กระจาบคั่วหมูหองล้วนของดีขวดบ้าหรั่นอาหนีเรียงกันไป
มีดตะเกียบส้อมช้อนที่อย่างดีคนเลี้ยงนั้นมากมีมาจัดให้
ของหวานพนักงานพวกข้างในก็ขนไปโรงเลี้ยงดั่งบัญชา
ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จทอดพระเนตรพวกวิเสทขนส่งมาหนักหนา
สั่งให้หาข้าเฝ้าท้าวพระยามากินโต๊ะเต็มในหน้าพระโรงเลี้ยง
ครั้งนั้นผู้ดีที่มีศักดิ์ประยูรยักษ์บอกกันสนั่นเสียง
ก็มาพร้อมล้อมสะพรั่งเข้านั่งเรียงกินเลี้ยงกินเหล้าก็เมามึน
หยิบตะเกียบเสียบลิ้มชิมดูกับมีดพับเชือดตะเกียบหนีบคีบขึ้น
เอาช้อนตักหมูหองไม่ต้องกลืนที่เมามึนเต็มประดาลงกรอกคอ
ที่ยังบกพร่องต้องซ้ำเติมพวกคนเลี้ยงยุเสริมเอาสิพ่อ
รินส่งซ้ำเข้าไปเอาให้พออย่าย่อท้อกินลองของประทาน
ที่กินมากเอาขวดมากอดไว้ไอ้ขวดนี้ดีสุดใจทั้งหอมหวาน
ที่มิใช่นักเลงเหล้าก็เมาซานบ้างลุกทะยานว่ามึงอย่าอึงไป
ทั้งสององค์ทรงดูเขาเมามายแสนสบายไม่มีที่เปรียบได้
ก็ชวนกันเยื้องย่างเข้าข้างในพวกสาวใช้นั้นกินสิ้นทุกคน
บ้างฉวยได้ขวดบ้าหรั่นกะหลาป๋าวิ่งพาเข้าในห้องทุกแห่งหน
แล้วรินแจกแบ่งปันกันทุกคนสับสนเมามายไม่สมประดี ฯ
◉ ปางองค์ทรงฤทธิ์นฤเบศร์ชวนองค์อัคเรศมเหสี
เสด็จเข้าในห้องอันรูจีภูมีสถิตที่แท่นอำไพ
พนักงานเชิญเครื่องเนืองกันมาตั้งถวายภูธรหาช้าไม่
ทั้งแกล้มเครื่องชัยบานตระการใจใส่ภาชนะทองล้วนของดี
พระจูงกรสายสมรขึ้นร่วมอาสน์ตรัสประภาษปราศรัยแก่โฉมศรี
มาเสวยน้ำจัณฑ์ขวดนั้นดีแก้วพี่รินแล้วจงส่งมา
เมรีฟังภูมีก็รินเหล้าแล้วถวายผ่านเกล้าด้วยหรรษา
พระรับจอกมาลิ้มชิมสุราลืมพักตราว่ามันเก่งเสียจริงเจียว
แล้วส่งจอกให้น้องลองดูที่ชาติอาหนีนี่กระไรมันฉุนเฉียว
นางรับจอกมาดื่มเสียพักเดียวแล้วก็เหลียวลองรินให้ราชา
พระจับจอกกลับบอกมเหสีไอ้จอกนี้สุดดีกะหลาป๋า
แล้วส่งจอกคืนไปให้สุดาเจ้าลองดูอีกสักคราเถิดโฉมยง
เมรีหลงกลด้วยตนซื่อก็ยื่นมือรับจอกโดยประสงค์
แล้วหลับตาดื่มเหล้าดั่งใจจงวางจอกลงเคลิ้มเขลาเมาสุรา
พระทรงฤทธิ์พิศวาสเจ้าเมรีเห็นสมประดีเคลิบเคลิ้มเป็นหนักหนา
ฟั่นเฟือนเลื่อนเปื้อนกิริยาผ่านฟ้าอุบายในจำนง
มานี่น้องชมห้องดูฉากเขียนลายระเบียนเขียนเรื่องสุวรรณหงส์
นั้นเยาวเรศรูปเจ้าเกศสุริยงงามบรรจงจิ้มลิ้มยิ้มหยอกกัน
โน่นเขียนรูปอะไรเล่านะเจ้าพี่นางเมรีบอกว่าเรื่องพิมสวรรค์
โน่นรูปแสงสุริยาวิลาวัลย์ที่ตรงนั้นเรื่องราวพระคาวี
โน่นแน่เจ้าดวงดาวที่ดาษเห็นโอภาสพรรณรายเป็นหลายสี
นั้นอะไรแขวนไว้ทั้งตาปีที่กั่งกั่งรีรีนั้นสิ่งไร
นางเมามัวบอกผัวว่าห่อยามีฤทธานึกอะไรก็ทำได้
นั้นดวงเนตรนางสิบสองทรามวัยทั้งกำพตฤทธิไกรอันศักดา
ฝ่ายพระรถภูวไนยไถลถามแม่โฉมงามเยาวยอดเสน่หา
อันดวงเนตรแขวนไว้ไกลห่อยาพี่ไม่แจ้งกิจจาประการใด
อันกำพตแขวนไว้ใต้เพดานจะต้องการไปทำไมสิ่งใดได้
สายสวาทจงเล่าให้เข้าใจพี่เป็นคนมาใหม่ไม่แจ้งการ
นางไม่รู้ว่าผัวตัวเจ้าเล่ห์ทำแสร้งเสลบล้างทางสมาน
ด้วยสติเคลิ้มเขลาเมาซมซานจึงแจ้งการสิ่งรหัสแก่ภัสดา
โอ้พระทองน้องจะบอกนะทูนหัวมิใช่ชั่วกำพตมียศฐา
แผลงไปในพื้นพระสุธามีศักดานึกได้ดั่งใจปอง
อันโอสถนั้นประสมด้วยนัยนาไปใส่ตาเอวบางนางสิบสอง
จะคืนดีแจ่มแจ้งแสงเรืองรองพระรูปทองจงแถลงแจ้งในใจ
พระทรงฟังชี้แจ้งรหัสโสมนัสยินดีจะมีไหน
ก็สำคัญมั่นไว้แต่ในใจภูวนัยชวนนางเยื้องย่างกราย
สถิตที่แท่นแก้วอันบวรพระประคองสายสมรฤทัยหมาย
ถึงแม่ป้าตรากตรำระกำกายแสนระคายเคืองข้องให้หมองใจ
ทั้งรักนางพ่างจะกลืนให้ชื่นจิตแนบสนิทพิศวงให้หลงใหล
ประโลมเล้ากัลยาด้วยอาลัยก็หลับไปในแท่นรจนา ฯ
◉ บัดนั้นมโนมัยใจหาญคอยฟังการดาลดิ้นถวิลหา
ไม่เห็นภูวไนยเธอไคลคลามาป้อนหญ้าให้น้ำเป็นสำคัญ
พาชีร้อนใจดั่งไฟเผาสิ้นสำเนาความเห็นเป็นมหันต์
เอะไฉนใยองค์พระทรงธรรม์หลายวันแล้วพระองค์ไม่ลงมา
จะพิศวงหลงเล่ห์อีนางยักษ์เห็นประจักษ์จริงแจ้งไม่กังขา
อัศวราชเริงร้องก้องพาราทำมารยากระทืบโรงสนั่นไป
ฝ่ายพระรถร่วมห้องกับเมรีได้ยินเสียงพาชีให้มันไส้
โมโหฮึกนึกเดือดอยู่ในใจม้าลานี่กระไรมันคอยกวน
ม้าร้องหี่แห้ออกแซ่เสียงกระทืบโรงเปรี้ยงเปรี้ยงทำหุนหวน
เธอก็รู้ท่วงทีที่กระบวนวางนางแล้วก็ด่วนเสด็จมา
ครั้นถึงพาชีทำทีไถลเข้าไปเอามือคลำเอาน้ำหญ้า
มาทอดให้มโนมัยมิได้ช้าจึ่งกระซิบบอกว่าได้ใจความ
จึ่งเล่าเรื่องวันนั้นฉันชมฉากได้ความมากโดยจริงสิ่งที่ถาม
อาชาอย่าด่วนให้ลวนลามทำวู่วามความแตกจะแปลกใจ ฯ
             

◉ อาชาได้ฟังแล้วสั่งซ้ำจงคิดทำผันแปรแล้วแก้ไข
จงตรองตรึกสู้ศึกข้างภายในตั้งพระทัยไว้ให้มั่นกตัญญู
อันแม่ป้าทารกรรมอยู่ข้างหลังอย่าประมาทพลาดพลั้งจะอดสู
จะมาดหมายแต่ตัวมัวเล่นชู้จงตรึกดูผ่านฟ้าอย่าลืมเลย
มาได้เมียมั่งมีเป็นศรีสุขลืมความทุกข์ข้างหลังทำนั่งเฉย
หลงสมบัติสตรีไม่ดีเลยถ้าไม่เคยจะเกิดยุคไม่ทันรู้
พระน้องเอ๋ยโลกีย์เป็นที่หลงใครตกหลุมแล้วก็คงได้อดสู
ใครหลงเมียแพ้เสียแก่ศัตรูก็มีอยู่แบบฉบับตำรับมา
อันชายเฉาเมามัวด้วยนารีเสียแรงสร้างบารมีนั้นหนักหนา
อันเสียรู้เพราะรักจักคณนามากกว่าร้อยพันอนันต์ไป
จะหาเมียกล่นเกลื่อนเหมือนจอกแหนจะหาแม่นี่จะหามาแต่ไหน
จะมีทองเท่าหัวตัวแบกไปเอาทองแลกแม่ใครจะเอาทอง
แต่นักเลงทุกวันนั้นเขาว่าคุณมารดามีแท้แต่สิบสอง
คุณเมียถึงสามสิบพอหยิบครองพูดกันเล่นพอคล่องคล่องสนุกนิ์ใจ
แต่พูดเล่นเพียงนี้ก็มีบาปใจคนหยาบพาทีหาดีไม่
อย่าพึงฟังตั้งหูไว้ให้ไกลพูดอะไรให้เป็นการท่านกล่าวมา
แต่โพธิสัตว์สร้างสมบรมทานอภิบาลพิทักษ์รักษา
สรรเสริญจำเริญคุณพระมารดาสิ่งใดน่าเปรียบประมาณไม่ปานปูน
มาได้เมียใจปลื้มลืมพระแม่หลงกระแสมิตรมิ่งให้สิ่งสูญ
จงตรองตริ่งสิ่งใดในเค้ามูลเพิ่มพูนตรึกตราหาเอาไป
ผลมะนาวมะม่วงก็ห่วงหนึ่งเร่งรำพึงผันแปรคิดแก้ไข
ได้แล้วเราจะพากันคลาไคลจะอยู่ไยในเมืองอสุรา ฯ
◉ พระฟังคำมโนมัยให้สติทรงดำริต้องระบอบชอบหนักหนา
ก็กลืนกล้ำจำไว้ในอุราเสด็จมาปรางค์แก้วอันแววไว
เข้าสู่ห้องน้องรักภิรมย์ขวัญนางอภิวันท์ภัสดาแล้วปราศรัย
ไปทอดหญ้าอาชาสงบไปเงียบเชียบนี่กระไรเป็นครึ่งวัน
พระตอบว่าม้าลาก็อาเพศมันเกิดเหตุเกิดความเมื่อยามกระสัน
ว่าพลางถนอมนางไม่ห่างกันแกล้งรำพันกล่าวถ้อยสุนทรวอน
พี่อยากไปเที่ยวชมในสวนศรีให้เปรมปรีดิ์เป็นสุขสโมสร
นางทูลองค์ภัสดาอย่าอาวรณ์น้องจะพาภูธรไปชมไพร
อันสวนแก้วอุทยานของน้องนั้นสารพันพฤกษางามไสว
พระได้เห็นแล้วคงเพลินจำเริญใจน้องปลูกไว้มากมายมีหลายพรรณ
ต่อวันน้องจะพาไปเที่ยวเล่นเพลานี้ตะวันเย็นสุริย์ฉัน
จะไปสวนด่วนกลับไหนจะทันผัดต่อวันพรุ่งนี้จึ่งลีลา
พระองค์ทรงซึ่งพาชีอันตัวของน้องนี้ขี่เยียงผา[25]
ตามเสด็จภูวไนยไคลคลาเก็บผกาผลไม้ให้สารพัน
พระโลมลูบปฤษฎางค์ทางเชยชื่นดั่งจะกลืนไว้ในทรวงพวงสวรรค์
แต่เชยชมสมญาจนสายัณห์สัพยอกหยอกกันจนราตรี
เสียงประโคมแตรสังข์ฟังเสนาะมโหรีตีเพราะด้วยดีดสี
นางบำเรอเสนอสำเนียงดีระเรื่อยรี่รับขับกล่าวกลอน
พระเสด็จเนาในไสยาอาสน์ด้วยเยาวราชเมรีศรีสมร
ฟังเพลินจำเริญจิตสนิทนอนหลับอยู่เหนือบรรจถรณ์ในราตรี
ปัจจุสมัยไก่ขันสนั่นก้องดุเหว่าร้องเร้าเร่งพระสุริย์ศรี
สุริวงศ์กับองค์เจ้าเมรีตื่นประทมจากที่ศรีไสยา
ฝ่ายเหล่าพนักงานถือพานชูหมอบเมียงเคียงอยู่ทั้งซ้ายขวา
ถวายขันใส่สุวรรณธาราโสรจสรงพักตราสิ้นราคี
ชาวเครื่องตั้งพระธัญญาหารสองเสวยสำราญกระเษมศรี
เสร็จแล้วทรงเครื่องอันรูจีสอดศรีแลององค์พระทรงธรรม์
นางประดับแต่งเครื่องเครื่องประดิษฐ์พระทรงเครื่องเขียวขจิตทุกสิ่งสรรพ์
พระจูงกรกัลยาวิลาวัณย์จรจรัลพลางเรียกซึ่งอาชา
นางเมรีเดินหลังสั่งให้แต่งเครื่องมณีสีแดงแต่งเยียงผา
เบาะอานแผงข้างอย่างอาชาก็นำมาถวายสองต้องพระทัย
นางเมรีโฉมยงทรงเยียงผาพระรถทรงอาชาไม่ช้าได้
ขับม้าเยียงผาก็คลาไคลจากนิเวศวังในรีบไคลคลา ฯ
◉ ฝ่ายว่าพาชีมีพยศพาพระรถบทจรก่อนเยียงผา
นางเมรีก็ขับเยียงผามาไม่ช้าก็ถึงอุทยาน
ถึงสวนก็ชวนนุชนาฏเที่ยวประพาสปรีดิ์เปรมกระเษมศานต์
รุกขชาติดอกห้อยลงย้อยยานกิ่งก้านเรียบร้อยช้อยชด
บางดอกเบิกบานตระการกลิ่นหอมประทิ่นกลิ่นขจรเกสรสด
วายุพัดรำเพยระเหยรสปรากฏกลิ่นแก้วพิกุลทอง
สารภีคลี่คลายขยายกลีบพุดจีบซองแมวเป็นแถวถ่อง
กรรณิการ์ตกรายอยู่ก่ายกองนวลละอองด้วยรสสุคนธาร
พระขับม้าเข้าเคียงกับเยียงผาเด็ดดอกจำปามาจากก้าน
นางเก็บได้สายหยุดดอกพุดตานมาแลกเปลี่ยนภูบาลประทานไป
พระเด็ดดอกลำดวนชวนนางดมโน่นแน่เจ้าสุกรมนมนางไสว
สารภีนี่แนเจ้าจงเอาไปนั่นดอกดวงพวงอะไรดูเรียงราย
นางบอกว่าดอกปาริชาติพระว่าช่างงามประหลาดนั้นมากหลาย
พระชมพลางชวนนางทางอุบายชักม้าร่ายเข้าไปเคียงเยียงผาน้อง
แล้วขับเคียงเรียงหน้ามาทั้งคู่ไม้ขนัดจัดดูเป็นแถวถ่อง
จะได้รู้จักนามแกล้งถามลองยังไม่สบที่ต้องจำนงมา
จึ่งตรัสว่าเจ้าพี่ศรีสุวรรณจงบอกชื่อคือพรรณพฤกษา
พี่ไม่แจ้งเลยนะงามนามผลาจงบอกมาตรงนี้ต้นอะไร
นั่นคือไม้อินจันพันธุ์ละมุดโน่นมังคุดขนุนหนังทั้งโตใหญ่
นั่นหรือลูกระกำนั่นลำไยโน่นมะไฟลูกเหลืองมะเฟืองรี
ที่มีขนรึงรังอยู่ข้างนอกชื่อลูกเงาะน้องจะบอกพระโฉมศรี
ที่เกลี้ยงกลมโตโตส้มโอดีต้นกระถินลิ้นจี่มีผลพวง
นั่นต้นอะไรเล่านะเจ้าพี่นางเมรีบอกให้ว่าไม้ม่วง
นั่นมะนาวผลออกเป็นดอกดวงไม้มะม่วงมะนาวโห่หาวดัง
พระฟังคำจำมั่นสำคัญแน่ได้กระแสสมในพระทัยหวัง
จึ่งขับม้าวิ่งแต้แต่ลำพังนางอยู่หลังตามองค์พระทรงธรรม์
มโนมัยรู้เชิงกระเจิงวิ่งพระยุดกิ่งพฤกษาพาผกผัน
พระหักกิ่งผลไม้ได้หลายพรรณอาชานั้นหันเหียนวิ่งเวียนวน
พระเด็ดได้ม่วงหาวมะนาวโห่อาชาโผตื่นเต้นเล่นกลางถนน
นางเมรีทัศนาพระภูวดลเก็บผลไม้มะม่วงพวงมะนาว
นางตกใจไหวหวั่นให้พรั่นนักนงลักษณ์เกรงจะลือระบือฉาว
จะห้ามผัวกลัวจะมีราคีคาวเกลือกท้าวเธอจะเคืองกระเดื่องใจ
ปิดความมิให้รู้ถึงหูยักษ์เห็นจักคงจะเกิดเหตุใหญ่
สายสมรเศร้าสร้อยละห้อยใจก็รีบตามเสด็จไปมิได้ช้า
เมื่อพระรถเก็บพวงมะม่วงหาวอารักษ์เฝ้าพวงผลต้นพฤกษา
เห็นพระรถอุปการกับมารดาจึ่งไม่มาหาวโห่เป็นโกลี
ให้อึงมี่วุ่นวายกระจายได้เทพไทซึ่งรักษาในสวนศรี
ให้มีความสงสารพระภูมีเทพเจ้ายินดีเปรมปรีดา
พระรถชวนเมรีศรีสมรคืนนครนิวาสยังปรารถนา
เสด็จยังเรือนจันทน์มิทันช้าพอเพลาย่ำฆ้องเข้าราตรี
สองกระษัตริย์ปลดเปลื้องเครื่องประดับผลัดภูษิตที่สำหรับตำแหน่งที่
อัมพาผลอันถกลกระการดีเอาซ่อนไว้ที่สีหบัญชร
สององค์ทรงนั่งยังที่เสวยพนักงานตามเคยเฝ้าสลอน
ถวายเครื่องเอมโอชอันบวรพระภูธรก็เสวยโภชนา
ทั้งเมรัยชัยบานสุรารสอันปรากฏรสแรงแข็งกล้า
พระโฉมยงกับองค์กัลยาเสวยเครื่องโอชาสุราบาน
เมรีรินน้ำจัณฑ์นั้นส่งให้พระรับไว้เสวยก่อนแล้วย้อนถาม
แล้วย้อนหยิบจอกส่งให้นงรามเสวยตามชอบใจพี่ไม่เคย
จอกหนึ่งยังไม่ตึงพระพักตร์น้องจอกสองยังไม่ดีเจ้าพี่เอ๋ย
สามจอกกลอกพับภิปรายเปรยจอกสี่ทรามเชยช่างเราะราย
จอกห้ากิริยาเห็นฟั่นเฟือนพูดเลื่อนผิดประหลาดที่มาดหมาย
จอกหกงกเงิ่นสะเทิ้นกายเจ็ดจอกโฉมฉายนั่งไม่ตรง
พระน้องเอ๋ยเสวยเล่นแต่เท่านั้นพี่รับขวัญนิ่มเนื้อนวลหง
ขอเชิญมิ่งเมรีศรียุพยงสถิตแท่นบรรจงอย่ากรมกรอง
ประคองนางวางลงไสยาอาสน์พิศวาสร่วมภิรมย์สมสอง
เยาวมาลย์จึ่งว่าพระรูปทองแม้นรักน้องแล้วอย่าไปให้ไกลกาย
น้องเมามัวเห็นผัวก็ชื่นจิตดั่งชีวิตของน้องอย่าหมองหมาย
พระโลมนางพลางต้องตระกองกายโอ้เจ้าสายสุดที่รักของพี่เอย
เสวยเมาเท่านี้มิเป็นไรแม่ขวัญใจรูปทองของพี่เอ๋ย
พี่จะกล่อมถนอมนวลให้ชวนเชยจงผินพักตร์มาเชยให้ชูใจ
นางเอนอิงพิงทับกับพระกรเชิญสมรนอนเสียเถิดให้ผ่องใส
ด้วยมัวเมาเขลาเคลิ้มอรทัยก็ไสยาสน์หลับไปในราตรี ฯ
◉ ฝ่ายสินธพชาติอาชาไนยขัดใจรนร้องอยู่ก้องมี่
เดือดดาลทะยานใจคอยภูมีเห็นผิดทีเหตุไฉนจึ่งไม่มา
อาชาแกล้งกระทืบโรงส่งเสียงร้องหวังจะให้พระน้องลงมาหา
แล้วโผนผกโขกกระดานด้วยมารยาประหนึ่งว่าโรงที่อยู่จะทำลาย
พระฟังเสียงพาชีรู้ทีมาก็ลินลาจากห้องนางโฉมฉาย
ถึงโรงม้าหยิบยาออกโปรยปรายโดยอุบายใช้กลด้วยรู้กัน
อาชาว่าอะไรกระนี้เล่ามัวแต่เฝ้าห้องในจนไก่ขัน
เร่งเตรียมของต้องการภารสำคัญจัดสรรพ์ไว้สำหรับกำกับตน
ถ้าได้ทีหนีไปในบัดเดี๋ยวจะหน่วงเหนี่ยวอยู่ไยไม่เป็นผล
ถ้ารักเมียเสียแม่แทบทุกคนถ้ากังวลอยู่ด้วยเมียคงเสียที
ถ้ารักอยู่แล้วจงอยู่พี่ไม่ว่าแต่อาชานี้จะลาพระน้องหนี
จะไปหรือจะอยู่พระภูมีจงบอกพี่ให้ประจักษ์ตระหนักใจ ฯ
◉ พระฟังคำอาชาว่าเป็นเด็ดดั่งจักรเพชรผันผัดตัดกษัย
ให้ละห้อยละเหี่ยเสียน้ำใจเหลืออาลัยหวงแหนแสนเสียดาย
จึ่งแข็งใจปลอบม้าว่าพี่เอ๋ยกระไรเลยจะด่วนทำมักง่าย
เมื่อนางนอนยังไม่หลับระงับกายของที่หมายนั้นจะหยิบไม่คล่องใจ
พอให้นางหลับสนิทจะคิดลักไม่ช้านักเป็นแน่จะแก้ไข
อย่าอึกทึกเลยพี่ที่จะไปลักได้แล้วจะมาไม่ช้าเลย
แล้วเสด็จครรไลลับกลับเข้าห้องประคองน้องอิงแอบแนบเขนย
นางเมรีเมามายไม่เสบยยกเศียรเกยเอวองค์พระทรงธรรม์
แล้วถามว่าไปไหนเมื่อตะกี้พระบอกว่าพาชีตัวขยัน
มันรนร้องก้องโรงตะโกรงครันพี่ไม่ทันป้อนหญ้าให้ม้ากิน
สาวสวรรค์ครั้นฟังไม่คลางแคลงที่ไกกลแอบแฝงไม่แหนงถวิล
แต่เพลินด้วยเมรัยแลเมรินยุพาพินเพิ่มดื่มไม่ลืมตา
พระรถรักฟักฟูมอุ้มถนอมจึงกล่าวกล่อมกลด้วยขนิษฐา
เจ้าพี่เอ๋ยยามเชยมานิทราก็ไสยาหลับไปในราตรี
ดึกสงัดปัจฉิมเวลาโกกิลาเร้าเร่งพระสุริย์ศรี
นาฬิกาย่ำสามยามราตรีเรื่อยรี่วิเวกวังเวงใจ
มโหระทึกกึกก้องประโคมเสียงฟังสำเนียงไม่ระงับหลับใหล
พระแน่นอนทอดถอนในฤทัยชลนัยน์ไหลอาบพระพักตรา
แล้วยกหัตถ์ให้สอดกอดเขนยพระน้องเอ๋ยอย่าพะวังกังขา
พระเคลื่อนให้ห่างนางกัลยาพระราชาเศร้าสร้อยละห้อยใจ
โอ้ว่าอนิจจาน้องแก้วพี่จำทิ้งน้องแล้วจะทำไฉน
เจ้าตื่นขึ้นไม่เห็นพี่จะร่ำไรจะโหยไห้แทบชีวิตจะปลิดปลง
ครั้นพี่จะมิไปในครั้งนี้พระชนนีก็จะม้วยเป็นผุยผง
ถ้าหาไม่ไหนจะจากนางโฉมยงอาชาส่งเสียงอึงคะนึงไป
พระได้ยินสำเนียงเสียงพาชีมิใคร่จะจรลีไปจากได้
พระแข็งขืนกลืนกลั้นชลนัยน์สงสารนางทรามวัยพันทวี
อันตัวพี่ได้อยู่ให้ชูจิตจะจำปลิดรักกันหันหนี
ได้สมน้องครองสวาทเจ็ดราตรีพี่จะลามารศรีกลับไปเมือง
พระเสด็จจากแท่นทองมิทันช้าเสน่หาอาลัยไม่ปลดเปลื้อง
แล้วแข็งขืนอุระค่อยประเทืองก็ย่างเยื้องจากแท่นบรรทมพลัน
แล้วเหลียวดูนางอนงค์ผู้ทรงลักษณ์วรพักตร์ดั่งหนึ่งเทพอัปสรสวรรค์
พระน้องเอ๋ยนางใดจะเทียมทันดั่งสุวรรณทั้งแท่งแสร้งวางไว้
งามทรงงามวงลักขณาโสภานวลละอองผ่องใส
ชลนานองเนตรสังเวชใจเออก็กรรมสิ่งใดมาก่อกวน
โอ้โฉมยงนงลักษณ์สายสวาทตื่นจากไสยาสน์จะโหยหวน
ยามสรงยามเสวยเจ้าเคยชวนเย้ายวนถามพี่ทุกเวลา
ร่ำพลางทางเช็ดชลเนตรทวีเทวศโศกเศร้ากันแสงหา
ชลนัยน์ไหลอาบพระพักตราก็โศกาเพียงจะสิ้นสมประดี
ด้วยแสนเสน่หาอาวรณ์ทินกรจวนแจ้งแสงสี
โอ้โอ๋ยุพินปิ่นเทพีค่อยอยู่เถิดจงดีพี่ขอลา
เสียดายนางกำนัลบำเรอขับนับวันจะเว้นว่างห่างหา
จะโหยหนก่นกินแต่น้ำตาทุกสาวสรรกัลยาบำเรอเรียง
ครั้นรุ่งเช้าก็จะแจ้งว่าเราหายสาวสนมทั้งหลายจะแซ่เสียง
จะระบิลอสุรินทร์บำเรอเรียง[26]ปานจะเพียงเมืองล่มระงมวัง
ระงมจิตคิดไปหัวใจหายหัวใจห่วงด้วยสายสวาทหวัง
สวาทรักหักทิ้งเหมือนชิงชังครั้นจะสั่งไหนจะให้พี่ไคลคลา
พี่ไคลคลาศนิราศไปทั้งหลับไปทั้งนอนพลิกกลับจะคว้าหา
จะคว้าหายแม่จะไห้ร่ำโศกาพระราชากลับสถิตมณเทียรทอง
บนแท่นที่ภูมีเข้าแนบชิดเข้าแนบเชยพระยิ่งคิดกระมลหมอง
กระมลไหม้แสนเสียดายไปจากน้องแต่ตรองตรองแล้วอย่าไปเลยกระมัง
พระส้วมสอดกอดน้องประคองโฉมเฝ้าประโลมเล้าลูบจูบสั่ง
สามราตรีเถิดพี่จะกลับวังไม่ทอดทิ้งร้อยชั่งให้กรมทรวง
แต่ห่วงหน้าห่วงหลังกังวลใจดั่งผลักพลิกเมรุไกรไศลหลวง
พี่จำลาคลาไคลไกลพุ่มพวงจงอยู่เถิดดวงสมรพี่ขอลา ฯ
◉ เสด็จจากแท่นแก้วอลงกตแล้วหยิบห่อโอสถกับพฤกษา
ดวงเนตรกำพตพิศม์อันฤทธาเสด็จมาโรงราชอัสดร
บอกกับม้าว่าได้ของเสร็จแล้วมโนมัยผ่องแผ้วสโมสร
ด้วยสมมาดปรารถนาไม่อาวรณ์อัสดรสุขเขษมเปรมปรีดิ์
พระถอดขลุมมโนมัยใส่บังเหียนฤทัยเจียนเด็ดดับลงกับที่
ม้าก็เตือนพระเกลื่อนแกล้งพาทีน่าสงสารเมรีเป็นพ้นไป
อาชาฟังคั่งแค้นแสนพิโรธอันประโยชน์ที่ตรงแม่ไม่แก้ไข
มาหลงด้วยรูปรสไม่งดใจเออกระไรชั่งไม่คิดสักนิดนาฯ
◉ พระฟังม้าทานเทียบเปรียบระบิลก็ขาดสิ้นความรักลงหนักหนา
ดั่งพญาวาสุกรีมีศักดาเหมือนใครหลงหักดังใจ[27]
ก็เยื้องย่างยูรยาตรคลาศคลาเผ่นขึ้นหลังอาชาหาช้าไม่
ม้าก็โดดโลดลอยขึ้นทันใดเหาะไปในราชราตรีกาล ฯ
◉ น่าสงสารภูบาลจอมนเรศทอดพระเนตรเหลียวดูราชฐาน
แสนสนุกนิ์สุโขโอฬารชัชวาลล้วนแก้วจำรัสพราย
ทั้งปราสาทราชวังดูคั่งคับอเนกนับพลไพร่ก็เหลือหลาย
ไม่สมปองน้องต้องครองอยู่เดียวดายพี่หมายอยู่เพื่อนน้องครองเขตคัน
ไม่สมจิตเพราะว่าคิดไม่สมนึกเพราะการศึกอยู่ข้างหลังยังคับขัน
ต้องตัดรักหักใจจรจรัลพระทรงธรรม์ก็รีบขับพาชี ฯ
◉ จะกล่าวถึงเสื้อเมืองเรืองกำแหงเห็นอาชาข้ามกำแพงพากันหนี
โกรธาตาแดงดั่งอัคคีอสุรีขวางหน้าแล้วท้าทาย
ว่าดูรามานุษย์จงหยุดก่อนท่านจะจรไยจึงลักของทั้งหลาย
ทั้งโอสถผลอัมพาที่เสี่ยงทายผลไม้สำหรับเมืองโดยจำนง
เราผู้เสื้อเมืองอันเรืองเดชรักษาขอบพระนิเวศน์นวลหง
ไม่เกรงหรือชีวิตจะปลิดปลงอย่าทะนงว่าจะรอดตลอดไป
แล้วจู่โจมโถมจะจับอัศวราชม้าลาดโลดโผนโจนไปได้
อสุราแล่นโลดโดดตามไปก็โถมไล่ประจันบานราญรอน ฯ
◉ ปางพระหน่อธิบดินทร์ปิ่นกระษัตริย์พูนสวัสดิ์ห้าวหาญชาญสมร
เห็นเสื้อเมืองต่อต้านจะราญรอนพระภูธรไม่คร้ามครั่นหวั่นวิญญา
ชักพาชีเลี้ยวลัดสกัดกั้นเอาพระขรรค์ฟันฟาดเป็นหนักหนา
ม้าโขกกัดพลัดไพล่กันไปมาอสุราไม่ย่อย่นทนทาน
ด้วยเสื้อเมืองเรืองฤทธิ์เดชเทเวศร์ให้มาเฝ้าราชฐาน
จะฆ่าฟันเท่าไรไม่วายปราณพระภูบาลจึ่งหยิบพระขรรค์ชัย
จบเกศอ่านเวทวิเศษฤทธิ์ของบพิตรสิทธาเธอสอนให้
รำลึกคุณอาจารย์ผู้ชาญชัยขอให้ได้สมถวิลดังจินดา
ข้าจะเอาพระขรรค์นี้ขว้างไปตามประสงค์จงใจปรารถนา
เสี่ยงแล้วขว้างพระขรรค์มิทันช้าเป็นข่ายเพชรเจษฎาเข้าเรียงราย
ล้อมรอบกุมภัณฑ์ไว้มั่นคงสมจิตจำนงดังใจหมาย
เสื้อเมืองแทบสิ้นชีวาวายตะกุยตะกายอยู่ในข่ายไม่สมประดี
พระรถเห็นเสื้อเมืองอันเรืองเดชสิ้นฤทธิ์อสุเรศของยักษี
พระรีบขับอัสดรจรลี....................................................[28]
จวนอุทัยไขแสงแจ้งจำรัสแจ่มกระจัดจ้าฟ้าในราศี
พระแสนเศร้าโศกศัลย์พันทวีถึงเมรียอดรักไม่หักคลาย
สะท้อนท้อถอนใจอาลัยจิตคะนึงคิดโศกศัลย์ไม่กลั้นหาย
ดูจวนแจ้งแสงสุวรรณหิรัญรายอาชาร่ายลอยตามโพยมบน[29]
             

◉ จะเริ่มเรื่องพระรถนิราศสวาทบำราศร้างห่างห้องระเหหน
เสด็จเดียวเปลี่ยวประเวศในนภนประจวบจนแดนด้าววนาดร
ฝ่ายนาฏเมรีศรีสวัสดิ์ผทมเหนือท่านรัตน์ปัจถรณ์
ดาวเดือนเลื่อนลับยุคุนธรจะใกล้แสงทินกรอโณทัย
ฟื้นกายชายเนตรนึกฉงนมิได้ยลพระยอดผู้พิสมัย
ให้เศร้าสร้อยโศกาด้วยอาลัยอรทัยทุ่มทอดสกลกาย
ให้เดือดดาลแดดูรพูนเทวษชลเนตรคลอคลองลงนองสาย
พลางปลุกนางบำเรอจำเรียงรายนักสนมทั้งหลายก็ฟื้นตน
มิได้ทราบเรื่องโดยคดีพระเสาวนีย์จึ่งแจ้งแห่งนุสนธิ์
ว่าพระยอดขัตติยาประชาชนสถิตบนแท่นแก้วแล้วหายไป
เห็นเป็นวิปริตผิดประหลาดพระภูวนาถจรดลไปหนไหน
หรือว่าพระผ่านฟ้าเสด็จไปสถิตในโรงราชพาชี
ประหลาดใจเมื่อใกล้เข้ายามสองอาชาร้องในโรงเสียงอึงมี่
เอะผิดแล้วพระแก้วกับพาชีหรือจะหนีกลับหลังไปยังเมือง
เร็วเถิดสาวใช้ไปค้นหาแต่กิจจานั้นอย่าให้ใครรู้เรื่อง
เกลือกเธอรู้อยู่แล้วจะขัดเคืองจงยักเยื้องแยบคายชม้ายดู
แม้นท้าวเธอไปชมสนมไหนอย่าทำให้ท้าวไทเธออดสู
แต่เอาเหตุมาแจ้งแสดงกูเร่งค้นดูอย่าให้ใครวุ่นวาย ฯ
◉ ฝ่ายนางสนมในได้สดับคำรพรับพจมานคลานขยาย
ออกมาจัดสรรกันมากมายก็แยกย้ายรายทั่งทั้งเรือนจันทน์
บ้างก็จุดประทีปเทียนส่องทุกชั้นช่องห้องปรางค์นางสาวสรรค์
ทั้งที่สรงที่เสวยเคยจรัลสาวสรรค์สอดส่องทุกห้องนาง
จนสิ้นเขตพระนิเวศที่เรือนหลวงสนมนางทั้งปวงยิ่งหมองหมาง
ต่างก็คิดคำนึงรำพึงพลางเห็นจะร้างนคเรศนิราไกล
หรือเสด็จโรงราชอัสดรที่ภูธรเคยประพาสหรือไฉน
ฝูงนางต่างชวนกันคลาไคลด้วยสงสัยจะใคร่แจ้งซึ่งกิจจา
ก็เที่ยวทั่วโรงรัตน์อัศวเรศแล้วประเวศเวียนวนเที่ยวค้นหา
ก็สูญสิ้นพระนรินทร์และอาชาฝูงนางกัลยาก็ตกใจ
ต่างชวนกันวิ่งวางมาปรางค์รัตน์ประนมหัตถ์ทูลแจ้งแถลงไข
ข้าค้นทั่วพระนิเวศตำหนักในก็มิได้พบองค์พระทรงฤทธิ์
ทั้งโรงรัตน์อัสดรกุญชรชาติที่ประพาสแต่ก่อนบ่ห่อนสถิต
อันหนึ่งราชอาชาที่ชอบชิดก็เห็นผิดหายไปไม่พบพาน
แม่นแท้ท้าวแกล้งประลวงโลมภิรมย์โฉมแล้วก็ร้างห่างสมาน
มาทอดทิ้งแม่ให้อัประมาณให้แดดาลมิได้ชื่นทุกคืนวัน
ทูลพลางทอดทุ่มสกลกายก็ฟูมฟายโศกาเพียงอาสัญ
บ้างโหยหวนครวญคร่ำเฝ้ารำพันต่างจาบัลย์ไปทั่วทั้งวังใน ฯ
◉ ฝ่ายอนงค์นารีเทวีราชให้วุ่นหวาดหวั่นฤทัยไหว
อุราร้าวผ่าวรุ่มดั่งสุมไฟด้วยอาลัยในกระษัตริย์ภัสดา
สองกรค่อนทรวงกันแสงร่ำว่าโอ้กรรมสิ่งใดณอกข้า
แต่เพียงพรากจากราชมารดานานมาก็ได้พึ่งพระบารมี
ก็หมายใจว่าจะได้เป็นปิ่นเกศภูวเรศก็มาแหนงเสน่ห์หนี
จะขัดเคืองเรื่องไรก็ใช่ทีเป็นกรรมของเรานี้ได้ทำมา
มิทันไรก็มาร่ายนิราศผัวเหมือนหญิงชั่วชายเร่เสน่หา
โอ้โอ๋เอ๋ยอกเอ๋ยเป็นเวราจะต้องกินน้ำตาไปกว่าตาย
ร่ำพลางทางมองดูที่โอสถทั้งกำพตดวงเนตรก็สูญหาย
เห็นประจักษ์ใจแท้ว่าอุบายยิ่งฟูมฟายชลนาเฝ้าจาบัลย์
โอ้ไฉนไยพระยอดเสน่ห์น้องเคยปกครองกรุงไกรมไหศวรรย์
เมียได้ผ่องผาสุกทุกคืนวันประชากรกุมภัณฑ์ก็เปรมปราย
ฝูงสนมกรมในอเนกแน่นกระเษมแสนสุขอยู่ทุกหมู่หมาย
ทุกหมื่นเมืองเลื่องลือขจรจายยอมถวายอภิวาทวันทา
ควรหรือพระมิ่งมงกุฎเกศมาประเวศแรมเร่เสน่หา
โอ้หมายใจอยู่ว่าพระจะเมตตาไม่สงกาพาซื่อจนเสียการ
อนิจจาพระจอมกระหม่อมโลกย์จะให้โศกปลดปลงไม่สงสาร
ไม่ขออยู่สู้ตายวอดวายปราณฤดีดาลเดือดดิ้นดั่งอัคคี
เหตุผลเป็นต้นเพราะอัสดรมันเสี้ยมสอนวอนเสนอให้เธอหนี
แล้วพาท้าวเหาะเหินจากธานีเมื่อจวนรุ่งราตรีทิวากาล
อกเอ๋ยอยู่ไยให้เป็นคนประชาชนเขาจะพากันว่าขาน
สำหรับก็จะอัประมาณนานเหมือนหญิงพาลรานผัวไปจากเมือง
แม้นระบือลือข่าวถึงด้าวใดกิตติศัพท์ถึงไหนก็ฟุ้งเฟื่อง
ว่าหญิงชั่วผัวร้างไว้ในเมืองมีแต่เครื่องคำคนเขานินทา
ร่ำพลางทางทอดพระองค์ลงกันแสงทรงเพียงชีวังจะสังขา
พลางทอดฤทัยอยู่ไปมาโอ้พระภัสดาไม่เห็นใจ
อยู่หลัดหลัดซัดเสียให้เมียโหยร่วงโรยเรี่ยวแรงกันแสงไห้
สิ้นเสียงเพียงพ่างจะขาดใจสลบไปในราชเรือนจันทน์ ฯ
◉ ฝ่ายนงลักษณ์สนมสนิทข้างเห็นน้องนางโศกเศร้ากันแสงศัลย์
สลบลงนิ่งแน่อยู่แดยันฝูงกำนัลทอดทุ่มอุราพา
โอ้ว่าแม่ขวัญเมืองผู้เรืองโฉมงามประโลมเลิศล้ำดั่งเลขา
ควรแล้วหรือมาสิ้นชีวามาละข้านักสนมสมบัติไป
จะทอดทิ้งประยุรวงศ์สิ้นทั้งผองทั้งห้องแก้วแกมทองอันผ่องใส
เสด็จไปสู่สวรรค์ชั้นใดก็ชวนกันร่ำไรทั้งเรือนจันทน์
ดุจหนึ่งลมเพชรหึงหวนให้เซซวนเศร้าซบสยบสยัน
ก็ตื่นตายวายวุ่นทั้งเรือนจันทน์ต่างโศกศัลย์ร่ำรักพระธิดา
สาวแก่นางแม่พระสนมก็อกกรมพ่างเพียงจะเป็นบ้า
จึ่งเข้าไปต้ององค์พระธิดาเห็นกายาอ่อนอุ่นอยู่ทั้งองค์
ก็แจ้งว่ายังไม่บรรลัยลาญเอาสุคนธาธารมาโสรจสรง
หอมระรื่นก็ค่อยฟื้นดำรงคงเห็นอนงค์นั่งแน่นอยู่ในปรางค์
ความแค้นยิ่งแสนอเนกนักวรพักตร์เผือกผ่องด้วยหมองหมาง
ให้ร้อนโรยโหยหวนคร่ำครวญครางดั่งหนึ่งนางจะวายชีวาวัน
ฝ่ายเหล่าสาวสนมคนสนิทเข้านั่งชิดแนบโฉมประโลมขวัญ
โอ้แม่ดวงวรลักษณ์วิลาวัลย์จะโศกศัลย์อยู่ฉะนี้มิเป็นการ
จงดับโศกเสียบ้างให้บางเบาก็ควรเราจะยกโยธาหาญ
ไปเร่งรีบติดตามพระภูบาลไหนจะพ้นมือมารอย่าสงกา ฯ
◉ นางฟังเค้ามูลทูลสนองค่อยคลายหมองผ่องผันด้วยหรรษา
จึ่งมีมธุรสพจนาตรัสสั่งเสนาให้เตรียมพล
เร่งฆาตกลองชัยเภรีเป็นที่ประชุมแห่งพหล
ฝ่ายมารฟังสารทะยานบนร้องเรียกพลพวกมารทะยานกาย
บ้างผาดโผนโจนจากโพยมเมศสำแดงเดชดั่งดวงพระสุริย์ฉาย
เขี้ยวงอกออกยืนทะยานกายวิเวกว่ายง้ำเงื้อมศิขริน
บ้างทำสีหนาทผาดโผนเข้าโจมจับดวงพระสุริย์ศิลป์
ดาวเดือนเลื่อนลับเมฆินธรณินกัมปนาทสำเนียงพล
ทั้งเสียงรถเสียงทศโยธาเป็นโกลากึกก้องโพยมหน
ขนัดแน่นล่วงแสนจัตุรงค์เคยประจญข้าศึกในสงคราม[30]
พลหลาวง้าวตั้งดาษสนามพลปืนยืนยงในสงคราม
พลหอกกลอกตามกระบวนฤทธิ์พลมารหาญศึกพิลึกแล่น
พลม้าหาญจิตประชิดแล่นโกฏิแสนแน่นมาเป็นอักนิษฐ์
เคยประจญประจัญปัจจามิตรทศทิศย่อย่นไม่ทนทาน
แต่ล้วนพวกยักษีมีพยศก็มาหมดพร้อมสิ้นทุกถิ่นฐาน
มาคอยเฝ้าดวงสุดาหน้าพระลานฟังรสพจมานการณรงค์ ฯ
◉ ฝ่ายนาฏเมรีศรีสมรแต่อาวรณ์ร้อนจิตพิศวง
ยิ่งให้ทอดฤทัยระทวยองค์ไม่เป็นสรงเป็นเสวยโภชนา
เสด็จด่วนมายังที่นั่งเคยจึ่งผายเผยสุนทรแก่ยักษา
เราจะยกพหลพลโยธาจงตริตราหาฤกษ์ให้จงดี ฯ
◉ โหรเฒ่าก้มเกล้าทูลสนองหมอบจ้องพจมานสารศรี
นางท้าวจึ่งแสดงแจ้งคดีว่าบัดนี้พระรถนิราไกล
เราจะยกพวกพลไปติดตามจะเกิดความเคืองเข็ญเป็นไฉน
จะพบท้าวด้าวแดนดำบลใดจงแจ้งไขกิจจาพฤฒาจารย์
โหรเฒ่าฟังเสาวนีย์แสดงประจักษ์แจ้งคัมภีร์สี่สถาน
จึงประมูลทูลองค์พระนงคราญแต่เริ่มการมาข้าก็กริ่งใจ
ได้ทูลทัดขัดไว้แต่เดิมทีพระเทพีมิได้เชื่อจะทำไฉน
บัดนี้ซึ่งจะตามพระองค์ไปเห็นสุดไกลไพรกว้างกลางพนม
อสุราฤทธาสักเพียงไหนแต่คงได้พานพบประสบสม
เห็นว่าท้าวจะไม่คืนบุรีรมย์จะเกรียมกรมยากแค้นแสนทวี
ฝ่ายพระแม่ก็จะแดอาดูรดิ้นเห็นจะสิ้นชีพม้วยไปเมืองผี
เห็นมิได้คืนมายังธานีพระเคราะห์นี้ร้ายนักพระเทพิน ฯ
◉ นางฟังโหรเฒ่าให้เศร้าจิตดั่งกรดกฤชขีดศอให้ขาดสิ้น
ยิ่งหวั่นไหวไปทั่วทั้งกายินชลนัยน์ไหลรินดั่งธารา
โอ้อกเอ๋ยไหนเลยแต่นี้เล่าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยนิราศา
ประชาชนเขาจะชวนกันนินทาเจ็บอุราชอกช้ำระกำกาย
จะอยู่ไยในเมืองให้เคืองตนไปสิ้นชนม์เสียเถิดให้สูญหาย
ตรัสพลางทางขับพลนิกายจึ่งสั่งนายสิทธิกรรม์ทันใด
ท่านผู้เชี่ยวชาญชำนาญเดชอิทธิเวทผันแปรจะแก้ไข
เร่งติดตามพระรถยศไกรแม้นทันไทให้เชิญกลับพารา
ซึ่งไอ้อัสดรที่ตัวยงท่านจงกินเล่นเป็นภักษา
ชั้นโลหิตอย่าให้ติดพระสุธาอสุราเร่งรีบไปเร็วไว
สิทธิกรรม์ครั้นฟังสั่งพหลอลวนวุ่นวิ่งอยู่ไสว
ให้ยกพวกพหลพลไกรเข้าในแนวป่าพนาวัน ฯ
◉ ฝ่ายมิ่งเยาวมาลย์นางโฉมศรีแต่โศกีเศร้าสร้อยโศกศัลย์
เสด็จโดยมรรคาในอารัญล้วนสาวสรรค์ตามเสด็จเยาวมาลย์
เยาวมิ่งยิ่งให้อาลัยถวิลโอ้พระภูมินทร์ไม่สงสาร
ไม่สั่งเสียเมียบ้างพระภูบาลอกน้องนี้จะรานชีพบรรลัย
ให้เศร้าจิตพิศดูนิวาสสถานสถิตเถิดสำราญให้ผ่องใส
ให้ผ่องศรีน้องนี้จะจำไกลโอ้ที่ไหนจะได้กลับมายลเวียง
มายลวังพระที่นั่งเคยสนุกเคยสนานการสุขจะเศร้าเสียง
จะเศร้าสิ้นอสุรินบำเรอเรียงแต่นี้เวียงก็จะเงียบสงัดทรวง
สงัดสิ้นอสุรินอสุเรศอสุรีนิเวศในวังหลวง
วังหลังตั้งหน้าน้ำตาตวงนับวันก็จะล่วงไปแรมโรย
จะแรมร้างห่างที่เคยบรรทมเคยบันเทิงภิรมย์จะร่ำโหย
จะร่ำหาสุดาอยู่เดียวโดยโอ้อกโกยทุกข์ทุ่มเฝ้ากลุ้มใจ
นิราศร้างห่างห้องสุวรรณเมศสุวรรณมาศนิเวศอันผ่องใส
ผ่องศรีด้วยแสงมณีนัยจะมืดไปทั่วทิศเป็นนิจรันดร์
จะราร้างปรางค์มาศปราสาทศรีประเสริฐแสงแดงดีดูเฉิดฉัน
ดูช่อช่วงดวงศรีรวีวรรณสารพันจะนิราศทั้งเรือนทอง
ทั้งเรือนทิพย์สถานพิมานเมศพิมานแม้นอมเรศไม่เทียมสอง
ไม่เทียมศรีแสงแก้วสุวรรณกรองโอ้แต่นี้ก็จะหมองอยู่โรยรา
โรยรินสิ้นแล้วนะอกเอ๋ยอกโอ้มิเคยนิราศา
นิราศสมบัติทั้งภัสดาชะรอยสิ้นพาสนาเสียจริงจัง
อกข้าเมรีนี้เป็นไฉนหรือเวรใดได้ล้างแต่ปางหลัง
ได้พรากสัตว์ให้เขาพลัดจากรวงรังเวรหลังนั้นจึ่งตามมาจำนอง
อกเอ่ยแต่นี้กลับจะลับแล้วดั่งดวงแก้วมืดมนระคนหมอง
เมืองมารจะระงมด้วยกรมกรองจะนั่งนองน้ำตาไม่ราวัน
โอ้แสนเสียดายไมตรีเอ๋ยพระย่อมเคยปรีดิ์เปรมกระเษมศัลย์
แสนสนิทพิศวาสไม่ขาดวันเป็นมหันตมหาโอฬาฬาร
เมื่อพระปิ่นเมียแก้วมาปกเกศครอบครองนคเรศราชฐาน
ข้าน้อยค่อยได้สบายบาลพลมารแสนสุขสนุกนิ์ใจ
พระเดชาอานุภาพก็แผ่เผื่อทั้งใต้เหนือนบนิ้วประนมไสว
มโหรสพก็สยบทั้งกรุงไกรดั่งหนึ่งในฉ้อชั้นสวรรยา
ทั่วประเทศเขตมารไม่เดือดร้อนราษฎรได้สุขทุกถ้วนหน้า
ลือเลื่องดั่งหนึ่งเมืองอมราในมหาชมพูไม่เปรียบปาน
เมื่อยามท้าวสุขเขษมเปรมปรีดิ์มเหสีนอบน้อมมโนสมาน
เคยถนอมกล่อมเกลี้ยงสุดามารเคยประสานสดับเสียงสำเนียงนวล
เคยหยอกเย้าเคล้าคลึงเสน่หากำดัดอาลัยหลงประจงสงวน
เคยแย้มยิ้มริมช่องบัญชรชวนทรงพระสรวลโสมนัสเปรมปรีดิ์
เคยยามสมบรมสุขไสยาสน์เคยแสนพิศวาสสว่างศรี
เคยทั้งสองสำรวลรสฤดีเคยแต่ความสุขมีทุกเวลา
ยามเสวยเคยเสวยบรมสุขยามสนุกนิ์เคยสนิทเสน่หา
ยามสรงเคยสรงสุคนธาโอ้นึกน่าน้อยใจอาลัยลาญ
นี่เนื้อกรรมกำจัดจึ่งพลัดพรากจึ่งจากนคเรศราชฐาน
แสนระกำจำไกลไปเนานานน่าสงสารแสนสุดจะรำพัน
ร่ำพลางทางสั่งฝูงนิกรเราจะจรจากไกลไอศวรรย์
ท่านจงอยู่สุขเป็นนิรันดร์อันเรานี้นับวันไม่กลับมา
ฝ่ายฝูงชนชาติหญิงชายก็ฟูมฟายชลเนตรเทวศหา
ให้อัดอั้นตันจิตคิดโรยราด้วยอาลัยในสุดาเสด็จจร
สาวสนมกรมในเจ้าขรัวนายทั้งเตี้ยค่อมหม่อมยายตามสลอน
ต่างคนครวญใจอาลัยวรณ์ก็บทจรจากราชบูรี ฯ
◉ เสด็จถึงสวนแก้วอันอุดมเคยบรมสุขกระเษมศรี
รุกขชาติดาดดกอุดมดีมลุลีลำดวนประดู่ดง
สาวหยุดโยทะกาประยงค์แย้มแก้วเกดแกมกระดังงากาหลง
มะลิลาสารภีชิงชี่ปรงมหาหงส์ชงโคโยทะกา
ไทรย้อยสร้อยสนมะสังโศกโอ้เมื้อยามวิโยคเสน่หา
สาวหยุดเหมือนพระหยุดจำนรรจาอัมพาเหมือนพระพาเมียเดินจร
ซุ้มสวนเหมือนพระชวนให้ชมเถื่อนนางแย้มเหมือนพระเยื้อนสโมสร
นางกวักเหมือนพระหัตถ์กวักกวัดกรขอนดอกเหมือนพระเด็ดให้เมียชม
ลำดวนเหมือนพระด่วนสวาดิหวังเต่าร้างเหมือนพระร้างนิราศสม
สนลมเหมือนหลงด้วยเล่ห์ลมสุกรมเหมือนกรอมโอ้ออมใจ
ระกำเหมือนเมื่อเรียมระกำกลุ้มกระทุ่มเมื่อกระทุ่มทรวงไศล
ชบาเหมือนจะพาเป็นบ้าใจกาหลงหลงให้อาลัยเลย
คันทรงเหมือนทรงพระสรวลเสียงรังเรียงเหมือนเคียงเรียงเขนย
ไม้รักษ์เหมือนรักมาแรมเชยรำเพยเหมือนเคยรำเพยพัน
สวาดเหมือนมาคลาดสวาสดิ์แสวงชุมแสงเหมือนเศร้ากันแสงศัลย์
ยมโดยเหมือนมาโดยกันดารครันเบญจวรรณเหมือนเมื่อวันรำพันพลาง
สะท้อนเหมือนสะท้อนฤทัยทึกมะอึกเหมือนอึกอ่วนอางขนาง
ตะแบกเหมือนเราแบกเอาทุกข์พลางไม้ยางเหมือนอย่างมาครวญกรรม
มะไฟเหมือนหนึ่งไฟมาใส่สุมมะรุมเหมือนเรารุมอุราร่ำ
ตะบากเหมือนหนึ่งแสนวิบากทำมะกล่ำเหมือนกล้ำแต่กลืนทุกข์
ส้มโอเหมือนโอ้ยามวิโยคสนโศกเหมือนเศร้าศรีไม่มีสุข
ลั่นทมมาระทมด้วยความทุกข์ต้องเดินบุกป่าระหงดงดอน
ชมพลางทางพิศรำพึงถวิลชลนัยน์ไหลรินสะท้อนถอน
ไม่วางวายเทวศอาวรณ์ก็เสด็จจรจากสวนรีบด่วนคลา
โอ้สงสารนงลักษณ์อัคเรศสุริเยศส่องจำรัสพระเวหา
พักตร์เพียงด้วยพระจันทราแต่โศกาเศร้าสร้อยสลดลง
ทั้งอาหารการสรงไม่เป็นเสวยแต่บนเบยเลยลืมละลานหลง
ทั้งสติก็ตั้งไม่คงตรงให้คะนึงถึงองค์นรินทร ฯ
             
  1. ตรวจสอบชำระจากหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ และหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒ หมู่กลอนอ่าน เรื่องพระรถ เล่ม ๑
  2. สิบเอ็ด ในต้นฉบับใช้เป็น สิบเบ็ด ทุกแห่ง
  3. นนทา หมายถึง สุนนทา
  4. ต้นฉบับเป็น สุทามาน หมายถึงสุนนทามาร
  5. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒ เพียงนี้
  6. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น “งิ้วเล่นสี่โรงเข้าสมทบ จับเมื่อโต่โฉแตกเจยี๋วยี่”
  7. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น “พะบูหกขะเมนเจนตี”
  8. คือ ถั่วลิสง
  9. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น “เคาของสมบัดแล้วถา” สถา น่าจะหมายถึงสถาปนา
  10. เริ่มหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๓ หมู่กลอนบทละคร เรื่องพระรถกลอนอ่าน เล่ม ๒ โดยได้ตรวจสอบชำระเทียบกับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๑
  11. ใช้ตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ ส่วนหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “ด้วยดอกบัวในสระสำหรับมี”
  12. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ เป็น “แก้วพี่อย่าแหนงแคลงเคือง”
  13. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “ฤๅจะไร้ชู้ชมยังสงสัย”
  14. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “ระบือกิจฝูงคนจะยลสรวล”
  15. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “ของสิ่งใดในคอบอยู่รอบชิด” คอบ หมายถึง ครอบ,รักษา,ครอบงำ,ครอบครอง
  16. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “สุดจะประสงค์ให้ดังใจ”
  17. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ เป็น “แต่ท่วงทีติดเต่งเก่งคะนอง” แต่มีบทกลอนว่า “แต่ท่วงทีอำมหิตติดคะนอง” อยู่ในวงเล็บ
  18. ข้อความต่อจากนี้ใช้ตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ ส่วนในหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑ นั้นมีข้อความหยาบโลน และมีข้อความอีก ๕ วรรค ก็จบความในหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑
  19. คงข้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  20. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  21. ต้นฉบับชำรุด
  22. จบความหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ เพียงนี้ เนื้อความต่อจากนี้ในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยที่เก็บรักษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติ เริ่มจากตอนที่พระรถพบพระฤๅษีก่อนเดินทางไปเมืองทานตะวัน ที่เรียกกันว่าตอนฤๅษีแปลงสาร ซึ่งเมื่อพิจารณาถ้อยคำสำนวนการการเขียนแล้วเห็นว่า น่าจะเป็นสำนวนเดียวกัน
  23. เริ่มหนังสือสมุดไทยหมู่กลอนบทอ่านเลขที่ ๔ เรื่องพระรถ เล่ม ๓
  24. ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  25. เยียงผา คงตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย หมายถึง เลียงผา
  26. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น “จะรบินอสุรินธ์บำเรืยงเรียง”
  27. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  28. เข้าใจว่าบทกลอนตรงนี้ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยคัดตกไป
  29. จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๔ เรื่องพระรถ เล่ม ๓ เพียงนี้ และเริ่มหนังสือสมุดไทยหมู่กลอนอ่าน เลขที่ ๕ เรื่องพระรถ เล่ม ๔ หน้าแรกมีข้อความว่า “หน้าต้น พระรศ นิราษสวาดิ์ เล่ม ๔” และเริ่มหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๗ เรื่องพระรถ เล่ม ๑ (อีกสำนวนหนึ่ง) และ เลขที่ ๑๒ เรื่องพระรถนิราศ ซึ่งเนื้อความในหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๕ ฉบับนี้ความต่อกันได้พอดีกับเล่ม ๒ และเล่ม ๔ และในตอนกลางเล่มยังตรงกับตอนต้นหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๘ กลอนอ่านเรื่องพระรถด้วย แต่ทั้งนี้ก็มีเนื้อความตรงกับหนังสือสมุดไทย หมู่กลอนนิราศ เลขที่ ๑๙ เลขที่ ๒๐ และ เลขที่ ๒๑ เรื่องนิราศพระรถ นับตั้งแต่วรรค “ฝ่ายนาฎเมรีศรีสวัสดิ์ บรรทมเหนือแท่นรัตน์จฐรณ์” เป็นสำนวนเดียวกับบทมโหรีเรื่องพระรถ สำนวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) แต่ในฉบับกลอนนิราศมีบทไหว้ครูนำ เข้าใจว่าแต่งเป็นกลอนอ่านขึ้นก่อนแต่เนื่องจากตอนนี้มีโวหารไพเราะจับใจกวีจึงตัดตอนไปเป็นนิราศและแต่งบทไหว้ครูนำ
  30. ความตอนนี้จนถึง “ฝ่ายนาฏเมรีศรีสมร”ใช้ตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๗ และเลขที่ ๑๒ เนื่องจากความเลขที่ ๕ เข้าใจว่า คัดตกไป ๓ วรรค และเนื่องจากบทที่ใช้มีสัมผัสระหว่างบทต่างกันกับฉบับเลขที่ ๕ จนถึงบทกลอนวรรคดังกล่าว ส่วนความในหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ เป็น
    “เคยประจญข้าศึกในสงคราม    พลหอกกลอกตามกระบวนฤทธิ์
    พลม้าหาญจิตประชิดแล่นโกฏิแสนแน่นป่าเป็นอกนิษฐ์
    เคยประจญประจักษ์ปัจจามิตรทศทิศย่อท้อไม่ต่อกร
    แต่ล้วนยักษีมีพยศมาประณตน้อมดูอยู่สลอน
    มาคอยเฝ้าดวงสุดาพะงางอนฟังสุนทรพจมานการณรงค์”

◉ ฝ่ายว่าสิทธิกรรม์ผู้ห้าวหาญเหาะทะยานรีบร้นพลสลอน
เกลื่อนอากาศดาษไปในอัมพรแผ่นดินดอนสะเทื้อนสะท้านดง
ต่างสำแดงสิงหนาทตวาดเสียงดังเปรี้ยงเปรี้ยงก้องฟ้าพนาระหง
ไม้ไล่ลู่ล้มระทมลงเป็นผุยผงมืดคลุมชอุ่มดอน
คลาคล้ายจะใกล้ทันก็ถีบโถมจะกระโจมจับองค์พระทรงศร
ดูกลัดกลุ้มรุมล้อมอัสดรหมายจะรอนราญชีพพาชี ฯ
◉ ฝ่ายองค์นรินทร์ปิ่นนเรศอันเรืองเดชดั่งองค์พระสุริย์ศรี
เสด็จไปในห้องเมฆีเห็นยักษีรุกรนพลนิกาย
ท่านท้าวเธอก็ทอดโอสถยาอันศักดามืดได้ดังใจหมาย
ก็พูนเกิดคีรีขึ้นมากมายกระแสสายสินธูทะเลลม
เป็นเขาใหญ่กั้นเสร็จสักเจ็ดชั้นคงคาคั่นพระสมุทรสุดประถม
จะประมาณสาครห่อนนิยมอุดมด้วยมัจฉากุมภาพาล
ถึงว่าใครฤทธิรงค์จะทรงเดชมิอาจข้ามสาคเรศอันไพศาล
ช้างแรดราชสีห์ที่ริมธารพ้นที่จะประมาณอเนกนอง
อสุราเห็นมหาชลาสินธุ์ในกายินรันทดสยดสยอง
เศียรเกล้าเร้าร้นขนพองก็ร่ำร้องอยู่ริมฝั่งชลาลัย
สุดเห็นสุดรู้ก็สุดฤทธิ์ล้นเหลือความคิดจะแก้ไข
จะคิดอ่านข้ามชลไปกลใดชลาไหลลึกกว้างหนทางจร
จนจิตนั่งเจ่าอยู่ริมฝั่งเพียงประหนึ่งชีวังจะสังหรณ์
บ้างล้มกลิ้งนิ่งแน่วเนนนอนสะท้อนถอนอารมณ์ไม่สมประดี ฯ
◉ ฝ่ายอนงค์องค์นุชวิมลสมรเสด็จจรมาในป่าพนาศรี
พอถึงริมฟากฝั่งชลธีประทับที่แล้วก็ทอดทัศนา
เหลือบเห็นองค์ทรงพุทธเธอหยุดยืนเหนือเพิงพื้นสิงขรชะง่อนผา
ทรงนั่งเหนือหลังอัศวราอนิจจาละเมียเสียจริงจริง
แล้วก้มดุษฎีชุลีกรงามงอนล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง
แล้วกล่าวพจนสุนทรว่าวอนวิงโอ้พระมิ่งเมียแก้วไม่กรุณา
โทษน้องนี้ไฉนไม่มีผิดพระควรคิดร้างเร่เสน่หา
ไม่มีข้อเคืองขัดพระอัชฌาอนิจจานี่หรือว่าพระปรานี
ขอพระเสด็จกลับมาดับเข็ญแต่พอเย็นเกล้าข้ามเหสี
จึ่งคืนกลับพาราไปธานีเหมือนชูช่วยชีวีให้เนานาน ฯ
◉ ฝ่ายนรินทร์ยินคำร่ำสดับสุนทรวับแว่วเสียงสำเนียงสาร
โอ้โอ๋เอ็นดูสุดามาลย์ยุพาพาลเยาวลักษณ์วิไลวอน
มิเสียที่เป็นที่ประโลมขวัญผิวพรรณเพียงเทพอัปสร
พิศพักตร์ผ่องพรรณดั่งจันทรอรชรชื่นผ่องส่องโพยม
จะหาไหนได้เหมือนสมรพี่ช่างโสภีผุดผาดประหลาดโฉม
ฉวีวรรณวาวแววดั่งแก้วโคมแลประโลมเนตรชายชม้ายชวน
ถ้าแม้นพี่มิพร้องสนองถ้อยพระน้องน้อยก็จะเศร้ากำสรดสรวล
ที่ไหนนางเจ้าจะว่างรัญจวนครวญโอ้นิ่มนวลเจ้าจะวายทำลายลาญ
อย่าเลยจะประโลมโฉมสวาทให้คืนกลับนคราชนิวาสสถาน
จะได้เป็นจอมมิ่งในเมืองมารตรึกแล้วบรรหารสารแสดง ฯ
◉ ดูก่อนดวงสมรทิพย์มาศแสนสวาสดิ์นิ่มน้องไม่หน่ายแหนง
เป็นความจริงมิ่งมิตรอย่าคิดแคลงใช่จะแต่งลิ้นล่อประโลมลวง
โอ้อาลัยใครจะเท่าเหมือนเรานี้อุราพี่หนักเท่าภูเขาหลวง
ที่จิตคิดหมายเสียดายดวงแต่หนักหน่วงนั้นน้อยไปเมื่อไร
เจ้าอย่าหวังว่าจะนิราศสวาสดิ์ไร้นิราศแรมมิตรพิสมัย
จงดับร้อนถอนทุกข์บรรเทาใจพี่มิให้นุชน้องเจ้าเนานาน ฯ
◉ โอ้ไฉนว่าอาลัยกลใดพ่อมาแต่งล่อลิ้นลมคารมหวาน
ให้ไพเราะเสนาะในพจมานกระแสสารสอดคล้องทำนองใน
น้องพาซื่อมาเสียด้วยความสวาสดิ์มโนมาดมั่นคงไม่สงสัย
อันเหตุผลต้นปลายทั้งหลายไซร้ก็แจ้งใจทราบสิ้นในเชิงความ
วันเสวยชัยบานสำราญแผ้วครั้นเมาแล้วซักไซ้พิไรถาม
ซึ่งของขำล้ำชีพลือนามเมียก็ตามใจแจ้งทุกสิ่งอัน
มิรู้เท่าได้เสร็จดังประสงค์ไม่หลอหลงเหลือเลยสักสิ่งสรรพ์
เสียรู้ก็เพราะรักพระทรงธรรม์สารพันน้องนึกว่าปรานี
แม้นท้าวมิกลับประเทศฐานจงประหารเสียเถิดให้เป็นผี
อันน้องนี้ไม่เสียดายกับชีวีเพราะเวรมีแต่หลังได้ทำมา ฯ
◉ โอ้เจ้าเยาวมิตรดวงจิตพี่ไม่เห็นที่รักแรงใช่แกล้งว่า
เป็นความจริงจนจิตพนิดาจึงต้องลาเลยไกลฤทัยกรม
ถึงม้วยดินสิ้นแดนแผ่นสมุทรกาลาคนิรุทธสุดประถม
จนตลอดถึงยอดสุวรรณพรหมอันอารมณ์ของพี่ไม่หน่ายนาง
ตราบใดถึงมหาศิวาโมกข์แน่ละเห็นจะวิโยคไปห่างข้าง
สุดถวิลสิ้นความเสน่ห์นางอันปางนี้แล้วไม่เรียมไกล ฯ
◉ นางท้าวฟังถ้อยเศร้าสร้อยจิตยิ่งเพิ่มคิดรึงรักไม่หักไหว
จึ่งสนองพจนาด้วยอาลัยโอ้พระทัยนี่หรือว่าเมตตาเมีย
ถึงตัวตายก็ไม่วายสวาสดิ์หวังอันสัจจังว่าไว้มิให้เสีย
เห็นแล้วละว่าพระไม่ละเมียจะไกล่เกลี่ยไปไยให้ป่วยการ
จนกรูกรีรี้พลมาสนส่ำเพราะเชื่อคำภูวนาถสวาสดิ์หวาน
สู้ติดตามพระองค์มาดงดานข่าวสารทราบสิ้นทั้งดินแดน
ตลอดพิภพจบสกลในทวีปมณฑลอเนกแน่น
ก็ลือเลื่องไปถึงเมืองอมรแมนว่าพระแสนสุดสวาทเจ้าเมรี
สวาสดิ์จริงพระทิ้งไว้อางขนางนิราศร้างนคเรศบุรีศรี
ให้น้องแสนโศกช้ำระกำทวีมิเสียที่ที่ว่ารักประจักษ์ตรง
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าสุธาสวรรค์จะรำพันไยเล่าให้เมียหลง
ถ้ารักจริงหรือจะทิ้งไว้กลางดงเมื่อพระองค์ใจแจ้งจะจากนวล
อันน้องหญิงห่อนกลิ้งวิกลเกล้าเนื้อแท้ท้าวทำเล่ห์แล้วเหหวน
แกล้งบิดผันหันแหพูดแปรปรวนเป็นหญิงมาหลงด่วนด้วยลมชาย
โอ้โอ๋แต่นี้มิวายถวิลก่นแต่กินชลเนตรไม่รู้หาย
ดั่งเดือนดับอับศรีสกลกายเหมือนหนึ่งสายชลธีชโลธาร
ก็สาสมที่อารมณ์ไม่รอรั้งนิยมหวังกำหนดแต่รสหวาน
หมายใจว่าจะได้จิรังกาลที่นี้หวานหนักแล้วก็พลันรา
อกเอ๋ยไฉนเลยแต่นี้เล่าตั้งแต่จะเศร้านิราศา
เพราะสามีมิได้มีซึ่งเมตตาไม่กรุณาน้องแล้วก็ท่าจน
จะหันหน้าไปพึ่งพระผู้ผัวพระทูนหัวก็มาขว้างเสียกลางหน
สำหรับแต่จะอัประมาณตนเห็นไม่พ้นมรณาเสียจริงเจียว ฯ
◉ พระสดับสารนุชเสนาะให้จับเจาะใจแสนกระสันเสียว
โอ้โอ๋สงสารสุดาเดียวให้ฉุนเฉียวพระทัยอาลัยลาน
เพียงเอ๋ยแม้นได้ครรไลหงส์จะคืนคงกลับหลังยังสถาน
ถึงแก้วกัณฐัศว์จะทัดทานจะประหารเสียให้ประลัยลง
นี่สุดคิดสุดฤทธิ์จะทำไฉนไม่เหาะเหินเดินได้ดังประสงค์
แล้วถอยหลังยั้งคิดปัญญายงค่อยดำรงพระทัยให้บรรเทา
จึ่งผายเผยพจนารถคำสนองพระน้องเอ๋ยอย่าหมองกระมลเศร้า
จงกลับหลังคืนยังบูรีเราเป็นจอมเจ้าศรีสวัสดิ์ให้ไพบูลย์
ใช่พี่มิรักจักแกล้งรักจงประจักษ์จริงใจไม่ไปสูญ
จะคงคืนกลับมาอย่าอาดูรจะเพิ่มพูนยิ่งยศให้ยงยืน
อันอารมณ์เรียมไซร้จะไปหาแต่อาชาตัวนี้เฝ้าขัดขืน
จะกระชากสักเท่าใดก็คืนยืนมันขัดขืนดื้อดึงตะบึงไป
ความแสนเจ็บใจไม่รู้ที่เช่นนี้แล้วแก้วพี่จะทำไฉน
เป็นเวรกรรมเราได้ทำแต่ปางใดจึงชักให้เห็นแจ้งประจักษ์ตา
อยู่ดีดีดั่งเด็ดเอาดวงเนตรให้ทุเรศร้างเล่ห์เสน่หา
แสนวิตกอกโอ้เป็นเวราประหนึ่งว่าชีวันจะพลันตาย
จำจิตจำใจไกลวิโยคอย่าเศร้าโศกหนักเลยนะโฉมฉาย
เป็นความจริงมิได้ทิ้งให้เด็ดดายใช่จะหน่ายแหนงหนีพระน้องยา ฯ
◉ ฝ่ายนาฏเมรีศรีสวัสดิ์หน่อเนื้อนางกระษัตริย์เสน่หา
ได้สดับสุนทรภัสดาดั่งสายฟ้าผ่าฟาดให้ขาดใจ
นึกประหวั่นพรั่นในพระทัยหายสกลกายกัมปนาทหวาดไหว
ยิ่งแสนโศกโศกาด้วยอาลัยหวาดไหวไปทั่วทั้งอินทรีย์
โอ้พระพุทธพงษ์ผู้ทรงเดชไม่สังเวชแก่ข้ามเหสี
สู้บุกป่าฝ่าดงพงพีควรหรือมิเมตตาจะคลาไคล
นิจจาเอ๋ยเมื่อยามจะเชยชื่นล้วนแต่พื้นความดีจะมีไหน
จะสู้ม้วยด้วยกันกับขวัญใจน้องไซร้ซื่อเชื่อจนเหลือดี
หมายจะพึ่งพระบาทบรมเมศอยู่ปกเกศเกล้าข้ามเหสี
ก็ปลงจิตมิได้คิดราคีมีไม่รู้ทีที่แสร้งแต่งอุบาย
ต้องประสงค์จำนงปองของวิเศษไม่รู้เหตุก็เล่าแจ้งแถลงถวาย
ประจักษ์สิ้นในระบิลบรรยายพอสมหมายท้าวมุ่งแต่เดิมมา
วันเมื่อชมสวนพระชวนน้องไปเที่ยวท่องพิศผลพฤกษา
ทำเสแสร้งแกล้งถามนามผลาที่ผ่านฟ้าต้องประสงค์จำนงปอง
พระหักไม้ม่วงหาวมะนาวโห่อันภิญโญยิ่งล้ำกว่าสิ่งของ
น้องคิดว่าผ่านฟ้าคะนองลองมิรู้ต้องประสงค์จำนงนาน
ถึงกระนั้นไม่คะนึงเท่ากึ่งก้อยข้าน้อยมิให้เคืองเรื่องสมาน
หมายจะได้ไว้เป็นจอมกระหม่อมมารถึงทำการก็กริ่งประวิงใจ
เมื่อแรกเริ่มจะสู่สมภิรมย์รักเขาทัดทักหนักแล้วน้องไม่สงสัย
หลงระเริงก็เพราะเชิงพระภูวไนยหวังใจว่าจะฝากซึ่งชีวัน
ความสวาสดิ์มาดหมายพระทรงพุทธจนสิ้นสุดสังขาร์นิราศัลย์
ควรแล้วหรือพระองค์ผู้ทรงธรรม์มาหุนหันเชื่อแต่มโนมัย ฯ
◉ บัดนั้นนางค่อมคนสนิทอันเชื่อชิดใช้ชอบอัชฌาศัย
เห็นเจ้านายโศกาก็อาลัยนึกขัดใจเดือดด่าให้พาชี
ว่าเหวยนี่แน่ไอ้ม้าร้ายช่างพานายลนลานตะลอนหนี
เมื่อทั้งสองสุขเขษมเปรมปรีดิ์ไยมึงพาหนีมาลนลาน
สัญชาติไอ้ม้าพลาหกกระยาจกชั่วชาติเดรฉาน
มาเสแสร้งแกล้งทำให้รำคาญเราท่านพลอยยากลำบากกาย
ไพร่บ้านพลเมืองก็เคืองเข็ญมิพอเป็นก็มาเป็นระส่ำระสาย
แต่ก่อนกูอยู่สุขสนุกนิ์สบายเพราะเจ้านายของมึงมึงพามา
ให้แม่เจ้ากูจากไอศวรรย์มาโศกศัลย์ดั้นเดินตามเนินผา
ได้ความยากลำบากพระกายาไอ้อาชาเช่นนี้ไม่มีโรง ฯ
◉ อัศวราชตอบคำลำนำแสว่านี่แน่นางค่อมหลังขดโขง
เจ้าช่างว่าพาชีไม่มีโรงอีหลังโกงแก้หน้ามาว่ากู
ทั้งเจ้าทั้งข้าพากันวิ่งดูเป็นหญิงบัดสีน่าอดสู
ช่างชวนกันมานั่งอยู่พรั่งพรูแต่ล้วนหมู่ยักษีมีพยศ
มึงหมายใจว่ากูไซร้เป็นภักษาไยมิข้ามตามมาอีหน้าสด
ช่างเสกสรรกลั่นถ้อยทำช้อยชดอีหลังขดค่อมคุ่มเป็นปุ่มเปา
อันตัวดังหนึ่งฟุมฝอยเฟื้อเป็นหยากเยื่อรองบาทพระเป็นเจ้า
ท้าวไม่หลงในเล่ห์กาเมเมาทำยั่วเย้าจะเล่นกับอาชา
อันสัญชาติเช่นเชื้ออีนางยักษ์เสียศักดิ์เสียชาติไม่ปรารถนา
อีนางค่อมหลังขดอย่าเจรจามึงเป็นแต่ทาสาสำหรับวัง ฯ
◉ ยุพาพาลฟังสารอัศวเรศชลเนตรลามไหลลงหลั่งหลั่ง
อุรานางพ่างเพียงจะพองพังให้แค้นคั่งด้วยคำมโนมัย
พิศพักตร์นางค่อมแล้วไต่ถามที่งามอยู่แล้วตั้งห้าไร่
มึงจาบจ้วงล่วงด่าเขาว่าไรอีชาติไพร่นอกเจ้าไม่เจียมตัว
เอาแต่คารมออกฉาดฉานจะประจานใครเล่าอีชาติชั่ว
หยาบช้าไม่ว่ากันแต่ตัวให้เกลื้อกลั้วปะปนมาถึงเรา
เดี๋ยวนี้เป็นไรไม่ตอบต่อพิษพอให้สมอารมณ์เล่า
มานั่งนิ่งผินหลังอยู่ซบเซานางหัวเปาปากกล้าอีหน้าเป็น ฯ
◉ ฝ่ายค่อมคนสนิททูลสนองข้าตรึกตรองพินิจคิดเห็น
ว่าไอ้ม้าเจรจาที่ไหนเป็นจะด่าเล่นช่วยองค์พระนงเยาว์
มิรู้ก็กลับมาเป็นโทษต้องกริ้วโกรธซ้ำด่าข้าอีกเล่า
อกเอ๋ยอาภัพแต่ตัวเราเจ็บแค้นแทนเจ้ากลับได้อาย
นางสนมกรมในได้ฟังสารซึ่งอาชาว่าขานเป็นมากหลาย
ให้มีความอดสูไม่รู้วายจึงกราบทูลโฉมฉายเจ้าเมรี
ขอเชิญคืนหลังยังสถานจะทรมานอยู่ไยในไพรศรี
ให้เจ็บช้ำคำม้ามันพาทีจะนั่งเฝ้าเซ้าซี้ไปทำไม
ถึงมาดแม้นพระไม่อาลัยแล้วอันดวงแก้วหรือจะหมองไม่ผ่องใส
เหมือนมณีย่อมมีผู้เจียระไนเพชรรัตน์หรือจะไร้ซึ่งเรือนทอง
ทั่วท้าวด้าวแดนแผ่นทวีปถ้ารู้แล้วก็จะรีบมาสมสอง
แสนสนิทพิศวาสดั่งใจปองขอเชิญแม่คืนครองนครา ฯ
◉ นางฟังสาวสนมทูลสนองยิ่งมัวหมองในมนัสสา
เคืองขัดอัดอั้นตันอุรายิ่งโศกาสะอื้นกันแสงกรม
จึงต่อตอบพจมานสารเฉลยวานอย่าว่าไปเลยเห็นไม่สม
จะได้เรากลับเข้าบูรีรมย์จะนิยมยินดีด้วยอันใด
เป็นหญิงสิ่งซึ่งจะอัประดาษเพราะไร้ญาติสามีพิสมัย
เมื่อสามีหนีหน่ายไม่อาลัยจะกลับไปเป็นหม้ายอยู่เอกา
อันสัญชาติชายอื่นสักหมื่นแสนในพื้นแผ่นพิภพไม่ปรารถนา
จะสู้ม้วยด้วยองค์พระภัสดาเมื่อท้าวไม่กรุณาก็จนใจ
อันสตรีสามีถึงสองแล้วเหมือนดวงแก้วมัวหมองไม่ผ่องใส
ถึงเรืองรองทองคำเนื้ออุไรเมื่อฝ้าไฝแปดเปื้อนระคนปน
ก็ขึ้นชื่อว่ามณีศรีสลายถึงงามพรายก็เห็นไม่เป็นผล
อันอกน้องหมองเหมือนมณีปนนับวันแต่จะมัวหมองเป็นมลทิน
สู้ตายมิได้คิดจะกลับหลังจะขอตายกับฝั่งชลสินธุ์
ดูราอสุเรศอสุรินทร์จงพาพวกพลพินเข้าพารา
บรรดาสาวสุรางค์สิ้นทั้งปวงอย่าหนักหน่วงห่วงเลยในตัวข้า
ถึงเป็นตายก็ตามแต่เวราเมื่อท้าวไม่เมตตาก็จนใจ
มาตรแม้นพระไม่กลับมาปกเกศอันจะคืนนคเรศอย่าสงสัย
จะครองสัตย์สู้เสียชีวาลัยท่านจงไปเป็นสุขสำราญ ฯ
◉ สาวศรีฟังสารสุดาเจ้าให้ร้อนดั่งไฟเผาแลเพลิงผลาญ
ต่างต่างโทมนัสให้แดดาลแสนสงสารสุดาจะอยู่เดียว
นิจจาเอ๋ยไม่เคยได้ความเข็ญจะไร้เร้นทาสาในป่าเขียว
แสนวิเวกพิศวงอยู่องค์เดียวแม่จะเปลี่ยวสกลอยู่รนรัว
ต่างเข้าเชิญโฉมประโลมปลอบตรัสนี้มิชอบแม่ทูนหัว
จะมาทิ้งวรกายเสียดายตัวพระผู้ผัวก็จะตามเจ้างามตาย
เสียดายเจ้าเป็นจอมกระหม่อมโลกจงสร่างโศกเสียเถิดแม่โฉมฉาย
จงกลับเข้าสู่เมืองให้เรืองพรายข้าทั้งหลายจะได้พึ่งพระบารมี
แต่เวียนเฝ้าเซ้าซี้พิรี้ปลอบก็มิชอบชื่นพระทัยเท่าเกศี
จะขออยู่เพื่อนองค์ในพงพีก็มิได้ปรานีจะโปรดปราน
ต่างต่างตีอกสะอึกสะอื้นเสียงครึกครื้นเครงไปทั้งไพรสาณฑ์
ครวญคร่ำร่ำรักเยาวมาลย์กราบกรานอภิวาทบาทมูล
ทั้งฝูงอสุราประชากรฟังสารดวงสมรเพียงสิ้นสูญ
แสนทุกข์โทมนัสให้แดดูรเพิ่มพูนพิลาปรำพัน
ว่าโอ้แต่นี้บูรีย์เราไม่เคยเศร้ามีแต่สุขเขษมสันต์
จะเหงาเงียบเชียบไปดั่งไพรวันสารพันจะวิบัติพรัดพราย
แสนสนุกนิ์เลิศล้ำแต่ปางหลังอนิจจังครั้งนี้จะเสื่อมหาย
จะโหยหนก่นกินน้ำตาตายพลางถวายประณตบทจร
ตั้งพักตร์จำเพาะนคเรศมาในวันเวศเนินสิงขร
สัตว์เสือเนื้อเบื้อเป็นเบื่อบอนก็เมื้อมรณ์พินาศดาษดง
ดินดอนสะท้อนสะท้านไหวไม้ไล่แหลกลุ่ยเป็นผุยผง
ดั้นเดินดัดป่าเข้าฝ่าพงบ้างก็อยู่เฝ้าองค์พระเทพี ฯ
◉ ปางสุริโยทัยเธอคล้อยเคลื่อนจวนจะเลื่อนลับเหลี่ยมคีรีศรี
ฝ่ายฝูงลิงค่างบ่างชะนีเม่นหมีมฤคาทิชากร
ทั้งฝูงภุมราคณานกหมู่วิหคเซ็งแซ่แลสลอน
เข้าสู่ซุ้มพุ่มรังประนังนอนสโมสรชื่นบานสำราญใจ
ลางตัวพลัดคู่อยู่เดียวโดดลิงโลดลานจิตพิสมัย
ให้วังเวงวิเวกในพระทัยเมื่อจะใกล้สิ้นแสงอัสดง
ฝ่ายนาฏวรนุชโฉมเฉลาเสด็จเนาวนาป่าระหง
ให้อนาถหวาดเหว่อยู่เอองค์บมีฝูงอนงค์สินิทธิ์นาง
จะแลซ้ายเห็นแต่ป่ารุกขาเขียว[1]จะแลขวาเปล่าเปลี่ยวให้อางขนาง
สองกรค่อนอุระครวญครางพระพักตร์นางหมองเศร้าสลดใจ
ทรงโศกโทมนัสอัดอั้นสุดกลั้นพระสุชลหลั่งไหล
หวั่นหวั่นสังเวชพนมไพรนางโหยไห้ริมฝั่งชโลทร
แล้วน้อมเศียรอภิวาทบาทบงสุ์ทูลองค์บพิตรอดิศร
พระคุณเอ๋ยชีวาตม์จะขาดรอนหรือภูธรนิ่งได้ไม่ปรานี
โทษน้องนี้ไฉนพระทัยแหนงหรือเคลือบแคลงแห่งข้ามเหสี
อันโทษาน้องไซร้มิได้มีควรหรือพระจะหนีไปเด็ดดาย
นิจจาเอ๋ยเมื่อยามอารามเคล้าแต่ล้วนเจ้าอย่าหมางระคางหมาย
อันเรียมหรือจะให้เจ้าได้อายจะสู้ม้วยด้วยสายสวาสดิ์เดียว
โอ้โฉมครั้งนี้นะอกเอ๋ยพระคงเลยลับแน่ไม่แลเหลียว
เป็นกองกรรมทำมาเวราเจียวยิ่งแสนเสียวโศกซ้ำเฝ้าคร่ำครวญ ฯ
             

◉ พระสดับพจนาสาราเรื่อยแจ้วแจ้วเจื้อยจับจิตรำจวนหวน
พิศวงหลงเล่ห์เสน่ห์นวลกระสันชวนชมชื่นจะคืนชม
กำเริบร่านอารมณ์ฤทัยรักพระทรงชักอาชาจะมาสม
พาชีขัดเชิงดั่งเพลิงรมพระเจียนจมจะม้วยด้วยความรัก ฯ
◉ ฝ่ายอัศวราชฉลาดเรียบภิปรายเปรียบความไปให้ประจักษ์
จงฟังคำพี่เถิดนะน้องรักจะเป็นห่วงหน่วงหนักไม่ต้องการ
ทั้งแม่ป้าอาดูรพูนเทวษแสนทุเรศกินน้ำตาต่างอาหาร
สมรมิตรถึงจะปลิดบรรลัยลาญอันนงคราญอื่นอื่นมีถมไป
แม้นว่ามารดาชีวาสัญผู้อื่นนั้นหรือจะเป็นมารดาได้
อย่ากินแหนงแคลงคลางในน้ำใจจงตัดรักหักให้ได้สิ้นเชิง
อันเชื้อชาติชายชาญชำนาญศิลป์ไม่หลงลิ้นลมลานระเริงเหลิง
ย่อมกำจัดตัดรักให้หักเปิงจึ่งเรียกว่าชายเชิงชำนาญชาญ
ทั่วเทพนิกรอ่อนเศียรประนมเนียรเอิกเกริกทุกถิ่นฐาน
สรรเสริญจำเริญยศบทมาลย์สาธุการอำนวยอวยพร
หนึ่งหลงด้วยรูปเสน่หาก็เหมือนว่าเลวล้ำที่คำสอน
รักเมียละเสียซึ่งมารดรใครห่อนจะเห็นว่าเป็นชาย
เขาจะตบมือสรวลสำรวลอื้อตลอดลือทั่วโลกทั้งหลาย
เป็นสองข้อความขันบรรยายพระโฉมฉายเชิญทราบในพระทัย
พระฟังม้าชี้แจงแถลงอรรถกระจ่างจัดมั่นคงไม่สงสัย
ก็เสื่อมสร่างบางทุกข์บรรเทาใจพระก็กล้ำกลืนไว้ในอุรา
แล้วจึ่งพจนารถสนองนุชพระน้องเอ๋ยอย่าวิมุติกังขา
สักสองสามราตรีทิวาราจะกลับมาสมสองประคองนวล
เจ้าเนื้อเหลืองเรืองศรีสุวรรณมาศสายสวาสดิ์พี่มิให้เจ้าโหยหวน
นี่จนจิตทีจะคิดก็จนจวนอย่าหมองนวลเลยนะเจ้าไม่เนานาน ฯ
◉ ยุพยงทรงฟังสุนทรพจน์ดั่งศรกรดซัดแสร้งมาแผลงผลาญ
พิษเพียงเพลิงไหม้บรรลัยลาญให้เสียวซ่านไปสิ้นทั้งอินทรีย์
ยิ่งโศกศัลย์กันแสงสะอื้นอ้อนสองกรน้อมประณตบทศรี
โอ้ไฉนผ่านฟ้าไม่ปรานีให้เมียนี้เปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ทั้งฝูงสัตว์เสือสิงห์ก็วิ่งพล่านน้องแดดาลอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ถึงโกฎิแสนแม้นอื่นไม่ชื่นกายเหมือนพระสายสุดที่รักของเมียเดียว
พระคุณเอ๋ยเคยโอบอ้อมถนอมศรีโอ้บัดนี้โศกแสนกระสันเสียว
เมียร้องไห้โหยหนอยู่คนเดียวพระเด็ดเดี่ยวดูได้ไม่นำพา
หรือท้าวชิงชังโฉมไม่โลมเลี้ยงเป็นคู่เคียงเรียงร่วมเสน่หา
น้องขอแต่เป็นทาสบริจาฉลองคุณไปกว่าชีวาวาย
โปรดเมียเท่านี้เป็นที่สุดล้ำสมุทรดินฟ้าก็เหลือหลาย
เห็นว่าเมียจะไม่รอดคงวอดวายขอถวายชีวาตม์บาทบงสุ์ ฯ
◉ นฤบาลฟังสารยุพาพินดังวารินทิพรสมาโสรจสรง
ซับซาบอาบต้องละอององค์พระยิ่งแสนพิศวงสวาสดิ์นุช
คิดคิดดั่งหนึ่งจะกลับไปแต่เกรงใจพาชีเป็นที่สุด
ให้ร้อนอกเป็นอัคนิรุทธปิ้มประดุจจะม้วยลงด้วยรัก
พระจึ่งตอบพระนุชเสน่หาอนิจจาเรียมหรือจะถือศักดิ์
ภคินีก็เป็นที่บำเรอพักตร์ไม่ชิงชังร้างรักสวาสดิ์รส
นี่ชะรอยกุศลมาดลแสร้งจึ่งแยกแย้งชิงช่วยให้ม้วยหมด
พี่แสนห่วงที่จะห่างต้องร้างรสเห็นปรากฏกองกรรมจึงจำเพาะ
ทั้งไมตรีพี่มาดก็ขาดสิ้นโอ้ยุพินเจ้าอย่าได้ทำใจเสาะ
อย่าโศกศัลย์เลยนะเจ้าเป็นคราวเคราะห์[2]ประจักษ์เจาะจริงแล้วพี่ขอลา
เยาวมาลย์ฟังสารดาลเทวษชลเนตรอาบนองนาสา
ร่ำพลางทางทูลพระภัสดาอนิจจาหรือว่าพระปรานี
แสนมหาแต่พระสุริยาจะเลื่อนลับบัพพตาคีรีศรี
ยังอาลัยด้วยโลกธาตรีมิใคร่จะรี่รถอัสดงค์
ถึงพระจันทร์วันบุญจำรุญศรีในราตรีจะใกล้สิ้นซึ่งแสงส่ง
มิใคร่จะเลื่อนลับพระเมรุลงแสงทรงส่องฟ้าอยู่เรืองรอง
เทวบุตรจุติปฎิสนธิ์ยังกังวลด้วยสุรางค์นางทั้งผอง
ทั้งห้องทิพย์สถานพิมานทองยังเมียงมองอยู่มิใคร่จะไคลคลา
อย่าว่าแต่สุริยันพระจันทรถึงไกรสรยังรู้สั่งคูหา
มยุเรศยังรู้สั่งมยุรามัสยาก็ยังรู้สั่งชลธี
สุวรรณหงส์ยังรู้สั่งเหมราชมฤคมาศยังรู้สั่งไพรศรี[3]
โนเรศยังรู้สั่งนางโนรีหรือภูมีมิได้หวังมาสั่งเมีย
ถ้ามาตรแม้นสุดสิ้นซึ่งความรักจงผันพักตร์กลับหลังมาสั่งเสีย
แล้วภูธรจึงค่อยจรไปจากเมียอย่าให้น้องนี้เสียซึ่งน้ำใจ
เสียแรงน้องบุกป่าสู้ฝ่าหนามจะมีความกรุณาก็หาไม่
แต่ตัดลำกัทลียังมีใยนี้พระตัดสายใจให้จากเจียร
สารพัดพระก็ตัดสลัดแล้วเมียขอเชิญพระแก้วมาตัดเศียร
ให้สิ้นสูญชีวิตสนิทเนียรอย่าให้เวียนวอนว่าอยู่ช้ากาล ฯ
◉ พระฟังสารวรนุชสนองคำพิไรร่ำกำสรดน่าสงสาร
พระจึงตอบสารายุพาพาลเยาวมาลย์อย่าละห้อยน้อยฤๅทัย
ใช่พี่มิรักจักแกล้งหนีจะตัดใจไม้ตรีก็หาไม่
เมื่ออัสดรมิจรก็จนใจจะข้ามไปหานุชพี่สุดคิด[4]
พระน้องเอ๋ยจนจิตพี่หนักหนาอย่าโศกาแค้นขุ่นทำฉุนจิต
ขอลาแล้วแก้วตายุพาพิศม์พี่ไม่คิดแหนงน้องอย่าหมองนวล ฯ
             

(ฯ คำโศกสั่งในดำเนินเรื่องยุติเพียงนี้ ฯ ทีนี้เสริมความพูดเศร้าต่อไป ฯ)

◉ สินธพฟังคั่งเคืองในเรื่องเล่ห์เห็นรอเรเรื่องรักไม่หักหวน
จึ่งทูลเทียบเปรียบสอนสุนทรทวนว่าเห็นควรหรือพระองค์มาหลงเมีย
จะอับอายขายหน้าหนักหนาแน่อย่าท้อแท้ถอยรักให้หักเสีย
ถ้าขืนตอบปลอบความคงลามเลียเฝ้าคลอเคลียครวญครางไม่ว่างวาย
ทูลพลางทางโลดจะโดดกลับพระหวิววับวาบในพระทัยหาย
สลดแลแปรพักตร์ไม่หักคลายก็ฟูมฟายโศกาอุรารน
สินธพดันหันหน้าจะพาร่อนพระภูธรกล่าวตรัสให้ขัดสน
อาชาเชิงเริงร่านทะยานบนแล้วนึกจนใจจิตด้วยคิดเกรง
จึ่งทูลเทียบเปรียบความไปตามเรื่องจงกลับเมืองเถิดหนาเนาะเห็นเหมาะเหม็ง
ถ้าเชือนช้ารักเมียคงเสียเพลงพระองค์เองก็ไม่สิ้นเขานินทา
ชนนีที่ยิ่งจะทิ้งเสียมาหลงเมียเมียไกลไม่ไปหา
ถ้าลืมแม่แน่หนอจะขอลาแล้วอาชาเชิญองค์ให้ลงพลัน ฯ
◉ พระรถฟังดั่งใครเอาไฟจี้พระภูมีแค้นขุ่นให้หุนหัน
พิโรธเรื่องเคืองคำที่รำพันจึ่งมีบัญชาวอนด้วยอ่อนโยน
ว่าดูราพาชีผู้มียศจงเงือดงดอย่าเพ่อโลดกระโดดโผน
ขอผัดพักสักครู่จึ่งจู่โจนไม่อ่อนโอนแล้วเห็นนางคงวางวาย ฯ
◉ อาชาฟังคั่งเคืองทำเยื้องหน้าเห็นราชาร่ำพิไรก็ใจหาย
นึกสงสารเยาวยอดเห็นทอดกายเฝ้าฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย ฯ
◉ ฝ่ายเอกองค์ทรงยศพระรถราชอารมณ์หวาดหวั่นหมองไม่ผ่องใส
เห็นน้องนวลครวญคร่ำเฝ้าร่ำไรพระอ่อนใจสุดจะลาด้วยอาวรณ์
จึ่งเอื้อนโองการพร้องสนองนุชว่าเรียมสุดโศกในฤทัยถอน
มโนมัยใจกล้าจะพาจรเพราะกรรมก่อนเจียวหนอกรรมได้ทำมา
แสนวิบากพรากสัตว์ให้พลัดคู่ที่เคยอยู่ร่วมรักกันหนักหนา
ไปรื้อร้างห่างให้ต่างไคลคลาจึ่งต้องมาห่างนวลที่ควรเคย
กุศลหลังยังสร้างไว้บ้างน้องจะกลับครองเคียงนางไม่ห่างเฉย
จงเห็นรักหนักแน่ไม่แปรเปรยพระน้องเอ๋ยอย่ารำจวนเฝ้าครวญคราง
ขอผัดพักสักสามทิวาแน่อย่าดาลแดด่วนโศกวิโยคหมาง
จะให้สัตย์ปฏิญาณไว้ทานทางจงคลายหมางหม่นหมองเถิดน้องนวล ฯ
◉ อนงค์ฟังดั่งศรมารอนจิตยิ่งแสนคิดโศกซ้ำแล้วกำสรวล
สะอื้นอั้นตันจิตให้คิดครวญแทบจะซวนเซทรุดด้วยสุดตรอง
จะตอบคำรำพันให้อั้นอัดประนมหัตถ์ทูลไทด้วยใจหมอง
โอ้เห็นเมียเสียนวลไม่ควรครองหรือจึ่งล่องร้างร้ายไม่หมายเชย
แต่แรกท้าวกล่าวไว้ว่าไม่ทิ้งจะรักจริงมิได้จางให้ห่างเฉย
เดี๋ยวนี้รักชัดเร่ปรวนเปรเปรยนิจาเอ๋ยโอ้ว่าเวราเรา
จะทุกข์โทษโกรธใครเพราะใจจิตไปเชื่อชิดชื่นชมอารมณ์เขลา
จึ่งได้ทุกข์ฉุกใจเพราะใจเบามิรู้เอาลับแฝงมาแกล้งโลม
ทำปกปิดมิดไว้อยู่ในฝักจึงหลงรักงวยงงด้วยทรงโฉม
เพราะไม่ตรองตริดูด่วนจู่โจมจนเศร้าโทรมหรือจะสดได้หมดมัว
เหมือนภูษาผ้าขาวที่พราวพริ้งไม่มีสิ่งเศร้าคล้ำให้ดำหลัว
เนื้อละอองผ่องใสดั่งใยบัวถ้าตกชั่วช้ำลึกน้ำหมึกนอง
ก็เอิบอาบซาบซ้ำจะดำเศร้าถึงหยิบเอาซักสายไม่หายหมอง
คงเสียผ้าพาดำไม่ลำยองเหมือนตัวน้องนี้มาหน่ายด้วยชายทิ้ง
ก็เป็นม่ายร้ายผัวอยู่ตัวเปล่าเครื่องแต่เขาเคาะยุ่งอยู่สุงสิง
ขอทูลลาบรรลัยเจ็บใจจริงพระยอดยิ่งขัตติยาอย่าอาลัย
ไม่มีข้อความชั่วมามัวผิดโอ้ทรงฤทธิ์น้อยหรือควรมาด่วนได้
แต่ตัดกล้วยหน่วยปลียังมีใยโอ้พระทัยน้อยหรือขาดสวาสดิ์เจียว
อันเกิดเช่นเป็นหญิงนี้ยิ่งชั่วแม้นมีผัวผัวแชไม่แลเหลียว
เขาคงค่อนเคาะว่าเล่นท่าเดียวทั้งจะเที่ยวติฉินพูดนินทา
ว่าหญิงนี้ดีร้ายจะหลายชู้ครั้นผัวรู้จึงได้เร่เสน่หา
ให้เหินห่างร้างไกลแล้วไคลคลาเขาค่อนว่าเยาะเยื้องก็เรื่องอาย
ถ้าหญิงร้างห่างผัวเพราะผัวม้วยบรรเทาด้วยเพราะกรรมจึงจำม่าย
ไม่มีใครนินทาทั้งว่าร้ายเพราะผัวตายจึ่งต้องอยู่แต่ผู้เดียว
โอ้น้องนี้มีกรรมมาจำม่ายช่างซ้ำร้ายชายแชไม่แลเหลียว
จะโกรธาว่าใครเพราะใจเจียวจะกลับเอี้ยวตัวทันสิบรรลัย
เหมือนมัจฉาปลาน้อยเที่ยวลอยว่ายอยู่ตามสายวารินกระสินธุ์ไหล
แล้วหลงเข้าโพงพางเขากางไว้ที่น้ำไหลเชี่ยวฉ่าดูน่ากลัว
ฝ่ายมัจฉาปลาหลงที่งงโง่ก็ว่ายโร่เข้าไปนอนทำคลอนหัว
ต้องติดขังหวังว่ายเห็นข่ายพัวจะกลับตัวรี่ออกระลอกนัก
ต้องว่ายวนทนทุกข์ในคุกขังเพราะไม่รั้งรอไว้ทำใจหนัก
เหมือนน้องงงหลงลามด้วยความรักเดี๋ยวนี้จักกลับตัวสิมัวแล้ว
มิขออยู่สู้ตายไปภายหน้าให้เห็นว่าใจน้องนี้ผ่องแผ้ว
ไม่มีผิดคิดเชือนเพราะเคลื่อนแคล้วเป็นกรรมแล้วขอลาชีวาวาย
แม้นอยู่ดีมีกรรมมาทำเหตุเหมือนราเมศร้างราสีดาหาย
เพราะมียักษ์ลักนางไปห่างกายจึ่งจำหน่ายแหนงร้างไปห่างกัน
พระรามรู้สู้ตามด้วยความรักไปรบยักษ์มรณาถึงอาสัญ
แล้วได้คืนสีดาวิลาวัลย์มาเขตคันครองคู่ได้อยู่เชย
โอ้พระทัยใจจิตไม่คิดบ้างมาทิ้งทางรักเร่เสน่ห์เอ๋ย
แม้นมีเคราะห์เพราะกรรมจะจำเลยถึงแชเฉยก็ยังชั่วไม่มัวมล
แม้นพระไม่กรุณาเมตตาน้องไม่ขอครองชีพเห็นไม่เป็นผล
จะสู้กลั้นใจตายให้วายชนม์เป็นผู้คนอยู่ก็อายทั้งขายพักตร์ ฯ
◉ พระฟังนุชสุดครวญยิ่งป่วนจิตคะนึงคิดแสนโศกวิโยคหนัก
จึ่งตรัสปลอบตอบตามด้วยความรักอย่าโศกนักเลยนะน้องจะหมองนวล
ทำไฉนจึ่งจะให้ประจักษ์แจ้งว่ารักแรงมิได้เร่อย่าเหหวน
ไฉนน้องเจ้าจะวายค่อยคลายครวญควรหรือนวลเจ้าช่างไม่เห็นใจจริง
จะปลอบเจ้าเท่าใดมิได้เชื่อหรือแล่เนื้อเรียมรักษ์ไว้สักสิ่ง
เป็นสัญญาว่าวางได้อ้างอิงพี่ไม่ทิ้งดอกนะมิตรอย่าคิดแค้น
ถ้าพี่ไปไม่กลับมารับขวัญจึ่งโศกศัลย์โศกาให้สาแสน
จงดับโศกเสียเถิดนวลอย่าควรแค้นถ้ามาตรแม้นมิกระไรไม่ไกลน้อง
เพราะห่วงด้วยมารดาจึ่งลาร้างใช่แกล้งห่างเหหวนให้นวลหมอง
ขอลาไปไกลพุ่มประทุมทองอย่าโกรธกรองกริ่งจิตเฝ้าคิดแคลง ฯ
◉ พระนุชดั่งใครเอาไฟสุมอุรารุ่มเริงร้อนเหมือนศรแผลง
ชลนัยน์ไหลเผือดเป็นเลือดแดงให้โรยแรงร้อนใจดั่งไฟฟ้า
แสนระกำจำตอบระบอบเรื่องทั้งแสนเคืองแสนรักเป็นหนักหนา
จะเอื้อนโอษฐ์ให้สะอื้นฝืนวิญญาชลนาเอ๋ยกระไรช่างไหลริน
ใจเอ๋ยใจให้หักเสียสักครู่ยิ่งไม่รู้วายรักเบือนพักตร์ผิน
ตาเอ๋ยตาอย่าให้ดูพระภูมินทร์เฝ้ายลยินก็ยิ่งช้ำระกำกรอง
รักจักร้างห่างหายจงวายคิดจิตเอ๋ยจิตเจียมใจอย่าได้หมอง
ตาเอ๋ยตาอย่าแลจงแปรปองขืนแต่ร้องไห้ร่ำจะช้ำตา
ยิ่งห้ามห้ามก็ยิ่งลามละโลมไหลใจเอ๋ยใจใจรักเสียหนักหนา
นางคร่ำครวญหวนโหยยิ่งโรยราแล้วโศกากลิ้งเกลือกลงเสือกกาย ฯ
◉ แสนสงสารทรงยศพระรถราชฤทัยหวาดหวิวหวั่นไม่กลั้นหาย
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรายเพียงจะวายชีวาด้วยอาวรณ์
เห็นน้องนุชสุดเศร้าก็เฝ้าโศกแสนวิโยคแล้วยิ่งให้ฤทัยถอน
ระทมทุกข์ฉุกใจมิใคร่จรอุราร้อนแรงรักให้หนักทรวง
ไม่เกรงใจอาชาจะมาแนบถนอมแอบอุ้มน้องประคองหวง
นี่ขัดสนจนใจอาลัยดวงโอ้พุ่มพวงทิพย์มาศต้องคลาศรัก
ขอเชิญเจ้าเข้ายังในวังหลวงอย่าโศกเศร้าเหงาง่วงให้หน่วงหนัก
พี่ไม่หน่ายแหนงนวลอย่าครวญนักขอลาสักสามวันจะครรไล
มาครองรักภักดีไม่หนีหน่ายจงเคลื่อนคลายโศกลงอย่าสงสัย
เจ้าดวงจันทร์ขวัญตาจงคลาไคลเข้าวังในเสียเถิดนวลอย่าครวญคราง ฯ
◉ อนงค์ฟังดังจะม้วยลงด้วยรักยิ่งเหลือหักหวนหายให้คลายหมาง
ระทมทุ่มทรวงสลายเพียงวายวางสงสารนางโศกซ้ำระกำกรม
จึ่งทูลว่าอย่าตรัสทำผัดผ่อนเหมือนเพิ่มร้อนรักรุกประทุกถม
ขอเชิญพระกวัดแกว่งพระแสงคมมาตัดลมเล่ห์สวาสดิ์ให้ขาดคลาย
จะประนมก้มเศียรประเนียรนั่งอารมณ์หวังตั้งจิตชีวิตถวาย
แม้นรักเมียเหมือนที่พระภิปรายจงผันผายตัดเกล้าให้เบาทุกข์ ฯ
◉ พระสดับพจนาสาราสารยิ่งร้อนร่านทรวงศรีไม่มีสุข
อุรารุ่มแรงเริงเหมือนเพลิงลุกระทมทุกข์แทบม้วยเสียด้วยกรอม
จึ่งตรัสว่าโอ้เจ้าลำเพาพักตร์ไม่เห็นรักรู้เชื่อเลยเนื้อหอม
พี่แสนครวญป่วนในฤทัยออมแต่กรมตรอมตรองครวญรำจวนใจ
จะปลอบเจ้าเฝ้าแค้นเสียแสนสาอนิจจาจิตปลงแต่สงสัย
โอ้มีเคราะห์เพราะกรรมอยู่ร่ำไปทำไฉนจะประจักษ์ว่ารักจริง
โอ้เจ้ายอดกัลยายุพาพี่จงเห็นที่รักเถิดแม่เลิศหญิง
จิตจะใคร่ให้กระจ่างที่อ้างอิงก็สุดสิ่งซึ่งจะสรรรำพันการ
กรรมเอ๋ยกรรมซ้ำร้ายไม่วายเศร้าสุดเอาจริงแจ้งแถลงสาร
ถึงจะให้ความสัตย์ปฏิญาณเยาวมาลย์เจ้าก็ไม่เห็นใจจง
โอ้เจ้ามิ่งเยาวมิตรดวงจิตพี่ไม่พอที่เลยจะครวญนวลระหง
พี่แจ้งจริงอยู่ว่ารักประจักษ์ตรงควรหรือปลงใจแคลงระแวงวอน ฯ
◉ นฤมลเยาวมาลย์ฟังสารถ้อยให้เศร้าสร้อยแทรกซมระทมถอน
ทั้งรักแสนแค้นสุดยิ่งรุทธ์ร้อนนางก็ค่อนทรวงซ้ำเฝ้าร่ำไร
โอ้พระยอดธิบดินทร์นรินทร์ราชจะตัดขาดรักละหรือไฉน
โอ้โอ๋เคราะห์เพราะกรรมได้ทำไว้เห็นจะไม่เหมือนหมายคงวายชนม์
ทุกข์ของใครในโลกที่โศกเศร้าไม่เหมือนเราทุกข์คะนึงสักกึ่งหน
แต่ขัดขืนฝืนหน้าอตส่าห์ทนก็สุดจนใจจริงต้องนิ่งตาย
เห็นมิได้คืนครองสนองรักถ้าท้าวจักผูกพันจงผันผาย
หรือทรงฤทธิ์คิดขาดสวาสดิ์คลายขอถวายชีวันจงบั่นรอน
เหมือนท้าวได้กรุณาเมตตาช่วยให้มอดม้วยชีวังถึงสังขร
จะได้สิ้นโศกสิ่งที่วิงวอนพระภูธรธิบดีจงปรีดา
แม้นท้าวไม่โปรดปรานประหารเสียจะคลอเคลียครวญรักอยู่หนักหนา
เมียประนอมยอมม้วยจงช่วยมาตัดเกศาเสียให้สิ้นราคินครวญ ฯ
◉ พระทรงฟังดังมัจจุราชฤทธิ์มาผลาญในใจจิตให้ปลิดหวน
ยิ่งโศกแสนสุดกลั้นก็รัญจวนจึงตอบนวลว่าไฉนนิใจนุช
จะให้พี่นี้ประหารแล้วผลาญจิตวานอย่าคิดเลยนะนวลพี่ครวญสุด
หรือจะผลาญกัลยาด้วยอาวุธขอเชิญนุชนิ่มน้องอย่าหมองใจ
โอ้ไม่เห็นเห็นรักที่หนักหนอจะเกิดก่อทุกข์กรองไม่ผ่องใส
โอ้เวรกรรมทำสร้างแต่ปางใดเจ้าจึงไม่เห็นรักประจักษ์เจือ
พี่จนจิตที่จะคิดสนิทแนบหมายจะแอบอรทัยจนใจเหลือ
ด้วยอาชาชาญชัยเขาไม่เมื้อเจ้านิ่มเนื้อเย็นจิตอย่าคิดแคลง ฯ
             

◉ สินธพฟังคั่งเคืองในเรื่องกล่าวว่าโอ้ท้าวหลงใหลมิได้แหนง
จึ่งทูลทวนถ้วนถี่ค่อยชี้แจงให้จะแจ้งข้อความที่งามครัน
ว่าพระลืมชนนีที่พำนักมาหลงรักเมียเมินไม่เหินหัน
นี่เห็นดีแล้วหรือองค์พระทรงธรรม์ไม่เชื่อกันแล้วก็ตามไม่ห้ามเลย
ควรหรือจอมจักรพงศ์มาหลงเล่ห์จะปรวนเปรแปรได้พระทัยเอ๋ย
เสียแรงเรืองฤทธิรงค์มาหลงเชยโอ้มิเคยพบเห็นเหมือนเช่นนี้
น้อยหรือลืมมารดานิจจาจิตช่างควรคิดรักหมายไม่หน่ายหนี
ทูลพลางทางเผ่นขึ้นเมฆีแล้วพารี่เหาะร่อนไม่หย่อนยั้ง
แสนสงสารทรงยศพระรถราชพระทัยหวาดหวั่นเสียวแล้วเหลียวหลัง
ยิ่งเคืองแค้นอาชาไม่รารั้งยิ่งหวาดหวังตั้งจิตคิดคะนึง
สินธพรีบถีบถาไม่ราหวนพระแสนป่วนแดดิ้นถวิลถึง[5]
ม้าเร่งพระร้อนอารมณ์รึงด้วยสองพึ่งพลัดพรากไปจากกัน
ต่างใจต่อใจมิตรจิตสองปลิดสองเปล่าสองกระสัน
สองปิ้มปางม้วยชีวีวันพระโศกศัลย์มาตามอรัญวา
โอ้สงสารสังเวชพระวรนุชแทบจะสุดสิ้นชีวังสังขา
พระทัยไหวว้าเหว่อยู่เอ้กาตั้งตาแลดูพระภูมี
แลเหลียวเลื่อนลอยไปลับลิบดั่งใครหยิบดวงใจไปจากที่
เอนองค์ลงเหนือพื้นปฐพีก็สัญญีภาวะนิ่งอยู่ริมชล
ฝ่ายว่าพระรถนฤเบศเสด็จไปในประเทศเวหน
แสนคะนึงถึงนาฏนฤมลภูวดลโศกสรวลรัญจวนใจ
สองกรข้อนทรวงพิลาปหาโอ้อกเอ๋ยอนิจจาเป็นไฉน
ยามรักหรือมาร้างให้ห่างไกลเวรใดนี่หนอมาก่อกวน
จึ่งเกิดเข็ญเช่นนี้นะอกเอ๋ยไม่เห็นเลยว่าจะร้างห่างสงวน
แสนละห้อยน้อยจิตคิดรำจวนแต่โหยหวนคิดคะนึงรำพึงตรอม
เสียดายดวงพวงผกามณฑาสวรรค์ยังมิทันที่จะวายมาหายหอม
รสระรื่นเคยชื่นอารมณ์ออมเคยถนอมกล่อมดวงสุดามาลย์
เคยสมบรมสุขสำราญรื่นเคยชวนชื่นเชยชมภิรมย์ศานต์
เคยมีมธุรสพจมานเคยประสานสุรเสียงสำเนียงกัน
เคยย่องเข้ายียวนชวนสนิทเคยชมชิดเชยโฉมประโลมขวัญ
เคยสรวลโสมนัสเป็นนิรันดร์เคยผินผันพักตร์แย้มให้ยินดี
เคยชม้ายชายเนตรชำเลืองคมเคยสรวลสมสโมสรชะอ้อนพี่
เจ้าเคยสุขเขษมเปรมปรีดิ์พี่มีมโนเสน่ห์น้อง
ยามเคืองเคยเข้าประคองอิงยามนิ่งเคยนำคำสนอง
ยามหยอกเย้ายิ้มพริ้มประคองเคยแนบน้องเป็นสุขทุกราตรี
เสียดายหนักลัคนาก็น่ารักเสียดายพักตราน้องผ่องฉวี
เสียดายเกศกุสุเมศสุมาลีเสียดายศรีเหลืองสะอาดประหลาดตา
เสียดายขนงก่งกันดั่งคันศิลป์เสียดายเนตรดั่งนิลวัตถา
เสียดายปรางเปล่งปลื้มในอุราเสียดายดวงนาสาพะงางอน
เสียดายโอษฐ์เอี่ยมสะอาดดั่งชาดแต้ม[6]เสียดายแย้มเมื่อพี่เย้ายวนสมร
เสียดายศอสมทรงดั่งหงส์จรเสียดายกรงอนงวงเอราวัณ
เสียดายพุ่มโกมุทประมาณชื่นช่างรินรื่นมิได้รามณฑาสวรรค์
สมศักดิ์ลัคนาสารพันเสียดายฝูงกำนัลคณานาง[7]
โอ้ป่านฉะนี้จะคิดถวิลยุพาพินก็จะค่อนอุราหมาง
จะคร่ำครวญหวนเห็นไม่เว้นวางจะอ้างว้างว้าเหว่เหมือนอกเรา
พระคุณเอ๋ยเทพเจ้าอมรเมศในขอบเขตดงดอนชะง่อนเขา
ในเถื่อนถ้ำท่าน้ำทุกลำเนาเทพเจ้าจงโปรดได้นำพา
ช่วยดลใจให้เจ้าดวงสมรคืนหลังยังนครเป็นสุขา
ข้าน้อยจึ่งจะค่อยกลับคืนมาเสน่หามิได้วายทิวาเลย
เสียดายดวงพวงแก้วผกาทิพย์จะแลลิบลับแล้วนะอกเอ๋ย
ถ้าแม้นอยู่จะได้ชูประคองเชยเมื่อไรเลยจะกลับหลังยังสุดา
โอ้ศรีเสาวภาคย์จำเริญขวัญจะหวาดหวั่นว้าเหว่เสน่หา
หญิงชายทั้งหลายบรรดามาเขาก็คืนนคราไปเมืองตน
โอ้สงสารด้วยสายสวาสดิ์แม่จะดาลแดกลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน
ไม่ยลเรียมเจ้าจะเยี่ยมอยู่ริมชลจะระกำพร่ำบ่นอยู่คนเดียว
จะโศกศัลย์รัญจวนหวนละห้อยกำสรดสร้อยเศร้าโศกกระสันเสียว
เจ็บจิตจำจากสุดาเดียวดั่งเพลิงเจียวอกช้ำระกำใจ
พระเหลือบแลกระแสชลาสินธุ์แสนถวิลเทวศมาในป่าใหญ่
แลเห็นกฎีพระชีไพรก็ประจักษ์จำได้เป็นแน่นอน
จำเราจะเข้าบังคมคัลคุณท่านนั้นใหญ่ล้ำกว่าสิงขร
ยิ่งดินยิ่งฟ้าแลสาครท่านช่วยร้อนจึ่งไม่ม้วยชีวาลัย
จำเราจะเข้านมัสการทูลข่าวสารให้แจ้งแถลงไข
ลงจากอาชาแล้วคลาไคลตรงเข้าไปประณตบทมาลย์ ฯ
◉ ฝ่ายพระมุนีผู้ทรงพรตเห็นพระรถปรีดิ์เปรมกระเษมศานต์
มีมโนภิรมย์เบิกบานจึ่งปราศรัยกุมารไปทันใด
ดูกรเจ้าลำเภาพงศ์กระษัตริย์ได้แค้นขัดขุ่นเข็ญเป็นไฉน
หรือได้ดั่งสั่งสารอักษรไปรูปเอาใจช่วยกระษัตริย์สวัสดี
พระกุมารฟังสารตอบสนองข้าน้อยปองว่ามิได้มาบทศรี
แทบจะม้วยด้วยมารมันราวีนี่หากคุณมุนนีจำเริญพร
พอเมรีแจ้งคดีในสารทรงจำนงจงเสกสองครองสมร
ได้เสร็จสมภิรมย์สว่างร้อนแล้วยอกย้อนถามถึงของที่ต้องใจ
จึงได้สมอารมณ์ที่ความคิดเพราะพระองค์ลิขิตแปลงสารให้
ได้สมเสร็จประสงค์จำนงในทั้งผลไม้มะม่วงหาวมะนาวมา[8]
พอได้ทีราตรีปัจจุสมัยก็ลักได้กำพตโอสถา
ฝูงนิกรหลับสนิทนิทราดั่งว่าถูกยาวิเศษมนตร์
จึ่งหนีนางจากปรางค์สำอางสะอาดกับพระยาภัยราชระเห็จหน
พอเช้าตรู่เห็นหมู่กุมภัณฑ์พลทำคำรนตามทันกระชั้นชิด
หลานทิ้งยาสิทธิศักดิ์ประจักษ์เนตรบันดาลเป็นสาคเรศโดยประสิทธิ์
อันมหานทีนั้นมีฤทธิ์ดั่งว่าแสร้งนฤมิตประสิทธิ์จริง
อสูรมาถึงฝั่งยั้งชะงักอยู่พร้อมพรักไพร่นายทั้งชายหญิง
นางเมรีศรีสมรนั้นวอนวิงหลานก็ทิ้งตัดรักหักใจมา
เพราะพระเกศปกเดชได้เย็นสนองแคล่วคล่องเป็นบรมสุขา
ไม่มีภัยในกลางมรรคาจงทราบใต้บาทาพระทรงชัย
พระฤๅษีได้ฟังนั่งหัวร่อดีแล้วพ่อปรีชาจะหาไหน
อันมิ่งเมียจะพะวงเฝ้าหลงไยจงตั้งใจแทนคุณพระชนนี
ปานฉะนี้จะคอยหาน้อยไม่จงเร่งไปอย่าได้รอเลยโฉมศรี
ฆ่าอีมารผลาญให้วายชีวีตาอยู่นี่อวยชัยไปทุกวัน
ถ้าขัดขวางอย่างไรไปเบื้องหน้ามาหาตาเถิดจะช่วยนะหลานขวัญ
พ่อจงไปให้เป็นสุขอยู่ทุกวันอีมารนั้นพ่ายแพ้แก่หลานรัก ฯ
◉ พระยอกรรับพรพระนักสิทธิ์พระทรงฤทธิ์กราบบาทพระทรงศักดิ์
แล้วลงจากอาศรมที่สำนักนิ์พระหัตถ์กวักอัสดรรีบเดินมา
ก็เผ่นขึ้นบนหลังอัศวเรศพาประเวศเหาะเหินขึ้นเวหา
เผ่นผยองล่องลิ่วปลิวฟ้าบนนภาคว้างคว้างกลางอัมพร
สุริยะแรงร้อนระงมอบชักสินธพลงเดินเนินสิงขร
หายระหวยลมช่วยด้วยแรงร้อนศศิธรลับเขามีเงาบัง
ทัศนาป่าไม้ที่ชายเขาสูงเสลาสลับกอหน่อสะพรั่ง
ที่สูงเยี่ยมเทียมทัดขนัดรังที่งอกตั้งอยู่ประจำเกาะชมพู
ระยะเขาเหล่าหลั่นชั้นขนัดสูงชะง้ำต่ำถัดเป็นหมู่หมู่
ที่ใหญ่สูงเคียงคั่นนั้นน่าดูที่ต้นคู่ต่ำเตี้ยเรี่ยเรี่ยดิน
ศิลาสลับซับซ้อนชะง่อนงอกที่ซึ้งซอกสิ่งศรีมีกระสินธุ์
ที่ซึมแทรกแตกกระจายสายวารินทะลุศิลลาไหลลงในธาร
ที่หินห้อยย้อยเด่นนั้นเย็นใสคล่ำวิไลคูหาที่หน้าฉาน
ขจิตสีเขียวขจีดั่งนิลกาฬดูปูนปานมรกตที่งดงาม
ที่ลางแห่งวุ้งแวงมีแสงแก้วปรากฏแววแดงดีสีอร่าม
ที่สีเหลืองเรืองแฉล้มดูแพลมพลามบ้างแวมวามวับวับระยับตา
ที่ไม้ใหญ่ในเซิงเชิงบรรพตสูงจรดจอมไศลมีใบหนา
ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นพระสุธามีสาขาทรงผลระคนใบ
บ้างสุกสดปลดหล่นปนสุกหลายทั้งโคควายมฤคินกินไม่ไหว
บังสาขาลูกมะขวิดขจิตใบกลิ่นดอกไม้แม้นกลิ่นเจ้าเมรี
แสนรำจวนหวนคะนึงถึงเมียรักวรพักตร์เศร้าหมองไม่ผ่องศรี
พอเหลือบปะนางสกุณกินรีสำคัญว่ามารศรีเจ้าตามมา
ให้คลับคล้ายคลับคลายุพาพักตร์ลำลำจะร้องทักนางปักษา
แล้วเสด็จเดินตามนางงามมากินราย่างเยื้องชำเลืองไป
อนิจจาเจ้าหรือมาถือโทษจะขึ้งโกรธพี่ร่ำไปถึงไหน
แล้วยื่นหัตถ์รับขวัญไปทันใดกินรีตกใจก็บินจร
สะดุ้งใจรู้ว่าใช่สมรมิ่งอนาถนิ่งเสียใจฤๅทัยถอน
ให้เจ็บจิตคิดระคางนางกินนรพระภูธรขวยเขินสะเทิ้นใจ
แล้วทรงอัสดรเดินลงเนินผาทัศนาผลพรรณพฤกษาใส
ละแวกธารละหานน้ำลำเนาในบ้างเย็นใสไหลเชี่ยวเขียวดังนิล
จตุบาทเริงร่าถลาโลดเสียงอุโฆษขู่ขานในฐานถิ่น
สิงหรากาสรในดอนดินพยัคฆินครึมครางช้างตกมัน
สุกรดงแถกพงอยู่แฝงเฝือเห็นเสือเสือเห็นสุกรผัน
สู้เสือเงื้อเขี้ยวแล้วขบฟันต่างประจันเข้าชิดไม่คิดกลัว
หมูแถกเสือโจมเอาจมเล็บหมูเจ็บเสือใหญ่ก็ไส้รั่ว
บ้าเลือดลำพองทั้งสองตัวทำยกหัวกรีดหูจะสู้กัน
คชสีห์ผาดผังกำลังหาญก็โจมจับคชสารอันแข็งขัน
ชาติพลายกล้างาบ้าน้ำมันคชประจญเข้าประจันกันกลางแปลง
ไม่รอรางาประกันฉะฉาดสองตัวอาจเริงร่าด้วยกล้าแข็ง
คชสารเงื้อง้างช้างก็แทงต่างก็แรงรู้ฤทธิ์ระอากัน
พระดูเพลินทางตำเนินอัศวราชเที่ยวประพาสชมไม้ในไพรสัณฑ์
ทิชากรร่อนร้องก้องอรัญเบญจวรรณสัตวาพากันบิน
แขกเต้าเคล้าสาลิกาจับที่กิ่งพลับพลอดแจ้วแล้วโผผิน
มยุราแผ่หางที่กลางดินมยุรินบินตามมยุรา
พระยลยูงสะดุ้งแดอาดูรถวิลถึงยุพินเยาวยอดเสน่หา
แต่โมรีมีคู่ภิรมยาตามภาษาเป็นสัตว์ไม่พลัดกัน
แต่อกเรียมมานิราศสมรมิตรดั่งได้ปลิดใจไปให้กระสัน
เสียดายเอ๋ยจากเชยมาหลายวันเมื่อไรนั้นจะไปชมได้สมปอง
แสนร่ำสรรพขับม้าลินลาเลียบตามระเบียบพนาสณฑ์ให้หม่นหมอง
เห็นดอกไม้ตกรายอยู่ก่ายกองหอมล่องกลิ่นนวลให้ชวนใจ
พวงพะยอมหอมแฉล้มเหมือนแย้มยิ้มแถวทับทิมช่อชูดูไสว
กลิ่นแก้วกรรณิการ์สุมาลัยบังใบบานตระพุ่มในสุมพง
สาวหยุดพุดปนจำปาป่าอินทนิลจันคณามหาหงส์
สลิดสักมะกล่ำสดำดงกลิ่นส่งหอมซาบนาสามา
รสรื่นดุจผืนสไบน้องยามประคองเคียงแก้วกนิษฐา
ยิ่งคิดไปแสนอาลัยเหลืออุราประหนึ่งว่าชีวาจะวายปราณ
ก็ฝ่าฝืนขืนขับอัศวราชม้าฉลาดรู้เชิงก็เริงหาญ
ควบแข็งแรงเร็วดั่งลมกาลเผ่นทะยานลำพองขึ้นล่องลม
ตะวันเย็นสนธยาฟ้าแดงสุริยายอแสงมีเงาร่ม
จันทร์แจ่มกระจ่างฟ้าดูน่าชมดาวระดมดาษแดงแจ้งอัมพร
อาชาพาองค์พระทรงโฉมเผ่นโพยมรีบรุดไม่หยุดหย่อน
ถึงแว่นแคว้นไตรจักรพระนครอัสดรเหาะตรงอุมงค์มา ฯ
◉ ฝ่ายพระชนนีบิตุเรศแสนเทวศทุกข์โทมนัสสา
ยุพาพินทรงสุบินในเวลาฝันว่าราหูจู่จับจันทร์
แล้วขยายคลายกลืนคืนกลับแสงระยับส่องฟ้าพนาสัณฑ์
ดูดวงแขแลกระจ่างสว่างครันก็ตกลงยังสุวรรณกรุงไกร
ผวาตื่นฟื้นตกประหม่าฝันอัศจรรย์ดีร้ายจะฝ่ายไหน
หรือว่าบุตรสุดสวาทของเราไซร้จะมีเหตุฉันใดไปช้านาน ฯ
◉ ฝ่ายองค์พระรถนฤเบศร์เสด็จถึงนคเรศนิเวศสถาน
ก็ลงจากมิ่งม้าอาชาชาญพระกุมารมายังพระมารดา
จึ่งค่อยเคาะใบดานทวาเรศให้ทราบเหตุหลานมาแล้วพระแม่ป้า
พิไรร่ำซ้ำเรียกเป็นหลายคราจนสุริยาพวยพุ่งขึ้นรุ่งราง
สิบสองนางต่างตรับสดับเรียกแน่สำเหนียกฟังสนัดไม่ขัดขวาง
ยังกริ่งเกรงแอบอยู่ดูท่าทางแจ้งกระจ่างลูกรักแม่มั่นคง
ก็ชักกลอนถอนสลักออกทันใดเปิดบานทวารได้ดั่งประสงค์
เหลือบไปเห็นโอรสยศยงเข้าส้วมสอดกอดองค์พระลูกรัก
พระรถตอบกับบาทพระชนนีทั้งสองแสนเปรมปรีดิ์ยินดีหนัก
พระกุมารว่าบันดาลด้วยบุญชักหาไม่จักเป็นเหยื่ออสุรี
สิบเอ็ดนางต่างลุกขึ้นเก้กังหันหน้าหันหลังอยู่อึงมี่
งุ่มง่ามตามกันแล้วจรลีเรียกหลานอึงมี่ออกวุ่นไป
เอามือคลำเที่ยวคว้าหาพระหลานพบพานจูบพลางทางปราศรัย
แต่ป้าคอยน้อยไปหรือพ่อสายใจทั้งแม่ป้าลูบไล้ประไพพักตร์
พลางกล่าววาทียุบลถามพ่อโฉมงามจงแถลงให้แจ้งประจักษ์
ไม่ขัดขวางอย่างไรหรือลูกรักพระภูบาลฟังซักประจักษ์การ
จึงแจ้งความเดิมไปให้ประสบโดยคำรพแรกพบฤๅษีสาร
พระนักสิทธิ์คิดชอบประกอบการจึ่งปลอดพ้นมือมารมาพารา
ได้สมสู่คู่นางในปรางค์มาศเหมือนประสงค์จงสวาสดิ์ปรารถนา
ได้ทั้งโอสถใส่นัยนาทั้งมะนาวเจรจาอันเกรียงไกร
ว่าแล้วแก้ห่อพระโอสถกระสายรดเทลงประจงใส่
เอาประเนตรแนบชิดสนิทไว้ยาละลายทาในดวงเนตรพลัน
แล้วสอดใส่นัยนาให้ป้าแม่ก็ได้แลเห็นสว่างต่างสรวลสันต์
แล้วอวยพรพระกุมารปรีชาญครันสารพันพูนพิพัฒน์สวัสดี
แล้วจึ่งกล่าวสุนทรด้วยวาจาอันอัมพากับมะนาววิเศษศรี
พระพ่อใช้ให้เอามายังธานีจะแจ้งดีหรือไม่พระลูกรัก
พระรถฟังวาจามารดาถามก็ทูลความเล่าแถลงประจักษ์
อันมะนาวหาวโห่นั้นลูกรักซ่อนยักษ์ห่อผ้ามาได้แล้ว
จะได้ไปถวายพระทรงชัยด้วยแจ่มใสโสมนัสผ่องแผ้ว
กราบลามารดาแล้วคลาศแคล้วพระขรรค์แก้วกำพตก็ถือมา
ครั้นถึงเสด็จยังพระโรงรัตน์พร้อมขนัดขุนนางฝ่ายข้างหน้า
เกียรติศัพท์ปรากฏพระรถมาก็ทราบถึงราชากับนางมาร
จอมกระษัตริย์ออกนั่งบัลลังก์อาสน์ตรัสประภาษถามบุตรสุดสงสาร
เออไหนเจ้าไปเป็นช้านานยังได้การหรือของที่ต้องใจ
พระรถฟังบังคมบรมนาถจึ่งทูลบิตุราชอันเป็นใหญ่
ว่าลูกยาอาสาพระภูวไนยไปกรุงไกรทานตะวันนั้นได้การ
จึงถวายม่วงหาวมะนาวโห่อันภิญโญยิ่งผลถกลหวาน
พระรับพวงมะม่วงหาวให้เบิกบานเกษมศานต์นึกว่าสมเจตนา ฯ
             

◉ ฝ่ายสุนนทามารมเหสีไปแอบดูรู้คดีก็ยื่นหน้า
เห็นมะม่วงกับมะนาวเขาได้มาอสุราร้อนใจดั่งไฟกาล
เอะครั้งนี้เสียทีไฉนเล่าอสูรเฝ้ารักษาล้วนกล้าหาญ
มันจะลวงหรือจะลักไปหักรานหรือหมู่มารให้มาด้วยเสียกล
แต่นี้ไปธานีบูรีกูจะอดสูสูญเห็นไม่เป็นผล
จะล้มจมเป็นทำเลชเลวนเพราะไอ้คนคนนี้แน่ทีเดียว
จะละมันช้าไว้ได้อายด้วยฆ่าให้ม้วยทั้งพ่อไม่พอเขี้ยว
บันดาลโกรธกลายเพศบัดเดี๋ยวเดียวแยกเขี้ยวรูปยักษ์ประจักษ์ตา
อ่านพระเวทเดชได้กระบองถือสองมือเบี่ยงซ้ายแล้วป่ายขวา
ทั้งสูงใหญ่ทะลึ่งโลดโดดออกมาหวังจะฆ่าพระรถให้ปลดปลง
จอมกษัตรตกใจไม่รู้สึกไม่นึกว่าสุนนทาเป็นบ้าหลง
คิดห่วงเมียอยู่ข้างในใจพะวงมาแอบองค์ยืนบังหลังพระรถ
เหล่าเสนาตกใจเห็นยักษ์ร้ายกลัวตายหลบลี้หนีไปหมด
ยังแต่หน่อสุริย์วงศ์องค์พระรถทรงกำพตกั้นกางนางสุนนท์
อสูรโถมโจมจับพระรับรบล่อหลบพัลวันกันสับสน
อสูรฝาดด้วยตระบองก้องมณฑลไม่ย่อย่นรับรองก้องพระโรง
พระทิ้งทอดยาทิพย์โอสถเป็นไฟกรดประลัยกัลป์ควันโขมง
อสุรีหนีออกนอกพระโรงเพลิงโพลงติดตัวไปทั่วกาย
สุทามารอ่านจินดามหาเวทศักดาเดชดับไฟให้สูญหาย
แล้วเหาะหันผันผังกำบังกายยักษ์ร้ายรีบออกนอกบูรี
พระเหลียวมาแลไปไม่เห็นยักษ์พระหัตถ์กวักเรียกม้ามาเร็วรี่
เผ่นขึ้นหลังอาชาไม่ช้าทีเหาะรี่รีบรัดตัดมาทัน
อีมารร้ายโกรธาด่าสินธพชาติไอ้ม้าหัวประจบตัวขยัน
ทำจองหองพองขนก็ครามครันกูจะฆ่าชีวันให้บรรลัย
อาชาฟังคั่งแค้นแสนพิโรธกำลังโกรธโกรธาไม่ปราศรัย
จึงกล่าวความตามยุบลเป็นกลในอันเอ็งไซร้มิได้รู้ข้างหลังเลย
มึงหมายใจนายกับกูเป็นภักษากูกลับพานายไปเป็นลูกเขย
นายกับกูรู้หรือไม่ได้เชลยยังงมเงยซมเซอะพูดเลอะละ
อันสาราที่มึงว่าไปถึงวันให้กุมภัณฑ์กินให้สิ้นอย่าปล่อยปละ
ได้ครอบครองธิดาเสียอีกวะมึงเงอะงะแพ้กลมารยา
สุนนทาได้ฟังอัศวราชเฉลียวจิตคิดประหลาดเป็นหนักหนา
จึงอ่านเวทมนตร์มหาจินดาเรียกองค์พระพายมาด้วยทันใด
จึ่งกล่าวรสพจนาวาทีถามที่ข้อความยังจะจริงหรือไฉน
องค์พระพายเล่ายุบลแต่ต้นไปก็แจ้งใจเสร็จสิ้นทุกประการ
สุนนทาเสียอารมณ์แทบลมจับให้วาบวับหฤทัยดังไฟผลาญ
ไม่สมคิดผิดสนัดเสียนงคราญเพราะคิดการนั้นไม่สมทุกสิ่งไป
เสียแรงเรืองจินดามหาเวทถึงพรหมเมศจตุรพักตร์ไม่หักได้
มาเสียรู้เพราะมันแก้กลภายในมโนมัยมันจึงว่าทั้งท้าทาย
จะได้ความอัปยศอดสูหมู่มารมันจะเย้ยสิ้นทั้งหลาย
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรายแสนเสียดายลูกรักเจ้าเมรี
แล้วข่มขืนกลืนกลั้นกันแสงเทวศสำแดงเดชกายาของยักษี
สูงเยี่ยมเทียมเมรุคีรีถือตรีตระบองแก้วสุริย์กาล
ถาโถมโจมทยานด้วยสิงหนาทร้องประภาษว่าเหม่ไอ้เดรฉาน
กูจะฆ่าเสียให้ตายวายปราณว่าแล้วนางมารเข้าโจมตี ฯ
◉ ฝ่ายพระหน่อสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์ทรงกัณฐัศอยู่บนยอดคีรีศรี
เห็นนางมารถาโถมเข้าราวีพระภูมีจึ่งมีซึ่งสุนทร
ว่าดูราอสุรีมีพยศช่างคิดคดลวงพระพ่อแล้วล้อหลอน
ให้ควานควักนัยนาพระมารดรแกล้งชะอ้อนทำเจ็บเป็นเหน็บชา
แม้นได้กินมะม่วงหาวมะนาวโห่จะภิญโญหายได้ดั่งปรารถนา
ครั้นเราได้มะม่วงหาวมะนาวมาเหตุใดโกรธาเป็นฟุนไฟ
ซึ่งแต่งสารให้สังหารเรานั้นแน่เรารู้แท้จึงได้รอดกลับมาได้
เรามิได้ถือโทษถือโกรธใจด้วยเห็นกับอรทัยเจ้าเมรี
จงกลับไปบูรีที่สถิตอย่าควรคิดขุ่นข้องหม่นหมองศรี
จงแจ้งกับนงเยาว์เจ้าเมรีตามวาทีเราแจ้งทุกประการ
นางสุนนทามารฟังพระรถดั่งจักรกรดตัดเศียรให้สังขาร
โกรธาตาแดงแสงเพลิงกัลป์นางมารจู่โจมเข้าโรมรัน
เข้าน้าวเศียรกัณฐัศว์อัสดรพระภูธรฟันฟาดด้วยพระขรรค์
สุทามารรับรองคอยป้องกันพัลวันหนีไล่กันไปมา
อสุรีมีกำลังจะโลดโผนเข้าจู่โจนหมายมาตรพิฆาตฆ่า
อัศวราชฉลาดโลดกระโดดมาสุนนทากั้นกางขวางหน้าไว้
พระจึ่งชักกำพตยศยงหมายปลงชีพมารให้ตักษัย
น้าวเหนี่ยวเรี่ยวแรงด้วยทันใดขึ้นสายแผลงไปในทันที
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสะท้านปานพรหมาศเสียงฟ้าฟาดหรือจะดังเท่าศรศรี
เสมอเหมือนศรนารายณ์อันฤทธีฤทธิ์กำพตนี้ก็ลือชา[9]
ลูกศรร่อนไปในอากาศสำแดงสิงหนาทสหัสสา
ปักทรวงดวงแดสุนนทาล้มดิ้นสิ้นชีวาวายปราณ ฯ
◉ ปางพระรถสุริย์วงศ์ทรงศักดิ์ฆ่าอียักษ์สิ้นชีวังสังขาร
พระชักชวนมโนมัยอันชัยชาญเหาะทะยานกลับหลังยังวังเวียง
ลงจากมโนมัยไคลคลายังพระโรงรัตนาหน้าเฉลียง
สมเด็จพระบิดามานั่งเคียงกล่าวเกลี้ยงปลอบประโลมพระลูกรัก
พระลูกเอ๋ยเกิดมาไม่เคยเห็นมาเกิดเข็ญอกพ่อเพียงจะหัก
มาประสบพบพานอีมารยักษ์มันจะหักคอฟัดไปกัดกิน
มันส้อมแปลงแสร้งทำกลมารยาเป็นมนุษย์เข้ามาในฐานถิ่น
พ่อหลงรักหลงกลคนทมิฬมาอยู่กินรักใคร่ไว้วางใจ
เจ้าได้ช่วยป้องกันบิดาด้วยชีวิตพ่อจึงไม่ม้วยตักษัย
บัดนี้มันหนีไปแห่งใดบอกพ่อไปให้แจ้งซึ่งกิจจา
พระรถฟังวาจาบิดาถามชักทำเนียบเปรียบความไม่กังขา
เหมือนกุมภัณฑ์ที่มันแกล้งปลอมแปลงมาให้สีดาเขียนรูปทศกัณฐ์
จนพระรามคลั่งไคล้ใหลหลงสั่งให้ลงอาชญาสีดานั่น
ให้พระลักษมณ์สังหารผลาญชีวันแต่นางนั้นซื่อตรงไม่บรรลัย
อันนงคราญเกิดในดอกประทุมเมศจึงอาเพศเหาะเหินเวหาได้
บัดนี้ไปสู่สวรรค์ชั้นใดลูกไม่ทราบแจ้งประจักษ์การ
นางคือดวงเนตรของทรงฤทธิ์แสนสนิทเฝ้าเสนอเสมอสมาน
จะเอาดวงดาราทิพาพานพระภูบาลก็จะหาให้ดังใจ
จะต้องการนัยน์เนตรแม่กับป้าพระบิดายังควักเอามาให้
ถึงตัวลูกเล่าไซร้ใช้ให้ไปยังกรุงไกรทานตะวันอันปราการ
เอามะม่วงรู้หาวมะนาวโห่อันภิญโญเลิศล้นถกลหวาน
ในสารศรีมีไปในใบลานให้หมู่มารสังหารให้ม้วยมรณ์
นี่หากพบพระสิทธาเธอแก้ไขจึงรอดชีวิตได้ไม่สังหรณ์
ขอพระองค์อย่าได้ทรงซึ่งอาวรณ์ดวงสมรงามสรรพคงกลับมา ฯ
◉ พระทรงยศฟังพจนาบุตรเพียงจะทรุดเซซังลงสังขาร์
ให้อัดอั้นตันใจในอุราพระราชาทอดถอนร้อนฤทัย
พลางปลอบว่าอนิจจาพระลูกแก้วพ่อรับผิดเจ้าแล้วจำทำไฉน
ทั้งนี้เพราะเวรกรรมได้ทำไว้เจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธบิดา
พ่อผิดแล้วแก้วตาไม่มีผิดอย่าควรคิดเคียดแค้นสหัสสา
พ่อจะรับสิบสองกัลยากลับมาครองไพร่ฟ้าสนมใน
แม้ไม่สมอารมณ์ของบิดาจะครอบครองพาราไยไฉน
พ่อจะมอบสวรรยาราชัยบิดาไซร้ก็จะลาเข้าไพรวัน
รักษาศีลสุจริตกิจกรมตามพงศ์พรหมฤๅษีกระเษมสันต์
ตรัสพลางโศกาจาบัลย์เพียงอาสัญสิ้นชนม์สกลกาย
พระรถเห็นบิดากันแสงโศกแสนวิโยคด้วยไม่สมอารมณ์หมาย
ทั้งเจ็บช้ำทูลเทียบเปรียบภิปรายพระโฉมฉายคิดสงสารบิตุรงค์
พระองค์อย่าได้ทรงกันแสงศัลย์อีมารนั้นก็สิ้นชีพเป็นผุยผง
ลูกแผลงกำพตพิษฤทธิรงค์สังหารมารปลดปลงบรรลัยไป
พระองค์จะเสด็จยาตราไปรับสิบสองกัลยาคงจะได้
ขอพระองค์อย่าได้ทรงโศกาลัยลูกมิให้ขัดเคืองเบื้องบทมาลย์
พระฟังพจน์โอรสทูลสนองที่มัวหมองฤทัยค่อยใสศานต์
เข้าโลมลูบจูบกอดพระกุมารใครจะปานเปรียบได้ก็ไม่มี
จะได้ครองไพร่ฟ้าประชาเกศเป็นปิ่นปักนคเรศเฉลิมศรี
ทุกประเทศเขตขันฑบุรีอัญชุลีประณตบทมาลย์
ตรัสพลางทางมีบัญชาสั่งให้เตรียมรถพระที่นั่งอันไพศาล
กระบวนแห่แตรสังข์กังสดาลทั้งวอทองชัชวาลให้พร้อมไว้
อีกทั้งเถ้าแก่แลโขลนจ่าจะไปรับกัลยาอย่าช้าได้
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคลเข้าในปรางค์มาศอันรูจี ฯ
◉ ...............................[10]ฝ่ายเจ้าพนักงานทั้งสี่
รีบรัดจัดแจงเป็นโกลีตามมีพระราชบัญชาการ
ขุนรถเตรียมรถพระที่นั่งพร้อมพรั่งสับสนอลหม่าน
อีกทั้งวอสุวรรณอันตระการเครื่องอานพานพระศรีมีครบ
อีกทั้งเครื่องสูงแลแตรสังข์พร้อมพรั่งจัดเสร็จสำเร็จหมด
มาคอยท่าพระองค์ผู้ทรงยศตามกำหนดพระราชโองการ ฯ
◉ รถสิทธิ์สุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์แจ้งรหัสพร้อมพวกโยธาหาญ
เสร็จชวนโอรสมิทันนานมาเข้าที่สรงสนานสำราญกาย
ทรงสุคนธ์ปนปรุงหอมกระหลบอวลอบหอมฟุ้งจรุงฉาย
ภูษาทรงธงข้าวบิณฑ์พรรณรายงามพรายแพร้วระยับจับตา
พระโอรสสอดใส่ฉลององค์ทองกรบิตุรงค์ทรงซ้ายขวา
พระโอรสทรงสังวาลรัตนาพระบิดาทรงเทพธำมรงค์
พระโอรสทรงมหาชฎาแก้วอันเพริศแพร้วแวววามงามระหง
บิตุรงค์ทรงมหามงกุฎทรงพระโอรสยศยงทรงกำพต
พระบิตุรงค์ทรงขัดพระขรรค์แก้วอันเพริศแพร้วปราบได้ดังไฟกรด
พระโอรสทรงพาชีมีพยศบิตุรงค์ทรงรถบทจร
สั่งให้เคลื่อนพหลพลไกรทวนธงแห่ไสวแลสลอน
กลองประโคมเซ็งแซ่แตรงอนรีบรถบทจรจากพารา
ครั้นถึงหน้าอุโมงค์ก็หยุดอยู่จึ่งสั่งหมู่อำมาตย์ทั้งซ้ายขวา
ให้ประทับหน้าอุโมงค์รัตนาเสด็จจากรถาที่นั่งทรง
พระโอรสนำเสด็จลีลาศยุรยาตรในอุโมงค์โดยประสงค์
สิบสองนางเห็นโอรสยศยงพาพระบิตุรงค์เสด็จมา
ให้เคืองแค้นแสนโกรธพิโรธนักต่างผันพักตร์เมียงเมิลไม่ดูหน้า
ให้คิดถึงความหลังคลั่งอุราชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย ฯ
◉ รถสิทธิ์เห็นสิบสองกัลยาโกรธาดาลเดือดไม่เหือดหาย
จึ่งกล่าวเกลี้ยงเลี่ยงเลียบเปรียบปรายอนิจจาโฉมฉายไม่เมตตา
พี่นี้หวังตั้งหน้ามารับผิดหลงชอบชิดอีมารแพศยา
เป็นเวรของเราแล้วนะแก้วตาจึ่งต้องมามีกรรมดั่งนี้
เพราะอีปีศาจทรลักษณ์มันลวงให้ควานควักเนตรน้องพี่
นี่บุตรสุดสวาทของเราดีไปได้เนตรมารศรีนั้นคืนมา
ประจุดวงนัยนาให้น้องแก้วจึ่งเห็นแววสว่างใสได้ยังว่า
บุญของน้องแล้วกัลยาจึ่งกลับมาคืนดีได้ดังใจ
พี่ผิดแล้วแก้วตาไม่มีผิดอย่าควรคิดโกรธขึ้งไปถึงไหน
พี่ขอโทษโฉมงามทรามวัยขอเชิญไปครองสวรรยา ฯ
◉ นางสิบสองฟังคดีวาทีตรัสให้แค้นขัดทรงศักดิ์เป็นหนักหนา
พลางประเทียบเปรียบประชดพจนาพระจะมารับผิดด้วยอันใด
อันตัวน้องทั้งสิบสองนี้โฉดชั่วหูตามืดมัวแล้วขับไล่
กิตติศัพท์เลื่องลือระบือไปโหดไร้ทุรพลคนสามานย์
เป็นอุบาทว์ชาติกลีเช่นนี้ไซร้จะรับไปร่วมห้องเกษมสานติ์
ใช่กำเนิดเกิดในประทุมมานเหมือนนงคราญที่ได้ในบุษบง
นั่นแลจึ่งสมบูรณ์ประยูรสูงเหมือนฝูงเหมราราชหงส์
สมศักดิ์สมกระกูลเสมอองค์อันข้าน้อยมิใช่วงศ์เหมรา
กิตติศัพท์อึงอื้อลือกระหลบทั่วพิภพจะไยไพครหา
ว่าหญิงโฉดโหดชั่วอัปราเขาขับจากเมืองมาให้แรมไกล
น้ำลายคายถ่มลงถึงดินจะกลับคืนกลืนกินกระไรได้
เหมือนไม้หลักปักเลนโอนเอนไปประชาชนจะไยไพทั้งพารา ฯ
◉ พระฟังนุชสุดสวาทฉลาดเปรียบดั่งศรเสียบปฤษฎางค์ทั้งซ้ายขวา
ให้อัดอั้นตันใจในอุราด้วยกัลยาว่านั้นจริงทุกสิ่งอัน
สุดปัญญาที่จะว่าประโลมปลอบนางมิชอบจริงจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึ่งเสด็จเยื้องย่างจรจรัลมาอ้อนวอนจอมขวัญพระโอรส
พ่อจงช่วยอ้อนวอนพระมารดาตรัสพลางร่ำโศกาโศกกำสรด
ด้วยนางโกรธโกรธาว่าประชดอัปยศไพร่ฟ้าประชาชน ฯ
◉ ปางพระหน่อสุริย์วงศ์พงศ์กระษัตริย์บิดาตรัสอ้อนวอนเป็นหลายหน
ให้คิดห่วงหน่วงหนักพะวักพะวนจะไปตามภูวดลเกรงมารดร
จะมิไปเกรงใจบิตุราชพระหน่อนารถให้คิดสะท้อนถอน
ต้องจำใจไปหาพระมารดรยอกรกราบกับตักแล้วโศกา
โอ้ว่าพระชนนีเจ้าพระคุณเคยปกเกล้าเกศา
พระบิตุรงค์ทรงโศกโศกาให้ลูกมาอ้อนวอนพระชนนี
ให้กลับหลังคืนยังวังสถานได้โปรดปรานเห็นกับข้าบทศรี
พระให้สัจสัญญาวอนวาทีลูกนี้คิดสงสารบิตุรงค์
สุทามารเชี่ยวชาญการพระเวทจึ่งทำให้บิตุเรศนั้นลุ่มหลง
ใช่จะแกล้งพระแม่โดยจำนงจึ่งไม่ทรงปรึกษาหารือใคร
ด้วยมารเชี่ยวชาญการพระเวทบันดาลให้ภูวเรศนั้นหลงใหล
ครั้นอีมารอาสัญบรรลัยไปพระกลับได้สมประดีจึ่งอ้อนวอน ฯ
◉ สิบสองนางฟังวาจาลูกยาแถลงประจักษ์แจ้งแล้วคิดสะท้อนถอน
ปรึกษากันทั้งสิบสองนางบังอรเราจะจรหรือจะอยู่จงว่ามา
เมศราพี่ใหญ่จึ่งบอกไปมิคลาไคลก็สงสารหลานหนักหนา
ป้านี้เห็นกับเจ้าดอกนัดดาแล้วจึ่งมีวาจาไปทันใด
จงไปทูลพระองค์ผู้ทรงยศว่าทั้งหมดมิได้ขัดอัชฌาศัย
พระรถรับกลับมาด้วยดีใจทูลไปตามคำพระมารดา
ทั้งสิบสองก็รับจะลินลาศตามเสด็จภูวนาถไม่กังขา
ขอพระองค์อย่าได้ทรงโศกโศกาจงทราบเบื้องบาทาบทมาลย์
รถสิทธิ์ฟังเอารสรถเสนนฤเบนทร์ปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
จึงมีพระราชบัญชาการสั่งเจ้าพนักงานด้วยทันใด
ให้เอาวอช่อฟ้ามารับนางดุริยางค์เกณฑ์แห่แลไสว
โขลนจ่าหลวงแม่เจ้าก็เข้าไปสาวใช้กำนัลพวกขันที
พวกเถ้าแก่ชาวแม่แลโขลนจ่าแลเห็นนางกัลยาโฉมศรี
ก็พากันรำพันแล้วโศกีทั้งสิบสองนารีก็โศกา
นางกำนัลว่าแม่ขวัญวิมลโฉมงามประโลมเลิศล้ำเลขา
มาทุกข์กรอมผอมซูบผิดกายาแสนระกำช้ำอุราอยู่นองเนือง
พวกโขลนจ่าว่าแม่วิมลพักตร์มาโศกนักทุกข์กรอมจนผอมเหลือง
เถ้าแก่ว่าแม่มิ่งวิมลเมืองไม่ปลดเปลื้องเศร้าศรีนิราวัน
นางโขลนจ่าด่าว่าเพราะอีมารมาตามผลาญให้แม่พลัดไอศวรรย์
มันช่างแปลงปลอมมาน่าอัศจรรย์ดีฉันเห็นหูตามันผิดคน
จะพูดจาเกรงอัชฌาพระทรงศักดิ์คิดกระหนักปรึกษากันอยู่สับสน
จะพูดมากออกจากปากเข้าหูคนทราบยุบลก็จะโกรธลงโทษทัณฑ์
แต่ปรึกษาหารือกันเป็นนิตย์แสนคิดแสนแค้นแสนกระสัน
จนพระหน่อสุริย์วงศ์ทรงธรรม์กลับมาจากทานตะวันบุรีรมย์
เอาอัมพามาถวายจึ่งได้แจ้งว่ามารแปลงฆ่าเสียก็สาสม
เชิญเสด็จลินลาอย่าปรารมภ์ข้านิยมขอพึ่งบารมี
ทั้งสิบสองสุดาวิมลโฉมทรามประโลมฟังเหล่านางสาวศรี
ปรึกษากันพร้อมใจก็จรลีฝูงกำนัลนารีก็ตามมา
ฝ่ายองค์รถสิทธิ์อิศเรศกับพระรถเรืองเดชก็หรรษา
จึ่งสั่งให้พนักงานยกวอมารับองค์กัลยาสิบสองนาง ฯ
             

◉ รถสิทธิ์ทรงราชรถาพร้อมสะพรั่งเสนาแลสล้าง
สิบสององค์ทรงวอมาหว่างกลางท้าวนางเดินข้างหลังระวังมา
พระโอรสทรงม้ามาข้างหลังพร้อมพรั่งพระบรมวงศา
เดินทางสถลมารคยาตราก็เข้าในทวาราพระบุรี
ครั้นถึงจึ่งประทับกับเกยลาลงจากวอช่อฟ้าหลังคาศรี
แห่ห้อมล้อมองค์พระเทพีจรลีเข้าสู่ปราสาทชัย ฯ
◉ ปางองค์พระมิ่งมงกุฎเกศถึงนิเวศขึ้นพระโรงวินิจฉัย
แล้วจึ่งมีสีหนาทประภาษไปสั่งเสนาในด้วยทันที
จะตั้งการสมโภชสิบสองนางจงจัดแจงตามอย่างให้ครบที่
ให้สรรพเสร็จเจ็ดทิวาราตรีตามมีแบบอย่างบุราณมา
...........................................[11]ฝ่ายเจ้าพนักงานถ้วนหน้า
เร่งรัดจัดกันเป็นโกลาโดยดั่งบัญชาพระทรงธรรม์
ก็บาดหมายเกณฑ์จ่ายทุกตำแหน่งเร่งรัดจัดแจงกันสรรพสรร
ราชครูพฤฒามาพร้อมกันเสียงฆ้องกลองก้องสนั่นทั้งบุรี
ครั้นสรรพเสร็จเชิญเสด็จสิบสองนางคืนเข้าสู่ปรางค์ปราสาทศรี
พร้อมเหล่าสาวสรรพวกขันทีตำแหน่งที่เคยอยู่แต่ก่อนมา ฯ
◉ ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์องค์พระรถเสร็จหมดการสมโภชพระแม่ป้า
พอพลบค่ำย่ำแสงพระสุริยาก็ลีลาเข้าสู่ปราสาทชัย
เอนองค์ลงกับที่ศรีไสยาพระราชาเศร้าหมองไม่ผ่องใส
โอ้เมรีศรีสวัสดิ์ดวงฤทัยเจ้าจะเป็นฉันใดไม่แจ้งการ
อาชาพาพี่หนีเจ้ามาแทบจะสิ้นชีวาสังขาร
แต่พี่มาก็หลายทิวาวารจะแดดาลโหยหนอยู่คนเดียว
พระคร่ำครวญหวนไห้ไม่วายเทวศภูวเรศถอนใจฤทัยเสียว
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงเป็นเกลียวให้เปล่าเปลี่ยวแสนรำพึงถึงเมรี
จะนิ่งบรรทมไปก็ไม่หลับแต่พลิกกลับสับสนอยู่บนที่
ให้ร้อนรนทั่วสกลอินทรีย์จนแสงทองส่องศรีสว่างฟ้า
พระแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองฉายจับพระขรรค์เยื้องกรายออกข้างหน้า
ขึ้นเฝ้าองค์ทรงฤทธิ์พระบิดาทั้งแม่ป้านั่งเรียงอยู่เคียงกัน
ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ทูลองค์พระปิ่นเกล้ารังสรรค์
ลูกขอลาสององค์พระทรงธรรม์ไปรับขวัญกัลยาเจ้าเมรี
นางได้มีคุณแก่ลูกรักสามิภักดิ์ไม่ระคางขนางหนี
จะต้องการสิ่งใดในบุรีนางเมรีมิได้ขัดซึ่งอัชฌา
ลูกหนีมานางไสยาหลับสนิทยกพหลรีบติดตามมาหา
ทันลูกหยุดยั้งฝั่งคงคาลูกให้กลับคืนพาราก็ไม่ไป
ลูกจะกลับไปรับนางโฉมศรีคืนธานีทานตะวันกรุงใหญ่
พอเสร็จสรรพก็จะกลับคืนเวียงชัยลูกไปไม่ช้าจะมาพลัน
นางลำเภากับพระเจ้ากรุงไกรจักรฟังลูกรักจะลาไปในไพรสัณฑ์
คิดสงสารเมรีก็ครามครันจะห้ามลูกยานั้นก็เสียใจ
คิดห่วงหน้าห่วงหลังแล้วรั้งราแข็งใจกล่าววาจาปราศรัย
ลูกจะไปพ่อไม่ขัดดอกดวงใจเพราะห่วงใยอยู่ข้างหลังยังมากมี
ตัวบิดาก็ชรามากอยู่แล้วพระลูกแก้วจะครองบูรีศรี
อันโภไคยศวรรยาธานีบิดานี้จะมอบให้โอรส
พ่อไปแล้วอย่าได้ไปอยู่ช้าแล้วอวยพรลูกยาให้ปรากฏ
จะปราบได้ทั่วไปในโสฬสทุกชนบทขามเกรงซึ่งเดชา ฯ
◉ พระรถยอกรรับพรท้าวให้สร้อยเศร้าแสนโทมนัสสา
คิดห่วงใยด้วยจะไกลพระมารดากราบก้มพักตราแล้วจาบัลย์
ขืนอารมณ์ข่มฤทัยแล้วไคลคลาลีลายุรยาตรผาดผัน
เสด็จเข้าที่สรงทรงสุวรรณน้ำกลั่นหอมกลบกระหลบไป
สนับเพลาราชสีห์เผ่นทะยานภูษาทรงงามตระการเข้มขาบไหม
ฉลององค์โหมดม่วงช่วงวิไลสวมใส่ตาบทิพย์สังวาลวรรณ
ทองกรพาหุรัดตรัสเตร็จเข็มขัดเพชรสายทองรัดกระสัน
มงกุฎแก้วค่าเมืองเรืองสุวรรณทรงธรรม์สวมเทพธำมรงค์
ขัดพระขรรค์อันเรืองประสิทธิ์เวททรงกำพตพรหเมศงามระหง
แล้วลีลาศยาตรามาเกยทรงอาชาตรงมาประทับรับภูธร
พระขึ้นทรงกัณฐัศอัศวราชอาชาผาดเผ่นเหาะขึ้นลอยร่อน
ทักษิณสามรอบขอบนครราษฎรร้องอำนวยอวยชัย
อาชาพาเหาะเวหาหนสุริยนแจ่มกระจ่างหว่างไศล
ดั้นหมอกออกเมฆมาไรไรดูชาญชัยเดชาศักดาครัน ฯ
◉ พระโฉมยงทรงยศพระรถราชภูวนาถปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ชมผกาป่าไม้ในไพรวันสารพันพฤกษาล้วนน่าชม
มีคีรินทร์ศิลาภูผาใหญ่ล้วนเงื้อมง้ำน้ำไหลเป็นไคลขม
ด้วยเทือกแร่แช่ปนระคนตมก็เกลียวกลมกายสิทธิ์เป็นฤทธิ์ยา
แลเป็นเหล่าเงาหินเห็นนิลแก้วดูพรายแพร้วแจ่มแจ้งที่แสงผา
มีเพชรบุษย์สุดสุกทั้งมุกดาอีกโมรานิลรัตน์ชัชวาล
ดูร่มรื่นพื้นภาคย์ชะวากผามีฉายารุกขชาติสะอาดสะอ้าน
ดูร่มเลี่ยนเตียนกว้างเหมือนกลางลานน่าสำราญรื่นร่มที่ลมโชย
พินิจพลางทางชวนอาชาชาติลงพักแดดแผดผาดอนาถโหย
เสด็จเดินเนินร่มที่ลมโรยเที่ยวชมโดยพรรณไม้ที่ใกล้ทาง
พิกุลจันทน์ลั่นทมสุกรมสุกแสนสนุกรื่นรายมีหลายอย่าง
ตะเคียนคูนแคเคี่ยมโมงแก้วโกงกางมะสังซางซองแมวเต็งแต้วทอง
กระดังงากาหลงประยงค์แย้มยี่สุ่นแซมนมแมวเป็นแถวถ่อง
ลำดวนโมกมณฑาผกากรองหล่นละอองเรณูลงพรูพราย
ภุมรินบินเฝ้าเคล้าสนิทด้วยจงจิตเจตนาวิญญาหมาย
สู้บินโบยโดยสวาสดิ์ไม่คลาดคลายถึงตัวตายก็ไม่ว่าอุตส่าห์บิน
พระชมพลางทางคะนึงถึงโฉมศรีป่านฉะนี้จะทุเรศเทวศถวิล
อันตัวพี่นี้ก็เหมือนภุมรินปางยุพินพุ่มพะงาเหมือนมาลัย
กุศลส่งตรงให้ประสบสมประคองชมชื่นแช่มด้วยแจ่มใส
เพราะมีทุกข์ที่สำคัญจึงพลันไกลทิ้งเจ้าไว้เอองค์ในพงพี
อันหญิงชายใฝ่ฝันผูกพันรักเสน่ห์หนักมิได้คลาดสวาสดิ์หนี
เหมือนอารมณ์ภุมรากับมาลีมิได้มีจิตเกลียดรังเกียจไกล
คะนึงพลางทางชวนอาชาชาติภูวนาถขึ้นหลังกระเษมใส
สินธพพาเหาะลิ่วปลิวไปพอเกือบใกล้ที่พักสำนักนาง ฯ
◉ ฝ่ายว่ามิ่งเมรีศรีสวัสดิ์ให้อั้นอัดทรวงโศกวิโยคหมาง
อนาถนิ่งมิได้ติงพระองค์นางไม่มีเหล่าสาวสุรางค์อยู่เพื่อนองค์
แต่ครวญคร่ำร่ำรักพระภูมีดั่งชีวีจะวินาศลงผุยผง
แต่โศกศัลย์กันแสงสลบลงตั้งพักตร์คอยดูองค์พระภูธร
เฝ้าสยบซบยันให้อั้นอัดโทมนัสเศร้าสร้อยละห้อยหา
พอเหลือบไปเห็นองค์พระภรรดาในอุราวุ่นหวาดเพียงขาดใจ
จึ่งยอกรอ่อนเกล้าศิโรเพทชลเนตรแถวถั่งลงหลั่งไหล
ช่างกระไรไฉนหนอน้ำพระทัยมาทิ้งน้องเสียได้ไม่เหลียวเลย
เสียแรงน้องมาตามถึงกลางไพรพระมาทิ้งเสียได้นะอกเอ๋ย
อันเรื่องราวที่พระกล่าวภิปรายเปรยกระไรเลยน้ำพระทัยของภูธร ฯ
◉ ฝ่ายองค์ทรงยศนฤบาลลงจากอาชาชาญสมร
เข้าตระโบมโลมลูบนางบังอรแล้วจึ่งกล่าวสุนทรไปทันใด
พระมารดาทารกรรมแสนลำบากอดอยากหากินก็ไม่ได้
หูตามืดมนเป็นพ้นไปถ้าที่ไหนพี่จะไปอย่าสงกา
ได้ห่อยาดวงตาไปจากนี่ไปใส่ให้ชนนีกับแม่ป้า
พอเสร็จสรรพพี่กลับเร่งรีบมากัลยาอย่าได้แหนงแคลงฤทัย
ถ้าไม่มีกังวลธุระร้อนจะจรจากเพื่อนยากไยไฉน
จะร้างห่างสวาสดิ์ให้ขาดไปสิ่งใดย่อมแจ้งทุกประการ ฯ
◉ นางสดับคำพร้องสนองพจน์ดังศรกรดเสียบแดสังหารผลาญ
ให้เศียรขาดจากองค์สุดามาลย์สะท้านเศียรซาบสิ้นทั้งอินทรีย์
จึ่งทูลตอบต้องสนองสารอย่าเอาหวานมาประโลมเลยโฉมศรี
น้องก็ทราบแล้วว่าพระปรานี[12]ถ้าแม้นหมีโปรดปรานจะปานไร
นี่โปรดแท้แลเห็นยังเช่นนี้ถ้าไม่มีกรุณาคงฆ่าได้
โอ้น้อยจิตคิดถึงคำทำเยื่อใยจะพูดไปเล่าก็หมองไม่ต้องการ
เมื่อครั้งก่อนเสด็จจรมาถึงเมืองใช่จะมาด้วยเรื่องสมัครสมาน
เพราะประสงค์ตรงของที่ต้องการในเรื่องสารทราบสิ้นไม่กินใจ
น้องเสียรู้แล้วจะสู้ก้มหน้าม้วยเพราะงงงวยลุ่มหลงไม่สงสัย
ถึงกรรมแล้วก็จำบรรลัยไปเกิดชาติใหม่อย่าให้เป็นดั่งเช่นนี้
อันน้องนี้มิได้อยู่ให้ชูชิดจะจำปลิดบ่ายหน้าไปเมืองผี
เมียขอบคำที่พระร่ำมาพาทีก็ทราบว่าปรานีแสนคะนึง
อันความสัจของน้องจะหาไหนสู้เอาใจไว้ท่าจนมาถึง
แสนสวาสดิ์ภูวนาถยังรุมรึงเมียรำพึงดูพักตร์พระภรรดา
น้องขอลาพระองค์ไปตามกรรมที่บุญทำนำให้เอาใจท่า
ชาตินี้น้องตามพระองค์มาได้ความเวทนาจาบัลย์
ไปชาติหน้าขอองค์พระทรงพุทธต้องตามนุชสุดโศกกันแสงศัลย์
อกุศลหนหลังมาตามทันพรรเอิญให้จอมขวัญคิดบรรลัย
แล้วคิดถึงสุนนทามารดาเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงลูกยาจะหาไหน
มิได้เกิดในอุทรฉะนี้ไซร้ความรักใคร่ในลูกยิ่งมารดา
ทั้งสมบัติพัสถาก็มอบให้ตามใจลูกรักเป็นหนักหนา
จะอยู่ไปก็อายแก่เทวาฝูงประชาจะชวนกันไยไพ
ไหนจะทุกข์ถึงมารดาที่มรณาให้เปล่าเสียวในอุราไม่ทนได้
ทั้งหิวโหยโรยแรงสลดใจอรทัยซวนซบสลบลง ฯ
◉ พระรถเห็นเป็นเหตุเทวศวุ่นยิ่งครวญครุ่นร่ำพิไรอาลัยหลง
ค่อยอุ้มแอบแนบน้องตระกององค์พระแสนทรงโศกาด้วยอาวรณ์
ว่าโอ้กรรมทำไว้แต่ไหนหนอช่างเติมต่อแต่งตั้งให้สังหรณ์
พี่มาแล้วแก้วตาพะงางอนยังรุ่มร้อนโศกศัลย์ไม่บรรเทา
เห็นจะไม่คืนคงดำรงสวาสดิ์คงวินาศในพนมลำเนาเขา
พระครวญพลางโศกซ้ำไม่ชำเราดั่งใครเอาตรีผลาญให้ลาญชนม์ ฯ
◉ ฝ่ายว่ามิ่งเมรีศรีสวัสดิ์พระพายพัดเฉื่อยชื่นเรณูหล่น
หอมตระหลบอบอายคลายกระมลก็ค่อยฟื้นตื่นตนทุรนใจ
เห็นทรงเดชเชษฐาเข้ามาต้องเคียงประคองโศกหมองไม่ผ่องใส
ยิ่งนึกเห็นว่าพระเป็นแกล้งจำใจที่รักใคร่นั้นก็สิ้นไม่ยินดี
ให้นึกเห็นเป็นดีแต่ที่ผิดยิ่งแค้นคิดขุ่นข้องหม่นหมองศรี
แล้วกราบบาทบาทาพระสามีว่าน้องนี้ขอลาบรรลัยไป
ซึ่งพระทรงกรุณากลับมาโปรดก็ปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
แต่น้องนี้มีกรรมได้ทำไว้ขออย่าได้เคลื่อนสวาสดิ์ทุกชาติเลย
ความรักภักดีน้องมีมากพระควรจากไปได้นะอกเอ๋ย
ก็ทราบว่าปรานีที่คุ้นเคยจึงไม่เลยล่วงลับเสร็จกลับมา
เป็นบุญของน้องล้นได้ยลพักตร์เฝ้าหน่วงหนักเพียงชีวังจะกังขา
ก็ประจักษ์อยู่ว่ารักนั้นตรึงตราเพราะอาชาจึงได้แชให้แปรไป
ด้วยมั่นจิตว่าพระคิดเสน่ห์น้องจึ่งค่อยครองชีวาไว้ท่าได้
ซึ่งความรักหนักหน่วงเพราะห่วงใยก็แจ้งใจอยู่ว่าพระปรานี
จึ่งเสด็จเสร็จกลับมาดับโศกความวิโยคน้องมากขอฝากผี
ไม่เสวยโภชนาหลายราตรีทั้งหิวโหยสุดที่กำลังทน
รำพันพลางทางพิศพระพักตร์ผัวยิ่งหมองมัวทรวงวับให้สับสน
ก็สิ้นเสียงสุดกำลังประทังตนทั้งร้อนรนรุ่มแดฤดีดาล
ก็สิ้นเสียงสิ้นสั่งกำลังถอยให้เหงาหงอยสิ้นสมประสาทสาร
ก็สิ้นชีพขาดใจบรรลัยลาญเหนือสถานเชิงผาศิลาแลง ฯ
◉ ปางพระรถฤทธิรงค์ทรงพินิจเห็นนางนาฏขาดจิตก็กันแสง
ประคองศพนางพลางทางแสดงว่าพี่แจ้งแล้วว่านางจะวางวาย
เหตุทั้งนี้ก็เพราะมีธุระร้อนพี่จึงจรจากไปเสียไกลหมาย
ไม่เห็นเลยว่าจะเลยบรรลัยกลายแสนเสียดายความรักที่ภักดี
จะหาไหนได้เหมือนเสมอนุชเห็นสิ้นสุดดินฟ้าในราศี
สิ่งใดก็มิได้ราคีมีถนอมพี่สารพัดไม่ขัดใจ
เมื่อชมสวนน้องชวนไปท่องเที่ยวพี่น้าวเหนี่ยวผลพวงมะม่วงได้
อันของนี้เล่าเป็นที่สังเกตไว้สำหรับเมืองเวียงชัยอันไพบูลย์
ถ้าโห่หาวฉาวดังฟังหวั่นไหวจะเกิดเหตุยุ่งใหญ่ในไอศูรย์
แต่เพียงนี้น่าจะมีอาดูรพูนเจ้าก็ไม่ขาดสูญเสน่ห์ใน
เพราะความรักภักดีเป็นที่สุดถึงม้วยมุดก็ขาดสวาสดิ์ได้
สารพัดมิได้ขัดให้เคืองใจอนงค์ในปฐพีไม่มีเทียม
ช่างซื่อตรงจงรักษ์พี่หนักหนาเอาใจท่าอยู่จนพี่มายลเยี่ยม
แสนลำบากยากไร้จนใจเจียมก็กรมเตรียมอยู่ในป่าเอกากาย
ครั้นพี่มาแล้วเจ้าลาครรไลลับโอ้อาภัพคิดไปแล้วใจหาย
แต่นี้ไปก็จะไม่มีสบายแสนเสียดายดวงจิตเจ้าปลิดไป
นิจาเอ๋ยเคยสมานสำราญรักมาสูญศักดิ์สูญเสน่ห์ไปเนาไหน
จงแจ้งความพี่จะตามบรรลัยไปก็จะได้อยู่สุขสนุกนิ์สบาย
นี่เจ้าไม่สั่งความเลยงามชื่นไหนจะคืนมาได้น่าใจหาย
นิจาเอ๋ยเคยรองตระกองกายแต่นี้ไปก็จะคลายประคองชม
เสียดายโฉมงามประโลมฤทัยสวาสดิ์ดั่งนางในเทวราชลออสม
เสียดายปรางดุจปรางนางเมืองพรหมเสียดายนมถันนางสำอางตา
ปานประทุมพุ่มพวงผกามาศยุรยาตรเลื่อนลอยคล้อยเวหา
เสียดายโอษฐ์อิ่มเอื้อนจำนรรจาเสียดายพาหาสองลำยองครัน
ดุจงวงไอยราสง่าเสงี่ยมระทวยเทียมกรนางในปรางค์สวรรค์
เสียดายทรงสมทรงสง่าครันเสียดายกรรณกลีบบุษบาบาน
เสียดายเนตรเปรียบเนตรมฤคมาศดูเอี่ยมอาจชวนให้เกษมศานต์
เมื่อแย้มยิ้มพริ้มรับฤดีดาลแต่นี้นานก็จะวายชายเนตรนวล
เสียดายเสียงเพียงอมฤตรสเคยแช่มชดน่าชมภิรมย์สงวน
เสียดายผิวผุดผ่องละอองชวนภิรมย์นวลแนบในฤทัยปอง
นิจจาเอ๋ยเคยทำกรรมแต่หลังสวาสดิ์หวังหวั่นหวาดให้ขาดสอง
อันความรักจักประมาณสมานครองเหมือนดั่งทองแท่งเดียวที่เกลียวกลม
เกิดวิบัติตัดสวาสดิ์ให้ขาดลิ่มโอ้เนื้อนิ่มแนบจิตสนิทสนม
มานิราศแรมไปเสียไกลชมแสนระทมเวทนาด้วยอาวรณ์
นิจาเอ๋ยเคยสำราญสมานสมัครมาขาดรักขาดสวาสดิ์ให้ขาดถอน
เพราะเวรกรรมจำพรากให้จากจรพระภูธรถอนใจอาลัยลาน
ยิ่งแสนโศกเศร้าหมองไม่ผ่องศรีดั่งต้องสายอัสนีประหารผลาญ
เข้าส้วมสอดกอดองค์นางนงคราญพระภูบาลซวนซบสลบไป
พระพายชายพัดมาอ่อนอ่อนพระภูธรค่อยฟื้นคืนมาได้
จึ่งช้อนเกศนงลักษณ์ใส่ตักไว้พระครวญคร่ำร่ำไรจาบัลย์
โอ้ว่าอนิจจาน้องแก้วทิ้งพี่เสียแล้วไปสู่สวรรค์
พี่รีบมาพอเห็นหน้าแม่แจ่มจันทร์ไม่ทันกล่าววาจามาบรรลัย
เจ้ามาทิ้งพี่ไว้ผู้เดียวนี้น่าที่ชีวิตจะตักษัย
ชะรอยเวรากรรมได้ทำไว้มาพรรเอิญเป็นไปดั่งนี้
มาพบน้องยินดีเป็นที่สุดโอ้นิ่มนุชกลับม้วยไปเมืองผี
เจ้าสุดแค้นแสนโกรธพันทวีจนสุดสิ้นชีวีบรรลัยไป
เสียแรงพี่รีบกลับมาติดตามหมายจะรับโฉมงามไปกรุงใหญ่
จะแต่งน้องให้ครองเวียงชัยมอบไอศูรย์แสนสวรรยา
ทั่วประเทศเขตแดนแผ่นภพจะตระหลบไยไพครหา
เพราะตามพี่นี้จึงเสียซึ่งชีวาอนิจจาเพราะกรรมมานำตน
โอ้ไม่แจ้งว่าจะเป็นถึงเช่นนี้เจ้าทิ้งพี่ว้าเหว่ระเหหน
ตั้งแต่แสนโศกเศร้ากระมลเพราะกรรมดลผูกพันให้บรรลัย
พระยิ่งแสนโศกเศร้าเฝ้าเทวศชลเนตรแถวถั่งลงหลั่งไหล
สะอื้นอั้นตันจิตคิดเสียใจพระหน่อไทซวนซบสลบเลย
อาชาในใจหายด้วยหมายมั่นว่าทรงธรรม์ม้วยจริงเห็นนิ่งเฉย
จึงเดินเหย่าเข้ามาเอาหน้าเงยไว้ชิดเชยชงฆาโศกาวรณ์
โอ้ว่าพระปิ่นนรินทร์ราชมาสิ้นชาติม้วยกลิ้งบนสิงขร
ช่างรักษ์เมียเสียชีพเพราะรีบร้อนอาชาวอนโศกศัลย์รำพันครวญ
โอ้โอ๋อกเราจะเศร้าจิตยิ่งแสนคิดร่ำไรอาลัยหวน
ให้แสนเศร้าโศกศัลย์เฝ้ารัญจวนแล้วเสือกซวนเซซบสลบไป
พอพระพายพัดพาผกากลิ่นระรื่นรินโรยมาพฤกษาไหว
พระงามสรรพกับม้าอาชาไนยก็กลับได้คืนคงดำรงกาย
พระยิ่งแสนโศกศัลย์รำพันร่ำเฝ้าครวญคร่ำคิดไปพระทัยหาย
โอ้หวิวหวิวหวาดเสียวผู้เดียวดายยิ่งฟูมฟายโศกาแล้วจาบัลย์
โอ้ว่าเมรีเจ้าพี่เอ๋ยไม่ควรเลยกัลยามาอาสัญ
อยู่เหนือพื้นภูผาในอารัญสารพันสิ่งไรก็ไม่มี
แม้นอยู่ในมิ่งเมืองจะเรืองเลิศได้ชูเชิดพักตร์เพิ่มเฉลิมศรี
จะพร้อมเหล่าสาวสรรแลขันทีมาโศกีนั่งล้อมอยู่พร้อมราย
ทุกเสนาสามนต์จะกล่นกลาดทั้งพระญาติพงศ์พันธุ์จะผันผาย
มานั่งล้อมพร้อมเพรียงอยู่เรียงรายจะฟูมฟายโศกาด้วยอาลัย
แสนสงสารเมรีเจ้าพี่เอ๋ยไม่ควรเลยน้องรักมาตักษัย
สารพัดขัดสนระคนไปทำไฉนน้องยายุพาพิน
นี่เจ้าบรรลัยลงในพงใหญ่มีแต่ไม้สิงขรกับก้อนหิน
ทั้งสัตว์เสือเนื้อนกวิหคบินกับคีรินทร์เรียงรายอยู่ก่ายกอง
จะเอาศิลาโชติเป็นโกศแก้วอันเพริศแพรวพรายศรีไม่มีหมอง
เอาคีรีบริเวณเป็นเมรุทองอันเรืองรองรจนาสง่างาม
เอายูงยางต่างแตรแลพัดโบกเอาสนโศกสักไทรไม้มะขาม
เป็นธงทิวปลิวระยับดูวับวามล้วนรายตามแนวไพรไศลเรียง
เอาเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งสนเป็นปี่แตรแจจลสนั่นเสียง
ประโคมขับศัพท์ส่งสำเนียงเคียงดังสำเนียงนางในบุรีรมย์[13]
             


สำนวนที่ ๒

◉ .....................................................เป็นอัตราเก็บถวายนางโฉมศรี[14]
สาวใช้ไปมาทั้งตาปีอยู่ที่นี้เขาจะเห็นไม่เป็นการ
จึงซ่อนอยู่ในห้องอย่าท่องเที่ยวฉวยเกรียวกราววุ่นวายทั้งยายหลาน
แต่อาชาปล่อยไปให้สำราญต่อนานนานจึงค่อยมาฟังอาการ
พระฟังคำตายายเป็นนายสวนไม่ลามลวนตรึกตราเหมือนว่าขาน
ครั้นรุ่งเช้าเก็บบุปผาสุมามาลย์อยู่สำราญเคหาด้วยตายาย ฯ
◉ ฝ่ายโฉมยงองค์ทัศมาลีสถิตที่แท่นรัตน์วิเชียรฉาย
ปัจจุสมัยใกล้รุ่งดารารายนางโฉมฉายทรงสุบินจินตนา
ในฝันว่าวาสุกรีอันมีฤทธิ์มาสถิตแท่นทองอันเลขา
เกี้ยวกระหวัดรัดรึงไว้ตรึงตราประหนึ่งว่าชีวันจะบรรลัย
หมายว่าจริงนิ่งอนาถประหลาดจิตแต่ล้วนพิษนาคินทร์ดิ้นไม่ไหว
ครั้นแสงทองส่องฟ้านภาลัยอรไทฝืนองค์ขึ้นสรงชล
สำอางองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัสนางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์
ชำเลืองดูหมู่สุรางค์นางอนงค์แล้วนิ่งทรงถึงนิมิตคิดรำคาญ
จะร้ายดีมีแจ้งในตำรับเป็นฉบับโหรทายทำนายฝัน
ก็ทราบสิ้นในสุบินอักษรพลันนางหวาดหวั่นนิ่งไว้ในอุรา ฯ
◉ จะกล่าวถึงท่านยายเป็นนายสวนเวลาจวนลับเมรุภูผา
พอสิ้นแสงสุริยนสนธยาทั้งยายตาเข้ากระท่อมอยู่พร้อมกัน
แล้วบอกว่าพรุ่งนี้มาลีมากทั้งบุนนาคสุกรมนมสวรรค์
แก้วกุหลาบมณฑาสารพันมะลิวัลย์พุดลาจำปาปี
จะต้องเก็บเอาไปให้หลายอย่างถวายนางโฉมฉายให้หลายสี
ด้วยว่าองค์นงนุชพระบุตรีโปรดมาลีมาแต่ไรพอใจทรง
ถึงมากน้อยเท่าไรก็ไม่ว่าให้ได้มาเหมือนสั่งดังประสงค์
พระฟังยายบอกความแต่ตามตรงว่าโฉมยงโปรดบุปผาสุมาลี
พระทราบสิ้นในระบิลยายแจ้งอรรถมาข้องขัดเรรวนอยู่สวนศรี
ต้องรอรั้งฟังดูร้ายฤๅดีเหมือนเมรีสั่งความให้ตามมา
หวนคะนึงถึงมิ่งมเหสีธิบดีเศร้าสร้อยละห้อยหา
พอย่ำยามฆ้องชัยได้เวลายายกับตาม่อยหลับระงับไป
ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างศรีสกุณีร้องก้องส่งเสียงใส
คณานกโผผินบ้างบินไปภูวไนยพลิกฟื้นตื่นประทม
ยายกับตาพากันออกไปสวนเก็บลำดวนจำปามหาหงส์
พระตามไปช่วยเก็บดอกประยงค์เอามาส่งใส่กระทายให้ยายตา
ทั้งสาวหยุดนมแมวดอกแก้วเกดกระถินเทศพวงพะยอมหอมหนักหนา
ทั้งซ่อนชู้ประดู่ดงโยทะกาดอกมณฑาอังกาบกุหลาบจีน
แล้วพากันกลับหลังยังเคหาเกลือกมาลาหลายอย่างให้ต่างสี
พระบอกว่าฉันจะร้อยดอกจำปีเป็นม้ามีคนนั่งหลังอาชา
พระทรงร้อยสร้อยฟ้ามหาหงส์เมื่อเดินดงมาทุเรศแสวงหา
แล้วร้อยรูปพระองค์ทรงอาชายายกับตานั่งมองร้องว่างาม
พระกำชับว่ายายอย่าพรายแพร่งถ้ารู้แจ้งพระธิดาจะว่าขาน
แล้วหยิบพวงบุปผาสุมามาลย์โปรดประทานใส่กระทายให้ยายพลัน
ยายมาลีดีใจได้ยิ้มหัวชำระตัวย่างกรายแล่วผายผัน
แบกดอกไม้เดินเหย่าเข้าในวังไม่รอรั้ง.................................[15]
ถึงปราสาทพระบุตรีศรีสวัสดิ์พร้อมขนัดข้าหลวงดูไสว
ทั้งแสนสาวท้าวนางพวกข้างในต่างปราศรัยทักทายยายมาลี
นางเบือนพักตร์เห็นยายปราศรัยสารพจมานรับสั่งถึงสวนศรี
ยายมาลัยยอกรรับพระเสาวนีย์ยายมาลีเข้าถวายเจ้าสายใจ
นางพินิจพิศดูพวงบุปผาเห็นร้อยเป็นอาชาก็สงสัย
รูปบุรุษผุดผ่องงามประไพลงนั่งในหลังม้าอาชาชาญ
ดำริพลางนางถามตามสงสัยฤๅมาลัยเสี่ยงสัจอธิษฐาน
ยายร้อยฤๅใครใช้จึงให้การฉันไม่พาลความผิดอย่าคิดกลัว
ยายคำนับรับว่าหม่อมฉันร้อยตาช่วยสอยให้บ้างค่อยยังชั่ว
แต่ลำพังยังไม่ไว้ใจตัวตาก็มัวหลังก็เจ็บเป็นเหน็บชา
นางหลงกลคำยายหมายว่าแน่พินิจแลดูดวงพวงบุปผา
วันพรุ่งนี้แต่เช้ายายเข้ามาร้อยมาลาให้ฉันวันละพวง
ยายมาด้วยช่วยร้อยเป็นผู้ใหญ่แล้วจะได้ฝึกหัดเป็นข้าหลวง
ได้เป็นครูหมู่สุรางค์นางทั้งปวงแม้นล่อลวงปดโป้ฉันโกรธา
ยายมาลีได้ฟังรับสั่งตรัสประสานหัตถ์กรประนมก้มเกศา
กราบพระนุชบุตรีชุลีลาก็รีบมาถึงสวนรัญจวนใจ
เปิดประตูเข้าห้องให้ข้องขัดเอาผ้าปัดผงนอนถอนใจใหญ่
ให้หมกมุ่นขุ่นเคืองเรื่องมาลัยแกนอนเสียมิได้กินข้าวปลา
ฝ่ายตาเฒ่าเข้าไปมองแล้วร้องเรียกพระรถฟังสำเหนียกเดินมาหา
เห็นยายนอนบ่นออดทอดกายาพระนั่งลงตรงหน้าแล้วพาที
ตาก็มานั่งด้วยช่วยกันถามยายมาลีบอกความเป็นถ้วนถี่
พรุ่งนี้นัดเข้าไปในบุรีร้อยมาลีหน้าที่นั่งรับสั่งมา[16]
ร้อยไม่เป็นบ่เห็นบ่รู้อกกูแตกรู้แต่แรกก็มิได้เอาไปถวาย
ร้อยไม่ได้ก็ไม่อยู่จะสู้ตายหลังจะลายเมื่อแก่เป็นแน่นอน
พระรถฟังกับตาว่าอย่าทุกข์ยายจงลุกกินข้าวอย่าเศร้าหมอง
ไว้ธุระของหลานจะหว่านล้อมคดโอบอ้อมปดเขาพวกชาววัง
แม้นข้าหลวงสาวใช้มาเรียกหาให้ตาว่าไม่สบายอย่าผายผัน
เขามาเห็นบอกว่าเป็นมาหลายวันเป็นไข้สั่นเหลือทนกระวนกระวาย
ยายกับตาได้ฟังนั่งหัวเราะปัญญาพอดับร้อนให้ผ่อนหาย
พรุ่งนี้เขาคงออกมาเรียกหายายจะดีร้ายฟังดูให้รู้กัน
ปางพระนุชบุตรีในนิเวศผิดสังเกตคอยยายไม่ผายผัน
ร้องเรียกเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัลเห็นตะวันรุ่งสายยายไม่มา
พวกข้าหลวงออกไปดูให้รู้แน่ฤๅว่าแกเจ็บไข้ออกไปหา
วันนี้นัดไว้เป็นไรจึงไม่มานั่งคอยท่าจนสายก็หายไป
นางสาวใช้ได้ฟังรับสั่งตรัสชุลีหัตถ์ทูลลาอัชฌาศัย
เป็นการด่วนรีบร้อนไม่นอนใจตรงออกไปอุทยานไม่ช้าที
เห็นตาเฒ่าตักน้ำเที่ยวรดสวนก็รีบด่วนย่างเหย่าเข้าสวนศรี
แล้วปราศรัยถามหายายมาลีแกอยู่ดีตาบอกให้ออกมา
ตาได้ยินผินหน้าหันมาถามให้มาตามไปไหนอะไรขา
ยายเจ็บอยู่ไม่สบายหลายเวลาข้าจึงมารดน้ำแต่ลำพัง
ทั้งข้าวปลาอาหารกินไม่ได้ด้วยเป็นไข้วิงเวียนให้เหียนหัน
จงช่วยทูลมูลลิกาเหมือนว่านั้นถ้ากลางวันแล้วละเมอพูดเพ้อพก
นางสาวใช้ฟังแจ้งแถลงไขนึกในใจตานี้แกขี้ปด
ถึงป่วยไข้อย่างไรต้องให้พบนี่มาหลบซ่อนอยู่ว่ากระไร
คิดขัดใจก้มมองแล้วร้องเรียกเงียบสำเหนียกยายมาลีอยู่ที่ไหน
ขัดรับสั่งถือตัวไม่กลัวใครเป็นผู้ใหญ่ตอแหลทำแชเชือน
ฝ่ายตาอูได้ฟังที่ร่ำว่าช่างหยาบช้านี่กระไรใครจะเหมือน
ถ้าดีแล้วไม่พักมาตักเตือนอยากเล่นเพื่อนเหมือนอย่างเขาพวกชาววัง
ว่าตอแหลหลบลี้เที่ยวหนีหน้าข้าเป็นข้าของเจ้าเมื่อไรนั่น
ข้าเป็นข้าพระพระบุตรีที่ในวังถึงกริ้วบ้างปรามปราบไม่หยาบคาย
พวกข้าหลวงชี้หน้าว่าอุเหม่ตาเกเรหลังจะยับลงกับหวาย
มาขึ้นเสียงเถียงแทนยายแสนร้ายหลังจะลายยับป่นถึงต้นคอ
ป่านฉะนี้มิตายหรือยายเฒ่าเหลือแต่หนังกับเขาเอาเถิดหนอ
ยายมาลีได้ฟังค่อยรั้งรอทำลับล่อคลุมโปงก้งโค้งคลาน
พวกข้าหลวงแลไปว่าไอ้โม่งทำโยงโยงทีจะเผ่นทะเล่นหาง
ลงหมอบราบคาบแก้วแล้วก็วางตบมือผางผางนางสิงโตโผลงมา
ฝ่ายยายเฒ่าเจ้าเล่ห์ทำเสแสร้งออกยืนแกล้งสั่นเทาหนาวหนักหนา
เอามือป้องหน้ามองร้องหาตามาฝนยาให้บ้างเป็นอย่างไร
ฝ่ายตาผัวได้ยินคำเมียว่าแบกตะกร้าใบตำลึงทึ้งมาให้
แล้วทำยาทาหน้าผากตามยากไร้ไข้จังไรจับสั่นทุกวันคืน
เห็นข้าหลวงหน้าเก้อทำเรอแก้ตะลึงแลหันหน้าค่อยฝ่าฝืน
นั่นใครหนอมาสะพรั่งทั้งนั่งยืนทำแช่มชื่นทักทายไปไหนมา
นางสาวใช้ได้ฟังกำลังโกรธรับสั่งโปรดให้มาตามยายโม่งป่า
แค้นตาเฒ่าเจ้าผัวหัวกะลามาพูดจาขัดรับสั่งไม่บังควร
ยายเมียว่าอย่าถือแกเลยแม่เป็นคนแก่หลงไปมักไหลเลื่อน
แล้วเรียกหามานั่งที่บนเรือนพูดกลบเกลื่อนแก้ไขเป็นใจความ
พระรถซ่อนอยู่ในห้องเห็นข้องขัดประจงจัดดอกไม้หลายสถาน
ร้อยเป็นสวนบุปผาสุมามาลย์ร้อยสถานเคหาของตายาย
แล้วสำเร็จเสร็จสมอารมณ์ประสงค์แอบมาส่งยื่นให้เหมือนใจหมาย
ยายสมนึกตรึกไว้ได้อุบายส่งดอกไม้บอกแถลงแจ้งกิจจา
ครั้นไปถึงช่วยทูลให้ยายด้วยเพราะเจ็บป่วยฟูมฟักต้องรักษา
ซึ่งทูลนัดผัดไว้มิได้มาทรงเมตตายกโทษได้โปรดปราน
พวกข้าหลวงได้ฟังสั่งกำชับพากันกลับคืนไปในสถาน
ครั้นมาถึงปรางค์รัตน์ชัชวาลยกเอาพานบุปผาสุมาลี
ถวายนางโฉมยงเจ้าทรงซักใคร่ประจักษ์ฤๅว่ายายแกหน่ายหนี
ให้เรานั่งคอยค้างอยู่อย่างนี้นี่มาลีของใครเขาให้มา
นางสาวใช้ได้ฟังรับสั่งตรัสประสานหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
ทูลแถลงแจ้งอรรถตามสัจจายายมาลาเป็นไข้มาหลายวัน
แกสั่งให้ทูลฉลองละอองบาทแม้นกริ้วกราดเข่นฆ่าก็อาสัญ
ประทานโทษโปรดด้วยช่วยชีวันเป็นแม่นมั่นหายทันไม่อันตราย
จะมาเฝ้าพระธิดาเหมือนว่าขานพวงมาลัยใส่พานฝากถวาย
สิ้นข้อความตามเรื่องเคืองระคายนางโฉมฉายทัศนาพวงมาลี
แก้ออกเห็นเป็นเรื่องเคหาสถานอุบลบานมีในสระวารีศรี
แล้วเห็นรูปราชาทรงพาชีเป็นสวนศรีหันมาเป็นตายาย
พินิจดูทั่วดวงพวงบุปผากัลยาคิดไปฤๅทัยหาย
ชะรอยว่ายายเฒ่าเจ้าอุบายคิดมุ่งหมายแยบยลเป็นกลใน
ตำริพลางนางตรัสประภาษถามปีนี้ดอกไม้งามฤๅไฉน
นางข้าหลวงทูลฉลองให้ต้องฤๅทัยหม่อมฉันได้เห็นบุปผาจำปาปี
ทั้งนางแย้มสายหยุดพุทธชาดระดะดาษดอกลำดวนในสวนศรี
ทั้งยี่สุ่นบุนนาคก็มากมีมิรู้ที่จะเก็บมาน่าเสียดาย
นางโฉมยงทรงฟังรับสั่งว่าแม้นนิทราดึกดื่นจะตื่นสาย
พรุ่งนี้จะทูลลาไปหายายแล้วผันผายเข้าที่ด้วยปรีดา ฯ
◉ ครั้นอรุณรุ่งแจ้งแสงจำรัสนางกระษัตริย์แต่งองค์ทรงภูษา
ขึ้นเฝ้าองค์ทรงฤทธิ์พระบิดานางพญาสมถวิลด้วยยินดี
ฝ่ายท้าวยศสุนทรบวรนาถตรัสประภาษถามองค์นางโฉมศรี
แม่ไปไหนไม่มาหลายราตรีมาวันนี้จะประสงค์ที่ตรงไร
พระบุตรีทูลแถลงให้แจ้งอรรถด้วยกระษัตริย์สองพระองค์ยังสงสัย
เขาบอกว่ายายเฒ่าเฝ้ามาลัยแกป่วยไปหลายวันไม่บรรเทา
ฝ่ายสร้อยสุมาลีศรีสมรเป็นมารดรปลอบประโลมนางโฉมเฉลา
จะไปสวนจึงมาเวลาเช้าเลือกสาวสาวไปเป็นเป็นเพื่อนอย่าเชือนแช
พระบิตุรงค์ว่าระวังสั่งกำชับพวกเฒ่าแก่ไปกำกับอย่าห่างเห[17]
อีสาวสาวเจ้าคารมมันสมคะเนไถลเถลแส่หาเล่นตาชาย
อย่าไปไกลเล่นอยู่แต่ในสวนเวลาจวนบ่ายเบี่ยงจะเที่ยงสาย
พระบุตรีกราบหมอบทางยอบกายนางถวายทูลลากลับมาปรางค์
แล้วสั่งเหล่าสาวศรีพระพี่เลี้ยงบ้างส่งเสียงจ๊ะจ๋าบ้างขาขาน
ทั้งโขลนจ่าข้าหลวงเป็นอลหม่านไปสั่งการขอเฝ้าแลเจ้ากรม
ให้เตรียมวอช่อฟ้าหลังคาสีคอยอยู่ที่แถวทิมริมสนน
แล้วรีบกลับทูลแถลงแจ้งยุบลเข้าเตรียมพลพร้อมเสร็จสำเร็จการ
นางทรงฟังวาทีเข้าที่สรงชำระองค์ขัดสีฉวีสาง
กุณฑลเพชรปักมวยสวยสำอางดูเหมือนอย่างกินรินเมื่อลินลา
แล้วเรียกวอช่อฟ้าหลังคาสีเสียงอึงมี่หวั่นไหวทั้งซ้ายขวา
พวกข้าหลวงสาวสรรกัลยาบ้างวิ่งมาตามหลังออกพรั่งพรู
ตำรวจในไล่คนทั้งสองข้างมาตามทางโดยด่วนถึงสวนศรี[18]
หยุดประทับกับเกยเคยทุกทีแล้วนางสีวิกาจึงว่าพลัน
พวกผู้ชายรายระวังอยู่ข้างนอกใครเข้าออกกำชับให้กวดขัน
ถ้าไม่ทำเหมือนสั่งไว้อย่างนั้นเป็นแม่นมั่นจะฉลองให้ต้องตี
แล้วเชิญองค์พระบุตรีให้ลีลาศกำนัลนาถพี่เลี้ยงทั้งสองศรี
ทรงพระกลดถมยาราชาวดีส่วนสาวศรีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
ยายมาลีแลไปที่ในสวนเห็นแต่ล้วนเหล่าอนงค์บ้างส่งเสียง
พี่เลี้ยงเดินเรียงรอบ้างคลอเคียงยายแกเลี่ยงทำเป็นนอนเหมือนก่อนมา
แล้วบอกกับตาอู่อยู่ไม่ได้เห็นดีร้ายพระธิดาจะมาหา
จงไปซ่อนเสียให้ลับอยู่กับตาอันตัวข้าเจ็บอยู่ไม่สู้กระไร
ฝ่ายพระรถกับตาพากันหนีไปซ่อนที่พุ่มประยงค์ไม่สงสัย
พระพยักกวักเรียกมโนมัยอาชาไปซ่อนซุ่มในพุ่มรก
สีวิกาพาเดินตำเนินนาดแลประพาสสวนขวัญด้วยกันหมด
ถึงเรือนยายนั่งพร้อมน้อมประณตทรงกั้นกลดเยื้องย่างมาข้างกระได
สุมณฑายืนมองแล้วร้องเรียกเงียบสำเหนียกอยู่ฤๅว่าไปไหน
ยายมาลีแอบมองย่องออกไปทำเป็นไข้งกงันตัวสั่นรัว
ด้วยคิดกลัวนางจะโกรธทำโทษกรณ์[19]...................................................
..............................................................................................................
จึงกราบทูลโฉมยงนางนงลักษณ์เชิญหยุดพักเสียสักครู่พอแดดอ่อน
ประเดี๋ยวนี้ร้อนนักเราจักจรค่อยเหือดร้อนจึงเสด็จทรงเมตตา ฯ
◉ ยุพยงทรงฟังยายทูลสารเยาวมาลย์สรวลสันต์ด้วยหรรษา
แล้วขึ้นเรือนยายเฒ่าเฝ้ามาลาฉันคิดว่ามากมายวุ่นวายจริง
นางสีวิกาว่ายายไม่ตายดอกสุมณฑานางบอกว่าผีสิง
ต่างหัวเราะเยาะยายไม่หมายจริงสมรมิ่งทรงพระสรวลแล้วชวนยาย
นางยุรยาตรนาดนวลเข้าสวนขวัญนางกำนัลพี่เลี้ยงตามผันผาย
เห็นอะไรเสือกสนกระวนกระวายเก็บดอกไม้อื้อฉาวเสียงกราวเกรียว
นางโฉมยงหลงเพลินเจริญจิตแต่ยายคิดมุ่งมองพาท่องเที่ยว
สีวิกาว่ายายขยันเจียวแกพาเลี้ยวไปทางซุ้มพุ่มประยงค์
ลางนางบ้างก็เก็บเอาดอกแก้วได้แล้วทรามวัยใส่มวยผม
ลางนางบ้างก็เก็บดอกประยงค์เอายื่นส่งให้เพื่อนเหมือนผู้ชาย
ลางนางบ้างเก็บได้กาหลงใส่กระทงว่าฉันจะถวาย
ที่ลางนางแอบดูพวกผู้ชายทำยักย้ายใส่จริตข้างบิดพลิ้ว
นางโฉมยงทรงสอยดอกสร้อยฟ้าแล้วส่งมาให้ข้าหลวงทำพวงหิ้ว
ทั้งหนามเหนี่ยวเกี่ยวก้อยเป็นรอยริ้วอตส่าห์หิ้วเก็บห่อเอาพอการ
ฝ่ายตาเฒ่าเข้าซุ้มพุ่มพฤกษาเห็นเขามาผู้คนออกล้นหลาม
เห็นยายเมียเดินนำออกสำราญแกสั่งหลานกระซิบบอกอย่าออกไป
แล้วแหวกช่องมองดูพวกผู้หญิงทำทอดทิ้งกิริยาอัชฌาศัย
สองนางเมียงเคียงข้างไม่ห่างไกลก็มาใกล้ข้างซุ่มพุ่มประยงค์
แกแอบมองงันงกตกประหม่าพระธิดาเดินกลางเหมือนนางหงส์
พระกระซิบเบาเบาให้เทาลงเอามือทรงกดบ่าห้ามตาไว้
แล้วพระแอบมองบ้างตารั้งลากแกทำปากยุบยิบกระซิบให้
ไม่เจียมตัวกลัวเขาพวกชาวในจะทำให้เขาขายเอายายตา
พระทรงฟังนั่งมิไม่ปริปากด้วยว่าอยากเห็นอนงค์คิดสงสัย
เห็นตาเมินพระก็เมียงเลี่ยงออกไปหมายมิให้โฉมยงเจ้าสงกา
พระพินิจพิศวงนางนงนุชเห็นสิ้นสุดที่จะเปรียบประเทียบหา
ด้วยรุ่นสาวขาวผ่องติดต้องตาลัคนางามสิ้นทั้งอินทรีย์
ทำไฉนพี่จะได้เจ้าดวงสมรช่างอรชรล้ำเลิศประเสริฐศรี
ดังพระจันทร์ทรงกลดหมดราคีเหมือนเมรีโฉมงามให้ตามมา
งามละม้ายคล้ายกันกับขวัญเนตรพี่ทุเรศมาด้วยความเสน่หา
กระแอมไอให้เสียงไม่พูดจาพระธิดาหวั่นหวาดประหลาดใจ
พอเนตรน้องต้องเนตรหน่อกระษัตริย์สองกระหวัดไปด้วยคิดพิสมัย
นางชม้ายชายดูพระภูวนัยมิใช่ไพร่นวลละอองดังทองทา
ชะรอยเป็นสุริวงศ์พงศ์กระษัตริย์เสียสมบัติหรือมาเที่ยวแสวงหา
ตำริพลางย่างเยื้องชำเลืองมาแฝงพฤกษายืนแลอยู่แต่ไกล
พระผันแปรแลพบนางสบพักตร์กำเริบรักด้วยคิดพิสมัย
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายนางอายใจเสด็จไปที่สำนักตำหนักจันทน์
พระโฉมงามแลตามจนลับเนตรแสนเทวศรัญจวนหวนกระสัน
เห็นทรามเชยเลยไปเสียไกลกันต่างกระสันมิตรจิตมิตรใจ ฯ
             

◉ ฝ่ายโฉมทัศมาลีศรีสมรอุระร้อนไปข้างคิดพิสมัย
นางสั่งเหล่าสาวสรรกำนัลในเราจะไปเสียแต่วันไม่ทันเย็น
แล้วสั่งยายให้เก็บดอกไม้ด้วยยายไปช่วยร้อยมาลัยจะใส่เล่น
สีวิกาว่าฉันร้อยไม่เป็นสุมณฑาว่าฉันเห็นยายร้อยงาม
ต่างสำรวลสรวลสันต์ด้วยหรรษาพระธิดาเยื้องย่างมากลางสนาม
ขึ้นทรงวอสุวรรณมิทันนานเยาวมาลย์กลับหลังเข้าวังใน
ฝ่ายท่านยายนายสวนเห็นจวนค่ำบ่นงุมงำเรียกหาตาไปไหน
ฝ่ายพระรถกับม้าอาชาไนยก็กลับไปเคหาพร้อมตายาย ฯ
◉ ฝ่ายเจ้าทัศมาลีศรีสมรทิพากรส่องสว่างกระจ่างฉาย
ออกจากที่หวนคะนึงคิดถึงยายไม่ทันสายยายเฒ่าก็เข้ามา
เห็นโฉมยงลงคำนับอภิวาทน์พระนางนาฎสรวลสันต์ด้วยหรรษา
แล้วให้ยกดอกไม้ที่ได้มารับสั่งว่ายายร้อยฉันคอยดู
ยายมาลีได้ฟังแกนั่งนึกหัวอกเต้นตึกตึกจนใจอยู่
แต่กำเนิดมาหัวอกกูจะได้รู้ร้อยอะไรก็ไม่เป็น
สีวิกามาช่วยนั่งปลิดก้านสุมณฑาว่ายายวานช่วยสนเข็ม
แล้วส่งด้ายให้ยายหมายว่าเป็นอยากจะเห็นจะได้จำเป็นสำเนา
แล้วหยิบดอกไม้มองร้องว่าหนอนเอามาซ้อนดูลองร้องว่าเน่า
จะร้อยเป็นแข้งขาแกว่าเดาตั้งแต่เช้าจนเย็นไม่เป็นพวง
นางโฉมตรูรู้อุบายว่ายายแกล้งจำจะแสร้งซักไซ้ต้องไต่สวน
จะได้สมกับยายเฒ่าเจ้ากระบวนฟังสำนวนท่าทางจะอย่างไร
เห็นดอกไม้ยับย่อยล้วนรอยเข็มจะเอาเป็นเรื่องอะไรมันไม่ได้
เสียดอกไม้ใบตองกว่าสองไพทำไถลตำหมากอ้าปากเรอ
นางโฉมตรูรู้ว่าร้อยไม่ได้ทำยักย้ายเจ้าสำนวนกวนโทโส
ออกเกลื่อนกลาดกวาดกองไอ้กะโตอย่าปดโป้ขอถามแต่ตามจริง
ที่ร้อยเป็นพาชีมีเคหาใครให้มาแล้วยายอย่าได้นิ่ง
ถ้าปิดงำอำไว้มิให้จริงเหมือนไข้วิ่งหาหมอคอยรอยา
ยายมาลีตกใจแล้วไหว้กราบสารภาพพรั่นตัวกลัวนักหนา
จะทูลความตามเรื่องแต่แรกมาพระแม่อย่าแพร่งพรายให้ใครฟัง
คือหนุ่มน้อยจรมาขออาศัยมีแก่ใจเวทนาตาให้อยู่
ไม่เกียจคร้านมีจิตคิดเอ็นดูมิได้รู้แห่งหนตำบลใด
พระเทพีฟังคดีแล้วทำว่ายายอย่าเคลือบแฝงแหนงไฉน
แม้นทราบถึงบิตุรงค์พระทรงชัยคบมาไว้ความผิดจะติดตัว
แม้นไปถึงจึงถามให้ได้ข่าวถ้าทำฉาวจะฆ่าเสียทั้งเมียผัว
ยายมาลีเห็นไม่โปรดคาดโทษตัวทำยิ้มหัวทูลลากลับมาเรือน
แล้วบอกความตามสั่งมาทั้งหมดให้พระรถแจ้งคดีฟังถี่ถ้วน
นางซักไซ้ไถ่ถามตามกระบวนว่าไม่ควรคบหาเอามาไว้
แม้นทราบความตามเรื่องจะเคืองขัดอยู่จังหวัดธานีบุรีไหน
เป็นหน่อเนื้อเชื้อวงศ์หรือชาวไพรธุระไรจึงมาถึงธานี
พระทรงฟังคำยายให้ไถ่ถามไม่ทราบความไฉยามารศรี
มาพึ่งบุญยายตาก็ปรานีได้เป็นที่อุปถัมภ์ช่วยค้ำชู
ตัวคนเดียวเที่ยวมาอนาถาเหมือนกำพร้าสิ้นแกนแสนอดสู
นางโฉมยงสงสัยจะใคร่รู้ยายเอ็นดูช่วยถือหนังสือไป
แล้วร่างเรื่องศุภสาสน์เป็นการลับพอเสร็จสรรพจารึกผนึกสาร
อีกทั้งธำมรงค์รัตน์ชัชวาลถวายสาสน์จะได้เห็นเป็นสำคัญ
ยายมาลีดีใจได้หนังสือไม่อึงอื้อย่างกรายรีบผายผัน
ถึงตำหนักพระธิดาวิลาวัลย์พอนางผันผินพักตร์มาทักยาย
แกดีใจซ่อนสาสน์คลานเข้าใกล้ที่คิดไว้เห็นจะสมอารมณ์หมาย
กรประนมก้มหมอบพลางยอบกายแล้วถวายสาสน์ศรีด้วยปรีดา
นางโฉมยงทรงรับกับพระหัตถ์ศรีสวัสดิ์หวั่นจิตขนิษฐา
แล้วเลยเข้าปรางค์ในมิได้ช้าพระธิดาคลี่สาสน์ออกอ่านความ
ในสาสน์ทรงองค์พระรถบทเรศจากประเทศมิถิลามหาสถาน
มาอาศัยในสวนอุทยานขอประทานโทษาท่านตายาย
หมายพระนุชบุตรีศรีสมรดังจันทรเปล่งศรีฉวีฉาย
พระธำมรงค์กับมาลัยร้อยให้ยายมาถวายขวัญเนตรเหมือนเจตนา
อย่าหลงโกรธโทษยายเลยสายสมรพี่อาวรณ์ถึงมิตรขนิษฐา
แม้นขัดเคืองเรื่องมาลัยไฉนนาตอบสารามาสักน้อยจะร้อยเอย ฯ
◉ นางโฉมยงทรงฟังอักษรสาสน์เยาวมาลย์แอบอิงพิงเขนย
น่าบัดสีนี่กระไรยังไม่เคยจะนิ่งเฉยเสียก็เห็นไม่เป็นการ
แล้วหยิบพระธำมรงค์มาทรงหัตถ์แจ่มจำรัสต้องตำราเหมือนว่าขาน
ดูแดงก่ำน้ำพรายสายสังวาลสีสัณฐานราวกับปอกไม่หมอกมัว
ใครได้ไว้จำเริญเพลินสมบัติสารพัดคุ้มภัยไปได้ทั่ว
ถ้าแตกร้าวอย่าเอาไว้ใส่กับตัวจะพาชั่วชอกช้ำต้องรำคาญ
ชะรอยเป็นสุริวงศ์พงศ์กษัตริย์จากสมบัติมานิเวศเขตสถาน
แม้นมิตอบมธุรสพจมานก็สงสารคิดถึงแหวนแสนเสียดาย
แล้วหยิบสุวรรณบุปผาชาติมุกดาดาษหาราคาค่ามิได้
สำหรับปักมวยช้องของต้องใจเรืองอุไรเพชรประดับดูวับวาม
ดอกไม้ทองของฉันกับหนังสือจารึกชื่อปิดตราเหมือนว่าขาน
โปรดประทานให้ยายมิได้นานถวายสาสน์จะได้เห็นเป็นสำคัญ
ยายมาลีกราบคำนับแล้วรับสาสน์มิได้นานกลับไปเหมือนใจหวัง
มาถึงสวนรีบรุดไม่หยุดยั้งเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นไปจนปลาย
พระรับสาส์นของยุพินเห็นสิ้นเสร็จดอกไม้เพชรหยิบไว้เหมือนใจหมาย
แล้วคลี่สาสน์อ่านตามความอุบายขอถวายอภิวาทน์บาทยุคล
หม่อมฉันทัศมาลีศรีสมรเจริญพรศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล
ครั้นทราบสาสน์ว่าพระภูวดลต้องขวายขวนหม่อมฉันถวายดอกไม้ทอง
ซึ่งประทานธำมรงค์มาวงหนึ่งก็หมายพึงสาสน์เสนอบำเรอสนอง
ด้วยคลางแคลงแหนงในฤๅทัยปองผิดทำนองบทเบื้องเรื่องบูราณ
เชิญพระองค์จงกลับไปนคเรศยังประเทศมิถิลามหาสถาน
ให้ทูตามาประณตบทมาลย์ขอประทานทรงฤทธิ์พระบิดา
นี้และเห็นเป็นที่สถาผลประชาชนไม่มีใครครหา
แม้นสมหวังดังนึกที่ตรึกตราขอเป็นข้าเกือกทองรองธุลี
จะมาเล่นเพลงยาวกล่าวเพลงสั้นกระหม่อมฉันไม่ถนัดน่าบัดสี
จะขัดเคืองเรื่องมาลัยก็ไม่มียายมาลียกโทษไม่โกรธเอย
พระสดับสุนทรอักษรสาสน์พจมานเหลือดีจะมีไหน
แล้วจึงเขียนสาสน์ตอบด้วยขอบใจหวังจะให้โฉมตรูเจ้ารู้องค์
แล้วพับจีบรีบสลักตัวอักษรให้บังอรทรามสงวนนวลระหง
ยายมาลีรีบไปเหมือนใจจงถวายองค์พระธิดายุพาพาล
นางรับสาสน์อ่านสนองว่าน้องแก้วพี่มาแล้วยังจะให้ไปสถาน
แสนวิตกอกกรมมานมนานไม่สงสารพี่บ้างฤๅอย่างไร
แล้วจะให้ทูตถือหนังสือสาสน์มาว่าขานขอมิตรพิสมัย
พี่อยู่ถึงด้าวแดนก็แสนไกลเหลืออาลัยแล้วจึงมากับพาชี
ค่ำวันนี้พี่จะมาแล้วอย่าหลบขอให้พบกันกับน้องอย่าหมองศรี
พอจบสาสน์อ่านสิ้นพลางยินดีมิรู้ที่จะว่าขานประการใด
ยายมาลีดีใจกลับไปสวนพระรถชวนพูดจาอัชฌาศัย
พอพลบค่ำย่ำฆ้องเข้าห้องในพลางปราศรัยสนทนาด้วยตายาย
แล้วตรัสเรียกอาชาเข้ามาแจ้งเล่าแถลงเหมือนสาสน์มาขานไข
วันนี้นัดไว้กับนางที่ข้างในอาชาไปด้วยกันเหมือนสัญญา
พอได้ยินไก่ขันกระชั้นแจ้วกาเหว่าแว่วส่งเสียงสำเนียงจ้า
พระแต่งองค์ทรงนั่งหลังอาชาหอมบุปผากลิ่นเกลี้ยงเมื่อเที่ยงคืน
พระผันแปรแลหาปรางค์ปราสาทรุกขชาติน่าชมร่มระรื่น
พระจันทรแจ่มกระจ่างนภางค์พื้นพระแช่มชื่นเหาะตรงลงบัญชร
แล้วตรัสสั่งอาชาพลาหกต้นแก้วดกเป็นพุ่มจงซุ่มซ่อน
ระวังตัวกลัวภัยอย่าได้นอนพระจันทรล่วงลับจะกลับมา
หัสดรได้ฟังสั่งกำชับจึงกล่าวกลับตอบความตามภาษา
เชิญเสด็จให้สบายคลายวิญญาข้าอาชานี้เห็นไม่เป็นไร
พระรู้เท่าอาชานั้นว่าเปรียบค่อยเดินเลียบแกลทองอันผ่องใส
เงียบสงัดสาวสรรกำนัลในแต่ทรามวัยนั่งคอยร้อยมาลี
พระแฝงเงาตำหนักผลักบานเผยนางทรามเชยหวาดหวั่นมิ่งขวัญหนี
เหลียวผวาคว้าพวงสุมาลีพระสู่ที่แท่นทองเคียงน้องยา
นางถอยถดลดองค์ลงจากอาสน์พระภูวนาถกุมกรกนิษฐา
จะถอยหนีพี่ไยนะกัลยานางประหม่าเมียงเมินสะเทิ้นอาย
พระทรงโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ไม่พอที่หวาดหวั่นมิ่งขวัญหาย
ไฉนแหนงแคลงจิตคิดระคายเชิญโฉมฉายสู่ที่ด้วยพี่ยา
นางชม้ายอายองค์พระทรงศรประนมกรอภิวันท์ด้วยหรรษา
พอแลสบพบเนตรกษัตราเสน่หาปั่นป่วนให้ยวนยี
แล้วทูลถามตามประสงค์จำนงนึกพระมาดึกนัดไว้แล้วไม่หนี
จะใคร่ทราบในพระทัยร้ายฤๅดียายมาลีเป็นทูตมาพูดแทน
พระสดับวาทินยุพินถามจึงยกความก่อนเก่าเล่าแถลง
ไม่ปิดบังมิ่งมิตรอย่าคิดแคลงใช่จะแกล้งล่อลวงเอาท่วงที
ว่าพลางทางประโลมโฉมเฉลาอะไรเล่าเฝ้าปัดแต่มือพี่
พระจุมพิตชิดชวนให้ยวนยีมารศรีป้องปัดสลัดกร
พลางสวมสอดกอดน้องประคองเคล้าค่อยต้องเต้าพุ่มพวงดวงสมร
ทางอิงแอบแนบชิดสนิทนอนสโมสรเสน่หายุพาพาน
สองภิรมย์สมสนิทพิศวาสภูวนาถแนบชิดขนิษฐา
ต่างปราศรัยไถ่ถามกันสองราครั้นค่ำมาเช้าไปได้หลายวัน ฯ
◉ ฝ่ายสองรานารีเป็นพี่เลี้ยงตะวันเที่ยงย่างกรายต่างผายผัน
เข้าเฝ้าองค์พระธิดาวิลาวัลย์เห็นผิวพรรณมัวหมองดังต้องชาย
ทั้งจริตผิดกว่าแต่ก่อนเก่าพระฉวีศรีเศร้าไม่เฉิดฉาย
คิดพลางทางทูลเป็นแยบคายหมอบชม้ายนางเห็นตรัสเป็นที
วันนี้พี่สีวิกามาแต่เช้าฉันหนาวหนาวไม่สบายอยู่ในที่
ให้แน่นเหน็บเจ็บทั่วทั้งนาภีมาวันนี้เป็นน้อยดูค่อยคลาย
สุมณฑาว่ายาหมอข้างที่หอมอย่างดีโอสถบดถวาย
สีวิกาหยิบถ้วยมาละลายแล้วถวายทรามเชยเสวยยา
แล้วทูลเชิญโฉมยงให้สรงเสวยเหมือนอย่างเคยฟูมฟักคอยรักษา
แล้วทรามเชยเลยไปที่ไสยากษัตราสวมสอดกอดพระน้อง
แล้วถามว่าใครมาเมื่อตะกี้นางว่าพี้เลี้ยงหม่อนฉันมาทั้งสอง
ครั้นจะไม่คิดอ่านออกหว่านล้อมไข้สมยอมบอกป่วยเป็นด้วยเคราะห์
พระจุมพิตชิดชมภิรมย์สวาทแสนฉลาดดังว่าจะพาเหาะ
ต่างเซ้าซี้ยียวนชวนฉอเลาะแสนเสนาะสองสมภิรมยา ฯ
◉ ฝ่ายสองรานารีพระพี่เลี้ยงเห็นสายเที่ยงฟังสำเหนียกคอยเรียกหา
แล้วสั่งเหล่าสาวสรรกัลยาพระธิดาไม่สบายมาหลายวัน
เวลานี้อย่าคะนองจะต้องกริ้วใครบิดพลิ้วคบเพื่อนเตือนสันหลัง
แม้นดึงดื้อถือดีว่ามิฟังใครพลาดพลั้งก็จะทูลให้วุ่นวาย
แล้วสองนางเยื้องย่างเข้าข้างที่จัดพระศรีโอสถบดถวาย
เครื่องสุคนธ์ปนทองละอองพรายแล้วก้มกายแหวกวิสูตรไม่พูดจา
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาทร่วมไสยาสน์แนบชิดขนิษฐา
นวลละอองผ่องพักตร์ลักขณาสีวิกาแข็งขึงตะลึงกาย
แล้วถอยออกนอกวิสูตรพูดไม่ออกกระซิบบอกเบาเบาเล่าขยาย
พระบุตรีคบชู้อยู่กับชายเราก็หมายว่าเจ็บเป็นเหน็บชา
สุมณฑาได้ยินสิ้นสติลงนั่งมิคิดคำนึงแล้วจึงว่า
จะคิดฉันใดดีสีวิกาก็หมายว่าทรามสงวนไม่ควรเป็น
ทั้งสองนางอัดอั้นให้ตันอกยิ่งวิตกในจิตไม่คิดเห็น
ก็สุดแต่ผลกรรมต้องจำเป็นไม่รู้เห็นด้วยสักน้อยต้องพลอยตาย
ฝ่ายองค์พระธิดาไสยาตื่นนางแช่มชื่นด้วยสมอารมณ์หมาย
ลงจากแท่นที่สุวรรณพรรณรายจึงผันผายสระสรงทรงสุคนธ์
แล้วยุรยาตรนาดกรอ่อนแฉล้มตรัสยิ้มแย้มด้วยสุรางค์นางสนม
สองพี่เลี้ยงเคียงข้างต่างปรารมภ์แล้วนิ่งก้มหน้านึกค่อยตรึกตรอง
พระธิดาเห็นผิดคิดประหลาดก็ยุรยาตรเลยไปเสียในห้อง
สองนารีพี่เลี้ยงเคียงประคองเห็นได้ช่องลับตาจึงพาที
โอ้พระนุชบุตรเจ้าพี่เอ๋ยไฉนเลยนวลละอองมาหมองศรี
เป็นไรแก้วแววตาไม่พาทีจะบอกพี่แต่สักหน่อยไม่น้อยใจ
ทูลพลางโหยไห้พิไรร่ำจะทำกรรมให้พี่หรือไฉน
แม้นทราบถึงบิตุรงค์พระทรงชัยไหนจะไว้ชีวาคงฆ่าตี
สู้สนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษาจนใหญ่กล้าหมายจะฝากแต่ซากผี
มิขออยู่สู้ตายวายชีวีเป็นกรรมแล้วแก้วพี่จะขอลา
นางโฉมยงทรงฟังก็สังเวชสุชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ฉันผิดจริงแล้วพี่สีวิกาสุมณฑายอดสร้อยจึงน้อยใจ
จะคิดฉันใดดีเล่าพี่เอ๋ยก็ได้เลยแล้วกรรมจะทำไฉน
ทั้งชอบผิดย่อมรู้อยู่แก่ใจน้องจะใคร่ผูกศอให้มรณา
ทั้งสองนางตกใจแล้วไหว้กราบจะเป็นบาปกรรมไปเมื่อภายหน้า
ปลอบประโลมโฉมศรีวิยะดาต่างโศกาจ้ำจี้พิรี้พิไร
ครั้นวายโศกนางกลับไปสู่ห้องถึงแท่นทองบังคมประนมไหว้
แล้วทูลความตามจริงทุกสิ่งไปพระเนาในแท่นทองกับน้องยา
สีวิกามาเห็นจึงเป็นเหตุน่าสมเพชทรงศักดิ์เป็นหนักหนา
แม้นทราบถึงทรงฤทธิ์พระบิดาก็จะมากริ้วโกรธทำโทษภัย
นฤบาลฟังสารแจ้งประจักษ์ด้วยนงลักษณ์บอกตรงไม่สงสัย
เจ้าไปบอกสองนางมาข้างในพี่จะใคร่ถามลวงดูท่วงที
นางดีใจไปพาเข้ามาเฝ้าต่างน้อมเกล้ากราบประณตบทศรี
พระเห็นหน้าสีวิกาคิดปรานีแล้วจึงมีเทวราชประภาษพลัน
ให้ตามมาหารืออย่าถือผิดมิได้คิดรังเกียจข้างเดียดฉันท์
จะรักน้องสองเจ้าให้เท่ากันขอเจ้าขวัญนัยนาจงปรานี
อันโทษพี่มีผิดจะคิดไฉนจะปรับไหมแล้วแต่น้องทั้งสองศรี
ถ้าแม้นไม่เมตตาจะฆ่าตีพระแท่นที่นี้และเหมือนเป็นเรือนตาย
สองพี่เลี้ยงนบนอบตอบสนองรู้ทำนองนึกไว้เหมือนใจหมาย
จึงเสแสร้งแกล้งทูลบรรยายคนทั้งหลายรู้สิ้นจะนินทา
พระผิดด้วยสิ่งไรจะให้ปรับไม่เสียทรัพย์ก็ได้สมปรารถนา
ด้วยตั้งจิตคิดไว้แต่ไรมาก็หมายว่างามพักตร์จะรักยศ
จะชอบผิดปิดไว้มิได้ว่าพระเมตตาเสียทั้งนั้นด้วยกันหมด
ทูลพลางทางชม้อยช้อยชดมิรู้หมดคำขำน่ารำคาญ
พระธิดารู้ทีสองพี่เลี้ยงทูลบ่ายเบี่ยงพจนาจึงว่าขาน
แม้นทราบถึงทรงศักดิ์จักรพาลจะคิดอ่านแก้ไขฉันใดดี
ถึงตัวน้องจะตายก็ไม่ว่าจะก้มหน้าสู้ม้วยไปเมืองผี
ขอพระองค์ทรงศักดิ์ช่วยภักดีสองพี่นี้ชุบเลี้ยงให้เที่ยงธรรม์
พระฟังนางช่างคิดสนิทสนมอย่าปรารมภ์จะถนอมเป็นจอมขวัญ
ทั้งร่วมคิดร่วมรู้คู่ชีวันให้ป่วนปั่นไปตามด้วยความรัก
สีวิกาแน่งน้อยนวลศรีพระบุตรีให้เป็นคนปรนนิบัติ
สุมณฑาหมอบกรานอยู่งานพัดต่างเปลี่ยนผลัดทุ่มยามตามเวลา ฯ
◉ จะกล่าวถึงเสนาพวกอำมาตย์เที่ยวประพาสตรวจไปในสถาน
มาเห็นม้านิลดำสวยสำอางดูต้องอย่างผิดกับม้าอาชาไนย
ต่างพากันด้อมมองร้องให้จับม้าขยับผกผันหันเข้าใส่
คำรนร้องเผ่นโผนโจนออกไปพระรถได้ยินสำเนียงเสียงอาชา
พระแฝงหน้าแกลทองมองเขม้นไม่ทันเห็นคนพิทักษ์อยู่รักษา
พอแลพบสบหน้าพวกเสนาดังหนึ่งว่าต้องศรสะท้อนทรวง
พระถอยหลังลงนั่งบัลลังก์รัตน์พงศ์กระษัตริย์ทุกข์ใจเป็นใหญ่หลวง
ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเจ้ากระทรวงครรไลล่วงกลับมาแล้วพาที
เมื่อตะกี้เห็นคนบนปราสาทผิดประหลาดกันกับเหล่าพวกสาวศรี
หนึ่งพระราชบุตรชายก็ไม่มีดูท่วงทีผิดกับเขาพวกชาวใน
อำมาตย์ใหญ่ได้ฟังนั่งฉงนจะว่าคนในบูรีฤๅที่ไหน
จงฟังหูไว้หูคอยดูไปด้วยเป็นในปราสาทพระราชวัง
กองตระเวนนายตรวจอยู่หมวดไหนหน้าที่ใครมัวเที่ยวไม่เหลียวหลัง
จึงมิได้ตรวจไตรระไวระวังผิดก็หลังมันเองไม่เกรงกลัว
ค่ำวันนี้จะไปดูให้รู้แน่เห็นเที่ยงแท้จะได้ทูลพระอยู่หัว
แต่ลำพังยังไม่ไว้ใจตัวได้เห็นทั่วจะได้ลือสีมือเรา
แล้วสั่งให้คนยกกระยาหารสุราบานใส่สำรับกินกับข้าว
เป็ดพะแนงแกงเทโพโตไม่เบาหยิบขวดเหล้ารินสุราออกมากิน[20]
ฤทธิ์สุราพาจิตฟุ้งซ่านมิทันนานเสวกาก็มาถึง
ต่างปรึกษาหารือไม่อื้ออึงคงทราบถึงเจ้าอยู่หัวกลัวมันไย
แล้วพากันเข้าไปในนิเวศน์คอยฟังเหตุการณ์จะมีอยู่ที่ไหน
แลเห็นพวกนั่งยามไม่ตามไฟทำไมไม่เที่ยวตรวจทุกหมวดกอง
แล้วเดินมาข้างปรางค์นางกระษัตริย์เงียบสงัดยืนฟังอยู่ทั้งสอง
ได้ยินเสียงกรากกรุกลุกขึ้นมองดูตามช่องแกลสลักไม่ทักทาย
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาทกับนุชนาถเคียงกันเหมือนมั่นหมาย
ได้เห็นแท้แน่จริงทั้งหญิงชายก็ผันผายกลับหลังเข้าวังใน
ฝ่ายท้าวยศสุนทรบวรนาถก็ยุรยาตรสู่พระโรงวินิจฉัย
พร้อมอำมาตย์มาตยาเสนาในน้อมถวายดุษฎีชุลีกร
อำมาตย์ใหญ่คลานก้มบังคมบาทอภิวาทน์บาทมูลทูลฉลอง
เอาหนังสือขึ้นถวายเหมือนใจปองพอได้ช่องถอยหลังฟังโองการ ฯ
             

◉ ฝ่ายพระองค์ทรงฟังก็รู้แจ้งดังศรแผลงปักทรวงประหารผลาญ
เสียดายองค์พระธิดายุพาพาลจะใคร่ผลาญเสียให้ม้วยไปด้วยกัน
แสนวิตกอกช้ำเป็นน้ำหนองพระตรึกตรองเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึงตรัสเรียกเสนาเข้ามาพลันข้อสำคัญเอ็งเห็นเป็นอย่างไร
เสนากราบบาทมูลทูลฉลองขอเดชะฝ่าละอองอย่าสงสัย
เกล้ากระหม่อมเห็นแท้แน่ในใจอำมาตย์ได้แอบดูอยู่ด้วยกัน
พระนิ่งฟังอำมาตย์คนอาจหาญรู้ชำนาญมนต์เวทวิเศษขลัง
ทั้งแกล้วกล้าล่องหนคงกระพันปรึกษากันกับท้าวเจ้านคร
แม้นได้ทีตีจับอย่ายับยั้งมัดไพล่หลังเอามาข้างหน้าก่อน
อำมาตย์กราบสามทีชุลีกรนรินทรเคืองแค้นแสนทวี
แล้วเลยเข้าข้างในมิได้ตรัสโทมนัสเลยไปเสียในที่
ฝ่ายเสนาอำมาตย์ราชกวีออกจากที่ต่างมาปรึกษากัน
ครั้นพลบค่ำย่ำมัวทั่ววิถีขุนเสนีกับอำมาตย์ก็ผายผัน
ร้องเรียกหาบ่าวไพร่ไปด้วยกันพอไก่ขันสามยามตามเวลา
แล้วพากันขึ้นปรางค์นางกระษัตริย์อำมาตย์จัดเทียนข้าวตอกดอกบุปผา
ทั้งภูตพรายกายสิทธิ์วิทยาร้องเรียกมาปลุกเสกทำเลขยันต์
แล้วเข้านั่งภาวนามหาสะกดก็หลับหมดดังตายไม่ใฝ่ฝัน
สมคะเนเสนาเข้ามาพลันจับไว้มั่นรวบรัดมัดพระกร
แล้วคลี่คลายร่ายมนต์ให้รู้สึกได้สำนึกพากันผันผยอง
ทั้งเสนาอำมาตย์ก็พรั่งพร้อมสงสารจอมจักรพรรดิกษัตรา
ไม่รู้ตัวมัวหลับเขาจับมัดนางกระษัตริย์แทบชีวังจะสังขา
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรกัลยาไม่รู้ว่าแซ่สำเนียงเสียงอะไร
อำมาตย์พามาหน้าพระลานหลวงคนทั้งปวงโจษกันเสียงหวั่นไหว
บ้างก็ว่าเห็นทีจะมีภัยแต่ยังไม่รู้ชัดเขามัดมา
สงสารหน่อบพิตรอดิศรให้เร่าร้อนถึงมิตรขนิษฐา
แสนอดสูหมู่อำมาตย์มาตยาต่างวิ่งมาอื้ออึงคะนึงไป
ฝ่ายเสนามาเฝ้าละอองบาทอภิวาทน์ทูลแจ้งแถลงไข
พระทรงฟังคั่งแค้นแน่นฤๅทัยเสด็จไปเกยชาลาหน้าพระลาน
แลเห็นหน่อสุริวงศ์พงศ์กระษัตริย์ตบพระหัตถ์สรวลสันต์แล้วบรรหาร
ว่าฮ้าเฮ้ยเป็นไฉนจงให้การจึงอาจหาญเข้าปราสาทพระราชวัง
นี้ถิ่นฐานบ้านเมืองมึงอยู่ไหนก็บอกไปตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึงกล้าหาญชาญชัยใจฉกรรจ์กูจะฟันเสียให้ยับลงกับกร
เป็นไรจึงนิ่งเฉยไม่เงยหน้าเขามัดมาเหมือนกับลิงในสิงขร
ไม่อดสูหมูหมาไอ้วานรมาซุ่มซ่อนลอบลักใครชักพา ฯ
◉ พระหน่อไทได้ฟังก็ทูลสาสน์อาชาชาญเหาะเร่ทางเวหา
กิตติศัพท์เล่าลือระบือชาว่าธิดาของท้าวเจ้านคร
พระรูปโฉมงามประโลมสำอางพักตร์จึงลอบลักมาประสบพบสมร
ขอพระองค์ทรงฤทธิ์เหมือนบิดรจงผันผ่อนเมตตาทรงปรานี
พระทรงฟังดังสายสุนีฟาดยิ่งกริ้วกราดว่าได้ไม่บัดสี
ให้สุดแสนแค้นใจใช่พอดีประเดี๋ยวนี้กูฟังกำลังเพราะ
มันเห็นในจิตคิดไฉนทำไมไม่เรียกอาชาให้พาเหาะ
มานั่งง่วงงึมเหงาให้เขาเยาะน่าหัวเราะเจ้าชู้ประตูกลาง ฯ
◉ ฝ่ายโฉมสร้อยสุมาลีศรีสวัสดิ์แจ้งรหัสขุ่นหมองด้วยสองศรี
เสด็จด่วนตามหาพระสามีรีบจรลีออกมาหน้าพระลาน
แลเห็นหน่อสุริวงศ์พงศ์กระษัตริย์นางทูลทัดมีจิตคิดสงสาร
พลางพินิจพิศดูพระกุมารมัดประจานรัดรึงไว้ตรึงตรา
ชะรอยเป็นหน่อเนื้อในเชื้อแถวดังดวงแก้วส่องสว่างกระจ่างหล้า
ราวกับเพชรเรือนทองทั้งสองราวาสนาลูกรักจึงหากเป็น
พินิจพลางนางทูลพระทรงศรจงงดก่อนบาปกรรมอย่าทำเข็ญ
จงแก้มัดคลี่คลายให้วายเว้นต่อจะเป็นสุริวงศ์พระองค์ไร
พระฟังนางทางว่าชะมาขอช่างยกยออยากได้ไว้เป็นเขย
เมื่อมันทำเคืองเข็ญไม่เห็นเลยเขาจะเย้ยเยาะเล่นเป็นตำรา
ทั้งพวกเราเหล่านี้ฟังเถิดเหวยพึ่งมาเคยพบเห็นเหมือนเป็นบ้า
ท่านแม่ยายคิดสมเพชเวทนาไอ้ลูกเขยมันจะฆ่าพ่อตาตาย
ตรัสแล้วสั่งนายเพชฌฆาตมันสามารถเป็นทีจะหนีหาย
ตระเวนถ้วนสามวันดังบรรยายฆ่าให้ตายก็ไม่พ้นคนนินทา
ตรัสพลางทางไปเสียในที่ขุนเสนีเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา
บ้างแก้มัดรัดรึงที่ตรึงตราแล้วพามามอบไว้ให้ผู้คุม
นางพญามาปรางค์พระลูกแก้วพอถึงแล้วเห็นยังกำลังวุ่น
ทั้งสาวศรีพี่เลี้ยงออกชุลมุนนั่งเป็นกลุ่มปรึกษาฝูงนารี
ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวาทเข้ากอดบาทบงกชบทศรี
ทรงกันแสงโศกศัลย์พันทวีซบสัญญีภาวะนิ่งไม่ติงองค์
พระมารดาอาลัยใจจะขาดเสียงหวีดหวาดสาวสุรางค์นางสนม
แซ่สำเนียงเสียงร้องก้องระงมพระทรามชมกอดบุตรสายสุดใจ
โอ้แม่ทัศมาลีของแม่เอ๋ยกรรมเจ้าเคยก่อสร้างไว้ปางไหน
สองพระกรช้อนเกศนางทรามวัยกันแสงไห้ร่ำรักภคินี
โอ้ลูกเอ๋ยเป็นไรจึงไม่ตรัสเจ้ามาตัดเยื่อใยอาลัยหนี
ให้แม่แสนโศกซ้ำระกำทวีเจ้าจึงหนีเด็ดเดี่ยวไปเดียวดาย
ฤๅขวัญเมืองเคืองจิตที่ผิดพลั้งแม่ก็ยังรักอยู่ไม่รู้หาย
ธรรมดาว่าจริงหญิงกับชายก็ย่อมหมายสู่สมภิรมย์เชย
อกใครที่จะเป็นเหมือนเช่นข้ายิ่งซ้ำแสนเวทนานิจจาเอ๋ย
จงกลับมาหาแม่เถิดทรามเชยไม่โกรธเลยจะทำขวัญให้กัลยา
นางโศกาอาดูรพูนเทวศน่าสมเพชลูกรักเป็นหนักหนา
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรกัลยาต่างก็มานวดฟั้นคั้นประคอง
บ้างโบกลมพรมสุคนธ์ให้รวยรื่นค่อยแช่มชื่นวรกายสายสมร
ด้วยพรั่นตัวกลัวผิดพระบิดรชุลีกรกราบพระชนนี
เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของลูกแก้วได้ผิดแล้วสารพัดจะบัดสี
แม้นทรงฤทธิ์บิดาจะฆ่าตีพระชนนีโปรดช่วยลูกด้วยรา
นางสวมสอดกอดแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
ทั้งความรักความแค้นแน่นอุรานางพญารับขวัญด้วยทันใด
โอ้ลูกเอ๋ยแม่นี้หมายว่าตายแล้วความเสียดายลูกแก้วเป็นไหนไหน
จงบอกความตามจริงทุกสิ่งไปแม่จะได้ทูลขอไม่มรณา
นางคำนับรับรสพจนารถให้หวั่นหวาดในจิตขนิษฐา
จึงทูลความตามเรื่องแต่แรกมาก็หมายว่าจะไม่เป็นถึงเช่นนี้
นางฟังบุตรสุดใจให้สงสารพจมานปราศรัยนางโฉมศรี
แม่จะไปเฝ้าองค์พระจักรีฟังร้ายดีว่าขานประการใด
แล้วลินลามาปรางค์นางกระษัตริย์โทมนัสมัวหมองไม่ผ่องใส
สีวิกาพี่เลี้ยงนางทรามวัยเข้ามาใกล้แอบชิดพระธิดา
สุมณฑาว่าเราจะคิดไฉนเขาเอาไปคุมขังไว้ข้างหน้า
ถ้าแม้นถ้วนสามวันดังพรรณนาเขาจะฆ่าภูวไนยเสียให้ตาย
พระธิดาได้ฟังยิ่งสังเวชน่าสมเพชคิดไปให้ใจหาย
ทรงกันแสงโศกศัลย์บรรยายทั้งเจ็บอายจองจำทำประจาน
ยังมิหนำซ้ำสั่งให้ฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยราวกับไฟไหม้สังหาร
สีวิกาไปแถลงให้แจ้งการจะว่าขานคิดอ่านประการใด
พี่เลี้ยงนั่งอยู่ไม่เป็นสุขด้วยความทุกข์เหลือแหล่เกินแก้ไข
ทั้งเงินตราผ้าผ่อนท่อนสไบลอบออกไปบนเขาให้เบาบาง
มาถึงองค์ภูวไนยไหว้ประณตยิ่งรันทดจิตใจให้สงสาร
ไม่เคยยากตรากตรำทำประจานจึงทูลสาสน์ด้วยสมเพชเวทนา
พระหน่อไทได้ฟังยังฉงนจะมาบนทำไมให้เขาว่า
แม้นถึงที่ผลกรรมได้ทำมาจะก้มหน้าสู้ตายวายชีวี
วิตกแต่โฉมฉายสายสวาทจะอนาถตายเป็นไม่เห็นผี
หนึ่งองค์พระบิดาให้ฆ่าตีแล้วแต่ที่เคราะห์กรรมต้องจำเป็น
จงช่วยตามอาชามาให้พบนางคำรพออกมาพอม้าเห็น
จึงบอกความตามวิบากด้วยยากเย็นฉันพึ่งเห็นภูวไนยใช้ให้มา
อาชาฟังสงสัยจึงไถ่ถามให้มาตามไปไหนนี่นายขา
สีวิกาว่ามาไปเถิดพี่ม้าแล้วพามาถึงหน่อธิบดี
พระเห็นม้าอาดูรพูนเทวศสุชลเนตรไหลนองด้วยหมองศรี
แล้วบอกความตามเรื่องคดีมีพี่พาชีจงไปหาพระอาจารย์ ฯ
◉ อาชาฟังคั่งแค้นแสนพิโรธกำลังโกรธอยากจะเหาะไปสังหาร
น้อยฤๅช่างจองจำทำประจานคิดสงสารพระหน่อธิบดี
แล้วนิ่งนึกว่าเราก็เจ้าเคราะห์จะใคร่เหาะเหยียบปราสาทให้ป่นปี้
ได้ดูหน้าไอ้ท้าวเจ้าบุรีจะพาหนีเหาะบนหัวกลัวมันไย
แล้วสั่งความตามจิตคิดสงสารไปไม่นานดอกน้องอย่าร้องไห้
ก็รีบออกนอกวังได้ดังใจจึงเหาะไปตามภาษาของพาชี
สีวิกานารีพระพี่เลี้ยงรีบหลีกเลี่ยงเลยไปข้างในที่
นายผู้คุมเรียกหาแล้วพาทีเชิญมานี่หม่อมนายไปไหนมา
พี่เลี้ยงฟังนั่งใกล้ทำไขสือไม่รู้ฤๅวุ่นวายข้างฝ่ายหน้า
นางโฉมยงทรงใช้ให้ออกมานึกเหมือนว่ากันเองอย่าเกรงใจ
จงเอ็นดูอย่าให้อยู่ในคุมขังจงปล่อยบ้างตามอัธยาศัย
เงินสิบชั่งห้าตำลึงให้ถึงใจยกออกให้แพรผ้าจงพาที
อย่าจองจำทำเธอให้สาหัสจะเคืองขัดพระธิดามารศรี
จงอัชฌาอาศัยเป็นไมตรีเพราะเท่านี้ดอกนายจึงหมายมา
ผู้คุมฟังว่าไม่เป็นไรแม่จะดูแลฟูมฟักให้หนักหนา
ด้วยถ้อยทีมีจิตคิดเมตตารีบกลับมาทูลพระภูวไนย
พระฟังนางค่อยเบาบรรเทาจิตเจ้าจงคิดผันแปรช่วยแก้ไข
ตัวคนเดียวเช้าเย็นไม่เห็นใครนางกราบไหว้ทูลลากลับมาวัง
แล้วทูลองค์นงลักษณ์เจ้าซักถามก็ทูลความแต่ต้นเหมือนหนหลัง
นางทราบความพ่างเพียงพระทรวงพังเจียนจะคลั่งเลยไปที่ไสยา
ฝ่ายอาชามาถึงพระอาศรมคิดปรารมภ์ย่องเหย่ารีบเข้าหา
เที่ยวเมียงช่องบรรณศาลาพระสิทธาหลับอยู่ไม่รู้องค์
อาชามองร้องเรียกพระนักสิทธิ์ประตูปิดฤๅว่าไปในไพรสณฑ์
คิดฮึดฮัดขัดใจเที่ยวไล่ค้นพระชีต้นเจ้าขาพระอาจารย์
พระมุนีชาญชัยในไตรลักษณ์จึงถามทักว่าใครปราศรัยสาร
อาชาฟังตอบไปมิได้นานพระรถหลานหน่อไทใช้ให้มา
พระดาวบสจดจ้องมองเขม้นจะมาเล่นผลไม้ฤๅไรหวา
แล้วก้าวออกนอกบรรณศาลาอ่อไอ้ม้าฤๅมาเรียกออกเพรียกไป
หัสดรเข้าใกล้จึงไขสารพระอาจารย์แปลกฤๅจำไม่ได้
แล้วบอกว่าองค์พระรถยศไกรเดี๋ยวนี้ไปติดคุกสนุกสบาย
พระมุนีดีใจปราศรัยสารม้าของหลานนึกได้ดังใจหมาย
ลูกหัวปีดีจริงหญิงฤๅชายเมื่อปีกลายมันไปได้เมรี
........................................................................................................
....................................................[21]มาปีนี้ได้ลูกช่างปลูกเพาะ
ไม่เสียทีหว่านพืชจะเอาผลสามปีสองคนดูเหมาะเจาะ
จับไม้เท้าเดินพลางทางหัวเราะจะไปเสาะผลผลาเอามาไว้
อาชาเห็นทีหลงแล้วจึงว่าหลานให้มาตามนิมนต์ไปจนได้
พระรถต้องตรากตรำเขาจำไว้ไม่เข้าใจฤๅเจ้าคุณพระมุนนี
พระนักสิทธิ์ได้ฟังว่าช่างเขาไม่ใช่การของเราเป็นฤๅษี
เขาผัวกันเมียกันจะทุบตีประเดี๋ยวก็ดีกันเองครื้นเครงไย
หัสดรถอนใจไม่ได้เรื่องสุดจะเคืองเหลืออัธยาศัย
คิดแล้วก็ลำพองร้องขึ้นไปเขาจับได้ต้องขังอยู่วังใน
พระดาวบสวี่แว่วเข้าแก้วหูจึงได้รู้ข้อความตามสงสัย
มโนมัยเล่าแถลงก็แจ้งใจนิมนต์ไปเถิดเจ้าขาพระอาจารย์
พระมุนีดีใจไปสิหวาเวทนาหนึ่งเล่าเขาเป็นหลาน
แล้วเข้าไปในห้องมิทันนานสาแหรกคานเก็บไว้ในกุฎี
เอาแต่พัดกับไม้เท้าของดาวบสรักษาพรตตามจริตกิจฤๅษี
ก็ออกนอกศาลาไม่ช้าทีพระมุนีเรียกอาชาแล้วว่าพลัน
เอ็งรู้แห่งเดินทางกลางเวหาฤๅจะพาเดินไปในไพรสัณฑ์
อาชาว่ามาไปเถิดนักธรรม์เราพากันเหาะไปเป็นไรมี
แล้วก้มลงทำท่าจะพาเหาะเดินดีดเดาะเข้าหาตาฤๅษี
นิมนต์นั่งหลังข้าม้าพาชีพระฤๅษีหัวร่ออยู่งองัน
เป็นชีบานาสงฆ์ขี่ไม่ได้เอ็งเหาะไปข้าจะจับหางไว้มั่น
แล้วเผ่นโผนโจนจากที่หน้าบันก็พากันเหาะเร่ขึ้นเมฆี
ลอยละลิ่วปลิวไปในเวหาพระสิทธาปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
เห็นเสือสิงห์ลิงค่างบ่างชะนีคชสีห์แรดช้างในกลางดง
ทั้งเนื้อนกโผผินบ้างบินร่อนบ้างก็จรจับไม้บ้างไซ้ขน
มยุราพาฝูงขึ้นบินบนพระชีต้นเหาะมาพอสายัณห์
ถึงเขาสูงฝูงหงส์อยู่ไสวเหาะลงไปสำนักในไพรสัณฑ์
ครั้นรุ่งแสงสุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณก็พากันเหาะมาถึงธานี
จึงหยุดดูผู้คนอยู่ข้างนอกเดินเข้าออกเขาจะว่าตาฤๅษี
ขึ้นอาศัยในศาลาข้างธานีตัวข้านี้จะไปบอกให้รู้
แล้วรีบมาถึงเจ้าเล่าแถลงพระรถแจ้งสั่งให้พักอยู่สักครู่
จึงบอกความตามว่าที่ม้ารู้จะได้ดูท่าทางจะอย่างไร
จงไปบอกพระเจ้าตาให้พาเหาะลงจำเพาะหน้าพระลานทวารไข
อาชาฟังพาทีก็ดีใจจึงออกไปราธนาพระอาจารย์
แล้วอาชาพาข้ามกำแพงเหาะลงจำเพาะเกยชาลาตรงหน้าฉาน
ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์จักรพาลดูอาการสิทธากับพาชี
แล้วยุรยาตรออกพระโรงวิเชียรฉายเสนานายน้อมประณตบทศรี
พระเอื้อนอรรถว่าเจ้าคุณพระมุนีนิมนต์ข้างนี้เถิดเจ้าขาพระอาจารย์
พระมุนีปรีดาฟังอนุญาตขึ้นนั่งอาสน์ร่วมบัลลังก์ใคร่ฟังสาร
พระน้อมเศียรจบพระหัตถ์ขึ้นมัสการแล้วโองการปราศรัยเป็นไมตรี
ผู้เป็นเจ้ามาไยในนิเวศฤๅภัยเพทอย่างไรในไพรศรี
ฤๅผลไม้วายฤดูไม่สู้มีหนึ่งพาชีที่มาม้าของใคร
พระดาบสฟังกระษัตริย์เธอตรัสถามก็ตอบตามพจนาอัชฌาศัย
ซึ่งบพิตรถามมาว่าม้าใครรูปนี้ไม่ปิดความบอกตามจริง
ม้าของหลานอาตมาพามาเฝ้าพระผ่านเกล้าโภไคเป็นใหญ่ยิ่ง
อาชาไปบอกความรูปตามจริงทำยุ่งยิ่งขึ้นอย่างไรที่ในวัง
คือเจ้ารถสุริวงศ์พงศ์กระษัตริย์มาข้องขัดเคืองเข็ญเป็นมหันต์
อาชาแจ้งกิจจาสารพันอันโทษทัณฑ์แล้วแต่พระภูวไนย
ฝ่ายท่านท้าวเจ้าเมืองอันเรืองยศฟังดาวบสแคลงจิตคิดสงสัย
ตำริพลางทางตอบว่าขอบใจมาแต่ไหนหักหาญทำราญรอน
ฤๅว่าเป็นหน่อเนื้อในเชื้อสายมาทำร้ายจึงสั่งขังไว้ก่อน
ถ้าแม้นถ้วนสามวันจะฟันฟอนด้วยโทษกรณ์เหลือล้นคณนา
พระมุนีเล่าแจ้งแถลงไขคือหน่อไทรถสิทธิ์มารอิจฉา
มันแกล้งใช้ให้พระรถไปเก็บยานางนนทาแม่เลี้ยงไม่เที่ยงธรรม์
จึงไปได้เมรีไม่มีบุตรก็สิ้นสุดมรณาชีวาสัญ
จึงสั่งความตามมาในป่าวันว่าจอมขวัญชื่อเจ้าทัศมาลี
นางเป็นบุตรของท้าวเจ้านิเวศได้แจ้งเหตุแล้วอย่าว่าตาฤาษี
มิใช่คนอื่นไกลเมื่อไรมีเพราะเท่านี้รูปจึ่งมาด้วยการุญ
พระทรงฟังดังได้พบพระเชษฐาอนิจจาหลานชายทำวายวุ่น
นี่กุศลจงเจาะเพราะเจ้าคุณมาเคืองขุ่นแทบจะฆ่าบรรดาตาย
เหวยเสนาไปถอดพระหลานขวัญอันโทษทัณฑ์สิ่งไรมิได้หมาย
เสนาพร้อมน้อมคำนับด้วยกลับกลายรีบผันผายถอดพระหน่อธิบดี
มาเฝ้าองค์ทรงศักดิ์กับนักสิทธิ์ท้าวเพ่งพิศลงจากพระแท่นที่
กุมพระกรให้มานั่งข้างมุนีทรงโศกีกอดหลานสงสารนัก
อนิจจาอาไม่รู้จึงขู่เข็ญว่าเจ้าเป็นสุริวงศ์อันสูงศักดิ์
ช่างเหมือนพระเชษฐาหนักหนานักได้รู้จักเพราะเจ้าคุณพระมุนนี
พระหน่อไทลงคำนับอภิวาทน์แล้วกราบบาทอัยกาตาฤๅษี
พระสัจจพันธ์เถรายิ่งปรานีเอามือขยี้เช็ดน้ำตาโศกาลัย
ครั้นค่อยคลายหายความโทมนัสจอมกระษัตริย์สั่งเหล่านางสาวสรร[22]
ให้ตามอัครชายาออกมาพลันนางกำนัลทูลลาไม่ปรานี
มาถึงปรางค์นางกระษัตริย์แล้วทูลไขนางทรามวัยเคืองแค้นแสนบัดสี
ด้วยโกรธองค์ภัสดาไม่พาทีแล้วเทวีจำใจจึงไคลคลา
เห็นพระองค์ทรงศักดิ์กับนักสิทธิ์กุมารชิดหมอบนั่งอยู่ข้างขวา
นางจบพระหัตถ์มัสการพระสิทธาพระมหาโคดมก็ยินดี
พระหน่อไทกราบคำนับอภิวาทน์อยู่ริมบาทอัยกาตาฤๅษี
พระนักธรรม์เล่าแถลงแจ้งคดีมเหสีกราบก้มประนมกร
ฝ่ายพระองค์ทรงเล่าให้ประจักษ์บอกนงลักษณ์เรื่องราวแต่เก่าก่อน
นี่พระรตยนณะสิทธ์เป็นบิดร[23]กับบังอรตะเกียงทองน้องสุดท้าย
นางมีบุตรชื่อเมรีศรีสวาทงามสะอาดเลิศล้ำในต่ำใต้
นางนนทามาขอไปเลี้ยงไว้กับมาได้กับพระรถว่าคดโกง
เพราะนนทามาทำให้จำจากกรรมวิบากพลัดไปจึงตายโหง
พระเชษฐามัวเมาเฝ้าตะโกรงขุดอุโมงค์ขังพี่น้องสิบสองนาง ฯ
             

◉ ฝ่ายนางสร้อยสุมาลีศรีสมรฟังสุนทรภูวไนยเธอไขสาร
เมื่อแต่แรกจองจำทำประจานเดี๋ยวนี้หลานภูวไนยไปไหนมา
ได้ทูลทัดขัดไว้จึงได้โกรธกลับเป็นโทษแคะไค้พิไรว่า
จำทำไมไยมิทำไม่ลำพากลับมาว่าสำทับให้ยับเยิน[24]
พระฟังนางทางว่าอย่ามาไขนี่เพราะใครเล่าเจ้าว่าวจึงเหลิง
ขี้เกียจเถียงเพลี่ยงพล้ำพูดซ้ำเติมทำชั้นเชิงป่วยการหลานของเรา
พระมุนีปราศรัยจึงไกล่เกลี่ยมิได้เสียน้ำเนื้อในเชื้อไข
จะปลูกฝังลูกหลานสถานใดดูให้ได้ฤกษ์พาเวลาดี ฯ
◉ กรุงกระษัตริย์ขัตติยาจึงปราศรัยหวังจะให้เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
อันเยี่ยงอย่างกษัตราครองธานีได้เป็นที่สรรเสริญเจริญยศ
อันศรชัยไพร่ผู้ดีที่สังเกตกระเดื่องเดชลือชาได้ปรากฏ
ยกศรชัยคู่เมืองอันเรืองยศให้ปรากฏฤทธาด้วยบารมี
พระมุนีปรีดาว่าสาธุขอให้ลุโดยจิตกิจฤๅษี
ต่างยินยอมพร้อมใจด้วยไมตรีจัดแท่นที่ไว้สำหรับได้หลับนอน
ทั้งสององค์จึงสั่งพระหลานรักจงหยุดพักกับมุนีอยู่นี่ก่อน
อาจะไปจัดแจงแต่งนครให้ถาวรเป็นสุขสนุกสบาย
สองกระษัตริย์เบิกบานสำราญจิตได้ดังคิดชื่นชมก็สมหมาย
กลับสู่แท่นที่สุวรรณพรรณรายครั้นเช้าสายออกพระโรงมิทันนาน
พร้อมเสนาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์อยู่ดื่นดาษกรุงกระษัตริย์ตรัสบรรหาร
ให้จัดแจงปลูกโรงพิธีการโดยประมาณกว้างยาวสิบเก้าวา
ทั้งการเล่นเต้นรำเตรียมสำหรับที่ประทับปลูกไว้บ้างที่ข้างหน้า
กับที่ไว้ศรสิทธิ์เรืองฤทธาเครื่องบูชาเตรียมสำหรับไว้รับรอง
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จเข้าในที่ขุนเสนีบาดหมายจำหน่ายของ
ทั้งโรงเล่นเต้นรำทำสำรองโรงเทพทองโขนหนังตั้งศรัทธา
พุ่มดอกไม้ไฟพะเนียงละครโขนทั้งกลองโยนหุ่นหนังคอยตั้งท่า
พวกไม้สูงซอมีลัดเล่นทัดทากระอั้วมาแทงควายมีหลายพรรณ
แล้วสำเร็จเสร็จสรรพกลับเข้าเฝ้ากราบทูลเจ้ากรุงไกรไอศวรรย์
พระทรงฟังเสนาบัญชาพลันสั่งกำนัลนักสนมกรมใน
ให้จัดแจงแต่งเครื่องจะทำขวัญกะเกณฑ์กันตามประสาอัชฌาศัย
พวกวิเสทเกณฑ์ยืมของสำรองไว้แล้วท้าวไทปรึกษาโหราจารย์
ฝ่ายโหรเฒ่าเข้าใจไสยเวทได้ทราบเหตุกรุงกระษัตริย์ท้าวตรัสถาม
พิเคราะห์ดูดวงชะตาพะงางามจะเกิดความข้างต้นร้ายข้างปลายดี
จะฟุ้งเฟื่องเรืองเดชได้ปรากฏเกียรติยศเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
อันเคราะห์โศกโรคภัยมิได้มีจะเป็นที่สรรเสริญเจริญยศ
พระฟังโหรคูณหารการภิเษกจึงบอกเอกชายากับดาบส
ทั้งเครื่องทรงมงกุฎให้พระรถพระดาบสจัดแจงแต่งกุมาร
นางโฉมยงแต่งองค์พระลูกแก้วให้ผ่องแผ้วขัดสีฉวีสาง
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรกำนัลนางเข้าเคียงข้างปรนนิบัติคอยพัดวี
พระบิตุรงค์แต่งองค์ให้หลานขวัญสังวาลวัลย์ตาบประดับสลับสี
จินดาดวงพวงเพชรเม็ดมณีพระฤๅษีนั่งมองร้องว่างาม
แล้วหยิบผ้าเจียรบาดคาดเข็มขัดเพชรรัตน์น้ำพราวขาวกระจ่าง
ทับทิมแนมแซมสลับดูวับวามประจำยามอินทรธนูห้อยพู่เพชร
แล้วนิมนต์พระมุนีให้ลีลาศกำนัลนาฏนางห้ามตามเสด็จ
ถือหีบหมากนากทองกินกล่องเพชรพอสรรพเสร็จจะไปดูภูวไนย
พระมุนีขี่วอให้คนหามพวกที่ตามเกณฑ์แห่แลไสว
พระเจ้าอากับพระรถยศไกรขึ้นนั่งในรถทรงอลงการ
มเหสีขี่วอกับลูกรักมาพร้อมพรักกึกก้องในท้องสนาม
พวกเกณฑ์แห่แลสล้างมาตามทางเหล่าขุนนางอัดแอกันแซ่เซ็ง
ทั้งผู้ดีเข็ญใจก็ไปด้วยเอาใจช่วยท่านเอ๋ยไม่เคยเห็น
เมื่อแรกมากรรมวิบากต้องยากเย็นนี่บุญแล้วจะได้เห็นเป็นขวัญตา
ต่างดีใจได้ดูเมื่อยกศรราษฎรเหิมฮึกนึกหรรษา
ฝ่ายพระองค์พงศ์กระษัตริย์ขัตติยาเสด็จมาเกยประทับก็ยับยั้ง
พวกท้าวนางต่างก็ไปอยู่ในที่แหวกมู่ลี่เมียงมองตามช่องกั้น
พระบุตรีพี่เลี้ยงนางกำนัลขึ้นอยู่ชั้นเบื้องบนกับชนนี
กรุงกระษัตริย์กับหน่อวรนาถขึ้นสู่อาสน์บนพลับพลาหลังคาสี
พระดาบสว่าพระหน่อธิบดีอันศรนี้ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร
แม้นใครมีบุญญาภินิหารจึงบันดาลฤทธิรอนยกศรได้
ฝ่ายท่านท้าวเจ้าเมืองอันเรืองชัยแต่พอได้นาฬิกาตีห้าโมง
ให้หลานรักนักสิทธิ์ขึ้นสู่ที่จุดอัคคีจวงจันทน์ควันโขมง
เสียงฆ้องกลองก้องเสียงเพียงจะโซมบ้างถาโถมต่างชิงกันวิ่งกรู
พระหน่อนาถอาจองขึ้นทรงศรราษฎรเถียงกันสนั่นหู
ทั้งสาวแก่แม่หม้ายที่ไปดูตำรวจขู่ห้ามไปไพร่ผู้ดี
พวกท้าวนางข้างในเอาใจช่วยที่รูปสวยแอบดูอยู่ในที่
พระธิดาอาลัยใช่พอดีขอให้มีชัยสิทธิ์ฤทธิไกร
ฝ่ายพระหน่อสุริวงศ์ผู้ทรงเดชชำเลืองเนตรเห็นมิตรพิสมัย
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายใจแล้วนั่งใกล้ศรสิทธิ์เรืองฤทธา
ยกพระหัตถ์อธิษฐานกับเทเวศทุกขอบเขตเขาใหญ่ไพรพฤกษา
หนึ่งพระคุณบิตุเรศพระมารดาคุณสิทธาฝึกสอนแต่ก่อนไร
ถ้าแม้นจะสำเร็จไปภายหน้าขอให้ข้าสมประสงค์ยกจงได้
อันหนึ่งทัศมาลีนางทรามวัยชาติก่อนได้คู่สร้างกับนางมา
พอขาดคำรำพันอธิษฐานเดชฌานบารมีอันแก่กล้า
ก็ยกขึ้นด้วยพลันมิทันช้าพระมารดาร้องไปยกได้แล้ว
พระเจ้าอาว่าให้ลอยอีกหน่อยพ่อจงแข็งข้อไว้ให้มั่นพระหลานแก้ว
พระมุนีแลไปเห็นไวแววยกสูงแล้วสามศอกบอกคุณโยม
พวกคนดูไหว้บุญพ่อคุณเอ๋ยสมเป็นเขยกษัตราสง่าโฉม
ท่ายกศรดั่งจะคล้อยลอยโพยมงามประโลมเลิศลบภพไกร
กระนี้เจ้าพารามิน่ารักประยูรศักดิ์น้ำเนื้อเป็นเชื้อไข
เมื่อแรกดั่งชีวันจะบรรลัยเดี๋ยวนี้ได้ลือตลอดเป็นยอดรัก
เป็นกุศลหนหลังท่านทั้งสองคงได้ครองเสมาอาณาจักร
พวกท้าวนางข้างในต่างคึกคักพระทรงศักดิ์เปรมปรีดิ์ดีพระทัย
พอวางศรกรจูงพระหลานขวัญก็จรจรัลสู่โรงพิธีใหญ่
ให้นั่งเหนือกองแก้วอันแววไวเคียงกันไปกองสุวรรณอันบรรจง
ให้ธิดามานั่งอยู่ทั้งสองเสียงฆ้องกลองก้องกึกโกลาหล
ทั้งโหราพราหมณ์เฒ่าเข้ามณฑลเจริญผลศรีสวัสดิ์กษัตรา
พระมุนีอวยชัยไสยเวทชัยเดชศักดิ์สิทธิฤทธิ์มหา
ชัยพุทธสรณังมังคลาเป็นมหาสุขสวัสดิ์กำจัดภัย
พระบิตุราชมาตุรงค์พระวงศาต่างก็มาอวยพรประสิทธิ์ให้
จงเจริญศรีสวัสดิ์เดโชชัยได้เป็นใหญ่ยอดกระษัตริย์ขัตติยา
แล้วจุดเทียนเวียนวงต่างส่งรับตามลำดับเรียงรายทั้งซ้ายขวา
แล้วโบกควันให้ต้องทั้งสองราเจิมพักตราเป่าปัดสวัสดี
ทั้งสององค์จงสุขสถาผลประชาชนสรรเสริญอยู่อึงมี่
โขนละครมอญรำพวกชาตรีโมงครุ่มตีอีลัดเต้นทัดทา ฯ
◉ แมงกอนใหญ่ไล่เลี้ยวสิงโตเผ่น[25]มุ่งเขม้นหนีขยับกลับตั้งท้า
แมงกอนไล่พัลวันสิงห์หันมาโถมถลาชิงช่วงดวงมณี
ถ้วนสำเร็จเจ็ดวันการสมโภชต่างปราโมทย์ปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
พระดาบสจึงว่าไม่ช้าทีด้วยรูปนี้แต่มาสิบห้าวัน
ทิ้งกุฎีวิหารการกุศลเป็นกังวลด้วยสงสารพระหลานขวัญ
ต้องเป็นห่วงบ่วงใยไปทั้งนั้นอยู่ใกล้กันฤๅจะได้เวียนไปมา
ขอฝากหน่อสุริย์วงศ์ผู้ทรงฤทธิ์ถึงชอบผิดจงงดอดโทษา
ด้วยเชื้อวงศ์พงศ์พันธุ์ต่อกันมาจงเมตตาช่วยบำรุงให้รุ่งเรือง
จะดำรงราชัยไปภายหน้าจงรักษาเกียรติยศให้ฟุ้งเฟื่อง
หนึ่งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งปวงจงหนักหน่วงเมตตาด้วยปรานี
ดังร่มโพธิ์ไปมาได้อาศัยเขาจะได้สรรเสริญทั้งกรุงศรี
บัญญัติยั้งตั้งมั่นที่ขันตีจะเป็นที่บางเบาบรรเทาทุกข์
เอาใจใส่ในพระพุทธศาสนาให้ศรัทธายิ่งกว่านี้บริสุทธิ์
หนึ่งพระสงฆ์พระธรรมแลพระพุทธอันผ่องผุดเลิศลบพระภพไตร
หนึ่งศีลห้าปาณาอย่าฆ่าสัตว์จึงบัญญัติแต่เท่านี้เป็นนิสัย
ความทุกขังอนิจจาไม่ว่าใครอนัตตานี้ให้รำพึงคิด
ไม่เที่ยงแท้แก่เฒ่าทั้งเราท่านอย่าหมายมั่นโลภหลงเร่งปลงจิต
หนึ่งพระไตรสรณาจงเป็นนิตย์รักษาจิตหมายประโยชน์พระโพธิญาณ
กรุงกระษัตริย์จบพระหัตถ์ขึ้นสาธุอยากใคร่ลุพระธรรมกรรมฐาน
แต่แรกหวังพระธิดายุพาพาลคือบ่วงมารรัดรึงอยู่ตรึงตรา
ประเดี๋ยวนี้ค่อยคลายสบายจิตอยากจะคิดบวชเสียบ้างเหมือนอย่างว่า
เป็นอยู่นิดกีดอยู่หน่อยโยมสีกาเวทนาไม่มีเพื่อนมักเชือนแช
นางพญาว่าดิฉันไม่อยากทุกข์จะสนุกก็เมื่อครั้งเป็นสาวแส้
ประเดี๋ยวนี้แก่หอบหมอบกระแตจะบวชแน่แล้วนิมนต์ไปจนตาย
ฉันเห็นบวชแต่เจ้าจอมหม่อมสาวสาวบวชแต่เช้าแล้วยังวนอยู่จนสาย
ถือศีลสิบหยิบวางไว้ข้างกายคิดเบื่อหน่ายละประเทศนิเวศวัง
สามกระษัตริย์ทรงพระสรวลสำรวลเย้ยท้าวเมินเฉยดูเหล่านางสาวสรร
แล้วบัญชาว่ากับพระนักธรรมเป็นไรฉันบวชไม่ได้หรือไรนา
แม้นบวชจริงต้องวิ่งไปวุ่นวัดขี้เกียจขัดคอใครพิไรว่า
พระมุนีสรวลสันต์จำนรรจาหัวเราะร่าเลิกกันเท่านั้นเอง
สี่กระษัตริย์โสมนัสด้วยผ่องใสมีใจมัธยัสถ์ค่อยครัดเคร่ง
ว่าตั้งแต่นี้ไปดีฉันเองต้องคิดเกรงภัยข้างหน้าอนาคต
พระมุนีมีจิตคิดสงสารจงสำราญด้วยกันทั้งนั้นหมด
จงปกป้องครองเมืองให้เรืองยศทั้งพระรถอยู่ดีอย่ามีภัย
ลาแล้วเหาะไปในเวหากษัตรากราบก้มประนมไหว้
ดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจท้าวมิได้ยั้งหยุดถึงกุฎี ฯ
◉ พระบิตุเรศมารดามาปราสาทพระหน่อนาถปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
ทั้งโฉมยงนงนุชพระบุตรีดุษฎีกราบกรานพระมารดา
นางกระษัตริย์โสมนัสแล้วปราศรัยแม่ขอบใจทรงยศโอรสา
จงปกป้องครองกันอย่าฉันทาจงเมตตาน้องหญิงอย่าทิ้งกัน
แต่แม่ทัศมาลีไม่ขี้หึงถึงโกรธขึ้งอย่างไรไม่ผายผัน
ทั้งแสนสาวเหล่าสุรางค์นางกำนัลอย่าป้องกันหวงห้ามตามสบาย
พระเจ้าอาว่าขี้คร้านรำคาญหูใครไม่รู้กลบเกลื่อนซ่อนเงื่อนสาย
ไม่รู้กลเสือเฒ่าเจ้าอุบายใครมักง่ายแล้วก็พานัยน์ตาเฟือน
นางพญาขัดเคืองชำเลืองค้อนการแคะค่อนไม่มีใครผู้ใดเหมือน
เขาสั่งสอนลูกรักช่วยตักเตือนไม่เลื่อนเปื้อนเหมือนอย่างท้าวเจ้าพิภพ
พระบัญชาว่าอาสู้ไม่ไหวว่ายังไงก็ยังนั้นด้วยกันหมด
นกก็นกไม้ก็ไม้แต่ปลายคดลงน้อมขดอยู่ในหวดอวดความรู้
นางพญาว่าไม่เบื่ออย่าเชื่อฉันเฝ้าขัดกันฉันขี้คร้านรำคาญหู
ส่วนพระหลานราวกับพระสพัญญู[26]ไม่เจ้าชู้เหมือนอย่างเล่าพระเจ้าอา
กรุงกระษัตริย์ทรงพระสรวลสำรวลตรัสขี้เกียจขัดกันทำไมกับยายบ้า
ช่างขี้หึงนี่ไม่หยอกออกระอาเขาว่าบ้าแล้วก็โกรธเที่ยวโทษกัน
หน่อกระษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงพระสรวลต่างสำรวลปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์
พาลูกเขยเลยมาตำหนักพลันพระสุริยันเลื่อนลับยุคุนธร
ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์อันทรงศักดิ์บำรุงรักโฉมฉายสายสมร
ถนอมแนบแอบนางพลางสุนทรสโมสรเสน่หายุพาพาล
ถึงเวลาขึ้นเฝ้าเจ้านิเวศรักษาเขตกรุงไกรในสถาน
ราษฎรเสนาพฤฒาพราหมณ์ก็มีความชื่นทั่วทุกตัวคน ฯ
◉ ส่วนลูกสาวนายตะรางข้างนิเวศได้ทราบเหตุการณ์วิวาห์สถาผล
ชื่อเข็มทองพี่ยานฤมลยังอีกคนไหมทองน้องคนกลาง
ที่สามชื่อเจ้าสายทองพี่น้องร่วมครรภ์กันทั้งสาม
ทั้งบิดรมารดาพะงางามไม่ห้ามปรามตามใจแต่ไรมา
ค่าธรรมเนียมไม่น้อยตั้งรอยชั่งมีมั่งคั่งกว่าขุนนางพวกข้างหน้า
เมื่อพระรถเป็นโทษโจทตะนา[27]เพื่อนอุตส่าห์รับรองช่วยป้องกัน
แต่เข็มทองลูกยาไปมาสู่ได้ร่วมชู้เชยชมภิรมย์ขวัญ
ได้เป็นเมียเสียตัวจึงพัวพันมาวันนั้นคิดถึงคะนึงนัก
ตั้งแต่แล้วการวิวาห์สถาผลเราคนจนฤๅจะทำไม่รู้จัก
เมื่อยามทุกข์รักใคร่อาลัยนักฤๅทรงศักดิ์สิ้นอาลัยไม่ไยดี
ไม่คิดถึงเมื่อมาเวลาทุกข์ได้เป็นสุขฤๅจะอางขนางหนี
นางนิ่งนึกในอุราไม่พาทีรุ่งพรุ่งนี้แล้วจะไปที่ในวัง
ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างแจ้งนางจัดแจงนุ่งห่มด้วยสมหวัง
เรียกไหมทองน้องสาวเล่าให้ฟังไปในวังเที่ยวเล่นก็เป็นไร
แล้วผัดหน้าทาจันทน์กระแจะแป้งผ้าก้านแย่งหยิบให้น้องห่มกรองไหม
แหวนประดับเรืองรองทองอุไรตุ้มหูใส่เฟืองมะยมทางห่มเพลาะ
สร้อยตะพายแต่ละสายตะโพกลากกินหีบหมากถมยาเห็นว่าเหมาะ
แพรสีนวลซับในสไบเพลาะเดินเหย่าเหยาะเข้ามาลาบิดาตัว
ท่านหมื่นยงคงผู้คุมคาดถุงไถ้หมายจะไปเกาะอีดีมันหนีผัว
ท่านทองดีมารดาเข้ามาครัวทั้งยำคั่วคาวหวานใส่จานรอง
เห็นลูกสาวนั่งลงยกมือไหว้จะไปไหนตามกันมาทั้งสอง
ส่วนสายทองน้องเล็กเด็กคะนองพี่เข็มทองไปไหนไปด้วยคน
ฝ่ายมารดาว่าไปไม่ได้ดอกผีมันหลอกอยู่ที่ทางข้างถนน
สายทองถามว่ามันมีอยู่กี่คนผีเป็นคนฤๅแม่เห็นแก่ตา
หมื่นยงพ่อหัวร่อฟังลูกสาวเออช่างเอามาแต่ไหนพิไรว่า
พอกลางวันเจ้าตุ๊กตามาซื้อสักห้าหกชั่งไว้นั่งมอง
นางดีใจกอดคอคุณพ่อจ๋าซื้อแล้วพาอุ้มเล่นตามบ้านช่อง
ฝ่ายธิดานารีสองพี่น้องลาทั้งสองแม่พ่อมาหอกลาง
เรียกบ่าวไพร่หลายคนมาตามหลังไปในวังเรียกกันสนั่นหู
ลงจากเรือนรีบออกนอกประตูเดินเป็นหมู่ดูระเบียบด้วยเรียบร้อย
ไม่แง่งอนอ่อนสำอางเหมือนอย่างหุ่นผู้มีบุญเห็นก็รักไม่พักถอย
ตุ้มหูเพชรเม็ดมะยมระย้าย้อยเดินชม้อยท่าทางเหมือนนางใน
เข้าในวังบ่าวไพร่ก็ไปมากถือหีบหมากถมยาอัชฌาศัย
เห็นพี่เลี้ยงเมียงมองอยู่ห้องในสีวิกาจำได้ร้องเรียกทัก
ต่างดีใจไหว้บุญกันทั้งสองเข้าในห้องสนทนาวิสาสะ
ตั้งแต่แล้วเลิกการนานหนาจ๊ะพึ่งมาปะวันนี้ฉันดีใจ
สีวิกาว่าฉันอยากจะไปหาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้
จะไปมาหากันทุกวันไปไม่มีใครเปลี่ยนตัวฉันกลัวนัก
สุมณฑานั้นเขาหมั่นเฝ้าแหนปันเขตแดนกันไม่เบาเขาก็หนัก
ทุกวันนี้วิตกในอกนักฉันแทบจักออกให้ขาดราชการ
ฝ่ายเข็มทองยิ้มละมัยพูดไขสือเขาก็ถือว่าท้าวรักสมัครสมาน
วันยกศรฉันก็มาเป็นช้านานแต่ขี้คร้านค้อนควักจะทักทาย
สีวิกาว่าเรานี้เจ้าเคราะห์เขามั่นเหมาะไปเสียหมดเที่ยวจดหมาย
เห็นโปรดใครเสือกสนกระวนกระวายใครดีร้ายทูลเสนออำเภอใจ
เมื่อวานนี้ฮอลันดาเข้ามาเฝ้าก็ขนเอาแพรผ้าเข้ามาให้
ทั้งเพชรนิลจินดาล้วนจาระไนเอาแจกให้แต่เจ้าจอมหม่อมชั้นเล็ก
พวกเรานั่งแหงนเถ่อเก้อเสียเปล่าปัญญาเขาผ่อนปรนคนสนิท
ทั้งเข้านอกออกในให้ใช้ชิดอี่เจ้ากรรมมันจะปิดประตูค้า
ส่วนเข็มทองฟังแถลงก็แจ้งอรรถจะทิ้งสัดถือถังเหมือนยังว่า
ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจแต่ไรมาฉันไม่ว่าคอยดูพระภูวไนย
สีวิกาเข็มทองชวนน้องรักไปตำหนักพระธิดาอัชฌาศัย
แล้วพากันเยื้องย่างเข้าข้างในเห็นทรามวัยพระธิดายุพาพาล
ทั้งสามนางกราบก้มประนมไหว้นางปราศรัยเบือนพักตร์มาทักถาม
สีวิกาทูลแถลงให้แจ้งความคนนี้นามเข็มทองพี่น้องกัน
บุตรหมื่นยงคงผู้คุมอยู่ข้างนอกเคยเข้าออกไปมาหาหม่อมฉัน
นางโฉมยงทรงฟังก็ทราบพลันหมื่นยงนั้นมีลูกอยู่กี่คน
ช่างเหมือนกันดังจะเถือเอาเนื้อหนังอยู่ด้วยกันเถิดจะให้เขาฝึกฝน
สั่งไปด้วยพี่น้องทั้งสองคนว่าฉันบ่นถึงไม่วายนายผู้คุม
ทั้งสองนางกราบก้มประนมหัตถ์หน่อกระษัตริย์นึกเฉลียวให้เฉียวฉุน
เห็นเข็มทองเข้ามานึกการุณเขามีคุณยามยากได้ฝากรัก
แล้วดูทีสีวิกาเห็นท่าโกรธจึงเอื้อนโอษฐ์ปราศรัยให้ประจักษ์
เมื่อคราวทุกข์ก็ได้มาสามิภักดิ์พระทรงศักดิ์ถามไถ่เป็นไมตรี
แล้วบอกกับโฉมยงนางนงลักษณ์เมื่อทรงศักดิ์กริ้วโกรธทำโทษพี่
ได้เข็มทองน้องยาเจ้าปรานีค่อยเป็นที่บางเบาบรรเทาทุกข์
หนึ่งหมื่นยงบิดาอัชฌาศัยแกไม่ใคร่ตรวจตราค่อยผาสุก
จะนั่งนอนผ่อนปรนไม่รนรุกเรามีสุขคิดประกอบให้ชอบกล
พระธิดาฟังแจ้งแถลงไขก็ทราบในข้อความตามนุสนธิ์
นี่ชะรอยว่าพระภูวดลสองสามคนแล้วกระมังจึงยังนี้
ครั้นฟังดูรู้แน่พูดแก้ไขฉันอยากได้พี่น้องทั้งสองศรี
ถ้าแม้นทำราชการนานจะดีด้วยเป็นที่อุปถัมภ์ช่วยค้ำชู
อยู่ในวังเถิดอย่าไปได้ใช้สอยดูเรียบร้อยกิริยาทั้งคู่
ถ้านานไปหมื่นยงแกคงรู้ถึงจะอยู่ก็เห็นไม่เป็นไร ฯ
             

◉ ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์ผู้ทรงฤทธิ์สำราญจิตยิ้มย่องด้วยผ่องใส
พระเสด็จเยื้องย่างเข้าข้างในเรียกทรามวัยเข้าที่ด้วยปรีดา
ทางประโลมโฉมยงก็ปลงจิตทางจุมพิตปรางซ้ายทั้งย้ายขวา
พลางสวมสอดกอดชิดวนิดาเสน่หาสองสมภิรมย์รส
ส่วนเข็มทองได้ประทานสังวาลเพชรพูนบำเหน็จเงินผ้าให้ปรากฏ
นางเปรมปรีดิ์ดีใจด้วยได้ยศพลางประณตกราบลาออกมาพลัน
เฝ้าพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์นางกระษัตริย์ชื่นชมด้วยสมหวัง
บอกไหมทองน้องสาวเล่าให้ฟังอยากได้มั่งฤๅไม่เจ้าไหมทอง
จึ่งสั่งสีวิกาผ้าในหีบกับแพรจีบเยาวมาลย์ประทานของ
แม้นสมหวังดังนึกที่กรึกกรองของพี่น้องเอาไว้ที่ในวัง
แต่จะให้สีวิกาไปว่าขอต่อแม่พ่อมิให้อายเมื่อภายหลัง
ท่านหมื่นยงแกคงจะเชื่อฟังว่ารับสั่งภูวไนยใช้ให้มา
สองนารีดีใจต่างไหว้กราบไม่หยามหยาบอภิวันท์ด้วยหรรษา
สิโรราบบาทมูลแล้วทูลลาพากันมาห้องประทับที่หลับนอน
หากินอยู่สู่กันด้วยฉันญาติได้โอวาทนางกระษัตริย์ที่ตรัสสอน
พอบ่ายแล้วหมายว่าจะลาจรพอบังอรสุมณฑาออกมาพลัน
เห็นพี่น้องสองนางระคางเขินชม้ายเมินแอบฝาทำมานั่ง[28]
ได้ยินเสียงเข็มทองย่องมาฟังกระทบกระทั่งสาวใช้เดินไปมา
สีวิกาขัดเคืองชำเลืองค้อนมันช่างค่อนแคะไค้พิไรว่า
เที่ยวอิจฉาตาเป็นมันด้วยฉันทาเขาไม่ว่าฮึกฮักยิ่งหนักไป
คิดพลางทางเรียกเจ้าเข็มทองเข้ามานี่แน่น้องจะบอกให้
จะนอนค้างฤๅว่าจะคลาไคลจะได้ไปเสียแต่วันไม่ทันเย็น
เขาบอกว่าผีพรายมันตายโหงนั่งคลุมโปงไปมาถ้ามันเห็น
แม้นใครไม่เซ่นวักขี้มักเป็นเที่ยวซ่อนเร้นหลอกเขาเอาสินบน      
ว่าพลางทางถ่มน้ำลายให้สาแก่ใจที่มันขวางอยู่กลางถนน
เที่ยวสอดแนมยืนแอบฟังแยบยลเราคนจนเข็มทองไม่ต้องการ ฯ
◉ เมื่อนั้นสุมณฑาฟังแจ้งแถลงสาร
อุแม่เอ๋ยสีวิกาอย่ามาพาลเขาขี้คร้านเถียงดอกบอกให้รู้
ถ้าดีจริงเปลี่ยนหน้าออกมาใหม่ฉันขอบใจแล้วกลัวตัวเป็นหนู
จะได้ไหว้มัสการอาจารย์ครูบนหัวหมูไข่ขวัญให้ทันที ฯ
◉ เมื่อนั้นสีวิกาขัดใจดังไฟจี่
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวีแล้วจึงมีวาจาว่าไป
จะให้ใครเปลี่ยนหน้าออกมาสู้ก็พอรู้ทันดอกจะบอกให้
เห็นเขาดีขนพองคะนองใจฉันเปลี่ยนกันมาใหม่แล้วทีนี้
หรือจะให้ไหว้บุญคุณพี่เลี้ยงถ้าทุ่มเถียงเอาให้ยับลงกับที่
แม้นไม่เกรงอาญาฝ่าธุลีใครจะดีกว่าใครก็ไม่กลัว ฯ
◉ เมื่อนั้นสุมณฑาได้ฟังให้คันหัว
ทั้งลิ้นลมคมสันออกสั่นรัวเขารู้ทั่วว่าเจ้าจอมหม่อมพี่เลี้ยง
ทั้งปกปิดไม่น้อยออกลอยฟ้ามาขึ้นเสียงเถียงจ้าอยู่แปร้นแปร้น
เขาก็รู้อยู่จบพิภพแดนออกเถียงแทนพี่น้องช่วยป้องกัน ฯ
◉ เมื่อนั้นเข็มทองแสนกลคนขยัน
ได้ยินสุมณฑาร้องว่าพลันหมายมั่นข่มใครจะให้กลัว
นี่แหละเปลี่ยนหน้าใหม่ฉันไหว้หม่อมต้องสมยอมรับเอาเป็นเจ้าผัว
ถึงเป็นจริงสีวิกาก็อย่ากลัวเขารู้ทั่วแล้วก็สิ้นการนินทา
ว่าพลางเคืองค้อนด้วยงอนใจปากไบ่ไบ่ยิบยิบกระซิบด่า
ทั้งหน้าเป็นเต้นแร้งเต้นกาจะได้ว่าอวดเขาเจ้าคารม ฯ
◉ บัดนั้นสุมณฑาฟังตรับเห็นทับถม
น้อยฤๅลูกสาวเจ้าหมื่นยงแล่นตรงออกมาข้าน่ากลัว
แง่งอนไม่น้อยออกลอยหน้าชาติข้าลูกนายได้เป็นผัว
ทั้งหยาบช้าสาธารณ์ประจานตัวจะดีชั่วราวกับใครเขาไม่รู้
นี่หม่อมห้ามศาลไหนอย่างไรหนอหรือว่าศาลเจ้าพ่อต้นประดู่
ที่สิงอยู่แถวทิมริมประตูเคยไปมาหาสู่เขาบนบาน ฯ
◉ เมื่อนั้นเข็มทองชี้หน้าแล้วว่าขาน
น้อยฤๅนางผู้ดีสันดานนี่แหละศาลเคยถวายดอกไม้เพ็ด
ท่านหมื่นยงไปทำไมกับใครหรือจึงเอาชื่อมาว่าเล่นเบ็ดเตล็ด
หรือท่วงทีแกมีกัลเม็ดรับเสด็จเข้านอกออกใน ฯ
◉ ฟังเอยฟังว่าสุมณฑาเหลือกลั้นให้หมั่นไส้
เอาหรือเป็นไรก็เป็นไปที่จะให้มึงว่านั้นอย่าคิด
กล้าดีออกมาอีเข็มทองจองหองเหลือตัวไม่กลัวผิด
พลางเรียกหาบ่าวไพร่ที่ใช้ชิดชอบผิดตบเล่นจะเป็นไร
สีวิกาเข็มทองก็มาโถมถลาตรงเข้ากระทบไหล่
ได้ทีตบผางไม่ห่างไกลสุมณฑาเลี้ยวไล่เข้าติดพัน
ตบผางวางเข้าขาตะไกรไหมทองทรามวัยเข้ากางกั้น
บ่าวต่อบ่าวนายต่อนายพัลวันเชี่ยนขันเรี่ยรายกระจายไป
เนื้อตัวยับย่อยล้วนรอยเล็บต่างคนต่างเจ็บจนเลือดไหล
พวกเถ้าแก่ท้าวนางที่ข้างในทั้งทรามวัยพระธิดายุพาพาล
ได้ยินเสียงอึกทึกนึกสงสัยพระหน่อไทจึงดำรัสตรัสถาม
ก็มิได้เหตุผลต้นความให้ข้าหลวงไปถามได้เค้ามูล
สุมณฑาเข็มทองสีวิกาได้ความมากราบปิ่นบดินทร์สูรย์
พระโฉมยงทรงฟังสาวใช้ทูลเห็นจะวุ่นแล้วแม่ทัศมาลี
ตรัสพลางทางชวนนวลระหงเสด็จตรงออกจากพระแท่นที่
เห็นพี่เลี้ยงสองรากับนารีพระภูมีห้ามปรามเป็นความนัย
พี่ขอเสียเถิดน้องทั้งสองข้างอย่าระคางขุ่นหมองทั้งสองศรี
จงรักกันตามประสาเป็นนารีก็นึกเหมือนพี่น้องกันอย่าฉันทา
จงเลิกกันเท่านั้นเถิดขวัญข้าวขอเชิญเจ้ายาจิตขนิษฐา
จงสมัครรักใคร่กันไปมาเจ้าแก้วตายอดสร้อยอย่าน้อยใจ ฯ
◉ เมื่อนั้นสามนางกราบก้มบังคมไหว้
ต่างคนต่างมาโศกาลัยพระภูวไนยเป็นกลางค่อยบางเบา
แล้วพากันทูลลากลับมาห้องเข็มทองบ่นออดนั่งกอดเข่า
น่าบัดสีนี่กระไรมันไม่เบาอายเขาย่อยยับอีอัปรีย์
สีวิกาว่าไม่เป็นไรน้องไหมทองมาไปด้วยกับพี่
แต่เข็มทองอย่าไปดูไม่ดีด้วยภูมีเธอขอกับอรไท
ว่าพลางจัดแจงแต่งตัวหวีหัวผัดหน้านุ่งผ้าใหม่
ออกจากห้องเรียกหาข้าไทบ่าวไพร่ตามหลังมาพรั่งพรู
มาถึงบ้านหมื่นยงตรงขึ้นเรือนไม่แชเชือนเข้าหาเคยมาสู่
สีวิกานั่งไหว้ใคร่จะรู้สายทองอยู่กับพ่อที่หอกลาง
เห็นพี่สาวออกมาก็ปราศรัยวิ่งไปนั่งตักแล้วทักถาม
พี่เข็มทองอยู่ไหนจะไปตามไหมทองว่าอย่ามาถามพูดเซ้าซี้
สีวิกาว่าจะพาเอาไปด้วยจะได้ช่วยเฝ้าแหนอยู่กับพี่
สายทองตกใจใช่พอดีก็เดินหนีจากพี่ไม่พูดจา
หมื่นยงทองมีก็หัวร่อลูกพ่อเป็นไรจึงไม่กล้า
สีวิกาได้ทีก็ปรีดาว่าคุณป้ารักใคร่ได้เอ็นดู
นางโฉมยงจงใจให้มาหาขอธิดาพี่น้องไว้ทั้งคู่
หนึ่งเข็มทองคนนี้มีความรู้ไปมาหาสู่ชอบพระทัย
ท้าวทองมีว่าไม่เป็นไรแม่ก็สุดแท้แต่สมัครเขารักใคร่
ถ้าแม้นว่าชีวันฉันบรรลัยหมายจะได้พึ่งพาบารมี
แต่ไหมทองนี้ไม่ได้เอาไว้บ้านข้างการงานแล้วมิใคร่จะได้หนี
แต่เข็มทองนั้นเขาปัญญาดีคนจู้จี้ฝากน้องพวกพ้องกัน
ท่านหมื่นยงดีใจดังได้แก้วยิ้มแล้วปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์
ด้วยเต็มใจหมายว่าเวลานั้นยังไม่ทันเพ็ดทูลเกิดวุ่นวาย
ก็สมใจดังนึกที่ฝึกฝนคงเทียมคนเหมือนเขาที่เราหมาย
คิดพลางเดินยิ้มพริ้มพรายเจ้านายมีบุญได้คุ้นเคย
แล้วจัดแจงแป้งน้ำมันกระจกหวีเอาฝากพี่เข้าไปเถิดลูกเอ๋ย
ไหมทองว่าคุณแม่อย่ากลัวเลยพี่เข็มทองเขาเคยอยู่ในวัง
สายทองน้องเล็กจึงบอกว่าตุ๊กตาของฉันเอาไปบ้าง
พี่เข็มทองเข้าไปอยู่ในวังฉันเข้าไปอยู่บ้างจะเป็นไร
สามนางต่างหัวเราะฉอเลาะเหลือช่างแผ่เผื่อแสนรู้ดังผู้ใหญ่
ให้เติบโตเสียสักหน่อยจึงค่อยไปถวายไว้เป็นข้าฝ่าธุลี
สายทองว่าเป็นข้าฉันไม่ไปถ้าเติบใหญ่เป็นเจ้าจอมเหมือนหม่อมพี่
สีวิการักใคร่ใช่พอดีกอดจูบเซ้าซี้อยู่ไปมา
ครั้นสุริยาสายัณห์พยับแสงก็จัดแจงไหว้บุญลาคุณย่า
ทั้งหมื่นยงกราบไหว้แล้วไคลคลาก็รีบมาเข้าวังด้วยดังใจ
เข็มทองเห็นดีใจปราศรัยถามสีวิกาบอกความแถลงไข
ก็แจ้งว่าอยู่ดีไม่มีภัยผูกสมัครรักใคร่ทั้งสองนาง
ถึงเวลามาเฝ้านางโฉมศรีด้วยเป็นที่ปรนนิบัติไม่ขัดขวาง
จะเข้านอกออกในค่อยไว้วางไม่เหินห่างกิริยาเป็นนารี
จะไปมาลาไหว้รับใช้สอยสมเป็นน้อยพระธิดามารศรี
ทั้งอัชฌาศัยเป็นไมตรีตั้งภักดีซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน ฯ
◉ ฝ่ายท้าวยศสุนทรบวรลักษณ์กับเอกอัครไฉยามารศรี
ครองศฤงคารชันษากว่าร้อยปีมิได้มีเภทภัยสิ่งไรพาน
ความศรัทธากล้าหาญการกุศลเป็นกังวลตั้งจิตพิษฐาน
ปลูกศาลาโตใหญ่ไว้ให้ทานทั้งคาวหวานเอมโอชโภชนา
ทั้งผู้ดีเข็ญใจไหว้สาธุขอให้ลุในพระศาสนา
ถึงวันพระมีจิตเจตนาทรงศรัทธาแจกจ่ายทั้งให้ทาน
ถือศีลห้าปาณาไม่ฆ่าสัตว์ด้วยเคร่งครัดทรงธรรมกรรมฐาน
ทรงเมตตาภาวนาสมาทานมอบศฤงคารให้พระรถยศไกร ฯ
◉ ฝ่ายพระโฉมสร้อยสุมาลีศรีสวัสดิ์นางกระษัตริย์มีจิตคิดเลื่อมใส
นางสละสาวสรรกำนัลในก็มอบให้พระธิดายุพาพาล
รักษาศีลเป็นนิจมิได้ขาดไม่อังคาสตั้งจิตอธิษฐาน
ไหว้พระพุทธพระธรรมทุกวันวารหมายนิพพานภายหน้าอนาคต
ขอคุณพระชินศรีเป็นที่ตั้งให้สมดั่งปรารถนาจงปรากฏ
หนึ่งชาติพาลแล้วไซร้อย่าให้พบ[29]จงหลีกหลบเสียให้ไกลคนใจพาล
ขอเดชะความสัจจะสุจริตให้สมคิดเหมือนสัจจะอธิษฐาน
ทุกเช้าเย็นเป็นนิตย์นางมัสการไม่ว่าขานสาวสรรกำนัลใน
ฝ่ายพระหน่อสุริวงศ์อันทรงเดชครองนิเวศอยู่ด้วยมิตรขนิษฐา
เสวยรมย์สมบัติเป็นขัตติยาแทนพระอาปกครองพระน้องนาง
คิดคะนึงถึงชนนีที่ปกเกศจะทุเรศคอยหาน่าสงสาร
ทั้งองค์พระราชบิดามาช้านานไม่แจ้งการทูลกระหม่อมจะกรอมใจ
คิดจะใคร่ไปเยี่ยมพระแม่เจ้าจะโศกเศร้าทุกข์ทนด้วยหม่นไหม้
นิจจาเอ๋ยเป็นกรรมทำกระไรจึงจะได้มัสการพระมารดา
พระโศกาอาดูรพูนเทวศชลเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา
เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของลูกอาลูกจากมาสามปีเข้านี่แล้ว
ร่ำพลางกรสอดกอดเขนยนิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้ว
จะทรงพระชราหนักหนาแล้วลูกมิได้วี่แววไปเยี่ยมเลย ฯ
◉ ฝ่ายพระโฉมทัศมาลีศรีสวัสดิ์นางกระษัตริย์นั่งแนบแอบเขนย
นึกสงสัยไถ่ถามดูตามเคยไฉนเลยทรงธรรม์ไม่บรรทม
ฤๅมีทุกข์ยุคเข็ญเป็นไฉนจงโปรดให้ทราบความตามประสงค์
พระฟังนางพลางประโลมนางโฉมยงคิดถึงองค์บิตุเรศพระมารดา
คิดจะใคร่ลาน้องกับสองกระษัตริย์ไปจังหวัดนคเรศของเชษฐา
เจ้าจะคิดฉันใดนะน้องอาพี่ไม่ว่าหวงห้ามตามพระทัย ฯ
◉ นางโฉมยงทรงฟังก็แจ้งจิตเป็นสุดคิดนี้จะทำอย่างไรได้
นางตรึกพลางทางทูลพระภูวไนยน้องนี้ไม่ห้ามปรามเป็นความจริง
หนึ่งองค์พระปิตุลาชราภาพน้องก็ทราบอยู่แก่ใจเป็นใหญ่ยิ่ง
ไม่คลางแคลงแหนงนัยเห็นใจจริงพระจะทิ้งน้องไว้ไปแต่องค์
พระเสด็จไปไหนขอไปด้วยเป็นเพื่อนม้วยกันในไพรระหง
จะได้กราบบิตุราชมาตุรงค์น้องนี้จงจิตไว้แต่ไรมา ฯ
◉ พระฟังนางทางตอบว่าชอบแล้วพระน้องแก้วทราบเหตุด้วยเชษฐา
สักสองสามราตรีพี่จะมาไม่นานช้าดอกน้องอย่าหมองนวล
ใช่พี่มิรักจะทิ้งขว้างให้เหินห่างนวลน้องประคองสงวน
ว่าพลางเชยโฉมประโลมนวลนางหยิกข่วนผลักไสไม่ไยดี
ร่วมภิรมย์สมสนิทพิสมัยจนอุทัยส่องสว่างกระจ่างศรี
ทั้งสององค์สรงพักตร์แล้วจรลีขึ้นสู่ที่ทรงฤทธิ์พระบิดา
ทั้งสององค์ตรงเข้าไปกราบไหว้ท้าวปราศรัยสรวลสันต์ด้วยหรรษา
นางกระษัตริย์ตรัสพลันมิทันช้าแล้วหันมาทักพระหน่อธิบดี
พระหน่อไทคำนับอภิวาทน์ขอลาบาทบงกชบทศรี
ลูกคิดถึงบิตุเรศพระชนนีป่านฉะนี้สองพระองค์จะทรงคอย
ด้วยจากมาช้านานถึงปานนี้พระชนนีปิ่นเกล้าจะเศร้าสร้อย
ทูลพลางทางน้ำพระเนตรย้อยหวนละห้อยกลับคิดถึงบิดา ฯ
◉ พระเจ้าอาอาลัยจิตใจหายก็ฟูมฟายชลเนตรถึงเชษฐา
สะอื้นพลางทางตรัสทั้งน้ำตาอาไม่ว่าดอกหลานสงสารนัก
แต่ตัวอาช้านานถึงปานนี้กว่าสิบปีแล้วมาพึ่งประจักษ์
เพราะกุศลอุปถัมภ์ช่วยนำชักพระหลานรักจึงได้มาถึงธานี
แม้นไปถึงจึงทูลพระเชษฐาทูลว่าอากราบประณตบทศรี
ถ้าพระองค์ค่อยทรงสวัสดีว่าอานี้คิดถึงคะนึงนัก
อยากจะใคร่ไปเยี่ยมขนิษฐาแต่มรคาเหลือไกลไม่ประจักษ์
ด้วยโฉมเจ้าตะเกียงทองเป็นน้องรักแล้วทรงศักดิ์โศกาเฝ้าจาบัลย์
แต่จากกันช้านานถึงปานนี้จะอยู่ดีฤๅว่าจะอาสัญ
แสนระกำลำบากมาจากกันด้วยนางนั้นสุดท้องเป็นน้องเล็ก
อยากจะใครไปเชิญพระเชษฐาเที่ยวตามหาโฉมงามไม่ขามเข็ด
ให้ได้ข่าวยอดมิ่งจริงแลเท็จเที่ยวเตร่เตร็จกว่าจะพบประสบกัน
พระหน่อไทฟังแจ้งแถลงสารพลอยแดดาลร้อนโรคยิ่งโศกศัลย์
คิดสงสารพระเจ้าอาเฝ้าจาบัลย์กระหม่อมฉันทราบความจะตามไป
ถึงไม่รู้มรคาสาคเรศอยู่ประเทศธานีบูรีไหน
คงค้นคว้าหาจบทั่วภพไกรกว่าจะได้พานพบประสบกัน
นางพญาว่าจริงแล้วลูกแก้วไม่ตายแล้วคงพบเป็นแม่นมั่น
น่าสงสารขนิษฐาวิลาวัลย์แต่จากกันช้านานถึงป่านนี้
พระหน่อไทขอรับอภิวาทน์กราบลาบาทบงกชบทศรี
ลูกขอฝากนงนุชพระบุตรีด้วยลูกนี้หมายสิบห้าวัน
พระมารดาอาลัยจิตใจหายแสนเสียดายลูกยาเพียงอาสัญ
ต้องจำเป็นจำจากวิบากครันนางโศกศัลย์สั่งพระหน่อธิบดี
ถ้าสององค์อยู่ดีไม่มีทุกข์จำเริญสุขปรีดิ์เปรมกระเษมศรี
จงกลับมาหาแม่อย่าช้าทีพระน้องนี้อยู่เดียวจะเปลี่ยวใจ
พระหน่อไทฟังสารโองการสั่งถวายบังคมลาต่างปราศรัย
เข้าสู่แท่นสุวรรณด้วยทันใดตรัสปราศรัยนงลักษณ์ภคินี
พี่จากไปไม่ช้าดอกหนาน้องอย่าหม่นหมองว่าพี่อางขนางหนี
จงยินยอมพร้อมใจด้วยไมตรีเหมือนช่วยพี่อวยชัยให้ไปเมือง ฯ
◉ นางโฉมยงได้ฟังก็สังเวชสุชลเนตรไหลหยดไม่ปลดเปลื้อง
สะอื้นอ้อนถอนใจไม่ประเทืองด้วยสุดเคืองสุดขัดต้องตัดใจ
ตำริพลางนางกระษัตริย์ตรัสประภาษน้องหมายมาดน้ำเนื้อเป็นเชื้อไข
เป็นกระษัตริย์ตรัสแล้วก็แล้วไปถ้าไปแล้วที่ไหนจะกลับมา
แล้วคิดแค้นแทนพระพี่เมรีด้วยมาเจ็บป่วยอยู่ฝั่งจนสังขาร์
พยายามตามเสด็จไม่เมตตาจนชีวาวอดวายทำลายชนม์
นี่จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันแน่ถ้าวิ่งแร่ก็จะขว้างเสียกลางหน
ก็สาใจที่ไม่เจียมเสงี่ยมตนเป็นกังวลตามเขาเพราะเมามัว
พระฟังว่าช่างว่านี้สาหัสมาพ้อตัดนี่กระไรมิใช่ผัว
ฤๅหลบลี้หนีไปจะได้กลัวก็รู้ทั่วว่าพี่ลาไปธานี
ถ้าไปได้แล้วมิให้มาค่อนว่าอยากจะพาไปให้ถึงบุรีศรี
เป็นห่วงหลังกังวลพระชนนีเพราะเท่านี้ดอกน้องอย่าหมองหัทยา
หนึ่งองค์พระบิดาชราภาพน้องก็ทราบอยู่แก่ใจนั้นไม่ว่า
จะทิ้งองค์ทรงศักดิ์พระจักราพระมารดาจะละห้อยน้อยพระทัย
ใช่พี่มิรักจะแกล้งหนีจะตัดใยไมตรีก็หาไม่
อย่าโศกศัลย์รันทดสลดใจพี่มิให้ขวัญเนตรเวทนา
มิได้เป็นเช่นน้องเมรีนาฏจากนิราศร้างมิตรขนิษฐา
หมดกุศลของนางที่สร้างมาเกิดชาติหน้าคงพบประสบกัน
นางฟังองค์ทรงเดชพระเชษฐาตอบบัญชาทูลกระหม่อมพระจอมขวัญ
ด้วยชาตินี้กรรมวิบากต้องจากกันอย่ารำพันเลยไม่พอใจฟัง
เกิดชาตินี้ชาติหน้าขออย่าพบจงหลีกหลบเสียให้ไกลไปสวรรค์
จนชั้นเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัลอย่าพัวพันรุงรังเหมือนอย่างนี้
ได้เกินแล้วก็ต้องเลยนิ่งเฉยอยู่ที่เขารู้ก็ว่าน่าบัดสี
เขาทิ้งขว้างร้างหย่าเสียกว่าปีที่เขาดีผัวเมียไม่เสียกัน
◉ พระฟังนางทรงปลอบให้ชอบชื่นวิโยคแข็งขืนความที่โศกศัลย์
แม้นไม่จริงเหมือนคำพี่รำพันขอเทวราชฉ้อชั้นสวรรยา
จงเล็งเห็นความสัตย์สุจริตมิได้คิดโยกเยกอุเบกขา
เทพเจ้าเมืองสวรรค์ในชั้นฟ้าขอจงมาเล็งเห็นเป็นพยาน
นางโฉมยงทรงฟังก็สาธุขอให้ลุถึงนิเวศเขตสถาน
อันเคราะห์โศกสิ่งไรอย่าได้พานเยาวมาลย์โมทนาคิดปรานี
ที่ความแค้นดับเดือดจึงเหือดหายพลางน้อมกายพลางประณตบทศรี
ทั้งสาวสรรกัลยาฝูงนารีอีกทั้งสีวิกาก็มาพลัน
สุมณฑาเข็มทองต่างร้องไห้น้ำตาไหลร้อนโรคให้โศกศัลย์
ด้วยจำเป็นจำใจจะไกลกันสู้บากบั่นมาเป็นข้าฝ่าธุลี
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อมพระโอบอ้อมแต่ชั้นเหล่าพวกสาวศรี
จะนับเดือนเลือนลับไปนับปีอนิจจาครั้งนี้มาจำไกล
แสนวิตกอกเอ๋ยน่าสงสารทั้งเยาวมาลย์ยิ่งทรงกันแสงไห้
แสนสงสารองค์พระรถยศไกรทางปราศรัยสาวสรรกัลยา
ทั้งนารีเข็มทองสองพี่เลี้ยงอย่าทุ่มเถียงฟูมฟักช่วยรักษา
จงชุบเลี้ยงเที่ยงธรรม์อย่าฉันทานึกเหมือนว่าพี่น้องร่วมท้องกัน
แล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงภูษากษัตราหวนวิโยคด้วยโศกศัลย์
นางโฉมยงถวายพระแสงพลันยิ่งอัดอั้นยืนสะท้อนถอนฤๅทัย
จะลาเอ่ยเผยโอษฐ์มิใคร่ออกครั้นจะบอกปากลาน้ำตาไหล
สะอื้นร่ำสำลักกระอักกระไอจำใจจำลาสุดาดวง
ทรวงสะท้อนกรแบรับพระแสงพระเนตรแดงชลนัยน์ยิ่งไหลร่วง
ขอลาเหล่าสาวสุรางค์นางทั้งปวงเสด็จล่วงเลยมาทรงพาชี
เหาะละลิ่วปลิวมาในกลีบเมฆแสนวิเวกครวญหามารศรี
พลางชมพรรณพฤกษาบรรดามีธิบดีค่อยคลายสบายองค์
เห็นมยุเรศโกญจาถลาร้องเหมือนเสียงน้องทรามสงวนนวลระหง
หวนคะนึงถึงสุรางค์นางอนงค์ด้วยเคยส่งศุภเสียงสำเนียงครวญ
โอ้โนรีสัตวารู้พาคู่เหมือนพี่อยู่แนบน้องประคองสงวน
โอ้ขวัญอ่อนแม่จะค่อนอุระครวญพี่เคยสรวลโสมนัสให้เปรมปรา
ถึงยามร้อนเจ้าเคยผ่อนอยู่งานพัดเคยกำหนัดที่ในเสน่หา
โอ้ยามหนาวเคยแนบแอบอุราอนิจจาดูเหมือนกรรมให้จำเป็น
แม้นมาได้พี่จะพาเจ้ามาเที่ยวพระน้องเอ๋ยพี่เหลียวไม่แลเห็น
เห็นสาวหยุดต้องวิบากได้ยากเย็นโอ้สวาทพี่ก็เวนสวาทเอย
เห็นนมแมวแก้วเกศกระถินเทศเหมือนขวัญเนตรร้อยเรียงไว้เคียงเขนย
เห็นต้นโศกโศกใจกระไรเลยพระนุชเอ๋ยอกพี่ดังไฟฟอน[30]
             

เชิงอรรถ

  1. วรรคนี้หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ คัดตกไป ๑ วรรค จึงใช้ตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๑๒ ส่วนวรรคต่อไปในฉบับเลขที่ ๕ เป็น “จะแลขวาคว้าเปล่าเปลี่ยวข้าง”
  2. เริ่มหนังสือสมุดไทยหมู่กลอนอ่าน เลขที่ ๘ เรื่องพระรถ เล่ม ๒ โดยได้ใช้ตรวจสอบชำระกับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ และเลขที่ ๗
  3. ใช้ตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ ส่วนหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ มีความว่า “สุวรรณหงส์ยังรู้สั่งสุวรรณราช มฤคชาติยังรู้สั่งซึ่งไกรสีห์”
  4. นับแต่วรรคนี้ไปจนถึง “ม้าเร่งพระร้อนอารมณ์อารมณ์รึง” ใช้ข้อความตามหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ ซึ่งมีข้อความส่วนที่ต่างกันรวม ๑๕๓ คำกลอน ส่วนหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ ความส่วนที่ต่างออกไป ๖ คำกลอนกับ ๑ วรรค
  5. นับแต่วรรคนี้ไปหนังสือสมุดไทยทั้ง ๒ เล่มตรงกัน
  6. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ เป็น “เสียดายเอวอ่อนน้อยระทวยนาด เสียดายดวงละมุดมาศดวงสวรรค์ |- valign=bottom |เสียดายผิวผ่องเพียงแผ่นสุวรรณ เสียดายกำนัลคณานาง |- valign=bottom |โอว่าป่านฉะนี้เจ้าจะตีพระทรวงดิ้น ยุพาพินแม่จะค่อนอุระผาง |- valign=bottom |จำคร่ำครุ่นโครมครวญอยู่เครงคราง ที่ในกลางวนเวศพนมเนา |- valign=bottom |พระคุณเอ๋ยท่านท้างอมรแสน ทุกด้าวแดนดงดอนชะง่อนเขา” |- valign=bottom |และความต่อจากนี้หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ มีรายละเอียดต่างออกไป ได้ใช้หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ เป็นฉบับหลัก
  7. หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ เป็น “เสียดายเอวอ่อนน้อยระทวยนาด เสียดายดวงละมุดมาศดวงสวรรค์ |- valign=bottom |เสียดายผิวผ่องเพียงแผ่นสุวรรณ เสียดายกำนัลคณานาง |- valign=bottom |โอว่าป่านฉะนี้เจ้าจะตีพระทรวงดิ้น ยุพาพินแม่จะค่อนอุระผาง |- valign=bottom |จำคร่ำครุ่นโครมครวญอยู่เครงคราง ที่ในกลางวนเวศพนมเนา |- valign=bottom |พระคุณเอ๋ยท่านท้างอมรแสน ทุกด้าวแดนดงดอนชะง่อนเขา” |- valign=bottom |และความต่อจากนี้หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๘ มีรายละเอียดต่างออกไป ได้ใช้หนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ เป็นฉบับหลัก
  8. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๕ เรื่องพระรถกลอนอ่าน เล่ม ๔ เพียงนี้ ขึ้นหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๖ เรื่องพระรถกลอนอ่าน เล่ม ๕ เนื้อความและกลอนต่อกันสนิท แต่หน้าต้นมีโคลงกระทู้ ชมยศคุณแม่ คุณแม่มีบุญ ดังนี้ |- valign=bottom |“ชม คุณ ฉลาดอาจจักแจ้ง||||ใจชน |- valign=bottom |ยศ แม่ เลิศล้ำผล||||สู่บ้าน |- valign=bottom |คุณ มี ยศยิ่งหญิงบน||||เมืองโลก สวรรค์แฮ |- valign=bottom |แม่ บุญ ส่งสร้างสะอ้าน||||เอี่ยมลิ้นขันทอง”
  9. เรื่องนี้กล่าวว่ากำพตมีฤทธิ์เสมอด้วยศรพรหมาสตร์ของพระราม      แต่ในกลอนบทละครเรื่องพระรถเมรี ว่ากำพตนั้นคือศรพรหมาสตร์ที่พวกยักษ์ได้ครอบครองหลังจากวงศ์พระรามเสื่อมอำนาจลง||||(ดูเพิ่มเติมในกลอนบทละคร)
  10. ต้นฉบับเลอะเลือน
  11. ต้นฉบับเลอะเลือน
  12. คงตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย||||หมีโปรดปราน||||หมายถึง||||มิโปรดปราน
  13. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่||||๖||||เพียงนี้||||หมดต้นฉบับพระรถกลอนอ่าน||||สำนวนนี้ที่เก็บรักษาอยู่||||ณ||||ส่วนภาษาโบราณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ||||ส่วนกลอนอ่านตอนต่อจากนี้||||คือ||||พระรถกลอนอ่าน||||เล่ม||||๔||||(พลัด)ซึ่งเป็นตอนพระรถได้นางทัศมาลี||||(ในบทละครเป็นนางทศนารี)||||นั้น||||เข้าใจว่าเป็นคนละสำนวนกัน||||(ดูเพิ่มเติมในคำอธิบาย)||||แต่ก็ได้ตรวจสอบชำระนำมาพิมพ์รวมกันไว้ด้วย
  14. ตรวจสอบชำระจากหนังสือสมุดไทย เลขที่ ๙ หมู่กลอนอ่าน เรื่องพระรถ เล่ม ๔ (พลัด) เป็นคนละสำนวนกับสำนวนก่อนนี้
  15. ต้นฉบับเลอะเลือน
  16. คงเนื้อความตามต้นฉบับ บทกลอนสำนวนนี้มีหลายแห่งที่ไม่ส่งสัมผัสระหว่างวรรคและสัมผัสระหว่างบท
  17. คงเนื้อความตามต้นฉบับ
  18. คงเนื้อความตามต้นฉบับ ซึ่งเนื้อความหลายแห่งไม่ส่งสัมผัสระหว่างบท
  19. คงเนื้อความตามต้นฉบับ เข้าใจว่าต้นฉบับหนังสือสมุดไทยคัดตกไป ๓ วรรค
  20. คงเนื้อความตามต้นฉบับ
  21. เข้าใจว่าต้นฉบับหนังสือสมุดไทยคัดตก
  22. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เข้าใจว่าต้นฉบับหนังสือสมุดไทยคัดตกไป
  23. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย จะเห็นว่าเนื้อเรื่องต่างจากสำนวนอื่น
  24. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย แต่มีหลายแห่งที่ไม่ส่งสัมผัสระหว่างบท
  25. ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย คือ มังกร
  26. หมายถึง||||สัพพัญญู
  27. ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  28. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  29. คงเนื้อความตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย
  30. จบต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๙ เพียงนี้

อ้างอิง

เว็บไซต์ กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร

เครื่องมือส่วนตัว