บทละครเรื่à¸à¸‡à¸à¸´à¹€à¸«à¸™à¸² พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→ศึกกะหมังกุหนิง) |
(→ศึกกะหมังกุหนิง) |
||
แถว 3,475: | แถว 3,475: | ||
๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา | ๏ เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้ | จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้ | ||
+ | |||
๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
ก้มเกล้ากราบงามสามที มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน | ก้มเกล้ากราบงามสามที มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน | ||
แถว 3,509: | แถว 3,510: | ||
๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา | ๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา | ||
ออกไปพาสองทูตา เข้ามาประณตบทมาลย์ | ออกไปพาสองทูตา เข้ามาประณตบทมาลย์ | ||
- | + | ||
๏ บัดนั้น เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร | ๏ บัดนั้น เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร | ||
จึงให้อาลักษณ์พนักงาน รับราชสารมาอ่านพลัน | จึงให้อาลักษณ์พนักงาน รับราชสารมาอ่านพลัน | ||
แถว 3,585: | แถว 3,586: | ||
ใบหนึ่งให้แก่ระตู ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา | ใบหนึ่งให้แก่ระตู ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา | ||
จงรีบไปให้ถึงพารา แต่ในสิบห้าราตรี | จงรีบไปให้ถึงพารา แต่ในสิบห้าราตรี | ||
- | |||
๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
แถว 3,675: | แถว 3,675: | ||
เข้าในไพรระหงดงดาน ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป | เข้าในไพรระหงดงดาน ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
=== === | === === | ||
การปรับปรุง เมื่อ 07:25, 7 มิถุนายน 2553
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บทประพันธ์
ช้าปี่ | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงสี่องค์ทรงธรรม์นาถา | ||
เป็นหน่อเนื้อเชื้อวงศ์เทวา | บิตุเรศมารดาเดียวกัน | ||
รุ่งเรืองฤทธาศักดาเดช | ได้ดำรงนคเรศเขตขัณฑ์ | ||
พระเชษฐาครองกรุงกุเรปัน | ถัดนั้นครองดาหาธานี | ||
องค์หนึ่งครองกาหลังบุรีรัตน์ | องค์หนึ่งครองสิงหัดส่าหรี | ||
เฉลิมโลกโลกาธาตรี | ไม่มีผู้รอต่อฤทธิ์ | ||
ระบือลือทั่วทุกประเทศ | ย่อมเกรงเดชเดชาอาญาสิทธิ์ | ||
บำรุงราษฎร์ดับเข็ญอยู่เป็นนิจ | โดยทางทศพิศราชธรรม์ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ มีพระมเหษีห้าองค์ | ดั่งอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
เลือกล้วนสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | กษัตริย์ครองเขตขัณฑ์สวรรยา | ||
ตั้งแต่งตามตำแหน่งครบที่ | คือประไหมสุหรีเสน่หา | ||
มะเดหวีที่สองรองลงมา | แล้วมะโตโสภานารี | ||
ที่สี่ลิกูนงเยาว์ | ที่ห้านั้นเหมาหลาหงี | ||
อันอัครชายาทั้งห้านี้ | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
ประดับด้วยสุรางค์นางสนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
ถ้วนหมื่นหกพันกัลยา | วิลาศเลิศลักขณาทุกนางใน | ||
สำหรับขับรำบำเรอราช | พิณพาทย์จำเรียงเสียงใส | ||
ผลัดกันปั่นโมงมาคอยใช้ | พนักงานของใครระไวระวัง | ||
มีเหล่าเถ้าแก่ท้าวนาง | งานเครื่องงานกลางผู้รับสั่ง | ||
โขลนจ่าหลวงแม่เจ้าชาวคลัง | จัดแจงแต่งตั้งครบครัน | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ มีหมู่มาตยาสามนต์ | โยธีรี้พลแข็งขัน | ||
นับหมื่นพื้นหาญชาญฉกรรจ์ | เคยณรงค์โรมรันไม่ครั่นคร้าม | ||
ม้ารถคชไกรไม่ใช่ชั่ว | แต่ละตัวแกล้วกล้ากลางสนาม | ||
ทนปืนยืนยงในสงคราม | ฦานามขามฤทธิทุกทิศไป | ||
นานานัคเรศประเทศราช | เข็ดขยาดย่อท้อไม่ต่อได้ | ||
ต่างถวายสุวรรณมาลัย | โอรสยศไกรและธิดา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ยานี | |||
๏ อันสี่ธานีราชฐาน | กว้างใหญ่ไพศาลหนักหนา | ||
เทเวศร์นฤมิตด้วยฤทธา | สนุกดั่งเมืองฟ้าสุราลัย | ||
มีปราสาททั้งสามตามฤดู | เสด็จอยู่โดยจินดาอัชฌาสัย | ||
หลังคาฝาผนังนอกใน | แล้วไปด้วยโมราศิลาทอง | ||
ภูเขาเงินรองฐานมีมารแบก | ยอดแทรกยอดใหญ่ไม้สิบสอง | ||
แก้วไพฑูรย์ทำเป็นลำยอง | บัญชรช่องชัชวาลบานบัง | ||
พระปรัศว์ซ้ายขวาอ่าโถง | ท้องพระโรงรจนาหน้าหลัง | ||
พระแท่นแก้วกุดั่นบัลลังก์ | กางกั้นเศวตฉัตรอยู่อัตรา | ||
บรรจถรณ์ที่ไสยาสน์อาสน์สุวรรณ | มีฉากแก้วแพรวพรรณคั่นฝา | ||
ที่เสวยที่สรงคงคา | ที่นั่งเย็นอยู่หน้ามนเทียรทอง | ||
พรรณไม้ดอกลูกปลกกระถาง | ไว้หว่างอ่างแก้วเป็นแถวถ้อง | ||
ราบรื่นพื้นชาลาดังหน้ากอง | อิฐทองปูลาดสะอาดตา | ||
ที่ทิมที่ล้อมวงองครักษ์ | นอกกองเกณฑ์พิทักษ์รักษา | ||
โรงแสงโรงภูษามาลา | เรียงเรียบรัถยาหน้าพระลาน | ||
เครื่องเนืองกันเป็นหลั่นลด | โรงม้าโรงรถคชสาร | ||
ติกาหลังสำหรับพระกุมาร | อยู่นอกปราการกำแพงวัง ฯ | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ประตูลักลงท่าชลาลัย | มีโรงเรือเรียงไปริมฝั่ง | ||
เรือศรีสุวรรณบัลลังก์ | เรือแข่งเรือที่นั่งตั้งบนม้า | ||
เรือกิ่งเอกชัยใส่บุษบก | งามกระหนกลวดลายท้ายหน้า | ||
พนักงานตำรวจใหญ่ไตรตรา | เกณฑ์ไพร่ให้รักษานาวี | ||
ตำหนักแพแลล้ำอำไพ | มุขดลพาไลหลังคาสี | ||
ช่อฟ้าหน้าบันปราลี | ล้วนมณีเนาวรัตน์ชัชวาล | ||
ข้างหน้าตำหนักน้ำนั้นทำเกรง | สำหรับราชสุริย์วงศ์สรงสนาน | ||
เบื้องบนบังสาดดาดเพดาน | ผูกม่านมู่ลี่ลายทอง | ||
ฤดูสิบเอ็ดเสด็จลง | ลอยกระทงทรงประทีปเป็นแถวถ้อง | ||
ทอดทุ่นท้ายน้ำประจำซอง | ตั้งกองล้อมวงพระทรงธรรม์ | ||
อันถนนหนทางท้องฉนวน | ศิลาลายลาดล้วนเลือกสรร | ||
มีตึกแถวทิมรอบขอบคัน | เรือนสนมกำนัลเป็นหลั่นมา ฯ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
สมิงทอง | |||
๏ ท้องสนามแกล้งปราบราบรื่น | พ่างพื้นปถพีไม่มีหญ้า | ||
กว้างใหญ่ไพศาลสุดตา | เตียนสะอาดดาษดาด้วยทรายทอง | ||
มีสุวรรณพลับพลาบนปราการ | สูงตระหง่านเอื้อมฟ้าสิบห้าห้อง | ||
ช่อฟ้าปราลีลำยอง | ฉลักฉลุบุทองอร่ามไป | ||
สำหรับที่ทอดพระเนตรสระสนาน | ล่อแพนผัดพานเป็นการใหญ่ | ||
ประลองเหล่าทหารชาญชัย | ยิงธนูศรใส่ยาพิษ | ||
ตั้งป้อมหัดปืนยิงหุ่น | แม่นยำซ้ำกระสุนไม่มีผิด | ||
โล่ดั้งดาบฟันกระชั้นชิด | เพลงกริชสันทัดทั่วทุกตัวตน | ||
บ้างรำทวนเปลี่ยนท่าบนพาชี | ขับขี่เคยศึกฝึกฝน | ||
ประลองคชสารสู้บำรูชน | ใช้ชำนาญในกลการยุทธ์ ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ รอบราชนิเวศน์เขตขัณฑ์ | มีปราการแก้วกั้นสูงสุด | ||
ซุ้มทวารบานสุวรรณชมพูนุท | ประตูลักช่องกุฎิ์สลับกัน | ||
มีทิวแถวโรงช้างระวางค่าย | เชิงเรียงรายเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์ | ||
หอรบแลสล้างนางจรัล | ป้อมสูงสามชั้นเป็นหลั่นลด | ||
รายปืนจินดาจังกาส่อง | วางประจำทุกช่องเสมาหมด | ||
เชิงเทินดังเนินบรรพต | บันไดลดเลี่ยนลาดสะอาดตา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ ท่ามกลางทางท้องสถลมาศ | ลำดับดาดอิฐแผ่นแน่นหนา | ||
บ้านช่องสองข้างมรรคา | ล้วนเคหาหน้าถังนั่งร้าน | ||
เหล่าพวกกรมท่าเจ้าภาษี | มั่งมีสมบัติพัสถาน | ||
เรือนริมรัถยาฝากระดาน | ตึกกว้านบ้านขุนนางนองเนือง | ||
สุเหร่าเรียงเคียงคั่นปั้นหยา | ก่อผนังหลังคามุงกระเบื้อง | ||
ศาลเทพารักษ์หลักเมือง | นับถือลือเลื่องทั้งกรุงไกร | ||
เสาชิงช้าอาวาสวัดพราหมณ์ | ทำตามประเพณีพิธีไสย | ||
หอกลองอยู่กลางเวียงชัย | แม้เกิดไฟไพรีตีสัญญา | ||
สะพานข้างทางข้ามคชสาร | ก่ออิฐปูกระดานไม้หนา | ||
คลองหลอดแลลิ่วสุดตา | น้ำลงคงคาไม่ขอดเคือง | ||
นาวาค้าขายพายขึ้นล่อง | ตามแม่น้ำลำคลองแน่นเนื่อง | ||
แพจอดตลอดท่าหน้าเมือง | นองเนืองเป็นขนัดในนัที | ||
ข้าวของต่างต่างเอาวางขาย | แพรม้วนมากมายหลายสี | ||
ยกทองล่องจวนเจ็ดตะคลี | พลอยมณีเพชรนิลจินดา | ||
บริบูรณ์พูนสุขด้วยสมบัติ | แก้วเก้าเนาวรัตน์วัตถา | ||
ทุกสิ่งสรรพ์เอมโอชโภชนา | ย่อมเยาราคาสารพัน ฯ | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
เบ้าหลุด | |||
๏ ลูกค้าวานิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
สำเภาจอดทอดท่าเรียงรัน | สลุบแขกกำปั่นวิลันดา | ||
จีนจามอะแจแซ่ซ้อง | คับคั่งทั้งสิบสองภาษา | ||
แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | ถ้วนหน้าประชาชนมนตรี | ||
บ้างฝึกสอนคนรำทำบทบาท | พิณพาทย์ระนาดฆ้องอึงมี่ | ||
ลูกค้าวาณิชทุกนิเวศน์ | มาแต่ต่างประเทศเขตขัณฑ์ | ||
พวกขุนนางต่างหัดมโหรี | ลาวสาวเสียงดีมีหลายคน | ||
บ้างลงท่าโกนจุกสนุกสนาน | มีงานการกึกก้องทุกแห่งหน | ||
บ้างตั้งบ่อนปลากัดงัดไก่ชน | ทรหดอดทนเป็นเดิมพัน | ||
บ้างเล่นวิ่งวัวคนโคระแทะ | ชนแพะแกะกระบือคูขัน | ||
บ้างเล่นว่าวคุลาคว้าพนัน | ปากเป้าสั้นโห่ฉาววิ่งราวมา | ||
ราตรีมีหนังประชันเชิด | ฉลุฉลักลายเลิศเลขา | ||
บ้างเล่นเพลงครึ่งท้อนกลอนสักวา | ทั้งสุดใจไก่ป่าสารพัน ฯ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ ฝ่ายฝูงสาวสาวชาวกรุง | ก็บำรุงรูปโฉมเฉิดฉัน | ||
ขัดขมิ้นหนุนเนื้อเจือจันทน์ | หวีผมคมสันกันไร | ||
ที่ลูกเหล่าพงศ์เผ่าพวกผู้ดี | รูปทรงส่งศรีผ่องใส | ||
ซ่อนตัวกลัวจะเก็บเป็นางใน | ถึงมีงานการใหญ่ไม่ไปดู | ||
ลางพวกเพิ่งดรุณีแรกสาว | เจ้าบ่าวไปปลูกหอขอสู่ | ||
บ้างลอบลักรักเร้นเป็นชู้ | หมากพลูพวงมาลัยให้กัน | ||
พวกหนุ่มหนุ่มพากเพียรเวียนแวดขาย | มุ่งหมายรักใคร่ใฝ่ฝัน | ||
..............................วรรคนี้หายไป | ไม่มีในต้นฉบับ........................ | ||
บ้างดีดนิ้วผิวปากทำเพลง | ล้วนนักเลงเจ้าชู้ฉุยฉาย | ||
ลดเลี้ยวเที่ยวเล่นตามสบาย | หญิงชายเป็นสุขทุกคืนวัน ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ปลิ่ม | |||
๏ ทิศใต้ภายนอกธานี | มีสระสวนศรีสะตาหมัน | ||
มิ่งไม้หลายอย่างต่างพรรณ | ล้วนแกล้งกลั่นสรรสาปลูกไว้ | ||
บ้างเผล็ดผลผการะย้าย้อย | ช่อช้อยชูก้านบานไสว | ||
พ่างพื้นรื่นร่มสำราญใจ | มีตำหนักน้อยในวารี | ||
อันโบกขรณีสี่เหลี่ยม | น้ำเปี่ยมเทียบปากสระศรรี | ||
ใสสะอาดปราศจากราคี | ดังแสงแก้วมณีรจนา | ||
มีสุพรรณโกสุมปทุมมาลย์ | ตูมบานแย้มกลีบกลิ่นเกล้า | ||
เกสรร่วงลงคงคา | พระพายพาหอมฟุ้งจรุงใจ ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
สระบุหร่ง | |||
๏ นอกกเมืองมีสระตำยลหนึ่ง | วารีลึกซึ้งเย็นใส | ||
ริมรอบขอบคันล้วนพรรณไม้ | ระบัดใบบังแสงสุริยง | ||
เป็นที่ภูธรแต่ก่อนมา | แม้นปราบข้าศึกเสร็จเสด็จสรง | ||
ประดับด้วยโกมุทบุษบง | ลินจงอุบลบัวบาน | ||
มีพลับพลาที่ประทับยับยั้ง | อยู่ริมฝั่งสระใหญ่ไพศาล | ||
สำหรับเมืองเนื่องมาแต่บุราณ | ทั้งสี่ราชฐานพารา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
พระทอง | |||
๏ แต่กรุงดาหาธานี | มีคิรีวิลิศมาหรา | ||
อยู่นอกเมืองข้างเบื้องบูรพา | มรรคาวันหนึ่งถึงบรรพต | ||
อารักษ์เรืองฤทธิ์สถิตสถาน | เชี่ยวชาญเดชาปรากฏ | ||
ย่อมเป็นที่นับถือลือยศ | แห่งชาวชนบทพระบุรี | ||
แม้นมีเหตุเภทพานประการใด | ก็บวงบนเทพไทเรืองศรี | ||
ทำตามบุราณราชประเพณี | ถึงปีไปเคารพอภิวันท์ | ||
ทั้งที่พระองค์วงศ์เทเวศร์ | ดำรงนคเรศเกษมสันต์ | ||
ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น | เป็นสุขทุกวันทุกเวลา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพิชัยเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
แสนสนุกสุขเกษมเปรมปรา | บรรดากรุงชวาไม่เทียมทัด | ||
เป็นใหญ่ยิ่งกว่าทุกธานี | แต่ก่อนทั้งบุรีสี่กษัตริย์ | ||
ประกอบด้วยแก้วเก้าเนาวรัตน์ | ไอศูรย์สมบัติศฤงคาร | ||
มีหมู่มาตยาข้าเฝ้า | สองเหล่าพลเรือนแลทหาร | ||
โยธีนับหมื่นพื้นเชี่ยวชาญ | แต่ละคนเคยชำนาญในการรบ | ||
อยู่ยงคงกระพันสาตรา | วิชาโล่เขนเจนจบ | ||
ราชรถคชสารสินธพ | เลิศลบเลือนกว่าทุกธานี ฯ | ||
ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ปางก่อนพระนครหมันหยา | ประชาราษฎร์มาตยาเกษมศรี | ||
ตั้งแต่ระตูภูมี | สุดสิ้นชีวีทิวงคต | ||
ก็เย็นเยียบเงียบเหงาเปล่าใจ | ทั่วนิเใศน์เวียงชัยชยนบท | ||
ตั้งแต่ประไหมสุหรีมียศ | โศกศัลย์รันทดทุกเวลา | ||
มีราชธิดาสามองค์ | งามทรงวงพักตร์เพียงเลขา | ||
พี่นางทรงนามสมญา | ชื่อนิหลาอระตาเทวี | ||
พระผู้ผ่านพิภพกุเรปัน | ตุนาหงันเป็นประไหมสุหรี | ||
อันระเด่นดาหลาวาตี | บุตรีที่สองรองลงมา | ||
ท้าวดาหาตุนาหงันไป | เป็นประไหมสุหรีในดาหา | ||
ยังแต่น้องนุชสุดโสภา | กัลยาแรกรุ่นจำเริญวัย | ||
ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนนีถนอมนักรักใคร่ | ||
กษัตริย์ใดมาขออรทัย | ไม่ยินยอมยกให้ไปไกลองค์ | ||
หวังจะให้เป็นเอกในเศวตฉัตร | สืบตระกูลกษัตริย์สูงส่ง | ||
อันท้าวมังกันฤทธิ์วงศ์ | ก็เนื่องในสุริย์วงศ์กันมา | ||
ได้ครอบครองสวรรยาธานี | ทรงธรรม์นั้นมีโอรสา | ||
พระคิดถึงระตูผู้มรณา | จะบำรุงพาราให้เรืองไป | ||
จึงตกแต่ของมาตุนาหงัน | ชนนีนางนั้นก็อวยให้ | ||
อภิเษกเอกองค์โอรสไว้ | ในพิชัยหมันหยาธานี ฯ | ||
ฯ ๑๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
เสวยราชสมบัติสวัสดี | สุขเกษมเปรมปรีดิ์มาช้านาน | ||
จึงมีพระโอรสา | ด้วยลิกูกัลยายอดสงสาร | ||
ชื่อกระหรัดตะปาตีกุมาร | รูปทรงสัณฐานโสภา | ||
พระบิตุเรศมารดาทั้งห้าองค์ | พิศวงจงรักหนักหนา | ||
เย็นเช้าเฝ้าชมทุกเวลา | แสนสนิทเสน่หาดังดวงใจ ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ จึ่งจัดกิดาหยันน้องน้อย | ถ้วนร้อยโปรดปรานประทานให้ | ||
ทั้งนางนมพี่เลี้ยงแลสาวใช้ | เจ้าขรัวยายผู้ใหญ่ได้บังคับ | ||
ประทานทั้งเงินทองของขวัญ | ตามขนมครบครันเครื่องประดับ | ||
สร้อยสุวรรณสังวาลบานพับ | เกี้ยวแก้วแวววับสำหรับยศ | ||
ให้ตั้งกรรมทำกิจวิทยา | พร้อมคณะพรามหาดาบส | ||
ชุบกริชประสิทธิ์ให้โอรส | เลื่องหล้าปรากฎฤทธิไกร | ||
ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยลิกูนารีศรีใส | ||
ชื่อบุษบารากายาใจ | ตุนาหงันกล่าวไว้แก่ลูกยา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ คิดจะให้ประไหมสุหรีนั้น | ทรงครรภ์พระโอรสา | ||
จะได้สืบสุริวงศ์พงศ์เทวา | ดำรงขัณฑเสมาธานี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ คิดพลางทางถวายเครื่องบวงสรวง | บำบวงเทวราชเรืองศรี | ||
ขออารักษ์หลักเมืองเรืองฤทธี | ได้ปรานีเชิญช่วยจงสคิด | ||
ให้ประไหมสุหรีนั้นมีบุตร | เป็นบุรุษรูปโฉมประโลมจิต | ||
ได้ครอบครองพระนครขจรฤทธิ์ | ลือสะท้านทั่วทิศทั้งปวง | ||
แม้นสมปรารถนาดังว่าขาน | จะแต่งแก้บนบานบวงสรวง | ||
เทียนทองชวาลาบุปผาพวง | พรรณรายรุ้งร่วงด้วยเนาวรัตน์ | ||
จะแผ่ทองเนื้อเก้าหุ้มเสาศาล | เอาตาดคำทำม่านเพดานดัด | ||
อีกทั้งทิวธงราชวัติ | ชุมสายเศวตฉัตรชัชวาล | ||
ทั้งแพะแกะโคกระทิงสิ่งละร้อย | จะปล่อยไว้ในเทวสถาน | ||
จะสมโภชเจ็ดทิวาราตรีกาล | มีงานมหรสรพครบครัน ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
ร่วมภิรมย์สมสุขด้วยทรงธรรม์ | เมื่อจวนจะมีครรภ์พระลูกรัก | ||
ราตรีเข้าที่พระบรรทม | ด้วยบรมนรินทร์ปิ่นปักษ์ | ||
บังเกิดนิมิตฝันอัศจรรยบ์นัก | ว่านงลักษณ์นั่งเล่นที่ชาลา | ||
มีพระสุริยงทรงกลด | ชักรถมาในเวหา | ||
แจ่มแจ้งแสงสว่างทั้งโลกา | ตกลงตรงหน้านางรับไว้ | ||
ครั้นนิทราตื่นฟื้นองค์ | ให้หลากจิตพิศวงสงสัย | ||
จึงทูลพระภัสดาพลันทันใด | โดยนัยนิมิตเยาวมาลย์ ฯ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราได้ทราบสาร | ||
นิ่งนึกตรึกดูก็แจ้งการ | จะมีครรภ์กุมารเป็นมั่นคง | ||
พระเร่งเกษมสันต์หรรษา | สมถวิลจินดาดังประสงค์ | ||
พอรุ่งรางสว่างแสงสุริยง | ก็อ่าองค์ทรงเครื่องรูจี | ||
เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล | นั่งเหนือแท่นสุวรรณจำรัสศรี | ||
แล้วเล่าความนิมิตเทวี | แก่โหรเฒ่าทั้งสี่ทันใด ฯ | ||
ฯ ๖ คำฯ | |||
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่โหราอัชฌาสัย | ||
พิเคราะห์ดูเห็นแจ้งไม่แคลงใจ | ต่างทูลภูวไนยไปพลัน | ||
อันพระสุบินนี้ดีนัก | จะได้โอรสรักเป็นแม่นมั่น | ||
อาจองทรงเดชดังสุริยัน | ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์ไม่ต้านทาน | ||
จะเป็นที่ดับเข็ญให้เย็นยุค | ราษฎรจะได้สุขเกษมศานต์ | ||
ซึ่งนิมิตยามจันทร์วันอังคาร | จวนเวลากาลอโณทัย | ||
สิ่งใดพระองค์ประสงค์นัก | ตำราว่าจักพลันได้ | ||
แต่ในสองเดือนถ้าเคลื่อนไป | พระอย่าไว้ชีวิตโหรา ฯ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันหรรษา | ||
จึ่งดำรัสตรัสสั่งเสนา | ให้จัดเสื้อผ้าแพรพรรณ | ||
ทั้งเงินทองข้าวของหลากหลาย | มาให้โหรผู้ทายทำนายฝัน | ||
สั่งเสร็จเสด็จจรจรัล | เข้าปราสาทสุวรรณรจนา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ เสมอ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ปะไหมสุหรีเสน่หา | ||
อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา | ประมาณเดือนหนึ่งมาก็มีครรภ์ | ||
ยิ่งผุดผาดผิวผ่องละอององค์ | ดังอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน | ||
เมื่อจวนจะถ้วนกำหนดนั้น | ให้บังเกิดอัศจรรย์จลาจล | ||
พสุธาสะเทือนเลื่อนลั่น | เป็นควันตลบทั้งเวหน | ||
มืดมิดปิดแสงพระสุริยน | ฟ้าลั่นอึงอลนภาลัย | ||
แลบพรายเป็นสายอินทรธนู | สักครู่ก็เกิดพายุใหญ่ | ||
ไม้ไล่ลู่ล้มระทมไป | แล้วฝนห่าใหญ่ตกลงมา | ||
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงฟ้าฟาดสาย | แต่มิได้อันตรายจักผ่า | ||
เย็นทั่วฝูงราษฎร์ประชา | ทั้งเจ็ดทิวาราตี ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
เสด็จยังปรางค์รัตน์มณี | ภูมีเห็นนิมิตผิดใจ | ||
เกิดมาแต่ก่อนบ่ห่อนเห็น | จะอุบัติขัดเข็ญเป็นไฉน | ||
คิดพลางย่างเยื้องคลาไคล | เสด็จออกพระโรงชัยฉับพลัน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงมีพระราชบรรหาร | ถามโหราจารย์คนขยัน | ||
ซึ่งเกิดมหัศจรรย์ | ผิดอย่างปางบรรพ์ไม่เคยมี | ||
หรือจะเป็นเหตุการณ์แก่บ้านเมือง | ระคายเคืองขุ่นข้องหมองศรี | ||
จงเร่งทำนายร้ายหรือดี | เรานี้ให้ฉงนสนเท่ห์ใจ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ขุนโหรกราบทูลแถลงไข | ||
ข้าพิเคราะห์เห็นไม่เป็นไร | แต่วันแรกนั้นได้ปรึกษากัน | ||
คูณควณสวนสอบทุกตำรา | ดูชะตานคเรศเขตขัณฑ์ | ||
วางลัคน์อินทพาทบาทจันทร์ | ก็ไม่เห็นสำคัญอันตราย | ||
เพราะอานุภาพพระโอรส | ให้ปรากฏแก่โลกทั้งหลาย | ||
ซึ่งฟ้าร้องสนั่นลั่นแลบพราย | บันดาลเป็นสายอินทรธนู | ||
จะกึกก้องเกียรติยศทั้งทศทิศ | เรืองฤทธิ์ไม่มีที่เคียงคู่ | ||
พระจะเที่ยวโรมรันพันตู | ปราบหมู่อริราชทุกบุรี | ||
อันเกิดพายุใหญ่ไม้ล้ม | ระตูจะบังคมบทศรี | ||
ซึ่งฝนตกเจ็ดวันเจ็ดราตรี | บรรณาการจะมีเนืองมา | ||
เมื่อพระชันษาสิบห้าขวบ | พระเคราะห์ร้ายประจวบกันหนักหนา | ||
จะพลัดพรากจากเมืองถึงสามครา | แต่ว่าเห็นไม่เป็นไรนัก | ||
พระจะไปได้นางในเมืองอื่น | ชมชื่นรื่นรสด้วยยศศักดิ์ | ||
แล้วจำเป็นจะจากกันทั้งรัก | พระจะได้ทุกข์นักเพราะนารี | ||
นางใจที่ประสงค์จำนงให้ | ไม่อาลัยจะสลัดหลีกหนี | ||
ซึ่งเมฆหมอกมืดมัวทั่วราตรี | บดบังรังสีสุริยน | ||
พระองค์ดั่งดวงทินกร | ทรงเดชขจรทุกแห่งหน | ||
พระโอรสยศยิ่งภูวดล | เหมือนเมฆเกลื่อนกล่นเข้าบังไว้ | ||
ซึ่งเป็นควันตลบอบอัมพร | ภูธรจะทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
ด้วยโอรสาจะคลาไคล | จำเป็นจำให้กำจัดกัน | ||
พระจะเที่ยวมะงุมมะงาหรา | ย่ำยีบีฑาทุกเขตขัณฑ์ | ||
สิบสามปีจะคืนกุเรปัน | จะได้สองนางนั้นมาธานี | ||
จึงจะเย็นแหล่งหล้าประชากร | สโมสรเป็นสุขเกษมศรี | ||
จะสมบูรณ์ยิ่งกว่าทุกวันนี้ | พระจะมีมเหสีถึงสิบองค์ | ||
บรรดากรุงชวาทั้งปวง | จะขึ้นแก่กุเรปันเป็นส่วยส่ง | ||
ข้าเห็นพร้อมกันเป็นมั่นคง | มิได้พะวงสงกา ฯ | ||
ฯ ๒๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันนาถา | ||
ฟังคำทำนายโหรา | เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นนัก | ||
จึงประทานบำเหน็จนานา | เสื้อผ้านุ่งห่มสมปัก | ||
ให้โหรเฒ่าผู้ทำนายทายทัก | แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากพระโรงคัล ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | ||
ตั้งแต่เกิดเหตุมหัศจรรย์ | นับได้เจ็ดวันเจ็ดคืนมา | ||
พระครรภ์ครบกำหนดทศมาส | จะประสูติพระราชโอรสา | ||
ให้เจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายา | ประหนึ่งว่าชีวันจะอันตราย ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | ฝูงสุรางค์นางกำนัลทั้งหลาย | ||
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่เจ้าขรัวนาย | เห็นโฉมฉายปั่นป่วนประชวรครรภ์ | ||
บ้างเข้าหนุนพระขนองประคองรับ | กำชับหมอตำแยที่แปรผัน | ||
บ้างไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | บังคมคัลทูลแถลงให้แจ้งใจ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านพิภพกรุงใหญ่ | ||
ฟังข่าวเร่าร้อนฤทัย | ภูวไนยก็รีบลีลา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงพระจึงเสด็จนั่ง | เหนือสุวรรณบัลลังก์เลขา | ||
พร้อมสี่มเหสีกัลยา | สุริย์วงศ์พงศามากมี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์ประไหมสุหรี | ||
ครั้นได้ฤกษ์พานาที | เทวีก็ประสูติพระกุมาร | ||
ชาวประโคมก็ประโคมแตรสังข์ | พร้อมพรั่งจำเรียงเสียงประสาน | ||
อันอัศจรรย์ซึ่งบันดาล | ก็อันตรธานทันใดฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีศรีใส | ||
จึงเอาข่ายแก้วแววไว | รับพระดนัยโฉฉมยง | ||
แล้วเอาน้ำดอกไม้ใสสด | มารินรดชำระสระสรง | ||
ลูบไล้ด้วยเครื่องสุคนธ์ทรง | วางลงบนยี่ภู่พานสุวรรณ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
พิศโฉมลูกยาวิลาวัณย์ | สารพันงามสิ้นทั้งอินทรีย์ | ||
ดำแดงแน่งเนื้อนวลผจง | น่ารักรูปทรงส่งศรี | ||
สมหมายเหมือนถวิลยินดี | เสน่หาพ้นที่จะพรรณนา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ท้าวนางข้างในถ้วนหน้า | ||
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่จ่าชา | ก็จัดสรรภรรยาเสนี | ||
เป็นนางสนมสมบูรณ์ด้วยรูปร่าง | ครบถ้วนตามอย่างหกสิบสี่ | ||
เว้นโทษขาวดำผอมพี | ไม่มีต่ำสูงเสมอกัน | ||
แล้วจัดเหล่านารีพี่เลี้ยง | ที่ควรเคียงถือต้องประคองขวัญ | ||
สี่อนงค์ทรงลักษณ์ลาวัลย์ | ล้วนวงศ์พงศ์พันธุ์กษัตรา | ||
กับนางกำนัลน้อยน้อย | สองร้อยรูปร่างโอ่อ่า | ||
ทั้งเงินทองของขวัญนานา | นำมาถวายทันที ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | จึงมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
กับทั้งเหล่าเสนามนตรี | แต่บรรดาที่มีบุตรนั้น | ||
ให้จัดแจงแต่งตัวทั้งแปดร้อย | ล้วนน้อยน้อยหน้าตาคมสัน | ||
พาไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ถวายเป็นข้าขวัญพระกุมาร ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศราชฐาน | ||
ชื่นชมโสมนัสเบิกบาน | จึงมีบัญชาการตรัสไป | ||
อันบุตรเสนาปาเตะ | ตั้งที่ยะรุเดะพี่เลี้ยงใหญ่ | ||
บุตรตำมะหงงเสนาใน | ตั้งให้เป็นที่ปูนตา | ||
อันบุตรดะหมังมนตรี | ตั้งเป็นที่ประสันตาครบครัน | ||
พื้นดรุณรุ่นหนุ่มน้อยน้อย | รูปร่างแช่มช้อยเฉิดฉัน | ||
พระสั่งให้ประทานรางวัล | ตามหลั่นพี่เลี้ยงแลมนตรี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายสามอนุชาเรืองศรี | ||
อีกองค์สมเด็จพระอัยกี | กับประไหมสุหรีหมันหยานั้น | ||
ทั้งระภูธรทุกประเทศ | ครั้นเห็นเหตุวิปริตผิดผัน | ||
ต่างองค์ทรงคิดอัศจรรย์ | ให้สงสัยไหวหวั่นหฤทัย | ||
บ้างให้ค้นดูตำรับข้างที่ | จดหมายเหตุคัมภีร์น้อยใหญ่ | ||
คนแก่เฒ่าก็เอามาซักไซ้ | บ้างถามไถ่โหราพฤฒาจารย์ | ||
บ้างให้หาบีกูประมาหนา | ฤาษีชีป่าในไพรสัณฑ์ | ||
ที่ได้กสิณอภิญญาณ | ก็แจ้งการทำนายมาเหมือนกัน | ||
ต่างรู้ประจักษ์แจ้งแห่งเหตุ | ผู้มีเดชลงมาจากสวรรค์ | ||
เป็นโอรสท้าวกุเรปัน | จะประสูติจากครรภ์พระชนนี | ||
อันท้าวดาหาแลกาหลัง | อีกทั้งท้าวสิงหัดส่าหรี | ||
กับองค์อัครราชเทวี | ชื่นชมยินดีเป็นสุดคิด | ||
จึงจัดของขวัญพระกุมาร | สร้อยสนสังวาลวิภูษิต | ||
มงกุฎแก้วกุณฑลตาบทิศ | ตามอย่างราชนิติบุราณมา | ||
ให้มหาเสนานำไป | ยังกรุงไกรบรมเชษฐา | ||
เฉลิมขวัญพระราชนัดดา | โดยตำราตราตั้งจิรังกาล | ||
ฝ่ายองค์สมเด็จพระอัยกี | ในหมันหยาธานีราชฐาน | ||
จัดระเด่นดาหยันกุมาร | ซึ่งเป็นวงษ์วารกษัตรา | ||
กับพี่เลี้ยงแลนางนม | ล้วนอุดมรูปทรงวงศา | ||
ชายหญิงสิ่งละร้อยโดยตรา | มอบให้เสนานำไป ฯ | ||
ฯ ๒๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาหมันหยากรุงใหญ่ | ||
ถวายบังคมลาคลาไคล | ออกจากพิชัยธานี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
เร่งรัดรีบมสิบห้าวัน | ก็ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | ||
พบทูตทั้งสามพระบุรี | พากันจรลีเข้าวังใน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปหา | ปะเตะเสนาแลดาหมัง | ||
ต่างแถลงแจ้งความให้ฟัง | แล้วพากันมาพระโรงชัย ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ท้าวนางกำนัลน้อยใหญ่ | ||
ครั้นถึงวันสมโภชพระดนัย | ก็วุ่นวายวิ่งไขว่ไปทั้งวัง | ||
เร่งให้หาโหราพราหมณ์ชี | ชาวประโคมดนตรีแตรสังข์ | ||
เอาขันสาครใหญ่ในคลัง | มันจัดแจงแต่งตั้งเตียงรอง | ||
ปักสุวรรณราชวัติฉัตรธง | รายรอบที่สรงเป็นแถวถ้อง | ||
ทั้งมะพร้าวเต่าปลาเงินทอง | จัดต้องตามธรรมเนียมเตรียมไว้ | ||
ตั้งบายศรีเงินทองสองสำรับ | แซมยอดสอดประดับดอกไม้ไหว | ||
ลังข์กลศแว่นเวียนเทียนชัย | แต่งไว้เสร็จถ้วนทุกสิ่งอัน ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
เวลาควรจวนฤกษ์ก็จรจรัล | ไปปราสาทสุวรรณพระโอรส ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
นั่งเหนือบัลลังก์รูจี | พร้อมพระมเหสีทั้งปวงหมด | ||
ต่างกราบบาทบงสุ์พระทรงยศ | พอกำหนดพระฤกษ์เวลา | ||
จึงให้เชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ | เข้าอุ้มองค์พระดนัยเสน่หา | ||
เชิญสี่บีกูนั้นเข้ามา | จำเริญเกศาพระกุมาร ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
แล้วเชิญลงสรงน้ำในสาคร | อับอบอายเกสรหอมหวาน | ||
ชีพราหมณ์โหราพฤฒาจารย์ | ต่างอ่านพระเวทย์ถวายชัย | ||
ราชครูบีกูทั้งสี่ | เอาเสาวคนธ์วารีมาสรงให้ | ||
แล้วเชิญลงอู่แก้วแววไว | อ่านมนต์แกว่งไกวไปมา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ยานี | ||||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์อสัญแดหวา | |||
ซึ่งเป็นบรมอัยการ | สถิตยังชั้นฟ้าสุราลัย | |||
จึงนิมิตกริชแก้วสุรกานต์ | นามกรพระหลานจารึกใส่ | |||
ครั้นเสร็จเสด็จจากวิมาชัย | เหาะมากรุงไกรกุเรปัน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ รัว | ||||
ร่าย | ||||
๏ ครั้นถึงจึงวางกริชลง | ข้างองค์พระกุมารหลานขวัญ | |||
อวยชัยให้พรแล้วเทวัญ | กลับคืนกระยาหงันชั้นฟ้า ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์มะเดหวีเสน่หา | |||
ประคองกรช้อนอุ้มพระลูกยา | เชิญมาจากอู่อำไพ | |||
เห็นกริชนั้นวางอยู่ข้างที่ | มารศรีหลากจิตคิดสงสัย | |||
จึงหยิบมาดูด้วยดีใจ | แล้วถวายภูวไนยฉับพลัน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
ชืนชมโสมนัสอัศจรรย์ | เอากริชนั้นออกพิจารณา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ จึงเห็นจารึกอักษร | นามกรพระโอรสา | |||
ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา | อุดากนสาหรีปาตี | |||
อิเหนาเองหยังตาหลา | เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี | |||
ดาหยังอริราชไพรี | เองกะนะกะหรีกุรปัน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรยิ่งแสนเกษมสันต์ | |||
จึงยอกรถวายอภิวันท์ | อัยกาทรงธรรม์เลิศไกร | |||
พระมาช่วยอุปถัมภ์บำรุง | จะลือเกียรติทุกกรุงน้อยใหญ่ | |||
สมคำโหรทายทำนายไว้ | ประจักษ์ในนิมิแต่เดิมมา | |||
แล้วสั่งประโคมเป็นสำคัญ | เฉลิมขวัญพระโอรสา | |||
เอาฤกษ์ได้กริชเทวา | เป็นมหามหัศอัศจรรย์ ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นเสร็จสมโภชพระดนัย | พระผู้ผ่านโภไคยไอศวรรย์ | |||
จึงสั่งพนักงานทั้งปวงนั้น | ให้จัดสรรเครื่องใช้แลเครื่องทรง | |||
มงกุฎเพชรพาหุรัดจำรัสเรือง | กับเมืองขึ้นสิบเมืองเป็นส่วยส่ง | |||
ทั้งเสนีรี้พลจัตุรงค์ | ประทานองค์โอรสยศไกร ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จเยื้องย่าง | จากปรางค์ปราสาททองผ่องใส | |||
มายังโรงคัลทันใด | เสนาในเฝ้าแหนแน่นนันต์ ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาคนขยัน | |||
จึงนำเสนีสี่เมืองนั้น | มาบังคมคัลมิทันนาน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ แล้วทูลว่าสามกษัตริย์ทรงเดช | ผู้ดำรงนคเรศราชฐาน | |||
ให้เสนีนำของมาประทาน | พระหลานรักราชสุริย์วงศ์ | |||
แต่องค์สมเด็จพระอัยกี | ให้หมันหยาธานีสูงส่ง | |||
ให้ระเด่นดาหยันโฉมยง | ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พงศ์พันธุ์ | |||
ทั้งหมู่ชายหญิงสิ่งละร้อย | ล้วนหนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน | |||
กับพี่เลี้ยงนางนมทั้งนั้น | ถวายเป็นข้าขวัญพระนัดดา ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์ศรีปัตหรา | |||
ชื่นชมโสมนัสปรีดา | จึงมีบัญชาตรัสไป | |||
ซึ่งพระมารดาการุญ | พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | |||
ท่านจงทูลแถลงให้แจ้งใจ | ว่าเราบังคมไปใต้บาทา | |||
อันพระอนุชาสามธานี | เรานี้ชอบใจเป็นหนักหนา | |||
จงจำเริญสุขทุกเวลา | อันตรายโรคาอย่าแผ้วพาน | |||
แล้วประทานเสื้อผ้าแก่เสนี | ซึ่งมาแต่สี่ราชฐาน | |||
อันระเด่นดาหยันกุมาร | พระประธานเงินทองของพึงใจ | |||
ให้อยู่ยังที่ติกาหลัง | นิเวศน์วังลูกหลวงอาศัย | |||
ครั้นเสร็จเสด็จเข้าข้างใน | เสนีกลับไปพารา ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีหมันหยา | |||
ทรงครรภ์ถ้วนทศมาตรา | ประสูติมาเป็นราชบุตรี | |||
งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง | ดำแดงนวลเนื้อสองสี | |||
ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี | นางในธานีไม่เทียมทัน | |||
องค์พระอัยกีเป็นที่รัก | ถนอมนักเชยชมภิรมย์ขวัญ | |||
บิตุราชมาตุรงค์แลพงศ์พันธุ์ | พร้อมกันประทานนามพระธิดา | |||
ชื่อจินตหราวาตีศรีสวัสดิ์ | เฉลิมวงศ์พงศ์กษัตริย์ในหมันหยา | |||
อ่อนเดือนกว่าอิเหนาพี่ยา | ทั้งสองชันษาเดียวกัน | |||
พร้อมพระพี่เลี้ยงนางนม | นักสนมกรมในสาวสวรรค์ | |||
ประโลมเลี้ยงพระธิดาดวงจันทร์ | ทุกวันทุกเวลาราตรี ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันเรืองศรี | |||
ทั้งท้าวดาหาธิบดี | สองประไหมสุหรีพี่นางนั้น | |||
จึงจัดของขวัญอันอุดม | ทั้งพี่เลี้ยงนางนมเลือกสรร | |||
ให้เสนาคุมของจรจรัล | ไปทำขวัญพระนัดดานารี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวสิงหัดส่าหรี | |||
มีโอรสแรกเริ่มเดิมที | กับประไหมสุหรีศรีโสภา | |||
เทเวศร์ให้กริชเป็นของขวัญ | เหมือนกันกับอิเหนาเชษฐา | |||
จารึกนามใส่ในกริชมา | ชื่อระเด่นสุหรานากง | |||
ครั้นท้าวกาหลังมีบุตรี | ด้วยประไหมสุหรีนวลหง | |||
ชื่อสกาหนึ่งหรัดโฉมยง | รูปทรงโสภายาใจ | |||
จึงแต่งของไปตุนาหงัน | บิตุรงค์ทรงธรรม์ก็อวยให้ | |||
ตามจารีตวงศาสุราลัย | ตุนาหงันกันได้แต่สี่เมือง | |||
อยู่มามีราชบุตรี | นวลละอองสองสีขาวเหลือง | |||
พักตร์ผ่องผิวเนื้อเรื่อเรือง | จึงให้นามตามเรื่องมารดา | |||
ชื่อระเด่นจินดาส่าหรี | พระชนกชนนีเสน่หา | |||
สามเมืองส่งเครื่องบรรณา | มาทำขวัญพระธิดานารี | |||
แล้วจัดสาวสนมกำนัล | เลือกสรรรูปทรงส่งศรี | |||
ตั้งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | เหมือนกันทั้งสี่พารา ฯ | |||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีดาหา | |||
อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา | นานมาโฉมยงทรงครรภ์ | |||
เมื่อจะประสูติพระดนัย | เวลาประจุสมัยไก่ขัน | |||
บังเกิดมหัศอัศจรรย์ | กลิ่นสุคันธรสรวยริน | |||
ดอกไม้ทุกพรรณบันดาล | เบิกบานเกสรขจรกลิ่น | |||
ภุมเรศร่อนร้องโบยบิน | ประสานเสียงเพียงพิณพาทย์ฆ้อง | |||
ดนตรีแตรสังข์ก็ดังเอง | อัศจรรย์บรรเลงกึกก้อง | |||
ครั้นอรุณรุ่งรางสร่างแสงทอง | ดังแสงรุ้งเรืองรองอร่ามไป | |||
สุรศรีดังสีธรรมชาติ | เลื่อมพรายโอภาสผ่องใส | |||
จึงประสูติธิดายาใจ | งามวิไลล้ำเลิศเพริศพราย | |||
อันอัศจรรย์ที่บันดาล | ก็อันตรธานสูญหาย | |||
ยังแต่กลิ่นหอมรวยชวยชาย | จึงถวายพระนามตามเหตุนั้น | |||
ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด | ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์ | |||
ทั้งในธรณีไม่มีทัน | ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา | |||
อันองค์มะเดหวีมีศักดิ์ | ถนอมอุ้มฟูมฟักรักษา | |||
ทั้งสามมเหสีโสภา | รักราชธิดาดังดวงใจ ฯ | |||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพดาหากรุงใหญ่ | |||
แสนสวาทพระราชดนัย | ดังดวงฤทัยทรงธรรม์ | |||
จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | คนนั้นชื่อว่าบาหยัน | |||
หนึ่งชื่อส่าเหง็ดลาวัณย์ | หนึ่งชื่อประเสหรันนารี | |||
หนึ่งชื่อปะลาหงันกัลยา | ตามตำราชื่อตั้งทั้งสี่ | |||
แล้วจัดสรรกำนัลที่รูปดี | นารีน้อยน้อยแปดร้อยปลาย | |||
บรรดาบุตรเสนาน้อยใหญ่ | ต่างคนเต็มใจเอาไปถวาย | |||
พระประทานรางวัลมากมาย | มอบให้เจ้าขรัวยายบังคับ | |||
บ้างหัดร้องลำนำจำเรียง | ประสานเสียงซักซ้อมกล่อมขับ | |||
บ้างหัดซอกกระจับปี่ตีโทนทับ | สำหรับบำเรอพระธิดา ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพกุเรปันนาถา | |||
แจ้งว่าองค์อนุชา | มีราชธิดาลาวัณย์ | |||
พระเร่งชื่นชมโสมนัส | จึงให้จัดสิ่งของไปทำขวัญ | |||
กับเครื่องบรรณาการนอกนั้น | เป็นของตุนาหงันกัลยา | |||
ขอระเด่นบุษบาโฉมยง | ให้องค์อิเหนาโอรสา | |||
ตามจารีตบุราณสืบมา | หวังมิให้วงศาอื่นปน | |||
ครั้นเสียศักดิ์สุริย์วงศ์เทเวศร์ | ก็เกิดเหตุอันตรายหลายหน | |||
ไพร่ฟ้าประชากรร้อนรน | จลาจลต่างต่างทั้งธานี | |||
ฝ่ายพระอนุชากาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
ต่างแต่งบรรณาการมากมี | ไปทำขวัญบุตรีพระพี่ยา ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | |||
ตั้งแต่มีราชธิดา | ช้านานประมาณห้าปี | |||
จึงมีโอรสยศยง | ด้วยองค์ประไหมสุหรี | |||
งามละม้ายคล้ายกันกับบุตรี | ใครเห็นเป็นที่เจริญใจ | |||
องค์อสัญแดหวาวราฤทธิ์ | เสกแสร้งนฤมิตกริชให้ | |||
วางลงข้างองค์พระดนัย | จารึกนามนั้นใส่ในกริชมา | |||
ชื่อระเด่นสียะตราหนึ่งหรัด | สืบวงศ์พงศ์กษัตริย์อสัญหยา | |||
พระชนกชนนีก็ปรีดา | เสน่หาดังดวงฤทัย | |||
สี่เมืองส่งเครื่องบรรณาการ | มาทำขวัญพระกุมารประสูติใหม่ | |||
ของขวัญตามตำรับบังคับไว้ | โดยในสุริย์วงศ์เทวา | |||
แล้วจัดสรรพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ล้วนลูกเสนีมียศถา | |||
พี่เลี้ยงเอกนั้นชื่อปุนตา | หนึ่งกะระตาหลาพี่เลี้ยงรอง | |||
หนึ่งชื่อยะรุเดะพี่เลี้ยงตรี | ที่สี่ประสันตาปัญญาว่อง | |||
ล้วนหนุ่มน้อยรุ่นรามทรามคะนอง | ตั้งต้องตามขนบครบครัน | |||
ให้บุตรขุนหมื่นพื้นน้อยน้อย | แปดร้อยกุมารากิดาหยัน | |||
ประทานเงินเสื้อผ้าสารพัน | ให้เป็นของขวัญพระลูกยา ฯ | |||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายอิเหนากุเรปันโอรสา | |||
ปรีดิ์เปรมเกษมสุขทุกทิวา | จนจำเริญชนมาสิบห้าปี | |||
งามรับสรรพสิ้นสรรพางค์ | ยิ่งอย่างเทวาในราศี | |||
ทรงโฉมประโลมใจนารี | เป็นที่ประดิพัทธ์ผูกพัน | |||
เนาในติกาหลังวังสถาน | ดังวิมานเมืองฟ้ากระยาหงัน | |||
พร้อมด้วยสุรางค์นางกำนัล | พี่เลี้ยงกิดาหยันโยธา | |||
อันศิลปศาสตร์สำหรับกษัตริย์ | ทุกสิ่งสารพัดหัดหา | |||
รำกริชกระบี่ขี่อาชา | ศึกษาซ้อมเล่นไม่เว้นวัน ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นพระสุริย์ฉายบ่ายลง | ก็แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองฉัน | |||
เสด็จจากปราสาทแก้วแพรวพรรณ | จรจรัลไปท้องสนามชัย ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นถึงพลับพลาหน้าจักรวรรดิ | ที่เคยหัดจตุรงค์น้อยใหญ่ | |||
จึงตรัสสั่งกิดาหยันทันใด | ให้เรียกมโนมัยเข้ามา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งใส่เกศา | |||
พลางพยักกวักเรียกกรมม้า | รีบจูงอาชามาฉับพลัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวากระยาหงัน | |||
จึงขึ้นทรงม้าเหลืองเครื่องสุบรรณ | ระเด่นดาหยันนั้นขี่ม้าแดง | |||
รำท่าเพลงทวนกระบวนรบ | ถ้อยทีขี่สินธพเข้มแข็ง | |||
ชักเป็นโคมเวียนเปลี่ยนแปลง | ประปรายปลายพระแสงทวนทอง ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ แล้วลงทรงกระบี่ตีเล่น | กับระเด่นดาหยันเคล่าคล่อง | |||
กรีดกรายร่ายรำเป็นทำนอง | รับรองป้องปัดไปมา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นเหนื่อยก็หยุดยับยั้ง | สถิตยังพลับพลาพลันหรรษา | |||
ทอดพระเนตรกิดาหยันโยธา | ซ้อมหัดศาตราสารพัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ ใครดีฝีมือแคล่วคล่อง | ก็ประทานเงินทองทุกสิ่งสรรพ์ | |||
พอจวนเวลาสายัณห์ | ก็จรจรัลคืนยังวังใน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เสด็จนั่งเหนืออาสน์ลาดปู | พระยี่ภู่เขยทองผ่องใส | |||
สาวสุรางค์นางบำเรอบำรุงใจ | แสนสำราญหฤทัยทุกเวลา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
อยู่จำเนียรกาลนานมา | พระมารดาสุดสิ้นทิวงคต | |||
มเหสีสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ต่างแสนโศกศัลย์กำสรด | |||
ทั้งองค์ระตูผู้มียศ | ก็ระทดพระทัยพันทวี | |||
จึงให้เชิญพระศพใส่โกศทอง | สถิตไว้ในห้องปราสาทศรี | |||
ตกแต่งตามตำแหน่งประเพณี | กษัตราธิบดีแต่ก่อนมา | |||
แล้วมีพจนารถประสาทสั่ง | อำมาตย์ดะหมังยาสา | |||
ท่านจงจัดแจงแต่งตรา | บอกบรรดาเมืองขึ้นของเรา | |||
ให้ผู้รั้งทั้งปวงหลวงปลัด | เกณฑ์ไพร่เร่งรัดไปตัดเสา | |||
กำหนดยาวใหญ่ย่อมกล่อมเกลา | ให้ได้เท่าตามอย่างช่างให้การ | |||
ทุกสิ่งสารพัดผัดแผง | จัดแจงข้าส่วยให้ช่วยสาน | |||
จงหมายบอกทุกตำแหน่งพนักงาน | จะทำการให้เสร็จในปีนี้ | |||
แล้วสั่งปาเตะตำมะหงง | ท่านจงแต่งราชสารศรี | |||
ไปดาหากุเรปันพระบุรี | ว่าพระชนนีนั้นมรณา ฯ | |||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ทั้งสี่มียศถา | ||
รับส่งแล้วบังคมลา | ออกมาจากพระโรงรูจี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ รีบเขียนหนังสือบอกหลายฉบับ | แล้วประทับปิดตราพระราชสีห์ | ||
ให้ม้าใช้ถือไปทุกธานี | ตามมีรับสั่งพระทรงธรรม์ | ||
แล้วแต่งราชสารลงลานทอง | มอบให้สองสามนต์คนขยัน | ||
จงรีบไปหากุเรปัน | สิบห้าวันให้ถึงพารา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีสองนาซ้ายขวา | ||
คำนับรับราชสารา | มาขึ้นม้าแยกย้ายกันไป ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงกุเรปันนคเรศ | ก็เข้าในนิเวศน์วังใหญ่ | ||
บอกแก่ยาสาเสนาใน | แล้วส่งสารให้ทันที ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยาสาเสนาบดีศรี | ||
พาอำมาตย์หมันหยาธานี | เข้าไปเฝ้าธุลีพระบาทา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม | นบนิ้วประนมเหนือเกศา | ||
ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | แล้วถวายสาราพระทรงธรรม์ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
คลี่สารอ่านทราบทุกสิ่งอัน | จึงมีพระบัญชาไป | ||
พระประชวรฉันใดก็ไม่รู้ | ควรหรือระตูช่างนิ่งได้ | ||
ต่อเมื่อพระสวรรคาลัย | จึ่งให้มาแจ้งกิจจา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีที่มาแต่หมันหยา | ||
ได้ฟังพจนารถประภาษมา | จึ่งสนองบัญชาพระทรงยศ | ||
แต่แรกประชวรมาได้ห้าวัน | พระโรคนั้นเห็นพอจะเปลื้องปลด | ||
โภชนาอาหารก็มีรส | เสวยพระโอสถทุกเวลา | ||
ระตูภูธรไว้พระทัย | ว่าจะไม่เป็นไรหนักหนา | ||
จึ่งว่ามิได้มีราชสารา | มาทูลกิจจาภูวไนย | ||
พระโรคนั้นกลับกลายเมื่อภายหลัง | หนักลงเหลือกำลังจะแก้ไข | ||
สองวันก็สวรรคาลัย | ภูวไนยจงทราบฝ่าธุลี ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
ได้ฟังจะแจ้งแห่งคดี | ภูมีจึงสั่งเสนา | ||
จงจัดแจงแต่งของไทยทาน | ไปช่วยการพระศพในหมันหยา | ||
สั่งเสร็จเสด็จลีลา | เข้าหาปราสาทรูจี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ชัชวาล | พร้อมห้าเยาวมาลย์มเหสี | ||
พระยื่นสารนั้นทันที | ให้ประไหมสุหรีกัลยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
คลี่สารอ่านแจ้งกิจจา | ว่าพระมารดาพิราลัย | ||
ดั่งหนึ่งพระกาญชาญฤทธิ์ | มาเด็ดดวงชีวิตไปได้ | ||
ชลเนตรฟูมฟองนองนัยน์ | สะอื้นไห้ครวญคร่ำรำพัน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ โอ้พระชนนีของลูกเอ๋ย | พระคุณเคยปกป้องประคองขวัญ | ||
เชยชมเช้าเย็นเป็นนิรันด์ | สารพันมิให้อนาทร | ||
ยังมิได้ทดแทนสนองคุณ | ซึ่งการุญรักพร่ำสั่งสอน | ||
หรือมาละลูมไว้ให้อาวรณ์ | หนีไปอมรเมืองฟ้า | ||
พระประชวรโรคคันคุ้งบรรลัย | ก็มิได้พิทักษ์รักษา | ||
เสียแรงที่อุ้มท้องประคองมา | กัลยาร่ำพลางทางโศกี ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นค่อยเคลื่อนวายเทซษ | จึงกราบทูลภูวเรศเรืองศรี | ||
ข้าขอบังคมลาฝ่าธุลี | ไปดูแลเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
นิ่งนึกตรึกไตรไปมา | ครั้นจะให้กัลยาคลาไคล | ||
เกลือกระตูผู้ผ่านแผ่นดิน | จะดูหมิ่นประมาทหาควรไม่ | ||
จะเสียเกียรติยศปรากฏไป | ทุกกรุงไกรจะติฉินนินทา | ||
คิดพลางทางปลอบมเหสี | อย่ากันแสงโศกีฟังพี่ว่า | ||
อันเกิดแล้วไม่แคล้วมรณา | ถึงพรหมินทร์อินทราก็เหมือนกัน | ||
ซึ่งจะส่งสักการพระมารดา | ยังนครหมันหยาเขตขัณฑ์ | ||
กันดารโดยมาคาอารัญ | ทั้งทรงครรภ์ได้แปดเดือนปลาย | ||
เกลือกจะเกิดเหตุใหญ่ขึ้นในป่า | จะลำบากายาโฉมฉาย | ||
รู้ไปถึงไหนจะได้อาย | เขาจะฉินยินร้ายทุกพารา | ||
เจ้าจงจัดแจงแต่งไทยทาน | ส่งสักการพระศพดีกว่า | ||
ให้อิเหนาลูกเราลีลา | ก็เหมือนกับกัลยาคลาไคล ฯ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
ได้ฟังภิปรายค่อยคลายใจ | อรไททูลสนองพระวาจา | ||
ซึ่งพระอง๕ืตรัสโปรดมาทั้งนี้ | เห็นชอบท่วงทีเป็นหนักหนา | ||
ว่าแล้วถวายบังคมลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
จึงตรัสสั่งดะหมังมิทันนาน | จงรีบไปแจ้งการอนุชา | ||
เราจะให้ระเด่นมนตรี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
จะจัดแจงใครไปก็ให้มา | สองเมืองจะได้พากันคลาไคล ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ดะหมันรับสั่งบังคมไหว้ | ||
มาเร่งรัดจัดกันทันใด | พร้อมเหล่าบ่าวไพร่แล้วไคลคลา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาถึงทางร่วมพนาลี | ก็พบพวกเสนหมันหยา | ||
ต่างคนต่างรีบเร่งมา | ก็ถึงกรุงดาหาพร้อมกัน | ||
จึงไปหาปาเตะเสนี | แถลงเล่าคดีขมีขมัน | ||
พอเพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันไปพระโรงรูจี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ จึงก้มเกล้าประณตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านดาหากรุงศรี | ||
อำมาตย์หมันหยาธานี | อัญชลีทูลถวายสารา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
คลี่สารอ่านแจ้งในกิจจา | ให้สังเวชวิญญาณ์จาบัลย์ | ||
จึงสั่งคลังวิเศษศุภรัต | จงจัดไทยทานทุกสิ่งสรรพ์ | ||
แล้วถามดะหมังกุเรปัน | พระทรงธรรม์ใช้มาว่าไร ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ดะหมังบังคมแถลงไข | ||
บัดนี้พระเชษฐาบัญชาใช้ | มาทูลให้ทราบธุลีพระบาทา | ||
พระจะให้องค์ระเด่นมนตรี | เสด็จไปบุรีหมันหยา | ||
อันเครื่องไทยทานการนานา | ให้พร้อมแต่สิบห้าราตรี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ท้าวดาหาสุริย์วงศ์เรืองศรี | ||
ได้แจ้งแห่งคำเสนี | ภูมีนิ่งนึกตรึกไตร | ||
พระเชษฐาน่าจะแหนงฤทัยอยู่ | ด้วยระตูจะประมาทหมิ่นได้ | ||
หวังมิให้กัลยาคลาไคล | จึงอุบายเป็นนัยมาดังนี้ | ||
คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง | ดะหมังจงคืนไปกรุงศรี | ||
ทูลพระเชษฐาธิบดี | ว่าเราอัญชลีพระบาทา | ||
จะให้เสนานำของไป | ยังนิเวศเวียงชัยพระเชษฐา | ||
บรรจบกับอิเหนานัดดา | ไปเขตขัณฑ์หมันหยาธานี | ||
สั่งเสร็จเสด็จยุรยาตร | ไปปราสาทองค์ประไหมสุหรี | ||
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | พระส่งสารศรีให้กัลยา ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
คลี่สารอ่านพลันมิทันช้า | แจ้งว่าชนนีทิวงคต | ||
นางตระหนกอกสั่นขวัญหาย | เพียงจะวายชีวิตปลิดปลง | ||
สองกรข้อนอุรารันทด | พิไรร่ำกำสรดโศกา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ โอ้ว่าพระมารดาเจ้า | พระบาทเคยปกเกล้าเกศา | ||
เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | มิให้เคืองวิญญาณ์เท่ายองใย | ||
พระเจ็บไข้ก็มิได้พยาบาล | จะรู้ข่าวอาการก็หาไม่ | ||
จนสุดสิ้นชีวันบรรลัย | ลูกมิได้เห็นใจพระมารดร | ||
ร่ำพลางทางทรงโศกี | ทอดองค์ลงกับที่บรรถรณ์ | ||
ดังจะม้วยชีวาด้วยอาวรณ์ | บังอรไม่เป็นสมประดี ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นค่อยคลายอาดูรจึงทูลไป | ภูวไนยจงโปรดเกศี | ||
ข้าขอบังคมลาไปธานี | ดูเปลวอัคคีพระมารดา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
จึ่งโลมเล้าเอาใจไปมา | เจ้าอย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย | ||
อันกำเนิดเกิดมาในสากล | ใครจะพ้นมรณะก็หาไม่ | ||
จงระงับดับความอาลัย | ถึงโศกไปใช่ที่จะเป็นมา | ||
ซึ่งเจ้าว่าจะลาบทจร | ไปนครเขื่อนขัณฑ์หมันหยา | ||
ในฤดูเดือนนี้จะลีลา | กันดารโดยมรคาท่าทาง | ||
ฝูงโขมดมายาย่อมอาเพศ | ให้เกิดเหตุอันตรายหลายอย่าง | ||
ใช่จะแกล้งเกียดกันกั้นทาง | ถึงพี่นางก็ไม่ไคลคลา | ||
โฉมยงจงจัดไทยทาน | ส่งสักการพระศพจะดีกว่า | ||
ให้เสนีนำไปด้วยนัดดา | ก็เหมือนกัลยาคลาไคล ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
ได้ฟังบัญชาภูวไนย | อรไทค่อยคลายโศกา | ||
จึงมีเสาวนีย์ตรัสสั่ง | พนักงานชาวคลังซ้ายขวา | ||
จงจัดเครื่องไทยทานนานา | จะให้ไปหมันหยาธานี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนางพนักงานสาวศรี | ||
รับสั่งแล้วรีบจรลี | มาจัดตามเสาวนีย์กัลยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ สิ่งของไทยทานก็เตรียมพร้อม | ทั้งเครื่องหอมเนื้อไม้กฤษณา | ||
ครั้นเสร็จให้ขนเข้ามา | ถวายองค์กัลยาทันที ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | ||
เคารพจบพระหัตถ์ด้วยยินดี | เทวีสมาโทษพระมารดา | ||
จึงตรัสสั่งสาวสวรรค์ทันใด | ให้ขนของไปข้างหน้า | ||
มอบให้ดะหมังเสนา | ไปด้วยนัดดาโดยลำพัง ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | นางกำนัลคำนับรับสั่ง | ||
จึงขนของออกไปจากวัง | มอบให้ดะหมังทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ดะหมังนั่งตรวจดูถ้วนถี่ | ||
ให้เสมียนจดหมายรายบัญชี | ผูกถือใส่ที่แล้วตีตรา | ||
ให้ขนสิ่งของบรรทุกช้าง | เหลือนั้นใส่ต่างมหิงสา | ||
ครั้นเสร็จก็ยกโยธา | ออกจากพารารีบไป ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เร่งรัดพลมาสิบห้าวัน | ก็ถึงกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
ครั้นเวลาเข้าเฝ้าท้าวไท | ก็เข้าไปพระโรงรัตนา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงส์ | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
ทูลแถลงแจ้งความตามกิจจา | ให้ทราบบาทาทุกสิ่งไป ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเป็นใหญ่ | ||
ได้ฟังดะหมังเสนาใน | จึงตรัสไปแก่องค์พระลูกยา | ||
เจ้าจงคุมของสองธานี | ไปปลงศพอัยกียังหมันหยา | ||
แทนองค์พระราชมารดา | กับประหมันดาหาเวียงชัย | ||
แล้วดูโยธีที่ทำงาน | แม้นเห็นการล่าแล้เป็นไฉน | ||
บอกกมาจะเพิ่มพลไกร | ไประดมทำให้ทันที | ||
เสร็จแล้วลูกแก้วอย่าอยู่ช้า | เร่งกลับมากุเรปันกรุงศรี | ||
จึงตรัสสั่งปาเตะเสนี | จงตรวจเตรียมโยธารี้พล | ||
ท่านไปด้วยช่วยดูเป็นผู้ใหญ่ | เอาใจใส่อย่าให้มีเหตุผล | ||
สั่งเสร็จเสด็จจรดล | ขึ้นสู่ไพชยนต์ปราสาทชัย ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็คลาไคล | กลับไปอยู่ที่ภูมี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
ออกมาจัดพลโยธี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ยานี | |||
๏ ขุนช้างต่างผูกคชสาร | เคยชำนาญการณรงค์แกล้วกล้า | ||
ขุนม้าก็ผูกอาชา | เบาะอานพานหน้าประดับดาว | ||
ขุนรถตรวจเตรียมเทียมพาชี | สลับสีเหลืองกะเลียวเขียวขาว | ||
ขุนพลจัดพลเดินเท้า | นายหมวดตรวจบ่าวพร้อมเพรียง | ||
พวกทำที่ประทับพลับพลา | ให้ล่วงหน้ารีบไปแต่ในเที่ยง | ||
จัดแจงหาบคอนผ่อนเสบียง | ตามเยี่ยงอย่างเสด็จยาตรา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
@ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีโอรสา | ||
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา | เสด็จมาสระสรงสรรพางค์ ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โทน | |||
๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | น้ำมันจันทน์บรรจงทรงพระสาง | ||
สอดใส่สนับเพลาพลาง | ทรงภูษาแย่งอย่างลายกระบวน | ||
ฉลององค์โหมดม่วงร่วงระยับ | อบอุหรับจับกลิ่นหอมหวน | ||
เจียระบาดตาดทองแล่งล้วน | เข็มขัดคาดค่าควรพระนคร | ||
กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ทับทรวงสังวาลห้อยสร้อยอ่อน | ||
ตาบกุดั่นประดับทับซ้อน | ทอกรเก้าคู่ชมพูนุท | ||
ธำมรงค์เพชรแพรวแวววับ | กรรเจียกปรับรับทรงมงกุฎ | ||
เหน็บกริชฤทธิรอนสำหรับยุทธ์ | งามดั่งเทพบุตรบทจร ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี | |||
ร่าย | |||
๏ มาทรงรถแก้วแววไว | เสนาในกราบกรานอยู่สลอน | ||
สั่งให้ยกโยธาพลากร | บทจรออกจากนิวศน์วัง ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โทน | |||
๏ รถเอ๋ยราชรถแก้ว | จำหลักลายพรายแพร้วพลอยฝัง | ||
งามงอนอ่อนแอกแปรกบัง | บุษบกที่นั่งบัลลังก์ลอย | ||
หน้ากระดานฐานปัทม์บัวหงาย | กระจังรายรจนาตาอ้อย | ||
กระหนกเกรินท้ายรถชดช้อย | เพลาพลอยประดับทับทิมแดง | ||
เทียมสินธพที่นั่งทั้งสี่ | สารถีขี่ขับเข้มแข็ง | ||
ทหารม้าเกณฑ์หัดจัดแจง | เดินแซงสองข้างมรคา | ||
ประดับด้วยเครื่องสูงชุมสาย | ธงชายปลายเชือกนั้นนำหน้า | ||
เยียดยัดจัตุรงค์โยธา | ไคลคลามาในไพรพนม ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
ชมดง | |||
๏ เดินเอยเดิทาง | สองข้างพ่างพื้นรื่นร่ม | ||
พี่เลี้ยงเคียงคอยบังคม | พระชี้ชมรุกขาชาติดาษเดียร | ||
บ้างผลิดอกออกผลพวงดก | ดั่งไม้ฉากกระจกจีนเขียน | ||
ป่าระหงดงยางนางตะเคียน | ใต้ต้นแลเตียนสะอาดตา | ||
มะลิวัลย์พันพุ่มคัดค้าว | ฤดูดอกออกขาวทั้งราวป่า | ||
บ้างเลื้อยเลี้ยวเกี้ยวกิ่งเหมือชิงช้า | ลมพาพัดแกว่งดังแกล้งไกว | ||
ร่มรังบังแสงทินกร | ที่หาบคอนเรื่อยล้าเข้าอาศัย | ||
สารวัดรัดเร่งพลไกร | คลาไคลไปตามมรคา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
ร่าย | |||
๏ แต่แรมรอนนอนในพนาเวศ | มาถึงเขตนครหมันหยา | ||
หยุดประทับยั้บยั้งโยธา | เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ขุนด่านแจ้งความถ้วนถี่ | ||
จึงเหยียบโกลนโผนเผ่นขึ้นพาชี | ขับขี่ตีควบเข้าเวียงชัย ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงตรงไปหา | ทั้งสี่เสนาผู้ใหญ่ | ||
เรียนคดีชี้แจงให้แจ้งใจ | โดยนัยอนุสนธิ์แต่ต้นมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีได้ฟังไม่กังขา | ||
ก็เข้าไปในพระโรงรัตนา | กราบทูลกิจจาทุกประการ | ||
บัดนี้อิเหนากุเรปัน | ยกพวกพลขันธ์มาถึงด่าน | ||
จะเข้ามาประณตบทมาลย์ | ภูบาลจงทราบพระบาทา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
ได้ฟังจึงสั่งเสนา | จงไปรับนัดดามาธานี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี | ||
ออกมาเกณฑ์กันทันที | เร่งรัดสัสดีเอาผู้คน | ||
บ้างเบิกเสื้อเบิกหมวกอลหม่าน | ทั่วทุกพนักงานสับสน | ||
พรั่งพร้อมโยธีรี้พล | เสนานำพหลเกณฑ์แห่ไป ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | องค์ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
บังคมทูลแถลงให้แจ้งใจ | ระตูให้มารับเข้าบุรี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
ได้ฟังตำมะหงงเสนี | จึงตรัสสั่งทั้งสี่พี่เลี้ยง | ||
วันนี้เราจะเข้าพระนคร | อย่าให้ทันแดดร้อนก่อนเที่ยง | ||
จงจัดทหารแห่เป็นคู่เคียง | ให้พร้อมเพรียงแต่ในบัดนี้ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี | ||
มาจัดพลจัดพวกพาชี | ทหารแห่ให้ขี่คู่กัน | ||
แล้วนุ่งห่มสมตัวตกแต่ง | ตามตำแหน่งเสนากิดาหยัน | ||
ปลายเชือกให้ชาวหมันหยานั้น | จัดกันเดินหน้านำพล | ||
เหล่ากำนัลเชิญพระแสงสำหรับตาม | ล้วนงามงามต้นเหลี่ยมหลังถนน | ||
เข้าขบวนถ้วนทั่วทุกตัวคน | แล้วผูกม้าต้นเตรียมไว้ | ||
สารวัดจัดตรวจเป็นหมวดกอง | ทวนทองธงทิวปลิวไสว | ||
คอยเสด็จยาตราคลาไคล | คับคั่งทั้งในแดนดง ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสูงส่ง | ||
เสด็จจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาสระสรงวารินกลิ่นเกลา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ลงสรงสุหร่าย | |||
๏ ทรงสุคนธ์ปนทองชมพูนุท | นวลละอองผ่องผุดดังหล่อเหลา | ||
พระฉายตั้งคันฉ่องส่องเงา | สอดใส่สนับเพลาเพราผจง | ||
ทรงภูษายกแย่งอย่างนอก | พื้นม่วงดอกดวงตันหยง | ||
โหมดเทศริ้วทองฉลององค์ | กระสันทรงเจียระบาดคาดทับ | ||
ปั้นเหน่งเพชรลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีศรีสลับ | ||
เฟื่องห้อยสร้สอยสังวาลพานพับ | ทองกรแก้วประดับดวงจินดา | ||
สอดใส่ธำมรงค์เรือนครุฑ | ทรงมงกุฎห้อยพวงบุปผา | ||
เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา | เสด็จมาขึ้นทรงสินธพ ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญเจนจบ | ||
เคล่าคล่องทีทวนกระบวนรบ | ไม่หลีกหลบเลื่อมตื่นปืนประทัด | ||
เผ่าโผนโจนฝ่ามากลางพล | ผู้คนเดินกีดก็ดีดกัด | ||
ม้ากิดาหยันตามเยียดยัด | ม้าแห่แออัดรัถยา | ||
ม้าระเด่นดาหยันเดินรอง | ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองซ้ายขวา | ||
พนักงานกั้นกลดรจนา | บังแสงสุริยาตรัสไตร | ||
อภิรุมชุมสายสีประเทือง | ธงเทียวเขียวเหลืองล้วนใหม่ใหม่ | ||
สนั่นเสียงฆ้องกลองก้องไพร | รีบรนพลไกรเข้าในเมือง ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | หญิงชายระบือลือเลื่อง | ||
มาคอยภูวไนยนองเนือง | นั่งเนื่องแน่นถนนไปจนวัง | ||
บ้างกลัวต่ำสูงจูงลูกหลาน | ลงจากร้านขายผ้าหน้าถัง | ||
บ้างลดไม่ค้ำฝาหน้ากระชัง | มาแทรกเสียดเบียดบังนั่งปน | ||
ที่หญิงปากกล้าก็ด่าทอ | เพิดพ้อผลักไสพิไรบ่น | ||
ปะชายโฉงเฉงข่มเหงคน | ปากลนปะเตะเล่นก็เป็นไร | ||
ที่ทาง........ได้ที่ไหนมา | จะนิ่งดูแต่ตาก็ไม่ได้ | ||
ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะกันอึงไป | ฮึดฮัดขัดใจเต็มที | ||
ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามปราม | ข้าขอความเอ็นดูอย่าจู้จี้ | ||
มิใช่คนชั่วช้าหน้าตาดี | ไม่พอที่จะโมโหโกรธา | ||
ครั้นได้เห็นองค์พระทรงธรรม์ | งามดังอสัญแดหวา | ||
พิศวงงงไปในพริบตา | ทั่วทั้งไพร่ฟ้าประชากร | ||
หญิงชายชาวเมืองก็หมอบกราน | ทุกบ้านบังคมอยู่สลอน | ||
บ้างร้องอำนวยอวยพร | ราษฎรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ทหารแห่คับคั่งทั้งวิถี | ||
เห็นหญิงสาวสาวชาวบุรี | หน้าไหนใครดีก็แลดู | ||
บ้างกระซิบบุ้ยปากบอกกัน | รูปร่างนางคนนั้นขยันอยู่ | ||
ที่หนุ่มหนุ่มนักเลงเหล่าเจ้าชู้ | เอาปูนพลูซัดหยอกแล้วยิ้มพราย | ||
บ้างชักม้าพยศย่างขวางถนน | สะดุดคนเหยียบของเขากองขาย | ||
บ้างโผนผกหกมุ่นวุ่นวาย | ตื่นตะกายเกะกะเข้าระรั้ว | ||
พวกผู้หญิงวิ่งวุ่นอลวน | ลางคนผ้าห่อมหายขายหน้าผัว | ||
บ้างแฝงฝาหน้าถังบังตัว | บ้างหัวบ้างโกรธโกรธา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์อสัญแดหวา | ||
เร่งขับมโนมัยไคลคลา | มรคาคับคั่งผู้คน | ||
ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง | เสด็จลงจากหลังม้าต้น | ||
จึงให้หยุดโยธีรี้พล | ชวนระเด่นดาหยันยาตรา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เข้าในพระโรงรัตน์รูจี | เห็นเสนีเฝ้าแหนแน่นหนา | ||
จึงถวายบังคมคัลวันทา | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจมาน | ||
ปราศรัยไต่ถามพระนัดดา | ซึ่งเจ้ามาท่าทางทุรัศสถาน | ||
เดินโดยอรัญกันดาร | โยธาทวยหาญยังพร้อมมูล | ||
พระชนกชนนีทั้งสอง | ครอบครองโภไคยไอศูรย์ | ||
เสวยรมย์สมบัติบริบูรณ์ | ทั้งประยูรสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | ||
อันฝูงไพร่ฟ้าประชาชน | ทั้งเสนาสามนต์พลขันธ์ | ||
อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมกัน | เหมือนแต่ก่อนกระนั้นหรือนัดดา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | อิเหนาอภิวันท์หรรษา | ||
ทูลว่าแต่ยกพลมา | เดินโดยมรคาสิบห้าวัน | ||
อันพวกพหลพลไกร | ไม่มีเหตุเภทภัยในไพรสัณฑ์ | ||
สมเด็จพระบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ก็เสวยไอศวรรย์เปรมปรีดิ์ | ||
ถ้วนหน้าผาสุกไม่ทุกข์ร้อน | ไพร่ฟ้าประชากรเกษมศรี | ||
ปราศจากอันตรายราคี | มิได้มีภัยพานประการใด | ||
แต่องค์พระชนนีนั้น | ทรงครรภ์แก่เกือบไม่มาได้ | ||
ให้ข้าคุ้มของสองเวียงชัย | มาปลงศพท่านไทยอัยกี | ||
แม้นพระเมรุเกณฑ์ทำไม่ทันการ | จะแจ้งสารไปให้ทราบบทศรี | ||
พระเพิ่มเติมพลมนตรี | ทั้งสองบุรีมาทำการ ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องสนองสาร | ||
ซึ่งสององค์บรรจงไทยทาน | ให้หลานมาช่วยถึงพารา | ||
พระคุณนั้นหาที่สุดไม่ | จะเลื่องชื่อลือไปทุกทิศา | ||
อันการศพสมเด็จพระมารดา | ก็จัดแจงทำมาไม่เงือดงด | ||
แต่ยังหาได้ตั้งพระเมรุไม่ | ตัวไม้ปรับปรุงไว้พร้อมหมด | ||
หลานมาน้าสมมโนรถ | จะรีบกำหนดให้แน่ลง | ||
ว่าพลางทางมีบัญชา | ตรัสสั่งเสนาตำมะหงง | ||
จงแต่งที่ประเสบันอากง | ให้องค์อิเหนากุเราปัน ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน | ||
มาจัดแจงแต่งที่ประเสบัน | ช่วยกันอุตลุดทั้งไพร่นาย | ||
บ้างกั้นฉากแพรลับแลตั้ง | กรมวังวงพระสูตรรูดสาย | ||
จัดแจงแต่งตำหนักยักย้าย | เพดานดาดรายดารากร | ||
บ้างตกแต่งพระยี่ภู่ปูอาสน์ | ชาวที่ทอดราชบรรจถรณ์ | ||
ที่เสวยที่สรงสาคร | เสร็จตามภูธรบัญชาการฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน | ||
จึงตรัสสั่งพฤฒาโหราจารย์ | ให้หาฤกษ์ตั้งการกำหนดวัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ขุนโหรผู้ใหญ่คนขยัน | ||
คลี่ตำราขับไล่ลัคน์จันทร์ | ดูโฉลกโชคชั้นทันที | ||
จึงนบนิ้วประนมบังคมทูล | นเรนทร์สูรจงทราบบทศรี | ||
กำหนดเชิญพระศพฤกษ์ดี | เดือนสี่สิบค่ำวันอังคาร ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาได้ฟังสาร | ||
จึงสั่งเสนีพนักงาน | จงจัดการพระเมรุเกณฑ์กัน | ||
นายมุลขุนหมื่นทุกหมู่หมวด | สมทบสี่ตำรวจกวดขัน | ||
เครื่องประดับพระศพครบครัน | รีบทำให้ทันกำหนดไว้ | ||
สั่งพลางทางกล่าววาที | ชวนระเด่นมนตรีศรีใส | ||
ทั้งระเด่นดาหยันคลาไคล | เสด็จไปไหว้ศพพระอัยกี ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | ศพพระอัยกีด้วยปรีดา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
จึงมีพระราชบัญชา | สั่งกำนัลกัลยาฉับพลัน | ||
จงไปเชิญองค์ประไหมสุหรี | กับบุตรีขึ้นมาขมีขมัน | ||
บอกว่าอิเหนากุเรปัน | มาอภิวันท์พระศพอยู่บนนี้ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | นางกำนัลประณตบทศรี | ||
รับสั่งพระผู้ทรงธรณี | แล้วรีบจรลีออกมา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมไหว้ | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
ทูลว่าอิเหนานัดดา | เสด็จมาอยู่ที่พระศพนั้น | ||
บัดนี้พระผู้ผ่านเวียงชัย | ให้เชิญสองอรทัยผายผัน | ||
ขึ้นไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ยังสุวรรณปราสาทรูจี ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงค์องค์ประไหมสุหรี | ||
จึงชวนจินตะหราวาตี | เข้าที่สรงสนานสำราญกาย ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ สองกษัตริย์ขัดสีฉวีวรรณ | นางกำนัลตั้งสุคนธ์คอยถวาย | ||
ทรงอุหรับจับกลิ่นอบอาย | น้ำกุหลาบละลายกรายกรีดนิ้ว | ||
กวดเกล้าเปลาปลายพระฉายส่อง | ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว | ||
ทรงภูษายักแย่งแพลงพลิ้ว | ห่มริ้วทองทับซับใน | ||
สร้อยสะอิ้งสังวาลบานพับ | ตามประดับมรกตสดใส | ||
ทองกรแก้วมณีเจียระไน | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
ทรงมงกุฎสำหรับพระธิดา | ห้อยอุบะบุหงาตันหยง | ||
พรั่งพร้อมสุรางค์นางอนงค์ | สององค์เสด็จคลาไคล ฯ | ||
ร่าย | |||
๏ ครั้นถึงจึงบังคมบรมศพ | แล้วนอบนบอภิวันท์ท้าวหมันหยา | ||
พลางทอดพระเนตรแลมา | ดูพระนัดดาธิบดี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
จึงถวายอภิวันท์อัญชลี | องค์ประไหมสุหรีศรีดสภา | ||
แล้วทำทีมิให้ใครสังเกต | ชำเลืองเนตรดูระเด่นจินตหรา | ||
งามอ่อนจริตกิริยา | ลักขณาเลิศล้ำนารี | ||
พีศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง | ผิวเนื้อนวลละอองสองสี | ||
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ | ภูมีดูนางไม่วางตา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
พินิจพิศพักตร์พระนัดดา | กัลยาแย้มพรายทายทัก | ||
แต่เจ้ากำเนิดเกิดมา | ถึงเพียงนี้น้าเพิ่งรู้จัก | ||
ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์ | สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวัญ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
จึงทูลว่าคิดอยู่ก่อนนั้น | จะใคร่มาอภิวันท์พระบาทา | ||
พึ่งจะสมจินดาครานี้ | มีความยินดีเป็นหนักหนา | ||
ทูลพลางชำเลืองนัยนา | ดูระเด่นจินตะหราด้วยใจรัก ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีมีศักดิ์ | ||
เห็นอิเหนาเฝ้าดูอดสูนัก | นงลักษณ์แอบหลังพระชนนี | ||
พลางชม้ายชายเนตรดูเชษฐา | นัยนาแลสบก็หลบหนี | ||
หมอบเมียงเอียงอายเป็นท่วงที | เทวีขวยเขินสะเทินใจ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | ||
จึงตรัสแก่ธิดาทันใด | เป็นไรไม่ไหว้พี่ยา | ||
จงฝากตัวไว้ให้รู้จัก | จะได้พึ่งพำนักในภายหน้า | ||
อันองค์อิเหนานัดดา | ก็แก่เดือนกว่าเทวี | ||
อย่าทำกระแหน่แง่งอน | อะหนะก็อ่อนกว่าพี่ | ||
มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมี | เจ้าจงอัญชลีพี่ยา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | ||
ฟังพระชนนีตรัสมา | กัลยาอายเอียงเมียงมัน | ||
เหลือบไปปะเนตรภูวไนย | ยิ่งสะเทินฤทัยไหวหวั่น | ||
อุตส่าห์ขืนอารมณ์บังคมคัล | อิเหนากุเรปันแล้วก้มพักตร์ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ | ||
เหลือบไปรับไหว้นางนงลักษณ์ | พิศพักตร์ผิวเนื้อนวลละออง | ||
ลำลำจะใคร่ตรัสปราศรัย | แต่หากเกรงท้าวไททั้งสอง | ||
ให้คิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งตรึกตรองไปมา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
เห็นอิเหนาเฝ้าดูธิดา | ก็แจ้งในกิริยาอาการ | ||
พระแสร้งทำเฉยเชือนเหมือนไม่รู้ | ยิ้มอยู่ในหน้าไม่ว่าขาน | ||
นิ่งนึกตรึกตราไปช้านาน | แล้วภูบาลบัญชาพาที | ||
สั่งประไหมสุหรีมีศักดิ์ | ว่าหลานรักมาอยู่ในกรุงศรี | ||
จงแต่งโภชนาสาลี | ให้นารีไปส่งทุกวัน | ||
สั่งพลางทางตรัสแก่นัดดา | วันนี้เหนื่อยมาจงผายผัน | ||
ไปหยุดพักอยู่ตำหนักประเสบัน | ให้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สำราญ ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีได้ฟังสาร | ||
จึงบังคมก้มพักตร์พจมาน | จวนเย็นแล้วหลานจะทูลลา | ||
พระคลานคล้อยถอยองค์ออกมาพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | ||
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | แล้วลีลาลงจากอัฒจันทร์ | ||
ชวนระเด่นดาหยันยุรยาตร | มาทรงอัศวราชผายผัน | ||
ทวยหาญแห่แหนแน่นนันต์ | ไปยังประเสบันอากง ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์ | ||
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่ไสยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ พระยอกรก่ายวิลาสพาดพักตร์ | ถวิลถึงน้องรักจินตะหรา | ||
โฉมงามทรามสวาทเเพียงบาดตา | ใต้ฟ้าหาไหนไม่ทัดเทียม | ||
งามจริตกิริยาเป็นน่าชม | แต่บังคมพี่ชายก็อายเหนียม | ||
ที่ลอบแลโฉมน้องลองเลียม | งามเสงี่ยมเจียมจิตพี่ติดใจ | ||
เมื่อชม้ายมาสบหลบเนตรหนี | ท่วงทีที่ทำยังจำได้ | ||
ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย | เร่าร้อนฤทัยเกรียมตรม | ||
จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย | จะได้เชยชวนชิดสนิทสนม | ||
แต่ระลึกตรึกตราเป็นอารมณ์ | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายทั้งซ้ายขวา | ||
ให้จับการทุกด้านดังบัญชา | ตรวจตราหน้าที่ทำพระเมรุ | ||
ลากเสาเข้าที่ทั้งสี่ต้น | ผู้คนอึงอัดขัดเขมร | ||
บ้างขุดหลุมลงลุยคุ้ยเลน | บ้างกะเกณฑ์กันตั้งนั่งร้าน | ||
เอาเชือกผูกแทงทบครบเสา | ได้ฤกษ์เร่งคนเข้าขันกว้าน | ||
ตั้งไม่ใช้เดินรอกตะพาน | คนประจำทำงานไม่เงือดงด | ||
พวกทำเมรุทิศทั้งนั้น | ก็พร้อมกันยกตั้งขึ้นทั้งหมด | ||
ติดตะม่อสองชั้นเป็นหลั่นลด | นายช่างกำหนดอำนวยการ | ||
เจ้าหน้าที่สามสร้างต่างมาจับ | ชักระดับปลายเสาเสมอสมาน | ||
บ้างใส่สอดรอดพรึงตรึงกระดาน | เสียงสิ่วเสียงขวานอึงอล ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พวกวิเสทแต่งสำรับสับสน | ||
ครั้นเพลาจวนเที่ยงจะเลี้ยงคน | ก็รีบล้นขนสำรับมาฉับไว | ||
กรมวังนั่งจ่ายให้นายด่าน | พวกทำการเมรุทิศเมรุใหญ่ | ||
ข้าวกระทงส่งมาแต่ข้างใน | เจ้าขรัวนายเกณฑ์ให้ทำทุกเรือน | ||
ประชาชนชายหญิงเอาสิ่งของ | มาถวายกรายกองไว้กล่นเกลื่อน | ||
แจกให้ไพร่สมระดมเดือน | ทั้งทหารพลเรือนทั่วกัน ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีสี่ตำรวจกวดขัน | ||
นายด้านทำการพระเมรุนั้น | ทั้งกลางคืนกลางวันเร่งรัด | ||
ให้ยกดูกผูกเชือกแย่งระบาง | ยอดปรางค์นภศูลสวมฉัตร | ||
ตำรวจในไม้สูงสันทัด | ขึ้นผูกแผงผัดจัดกระจัง | ||
ติดชั้นเชิงบาตรบัวหงาย | เรียงรายเทพนมยืนนั่ง | ||
บัญชรชัชวาลบานบัง | ฝาผนังหลังคากระยารงค์ | ||
พนักงานด้านทำพระเมรุทอง | ก็ติดตัวลำยองหางหงส์ | ||
หน้ากระดาษฐานปัทม์ไม่ขัดทรง | บรรจงตั้งเครื่องพระเบญจา | ||
เพดานดาราระย้าย้อย | ผูกห้อยภู่พวงบุปผา | ||
ฉากกระจกยกตั้งบังตา | แต่งที่เป็นข้างหน้าข้างใน | ||
บ้างตั้งไม้กระถางวางรูปสัตว์ | รอบจังหวัดบริเวณพระเมรุใหญ่ | ||
รูปกินอ้อนแอ่นเอาใจ | วางไว้ริมมุขทุกทิศ | ||
ซุ้มดอกไม้รุ่งรายซ้ายขวา | โคมระย้าหลายลูกผูกติด | ||
ราชวัติทึบตั้งบังมิด | ฉัตรเงินทองปิดน้ำตะกู | ||
บ้างยกฉัตรเบญจรงค์เรียงเรียบ | เสาตะเกียบปักเคียงเป็นคู่คู่ | ||
ยักษ์โตตั้งวางข้างประตู | ยืนอยู่หูตาน่ากลัว | ||
บ้างทำโรงหุ่นโขนช่องระทา | ขึ้นหลังคาดาดแผงผูกจั่ว | ||
ปลูกศาลาฉ้อทานทำครัว | เสร็จทั่วทุกตำแหน่งแต่งไว้ ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเจ้าพนักงานน้อยใหญ่ | ||
ครั้นจวนกำหนดไม่นอนใจ | ก็ตระเตรียมเทียมพิชัยราชรถ | ||
รถใหญ่สำหรับใส่พระโกศทอง | เรืองรองรจนาปรากฏ | ||
รถโยงปรายข้าวตอกเป็นหลั่นลด | รถอ่านหนังสือรถใส่ท่อนจันทน์ | ||
เกณฑ์ไพร่ไว้สำหรับชักฉุด | ใส่เสื้อเสนากุฎขบขัน | ||
ที่บ่าวไพร่ใครช้ามาไม่ทัน | ก็พากันวิ่งวุ่นทุกมุลนาย | ||
บรรดาหมู่คู่แห่เข้ากระบวน | ก็มาถ้วนตามบัญชีซึ่งมีหมาย | ||
ล้วนใส่เสื้อครุยกรุยกราย | สมปักลายลำพอกถือดอกบัว | ||
คนชักรูปสัตว์จัดหนุ่มหนุ่ม | ใส่ศีรษะโมงคลุมครอบหัว | ||
ทับทรวงสังวาลลอดสอดพันพัว | แต่งตัวนุ่งตาโถงโจงกระเบน | ||
กิดาหยันจัดกันตามตำแหน่ง | เชิญพระแสงหอกดาบดั้งเขน | ||
ตั้งตาริ้วรายไปใกล้พระเมรุ | พรั่งพร้มตามเกณฑ์ทั้งไพร่นาย ฯ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ประชาชนพลเมืองทั้งหลาย | ||
จะดูชักพระศพตบแต่งกาย | หญิงชายโอ่อวดประกวดกัน | ||
บรรดาเหล่าชาวบ้านบางไกล | ก็ลงเรือรีบไปแต่ไก่ขัน | ||
เร่างพายเตือนผัวกลัวไม่ทัน | ถุ้งเถียงทะเลาะกันมากลางทาง | ||
ที่บ้านอยู่คนละฟากอยากจะดู | แต่เช้าตรู่ก็ลงมาท่าเรือจ้าง | ||
ให้เบี้ยเขาข้ามส่งตราท่าช้าง | บ้างยังค้างคอยอยู่กู่ตะโกน | ||
พวกเมียขุนนางต่างแต่งแง่ | มาคอยดูอยู่ที่แคร่หน้าโรงโขน | ||
ปะชายายหน้าประสาโลน | ทำเมินเดินโดนผู้หญิงไป | ||
ชาวแพแม่ค้าพาลูกเต้า | ผัวพวกนายสำเภาเป็นจีนใหม่ | ||
พูดจาไม่ขัดสันทัดไทย | นั่งไหนหนุ่มหนุ่มก็ล้อมอึง | ||
เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว | หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง | ||
พวกกินเหล้าเมามาหน้าตึง | ปากโป้งโผงผึงอวดตน | ||
เห็นสาวสาวที่ไหนชุมเข้ากลุ้มกลัด | แทรกสกัดกั้นขวางกลางถนน | ||
ตำรวจในไล่ตีผู้คน | สับสนอลหม่านไปมา ฯ | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างตา | เสด็จมาสรงชลฉับพลัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา | สอดใส่สนับเพลาลายกระสัน | ||
ทรงภูษาพื้นขาวเขียวสุวรรณ | เกรียวกรวยสามชั้นบรรจงโจง | ||
ฉลององค์โหมดเทศทองอร่าม | อินทร์ธนูดูงามอ่าโถง | ||
เจียระบาดตาดเงินเงาโง้ง | ปั้นเหน่งลายปรุโปร่งประดับพลอย | ||
กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง | ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | ||
ทองกรจำหลักเป็นรักร้อย | ธำมรงค์เพชรพลอยร่วงรุ้ง | ||
กรรเจียกแก้วแพรวพายทั้งซ้ายขวา | ทรงชฎาห้อยยอดสอดสะดุ้ง | ||
ห้อยอุบะตันหยงส่งกลิ่นฟุ้ง | ครั้นรุ่งก็เสด็จจรจรัล ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
ร่าย | ||||
๏ มายังเกยมณีที่ข้างหน้า | พระราชาขึ้นทรงอุสงหงัน | |||
เสนีแห่แหนแน่นนันต์ | อิเหนากุเรปันก็ตามไป ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ ครั้นถึงหยุดประทับพลับพลา | พร้อมหมู่มาตยาน้อยใหญ่ | |||
หมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งใช้ | ตำรวจในพิทักษ์รักษาองค์ ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ประไหมสุหรีมีศักดิ์สูงส่ง | |||
ชวนระเด่นจินตะหราโฉมยง | มาทรงวอสุวรรณกั้นกลาง | |||
เสด็จโดยฉนวนในไคลคลา | โขลนจ่าร้องให้ปิดประตูข้าง | |||
หร้อมหมู่สาวสวรรค์กำนัลนาง | ต่างต่างตามเสด็จจรลี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา | หยุดประทับพลัยพลาหลังคาสี | |||
คอยดูชักศพพระอัยกี | เลิกมู่ลี่แลลอดสอดตา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีซ้ายขวา | |||
เร่งรัดจัดถ้วนกระบวนตรา | พอเวลาไขสีรวีวรรณ | |||
จึงให้เชิญพระศพในปราสาท | ขึ้นสู่ยานุมาศผายผัน | |||
เกณฑ์แห่แห่แหนแน่นันต์ | มายังเกยสุวรรณที่ประทับ | |||
พนักงานเชิญพระโกษขึ้นตั้ง | บนบัลลังก์รถทรงเสร็จสรรพ | |||
คู่แห่แตรสังข์คั่งคับ | เป็นลำดับเดินโดยมรคา | |||
เชื้อพระวงศ์ทรงรถเรืองรอง | มือถือแว่นทองซองสลา | |||
โขมพัตถ์พับยาวโยงมา | พาดเหนืออังสาทรงไว้ | |||
รถพระวงศ์เชื้อสายปรายข้าวตอก | ใส่ชฎาลำพอกดอกไม้ไหว | |||
รถบีกูดูหนังสืออ่านไป | รถหลังตั้งเนื้อไม้ท่อนจันทน์ | |||
เครื่องสูงเคียงคู่ทั้งสองข้าง | พระกลดหักทองขวางกางกั้น | |||
อินทร์พรหมพร้อมเพรียงเรียงกัน | เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นไปป | |||
รูปสัตว์สิ่งละคู่ดูต่างต่าง | ตามตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่ | |||
บุษบกบัลลังก์ตั้งผ้าไตร | ชักไปเป็นขนัดอัดมา | |||
ระเด่นดาหยกสุริย์วงศ์ | ทั้งเผ่าพงศ์ประยูรในหมันหยา | |||
ต่างองค์ทรงเครื่องใส่ชฎา | ขี่ม้าตามไปในกระบวน ฯ | |||
ฯ ๑๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
๏ บัดนั้น | หญิงชายหนุ่มสาวชาวเรือกสวน | |||
ลูกเต้าหลานเหลนอยู่เป็นพรวน | เห็นกระบวนแห้หน้ามาแต่ไกล | |||
พวกผู้หญิงชิงช่องราชวัติ | ด่าทอพ้อตัดผลักไส | |||
บ้างลุกขึ้นชี้หน้าแล้วว่าไป | ทำไมตะกายเอานายกู | |||
ลูกผัวพี่น้องทั้งสองข้าง | วิ่งวางเข้าช่วยเหมือนหมวยหมู่ | |||
พวกผู้ชายเฮฮาเข้ามาดู | ตำรวจในไล่ขู่ห้ามปราม | |||
ผู้คนคั่งคับนับแสน | นับแน่นไปทั้งท้องสนาม | |||
บ้างชมรถรัตน์สารพัดงาม | พระโกศทองอร่ามรูจี | |||
ท้าวนางข้างในออกไปดู | นั่งอยู่หน้าพลับพลาหลังคาสี | |||
บ้างพูดถึงครั้งการบ้านเมืองดี | ว่างามยิ่งกว่านี้มากมาย | |||
เมียขุนนางลางคนติผัว | แต่งตัวใส่ลำพอกปานจะหงาย | |||
สะกิดเพื่อนเตอนให้ดูท่านผู้ชาย | แย้มยิ้มพริ้มพรายไปมา ฯ | |||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พวกพระวงศ์พงศ์พันธุ์ในหมันหยา | |||
ทั้งขุนนางข้าง๓ูษามาลา | ครั้นพระศพชักมาถึงพระเมรุ | |||
ให้เชิญโกษลงจากบุษบก | พยุงยกฮึดฮัดขัดเขมร | |||
ใส่ที่นั่งบัลลังก์ราเชนทร์ | เวียนรอบบริเวณพระเมรุมา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯกลองโยน | ||||
๏ ครั้นครบคำรบสามตามธรรมเนียม | หนักงานคอยเตรียมอยู่พร้อมหน้า | |||
จึงเชิญพระโกศแก้วแววฟ้า | ขึ้นตั้งบนเบญจห้าชั้น | |||
พวกประโคมสังข์แตรแซ่เสียง | สำเนียงกลองชนะครื้นครั่น | |||
ชาววังชักรูดพระสูตรสุวรรณ | บังแสงสุริยันตรัสไตร ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
ชวนอิเหนานัดดาคลาไคล | เข้าไปในพระเมรุรจนา | |||
ครั้นถึงจึงบังคมเคารพ | พระศพอัยกีนาถา | |||
แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชา | เครื่องสุวรรณบุปผามาลี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | จรลีมายังพระเมรุทอง ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ จึงจุดธูปเทียนนมัสการ | เยาวมาลย์กำสรดเศร้าหมอง | |||
สาวสนมกรมในเนืองนอง | ฟูมฟายชลนัยน์จาบัลย์ ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | |||
ให้สังฆ์การีพระนันธรรม์ | พร้อมกันเข้ามาสดับปกรณ์ ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ แล้วถวายไทยทานวัตถุ | บริขารเสื่อร่มพรมหมอน | |||
โสมนัสศรัทธาสถาวร | ภูธรเสด็จกลับมาพลับพลา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ นั่งเหนือพระยี่ภู่ปูลาด | หมู่อำมาตย์เฝ้าแหนแน่นหนา | |||
ประชาชนกล่นเกลื่อนกันมา | จึงตรัสสั่งเสนาให้ทิ้งทาน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | เสนีที่เฝ้าอยู่หน้าฉาน | |||
รับสั่งแล้ววิ่งไปลนลาน | โบกมือให้ทิ้งทานโปรยปราย ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นชาวคลังทั้งหลาย | |||
นั่งประจำกำมพฤกษ์รอบราย | ต่างถวายบังคมแล้วขึ้นทิ้ง | |||
ผู้คนคั่งคับสับสน | ปนละวนวุ่นวายทั้งชายหญิง | |||
บ้างโดดโลดลอยคอยชิง | ชูสวิงร่มรับลูกมะนาว | |||
บ้างตบมือเพรียกเรียกร้อง | ไล่ตะครุบทุบถองกันอื้อฉาว | |||
เป็นหมู่หมู่วิ่งกรูเกรียวกราว | ประชาชาวบุรีปรีดา ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ บัดนั้น | พนักงานการเล่นทุกภาษา | |||
ทั้งหุ่นโขนโรงใหญ่ช่องระทา | มานอนโรงคอยท่าแต่ราตรี | |||
ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ | ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่ | |||
ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที | เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ บัดนั้น | ฝูงประชามาสิ้นทุกถิ่นฐาน | |||
พวกผู้หญิงสาวสาวชาวร้าน | เดินเที่ยวดูงานพล่านไป | |||
นักเลงเหล่าเจ้าชู้ฉุยฉาย | นุ่งรายฉีกผ้าดัดตัดผมใหม่ | |||
ดัดจริตปิดขมัดทาไพล | ห่มแพรหนังไก่สองเพลาะ | |||
เห็นสาวสาวเหล่าเข้าหลวงเรือนนอก | สะกิดบอกเพื่อนกันคนนั้นเหมาะ | |||
บ้างเดินเวียนแวดวายชายร่ยเราะ | พูดปะเหลาะลดเลี้ยงเกี้ยวพาน | |||
พวกดูโขนโคนตมก็ไม่ว่า | สู้ทนฝนฟ้าไม่ไปบ้าน | |||
บ้างยืนนั่งตั้งใจจะดูงาน | สับสนอลหม่านเล้าลุม | |||
พวกผู้ชายรายยืนอยู่สองข้าง | แหวกทางให้ผู้หญิงถลำหลุม | |||
ที่ลื่นล้มกลางถนนคนชุม | หนุ่มหนุ่มสรวลเสเฮฮา ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หมันหยา | |||
ตะวันชายบ่ายบังหลังพลับพลา | ให้เรียกมวยเข้ามาฉับพลัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | คู่มวยลุกขึ้นขมีขมัน | |||
บ่างเท้าสาวหมัดกัดฟัน | ตั้งมั่นตาเขม็งคอยรับ | |||
ชกนอกหลอกหลอนลวงให้ไล่ | ว่องไวได้ที่ตีเท้ากลับ | |||
ยังไม่ทันถึงยกฟกบวมยับ | อดเหนียวเคี่ยวขับไม่รับแพ้ | |||
มุทะลุไล่สุ่มตะลุมบอน | ชกซ้อนถูกถนัดหมัดทอดแห | |||
ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้ | เรียกหมอมาแก้แล้วหยุดไว้ ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
ทรงพระสรวลตรัสสั่งเสนาใน | จงไปเปรียบมวยผู้หญิงดู | |||
เลือกล่ำงามงามตามสมัคร | ที่ใจรักชกตีจะมีอยู่ | |||
ลูกเมียของใครก็ไม่รู้ | ได้คู่คาดหมัดมาบัดนี้ ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | |||
มาเปรียบมวยผู้หญิงเป็นสิงคลี | ตามมีพระราชบัญชา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ คู่แรกหัวไรจุกจับกระเหม่า | หน้าเง้าเจ้าคารมผมประบ่า | |||
แต่งตัวผัวเสกขมิ้นทา | ห่มผ้าแพรแดงตระแบงมาน | |||
คาดหมัดขัดเขมรมงคลใส่ | แล้วไปยังสนามหน้าฉาน | |||
ทุบหลังลงให้นั่งกราบกราน | พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
จึงว่าชอบกลอยู่คู่นี้ | ชกให้ดีดีอย่าเกี้ยวกัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | คู่มวยผู้หญิงคนขยัน | |||
กราบลงแล้วลุกขึ้นฉับพลัน | ตั้งมั่นเหม่นเหม่ไม่มีแรง | |||
ย่างเท้าสาวหมัดเมินหน้า | หลับตาทุบถองกันพล่องแพล่ง | |||
เลี้ยวลอดกอดกัดวัดแวง | ล้มตะแคงคนดูเฮฮา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | |||
ทอดพระเนตรอยู่บนพลับพลา | จนโพล้เพล้เวลาใกล้จะพลบ ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พนักงานด้านพระเมรุเจนจบ | |||
พร้าขอตะกร้อน้ำเตรียมครบ | หน้าพลับพลาจุดคบรายไป ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
ให้จุดพุ่มระทาดอกไม้ | ไสวสว่างช่วงดังดวงดาว ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พวกหนังต่างประชันโห่ฉาว | |||
บ้างหยุดพากษ์เจรจาว่าเรื่องราว | บ้างเชิดบ้างกราวอึงไป ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ บัดนั้น | ประชาชนอลหม่านไม่นับได้ | |||
เป็นหมู่หมู่มาดูดอกไม้ | แล้วไปดูหนังฟังเจรจา | |||
พวกผู้ดีหนุ่มหนุ่มคลุมศีรษะ | เดินปะใครพบก็หลบหน้า | |||
ปลอมปนมิให้คนสงกา | เที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มคะนอง | |||
พวกผู้หญิงชาวร้านบ้านใกล้ | ตามไต้นั่งรายขายของ | |||
หมากพลูบุหรี่ใส่ซอง | เห็นใครเดินมาร้องเรียกให้ซื้อ | |||
พวกบัณฑิตติดจะเคอะเข้านั่งใกล้ | ช่วยเขี่ยไต้อ่านอวดสวดหนังสือ | |||
ปะเหล่าโลนลำพองคะนองมือ | เอาอิฐถือลอบทิ้งจนนิ่งไป | |||
พวกผู้ชายโฉงเฉงนักเลงถั่ว | แต่งตัวนุ่งผ้าพกใหญ่ | |||
เห็นบ่อนตั้งหลังระทาดอกไม้ | ก็แวะวางเข้าไปนั่งแทง | |||
บ้างยักขึ้นเส้นเล่นพกเปล่า | ครั้นเสียเข้าก็นั่งทำหน้าแห้ง | |||
บ้างปลอมเปลี่ยนสับจับเงินแดง | ที่ติดพันยื้อแย้งกันรุงรัง | |||
ลางลอบเหล่าลอบจุดประทัดทิ้ง | พวกผู้หญิงเป็นหมู่มาดูหนัง | |||
บ้างโกรธบ้างว่าน่าชัง | บ้างนั่งดูสนุกบ้างลุกไป ฯ | |||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีสีใส | |||
ครั้นค่ำคำนึงถึงทรามวัย | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา | |||
จะเข้าไปคอยอยู่ที่พระศพ | จะได้พบพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
คิดพลางย่างเยื้องลีลา | เข้ามาเมรุสุวรรณชั้นใน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระศพอัยกีเป็นใหญ่ | |||
จึงจุดธูปเทียนทันใด | ด้วยใจเคารพบูชา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | |||
สถิตยังสุวรรณพลับพลา | ครั้นสิ้นแสงสุริยาเวลาพลบ | |||
จึงชวนพระธิดายาใจ | จะเข้าไปทักษิณพระศพ | |||
โขลนจ่าข้าหลวงวิ่งกระทบ | จุดคบโคมส่องเสด็จมา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | ||||
๏ ครั้นถึงบริเวณพระเมรุใหญ่ | เห็นนายไพร่พร้อมพรั่งนั่งรักษา | |||
จึงหยุดยืนอยู่แทบทวารา | ทั้งสองกษัตราไม่คลาไคล ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ บัดนั้น | นางโขลนผู้มีอัฌชาสัย | |||
วิ่งวางมาชับฉับไว | พวกผู้ชายออกไปเสียให้พ้น ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแจ้งเหตุผล | |||
จึงขับเสนาสามนต์ | ผู้คนทั้งนั้นออกมา | |||
แต่องค์เดียวเสด็จจรจรัล | ไปรับประหมันด้วยหรรษา | |||
น้อมองค์ลงถวายวันทา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
จึงตรัสชวนระเด่นมนตรี | มาทักษิณอัยกีด้วยกัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมสันต์ | |||
สมคิดดังจิตผูกพัน | จึงเสด็จจรจรัลตามมา | |||
พระแสร้งทำทักษิณไปพลาง | ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา | |||
แสงเพลิงส่องจับกับพักตรา | โสภาเพียงบุหลันลอยโพยม | |||
ดูไหนให้เพลินจำเริญจิต | ยิ่งคิดพิสมัยที่ในโฉม | |||
ครั้นตึงช่องกลางหว่างโคม | ลำลำจะใคร่โลมนางเทวี ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
ดำเนินเดินเคียงพระภูมี | ทำท่วงทีอายเอียงเมียงเมิน | |||
แลสบหลบเนตรเชษฐา | กัลยายิ่งระทวยขวยเขิน | |||
ให้อดสูจิตคิดสะเทิ้น | พลางเดินก้มพักตร์ทักษิณไป ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
เห็นท่วงทีอิเหนาก็เข้าใจ | ทำเมินเดินไปไม่นำพา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงกำนัลในซ้ายขวา | |||
แจ้งใจในทีกิริยา | ชายตาดูองค์พระทรงธรรม์ | |||
เห็นดำเนินเดินชิดพระธิดา | กิริยาแยบคายคมสัน | |||
บ้างบอกเพื่อนสนิทสะกิดกัน | นางกำนัลซุบซิบกระหยิบตา | |||
ที่มีอัฌชาสัยมิใคร่เดิน | ทำเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า | |||
บ้างรอรั้งยั้งยืนพูดจา | ตามเสด็จเดินมาแต่ไกลไกล ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
เดินเคียงกัลยาคลาไคล | เห็นนางห่างไกลพระชนนี | |||
จึงเอาพลูรอยกัดซัดต้ององค์ | โฉมยงสะดุ้งเดินเมินหนี | |||
พระรีบไปพลันทันเทวี | ภูมียิ้มพรายชายตา | |||
เห็นนางเดินเมินเมียงเลี่ยงหลบ | พระแกล้งทำกระทบอังสา | |||
นาสิกสูดรสสุคนธา | กัลยาเคืองค้อนงอนงาม | |||
แต่เวียนวงทักษิณรอบพระศพ | จนจบถ้วนครบคำรบสาม | |||
ให้อาลัยที่จะไกลนงราม | ด้วยความประดิพัทธ์พันทวี ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
ครั้นเสร็จทักษิณศพพระอัยกี | ก็จรลีมาสุวรรณพลับพลา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวเจ้าเมืองหมันหยา | |||
สมโภชพระศพเสร็จเจ็ดทิวา | ครั้นเพลาบ่ายแสงสุริยง | |||
จึ่งให้เชิญพระโกศทองลองใน | ขึ้นใส่เชิงตะกอนสูงส่ง | |||
พร้อมพระมเหสีสุรย์วงศ์ | ทั้งองค์อิเหนานัดดา | |||
ต่างถือธูปเทียนดอกไม้ | เข้าไปประนมน้อมพร้อมหน้า | |||
จบพระหัตถ์มัสการขอสมา | อย่าให้มีเวราสืบไป | |||
ครั้นเสร็จจึงจุดเพลิงพลัน | สารพันเครื่องหอมซัดใส่ | |||
คับคั่งทั้งข้างหน้าข้างใน | ต่างคนเข้าไปจุดอัคคี ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ ปี่กลอง | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี | ดูเปลวอัคคีชัชวาล | |||
นางยิ่งระทดสลดจิต | อาลัยให้คิดสงสาร | |||
ต่างองค์ยกหัตถ์มัสการ | เยาวมาลย์ช้อนทรวงเข้าโศกา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | ||||
โอ้บูชากนฑ์ | ||||
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศา | |||
เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา | ไม่นิราศคลาดคลาสักคืนวัน | |||
พระพี่นางทั้งสองมาเชิญไป | ก็มิได้จำนงผายผัน | |||
เพราะรักใคร่ในลูกผูกพัน | ประโลมเลี้ยงหลานขวัญทุกเวลา | |||
ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ | ที่ไหนจะได้กลับมาเห็นหน้า | |||
ร่ำพลางนางทรงโศกา | กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | ||||
ร่าย | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยากรุงศรี | |||
ครั้นเสร็จส่งสักการะพระอัยกี | ภูมีสร้อยเศร้าเปล่าวิญญ์ | |||
จึ่งชวนมเหสีโฉมยง | กับองค์บุตรีเสนหา | |||
พร้อมฝูงกำนัลกัลยา | ลีลาเข้ายังวังใน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
ครั้นท้าวหมันหยาคลาไคล | ก็กลับไปที่อยู่พระภูธร ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง | ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | |||
ถวิลถึงวนิดายิ่งอาวรณ์ | พลางสะท้อนถอนใจไปมา | |||
กรกอดเขนยข้างไว้หว่างทรวง | สำคัญว่าพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
เคลิ้มเคล้นเหมือนจะเห็นกัลยา | พระหลงใหลไขว่คว้าม่านมอง | |||
ครั้นรู้สึกสมประดีว่ามิใช่ | ก็เศร้าเสียพระทัยหม่นหมอง | |||
ให้โศกศัลย์รัญจวนถึงนวลน้อง | นิ่งตรึกตรองจนหลับไป ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
ครั้นรุ่งสางสร่างแสงอโณทัย | ภูวไนยแต่งองค์อลงกร | |||
ครั้นเสร็จเสด็จจรลี | มายังที่เกยลาหน้าฉาน | |||
ขึ้นทรงยานุมาศสามคาน | พนักงานแห่แหนแน่นนันต์ | |||
องค์ประไหมสุหรีกกับธิดา | เสด็จมาในแนวแนวนกั้น | |||
ระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ตามมาเมรุสุวรรณบรรจง ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ | ||||
ครั้นถึงจึงชวนพระวงศา | เขี่ยหาพระธาตุกวาดเผ้าผง | |||
เก็บได้ใส่ขันสุวรรณลง | โสรจสรงสุคนธาวารี ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
เขี่ยหาพระธาตุอัยกี | เทวีพลางทรงโศกาลัย ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | |||
เห็นนางหยิบลงที่แห่งใด | ภูวไนยหยิบลงที่ตรงนั้น | |||
พระกรกระทบกรนางเทวี | ทำทีแยบคายคมสัน | |||
แล้วแสร้งทรงโศกาจาบัลย์ | มิให้สองประหมันกินใจ ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านหมันหยาเป็นใหญ่ | |||
เสร็จสรงพระธาตุทันใด | ใส่ในโกศรัตน์ชัชวาล | |||
ให้เชิญเข้าไปในวัง | สถิตยังปราสาทราชฐาน | |||
และสั่งให้ลอยพระอังคาร | ตามจารีตบุราณแต่ก่อนมา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | เสนีรับสั่งใส่เกศา | |||
มาจัดแจงแต่งตามพระบัญชา | ชาวมาลาไปกวาดพระอังคาร | |||
เอาห่อหุ้มคลุมผ้าโขมพัตถ์ | แล้วผูกรัดพันเข้าทั้งเถ้าถ่าน | |||
ใส่ในขันทองรองพาน | เชิญขึ้นพระยานมาศมา | |||
คู่แห่แต่ล้วนใส่ลำพอก | พนมมือถือดอกบุปผา | |||
เสียงประโคมฆ้องกลองก้องโกลา | แห่ไปยังท่าชลาลัย ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน | ||||
๏ ครั้นถึงตะพานเหนือตำหนักแพ | เรือแห่ธงทิวปลิวไสว | |||
จึงเชิญพระอังคารลงไป | เรือที่นั่งเอกชัยฉับพลัน | |||
พลพายนั่งพายเป็นคู่คู่ | ใส่เสื้อปัศตูดูขบขัน | |||
เรือขุนนางเรือที่นั่งดั้งกัน | แห่แหนแน่นันต์นทีธาร ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นถึงกึ่งกลางสาชล | เป็นวังวนกว้างใหญ่ไพศาล | |||
ชาวภูษามาลาพนักงาน | ก็เชิญพระอังคารลอยไป ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาสูงส่ง | |||
ครั้นเสร็จถวายพระเพลองปลง | จึ่งชวนองค์ระเด่นมนตรี | |||
จะไปสรงสนานสำราญใจ | ที่สระใหญ่อยู่นอกกรุงศรี | |||
ตามอย่างทางราชประเพณี | กษัตราธิบดีสืบมา | |||
ว่าแล้วลีลาคลาไคล | เสนาในแห่แหนแน่นหนา | |||
องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา | กับธิดาเสด็จตามกันไป ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ มาเอยมาถึง | ยังโบกขรณีสระใหญ่ | |||
ร่มรอบคันล้วนพรรณไม้ | โศกไทรสาขาริมวารี | |||
บุษบงส่งกลิ่นอายอบ | หอมตลบไปทั้งสระศรี | |||
ต่างองค์เกษมเปรมปรีดิ์ | จรลีลงสรงคงคา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
สระบุหลง | ||||
๏ ชำระสระสนานสำราญกาย | เย็นสบายซ่านซาบมังสา | |||
เสร็จนั่งยังแท่นแผ่านศิลา | ชุ่มแช่กายาในวารี | |||
นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน | ประคององค์เอางานแล้วขัดสี | |||
บ้างชำเลืองแลดูพระภูมี | ทำท่วงทีแยบยลกลใน | |||
ลางนางบ้างเก็บบัวเผื่อน | ชวนเพื่อนหักห้อยเป็นสร้อยใส่ | |||
บ้างแหวกว่ายคงคาชลาลัย | เลี้ยวไล่สัพยอกหยอกกัน | |||
ลางนางบ้างเก็บใบบัว | มาบังตัวถือเล่นเป็นร่มกั้น | |||
บ้างเก็บโกมุทบุษบัน | ฝูงกำนัลเล่นน้ำสำราญ ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ ลงสรง | ||||
ร่าย | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเกษมศานต์ | |||
สรงทางพลางดูเยามาลย์ | ฤดีดาลเดือดดิ้นในวิญญาณ์ | |||
พระแกล้งแสร้งเสด้วยเล่ห์กล | ว่ายไปให้พ้นท้าวหมันหยา | |||
เข้าแฝงกอโกสุมปทุมา | ลอบดูพระธิดาในวารี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
สรงสนานอยู่ในชลธี | กับกำนัลนารีพี่เลี้ยง | |||
ต่างชิงกันเก็บโกสุม | บ้างบานตูมหุ้มกลีบกิ่นเกลี้ยง | |||
โฉมฉายว่ายแซงแข่งเคียง | กับบาหยันพี่เลี้ยงร่วมใจ | |||
เด็ดปักหักดอกปทุมมาลย์ | ขาวแดงเบ่งบานอยู่ไสว | |||
เพลิดเพลินจำเริญหฤทัย | จนใกล้อิเหนาเข้ามา ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
แฝงใบบุษบงในคงคา | เห็นกัลยามาใกล้ก็ได้ที | |||
จึงยื่นกรช้อนสอดไปสัมผัส | นางสะบิ้งสะบัดเบี่ยงหนี | |||
พระแกล้งแสร้งสาดวารี | ให้ชลธีถูกองค์นงคราญ | |||
ครั้นบาหยันผันหน้ามาตรง | ก็ทำเป็นสีองค์สรงสนาน | |||
แล้วเก็บโกสุมปทุมมาลย์ | มาประทานบาหยันกัลยา ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีเสนหา | |||
แย้มพรายชายชำเลืองนัยนา | สบเนตรเชษฐาก็อายใจ | |||
จึงแสร้งแกล้งว่าพี่บาหยัน | อาไรนั่นช่างพาเข้ามาใกล้ | |||
อัปยศอดสูเป็นพ้นไป | ทำผลักไสหยิกตีพี่เลี้ยง ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | บาหยันยิ้มพลางทางทูลเถียง | |||
พี่มิได้แกล้งพามาใกล้เคียง | พระมาเมียงอยู่เมื่อไรก็ไม่รู้ | |||
ชะรอยเป็นวาสนาของบาหยัน | เห็นติดพันชั้นเชิงชอบกลอยู่ | |||
ปากข้าว่าแม่นเหมือนหมอดู | โฉมตรูอย่ากริ้วโกรธา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
ค้อนให้แล้วตอบวาจา | เอาอะไรมาว่าเป็น่าชัง | |||
ช่างไม่เจียมตัวแต่สักนิด | เกลียดจริตกิริยาเหมือนบ้าหลัง | |||
ว่าแล้วลัดแลงแฝงบัวบัง | มายังที่อยู่พระชนนี ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเรืองศรี | ||
เสร็จสรงคงคาวารี | ภูมีสำอางอ่าองค์ | ||
แล้วชวนมเหสีโสภา | กับธิดาแน่งน้อยนวลหง | ||
พร้อมฝูงสุรางค์นางอนงค์ | เสด็จตรงเข้ายังวังใน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปยังที่ประเสบัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | ภูธรย่างเยื้องผายผัน | ||
เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | ทรงธรรม์ถอนฤทัยไปมา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ ทอดองค์ลงกับที่ไสยาสน์ | ยอกรก่ายวิล่ศถวิลหา | ||
ทีนี้เสร็จการจะนานช้า | จึงจะได้เห็นหน้านางเทวี | ||
จะผ่อนผันฉันใดนะอกกู | จะได้อยู่หมันหยากรุงศรี | ||
พระบิดาให้กลับไปธานี | มิรู้ที่จะทำประการใด | ||
ยังมได้สนิทเสนหา | จะนิราศคลาดคลากกระไรได้ | ||
แม้นมิสมดังจิตที่คิดไว้ | ก็ไม่ไปพารากุเรปัน | ||
แต่ครวญคร่ำกำสรดสลดจิต | ต้องติดฤทัยใฝ่ฝัน | ||
แสนสวาทมาดหมายผูกพัน | จนบรรทมหลับไปกับไสยา ฯ | ||
ฯ ๘ คำฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศวรรย์หมันหยา | ||
ครั้นรุ่งสางสร่างงแสงสุริยา | ก็แต่งองค์โอ่อ่าเอาใจ | ||
จึงตรัสชวนอัครมเหสี | กับราชบุตรีศรีใส | ||
พรั่งพร้อมฝูงสุรางค์นางใน | เสด็จไปสู่สีหบัญชร ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์อาสน์ | อำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่สลอน | ||
ว่าขานกิจการพระนคร | ภูธรเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
ครั้นรุ่งรางสว่างธาตรี | ภูมีตื่นจากที่ไสยา | ||
เข้าที่สรงสนานสำราญองค์ | บรรจงทรงเครื่องโอ่อ่า | ||
ชวนระเด่นดาหยันยาตรา | ทรงม้าที่นั่งเข้าวังใน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นมาถึงที่ราชฐาน | พระผ่านผู้สวรรยาเป็นใหญ่ | ||
จึงลงจากอาชาคลาไคล | เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯเสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล | จึงปราศรัยไปพลันทันที | ||
ได้ยินเขาระบือลือเล่า | ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่ | ||
ท่าทางทำนองคล่องดี | วันนี้จงรำให้น้าดู | ||
แล้วให้เสนากิดาหยัน | จัดกันขึ้นตีทีละคู่ | ||
โล่ดั่งดาบเชลยมลายู | จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์อสัญแดหวา | ||
คำนับรับราชบัญชา | แล้วแลดูจินตะหราวาตี | ||
แต่รอรั้งยั้งหยุดอยู่เป็นครู่ | ให้คิดอดสูนางโฉมศรี | ||
ยิ้มละไมในพักตร์เป็นท่วงที | ต่อภูมีย้ำเตือนจึงเคลื่อนคลาย ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ประสันตาหยิบกระบี่มาถวาย | ||
ค่อยกระซิบทูลว่าพระอย่าอาย | ครั้งนี้ตีหมายเอารางัล ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
ยิ้มพลางทางว่าอย่าเยาะกัน | ดีแต่พูดเช่นนั้นอัตรา | ||
แล้วพยักเรียกระเด่นดาหยันไป | ต่างองค์บังคมไหว้ท้าวหมันหยา | ||
ลุกขึ้นร่ายรำกิริยา | ทรงกระบี่เบื้อขวากรีดกราย | ||
ประเท้ากก้าวกระหยับเยื้องย่าง | ชำเลืองนัยนาสอดส่าย | ||
แลสบเนตรนางพลางยิ้มพราย | แล้วประปรายปลายกระบี่ดีกัน ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ กลองแขก | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวสวรรค์ | ||
ทั้งเถ้าแก่ชะแม่นางกำนัล | แอบดูอยู่ที่ชั้นศาลา | ||
บ้างนิยมชมระเด่นมนตรี | รำกระบี่น่ารักหนักหนา | ||
บุญตัวได้เห็นเป็นขวัญตา | งามดั่งเทวาสุราลัย | ||
ลางนางนั่งชิดสะกิดเพื่อน | แย้มเยื้อนพูดจาอัชฌาสัย | ||
ดูทีทำนองภูวไนย | จะมีที่ต้องใจสักสิ่งอัน | ||
บ้างว่าข้าเห็นเป็นแยบคาย | นัยนาสอดส่ายคมสัน | ||
บ้างซุบซิบกระหยิบตากัน | นางกำนัลลอบดูพระภูธร ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราดวงสมร | ||
เมียงมองอยู่ที่ช่องบัญชร | บังอรแลลอดสอดตา | ||
ครั้นสบเนตรเชษฐาทีไร | อรไทสะเทินเมินหน้า | ||
เสหยอกบาหยันด้วยมารยา | ชายตาแย้มยิ้มพริ้มไป ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | ||
ผันผัดปัดป้องว่องไว | ถ้อยทีหนีไล่ไปมา | ||
ครั้นระเด่นดาหยันเสียที | ภูมีตีต้องหัตถา | ||
บรรดาพี่เลี้ยงแลเสนา | ก็สรวลเสเฮฮาขึ้นพร้อมกัน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
คลานเข้าไปรับกระบี่พลัน | อภิวันท์แล้วกระซิบทูลพลาง | ||
ข้าเห็นพระองค์ทรงกระบี่ | ท่าทีเคล่าคล่องทั้งสองอย่าง | ||
ไหนจะกรายร่ายรำทำท่าทาง | ไหนจะดูอยู่ข้างบัญชรชัย | ||
แต่ส่ายสอดทอดพระเนตรอยู่อย่างนี้ | ยังทรงตีมีชัยชนะได้ | ||
ชอบเอาของที่ต้องพระหฤทัย | มารางวัลภูวไนยจะสมควร ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีแย้มสรวล | ||
จึงตรัสว่าอย่าเย้าเฝ้ากวน | ดีแต่ชวนพูดเล่นเช่นนั้น ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกรุงไกรไอศวรรย์ | ||
ตรัสชมอิเหนากุเรปัน | การกระบี่ดีครันขยันัก | ||
ไม่มีใครเป็นคู่สู้ได้ | ทั้งในแดนชวาอาณาจักร | ||
สมเป็นวงศาสุรารักษ์ | ยศศักดิ์ประเสริฐเลิศชายฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
ให้เสนาพี่เลี้ยงตัวนาย | รำถวายทีละคู่สู้กัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ||
รับสั่งแล้วบงคมคัล | ก็จัดคู่สู้กันทันใด ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวหมันหยายิ้มย่องผ่องใส | ||
ทอดพระเนตรอยู่บนบัญชรชัย | แสนสำราญพระหฤทัยพระทรงธรรม์ | ||
จึงสั่งให้เอาของมาประทาน | ทวยหาญเสนากิดาหยัน | ||
ทั้งเงินทองเสื้อผ้แพรพรรณ | รางวัลให้ทั่วทุกตัวคน | ||
อันองค์ระเด่นมนตรี | ให้จัดของดีดีเครื่องต้น | ||
ธำมรงค์มงกุฎกุณฑล | สร้อยสนสังวาลแววไว | ||
อันระเด่นดาหยันวงศา | เอาชฎาเดินหนมาให้ | ||
ทั้งทองกรพาหุรัดตรัสไตร | เร่งไปเอามาบัดนี้ ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | ||
อภิวันท์แล้ววิ่งเป็นสิงคลี | ออกมาสั่งดังมีบัญชาการ | ||
คลังวิเศษภูษามาลา | ก็ขนของเข้ามายังหน้าฉาน | ||
กราบถวายบังคมก้มกราน | แล้วเอาของมาประทานทันใด ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูหมันหยาเป็นใหญ่ | ||
เสร็จสรรพก็หับบัญชรชัย | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
เสด็จทรงอัสดรจรจรัล | กลับไปประเสบันอากง ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ให้คลุ้มคลั่งหฤทัยใหลหลง | ||
ไม่ทันจะเปลื้องเครื่องทรง | เสด็จตรงไปที่ไสยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์ | ให้อาวรณ์หวังถวิลถึงจินตะหรา | ||
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | มิได้ตรัสจำนรรจาพาที | ||
ลืมเลยเสวยทรงสุคนธ์ | แต่พลิกกลับสับสนบนที่ | ||
ไม่เป็นอารมณ์สมประดี | ภูมีกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | ||
พระหัตถ์ซ้ายก่ายเขนยคะนึงคิด | เจ็บจิตประชวรเช่นเป็นไข้ | ||
แสนกระสันรันทดหฤทัย | พระมิได้วายอาวรณ์ร้อนรน ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ร่าย ๑ | |||
บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงประหลาดจิตคิดฉงน | ||
ดูพระจริตติดพิกล | บรรทมทั้งเครื่องต้นที่ทรงมา | ||
จึงเข้าไปช่วยเปลื้องเครื่องทรง | ให้พระองค์ทรงผลัดภูษา | ||
แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า | พระจงอุตส่าห์สะกดใจ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
จึงตอบทั้งสี่พี่เลี้ยงไป | เมื่อไม่เห็นวิตกในอกเลย | ||
อันความทุกข์เหลือทุกข์ครั้งนี้ | จะคิดฉันใดดีนะพี่เอ๋ย | ||
แม้นมิได้สู่สมชมเชย | ที่ไหนเลยน้องจะมีชีวา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมเหนือเกศา | ||
จึ่งทูลตอบปลอบให้ชอบอัชฌา | พระอย่ารันทดกำสรดทรง | ||
จงระงับดับโศกเสียก่อน | ภูธรอุตส่าห์เสวยสรง | ||
อันพระธิดาโฉมยง | ไหนจะพ้นพระองค์อย่าสงกา | ||
จะทูลโลมเล้าสักเท่าใด | พระมิได้วายเทวษถวิลหา | ||
พี่เลี้ยงทั้งสี่มีอัชฌา | ซุบซิบปรึกษาพาที ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาบดีศรี | ||
เวลาเฝ้าก็มาเข้าอัญชลี | เห็นภูมีไสยาสน์ประหลาดใจ | ||
จึงถามยะรุเดะลูกชาย | พระโฉมฉายประชวรหรือไฉน | ||
ช่างไม่บอกสักคำทำอย่างไร | เหตุผลก็มิให้ผู้ใหญ่รู้ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ | ||
หันหน้ามาบังบานประตู | ยิ้มพลางทางดูตากัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ประสันตาแสนกลคนขยัน | ||
ทำเฉยหน้าแล้วว่าไปพลัน | ประชวรมาแต่วันถึงเวียงชัย | ||
พระดรคเรื้อรังประทังอยู่ | ไม่สุดรู้มดหมอพอแก้ไข | ||
หรือชะรอยทรงกระบี่วันนี้ไซร้ | จะเป็นไข้เนื้อขาดประหลาดนัก | ||
ดูอาการที่ทำให้คร่ำครวญ | จะประชวรสิ่งใดไม่ประจักษื | ||
แม้นได้โอสถรสรัก | เห็นไม่พักนวดฟั้นจะพลันคลาย | ||
เจ้าจอมหม่อมลุงได้เมตตา | ช่วยเข้าไปขอยามาถวาย | ||
ที่พระร้อนรนกระวนกระวาย | นั่นแหละเห็นจะหายเป็นมั่นคง ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ปาเตะตกใจตะลึงหลง | ||
จึ่งทูลเล้าโลมโฉมยง | พระบิตุรงค์กำชับรับสั่งมา | ||
การพระศพเสร็จสรรพให้กลับไป | ป่านนี้ภูวไนยจะคอยหา | ||
อันพระน้องนุชบุษบา | พระปิตุเรศเจตนาไปกล่าวไว้ | ||
ยังแต่จะเสกสองให้ครองกัน | เป็นปิ่นกุเรปันกรุงใหญ่ | ||
อันจะเลี้ยงพระน้องสองเวียงชัย | รู้ไปถึงดาหาธานี | ||
เกลือกจะไม่ปลดปลงให้นงลักษณ์ | จะเกิดเหตุใหญ่นักพระโฉมศรี | ||
ทั้งจะได้แค้นเคืองแสนทวี | พระภูมีจงถวิลจินดา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์อสัญแดหวา | ||
ไม่ตอบถ้อยคำจำนรรจา | ให้เคืองขัดอัธยาในอารมณ์ | ||
พระผินผันหันพักตร์เมินหนี | แล้วหยิบผ้ามาคลี่ทรงห่ม | ||
พลางสะท้อนถอนถ่ายระบายลม | แกล้งทำเหมือนบรรทมหลับไป ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
มิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใด | ก็ออกไปจากที่แท่นทอง ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงโศกเศร้าหมอง | ||
ยิ่งคิดพิสมัยใจปอง | พระนิ่งนึกตรึกตรองไปมา | ||
อันระเด่นบุษบาตุนาหงัน | ตามวงศ์อสัยแดหวา | ||
แต่มิได้มีใจเจตนา | เหมือนระเด่นจินตะหรายุพาพาล | ||
ชะรอยวาสนาได้สร้างไว้ | เผอิญให้จงรักสมัครสมาน | ||
จะว่าไปก็ในวงศ์วาน | เยาวมาลย์ก็มิใช่หาไหนมา | ||
มาตรแม้นสองกษัตริย์จะขัดเคือง | มิให้กูอยู่เมืองหมันหยา | ||
ก็จะพาดวงใจไคลคลา | ไปมะงุมมะงาหราสำราญ | ||
แต่บรรทมนิ่งนึกตรึกไตร | จนอุทัยรุ่งแจ้งแสงฉาน | ||
เสด็จจากอท่นรัตน์ชัชวาล | มาสระสรงชลธารทันใด ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ | บรรจุทรงเครื่องประทานใหม่ | ||
แล้วทรงอาชาคลาไคล | เสนาใสตามเสด็จจรลี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร | บทจรเข้าปราสาทศรี | ||
บังคมสองประหมันทันที | พลางดูเทวีไม่วางตา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
ทอดพระเนตรอิเหนานัดดา | เห็นพักตราเสร้อยเศร้าก็เข้าใจ | ||
จึงบัญชาถามด้วยความรัก | เป็นไรผิวพักตร์จึงหม่นไหม้ | ||
หรือโรคายายีประการใด | ด่วนเข้ามาไยไม่สบาย ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองฉาย | ||
ประสานหัตถ์เคารพอภิปราย | วันตีกระบี่ถวายภูวไนย | ||
ให้ตึงตัวไปทั่วสรรพางค์ | จิตใจเหมือนอย่างจะเป็นไข้ | ||
หยุดช้ากลัวว่าจะมากไป | จึ่งแข็งใจเข้ามาอัญชลี | ||
ทูลพลางทางชำเลืองแลมา | ดูระเด่นจินตะหรามารศรี | ||
ความรักสลักทรวงแสนทวี | ภูมีคอนใจไปมา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
พิศดูรู้รหัสพระนัดดา | จึ่งกล่าวรสพจนาพาที | ||
เพียงพระเข้าสู่สวรรคต | ตั้งแต่กำสรดหมองศรี | ||
พร่ำกินน้ำตาทุกนาที | น้านี้เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ | ||
ได้เห็นหน้านัดดาค่อยผาสุก | พอบรรเทาเบาทุกข์ที่โหยไห้ | ||
เจ้าจงอยู่ด้วยน้าอย่าคลาไคล | สักเดือนหนึ่งจึงไปพารา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | อิเหนากุเรปันก็หรรษา | ||
ชื่นชมด้วยสมดั่งจินดา | รับรสพจนาวาที | ||
พลางเยื้อนแย้มยิ้มพริ้มเพรา | ค่อยบรรเทาทุข์ที่หมองศรี | ||
แล้วชำเลืองแลดูพระบุตรี | ภูมีประดิพัทธ์ผูกพัน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
ครั้นเวลาสายสีวีวรรณ | ก็จรจรัลเข้าที่บรรทมใน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
เสด็จทรงอาชาคลาไคล | กลับไปประเสปันมิทันช้า ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงลงจากหลังม้า | ขึ้นมายังตำหนักที่ข้างหน้า | ||
เปลื้องเครื่องประดับองค์แล้วตรงมา | เข้าห้องไสยาฉับพลัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ พระนิ่งนึกตรึกคิดพิศวง | ตะลึงหลงอาลัยใฝ่ฝัน | ||
ทอดองค์ลงกับที่แท่นสุวรรณ | แสนวิโยคโศกศัลย์รัญจวน | ||
โอ้จะคิดผ่อนผันฉันใด | จึ่งจะได้โฉมงามทรามสงวน | ||
พลางสะท้อนถอนใจใคร่ครวญ | ปั่นป่วนไม่เป็นสมประดี | ||
พระลืมล่วงเวลาสรงเสวย | กรกอดกับเขนยอยู่ในที่ | ||
ความรักหนักทรวงแสนทวี | ภูมีเศร้าสร้อยละห้อยใจ ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ปาเตะเสนาอัชฌาสัย | ||
เห็นพระองค์ร่ำรักนั้นหนักไป | จะผ่อนผันฉันใดก็สุดคิด | ||
ได้ทูลขัดทัดทานเป็นหลายครั้ง | พระมิได้เชื่อฟังแต่สักนิด | ||
กลัวความครั้งนี้จะมิมิด | จนจิตกอดเข่าเข้าเป็นทุกข์ | ||
เสียแรงพระชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้มั่งมีอยู่เย็นเป็นสุข | ||
จะมานิ่งนอนใจให้เกิดยุค | เห็นความจะลามลุกวุ่นวาย | ||
แม้นทราบถึงองค์ศรีปัตหรา | โทษาจะมีเป็นมากหลาย | ||
ฉวยพระไม่ไต่ถามสิงามตาย | จะลงร้ายเอาว่ารู้ด้วยภูธร | ||
จำจะลอบบอกความตามจริงไป | กราบทูลภูวไนยให้แจ้งก่อน | ||
จึงเรียกนายรองเข้าห้องนอน | ให้เขียนอักษรสารา | ||
ครั้นเสร็จแล้วส่งให้เสนี | นำคดีไปแจ้งแก่ยาสา | ||
กราบทูลบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ตามในกิจจาให้แจ้งการ ฯ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจได้ไปบ้าน | ||
อำลาปาเตะมิทันนาน | มาขึ้นพาชีชาญฉับไไว | ||
ออกจากหมันหยาธานี | รีบตีอาชาเข้าป่าใหญ่ | ||
นอนค้างอ้างแรมมาในไพร | ตรงไปกุเรปันพารา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงศาลาหน้าทิมดาบ | ตรงเข้าไปกราบท่านยาสา | ||
แถลงเล่าเหตุผลแต่ต้นมา | แล้วส่งสาราให้ทันที ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | ยาสาแจ้งใจในสารศรี | ||
ก็รีบพาเสนาจรลี | มายังที่พระโรงรจนา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงบังคมทูลทันใด | ว่าปาเตะที่ไปหมันหยา | ||
แต่งคนให้ถือหนังสือมา | จงทราบบาทาฝ่าธุลี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเรืองศรี | ||
รับสารามาจากเสนี | พระองค์ทรงคลี่ออกอ่านพลัน | ||
ว่าปาเตะถวายอภิวาท | เบื้องบาทพระผู้ผ่านไอศวรรย์ | ||
ด้วยพระโอรสาลาวัณย์ | กำสรดโศกศัลย์ทุกวันไป | ||
ตั้งแต่คลั่งไคล้ใหลหลง | ในองค์พระบุตรีศรีใส | ||
ทั้งสองประหมันก็เป็นใจ | แยบเยื้อนเหมือนจะให้เยาวมาลย์ | ||
ข้าได้ทูลเตือนเป็นหลายครั้ง | พระไม่ฟังพจนาว่าขาน | ||
มิรู้ที่จะขืนขัดทัดทาน | จงกราบบทมาลย์พระภูมี ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | ภูธรเคืองข้องหมองศรี | ||
จึงส่งสารามาทันที | ให้ประไหมสุหรีทัศนา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเสนหา | ||
อ่านสารสิ้นเรื่องเคืองอุรา | จึงทูลพระภัสดาทันใด | ||
เหตุนี้ผู้ใหญ่แกล้งหน่วงเหนี่ยว | จะโทษเด็กข้างเดียวก็ไม่ได้ | ||
ประสาหนุ่มจึงลุ่มหลงไป | จะทำให้ผิดกันด้วยฉันทา | ||
ครั้นจะนิ่งดูทีบัดนี้เล่า | ไหนอิเหนาจะจากหมันหยา | ||
แม้นมิให้ไปหาตัวมา | ก็เห็นว่าจะไม่เงือดงด | ||
จงเอาอาการข้านี้บอกไป | ว่าตั้งใจครวญคร่ำกำสรด | ||
ด้วยครรภ์ถ้วนจวนคลอดโอรส | กำหนดให้ลูกรักเร่งมา ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพนาถา | ||
เห็นต้องระบอบชอบอัชฌา | จึงตรัสเรียกยาสาทันที | ||
ทรงสั่งให้ร่างราชสาร | แจ้งความตามคำประไหมสุหรี | ||
ให้ลูกยากลับมาธานี | แต่ในเจ็ดราตรีอย่านอนใจ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งบังคมไหว้ | ||
ออกมาศาลาลูกขุนใน | เร่งให้เขียนราชสารา | ||
ครั้นเสร็จจึงสั่งเสนี | จงถือสารศรีไปหมันหยา | ||
ทูลเชิญเสด็จพระลูกยา | ให้กลับมาอย่านานเป็นการร้อน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับอักษร | ||
อำลามาขึ้นอัสดร | ออกจากพระนครรีบไป ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงหมันหยาไม่หยุดยั้ง | ตรงไปติกาหรังที่อาศัย | ||
เข้าหาพี่เลี้ยงภูวไนย | เอาสารส่งให้ทันที ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ||
ซักไซ้ได้ความตามคดี | แล้วเข้าไปในที่ไสยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงบังคมทูลแถลงแจ้งเหตุ | ว่าพระปิตุเรศนาถา | ||
ให้เสนีถือหนังสือมา | แล้วถวายสาราภูวไนย ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นหม่นตรีศรีใส | ||
ฟังข่าวผ่าวร้อนหฤทัย | จำใจคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ ในสารนั้นว่าพระมารดร | ให้อาวรณ์วิโยคโศกศัลย์ | ||
แต่คอยคอยลูกยาเห็นช้าพลัน | ด้วยครรภ์นั้นถ้วนทสมาสตรา | ||
เห็นอาการเจ็บจวนอยู่เนืองนิตย์ | ให้หนักจิตที่จะคลอดโอรสา | ||
เกลือกจะอันตรายวายชีวา | ไหนเลยลูกยาจะเห็นใจ | ||
จงเร่งกลับมายังธานี | แต่ในเจ็ดราตรีให้จงได้ | ||
แม้นช้ากว่าที่กำหนดไว้ | ถึงจะมาก็ไม่ต้องการ ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในอักษร | เร่าร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | ||
ให้อาลัยที่จะไกลเยาวมาลย์ | จะเบือนบิดคิดอ่านเห็นสุดที | ||
จะไปทูลลาสองประหมัน | กลับไปกุเรปันกรุงศรี | ||
คิดแล้วม้าทรงพาชี | จรลีเข้ายังวังใน ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงลงจากม้าต้น | ขึ้นบนปราสาททองผ่องใส | ||
บังคมสองประหมันทันใด | แล้วทูลไปให้แจ้งกิจจา | ||
บัดนี้สมเด็จพระบิดร | มิศุภอักษรให้หา | ||
พระชนนีเจ็บครรภ์หลายวันมา | หลานรักจักลาไปธานี | ||
ถ้าไปไม่ทันพระบรรหาร | เนิ่นนานก็จะเคืองบทศรี | ||
แม้องค์พระชนกชนนี | มีความสวัสดีจะกลับมา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านหมันหยา | ||
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ฟังพระหลานลาก็อาลัย | ||
คิดจะใคร่ทานทัดตรัสห้าม | ก็เกรงความนินทาไม่ว่าได้ | ||
สององค์จึงอำนวยอวยชัย | เจ้าจงไปเป็นสุขทุกเวลา | ||
น้านี้อยู่หลังทั้งสอง | จะทุกข์ทนหม่นหมองละห้อยหา | ||
เช้าเย็นเคยเห็นพระนัดดา | ทีนี้น้าจะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจ ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ จึงมีพจนาบัญชาสั่ง | ดะหมังเสนาอัชฌาสัย | ||
จงจัดของขวัญทั้งนั้นไซร้ | ตามในสุริย์วงศ์เทวัญ | ||
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสมศักดิ์ | อุดมด้วยนรลักษณ์เลือกสรร | ||
ชายหญิงสิ่งละร้อบครบครัน | ฝากไปทำขวัญพระนัดดา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศส | |||
มาจัดของขวัญดังบัญชา | แล้วมอบให้เสนากุเรปัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน | |||
พิศพักตร์พระนัดดาลาวัณย์ | เห็นโศกศัลย์สร้อยเศร้าก็เข้าใจ | |||
จึงตรัสเรียกราชบุตรี | เข้ามานั่งถึงนี่ให้ใกล้ | |||
อิเหนาเขาจะลาคลาไคล | เจ้าจงบังคมไหว้พี่ยา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
ได้ฟังชนนีตรัสมา | ให้ขวยเขินวิญญาณ์อารมณ์ | |||
ต่อปิตุเรศเตือนจึงเคลื่อนคลาย | ระวังช่ายสะพักชักห่อม | |||
ครั้นถึงหน้าที่นั่งก็บังคม | กราบก้มพักตราไม่พาที ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
คำนับรับไหว้นางเทวี | ภูมีดูนางไม่วางตา | |||
ความรักหนักอุราด้วยอาลัย | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา | เหมือนจะบอกกัลยาให้รู้ที ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายฝูงสุรางค์นางสาวศรี | |||
ต่างดูระเด่นมนตรี | แล้วพาทีซุบซิบสะกิดกัน | |||
พระจริตเห็นผิดกิริยา | พักตราเศร้าสร้อยโศกศัลย์ | |||
น่าจะทุกข์ทรมานรำคาญครัน | สงสารพระทรงธรรม์เป็นพ้นไป | |||
เมื่อกี้ดูเหมือนจะเยื้อนสั่ง | ใครใครเห็นมั่งหรือหาไม่ | |||
ชลเนตรคลอเนตรแล้วถอนใจ | เห็นอาลัยในองค์พระธิดา | |||
บ้างว่าน่ารักพระโฉมตรู | จะใคร่ให้เสด็จอยู่หมันหยา | |||
ถ้าได้กับพระบุตรีศรีโสภา | ดังจินดาประดับรับเรือนทอง | |||
ลางนางบ้างว่าข้าชอบใจ | ทั้งในธรณีไม่มีสอง | |||
ต่างคิดพิสมัยใจปอง | หม่นหมองไปทุกหน้านางกำนัล ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริยวงศ์เทวากระยาหงัน | |||
อาลัยมิใคร่จะจรจรัล | จึ่งทูลสองประหมันทันที | |||
แต่ตัวนี้หากจะจากไป | จำใจไกลเบื้องบทศรี | |||
แม้นมิกังวลด้วยชนนี | หลานนี้ก็ยังไม่จากจร | |||
ทูลพลางทางถวายบังคมลา | แล้วแลดูพระธิดาดวงสมร | |||
ทำทีเหมือนจะสั่งบังอร | ภูธรถอนใจอาลัยลา | |||
มาทรงพาชีฉับพลัน | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | |||
จึ่งขับมโนมัยไคลคลา | ตรงมาที่อยู่ภูวไนย ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ ครั้นถึงลงจากม้าที่นั่ง | ขึ้นยังตำหนักที่อาศัย | |||
จึ่งสั่งพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | จงไปจัดพหลมนตรี | |||
แต่ในย่ำรุ่งให้เสร็จสรรพ | พรุ่งนี้จะกลับไปกรุงศรี | |||
สั่งพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ พระบรรทมรำพึงถึงความรัก | ไม่ประจักษ์แจ้งจิตขนิษฐา | |||
จะจำใจกลับไปพารา | อนิจจาจะทำประการใด | |||
อันความทุกข์สุดทุกข์แสนทวี | เจ้าจะเห็นอกพี่บ้างหรือไม่ | |||
คิดจะใคร่แจ้งความแก่ทรามวัย | จึงสั่งให้หาดอกลำเจียกมา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | วิเดนกิดาหยันหรรษา | |||
รับสั่งแล้วบังคมลา | ออกมายังสวนมาลี | |||
เก็บได้ดอกปะหนันมิทันนาน | ใส่พานเข้าไปในที่ | |||
ประนมก้มเกล้าดุษฎี | แล้วถวายมาลีภูวไนย ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย | |||
จึ่งหยิบมาลามาทันใด | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรอง | |||
เอานขาจารึกกลีบปะหนัน | ผูกพันเพลงยาวเคล่าคล่อง | |||
แจ้งความตามซึ่งคะนึงน้อง | เป็นทำนองครวญคร่ำรำพัน | |||
แล้วเอาซ่าโบะห่อดอกไม้ | ส่งให้วิเดนกิดาหยัน | |||
ธำมรงค์สองวงนอกนั้น | ให้พี่เลี้ยงสาวสวรรค์กัลยา | |||
จงรับแหวนไว้พลางพลาง | เป็นค่าจ้างวานถวายบุหงา | |||
อันซ่าโบะของเราเอามา | ขอเปลี่ยนผ้าบุรีสไบพรต ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | วิเยนรับสั่งใส่เกศี | |||
ถวายบังคมอัญชลี | ออกจากที่ไสยาแล้วคลาไคล ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ มาถึงทิมริมดรงรอเฝ้า | ก็แวะเข้านั่งหยุดอาศัย | |||
พอเห็นนางค่อมาแต่ไกล | เดินเคียงเข้าใกล้แล้พาที | |||
จะเข้าไปในวังข้าสั่งด้วย | เอ็นดูช่วยบอกพี่เลี้ยงสองศรี | |||
บาหยันซ่าเหง็ดชนนี | ว่าลูกนี้จะลาไปเวียงชัย ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | นางค่อมงวยงงสงสัย | |||
รับคำรีบลาคลาไคล | เข้าในห้องฉนวนด่วนมา ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ ฉุยฉาย | ||||
๏ จึ่งบอกสองพี่เลี้ยงนารี | บัดนี้เจ้าบ่าวน้อยมาคอยหา | |||
ให้บอกสองท่านผู้มารดา | มีธุระจะลาไปธานี ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงว่าแก่ทาสี | |||
หลากใจใครหนอช่างพาที | ล้อเล่นเช่นนี้น่าน้อยใจ | |||
ร้ายดีจะไปดูให้รู้จัก | ลูกรักของข้ามาแต่ไหน | |||
จึงพาดุหวาค่อมคลาไคล | ออกไปยังนอกทวารา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | ||||
๏ บัดนั้น | วิเยนเห็นสองนางก็มาหา | |||
นั่งไหว้แล้วแถลงแจ้งกิจจา | โดยดังบัญชาพระทรงธรรม์ | |||
แหวนนี้ประทานมารดร | จงช่วยธุระร้อนผ่อนผัน | |||
ถึงใจให้พลางเป็นรางวัล | วานถวายดอกปะหนันนงเยาว์ | |||
อันซ่าโบะรอยทรงจงพระทัย | จะขอเปลี่ยนสไบโฉมเฉลา | |||
แจ้งความตามสั่งสิ้นสำเนา | แล้วเอาธำมรงค์ใส่ให้นาง ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงทั้งสองไม่หมองหมาง | |||
ยิ้มอยู่ในหน้าแล้วว่าพลาง | ชิช่างฉลาดหลอกให้ออกมา | |||
จึ่งรับเอาแหวนทั้งสองวง | กับผ้าทรงที่ห่อบุหงา | |||
จะถวายให้ตามพระบัญชา | ว่าแล้วก็พากันกลับไป ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปในห้อง | ทั้งสองพิศวงสงสัย | |||
จึงคลี่ห่อปะหนันออกทันใด | เห็นอักษรเขียนใส่กลีบมาลา | |||
ถ้อยคำร่ำว่าโอดครวญ | น้ำนวลน่ารักเป็นหนักหนา | |||
แต่เฝ้าอ่านสารซ้ำไปมา | สรวลสันต์หรรษาพาที ฯ | |||
ฯ ๔ คำ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี | |||
ได้ยินเสียงสรวลระริกซิกซี้ | จึ่งจรลีมาดูด้วยพลัน | |||
เห็นสองพี่เลี้ยงกัลยา | พิศดูบุหงาแล้วสรวลสันต์ | |||
เมื่อกี้พี่ว่าอะไรกัน | บุหงาปะหนันนั้นของใคร ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ทั้งสองกัลยาอัชฌาสัย | |||
ดูตายิ้มพริ้มไป | แล้วทูลอรทัยพระธิดา | |||
ข้าไปสะตาหมันวันนี้ | เคราะห์ดีได้บุหงาในห่อผ้า | |||
นึกเดาเจ้าของลองปัญญา | ไม่รู้ว่าจะเป็นของใคร ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราพาซื่อไม่สงสัย | |||
หยิบบุหงามาดูทันใด | อรไทเห็นสารก็อ่านพลัน ฯ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
ช้า | ||||
๏ ในลักษณ์อักษรเสนหา | ของพี่ยาจารึกกลีบปะหนัน | |||
มาแจ้งความทรามวัยวิไลวรรณ | ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย | |||
แต่ทุกข์ตรอมจนผอมผิดร่าง | เจ้าไม่เห็นบ้างหรือโฉมฉาย | |||
ถึงจะม้วยชีวันอันตราย | ก็ไม่หมายว่าจะคืนพารา | |||
นี่เนื้อชะรอยกรรมได้ทำไว้ | จะจำไกลพุ่มพวงดวงยิหวา | |||
มิรู้ที่จะแข็งขัดพระบัญชา | จะขอลาโฉมยงอยู่จงดี | |||
ซ่าโบะจะขอเปลี่ยนสไบนาง | ไปชมพลางต่างพักตร์ยาหยี | |||
กับทั้งชานสลาจงปรานี | เหมือนช่วยชูชีวีของพี่ไว้ | |||
ถึงกลับไปก็ไม่อยู่ช้า | จะคืนมาชมชิดพิสมัย | |||
จงเป็นมิตรไมตรีแต่นี้ไป | ดังได้ตุนาหงันกันมา ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
ร่าย | ||||
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นอักษร | ชอบพระทัยในกลอนที่วอนว่า | |||
แต่เล่ห์กลสตรีมีมารยา | ทำโกรธาทิ้งประหนันเสียทันใด | |||
จึ่งว่าชอบขอบใจพี่เจ้า | ช่างเอาบุหงาใครมาให้ | |||
แย้มเยื้อนเหมือนหนึ่งไม่เข้าใจ | ยิ้มละไมในหน้าพาที | |||
จะมาเสใส่ข้าว่าไรเล่า | พิสมัยก็เอาเป็นผัวพี่ | |||
ผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้ | ไม่มีความคิดสักนิดเดียว | |||
ช่างเชื่อลิ้นหลงเลห์ลมชาย | หวานนักมักกลายเป็นเปรี้ยว | |||
อย่าพักพูดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยว | ล่อลวงหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวพัน | |||
ไม่เจียมตนจะไปปนที่สูงศักดิ์ | เห็นเกินหน้าน้องนักพี่บาหยัน | |||
ดังกระต่ายหมายชมดวงจันทร์ | อะไรนั่นพาทีไม่มีอาย ฯ | |||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงเล้าโลมโฉมฉาย | |||
ใจจะแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | คิดหมายว่ามิใช่หาไหนมา | |||
ก็นับในสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ | จะกระไรว่ากันนักหนา | |||
สมศักดิ์สมสกุลทั้งสองรา | นี่พี่หากว่าประสากัน | |||
ถึงมาตรไม่จงจิตคิดปอง | แต่อย่าข้องเคืองเคียดเดียดฉันท์ | |||
สงสารพระองค์วงศ์เทวัญ | โศกศัลย์วอนว่าน่าปรานี | |||
ในสารว่าจะขอเปลี่ยนสไบ | จะบิดเบือนมิให้ก็ใช่ที่ | |||
โฉมยงทรงคิดจงดี | พระภูมีจะละห้อยน้อยใจ ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีศรีใส | |||
ฟังพี่เลี้ยงสนองต้องฤทัย | ให้อาลัยในองค์พระทรงธรรม์ | |||
แต่ปากนางหากทำเป็นว่า | สมเพชเวทนาพี่บาหยัน | |||
ช่างลุ่มหลงงงงวยไปด้วยกัน | สารพันล้วนเห็นว่าเป็นดี | |||
อย่ามาเฝ้าเซ้าซี้ให้ขัดใจ | จะอย่างไรก็ตามความคิดพี่ | |||
ว่าพลางย่างเยื้องจรลี | เข้าไปในที่ไสยา ฯ | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | สองศรีพี่เลี้ยงเสนหา | |||
แจ้งใจในทีพระธิดา | ก็ตามมายังที่บรรทม | |||
ครั้นถึงจึงประณตบทมาลย์ | นบนอบหมอบคลานกรานก้ม | |||
บาหยันทำสนิทชิดชม | บังคมแล้วทูลไปทันใด | |||
โฉมยงจงทรงพระเมตตา | วันนี้ข้าหนาวเหน็บเหมือนเป็นไข้ | |||
จะขอผ้ารอยทรงองค์อรทัย | แม้นโปรดได้ให้ห่มจะค่อยคลาย | |||
ว่าพลางทางทำเฉยหน้า | หยิบยกพานผ้ามาถวาย | |||
แต่เฝ้าเตือนเยื้อนยิ้มพริ้มพราย | จงเปลี่ยนเปลื้องจากกายกัลยา ฯ | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา | |||
เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | รำคาญวานอย่าให้ขัดใจ | |||
น้องหรือจะรู้เท่าทัน | เชิงชั้นแยบยลคนผู้ใหญ่ | |||
นางค้อนเคืองเปลื้องเปลี่ยนผ้าสไบ | ทำทิ้งประชดให้ด้วยมารยา ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงบาหยันหรรษา | |||
หยิบสไบรอยทรงนั้นมา | พัดพาดอังสาแล้วพาที | |||
ครั้งี้เห็นแท้แน่ตระหนัก | ว่าโฉมยงนงลักษณ์รักพี่ | |||
ว่าพลางทางทำยินดี | อัญชลีแลดูตากัน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน | |||
จึงทูลองค์อรทัยวิไลวรรณ | ทำเจ็บฟันปวดป่วยเป็นพ้นไป | |||
รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก | จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้ | |||
จึงหยิบหมากมาถวายทันใด | ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน ฯ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราจึงว่าขาน | ||
อะไรนี่มีแต่บอกอาการ | บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ | ||
เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้ | เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่ | ||
จึงรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ | แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา | ||
สะกิดเตือนบาหยันกัลยา | บังคมลามาจากเยาวมาลย์ | ||
เดินด่วนชวนกันเข้ในห้อง | ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน | ||
เจียนตองแต่พอห่อชาน | ใส่ผอบเอาพานทองรอง | ||
แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท | ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง | ||
มิให้ใครสงสัยในทำนอง | ทั้งสองกัลยาคลาไคล ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่ | ตรงประตูหูช้างข้างใต้ | ||
แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ | พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน | ||
เข้ามานั่งลงตรงที่นั้น | ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา | ||
ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา | เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร | ||
จึงหยิบชานสลากับผ้าทรง | สองนางนั่งลงแล้วส่งให้ | ||
สั่งว่าข้าถวายบังคมไป | ด้วยตั้งใจจงรักภักดี | ||
เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า | รีบกลับมาหมันหยากรุงศรี | ||
จงจำถ้อยคำของข้านี้ | ไปทูลภูมีดังวาจา ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | วิเยนยินดีเป็นหนักหนา | ||
คำนับรับคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่พระภูมี ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯเชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงถวายผ้าสไบ | กับผอบที่ใส่ชานพระศรี | ||
แล้วแถลงแจ้งความตามคดี | โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา | ||
ชื่นชมด้วยสมดังจินดา | พระราชาเวยชานสำราญใจ | ||
ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า | ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้ | ||
จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย | ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์ | ||
กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ | หอมตลบจับใจใหลหลง | ||
คล้ายคล้ายหมายเหมือนรูปทรง | โฉมยงนงค์เยาว์เข้ามา | ||
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก | พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา | ||
หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา | เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย | ||
แลตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ | เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย | ||
พระผินผันบรรทมสะเทินอาย | กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป ฯ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | เสนาปาเตะผู้ใหญ่ | ||
ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย | ออกไปเร่งรัดจัดพล ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ยานี | |||
๏ ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน | มายืนเยียดยัดอัดถนน | ||
บ้างขนของเครื่องอานอลวน | ประทับบนสัปคับคชา | ||
ขุนม้าผูกม้าพาชี | เคยขี่ควบขับสำหรับเขา | ||
ขุนรถเร่งเทียมอาชา | ประทับเกยคอยท่าภูธร | ||
ขุนพลตรวจพลนายไพร่ | เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน | ||
สับสนอลหม่านไม่หลับนอน | หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | เสนานายมุลขุนหมื่น | ||
บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น | ดีใจจะได้คืนไปพารา | ||
ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว | ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า | ||
เรียกเพื่อสบู่ฝิ่นกินน้ำชา | พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง | ||
บ้างหาสิ่งของสำรองไป | จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง | ||
ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง | ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย | ||
ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง | ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย | ||
แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย | หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน | ||
พวกนักเลงกลอนแขกก็เสาะหา | หนังแพะหนาหนาทำหน้าต่าน | ||
ต่างคนหาของที่ต้องการ | จะไปบ้านมิให้เสียคราว | ||
พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด | แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว | ||
บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว | ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง | ||
ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา | อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง | ||
ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง | ทำทางเล่นทางจริงลองใจ | ||
บรรดาโยธาทุกหมวดกอง | คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่ | ||
เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป | นายไพร่ตรวจตราหากัน ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
ครั้นจะใกล้ไขสีวีสรรณ | ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์ | ||
เสียงไก่กระชั้นขันขาน | แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง | ||
เสด็จออกจากแท่นสุวรรณบรรจง | มาชำระสระสรงสินธู ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ น้ำใสไขฝักปทุมทอง | ผินผันหันขนองเข้ารองสู้ | ||
ทรงสุคนธ์ปนสุวรรณกำภู | หอมระรื่นชื่นชูกลิ่นชะมด | ||
สอดใส่สนับเพลสเนาหน่วง | โขมพัตถ์พื้นม่วงก้านขด | ||
ฉลององค์อินทรธนูสะบัดคต | ดุมประดับมรกตรจนา | ||
เจียรบาดตาดสุวรรณวาววับ | กรองศอซ้อนสลับทับอังสา | ||
ตาบทิศทับทรวงดวงจินดา | พาหาพาหุรัดทองกร | ||
ธำมรงค์ลงยาประดับเพชร | แต่ละเม็ดยอดใหญ่เท่าบัวอ่อน | ||
ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจอน | กรายกรกุมกริชจรลี ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
ร่าย | |||
๏ มาทรงรถแก้วแววไว | พออุทัยเรืองรองผ่องศรี | ||
พรั่งพร้อมพหลมนตรี | คลายคลี่รี้พลยาตรา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นออกมานอกทวารวัง | เหลียวหลังดูปราสาทจินตะหรา | ||
ตั้งแต่แลตะลึงจลับตา | ยังเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์เยือกเย็น | ||
โอ้ดวงยิหวายาใจพี่ | แต่นี้นานช้าจะมาเห็น | ||
จะทุกข์ถึงคะนึงนางไม่วางเว้น | ด้วยจำเป็นจำใจไคลคลา | ||
พระเสด็จมาในพิชัยรถ | เร่งรันทดฤทัยถวิลหา | ||
รีบรัดจัตุรงค์ตรงมา | เดินโดยมรคาพนาดร ฯ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นถึงที่ประทับยับยั้ง | พระสุริย์ฉายบ่ายบังสิงขร | ||
จึ่งหยุดโยธาพลกร | ภูธรเสด็จขึ้นพลับพลา ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | ปะตะเสนีมียศถา | ||
ออกมากำชับสั่งโยธา | ให้ตรวจตราตระเวนเกณฑ์กัน | ||
บ้างนั่งยามตีเกราะเคาะฆ้อง | ทุกกองทุกหมวดกวดขัน | ||
ตั้งตาริ้วรายหลายชั้น | รอบสุวรรณพลับพลาพนาลี ฯ | ||
ฯ ๕ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
ครั้นล่วงปฐมยามราตรี | ก็เข้าสู่แท่นที่ไสยา ฯ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ พระกรก่ายพักตราจาบัลย์ | หวั่นหวั่นถวิลถึงจินตะหรา | ||
ป่านฉะนี้โฉมตรูอยู่พารา | จะนิทราหลับแล้วหรือฉันใด | ||
เจ้าจะมีมิตรจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงพี่บ้างหรือหาไม่ | ||
เห็นทีขนิษฐายาใจ | จะโหยหาอาลัยถึงพี่ชาย | ||
แต่ครุ่นครวญรวนเรคะเนนึก | จนยามดึกเดือนส่องแสงฉาย | ||
พระเผยม่านสุวรรณพรรณราย | ลมชายตามช่องมาต้ององค์ | ||
น้ำค้างพร่างพรมสุมามาลย์ | เบ่งบานแย้มกลีบกลิ่นส่ง | ||
หอมละม้ายคล้ายกลิ่นโฉมยง | พระเคลิ้มองค์หลงขับขึ้นฉับพลัน ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
พัดชา | |||
๏ ดวงเอยดวงยิหวา | งามอย่างนางฟ้ากระยาหงัน | ||
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ | ดังบุหลันทรงกลดหมดมลทิน | ||
งามเนตรดั่งเนตรมฤคมาศ | งามขนงวงวาดดั่งวงศิลป์ | ||
อรชรอ้อนแอ้นดั่งกินริน | งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม | ||
แต่เห็นน้องก็ต้องหฤทัย | พิสมัยไม่วายหวังถนอม | ||
แสนทุกข์ระทมตรมตรอม | จะผ่ายผอมผิดรูปซูบทรง | ||
โอ้ว่ายาหยีของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้ดังประสงค์ | ||
พระชมสไบบางต่างโฉมยง | เอนองค์ลงบรรทมหลับไป ฯ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ ประทมไพร | |||
ชา | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายประไหมสุหรีสีใส | ||
แต่ละห้อยคอยหาพระดนัย | นางไม่เป็นสุขสักเวลา | ||
พระครรภ์สิบเดือนโดยกำหนด | จะประสูติโอรสเสนหา | ||
ให้เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา | ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายปราณ ฯ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | นางกำนัลต่างคนอลหม่าน | ||
บ้างเข้าประคององค์นงคราญ | หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร | ||
เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ | บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่ | ||
เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร | ให้เครียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย | ||
แล้วหมายไปบอกเบิกน้ำสุรา | สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห | ||
เตือนเจ้าพนักงานทหารใน | ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง | ||
เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง | นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง | ||
เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง | กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง | ||
บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด | เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง | ||
บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง | ในเรือนหลวงวิ่งไข่กันไปมา | ||
ที่นับถือผีสางบางคน | ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา | ||
บ้างอวดรู้ดูยามสามตา | จะประสูติในไม่ช้าเวลานี้ | ||
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน | ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่ | ||
ชิงกันเอาหน้าพาที | ทูลคดีให้ทราบบาทา | ||
ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันนาถา | ||
ครั้นแจ้งก็รีบลีลา | ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์ | ||
ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี | พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร | ||
จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน | ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีสมร | ||
เจ็บจวนประชวรพระอุทร | บังอรไม่เป็นสมประดี | ||
ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง | เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่ | ||
พอได้ฤกษ์เวลานาที | มารศรีประสูติพระธิดา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์มเดหวีเสนหา | ||
รับราชบุตรีนั้นมา | โสรจสรงธาราทันใด | ||
แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่ | ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส | ||
แล้วเอาพานทองรองรับไว้ | ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ | ||
พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม | แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ | ||
ท้าวนางพระสนมกำนัล | ชวนกันชื่นชมยินดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี | ||
พิศโฉมพระราชบุตรี | ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า | ||
อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น | ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา | ||
จึงให้นามตามวงศ์เทวา | ชื่อระเด่นวิยดานารี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายมหาอำมาตย์ทั้งสี่ | ||
จึงจัดบุตรเสนาบรรดามี | แปดร้อยนารีจำเริญวัย | ||
ทั้งเงินทองของขวัญต่างๆ | ตามอย่างพระธิดาประสูติใหม่ | ||
ให้เถ้าแก่โขลนจ่าพาเข้าไป | ยังในนิเวศน์วังพลัน | ||
ต่างบังคมคัลอัญชลี | องค์ศรีปัตหรารังสรรค์ | ||
ตำมะหงงยาสาเสนานั้น | ทูลถวายของขวัญทันที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
ยิ่งทรงโสมนัสพันทวี | จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา | ||
ล้วนบุตรเสนีมีศักดิ์ | นรลักษณ์รูปทรงวงศา | ||
คนหนึ่งชื่อบาหยันกัลยา | ซ่าเหง็ดโสภานารี | ||
หนึ่งชื่อประเสหรันแน่งน้อย | ประลาหงันแช่มช้อยโฉมศรี | ||
ตำแหน่งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี | ตั้งได้แต่สี่พารา | ||
อันบุตรเสนีทั้งนั้น | แบ่งเป็นกำนัลซ้ายขวา | ||
แล้วประทานสิ่งของนานา | เงินทองแพรผ้าสารพัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
เนาในพลับพลาพนาวัน | สุริยันเยี่ยมยอดบรรพต | |||
จึงเข้าที่ชำระสระสรง | ทรงเครื่องประดับองค์อลงกต | |||
แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ | ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
ชมดง | ||||
๏ เดินพลางทางชมรุกขชาติ | เดียรดาษดวงดอกออกไสว | |||
หอมประทิ่นเหมือนกลิ่นทรามวัย | ภูวไนยถวิลหาปรารภ | |||
สกุณาพาคู่เคียงบิน | เหมือนเคียงพักตร์ทักษิณที่พระศพ | |||
โนรีเรียงหน้าบนค่าคบ | เหมือนพี่แสร้งแกล้งกระทบอังสานาง | |||
นกขมิ้นบินโผเข้าพงพี | เหมือนเจ้าเดินหนีพี่ไปให้ห่าง | |||
สีชมพูเหมือนสีสะใบบาง | ที่เปลี่ยนมากลางทางแทนองค์ | |||
นางนวลเล่นน้ำอยู่ในหนอง | เหมือนนวลน้องเมื่อสนานในสระสรง | |||
ชมพลางทางระทดกำสรดทรง | ให้รีบรัดจตุรงค์จรลี | |||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | ||||
ร่าย | ||||
๏ แต่รอนแรมนอนป่าสิบห้าวัน | ลุถึงกุเรปันกรุงศรี | |||
ให้หยุดรถคชพลพาชี | ภูมีเสด็จไปเข้าในวัง | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | ||||
๏ ครั้นถึงปราสาทพระธิดา | ฝูงกำนัลกัลยาพร้อมพรั่ง | |||
พระหยุดแฝงทวารบานบัง | ยับยั้งดูทีกิริยา | |||
เห็นพระบิตุเรศมารดร | สโมสรสรวลสันต์หรรษา | |||
จึงเข้าไปในปราสาทรจนา | วันทาพระชนกชนนี | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | โฉมยงองค์ประไหมสุหรี | |||
เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี | จึงมีมธุรสพจนา | |||
นี่หากว่าชีวันไม่บรรลัย | จึงได้เห็นพักตร์โอรสา | |||
มิเสียแรงกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา | เสนหาก็ไม่เสียที | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
ร่าย | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | |||
ก้มเกล้าทูลสนองพระเสาวนีย์ | อันโทษาลูกนี้ผิดนัก | |||
ได้ทูลลาว่าจะมาเป็นหลายหน | สองประหมันนั้นก่นแต่หน่วงหนัก | |||
ต่างองค์อาลัยด้วยใจรัก | หาญหักห้ามไว้มิให้มา | |||
ต่อได้แจ้งอาการในสารศรี | ว่าชนนีจะคลอดโอรสา | |||
พระจึงอวยให้ลูกไคลคลา | รีบเดินทั้งทิวาราตรี | |||
จะว่าไปก็ในลูกผิดเอง | เหมือนไม่เกรงเบื้องบาทบทศรี | |||
ถึงประหมันมิให้อัญชลี | แม้นมิฟังใช่ที่จะทำไม | |||
ตกแต่งเกรงผู้อื่นนั้นยิ่งกว่า | พระบิตุเรศมมารดาเป็นใหญ่ | |||
ลูกได้พลั้งผิดคิดเบาใจ | ขอพระองค์จงได้เมตตา | |||
แล้วทูลถวายของขวัญ | สองประหมันประทานขนิษฐา | |||
พระพินิจพิศโฉมวิยดา | เสนหาพ่างเพียงดวงใจ | |||
พลางดูทำนองสองกษัตริย์ | เห็นค่อยคลายเคืองขัดอัชฌาศรัย | |||
จึงบังคมลาคลาไคล | เสด็จไปที่อยู่พระภูมี | |||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
ช้า | ||||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวดาหากรุงศรี | |||
แจ้งว่าพระเชษฐาธิบดี | มีราชบุตรีโสภา | |||
จึงให้จัดของขวัญทันใด | ตามในสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
ทั้งของตุนาหงันกัลยา | ให้อะหนะสียะตราลูกรัก | |||
ตำมะหงงจงนำสารไป | กราบทูลภูวไนยให้ประจักษ์ | |||
ว่าเรากับขนิษฐาสามิภักดิ์ | คิดถึงพระทรงศักดิ์เป็นพ้นไป | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
ร่าย | ||||
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งบังคมไหว้ | |||
ออกมาจัดของขวัญทันใด | ใส่ในราชรถเรียงรัน | |||
ตำมะหงงทั้งสี่นั้นขึ่ม้า | รีบยกโยธาผายผัน | |||
นอนทางค้างแรมมาหลายวัน | ตรงไปกุเรปันธานี | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ พอพบเสนาเมืองกาหลัง | อีกทั้งสิงหัดส่าหรี | |||
สามนายก็พากันจรลี | เข้าในบุรีกุเรปัน | |||
ไปหายาสาตำมะหงง | จึ่งส่งบรรณาการของขวัญ | |||
เวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ก็พากันเข้าสู่พระโรงชัย | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ ต่างประนมก้มเกล้าเคารพ | พระปิ่นภพกุเรปันเป็นใหญ่ | |||
ตำมะหงงมหาเสนาใน | ทูลไปให้แจ้งกิจจา | |||
บัดนี้พระอนุชาทั้งสาม | มีความโสมนัสเป็นหนักหนา | |||
ให้เสนีนำบรรณาการมา | ทำขวัญพระนัดดายาใจ | |||
แต่ศรีปัตหราดาหานั้น | ตุนาหงันพระบุตรีศรีใส | |||
ให้สียะตราโอรสยศไกร | ตามในสุริย์วงศ์เทวา | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านกุเรปันนาถา | |||
จึงมีพระราชบัญชา | ปราศรัยเสนาทั้งสามคน | |||
ซึ่งมาท่าทางทุรัศสถาน | เทศกาลเป็นห้าฟ้าฝน | |||
กันดารโดยมรคาอารญ | ไพร่พลยังพร้อมมูลกัน | |||
อันพระอนุชาทั้งสามองค์ | ยังดำรงไอสูรย์เกษมสันต์ | |||
อยู่เย็นเป็นสุขทุกนิรันดร์ | ฤาโรคันอันตรายสิ่งใด | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | สามเสนาทูลสนองไข | |||
เดชะพระเดชปกเกศไป | มรคามาได้สะดวกดาย | |||
อันสามสมเด็จพระอนุชา | กับพระญาติวงศาทั้งหลาย | |||
มิได้มีไภยันอันตราย | กราบถวายบังคมด้วยภักดี | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นกุเรปันกรุงศรี | |||
จึงหันพักตรามาพาที | กับประไหมสุหรีนงเยาว์ | |||
อันระเด่นบุษบาดาหานั้น | ได้ไปตุนาหงันให้อิเหนา | |||
บัดนี้วิยะดาลูกเรา | ฝ่ายเขามาขอให้สียะตรา | |||
ถ้อยทีมีใจจำนง | มิให้เสียสุริย์วงศ์อสัญหยา | |||
จะโอนอ่อนผ่อนตามอนุชา | กัลยาจะเห็นประการใด | |||
ฯ ๖ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส | |||
เคารพอภิวันท์แล้วทูลไป | ตามแต่ภูวไนยจะโปรดปราน | |||
มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมา | สียะตราหนึ่งหรัดก็เป็นหลาน | |||
น้องมิได้แข็งขัดทัดทาน | ให้เคืองบทมาลย์พระผ่านฟ้า | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระผ่านภพกุเรปันหรรษา | |||
จึงดำรัสตรัสสั่งเสนา | จงบอกแก่อนุชาทั้งสามเมือง | |||
ว่าเราอำนวยอวยชัย | ทุกข์โศกโรคภัยจงปลดเปลื้อง | |||
อย่ารู้มีอันตรายระคายเคือง | ให้รุ่งเรืองเดชากฤษฎาการ | |||
ซึ่งพระอนุชาดาหานั้น | ให้มาตุนาหงันว่าขาน | |||
ก็ชอบตามระบอบโบราณ | มิให้เสียวงศ์วานเทวา | |||
ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร | จากอาสน์สุวรรณเลขา | |||
ชวนประไหมสุหรีลีลา | ไปปราสาทวิยดานารี | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | เสนาทั้งสามกรุงศรี | |||
ครั้นเสด็จขึ้นแล้วก็จรลี | ออกไปจากที่พระโรงคัล | |||
ต่างคนต่างขึ้นอาชา | รีบเร่งโยธาผายผัน | |||
มาจากกรุงไกรกุเรปัน | แยกกันไปยังพารา | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
ช้า | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | |||
แต่จากเยาวมาลย์ช้านานมา | ไม่วายถวิลหาอาลัย | |||
ยามเข้าไสยาในราตรี | ยิ่งทวีทุกข์ทนหม่นไหม้ | |||
บรรทมชมเชยแต่สไบ | แทนองค์อรทัยทุกเวลา | |||
โอ้ว่ายิหวาของพี่เอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้เห็นหน้า | |||
ยังมิทันสู่สมภิรมยา | เวราสิ่งใดให้ไกลกัน | |||
แม้ช้าอีกสักห้าราตรี | เห็นทีจะได้ดังใฝ่ฝัน | |||
พระรำลึกตรึกตราจาบัลย์ | แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่เสื่อมคลาย | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
ร่าย | ||||
๏ จึงทรงกำศรดสลดรัก | อุตส่าห์หักฤทัยเสียให้หาย | |||
แสร้งทำสุขเกษมเปรมปราย | มิให้คนทั้งหลายสงกา | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้งรุ่งรางสร่างแสงสุริยง | พระแต่งองค์ทรงเครื่องโอ่อ่า | |||
เสด็จทรงมโมยไคลคลา | ขึ้นเฝ้าพระบิดาด้วยพลัน | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
ช้า | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพลบโลกเป็นใหญ่ | |||
แสนสวาทสองราชดนัย | พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา | |||
อันองค์อิเหนาเยาวเรศ | รักดังดวงเนตรเบื้องขวา | |||
อันอะหนะระเด่นวิยดา | เพียงดวงนัยนาเบื้องซ้าย | |||
พลางพินิจพิศพักตร์พระโอรส | เห็นกำศรดสร้อยเศร้าไม่เหือดหาย | |||
เหตุที่ทุกข์ใจไม่สบาย | เพราะมุ่งหมายจินตะหราวาตี | |||
จำจะให้ไปนัดอนุชา | กำหนดการวิวาห์ภิเษกศรี | |||
เหมือนเอาเสี้ยนบ่งหนามเห็นงามดี | คิดแล้วจึงมีพระบัญชา | |||
ฯ ๘ คำ ฯ | ||||
ร่าย | ||||
๏ จึงสั่งดะหมังเสนาใน | พรุ่งนี้จงไปเมืองดาหา | |||
ทูลแจ้งแก่พระอนุชา | จะแต่งการวิวาห์เดือนหกนี้ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | |||
ถวายบังคมคัลอัญชลี | ออกมาจากที่พระโรงคัล | |||
จึงบอกบ่าวไพร่ให้พร้อมเพียง | ลูกเมียหาเสบียงขมีขมัน | |||
ครั้นรุ่งก็รีบจรจรัล | ขึ้นม้าพากันคลาไคล | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | ||||
๏ รอนแรมนอนทางกลางอรัญ | สิบห้าวันถึงดาหากรุงใหญ่ | |||
พอเวลาเฝ้าเข้าไป | ยังท้องพระโรงชัยฉับพลัน | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ จึงถวายอภิวาทบาทบงสุ์ | พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน | |||
ทูลว่าพระเชษฐากุเรปัน | มีบัญชาใช้ให้มา | |||
กำหนดนัดการสยุมพร | ให้ตกแต่งพระนครไว้ท่า | |||
เดือนหกจะยกยาตรา | มาแต่งการวิวาห์พระบุตรี | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวดาหาปรีดิ์เปรมเกษมศรี | |||
จึงตรัสแก่ดะหมังเสนี | ว่าเรานี้ถวายบังคมไป | |||
งดสักสามเดือนจึงยกมา | จะตกแต่งพาราเสียใหม่ | |||
ท่านจงไปทูลพระภูวไนย | ให้ทราบใต้ละอองบาทา | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ บัดนั้น | ดะหมังกุเรปันหรรษา | |||
รับสั่งแล้วบังคมลา | มาขึ้นม้ารีบกลับไปฉับไว | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปเฝ้า | พระปิ่นเกล้ากุเรปันเป็นใหญ่ | |||
ทูลแถลงแจ้งความทั้งปวงไป | ให้ทราบใต้ฝ่าละอองบาทา | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ เมื่อนั้น | พระทรงภพลบโลกไม่มีสอง | |||
ได้ฟังก็ดำริตริตรอง | ซึ่งพระน้องกำหนดนัดผลัดไป | |||
จำเป็นจะหย่อนผ่อนผัน | จะทำเมือนนนึกนั้นเห็นไม่ได้ | |||
คิดแล้วเสด็จคลาไคล | เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ | |||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | |||
แจ้งว่าบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ใช้ให้ดะหมังนั้นไปนัดการ | |||
จัดแจงที่จะแต่งสยุมพร | พระเร่งร้อนหฤทัยดังไฟผลาญ | |||
แต่โศกาครวญคร่ำรำคาญ | จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใดดี | |||
ฯ ๔ คำ ฯ | ||||
๏ อย่าเลยจะทูลลาไปเล่นไพร | แต่พอได้ออกจากกรุงศรี | |||
แล้วจะไปหมันหยาธานี | ให้สมที่จินดาอาวรณ์ | |||
ฯ ๒ คำ ฯ | ||||
๏ คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง | ย่างเยื้องจากแท่นบรรจถรณ์ | |||
มาทรงกัณฐัศว์อัสดร | บทจรเข้ายังวังใน | |||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | ||||
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี | พระชนกชนนีเป็นใหญ่ | ||
เห็นท่วงทีชอบช่องจึงทูลไป | ว่าลูกไม่สบายมาหลายวัน | ||
ขอพระองค์จงโปรดปรานี | พรุ่งนี้จะลาไปไพรสัณฑ์ | ||
เที่ยวไล่มฤคาในอารัญ | เจ็ดวันจะกลับมาเวียงชัย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงภิภพสบสมัย | ||
ฟังโอรสลาไปเล่นไพร | ภูวไนยไม่พะวงสงกา | ||
จึงตริตรึกปรึกษามเหษี | อิเหนานี้คะนึงถึงจินตะหรา | ||
เศร้าหมองไม่หายหลายเดือนมา | จะต้องตามวิญญาณ์ให้คลายใจ | ||
ว่าพลางทางมีพจนารถ | อนุญาตโดยดังอัชฌาสัย | ||
ลูกรักจักลาไปเล่นไพร | ก็ตามใจแต่อย่าอยู่ช้า | ||
แล้วดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง | ท่านจงไปด้วยโอรสา | ||
เป็นผู้ใหญ่ต่างใจต่างตา | อย่าให้พระลูกยาอยู่นาน | ||
กำชับให้กลับในเจ็ดวัน | ถึงกรุงกุเรปันราชฐาน | ||
สั่งเสร็จเสด็จจากพระโรงธาร | ภูบาลเข้าสู่ปราสาทชัย | ||
ฯ ๑๐ คำฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส | ||
ชื่นชมสมจิตที่คิดไว้ | ก็คลาไคลไปปราสาทวิยดา | ||
พอประสบองค์มะเดหวี | สถิตที่ห้องทองขนิษฐา | ||
พระลดองค์ลงถวายวันทา | ทำทีกิริยาเปรมปรีดิ์ | ||
แล้วโอบอุ้มประคองพระน้องรัก | มาใส่ตักเชยชมมารศรี | ||
ชันษายังไม่ถึงกึ่งปี | อนิจาพี่นี้จะจากไป | ||
พระสะท้อนถอนจิตจาบัลย์ | สุดที่จะกลั้นกันแสงได้ | ||
ชลเนตรคลอเนตรภูวไนย | ผินไปทรงซับเสียฉับพลัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน | ||
เห็นอิเหนาลูกยาจาบัลย์ | จึงตรัสถามไปพลันทันใด | ||
เจ้าอุ้มน้องเชยชมภิรมย์รัก | เป็นไรนั่นผันพักตร์ไปร้องไห้ | ||
เห็นผิดทีเที่ยวป่าพนาลัย | เหมือนจะไปอยู่ช้าสักห้าปี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี | ||
เสแสร้งแกล้งทูลพระชนนี | เมื่อกี้ผงปลิวเข้าตา | ||
ก้มกรีดชลเนตรจะให้หาย | ยังระคายเคืองเนตรเป็นหนักหนา | ||
อย่ากินแหนงแคลงใจพระมารดา | ใช่ว่าจะโศกศัลย์ด้วยอันใด | ||
ซึ่งลูกจะลาไปอารัญ | เจ็ดวันก็จะกลับกรุงใหญ่ | ||
ว่าพลางวางองค์พระน้องไว้ | บังคมไหว้มะเดหวีแล้วลีลา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงประเสบันทันที | นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า | ||
จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงให้ตรวจตรา | โยธาสำหรับทัพชัย | ||
จงจัดคนนำทางที่สันทัด | ดั้นดัดมรคาป่าใหญ่ | ||
พอย่ำยามสามจะยกไป | อย่านอนใจให้ทันเวลา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ประสันตารู้นัยแต่ไม่ว่า | ||
ทำนับนิ้วจับยามสามตา | เงยหน้าทูลองค์พระทรงชัย | ||
เสด็จในยามนี้เถิดดีจริง | จะเกิดลาภสักสิ่งเป็นแม่นมั่น | ||
ถ้ามิได้สมจิตที่คิดนั้น | ขอถวายชีวันประสันตา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงค์อสัญแดหวา | ||
ยิ้มพลางทางเขม้นนัยนา | แล้วตรัสว่าช่างทำนายทายเดา | ||
นี่ใครใช้ให้เจ้าเป็นหมอดู | อวดรู้พูดโป้งไปเปล่าเปล่า | ||
จะได้ลาภมิได้ก็ทำเนา | มิใช่การอย่าเอามาพาที | ||
ไม่สบายวิญญาณ์จะคลาไคล | ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจของพี่ | ||
รำคาญวานอย่าเฝ้าเซ้าซี้ | จงไปจัดโยธีให้พร้อมไว้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะผู้มีอัชฌาสัย | ||
แย้มยิ้มในหน้าแล้วว่าไป | เจ้าพูดไยอย่างนั้นประสันตา | ||
ถึงได้ลาภอย่างไรก็ไม่ชื่น | ไม่เหมือนคืนเขตขัณฑ์หมันหยา | ||
ว่าพลางทางถวายบังคมลา | ออกมาหน้าจักวรรดิ์จัดพล | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
ยานี | |||
๏ ตั้งกองท้องสนามตามอย่าง | ขุนช้างผูกช้างระวางต้น | ||
แต่ละตัวห้าวหาญชำนาญตน | ชนะศึกฝึกฝนมาหลายคราว | ||
ขุนม้าผูกม้าพาชี | แซมสีเหลืองกระเลียวเขียวขาว | ||
เลือกล้วนตัวดีมีฝีเท้า | ประดับเครื่องกุดั่นดาวนากทอง | ||
ขุนรถเร่งเตรียมรถา | อาชาฉุดชักเคล่าคล่อง | ||
สารถีขึ่ขับตามทำนอง | เหน็บกริชฝักทองถือธนู | ||
ขุนพลจัดพลพร้อมพรั่ง | คับคั่งโยธีทั้งสี่หมู่ | ||
กรมวังนั่งคอยไขประตู | เตรียมท่าพระโฉมตรูจะยาตรา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา | ||
ครั้นล่วงปฐมยามเวลา | เสด็จมาเข้าที่พระบรรทม | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ช้า | |||
๏ เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน | ดังได้โฉมตรูมาสู่สม | ||
ยินดีปรีดาในอารมณ์ | พลางชมสไบบางต่างเทวี | ||
หอมตลบอบซาบนาสา | เหมือนกลิ่นจินตระหรามารศรี | ||
นึ่งนึกตรึกไตรในราตรี | ภูมีไม่สนิทนิทรา | ||
แต่เฝ้าเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ | เหมือนพรุ่งนี้จะได้ไปเห็นหน้า | ||
พระกรรณตรับนับทุ่มนาฬิกา | นั่งคอยเวลาจะคลาไคล | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นประโคมฆ้องย่ำยามสามเศษ | ภูวเรศยินดีจะมีไหน | ||
เสด็จออกจากห้องทองทันใด | คลาไคลไปสรงชลธาร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ไขสุหร่ายวารินกลิ่นเกลี้ยง | สถิตนั่งเหนือเตียงสรงสนาน | ||
ทรงสุคนธ์ปนทองรองพาน | กลิ่นสุมาลย์ตลบอบองค์ | ||
สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด | ปักรูปสีหราชเหมหงส์ | ||
ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์ | ฉลององค์อินทร์ธนูงามงอน | ||
เจียระบาดคาดสุวรรณพรรณราย | คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายสร้อยอ่อน | ||
ทับทรวงดวงกุดั่นดอกซ้อน | ทองกรแก้วมณีเจียระไน | ||
ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองระยับ | มงกุฎเพชรเก็จประดับดอกไม้ไหว | ||
เหน็บกริชเทวาแล้วคลาไคล | มาทรงมโนมัยในเที่ยงคืน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
โทน | |||
๏ ม้าเอยม้าต้น | สามารถอาจผจญไม่เต้นตื่น | ||
พ่วงพีมีกำลังยั่งยืน | ตัวรู้อยู่ปืนได้ทดลอง | ||
ผูกเครื่องกุดั่นดาวจำหลัก | สายถือเทศถักเป็นลายสอง | ||
ห้อยหูภู่จามรีกรอง | ใบโพธิ์ทองถมยาประดับเพชร | ||
พานหน้าผนังข้างอย่างนอก | ดวงดอกเนาวรัตน์ตรัสเตร็จ | ||
พระทรงแส้สุวรรณกัลเม็ด | เสนาตามเสด็จแน่นนันต์ | ||
ม้าพี่เลี้ยงเคียงม้าที่นั่งทรง | ตำมะหงงนั้นนำพลขันธ์ | ||
เดินทางสว่างแจ้งด้วยแสงจันทร์ | เร่งกันให้รีบจรลี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
โอ้ร่าย | |||
๏ เข้าในอรัญวาป่าใหญ่ | ภูวไนยคะนึงถึงโฉมศรี | ||
โอ้ว่าจินตระหราวาตี | ป่านฉะนี้ดวงใจจะไสยา | ||
ฤาจะตื่นนิทราเวลาดึก | รำลึกถึงพี่บ้างกระมังหนา | ||
หอมหวนอวลรสสุมาลา | พระพายพากลิ่นตลบอบอาย | ||
น้ำค้างตกต้องใบพฤกษา | จับแสงจันทราจำรัสฉาย | ||
หิ่งห้อยย้อยระยับจับไม้ราย | พรายพรายแพร้วแพร้วที่แถวทาง | ||
เสียงบุหรงร้องก้องพนาวัน | สุริย์ฉันจวนแจ้งแสงสว่าง | ||
พอพ้นด่านกุเรปันชั้นกลาง | หนทางรื่นราบดังปราบไว้ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ พระคิดดูรู้ระยะมรคา | เห็นยังไกลหมันหยากรุงใหญ่ | ||
จะอุบายขับควบอาชาไนย | รีบไปให้เปลืองหนทางจร | ||
คิดแล้วจึงมีบัญชาสั่ง | ให้รอรั้งมโนมัยไว้ก่อน | ||
พอรุ่งรางสร่างแสงทินกร | จึงให้ควบอัสดรดูกำลัง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ แล้ววางม้าทรงลงแส้ | ทั้งทวยหาญม้าแห่หน้าหลัง | ||
ต่างควบอาชาดาประดัง | คับคั่งเคียงแข่งแซงไป | ||
บ้างมุ่นหกผกโผนลำพอง | แตกคลองพากระเจิงเข้าเซิงไผ่ | ||
แต่กระชากลากฉุดจนอ่อนใจ | แก้ไขสิ้นคิดถึงปิดตา | ||
พวกขี้ขลาดอวดดีขี่เบาะบาง | สะบัดย่างวางตามเป็นสามขา | ||
รัดอกขาดพลาดพลัดลงมา | ปากคอคิ้วตาระยำยับ | ||
บ้างควบปรึงตะบึงไปไม่รอรั้ง | จนตาลายสิ้นกำลังลมจับ | ||
เหงื่อออกอาบหน้าเอาผ้าซับ | แล้วรีบขับควบตามเสด็จไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ลุล่วงมรคามาถึง | ที่หนึ่งธารท่าชลาไหล | ||
เวลาเที่ยงแดดร้อนอ่อนใจ | จึงสั่งให้พักพลโยธา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นพันทนายซ้ายขวา | ||
ต่างเปลื้องเครื่องอานอาชา | พานหน้าซองหางออกวางไว้ | ||
คนเลี้ยงเคียงม้าจูงประจำ | มาลงน้ำกินหญ้าในป่าใหญ่ | ||
บรรดาคนเดินเท้านั้นไซร้ | ก็ตามไปถึงพลันทันที | ||
บ้างหุงโภชนาอาหาร | สับสนอลหม่านอึงมี่ | ||
บ้างถากเสาเกลาไม้มากมี | ทำที่ประทับพลับพลาพลัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน | ||
พระเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | ขึ้นสู่สุวรรณพลับพลาชัย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
. | |||
. | |||
. | |||
ศึกกะหมังกุหนิง
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
เสด็จเหนือแท่นรัตน์มณี | ภูมีเห็นสองอนุชา | ||
จึ่งตรัสเรียกให้นั่งร่วมอาสน์ | สำราญราชฤทัยหรรษา | ||
แล้วปราไสระตูบรรดามา | ยังปรีดาผาสุกหรือทุกข์ภัย | ||
ซึ่งเราให้หามาทั้งนี้ | จะไปตีดาหากรุงใหญ่ | ||
ระตูทุกนครอย่านอนใจ | ช่วยเราชิงชัยให้ทันการ | ||
๏ เมื่อนั้น | เหล่าระตูปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ | ||
จึงสนองมธุรสพจมาน | พระมีการสงครามแต่ละครั้ง | ||
จะตั้งหน้าอาสาออกชิงชัย | มิได้ย่อท้อถอยหลัง | ||
สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวัง | กว่าจะสิ้นกำลังของข้านี้ | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
ฟังระตูตอบชอบที | สมถวิลยินดีปรีดา | ||
จึงตรัสว่าท่านมาเหนื่อยนัก | จงไปพักพลขันธ์ให้หรรษา | ||
ตรัสพลางทางชวนอนุชา | เข้ามหาปราสาทรูจี | ||
๏ ลดองค์ลงนั่งบนแท่นทอง | กับด้วยพระน้องทั้งสองศรี | ||
จึงตรัสเล่าความตามคดี | จนใช้เสนีถือสารไป | ||
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังแจ้งแถลงไข | ||
จึงทูลขัดทัดทานทันใด | เป็นไฉนผ่านเกล้ามาเบาความ | ||
อันสุริย์วงศ์เทวันอสัญหยา | เรืองเดขเดชาชาญสนาม | ||
ทั้งโยธีก็ชำนาญการสงคราม | ลือนามในชะวาระอาฤทธิ์ | ||
กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย | เราเป็นเมืองน้อยกะจิหริด | ||
ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ | เห็นผิดระบอบโบราณมา | ||
ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี | มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา | ||
พระองค์จงควรตรึกตรา | ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะร้อนนัก | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงมีศักดิ์ | ||
จึงบ่ายเบี่ยงเลี่ยงตอบพระน้องรัก | ใช่จะหักหาญวงศ์เทวัน | ||
ด้วยบัดนี้บุตรีดาหา | จรกาให้มาตุนาหงัน | ||
เราจะยกพลไกรไปโรมรัน | ช่วงชิงนางนั้นกับจรกา | ||
๏ เมื่อนั้น | สองระตูทูลตอบพระเชษฐา | ||
เมื่อนางยังอยู่กับบิดา | ที่ในดาหากรุงไกร | ||
แม้เกิดการสงครามช่วงชิง | ท้าวดาหาหรือจะนิ่งดูได้ | ||
จะบอกความไปสามเวียงชัย | กรีธาทัพใหญ่มามากมาย | ||
ก็จะเป็นศึกกระหนาบหน้าหลัง | เหลือกำลังโยธาทั้งหลาย | ||
ถ้าเสียทีเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย | จะอัประยศอดอายแก่จรกา | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงนาถา | ||
จึงตรัสตอบสองพระน้องยา | ซึ่งว่านี้เจ้าไม่เข้าใจ | ||
อันระเด่นมนตรีกุเรปัน | ก็ขัดข้องเคืองกันเป็นข้อใหญ่ | ||
ไปอยู่เมืองหมันหยากว่าปีไป | ที่ไหนจะยกพลมา | ||
แต่กาหลังสิงหัดส่าหรี | จะกลัวดีเป็นกระไรหนักหนา | ||
ฝ่ายเราเล่าก็สามพารา | เป็นใหญ่ในชะวาแว่นแคว้น | ||
ถึงทัพจรกาล่าสำนั้น | พี่ไม่พรั่นให้มาสักสิบแสน | ||
จะหักโหมโจมตีให้แตกแตน | พักเดียวก็จะแล่นเข้าป่าไป | ||
เจ้าอย่าย่อท้าไม่พอที่ | แต่เพียงนี้ไม่พรั่นหวั่นไหว | ||
เอ็นดูนัดดาโศกาลัย | ว่ามิได้อรทัยจะมรณา | ||
แม้นวิหยาสะกำมอดม้วย | พี่จะตายด้วยโอรสา | ||
ไหน ๆ คงจะวายชีวา | ถึงเร็วถึงช้าก็เหมือนกัน | ||
ผิดก็ทำสงครามดูตามที | เคราะห์ดีก็จะได้ดังใฝ่ฝัน | ||
พี่ดังพฤกษาพนาวัน | จะอาสัญเพราะลูกเหมือนกล่าวมา | ||
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ฟังตรัสพระเชษฐา | ||
จะเซ้าซี้ก็จะขัดพระอัชฌา | ต่างก้มพักตราไม่พาที | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี | ||
ชวนสองอนุชาธิบดี | เข้าสู่ที่บรรทมสำราญ | ||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายทูตจำทูลราชสาร | ||
เดินทางอรัญกันดาร | รีบมาประมาณสิบห้าวัน | ||
ครั้นถึงด่านดาหาธานี | ก็หยุดยั้งโยธีอยู่ที่นั่น | ||
จึงบอกแก่ขุนด่านด้วยพลัน | ตามบัญชาใช้ให้มา | ||
๏ บัดนั้น | ขุนด่านซึ่งพิทักษ์รักษา | ||
ถามไถ่ไม่แคลงกิจจา | ก็ขึ้นม้าควบขับเข้าธานี | ||
๏ ครั้นถึงศาลาลูกขุนใน | จึงกราบไหว้เสนาทั้งสี่ | ||
แล้วเรียนเรื่องความตามมี | ถ้วนถี่แถลงให้แจ้งใจ | ||
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่เสนีผู้ใหญ่ | ||
ได้ฟังกิจจาก็คลาไคล | เข้าไปยังท้องพระโรงคัล | ||
ก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ | พระวงศ์เทวากระยาหงัน | ||
ทูลว่าท้าวกะหมังกุหนิงนั้น | แต่งเครื่องสุวรรณบรรณาการ | ||
ให้ทูตถือมาถึงธานี | บัดนี้ยังหยุดอยู่ปลายด่าน | ||
จะขอเข้ามาเฝ้าบทมาลย์ | พระผู้ผ่านเขตต์ขัณฑ์ศวรรยา | ||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
จึงตรัสสั่งดะหมังเสนา | เร่งไปรับเข้ามาบัดนี้ | ||
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
ก้มเกล้ากราบงามสามที | มากะเกณฑ์ตามมีพจมาน | ||
จัดเครื่องแห่แหนต่าง ๆ | ตามอย่างเคยรับราชสาร | ||
ครั้นเสร็จพร้อมกันมิทันนาน | ให้เจ้าพนักงานรีบไป | ||
๏ บัดนั้น | เสนีนายร้อยน้อยใหญ่ | ||
นำกระบวนโยธาคลาไคล | ออกจากเวียงชัยฉับพลัน | ||
๏ ครั้นถึงจึงแจ้งกิจจา | แก่ทูตานุทูตคนขยัน | ||
แล้วคำนับรับราชสารพลัน | แห่แหนแน่นนันต์เข้าธานี | ||
๏ พาไปสู่ศาลาที่อาศัย | ทั้งนายไพร่เป็นสุขเกษมศรี | ||
จ่ายเสบียงเลี้ยงเหล่าโยธี | มิให้มีเดือดร้อนวิญญาณ์ | ||
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงดะหมังยาสา | ||
ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา | ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง | ||
ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา | เอาพานทางรองหญ้าเข้ามาตั้ง | ||
บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง | เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป | ||
เหล่านั่งกลาบาตนั้นจัดแจง | เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่ | ||
ราชวัติรายคั่นกันไว้ | พนักงานของใครก็ตรวจดู | ||
บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน | เพดานระย้าย้อยห้อยพู่ | ||
พรมเจียมสะอาดลาดปู | แท่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง | ||
เครื่องอานพานพระศรีและพระแสง | จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง | ||
ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง | พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา | ||
๏ เมื่อนั้น | พระองค์ทรงพิภพดาหา | ||
ครั้นสุริย์ฉายบ่ายสามนาฬิกา | ก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์ | ||
ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จ | แล้วเสด็จย่างเยื้องยุรหงส์ | ||
ออกจากพระโรงคัลบรรจง | นั่งลงบนบัลลังก์รูจี | ||
ยาสาบังคมบรมนาถ | เบิกทูตถือราชสารศรี | ||
จึงดำรัสตรัสสั่งไปทันที | ให้เสนีนำแขกเมืองมา | ||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา | ||
ออกไปพาสองทูตา | เข้ามาประณตบทมาลย์ | ||
๏ บัดนั้น | เสนีผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร | ||
จึงให้อาลักษณ์พนักงาน | รับราชสารมาอ่านพลัน | ||
๏ ในสารพระผู้ผ่านนคเรศ | กะหมังกุหนิงนิเวศน์เขตต์ขัณฑ์ | ||
ขอถวายประณมบังคมคัล | พระผู้วงศ์เทวันอันศักดา | ||
ไม่ควรเคืองเบื้องบาทบทศรี | ด้วยข้าน้อยนี้มีโอรสา | ||
เดิมไปไล่ล้อมมฤคา | ได้รูปพระธิดาในกลางไพร | ||
ชะรอยเป็นบุพเพนิวาสา | เทวาอารักษ์มาชักให้ | ||
ความแสนเวทนาอาลัย | แต่หลงใหลใฝ่ฝันรันทด | ||
หวังเป็นเกือกทองรองบาทา | พระผู้วงศ์เทวาอันปรากฏ | ||
จะขอพระบุตรีมียศ | ให้โอรสข้าน้อยดังจินดา | ||
อันกรุงไกรไอศูรย์ทั้งสอง | จะเป็นทองแผ่นเดียวไปวันหน้า | ||
ขอพำนักพักพึ่งพระเดชา | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | ||
๏ เมื่อนั้น | องค์ศรีปัตหราเป็นใหญ่ | ||
ฟังสารทราบอัตถ์แล้วตรัสไป | แก่เสนาในทั้งสองนั้น | ||
อันอะนะบุษบาบังอร | ครั้งก่อนจรกาตุนาหงัน | ||
ได้ปลดปลงลงใจให้ปัน | นัดกันจะแต่งการวิวาห์ | ||
ซึ่งจะรับของสู่ระตูนี้ | เห็นผิดประเพณีหนักหนา | ||
ฝูงคนทั้งแผ่นดินจะนินทา | สิ่งของที่เอามาจงคืนไป | ||
๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตแถลงไข | ||
ท้าวกะหมังกุหนิงภูวไนย | สั่งให้ข้าทูลพระภูมี | ||
ถ้าแม้มิยินยอมอนุญาต | ให้พระราชธิดามารศรี | ||
เร่งระวังพระองค์ให้จงดี | ตกแต่งบุรีให้มั่นคง | ||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง | ||
ปกาสิตสีหนาทอาจอง | จะทำการณรงค์ก็ตามใจ | ||
ตรัสพลางย่งเยื้องยุรยาตร | จากอาสน์แท่นทองผ่องใส | ||
พนักงานปิดม่านทันใด | เสด็จขึ้นข้างในฉับพลัน | ||
๏ บัดนั้น | ทูตานุทูตก็ผายผัน | ||
ออกจากพาราดาหานั้น | พากันกลับไปมิได้ช้า | ||
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์ศรีปัตหรา | ||
เผยสีหบัญชรแล้วบัญชา | ตรัสสั่งเสนาธิบดี | ||
จงเร่งไปทูลเหตุพระเชษฐา | อีกองค์อนุชาทั้งสองศรี | ||
บอกระตูจรกาอย่าช้าที | ว่าไพรีจะยกมาชิงชัย | ||
๏ บัดนั้น | เสนีสี่นายบังคมไหว้ | ||
มาขึ้นม้าเร็วรีบไป | ออกจากกรุงไกรพร้อมกัน | ||
๏ ครั้นถึงสิงหัดส่าหรี | ก็ลงจากพาชีขมีขมัน | ||
ให้ยาสาพาเข้าไปเฝ้าพลัน | บังคมคัลทูลแจ้งกิจจา | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิงหัดส่าหรีนาถา | ||
ครั้นทราบดังนั้นจึงบัญชา | เสนาเร่งกลับไปฉับไว | ||
ทูลพระเชษฐาสุริย์วงศ์ | อย่าให้ทรงพระวิตกหมกไหม้ | ||
เราจะให้สุหรานากงไป | ช่วยพระชิงชัยด้วยไพรี | ||
๏ บัดนั้น | เสนาประณตบทศรี | ||
บังคมลามาขึ้นพาชี | รีบไปบุรีไม่หยุดยั้ง | ||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายอำมาตย์ที่มากาหลัง | ||
ครั้นถึงนคเรศนิเวศน์วัง | ก็ไปยังพระโรงรัตน์ชัชวาล | ||
จึงบังคมก้มเกล้าเคารพ | พระองค์ทรงพิภพราชฐาน | ||
ทูลแถลงแจ้งเหตุทุกประการ | ให้ทราบบทมาลย์พระผ่านฟ้า | ||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังฟังแจ้งไม่กังขา | ||
จึงมีพจนาตถ์ประภาษมา | พระเชษฐาทำผิดจะโทษใคร | ||
เอาอะนะไปยกให้ระตู | ศัตรูจึงประมาทหมิ่นได้ | ||
แล้วสั่งตำมะหงงเสนาใน | เร่งตรวจเตรียมทัพชัยอย่าช้าที | ||
ท่านเป็นแม่ทัพกับดะหมัง | ยกไปยังดาหากรุงศรี | ||
สั่งเสร็จเสด็จจรลี | เข้าปราสาทมณีพรายพรรณ | ||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเสนาม้าใช้คนขยัน | ||
รีบมาถึงกรุงกุเรปัน | จึงแจ้งความทั้งนั้นแก่เสนา | ||
แล้วพากันคลาไคลเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา | ||
กราบทูลคดีซึ่งมีมา | ให้ทราบบาทาทุกประการ | ||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันราชฐาน | ||
แจ้งว่าไพรีมารอนราญ | พระจึงให้แต่งสารหนังสือลับ | ||
ครั้นเสร็จสั่งสองเสนา | จงถือไปหมันหยาสองฉบับ | ||
ใบหนึ่งนั้นเร่งกองทัพ | กำชับอิเหนาให้ยกมา | ||
ใบหนึ่งให้แก่ระตู | ท้าวผู้ผ่านเมืองหมันหยา | ||
จงรีบไปให้ถึงพารา | แต่ในสิบห้าราตรี | ||
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกศี | ||
จึงนำสาราจรลี | มาจากที่พระโรงชัยฉับพลัน | ||
เรียกหาบ่าวไพร่ได้พร้อมหน้า | ดะหมังขึ้นขี่ม้าผายผัน | ||
ออกจากนคเรศกุเรปัน | พากันเร่งรีบคลาไคล | ||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้ากุเรปันเป็นใหญ่ | ||
ครั้นดะหมังเสนาทูลลาไป | พระตรึกไตรในคดีด้วยปรีชา | ||
แล้วตรัสแก่กะหรัดติปาตี | อันสงคามครั้งนี้เห็นหนักหนา | ||
จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจอนุชา | ไม่มีที่ปรึกษาหารือใคร | ||
เจ้าจงยกพลขันธ์ไปบรรจบ | สมทบทัพอิเหนาให้จงได้ | ||
ชวนกันยกรีบเร็วไป | อย่าให้ทันปัจจามิตรติดพารา | ||
๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีโอรสา | ||
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา | จะถวายบังคมลาพรุ่งนี้ | ||
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นภพกุเรปันกรุงศรี | ||
ฟังโอรสาพาที | จึงตรัสสั่งเสนีทันใด | ||
จงเร่งเกณฑ์พวกพลรณยุทธ | ให้สรรพด้วยอาวุธน้อยใหญ่ | ||
กำหนดกันให้ทันยกไป | แต่ในย่ำรุ่งสุริยา | ||
๏ บัดนั้น | ปาเตะรับสั่งใส่เกศา | ||
รีบออกไปยังศาลา | ให้หาพ้นพุฒพันพรหม | ||
๏ เร่งรัดขุนหมื่นสัสดี | ทำบัญชีหางว่าวเหล่าเลขสม | ||
เกณฑ์ทหารพลเรืองเตือนระดม | มาพร้อมกันทุกกรมมากมาย | ||
ขุนนางเจ้าตำแหน่งแสงนอก | เอาดาบหอกปืนผามาจ่าย | ||
หมวกเสื้อสำหรับรบครบไพร่นาย | แจกจำหน่ายลูกดินศิลา | ||
ผู้กำกับนับอ่านประมาณคน | ได้สิบหมื่นพื้นพลอาสา | ||
ตั้งกองท้องสนามตามตำรา | เตรียมรถคชาพาชี | ||
ให้ผูกสินธพที่นั่งทรง | พร้อมขนัดจัตุรงค์อึงมี่ | ||
ที่บ่าวไพร่ใครมาไม่ทันที | นายหมวดตรวจตีกันวุ่นไป | ||
๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีศรีใส | ||
ครั้นรุ่งรางสุริยาก็คลาไคล | เข้าในที่สนานสำราญองค์ | ||
๏ รดชำระมลทินอินทรีย์ | มูรธาวารีภิเษกสรง | ||
ลูบไล้เสาวคนธ์ธารทรง | บรรจงสอดซับสนับเพลา | ||
ภูษายกพื้นดำอำไพ | สอดใส่ฉลององค์ทรงวันเสาร์ | ||
เจียรบาดคาดรัดหน่วงเนา | ปั้นเหน่งเพ็ชร์เพริดเพราพรรณราย | ||
ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย | สวมสร้อยสังวาลประสานสาย | ||
ทองกรแก้วกิ่งพริ้งพราย | ธำมรงค์เรือนรายพลอยเพ็ชร์ | ||
ทรงชฎามาลัยดอกไม้ทัด | กรรเจียกจอนจำรัสตรัสเตร็จ | ||
เหน็บพระแสงกั้นหยั่งกัลเม็ด | แล้วเสด็จขึ้นเฝ้าพระบิดา | ||
๏ ก้มเกล้าเคารพอภิวาท | พระปิ่นภูวนาถนาถา | ||
ยับยั้งคอยฟังพระวาจา | จะบัญชาให้ยกโยธี | ||
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี | ||
จึงอำนวยอวยพรสวัสดี | ให้เจ้ามีเดชาวราฤทธิ์ | ||
อันเหล่าศัตรูหมู่ร้าย | จงแพ้พ่ายอย่ารอต่อติก | ||
อานุภาพปราบไปทั่วทิศ | ปัจจามิตรจงเกรงฤทธิรอน | ||
๏ เมื่อนั้น | กะหรัดติปาตีชาญสมร | ||
กราบถวายบังคมประณมกร | รับพรพระบิดาแล้วคลาไคล | ||
๏ ครั้นถึงเกยชาลาหน้าพระลาน | พร้อมหมู่ทวยหาญน้อยใหญ่ | ||
เสด็จทรงมิ่งม้าอาชาไนย | ให้เคลื่อนพลไกรยาตรา | ||
๏ รอนแรมมาในพนาเวศ | ถึงทางร่วมนัคเรศหมันหยา | ||
พระสั่งให้หยุดพลโยธา | คอยท่าทัพระเด่นมนตรี | ||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายดะหมังสิงหัดส่าหรี | ||
เร่งกะเกณฑ์พลขันธ์ทันที | ตามบัญชีใหม่เก่าเข้างบ | ||
๏ เลือกเหล่าอาสาล้วนกล้าหาญ | วิชชาการโล่เขนเจนจบ | ||
แปดหมื่นพื้นฉกรรจ์ครันครบ | เคยรุกรบไพรีมีฝีมือ | ||
ไพร่นายชำนาญในการยุทธ | เลือกหาอาวุธสำหรับถือ | ||
ทดลองคะนองฝึกปรือ | แต่ออกชื่อไพรีก็ดีใจ | ||
ตั้งกองเต็มท้องสนามนอก | ทวนธงดาบหอกออกไสว | ||
ม้าช้างต่างตรวจเตรียมไว้ | ปืนใหญ่ใส่ล้อลากมา | ||
เกณฑ์ถ้วนกระบวนทัพหน้าหลัง | พร้อมพรั่งปีกซ้ายปีกขวา | ||
ผูกสินธพประทับกับเกยลา | คอยท่ารับเสด็จจรลี | ||
๏ เมื่อนั้น | สุหรานากงเรืองศรี | ||
ครั้นอรุณรุ่งราษราตรี | ก็เข้าที่สระสรงคงคา | ||
๏ สระสรงทรงสุคนธ์ปนทอง | ชมพูนุทผุดผ่องมังสา | ||
สอดใส่สนับเพลาเพราตา | ภูษาเชิงกรวยเจ็ดตะครี | ||
ฉลององค์โหมดม่วงดวงระยับ | เจียรบาดคาดทับสลับสี | ||
ปั้นเหน่งลงยาราชาวดี | ทับทรวงดวงมณีเจียระไน | ||
สังวาลเพ็ชร์พรรณรายสายสร้อย | เฟื่องห้อยพลอยแดงแสงใส | ||
ทองกรภุกามแก้วแววไว | สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์ | ||
ทรงชฎาประดับเพ็ชร์เตร็จตรัจ | ห้อยทัดพวงสุวรรณตันหยง | ||
ถือเช็ดหน้าเหน็บกฤชฤทธิรงค์ | มาทรงมโนมัยชัยชาญ | ||
๏ ได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี | แสนสุรเสนีทวยหาญ | ||
เข้าในไพรระหงดงดาน | ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
- คุณพรพรรณ วัฑฒนายน ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน
- [1]