บทละครนà¸à¸à¹€à¸£à¸·à¹ˆà¸à¸‡à¸ªà¸±à¸‡à¸‚์ทà¸à¸‡
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|}} [[หมวดหมู่:วรรณคดี…')
แตกต่างถัดไป →
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|}} [[หมวดหมู่:วรรณคดี…')
แตกต่างถัดไป →
การปรับปรุง เมื่อ 04:24, 19 ตุลาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บทประพันธ์
===ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์=== | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวยศวิมลไอศวรรย์ | ||
ไร้บุตรสุดวงศ์พงศ์พันธุ์ | วันหนึ่งนั้นไปเลียบพระนคร | ||
ราษฏรร้องว่าให้หาบุตร | พระทรงภุชร้อนจิตดังพิษศร | ||
มิได้เสวยสรงสาคร | นั่งนอนร้อนใจใช่พอดี | ||
ประชาชนจนจิตไม่คิดหวัง | ยิ่งประดังพลุกพล่านทั้งกรุงศรี | ||
เวทนาเป็นพระยาสมบัติมี | มาไร้ที่โอรสยศไกร | ||
จึงดำรัสตรัสเล่ามเหสี | ถ้วนถี่ชี้แจงแถลงไข | ||
เจ้ามาช่วยพี่คิดนะดวงใจ | ค้นคว้าหาไปดูตามบุญ | ||
บวงสรวงซ่องเซทุกเวลา | รักษาศีลด้วยช่วยอุดหนุน | ||
ถ้วนทุกนางในให้พร้อมมูล | เกลือกบุญของใครได้สร้างมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีมิได้คิดอิจฉา | ||
คำนับรับราชบัญชา | พระอย่าระคางหมางใจ | ||
จะพึ่งพ่อขอฝากดวงชีวัน | หาคิดเกียดกันฉันทาไม่ | ||
ตามแต่กุศลของใคร | ให้สิ้นสงสัยพระทัยปอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ฟังนาฏ | พิศวาสในน้ำคำสนอง | ||
สั่งท้าวนางในดังใจปอง | ให้แต่งของบูชาบรรณาการ | ||
พลบค่ำย่ำแสงสุริยา | ยกมาเตรียมไว้ในสถาน | ||
บอกเหล่าสาวศรีบริวาร | สั่งการให้ทั่วทุกตัวนาง | ||
จัดแจงแต่งเครื่องบูชา | ธูปเทียนชวาลาต่างต่าง | ||
ทุกวันทุกเวรอย่าเว้นว่าง | นอนปรางค์ข้างที่เราทุกคน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ภูวไนยมีพระทัยขวายขวน | ||
เห็นนางในนอนทั่วทุกตัวคน | ตรัสบอกยุบลสนทนา | ||
ดูก่อนเหล่านางทั้งหลาย | เราหมายมุ่งมาดปรารถนา | ||
จำนงจะประสงค์ลูกยา | ไม่เห็นแก่หน้าฉันทาใคร | ||
ชวนกันตั้งจิตพิษฐาน | บนบานตามชอบอัชฌาสัย | ||
ใครเกิดบุตรายาใจ | เวียงชัยจะให้แก่ลูกรัก | ||
ตรัสพลางทางเข้าแท่นที่ | ชวนพระมเหสีมีศักดิ์ | ||
บวงสรวงเทวาสุรารักษ์ | ในห้องทองสุรศักดิ์ตำหนักชัย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
</sup>สระบุหรง<\sup> | |||
๏ จึงจุดธูปเทียนประทีปแล้ว | เพริศแพรวพร้อมที่ศรีใส | ||
ทั้งสองพระองค์จำนงใน | ตั้งใจบริสุทธิ์ดุษฎี | ||
นอบน้อมพร้อมจิตพิษฐาน | เดชะสมภารข้าสองศรี | ||
ปกป้องไพร่ฟ้าประชาชี | โดยดีเป็นธรรม์นิรันดร์มา | ||
ข้าไซร้ไร้บุตรสุดสวาท | จะบำรุงราษฏร์ไปภายหน้า | ||
พระเสื้อเมืองเรืองชับได้เมตตา | ขอให้เกิดบุตรายาใจ | ||
เสร็จแล้วพระแก้วก็ไสยา | ทรงศีลห้าทุกวันหาขาดไม่ | ||
ทศธรรมไม่ลำเอียงใคร | ภูวไนยเข้าที่บรรทมพลัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | สุราลัยในดาวดึงส์สวรรค์ | ||
เมื่อผลจะสิ้นพระชนม์นั้น | อัศจรรย์ร้อนรนเป็นพ้นไป | ||
รัศมีศรีตนก็หม่นหมอง | สิ่งของของตัวก็มัวไหม้ | ||
เทวาตระหนกตกใจ | แจ้งในพระทัยจะวายชนม์ | ||
แล้วจึงตรึกตรองส่องเนตร | แจ้งใจในเหตุเภทผล | ||
พระเจ้าท้าวยศวิมล | ให้พรากจากดาวดึงส์สวรรค์ | ||
อย่าเลยจะจุติพลัน | อย่าให้เทวัญทันนิมนต์ | ||
ลงไปเกิดในมนุสสา | แสวงหาศีลทานการกุศล | ||
คิดแล้วกลั้นใจให้วายชนม์ | ปฏิสนธิ์ยังครรภ์กัลยา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพากย์ | |||
</sup>ช้า<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฝันว่า | ||
วันเมื่อจะได้พระลูกยา | เข้าที่นิทราในราตรี | ||
ฝันเห็นเป็นเทพสังหรณ์ | ทินกรจะใกล้ไขสี | ||
สะดุ้งตื่นฟื้นพลันทันที | จำได้ถ้วนถี่ในนิมิต | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ พอรุ่งสางสว่างสุริยง | สระสรงทรงเครื่องไพจิตร | ||
ออกท้องพระโรงชัยอำไพพิศ | สถิตบัลลังก์กระจังทอง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เสนาข้าเฝ้าก็กราบกราน | จึงมีโองการสารสนอง | ||
กับโหรผู้ใหญ่ดังใจปอง | ท่านจงตรึกตรองดูในสุบิน | ||
ฝันว่าอาทิตย์ฤทธิรงค์ | ตกลงตรงพักตร์ข้างทักษิณ | ||
ดาวน้อยพลอยค้างอยู่กลางดิน | เราผินพักตร์ฉวยเอาด้วยพลัน | ||
มือซ้ายได้ดวงดารา | มือขวาคว้าได้สุริย์ฉัน | ||
แล้วหายไปแต่พระสุริยัน | ต่อโศกศัลย์ร่ำไรจึงได้คืน | ||
สักสามยามหย่อนค่อนรุ่ง | เราสะดุ้งคว้าหาผวาตื่น | ||
ดีร้ายทายตามอย่ากล้ำกลืน | ตาหมี่นโหราจงว่าไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยอดโหราหามีเสมอไม่ | ||
คิดคูณหารดูรู้แจ้งใจ | ภูวไนยจะเกิดบุตรา | ||
จึงทูลทายทำนายตามสุบิน | ว่าพระปิ่นนางในฝ่ายขวา | ||
จะทรงครรภ์พระราชบุตรา | บุญญาธิการมากมี | ||
แต่จะพลัดพรากไปจากวัง | ภายหลังจึงจะคืนกรุงศรี | ||
ดาราคือพระบุตรี | จะเกิดที่สนมอันควร | ||
ฝันว่าพระทรงโศกา | จะได้ชมลูกยาเกษมสรวล | ||
ทายตามสุบินสิ้นกระบวน | ถี่ถ้วนจงทราบพระบาทา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฟังทูล | พระไพบูลย์ภิรมย์หรรษา | ||
แย้มโอษฐ์โปรดตรัสแก่โหรา | แม้นเหมือนท่านว่าจะรางวัล | ||
ราษฏร์ฟ้องร้องว่าให้หาบุตร | สุดคิดที่เราจะผ่อนผัน | ||
บัดสีกับใจใครจะทัน | ว่าแล้วผายผันเข้าวังใน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงแจ้งกับองค์มเหสี | ถ้วนถี่ชี้แจงแถลงไข | ||
พระค่อยเป็นสุขสนุกใจ | ทรามวัยงานขึ้นทุกคืนวัน | ||
เปล่งปลั่งมังสาดังทาทอง | พระเต้าคล้ำมัวหมองทั้งสองถัน | ||
เส้นพาดพานทรวงดวงจันทร์ | แจ้งว่าทรงครรภ์มั่นคง | ||
ผิวพรรณผุดผ่องละอองพักตร์ | พระแสนสุดที่รักนวลหง | ||
จัดเลือกแสนสาวที่รูปทรง | มาห้อมล้อมโฉมยงอนงค์นวล | ||
แล้วหยอกถามว่าใครอย่างไรบ้าง | ได้การแล้วหรือยังพระแย้มสรวล | ||
อุตส่าห์ทาแป้งแต่งนวล | สำรวลสรวลวสันต์บันเทิงใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ จึงเห็นจันเทวีพระสนม | เนื้อนมครัดเคร่งเร่งสงสัย | ||
แจ้งว่ามีครรภ์มั่นแม่นใจ | จัดแจงแต่งให้นางเทวี | ||
นางใดที่ไม่มีครรภ์ | แก้ฝันเห็นของก็หมองศรี | ||
ก้มเกล้ากราบลาพระจักรี | จันทาเทวีก็ลีลา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ฝ่ายนางจันทามาถึงห้อง | เศร้าหมองตรองจิตคอยอิจฉา | ||
อาบเอิบกำเริบด้วยโภคา | ผ่านฟ้าว่าใครมีครรภ์ | ||
สมบัติจะยกให้ลูกครอง | มีสองต้องคิดผิดผัน | ||
ท่านมียศศักดิ์จะรักกัน | ลูกเต้าเหล่านั้นจะหมองมัว | ||
ที่ไหนจะได้พระบุรี | สาวศรีจะชวนกันยิ้มหัว | ||
ยิ่งตรึกยิ่งตรองยิ่งหมองมัว | จึงเรียกนางแม่ครัวเข้าห้องใน | ||
สาวศรีเจ้าจงเอ็นดูเรา | เบี้ยข้าวเงินทองจะกองให้ | ||
จงช่วยปิดงำอำไว้ | เอาทองไปให้แก่โหรา | ||
เขียนหนังสือลับกำชับสั่ง | เราหวังไว้ใจเจ้าหนักหนา | ||
ถอดแหวนสั่งให้มิได้ช้า | นี่ข้าถึงใจให้พลาง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สาวใช้ได้กินสินจ้าง | ||
เคารพนบนอบแล้วตอบพลาง | ลูกแล้วอย่าหมางระคางใจ | ||
สู้ตายจะตายด้วยแม่เจ้า | ลูกเล่าหาพีงผู้ใดไม่ | ||
แม่ได้ดีลูกนี้จะดีใจ | ลากห่อทองได้ใส่แหวนมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ มาถึงซึ่งบ้านโหรเฒ่า | จู่เข้าไปได้ในเคหา | ||
ไหว้แล้วแก้ทองของจันทา | คุณแม่ให้มาแต่ในวัง | ||
ว่าคุณตายาใจปรานีด้วย | จงช่วยให้สมอารมณ์หวัง | ||
จงเห็นไมตรีให้จีรัง | แล้วยื่นหนังสือให้มิได้ช้า | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | โหรใหญ่สงสัยเป็นหนักหนา | ||
รับเอาหนังสือที่มือมา | ใส่แว่นตาดูก็รู้ความ | ||
นิ่งนึกตรึกตรองอยู่ในใจ | โลภเห็นแต่จะได้ไม่เกรงขาม | ||
แม้นภูมิรับกลับความ | ทองคำสามชั่งจะคืนไป | ||
ถ้ากูแก้ไขนางจันทา | เงินตราห้าชั่งนั้นจะได้ | ||
จึงว่ากับสาวศรีด้วยดีใจ | พอแก้ไขได้เป็นไรมี | ||
แลเหลียวเปลี่ยวคนที่บนเรือน | อิดเอื้อนจะใคร่ประสมศรี | ||
สาวใช้เจ้าเข้าไปในที่ | วานหยิบบุหรี่ที่ริมเตียง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ สาวใช้อดสูก็รู้เท่า | ไฮ้คุณตาเจ้าช่างกล่าวเกลี้ยง | ||
ใครจะเข้าไปถึงในเตียง | ข้าวของรายเรียงจะหายไป | ||
สะบัดมือได้แล้วไหว้ลา | อย่านะฉันหาอะไรไม่ | ||
จึงวิ่งผลุนหนีพลันทันใด | มายังวังในไปแจ้งความ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีโฉมฉินปิ่นห้าม | ||
ค่อยเพียรรักษาพยายาม | พระครรภ์โฉมงามได้สิบเดือน | ||
จวนใกล้ฤกษ์พานาที | นาภีใหญ่น้อยก็คล้อยเคลื่อน | ||
ระดมลมเส้นก็เต้นเตือน | ลูกน้อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลง | ||
เจ็บครรภ์กระสันขึ้นทุกที | พ่างเพียงชีวีจะผุยผง | ||
ร้องเรียกแสนสาวเหล่าอนงค์ | มาพร้อมล้อมองค์นางเทวี | ||
เรียกพลางทางป่วนครวญครรภ์ | ช่วยกันเร็วเร็วนางสาวศรี | ||
องค์สั่นยัยยุดทรุดอินทรีย์ | มเหสีโอดโอยโรยแรง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ฝูงนางผู้รักษากล้าแข็ง | ||
ฝืนท้องต้องนางยังคลางแคลง | เห็นแข็งไปสิ้นไม่ดิ้นรน | ||
กลมกลมกลิ้งกลิ้งยิ่งสงสัย | หลากใจไม่เห็นตัวทั่วค้น | ||
บ้างไปทูลองค์ทรงสกล | ให้ทราบยุบลกิจจา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงกราบทูลพระภูมินทร์ | ว่าพระปิ่นนางในฝ่ายขวา | ||
จะคลอดสมเด็จพระลูกยา | ขอเชิญผ่านฟ้าเสด็จไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลเร่งผ่องใส | ||
จะได้เห็นลูกน้อยกลอยใจ | ในวันนี้แล้วแก้วตา | ||
รีบไปด้วยไร้โอรส | พระทรงยศแสนโสมนัสสา | ||
นางในใครรู้ก็ตรูมา | โฉมนางจันทาก็ตามไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ | |||
จึงกล่าวเอาใจมเหสี | เจ้าพี่อย่าพรั่นหวั่นไหว | ||
ลูกของเทวัญท่านให้ไว้ | แข็งใจขบฟันกลั้นทน | ||
นักเทศจงไปสั่งการ | พนักงานของใครให้ขวายขวน | ||
เตรียมไว้ในพระราชมณฑล | ขนมาประโคมพระลูกเรา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีป่วนปั่นพระครรภ์เจ้า | ||
มิได้วายว่างบางเบา | เจ็บราวกับเขาผูกคร่าร้า | ||
เป็นกรรมตามทันมเหสี | จะจากที่สมบัติวัตถา | ||
ยามปลอดก็คลอดพระลูกยา | กุมารากำบังเป็นสังข์ทอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา มโหรี | |||
๏ มเหสีตระหนกอกสั่น | สาวสรรค์หวั่นไหวทั้งในห้อง | ||
ผ่านฟ้าดังเลือดตานอง | แตรสังข์แซ่ซ้องประโคมพลัน | ||
พระทัยวาบสำเนียงเสียงศรี | ภูมีขับเหล่านางสาวสรรค์ | ||
ภูมินทร์เพียงจะสิ้นชีวัน | อับอายสาวสรรค์กำนัลใน | ||
จึงตรัสแก่องค์มเหสี | เจ้าพี่เราจะคิดเป็นไฉน | ||
ไม่พอที่จะเป็นก็เป็นไป | เมื่อหาลูกไม่ก็ทุกข์ทน | ||
อุตส่าห์บนบานศาลกล่าว | ครั้นมีมาเล่าไม่เป็นผล | ||
อับอายไพร่ฟ้าข้าคน | พี่จะใคร่กลั้นชนม์ให้พ้นอาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฟังตรัส | ดังใครตัดเศียรเด็ดกระเด็นหาย | ||
สองกรข้อนทรวงเข้าฟูมฟาย | นางถวายบังคมก้มโศกา | ||
พ่อเจ้าพระคุณของเมียเอ๋ย | กรรมสิ่งไรเลยเป็นหนักหนา | ||
เสียแรงอุ้มทองประคองมา | ดีใจหมายว่างามหน้าเมีย | ||
มิรู้ว่ามาได้อัปยศ | พลอยยศพระคุณให้สูญเสีย | ||
พระองค์ทรงพระขรรค์ฟาดฟันเมีย | ตายเสียอยู่ขายบาทบงสุ์ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาได้ช่องต้องประสงค์ | ||
กับโหรดูรู้กันไว้มั่นคง | ครั้นเข้าเฝ้าองค์พระทรงชัย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ ทูลว่าอนาถประหลาดจิต | ข้าคิดพิศวงสงสัย | ||
ลูกคนเป็นหอยน่าน้อยใจ | หาเยี่ยงอย่างไม่แต่ก่อนมา | ||
มีครรภ์เหมือนกันก็พรั่นตัว | ดีชั่วก็ยังกังขา | ||
เดิมว่าโหรทายทำนายมา | แต่แรกชายาจะทรงครรภ์ | ||
ว่าโอรสนั้นจะมีบุญ | ได้เพ็ดทูลไว้ตามทำนายฝัน | ||
เข้าไฟให้หายโรคัน | แล้วทรงธรรม์ตรัสถามเนื้อความดู | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ฟังคำ | ผลกรรมจะพรากจากคู่ | ||
แยบคายภายในมิได้รู้ | จริงอยู่โหรทายทำนายมา | ||
ว่าจะมีท้องทั้งสองนั้น | แม่นมั่นจริงจังดังปากว่า | ||
เคยได้นับถือลือชา | ลูกยามาเป็นเช่นนี้ไป | ||
จริงแล้วจะถามความก่อน | ให้แน่นอนว่าเห็นเป็นไฉน | ||
จึงให้ทรามชมบรรทมไฟ | คลาไคลออกท้องพระโรงพลัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ให้หาโหราเข้ามาเฝ้า | พระเจ้าตรัสถามเนื้อความฝัน | ||
เดิมทายโฉมยงว่าทรงครรภ์ | ก็แม่นมั่นเหมือนคำจำนรรจา | ||
เหตุไรลูกน้อยเป็นหอยสังข์ | พลาดพลั้งบิดเบือนไม่เหมือนว่า | ||
จะเป็นชายทายทูลว่าบุญญา | ถ้อยคำท่านว่านั้นผิดไป | ||
ให้ดูแลหมายว่าจริงจัง | เลือดตากูดังจะย้อยไหล | ||
เป็นเหตุเภทพาลประการใด | โหราว่าไปอย่าอำพราง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | โหรใหญ่ได้กินสินจ้าง | ||
สมจิตคิดไว้จะให้นาง | พลัดพรากจากปรางค์ไปทางไกล | ||
ทำค้นตำรามาดุแล | บิดเบือนเชือนแชแก้ไข | ||
แล้วทูลพระองค์ผู้ทรงชัย | ทายไว้มิใคร่จะคลาดคลา | ||
เพราะบ้านเมืองร้ายต้องกลายกลับ | พระองค์ว่ากับโอรสา | ||
เป็นกรรมตามทันกัลยา | แม้นพระบุตราเป็นมนุษย์ | ||
จะเลิศเรืองเฟื่องฟุ้งงทั้งกรุงไกร | เคราะห์ร้ายกลายไปเสียสิ้นสุด | ||
บ้านเมืองก็จะล่มโทรมทรุด | ม้วยมุดฉิบหายวายปราณ | ||
แม้นขับไล่ไปไกลบุรี | ธานีจะเย็นเกษมศานต์ | ||
อย่าไว้พระทัยให้เนิ่นนาน | เพลิงกาฬจะเผาเอาพารา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฟังโหรทาย | ดังจะวายชีวังสังขาร์ | ||
กระนั้นจริงเจียวหรือโหรา | อนิจจาหลัดหลัดมาพลัดกัน | ||
ว่าพลางสะท้อนถอนใจ | กลั้นน้ำพระเนตรไว้แล้วผายผัน | ||
คืนเข้าห้องแก้วแพรวพรรณ | หามิ่งเมียขวัญทันใด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงจึงทิ้งพระองค์ลง | บอกพลางทางทรงกันแสงไห้ | ||
โอ้กรรมเราทำไว้ปางใด | จะไกลกันไปแล้วนะแก้วตา | ||
มิพอที่จะเป็นก็มาเป็น | เกิดเข็ญเพราะลูกเสน่หา | ||
โหรทายร้ายนักเจ้าพี่อา | ว่าแก้วกัลยาเป็นกาลี | ||
อยู่ไปจะได้แค้นเคือง | บ้านเมืองจะยับต้องขับหนี | ||
พี่จะขาดใจม้วยด้วยเทวี | ไม่มีความผิดสักนิดเลย | ||
แสนสงสารนักด้วยรักใคร่ | จะจากกันฉันใดได้เฉยเฉย | ||
อยู่อยู่ดีดีเจ้าพี่เอย | ไม่รู้ตัวเลยจะจากกัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังสาร | ดังคนผลาญชีวาให้อาสัญ | ||
นางตระหนกตกใจดังไฟกัลป์ | อกสั่นขวัญหนีไม่มีใจ | ||
สวมสอดกอดบาทของผัวแก้ว | ข้อนทรวงเข้าแล้วก็ร้องไห้ | ||
เมียให้ฆ่าฟันให้บรรลัย | รักใคร่เมตตาไม่ฆ่าตี | ||
โหรามันว่าเป็นคำสอง | พ่อตรองให้ควรถ้วนถี่ | ||
ขับไล่ไม่มาฆ่าตี | เหมือนม้วยชีวีไปจากกัน | ||
ร่ำพลางนางเกลือกเสือกกาย | ดังจะวายชีวาด้วยโศกศัลย์ | ||
ซบพักตร์กับตักพระทรงธรรม์ | หวาดหวั่นนิ่งไปไม่พาที | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
๏ เอะเอยเอะน้องแก้ว | ผิดแล้วองค์เย็นดังเป็นผี | ||
ร้องไห้นิ่ไปไม่พาที | อยู่บนตักพี่ไม่หายใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ โอ้จันท์เทวีเจ้าพี่เอ๋ย | ทรามเชยเงยหน้าอย่าร้องไห้ | ||
อกของผัวรักจักหักไป | ลุกขึ้นดูใจปราศรัยกัน | ||
พี่พูดด้วยเป็นไรไม่เจรจา | แน่แล้วแก้วตาพี่อาสัญ | ||
เจ้าอ้อนวอนพี่ให้ฆ่าฟัน | จะทำกันฉันใดไฉนนา | ||
ถึงพลัดพรากลำบากกาย | มิตายได้เห็นกันวันหน้า | ||
ไม่เงยพักตร์ขึ้นบ้างสั่งพี่ยา | แก้วตามาตีตัวตาย | ||
ตัดช่องน้อยไปแต่ตัว | ทิ้งผัวเสียได้น่าใจหาย | ||
ร่ำพลางกอดพลางฟูมฟาย | ระทวยกายกอดซบสลบพลัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาแสนกลคนขยัน | ||
เห็นสองสลบทบทับกัน | ผันผินรินน้ำกุหลาบมา | ||
ชโลมองค์ทรงทาทั้งสองศรี | ค่อยได้สมประดีที่โหยหา | ||
แล้วโลมเล้ากล่าวคำด้วยหยาบช้า | เคราะห์กรรมทำมาจะโทษใคร | ||
โหรเล่าใช่เขาจะชั่วช้า | เคยนับถือมาแต่ไหนไหน | ||
จำไปให้สิ้นเคราะห์ภัย | เกลือกไปเคราะห์นั้นจะบรรเทา | ||
ไม่ม้วยดับชีพสูญหาย | มิใช่ล้มตายอะไรเล่า | ||
แต่พอเคราะห์นั้นค่อยบรรเทา | แล้วเราจึงรับกันกลับมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤาสายค่อนคลายที่โหยหา | ||
ได้ฟังถ้อยคำนางจันทา | ตรึกตราสะท้อนถอนใจ | ||
เห็นจริงไม่กริ่งถ้อยคำ | ด้วยเวรากรรมมาทำให้ | ||
จึงมีวาจาว่าไป | เจ้าเอาใจด้วยช่วยจัดแจง | ||
ให้องค์นงเยาว์เจ้าไปกิน | ทรัพย์สินเงินทองของแห้ง | ||
สั่งเสนาในให้จัดแจง | เรือแผงม่านวงให้จงดี | ||
ส่งไปให้พ้นขอบเขต | จะเนรเทศยอดรักมเหสี | ||
ตรัสพลางดูนางแล้วโศกี | ภูมีเมินอายนางจันทา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันทาตัวคิดริษยา | ||
ดีใจรับสั่งบังคมลา | ทำเช็ดน้ำตาแล้วคลาไคล | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ มิได้จัดแจงแต่งของ | เงินทองข้าวปลาไม่หาให้ | ||
กระซิบสั่งสาวศรีที่ร่วมใจ | เอาเงินไปให้แก่เสนา | ||
ว่าเอ็นดูด้วยช่วยเรา | พาเอานางไปอย่าไว้หน้า | ||
ไกลคนพ้นแดนพารา | เสนาฆ่าเสียให้วอดวาย | ||
สุดแต่อย่าให้มันครองวัง | ปิดความกำบังให้สูญหาย | ||
จะทดแทนคุณให้มากมาย | เจ้าอย่าแพร่งพรายให้ใครฟัง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เสร็จสรรพกลับเข้าปราสาทศรี | ทูลความตามที่รับสั่ง | ||
เงินทองของกินสิ้นยัง | เตรียมแล้วพร้อมพรั่งทั้งนาวา | ||
บัดนี้ไพร่ฟ้าข้าเมือง | ลือเลื่องฮึกฮักหนักหนา | ||
มันจะกลุ้มรุมกันทั้งพารา | โกรธว่าจะพาให้ยากเย็น | ||
ว่าช้าไปมิใคร่จะจากวัง | มันจะพังบ้านเมืองเคืองเข็ญ | ||
น้ำตาข้าน้อยพลอยกระเด็น | กรรมเวรเป็นไปทุกสิ่งอัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ฟังข่าว | พระร้อนเร่าฤทัยไหวหวั่น | ||
หลงกลด้วยกรรมาตามทัน | สำคัญว่าจริงทุกสิ่งไป | ||
พินิจพิศพักตร์อัคเรศ | คลอเนตรสะท้อนถอนใจใหญ่ | ||
จะออกปากก็คับอับใจ | ด้วยความรักใคร่ชายา | ||
ครั้นจะมิให้เจ้าไปเล่า | ร้อนเร่าด้วยคำจันทาว่า | ||
บ่ายเบื้อนเยื้อนออกวาจา | เจ้าแก้วตาของพี่ผู้มีกรรม | ||
เจ้าเคยพรากสัตว์ให้พลัดคู่ | เวรมาชูชุบอุปถัมภ์ | ||
แม้นมีกรรมไม่ไปใช้กรรม | ไพร่ฟ้ามันจะทำย่ำยี | ||
มิใช่พี่ไม่รักน้อง | ร่วมห้องอกสั่นกันแสงศรี | ||
ไม่ยับดับสูญบุญมี | เคราะห์ดีสิ้นกรรมจะเห็นกัน | ||
ตรัสพลางดูนางมิใคร่ได้ | ชลนัยน์ไหลรินแล้วผินผัน | ||
เดินเข้าห้องแก้วแพรวพรรณ | รูดพันม่านทองเข้าโศกา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีตีทรวงไห้โหยหา | ||
พ่างเพียงจะสิ้นชีวา | โศกาไม่เป็นสมประดี | ||
ครั้นจะอ้อนวอนผ่อนผัน | ทรงธรรม์ก็เมินดำเนินหนี | ||
ทุกข์แค้นแสนโศกโศกี | พระพันปีหนีเมียเสียว่าไร | ||
มีกรรมจำจากพระบาทแล้ว | น้องแก้วหาขัดขืนไม่ | ||
จะขอผัดผ่อนต่อนอนไฟ | มิให้ช้านักสักเจ็ดวัน | ||
แต่พอให้แห้งเหือดเลือดลม | จะซุกซมซ่อนไปในไพรสัณฑ์ | ||
พ่อไม่ขึ้งโกรธโทษทัณฑ์ | เหตุไรไม่ทันบัญชา | ||
ว่าพลางนางข้อนทรวงไห้ | เพียงขาดใจม้วยด้วยโหยหา | ||
เหล่ากำนัลไม่กลั้นน้ำตา | ชวนกันโศการิมแท่นทอง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวดีไม่มีสอง | ||
สมจิตคิดไว้ดังใจปอง | ได้ช่องให้หน้าแล้วว่าไป | ||
กับนางสาวศรีที่ร่วมคิด | ว่ารับสั่งทรงฤทธิ์เป็นใหญ่ | ||
ให้พาโฉมยงเจ้าลงไป | มอบองค์ส่งให้แก่เสนี | ||
ช้าไปไพร่ฟ้าจะขึ้งโกรธ | จะคุมโทษโลภแย่งเอากรุงศรี | ||
ตามบุญตามกรรมของเทวี | ช้าไปบูรีจะมีภัย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สาวใช้ผู้ร่วมอัชฌาสัย | ||
รู้กันในกลยลใน | ลอบเข้าไปใกล้นางชายา | ||
ทูลว่าภูมินทร์ปิ่นเกล้า | อาวรณ์ร้อนเร่าหนักหนา | ||
ด้วยกลัวไพรีจะบีฑา | เตือนมาให้พาแม่คลาไคล | ||
จะมีโทษแต่ข้าน้อย | ดับความโศกสร้อยละห้อยไห้ | ||
มีกรรมจำเป็นเข็ญใจ | อย่าให้ข้าไทต้องภัยโพย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ฟังคำ | นางโศกช้ำรัญจวนหวนโหย | ||
อนิจจังทั้งสิ้นมาดิ้นโดย | โพยภัยมิให้แก่ใครมี | ||
คิดว่าพอผัดผ่อนได้ | เมื่อไม่โปรดเกล้าเกศี | ||
ตามแต่เวราของข้านี้ | สาวศรีอย่าได้ทุกข์ทน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ ว่าพลางยกเอาลูกน้อย | น้ำเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน | ||
ร้องทูลพระองค์ทรงสกล | น้องคนมีกรรมจะขอลา | ||
ดูรูปจำร่างเสียยังแล้ว | พระแก้วจะไม่ได้เห็นหน้า | ||
จะไม่คืนคงอย่าสงกา | มิได้รองฝ่าพระบาทไป | ||
สิ่งใดเมียได้พลาดพลั้ง | แต่หลังให้ขัดอัชฌาสัย | ||
เมียขอสมาอาภัย | อย่าได้เป็นเวราเลย | ||
ให้พ่ออยู่ยืนได้หมื่นปี | โรคาอย่ามีพ่อคุณเอ๋ย | ||
ไม่เยี่ยมม่านทองดูน้องเลย | ทำเฉยเสียได้ไม่นำพา | ||
นิ่งได้ให้เขามาสั่งเสีย | ตัดเมียเสียได้ไม่ดูหน้า | ||
ว่าแล้วนางแก้วบังคับลา | สาวใช้ซ้ายขวาก็ตามไป | ||
ค่อยอยู่เถิดเจ้านางสาวศรี | บุญน้อยแล้วมิอยู่ด้วยได้ | ||
ข้าได้เรียกขานวานใช้ | อภัยอย่าได้เป็นกรรมกัน | ||
ว่าพลางนางอุ้มลูกยา | จันทาพยักหน้านางสาวสรรค์ | ||
เดินทรงโศกามาพลัน | กำนัลจันทาก็พาไป | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลง เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีที่ร่วมอัชฌาสัย | ||
รับเอาโฉมงามทรามวัย | สาวใช้ขึ้นไปยังในวัง | ||
กินเหล้าเมาโป้งโฉงเฉง | ไม่เกรงไม่ขวยด้วยโอหัง | ||
เชิญแม่มาไปให้พ้นวัง | รับสั่งจะช้าอยู่ว่าไร | ||
ทำให้คนยากลำบากด้วย | คราวรวยหาทักรู้จักไม่ | ||
ที่มีปัญญาก็ว่าไป | นี่พูดอะไรไม่ต้องการ | ||
ว่าพลางเชิญนางลงนาวา | มิช้าบ่ายบากจากสถาน | ||
ทางสิบห้าวันกันดาร | พ้นบ้านไกลที่ไม่มีคน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงส่งนางเทวี | ดูน่าปรานีระเหระหน | ||
เสนีที่ได้กินสินบน | ขัดสนด้วยคนเขามากมาย | ||
จะฆ่าเทวีก็มิได้ | มารยาว่าไปดังใจหมาย | ||
ไหนไหนไม่พ้นเป็นคนตาย | จะลองดาบกรายเล่มนี้ดู | ||
เพื่อนกันช่วยฉุดยุดไว้ | ผิดไปไม่ได้อย่าจู่ลู่ | ||
ตามกรรมตามเวรนางโฉมตรู | จู่ลู่จะพากันวุ่นวาย | ||
ไม่คิดถึงตัวกลัวกรรม | เวรามาทำเองง่ายง่าย | ||
ถึงชั่วดีเล่าเป็นเจ้านาย | จะทำผิดคิดร้ายก็ไม่ดี | ||
กลับไปบ้านเราจะดีกว่า | ว่าพลางทางลานางโฉมศรี | ||
ที่ใจเมตตาปรานี | บ้างข้าวของมีก็ให้ทาน | ||
แล้วออกนาวาคลาไคล | ดูไปใจหายน่าสงสาร | ||
ฝ่ายว่าเสนีที่เป็นพาล | งุ่นง่านไม่ไหว้ไม่ลาใคร | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีโศกาอยู่ป่าใหญ่ | ||
ขึ้นมาจากท่าชลาลัย | ไม่รู้ที่จะไปแห่งใดเลย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอ้ ชาตุม | |||
๏ เดินพลางทางอุ้มลูกพลาง | เห็นทุกข์แม่บ้างพ่อสังข์เอ๋ย | ||
บุกป่าฝ่าไพรแม่ไม่เคย | เพราะกรรมทรามเชยเจ้าเกิดมา | ||
เป็นคนหรือจะได้มาเป็นเพื่อน | มีเหมือนไม่มีโอรสา | ||
ทั้งนี้เพราะอีจันทา | กับอ้ายโหรามันรู้กัน | ||
ทั้งอีสาวศรีมันร่วมใจ | มันเร่งรัดให้แม่ผายผัน | ||
ทั้งอ้ายเสนาจะฆ่าฟัน | อัศจรรย์ใจแม่นี้แน่แล้ว | ||
พระร่วมห้องของน้องยังอาลัย | เหตุไรไม่เกรงทูลกระหม่อมแก้ว | ||
พ่อหลงกลมนตร์มันแน่แล้ว | เดินพลางนางแก้วก็โศกี | ||
เสียงเสือแรดช้างกวางทราย | ใจหายอกสั่นขวัญหนี | ||
เล็ดลอดกอดลูกเข้าโศกี | เทวีอุ้มสังข์ดำเนินไป | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง | |||
๏ เดินมา | สุริยาร้อนแรงแสงใส | ||
แลเห็นบ้านป่าพนาลัย | โฉมยงดีใจเข้าไปพลัน | ||
พบสองเฒ่าปลูกถั่วงา | นางนั่งวันทาขมีขมัน | ||
ฝ่ายว่าสองราดูหน้ากัน | ยายถามตานั้นทันใด | ||
ตานี่ดีร้ายจะไม่ตรง | มั่นคงกูคิดหาผิดไม่ | ||
นัดแนะกันมาหรือว่าไร | ตาเอาใจออกนอกกัน | ||
น้อยหรือนั่นรูปร่างอย่างกินนร | ยายค้อนตาผัวจนตัวสั่น | ||
ฝ่ายตาโกรธยายเอาไม้รัน | มึงเห็นสำคัญด้วยอันใด | ||
คราวลูกคราวหลานก็ไม่ว่า | มันบ้าอย่าถือแม่ข้าไหว้ | ||
มาแต่ตำบลหนใด | บอกให้แจ้งใจยายตา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ นางเล่าแต่ต้นจนปลาย | ตายายพาไปยังเคหา | ||
จัดเหย้าเรือนให้มิได้ช้า | ด้วยความเมตตาปรานี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์กัลยามารศรี | ||
อยู่ด้วยยายตาได้ห้าปี | ยากแค้นแสนทวีทุกเวลา | ||
ครั้นค่ำตักน้ำตำข้าว | ครั้นรุ่งเช้าเจ้าเข้าป่า | ||
เก็บผักเที่ยวหักฟืนมา | กัลยาค้าขายได้เลี้ยงตัว | ||
อุ้มเอาลูกน้อยหอยสังข์ | สุดกำลังแม่แล้วพ่อทูลหัว | ||
เลี้ยงไว้ว่าจะได้เป็นเพื่อนตัว | ทูนหัวไม่ช่วยแม่ด้วยเลย | ||
เนื้อเย็นเป็นคนนะลูกแก้ว | ห้าหกขวบแล้วนะลูกเอ๋ย | ||
กำดัดจะภิรมย์ชมเชย | ลูกเอ๋ยจะเบาทุเลาแรง | ||
นางมิได้เอนองค์ลงนิทรา | สุรียารุ่งรางสว่างแสง | ||
วางลูกไว้ไปจัดแจง | ลากแผงออกวางที่กลางดิน | ||
เอาข้าวออกตากแล้วฝากยาย | จับหาบผันผายเข้าไพรสิณฑ์ | ||
เที่ยวเก็บผักหญ้าเป็นอาจิณ | โฉมฉินซอนซนต้นมา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ยานี | |||
มาจะกล่าวบทไป | เทพไทสิงสู่อยู่พฤกษา | ||
สงสารนางจันท์กัลยา | เจ้ามาเหนี่อยยากลำบากกาย | ||
เทพบุตรจุติมาบังเกิด | กำเนิดผิดพ้นคนทั้งหลาย | ||
บุญญาธิการนั้นมากมาย | จะล้ำเลิศเพริศพรายเมื่อปลายมือ | ||
ถึงจะตกน้ำก็ไม่ไหล | ตกในกองกูณฑ์ไม่สูญชื่อ | ||
จะได้ผ่านบ้านเมืองเลื่องลือ | อึงอื้อดินฟ้าบาดาล | ||
คู่สร้างกับนางรจนา | มารดาจะสุขเกษมศานต์ | ||
นิ่งไว้จะยากลำบากนาน | กุมารซ่อนตนจะดลใจ | ||
จึงบันดาลให้เป็นไก่ป่า | กินมารดาหาช้าไม่ | ||
ขันก้องร้องตีกันมี่ไป | คุ้ยเขี่ยข้าวให้กระจายดิน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ซ่อนอยู่ก็รู้สิ้น | ||
พระแม่ไปป่าเป็นอาจิณ | ในจิตคิดถวิลทุกเวลา | ||
จะใคร่ออกช่วยพระแม่เจ้า | สงสารผ่านเกล้าเป้นหนักหนา | ||
เหนื่อยยากลำบากกายา | กลับมาจนค่ำแล้วร่ำไร | ||
ไม่ว่าลูกน้อยเป็นหอยปู | อุ้มชูชมชิดพิสมัย | ||
พระคุณล้ำลบภพไตร | จะออกให้เห็นตัวก็กลัวการ | ||
ไก่ป่าพาฝูงมากินข้าว | ของพระแม่เข้าอยู่ฉาวฉาน | ||
คุ้ยเขี่ยเรี่ยรายทั้นดินดาน | พระมารดามาเห็นจะร่ำไร | ||
เยี่ยมลอดสอดดูทั้งซ้ายขวา | จะเห็นใครไปมาก็หาไม่ | ||
ออกจากสังข์พลันทันใด | ฉวยจับไม้ได้ไล่ตี | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | |||
๏ กอบเก็บข้าวหกที่ตกดิน | ผันผินลอยลับขยับหนี | ||
เหลืยวดูผู้คนชนนี | จะหนีเข้าสังข์กำบังตน | ||
หุงข้าวหาปลาไว้ท่าแม่ | ดูแลจัดแจงทุกแห่งหน | ||
ช่วยขับไก่ป่าประสาจน | สาละวนเล่นพลางไม่ห่างดู | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระมารดานึกในพระทัยอยู่ | ||
คิดถึงลูกน้อยหอยปู | เดินไปสักครู่แล้วจู่มา | ||
เก็บได้ฟืนผักเผือกมัน | สารพันกินได้ที่ในป่า | ||
ใส่หาบหาบเดินดำเนินมา | ไม่ช้าครู่หนึ่งก็ถึงเรือน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ จึงเห็นลูกแก้วแววไว | ลูกใครคนนี้ไม่มีเหมือน | ||
มานั่งเล่นอยู่ประตูเรือน | พักตร์ดังดวงเดือนเลื่อนลอย | ||
พระสังข์แลเห็นชนนี | แล่นหนีตกใจเข้าในหอย | ||
ประหวั่นพรั่นใจมิใช่น้อย | เศร้าสร้อยคอยฟังพระมารดา | ||
มารดรวางหาบตามติด | เห็นผิดเปิดห้องมองหา | ||
รีบร้นค้นดูกุมารา | กัลยาไม่เห็นประหลาดใจ | ||
หรือว่าผีเรือนเป็นเพื่อนร้อน | แกล้งหลอกหลอนเล่นเป็นไฉน | ||
จึงสาบสูญกายหายไป | คิดวนเวียนในพระทัยนาง | ||
ข้าวปลาสุกสรรพเก็บปิด | เห็นผิดเร่งคิดอางขนาง | ||
โฉมตรูมาดูข้าวพลาง | แล้วนางมาถามตายาย | ||
ไม่กินข้าวปลาอาหาร | เยาวมาลย์รำพึงคะนึงหมาย | ||
คอยดูให้รู้แยบคาย | อุ้มเอาลูกชายไม่สงกา | ||
พินิจพิศดูแล้วทูนเกศ | น้ำเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา | ||
จวนรุ่งพุ่งแสงพระสุรียา | ทำเป็นไปหาสาแหรกคาน | ||
ลงจากกระท่อมแล้วด้อมมอง | ค่อยย่องแอบไม้ไม่ไกลบ้าน | ||
แอบซ่อนมองดูอยู่ช้านาน | นงคราญกลั้นไว้ไม่พูดจา | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระกุมารเยี่ยมหอยแลหา | ||
ไม่แจ้งว่าองค์พระมารดา | แฝงฝาคอยอยู่ไม่รู้กาย | ||
สงัดเงียบผู้คนไม่พูดจา | เล็ดลอดออกมาแล้วผันผาย | ||
นั่งที่นอกชานสำราญกาย | เก็บกรวดทรายเล่นไม่รู้ตัว | ||
มารดาซ่อนเร้นเห็นพร้อมมูล | อุแม่เอ๋ยพ่อคุณทูนหัว | ||
ซ่อนอยู่ในสังข์กำบังตัว | พ่อทูนหัวของแม่ประหลาดคน | ||
ย่างเข้าในห้องทับจับได้ไม้ | ก็ต่อยสังข์ให้แหลกแตกป่น | ||
พระสังข์ตกใจดังไฟลน | จะหนีเข้าหอยตนก็จนใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอ้ | |||
๏ สวมสอดกอดบาทพระมารดา | ซบเกศาพลางทางร้องไห้ | ||
แม่ต่อยสังข์แตกแหลกไป | ร่ำไรเสียดายไม่วายคิด | ||
เหมือนแม่ฆ่าลูกให้ม้วยมรณ์ | มารดรไม่รักแต่สักนิด | ||
พระแม่ต่อยสังข์ดังชีวิต | จะชมชิดลูกนี้สักกี่วัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังลูกว่า | พระมารดาเสียวใจไหวหวั่น | ||
กอดจูบลูบเนตรเกศกรรณ | ร่วมวันขวัญตาพ่อว่าไย | ||
สิ้นเคราะห์สิ้นกรรมทำมา | ลูกยาอย่าว่าแม่เสียวไส้ | ||
ตกทุกข์ได้ยากลำบากใจ | เพราะอ้ายหอยสังข์มันจังฑาล | ||
มันมาหุ้มห่อเอาพ่อไว้ | ทำไมให้โหรามันว่าขาน | ||
บิตุรงค์หลงกลอีคนพาล | ไม่ช้าไม่นานจะคืนวัง | ||
ยากเย็นเห็นหน้ากันแม่ลูก | อย่าพันผูกโศกสร้อยถึงหอยสังข์ | ||
รักใคร่มันไยไม่จีรัง | หอยสังข์เช่นนี้มีถมไป | ||
ว่าพลางนางเรียกยายตา | เล่ากิจจาแจ้งแถลงไข | ||
ตั้งแต่เบื้องต้นจนปลายไป | ทั้งสองสงสัยไม่เชื่อนาง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ตายายให้คิดอางขนาง | ||
พากันเข้าไปในทับนาง | แลเห็นรูปร่างกุมารา | ||
ตะลึงขึงแข็งไปทั้งตัว | ทูนหัวน่ารักเป็นหนักหนา | ||
พ่อคุณเป็นบุญของยายตา | เกิดมายังไม่ได้ยินเลย | ||
พึ่งพบพึ่งเห็นเป็นเที่ยงแท้ | ลูกของเจ้าแน่หรือแม่เอ๋ย | ||
บุญหนักศักดิ์ใหญ่กระไรเลย | พ่อเอ๋ยรูปร่างช่างสร้างมา | ||
ชั่วปู่ชั่วย่าชั่วตายาย | ล้มตายไม่เห็นเป็นหนักหนา | ||
กอดจูบลูบไล้ทั้งยายตา | สองราเกษมเปรมปรีดิ์ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
</sup>พญาโศก<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลหมองศรี | ||
ไสยาสน์เหนืออาสน์รูจี | คิดถึงมเหสีที่จากไป | ||
ยกหัตถ์พาดพักตร์พูนเทวษ | น้ำเนตรอาบหมอนถอนใจใหญ่ | ||
โอ้เจ้างามทรามกอดยอดจิตใจ | เจ้าจะเป็นฉันใดไม่รู้เลย | ||
จะตกระกำลำบากยากเย็น | หรือวอดวายตายเป็นนะน้องเอ๋ย | ||
หลายปีมิได้ข่าวเจ้าเลย | น้องเอ๋ยจะด้นไปหนใด | ||
ลูกเสียเมียช้ำไปจากร่าง | โอ้กรรมตามล้างแต่ปางไหน | ||
ครวญคร่ำกำสรดสลดใจ | มิได้สระสรงคงคา | ||
โอ้จันท์เทวีเจ้าพี่เอ๋ย | ทรามเชยเคยเคียงเรียงหน้า | ||
เช้าเย็นเคยเห็นนกันมา | เคยร่วมนิทราทุกราตรี | ||
เห็นแต่ที่นอนหมอนเปล่า | ขวัญข้าวของผัวเอาตัวหนี | ||
เคยล้อมพร้อมหน้าทุกนารี | แก้วพี่หนีกายไปหายองค์ | ||
กอดเอาหมอนนางพลางพิลาป | ชลนัยน์ไหลอาบดังโสรจสรง | ||
เจ้าจะเป็นฉันใดที่ในดง | กอดหมอนแนบองค์เข้าร่ำไร | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวเข็ญจะเป็นใหญ่ | ||
ยังไม่เหมือนจิตที่คิดไว้ | มุ่งมาดหมายใจอยู่ไปมา | ||
จึงเรียกสาวใช้เข้าในห้อง | ปรองดองตรองตรึกปรึกษา | ||
จะคิดฉันใดไฉนนา | ให้ข้าสมจิตที่คิดปอง | ||
ลอยเมฆเป็นเอกมเหสี | อย่าให้ใครมีเสมอสอง | ||
พระฤาสายไม่วายตรึกตรอง | เศร้าหมองคะนึงคิดถึงเมีย | ||
นางจันท์เทวียังมิตาย | ดีร้ายเสนาไม่ฆ่าเสีย | ||
แม้นว่าพระจะกลับไปรับเมีย | จะเสียการเราเจ้าคิดดู | ||
หรือว่าหอยกลายไปเป็นคน | เหตุผลอย่างนี้ก็มีอยู่ | ||
อย่าได้ไว้ใจแก้ไขดู | ให้สิ้นรู้เราอย่าเบาความ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สาวใช้ใจเพชรไม่เข็ดขาม | ||
จึงทูลแถลงให้แจ้งความ | จะครั่นคร้ามขามใจไปไยมี | ||
แม่เรียกธิดามาสอนสั่ง | ความหลังทั้งมวลให้ถ้วนถี่ | ||
เฝ้าองค์ทรงศักดิ์พระจักรี | ทูลพ่อขอที่มารดร | ||
ด้วยพระสัญญาว่าไว้ | แก้ไขโดยดีกระนี้ก่อน | ||
ซึ่งพระโศกาอาวรณ์ | แม่ผันผ่อนแนมเหน็บให้เจ็บใจ | ||
แม้นมิสมคะเนเล่ห์กล | เอาด้วยเวทมนตร์ให้หลงใหล | ||
คนดีมีถมอย่าตรมใจ | ข้าได้ข่าวอยู่สุเมธา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | สมดังใจจิตอิจฉา | ||
ร้องเรียกบุตรีจันทีมา | เสี้ยมสอนให้ว่าสารพัน | ||
แล้วให้สระสรงทรงเครื่อง | รุ่งเรืองเพราเพริศเฉิดฉัน | ||
พี่เลี้ยงนางนมระดมกัน | ผัดพักตร์ดังจันทร์เมื่อวันเพ็ญ | ||
แต่งลูกแล้วแต่งตัวนาง | ชำระสระสางให้ปลั่นเปล่ง | ||
แสนสาวชาวแม่แช่แข็ง | รีบเร่งอุ้มพาธิดาตาม | ||
มาถึงซึ่งที่พระบรรทม | ชื่นชมในจิตไม่คิดขาม | ||
แหวกม่านเห็นองค์พระทรงนาม | ก้มเกล้ากราบงามสามลา | ||
ทั้งพระบุตรีพี่เลี้ยง | นบนอบหมอบเคียงเรียงหน้า | ||
แล้วจึงสะกิดพระธิดา | พยักหน้าเข้าไปให้ใกล้องค์ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระทรงธรรม์รัญจวนครวญหลง | ||
เห็นลูกโฉมฉายก็อายองค์ | ผันพักตร์สบตรงนางจันทา | ||
ขวยเขินเมินเช็ดชลนัยน์ | เคืองใจมิใคร่จะดูหน้า | ||
บ่ายเบือนเยื้อนทักพระธิดา | รับมาวางตักพระพักตร์เชย | ||
จูบพลางทางคิดถึงหอยสังข์ | กรรมตามแต่หลังนะลูกเอ๋ย | ||
เป็นคนจะได้ไว้ชมเชย | ลูกเอ๋ยพี่น้องจะครองกัน | ||
มิให้พ่อแม่ได้ลำบาก | พลัดพรากวิโยคโศกศัลย์ | ||
จึงถามธิดาวิลาวัณย์ | แม่ขวัญเมืองมาจะว่าไร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทีศรีใส | ||
จำคำมารดาที่สอนไว้ | ถือใจไม่รู้ว่าขุ่นเคือง | ||
ทูลว่าประสาทารก | หยิบยกข้อความตามเรื่อง | ||
บิดาว่าไว้จะให้เมือง | ราวเรื่องระบือลือชา | ||
ลูกเกิดเพริดพลัดเป็นสตรี | ไม่ควรที่สมบัติวัตถา | ||
จะขอที่ประทานให้มารดา | ให้เลื่องชื่อลือชาสถาวร | ||
แทนที่แม่หนีไปจากวัง | แต่งตั้งแทนตนแม่คนก่อน | ||
ยกหน้าข้าบาทประสาทพร | แม่ก่อนบิดาอย่าอาลัย | ||
เมื่อโหรเขาว่าเป็นกาลี | ชั่วดีอื่นพอจะเลี้ยงได้ | ||
เลือดก้อนออกแล้วก็แล้วไป | ร้องไห้ใครรู้จะดูแคลน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ ฟังลูก | เจ็บปวดดังถูกหลาวแหลน | ||
ใครสอนให้ว่าเจรจาแทน | มั่นแม่นตัวกูพอรู้ทัน | ||
ยิ่งกว่าลูกเล็กเด็กน้อย | ตะบอยสาระวอนทุกสิ่งสรรพ์ | ||
เหน็บแนมแกมกลปนกัน | เด็กนั้นว่าได้เมื่อไรมี | ||
ความหลังแต่ยังไม่เกิดมา | มันว่าทั้งมวลเป็นถ้วนถี่ | ||
สอนบ้างหรือไม่เล่าอีเหล่านี้ | กาลีกาลำมารำพัน | ||
หรือหนึ่งแม่แสนงอนเจ้าสอนลูก | เรียนผูกเรียนแก้ช่างแปรผัน | ||
เป็นกรรมจึงจำจากกัน | ทุกวันเหมือนเงาอยู่วาวแวว | ||
เว้นแต่จะจับไม่ถูกต้อง | คนมันคอยปองพระน้องแก้ว | ||
ได้ทีที่ทางว่างอยู่แล้ว | สอนลูกแก้วมาให้พาที | ||
น้อยหรือน้ำใจใหญ่หลวง | โจมจ้วงเอาดวงพระสุริย์ศรี | ||
กูไม่ให้ปันอีจันที | เจ้าของเขามียังมิตาย | ||
สิ้นเคราะห์จะรับเจ้ากลับมา | แม่นางจันทาเจ้าอย่าหมาย | ||
จงพากันไปให้สบาย | ลูกเต้าบ่าวนายบรรดามา | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาเสียวไส้อยู่ในหน้า | ||
เสียใจทูลไปด้วยปัญญา | อนิจจาเคราะห์ร้ายให้อายคน | ||
นั่งอยู่ดีดีก็มีโทษ | ได้โปรดซักไซ้ให้เห็นหน | ||
วอนมาเฝ้าองค์ทรงสกล | ให้คนพลอยผิดนางคิดดี | ||
ลูกเต้าน่าแค้นมันแสนงอน | ใครสอนอย่าบอกออกมานี่ | ||
บนบานเจ้าไว้เมื่อไรมี | หยิกตีเท่าไรก็ไม่จำ | ||
เก็บเอาเขาพูดที่ไหนไหน | ทูลให้ติดต่อเป้นข้อขำ | ||
นี่ใครสั่งสอนฉะอ้อนคำ | เที่ยวจำเค้ามูลมาทูลเอง | ||
ไม่จ้วงไม่เจิ้นให้เกินหน้า | มันว่าออเซาะไม่เหมาะเหม็ง | ||
เมื่อพระสัญญาว่าไว้เอง | จึงครื้นเครงไปเขาได้ยิน | ||
ใครมองปองล้างมเหสี | เฆี่ยนตีซักไซ้เอาให้สิ้น | ||
แล่เนื้อเกลือทาให้กากิน | มันเป็นเสี้ยนแผ่นดินจะไว้ไย | ||
ใครได้ชิงชังนางยอดสร้อย | เมื่อไปก็พลอยน้ำตาไหล | ||
อาภัพกลับกลายหายไป | จัดแจงแต่งให้ทุกสิ่งอัน | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
๏ ฟังคำ | ซอกซ้ำหมกมุ่นหุนหัน | ||
เห็นจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน | แดกดันเล่นได้เป็นไรมี | ||
กระนั้นนานไปจะใช้ทุน | เจ้าทำบุญคุณมเหสี | ||
รักใคร่ตกใจไปไยมี | ตัวดีอยู่แล้วก็แล้วไป | ||
อีจันท่ไม่มีใครสอนสั่ง | มันชั่งต่อติดประดิษฐ์ได้ | ||
จริงอยู่สัญญาว่าไว้ | ลูกใครเป็นชายจะให้วัง | ||
นางแม่จะแร่เอายศถา | ใครได้สัญญามาแต่หลัง | ||
ไม่รับกลับเถียงเสียงดัง | แฝงหลังบังเงากูเข้าใจ | ||
ยังไม่ทันได้ยศศักดิ์ | ฮึกฮักลิ้นลมคารมใหญ่ | ||
ดูเหมือนเพื่อนกันหรือฉันใด | ไสหัวลงไปอีใจพาล | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ ฟังตรัส | สะบัดพักตร์ควักค้อนแล้วตอบสาร | ||
ผิดแผกเปล่าเปล่าไม่เข้าการ | แกล้งพาลพาโลโกรธา | ||
เพราะคิดถึงเมียจึงเสียใจ | มิรับมาไยใครเขาว่า | ||
แม้นเกิดกลีมีมา | ยากเย็นเป็นข้าคนอื่นไป | ||
ต้องขับต้องไล่ไสหัว | ไม่รู้ตัวว่าโกรธาข้าโทษใหญ่ | ||
ยั่งยืนว่ากลืนแก้วไว้ | ขับไล่ยิ่งกว่าเป็นกาลี | ||
แค้นด้วยลูกเต้ามาเข้าท้อง | จองหองแอบพักตร์ศักดิ์ศรี | ||
ต่อเป็นผู้ชายจะได้ดี | เสียทีเลี้ยงเปล่าไม่เข้ายา | ||
จะใคร่หักคอใส่หม้อฝัง | แต่ยังแดงแดงไม่แข็งกล้า | ||
ยังชั่วตัวตีนมันมีมา | คิดว่าหอยสังข์สิจังไร | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ ได้ฟัง | มืดกลุ้มคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้ | ||
เหม่อีจันทาชะล่าใจ | จะเกรงกลัวใครก็ไม่มี | ||
จองหองพองขนเป็นพ้นนัก | เยื้องยักแยบคายใส่สี | ||
เพราะเกิดลูกเต้าด้วยเท่านี้ | พาทีเกินตัวไม่กลัวตาย | ||
เหมือนหนึ่งกิ่งก่าได้ทาทอง | ยกย่องหัวหูดูเฉิดฉาย | ||
มึงประจานใครให้ได้อาย | แยบคายทบเทียบเปรียบมา | ||
หัวจะปลิวไปไม่ทันรู้ | มึงดูถูกเล่นเป็นหนักหนา | ||
ฉวยพระแสงพลันมิทันช้า | จันทาลุกวิ่งเป็นสิงคลี | ||
พระฟาดฟันผิดติดทวาร | บ้างล้มลุกคลุกคลานทะยานหนี | ||
มึงอย่าเข้ามาพันอีจันที | พระบุตรีฉวยฉุดยุดกร | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาหนีองค์พระทรงศร | ||
เข้าห้องโศกาอาวรณ์ | ทุกข์ร้อนอดสูแก่หมู่นาง | ||
จึงเรียกสาวศรีที่สนิท | เจ้าคิดไว้เหมาะช่วยเสาะสาง | ||
คนดีที่เจ้าว่าอย่าพราง | สู้เสียสินจ้างให้ล้างอาย | ||
ไปหาพามาเวลาเย็น | อย่าให้ใครเห็นเงื่อนสาย | ||
หยูกยาเสร็จสรรพสำหรับกาย | เบี่ยงบ่ายเล็ดลอดดอดมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สาวใช้ว่องไวใจกล้า | ||
กำชับรับคำแล้วอำลา | เที่ยวเสาะสืบมาก็พบพาน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ถึงเรือนยายเฒ่าก็เข้าไป | พูดจาปราศรัยด้วยอ่อนหวาน | ||
เที่ยวเสาะสืบมาช้านาน | บุญหลานจึงพบประสบยาย | ||
เอาลาภมาให้ใหญ่หลวง | จะล่อลวงว่านั้นอย่าหมาย | ||
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบยาย | แต่ต้นจนปลายทุกสิ่งอัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฝ่ายว่ายายเฒ่าสุเมธา | ฟังสาวศรีว่าเกษมสันต์ | ||
เต็มใจเห็นจะได้รางวัล | จึงว่าไปพลันทันใด | ||
เจ้าหวังตั้งใจออกมาหา | จะหาญหักผลักหน้ากระไรได้ | ||
ตามรู้ตามเห็นจะเป็นไร | พอแก้ไขได้อย่าปรารมภ์ | ||
ว่าพลางทางผลัดผ้านุ่ง | หยิบถุงย่ามยากับผ้าห่ม | ||
ออกจากประตูแล้วดูลม | เห็นสมดังใจแล้วไคลคลา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงซึ่งราชวังใน | สาวใช้พายายเข้ามาหา | ||
โปร่งปลอดกำนัลกัลยา | ก้มเกล้าวันทาเทวี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทามเหสี | ||
ปราศรัยด้วยยายยินดี | มานั่งถึงนี่อย่าก้มคลาน | ||
ข้าเห็นหน้ายายค่อยหายไข้ | ยินดีมีใจเกษมศานต์ | ||
จงช่วยให้เสร็จสำเร็จการ | ยายเมตตาหลานจะแทนคุณ | ||
เงินทองจะกองให้ยายเฒ่า | ขวัญข้าวค่ายามิให้สูญ | ||
หยูกยาหามาพร้อมมูล | จะพูนราคาค่ายายาย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สุเมธาแย้มยิ้มกระหยิ่มหมาย | ||
เรียนตอบนอบนบอภิปราย | ตกพนักงานยายอย่าปรารมภ์ | ||
จะให้สมดั่งจิตคิดปอง | ให้พระทองมาอยู่สู่สม | ||
ด้วยฤทธิ์วิทยาอาคม | เอาให้หลงงมซมไป | ||
เห็นชั่วดีกันในวันนี้ | แม้นมิลงมาสัญญาได้ | ||
ขวัญข้าวค่ายาจะว่าไป | ทิ้งลูกเสียได้เมื่อไรมี | ||
เวลาก็ควรจวนเย็น | จะทำให้แม่เห็นเป็นถ้วนถี่ | ||
แก้ย่ามยาพลันทันที | หัวผีโหงพรายที่เอามา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
</sup>เชิญ<\sup> | |||
๏ ว่าแล้วจุดเทียนเข้าติดพาน | โหงพรายลนลานหาญกล้า | ||
ปลุกเสกด้วยฤทธิ์วิทยา | มิช้าลุกขึ้นทั้งโหงพราย | ||
ยายเฒ่าจึงลนเอาน้ำมัน | ต่อหน้านางจันท์น่าขวัญหาย | ||
ขี้ผึ้งปิดปากผีพราย | ปั้นเป็นรูปกายพระภูมี | ||
กับนางจันทาให้กอดกัน | แล้วผูกพันไปด้วยด้ายผี | ||
เอาใส่ใต้ที่นอนนางเทวี | น้ำมันผีเสกใส่ในเครื่องทา | ||
ลงชื่อใส่ไส้เทียนตาม | สองยามให้หลงลงมาหา | ||
เสกหมากพลูไว้ให้มิได้ช้า | มิมาอย่านับข้าสืบไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ แล้วบอกมนตรามหาละลวย | เป่าให้งวยงงหลงใหล | ||
เพ็ดทูลเชื่อฟังดังใจ | ว่าไรเห็นจริงทุกสิ่งอัน | ||
เชิญแม่สระสรงทรงทา | ตัวข้าจะลาผายผัน | ||
เก็บหัวโหงพรายใส่ย่ามพลัน | ลานางจอมขวัญไปทันที | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทามารศรี | ||
สุริยนสนธยาราตรี | เข้าที่สระสางสำอางองค์ | ||
ตกแต่งทาแป้งน้ำมันยาย | เฉิดฉายผิวผ่องละอองผง | ||
หอมฟุ้งรุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง | ผุดผาดประหลาดองค์แต่ก่อนมา | ||
แล้วจุดเทียนชัยเข้าในที่ | ชุลีกรวอนไหว้ทั้งซ้ายขวา | ||
ทรามวัยมิได้นิทรา | วิญญาณ์ผูกพันมั่นใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เมื่อนั้น | ภูวดลหม่นหมองไม่ผ่องใส | ||
คุณยาอาคมระดมใจ | ร้อนรนพระทัยดังไฟลาม | ||
อยู่ในไสยาสน์อาสน์อ่อน | ดังนอนที่ฟากขวากหนาม | ||
ลุกขึ้นนั่งฟังฆ้องได้สองยาม | ลมชวยรวยตามพระบัญชร | ||
หอมแป้งน้ำมันของจันทา | ยิ่งกว่ากลิ่นทิพเกสร | ||
อบอาบซาบใจขจายจร | อาวรณ์ใฝ่ฝันถึงจันทา | ||
ขับไล่ด่าทอไม่พอที่ | กูนี้ได้คิดผิดหนักหนา | ||
เสงี่ยมหงิมจิ้มลิ้มทั้งกายา | จะหาเปรียบแก้วตาไม่มีเลย | ||
อีจันท์เทวีนี้ชั่วชาติ | หลงคิดพิศวาสนะอกเอ๋ย | ||
จันทาหน้านวลเจ้าควรเชย | ควรร่วมเขนยเสวยวัง | ||
ทั้งจริตกิริยามารยาท | สมชาตินางในข้างฝ่ายหลัง | ||
งามปลอดยอดฟ้าสง่าวัง | ควรกูจะตั้งแต่งนาง | ||
พุ่มพวงดวงเนตรจะน้อยใจ | มิไปง้อน้องจะหมองหมาง | ||
เสน่หาประหวัดกำหนัดนาง | เงียบปรางค์ย่างย่องมองมา | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ครั้นถึงแลเห็นแสงไฟ | แอบแฝงองค์ไว้ไม่กังขา | ||
เกาะเกาะค่อยเคาะทวารา | แก้วตาเปิดรับพี่ฉับไว | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทาอัชฌาสัย | ||
ฟังดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ | เชื่อในคุณฤทธิ์วิทยา | ||
ดับเทียนเสียพลันมิทันนาน | ชื่นบานสมมาดปรารถนา | ||
ทำแกล้งแต่งกลมารยา | ย่อมมาค่อยชักสลักกลอน | ||
แล้วกลับเข้าไปในแท่นที่ | ข้างพระบุตรีศรีสมร | ||
ค่อยค่อยวางองค์ลงนอน | นิ่งซ่อนกายอยู่จะดูที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ น้องเอยน้องแก้ว | หลับแล้วหรือโกรธโทษพี่ | ||
งามพริ้งนิ่งได้ไม่พาที | เมื่อกี้แจ่มแจ้งเห็นแสงไฟ | ||
ว่าพลางทางผลักทวารา | เปิดเปล่าเข้ามาหาช้าไม่ | ||
เยื้องย่องจรลีด้วยดีใจ | ห้องในมืดล้นพ้นประมาณ | ||
ถึงเตียงค่อยนั่งลงข้างองค์ | พบลูกโฉมยงยอดสงสาร | ||
แล้วคว้าคลำซ้ำปะเยาวมาลย์ | สั่นองค์นงคราญไม่ฟื้นกาย | ||
ค่อยค่อยกระซิบเจรจา | ลุกขึ้นเถิดพี่มาหาโฉมฉาย | ||
จงดับความโศกสร้อยค่อยคลาย | นางแกล้งแฝงกายไม่ฟื้นองค์ | ||
ค่อยยกลูกแยกเข้าแทรกกลาง | พระพลางป่วนจิตพิศวง | ||
ไล้ลูบจูบน้องประคององค์ | โฉมยงของพี่อย่าขี้เซา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีภูมีโฉมเฉลา | ||
ผวาตื่นฟื้นองค์นงเยาว์ | คว้าเอาบิดาว่ามารดร | ||
คลำหาพระเต้าเจ้าจะกิน | ผิดกลิ่นตกใจร้องไห้อ้อน | ||
ใครนี่แม่ขาเข้ามานอน | แทรกซ้อนซ่อนแม่ข้าไว้ใย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายนางจันทาอายจิต | เปลื้องปลิดกรทิ้งไม่นิ่งได้ | ||
ค่อยลัดหลีกองค์พระทรงชัย | กอดลูกปลอยให้เสวยนม | ||
อดสูสาวสรรค์กัลยา | กล่าวแกล้งแสร้งว่าไม่เห็นสม | ||
ขวัญอ่อนนอนเถิดอย่าเตรียมตรม | เจ้าปรารมภ์ด้วยแม่เมื่อกลางวัน | ||
ท่านจะสังหารผลาญชีวิต | หวาดจิตละเมอเพ้อฝัน | ||
แมวคราวไต่ราวมาเป็นพัน | กลัวมันกินตับจงหลับไป | ||
หลอนพลางทางยกเอาลูกน้อย | ถดถอยออกมาหาช้าไม่ | ||
เรียกสั่งสาวศรีที่ร่วมใจ | เอาไปแกว่งไกวให้หลับนอน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ภูวไนยมีใจสโมสร | ||
ด้วยคุณฤทธิ์วิทยาให้อาวรณ์ | ง้องอนเดินตามนางงามมา | ||
คว้าไปไม่พบประสบน้อง | ร่วมห้องเจ้าแกล้งแฝงฝา | ||
โลมลูบรับขวัญกัลยา | แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ | ||
ผัวผิดจึงตามมาง้องอน | จะตัดรอนโกรธขึ้นไปถึงไหน | ||
รู้ตัวชั่วแล้วแก้วกลอยใจ | โมโหมืดไปไม่ทันคิด | ||
จึงบุกลงมาสารภาพ | ให้หายบาปหายกรรมที่ทำผิด | ||
มาไปบรรทมชมชิด | จะม้วนมิดซ่อนพี่อยู่นี่ไย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ผ่านเอยผ่านเกล้า | จะมาเฝ้าเย้ายวนหาควรไม่ | ||
ทรพลคนชั่วกลัวภัย | จึงไม่อาจใจอยู่ใกล้องค์ | ||
ศักดิ์ต่ำแล้วซ้ำเป็นคนโทษ | มีโปรดโกรธกริ้วจะผุยผง | ||
หนีทันชีวันจึงคืนคง | หาไม่กลิ้งลงกับกลางดิน | ||
ลูกน้อยจะพลอยเป็นกำพร้า | น้ำตาก็จะไหลเป็นสายสินธุ์ | ||
หากปลอดทอดอยู่จึงภูมินทร์ | ดัดแปลงแต่งลิ้นมาเจรจา | ||
ถึงว่าจะตายก็ไม่คิด | เจ็บช้ำน้ำจิตที่ร่ำด่า | ||
อายคนเป็นพ้นคณนา | เสด็จมาพระเดชพระคุณนัก | ||
จนใจจะให้ไปร่วมเรียง | นั่งเตียงเคียงชมไม่สมศักดิ์ | ||
จะอยู่ตามอำเภอเสมอพักตร์ | พระองค์ทรงศักดิ์จงโปรดปราน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอ้โลม | |||
๏ ดวงเอยดวงสมร | สมนามงามงอนอ่อนหวาน | ||
ตัดพ้อล้อเล่นเป็นประมาณ | เผ็ดร้อนอ่อนหวานระคนกัน | ||
จนจิตด้วยผิดเป็นล้นเหลือ | จะนอนให้เจ้าเถือจนเนื้อสั่น | ||
งามชื่นจะขืนมารำพัน | คุ้มโทษทัณฑ์อยู่ไม่รู้แล้ว | ||
ว่าพลางตะโบมโลมลูบ | จับจูบพุ่มพวงดวงแก้ว | ||
พี่จะให้ประเสริฐเพริศแพร้ว | น้องแก้วแววตาอย่าเกียจกล | ||
กรกอดสอดอุ้มขึ้นแท่นที่ | ฤดีเตือนเต้นไม่เห็นหน | ||
สมสนิทจิตปองทั้งสองคน | ที่ทุกข์ทนโพยภัยก็หายกัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โลม | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาดังได้ไอศวรรย์ | ||
คุณยาอาคมระดมกัน | รุ่งแจ้งแสงฉันทันใด | ||
สระสรงสำเร็จเสร็จแล้ว | นางแก้วหยิบหมากที่ยายให้ | ||
ถวายแก่พระองค์ทรงชัย | ภูวไนยเสวยชมเชยนาง | ||
พระองค์งงงวยด้วยมารยา | จันทาแนบชิดสนิทข้าง | ||
ร่ายมนต์ยายเฒ่าเป่าพลาง | ได้ทางทูลแอบด้วยแยบคาย | ||
ทุกวันนางจันท์เทวี | บัดนี้ลือหลากมามากหลาย | ||
อยู่ป่าผาสุกสนุกสบาย | ฉวยได้ลูกชายที่ไหนมา | ||
พันผูกว่าลูกของภูธร | ราษฎรนับถือระบือว่า | ||
ให้อับอายขายบาทบาทา | หอยที่ชั่วช้าว่าเป็นคน | ||
แม้นมิสังหารผลาญเสีย | นานไปเมียเห็นไม่เป็นผล | ||
มันเสี้ยนพาราจลาจล | นานไปใหญ่ตนจะปล้นเมือง | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ ฟังสาร | ภูบาลผ่านกรุงฟุ้งเฟื่อง | ||
เศร้าหมองต้องคุณจึงขุ่นเคือง | ฟังเรื่องเห็นจริงทุกสิ่งไป | ||
หอยหรือจะรื้อมาเป็นคน | เล่ห์กลมันแกล้งแต่งใส่ | ||
พี่รู้เพราะเจ้าจึงเข้าใจ | เสียแรงรักใคร่อาลัยมัน | ||
ชะรอยได้ลูกชู้สู่หา | ไม่กลัวชีวาจะอาสัญ | ||
เอาแต่ลูกยามาฆ่าฟัน | แต่แม่มันงดไว้ให้ได้ความ | ||
เจ้าจงเป็นเอกมเหสี | แต่นี้สืบไปพี่ไม่ห้าม | ||
ให้แก่โฉมยงนงราม | ว่ากล่าวเอาตามอำเภอใจ | ||
จูบพลางทงลุกไคลคลา | พักตรามัวคล้ำดำไหม้ | ||
ออกนั่งยังท้องพระโรงชัย | พรั่งพร้อมล้อมไปด้วยเสนี | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ จึงมีโอกาสประภาษสั่ง | แก่ตำรวจวังทั้งสี่ | ||
จงเร่งไปป่าพนาลี | ที่จันท์เทวีมันอยู่กิน | ||
จับเอาลูกยาไปฆ่าฟัน | ใครอย่าเกียดกันผันผิน | ||
ว่าเป็นลูกกูดูหมิ่น | ผิดเภทแผ่นดินแต่ก่อนมา | ||
หอยกลายเป็นคนฉงนใจ | ที่ไหนมีบ้างมันช่างว่า | ||
แม้นมิย่อยยับอย่ากลับมา | ตามแต่จะฆ่าให้วายปราณ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนาได้ฟังรับสั่งสาร | ||
ลูบอกตกใจลนลาน | บังคมก้มกรานคลานออกมา | ||
ไม่เห็นว่าจะเป็นประการใด | ตกใจชวนชักพยักหน้า | ||
พาบ่าวเข้าในพนาวา | เสาะหามาบ้านนางเทวี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาถึงซึ่งบ้านตายาย | วางรายคนไว้มิให้หนี | ||
ซ่อนเร้นแลเห็นนางเทวี | เสนีรู้จักไม่ทักทาย | ||
ซูบผอมผ้าผ่อนก็ปะปุ | ขาดทะลุปรุโปร่งน่าใจหาย | ||
ชะแง้แลเห็นพระลูกชาย | ก็มาดหมายสำคัญสัญญา | ||
เพ่งพิศพินิจดูรูปทรง | เหมือนองค์ทรงศักดิ์หนักหนา | ||
ลูกท่านมั่นคงไม่สงกา | เราจะออกปากว่าก็จนใจ | ||
หยอกเย้าเคล้าอยู่กับมารดา | วิงวอนเจรจาปราศัย | ||
น่ารักปากคอเป็นพ้นไป | จะคิดอย่างไรไฉนดี | ||
สงสารมารดาจะเกลือกกลิ้ง | เรานิ่งให้ไปเสียไพรศรี | ||
คิดพร้อมยอมกันทันที | เสนีลัดแลงแผงกาย | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | มเหสีมีกรรมระส่ำระสาย | ||
หาสู่ลูกเต้าทุกเพรางาย | เมื่อวันอันตรายมาถึงตัว | ||
จูบสั่งลูกแก้วแววไว | อยู่ดูกาไก่พ่อทูนหัว | ||
เสือแผ้วแมวคราวจะเอาตัว | นอกรั้วกลัวมันอย่าออกไป | ||
ปั้นวัวควายเล่นแต่ในร่ม | ถูกต้องแดดลมจะล้มไข้ | ||
ลูกเอ๋ยมีกรรมก็จำไป | เงินเฟื้องเบี้ยไพก็ไม่มี | ||
ว่าพลางทางจับสาแหรกคาน | จากบ้านเข้าสู่ไพรศรี | ||
พุพองสองเท้าไม่มีดี | มเหสีเกียกกายชังตายไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มีอัชฌาสัย | ||
เห็นนางกัลยาเจ้าคลาไคล | ทำเดินเข้าไปแต่ผู้เดียว | ||
ยืนมองร้องเรียกกุมารา | ออกมาหาน้าสักประเดี๋ยว | ||
เจ้านั่งเล่นอยู่แต่ผู้เดียว | ปั้นวัวควายเปลี่ยวไม่แงะงาม | ||
น้าเอามาฝากเป็นหนักหนา | ตุ๊กตาม้าไก่อยู่ในย่าม | ||
แต่ล้วนดีดีงามงาม | ในย่ามดีกว่าของเจ้าทำ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ได้ฟัง | พระสังข์หลงกลคนขำ | ||
ดีใจไว้เนื้อเชื่อคำ | ผลกรรมจะจากพระมารดา | ||
สำคัญว่าจริงไม่กริ่งใจ | หน่อไทไม่รู้ว่าหลอกหลอน | ||
เสนีพยักหน้ากวักกร | บังอรมิได้กลัวเกรง | ||
จริงจริงหรือขาน้าจะให้ | รูปร่างอย่างไรว่าเหมาะเหม็ง | ||
ลุกวิ่งทิ้งของของเอ็ง | เหมาะเหม็งอย่างไรจะใคร่แล | ||
อยู่ไหนจะให้ก็ใส่มือ | น้ารู้จักหรือกับพระแม่ | ||
ต่อเย็นจึงมาหาแก | นี่มาแต่ตำบลหนใด | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เสนาเห็นงงงวยก็ฉวยมือ | วิ่งฮิ่อกันมาหาช้าไป | ||
พระสังข์ตระหนกตกใจ | ร้องไห้เรียกหาตายาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ ตาร้องด่าพลันมิทันรู้ | ใครทำหลานกูไอ้ฉิบหาย | ||
วิ่งพันกันมาทั้งตายาย | เห็นเขาวุ่นวายก็ตกใจ | ||
ระรัวตัวสั่นดังตีปลา | กลับวิ่งหนีมาหาช้าไม่ | ||
ปากตัวกูชั่งเป็นพ้นไป | ด่าให้หากเขามิได้ยิน | ||
เสนาท่านมาแต่ในเมือง | ราวเรื่องเขารู้อยู่สิ้น | ||
เรามาเลี้ยงดูให้อยู่กิน | สืบสาวเอาสิ้นจะถึงใคร | ||
เข้าในใต้ร้านฟักทอง | ตาลอดลอดมองแล้วร้องไห้ | ||
สงสารหลานน้อยกลอยใจ | ค่อยค่อยร่ำไรมิให้ดัง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์กุมารน้อยหอยสังข์ | ||
จะร้องไห้เท่าไรเขาไม่ฟัง | อีกทั้งตายายก็หายไป | ||
แม่เจ้าประคุณของลูกยา | เมื่อไรจะมาแต่ป่าใหญ่ | ||
พวกเผ่าเหล่าโลนโจรไพร | จับลูกทำไมไม่รู้เลย | ||
ข้ามีแต่ผักฟักแฟง | เอาไปแกงกินบ้างเถิดน้าเอ๋ย | ||
เงินทองของดีไม่มีเลย | ลุงตาน้าเอ๋ยได้เอ็นดู | ||
แม่ข้ายากจนเป็นพ้นนัก | มีแต่ฟืนผักอักโขอยู่ | ||
พลัดบ้านเมืองมาน้าก็รู้ | เอ็นดูบาปกรรมอย่าทำเรา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เสนีเดินหน้าน้ำตาไหล | สุดใจปากคอแล้วพ่อเจ้า | ||
น้าใช่พวกไพรใจเบา | ข้าเฝ้าเจ้านายท่านใช้มา | ||
ให้พาตัวเจ้าเข้าไป | พ่ออย่าร้องไห้ฟังน้าว่า | ||
ปลอบพลางทางอุ้มกุมารา | ขึ้นใส่บนบ่าแล้วพาไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นมาถึงวัดท้ายเมือง | ลือเลื่องบกเรือเหนือใต้ | ||
หยุดพักสำนักที่ต้นไทร | เอาใจปลอบโยนกุมารา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายฝูงหญิงชายประชาชน | เกลื่อนกล่นพรั่งพรูมาดูหน้า | ||
งุบงิบซุบซิบกันเจรจา | ว่าเหมือนผ่านฟ้าเป็นพ้นไป | ||
กำเนิดเกิดเป็นเช่นี้ | มิควรที่พระองค์จะสงสัย | ||
แต่เรารู้แจ้งไม่แคลงใจ | ดูไหนไม่ผิดพระบิดา | ||
สงสารเวทนาน่ารัก | ยังเด็กเล็กนักหนักหนา | ||
บ้างให้กล้วยอ้อยน้อยหน่า | ข้าวปลาขนมนมเนย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฝ่ายพระกุมารชาญชัย | รับของมาไว้ไม่เสวย | ||
น้ำตาหลั่งไหลไม่เสบย | น้าเอ๋ยข้าคิดถึงมารดร | ||
ขนมท่านให้ยังไม่กิน | กลับบ้านถิ่นของข้าก่อน | ||
จะได้แบ่งปันให้มารดร | อ้อนวอนเสนาให้พาไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เสเอยเสนา | ฟังถ้อยคำว่าน้ำตาไหล | ||
ปลอบว่าพ่ออย่าร่ำไร | เย็นหน่อยค่อยไปพนาวา | ||
หาองค์สมเด็จพระมารดร | หลับนอนเสียงบ้างฟังข้าว่า | ||
หาไม่ก็ไม่ไคลคลา | ถ้าแม้นนิทราจะพาไป | ||
ว่าพลางทางปูผ้าผ่อน | ขับต้อนคนผู้ไม่อยู่ใกล้ | ||
ล่อลวงหลอกหลอนให้นอนไป | หมายใจเสนาจะฆ่าตี | ||
อาเพศด้วยเดชกุมารา | เทวารักษาพระไทรศรี | ||
ออกช่วยป้องกันทันที | เมื่อเสนีมันทุบด้วยท่อนจันทน์ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ พระสังข์ตกใจตื่นฟื้นผวา | กึกก้องร้องจ้าไม่อาสัญ | ||
น้าทำไมนี่มาตีรัน | ขึ้งโกรธโทษทัณฑ์ด้วยอันใด | ||
แม่เจ้าประคุณของลูกยา | จะติดตามลูกมาก็หาไม่ | ||
ลูกรักจักม้วยบรรลัย | โจรไพรไปลวงมาฆ่าตี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาน้ำตาไหลรี่ | ||
เหตุไรไม่ม้วยชีวี | เสนีกลัวราชอาชญา | ||
บอกว่าตัวน้าไม่ชิงชัง | รับสั่งให้ลงโทษา | ||
เป็นผลกรรมพ่อทำมา | อย่าเป็นเวรากับข้าไป | ||
ว่าพลางทางถอดหอกดาบเมียง | เดินเคียงเข้ามาหาช้าไม่ | ||
พระสังข์ตระหนกตกใจ | ร้องไห้เกลือกกลิ้งวิงวอน | ||
เสนาขืนทำด้วยจำเป็น | หอกหักกระเด็นเป็นสองท่อง | ||
ดาบบิ่นสิ้นคมระทมบอน | มิได้ม้วยมรณ์เร่งสงกา | ||
เหตุไรมาเป็นเช่นนี้ | เสนีตริตรึกแล้วปรึกษา | ||
ของดีจะมีในกายา | ฟันฆ่าอย่างไรจึงไม่ตาย | ||
เห็นวิปริตผิดประหลาด | รับสั่งให้พิฆาตมาดหมาย | ||
ตามแต่จะฆ่าให้วอดวาย | มิตายไม่พ้นพระอาญา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เสนีคิดพร้อมยอมกัน | เบิกช้างน้ำมันตัวกล้า | ||
แก้ปลอกกรอกเหล้าแล้วเอามา | มิช้าก็ไสให้ทิ่มแทง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ช้างร้องระรัวตัวสั่น | งาดันปักดินดิ้นแหยง | ||
ควาญไสเท่าไรก็ไม่แทง | ยิ่งคิดยิ่งแหนงแคลงใจ | ||
วิปริตผิดกาลกิณี | ของดีจะมีก็หาไม่ | ||
บุญญาธิการชาญชัย | จึงทำอย่างไรไม่ม้วยมรณ์ | ||
จำเราจะเข้าไปทูลแถลง | ให้แจ้งแห่งน้ำพระทัยก่อน | ||
เอาช้างส่งยังโรงกุญชร | ผันผ่อนเฝ้าองค์พระทรงชัย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาถึงจึงเห็นพระผ่านฟ้า | กับนางจันทาพิสมัย | ||
ออกนั่งยังหน้าบัญชรชัย | เข้าไปบังคมคัลทันที | ||
จึงทูลสมเด็จภูวนาถ | ขอพระบาทจงโปรดเกศี | ||
ซึ่งใช้ให้ไปป่าพนาลี | บัดนี้ก็จับได้ตัวมา | ||
ทำตามรับสั่งให้สังหาร | กุมารชาญชัยไม่สังขาร์ | ||
หลากจิตผิดคนทั้งโลกา | สาตราอาวุธก็หักไป | ||
จึงเอาช้างร้ายเข้าให้แทง | งาปักดินแหยงไม่แทงได้ | ||
บัดนี้ชุมนุมคุมตัวไว้ | ภูวไนยจงทราบบาทบงสุ์ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฟังเอยฟังเหตุ | บิตุเรศรำพึงตะลึงหลง | ||
หลากจิตผิดใจให้งวยงง | เร่งคิดพิศวงสงกา | ||
อัศจรรย์ต้องกันกับหอยปู | ลูกกูจริงจังกระมังหนา | ||
วิปริตผิดคนในโลกา | เป็นมาแต่ต้นจนปลาย | ||
เสนาเอ็งว่าให้มั่นคง | เราสงสัยอยู่ไม่รู้หาย | ||
เมื่อพบประสบลูกชาย | มีใครใกล้กรายกุมารา | ||
รินเรียงเคียงบ้านมารดร | หลับนอนกินอยู่สู่หา | ||
รูปทรงส่งศรีกิริยา | กุมาราประมาณสักปานใคร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาทูลแจ้งแถลงไข | ||
เมื่อพบโฉมงามทรามวัย | ที่ในบ้านไร่ไพรวัน | ||
มีเรือนตาเฒ่ายายแก่ | แคร่ริมชายคาฝากั้น | ||
กระท่อมของเจ้าสักเท่านั้น | เห็นแต่จอมขวัญกับลูกยา | ||
ไม่มีผู้ใดมาใกล้กราย | อยู่จนโฉมฉายออกไปป่า | ||
จึงเข้าจับกุมกุมารา | ร้องอ้อนวอนว่าน่าปรานี | ||
เรียกหาตาเฒ่าเจ้าเรือน | ต่างคนต่างเชือนเอาตัวหนี | ||
เด็กนักสักห้าหกปี | เหมือนพระภูมีดังพิมพ์เดียว | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฟังทูล | พระอาดูรในจิตคิดเฉลียว | ||
แน่แล้วลูกแก้วพ่อคนเดียว | จึงเหลียวถามพลันกับจันทา | ||
น้องรักเจ้าจะเห็นเป็นไฉน | พี่จะให้ไปรับโอรสา | ||
กับนางนงเยาว์เจ้าเข้ามา | สิ้นเคราะห์พาราที่กาลี | ||
โหราดูว่าเป็นมนุษย์ | จะสูงสุดเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี | ||
ลูกข้าบุญญาบารมี | ล้างผลาญชีวีจึงไม่ตาย | ||
แล้วตรัสสั่งเสนาพฤฒามาตย์ | เอ็งเร่งประกาศบาตรหมาย | ||
รับนางกัลยาที่ตายาย | กับลูกชายของเราให้เข้ามา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาทูลทัดขัดว่า | ||
เป่ามนต์จนสิ้นตำรา | ร้องห้ามเสนาอย่าเพ่อไป | ||
พระองค์หลงรับมันมาเถิด | จะก่อเกิดความเข็ญหาเห็นไม่ | ||
แต่เป็นหอยสังข์ยังจัญไร | กลับเป็นคนไปอย่าชื่นชม | ||
มิใช่มนุษย์แต่ผลุดมา | ว่ามีบุญญาไม่เห็นสม | ||
มันจะให้บ้านเมืองเคืองระทม | ด้วยผิดบูรมบูราณไป | ||
ฆ่าฟันมันจึงไม่ปลดปลง | จะมาล้างพระองค์ให้จงได้ | ||
แม้นทอดทิ้งลงคงคาลัย | มีบุญจริงไซร้คงไม่ตาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังความ | ครั่นคร้ามขามจิตคิดหมาย | ||
จริงแล้วเมียแก้วเจ้าทักทาย | เสนาทั้งหลายอย่าไปเลย | ||
มันคือตัวการมาผลาญกู | จริงอยู่เขาว่าเสนาเอ๋ย | ||
เราหลงไหลไปกระไรเลย | หากนางทรามเชยเจ้าตักเตือน | ||
เนื้อเย็นควรเป็นมเหสี | ปัญญาพาทีไม่มีเหมือน | ||
เสนาดูแลอย่าแชเชือน | ตักเตือนจองจำให้มั่นคง | ||
พรุ่งนี้แกกูจะดูไป | บุญมันฉันใดไม่ผุยผง | ||
ว่าพลางทางชวนนางโฉมยง | สององค์คืนเข้าปราสาทชัย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์มารดาอยู่ป่าใหญ่ | ||
เขม่นเนตรเหตุมีไม่แจ้งใจ | เก็บได้ผักฟืนก็คืนมา | ||
หาบเดินดำเนินมาตามทาง | นกกาลางบินลัดสกัดหน้า | ||
เศียรพองสยองโลมา | ตรึกตราหวาดหวั่นพรั่นใจ | ||
หาวนอนอ่านเศียรให้เวียนวัง | ยืนนิ่งพิงหลับกับไม้ใหญ่ | ||
ฝันว่าขุนมารชาญชัย | ตัดเอาเกล้าไปไม่ปรานี | ||
หาบหกตกผลุกสะดุ้งตื่น | นางฝืนองค์สั่นขวัญหนี | ||
จิตผูกลูกแก้วแล้วโศกี | จับหาบตะลีตะลานมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ถึงเรือนเรียกลูกด้วยผูกพัน | ยังมิทันปลงหาบลงจากบ่า | ||
เจ้าไปไหนไม่ขานพระมารดา | ส้มสูกลูกหว้าพ่อมาเอา | ||
ทิ้งหาบวาบใจเข้าในทับ | งามสรรพเปิดห้องมองเปล่า | ||
ดังใครมาแขวะแคะเอา | ล้วงดวงใจเจ้าไปจากองค์ | ||
ทูนหัวของแม่หายไปไหน | หลากใจให้คิดพิศวง | ||
ปั้นวัวควายเล่นอยู่เป็นวง | หรือพ่อลงเรือนไปแห่งไร่นา | ||
ขวายขวนชลนัยน์เจ้าฟูมฟอง | แลเหลียวเที่ยวมองร้องหา | ||
เต้เคร่งเต่งทรวงของมารดา | กินนมแม่ราพ่อยาใจ | ||
ใต้ต้นสะดือลมอื้อเย็น | ลูกเอ๋ยเคยเล่นหาเห็นไม่ | ||
ผีเสื้อเสือสางที่กลางไพร | เอาลูกข้าไปหรือไรนา | ||
วู่วามมาถามตายาย | หลานชายไปไหนไม่เห็นหน้า | ||
หาจบไม่พบพระลูกยา | อยู่ที่ยายตาหรือว่าไร | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | สองเฒ่าเล่าพลางร้องไห้ | ||
แม่อย่าค้นคว้าหาไป | สุดใจยายตาจะป้องกัน | ||
เสนาท่านมาแต่ในกรุง | แย่งยุ่งอลหม่านพระหลานขวัญ | ||
ใส่บ่าพาไปแต่กลางวัน | ไม่รู้ว่าโทษทัณฑ์ประการใด | ||
เห็นทีจะมีรับสั่ง | เมียผัวกลัวดังจะตักษัย | ||
มุดนอนซ่อนดูอยู่แต่ไกล | ดังจะขาดใจม้วยด้วยหลานยา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ได้ยิน | ล้มผางกลางดินไม่เงยหน้า | ||
สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา | กัลยากลิ้งเกลือกเสือกองค์ | ||
แน่ไปไม่ได้สมประดี | เกศีติดต้องละอองผง | ||
ตายายนวดฟื้นคืนคง | โฉมยงจับมีดกรีดคอ | ||
ตาฉวยยายชิงทิ้งขว้าง | นางง้างเถาวัลย์จะพันศอ | ||
สองเฒ่าเข้าปล้ำน้ำตาคลอ | แก้จากคอนางพลางร่ำไร | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
</sup>โอ้<\sup> | |||
๏ นางทุ่มทอดกายสยายเกศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล | ||
พ่อคุณทูนหัวแม่หนักใจ | อัศจรรย์หวั่นไหวแต่ในดง | ||
แม่รีบมาไม่เห็นหน้าเจ้า | ดังใครตัดเกล้าให้ผุยผง | ||
ลูกแก้วไม่แคล้วจะปลดปลง | มั่นคงทั้งนี้อีจันทา | ||
แม่ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย | จะตายตามไปด้วยพระลูกข้า | ||
ครวญคร๋ำทางร่ำพรรณนา | โศกาแน่นิ่งไม่ติงกาย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์กัลยาโฉมฉาย | ||
คิดพลางทางผลุนวุ่นวาย | ตายายห้ามไว้ก็ไม่ฟัง | ||
ค่ำมืดดึกดื่นก็ตามที | ตายเป็นเห็นผีพ่อหอยสังข์ | ||
วิ่งหนีตายายเข้าในวัง | คลุ้มคลั่งพระทัยร้องไห้มา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ สิบห้าวันกันดารฝูงคน | เทพย่นหนทางที่กลางป่า | ||
คืนหนึ่งมาถึงพระพารา | แฝงฟังกิจจาพระลูกชาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฤาสาย | ||
ไสยาสน์เหนืออาสน์พรรณราย | ไม่วายคำนึงถึงลูกยา | ||
หรือจะเป็นหน่อเนื้อเชื้อไข | จึงล้างผลาญอย่างไรไม่สังขาร์ | ||
วิปริตผิดคนในโลกา | บุญญาธิการชาญชัย | ||
จำกูจะดูกุมารา | รูปร่างหน้าตาเป็นไฉน | ||
พระมิได้บรรทมภิรมย์ใน | จนรุ่งแจ้งแสงใสพรายพรรณ | ||
เข้าที่ชำระสระสรง | สำอางค์องค์ทรงเครื่องแล้วผายผัน | ||
เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล | จันทรเฉิดฉันก็ตามไป | ||
จึงดำรัสตรัสแก่เสนี | เรานี้ยังพะวงสงสัย | ||
กุมารารูปร่างนั้นอย่างไร | เสรีเร่งไปเอาตัวมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายว่ามหาเสนี | รับสั่งวางรี่ออกไปหา | ||
เบิกพระกุมารพลันมิทันช้า | แล้วพามาเฝ้าองค์พระทรงชัย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลเป็นใหญ่ | ||
ผาดเห็นลูกยาเข้ามาใน | ท้าวไทพิศเพ่งเล็งแล | ||
ทรวดทรงส่งศรีนรลักษณ์ | พิศพักตร์ผ่องช่วงดังดวงแข | ||
แก้มเนตรเกศกรรณผันแปร | ดูละม้ายคล้ายแม่ที่ขับไป | ||
ทั้งจริตกิริยามารยาท | เชื้อชาติผู้ดีไม่มีไพร่ | ||
พระจึงดำรัสตรัสไป | เราไซร้ขอถามกุมารา | ||
เดิมเหตุเภทพาลประการใด | เป็นไฉนจึงได้ไปอยู่ป่า | ||
พ่อแม่ชื่อไรไฉนนา | ชันษาเจ้าได้สักกี่ปี | ||
เราเห็นใช่ทรพลเป็นพ้นนัก | เห็นสมศักดิ์พักตราเป็นราศี | ||
บอกพ่อเถิดราอย่าโศกี | เจ้านี้มีนามกรใด | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ไหว้พลางทางร้องไห้ | ||
แม่ข้าอยู่ป่าพนาลัย | เก็บผักหักไม้ด้วยยากจน | ||
แม่ข้าว่าพ่อเสวยวัง | เกิดมาข้ายังไม่เห็นหน | ||
แม่ข้าคลอดมาประหลาดคน | หอยสังข์บังตนข้าออกมา | ||
คนยุบิดาให้ขับไล่ | แม่ข้าพาไปอยู่ในป่า | ||
อยู่หลังข้าออกจากสังข์มา | มารดาตีแตกให้แหลกไป | ||
แม่ข้าชื่อจันท์เทวี | ข้านี้ชื่อสังข์ตามวิสัย | ||
ด้วยความยากจนเป็นพ้นใจ | ข้านี้เขาไปจับเข้ามา | ||
ลุงหรือเขาลือว่าเป็นเจ้า | ใช้เขาไปจับเอาตัวข้า | ||
กริ้วโกรธโทษภัยไฉนนา | จำจองขื่อคาดังข้าไท | ||
ลุงโปรดปล่อยข้าไปหาแม่ | ป่านนี้ตั้งแต่จะร้องไห้ | ||
ใครจะช่วยหาหม้อก่อไฟ | เฝ้าทับขับไล่ไก่กา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ ได้ฟัง | ชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา | ||
แน่แล้วลูกแก้วของพ่ออา | ให้ถอดลูกยาออกทันใด | ||
รับมาใส่ตักแล้วชมเชย | ลูกเอ๋ยมาเป็นเช่นนี้ได้ | ||
สงสารมารดามาแต่ไพร | ไม่เห็นจะไห้โศกี | ||
จูบพักตร์ลูบพลางทางรับขวัญ | ทรงธรรม์ไม่วายกันแสงศรี | ||
ลืมคำจันทาพาที | ภูมีพิศวาสเพียงขาดใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวเข็ญเป็นใหญ่ | ||
เดือดฟุ้งพลุ่งพล่านทะยานใจ | เข้าใกล้แฝงหลังบังองค์ | ||
ว่ายมนต์เป่าพลางทางทูลมา | อนิจจาผ่านฟ้านี้คนหลง | ||
เหตุไรจึงให้งวยงง | หลงเชื่อฟังมันฉันใด | ||
เพลิงกาฬจะมาผลาญพระบุรี | เพราะลูกคนนี้หรือมิใช่ | ||
แม้นมิถ่วงลงคงคาลัย | ภูวไนยจะม้วยมรณา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเมียแก้ว | จริงแล้วลืมเสียที่เจ้าว่า | ||
เสื่อมสร่างวางองค์พระลูกยา | เหวยเหวยเสนาเอาตัวไป | ||
ผูกมัดรัดถ่วงให้มรณา | จะงดใว้ช้านานไม่ได้ | ||
เพลิงกาฬจะมาผลาญเอาเวียงชัย | เร่งไปบัดนี้อย่าได้ช้า | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา | ||
เคืองแค้นแสนสันนางจันทา | กระซิบด่าในใจใม่เว้นคน | ||
พระทรงฤทธิ์ผิดกว่าแต่ก่อน | กลับกลอกยอกย้อนไม่เป็นผล | ||
กลัวพระกาฬจะมาผลาญอยู่ลานลน | ต่างคนต่างพาเอาตัวไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายว่าสังข์ทองเจ้าร้องจ้า | น้าขาจะพาข้าไปไหน | ||
ทุบตีฆ่าฟันหรือฉันใด | ข้าไหว้อย่าพาข้าไปเลย | ||
ลุงเจ้าขาจงมาช่วยฉันด้วย | ลูกจะม้วยจริงแล้วพ่อคุณเอ๋ย | ||
แม่ข้าไม่มาตามลูกเลย | ลุงตาน้าเอ๋ยไม่เห็นใคร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายว่าองค์พระบิตุเรศ | สังเวชไม่กลั้นกันแสงได้ | ||
ตรัสสั่งมหาเสนาใน | อย่าพาไปเลยเจ้าเอากลับมา | ||
จันทาทูลพลันทันที | ตรัสเล่นเช่นนี้ดีหนักหนา | ||
แม้นมิถ่วงมันให้มรณา | ข้าจะกินยาตายไม่อยู่เลย | ||
พระดำรัสตรัสสั่งเสนี | เอาไปเถิดสิเสนาเอ๋ย | ||
เอาไว้กูไม่สบายเลย | กรรมเอ๋ยเวรใดได้ทำมา | ||
ล้างผลาญอย่างไรก็ไม่ม้วย | กูจะไปดูด้วยเมื่อเข่นฆ่า | ||
สั่งพลางชวนนางจันทา | เสนานำไปที่หน้าแพ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เสนาจูงมาผูกมัด | ฝูงคนแออัดอยู่เซ็งแซ่ | ||
แล้วใส่นาวาไปหน้าแพ | ด้วยกระแสรับสั่งพระภูวไนย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โล้ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์ชนนีศรีใส | ||
ได้ข่าวลูกแก้วแววไว | ดังจะขาดใจตายด้วยลูกยา | ||
สองกรข้อนทรวงเข้าผางผาง | ดังนางจะม้วยสังขาร์ | ||
ผุดลุกหันหุนหมุนมา | ตรงไปยังท่าชลาลัย | ||
บาทาแตกคุพุพอง | หนามต้องตามติดหาปลิดไม่ | ||
ล้มลุกคลุกคลานทะยานไป | กลัวจะไม่เห็นองค์พระลูกยา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาถึงเห็นองค์พระลูกแก้ว | ทอดองค์ลงแล้วก็โหยหา | ||
เสือกสนบนฝั่งชลธาร์ | ไม่รู้ว่าจะทำประการใด | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายองค์พระสังข์กุมารน้อย | ตั้งแต่ละห้อยโหยไห้ | ||
แลเห็นมารดามาแต่ไกล | ดีใจร้องเรียกพระมารดา | ||
แม่คุณจงช่วยลูกด้วยที | เขาผูกมัดรัดตีแล้วทุบด่า | ||
แล้วมิหนำซ้ำมัดรัดกรมา | มารดานิ่งได้ไม่ปรานี | ||
เขาจะโยนลูกลงในคงคา | ไม่ช้าจะม้วยไปเป็นผี | ||
แม่วานเขาส่งลงมาที | ชนนีนิ่งได้ไม่เอ็นดู | ||
ลูกอยากขนมนมแม่ | น้าแก้ปล่อยให้ไปสักครู่ | ||
เสนาน้ำตาลงไหลพรู | ที่พาลข่มขู่ด้วยกลัวภัย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฟังลูกว่า | มารดาข้อนทรวงเข้าร้องไห้ | ||
มิได้คิดชีวิตจะขาดใจ | จะโจนน้ำลงไปมิได้นาน | ||
คนดูที่รู้จักองค์ | ยุดห้ามโฉมยงด้วยสงสาร | ||
นางเสือกเกลือกกลิ้งกับดินดาน | เยาวมาลย์ข้อนทรวงเข้าโศกี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ แล้วแลเห็นองค์ผัวขวัญ | ยอกรอภิวันท์เหนือเกศี | ||
ลูกข้ากระจิริดผิดไม่มี | ขอประทานชีวีพระลูกชาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฤาสาย | ||
พะว้าพะวงไม่ตั้งกาย | แว่วเสียงโฉมฉายเจ้าเรียกมา | ||
ชะแง้แลเห็นมเหสี | เทวีบังคมเหนือเกศา | ||
จำได้มั่นคงไม่สงกา | พระราชาพยักกวักกร | ||
เร่งเรียกสำเหนียกแก่เสนา | ให้ถอยนาวาเข้ามาก่อน | ||
เสนากลับท้ายพายคอน | จันทาโบกกรไปทันที | ||
ไม่กลัวหัวจะขาดหรือไฉน | โยนมันลงไปให้เป็นผี | ||
ไว้ใยให้นานจนป่านนี้ | อ้ายนี่ขัดรับสั่งหรือฉันใด | ||
เสนาตกใจอยู่ลนลาน | อุ้มพระกุมารมาหาช้าไม่ | ||
ผูกหินโยนพลันทันใด | สองกษัตริย์สลบไปทั้งสองรา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | จันทาดีใจเป็นหนักหนา | ||
เห็นพระสลบซบพักตรา | ต้องดูรู้ว่าไม่บรรลัย | ||
เอาน้ำสุคนธามาลูบพักตร์ | ผัวรักค่อยฟื้นคืนมาได้ | ||
ร่ายมนต์เป่าพลางทางทูลไป | จะโศกาอาลัยไปไยมี | ||
เชื่อว่าบุญหนักศักดิ์ใหญ่ | พอโยนลงไปก็เป็นผี | ||
มันเสี้ยนทรชนคนไพรี | แม้นดีลูกชายจะตายไย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระภูวดลยังหม่นไหม้ | ||
แสนสงสารบุตรนั้นสุดใจ | น้ำพระเนตรหลั่งไหลลงนองแนว | ||
ขุ่นข้องต้องมนต์ของจันทา | เสื่อมสร่างวิญญาณ์ถึงน้องแก้ว | ||
เจ้าว่าถูกทุกสิ่งจริงแล้ว | คลาดแคล้วคืนหลังเข้าวังใน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | ฝูงคนถ้วนหน้าน้ำตาไหล | ||
แลเห็นโฉมงามทรามวัย | เกลือกกลิ้งนิ่งไปไม่ไหวองค์ | ||
จึงวักตักเอาชลธี | ประพรมโฉมศรีไม่ผุยผง | ||
ครั้นเจ้าค่อยฟื้นคืนคง | ปลอบโยนโฉมยงให้ไคลคลา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมศรีมีจิตคิดโหยหา | ||
ชะแง้แลดูพระลูกยา | นางข้อนอุราเข้าร่ำไร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอ้ร่าย | |||
๏ พ่อคุณทูลกระหม่อมของแม่เอ๋ย | ทรามเชยทิ้งแม่ให้โหยไห้ | ||
เช้าเย็นแม่จะเห็นหน้าใคร | ดังกาเหยี่ยวเฉี่ยวไปก็เหมือนกัน | ||
ลูกเอ๋ยเคยรับพระมารดา | เมื่อมาแต่ป่าพนาสัณฑ์ | ||
พูดพลอดกอดแม่ไม่วายวัน | กินนมชมกันทุกเวลา | ||
ตัวกรรมันตามมาล้างผลาญ | พลัดบ้านเมืองแล้วยังมิสา | ||
ยังมิหน้ำซ้ำพรากจากลูกยา | อนิจจามีกรรมต้องจำไกล | ||
รำพันพลางนางลาคนทั้งปวง | เจ้าเหงาง่วงเดินมาน้ำตาไหล | ||
เปล่าจิตผิดทางชังตายไป | ดั้นด้นพงไพรร้องไห้มา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์โอดโอยโหยหา | ||
จมลงตรงปล่องนาคา | ฟุมฟายน้ำตาจาบัลย์ | ||
แม่เจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้ว | จะกลิ้งเกลือกอยู่แล้วเป็นแม่นมั่น | ||
เพราะแม่ต่อยหอยสังข์ไม่ยั้งทัน | จึงพลัดพรากจากกันกับลูกยา | ||
ที่นี้จะได้ผู้ใดเล่า | อยู่ด้วยช่วยผ่านเกล้าเฝ้าเคหา | ||
อยู่ทับขับไล่ไก่กา | แม่มาเย็นเย็นจะเห็นใคร | ||
ว่าพลางทางซบเกศเกล้า | คิดถึงแม่เจ้าแล้วร้องไห้ | ||
สลบซบซอนอ่อนใจ | อยู่ในใต้น้ำไม่ทำลาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
ตอนที่ ๓ นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวภุชงค์องค์สหาย | ||
กับดักกระตักโหรคนทาย | ล้ำเลิศเพริศพรายในบาดาล | ||
ปรากฎพระยศศักดิ์ศรี | บรรดานาคีไม่ต่อต้าน | ||
ศาลารักษาศีลทาน | อยู่ใต้บาดาลพิมานชัย | ||
เทพเจ้าเข้าในใจดล | ท่านท้าวกำพลหม่นไหม้ | ||
ด้วยพระสังข์ทองยองใย | ลำบากยากใจในคงคา | ||
จะใคร่ไปตามวิสัยนาค | ออกจาเปลวปล่องช่องผา | ||
ระวังตัวด้วยกลัวครุฑา | ทอดตาเหลียวดูมาแต่ไกล | ||
ฯ ๘ คำ ฯ กลม | |||
๏ เที่ยวเล่นมาเห็นกุมาร | นอนจมดินดานธารไหล | ||
เห็นศิลาผูกมาก็แจ้งใจ | ลูกใครทิ้งถ่วงลงคงคา | ||
โฉมศรีบริสุทธิ์มนุษย์น้อย | กระจ้อยร่อยน่ารักหนักหนา | ||
ภุชงค์สงสารกุมารา | เข้าต้องดูรู้ว่าไม่บรรลัย | ||
จับกรช้อนองค์เห็นกงจักร | น้อยหรือบุญหนักศักดิ์ใหญ่ | ||
จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด | ใครช่างทำได้ไม่ปรานี | ||
จะเอาเจ้าไปไว้เป็นลูกยา | เห็นว่าบุญหนักศักดิ์ศรี | ||
แล้วแก้ศิลาพลันทันที | นาคีอุ้มพาไปบาดาล | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงวางบนแท่นแก้ว | ผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
บอกเมียรักพลันมิทันนาน | บริวารแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง | ||
พี่ไปได้มาแต่วารี | จมในชลธีไม่มีเสียง | ||
ช่วยแก้ไขให้คืนจะได้เลี้ยง | กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เอาบุญ | ||
ว่าพลางตั้งสัตย์อธิฐาน | ถ้าบุญเรากับกุมารเคยอุดหนุน | ||
แต่ชาติหลังทั้งสองเคยค้ำจุน | เดชะบุญกุมารไม่วอดวาย | ||
เสี่ยงพลางพลางเอาสุคนธ์ทิพย์ | ลูบหลังดังหยิบให้เหือดหาย | ||
ค่อยฟื้นคืนสมประดีคลาย | โฉมฉายเป่ามนต์ด้วยฤทธี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุวรรณสังข์เรืองศรี | ||
ฟื้นองค์หลงว่ายวารี | แลเห็นนาคีก็ดีใจ | ||
รูปร่างโสภาเป็นมนุษย์ | ทรงภุชบังคมประนมไหว้ | ||
ผินผันอั้นอ้นฉงนใจ | กล่าวความถามไปกับนาคา | ||
ข้าเจ้าเขาเอามาถ่วงน้ำ | บาปกรรมทำไว้เป็นหนักหนา | ||
ผู้ใดเอาข้าเจ้ามา | โปรดช่วยชีวาให้คืนคง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวนาคีมีจิตพิศวง | ||
ตรัสถามเนื้อความไปโดยจง | เจ้าเชื้อแถวแนววงศ์พระองค์ใด | ||
ใครเล่าถ่วงเจ้าลงวารี | โฉมศรีโทษทัณฑ์นั้นไฉน | ||
เราช่วยจึงไม่ม้วยลรรลัย | จึงพามาไว้ในบ้านเมือง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์เล่าความตามเรื่อง | ||
บิดาข้าไซร้ได้ผ่านเมือง | ราวเรื่องแม่ว่าให้ข้าฟัง | ||
เมียน้อยมันชื่อนางจันทา | มารดาคลอดข้าเป็นหอยสังข์ | ||
เขาขับไล่ให้ไปอยู่ไพรรัง | มันชิงชังทูลว่าข้าจัญไร | ||
อยู่หลังข้าออกมานอกหอย | เขาคอยจับข้าหาช้าไม่ | ||
ทุบตีฆ่าฟันไม่บรรลัย | จึงให้ถ่วงข้าลงสาคร | ||
บอกพลางทงทรงโศกี | คิดถึงชนนีสะอื้นอ้อน | ||
พระองค์ช่วยส่งให้มารดร | วิงวอนร่ำไห้อยู่ไปมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวภุชงค์สงสารเป็นหนักหนา | ||
ได้ฟังทั้งนางนาคา | เสน่หาฟักฟูมอุ้มองค์ | ||
บุญญาธิการก็มากมี | จึงเข่นฆ่าร้าตีไม่ผุยผง | ||
แกล้งเดียดฉันท์กันเป็นมั่นคง | ยุยงชิงชังว่าจังไร | ||
อยู่ด้วยแม่เถิดจะเลี้ยงเจ้า | ร่วมวันขวัญข้าวอย่าโหยไห้ | ||
ชนนีเจ้านั้นมิบรรลัย | นานไปจะพบประสบกัน | ||
จึงให้ชำระสระล้าง | ล้อมข้างดังนางในสวรรค์ | ||
เอมโอชโภชนาสารพัน | นึกสิ่งใรนั้นก็มีมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ | คิดถึงแม่รักยักษา | ||
อย่าเลยจะให้กุมารา | ไปเป็นบุตรายาใจ | ||
ผัวตายเป็นม่ายมาช้านาน | ลูกหลานยักษีหามีไม่ | ||
จึ่งบอกพระสังข์ทองยองใย | พ่อไซค้มิใช่เป็นมนุษย์ | ||
ถึงรักเจ้าเอาไว้ไม่ได้ด้วย | จะชูช่วยบำรุงให้สูงสุด | ||
ไปกว่าบิดาจะม้วยมุด | สิ้นสุดทุกข์ภัยที่ได้มา | ||
เจ้าคิดถึงบิดาจะมาถึง | ครู่หนึ่งบัดใจจะไปหา | ||
ว่าพลางทางสั่งนาคา | ตกแต่งกายาให้อ่าองค์ | ||
ทองกรอ่อนห้อยสร้อยสะอิ้ง | เพริศพริ้งเฟื่องฟูดูระหง | ||
นาคาข้าพร้อมล้อมวง | อุ้มองค์พามาจากบาดาล | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ขึ้นจากฟากฝั่งพระสมุทร | พ้นแดนมนุษย์สุดสถาน | ||
ริมสะดือทะเลคะเนการ | หมายมุ่งกรุงมารไม่ใกล้ไกล | ||
จึงนฤมิตด้วยฤทธา | เป็นมหาสำเภาทองผ่องใส | ||
โภชนาสารพันทันใด | พร้อมไปในลำสำเภาทอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ | |||
๏ จึงอุ้มลูกน้อยกลอยสวาท | นาคราชทูนเกล้าเศร้าหมอง | ||
วางไว้ในลำสำเภาทอง | ทั้งสองโศกาด้วยปรานี | ||
แล้วเอาแผ่นสุวรรณบันทึก | จารึกเป็นราชสารศรี | ||
สั่งลูกชายพลันทันที | จงส่งให้ยักษีที่ลงมา | ||
แล้วเธอตั้งสัตย์อธิษฐาน | ขุนมารอันคิดริษยา | ||
จะจับลูกอย่าให้ถูกลำเภตรา | ให้ตรงซึ่งพาราอย่าขัดไป | ||
เสี่ยงพลางทางเลือกสำเภาทอง | ลอยล่องในท้องทะเลใหญ่ | ||
สงสารลูกแก้วแววไว | แล้วกลับหลังวังในสู่ไพชน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสุวรรณสังข์ระเหระหน | ||
คว้างเคว้งมาในกลางทะเลวน | ทุกข์ทนแลเหลียวเปลี่ยวใจ | ||
มีอยู่แต่น้ำกับฟ้า | จะแลเห็นฝั่งฝาก็หาไม่ | ||
ดูเป็นหมอกมัวออกทั่วไป | หวั่นไหวไม่เคยไปมา | ||
เห็นฉนากฉลามตามกัน | ดาษดื่นหมื่นพันล้วนมัจฉา | ||
เงือกงูราหูเหรา | ทั้งกระโห้โลมาปลาวาฬ | ||
มังกรลอยล่องท้องน้ำ | คลื่นซัดซัดน้ำมาฉ่าฉาน | ||
คิดถึงพระแม่อยู่แดดาล | เหมือนม้วยวายปราณไปจากกัน | ||
ลูกรักพลัดไปแห่งใด | แม่อยู่หนไหนไม่ผายผัน | ||
มิตายใหญ่กล้าจะมาพลัน | เสาะหาแม่นั้นให้พบพาน | ||
ร่ำไรอยู่ในเภตรา | เทวาพิศวงน่าสงสาร | ||
ช่วยส่งให้ตรงเมืองมาร | เข้ายังสถานด่านแดน | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | กุมภัณฑ์ยักษาอยู่กว่าแสน | ||
ลาดตะเวณเกณฑ์กันปันแดน | แว่นแคว้นนางมารชาญชัย | ||
ยืนเยี่ยมหอคอยลอยลิ่ว | เห็นกระโดงธงทิวปลิวไสว | ||
แลลิบลิบพริบตามาไวไว | เข้าใกล้แลเห็นเป็นสำเภา | ||
คิดว่าข้าศึกมาฮึกฮัก | ขุนยักษ์วุ่นวายทั้งนายบ่าว | ||
ออกรับจะจับเอาสำเภา | เร่งป่าวร้องเสร็จระเห็จมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ กราว | |||
๏ ตรูกันลงหาดทรายชายฝั่ง | เห็นสำเภายังไม่กังขา | ||
ทองคำทั้งลำทำมา | คนในเภตราก็ไม่มี | ||
เห็นอยู่แต่กุมารน้อย | แช่มช้อยจรัสรัศมี | ||
แจ้งใจมิใช่ไพรี | ยักษีตรูกันมาทันใด | ||
เผ่นโผนโจนฉวยด้วยความอยาก | อ้าปากแลบลิ้นน้ำลายไหล | ||
เร่งรีบฉวยพลันทันใด | ประหลาดใจไม่ถูกเภตรา | ||
ทะลึ่งโลดโดดคว้าผวาเปล่า | เหมือนหนึ่งจับดาวในเวหา | ||
ลอยเด่นเห็นอยู่แก่ตา | ยักษากริ้วโกรธพิโรธใจ | ||
ดีด้วยกระบองก้องเวหา | จะถูกลำเภตราก็หาไม่ | ||
ล้อมรุมกลุ้มกันเข้าทันใด | เปล่าไปไม่ปะปะทะกัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | สุวรรณสังข์นรังสรรค์ | ||
เห็นหมู่อสูรกุมภัณฑ์ | คร้ามครั่นพรั่นอกตกใจ | ||
แต่ละตัวหัวพริกหยิกหยอง | ดำกาตาพองท้องใหญ่ | ||
เขี้ยวขาวยาวรีไม่มีใจ | คิดได้ถึงท้าวนาคี | ||
แล้วจึงตั้งสัตย์อธิษฐาน | อย่าให้ขุนมารยักษี | ||
มาทำอันตรายราวี | แก่ตัวข้านี้เลยนา | ||
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน | จึงโยนแผ่นทองสารให้ยักษา | ||
แผ่นทองลอยละลิ่วปลิวมา | คอยท่ายักษีดังมีใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ ยักษาโลดโผนโจนจับ | กลอกกลับรับราชสารได้ | ||
คืนเข้าฝั่งพลันทันใด | หอบรวนหายใจอยู่ไปมา | ||
จึงรู้สาราที่จารึก | มิใช่ข้าศึกจึงปรึกษา | ||
สารทองของท้าวเจ้านาคา | เภตราเขียนลายระบายทอง | ||
จำเพาะให้โฉมยงลงมารับ | เราจึงจู่จับมิได้ต้อง | ||
ปรึกษาแล้วนำเอาแผ่นทอง | นายรองระเห็จเตร็ดมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงซึ่งราชธานี | จึงนำสารศรีเข้าไปหา | ||
บอกแจ้งแถลงกิจจา | แก่ท่านมหาเสนาใน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เสนารับสารใส่พานแก้ว | คลาดแคล้วพามาหาข้าไม่ | ||
เข้าเฝ้านางมารชาญชัย | ที่ในพระโรงอันรูจี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ มาถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าบังคมเหนือเกศี | ||
แล้วทูลไปพลันทันที | ท้าวนาคีมีราชสารมา | ||
ให้ราชฑูตมนุษย์น้อย | ล่องลอยสำเภาไม่เข้าหา | ||
ทองคำทั้งลำทำมา | คนในเภตราก็ไม่มี | ||
จับต้องจะถูกก็หาไม่ | โยนให้แต่ราชสารศรี | ||
ผิดอย่างปางก่อนบห่อนมี | เทวีจงทราบพระบาทา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางพันธุรัตยักษา | ||
เร่งคิดถวิลจินตนา | ทูตถือสาราประหลาดใจ | ||
จึงสั่งสาวศรีที่หมอบเฝ้า | รับเอาสาราเข้ามาให้ | ||
แล้วอ่านดูพลันทันใด | ที่ในพระราชสารา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เอกบท | |||
๏ สารท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ | คิดถึงแม่รักยักษา | ||
แต่สหายวายปราณนานมา | ชั่วช้ามิได้มาเยี่ยมเยือน | ||
องค์ท้าวกุมภัณฑ์ที่บรรลัย | ความสมัครรักใคร่ใครจะเหมือน | ||
เจ้าน้อยใจที่ไม่เยี่ยมเยือน | รักเจ้าเท่าเทียมเหมือนกัน | ||
เป็นหญิงครองเมืองมณฑล | เสนีรี้พลจะเดียดฉันท์ | ||
เราไซร้ได้บุตรบุญธรรม์ | มนุษย์จ้อยน้อยนั้นถือสารไป | ||
เจ้าจงเลี้ยงไว้เป็นลูกรัก | เราเห็นบุญหนักศักดิ์ใหญ่ | ||
จะได้ครอบครองพระเวียงชัย | เลี้ยงไว้ค้ำชูแทนหูตา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ อ่านจบแจ้งในสารศรี | คิดถวิลยินดีเป็นหนักหนา | ||
เอาสารทูนเกล้าไว้มิได้ช้า | ขอบใจหนักหนาท้าวนาคี | ||
องค์ท้าวกุมภัณฑ์ที่บรรลัย | ยังคิดรักใคร่ไม่หน่ายหนี | ||
ซื่อตรงต่อองค์พระสามี | คุณของนาคียังบิดา | ||
แล้วตรัสแก่มหาเสนาใน | ใครเห็นอย่างไรให้ปรึกษา | ||
มนุษย์น้อยจ้อยในเภตรา | นาคาให้มาให้รับรอง | ||
ให้เลี้ยงต่างลูกดวงใจ | บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่มีสอง | ||
เรานี้มีจิตคิดปอง | จะใคร่รับรองกุมารา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | กุมภัณฑ์โหรใหญ่ฝ่ายขวา | ||
พินิจคิดคูณแล้วทูลมา | โหราขอโทษได้โปรดปราน | ||
อย่าเพ่อชื่นชมภิรมย์ใจ | มิได้สงสัยที่ในสาร | ||
ตำราทายว่าพระกุมาร | มิใช่ลูกหลานท้าวนาคา | ||
มนุษย์กับยักษ์จะรักกัน | ห้ามปรามกวดขันเป็นหนักหนา | ||
เหมือนหนึ่งดุเหว่าเหล่กา | เลี้ยงรักษาได้เมื่อไรมี | ||
ทำนองเมรีกับพระรถ | ลักหยูกยาหมดแล้วลอบหนี | ||
โฉมยงเหมือนองค์เมรี | รับมาน่าที่จะวายปราณ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | มืดคลุ้มกลุ้มคลั่งดังเพลิงผลาญ | ||
เหม่อ้ายโหรใหญ่ใจพาล | ช่างเปรียบเทียบทัดทานด้วยมารยา | ||
มึงนี้ผูกจิตคิดคด | จะขบถจริงจังกระมังหนา | ||
กูไซร้จะได้ลูกยา | กีดหน้าขวางตาหรือว่าไร | ||
กูไซร้ใช่นางเมรี | หลงด้วยโลกีย์หาดีไม่ | ||
อันท้าวภุชงค์ทรงชัย | ชั่วแล้วที่ไหนจะให้มา | ||
ว่าพลางทางสั่งสาวสวรรค์ | จงช่วยกันขับไล่ไสเกศา | ||
แต่นี้สืบไปอย่าให้มา | มันว่ากูเล่นให้เป็นลาง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ แล้วสั่งกุมภัณฑ์ให้จัดแจง | ตกแต่งเร่งรัดอย่าขัดขวาง | ||
อีกทั้งข้าเฝ้าท้าวนาง | ต่างต่างแผลงฤทธิ์นิมิตกาย | ||
ให้เป็นมนุษย์สุดสิ้น | ตรัสพลางเทพินผันผาย | ||
เข้าที่นฤมิตบิดเบือนกาย | เฉิดฉายโสภาอ่าองค์ | ||
ออกจากวังแก้วแพรวพรรณ | กำนัลพรั่งพรูดูระหง | ||
แห่แหนแน่นอัดจัตุรงค์ | เสนาพาลงไปคงคา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน เชิด | |||
๏ มาถึงหาดทราบชายทะเล | เห็นเภตราลอยคอยท่า | ||
ลดองค์ลงริมชลธาร์ | หัตถาจบน้ำได้สามที | ||
แล้วนางตั้งจิตพิษฐาน | กุมารบุญหนักศักดิ์ศรี | ||
จะมาเป็นลูกข้าในครานี้ | เทวัญจันทรีจงเล็งแล | ||
ขอให้ลอยเข้ามาถึงฝั่ง | เหมือนหนึ่งยังข้าเห็นให้เป็นแน่ | ||
เสี่ยงพลางแล้วนางผันแปร | ลุกยืนชะแง้แลไป | ||
สำเภาลอยเลื่อนเคลื่อนคลา | ไม่ทันพริบตาเข้ามาใกล้ | ||
เกยยังฝั่งพลันทันใด | บัดใจเห็นทั่วทุกตัวมาร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ สาธุการ | |||
๏ แล้วนางย่างลงในเภตรา | มิช้าเห็นองค์น่าสงสาร | ||
พินิจพิศดูพระกุมาร | งามปานรูปทรงดังองค์อินทร์ | ||
ฝ่ายว่าพระสังข์ก็บังคม | ชื่นชมในจิตคิดถวิล | ||
แม่นยำเหมือนคำท้าวนาคิน | เสร็จสิ้นทุกสิ่งไม่กริ่งใจ | ||
นางมารฟักฟูมอุ้มองค์ | โฉมยงยินดีจะมีไหน | ||
ลงจากเภตราคลาไคล | สำเภาหายไปมิได้นาน | ||
สาวศรีรับรองประคองเคียง | พร้อมเพรียงพิศวงสงสาร | ||
เบียดเสียดกันดูพระกุมาร | คืนเข้าสถานสำราญใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาถึงวังพลันทันที | วางยังแท่นมณีศรีใส | ||
จึงดำรัสตรัสถามความใน | พ่อเป็นลูกหลานใครไฉนนา | ||
จึงพระยาภุชงค์ทรงศักดิ์ | ส่งองค์ลูกรักให้แก่ข้า | ||
เหตุผลต้นปลายอย่างไรมา | ลูกยาทรงนามกรใด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ทูลแจ้งแถลงไข | ||
คิดถึงมารดายิ่งอาลัย | ร่ำไรทูลความแต่หลังมา | ||
อันพระบิตุรงค์ทรงภพ | ประเสริฐเลิศลบจบทิศา | ||
เมียน้อยนั้นชื่อจันทา | เขายุยงบิดาให้ฆ่าตี | ||
จับลูกถ่วงท้องชลาลัย | ตัวแม่ขับไล่อยู่ไพรศรี | ||
บุญช่วยจึงไม่ม้วยชีวี | ท้าวนาคีจึงใส่สำเภามา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ฟังเอยฟังการ | นางมารสงสารเป็นหนักหนา | ||
รับขวัญไม่กลั้นน้ำตา | ลูบหลังลูบหน้าให้ปรานี | ||
แม่จะถนอมกล่อมเกลี้ยง | จะเลี้ยงเจ้าเป็นบุตรนะโฉมศรี | ||
พ่ออย่าได้กังขาราคี | พระบุรีจะให้แก่ลูกยา | ||
จูบพลางนางอุ้มขึ้นใส่ตัก | ความรักแสนสุดเสน่หา | ||
ดังดวงฤทัยนัยนา | แล้วสั่งมหาเสนาใน | ||
ท่านจงเร่งรัดจัดแจง | ตกแต่งพาราอย่าช้าได้ | ||
จะสมโภชลูกแก้วแววไว | บาดหมายกันไปอย่าได้นาน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับราชบรรหาร | ||
แล้วถวายบังคมก้มกราน | มาสั่งการตามมีพระบัญชา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ให้แต่งโรงราชพิธี | เทียนชัยบายศรีทั้งซ้ายขวา | ||
หุ่นละครโขนหนังช่องระทา | เครื่องเล่นนานาบรรดามี | ||
ทั้งระเบ็งระบำปล้ำมวย | พร้อมด้วยสังคีตดีดสี | ||
งิ้วง้าวเสภาชาตรี | มโหรีครึ่งท่อนมอญรำ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ แล้วกลับมาทูลความตามเรื่อง | บ้านเมืองแต่งอร่ามงามขำ | ||
ราชวัติฉัตรธงโยงรำ | พร้อมสำเร็จแล้วพระเทวี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ช้า ร่าย | |||
๏ ฟังเอยฟังสาร | นางมารปรีดิ์เปรมเกษมศรี | ||
ครั้นว่าสนธยาราตรี | ก็เข้าที่บรรทมภิรมย์ใน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ | |||
๏ ครั้นรุ่งแจ้งแต่งองค์ลูกยา | ภูษาอย่างดีศรีใส | ||
ทองกรสังวาลตระการใจ | แล้วมุ่นจุไรใส่ชฎา | ||
สรรพเสร็จเสด็จจรลี | สาวศรีไสวทั้งซ้ายขวา | ||
เชิญเครื่องตามกันเป็นหลั่นมา | ยาตราสถิตยังพิธี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ ร้องเพลงมหาชัย | |||
๏ ร่าย | |||
ได้เอยได้ฤกษ์ | นางมารให้เบิกบายศรี | ||
ลั่นฆ้องกลองชัยเภรี | ดีดสีตีทับฉับพลัน | ||
จุดแว่นเวียนซ้ายย้ายขวา | โห่ขึ้นสามลาขมีขมัน | ||
เซ็งแซ่แตรสังข์ประดังกัน | ฆาตฆ้องกลองลั่นสนั่นไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี | |||
๏ เวียนเทียนสำเร็จเสร็จสรรพ | โบกจับจุณเจิมเฉลิมให้ | ||
แล้วนางอำนวนอวยชัย | ทุกข์โศกโรคภัยอย่าให้มี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ ฝ่ายเจ้าพนักงานการเล่น | ทั้งมวยปล้ำรำเต้นถ้วนถี่ | ||
โขนละครไก่ป่าชาตรี | เป่าปี่ตีกลองกึกก้องไป | ||
หกคะเมนไต่ลวดกวดขัน | เจ็ดคืนเจ็ดวันหวั่นไหว | ||
ครั้นราตรีมีดอกไม้ไฟ | หนังจีนหนังไทยดอกไม้กล | ||
อีกทั้งครึ่งท่อนมอญรำ | จับระบำรำท่าโกลาหล | ||
งิ้วง้าวฉาวแฉ่งแต่งตน | เกลื่อนกล่นอื้ออึงคะนึงไป | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ นางมารสมโภชพระลูกแก้ว | ผ่องแผ้วยินดีจะมีไหน | ||
จึงชวนลูกยาคลาไคล | เข้าในวังพลันทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนแท่นแก้ว | ผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศรี | ||
แล้วจัดแจงนักเทศน์ขันที | นางนมทั้งสี่พี่เลี้ยง | ||
กำนัลนางมโหรีขับไม้ | สำหรับให้ขับกล่อมพระเนื้อเกลี้ยง | ||
แม่มอบให้พระสังข์ทั้งวังเวียง | ใครทุ่มเถียงจงเฆี่ยนฆ่าตี | ||
นางถนอมกล่อมเกลี้ยงรักษา | มิให้พระลูกยาเจ้าหมองศรี | ||
จนพระชันษาสิบห้าปี | ยังทวีความรักอยู่ทุกวัน | ||
นางค่อยเคลื่อนคลายสบายใจ | จะใคร่ไปเที่ยวป่าพนาสัณฑ์ | ||
เผอิญใจทึกทึนนึกผูกพัน | คิดพรั่นกลัวลูกจะหนีไป | ||
อย่าเลยจะแสร้งแกล้งล่อลวง | อย่าให้ล่วงหมายคำสำคัญได้ | ||
ว่าไปช้าแล้วกลับมาเร็วไว | ถึงจะหนีไปไม่พ้นกร | ||
แม่จะไปป่าเจ็ดราตรี | พันปีจงฟังแม่สั่งสอน | ||
บ่อน้ำซ้ายขวาเจ้าอย่าจร | หอข้างหัวนอนเจ้าอย่าไป | ||
สั่งลูกแล้วพบันมิทันช้า | พรั่งพร้อมทหารหน้าห้องใหญ่ | ||
ออกจากพาราคลาไคล | แปลงไปเป็นยักษ์ฉับพลัน | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ กราว | |||
๏ ครั้นมาถึงป่าพนาลัย | จับได้ช้างเสือเนื้อสมัน | ||
ฟาดฟันล้มตายวายชีวัน | ได้ห้าหกตัวนั้นไม่พอพุง | ||
ครั้นเหลือบเห็นช้างฝูงใหญ่ | ดีใจฟาดด้วยกระบองผลุง | ||
หักคอตายกลาดฟาดดังปุง | ทหารหอบพะรุงพะรังมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ วางกองไว้หน้าศาลาลัย | แล้วนางไปสรงน้ำที่เพิงผา | ||
แล้วขึ้นนั่งบนบัลลังก์ศิลา | เสวยสัตว์นานาทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์พระสังข์เรืองศรี | ||
อยู่ในไพชนอสุรี | มีจิตคิดถึงมารดา | ||
เหตุไฉนไปไพรกรุ่นกรุ่น | พระคุณไปไยที่ในป่า | ||
ว่าไปวันเดียวจะกลับมา | ไม่เหมือนวาจาที่ว่าไว้ | ||
เหตุใดถ้อยคำฟั่นเฟื่อน | คลาดเคลื่อนคืนวันหามั่นไม่ | ||
ตรัสว่าจะไปคืนเดียวไซร้ | เจ็ดวันจึ่งได้กลับมา | ||
ครั้นว่าจะไปเจ็ดวัน | กลับพลันวันเดียวไม่เหมือนว่า | ||
ผิดแล้วถ้อยคำพระมารดา | ดีร้ายจะมาต่อเจ็ดวัน | ||
ห้ามไว้มิให้ไปที่ครัวไฟ | อะไรจะมีอยู่ที่นั่น | ||
ลับตาสาวใช้ลอบไปพลัน | ได้เห็นสำคัญในทันที | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง | |||
๏ เห็นโครงเสือช้างกวางทราย | ทั้งกายมนุษย์กับซากผี | ||
ตกใจไม่เป็นสมประดี | ผิดแล้วชนนีเห็นสำคัญ | ||
พระมารดาว่าบ่อที่ปิดไว้ | จะมีอะไรเป็นแม่นมั่น | ||
ลอบหนีพี่เลี้ยงลงไปพลัน | เปิดบ่อซ้ายนั้นขึ้นทันใด | ||
ค่อยเอานิ้วพระหัตถ์ชี้ | จุ่มจี้บ่อเงินที่ผ่องใส | ||
เปิดบ่อขวาพลันทันใด | แจ่มใสสว่างอยู่เรืองรอง | ||
เอานี้วชี้ที่เป็นเงินนั้น | จิ้มลงดูพลันเป็นทองผ่อง | ||
คิดตกใจเจ้าเฝ้ามอง | เช็ดทองด้วยกลัวพระมารดา | ||
จะเช็ดสีเท่าใดก็ไม่ออก | พระแม่มาจะบอกกระมังหนา | ||
รีบมาคิดได้ด้วยมารยา | ฉีกผ้าพันนิ้วพระหัตถ์ไว้ | ||
แล้วพระจึงซ่องฝูงนาง | มาดูที่ปรางค์ปราสาทใหญ่ | ||
แลเห็นรูปเงาะเหมาะสุดใจ | พระจึงสวมใส่เข้าลองดู | ||
สอดใส่เกือกแก้วทั้งซ้ายขวา | ประดับเพชรพรายตาทั้งคู่ | ||
จับไม้เท้าทองลองฤทธิ์ดู | เหาะวู่ตามช่องบัญชรชัย | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เหาะลองดูเล่นพอเห็นดี | กลัวพระชนนีไม่ช้าได้ | ||
ถอดออกแล้ววางดังเก่าไว้ | ดีใจสอดมองดูมารดา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ทีเอยทีนี้ | ชอบที่จะหนีแม่ยักษา | ||
จะเหาะไปหาพระมารดา | ถึงไร่ยายตาที่เลี้ยงเรา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอ้ร่าย | |||
๏ โอ้อนิจจาพระชนนี | ป่านฉะนี้จะร่ำโศกเศร้า | ||
จะข้อนทรวงสลบซบเซา | พระเกิดเกล้าลูกเอ๋ยจะโศกา | ||
ตัวกูมาอยู่ในเมืองนี้ | พระชนนีเลี้ยงเป็นยักษา | ||
ไว้ใจยากนักถ้าฉวยช้า | ไหนจะหนีมารดาไปได้เลย | ||
เห็นจะวายชีวิตเสียเปล่าเปล่า | โอ้พระเกิดเกล้าของลูกเอ๋ย | ||
จะแทนคุณชนนีมิอยู่เลย | เงยเห็นพี่เลี้ยงซ่อนทันที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงวิ่งหาพระโฉมศรี | ||
ตกใจไม่เห็นอยู่ในที่ | วิ่งตีอกหาประหม่าใจ | ||
เมื่อกี้วิ่งเล่นก็เห็นตัว | ทูนหัวเอ๋ยซ่อนอยู่แห่งไหน | ||
มองมาพบพระองค์ก็ดีใจ | พี่เลี้ยงสาวใช้ก็เปรมปรีดิ์ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางพันธุรัตยักษี | ||
เล็ดลอดสอดหามฤดี | ได้เจ็ดราตรีอยู่ไพรวัน | ||
สายัณห์ตะวันรอนรอน | ใกล้จะลับสิงขรพนาสัณฑ์ | ||
รำลึกถึงลูกใจผูกพัน | เร่งรีบเร็วพลันระเห็จมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ถึงรับขวัญอุ้มพระลูกรัก | จูบพักตร์เศียรเกล้าเกศา | ||
กอดชมดังดวงนัยนา | นางแสนเสน่หาดังดวงใจ | ||
แลเห็นนิ้วหัตถาพันผ้า | เอ็ววันของแม่เป็นไฉน | ||
ผ้าผูกนิ้วถูกอะไร | เป็นไรหรือพ่อจงบอกมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ได้ฟังคำว่า | ||
ครั้นแม่จับนิ้วทำมารยา | กลัวพระมารดาจะเคืองใจ | ||
ทำผิดลูกกลัววพระแม่ตี | ลูกนี้ไม่มีอัชฌาสัย | ||
จับมีดเข้ามาผ่าไม้ | บาดเลือดซับไหลฝนไพลทา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | ชะนางพี่เลี้ยงช่างให้ไม้ผ่า | ||
จับมือพิศดูพันผ้า | ทูนเหนือเกศารำคาญใจ | ||
จะมากหรือน้อยแม่ขอดู | นิ่งอยู่หาทำให้เจ็บไม่ | ||
กำมิดปิดซ่อนแม่ทำไม | บาดแผลน้อยใหญ่ไฉนนา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
สังข์เอยสังข์ทอง | ทำร้องกุมนิ้วพันผ้า | ||
อุยอุยพระแ ม่อย่าแก้นา | เจ็บปวดหนักหนาเป็นพ้นไป | ||
โลหิตติดกรังผ้าอยู่ | เจ็บปวดพ้นรู้ไม่แก้ได้ | ||
ลูกลวนลามเล่นจึงเป็นไป | พระแม่จงได้ปรานี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | นางมารโกรธพี่เลี้ยงสาวศรี | ||
น้ำตาคลอตาด้วยปรานี | ให้มัดตีพี่เลี้ยงนางใน | ||
นางนมพี่เลี้ยงเรียงหน้า | มึงไม่นำพาเอาใจใส่ | ||
ให้เล่นมีดแล่นพร้าผ่าไม้ | ตีให้บรรลัยประเดี๋ยวนี้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | พระสังข์บังคมขอโทษพี้ | ||
อ้อนวอนกราบไหว้ทั้งโศกี | มิให้ต้องตีชิงไม้ไว้ | ||
ลูกแข็งเขาห้ามแล้วไม่ฟัง | เขารักข้าหาชังลูกน้อยไม่ | ||
ถ้าเขาต้องโทษโพยภัย | ไหนเขาจะรักลูกน้อยนี้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา กล่อม | |||
ตอนที่ ๔ พระสังข์หนีนางพันธุรัต
</sup>ช้า<\sup> | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงนางพันธุรัตยักษี | ||
แต่ว่างเว้นเป็นม่ายมาหลายปี | สามีมอดม้วยด้วยไข้พิษ | ||
ได้ลูกน้อยหอยสังข์มาเลี้ยงไว้ | รักใคร่เป็นบุตรสุจริต | ||
ฟักฟูมอุ้มชูชมชิด | ลืมคิดถึงผัวของตัวตาย | ||
เมื่อเวรามาติดตามทัน | นางนั้นจะสิ้นบุญสูญหาย | ||
ให้ร้อนเนื้อเดือดใจไม่สบาย | ผันผายไปป่าพนาวัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ จึงอุ้มองค์พระสังข์นั่งตัก | โลมลูบจูบพักตร์แล้วรับขวัญ | ||
วันนี้แม่จะลาไปอารัญ | สายัณห์เลี้ยวลับจะกลับมา | ||
แล้วกำชับสาวศรีพี่เลี้ยง | จงถนอมกล่อมเกลี้ยงโอรสา | ||
ตามใจอย่าให้โกรธา | เคืองขัดอัธยาสิ่งใด | ||
สั่งพลางย่างเยื้องยุรยาตร | จากปราสาทเรืองรองผ่องใส | ||
มาลับตาลูกน้อยกลอยใจ | อรไทเปลี่ยนแปลงกายา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | |||
๏ บัดใจรูปร่างเป็นนางยักษ์ | ล่ำสันคึกคักหนักหนา | ||
ถือตระบองป้องพักตร์ทำศักดา | ดั้นดงตรงมาพนาลี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ กราวใน เชิด | |||
๏ ครั้นถึงหิมวาป่าสูง | เห็นฝูงเนื้อเบื้อเสือสีห์ | ||
นางยักษ์อยากกินก็ยินดี | เข้าไล่ตีเลี้ยวลัดสกัดสแกง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ พิฆาตฆ่าโคกระทิงมหิงสา | ด้วยกำลังฤทธากล้าแข็ง | ||
โจนจับฉับเฉียวเรี่ยวแรง | หักแข็งขาไว้ในดงดาน | ||
ตัวไหนพ่วงพีมีมัน | เลือกสรรกินเล่นเป็นอาหาร | ||
กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นไม่ทนทาน | คชสารควายวัวตัวละคำ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ นางกินเหลือล้นจนเรอ | ท้องไส้เอ้อเร้ออิ่มหนำ | ||
ลงล้างปากล้างคอในบ่อน้ำ | พอพลบค่ำย่ำแสงสนธยา | ||
จึงไปยังที่หยุดพัก | เคยสำนักแรมทางกลางป่า | ||
ปัดผงลงนอนในศาลา | นิทรากลิ้งกลับจนหลับไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ | |||
</sup>ช้าปี่<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์พระสังข์ทองผ่องใส | ||
ราตรีเข้าที่บรรทมใน | ถอนฤทัยรำลึกตรึกตรา | ||
คิดถึงชนนีที่เกิดเกล้า | จะโศกเศร้าทุกข์ทนบ่นหา | ||
แต่มาอยู่เมืองมารก็นานช้า | ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดี | ||
ซึ่งกูจะหลงอยู่ในเมืองยักษ์ | แม้นมิลักรูปเงาะเหาะหนี | ||
ที่ไหนจะได้เห็นชนนี | นับปีเดือนแล้วจะแคล้วไป | ||
จำจะคิดติดตามสืบหา | ให้พบพานมารดาจงได้ | ||
วันนี้แม่พันธุรัตไปแรมไพร | ได้ช่องคล่องใจจะไคลคลา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ครั้นกลางคืนดื่นดึกเดือนเที่ยง | เห็นพี่เลี้ยงหลับสนิทถ้วนหน้า | ||
ค่อยย่องลงจากเตียงเมียงออกมา | จากห้องไสยาทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ ลอบลงชุบองค์ในบ่อทอง | ผิวเนื้อนวลละอองผ่องศรี | ||
เป็นทองคำธรรมชาติชาตรี | สมถวิลยินดีดังใจคิด | ||
แล้วขึ้นไปบนปราสาทชัย | ที่ไว้รูปเงาะศักดิ์สิทธิ์ | ||
หยิบขึ้นแลเล็งเพ่งพิศ | ขุกคิดขึ้นมาก็อาลัย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
</sup>โอ้<\sup> | |||
๏ โอ้อนิจจามารดาเลี้ยง | เคยถนอมกล่อมเกลี้ยงรักใคร่ | ||
แสนสนิทพิศวาสดังดวงใจ | มิให้ลูกยาอนาทร | ||
พระคุณล้ำลบจบดินแดน | ยังมิได้ทดแทนพระคุณก่อน | ||
วันนี้จะพลัดพรากจากจร | มารดรค่อยอยู่จงดี | ||
แม้นลูกไปไม่ม้วยมรณา | จะกลับมากราบบาทบทศรี | ||
ร่ำพลางทางทรงโศกี | อยู่ปราสาทเพียงขาดใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ครั้นคลายทุกข์ขุกคิดขึ้นมา | จะอยู่ช้าฉะนี้ก็มิได้ | ||
เกลือกว่ามารดามาแต่ไพร | หนีไปไม่ทันจะเสียการ | ||
เอารูปเงาะสวมองค์ทรงเข้าแล้ว | ใส่เกือกแก้วถือไม้เท้าห้าวหาญ | ||
เหาะขึ้นเวหาเหินทะยาน | ออกจากเมืองมารรีบมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ กลม เชิด | |||
๏ เหาะระเห็จเจ็ดคืนถึงเขาหลวง | สูงกว่าเขาทั้งปวงที่ในป่า | ||
พอสิ้นกำลังวังชา | เหน็ดเหนื่อยเลื่อยล้าเต็มที | ||
จำจะหยุดพักสักหน่อยก่อน | ทินกรร้อนแรงแสงสี | ||
จึงเลื่อนลงยังยอดคีรี | จรลีเข้าใต้ร่มไทร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | พวกพี่เลี้ยงนางนมน้อยใหญ่ | ||
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสุริโยทัย | นางในต่างฟื้นตื่นตา | ||
ม้วนที่นอนหมอนข้างเก็บงำ | ฉวยขันตักน้ำมาล้างหน้า | ||
แล้วเข้าไปในที่ไสยา | แลหาไม่เห็นพระสังข์ทอง | ||
ตกประหม่าตาขาวคิดฉงน | ฝูงนางต่างตนเร่งหม่นหมอง | ||
ชวนกันลดเลี้ยวเที่ยวมอง | ทุกแห่งห้องตำหนักนอกใน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | |||
๏ ค้นคว้าหาทั่วที่เคยเล่น | จะประสบพบเห็นก็หาไม่ | ||
ต่างตีอกชกหัวร่ำไร | ครั้งนี้ที่ไหนจะรอดตาย | ||
แม้นแม่พันธุรัตมาแต่ป่า | จะตีด่าดุเดือดไม่เหือดหาย | ||
จะปลิ้นปลอกออกตัวยักย้าย | ด้วยแยบคายแก้ไขเห็นไม่ฟัง | ||
ปรับทุกข์กันทุกคนบ้างบนผี | เอ็นดูช่วยสักทีพอรอดหลัง | ||
บ้างว่าเลี้ยงลูกเจ้าเฝ้าคลัง | มักมีภัยสมดังว่ามา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางพันธุรัตยักษา | ||
เที่ยวป่าเล่นสบายหลายเวลา | ก็เหาะกลับคืนมายังเมืองมาร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงปราสาทมณีที่สำนัก | ร้องเรียกลูกรักก็ไม่ขาน | ||
แลหาแห่งไรไม่พบพาน | นางมารหวั่นหวาดประหลาดใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พวกพี่เลี้ยงนางนมน้อยใหญ่ | ||
เห็นนางยักษามาแต่ไพร | กลัวภัยภาวนาละล้าละลัง | ||
แต่เขยื้อนขยับลับล่อ | เข้าไปแล้วให้ท้อถอยหลัง | ||
จึงก้มเกล้าเล่าเหตุให้ฟัง | พระลูกน้อยหอยสังข์นั้นหายไป | ||
ข้าเที่ยวค้นหานักหนาแล้ว | จะพบพระลูกแก้วก็หาไม่ | ||
เล่าพลางต่างคนก็ร่ำไร | ขอชีวิตไว้อย่าฆ่าตี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางพันธุรัตยักษี | ||
ได้ฟังดังจะสิ้นลมประดี | เอออะไรกระนี้อีพี่เลี้ยง | ||
กูไว้ใจให้อยู่กับลูกรัก | คอยพิทักษ์ถนอมกล่อมเกลี้ยง | ||
ช่างละให้หายไปจากวังเวียง | มันน่าเสี่ยงสับซ้ำให้หนำใจ | ||
ว่าพลางนางร่ำโศกา | น้ำตาแถวถั่งหลั่งไหล | ||
ไปเปิดดูบ่อทองเห็นพร่องไป | เร่งพะวงสงสัยไม่รู้แล้ว | ||
มาดูรูปเงาะป่าไม่ปรากฎ | หายหมดทั้งไม้เท้าและเกือกแก้ว | ||
ลูกน้อยกลอยสวาทเจ้าคลาดแคล้ว | หนีแม่ไปแล้วนะอกอา | ||
จะอยู่ช้าฉะนี้ก็มิได้ | จำจะเร็วรีบไปตามหา | ||
จึงขึ้นหอคอยสูงลอยฟ้า | ตีกลองสัญญาเข้าเจ็ดที | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ รัว | |||
๏ บัดนั้น | พวกพลกุมภัณฑ์ภูตผี | ||
ทั้งหมู่อสูรศักดิ์ยักขิณี | ได้ยินเสียงเภรีสัญญา | ||
ไม่แจ้งเหตุเภทผลกลใด | ต่างตระหนกตกใจเป็นหนักหนา | ||
สำแดงเผลงอิทธิฤทธา | ชวนกันเหาะมายังเมืองมาร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นเอยครั้นถึง | จึงคลานเข้ามายังหน้าฉาน | ||
ไหว้พลางทางถามมิทันนาน | เหตุการณ์อะมีจึงตีกลอง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พันธุรัตร้อนเร่าเศร้าหมอง | ||
จึงแถลงเล่าความตามทำนอง | เจ้าสังข์ทองลูกรักของเรานี้ | ||
ลอบลักรูปเงาะและเกือกแก้ว | สวมใส่เข้าแล้วก็เหาะหนี | ||
เร่งไปตามหาอย่าช้าที | วันนี้ให้ได้ตัวมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | จึงหมู่อสูรศักดิ์ยักษา | ||
คำนับรับคำแล้วอำลา | นฤมิตกายากำยำ | ||
เหาะเหินเที่ยวหาในป่ากว้าง | ทุกทิศทุกทางเถื่อนถ้ำ | ||
แยกไปบกบ้างไปข้างน้ำ | ต่างสำแดงเดชเกรียงไกร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ กราว เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์นั่งอยู่บนเขาใหญ่ | ||
เห็นมืดมิดปิดแสงอโณทัย | เสียงสนั่นหวั่นไหวนี่นัน | ||
จึงคิดว่าดีร้ายอสุรา | ติดตามเรามาเป็นแม่นมั่น | ||
จวนตัวเต็มทีหนีไม่ทัน | จำจะผ่อนผันด้วยปัญญา | ||
พระจึงถอดรูปเงาะออกซ่อนไว้ | ขึ้นนั่งบนต้นไทรสาขา | ||
ทำเป็นเช่นรุกขเทวา | พลางนึกภาวนาอยู่ในใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ รัว เชิด (ยักษ์ออก) | |||
๏ บัดนั้น | หมู่มารทหารน้อยใหญ่ | ||
เห็นพระสังข์นั่งอยู่บนต้นไทร | มิได้รู้จักแต่สักตน | ||
เพ่งพิศดูพลางไม่วางตา | คิดว่าเทวาในไพรสนฑ์ | ||
ผิวพรรณผุดผาดประหลาดคน | ให้งวยงงฉงนสนเท่ห์ใจ | ||
จึงถามว่าดูก่อนเทวา | เห็นเจ้าเงาะเหาะมามั่งหรือไม่ | ||
อย่าแกล้งกล่าวคำอำไว้ | จงบอกไปตามจริงบัดนี้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ฟังคำยักษี | ||
บอกพลางทางยกมือชี้ | เห็นเหาะไปทิศนี้นะขุนมาร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยักษาได้ฟังว่าขาน | ||
ดีใจเสือกสนลนลาน | เหาะทะยานติดตามไปพลัน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ตริตรึกนึกพรั่น | ||
แต่กูเหาะระเห็จมาเจ็ดวัน | มันยังตามทันด้วยฤทธิไกร | ||
จะอยู่ก็ใช่ไม่ชอบกล | หนีไปจะพ้นมันที่ไหน | ||
ให้คิดขัดสนจนใจ | จะแก้ตัวต่อไปอย่างไรดี | ||
พลางตั้งจิตพิษฐานด้วยสัจจา | คุณพระมารดาปกเกศี | ||
จงค้ำชูช่วยข้าครานี้ | อย่าให้มีอันตรายสิ่งใด | ||
ถึงแม่พันธุรัตจะพบข้า | ขออย่าให้ขึ้นมาบนเขาได้ | ||
ให้ลูกแก้วตัวรอดปลอดภัย | พลางยกมือไหว้ภาวนา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางพันธุรัตยักษา | ||
เรียกเหล่าบ่าวไพร่มิได้ช้า | ออกจากพารารีบตามไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ มาเอยมาถึง | ซึ่งเนินบรรพตภูเขาใหญ่ | ||
แลไปเห็นคนบนต้นไทร | งามวิไลผิวผ่องดังทองทา | ||
ยืนพินิจพิศเพ่งอยู่เป็นครู่ | ลูกรักของกูแล้วสิหน่า | ||
ตบมือหัวเราะทั้งน้ำตา | ร้องเรียกลูกยาด้วยยินดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ นั่งอยู่ไยนั่นพ่อขวัญข้าว | ขัดเคืองอะไรเล่าเจ้าจึงหนี | ||
มาเถิดทูนหัวอย่ากลัวตี | ดูเอาเถิดซียังมิมา | ||
นางร้องไห้ร่ำแล้วซ้ำเรียก | ปืนตะกายตะเกียกขึ้นไปหา | ||
ด้วยเดชะอำนาจสัตยา | เผอิญให้เลื่อยล้าสิ้นกำลัง | ||
พลัดตกหกล้มนอนตะแคง | ขาแข้งสีข้างขัดขึ้นดัดหลัง | ||
โศกีตีอกเพียงจะพัง | ทรุดนั่งกระแทกก้นจนใจ | ||
ลูกน้อยกลอยสวาทของมารดา | แม่บำรุงเลี้ยงมาจนใหญ่ | ||
มิให้ระคายเคืองสิ่งใด | เจ้าหนีแม่มาได้ช่างไม่คิด | ||
แม่อุตส่าห์มาตามด้วยความรัก | เจ้าไม่พูดไม่ทักแต่สักหนิด | ||
อกแม่จะแตกตายวายชีวิต | สุดคิดอยู่แล้วนะลูกยา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ แม่เอยแม่เจ้า | เลี้ยงข้ามาแต่เยาว์จนใหญ่ | ||
พระคุณล่ำลบภพไตร | จะเปรียบด้วยสิ่งใดนั้นไม่มี | ||
ใช่ลูกจะเคืองแค้นแสนเข็ญ | ด้วยความจำเป็นดอกจึงหนี | ||
เหตุด้วยมารดาขอข้านี้ | ทุกข์ร้อนไร้ที่พึ่งพา | ||
จะยากเย็นเป็นตายก็ไม่แจ้ง | จะไปสืบเสาะแสวงทุกแห่งหา | ||
ครั้นจะบอกออกอรรถตามสัจจา | ก็คิดกลัวเกลือกว่ามิให้ไป | ||
ลูกจึงลักรูปเงาะเหาะหนี | โทษผิดทั้งนี้เป็นข้อใหญ่ | ||
อย่าพิโรธโกรธขึ้งขัดใจ | ถึงไปไม่ช้าจะมาพลัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
</sup>โอ้<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | พันธุรัตฟังว่าเพียงอาสัญ | ||
ฟูมฟายน้ำตาจาบัลย์ | เจ้าไปแล้วไหนนั่นจะกลับมา | ||
คิดอ่านอุบายจะหน่ายหนี | เอาเหตุชนนีนั้นมาว่า | ||
ถึงไปก็ไม่ขัดอัธยา | เชิญลงมาหาแม่แต่สักน้อย | ||
พอแม่ได้ชมโฉมเจ้า | ให้สบายบรรเทาที่เศร้าสร้อย | ||
แต่ร่ำร้องไห้หาเลือดตาย้อย | อุตส่าห์สู้ติดต้อยห้อยตาม | ||
อย่านึกแหนงแคลงเลยว่าเป็นยักษ์ | มาเถิดลูกรักอย่าเกรงขาม | ||
ถึงจะอยู่จะไปก็ให้งาม | เจ้าผู้ทรามรักร่วมชีวา | ||
อันรูปเงาะไม้เท้าเกือกแก้ว | แม่ประสิทธิ์ให้แล้วดังปรารถนา | ||
ยังมนต์บทหนึ่งของมารดา | ชื่อว่ามหาจินดามนต์ | ||
ถึงจะเรียกเต่ปลามัจฉาชาติ | ฝูงสัตว์จัตุบาทในไพรสณฑ์ | ||
ครุฑาเทวัญชั้นบน | อ่านมนต์ขึ้นแล้วก็มาพลัน | ||
เจ้าเรียนไว้สำหรับเมื่ออับจน | จะได้แก้บนตนที่คับขัน | ||
แม่ก็คงจะตายวายชีวัน | จงลงมาให้ทันท่วงที | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ ร่าย | |||
เมื่อนั้น | พระสังข์ฟังคำยักษี | ||
ยิ่งพะวงสงสารแสนทวี | แต่รีรอท้อฤทัยรันทด | ||
จะลงไปก็ให้เกรงกริ่ง | เกลือกว่าไม่จริงจะแกล้งปด | ||
คิดพลางทางกล่าวมธุสร | อย่ากำสรดโศกาอาวรณ์ | ||
ลูกนี้เหนื่อยยากลำบากกาย | จะนั่งเล่นให้สบายบนนี้ก่อน | ||
ตะวันเที่ยงอยู่ยังกำลังร้อน | พอให้แดดอ่อนอ่อนจะลงไป | ||
ซึ่งมนต์ของชนนีว่าดีนัก | ลูกรักก็อยากจะใคร่ได้ | ||
เมตตาลูกแล้วจงเขียนไว้ | ที่ในแผ่นพื้นพสุธา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
</sup>โอ้<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | พันธุรัตขัดสนเป็นนักหนา | ||
แหงนดูลูกพลางทางโศกา | ดังหนึ่งว่าชีวันจะบรรลัย | ||
โอ้ลูกน้อยหอยสังข์ของแม่เอ๋ย | กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้ | ||
จะร่ำร้องเรียกเจ้าสักเท่าไร | ก็ช่างเฉยเสียได้ไม่ดูดี | ||
สิ้นวาสนาแม่นี้แน่แล้ว | เผอิญให้ลูกแก้วเอาตัวหนี | ||
จะขอลาอาสัญเสียวันนี้ | เจ้าช่วยเผาผีมารดา | ||
อันพระเวทวิเศษของแม่ไซร้ | ก็จะเขียนลงให้ที่แผ่นผา | ||
จงเรียนร่ำจำไว้เถิดขวัญตา | รู้แล้วอย่าว่าให้ใครฟัง | ||
เขียนพลางทางเรียกลูกน้อย | มาหาแม่สักหน่อยพ่อหอยสังข์ | ||
แต่พอให้ได้ชมเสียสักครั้ง | ขอสั่งสักคำจะอำลา | ||
แม่อ้อนวอนว่านักหนาแล้ว | น้อยหรือลูกแก้วไม่มาหา | ||
ทุ่มทอดตัวลงทรงโศกา | สองตาแดงเดือดดังเลือดนก | ||
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นจิต | ยิ่งคิดเคืองขุ่มมุ่นหมก | ||
กลิ้งกลับสับส่ายเพ้อพก | นางร่ำร้องจนอกแตกตาย | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ บัดนั้น | พวกยักษาข้าไททั้งหลาย | ||
เห็นนางมารม้วยมอดวอดวาย | ต่างร่ำรักนายไม่สมประดี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ทรงสวัสดิ์รัศมี | ||
เห็นมารดาล้มดิ้นสิ้นชีวี | ตกใจแล่นตะลีตะลานมา | ||
เข้าไปนั่งใกล้ดังใจจง | กราบลงแทบเท้าทั้งซ้ายขวา | ||
ชลเนตรคลอคลองนัยนา | โศการ่ำรักชนนี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ โอ้ปี่ | |||
โอ้ว่ามารดาของลูกเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศี | ||
รักลูกผูกพันแสนทวี | เลี้ยงมาไม่มีให้เคืองใจ | ||
จะหาไหนได้เหมือนพระแม่เจ้า | ดังมารดาเกิดเกล้าก็ว่าได้ | ||
สู้ติดตามมาด้วยอาลัย | จนจำตายอยู่ในพนาวัน | ||
โทษลูกนี้ผิดเป้นนักหนา | ดังแกล้งผลาญมารดาให้อาสัญ | ||
ทั้งนี้เพราะกรรมมาตามทัน | จึงสุดสิ้นชีวัตบรรลัย | ||
พระคุณล้ำลบจบดินแดน | ยังไม่ทันทดแทนสนองได้ | ||
ร่ำพลางโศกีพิรี้พิไร | ซบพักตร์สะอื้นไห้ไปมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ครั้นคลายวายโศกเศร้าหมอง | พระจึงร้องสั่งเหล่ายักษา | ||
ท่านจงเชิญศพพระมารดา | คืนไปพาราของเรา | ||
แล้วตระเตรียมการไว้ให้เสร็จสรรพ | คอยท่าข้ากลับมาจึงเผา | ||
การพระเมรุใหญ่อยู่อย่าดูเบา | ท่านจงเอาใจใส่ไตรตรา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีตัวนายซ้ายขวา | ||
จึงเชิญศพใส่วอช่อฟ้า | กลับไปพาราทันที | ||
ฯ ๒ ฯ เชิด | |||
</sup>สมิงทอง<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงสวัสดิ์รัศมี | ||
ครั้นพวกพลยักษาไปธานี | จึงเรียนเอามนต์ที่เขียนไว้ | ||
เวียนเฝ้าสาธยายอยู่หลายตลบ | แต่ต้นจนจบก็จำได้ | ||
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไป | บนยอดเขาใหญ่มิได้ช้า | ||
เอารูปเงาะสวมองค์ทรงเกือกแก้ว | ถือไม้เท้าเข้าแล้วก็ป้องหน้า | ||
เหาะระวังเห็จเตร็ดทะยานด้วยฤทธา | เลื่อนล่องลอยฟ้ามาไวไว | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ถึงแดนพาราสามนต์ | อาณาเขตมณฑลกว้างใหญ่ | ||
ให้คิดฉงนสนเท่ห์ใจ | เมืองนี้ชื่อไรจะใคร่รู้ | ||
เห็นภูมิฐานบ้านช่องเยียดยัด | ผู้คนแออัดอื้ออึงอยู่ | ||
หรือจะเป็นพาราบิดากู | จะยับยั้งฟังดูกิจจา | ||
คิดพลางทางค่อยคลาเคลื่อน | ลอยเลื่อนลงจากเวหา | ||
หยุดอยู่เนินทรายปลายทุ่งนา | อาศัยร่มพฤกษาสำราญ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกเด็กเด็กชาวบ้าน | ||
ล้วนแต่ลูกหลานชายนายโคบาล | อยู่ปลายแดนด่านกรุงสามนต์ | ||
ครั้นกินข้าวเช้าแล้วลงจากเรือน | เที่ยวร้องเรียกพวกเพื่อนสับสน | ||
เปิดคอกไล่โคของตน | ถือปฏักต่างคนต้อนมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา เชิด | |||
๏ ครั้นออกมาถึงที่ทำไร่ | จึงปล่อยโคไว้ให้กินหญ้า | ||
เห็นเงาะยืนอยู่บนคันนา | อ้ายนี่บ้าหรือมิใช่ไยอย่างนี้ | ||
รูปร่างหัวหูก็ดูแปลก | ลางคนว่าแขกกะลาสี | ||
อย่าไว้ใจมันมักควักเอาดี | นึกกลัวเต็มที่วิ่งหนีพลาง | ||
บ้างว่าอ้ายนี่ลิงทะโมนใหญ่ | บ้างเถียงว่าทำไมไม่มีหาง | ||
หน้าตามันขันยิงฟันฟาง | หรือจะเป็นผีสางที่กลางนา | ||
คนหนึ่งไม่กลัวยืนหัวเราะ | นี่เขาเรียกว่าเงาะแล้วสิหนา | ||
มันไม่ทำไม่ใครดอกวา | ชวนกันเมียงเข้ามาเอาดินทิ้ง | ||
บ้างได้ดอกหงอนไก่เสียบไม้ล่อ | ตบมือผัดพ่อล่อให้วิ่ง | ||
ครั้งเงาะแล่นไล่โลดกระโดดชิง | บ้างล้มกลิ้งวิ่งปะทะกันไปมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ พวกเด็กเด็กหยอกเย้าเข้าฉุด | อุตลุดล้อมหลังล้อมหน้า | ||
แล้วชวนเล่นจ้องเตเฮฮา | โห่ร้องฉาวฉ่านี่นัน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นถึงเวลากินผอก | แก้ห่อข้าวออกขมีขมัน | ||
เกลอเอ๋ยมากินด้วยกัน | เห็นเงาะนั้นเข้ากินก็ยินดี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นว่าเวลาบ่ายควาย | เด็กเด็กทั้งหลายเข้าล้อมมี่ | ||
ไปบ้านด้วยกันหรือวันนี้ | เงาะเดินเชือนหนีเสียมิไป | ||
ถ้ากระนั้นก็นอนอยู่เฝ้านา | ช่วยขับนกขับกาอย่าไปไหน | ||
พรุ่งนี้จึงจะมาอย่าร้อนใจ | แล้วไล่โคคืนมาทันที | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสามนต์เรืองศรี | ||
เสวยราชสมบัติสวัสดี | ในบุรีสามนต์พระนคร | ||
อันองค์เอกอัครชายา | ชื่อมณฑาเทวีศรีสมร | ||
มีธิดานารีร่วมอุทร | ทั้งเจ็ดนามกรต่างกัน | ||
น้องนุชสุดท้องชื่อรจนา | โสภาเพียงนางในสวรรค์ | ||
พรั่งพร้อมพระสนมกำนัล | เป็นสุขทุกนิรันดร์วันคืน | ||
ท้าวคิดรำพึงถึงเวียงชัย | นานไปจะเป็นของเขาอื่น | ||
เห็นจะไม่จิรังยั่งยืน | ด้วยลูกเต้าแต่พื้นเป็นธิดา | ||
จำจะคิดปลูกฝังเสียยังแล้ว | ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา | ||
ถ้าเขยคนใดดีมีปัญญา | จะยกพารามองให้ครอบครอง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ คิดพลางทางเรียกมเหสี | พามาทีปรึกษาสองต่อสอง | ||
เจ้าจงดำริตริตรอง | แต่เราครองราชฐานมานานช้า | ||
ทุกวันนี้ดูพี่กับตัวเจ้า | ไม่เที่ยงแท้แก่เฒ่าลงนักหนา | ||
เจ็บปวดครุ่นไปไข้ชรา | ถอยกำลังวังชาลงทุกปี | ||
ยิ่งคิดคิดไปให้ใจสั้น | จะตายวันตายพรุ่งมิรู้ที่ | ||
พี่ปรารมภ์สมบัติของเรานี้ | ถ้าแม้นหากบุญพี่ไม่จีรัง | ||
จงช่วยกันดำริตริตรองดู | จะหาคู่ให้ลูกปลูกฝัง | ||
จะแบ่งปันข้าวของในท้องคลัง | ให้ครอบครองเวียงวันเห็นทันตา | ||
จะจัดแจงแต่งตามอารมณ์เรา | เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า | ||
กลัวเกลือกทั้งเจ็ดธิดา | มันจะไม่เสน่หาก็มิรู้ | ||
ลางเนื้อชอบลางยาไม่ว่าได้ | ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ | ||
คำบุราณท่านว่าไว้เป็นครู | พิเคราะห์ดูให้ต้องทำนองใน | ||
พี่คิดจะประชุมให้พร้อมพรั่ง | กษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดหัวเมืองใหญ่ | ||
ให้บุตรีเราเลือกตามชอบใจ | เจ้าจะเห็นกระไรจงว่ามา | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณฑาเสนหา | ||
จึงทูลสนองพระบัญชา | ซึ่งตรัสมานี้ต้องประเพณี | ||
จะให้เป็นแก่นสารแก่บ้านเมือง | ได้ลือเลื่องไปทั่วทุกกรุงศรี | ||
ตามแต่ภูวไนยจะเห็นดี | อันน้องนี้ไม่ขัดทัดทาน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
เสด็จจากแท่นที่มิทันนาน | ออกพระโรงชัชวาลทันใด | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
</sup>สามไม้<\sup> | |||
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนือเก้าอี้ | ตรัสสั่งเสนีผู้ใหญ่ | ||
แต่บรรดาเมืองขืนของเราไซร้ | ทั้งร้อยเอ็ดเวียงชัยเคยไปมา | ||
ผู้ใดมีโอรสรูปงาม | แต่ในสามสิบเศษชันษา | ||
ที่ยังไม่มีภริยา | ให้จัดแจงแต่งมาทุกธานี | ||
เราจะให้ธิดาทั้งเจ็ดองค์ | เลือกดูรูปทรงส่งศรี | ||
ถ้าลูกเราชอบใจจะได้ดี | จะเสกกับบุตรีให้ครองกัน | ||
จงแต่งตราว่าตามความใน | ให้คนเร็วรีบไปทุกเขตขัณฑ์ | ||
กำหนดไว้โดยช้าสิบห้าวัน | ให้มาถึงพร้อมกันยังธานี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี | ||
ถวายบังคมคัลอัญชลี | มาแต่งตราตามมีพระบัญชา | ||
แล้วจัดเสนากว่าร้อย | เคยใช้สอยคล่องแคล่วแกล้วกล้า | ||
สั่งความตามมีในท้องตรา | จงรีบไปรีบมาอย่านอนใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นพันทนายน้อยใหญ่ | ||
ต่างรีบผายผันแยกกันไป | เวียงชัยทั้งร้อยเอ็ดพลัน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปวันทา | กราบทูลกษัตราทุกเขตขัณฑ์ | ||
แจ้งตามบัญชาสารพัน | ถวายหนังสือนั้นทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
</sup>ช้าปี่<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระยาร้อยเอ็ดบุรีศรี | ||
คลี่สารอ่านดูรู้คดี | เปรมปรีดิ์เป็นพ้นคณนา | ||
ต่างเรียกโอรสมาบอกเล่า | เป็นลาภเราแล้วลุกเสน่หา | ||
จงตรวจตราบ่าวไพร่เร่งไคลคลา | ไปพาราสามนต์ให้ทันการ | ||
บ้างคิดมุยุลูกให้หย่าเมีย | จำจะทิ้งเปรี้ยวเสียไปกินหวาน | ||
ที่บุตรหามีไม่ใจทะยาน | คิดจัดแจงแต่งหลานเปลี่ยนไป | ||
แล้วเลือกของอย่างยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ | สำหรับบรรณาการประทานให้ | ||
ต่างองค์อำนวนอวยชัย | เจ้าไปให้ได้ครองพระธิดา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์สรวลสันต์หรรษา | ||
นบนิ้วประนมบังคมลา | แล้วมาแต่งองค์อร่ามเรือง | ||
บ้างขึ้นทรงรถคชสาร | ขี่ม้าผ่านขาวเขียวกะเลียวเหลือง | ||
ต่างยกโยธานองเนือง | ออกจากเมืองรีบร้อนสัญจรไพร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงพาราสามนต์ | จึงพักพลไว้นอกกรุงใหญ่ | ||
ชวนกันลีลาคลาไคล | เข้าหาเสนาในทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ผู้ใหญ่ในกรุงศรี | ||
พูดจาปราศรัยโดยไมตรี | เอาบาญชีท้าวพระยาที่มานั้น | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นได้นามทูลหน่อกษัตรา | เสนาสี่นายก็ผายผัน | ||
เข้าไปในท้องพระโรงคัล | อภิวันท์ทูลแถลงให้แจ้งใจ | ||
บันนี้หน่อกษัตริย์ทุกพารา | ทั้งร้อยเอ็ดนั้นมาถึงกรุงใหญ่ | ||
แล้วอ่านรายชื่อเสียงเรียงลงไป | ตามในหางว่าวท้าวพระยา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หรรษา | ||
จึงสั่งทั้งสี่เสนา | เร่งแต่งที่ข้างหน้าให้พร้อมไว้ | ||
จงนำกษัตราทุกธานี | มาประชุมในที่พระโรงใหญ่ | ||
เราจะให้ทั้งเจ็ดอรไท | มาเลือกตามชอบใจในพรุ่งนี้ | ||
เร่งจัดวังให้เสร็จทั้งเจ็ดแห่ง | จะได้แต่งตั้งการภิเษกศรี | ||
สั่งเสร็จพระเสด็จจรลี | ขึ้นสู่ที่ข้างในมิได้ช้า | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ บัดนั้น | จึงเจ้าพนักงานถ้วนหน้า | ||
เร่งจัดแจงแต่งที่ดังบัญชา | บ้างไปบอกกษัตราให้เตรียมกาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พวกเหล่าท้าวพระยาทั้งหลาย | ||
ต่างองค์กระหยิ่มพริ้มพราย | ให้กระสันมั่นหมายวุ่นวายใจ | ||
บ้างหยิบผ้ายกทองนุ่งลองดู | ใครใครเห็นไม่สู้รูปกูได้ | ||
พรุ่งนี้มิคนหนึ่งก็คนไร | จะจงจิตพิสมัยเป็นมั่นคง | ||
บ้างนั่งนึกตริกหาอุปเท่ห์ | จะทำด้วยเสน่ห์ให้ลุ่มหลง | ||
เห็นจะรุมรักเราทั้งเจ็ดองค์ | คิดทะนงเปรมปรี่มกระหยิ่มใจ | ||
ลางองค์ถือมั่นโดยปัญญา | วาสนาหลังส่งแล้วคงได้ | ||
สุดแท้แต่กุศลสร้างไว้ | จะเดือดเนื้อร้อนใจไปไยมี | ||
บ้างเรียกหาหมอดูมาจับยาม | ให้ทายตามชะตาราศี | ||
จะสมคะเนหรือไม่ในพรุ่งนี้ | แต่เซ้าซี้ซักไซ้ไม่นิทรา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
</sup>โทน<\sup> | |||
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริย์ใสไตรตรัส | ทั้งร้อยเอ็ดกษัตริย์ทรงภูษา | ||
สอดเครื่องประดับระยับตา | แต่งกายาโอ่อวดประกวดกัน | ||
บ้างถือห่อบุหงาทัดยาดม | ผ้าห่มชุบน้ำกุหลาบกลั่น | ||
ต่างองค์กรายกรจรจรัล | พากันเข้าไปในวัง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงข้างหน้า | อำมาตย์มาจัดแจงให้ลุกนั่ง | ||
ต่างชิงขึ้นหน้าว่าไม่ฟัง | บ้างถุ้งเถียงเสียงดังอึงไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
</sup>ช้าปี่<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ยิ้มแย้มเจ่มใส | ||
จึงชวนเมียรักร่วมใจ | ออกไปแย้มแกลแลดู | ||
เห็นหน่อกษัตริย์ที่มานั้น | หน้าตาคมสันขยันอยู่ | ||
คนข้างหลังลาดเลาเป็นเจ้าชู้ | ตาหูชอบกลเจ้ามณฑา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ คนโน้นรูปร่างกระจ้อยร่อย | หนุ่มน้อยน่ารักหนักหนา | ||
คนนี้ที่ถัดกันลงมา | หน้าตาเป็นประมาณพานพอดี | ||
โน่นแน่คนนั้นอยู่ชั้นล่าง | รูปร่างจ้ำม่ำดำมิดหมี | ||
เห็นหรือไม่คนนั้นขันสิ้นดี | หน้างอกออกฝีประปราย | ||
ดูพลางทางสั่งเมียรัก | อย่าช้านักเลยเจ้าจะจวนสาย | ||
จงเร่งรัดจัดแจงแต่งกาย | บุตรีโฉมฉายขึ้นมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณฑาเสน่หา | ||
จึงพาทั้งเจ็ดธิดา | ไปสระสรงคงคาวารี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
</sup>ชมตลาด<\sup> | |||
๏ แต่งตัวตั้งใจจะให้งาม | ขมิ้นใส่ส้มมะขามขัดสี | ||
แล้วอาบน้ำชำระอินทรีย์ | ทาแป้งสารภีรื่นรวย | ||
กระจกตั้งคันฉ่องส่องเงา | ผิวพรรณผมเผ้างามฉลวย | ||
ใส่น้ำมันกันกวดกระหมวดมวย | ผัดหน้าด้วยแป้งญวนเป็นนวลแดง | ||
นุ่งผ้ายกอย่างต่างกัน | ช่อชั้นเชิงชายลายก้านแย่ง | ||
สไบหน้าเจียระบาดตาดทองแดง | เข็มขัดสายลายแทนประจำยาม | ||
สร้อยนวมสวมสอดสังวาลวรรณ | ตาบกุดั่นเรืองรองทองอร่าม | ||
กำไลสวมเก้าคู่ดูงาม | ใส่แหวนเพชรแวววามครามสอดซับ | ||
ทรงกรอบพักตร์พรรณรายพรายแพรว | กรรเจียกแก้วมณีสีสลับ | ||
ใส่ตุ้มหูห้อยพลอยระยับ | ครั้นเสร็จสรรพขึ้นเฝ้าท้าวไท | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงช้า | |||
</sup>มูโล่ง<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ยิ้มย่องผ่องใส | ||
จึงตรัสแก่ธิดายาใจ | พ่อให้ประชุมกษัตรา | ||
นงเยาว์เจ้าจงไปเลือกคู่ | ที่สมควรเป็นคู่เสน่หา | ||
ถ้าแม้นประกอบชอบวิญญาณ์ | จงทิ้งมาลัยไปให้สวมมือ | ||
พ่อจะแต่งตั้งการสยุมพร | ให้บังอรออกหน้าค่าชื่อ | ||
แต่เฝ้าปลอบสองรื้อสามรื้อ | ดูดู๋ดื้อหนักหนาน่าขัดใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
</sup>ร่าย<\sup> | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดบุตรีศรีใส | ||
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่คลาไคล | ก้มแกะเสื่อลันไตไปมา | ||
ให้นึกอัปยศอดอาย | จะไปเลือกผู้ชายน่าขายหน้า | ||
ยิ่งคิดยิ่งเขิมเมินพักตรา | กัลยามิได้จรลี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์พระบิตุเรศเรืองศรี | ||
กล่าวเกลี้ยงเลี่ยงปลอบให้ชอบที | วันดีแล้วแม่อย่าแชเชือน | ||
อุตส่าห์แข็งวิญญาณ์คลาไคล | พ่อจะให้พี่เลี้ยงไปเป็นเพื่อน | ||
อะไรเฝ้าม้วนมิดบิดเบือน | ไม่เขยื้อนจากที่น่าตีรัน | ||
นวลนางมณฑาช่วยว่ากล่าว | ลูบหลังลูกสาวแล้วรับขวัญ | ||
ไปเถิดแม่ไปอย่าใจรั้น | ส่งมาลัยให้พลันทั้งเจ็ดองค์ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีแน่งน้อยนวลหง | ||
กลัวจะเคืองจิตบิตุรงค์ | โฉมองค์ขยัยกายแล้วอายใจ | ||
แต่ทำม่อยม้วยกระบวนกระบิด | แก้เก้อสะกิดพี่ผู้ใหญ่ | ||
ต่อบิดรเตือนซ้ำจึงจำไป | กำนัลในพี่เลี้ยงเคียงมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ กินนรรำ | |||
๏ ถึงท้องพระโรงธารม่านกั้น | เจ็ดนางนึกพรั่นเป็นหนักหนา | ||
ให้อดสูผู้ชายอายวิญญาณ์ | หน่วงหนักชักช้าไม่คลาไคล | ||
พี่เลี้ยงทูลเตือนให้จรลี | นางหยิกตีค้อนควักผลักไส | ||
เข้าแอบแฝงม่านกั้นชั้นใน | ขวยเขินสะเทินใจไปมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์นั่งคอยอยู่ข้างหน้า | ||
บ้างสะกิดเพื่อนกันจำนรรจา | เมื่อไรจะออกมารำคาญใจ | ||
ต่างคนกระหยิ่มยิ้มย่อง | ชะเง้อคอคอยมองหาเมินไม่ | ||
แลตามตีนม่านเห็นไวไว | เอ๊ะแล้วมิใช่ดอกกระมัง | ||
ลางคนคะนองทำร้องบอก | หลอนหลอกเพื่อนอยู่ข้างหลัง | ||
ไม่เคยเห็นรูปร่างนางชาววัง | นิ่งนั่งตั้งสติอย่าเมินไป | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงกัลยาอัชฌาสัย | ||
จึงปลอบพระธิดายาใจ | เอออะไรมาเป็นเช่นนี้ | ||
พระบิดาสั่งให้ไปเลือกคู่ | จะอดสูใครเล่านะเจ้าพี่ | ||
เราเป็นใจไปเองเมื่อไรมี | ไม่พอที่จะขืนขัดบัญชา | ||
แม้นพระบิตุเรศรู้เหตุผล | เห็นพี่จะไม่พ้นโทษา | ||
ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา | รบเร้าเฝ้าว่าวิงวอน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดพระธิดาดวงสมร | ||
จำเป็นจำใจบทจร | บังอรอดสูดูร้าย | ||
ทำลับลับล่อล่อรอรั้ง | เบียดบังพี่เลี้ยงเมียงม่าย | ||
ผันแปรแลหลบตาชาย | ทั้งอายทั้งสะเทินเดินเลือกไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | |||
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์นับร้อยน้อยใหญ่ | ||
เห็นเจ็ดพระธิดายาใจ | ให้คิดพิสมัยในรูปทรง | ||
ตั้งใจดูนางไม่วางตา | เสน่หารุมรึงตะลึงหลง | ||
งามโฉมชะอ้อนอ่อนเอวองค์ | งามขนงวงพักตร์โสภา | ||
บ้างพูดกับเพื่อนสนิทไม่คิดอาย | อันน้องนุชสุดท้ายคงตายข้า | ||
เดี๋ยวนี้และมาลัยจะลอยมา | เจ้าคนนั้นกั้นหน้าข้าไว้ไย | ||
บ้างนั่งหยัดดัดทรงดูนรลักษณ์ | เหลือบมาสบพักตร์ยักคิ้วให้ | ||
ครั้นนางสะเทินเมินหน้าไป | แกล้งทำกระแอมไอเป็นแยบคาย | ||
บ้างพลางโกรธขึ้งหึงเพื่อนกัน | นางคนนั้นของข้าใครอย่าหมาย | ||
ต่างทะเลาะเกาะแกะกันวุ่นวาย | ถุ้งเถียงท้าทายมากมายไป | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดบุตรีศรีใส | ||
แต่เก้อเก้ออายอายวุ่นวายใจ | เลือกกษัตริย์น้อยใหญ่ทุกหน้ามา | ||
อันทั้งหกเทวีพี่นาง | เลือกได้รูปร่างงามหนักหนา | ||
เมียงม่ายหมายทิ้งพวงมาลา | สวมหัตถ์กษัตราทั้งหกองค์ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ ฝ่ายโฉมรจนาทรามวัย | นางไม่ต้องจิตคิดประสงค์ | ||
กลับมาเฝ้าบาทบิตุรงค์ | โฉมยงบังคมก้มพักตรา | ||
จึงทูลว่ากษัตริย์ทั้งนั้นไซร้ | ลูกมิได้มุ่งมาดปรารถนา | ||
จะขออยู่สนองรองบาทา | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์บ่นออดทอดใจใหญ่ | ||
ลูกเอ๋ยพ่อนี้หวังตั้งใจ | จะจัดแจงแต่งให้เห็นทันตา | ||
จึงประชุมพร้อมพรั่งครั้งนี้ | แต่ล้วนลูกผู้ดีมียศถา | ||
ทั้งรูปทรงส่งศรีโสภา | ยังไม่เสน่หาอาลัย | ||
แม่มณฑาจะคิดกระไรเล่า | ยังคนเดียวดอกเจ้าทำกรรมให้ | ||
มันไม่สิ้นห่วงบ่วงใย | ฉวยชั่วไปก็รำคาญขี้คร้านตี | ||
พี่คิดว่าสุดแท้แต่เราเถิด | ไม่พักประดักประเดิดจู้จี้ | ||
แต่งพร้อมกับพี่สาวเสียคราวนี้ | หรือไม่เห็นด้วยพี่จงท้วงติง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางมณฑาหวั่นจิตคิดกริ่ง | ||
จึงแถลงแจ้งในใจจริง | อันเป็นหญิงพงศ์เผ่าเหล่ากอ | ||
ถ้าใจไม่สมัครรักผัว | มักทำชั่วให้อายขายหน้าพ่อ | ||
พระองค์จงได้รั้งรอ | น้องจะขอให้ป่าวชาวพารา | ||
ครั้งนี้อย่าเลือกว่าแก่หนุ่ม | หามาประชุมจงพร้อมหน้า | ||
ให้เลือกตามใจรักอีกสักครา | สุดแต่วาสนาธิดาเรา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ตอบชอบแล้วเจ้า | ||
ที่ความวิตกนั้นค่อยบรรเทา | น้อยหรือนั่นขวัญข้าวเจ้าช่างคิด | ||
ว่าพลางทางมีบัญชา | ตรัสเรียกเสนาคนสนิท | ||
จงเข้ามาข้างในให้ใกล้ชิด | ประกาศิตสั่งไปมิได้ช้า | ||
อันหน่อกษัตริย์ทั้งหกองค์ | ซึ่งลูกรักเราจงเสน่หา | ||
ให้อยู่วังยั้งท่ารจนา | จะแต่งการวิวาห์ให้พร้อมกัน | ||
แต่พวกเมืองออกนอกนั้นไซร้ | ให้กลับไปนิเวศน์เขตขัณฑ์ | ||
เร่งร้องป่าวชาวเมืองทั้งปวงนั้น | จนชั้นทรพลคนเข็ญใจ | ||
ให้มันแต่งตัวตามทำนอง | มาประชุมหน้าท้องพระโรงใหญ่ | ||
จะให้ลูกรักร่วมฤทัย | เลือกคู่ดูใหม่ในพรุ่งนี้ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | ||
มาบอกกษัตราทุกธานี | ตามมีพระราชบัญชา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์ทั้งหกเร่งหรรษา | ||
นั่งสบายอารมณ์ดมมาลา | หัวเราะร่าขาแข้งกระดิกเพลา | ||
บ้างพูดจาเปรียบเปรยเย้ยเพื่อนกัน | อย่างไรนั่นลงนั่งกอดเข่า | ||
วาสนาหาไม่แล้วชาวเรา | แต่ได้เข้ามาเห็นก็เป็นดี | ||
หกองค์กระหยิ่มยิ้มย่อง | ผุดผ่องพักตราราศี | ||
ต่างต่างย่างเยื้องจรลี | เสนีนำหน้าพาไปวัง | ||
พวกที่ไม่สมปรารถนา | ดังจะเสียวิญญาณ์เป็นบ้าหลัง | ||
น้อยใจด้วยผู้หญิงชิงชัง | วาสนาหนหลังช่างอาภัพ | ||
ต่างแกล้งทำชื่นฝืนอารมณ์ | บ้างเดินหกล้มบ้างลมจับ | ||
เหงื่อไหลอาบหน้าเอาผ้าซับ | ขึ้นม้าช้างต่างกลับไปเวียงชัย | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | เสนานายอำเภอน้อยใหญ่ | ||
ทั้งรั้วแขวงตีฆ้องร้องป่าวไป | ทั่วในจังหวัดนัครา | ||
พรุ่งนี้แต่มืดขมุกขมัว | จงจัดแต่งตัวให้โอ่อ่า | ||
เข้าไปหน้าพระลานชานชาลา | พระธิดาจะเลือกเป็นคู่ครอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ประชาชายรู้ทั่วทุกบ้านช่อง | ||
บ้างเต้นบ้างรำทำคะนอง | กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ทุกคน | ||
พวกนักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่ว | ครอบครัวอัตคัดขัดสน | ||
ไม่มีผ้าเสื้อแสงจะแต่งตน | เที่ยวซุกซนยืมหยิบเพื่อนกัน | ||
เหล่าพวกอุตริริร่าง | ตัดผมยักอย่างให้สอยสั้น | ||
หวีกระจายรายเส้นเป็นแปรงชัน | เช็ดน้ำมันกันหน้าด้วยมีดน้อย | ||
บ้างติดตำรับใหญ่เอาไฟอัง | กระจกตั้งนั่งหย่งก่งคอสอย | ||
แค้นใจไม่ใคร่จะเรียบร้อย | เฝ้าตะบอยหวีหัวมัวเมา | ||
พวกเหล่าเจ้าชู้หัวอะกรม | เผ้าผมตกแสกทำหน้าเศร้า | ||
เชิงจะพูดจะจาคิ้วตามเพรา | นั่งไหนกอดเข่าเฝ้าทำทุกข์ | ||
พวกขุนนางต่างแต่งตัวลอง | นุ่งยกทองเกี้ยวส่านสีหมากสุก | ||
บ้างนุ่งลายพื้นตองลองนั่งลุก | ดูกระปุกกระปุยกรุยกราย | ||
ที่ป่วยไข้ได้ข่าวเขาป่าวร้อง | ลุกขึ้นเดินได้คล่องเหมือนหนึ่งหาย | ||
พาลโกรธภรรยาด่าแม่ยาย | เคืองขุ่นวุ่นวายเพราะรายนึก | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นไก่ขันแซ่เสียงเที่ยงคืน | ต่างคนต่างตื่นขึ้นแต่ดึก | ||
ตกแต่งกายาโอฬารึก | อื้ออึงอึกทึกไปทุกคน | ||
บ้างทาแป้งแต่งตัวฉุยฉาย | นุ่งลายนอกอย่างหางปัดสัน | ||
บ้างนุ่งห่มสมตัวตามจน | สับสนอลหม่านไม่หลับนอน | ||
พอท้องฟ้าขาวเช้าตรู่ | ที่ใครอยู่บ้านใกล้ก็ไปก่อน | ||
เนืองแน่นถนนในนคร | ค่อยผ่อนเข้าไปในวัง | ||
ลางคนแก่เฒ่าเกือบเข้าโลง | ก็เดินหอบหิ้งโครงมาข้างหลัง | ||
ถือไม้เท้าโซเซเก้กัง | เข้ามาด้วยเขามั่งไม่เจียมตน | ||
ที่เป็นง่อยเพลียเสียแข้งขา | ก็นั่งถดถัดมาตามถนน | ||
เจ็บปวดไม่ว่าอุตส่าห์ทน | เสลือกสลนกล่นเกลื่อนกันมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ คับคั่งทั้งท้องพระโรงชัย | ผู้ดีปนเข็ญใจก็ไม่ว่า | ||
อยากจะใคร่ได้องค์พระธิดา | ต่างคิดสมบัติบ้าอยู่ทุกคน | ||
บ้างชิงที่ตีต่อยปะเตะปะตะ | เอะอะอึงคะนึงสับสน | ||
ตำรวจวังถือหวายวิ่งวน | ไล่ขู่ผู้คนอยู่เป็นควัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามานต์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
จึงตรัสแก่ธิดาดวงจันทร์ | จอมขวัญของพ่อผู้ยอดรัก | ||
บัดนี้ชาวเมืองมาพร้อมหน้า | จงไปทัศนาให้ประจักษ์ | ||
เลือกคู่ดูให้งามพักตร์ | ตามแต่ใจรักเถิดลูกยา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นวลนางรจนาเสน่หา | ||
ก้มเกล้าดุษฎีแล้วลีลา | สองพี่เลี้ยงกัลยาก็ตามไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ เดินดูเสนาข้าเฝ้า | ทั้งเหล่าเศรษฐีผู้ดีไพร่ | ||
ให้เคืองคายนัยน์เนตรนางทรามวัย | มิได้ประกอบชอบวิญญาณ์ | ||
นางจึงเสด็จกลับมาฉับพลัน | อภิวันท์บิตุเรศนาถา | ||
ทูลว่าชาวเมืองที่ป่าวมา | ลูกไม่เสน่หาอาลัย | ||
ขออยู่ด้วยชนกชนนี | ที่จะมีภัสดานั้นหาไม่ | ||
เบื้องหน้าถ้าตัวลูกชั่วไป | จงฆ่าเสียอย่าไว้ชีวิต | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
บทละครนอก สังข์ทอง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๐
[ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน]