สุภาษิตสอนหญิง

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(บทประพันธ์)
แถว 6: แถว 6:
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
<tpoem>
<tpoem>
 +
  ๏ ประนมหัตถ์นมัสการขึ้นเหนือเศียร
 +
ต่างประทีปโกสุมปทุมเทียน  จำนงเนียรนบบาทพระศาสดา
 +
อันเป็นมิ่งโมลีสี่ทวีป  ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา
 +
ก็ล่วงลับดับไกลนัยนา  สู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์
 +
ฉันชื่อภู่ผู้ประดิษฐ์คิดสนอง  ขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม
 +
ให้ประเสริฐเลิศล้ำด้วยคำคม  โดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย ฯ
 +
 +
๏ ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอน  ชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย
 +
อันความชั่วอย่าให้มัวมีระคาย  จะสืบสายสุริยวงศ์เป็นมงคล
 +
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์  บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
 +
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล  จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา
 +
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด  ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
 +
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา  จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง
 +
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง  ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง
 +
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง  ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ
 +
 +
๏  จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน  ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
 +
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์  ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
 +
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์  บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน
 +
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ  คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
 +
ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาด  ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์
 +
ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์  ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม ฯ
 +
 +
๏  ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด  ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม
 +
อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม  เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที
 +
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม  อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
 +
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี  เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ
 +
ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ  ผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ
 +
อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือ  เขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร
 +
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต  ระวังปิดปกป้องของสงวน
 +
เป็นนารีที่ละอายหลายกระบวน  จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย
 +
อนึ่งเนตรอย่าสังเกตให้เกินนัก  จงรู้จักอาการประมาณหมาย
 +
แม้นประสบพบเหล่าเจ้าชู้ชาย  อย่าชม้ายทำชะม้อยตะบอยแล
 +
อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง  เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส
 +
จริงมิจริงเขาเอาไปเล่าแช  คนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม ฯ
 +
 +
๏ อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก  มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
 +
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์  อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
 +
ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก  เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่
 +
จงยับยั้งช่างใจเสียให้ดี  เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย
 +
อันตัวนางเปรียบอย่างปทุเมศ  พึงประเวศผุดพ้นชลสาย
 +
หอมผกาเกสรขจรขจาย  มิได้วายภุมรินถวิลปอง
 +
ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส  ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง
 +
ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดลอง  ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน
 +
แม้นชายใดหมายประสงค์มาหลงรัก  ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
 +
อันความรักของชายนี้หลายชั้น  เขาว่ารักรักนั้นประการใด
 +
จงพินิจพิศดูให้รู้แน่  อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล
 +
เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ  มันมักไพล่เพลงขุมเป็นหลุมพลาง
 +
อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัด  สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง
 +
แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนาง  มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย
 +
อันร้ายดีมิได้เห็นเป็นแต่ว่า  จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน
 +
เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกล  อย่าควรให้ตามคำเขารำพัน
 +
ทางไกลตาอุปมาเหมือนเสียเนตร  สุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์
 +
เขาจะนำไปตายก็ตายพลัน  คนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง
 +
อันแม่สื่อคือปีศาจที่อาจหาญ  ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง
 +
อย่าเชื่อนักมักตับก็คับโครง  มันชักโยงอยากกินแต่สินบน
 +
อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมด  ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน
 +
จงฟังหูไว้หูกับผู้คน  สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป ฯ
 +
 +
๏  คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก  มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล
 +
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร  แม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน
 +
มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสีย  เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล
 +
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน  แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว
 +
ที่บางคนนั้นชั่วเป็นหัวไม้  ให้พอใจชกตีเขาหมี่ฉาว
 +
ท่านจับได้ใส่ตรวจพรวดคอยาว  แล้วบอกข่าวโศกศัลย์ถึงภรรยา
 +
เขาเป็นผัวตัวเมียเสียไม่ได้  มีหาไม่เงินทองก็ต้องหา
 +
ไปเสียลดเสียหลั่นพันธนา  ค่าฤชาก็ต้องเสียขายเมียลง
 +
เพราะมีผัวชั่วไปจึงได้ยาก  แสนลำบากบอบนักอย่ามักหลง
 +
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วมัวทนง  หน่อยก็ลงจำนำเขาร่ำไป
 +
มีข้าวของเคยผูกให้ลูกเต้า  ก็เบียนเอาสิ้นสุดหาหยุดไม่
 +
ลงชั้นว่าผ้าผ่อนท่อนสไบ  อย่าไปไขว้เล่นไปจนโซโทรม
 +
ยังแต่เมียเกลี่ยไกล่ไปขายซื้อ  คอยหารือร่วมภิรมย์เมื่อชมโฉม
 +
ครั้นรักผัวก็อย่ามัวด้วยลมโลม  ต่อล้มโครมแล้วก็ครวญหวนถึงตัว
 +
จะคิดทำอย่างไรก็ใช่ที่  ต้องรับหนี้ยากแค้นใช้แทนผัว
 +
ถ้าคนผู้รู้สึกสำนึกตัว  จะยังชั่วด้วยไม่เฉยซะเลยใจ
 +
จะหาคู่สู่สมภิรมย์หวัง  จงระวังชั่วช้าอัชฌาสัย
 +
ที่ชายดีนั้นก็มีอยู่ถมไป  ใช่วิสัยเขาจะชั่วไปทั่วเมือง
 +
แต่ใจคนมักรนไปหาผิด  ครั้นได้คิดจิตตรอมออกผอมเหลือง
 +
ต้องเดือดดิ้นกินน้ำตาอยู่นองเนือง  สุดจะเปลื้องราคินจนสิ้นคาว ฯ
 +
 +
๏ เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัว  จะดีชั่วก็ยังกำลังสาว
 +
ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว  จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง
 +
ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับ  ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง
 +
คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง  เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี
 +
ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้ว  จะปัดแผ้วถางฝืนไม่คืนที่
 +
เหมือนทองแดงแฝงเฝ้าเป็นราคี  ยากจะมีผู้ประสงค์จำนงใน
 +
จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมอง  ถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข
 +
อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจ  จงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์
 +
แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่ง  จะเพริศพริ้งสมสวาทเป็นราชหงส์
 +
จงกำหนดอุตส่าห์รักษาทรง  อย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล
 +
อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า  เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน
 +
จงระวังตั้งมั่นในสันดาน  อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย
 +
เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่  อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย
 +
เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย  ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน
 +
ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำ  จะจองจำตีโบยออกโหยหน
 +
ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชน  ไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว
 +
ถ้าปะว่าแม่พ่อใจคอร้าย  กลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว
 +
แม้นชายจนคนขัดพลัดเข้าตัว  เราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง
 +
จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รัก  เพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหม็ง
 +
ชั้นพ่อแม่ของตัวไม่กลัวเกรง  ใจตัวเองพาหลงไปลงตม
 +
ท่านเลี้ยงมาจะให้เป็นหอห้อง  หมายจะกองทุนสินกินขนม
 +
ครั้นลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์  จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ
 +
แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า  ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส
 +
ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล  ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ฯ
 +
 +
๏  จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้  อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน
 +
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร  อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
 +
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น  อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่
 +
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี  เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์
 +
อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้  อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม
 +
อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม  จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน
 +
ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด  อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล
 +
เขม้นขะมักรักงานการของตน  อย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช
 +
เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน  อย่าเที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋
 +
อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล  ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน
 +
ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ  จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น
 +
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน  จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง
 +
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท  อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
 +
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง  อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน
 +
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ  ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
 +
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล  จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ
 +
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ  ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
 +
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร  หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง
 +
ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์  กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง
 +
จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง  กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน
 +
เทพไทในห้องสิบหกชั้น  จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร
 +
ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล  ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี ฯ
 +
 +
๏  ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต  มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี
 +
เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดี  ดูเป็นที่อายเพื่อนเบือนอารมณ์
 +
เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่  ท่านพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม
 +
ให้ตามหลังบังคับด้วยคำคม  ไม่ชื่นชมยกชูขึ้นบูชา
 +
คนผู้นั้นครั้นตายวายชีวาตม์  คงไม่คลาดแคล้วนรกตกถลา
 +
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันพระจันทรา  ทรมาน์หมกไหม้ในไฟฟอน
 +
ถ้าอยู่ไปในมนุษย์โลกเล่า  เทพเจ้าท่านก็แช่งแสร้งสังหรณ์
 +
ให้ยากยับอัปราอนาทร  ยิ่งกว่าทำมารดรให้ร้อนใจ
 +
แม้จะมีเงินทองของทั้งหลาย  คงฉิบหายมั่นคงอย่าสงสัย
 +
จะเกิดโจรราวีอัคคีภัย  เพราะว่าใจหยาบช้าคิดทารุณ
 +
หญิงเช่นนี้ชายอย่าได้ไปร่วมรัก  จะเสื่อมศักดิ์เสียเช่นเป็นสถุล
 +
แต่พ่อแม่เจียวยังใจไม่การุญ  เนรคุณมิได้คิดอนิจจัง
 +
ซึ่งสตรีที่ดีอย่าดูเยี่ยง  จงหลีกเลี่ยงเสียให้พ้นคนขี้ถัง
 +
แม้นร่วมรอยก็จะพลอยระยำมัง  ดุจดังเอาทองแดงเข้าแฝงกุม ฯ
 +
 +
๏ จะสอนใจไว้ทุกสิ่งเป็นหญิงสาว  ให้พ้นคาวข่าวชั่วมามั่วสุม
 +
ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุม  จงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง
 +
อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษ  ตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง
 +
ถึงจะรักรักให้ยืดอย่าจืดจาง  จะไว้วางกริยาให้น่าดู
 +
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น  อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
 +
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู  คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
 +
แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย  อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย
 +
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร  ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา
 +
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก  จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
 +
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา  จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
 +
ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว  อย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม
 +
เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม  มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น
 +
ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว  แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น
 +
จงอุตส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น  จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา
 +
เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง  จงระวังในจิตขนิษฐา
 +
อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา  แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน
 +
เห็นผู้ใหญ่หรือใครเขานั่งแน่น  อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน
 +
ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล  นั่นแหละคนจึงจะมีปรานีนาง
 +
แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน  อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง
 +
ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง  ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว
 +
ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า  ไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว
 +
ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว  แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย
 +
เมื่อยามยิ้มก็ยิ้มไว้แต่ในพักตร์  อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย
 +
อย่าเท้าแขนเท้าคางให้ห่างกาย  อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง
 +
จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง  อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง
 +
ใช่บ้านนอกขอกนามาแต่เยิง  ทำเซาะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป ฯ
 +
 +
๏ เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง  แต่งให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่
 +
ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป  อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี
 +
เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง  แต่พอแจ้งเข้าก็จับกระจกหวี
 +
ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี  จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา
 +
อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด  ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา
 +
เผื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา  จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย
 +
รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา  จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย
 +
มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย  ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง
 +
การวิชาหาประดับสำหรับร่าง  อย่าเอาอย่างหญิงโกงมันโฉงเฉง
 +
การมิดีมีชั่วมันกลัวเกรง  อย่าครื้นเครงขับร้องคะนองใจ
 +
คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวาย  อย่าให้กายตกยากลำบากได้
 +
พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร  อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน
 +
ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน  ค่อยผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ
 +
อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน  ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย
 +
อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก  ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย
 +
ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย  อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ
 +
เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง  อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน
 +
ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน  เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร
 +
จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม  อย่ากระหยิ่มยศถาอัชฌาสัย
 +
อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป  ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร  ฯ
 +
 +
๏ อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว  ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน
 +
สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล  เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล
 +
พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี  ให้เวียนหวีได้วันละพันหน
 +
ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวล  แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา
 +
ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู  ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา
 +
วันนี้มีละครใครที่ไหนมา  แม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป
 +
นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง  ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล
 +
บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป  ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย
 +
บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น  เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย
 +
ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกาย  พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง
 +
ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก  ปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง
 +
ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง  จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว
 +
ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง  ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว
 +
ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว  ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา
 +
พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก  เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา
 +
เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอา  นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน
 +
ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น  สู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน
 +
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน  ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย
 +
หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว  ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย
 +
ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย  ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ
 +
มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้าน  จะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ
 +
แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ  ขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน
 +
อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระ  คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน
 +
คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน  จะคบคนพลเรือนก็เต็มที
 +
ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ  ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่
 +
ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี  ข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน
 +
แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า  จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน
 +
มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน  ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ
 +
หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก  จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ
 +
ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ  หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล ฯ
 +
 +
๏ หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ  เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน
 +
ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน  เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา
 +
ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง  เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา
 +
พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา  เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง
 +
ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น  เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง
 +
ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง  เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย
 +
ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น  เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย
 +
ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย  ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี
 +
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์  เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี
 +
เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี  มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว
 +
ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์  ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว
 +
อุตส่าห์แต่งแป้งขมิ้นไม่สิ้นคราว  ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน
 +
ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย  เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน
 +
ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน  ลงแต่งตนขายกินจนสิ้นดี
 +
สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้  ว่าผู้ใดงามพักตร์สมศักดิ์ศรี
 +
ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี  แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป
 +
ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า  อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย
 +
ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร  เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ ฯ
 +
 +
๏ ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์  แต่งประดับผิวพรรณในสัณฐาน
 +
ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาลย์  แลละลานล้วนสุวรรณอันลออ
 +
เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง  เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ
 +
แต่ตัวจนอ้นอั้นตันในคอ  ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย
 +
หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง  ต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย
 +
แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย  สายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง
 +
แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ  ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง
 +
ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง  จนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม
 +
ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์  ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วส่ำสาม
 +
ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม  ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว
 +
เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่  สมกับผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว
 +
เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว  ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มไปจมแปลง
 +
เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่  จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง
 +
เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง  เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ
 +
๏ ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง  เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด
 +
เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส  ใครมาจดโผจับรับตะกาง
 +
จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น  เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง
 +
ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาง  ก็ขัดขวางหึงสาจะฆ่าฟัน
 +
เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย  ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน
 +
เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์  ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับไอ้โจร
 +
โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง  จนลือดังข่าวก้องดังกลองโขน
 +
เพราะนิสัยใจขนิษฐ์เล่นปลิดโยน  จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย
 +
ต่างคนต่างก็เชือนออกเบือนเบื่อ  ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย
 +
อันผัวดีที่จะได้อย่าหมายเลย  ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล ฯ
 +
 +
๏ บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด  ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธิ์
 +
ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน  เที่ยววานคนแต่งให้พอได้การ
 +
บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ  ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน
 +
ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ  บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ
 +
ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น  ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม
 +
ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม  จนเลยลามลืมบ้านสถานตน
 +
ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก  เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน
 +
ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน  หมายประจญจะให้ดับที่อับอาย
 +
รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด  จะปกปิดเปลวไฟไม่เห็นหาย
 +
เทพเจ้าท่านไม่เข้าด้วยคนร้าย  คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา
 +
ครั้นคิดล้างอย่างไรก็ไม่สูญ  ก็อาดูรพูนเกิดสหัสสา
 +
ทำอย่างไรมันก็ไม่มรณา  เป็นเวราบาปนั้นไม่บรรเทา
 +
ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไข  เอาลูกไปมุ่งหมกยกให้เขา
 +
แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนา  พอปัดเป่าความอายให้หายแคลง
 +
ที่ชายโหดโฉดเขลาเข้าไปรับ  มันช่างหลับตาสนิทไม่คิดแหนง
 +
ดังแผ่นดินสิ้นหญ้าสุธาแพลง  มาแอบแฝงเอามันเป็นว่านเครือ
 +
ไม่คิดอายขายหน้านิจจาเอ๋ย  เหมือนไม่เคยพบปะจะกละเหลือ
 +
ลูกของเขาเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชื้อ  นึกว่าเนื้อบุญธรรมกรรมไม่มี
 +
เหมือนเช่นเราเขาจะให้ก็ไม่รัก  มันขายพักตร์สารพัดจะบัดสี
 +
ถึงรูปร่างอย่างยุพินกินรี  แต่เช่นนี้แล้วไม่ปองประคองเคียง
 +
เป็นขนิษฐ์ชอบแต่คิดให้เป็นหนึ่ง  ไม่ควรถึงอย่าให้ถึงกับปากเสียง
 +
เอ่ยว่ารักแล้วให้ได้ร่วมเรียง  เป็นคู่เคียงของตัวว่าผัวเมีย
 +
ท่านเปรียบมาเหมือนหนึ่งตราราชสีห์  ไม่พอที่เสียนวลไม่ควรเสีย
 +
เป็นอนงค์แล้วก็คงจะเป็นเมีย  ย่อมมีเบี้ยปรับไหมวิสัยนาง
 +
ที่เกิดมาเป็นนารีไม่มีค่า  จะเกิดมาทำไมให้หมองหมาง
 +
เหมือนกรวดทรายปรายเล่นไม่เว้นวาง  จะเอาอย่างนางโมราหรือว่าไป
 +
เมื่อไม่ถือตราภูมิไว้คุ้มห้าม  คนจึงลามเลยลวนมากวนได้
 +
แม้นรู้จักรักษาถือตราไว้  จะคุ้มภัยให้พ้นมีคนกลัว
 +
อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาด  จับให้คงลงให้ขาดว่าเป็นผัว
 +
จึงนับว่าคนดีไม่มีมัว  ถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย
 +
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ  สุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย
 +
ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลาย  ก็จะกลายส่งสวยด้วยใจงาม ฯ
 +
 +
๏ บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น  ยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม
 +
ทำรักซ้อนซ่อนสนิทปิดเนื้อความ  จนเลยลามเป็นระฆังดังขึ้นเอง
 +
ครั้นรู้ความถามไถ่ก็ไม่รับ  เขาเฆี่ยนขับตีด่าว่าข่มเหง
 +
พลอยประจบหลบความไปตามเพลง  เพราะผัวเองจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
 +
ทำองอาจพลาดพลั้งลงทั้งคู่  เขาจับได้ชายชู้ดูน่าขัน
 +
ไม่แปรดแปร้นแสนสลดเหมือนทศกัณฐ์  ต้องโศกศัลย์เศร้าใจอยู่ในตรวน
 +
เคยที่นอนหมอนหนุนละมุนนิ่ม  ไปนอนทิมกรากกรำเฝ้ากำสรวล
 +
เล็นก็กัดหมัดก็กินจนสิ้นนวล  แลแต่ล้วนลูกความออกหลามไป
 +
ครั้นเห็นชู้คู่ชมภิรมย์รื่น  ก็ไม่ชื่นชมชิดพิศมัย
 +
จะพึ่งชู้ชู้ก็เพียบกรอบเกรียบใจ  จะพึ่งผัวตัวก็ไม่เมตตาตน
 +
ตระลาการท่านถามเอาความชั่ว  ข้างตัวกลัวก็บอกออกนุสนธิ์
 +
เขาเฮฮาหน้าสลดต้องอดทน  แทบจะด้นดำดินให้สิ้นอาย
 +
ครั้นซักไซ้ไต่ถามได้ความชัด  จึงจำกัดศักดินาราคาขาย
 +
ถ้ารักชู้ก็ให้อยู่กับชู้ชาย  มันเบื่อหน่ายขายกลับเอาทรัพย์คืน
 +
ก็สาสมกับอารมณ์สตรีชั่ว  อยู่กับผัวร่วมใจว่าไม่ชื่น
 +
ไปคบชู้ชู้ชักหักทั้งยืน  ต้องกล้ำกลืนชลนัยน์อาลัยวอน
 +
ที่ใครเห็นจะเมตตานั้นหายาก  มีแต่ปากแช่งอนงค์ส่งสลอน
 +
ก็เพราะเหตุตัวชั่วลือขจร  ที่เคยนอนนั่งสบายว่าไม่ดี
 +
ครั้นลำบากยากจิตสิได้คิด  แต่มันผิดเสียถนัดต้องบัดสี
 +
ใช่ไม่รู้เขาห้ามความถ้อยมี  ชั่วหรือดีได้ยินสิ้นทุกคน
 +
เออก็ใจเป็นไฉนนะน้องเอ๋ย  มันจึงเลยไหลฉ่ำดังน้ำฝน
 +
ช่างไม่คร้ามความชั่วติดตัวตน  ทำซุกซนจนได้ยากลำบากกาย
 +
มันเสียแล้วถึงจะฝืนไม่คืนศักดิ์  จะลงรักทองปิดไม่มิดหาย
 +
อันความชั่วติดตัวกว่าจะตาย  เปรียบเหมือนกายกามีราคีคาว
 +
ถึงบินออกนอกตำบลให้พ้นเขต  คงบอกเหตุรู้ว่าใช่กาขาว
 +
ห้ามมันยากปากมนุษย์นี้สุดยาว  ไม่แกล้งกล่าวค่อนว่าแก่นารี
 +
ผู้ใดคิดผิดพลั้งเหมือนอย่างว่า  ถูกตำราแล้วอย่าโกรธพิโรธพี่
 +
ควรยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี  ถ้าหลีกลี้เลิกเล่นไม่เป็นไร
 +
แม้นชั่วช้าใครว่าแล้วโกรธเขา  เช่นตัวเราผู้แต่งแถลงไข
 +
จะวิบัติบาปกรรมซ้ำหนักไป  ถึงตกใต้เทวทัตเพราะขัดเคือง
 +
แม้คนดีมีปัญญาถ้าไม่โกรธ  เห็นประโยชน์ตัดชั่วในตัวเปลื้อง
 +
ให้พ้นทุกข์สุขีเป็นศรีเมือง  อย่าแค้นเคืองคำข้าขออภัย  ฯ
 +
 +
๏ เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์  จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่
 +
อันความดีมีอยู่ดูจำไว้  อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม
 +
จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ  จงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม
 +
อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม  มโนน้อมเสน่หาต่อสามี
 +
อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวัง  ไม่จีรังกาลดอกบอกโฉมศรี
 +
เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้  ถ้าแม้นมีข้าวของต้องบำเรอ
 +
ธุระอะไรจะให้มันเสียของ  อันเงินทองผัวสิทำสน่ำเสนอ
 +
เพราะเชื่อใจภรรยายิ่งกว่าเกลอ  ควรบำเรอลูกผัวของตัวตน
 +
จะมีจิตพิศวาสไม่คลาดเคลื่อน  เพราะแม่เรือนร่วมใจจึงได้ผล
 +
แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญ  จะพาตนยากยับอัประมาณ
 +
จงกันภัยในเล่ห์เสน่หา  อย่าให้มาปนปะจงประหาร
 +
เอาความสัตย์ตัดตั้งปฏิญาณ  ถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร
 +
จงซื่อต่อภัสดาสวามี  จนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัย
 +
อย่าให้มีราคินที่กินใจ  อุปไมยเหมือนอนงค์องค์สีดา
 +
ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้  ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์
 +
หญิงเดี๋ยวนี้แม้นมีสัตยา  ภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน ฯ
 +
 +
๏ แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิต  เร่งเกรงผิดกลัวใจใหญ่มหันต์
 +
คำนับนอบสามีทุกวี่วัน  อย่าดุดันดื้อดึงตะบึงบอน
 +
ยามสิ้นแสงสุริยาอย่าไปไหน  จุดไต้ไฟเข้าไปส่องในห้องก่อน
 +
ระวังดูปูปัดสลัดที่นอน  ทั้งฟูกหมอนอย่าให้มีธุลีลง
 +
ถ้าแม้นว่าภัสดาเข้าไสยาสน์  จงกราบบาททุกครั้งอย่าพลั้งหลง
 +
เขาเหนื่อยเหน็บเจ็บปวดในทรวงทรง  ช่วยบรรจงนวดฟั้นให้บรรเทา
 +
ประพฤติกายสายสมรจะนอนหลับ  อย่ากลิ้งกลับมือไม้ไปป่ายเขา
 +
นอนให้ดีมีสติสิริเรา  อย่าซมเซาอยู่จนแจ้งแสงพยับ
 +
จงรีบฟื้นตื่นก่อนภัสดา  น้ำล้างหน้าหาไว้ให้เสร็จสรรพ
 +
จึงหุงข้าวต้มแกงแต่งสำรับ  จัดประดับเทียมทำให้น้ำนวล
 +
ทั้งกระโถนคนทีขัดสีไว้  ให้ผ่องใสสวยตาดูน่าบ้วน
 +
อีกน้ำท่าอย่าให้ผงลงไปกวน  จงใคร่ครวญพิเคราะห์ให้เหมาะการ
 +
แม้นรู้ว่าสามีจะไปไหน  แต่ยังไม่ตื่นพรากจากสถาน
 +
ประจงปลุกภัสดาอย่าช้านาน  ให้ลุกขึ้นรับประทานโภชนา
 +
จงระวังนั่งดูอยู่ใกล้ใกล้  เผื่ออะไรมันขาดจะเรียกหา
 +
อย่าให้ต้องร้องตะโกนโพนทะนา  จงอุตส่าห์ตั้งใจระไวระวัง
 +
อยู่จนผัวรับประทานอาหารแล้ว  นางน้องแก้วเจ้าจงกินเมื่อภายหลัง
 +
อย่ากินก่อนภัสดาดูน่าชัง  เขาจะรังเกียจใจดูไม่ดี  ฯ
 +
 +
๏ ถ้าผัวทำราชการพระผ่านเกล้า  เคยเข้าเฝ้าสู่วังนรังศรี
 +
ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดี  หมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน
 +
อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนอง  ตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน
 +
ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคิน  จึงจะภิญโญยศปรากฎไป ฯ
 +
 +
๏ เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง  อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย
 +
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ  ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์
 +
แม้นผัวเดือดเจ้าจงดับระงับไว้  อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม
 +
เขาเป็นไฟเราเป็นน้ำค่อยพรำพรม  แม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม
 +
อันโมโหโทโสไม่อดได้  ความในใจก็จะดังออกกลางสนาม
 +
ที่ชาวบ้านท่านไม่รู้จะรู้ความ  อย่าทำตามใจนักมักจะเคย
 +
เอาใจผัวผัวจะรักเจ้าหนักหนา  หมั่นนำพาการเรือนอย่าเชือนเฉย
 +
แม้นผัวทุกข์ขุกไข้ไม่เสบย  อย่าวายเวยลามลวนให้กวนใจ
 +
จงแย้มสรวลชวนปลอบให้ชอบชื่น  เห็นเริงรื่นหัทยาจึงปราศรัย
 +
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัย  แม้นสิ่งไรเขาไม่ชื่นอย่าขืนทำ
 +
จะพูดจาสารพัดประหยัดปาก  อย่าพูดมากเติมต่อซึ่งข้อขำ
 +
ความสิ่งไรในจิตจงปิดงำ  อย่าควรนำแนะออกไปนอกเรือน
 +
การสิ่งไรที่ชั่วผัวเขาห้าม  ประพฤติตามแบบแผนให้แม้นเหมือน
 +
อย่าดึงดื้อถือตนเป็นคนเชือน  จะเอ่ยเอื้อนโอภาให้น่าฟัง ฯ
 +
 +
๏ แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา  อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง
 +
พึ่งข่มขืนกลืนไว้ในอุรัง  อุตส่าห์บังกลบเกลื่อนที่เงื่อนเงา
 +
จึงจะว่านารีมีความคิด  รู้ปกปิดมิดโทษไม่โฉดเขลา
 +
ถึงใครรู้อยู่ว่าคมต้องชมเรา  หนึ่งผัวเขาเล่าก็เห็นว่าเป็นดี
 +
การนินทาด่าผัวนั้นชั่วถ่อย  เป็นคนน้อยปัญญาเสียราศี
 +
ถึงร้างหย่าหาใหม่วิสัยมี  ชายที่ดีรู้กำพืดก็จืดไป
 +
บ้างทำกลัวตัวสั่นแต่ต่อหน้า  ถึงตีด่าก็นิ่งไม่ติงไหว
 +
ครั้นผัวเดินเกินเลยเฉยเฉียดไป  ก็ด่าให้ไม่ดังตั้งกระซิบ
 +
ทำเสงี่ยมเจียมตัวผัวไม่เห็น  ดูเหมือนเช่นปากว่าตาขยิบ
 +
ครั้นว่าเขาเข้าใจรู้ไหวพริบ  ก็ต้องริบต้องร้างระคางแคลง ฯ
 +
 +
๏ บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจ  หมิ่นประมาททุ่มเถียงส่งเสียงแข็ง
 +
สำรากก้องร้องแทรกแหกกระแซง  ตะคอกแกล้งข่มขี่ให้ผัวกลัว
 +
ขู่คำรนบ่นว่าด่าประชด  ให้สามีอัปยศลงหดหัว
 +
ลุอำนาจไม่อาจขยาดตัว  มัดมือผัวผูกแขนแค่นเฆี่ยนตี
 +
ทรมานภัสดาน่าสังเวช  ดูเหมือนเปรตเวทนาน่าบัดสี
 +
ยังมิหนำซ้ำป่าวเหล่านารี  ที่ไม่มีภัสดาให้มาดู
 +
ข้างฝ่ายผัวใจดีมิได้ว่า  นิ่งให้เมียเฆี่ยนด่าน่าอดสู
 +
ดูเหมือนแม่กับลูกผูกขึ้นชู  มิได้สู้รบรับสัประยุทธ์
 +
ช่างกระไรใจคอมันอดได้  ดูเหมือนไม่มีจิตผิดบุรุษ
 +
จึงยอมตัวกลัวเมียจนหัวมุด  น้อยมนุษย์ที่จะเป็นได้เช่นนั้น
 +
เหมือนเช่นเราแล้วไม่ต้องให้ตีตบ  คงสู้รบโต้เต็มให้เข้มขัน
 +
จะถีบถองเสียให้ยับไล่ขับกัน  ร้างหย่ามันเสียให้ค้างอยู่กลางคัน ฯ
 +
 +
๏ สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้  ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร
 +
ใช่จะแกล้งแต่งคำมารำพัน  คนทุกวันอย่างนี้มีอาเกียรณ์
 +
จะร่ำไปสักเท่าไรก็ไม่หมด  ขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน
 +
อุตส่าห์ตรองตริตรึกนึกจำเนียร  ตั้งความเพียรผูกข้อต่อเรื่องราว
 +
พอเป็นเรื่องสำหรับดับทุกข์โทษ  เป็นประโยชน์แก่สตรีที่สวยสาว
 +
เป็นตำหรับแบบฉบับไปยืดยาว  ในเรื่องราวสุภาษิตลิขิตความ
 +
ข้อไหนชั่วแล้วอย่ามัวไปขืนทำ  จงจดจำบุญบาปอย่าหยาบหยาม
 +
เก็บประกอบเอาแต่ชอบในเรื่องความ  ประพฤติตามห้ามใจเสียให้ดี
 +
อย่าฟังเปล่าเอาแต่กลอนสุนทรเพราะ  จงพิเคราะห์คำเลิศประเสริฐศรี
 +
ไว้เป็นแบบสอนตนพ้นราคี  กันบัดสีคำค่อนคนนินทา
 +
ให้สุขีศรีเมืองเลื่องลือฟุ้ง  หอมจรุงกลิ่นกลั้วทั่วทิศา
 +
เป็นที่ชื่นเช่นอย่างนางสีดา  ในใต้หล้าหมายประคองตัวน้องเอย ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

การปรับปรุง เมื่อ 07:56, 9 กรกฎาคม 2552

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

๏ ประนมหัตถ์นมัสการขึ้นเหนือเศียร
ต่างประทีปโกสุมปทุมเทียนจำนงเนียรนบบาทพระศาสดา
อันเป็นมิ่งโมลีสี่ทวีปดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา
ก็ล่วงลับดับไกลนัยนาสู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์
ฉันชื่อภู่ผู้ประดิษฐ์คิดสนองขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม
ให้ประเสริฐเลิศล้ำด้วยคำคมโดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย ฯ
๏ ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอนชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย
อันความชั่วอย่าให้มัวมีระคายจะสืบสายสุริยวงศ์เป็นมงคล
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกลจึงจะพ้นภัยพาลการนินทา
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาดก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคาจะพลอยพาหอมหายจากกายนาง
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูงดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วางให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ
๏      จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวนให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญคงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง
ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาดว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์
ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม ฯ
๏      ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาดค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม
อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปรามเสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่มอย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดีเหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ
ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ
อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือเขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิตระวังปิดปกป้องของสงวน
เป็นนารีที่ละอายหลายกระบวนจงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย
อนึ่งเนตรอย่าสังเกตให้เกินนักจงรู้จักอาการประมาณหมาย
แม้นประสบพบเหล่าเจ้าชู้ชายอย่าชม้ายทำชะม้อยตะบอยแล
อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมองเหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส
จริงมิจริงเขาเอาไปเล่าแชคนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม ฯ
๏ อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรักมิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบกเขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่
จงยับยั้งช่างใจเสียให้ดีเหมือนจามรีรู้จักรักษากาย
อันตัวนางเปรียบอย่างปทุเมศพึงประเวศผุดพ้นชลสาย
หอมผกาเกสรขจรขจายมิได้วายภุมรินถวิลปอง
ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาสก็นิราศแรมจรัลผันผยอง
ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดลองดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน
แม้นชายใดหมายประสงค์มาหลงรักให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
อันความรักของชายนี้หลายชั้นเขาว่ารักรักนั้นประการใด
จงพินิจพิศดูให้รู้แน่อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล
เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจมันมักไพล่เพลงขุมเป็นหลุมพลาง
อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัดสารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง
แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนางมาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย
อันร้ายดีมิได้เห็นเป็นแต่ว่าจะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน
เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกลอย่าควรให้ตามคำเขารำพัน
ทางไกลตาอุปมาเหมือนเสียเนตรสุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์
เขาจะนำไปตายก็ตายพลันคนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง
อันแม่สื่อคือปีศาจที่อาจหาญใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง
อย่าเชื่อนักมักตับก็คับโครงมันชักโยงอยากกินแต่สินบน
อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมดต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน
จงฟังหูไว้หูกับผู้คนสืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป ฯ
๏      คิดถึงตัวหาผัวนี้หายากมันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไรแม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน
มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสียเหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตนแล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว
ที่บางคนนั้นชั่วเป็นหัวไม้ให้พอใจชกตีเขาหมี่ฉาว
ท่านจับได้ใส่ตรวจพรวดคอยาวแล้วบอกข่าวโศกศัลย์ถึงภรรยา
เขาเป็นผัวตัวเมียเสียไม่ได้มีหาไม่เงินทองก็ต้องหา
ไปเสียลดเสียหลั่นพันธนาค่าฤชาก็ต้องเสียขายเมียลง
เพราะมีผัวชั่วไปจึงได้ยากแสนลำบากบอบนักอย่ามักหลง
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วมัวทนงหน่อยก็ลงจำนำเขาร่ำไป
มีข้าวของเคยผูกให้ลูกเต้าก็เบียนเอาสิ้นสุดหาหยุดไม่
ลงชั้นว่าผ้าผ่อนท่อนสไบอย่าไปไขว้เล่นไปจนโซโทรม
ยังแต่เมียเกลี่ยไกล่ไปขายซื้อคอยหารือร่วมภิรมย์เมื่อชมโฉม
ครั้นรักผัวก็อย่ามัวด้วยลมโลมต่อล้มโครมแล้วก็ครวญหวนถึงตัว
จะคิดทำอย่างไรก็ใช่ที่ต้องรับหนี้ยากแค้นใช้แทนผัว
ถ้าคนผู้รู้สึกสำนึกตัวจะยังชั่วด้วยไม่เฉยซะเลยใจ
จะหาคู่สู่สมภิรมย์หวังจงระวังชั่วช้าอัชฌาสัย
ที่ชายดีนั้นก็มีอยู่ถมไปใช่วิสัยเขาจะชั่วไปทั่วเมือง
แต่ใจคนมักรนไปหาผิดครั้นได้คิดจิตตรอมออกผอมเหลือง
ต้องเดือดดิ้นกินน้ำตาอยู่นองเนืองสุดจะเปลื้องราคินจนสิ้นคาว ฯ
๏ เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัวจะดีชั่วก็ยังกำลังสาว
ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาวจะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง
ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง
คงมีผู้ชูช่วยประคับประคองเปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี
ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้วจะปัดแผ้วถางฝืนไม่คืนที่
เหมือนทองแดงแฝงเฝ้าเป็นราคียากจะมีผู้ประสงค์จำนงใน
จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมองถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข
อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจจงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์
แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่งจะเพริศพริ้งสมสวาทเป็นราชหงส์
จงกำหนดอุตส่าห์รักษาทรงอย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล
อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้าเขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน
จงระวังตั้งมั่นในสันดานอย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย
เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย
เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอายต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน
ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำจะจองจำตีโบยออกโหยหน
ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชนไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว
ถ้าปะว่าแม่พ่อใจคอร้ายกลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว
แม้นชายจนคนขัดพลัดเข้าตัวเราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง
จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รักเพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหม็ง
ชั้นพ่อแม่ของตัวไม่กลัวเกรงใจตัวเองพาหลงไปลงตม
ท่านเลี้ยงมาจะให้เป็นหอห้องหมายจะกองทุนสินกินขนม
ครั้นลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ
แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่าญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส
ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกลก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ฯ
๏      จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน
คิดถึงหน้าบิดาและมารดรอย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่นอยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดีเมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์
อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม
อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยมจะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน
ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอดอย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล
เขม้นขะมักรักงานการของตนอย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช
เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้านอย่าเที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋
อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแลฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน
ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของจะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมันจงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาทอย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจงอย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาลจงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไรหมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง
ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง
จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวงกว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน
เทพไทในห้องสิบหกชั้นจะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร
ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาลได้เลี้ยงท่านชนกชนนี ฯ
๏      ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริตมิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี
เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดีดูเป็นที่อายเพื่อนเบือนอารมณ์
เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่ท่านพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม
ให้ตามหลังบังคับด้วยคำคมไม่ชื่นชมยกชูขึ้นบูชา
คนผู้นั้นครั้นตายวายชีวาตม์คงไม่คลาดแคล้วนรกตกถลา
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันพระจันทราทรมาน์หมกไหม้ในไฟฟอน
ถ้าอยู่ไปในมนุษย์โลกเล่าเทพเจ้าท่านก็แช่งแสร้งสังหรณ์
ให้ยากยับอัปราอนาทรยิ่งกว่าทำมารดรให้ร้อนใจ
แม้จะมีเงินทองของทั้งหลายคงฉิบหายมั่นคงอย่าสงสัย
จะเกิดโจรราวีอัคคีภัยเพราะว่าใจหยาบช้าคิดทารุณ
หญิงเช่นนี้ชายอย่าได้ไปร่วมรักจะเสื่อมศักดิ์เสียเช่นเป็นสถุล
แต่พ่อแม่เจียวยังใจไม่การุญเนรคุณมิได้คิดอนิจจัง
ซึ่งสตรีที่ดีอย่าดูเยี่ยงจงหลีกเลี่ยงเสียให้พ้นคนขี้ถัง
แม้นร่วมรอยก็จะพลอยระยำมังดุจดังเอาทองแดงเข้าแฝงกุม ฯ
๏ จะสอนใจไว้ทุกสิ่งเป็นหญิงสาวให้พ้นคาวข่าวชั่วมามั่วสุม
ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุมจงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง
อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง
ถึงจะรักรักให้ยืดอย่าจืดจางจะไว้วางกริยาให้น่าดู
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้นอย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกูคนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
แม้จะเรียนวิชาทางค้าขายอย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไรด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปากจะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตาจะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยวอย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม
เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตามมันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น
ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่วแต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น
จงอุตส่าห์ปกปิดให้มิดเม้นจึงจะเป็นคนดีมีปัญญา
เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่งจงระวังในจิตขนิษฐา
อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌาแม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน
เห็นผู้ใหญ่หรือใครเขานั่งแน่นอย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน
ค่อยวอนว่าข้าขอจรดลนั่นแหละคนจึงจะมีปรานีนาง
แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหนอย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง
ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานางความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว
ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้าไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว
ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัวแม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย
เมื่อยามยิ้มก็ยิ้มไว้แต่ในพักตร์อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย
อย่าเท้าแขนเท้าคางให้ห่างกายอย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง
จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่งอย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง
ใช่บ้านนอกขอกนามาแต่เยิงทำเซาะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป ฯ
๏ เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวงแต่งให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่
ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไปอย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี
เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่งแต่พอแจ้งเข้าก็จับกระจกหวี
ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มีจะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา
อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิดให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา
เผื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนาจะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย
รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขาจึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย
มีข้าไทใช้สอยค่อยสบายตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง
การวิชาหาประดับสำหรับร่างอย่าเอาอย่างหญิงโกงมันโฉงเฉง
การมิดีมีชั่วมันกลัวเกรงอย่าครื้นเครงขับร้องคะนองใจ
คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวายอย่าให้กายตกยากลำบากได้
พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไรอย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน
ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อนค่อยผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ
อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกินละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย
อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจกทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย
ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดายอย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ
เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่งอย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน
ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวันเหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร
จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิมอย่ากระหยิ่มยศถาอัชฌาสัย
อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไปตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร      ฯ
๏ อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่วที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน
สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวลเป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล
พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศีให้เวียนหวีได้วันละพันหน
ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวลแต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา
ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหูยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา
วันนี้มีละครใครที่ไหนมาแม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป
นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลงดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล
บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไปช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย
บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้นเที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย
ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกายพวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง
ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอกปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง
ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิงจะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว
ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟังทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว
ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียวประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา
พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนักเห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา
เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอานั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน
ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้นสู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกนก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย
หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้วให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย
ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามายไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ
มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้านจะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ
แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน
อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระคิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน
คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือนจะคบคนพลเรือนก็เต็มที
ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่
ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรีข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน
แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้าจนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน
มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืนใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ
หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวกจำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ
ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบหล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล ฯ
๏ หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อเฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน
ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดานเห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา
ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่งเที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา
พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจาเป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง
ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้นเป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง
ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริงเขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย
ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่นเขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย
ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอยไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี
เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธีมันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว
ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว
อุตส่าห์แต่งแป้งขมิ้นไม่สิ้นคราวไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน
ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลายเห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน
ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจนลงแต่งตนขายกินจนสิ้นดี
สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ว่าผู้ใดงามพักตร์สมศักดิ์ศรี
ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรีแม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป
ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้าอย่าถือว่าตนงามตามวิสัย
ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไรเขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ ฯ
๏ ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์แต่งประดับผิวพรรณในสัณฐาน
ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาลย์แลละลานล้วนสุวรรณอันลออ
เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้างเอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ
แต่ตัวจนอ้นอั้นตันในคอลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย
หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่องต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย
แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวายสายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง
แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง
ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรืองจนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม
ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วส่ำสาม
ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตามไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว
เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่สมกับผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว
เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียวไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มไปจมแปลง
เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง
เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรงเขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ
๏ ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่งเป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด
เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รสใครมาจดโผจับรับตะกาง
จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่นเล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง
ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคางก็ขัดขวางหึงสาจะฆ่าฟัน
เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมายทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน
เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับไอ้โจร
โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่งจนลือดังข่าวก้องดังกลองโขน
เพราะนิสัยใจขนิษฐ์เล่นปลิดโยนจนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย
ต่างคนต่างก็เชือนออกเบือนเบื่อต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย
อันผัวดีที่จะได้อย่าหมายเลยด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล ฯ
๏ บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัดฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธิ์
ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรนเที่ยววานคนแต่งให้พอได้การ
บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน
ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญบอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ
ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่นชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม
ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงามจนเลยลามลืมบ้านสถานตน
ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนักเป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน
ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปนหมายประจญจะให้ดับที่อับอาย
รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิดจะปกปิดเปลวไฟไม่เห็นหาย
เทพเจ้าท่านไม่เข้าด้วยคนร้ายคงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา
ครั้นคิดล้างอย่างไรก็ไม่สูญก็อาดูรพูนเกิดสหัสสา
ทำอย่างไรมันก็ไม่มรณาเป็นเวราบาปนั้นไม่บรรเทา
ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไขเอาลูกไปมุ่งหมกยกให้เขา
แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนาพอปัดเป่าความอายให้หายแคลง
ที่ชายโหดโฉดเขลาเข้าไปรับมันช่างหลับตาสนิทไม่คิดแหนง
ดังแผ่นดินสิ้นหญ้าสุธาแพลงมาแอบแฝงเอามันเป็นว่านเครือ
ไม่คิดอายขายหน้านิจจาเอ๋ยเหมือนไม่เคยพบปะจะกละเหลือ
ลูกของเขาเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชื้อนึกว่าเนื้อบุญธรรมกรรมไม่มี
เหมือนเช่นเราเขาจะให้ก็ไม่รักมันขายพักตร์สารพัดจะบัดสี
ถึงรูปร่างอย่างยุพินกินรีแต่เช่นนี้แล้วไม่ปองประคองเคียง
เป็นขนิษฐ์ชอบแต่คิดให้เป็นหนึ่งไม่ควรถึงอย่าให้ถึงกับปากเสียง
เอ่ยว่ารักแล้วให้ได้ร่วมเรียงเป็นคู่เคียงของตัวว่าผัวเมีย
ท่านเปรียบมาเหมือนหนึ่งตราราชสีห์ไม่พอที่เสียนวลไม่ควรเสีย
เป็นอนงค์แล้วก็คงจะเป็นเมียย่อมมีเบี้ยปรับไหมวิสัยนาง
ที่เกิดมาเป็นนารีไม่มีค่าจะเกิดมาทำไมให้หมองหมาง
เหมือนกรวดทรายปรายเล่นไม่เว้นวางจะเอาอย่างนางโมราหรือว่าไป
เมื่อไม่ถือตราภูมิไว้คุ้มห้ามคนจึงลามเลยลวนมากวนได้
แม้นรู้จักรักษาถือตราไว้จะคุ้มภัยให้พ้นมีคนกลัว
อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาดจับให้คงลงให้ขาดว่าเป็นผัว
จึงนับว่าคนดีไม่มีมัวถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศสุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย
ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลายก็จะกลายส่งสวยด้วยใจงาม ฯ
๏ บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่นยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม
ทำรักซ้อนซ่อนสนิทปิดเนื้อความจนเลยลามเป็นระฆังดังขึ้นเอง
ครั้นรู้ความถามไถ่ก็ไม่รับเขาเฆี่ยนขับตีด่าว่าข่มเหง
พลอยประจบหลบความไปตามเพลงเพราะผัวเองจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
ทำองอาจพลาดพลั้งลงทั้งคู่เขาจับได้ชายชู้ดูน่าขัน
ไม่แปรดแปร้นแสนสลดเหมือนทศกัณฐ์ต้องโศกศัลย์เศร้าใจอยู่ในตรวน
เคยที่นอนหมอนหนุนละมุนนิ่มไปนอนทิมกรากกรำเฝ้ากำสรวล
เล็นก็กัดหมัดก็กินจนสิ้นนวลแลแต่ล้วนลูกความออกหลามไป
ครั้นเห็นชู้คู่ชมภิรมย์รื่นก็ไม่ชื่นชมชิดพิศมัย
จะพึ่งชู้ชู้ก็เพียบกรอบเกรียบใจจะพึ่งผัวตัวก็ไม่เมตตาตน
ตระลาการท่านถามเอาความชั่วข้างตัวกลัวก็บอกออกนุสนธิ์
เขาเฮฮาหน้าสลดต้องอดทนแทบจะด้นดำดินให้สิ้นอาย
ครั้นซักไซ้ไต่ถามได้ความชัดจึงจำกัดศักดินาราคาขาย
ถ้ารักชู้ก็ให้อยู่กับชู้ชายมันเบื่อหน่ายขายกลับเอาทรัพย์คืน
ก็สาสมกับอารมณ์สตรีชั่วอยู่กับผัวร่วมใจว่าไม่ชื่น
ไปคบชู้ชู้ชักหักทั้งยืนต้องกล้ำกลืนชลนัยน์อาลัยวอน
ที่ใครเห็นจะเมตตานั้นหายากมีแต่ปากแช่งอนงค์ส่งสลอน
ก็เพราะเหตุตัวชั่วลือขจรที่เคยนอนนั่งสบายว่าไม่ดี
ครั้นลำบากยากจิตสิได้คิดแต่มันผิดเสียถนัดต้องบัดสี
ใช่ไม่รู้เขาห้ามความถ้อยมีชั่วหรือดีได้ยินสิ้นทุกคน
เออก็ใจเป็นไฉนนะน้องเอ๋ยมันจึงเลยไหลฉ่ำดังน้ำฝน
ช่างไม่คร้ามความชั่วติดตัวตนทำซุกซนจนได้ยากลำบากกาย
มันเสียแล้วถึงจะฝืนไม่คืนศักดิ์จะลงรักทองปิดไม่มิดหาย
อันความชั่วติดตัวกว่าจะตายเปรียบเหมือนกายกามีราคีคาว
ถึงบินออกนอกตำบลให้พ้นเขตคงบอกเหตุรู้ว่าใช่กาขาว
ห้ามมันยากปากมนุษย์นี้สุดยาวไม่แกล้งกล่าวค่อนว่าแก่นารี
ผู้ใดคิดผิดพลั้งเหมือนอย่างว่าถูกตำราแล้วอย่าโกรธพิโรธพี่
ควรยับยั้งชั่งใจเสียให้ดีถ้าหลีกลี้เลิกเล่นไม่เป็นไร
แม้นชั่วช้าใครว่าแล้วโกรธเขาเช่นตัวเราผู้แต่งแถลงไข
จะวิบัติบาปกรรมซ้ำหนักไปถึงตกใต้เทวทัตเพราะขัดเคือง
แม้คนดีมีปัญญาถ้าไม่โกรธเห็นประโยชน์ตัดชั่วในตัวเปลื้อง
ให้พ้นทุกข์สุขีเป็นศรีเมืองอย่าแค้นเคืองคำข้าขออภัย      ฯ
๏ เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่
อันความดีมีอยู่ดูจำไว้อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม
จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติจงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม
อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอมมโนน้อมเสน่หาต่อสามี
อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวังไม่จีรังกาลดอกบอกโฉมศรี
เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้ถ้าแม้นมีข้าวของต้องบำเรอ
ธุระอะไรจะให้มันเสียของอันเงินทองผัวสิทำสน่ำเสนอ
เพราะเชื่อใจภรรยายิ่งกว่าเกลอควรบำเรอลูกผัวของตัวตน
จะมีจิตพิศวาสไม่คลาดเคลื่อนเพราะแม่เรือนร่วมใจจึงได้ผล
แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญจะพาตนยากยับอัประมาณ
จงกันภัยในเล่ห์เสน่หาอย่าให้มาปนปะจงประหาร
เอาความสัตย์ตัดตั้งปฏิญาณถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร
จงซื่อต่อภัสดาสวามีจนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัย
อย่าให้มีราคินที่กินใจอุปไมยเหมือนอนงค์องค์สีดา
ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์
หญิงเดี๋ยวนี้แม้นมีสัตยาภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน ฯ
๏ แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิตเร่งเกรงผิดกลัวใจใหญ่มหันต์
คำนับนอบสามีทุกวี่วันอย่าดุดันดื้อดึงตะบึงบอน
ยามสิ้นแสงสุริยาอย่าไปไหนจุดไต้ไฟเข้าไปส่องในห้องก่อน
ระวังดูปูปัดสลัดที่นอนทั้งฟูกหมอนอย่าให้มีธุลีลง
ถ้าแม้นว่าภัสดาเข้าไสยาสน์จงกราบบาททุกครั้งอย่าพลั้งหลง
เขาเหนื่อยเหน็บเจ็บปวดในทรวงทรงช่วยบรรจงนวดฟั้นให้บรรเทา
ประพฤติกายสายสมรจะนอนหลับอย่ากลิ้งกลับมือไม้ไปป่ายเขา
นอนให้ดีมีสติสิริเราอย่าซมเซาอยู่จนแจ้งแสงพยับ
จงรีบฟื้นตื่นก่อนภัสดาน้ำล้างหน้าหาไว้ให้เสร็จสรรพ
จึงหุงข้าวต้มแกงแต่งสำรับจัดประดับเทียมทำให้น้ำนวล
ทั้งกระโถนคนทีขัดสีไว้ให้ผ่องใสสวยตาดูน่าบ้วน
อีกน้ำท่าอย่าให้ผงลงไปกวนจงใคร่ครวญพิเคราะห์ให้เหมาะการ
แม้นรู้ว่าสามีจะไปไหนแต่ยังไม่ตื่นพรากจากสถาน
ประจงปลุกภัสดาอย่าช้านานให้ลุกขึ้นรับประทานโภชนา
จงระวังนั่งดูอยู่ใกล้ใกล้เผื่ออะไรมันขาดจะเรียกหา
อย่าให้ต้องร้องตะโกนโพนทะนาจงอุตส่าห์ตั้งใจระไวระวัง
อยู่จนผัวรับประทานอาหารแล้วนางน้องแก้วเจ้าจงกินเมื่อภายหลัง
อย่ากินก่อนภัสดาดูน่าชังเขาจะรังเกียจใจดูไม่ดี      ฯ
๏ ถ้าผัวทำราชการพระผ่านเกล้าเคยเข้าเฝ้าสู่วังนรังศรี
ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดีหมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน
อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนองตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน
ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคินจึงจะภิญโญยศปรากฎไป ฯ
๏ เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิงอย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์
แม้นผัวเดือดเจ้าจงดับระงับไว้อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม
เขาเป็นไฟเราเป็นน้ำค่อยพรำพรมแม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม
อันโมโหโทโสไม่อดได้ความในใจก็จะดังออกกลางสนาม
ที่ชาวบ้านท่านไม่รู้จะรู้ความอย่าทำตามใจนักมักจะเคย
เอาใจผัวผัวจะรักเจ้าหนักหนาหมั่นนำพาการเรือนอย่าเชือนเฉย
แม้นผัวทุกข์ขุกไข้ไม่เสบยอย่าวายเวยลามลวนให้กวนใจ
จงแย้มสรวลชวนปลอบให้ชอบชื่นเห็นเริงรื่นหัทยาจึงปราศรัย
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัยแม้นสิ่งไรเขาไม่ชื่นอย่าขืนทำ
จะพูดจาสารพัดประหยัดปากอย่าพูดมากเติมต่อซึ่งข้อขำ
ความสิ่งไรในจิตจงปิดงำอย่าควรนำแนะออกไปนอกเรือน
การสิ่งไรที่ชั่วผัวเขาห้ามประพฤติตามแบบแผนให้แม้นเหมือน
อย่าดึงดื้อถือตนเป็นคนเชือนจะเอ่ยเอื้อนโอภาให้น่าฟัง ฯ
๏ แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดาอย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง
พึ่งข่มขืนกลืนไว้ในอุรังอุตส่าห์บังกลบเกลื่อนที่เงื่อนเงา
จึงจะว่านารีมีความคิดรู้ปกปิดมิดโทษไม่โฉดเขลา
ถึงใครรู้อยู่ว่าคมต้องชมเราหนึ่งผัวเขาเล่าก็เห็นว่าเป็นดี
การนินทาด่าผัวนั้นชั่วถ่อยเป็นคนน้อยปัญญาเสียราศี
ถึงร้างหย่าหาใหม่วิสัยมีชายที่ดีรู้กำพืดก็จืดไป
บ้างทำกลัวตัวสั่นแต่ต่อหน้าถึงตีด่าก็นิ่งไม่ติงไหว
ครั้นผัวเดินเกินเลยเฉยเฉียดไปก็ด่าให้ไม่ดังตั้งกระซิบ
ทำเสงี่ยมเจียมตัวผัวไม่เห็นดูเหมือนเช่นปากว่าตาขยิบ
ครั้นว่าเขาเข้าใจรู้ไหวพริบก็ต้องริบต้องร้างระคางแคลง ฯ
๏ บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจหมิ่นประมาททุ่มเถียงส่งเสียงแข็ง
สำรากก้องร้องแทรกแหกกระแซงตะคอกแกล้งข่มขี่ให้ผัวกลัว
ขู่คำรนบ่นว่าด่าประชดให้สามีอัปยศลงหดหัว
ลุอำนาจไม่อาจขยาดตัวมัดมือผัวผูกแขนแค่นเฆี่ยนตี
ทรมานภัสดาน่าสังเวชดูเหมือนเปรตเวทนาน่าบัดสี
ยังมิหนำซ้ำป่าวเหล่านารีที่ไม่มีภัสดาให้มาดู
ข้างฝ่ายผัวใจดีมิได้ว่านิ่งให้เมียเฆี่ยนด่าน่าอดสู
ดูเหมือนแม่กับลูกผูกขึ้นชูมิได้สู้รบรับสัประยุทธ์
ช่างกระไรใจคอมันอดได้ดูเหมือนไม่มีจิตผิดบุรุษ
จึงยอมตัวกลัวเมียจนหัวมุดน้อยมนุษย์ที่จะเป็นได้เช่นนั้น
เหมือนเช่นเราแล้วไม่ต้องให้ตีตบคงสู้รบโต้เต็มให้เข้มขัน
จะถีบถองเสียให้ยับไล่ขับกันร้างหย่ามันเสียให้ค้างอยู่กลางคัน ฯ
๏ สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร
ใช่จะแกล้งแต่งคำมารำพันคนทุกวันอย่างนี้มีอาเกียรณ์
จะร่ำไปสักเท่าไรก็ไม่หมดขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน
อุตส่าห์ตรองตริตรึกนึกจำเนียรตั้งความเพียรผูกข้อต่อเรื่องราว
พอเป็นเรื่องสำหรับดับทุกข์โทษเป็นประโยชน์แก่สตรีที่สวยสาว
เป็นตำหรับแบบฉบับไปยืดยาวในเรื่องราวสุภาษิตลิขิตความ
ข้อไหนชั่วแล้วอย่ามัวไปขืนทำจงจดจำบุญบาปอย่าหยาบหยาม
เก็บประกอบเอาแต่ชอบในเรื่องความประพฤติตามห้ามใจเสียให้ดี
อย่าฟังเปล่าเอาแต่กลอนสุนทรเพราะจงพิเคราะห์คำเลิศประเสริฐศรี
ไว้เป็นแบบสอนตนพ้นราคีกันบัดสีคำค่อนคนนินทา
ให้สุขีศรีเมืองเลื่องลือฟุ้งหอมจรุงกลิ่นกลั้วทั่วทิศา
เป็นที่ชื่นเช่นอย่างนางสีดาในใต้หล้าหมายประคองตัวน้องเอย ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว