สุภาษิตสà¸à¸™à¸«à¸à¸´à¸‡
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→บทประพันธ์) |
(→บทประพันธ์) |
||
แถว 22: | แถว 22: | ||
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ | ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ | ||
- | ๏ | + | ๏ จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี |
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน | จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน | ||
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์ บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน | จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์ บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน | ||
แถว 29: | แถว 29: | ||
ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์ ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม ฯ | ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์ ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม ฯ | ||
- | ๏ | + | ๏ ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม |
อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที | อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที | ||
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี | อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี | ||
แถว 65: | แถว 65: | ||
จงฟังหูไว้หูกับผู้คน สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป ฯ | จงฟังหูไว้หูกับผู้คน สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป ฯ | ||
- | ๏ | + | ๏ คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล |
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร แม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน | คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร แม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน | ||
มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสีย เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล | มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสีย เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล | ||
แถว 111: | แถว 111: | ||
ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ฯ | ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ฯ | ||
- | ๏ | + | ๏ จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน |
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี | คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี | ||
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ | เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ | ||
แถว 134: | แถว 134: | ||
ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี ฯ | ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี ฯ | ||
- | ๏ | + | ๏ ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี |
เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดี ดูเป็นที่อายเพื่อนเบือนอารมณ์ | เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดี ดูเป็นที่อายเพื่อนเบือนอารมณ์ | ||
เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่ ท่านพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม | เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่ ท่านพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม |
รุ่นปัจจุบันของ 07:57, 9 กรกฎาคม 2552
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
๏ ประนมหัตถ์นมัสการขึ้นเหนือเศียร | |||
ต่างประทีปโกสุมปทุมเทียน | จำนงเนียรนบบาทพระศาสดา | ||
อันเป็นมิ่งโมลีสี่ทวีป | ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา | ||
ก็ล่วงลับดับไกลนัยนา | สู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์ | ||
ฉันชื่อภู่ผู้ประดิษฐ์คิดสนอง | ขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม | ||
ให้ประเสริฐเลิศล้ำด้วยคำคม | โดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย ฯ | ||
๏ ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอน | ชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย | ||
อันความชั่วอย่าให้มัวมีระคาย | จะสืบสายสุริยวงศ์เป็นมงคล | ||
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ | บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล | ||
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล | จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา | ||
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด | ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า | ||
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา | จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง | ||
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง | ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง | ||
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง | ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี ฯ | ||
๏ จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน | ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี | ||
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ | ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน | ||
จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์ | บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน | ||
เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ | คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง | ||
ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาด | ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์ | ||
ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์ | ไม่รู้จักแต่งองค์ก็เสียงาม ฯ | ||
๏ ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด | ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม | ||
อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม | เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที | ||
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม | อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี | ||
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี | เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ | ||
ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ | ผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ | ||
อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือ | เขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร | ||
อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต | ระวังปิดปกป้องของสงวน | ||
เป็นนารีที่ละอายหลายกระบวน | จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย | ||
อนึ่งเนตรอย่าสังเกตให้เกินนัก | จงรู้จักอาการประมาณหมาย | ||
แม้นประสบพบเหล่าเจ้าชู้ชาย | อย่าชม้ายทำชะม้อยตะบอยแล | ||
อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง | เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส | ||
จริงมิจริงเขาเอาไปเล่าแช | คนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม ฯ | ||
๏ อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก | มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม | ||
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ | อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี | ||
ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก | เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ | ||
จงยับยั้งช่างใจเสียให้ดี | เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย | ||
อันตัวนางเปรียบอย่างปทุเมศ | พึงประเวศผุดพ้นชลสาย | ||
หอมผกาเกสรขจรขจาย | มิได้วายภุมรินถวิลปอง | ||
ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส | ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง | ||
ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดลอง | ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน | ||
แม้นชายใดหมายประสงค์มาหลงรัก | ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น | ||
อันความรักของชายนี้หลายชั้น | เขาว่ารักรักนั้นประการใด | ||
จงพินิจพิศดูให้รู้แน่ | อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล | ||
เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ | มันมักไพล่เพลงขุมเป็นหลุมพลาง | ||
อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัด | สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง | ||
แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนาง | มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย | ||
อันร้ายดีมิได้เห็นเป็นแต่ว่า | จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน | ||
เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกล | อย่าควรให้ตามคำเขารำพัน | ||
ทางไกลตาอุปมาเหมือนเสียเนตร | สุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ | ||
เขาจะนำไปตายก็ตายพลัน | คนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง | ||
อันแม่สื่อคือปีศาจที่อาจหาญ | ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง | ||
อย่าเชื่อนักมักตับก็คับโครง | มันชักโยงอยากกินแต่สินบน | ||
อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมด | ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน | ||
จงฟังหูไว้หูกับผู้คน | สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป ฯ | ||
๏ คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก | มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล | ||
คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร | แม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน | ||
มักเบียดเบียนบีฑาประดาเสีย | เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล | ||
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน | แล้วซุกซนตีชิงเที่ยววิ่งราว | ||
ที่บางคนนั้นชั่วเป็นหัวไม้ | ให้พอใจชกตีเขาหมี่ฉาว | ||
ท่านจับได้ใส่ตรวจพรวดคอยาว | แล้วบอกข่าวโศกศัลย์ถึงภรรยา | ||
เขาเป็นผัวตัวเมียเสียไม่ได้ | มีหาไม่เงินทองก็ต้องหา | ||
ไปเสียลดเสียหลั่นพันธนา | ค่าฤชาก็ต้องเสียขายเมียลง | ||
เพราะมีผัวชั่วไปจึงได้ยาก | แสนลำบากบอบนักอย่ามักหลง | ||
บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วมัวทนง | หน่อยก็ลงจำนำเขาร่ำไป | ||
มีข้าวของเคยผูกให้ลูกเต้า | ก็เบียนเอาสิ้นสุดหาหยุดไม่ | ||
ลงชั้นว่าผ้าผ่อนท่อนสไบ | อย่าไปไขว้เล่นไปจนโซโทรม | ||
ยังแต่เมียเกลี่ยไกล่ไปขายซื้อ | คอยหารือร่วมภิรมย์เมื่อชมโฉม | ||
ครั้นรักผัวก็อย่ามัวด้วยลมโลม | ต่อล้มโครมแล้วก็ครวญหวนถึงตัว | ||
จะคิดทำอย่างไรก็ใช่ที่ | ต้องรับหนี้ยากแค้นใช้แทนผัว | ||
ถ้าคนผู้รู้สึกสำนึกตัว | จะยังชั่วด้วยไม่เฉยซะเลยใจ | ||
จะหาคู่สู่สมภิรมย์หวัง | จงระวังชั่วช้าอัชฌาสัย | ||
ที่ชายดีนั้นก็มีอยู่ถมไป | ใช่วิสัยเขาจะชั่วไปทั่วเมือง | ||
แต่ใจคนมักรนไปหาผิด | ครั้นได้คิดจิตตรอมออกผอมเหลือง | ||
ต้องเดือดดิ้นกินน้ำตาอยู่นองเนือง | สุดจะเปลื้องราคินจนสิ้นคาว ฯ | ||
๏ เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัว | จะดีชั่วก็ยังกำลังสาว | ||
ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว | จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง | ||
ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับ | ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง | ||
คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง | เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี | ||
ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้ว | จะปัดแผ้วถางฝืนไม่คืนที่ | ||
เหมือนทองแดงแฝงเฝ้าเป็นราคี | ยากจะมีผู้ประสงค์จำนงใน | ||
จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมอง | ถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข | ||
อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจ | จงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์ | ||
แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่ง | จะเพริศพริ้งสมสวาทเป็นราชหงส์ | ||
จงกำหนดอุตส่าห์รักษาทรง | อย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล | ||
อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า | เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน | ||
จงระวังตั้งมั่นในสันดาน | อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย | ||
เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ | อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย | ||
เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย | ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน | ||
ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำ | จะจองจำตีโบยออกโหยหน | ||
ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชน | ไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว | ||
ถ้าปะว่าแม่พ่อใจคอร้าย | กลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว | ||
แม้นชายจนคนขัดพลัดเข้าตัว | เราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง | ||
จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รัก | เพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหม็ง | ||
ชั้นพ่อแม่ของตัวไม่กลัวเกรง | ใจตัวเองพาหลงไปลงตม | ||
ท่านเลี้ยงมาจะให้เป็นหอห้อง | หมายจะกองทุนสินกินขนม | ||
ครั้นลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์ | จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ | ||
แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า | ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส | ||
ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล | ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ฯ | ||
๏ จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ | อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน | ||
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร | อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี | ||
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น | อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ | ||
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี | เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์ | ||
อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้ | อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม | ||
อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม | จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน | ||
ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด | อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล | ||
เขม้นขะมักรักงานการของตน | อย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช | ||
เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน | อย่าเที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋ | ||
อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล | ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน | ||
ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ | จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น | ||
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน | จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง | ||
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท | อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ | ||
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง | อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน | ||
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ | ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน | ||
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล | จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ | ||
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ | ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ | ||
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร | หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง | ||
ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์ | กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง | ||
จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง | กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน | ||
เทพไทในห้องสิบหกชั้น | จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร | ||
ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล | ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี ฯ | ||
๏ ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต | มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี | ||
เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ใยดี | ดูเป็นที่อายเพื่อนเบือนอารมณ์ | ||
เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่ | ท่านพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม | ||
ให้ตามหลังบังคับด้วยคำคม | ไม่ชื่นชมยกชูขึ้นบูชา | ||
คนผู้นั้นครั้นตายวายชีวาตม์ | คงไม่คลาดแคล้วนรกตกถลา | ||
ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันพระจันทรา | ทรมาน์หมกไหม้ในไฟฟอน | ||
ถ้าอยู่ไปในมนุษย์โลกเล่า | เทพเจ้าท่านก็แช่งแสร้งสังหรณ์ | ||
ให้ยากยับอัปราอนาทร | ยิ่งกว่าทำมารดรให้ร้อนใจ | ||
แม้จะมีเงินทองของทั้งหลาย | คงฉิบหายมั่นคงอย่าสงสัย | ||
จะเกิดโจรราวีอัคคีภัย | เพราะว่าใจหยาบช้าคิดทารุณ | ||
หญิงเช่นนี้ชายอย่าได้ไปร่วมรัก | จะเสื่อมศักดิ์เสียเช่นเป็นสถุล | ||
แต่พ่อแม่เจียวยังใจไม่การุญ | เนรคุณมิได้คิดอนิจจัง | ||
ซึ่งสตรีที่ดีอย่าดูเยี่ยง | จงหลีกเลี่ยงเสียให้พ้นคนขี้ถัง | ||
แม้นร่วมรอยก็จะพลอยระยำมัง | ดุจดังเอาทองแดงเข้าแฝงกุม ฯ | ||
๏ จะสอนใจไว้ทุกสิ่งเป็นหญิงสาว | ให้พ้นคาวข่าวชั่วมามั่วสุม | ||
ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุม | จงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง | ||
อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษ | ตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง | ||
ถึงจะรักรักให้ยืดอย่าจืดจาง | จะไว้วางกริยาให้น่าดู | ||
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น | อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู | ||
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู | คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ | ||
แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย | อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย | ||
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร | ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา | ||
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก | จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา | ||
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา | จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ | ||
ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว | อย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม | ||
เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม | มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น | ||
ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว | แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น | ||
จงอุตส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น | จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา | ||
เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง | จงระวังในจิตขนิษฐา | ||
อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา | แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน | ||
เห็นผู้ใหญ่หรือใครเขานั่งแน่น | อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน | ||
ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล | นั่นแหละคนจึงจะมีปรานีนาง | ||
แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน | อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง | ||
ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง | ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว | ||
ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า | ไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว | ||
ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว | แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย | ||
เมื่อยามยิ้มก็ยิ้มไว้แต่ในพักตร์ | อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย | ||
อย่าเท้าแขนเท้าคางให้ห่างกาย | อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง | ||
จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง | อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง | ||
ใช่บ้านนอกขอกนามาแต่เยิง | ทำเซาะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป ฯ | ||
๏ เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง | แต่งให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่ | ||
ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป | อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี | ||
เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง | แต่พอแจ้งเข้าก็จับกระจกหวี | ||
ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี | จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา | ||
อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด | ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา | ||
เผื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา | จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย | ||
รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา | จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย | ||
มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย | ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง | ||
การวิชาหาประดับสำหรับร่าง | อย่าเอาอย่างหญิงโกงมันโฉงเฉง | ||
การมิดีมีชั่วมันกลัวเกรง | อย่าครื้นเครงขับร้องคะนองใจ | ||
คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวาย | อย่าให้กายตกยากลำบากได้ | ||
พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร | อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน | ||
ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน | ค่อยผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ | ||
อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน | ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย | ||
อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก | ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย | ||
ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย | อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ | ||
เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง | อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน | ||
ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน | เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร | ||
จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม | อย่ากระหยิ่มยศถาอัชฌาสัย | ||
อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป | ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร ฯ | ||
๏ อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว | ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน | ||
สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล | เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล | ||
พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี | ให้เวียนหวีได้วันละพันหน | ||
ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวล | แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา | ||
ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู | ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา | ||
วันนี้มีละครใครที่ไหนมา | แม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป | ||
นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง | ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล | ||
บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป | ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย | ||
บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น | เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย | ||
ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกาย | พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง | ||
ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก | ปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง | ||
ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง | จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว | ||
ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง | ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว | ||
ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว | ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา | ||
พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก | เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา | ||
เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอา | นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน | ||
ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น | สู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน | ||
ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน | ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย | ||
หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว | ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย | ||
ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย | ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ | ||
มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้าน | จะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ | ||
แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ | ขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน | ||
อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระ | คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน | ||
คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน | จะคบคนพลเรือนก็เต็มที | ||
ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ | ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่ | ||
ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี | ข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน | ||
แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า | จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน | ||
มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน | ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ | ||
หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก | จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ | ||
ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ | หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล ฯ | ||
๏ หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ | เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน | ||
ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน | เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา | ||
ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง | เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา | ||
พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา | เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง | ||
ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น | เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง | ||
ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง | เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย | ||
ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น | เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย | ||
ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย | ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี | ||
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์ | เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี | ||
เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี | มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว | ||
ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ | ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว | ||
อุตส่าห์แต่งแป้งขมิ้นไม่สิ้นคราว | ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน | ||
ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย | เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน | ||
ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน | ลงแต่งตนขายกินจนสิ้นดี | ||
สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ | ว่าผู้ใดงามพักตร์สมศักดิ์ศรี | ||
ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี | แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป | ||
ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า | อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย | ||
ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร | เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ ฯ | ||
๏ ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์ | แต่งประดับผิวพรรณในสัณฐาน | ||
ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาลย์ | แลละลานล้วนสุวรรณอันลออ | ||
เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง | เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ | ||
แต่ตัวจนอ้นอั้นตันในคอ | ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย | ||
หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง | ต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย | ||
แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย | สายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง | ||
แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ | ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง | ||
ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง | จนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม | ||
ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ | ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วส่ำสาม | ||
ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม | ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว | ||
เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่ | สมกับผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว | ||
เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว | ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มไปจมแปลง | ||
เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่ | จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง | ||
เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง | เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ | ||
๏ ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง | เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด | ||
เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส | ใครมาจดโผจับรับตะกาง | ||
จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น | เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง | ||
ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาง | ก็ขัดขวางหึงสาจะฆ่าฟัน | ||
เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย | ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน | ||
เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ | ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับไอ้โจร | ||
โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง | จนลือดังข่าวก้องดังกลองโขน | ||
เพราะนิสัยใจขนิษฐ์เล่นปลิดโยน | จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย | ||
ต่างคนต่างก็เชือนออกเบือนเบื่อ | ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย | ||
อันผัวดีที่จะได้อย่าหมายเลย | ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล ฯ | ||
๏ บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด | ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธิ์ | ||
ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน | เที่ยววานคนแต่งให้พอได้การ | ||
บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ | ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน | ||
ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ | บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ | ||
ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น | ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม | ||
ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม | จนเลยลามลืมบ้านสถานตน | ||
ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก | เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน | ||
ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน | หมายประจญจะให้ดับที่อับอาย | ||
รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด | จะปกปิดเปลวไฟไม่เห็นหาย | ||
เทพเจ้าท่านไม่เข้าด้วยคนร้าย | คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา | ||
ครั้นคิดล้างอย่างไรก็ไม่สูญ | ก็อาดูรพูนเกิดสหัสสา | ||
ทำอย่างไรมันก็ไม่มรณา | เป็นเวราบาปนั้นไม่บรรเทา | ||
ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไข | เอาลูกไปมุ่งหมกยกให้เขา | ||
แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนา | พอปัดเป่าความอายให้หายแคลง | ||
ที่ชายโหดโฉดเขลาเข้าไปรับ | มันช่างหลับตาสนิทไม่คิดแหนง | ||
ดังแผ่นดินสิ้นหญ้าสุธาแพลง | มาแอบแฝงเอามันเป็นว่านเครือ | ||
ไม่คิดอายขายหน้านิจจาเอ๋ย | เหมือนไม่เคยพบปะจะกละเหลือ | ||
ลูกของเขาเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชื้อ | นึกว่าเนื้อบุญธรรมกรรมไม่มี | ||
เหมือนเช่นเราเขาจะให้ก็ไม่รัก | มันขายพักตร์สารพัดจะบัดสี | ||
ถึงรูปร่างอย่างยุพินกินรี | แต่เช่นนี้แล้วไม่ปองประคองเคียง | ||
เป็นขนิษฐ์ชอบแต่คิดให้เป็นหนึ่ง | ไม่ควรถึงอย่าให้ถึงกับปากเสียง | ||
เอ่ยว่ารักแล้วให้ได้ร่วมเรียง | เป็นคู่เคียงของตัวว่าผัวเมีย | ||
ท่านเปรียบมาเหมือนหนึ่งตราราชสีห์ | ไม่พอที่เสียนวลไม่ควรเสีย | ||
เป็นอนงค์แล้วก็คงจะเป็นเมีย | ย่อมมีเบี้ยปรับไหมวิสัยนาง | ||
ที่เกิดมาเป็นนารีไม่มีค่า | จะเกิดมาทำไมให้หมองหมาง | ||
เหมือนกรวดทรายปรายเล่นไม่เว้นวาง | จะเอาอย่างนางโมราหรือว่าไป | ||
เมื่อไม่ถือตราภูมิไว้คุ้มห้าม | คนจึงลามเลยลวนมากวนได้ | ||
แม้นรู้จักรักษาถือตราไว้ | จะคุ้มภัยให้พ้นมีคนกลัว | ||
อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาด | จับให้คงลงให้ขาดว่าเป็นผัว | ||
จึงนับว่าคนดีไม่มีมัว | ถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย | ||
เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ | สุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย | ||
ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลาย | ก็จะกลายส่งสวยด้วยใจงาม ฯ | ||
๏ บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น | ยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม | ||
ทำรักซ้อนซ่อนสนิทปิดเนื้อความ | จนเลยลามเป็นระฆังดังขึ้นเอง | ||
ครั้นรู้ความถามไถ่ก็ไม่รับ | เขาเฆี่ยนขับตีด่าว่าข่มเหง | ||
พลอยประจบหลบความไปตามเพลง | เพราะผัวเองจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน | ||
ทำองอาจพลาดพลั้งลงทั้งคู่ | เขาจับได้ชายชู้ดูน่าขัน | ||
ไม่แปรดแปร้นแสนสลดเหมือนทศกัณฐ์ | ต้องโศกศัลย์เศร้าใจอยู่ในตรวน | ||
เคยที่นอนหมอนหนุนละมุนนิ่ม | ไปนอนทิมกรากกรำเฝ้ากำสรวล | ||
เล็นก็กัดหมัดก็กินจนสิ้นนวล | แลแต่ล้วนลูกความออกหลามไป | ||
ครั้นเห็นชู้คู่ชมภิรมย์รื่น | ก็ไม่ชื่นชมชิดพิศมัย | ||
จะพึ่งชู้ชู้ก็เพียบกรอบเกรียบใจ | จะพึ่งผัวตัวก็ไม่เมตตาตน | ||
ตระลาการท่านถามเอาความชั่ว | ข้างตัวกลัวก็บอกออกนุสนธิ์ | ||
เขาเฮฮาหน้าสลดต้องอดทน | แทบจะด้นดำดินให้สิ้นอาย | ||
ครั้นซักไซ้ไต่ถามได้ความชัด | จึงจำกัดศักดินาราคาขาย | ||
ถ้ารักชู้ก็ให้อยู่กับชู้ชาย | มันเบื่อหน่ายขายกลับเอาทรัพย์คืน | ||
ก็สาสมกับอารมณ์สตรีชั่ว | อยู่กับผัวร่วมใจว่าไม่ชื่น | ||
ไปคบชู้ชู้ชักหักทั้งยืน | ต้องกล้ำกลืนชลนัยน์อาลัยวอน | ||
ที่ใครเห็นจะเมตตานั้นหายาก | มีแต่ปากแช่งอนงค์ส่งสลอน | ||
ก็เพราะเหตุตัวชั่วลือขจร | ที่เคยนอนนั่งสบายว่าไม่ดี | ||
ครั้นลำบากยากจิตสิได้คิด | แต่มันผิดเสียถนัดต้องบัดสี | ||
ใช่ไม่รู้เขาห้ามความถ้อยมี | ชั่วหรือดีได้ยินสิ้นทุกคน | ||
เออก็ใจเป็นไฉนนะน้องเอ๋ย | มันจึงเลยไหลฉ่ำดังน้ำฝน | ||
ช่างไม่คร้ามความชั่วติดตัวตน | ทำซุกซนจนได้ยากลำบากกาย | ||
มันเสียแล้วถึงจะฝืนไม่คืนศักดิ์ | จะลงรักทองปิดไม่มิดหาย | ||
อันความชั่วติดตัวกว่าจะตาย | เปรียบเหมือนกายกามีราคีคาว | ||
ถึงบินออกนอกตำบลให้พ้นเขต | คงบอกเหตุรู้ว่าใช่กาขาว | ||
ห้ามมันยากปากมนุษย์นี้สุดยาว | ไม่แกล้งกล่าวค่อนว่าแก่นารี | ||
ผู้ใดคิดผิดพลั้งเหมือนอย่างว่า | ถูกตำราแล้วอย่าโกรธพิโรธพี่ | ||
ควรยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี | ถ้าหลีกลี้เลิกเล่นไม่เป็นไร | ||
แม้นชั่วช้าใครว่าแล้วโกรธเขา | เช่นตัวเราผู้แต่งแถลงไข | ||
จะวิบัติบาปกรรมซ้ำหนักไป | ถึงตกใต้เทวทัตเพราะขัดเคือง | ||
แม้คนดีมีปัญญาถ้าไม่โกรธ | เห็นประโยชน์ตัดชั่วในตัวเปลื้อง | ||
ให้พ้นทุกข์สุขีเป็นศรีเมือง | อย่าแค้นเคืองคำข้าขออภัย ฯ | ||
๏ เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์ | จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่ | ||
อันความดีมีอยู่ดูจำไว้ | อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม | ||
จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ | จงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม | ||
อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม | มโนน้อมเสน่หาต่อสามี | ||
อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวัง | ไม่จีรังกาลดอกบอกโฉมศรี | ||
เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้ | ถ้าแม้นมีข้าวของต้องบำเรอ | ||
ธุระอะไรจะให้มันเสียของ | อันเงินทองผัวสิทำสน่ำเสนอ | ||
เพราะเชื่อใจภรรยายิ่งกว่าเกลอ | ควรบำเรอลูกผัวของตัวตน | ||
จะมีจิตพิศวาสไม่คลาดเคลื่อน | เพราะแม่เรือนร่วมใจจึงได้ผล | ||
แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญ | จะพาตนยากยับอัประมาณ | ||
จงกันภัยในเล่ห์เสน่หา | อย่าให้มาปนปะจงประหาร | ||
เอาความสัตย์ตัดตั้งปฏิญาณ | ถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร | ||
จงซื่อต่อภัสดาสวามี | จนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัย | ||
อย่าให้มีราคินที่กินใจ | อุปไมยเหมือนอนงค์องค์สีดา | ||
ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้ | ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์ | ||
หญิงเดี๋ยวนี้แม้นมีสัตยา | ภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน ฯ | ||
๏ แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิต | เร่งเกรงผิดกลัวใจใหญ่มหันต์ | ||
คำนับนอบสามีทุกวี่วัน | อย่าดุดันดื้อดึงตะบึงบอน | ||
ยามสิ้นแสงสุริยาอย่าไปไหน | จุดไต้ไฟเข้าไปส่องในห้องก่อน | ||
ระวังดูปูปัดสลัดที่นอน | ทั้งฟูกหมอนอย่าให้มีธุลีลง | ||
ถ้าแม้นว่าภัสดาเข้าไสยาสน์ | จงกราบบาททุกครั้งอย่าพลั้งหลง | ||
เขาเหนื่อยเหน็บเจ็บปวดในทรวงทรง | ช่วยบรรจงนวดฟั้นให้บรรเทา | ||
ประพฤติกายสายสมรจะนอนหลับ | อย่ากลิ้งกลับมือไม้ไปป่ายเขา | ||
นอนให้ดีมีสติสิริเรา | อย่าซมเซาอยู่จนแจ้งแสงพยับ | ||
จงรีบฟื้นตื่นก่อนภัสดา | น้ำล้างหน้าหาไว้ให้เสร็จสรรพ | ||
จึงหุงข้าวต้มแกงแต่งสำรับ | จัดประดับเทียมทำให้น้ำนวล | ||
ทั้งกระโถนคนทีขัดสีไว้ | ให้ผ่องใสสวยตาดูน่าบ้วน | ||
อีกน้ำท่าอย่าให้ผงลงไปกวน | จงใคร่ครวญพิเคราะห์ให้เหมาะการ | ||
แม้นรู้ว่าสามีจะไปไหน | แต่ยังไม่ตื่นพรากจากสถาน | ||
ประจงปลุกภัสดาอย่าช้านาน | ให้ลุกขึ้นรับประทานโภชนา | ||
จงระวังนั่งดูอยู่ใกล้ใกล้ | เผื่ออะไรมันขาดจะเรียกหา | ||
อย่าให้ต้องร้องตะโกนโพนทะนา | จงอุตส่าห์ตั้งใจระไวระวัง | ||
อยู่จนผัวรับประทานอาหารแล้ว | นางน้องแก้วเจ้าจงกินเมื่อภายหลัง | ||
อย่ากินก่อนภัสดาดูน่าชัง | เขาจะรังเกียจใจดูไม่ดี ฯ | ||
๏ ถ้าผัวทำราชการพระผ่านเกล้า | เคยเข้าเฝ้าสู่วังนรังศรี | ||
ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดี | หมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน | ||
อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนอง | ตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน | ||
ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคิน | จึงจะภิญโญยศปรากฎไป ฯ | ||
๏ เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง | อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย | ||
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ | ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์ | ||
แม้นผัวเดือดเจ้าจงดับระงับไว้ | อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม | ||
เขาเป็นไฟเราเป็นน้ำค่อยพรำพรม | แม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม | ||
อันโมโหโทโสไม่อดได้ | ความในใจก็จะดังออกกลางสนาม | ||
ที่ชาวบ้านท่านไม่รู้จะรู้ความ | อย่าทำตามใจนักมักจะเคย | ||
เอาใจผัวผัวจะรักเจ้าหนักหนา | หมั่นนำพาการเรือนอย่าเชือนเฉย | ||
แม้นผัวทุกข์ขุกไข้ไม่เสบย | อย่าวายเวยลามลวนให้กวนใจ | ||
จงแย้มสรวลชวนปลอบให้ชอบชื่น | เห็นเริงรื่นหัทยาจึงปราศรัย | ||
ค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัย | แม้นสิ่งไรเขาไม่ชื่นอย่าขืนทำ | ||
จะพูดจาสารพัดประหยัดปาก | อย่าพูดมากเติมต่อซึ่งข้อขำ | ||
ความสิ่งไรในจิตจงปิดงำ | อย่าควรนำแนะออกไปนอกเรือน | ||
การสิ่งไรที่ชั่วผัวเขาห้าม | ประพฤติตามแบบแผนให้แม้นเหมือน | ||
อย่าดึงดื้อถือตนเป็นคนเชือน | จะเอ่ยเอื้อนโอภาให้น่าฟัง ฯ | ||
๏ แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา | อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง | ||
พึ่งข่มขืนกลืนไว้ในอุรัง | อุตส่าห์บังกลบเกลื่อนที่เงื่อนเงา | ||
จึงจะว่านารีมีความคิด | รู้ปกปิดมิดโทษไม่โฉดเขลา | ||
ถึงใครรู้อยู่ว่าคมต้องชมเรา | หนึ่งผัวเขาเล่าก็เห็นว่าเป็นดี | ||
การนินทาด่าผัวนั้นชั่วถ่อย | เป็นคนน้อยปัญญาเสียราศี | ||
ถึงร้างหย่าหาใหม่วิสัยมี | ชายที่ดีรู้กำพืดก็จืดไป | ||
บ้างทำกลัวตัวสั่นแต่ต่อหน้า | ถึงตีด่าก็นิ่งไม่ติงไหว | ||
ครั้นผัวเดินเกินเลยเฉยเฉียดไป | ก็ด่าให้ไม่ดังตั้งกระซิบ | ||
ทำเสงี่ยมเจียมตัวผัวไม่เห็น | ดูเหมือนเช่นปากว่าตาขยิบ | ||
ครั้นว่าเขาเข้าใจรู้ไหวพริบ | ก็ต้องริบต้องร้างระคางแคลง ฯ | ||
๏ บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจ | หมิ่นประมาททุ่มเถียงส่งเสียงแข็ง | ||
สำรากก้องร้องแทรกแหกกระแซง | ตะคอกแกล้งข่มขี่ให้ผัวกลัว | ||
ขู่คำรนบ่นว่าด่าประชด | ให้สามีอัปยศลงหดหัว | ||
ลุอำนาจไม่อาจขยาดตัว | มัดมือผัวผูกแขนแค่นเฆี่ยนตี | ||
ทรมานภัสดาน่าสังเวช | ดูเหมือนเปรตเวทนาน่าบัดสี | ||
ยังมิหนำซ้ำป่าวเหล่านารี | ที่ไม่มีภัสดาให้มาดู | ||
ข้างฝ่ายผัวใจดีมิได้ว่า | นิ่งให้เมียเฆี่ยนด่าน่าอดสู | ||
ดูเหมือนแม่กับลูกผูกขึ้นชู | มิได้สู้รบรับสัประยุทธ์ | ||
ช่างกระไรใจคอมันอดได้ | ดูเหมือนไม่มีจิตผิดบุรุษ | ||
จึงยอมตัวกลัวเมียจนหัวมุด | น้อยมนุษย์ที่จะเป็นได้เช่นนั้น | ||
เหมือนเช่นเราแล้วไม่ต้องให้ตีตบ | คงสู้รบโต้เต็มให้เข้มขัน | ||
จะถีบถองเสียให้ยับไล่ขับกัน | ร้างหย่ามันเสียให้ค้างอยู่กลางคัน ฯ | ||
๏ สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ | ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร | ||
ใช่จะแกล้งแต่งคำมารำพัน | คนทุกวันอย่างนี้มีอาเกียรณ์ | ||
จะร่ำไปสักเท่าไรก็ไม่หมด | ขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน | ||
อุตส่าห์ตรองตริตรึกนึกจำเนียร | ตั้งความเพียรผูกข้อต่อเรื่องราว | ||
พอเป็นเรื่องสำหรับดับทุกข์โทษ | เป็นประโยชน์แก่สตรีที่สวยสาว | ||
เป็นตำหรับแบบฉบับไปยืดยาว | ในเรื่องราวสุภาษิตลิขิตความ | ||
ข้อไหนชั่วแล้วอย่ามัวไปขืนทำ | จงจดจำบุญบาปอย่าหยาบหยาม | ||
เก็บประกอบเอาแต่ชอบในเรื่องความ | ประพฤติตามห้ามใจเสียให้ดี | ||
อย่าฟังเปล่าเอาแต่กลอนสุนทรเพราะ | จงพิเคราะห์คำเลิศประเสริฐศรี | ||
ไว้เป็นแบบสอนตนพ้นราคี | กันบัดสีคำค่อนคนนินทา | ||
ให้สุขีศรีเมืองเลื่องลือฟุ้ง | หอมจรุงกลิ่นกลั้วทั่วทิศา | ||
เป็นที่ชื่นเช่นอย่างนางสีดา | ในใต้หล้าหมายประคองตัวน้องเอย ฯ | ||