ลิลิตเสด็จไปขัดทัพพม่าเมืองกาญจน์ ๒๓๖๓

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(จากคลองสุนัขหอนถึงสมุทรสงคราม)
(จากสมุทรสงครามถึงบางกุ้ง)
แถว 725: แถว 725:
</tpoem>
</tpoem>
-
=== จากสมุทรสงครามถึงบางกุ้ง ===
+
=== จากสมุทรสงครามถึงราชบุรี ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ ประทับดลยังฉนวน ชาวงานจวบจวนจับงาน แต่งสถานโดยเขบ็จ รับเสด็จยังพลับพลา เพดานผ้าขาวดาด เสื่อพรมลาดม่านแพรพรรณ พนักพันผ้าขาว อีกพันราวทางเสด็จ ทอดยี่ภู่เสร็จเขนยทอง นํ้าสรงตรองเตรียมสรรพ ที่สำหรับบังคน ผ้าชุบชลทรงผลัด ชาวมหาดจัดเสร็จแล้ว จึงเสด็จจรคลาดแคล้ว ประทับแทบพลับพลา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ พร้อมโยธาข้าบาท  กรมการแน่นเกลื่อนกลาด
 +
เฟี่ยมเฝ้าอภิจันทน์ ฯ
 +
 
 +
๏ เนื่องพากันมาออก  ชายหญิงจีนบ้านนอก
 +
คำนัลมากมี ฯ
 +
 
 +
๏ ทูลบาญชีถวายแล้ว  สั่งให้แจกทวยแกล้ว
 +
ทั่วสิ้นมูลมวล ฯ
 +
 
 +
๏ เขาเชิญชวนนายไพร่  อาหารเอามาให้
 +
เลี้ยงทั่วทุกคน ฯ
 +
 
 +
๏ บายศรีรับมาตั้ง  ทำขวัญเรือที่นั่ง
 +
ครื้นครั่นดุริยางค์ ฯ
 +
 
 +
๏ เขารีบวางเรือกระบวน  เพลาจรเสด็จจวน
 +
คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ บังคนสรงเสร็จแล้ว  เสวย
 +
โอ้ฤๅเคยมาเคย  แค่นเคี้ยว
 +
ขาดพักตร์สุนงค์เชย  เฝี่ยมเฝ้า กูนา
 +
ดิบรสจืดปราศเปรื้ยว  แค่นเคี้ยวขืนกิน ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วตริราชการใช่  บนาน
 +
ดำรัสสั่งกรมการ  ทั่วหน้า
 +
ทัพรักษาบางจาน  แก่งไผ่
 +
เร่งลำเลียงอย่าช้า  ขาดข้าวจวนแกน ฯ
 +
 
 +
๏ เสด็จเรือที่นั่งให้  กรีพล
 +
กำหนดฆ้องกาหล  โห่ห้าว
 +
จากสมุทรสงครามดล  ที่ประทับ
 +
เพลาสามโมงเช้า  คลาดเคลื่อนพลพฤนท์ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ ดังไหวดินฟ้าขวํ้า  นองระลอกกระฉอกนํ้า
 +
แหล่งหล้าอึงอล ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ก้านต่อดอก</sup>
 +
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งวิ่ง  ว่องไวจริงแทบเทียมลม
 +
พลพายไล่ระดม  ชมไชเยศประเวศคลา ฯ
 +
 
 +
๏ กระบวนหน้าเคลื่อนนำพล  สะบัดบนทั้งสัญญา
 +
กระบวนหลังเรือเหลือตรา  คลาเยียดยัดอัดสาคร ฯ
 +
 
 +
๏ เริงรื่นทั้งนายไพร่  มาดมุ่งหมายจักราญรอน
 +
ศึกสู้พลันม้วยมรณ์  ต้อนต่อยตับพรับตาเดียว ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ลับถึงบางกั้งลาศ  เล่นแล
 +
กั้งมาปนปูแสม  ใช่ชู้
 +
ปูทะเลหม้ายลอยแพ  กินผู้ ผัวเอย
 +
เห็นหญิงคิดประวิงชู้  ห่อนไว้ใจหวัง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ สองฟากฝั่งรัถยา แน่นพฤกษาถิ่นสวน ดังจะชวนแวะชม รื่นราบร่มบงซาง ล่วงลุบางนางจีน เชิงสวนตีนเลนสนุก ทุกบ้านทุกเรือนราย หมากพร้าวหมายแม้นเมฆ มะพร้าวเอกอันดก ตกจั่นตักตั้งดิน ลางพันธุ์กินเปลือกได้ ลางพร้าวไฟกะทิพันธุ์ ลางต้นนั้นเถนทุย บ้างต้อมตุ่ยพร้าวซอ แน่นรอบคอพันฝาด หงส์สิบบาทนาฬิเก พันธุ์ทะเลนาควารี อีกหมูสีนํ้าหอม พันธุ์เขียวขอมพร้าวเตย พิศจนเลยคลองโพงพาง เนาหนึ่งบางสวนหลวง ดูอเนกมะม่วงหลายเหล่า อัมพาเผ่าอัมพา ลุอัมพวาอีกมี ตาลตานีม่วงมัน ทิพรสพันธุ์แขกเต้า อีกแมวเซาหมอนทอง พันธุ์ตาลรองปากกระบอก ม่วงละมุดซอกส่งกลิ่น ลางร่องสิ้นม่วงทุเรืยน พรวนเสนเสียนกะล่อน พันธุ์ม่วงซ้อนชู้นัด ไอ้อวบอัดตับเป็ด ยินชื่อเข็ดพราหมณ์ขายเมีย ลางร่องเตี้ยตํ่าต้อย สาวละห้อยทืบหอ พิศพึงพอสังขยา พุ่มเสนหมาไม่แล ม่วงป่าแท้ทองคำ ทองขาวนํ้าตาลจีน แฟบหน้าปีนดกเด็ด ขี้ไต้เข็ดปราศเปรี้ยว มะตูมเขียวไข่กา ม่วงพลัดหลาหลายพันธุ์ ม่วงสำปั้นป้อมเปาะ อีกหมู่เหมาะทองปลายหัตถ์ ต้นแขนขัดวลัย ยังที่มิจำได้ ม่วงอื่นหลายพันธุ์ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>การ</sup>
 +
๏ แสนกระศัลย์โหยระหวย  แม้นพระน้องเสด็จโดยด้วย
 +
จะชี้ชวนชม ฯ
 +
 
 +
๏ ร้อนระบมทรวงยับ  เจ็บเรียมเจ็บโดยทัพ
 +
โอ้เอ้องค์เดียว ฯ
 +
 
 +
๏ สวนในเลี้ยวสวนนอก  ใช่แต่พร้าวม่วงดอก
 +
อื่นไม่คร้านกล่าว บารนี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลงสี่</sup>
 +
๏ ดลบางนางลิให้  อาวรณ์
 +
ยินว่านางฉุนสมร  อีกซ้ำ
 +
เร่งเลื่อนเคลื่อนนิกร  เลยล่วง
 +
ดิบฤดีรสกลํ้า  เนตรนํ้ากลอกกลืน ฯ
 +
 
 +
๏ บางจากเล่าจากสิ้น  เชิงสวน
 +
เราว่าเจ็บจากควร  ฤพร้อง
 +
ยลจากร้อนรัญจวน  จากเจ็บ จากนา
 +
ชังจากเพราะจากน้อง  ฤพ้องจากแล ฯ
 +
 
 +
๏ จรดลคลองหนึ่งน้อย  นามเกิน
 +
นํ้าขุ่นขาดแค่นเขิน  ขอดค้าง
 +
เป็นท่าคชาเดิน  ข้ามแต่ ก่อนนา
 +
เขาจึงเรียกบางช้าง  ชื่อช้างเดินคลอง ฯ
 +
 
 +
๏ บางแคแคดกล้วน  ดอกดาษ ดื่นนา
 +
คราวกับปาริชาต  ออกพร้อม
 +
อสุรานึกพยาบาท  อมเรศ
 +
ดังพม่าคิดล้อม  อยุธเยศอย่างกัน ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ บนานพลันล่วงแคว้น ลุสวนแดนต่อด้าว แม่กลองเข้าราชบุรี หย่อมบ้านที่ไร่นา หย่อมบ้านป่าบ้านทุ่ง เนาบางกุ้งมีศาล ถิ่นสถานอารักษ์ จีนสำนักนับถือ เขาเลื่องลือศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตสนุก ใหญ่กว่าทุกตำบล แผ่กุศลส่วนให้ ปัทวภัยอย่ามี ฯ
 +
</tpoem>
 +
(ต่อไปนี้ต้นฉบับขาดอ่านไม่ได้ความ )
=== ตั้งค่ายหลวงที่บางกุ้ง ===
=== ตั้งค่ายหลวงที่บางกุ้ง ===

การปรับปรุง เมื่อ 04:36, 4 กรกฎาคม 2552

เนื้อหา

รับพระบรมราชโองการ

โคลงสี่
๏ แถลงปางบำราศเต้าการณรงค์
จำจากปิ่นพระสุนงค์สวาทร้อน
แม่เอยแต่สมประสงค์คลาศคํ่า วันนา
ปิ้มจะทุ่มทรวงข้อนร่านไห้ทรวงพัง ฯ
๏ ราชกิจฤๅขัดได้จำจร
งานรักษาพระนครเขตด้าว
ชายหาญไยจะรอนหน่ายศึก
จำจะอาสาท้าวกว่าสิ้นแรงตน ฯ
๏ หวังไทตั้งที่ไว้ขุนพล
หมื่นหาญอยู่ในตนเศิกสู้
เราก็เชื้อชาญชนสามารถ ศึกแฮ
ดั่งนักเลงปี่รู้เป่าเหล้นลองเพลง ฯ
๏ โหรกำหนดฤกษ์ลี้พลากร
ชลมารคจากนครรุ่งเช้า
สามโมงฮ่าบาทจรพุธสิบ สามนา
แรมเดือนยี่เร่งเร้าพลเท้อญมีชัย ฯ
๏ แล้วทูลชุลิตเบื้องอำลา
นบบาทใส่เกศาจักเต้า
เนาหน่อวงศ์อนุชาหลายเสด็จ
ข้าธุลีกราบเกล้าทั่วท้าวหาญพล ฯ
๏ สมเด็จนรนาถไท้อยู่หัว
ประทานฉลององศ์ตัวจีบริ้ว
มาลากุหล่าฉลัวเทริดเส้า สูงนา
ยี่กาเล่ห์ลายพลี้วอย่างนอกเรือนพลอย ฯ
๏ ประดับด้วยทมราชเนื้อน้ำขาว
อีกผูกดอกไม้พราวเพชรพร้อย
แซมขนวายุภักษ์หาวปลิวสะบัด
ธำมรงค์เพชรนํ้าย้อยเทียบแท้ปอกบัว ฯ
๏ แล้วประสาทอาญาให้พึงขาม
ใครผิดในสงครามอย่าเว้น
พระหลวงหมื่นขุนตามโดยทัพ
เอาไว้จักเป็นเช่นศึกผ้ายเสียชัย ฯ
๏ ตามอัยการศึกชี้โบราณ
โดยสิทธี์ผิดประหารอย่าไว้
แม้นชอบรอบริการบำเหน็จ
เสื้อสนอบเงินให้เลื่อนที่หมื่นขุน ฯ
๏ แล้วประทานฉลองให้เนาวงค์
ดิ่งประคำทองลงยาสายสร้อย
ถ้วนทั่วทุกทุกองค์โดยชอบ
ตามลำดับใหญ่น้อยจัดให้โดยธรรม์ ฯ
๏ บำเหน็จเสื้อผ้าขลิบครุยทอง
พระยาหลวงนายกองท่วนหน้า
ขุนหมื่นพันร้อยรองหมวดสิบ
ทนายปืนขุนช้างม้าสรรให้ตามควร ฯ
๏ พระบํระสาทชัยให้ทั่วกัน
ไบํอย่ามีไภยันใหญ่น้อย
ข้าศึกสู้ต่อบํระจัญแพ้พ่าย
ตายด้วยตาวยับหย้อยนอบเกล้าสยองเศียร ฯ
๏ รับพรธิราชไท้ใส่เศียร
ทั่วชุลิตจากมนเทียรที่เฝ้า
เร่งให้แจกหมายเขียนกำหนด กองนา
พร้อมกันสามโมงเช้าฤกษ์ลํ้าศุภวาร ฯ
             

เตรียมการ

๏ เสร็จจากนิเวศเท้าเนาวัง
ลดองค์ลงสถิตยังยี่ภู่
ข้าในกรมแน่นบํระดังเฟี่ยมเฝ้า
เตรียมจะโดยเสด็จสู้ขจัดเสื้ยนศึกผจญ ฯ
๏ เสื้อสนอบผ้าโพกเกล้าชายครุย
บำเหน็จทุกนายฉุยทั่วหน้า
แต่งกายดูกรายกรุยองอาจ
แม้นทหารกลั่นกล้าเศิกได้ต่อผจญ ฯ
๏ พระโหรมาพรั่งพร้อมชาวงาน
ตั้งตั่งดาดเพดานเศวตรล้วน
วงด้ายมงคลการบาตรนํ้า ปริตพ่อ
ผูกพระแสงสรรพยุทธ์ถ้วนครบเครื่องพระสนาน ฯ
๏ให้เก็บยอดมิ่งไม้หลายพันธุ์
มิตรชอบผูกทัดกรรณชื่อใช้
ที่ต้องนามไภยันรองบาท
ลาดที่สรงปูไว้เสร็จนั้นสรงสนาน ฯ
๏ แล้วปลูกศาลเทพไท้เพียงตา
ปูผ้าวงกาสารอบเท้า
ตั้งบัตรใส่เครื่องกระยาธงฉัตร
บายศรีตั้งต่อเข้าฤกษ์น้อมเทวัญ ฯ
๏ จึงเชิญบรมธาตุทั้งพระชัย
วัฒนามาตั้งในตั่งด้วย
แล้วให้ยกฤทธิไกรธงศึก
ลงคำสียอดกล้วยต้องด้วยสีวัน ฯ
๏ พอบ่ายสามโมงพร้อมคณะสงฆ์
สมเด็จอริยขัตติยวงศ์อีกทั้ง
อันดับสี่สิบองค์เศษเก้า
ราชาคณะหลายหนั้งอันดับทั้งบาเรียน ฯ
๏ จึงเสด็จยังที่ทอดอังกร
บูชิตขอสวัสดิพรเลิศล้น
สมาทานเบญจศีลสอนบำญัติ
ทรงพระมงคลหยันปริตซ้องทรงฟัง ฯ
             

ครวญลา

๏ สวดเสร็จเสด็จคืนเข้าเนาใน
ดำเนินทอดถอนใจโอ่น้อง
ฤๅพี่จะจำไกลหวนสวาท
แม่จะได้ใครพร้องเพื่อนน้องสนองคำ ฯ
๏ ถึงประทับแทบแถ้นอ่อนองค์ นะแม่
จำจิตจำใจจงจากน้อง
ตั้งแต่เนิ่นเสน่ห์ปลงร้อนจิต พี่เอย
มาแม่มาจักต้องหนึ่งน้อยจักไกล ฯ
๏ ประทับอุระโอ้อาดูร อกเอย
อยู่หลังจงอนุกูลทั่วข้า
กุศลแม่อย่าสูญเร่งเพี่ม ทำนา
จักได้พลันเห็นหน้าสู่น้องเร็ววัน ฯ
๏ พิศพักตร์หักโศกเศร้าฉันใด กูเอย
รักฤๅเคยรักไกลเร่งเศร้า
แนบเนื้อเนื้อเย็นใจร้อนดับ
หนาวพี่แอบอุ่นเคล้าฤๅเว้นเทียมผทม ฯ
๏ จุมพิตพิศโฉมแล้วถอนใจ
บำราศพิศทำไฉนนะแม่
เร่งพิศสุชลไหลสุดกลั้น กลืนนา
เร่งคะนึงตะลึงแท้เนตรช้ำนองชล ฯ
๏ นํ้าเชี่ยวจักทดสู้ลงรอ
การสงครามฤๅขอขัดได้
เป็นแต่นายใช้พอเบี่ยงบ่าย ได้แม่
เงินคำควรคึงให้เทียรย่อมห่างชม ฯ
๏ จวบคํ่ายิ่งช้ำโอ้อนา ทรเอย
ยังอยู่แต่ทิวาเดียวแล้ว
จะร้างรสเสน่หาสิ่งสุข นะแม่
จงพระน้องอยู่แคล้วโรคร้อนรันทำ ฯ
๏ ขอฝากเทพยเจ้ารักษา
บรรดารับเครื่องกระยาที่ให้
กุศลอุทิศธาราหลั่ง
ให้พระน้องขจัดไข้เสื่อมเศร้าโศกวาย ฯ
๏ นาฬิกายามล่วงแล้วไสยา
มาแม่มาเทอญมาแม่แม้
แนบบรรทับอุรภาค์พี่น่อย
รุ่งจะจำจากแล้เร่งให้เชยชม ฯ
๏ ต่างเชยต่างท่อถ้อยสนองกัน
อวยสวัสดี์พรถนอมขวัญเร่งเศร้า
ราตรีฤๅวายกระศัลย์พรับเนตร เลยนา
จนดุเหว่าเร่าเร้าเร่งรุ่งไยเร็ว ฯ
๏ ซ้ำยินสกุณไก่เพรียกตื่นตา
กาเซ็งแซ่แถกถาร่อนร้อง
แม่เอยจวนนาฬิกาจักรุ่ง แล้วเอย
พักตร์ซบพักตร์พักตร์ซ้องอืดไห้ทวีครวญ ฯ
             
ร่าย
๏ เวลาจวนสั่งเสร็จ จักเสด็จจากอาสน์ ถนอมนาฏพระนุช กำสรดสุดถอนใจ ฤๅครรไลไปรอด ทิ้งกายทอดทุ่มตน โอ้นฤมลแม่นา ดังดวงตาหัทไทย ชีพิตไว้โดยเดียว เกรียกแสนเสี้ยวภัคินิศ ร่วมอุทรชิดบปาน เคยแต่สมานคืนคํ่า ฤๅจะปลํ้าใจจาก โอ้กรรมพรากอันใด แดดาลไห้จนรุ่ง อุทัยพุ่งแสงทอง กรตระกองปฤษฎางค์ สว่างแล้วน้องพี่ ลุกจากที่ยืดองค์ ฝืนดำรงกุมกร มาจะจรจากอาสน์ เสด็จลีลาศด้วยกัน แสนกระศัลย์สุดเสียว ด้วยจะเปลี่ยวเอองค์ จึงโสรจสรงมุขแผ้ว ครั้นแล้วสู่บังคน เสร็จสรงชลวารี ชำระสีมุลทิน ทรงสุคนธ์กลิ่นรำจวน เสด็จโดยด่วนที่เสวย พนักงานเคยเตรียมพร้อม กำนัลน้อมเหลือตรา เฝ้าซ้ายขวาเหลีอไตร ปิ่นสุนงค์ในเจิมจอม เอารสพร้อมพรั่งพรู อาลัยอยู่ทุกตน พ่อกลั้นทนบำราศ แต่กุมารราชเยาว์เดียว แลสุดเสียวอาวรณ์ ด้วยยังอ่อนจะจำไกล ฝืนฤทัยแค่นเสวย สรรสิ่งเคยขืนเคี้ยว รสปราศเปรี้ยวเค็มจืด ยามยืดบรู้รส เร่งรัดทดจักจากน้อง พอเขาสนองทูลเชิญ สงฆ์เจริญชัยพร้อมแล้ว ถอนใจฝืนคลาศแคล้ว สู่ท้องพระโรงพลัน ฯ
             

แต่งองค์

โคลงสี่
๏ อภิวันทน์น้อมเกล้านมัสการ
บรมธาตุพุทธิษฐานตั้งไว้
อีกทั้งปฏิมาบานแจ่มจิต
พระสธรรมอีกสงฆ์ไซ้รับทั้งศีลทรง ฯ
๏ แล้วเสด็จแทบแถ้นสู่ที่สรง
บ่ายพักตร์พายัพจงขจัดร้าย
เสร็จเหนือไม้ลาดลงรองบาท
ให้ข่มนามอรินผ้ายยับย่อยปราชัย ฯ
๏ พระโหรให้ลั่นฆ้องถวายชัย
สงฆ์อวยสวัสดิไกรแซ่ซ้อง
ปีพาทย์กลองแขกไฉนบัณเฑาะว์
มโหรีมี่เสียงก้องฤกษ์ให้สนานสรง ฯ
๏ สรงสนานเสร็จสรงนํ้าพุทธมนต์
พ่อพราหมณ์สังข์กาหลเป่าด้วย
สังข์กลศรดกายสกนธ์ตามเพศ
ถวายยอดไม้มนต์ช่วยโอษฐ์โอ้คำพราหมณ์ ฯ
๏ เวฬุวใบไม้เวทรับมา
ทรงทัดกรรณเบื้องขวาเสร็จไส้
แล้วผลัดพระภูษาเปลื้องถอด
พราหมณ์โหรตำแหน่งได้ต่างช่วงชิงกัน ฯ
๏ แล้วทรงคันธรสฟุ้งกลิ่นเกลา
หวนถวิลพระสุนงค์เยาว์คู่ม้วย
รื้นฝืนสติเนาดำรงจิต ไว้นา
ตั้งสัจกุศลฉ้วยไม่เท้อญเร็วเมือ ฯ
๏ ผินมุขต่อฉายส่องเงาองค์
ปรัดพักตร์แป้งว่านทรงยุทธ์หยิ้ง
แล้วทรงภูษาผจงคำขจิต เขียนนา
แย่งสลับทองพื้นพริ้งต้องด้วยสีวัน ฯ
๏ รัดองค์กรองเขียวพื้นปักทอง
ธำมรงค์ร้อยแถวสองยิ่งค่า
เพชรแมงดาเรือนรองอีกทับ ทิมนา
มรกตสดสีจ้าเทียบเท่าเทียมบัว ฯ
๏ อีกบุษย์เหลี่ยมนอกนํ้าโปร่งใส
หนึ่งโกเมนประไพสนิทเนื้อ
แสงหาวเห็นซับในหนุนเลื่อม เงินนา
มุกดาหมอกเรื่อเรื้ออย่างเล่ห์ควันเพลิง ฯ
๏ นํ้าพิศองค์หนึ่งช่างแตมกู
จักดั่งทับทิมตรูแดงจ้า
อีกเพชรฑูรย์ใสชูซับเนื้อ แข็งนา
สังวาลสามสายกล้าเลิศลํ้าฤๅแคลง ฯ
๏ องค์หนึ่งนพรัตน์เรื้องเรือนรัง
มงคลบ่าก้านฝังเพชรแพร้ว
อีกองค์ใหญ่รอบหวังสำหรับ ศึกนา
เนาวรัตน์ลงขจัดแล้วเนื่องข้างลายพลอย ฯ
๏ ธำมรงค์สิบเบ็ดถ้วนแพลมพลาม
ร้อยรัดพระองค์งามยิ่งไซ้
ทรงคาดออกสงครามต่างสลับ
ประวิชล้วนควรค่าไว้คู่ด้วยจอมพล ฯ
๏ ฉลององค์หงอนไก่ชั้นเดียวทรง
ชั้นนอกจีบบั้นพระองค์ริ่วเรื้อย
รัดเข็มขัดเพชรประจงเหมาะมั่น
ขัดกั้นหยั่นสร้อยเฟือยดอกไม้ประจำงาม ฯ
๏ พระประคำทองร่อนเรื้องสวมทรง
สอดสังวาลกุดั่นผจงเพริศพรื้ง
ทั้งพระดิ่งตะกรุดลงสายถัก คำนา
อีกเครื่องนพยศหยิ้งเคยได้ทดลอง ฯ
๏ แล้วทรงธำมรงค์นื้วหัตถา
เพชรสองทรงเบื้องขวารุ่งเร้า
มรกตเขียวจับตาซ้ายสอง องค์แฮ
ทรงมาลาเทริดเส้าฤกษ์ถ้าเสด็จจร ฯ
             

ขบวนทัพ

ร่าย
๏ ดวงทิวากรบดบัง บ่ายพักตร์ตั้งเพ่งดู พรุณปรูปรายละออง พอลั่นฆ้องได้ฤกษ์ องศาเบิกแจ่มดวง สงฆ์ทั้งบ่วงถวายชัย อัญชุลิตไหว้อำลา จันทกาลาเคลาคล่อง อาวุธว่องกุมทรง แสงกระบี่ลงลายยา ด้ามนาคาพลอยประดับ สู่พายัพจรลี เศียรวาสุกรีรองเหยียบ ซ้องเสียงเพรียบดุริยางค์ สกุณฤกษ์วางบินมา พอเสียงคลาจากวัง เชิญเสด็จยังโดยฉนวน พิศกระบวนเตรียมคอย เรือที่นั่งงามใช่น้อย ประทับท่าเสด็จลง ฯ
             
โคลงสี่
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งถ้วนสิบสาม
ผูกผ้าป้กเลื่อมพลามเพริศพริ้ง
ดาวกุดั่นจีนจาม-รีพู่ ผ่องนา
พนักหลังลายจำหลักหยิ้งแม่นแม้นกุดั่นทอง ฯ
๏ ม่านเรือจั่วแผ่ล้วนงามตรู
โยงน่าหลังปัศตูหุ้มได้
ท้ายผูกแสงทวนดูเป็นสง่า
โยงน่าผูกง้าวไว้คู่ใช้หอกทรง ฯ
๏ พนักหลังข้างนอกนั้นแสงปืน
สิบองค์ตั้งผูกยืนเรืยบร้อย
ใส่ถุงทองขวางดื่นกันชีพ งามแฮ
หน้าอีกสามบอกห้อยกันชีพพร้อมปัศตัน ฯ
๏ พนักหลังข้างในทอดแสงกริช ผูกนา
ฝักด้ามล้วนคำขจิตข้างละคู่
แสงดาบทอดข้างสถิตซ้ายขวา อีกแฮ
ข้างละสองฤๅรู้เป่าเส้นผมสอง ฯ
๏ ฝีพายกางเกงใส่ริ้วเหลือง
เสื้อปัศตูแดงประเทืองขลิบขั้น
แขนเขียวสลับเมลืองหมวกสอด สีนา
มงคลใส่เหมาะหมั้นทั่วสิ้นลำทรง ฯ
๏ โยงหน้าบันไดแก้ววางปืน
ดาบบโทนผูกยืนสิบถ้วน
เขนงเต้าไถ้กระสุนปืนสำหรับ ลำนา
ทองปรายอาวุธล้วนครบถ้วนพลพาย ฯ
๏ แสงปืนสองนายแหม้นปืนประจำ
อยู่หน้าโยงดูขำเสริดสู้
ใส่เสื้ออัตลัดดำเกี้ยวสี่ กลีบนา
รัตคดคาดมั่นรู้ชำนิแท้ปืนยิง ฯ
๏ ชาวมหาดสี่ลงหน้าล้วนนาย
เวรปลัดนายยามถวายเครื่องใช้
ใส่เสื้อดวงทองรายคาดขลิบ ครุยนา
ล้วนเคยโดยเสด็จใกล้ต่างแทนกำนัล ฯ
๏ ลงท้ายทั้งหมอนวดหมอยา
มหาดสองอีกรักษาเครื่องด้วย
แต่งกายเสื้อเพราตาอ่าอวด
อัตลัดสียอดกล้วยขลิบเกี้ยวทุกคน ฯ
๏ เสด็จสู่ที่นั่งแล้วพลพาย
ยอกรภิวันทน์ถวายนอบน้อม
ลั่นฆ้องสัญญาหมายตั้งโห่
ออกเรือพระที่นั่งพร้อมพยู่ห์เคลื่อนถอยพล ฯ
๏ แซ่เสียงฆ้องกระแตเพรียกทุกลำ
โห่สนั่นกองหน้านำเรื่อยท้าย
เสียงโห่แน่นใช่จำใจโห่
แม้นใครรบฤๅผ้ายชนะแท้ห่อนแถลง ฯ
๏ คนฟังหญิงชายเพรียกอวยชัย
ให้พระยศสวัสดิไกรเทิดพ่อ
พลหาญบรรดาไปโดยเสด็จ
จงอย่าได้ย่อท้อต่อด้วยไพริน ฯ
             
ร่าย
๏ เรือกลองนำออกหน้า สู่นาคาพายัพ มีธงทัพสีแดง จางวางแวงตำรวจ นายลำอวดโอ่อา เสื้อเข้มขาบผ้าโพกขลิบ สามสิบทัดพลพาย ทั้งไพร่นายเศษห้า ปืนคทาครบมือ เหลืองอ่อนเรื่อนาวี เสื้อแดงสีปัศตู โขนทั้งคู่หน้าท้าย ผูกดาวรายผ้ากรองทอง ลำที่สองจวนชวา สีหลังคาชายทองโหมด สิบสองโสดทรงพระชัย พระธาตุใส่ดอกบัวทอง กำมะหยี่รองทองขวางม่าน เพดานในขาวบริสุทธิ์ ธงพิชัยยุทธ์เขียวตามวัน ดาวกุดั่นพู่จามรี ผ้ากำมะหยี่ทองขวางจีน ผู้มีศีลกับโหรา งานรักษาเป็นนายลำ คนธงนำรอบรู้ เคยศึกสู้ทั้งสามนาย ล้วนแต่งกายใส่เสื้อลง ผ้ากระหวัดวงกระแบงมาน ประเจียดว่านย้อมยา เครื่องเตรืยมมาสำหรับยุทธ์ ดิ่งตะกรุดมงคล เพื่อทวยพลจับจ่าย ทั่วฝีพายประจำลำ ใส่เสื้อขำแดงป้ศตู แล้วถึงคู่เรือง้าว อาสาห้าวรามัญ ผูกปืนมั่นหน้าเรือ ดูงามเหลือลำทอง ฝรั่งสองประจำซ้ำ นายลำสมิงทอง หมวกขลิบทองตุ้มปี่ เสื้อกำมะหยี่ดำขลับ นั่งเขนรับสมกัน อาวุธมั่นปืนหอก ธงสีหมอกหม่นหมึก พลพายฮึกเสื้อแดง แม่นลำแข่งคู่หน้า เรือเหราอีกสองคู่ กูบงามตรูสีสักหลาด ธงเขียนมาศดูแดงเหลือง มีครบเครื่องเหมือนกัน สมิงรามัญเป็นนาย พลพายมอญอาสา ปืนใหญ่หน้าจ่ารง ฝรั่งลงทั้งสี่ลำ อยู่ประจำลำละสอง คู่ชิงคลองกระบวนหน้า ศรีนาวาแปดลำ ดูไพร่นายเลิศลํ้า กลั่นกล้าราญณรงค์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ ถึงลำพระที่นั่งเจ้าเสด็จทรง
ฝีพายกรายพายผจงเพริศพริ้ง
งามสรรพดูยรรยงสมสง่า
ควรเป็นจอมพลยิ่งเลิศแล้วใครจะปาน ฯ
๏ แล้วล่องลงมาแทบท่าฉนวน
พระน้องส่งเสด็จจวนแพพ้อง
กับแสนอนงค์นวลพรั่งหน้า
คิดจะใคร่เกริ่นร้องสั่งน้องในใจ ฯ
๏ พระน้องประณตน้อมชุลีกร
พี่ก็อวยสวัสดิพรประสิทธิ์ให้
แม่อยู่จงถาวรเสื่อมโศก นะแม่
โรคร้ายอย่ากรายใกล้ศึกสิ้นคืนเมือง ฯ
๏ เรือคล้อยพี่พิศน้องสุดตา
แค้นด้วยตาไยตาหลับเหล้า
ตาเอ๋ยเคืองนัยน์ตาตาเจ็บ ตาฤๅ
โฉมแม่ติดตาเร้าเร่งนํ้าตาคลอ ฯ
             
ร่าย
๏ ต่อกระบวนหลังตาม อ่าอวดงามล้วนที่นั่ง ดูสะพรั่งหน่อพระวงค์ ห้าพระองค์เจ้าโดยเสด็จ หม่อมเจ้าเสด็จอีกห้า เนื่องกันมาเป็นลำดับ พึงพิศสรรพทุกลำ แต่งองค์ขำทุกองค์ ดั่งสุริย์วงค์ระเด่น จะชี้เช่นบควร สิริถ้วนสิบเบ็ด ดุจหาวเห็จเหินฟ้า ถัดลงมาที่นั่งรอง เรือเครื่องสองถึงขุนนาง สองจางวางพระตำรวจ แต่งประกวดตามพระยา พระอาสาทวนทอง หนึ่งพระรองราชปลัด หลวงขุนจัดตามกรม ไพร่หลวงสนมกลางขวาซ้าย ทหารในฝ่ายขวาแบ่ง กลองชนะแล่งแตรบรรจบ อาสาขวาสมทบทวนทอง อาสาญี่ปุนกองสำคัญ แสงพลพันซ้ายขวา เจ้ามหาดจ่าหุ้มแพร เนื่องอัดแอเรือในกรม เริงรื่นรมย์ภักดี เจ้ากรมตรีตราไตร่ ปลัดกรมไขว่ตราตรวจ นายแวงตำรวจรายลำ ปลัดแวงประจำเรือแซง มหาดครบตำแหน่งเวรละห้า นายเวรดาประดังดาษ ปลัดเวรลาดล่องตาม นายยามสามทุกเวร สิริครบเกณฑ์เรือหน้าหลัง เจ็ดสิบหวังเศษหก กรีพลยกเนืองนอง สนั่นสำเนืยงโห่ฆ้อง กึกก้องสาชล ฯ
             
การ
๏ ล่วงจรดลโขลนทวารสงฆ์อวยชัยนมัสการ
น้อมเกล้าอภิวันทน์ ฯ
๏ นํ้ามนต์ปันพรมให้ทั่วทุกลำนายไพร่
ชื่นหน้าใหม่ศรี ฯ
๏ ฆ้องชัยตีแตรซ้องดุริยางค์พิณแซ่ก้อง
ชีพ่อเป่าสังข์ ฯ
             
โคลงสี่
๏ สมเด็จนรนาถไท้ทรงธรรม์
เสด็จยังคงคาสวรรค์ฉนวนนํ้า
ส่งทัพให้ใจบันเทิงทั่ว ทหารนา
ดังองค์อินทร์เลิศซ้ำเชิดหน้าชูชัย ฯ
๏ เรือที่นั่งจรดเข้าเทียบตำหนักแพ
พลพายลงทวนกระแสหยุดยั้ง
พร้อมพรั่งพิศพึงแลท่วนหน้า
ยอกรอัญชุลิตตั้งบาทไท้อยู่หัว ฯ
๏ โองการออกโอษฐ์เอื้อนดำรัส
ไปจงมีชัยสวัสดิ์เทิดผ้อ
ไพรีอย่าเทียมทัดมือต่อ ได้เอย
จงอย่าได้ย่อท้อทั่วเจ้าหาญพล ฯ
๏ รับกฤษฎีกาไว้แหวกเศียร ใส่นา
ไพร่แลนายหนึ่งเจียนสู่ร้อย
ถึงจะด่วนคระวีเวียนเห็จเหาะ มาฤๅ
หวั่นฤๅเท่ากิ่งก้อยไม่เท้อญอย่าแถลง ฯ
             

จากกรุงเทพ ฯ ถึงคลองสุนัขหอน

ร่าย
๏ พลพายเร่งถ้วนหน้า แลนา เคลื่อนนาวาคล้อยตำหนัก แลนา แปรพักตร์เห็นสุนงคํใน แลนา หวั่นฤทัยถึงพระน้อง แลนา เมินพักตร์...(ต้น ฉบับเลือน)...
             
โคลงสี่
๏ สังข์กระจายนามวัดหน้าฉงนฉงาย
สังข์ใครมาตกทลายแตกนี้
ฤๅว่าสงฆ์เที่ยวกระจายกันอยู่
ใครยังรู้บ้างชี้นามให้หายแคลง ฯ
๏ เล็งเรือนราษฎรรั้วเชิงสวน
ร่างไร้ฤๅพิศควรเกลียดเหย้า
ถวิลบ้านปานนี้ครวญเยือกสงัด แล้วเอย
อกระหวยซ้ำเศร้าหั่นหั้นหัทไทย ฯ
๏ จักไปบใคร่แคล้วทรวงพี่ นักนา
คิดใคร่คืนสมศรืแนบน้อง
กลับใดอย่าไปดีโทษท้าว เคืยดฤๅ
ตริรวนเรจำต้องสู่สู้สงคราม ฯ
๏ หนหลังเสาวภาคย์ล้วนห่วงรัก
ดับฉันใดจึงจักเสื่อมเศร้า
เรือมาแต่เพียบหนักทั่วทุก ลำนา
ฤๅเท่าหนักรักเร้าตํ่าหน้าจำจร ฯ
             
ร่าย
๏ คลื่นนิกรเร่งรัด แลนา ถึงหน้าวัดอินทาราม แลนา ถัดคลองข้ามเนึ่องกัน แลนา นามวัดจันทร์อยู่กลาง แลนา ราชคฤห์สร้างนามเปลี่ยน แลนา ลานวัดเตียนดูสนุก แลนา สงฆ์สวดทุกอาวาส แลนา ยลแม่ค้ากลาดถอยทรง แลนา ไยมาลงเมินหน้า แลนา อายทำตาเย้าทัพ แลนา เกลี่ยตารับแสร้งเขิน แลนา ผ้าเลี่อนสะเทินห่มใหม่ แลนา เร่งพายไปอย่าแล แลนา ถึงคลองสะแกแน่นบ้าน แลนา ถับถึงด่านบางหลวง แลนา หวั่นทรวงล่วงด่านแล้ว ต่อใดจักได้แคล้ว กลับเหย้าสู่วัง ฯ
             
การ
๏ เรือหลังซ้ำเสียดซ้องสนั่นเพรียกถุ้มเถียงร้อง
เมื่อเลี้ยวชิงกัน ฯ
๏ ปากง่ามนั่นเชี่ยวนํ้าพายห่อนดีเรือขวํ้า
แต่โพ้นหลากหลาย ฯ
             
โคลงสี่
๏ ดลวัดปากนํ้าเร่งรำคาญ
เจ็บใดยิ่งจากสถานฤเถ้า
สรรพสิ่งแต่กันดารขาดทั่ว แคลนนา
ใจเอ๋ยกลับยืดเย้าแจ้งน้องด่านเลย ฯ
๏ ถึงคลองปากบางวัดขุนจันทร์
ถวิลน้องรุมกระศัลย์มุ่งหล้า
เนาวังยามสายัณห์ศุกรป้กษ์
เคยแม่เคยสู่หน้าต่อด้วยแสงบุหลัน ฯ
๏ ดลอาวาสหนึ่งนั้นนามสุกร
ล้วนบ้านจีนแคะคอนหมูค้า
หากินผิดโลกอุดรมิจฉา ชีพเอย
มีอบายเที่ยงเบื้องหน้าเพราะฆ่าสุกร ฯ
๏ กับแทบอาวาสวัดนางชี
แอหนังฤๅเห็นมีไหนเหล้า
เขาสนองโพ้นเดิมทีมีคณะ ชีนา
พวกกำเดาะหนุ่มเย้าต่างลี้ชีสูญ ฯ
๏ ถึงบ้านเผาถ่านไร้ดูเรือน
รุงรังรุกรุยเหมีอนหยากเหยื้อ
ผิว่าพิศใจเตือนกลัวอา เจียนเอย
อยู่สักหยาดหนึ่งเบื้อไม่แล้ตรอมตาย ฯ
๏ ดลคลองอิตุแหน้นบ้านคน
ลงมาอัดริมชลรูปร้าย
เหนื่อยหน้าหน่ายตายลหมกสาบ
แม้ดั่งนี้ยาคล้ายติดแท้ตุตัง ฯ
๏ จรทุกจรเทิ้นแทบวัดหนัง
ยินนามเร่งถวิลหวังเมื่อน้อง
ยลหนังเรื่องกังตั๋งชื่นชอบ ใจนา
ถ้อสำรวลชวนพร้องยั่วเย้ายวนใจ ฯ
๏ คลี่พลไคลเนาวัดนั้นนางนอง
หวั่นเทวษรุมเร่งหมองช่ำหั้น
จำไปด้วยใจปองต่อภัก ดีนา
อดอย่าเยียวเดียวกลั้นนองนํ้าตากลืน ฯ
             
ร่าย
๏ นาเวศดื่นกลาดหลาย เร่งพลพายคลาดคลา ถึงบางหว้าบางค้อ จรดวัดต่อจอมทอง ถับถึงคลองขุนเทียน ชะวากทุ่งเตียนปทุมน้อย คลองสวนอ้อยปทุมใหญ่ ดลวัดไทรบางมด จรจรดบ้านตะพุ่น นํ้าขอดขุ่นรำคาญ ล่วงระยะบ้านบางระแนะ ล้วนแค่นแคะหากิน เถื่อนแถวถิ่นเยงโยง ถึงสำโรงบางบอน สวนเชิงดอนแนวตลิ่ง ถึงวัดสิงห์บางสิบบาท นาเวศคลาดบางกก วัดร้างรกดูมลาก ถึงวัดนากวัดเลา แล้วนาเจ้ารามลักษมณ์ ดลตลิ่งหักท่าข้าม ฝั่งรำรามมากมี ลุคลองศีรษะกระบือ ล้วนพงปรือพงแฝก พงแขมแทรกพงคา แต่พงหญ้าพงเลา ล่วงถึงเสาพรมแดน อำเภอกำหนดแคว้นพระราชสีมา ท่านนา ฯ
             
โคลงสี่
๏ กรีพลรีบเร็วลํ้าล่วงจร
ลุสมุทรสาครต่อแคว้น
พอสุริยทิพากรเที่ยงเท่า
เร่งพายให้เรือแหล้นจักได้พักพล ฯ
             
การ
๏ ดาลกระมลเหิมเศร้าโอ้ปานนี้หนุ่มเหน้า
แม่เอ้ยฉันใด ฯ
๏ พิศหมู่ไม้เทวษแท้ตูบเต็มตาแล
แลเหล้นตามจน ฯ
             
ร่าย
๏ กุ่มกอกก้านกิ่งก้อม คดโค้งค่อมขันคู่ หมู่ลำพูลำแพน ตะบูนแน่นปนตะบัน มะฝ่อฟั่นลำบิด เหล่ากชิดหัวลิง ปริกปรูปริงเปราะปรง หิงหาดหงเหียนหัน แคคุยคันตอเค็ด พิศผลเมล็ดหลายหลาก บรู้จักมีมาก ใคร่รู้นามใด ฯ
             
การ
๏ ชาวมหาดไขไม้นั้นโดยประจักษ์จำหมั้น
ชี้ชื่อสนองทูล ฯ
๏ ครั้น ธ แจ้งมูลนามแล้วโอ้เวรใดจากแก้ว
พรากได้มาชม ฯ
๏ คำนึงลมเปล่าว้าปนในใจเพียงบ้า
เพื่อร้างแรมสมร ฯ
             
ร่าย
๏ ทรวงดังขอนรุมไหม้ แลนา เรือครรไลบนาน แลนา แทบสถานคลองลัด แลนา สองฝั่งขัดชายเฟือย แลนา แลตรงเรื่อยเรือน้อย แลนา เร่งละห้อยกรรหาย แลนา พิศไพร่นายทุกคน แลนา โดยสถลกันดาร แลนา ล่วงแดนบ้านแดนนา แลนา บางพร้าน้อยคลองหนึ่ง แลนา ล่วงลุถึงแสมดำ แลนา มีบ้านทำฟืนขาย แลนา ล้วนแสมรายดงชัฏ แลนา อีกคลองลัดพร้าใหญ่ แลนา เข้ามหาขัยแลลิ่ว แลนา งามเรือทิวแถวถ่อง แลนา บรรลุคลองโคกขาม แลนา สองฝั่งข้ามมีบ้าน แลนา เถื่อนถิ่นฐานบ้านนอก แลนา ภาคภูมิบอกขัดสน แลนา ถึงตำบลบางขอม แลนา เร่งร้อนตรอมใจเศร้า แลนา ดลโคกเตำตะวันออก แลนา เขาบอกตำบลชี้ แลนา ว่าทรัพย์มีภูตเฝ้า แลนา นาเวศเนาเจตน์จาก แลนา สองฟากมีอาราม เรือที่นั่งเร่งบากข้าม ประทับท่ามหาชัย ฯ
             
การ
๏ เรือกลองชัยแปลงช้อนปี่รี่เรื่อยโอษฐ์อ้อน
หน้าฉนวนถวายลำ ฯ
๏ หลังเสริดสํ่าเสียดแซ้ชิงกันจอดฝั่งแล
เยียดยัดอึงอล ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลับถึงดำหนักร้อนมหาชัย
เพลาอรุโณทย์ไคลคล่อยคล้อย
จึงเสด็จจรครรไลสู่พลับ พลานา
ทวยพลอัดยัดร้อยเฝี่ยมเฝ้าบาทบงสุฯ
             
การ
๏ ชาวบุเรศตรงต่อไท้ต่างมาเคียมคัลไหว้
เนื่องด้วยคำนัล ฯ
๏ ธ ให้ปันแบ่งส่วนนายไพร่ทุกคนถ้วน
ทั่วหน้าฤๅหลอ ฯ
๏ อยู่พอเลี้ยงกันเสร็จสรงเสวยแล้วรีบเสด็จ
จากประทับโดยพลัน ฯ
๏ หมายสำคัญอ่าวออกด่านทวารชั้นนอก
ชะวากเวิ้งใหญ่หลวง ฯ
๏ กระหนห่วงถึงน้องทอดหน้าลงใคร่ร้อง
ซ่อนหน้าใครเห็น ฯ
             
ร่าย
๏ แสร้งเสเล่นเจรจา จนนาวาลุแหลม พิศสะแกแกมลำพู ตะบูนหมู่ปลอมแสม เหลียวลานแลเหล่าลิง ไวว่องวิ่งเวียนวน คอกขู่คนคึกคัก ห้าวฮึกฮักหกโหน โดดดื่นโดนดุดัน ปูเปี้ยวปั่นปี้ป่น เกลื่อนกลาดกล่นกลอกกลับ แลล่วงลับแหลมแล้ว โอ้พระนุชน้องแก้ว ฤๅได้มาเห็น บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ นาเวศลีลาศเต้าลุถึง
เมืองสมุทรสาครรึงรุ่มร้อน
เห็นเมืองฤๅพิศพึงย่อมน้อย หนึ่งนา
อยู่ตามจนแค่นข้อนอยู่ได้ฉันใด ฯ
๏ ยลชายโดยทัพสิ้นห่อนมื
พิศหญิงร่างไร้ดียากได้
ลำเนาหากินทวีของบาป
บุญเราทำอย่าให้ปะแคว้นประมง ฯ
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งล่วงท้ายเมือง
ท่าจีนระยะเปลืองสู่หน้า
ดลบางจีนเตี้ยเหมืองทำนํ้า
ล้วนแต่คนหยาบช้าเกลียดหน้าอย่าแล ฯ
             
การ
๏ เขาสนองแน่ชี้บ้านบางขนของขี้คร้าน
ยลแล้วเลยไป ฯ
๏ มิทันใดจรจรดบ้านปากคลองขุนคช
หย่อมเหย้าฤๅงาม ฯ
๏ ถึงนามบางอ้อเจ้าหวั่นจิตคิดเสนหาเหน้า
รับน้องเสด็จโดย ฯ
๏ รักกรรโหยระทึกท้อถึงตำบลบ้านบ่อ
กลับเท้อญฤๅไฉน ฯ
๏ ใช่แต่ใจเองนั้นโองการใช่มาหั่น
เศิกสู้สงคราม ฯ
๏ เขาแจ้งนามคลองแสดงนั่นอิรำท่าแร้ง
เกลืยดชื่อจริงเจียว ฯ
๏ สักประเดี๋ยวล่วงแคล้วถึงคลองลัดสระแก้ว
ขุดไว้ฤๅนาน ฯ
๏ บรรลุบ้านนาขวางนาเกลือเตียนไม่ว้าง
แลลิ่วสุดตา ฯ
๏ เร่งนาวารีบรื้อพอถึงต้นย่านซื่อ
คํ่าคลุ้มอัสดง ฯ
             
โคลงสี่
๏ สุริยงลับเหลี่ยมเยื้องขุนเขา
ดารินกล่นพันเหาเยี่ยมฟืา
หวนถวิลสุนงค์เยาว์เหียมหื่น ใจนา
ฤๅฉันใดเห็นหน้านึกหน้าเห็นนาม ฯ
๏ ดาวจรัสสร่างส่องหน้าจ่อใจ
เรียมเรียกนุชไปไหนใหม่พร้อง
เอะแล้วมะเมอไปกระมัง กูเอย
อายโอษฐ์แสร้งเสร้องบทแก้กลอนเลย ฯ
๏ ดาวฤกษ์นึกพิศเจ้าจอมสมร เรียมเอย
นอกฤกษ์ดาษอัมพรทั่วหล้า
เหมือนอนงค์สลับสลอนเฝี่ยมเฝ้า เราแฮ
ชาวสนมปานนี้หน้าครํ่านํ้านองชล ฯ
             
ร่าย
๏ จรดลล่วงเลี้ยวลด แลนา สามสิบสองคดยาก แลนา ลำบากด้วยกลางคืน แลนา เรีอดาษดื่นแออัด แลนา หน้าท้ายระมัดหลักตอ แลนา พรํ่าให้รอเรือหลัง แลนา บทันยั้งโดนกัน แลนา หน้าเหียนหันบอกท้าย แลนา ท้ายจะบ่ายบอกหน้า แลนา คลับคลาด้วยฟางไฟ แลนา ตกปลายย่านซื่อได้ ขุดคดจริงเจียว ฯ
             
การ
๏ พริบตาเดียวโรงเข้ถึงสุนัขหอนเป็นเล่ห์
ขาดนํ้าขอดลง ฯ
             

จากคลองสุนัขหอนถึงสมุทรสงคราม

๏ ธ ให้หยุดจัตุรงค์หยุดยั้งแออัดค้างเลนตั้ง
คํ่าแล้สองยาม ฯ
๏ สี่ด้านตามตลิ่งล้อมฟากละสองกองพร้อม
เกริ่นฆ้องเกราะตี ฯ
๏ เสียงมะมี่ยุงเร้าแสบเนื้อฤๅแสบเท้า
แสบเนื้อไกลนวล ฯ
๏ ชวนกันสรวลแก้เศร้าใครจำสิ่งใดเหล้า
เรื่องโพ้นบรรยาย ฯ
๏ เอนระงับกายสักน้อยกรกองเขนยไห้ละห้อย
หมกไหม้หัวใจ ฯ
๏ ปรานีไทเท่าน้องปานนื้เปลี่ยวเปล่าห้อง
อยู่เดียวกำสรวล แม่เอย ฯ
             
โคลงสี่
๏ เจ็บรักเจ็บรสร้อนฤๅดี เยียวนา
เจ็บคิดเจ็บคืนลีลาศเหย้า
เจ็บเช่นใครปรานีวานฉ้วย สิลา
พาเห็จเหาะสมเหน้ารุ่งเช้าจึงจร ฯ
๏ เจ็บถึงโอรสน้อยดวงใจ พ่อเอย
เจ็บฤๅดีเป็นไฉนใคร่รู้
เจ็บรักไปเดียวไกลเร่งเจ็บ ทรวงนา
เจ็บคิดสุดเจ็บสู้ซ่อนให้ใครยิน ฯ
๏ เจ็บถึงพระน้องผู้นายประกัน
เจ็บแม่เคยเกษมสันต์จักเศร้า
เจ็บสุดจะรำพันเจ็บยิ่ง เจ็บนา
เจ็บฉันใดแม่เจ้าจักได้นำเสนอ ฯ
๏ เจ็บถึงเอารสสิ้นทั้งหลาย
บุตรีกุมารสายสืบเนื้อ
เจ็บชาวแม่สนมหมายนึกหน้า ถึงนา
เจ็บข้าบาทชิดเชื้อทั่วทั้งวังใน ฯ
๏ เจ็บชู้ฤๅเจ็บสู้จำจร
เจ็บฤๅไวใจสมรห่อนได้
นํ้าค้างใบตองบอนเยียวง่าย ใจนา
เจ็บละชู้ร้างไว้ห่อนไว้ใจเลย ฯ
๏ เจ็บชู้นับหมื่นเสี้ยวหนึ่งสนม
หมื่นอนงค์เจ็บระบมเทียบเท้า
หนึ่งพระน้องร่วมภิรมย์เจ็บจาก มาแม่
เดชะสัจเทพเจ้าช่วยเท้อญคืนพลัน ฯ
             
ร่าย
๏ แสงบุหลันเรื่อฟ้า ล่วงนาฬิกาสิบทุ่ม ฤๅทัยกลุ้มห่อนหลับ นํ้าขึ้นจับเปี่ยมฝั่ง ทุ่มฆ้องสั่งสัญญา ปลุกโยธาทวยพล เสียงอึงอลเซงแซ่ เรืออัดแอเสียดซ้อง ชิงเข้าคลองเยียดยัด คลองแคบอัดเหลือตรา คลับคลาเนื่องเหลือไตร ถึงมะขามใหญ่ท่าข้าม ล่องตามนํ้าเชี่ยวโชน ดลเสาประโคนกำหนด ท่าจีนจรดแม่กลอง ถึงปะโคกคลองบางปืน แสงหิรัญแผ้วพื้น หลากหล้าฟ้าขาว ฯ
             
การ
๏ ดับเดือนดาวคลาดคล้อยจวนรุ่งตกตํ่าต้อย
กลั้วนํ้าตาเตือน ฯ
๏ ประกายพรึกเหมือนนึกหน้าสุกปิ้มย้อยหยัดฟ้า
พักตร์น้องพะเยียร้อน ฯ
๏ ไก่สังหรณ์ขันเร้าดังแกล้งยียวนเย้า
เร่งร้อนใจถึง ฯ
๏ ดุเหว่าอึงเกริ่นร้องเวลาเคยแนบน้อง
อุ่นโอ้แอบองค์ ฯ
๏ กางเขนส่งเสียงพลอดจอจ้อจ่อจ้อจอด
พลอดคู่แข่งเสียง ฯ
๏ กดพุ่มเมียงเร่งนํ้าเป้อปะปูดเปิงช้ำ
ไม่แล้อยากยิน ฯ
             
ร่าย
๏ ภู่ภุมรินร้องเรื่อย ลมว่าวเฉื่อยฉุนสมร นํ้าฟ้าร้อนอุรัศ สะพัตรผ้าคลุมทรง ฤๅอุ่นองค์เยือกเย็น จนพุ่งเผ่นองศา แจ้งอัมพรผุดใหม่ พอทัพแทบบางสะใภ้ รุ่งหล้าแดดเรือง ฯ
             
โคลงสี่
๏ ชาวมหาดเนืองหน้าแทนกำนัล
งานเตรียมทุกสิ่งสรรพ์พรั่งพร้อม
ฟืนองค์จากที่บรรจ-ถรณ์สถิต
ต่างถวายเครื่องซ้องย่อมเที้ยรอยู่วัง ฯ
๏ เขาสนองบางหนึ่งนั้นนามมี
คลองลัดเป็นล่วงลีลาศเต้า
พลพายรีบเต็มทีจะประทับ เมืองนา
ถับถึงบางตะบูนเข้าวัดใต้ปากคลอง ฯ
๏ สงฆ์ลงนาเวศเที่ยวภิกขาจาร
หยุดเรือที่นั่งบานจิตน้อม
เจิมใจเสริมใสสานต์โสมนัส
จัดเครื่องสรรสิ่งพร้อมใส่ข้าวบาตรสงฆ์ ฯ
๏ จึงทรงอุทิศตั้งปรารถนา
ขอจงพบศาสดาโปรดด้วย
พร้อมทั้งอรหัตสัมพิชาดับพบ
ป้จจุบันบุญจงฉ้วยลาศเหย้าอย่านาน ฯ
             
การ
๏ พิศสวนบ้านริมนํ้านาวาเรื่อยเร็วลํ้า
ท่าลัดคลองเดิม ฯ
๏ ครรไลเกินคลาดแคล้วถึงคลองสระจันแล้ว
อีกโคกเดิมมี ฯ
๏ พอเพลาตีโมงเช้าถึงสมุทรสงครามเข้า
เพริศพร้อมพักพล ฯ
             

จากสมุทรสงครามถึงราชบุรี

ร่าย
๏ ประทับดลยังฉนวน ชาวงานจวบจวนจับงาน แต่งสถานโดยเขบ็จ รับเสด็จยังพลับพลา เพดานผ้าขาวดาด เสื่อพรมลาดม่านแพรพรรณ พนักพันผ้าขาว อีกพันราวทางเสด็จ ทอดยี่ภู่เสร็จเขนยทอง นํ้าสรงตรองเตรียมสรรพ ที่สำหรับบังคน ผ้าชุบชลทรงผลัด ชาวมหาดจัดเสร็จแล้ว จึงเสด็จจรคลาดแคล้ว ประทับแทบพลับพลา ฯ
             
การ
๏ พร้อมโยธาข้าบาทกรมการแน่นเกลื่อนกลาด
เฟี่ยมเฝ้าอภิจันทน์ ฯ
๏ เนื่องพากันมาออกชายหญิงจีนบ้านนอก
คำนัลมากมี ฯ
๏ ทูลบาญชีถวายแล้วสั่งให้แจกทวยแกล้ว
ทั่วสิ้นมูลมวล ฯ
๏ เขาเชิญชวนนายไพร่อาหารเอามาให้
เลี้ยงทั่วทุกคน ฯ
๏ บายศรีรับมาตั้งทำขวัญเรือที่นั่ง
ครื้นครั่นดุริยางค์ ฯ
๏ เขารีบวางเรือกระบวนเพลาจรเสด็จจวน
คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ฯ
             
โคลงสี่
๏ บังคนสรงเสร็จแล้วเสวย
โอ้ฤๅเคยมาเคยแค่นเคี้ยว
ขาดพักตร์สุนงค์เชยเฝี่ยมเฝ้า กูนา
ดิบรสจืดปราศเปรื้ยวแค่นเคี้ยวขืนกิน ฯ
๏ แล้วตริราชการใช่บนาน
ดำรัสสั่งกรมการทั่วหน้า
ทัพรักษาบางจานแก่งไผ่
เร่งลำเลียงอย่าช้าขาดข้าวจวนแกน ฯ
๏ เสด็จเรือที่นั่งให้กรีพล
กำหนดฆ้องกาหลโห่ห้าว
จากสมุทรสงครามดลที่ประทับ
เพลาสามโมงเช้าคลาดเคลื่อนพลพฤนท์ฯ
             
การ
๏ ดังไหวดินฟ้าขวํ้านองระลอกกระฉอกนํ้า
แหล่งหล้าอึงอล ฯ
             
ก้านต่อดอก
๏ หงส์ยนตร์ที่นั่งวิ่งว่องไวจริงแทบเทียมลม
พลพายไล่ระดมชมไชเยศประเวศคลา ฯ
๏ กระบวนหน้าเคลื่อนนำพลสะบัดบนทั้งสัญญา
กระบวนหลังเรือเหลือตราคลาเยียดยัดอัดสาคร ฯ
๏ เริงรื่นทั้งนายไพร่มาดมุ่งหมายจักราญรอน
ศึกสู้พลันม้วยมรณ์ต้อนต่อยตับพรับตาเดียว ฯ
             
โคลงสี่
๏ ลับถึงบางกั้งลาศเล่นแล
กั้งมาปนปูแสมใช่ชู้
ปูทะเลหม้ายลอยแพกินผู้ ผัวเอย
เห็นหญิงคิดประวิงชู้ห่อนไว้ใจหวัง ฯ
             
ร่าย
๏ สองฟากฝั่งรัถยา แน่นพฤกษาถิ่นสวน ดังจะชวนแวะชม รื่นราบร่มบงซาง ล่วงลุบางนางจีน เชิงสวนตีนเลนสนุก ทุกบ้านทุกเรือนราย หมากพร้าวหมายแม้นเมฆ มะพร้าวเอกอันดก ตกจั่นตักตั้งดิน ลางพันธุ์กินเปลือกได้ ลางพร้าวไฟกะทิพันธุ์ ลางต้นนั้นเถนทุย บ้างต้อมตุ่ยพร้าวซอ แน่นรอบคอพันฝาด หงส์สิบบาทนาฬิเก พันธุ์ทะเลนาควารี อีกหมูสีนํ้าหอม พันธุ์เขียวขอมพร้าวเตย พิศจนเลยคลองโพงพาง เนาหนึ่งบางสวนหลวง ดูอเนกมะม่วงหลายเหล่า อัมพาเผ่าอัมพา ลุอัมพวาอีกมี ตาลตานีม่วงมัน ทิพรสพันธุ์แขกเต้า อีกแมวเซาหมอนทอง พันธุ์ตาลรองปากกระบอก ม่วงละมุดซอกส่งกลิ่น ลางร่องสิ้นม่วงทุเรืยน พรวนเสนเสียนกะล่อน พันธุ์ม่วงซ้อนชู้นัด ไอ้อวบอัดตับเป็ด ยินชื่อเข็ดพราหมณ์ขายเมีย ลางร่องเตี้ยตํ่าต้อย สาวละห้อยทืบหอ พิศพึงพอสังขยา พุ่มเสนหมาไม่แล ม่วงป่าแท้ทองคำ ทองขาวนํ้าตาลจีน แฟบหน้าปีนดกเด็ด ขี้ไต้เข็ดปราศเปรี้ยว มะตูมเขียวไข่กา ม่วงพลัดหลาหลายพันธุ์ ม่วงสำปั้นป้อมเปาะ อีกหมู่เหมาะทองปลายหัตถ์ ต้นแขนขัดวลัย ยังที่มิจำได้ ม่วงอื่นหลายพันธุ์ ฯ
             
การ
๏ แสนกระศัลย์โหยระหวยแม้นพระน้องเสด็จโดยด้วย
จะชี้ชวนชม ฯ
๏ ร้อนระบมทรวงยับเจ็บเรียมเจ็บโดยทัพ
โอ้เอ้องค์เดียว ฯ
๏ สวนในเลี้ยวสวนนอกใช่แต่พร้าวม่วงดอก
อื่นไม่คร้านกล่าว บารนี ฯ
             
โคลงสี่
๏ ดลบางนางลิให้อาวรณ์
ยินว่านางฉุนสมรอีกซ้ำ
เร่งเลื่อนเคลื่อนนิกรเลยล่วง
ดิบฤดีรสกลํ้าเนตรนํ้ากลอกกลืน ฯ
๏ บางจากเล่าจากสิ้นเชิงสวน
เราว่าเจ็บจากควรฤพร้อง
ยลจากร้อนรัญจวนจากเจ็บ จากนา
ชังจากเพราะจากน้องฤพ้องจากแล ฯ
๏ จรดลคลองหนึ่งน้อยนามเกิน
นํ้าขุ่นขาดแค่นเขินขอดค้าง
เป็นท่าคชาเดินข้ามแต่ ก่อนนา
เขาจึงเรียกบางช้างชื่อช้างเดินคลอง ฯ
๏ บางแคแคดกล้วนดอกดาษ ดื่นนา
คราวกับปาริชาตออกพร้อม
อสุรานึกพยาบาทอมเรศ
ดังพม่าคิดล้อมอยุธเยศอย่างกัน ฯ
             
ร่าย
๏ บนานพลันล่วงแคว้น ลุสวนแดนต่อด้าว แม่กลองเข้าราชบุรี หย่อมบ้านที่ไร่นา หย่อมบ้านป่าบ้านทุ่ง เนาบางกุ้งมีศาล ถิ่นสถานอารักษ์ จีนสำนักนับถือ เขาเลื่องลือศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตสนุก ใหญ่กว่าทุกตำบล แผ่กุศลส่วนให้ ปัทวภัยอย่ามี ฯ
             

(ต่อไปนี้ต้นฉบับขาดอ่านไม่ได้ความ )

ตั้งค่ายหลวงที่บางกุ้ง

เครื่องมือส่วนตัว