ลิลิตตะเลงพ่าย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร)
(พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร)
แถว 662: แถว 662:
</tpoem>
</tpoem>
=== พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร ===
=== พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ ราชาชัเยศอื้น  โองการ
 +
รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน  ทึ่มล้าง
 +
ขุนเข็ญคู่รำบาญ  สวมศพ ไว้แฮ
 +
หนตระพังตรุสร้าง  สืบหล้าแหล่งเฉลิม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า  ฟู่ภพ
 +
ตระบัดบพิตรปรารภ  ชอบพ้น
 +
เจ้ารามราฆพ  คงคู่ เสด็จนา
 +
ตำแหน่งกลางช้างต้น  ต่อด้วยดัสกร ฯ
 +
๏ กุญชรวรพ่าห์ท้าย  เถลิงงาน
 +
องค์อนุชนฤบาล  บั่นเสี้ยน
 +
ขุนศรีคชคงชาญ  ชเยศ ยิ่งนา
 +
สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน  เพื่อนไท้ในรณ ฯ
 +
๏ สองผจญอริราชด้วย  โดยเสด็จ
 +
คุณขอบตอบบำเหน็จ  ท่านให้
 +
ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ  ทุกสิ่ง สรรพแฮ
 +
เงินและทองทาสใช้  อีกทั้งทวยเชลย ฯ
 +
๏ แล้วเผยพจนารถชั้น  บรรหาร
 +
ยกชอบกอบบำนาญ  ที่ม้วย
 +
นายมหานุภาพควาญ  กลางคช หนี่งนา
 +
หมื่นภักดีศวรด้วย  ศึกสู้เสียตน ฯ
 +
๏ นบัดดลดำรัสให้  ปูนยศ
 +
ทรัพย์สิ่งศรีสำรด  ทั่วทั้ง
 +
บุตรทารท่านแทนทด  ความชอบ เขานา
 +
สมที่ภักดีตั้ง  ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>ร่าย</sup>
 +
๏ เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๒</sup>
 +
๏ ถวายพิพากษาชั้น  ดำรัสโดยเหตุหั้น
 +
แห่งเบื้องบันทึก โทษนา ฯ
 +
๏ คำนึงนึกบาปใกล้  วันบัณรสีไซร้
 +
จวบเข้าควรงด หน่อยนา ฯ
 +
๏ กำหนดพรุกเพ็ญแท้  พันธนาไว้แล้
 +
ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๓</sup>
 +
๏ ตั้งแต่ปาฏิบท  ล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว
 +
เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว  คลาดด้าวดำเนิน บทนา ฯ
 +
</tpoem>
=== สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ ===
=== สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ ===

การปรับปรุง เมื่อ 17:45, 4 กรกฎาคม 2552

เนื้อหา

อาเศียรวาท

ร่าย
๏ ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับทุกข์ สนุกสบสีมา ส่ำเสนานอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสศรเพลิง เถลิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี ฯ
             
โคลง ๔
๏ บุญเจ้าจอมภพพื้นแผ่นสยาม
แสยงพระยศยินขามขาดแกล้ว
พระฤทธิ์ดังฤทธิ์รามรอนราพณ์
แลฤๅ ราญอริราชแผ้วแผกแพ้ทุกภาย ฯ
๏ ไพรินทรนาศเพี้ยงพลมาร
พระดั่งองค์อวตารแต่กี้
แสนเศิกห่อนหาญราญรอฤทธิ์ พระฤๅ
ดาลตระดกเดชลี้ประหลาดเหล้าแหล่งสถาน ฯ
๏ เสร็จเสวยศวรรเยศอ้างไอยศูรย์ สรวงฤๅ
เย็นพระยศปูนเดือนเด่นฟ้า
เกษมสุขส่องสมบูรณ์บานทวีป
สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้าแหล่งล้วนสรรเสริญ ฯ
             

เหตุการณ์ทางเมืองมอญ

ร่าย
๏ ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบริหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปถพินทร์ผ่านทวีป ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยี่ย่ำภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แต่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไปเหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไปพักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบ่มิหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุบาตร จักยาตราตรู่เช้า เสด็จเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย อยู่นา ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระผาดผายสู่ห้องหาอนุชนวลน้อง
หนุ่มหน้าพระสนม ฯ
๏ ปวงประนมนบเกล้างามเสงี่ยมเฟื้ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง ฯ
๏ กรตระกองกอดแก้วเรียมจักร้างรสแคล้ว
คลาดเคล้าคลาสมร ฯ
๏ จำใจจรจากสร้อยอยู่แม่อย่าละห้อย
ห่อนช้าคืนสม แม่แล ฯ
             
ร่าย
๏ เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาททันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงใส จึ่งบรมไทธิราช ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวลอบอายขจร ทรงบวรวิภูษิต สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตนประพาฬ สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฎทรงเทริดเกศ อย่างอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะพานแผ่เศรียร แสงวิเชียรช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์ชัชวาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสงกรายกรนาด ยุรยาตรอย่างไกรสร จากศีขรคูหา ลีลายังวังราช ไหว้บัวบาทบิตุรงค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผด็จดัสกรให้ เหือดเสี้ยนศึกสยาม สิ้นนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระฟังความลูกท้าวลาเสด็จศึกด้าว
ดั่งเบื้องบรรหาร ฯ
             
โคลง ๓
๏ ภูบาลอื้นอำนวยอวยพระพรเลิศล้น
จงอยุธย์อย่าพ้นแห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ จงเจริญชเยศด้วยเดชะ
ชาวอยุธย์อย่าพะพ่อได้
จงแพ้พินาศพระวิริยภาพ พ่อนา
ชนะแด่สองท่านไท้ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๏ สงครามความเศิกซึ้งแสนกล
จงพ่ออย่ายินยลแต่ตื้น
อย่าลองคะนองตนตาชอบ ทำนา
การศึกลึกเล่ห์พื้นล่อเลี้ยวหลอกหลอน ฯ
๏ จงแจ้งแห่งเหตุเบื้องโบราณ
เป็นประโยชน์ยุทธการกล่าวไว้
เอาใจทหารหาญเริงรื่น อยู่นา
อย่าระคนปนใกล้เกลือกกลั้วขลาดเขลา ฯ
๏ หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้สบสถาน
เจนจิตวิทยาการกาจแกล้ว
รู้เชิงพิชัยชาญชุมค่าย ควรนา
อาจจักรอนรณแผ้วแผกแพ้พังหนี ฯ
๏ หนึ่งรู้บำเหน็จให้ขุนพล
อันสมรรถมือผจญจืดเสี้ยน
อย่าหย่อนวิริยะยลอย่างเกียจ
แปดประการกลเที้ยรถ่องแท้ทางแถลง ฯ
๏ จงจำคำพ่อไซร้สั่งสอน
จงประสิทธิ์สมพรพ่อให้
จงเรืองพระฤทธิ์รอนอริราช
จงพ่อลุลาภได้เผด็จด้าวแดนสยาม ฯ
             
ร่าย
เสด็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แต่ภูธรเอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย เสนาในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับช้างแก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทียบ เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาดแคล้ว คล้ายนายทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ ถับถึงทวารกรุงแก้วเดียรดาษพลคลาดแคล้ว
คล่ำคล้ายคลาขบวน ฯ
             
โคลง ๓
๏ ด่วนเดินโดยโขลนทวารพวกพลหาญแห่หน้า
ล้วนทแกล้วทกล้ากลาดกลุ้มเกลื่อนสถล มารคนา ฯ
             

พระมหาอุปราชายกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี

โคลง ๒
๏ ยกพลผ่านด่านกว้างเสียงสนั่นม้าช้าง
กึกก้องทางหลวง ฯ
๏ ปวงประนมนบเกล้างามเสงียมเฟื้ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง ฯ
๏ ล่วงลุด่านเจดีย์สามองค์มีแห่งหั้น
แดนต่อแดนกันนั้น ฯ
             
โคลง ๔
๏ มาเดียวเปลี่ยวอกอ้าอายสู
สถิตอยู่เอ้องค์ดูละห้อย
พิศโพ้นพฤกษ์พบูบานเบิก ใจนา
พลางคะนึงนุชน้อยแน่งเนื้อนวลสงวน ฯ
๏ สลัดไดใดสลัดน้องแหนงนอน ไพรฤๅ
เพราะเพื่อมาราญรอนเศิกไสร้
สละสละสมรเสมอชื่อ ไม้นา
นึกระกำนามไม้แม่นแม้นทรวงเรียม ฯ
๏ สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หายห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวายวางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้าหยุดได้ฉันใด ฯ
๏ พลมอญเมิลมืดท้องรัถยา
อเนกนิกรอาชาชาติช้าง
ทวนทองเถือกทอตาเปลือยปลาบ
เทียวธวัชแลสล้างเฟื่องฟ้าปลิวปลาย ฯ
             
ร่าย
๏ ฝ่ายนครกาญจน จัดพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ เขาก็พากันรีบรัด ลัดเล็ดลอดเลาะดง ตรงไปทางแม่กษัตริย์ จัดกันซุ่มเป็นกอง มองเอาเหตุเอาผล ยลนิกรรามัญ เดินแน่นนันต์นองเถื่อน เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวันก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบนเบื้องหลังสาร เขาก็ทราบการโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบกลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญจนบุริน ยินยุบลข่าวศึก พิลึกลาญขวัญ แหลกแสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคืองใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือดสลดหมดหน้า บเห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบบมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนีหน้าอย่าพะ เขามละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหน่เศิกไสร้ เพื่อลงลักษณะให้ ส่งท้าวแถลงความ ท่านนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ชาวสยามคร้ามเศิกสิ้นทั้งผอง
นายและไพร่ไป่ปองรบร้า
อพยพหลบหลีกมองเอาเหตุ
ซุกซ่อนห่อนให้ข้าศึกได้ไปเป็น ฯ
             
ร่าย
ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้ผันพลผ้าย ย้ายมาโดยทางเถื่อน ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิม ลุลำกระเพินบมิหึง จึ่งพระยาจิดตอง ให้พลกรองเวฬู ปูเป็นสะพานผ่านชล เร่งเดินพลข้ามฟาก มากนิกรคั่งคาม พวกชาวสยามเห็นตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่อ ใส่ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุกมุลทุกนาย แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รับมาเร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ท่านนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ กองทัพตามกันเต้าเสียงสนั่นลั่นเท้า
พ่างพื้นไพรพัง เพิกฤๅ ฯ
             
โคลง ๔
๏ ดลยังเวียงด่านด้าวโดยมี
เมืองชื่อกาญจนบุรีว่างว้าง
ผู้ใดบ่ออกตีตอยต่อทัพนา
ยลแต่เหย้าเรือนร้างอยู่ไร้ใครแรม ฯ
๏ สอดแนมจักจับถ้อยไถ่ความ
ฤๅบ่ได้ชาวสยามสักผู้
จักสืบจักเสาะถามเหตุห่อน รู้แฮ
รู้ว่าชาวเมืองรู้เล่ห์แล้วหลีกหนี ฯ
๏ ธก็กรีธาทัพเข้าเนาเมือง
ประทับอยู่แรมคืนเคืองสวาทไหม้
คำนึงนุชไป่เปลืองจิตท่าน ถวิลนา
เจ็บอุระราชไข้ขุนแค้นคับทรวง ฯ
๏ ระลวงรำลึกอ้าบังอร
ยลแต่แสงศศิธรถ่องฟ้า
แสงจันทร์บ่ส่องสมรหมดเทวษ
ถวิลบ่ลืมนวลหน้าแม่แม้นนวลจันทร์ ฯ
๏ พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำแกล่ครวญ
ขับคชบทจรจวนจักเพล้
บรรลุพนมทวนเถื่อนที่ นั้นนา
เหตุอนาถหนักเอ้อาจให้ชนเห็น ฯ
๏ เกิดเป็นหมอกมืดห้องเวหา หนเฮย
ลมชื่อเวรัมภาพัดคลุ้ม
หวนหอบหักฉัตราคชขาด ลงแฮ
แลธุลีกลัดกลุ้มเกลื่อนเพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ พระพลันเห็นเหตุไซร้เสียงดวง แดเฮย
ถนัดดั่งภูผาหลวงตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวงสั่นซีด พักตร์นา
หนักหฤทัยท่านร้องเรียกให้โหรทาย ฯ
๏ ทั้งหลายล้วนจบแจ้งเจนไสย ศาสตร์แฮ
เห็นตระหนักแน่ในเหตุห้าว
จักทูลบ่ทูลไทเกรงโทษ ท่านนา
เสนอแต่ดีกลบร้าวเผด็จเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ เหตุนี้ผิวเช้าชั่วฉุกเข็ญ
เกิดเมื่อยามเย็นดีดอกไท้
อย่าขุนอย่าลำเค็ญใจเจ็บ พระเอย
พระจักลุลาภได้เผด็จเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ ครั้นฟังบพิตรเพี้ยงฟังหู หนึ่งนา
หูหนึ่งแหนงคำสูซึ่งพร้อง
ไป่ไว้หฤทัยภู-ธรพรั่น อยู่นา
นึกเร่งกริ่งเกรงต้องแต่แพ้ดัสกร ฯ
๏ สระเทินสระทกแท้ไทถวิล อยู่เฮย
ฤๅใคร่คลายใจจินต์จืดสร้อย
คำนึงนฤบดินทร์บิตุเรศ พระแฮ
พระเร่งลานละห้อยเทวษไห้โหยหา ฯ
๏ อ้าจอมจักรพรรดิผู้เพ็ญยศ
แม้พระเสียเอารสแก่เสี้ยน
จักเจ็บอุระระทดทุกข์ใหญ่ หลวงนา
ถนัดดั่งพาหาเหี้ยนหั่นกลิ้งไกลองค์ ฯ
๏ ณรงค์นเรศวร์ด้าวดัสกร
ใครจักอาจออกรอนรบสู้
เสียดายแผ่นดินมอญพลันมอด ม้วยแฮ
เหตุบ่มีมือผู้-อื่นต้านทานเข็ญ ฯ
๏ เอ็นดูภูธเรศเจ้าจอมถวัลย์
เปลี่ยวอุระราชรัน-ทดแท้
พระชนม์ชราครันครองภพ พระเอย
เกรงบพิตรจักแพ้เพลี่ยงพล้ำศึกสยาม ฯ
๏ สงครามครานี้หนักใจเจ็บ ใจนา
เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บอกโอ้
ลูกตายฤใครเก็บผีฝาก พระเอย
ผีจัดเท้งที่โพล้ที่เพล้ใครเผา ฯ
๏ พระเนานัคเรศอ้าเอองค์
ฤๅบ่มีใครดงคู่ร้อน
จักริจักเริ่มรงค์ฤๅลุ แล้วแฮ
พระจักขุ่นจักข้อนจักแค้นคับทรวง ฯ
๏ พระคุณตวงเพียบพื้นภูวดล
เต็มตรลอดแหล่งบนบ่อนใต้
พระเกิดพระก่อชนม์ชุบชีพ มานา
เกรงบ่ทันลูกได้กลับเต้าตอบสนอง ฯ
             
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราชอาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกภาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว มาบังคมทูลท้าว ธิราชผู้ผ่านถวัลย์ แลนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงปรารภเรื่องตีเมืองเขมร

โคลง ๔
๏ ปางนั้นนฤเบศเบื้องบูรพา ภพแฮ
เฉลิมพิภพอโยธยายิ่งผู้
พระเดชดั่งรามรา-ฆพเข่น เข็ญเฮย
ออกอเรนทร์รั่วรู้เร่งร้าวราญสมร ฯ
๏ ภูธรสถิตท้องโรงธาร ท่านฤๅ
เถลิงภิมุขพิมานมาศแต้ม
มนตรีชุลีกรานกราบแน่น เนืองนา
บัดบดีศวรแย้มโอษฐ์เอื้อนปราศรัย ฯ
๏ ไต่ถามถึงทุกข์ถ้อยทวยชน
ต่างสนองเสนอกลแก่ท้าว
พระดัดคดีผลใดเยี่ยง ยุกดิ์นา
เย็นอุระฤๅร้าวราษฎร์ร้อนห่อนมี ฯ
๏ นฤบดีดำรัสด้วยการยุทธ์
ซึ่งจักยอกัมพุชแผ่นโพ้น
พลบกยกเอาอุต-ดมโชค ชัยนา
นับดฤษถีนี้โน้นแน่นั้นวันเมือ ฯ
๏ พลเรือพลรบท้องทางชลา
เกณฑ์แต่พลพาราปักษ์ใต้
ไปตีพุทไธธา-นีมาศ เมืองเฮย
ตีป่าสักเสร็จให้เร่งล้อมขอมหลวง ฯ
๏ พระห่วงแต่เสี้ยนอัสดง
เกรงกระลับก่อรงค์รั่วหล้า
คือใครจักคุมคงควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ้าทัพข้อยคืนถึง ฯ
๏ พระพึงพิเคราะห์ผู้ภักดี ท่านนา
คือพระยาจักรีกาจแกล้ว
พระตรัสแด่มนตรีมอบมิ่ง เมืองเฮย
กูจักไกลกรุงแก้วเกลือกช้าคลาคืน ฯ
๏ เยียวพื้นภพแผ่นด้าวตกไถง
ริพิบัติพูนภัยเพิ่มพ้อง
สูกันนครใจครอเคร่า กูเฮย
กูจักพลันคืนป้องปกหล้าแหล่งสยาม ฯ
๏ สงครามพึ่งแผกแพ้เสียที
แตกเมื่อต้นปีไปห่อนช้า
บร้างกระลับมีมาขวบ นี้เลย
มีก็มีปีหน้าแน่แท้กูทาย ฯ
๏ ทั้งหลายสดับถ้อยท่านบรรหาร หนเฮย
ยังบ่เยื้อนสนองสารใส่เกล้า
บัดทูตนครกาญ-จนถับ ถึงแฮ
พระยาอามาตย์นำเฝ้าบอกเบื้องเคืองเข็ญ ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระเปรมปราโมทย์ไซร้ซึ่งบดินทร์ดาลได้
สดับเบื้องบอกรงค์ ฯ
๏ ธให้หาองค์น้องท้าวแถลงยุบลเหตุห้าว
ท่านแจ้งทุกอัน แลนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียมการสู้ศึกมอญ

ร่าย
๏ แล้วธบรรหารตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยุทธ์ ยังกัมพุชพารา ศึกมอญมาชิงควัน กันบให้ไปออก บอกให้เต้าโดยตก ควรจักยกไปยุทธ์ เป็นมหุสสวมหันต์ ปันเอาชัยชิงชื่น แล้วธก็อื้นออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แก่เมืองราชบุรี เกณฑ์โยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านลำกระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญเห็นเสร็จ ให้ระเห็จเข้าหั่น บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพวนขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุ่นพลวกเผา อย่าให้เขาจับได้ เขากระดั่งไท้ ธิราชเอื้อนโองการ สั่งนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ นฤบาลสารเสร็จอ้างไป่ทัน หึงแฮ
ถับทูตทุกเขตขัณฑ์ด่านด้าว
สิงห์สรรค์สุพรรณบรร-ลุถิ่น ท่านนา
เขาเร่งนำเฝ้าท้าวถั่งถ้อยแถลงทูล ฯ
๏ บดีศูรสั่งให้อ่านสารา
พระราชรับบัญชาท่านไซร้
แถลงลักษณะทุกธา-นีบอก มานา
เสนอยุบลข่าวใกล้ศึกตั้งในแดน ฯ
๏ บัดมอญแล่นม้าลาดเลยแขวง
วิเศษชัยชาญแสดงข่าวซ้ำ
เขานำอักษรแถลงถวายดับ นั้นนา
พระเร่งชื่นฤๅช้ำที่ข้อเข็ญความ ฯ
๏ จอมสยามขามศึกไซร้ไป่มี
บานกลเปรมปรีดิ์ปราบเสี้ยน
สองสุริยกษัตริย์ตรัสต่อ กันแฮ
หาเลศมลายศึกเหี้ยนหั่นห้าวหายคม ฯ
๏ สมเด็จเผยโอษฐ์อื้นปรึกษา
แด่ภิมุขมาตยาทั่วผู้
จักโรมอริรา-มัญเมื่อ นี้แฮ
รับที่ถิ่นฤๅสู้นอกไซร้ไหนควร ฯ
๏ ทั้งมวลหมู่มาตย์ซ้องสารพลัน
ทูลพระจอมจรรโลงเลื่องหล้า
แถลงลักษณะปางบรรพ์มาเทียบ ถวายแฮ
แนะที่ควรเสด็จค้าเศิกไซร้ไกลกรุง ฯ
๏ โทไท้ทรงสดับถ้อยทูลถวาย
ถูกหฤทัยท่านผายโอษฐ์พร้อง
สูตริก็ตรงหมายเหมือนตริ ตูนา
ตริบ่ต่างกันต้องต่อน้ำใจตู ฯ
๏ ภูธรสั่งให้เทียบโยธี ทัพแฮ
ห้าหมื่นหมายบัญชีเรียกได้
เกณฑ์เมืองจัตวาตรีไตรตรวจ เอานา
ยี่สิบสามเมืองใต้เตรียบตั้งต่อฉาน ฯ
๏ บรรหารให้จัดผู้อาจอง
เอาพระศรีไสยณรงค์ฤทธิ์ห้าว
เป็นจอมพยุหยงไปยั่ว ยุทธแฮ
นำนิกรทัพท้าวออกร้ารอนเข็ญ ฯ
๏ พระเห็นจักเปลี่ยวข้างขุนพล
เยียวบ่มีเพื่อนผจญจึ่งใช้
พระราชฤทธานนท์หนึ่งช่วย กันนา
เป็นปลัดทัพให้ศึกสู้ทั้งสอง ฯ
๏ กองหน้านฤนาทตั้งเสร็จสาร สั่งแฮ
เร็วเร่งห้ำหั่นหาญหักกล้า
บ่แตกต้านทานมันรอด ไซร้ฤๅ
กูจักออกโรมร้าศึกร้ายภายหลัง ฯ
๏ ทั้งสองรับถ้อยท่านทูลลา แลเฮย
ยกพยุหแสนยาย่างย้าย
โดนแดนทุกราธวาวายถิ่น
ถึงนี่หนองสาหร่ายท้ายทุ่งกว้างทางหลวง ฯ
๏ ปวงทัพปลูกค่ายสร้างกลางสมร
ภูมิพยุหไกรสรศึกตั้ง
เสนาพลากรต่างรื่น เริงแฮ
คอยจักยอยุทธ์ยั้งอยู่ถ้าทางเข็ญ ฯ
             

พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทัพ

ร่าย
๏ กษณะนั้นนเรนทร์ไท้ ธให้โหรหามมหุติฤกษ์ ซึ่งจะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้โศลก หลวงญาณโยคโลกทีป รีบคำนวณทำนาย ถวายพยากรณ์แก่ไท้ ท้าวธได้จัตุรงคโชค อาจปราบโลกลาญรงค์ เชิญบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายามเช้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ดขึ้นค่ำย่ำรุ่งสองนาฬิกา เศษสังขยาห้าบาท ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดิ์ฤกษ์อุดม บรมนรินทร์ดาลสดับ ธให้ตรวจทัพเตรียมพล โดยชลมารคพยู่ห์ สู่ตำบลปากโมก ครั้นณวันโชควันยาม พยุหสงครามเขาตรวจ ทุกหมู่หมวดสรรพเสร็จ จึ่งสมเด็จภูวนาถ กับบรมราชอนุชา ธก็สรงธาราเสาวรภย์ ตรลบสุคนธกำจร ทรงบวรวิภูษา รัตพัสตราครูเนตร ชายแครงเทศเถือกพร้อย ชายไหวห้อยเห็นเพรา พิศสนับพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศพรายพริ้ง สะอิ้งรัตนไพฑูรย์ แก้วเกยูรสวมหัตถ์ แสงนพรัตน์มลังเมลือง เรืองธำมรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว แพร้วพรายนิ้วอัษฎางค์ พลางสองกษัตริย์สวมทรง อลงกตกาญจนมกุฎ แสงเพชรผุดพุ่งแพร้ว แก้เก้ากอบแกมมาศ นาดกรกรายทายธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษณ์รามรอนราพณ์ ปราบอเรนทร์ทุกด้าว พลางบพิตรไทท้าว ท่านเยื้องยังฉนวน น้ำนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ครั้นควรพิชัยฤกษ์พร้อมเพรียงสมัย
โหรคระหึมฆ้องชัยกึกก้อง
พฤฒิพราหมณ์พรอกมนตร์ไสยสังข์เป่า ถวายนา
แตรตรลบเสียงซ้องแซ่ซั้นบรรสาน ฯ
             
ร่าย
๏ พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตำรับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถานปากโมก จึ่งพระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลางธให้ตรวจเตรียมพล โดยสถลพยุหบาตร บอกพระราชกำหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกหพลยาตรา ในเวลาล่วงค่ำ ย่ำสิบเอ็ดสามบาท ครั้นเข้าราษตรีสมัย ภูวไนยตรัสตริการ ซึ่งจะรอนราญอริราช ด้วยภิมุขมาตยากร จนจันทรลับเลื่อน เคลื่อนเข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนือบรมอาสน์ก่องแก้ว คล้ายคล้ายสิบทุ่มแคล้ว ท่านเคลิ้มหลับฝัน ใฝ่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ เทวัญแสดงเหตุให้สังหรณ์ เห็นแฮ
เห็นกระแสสาครหลั่งล้น
ไหลลบวนาดอนแดนตก ทิศนา
พระแต่เพ่งฤๅพ้นที่น้ำหนองสาย ฯ
๏ พระกรายกรย่างเยื้องจรลี
ลุยมหาวารีเรี่ยวกว้าง
พอพานพะกุมภีล์หนึ่งใหญ่ ไสร้นา
โถมปะทะเจ้าช้างจักเคี้ยวขบองค์ ฯ
๏ พระทรงแสงดาบแก้วกับกร
โจมประจักฟันฟอนเฟื่องน้ำ
ต่างฤทธิ์ต่างรบรอบราญชีพ กันแฮ
สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำท่งท้องชลธี ฯ
๏ นฤบดีโถมถีบสู้ศึกธาร
ฟอนฟาดสุงสุมารมอดม้วย
สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์หายเหือด แห้งแฮ
พระเร่งปรีดาด้วยเผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ฯ
๏ ทันใดดิลกเจ้าจอมถวัลย์
สร่างผทมถวิลฝันห่อนรู้
พระหาพระโหรพลันพลางบอก ฝันนา
เร็วเร่งทายโดยกระทู้ที่ถ้อยตูแถลง ฯ
๏ พระโหรเห็นแจ้งจบในมูล ฝันแฮ
ถวายพยากรณ์ทูลแต่ไท้
สุบินบดินทร์สูรฝันใฝ่ นั้นฤๅ
หากเทพสังหรณ์ให้ธิราชรู้เป็นกล ฯ
๏ นุสนธิ์ซึ่งน่านน้ำนองพนา สณฑ์เฮย
หนปัจฉิมทิศาท่วมไซร้
คือทัพอริรา-มัญหมู่ นี้นา
สมดั่งลักษณ์ฝันไท้ธเรศนั้นอย่าแหนง ฯ
๏ เหตุแสดงแห่งราชพ้องภัยชลา
ได้แก่อุปราชาเชษฐ์ผู้
สงครามซึ่งเสด็จครานี้ใหญ่ หลวงแฮ
แท้จักถึงยุทธ์สู้ศึกช้างสองชน ฯ
๏ ซึ่งผจญอริราชด้วยเดชะ
เพื่อพระเดโชชนะศึกน้ำ
คือองค์อมิตรพระจักมอด เมือเฮย
เพราะพระหัตถ์หากห้ำหั่นด้วยขอคม ฯ
๏ เบื้องบรมขัตติย์ท่องท้องแถวธาร
พระจักไล่ลุยลาญเศิกไสร้
ริปูบ่รอราญฤทธิ์ราช เลยพ่อ
พระจักชาญชเยศได้ดั่งท้าวใฝ่ฝัน ฯ
             
โคลง ๒
๏ ครั้นบดินทร์ดาลได้สดับพยากรณ์ไท้
ธิราชแผ้วพูนเกษม ฯ
๏ เปรมปรีดิ์ปราโมทย์แท้เพราะพระโหรหากแก้
กล่าวต้องตามฝัน ฯ
๏ พระพลันทรงเครื่องต้นงามประเสริฐเลิศล้น
แหล่งหล้าควรชม ชื่นนา ฯ
๏ สมเด็จอนุชน้องแก้วทรงสุภาภรณ์แพร้ว
เพริศพร้อมเพราตา ยิ่งแฮ ฯ
             
ร่าย
๏ สองขัติยายุรยาตรา ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศวรสองกษัตริย์ คอยนฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างยล ส้มเกลี้ยงกลลุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับคำรบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร ผ่านไปอุดรโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตั้งสดุดี อยู่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ พระเปรมปราโมทย์น้อมวันทนา
พลางพระทรงไอยราฤทธิ์แกล้ว
พระคเชนทร์ชื่อไชยา-นุภาพ พ้นแฮ
อาจเข่นคชศึกแผ้วแผกแพ้ทุกภาย ฯ
๏ พลายปราบไตรจักรอ้างเอิกฤทธิ์
อาจปราบคชทุกทิศทั่วไซร้
เอกาทศรถอิศ-วรเสด็จ ทรงนา
นำคเชนทเรศไท้ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
             

พระมหาอุปราชทรงปรึกษาการศึกแล้วยกทัพเข้าปะทะทัพหน้าของไทย

ร่าย
๏ ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอากาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตราทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสหร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมาแย่งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกอง ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่ยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งนี้เช้าเราตี เทอญนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ เสนีรับถ้อยท่านทุกตน
ต่างเร่งตรวจเตรียมพลทุกผู้
พลหาญหื่นหนรณเริงร่าน อยู่แฮ
คอยจักขับเคี่ยวสู้เข่นเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ ครั้นยามสิบเอ็ดแล้วเวลา ลุเอย
องค์อัครอุปราชาหน่อไท้
โสรจสรงรสธารารวยรื่น ฉมนา
เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้เฟื่องฟุ้งเสาวคนธ์ ฯ
๏ ภูเบนทร์บ่ายบาทขึ้นเกยหอ
ขี่คชชื่อพัทธกอกาจกล้า
บ่เข็ดบ่ขามขอเขาเงือด เงื้อแฮ
มันตกติดหลังหน้าเสือกเสื้องส่ายเสย ฯ
             
ร่าย
๏ ส่วนพระยาศรีไสยณรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมูล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลั่งพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนและสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกชักคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปักกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร่า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้ ต่าวคู่คู่ต่าวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่างบเกรงบกลัว ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร ขานเสียงศึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโหม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไขว่แคล้ว แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขนต่อแขนหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสมรรถมือทาน ผลาญกันกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหย่อน ต่างต่อกรฮึดฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะศึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบ่มิแตก แยกยุทธ์แย้งบ่มิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขกเด็ด บอยากกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผออกรลบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลากเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา ฯ
             
โคลง ๒
๏ พันลึกล่มลั่นฟ้าเฉกอสุนีผ่าหล้า
แหล่งเพี้ยงพก แลนา ฯ
๏ ดังตรลบโลกแล้ฤๅบ่ร้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา ฯ
๏ สองฝ่ายหาญใช่ช้าคือสีหสู้สีหกล้า
ต่อแกล้วในกลาง สมรนา ฯ
             

พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธีเอาชนะศึก

โคลง ๔
๏ ปางอุภัยภูเบศเบื้องบูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณร่างเรื่อ แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อมนอบนิ้วเสนอทูล ฯ
๏ เชิญไท้ยูรยาตรเต้าเตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธารเพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสานสังข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้องเกริกหล้าหวั่นไหว ฯ
             
ร่าย
๏ ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเช่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอไสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่ามอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่งมา ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทับดัสกร เข้าราญรอมรุมรุก คลุกคลีกันหนักหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหาร ท่านนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ บนานต่างตนผ้ายไปบ่รอรั้งท้าย
ถี่เท้าผาดผัง มานา ฯ
๏ ผันหลังแล่นแผ่ผ้านบมีผู้อยู่ต้าน
ต่อสู้สักตน หนึ่งนา ฯ
             
โคลง ๓
๏ พวกพลทัพรามัญเห็นไทยผันหนีหน้า
ไปบ่หยุดยั้งช้าตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา ฯ
๏ ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อยเร่งเต้าตีนตาม มานา ฯ
๏ แลหลังหลามเหลือนับบเป็นทัพเป็นขบวนแท้
ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา ฯ
๏ หมายละเลิงใจอาจประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
เบาเร่งเบาเชิงชั้นชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา ฯ
             

ทัพหลวงเคลื่อนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก

โคลง ๔
๏ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้ากษัตรา
เถลิงพิภพทวาราเกริ่นแกล้ว
สถิตเกยรัตนราชาอาสน์โอ่ องค์เอย
คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้วแผ่นพื้นหาวหน ฯ
๏ บัดดลวลาหกซื้อชระอับ อยู่แฮ
แห่งทิศพายัพยลเยือกฟ้า
มลักแลกระลายกระลับลิวล่ง ไปเฮย
เผยผ่องภาณุเมศจ้าแจ่มแจ้งแสงฉาน ฯ
๏ คัคนานต์นฤราสร้างราคิน
คือระเบียบรัตนอินทนิลคาดไว้
บริสุทธิ์สร่างมลทินถ่องโทษ อยู่นา
นักษัตรสวัสดิเดชได้โชคชี้ศุภผล ฯ
             
ร่าย
๏ เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ จึ่งไทเทเวศอ้างสมมุติ
มิ่งมหิศวรมกุฎเกศหล้า
เถลิงภพแผ่นอยุธย-ยายิ่ง ยศแฮ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้าเฟื่องด้าวดินไหว ฯ
๏ ภูวไนยผายโอษฐ์อื้นโชยงการ
แก่เทพทุกถิ่นสถานฉชั้น
โสฬสพรหมพิมานกมลาสน์ แลนา
เชิญช่วยชุมโสตซั้นสดับถ้อยตูแถลง ฯ
๏ ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้มาอุบัติ
ในประยูรเศวตฉัตรสืบเชื้อ
หวังผดุงบวรรัตนตรัสเยศ ยืนนา
ทำนุกพระศาสน์เกื้อก่อสร้างแสวงผล ฯ
๏ กลใดไป่ช่วยแผ้วนภา ดลฤๅ
ใสสรว่างธุมามืดม้วย
มลักเล็งเหล่าพาธาทวยเศิก สมรแฮ
เห็นตระหนักเนตรด้วยดั่งนี้แหนงฉงาย ฯ
๏ พอถวายวรวากย์อ้างโอษฐ์พระ
ดาลมหาวาตะตื่นฟ้า
ทรหึงทรหวลพะ-พานพัด หาวแฮ
หอบธุมางค์จางเจ้าจรัสด้าวแดนสมร ฯ
๏ ภูธรเมิลอมิตรไท้ธำรง สารแฮ
ครบสิบหกฉัตรทรงเทริดเกล้า
บ่จวนบ่จวบองค์อุปราช แลฤๅ
พลางเร่งขับคชเต้าแต่ตั้งตาแสวง ฯ
๏ โดนแขวงขวาทิศท้าวทฤษฎี แลนา
บัด ธ เห็นขุนกรีหนึ่งไสร้
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์เรียงคั่ง ขูเฮย
หนแห่งฉายาไม้ข่อยชี้เณอนาม ฯ
๏ ปิ่นสยามยลแท้ท่านคะเนนึก อยู่นา
ถวิลว่าขุนศึกสำ-นักโน้น
ทวยทัพเทียบพันลึกแลหลาก หลายแฮ
ครบเครื่องอุปโภคโพ้นเพ่งเพี้ยงพิศวง ฯ
             
โคลง ๒
๏ สองสุริยพงศ์ผ่านหล้าขับคเชนทร์บ่ายหน้า
แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา ฯ
๏ ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้าพักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า
สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา ฯ
๏ ไพรีเร่งสาดซ้องโซรมปืนไฟไป่ต้อง
ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา ฯ
             

ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย

โคลง ๔
๏ นฤบาลบพิตรเผ้าภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถาท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา-ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้องขุ่นแค้นคำไข ฯ
๏ อ้าไทภูธเรศหล้าแหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยงย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวงหวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้วเผือดกล้าแกลนหนี ฯ
๏ พระพี่พระผู้ผ่านภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุดร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธิ์เผยยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้สุดสิ้นฤๅมี ฯ
๏ หัสดีรณเรศอ้างอวสาน นี้นา
นับอนาคตกาลห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหารคชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้องตราบฟ้าดินกษัย ฯ
๏ ไว้เป็นมหรสพซ้องสุขศานติ์
สำหรับราชสำราญเริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบานประดิยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้งแต่หล้าเลอสรวง ฯ
๏ ป่วงไท้เทเวศทั้งพรหมมาน
เชิญประชุมในสถานที่นี้
ชมชื่นคชบำราญตูต่อ กันแฮ
ใครเชี่ยวใครชาญชี้ชเยศอ้างอวยเฉลิม ฯ
๏ หวันเริ่มคุณเกียรติก้องกลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คงคู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรงภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้าเรื่องรู้สรเสริญ ฯ
๏ ดำเนินพจน์พากย์พร้องพรรณนา
องค์อัครอุปราชาท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา-นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้งด่วนด้วยโดยถวิล ฯ
๏ หัสดินปิ่นธเรศไท้โททรง
คือสมิทธิมาตงค์หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือศิริเมขล์มงคลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้างไขว่แคว้งแทงโถม ฯ
๏ สองโจมสองจู่จ้วงบำรู
สองขัตติยสองขอชูเชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดูไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำเข่นเขี้ยวในสนาม ฯ
๏ งามสองสุริยราชล้ำเลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตรศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้างอื่นไท้ไป่เทียม ฯ
๏ ขุนเสียมสามรรถต้านขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยงหย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบงอังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าวท่านสู้ศึกสาร ฯ
๏ คชยานขัตติเยศเบื้องออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทันเหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้งคู้ค้ำคางเขิน ฯ
๏ ดำเนินหนุนถนัดได้เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศตกด้าว
เสด็จวราฤทธิ์รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าวอยู่เพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ เบื้องนั้นนฤนาถผู้สยามมินทร์
เบี่ยงพระมาลาผินห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้องปัดด้วยขอทรง ฯ
๏ บัดมงคลพ่าห์ไท้ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัดตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัดคอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ท่วงท้อทีถอย ฯ
๏ พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่านในรณ
บัดราชฟาดแสงพล-พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดลเผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสางข้อนขาดด้าวโดยขวา
๏ อุรารานร้าวแยกยลสยบ
เยนพระองค์ลงทบท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบสังเวช
วายชิวาตม์สิ้นสุดสู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
๏ บั้นท้ายคชาเรศท้าวไทยไผท
ถึงพิราลัยลาญชีพมล้าง
เพราะเพื่อพิพิธไพ-รีราช แลนา
โซรมสาดตราดปืนขว้างตอกต้องตนสลาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้องนฤบาล
แสดงยศคชยุทธยานยาตรเต้า
มางจาชโรราญฤทธิ์ราช แลฤๅ
เร็วเร่งคเชนทรเข้าเข่นค้ำบำรู ฯ
๏ บัดภูธเรศพ่าห์ได้เชิงชน
ลงล่างง้างโททนต์เทิดใต้
พัชเนียงเบี่ยงเบนตนเซซวน ไปแฮ
หัวปั่นหันข้างให้เพลี่ยงพลั้งเสียที ฯ
๏ ภูมีมือง่าง้าวของอน
ฟันฟาดขาดคอบรบั่นเกล้า
อินทรีย์ซบกุญชรเมือชีพ แลเฮย
เผลพระเกียรติผ่านเผ้าพี่น้องสองไท ฯ
๏ ทันใดกลางคชเจ้าจุลจักร
มลายชิพิตลาญทักท่าวซ้ำ
เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ปืนป่าย เอาเฮย
ตรึงอกพกตกขว้ำอยู่เบื้องบนสาร ฯ
๏ พระราญอริราชด้วยเดโช
สี่ทาสสนองบาทโทท่านท้าว
พระยศยิ่งภิยโยผ่านแผ่ ภพนา
สองรอดโดยเสด็จด้าวศึกสู้เสียสอง ฯ
             
ร่าย
๏ จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่ล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตายหลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกภายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ เห็นประภาพเจ้าช้างเชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง
เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา ฯ
๏ ขวัญหนีดีฝ่อพ้นพวกอเรนทร์ด่วนด้น
ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯ
             

พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร

โคลง ๔
๏ ราชาชัเยศอื้นโองการ
รังสฤษฏ์พระสถูปสถานทึ่มล้าง
ขุนเข็ญคู่รำบาญสวมศพ ไว้แฮ
หนตระพังตรุสร้างสืบหล้าแหล่งเฉลิม ฯ
             
ร่าย
๏ เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้าฟู่ภพ
ตระบัดบพิตรปรารภชอบพ้น
เจ้ารามราฆพคงคู่ เสด็จนา
ตำแหน่งกลางช้างต้นต่อด้วยดัสกร ฯ
๏ กุญชรวรพ่าห์ท้ายเถลิงงาน
องค์อนุชนฤบาลบั่นเสี้ยน
ขุนศรีคชคงชาญชเยศ ยิ่งนา
สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยนเพื่อนไท้ในรณ ฯ
๏ สองผจญอริราชด้วยโดยเสด็จ
คุณขอบตอบบำเหน็จท่านให้
ครบเครื่องอุปโภคเสร็จทุกสิ่ง สรรพแฮ
เงินและทองทาสใช้อีกทั้งทวยเชลย ฯ
๏ แล้วเผยพจนารถชั้นบรรหาร
ยกชอบกอบบำนาญที่ม้วย
นายมหานุภาพควาญกลางคช หนี่งนา
หมื่นภักดีศวรด้วยศึกสู้เสียตน ฯ
๏ นบัดดลดำรัสให้ปูนยศ
ทรัพย์สิ่งศรีสำรดทั่วทั้ง
บุตรทารท่านแทนทดความชอบ เขานา
สมที่ภักดีตั้งต่อเหง้าเผ่าเฉลิม ฯ
             
ร่าย
๏ เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ ถวายพิพากษาชั้นดำรัสโดยเหตุหั้น
แห่งเบื้องบันทึก โทษนา ฯ
๏ คำนึงนึกบาปใกล้วันบัณรสีไซร้
จวบเข้าควรงด หน่อยนา ฯ
๏ กำหนดพรุกเพ็ญแท้พันธนาไว้แล้
ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา ฯ
             
โคลง ๓
๏ ตั้งแต่ปาฏิบทล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว
เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้วคลาดด้าวดำเนิน บทนา ฯ
             

สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ

เครื่องมือส่วนตัว