ลิลิตตะเลงพ่าย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(อ้างอิง)
(ข้อมูลเบื้องต้น)
 
แถว 4: แถว 4:
[[หมวดหมู่:วรรณคดีรัตนโกสินทร์]]
[[หมวดหมู่:วรรณคดีรัตนโกสินทร์]]
[[หมวดหมู่:ลิลิต]]
[[หมวดหมู่:ลิลิต]]
-
[[หมวดหมู่:ยังไม่สมบูรณ์]]
 
'''พระนิพนธ์:''' [[สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส]]
'''พระนิพนธ์:''' [[สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส]]

รุ่นปัจจุบันของ 06:53, 27 พฤษภาคม 2554

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระนิพนธ์: สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส

บทประพันธ์

สมเด็จพระนเรศวรทรงราชย์

ร่าย
๏ ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับทุกข์ สนุกสบสีมา ส่ำเสนานอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสศรเพลิง เถลิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี ฯ
             
โคลง ๔
๏ บุญเจ้าจอมภพพื้นแผ่นสยาม
แสยงพระยศยินขามขาดแกล้ว
พระฤทธิ์ดังฤทธิ์รามรอนราพณ์
แลฤๅ ราญอริราชแผ้วแผกแพ้ทุกภาย ฯ
๏ ไพรินทรนาศเพี้ยงพลมาร
พระดั่งองค์อวตารแต่กี้
แสนเศิกห่อนหาญราญรอฤทธิ์ พระฤๅ
ดาลตระดกเดชลี้ประหลาดเหล้าแหล่งสถาน ฯ
๏ เสร็จเสวยศวรรเยศอ้างไอยศูรย์ สรวงฤๅ
เย็นพระยศปูนเดือนเด่นฟ้า
เกษมสุขส่องสมบูรณ์บานทวีป
สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้าแหล่งล้วนสรรเสริญ ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรปรารภจะไปตีเมืองเขมร

ร่าย
๏ จักดำเนินในเบื้อง เรื่องราชพงศาวดาร บรรหารเหตุแผนภู ชูพระยศเจ้าหล้า อยู่คงฟ้าคงดิน เฉกเพลงพิณไพเราะ เสนาะโสตสำนาน เป็นศุภสารเสาวนิศ เสนอบัณฑิตทวยผอง เชิญช่วยตรองตริเติม เฉลิมพระเกียรติผ่านเผ้า เจ้าจักรพรรติแผ่นสยาม สมญานามนฤเบศ นเรศวรนรินทร ปางบดินทร์บิตุราช พระบาทสู่สวรรคด จึ่งเอารสโทไท้ ธให้กอบการเมรุมาศ โดยขนาดบูรพ์ประเพณี สองกษัตรีย์ถวายเพลิง เถกิงการมหรสพ คำรบถ้วนสัตวาร เป็นมโหาฬารพันลึก อธึกทานอำนวย ทวยเนืองเนกบรรพชิต เป็นนิรามิษบรรณา ทูลบาทาสนองนบ พระศพราชบิตุรงค์ จึ่งพระองค์ชายเชษฐ์ นเรศวรสืบเสวยศวรรย์ ธปันพิภพสีมา แต่เอกาทศรุถ ดนุนุชน้อยนาถ เนาอุปราชสมบัติ เถลิงถวัลยรัตน์ราชัย ไอศูรย์สันตติวงศ์ สองธำรงราชประยูร พูนโภไคยในกรุง ผดุงภูแผ่นสยาม นามสุทัศน์เทพนคร บวรทวาราวดี ศรีอยุธเยศยง ดิลกอลงกตภพ นพรัตน์ราชธานี บูรีรมยสถาน องค์อวตารสึงสถิต สุเรนทรประสิทธิ์รังสรรค์ เป็นมหันตมเหาฬาร ด้วยศฤงคารมหิมา สองกษัตราบรรหาร แห่งเหตุการณ์อริราช ด้วยมวลมาตย์มนตรี ว่ากรุงศรียโศธร นครอินทรปรัสถ์ กุรุรัฐประเทศ กัมพุชเพศพิสัย ผิวผู้ใดเถลิงถวัลย์ มักโมหันธ์เห็นผิด ริทุจริตเรื่องพาล โดยสันดานแต่ประถม ครั้งบรมราชอัยกา ผานพสุธาถวัลยรัช ฝ่ายกรุงกษัตริย์กัมพุช ก่อประทุษหักหาญ ราญรบหัวเมืองเนื่อง เบื้องบูรพทิศไปถิ่น จึ่งพระปิ่นปฐพี ยาตรโยธีไปยุทธ์ เหยียบกัมพุชประเทศ ถึงปราชเยศแล้วเสร็จ ฝ่ายนักเสด็จผ่านเผ้า เจ้าละแวกถวายบุตร ธก็หย่ายุทธ คืนกรุง ผดุงสองยอดเยาวยศ เป็นเอารสบุญธรรม์ ครั้นสวรรคาลัยไซร้ พระมหินทร์ได้สมบัติ เสียเศวตฉัตรหงสา ศรีอยุธยาพินาศ จึ่งบรมราชบิตุรงค์ ทรงสืบเสวยศวรรเยศ ฝ่ายประเทศกุรุรัฐ พูนพิบัติบีฑา นักพระสัตถามารบ โรมพิภพฟังฉัตร ตัดเกล้าเจ้าธรณินทร์ ได้แผ่นดินขอมเขต ฮึกเหิมเหตุอหังการ ยกพยุหหาญมาเยือน เตือนเรารบถึงถิ่น จึ่งพระปิ่นบิตุราช ยาตรแสนยาออกยุทธ์ เจ้ากัมพุชพักพล ตำบลวัดสามพิหาร พลเราราญขอมแขก แตกตายตากพสุธา เสียพระจัมปาเอารส ขาดคอคชคืนเมือง ทวยหาญเปลืองไป่หลาบ คอยข่าาทราบศึกมอญ ติดนครคราใด พลอยฟังชัยแทรกซ้ำ ค้ำเป็นศึกสองหน้า กวาดเอาข้าขอบขัณฑ์ ปันไปสู่ถิ่นตน กลับก่อกลสารสื่อ ส่งข่าวซื่อสมานมิตร คิดขอร่วมไมตรึ ท้าวธไป่มีอาฆาต เพื่อบให้ขาดทางธรรม์ ผันผูกมิตรประนอม ยอมยินสัตย์ตัดศึก จนจารึกเสลา ปักสีมาหมายเขต ปันประเทศไทยขอม ไป่แปลกปลอมปะปน บราญรณรบร้า ตราบชั่วฟ้าดินดับ ครั้นมีทัพเชียงใหม่ ยกพยุหใหญ่มายุทธ์ จึ่งกัมพุชภูมินทร ยินข่าวศึกธใช้ ให้พระสุพรรณมาธิราช ผู้กนิษฐ์นาถนำพล มาช่วยรณปรปักษ์ ส่วนน้องนักพระสัตถา เฉาปรีชาเชิงปราชญ์ เฉกสิงคาลชาติโปดก เว้นวิตกวิจารณ์ เกิดอหังการทฤษฐิ ริชักเชษฐ์ชวนแช แปรประทุษดั่งก่อน ผ่อนเอาพลมาลาด กวาดนิกรประชา ข้าสีมาเมื้อเมือง ก่อเข็ญเคืองหลายคาบ จาบจ้างหมิ่นถิ่นแคลน แสนสาหัสกลัดกลุ้ม คลุ้มกมลแค้นคั่ง ดั่งหนามเหน็บเจ็บช้ำ ย้ำยอกทรวงดวงแด แลบชื่นอื่นชม กรมเกรียมอกหมกโหม้ บร้างได้ใครบ่ง ปล่งใจเจ็บฤๅมี หลายปางปีคิดขวบ ประจวบจนจอมราช พระบาทไท้ทิวงคต ไป่ทันทดแทนตอบ ขอบแต่ขอมสักตั้ง ครั้งนี้ตูสองตน ผ่านสกลแผ่นหล้า ควรไปร้ารอนเขีญ เห็นมือไทยที่แกล้ว แผ้วภพให้เป็นเผื่อน เกลึ่อนภพให้เป็นพง คงแต่น้ำกับฟ้า คงแต่หญ้ากับดิน ยังอรินทร์รู้ฤทธิ์ อย่าคืนคิดเหิ่มหาญ ผลาญจงเสร็จเด็ดเกล้า เจ้ากัมพุชทุจริต เอาโลหิตล้างบาท แล้วธสั่งมาตย์มนตรี เตรียมโยธีสิบหมื่น ดื่นแสนยากลากลาด ดาษพลช้างพลม้า พอพิรุณแผ้วฟ้า จักผ้ายพลจร ฯ
             

พระเจ้าหงสาวดีปรารภจะมาตีกรุงสยาม

ร่าย
๏ ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบริหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปถพินทร์ผ่านทวีป ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยี่ย่ำภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แต่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไปเหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไปพักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบ่มิหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุบาตร จักยาตราตรู่เช้า เสด็จเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย อยู่นา ฯ
             

พระมหาอุปราชาลาพระสนม

โคลง ๒
๏ พระผาดผายสู่ห้องหาอนุชนวลน้อง
หนุ่มหน้าพระสนม ฯ
๏ ปวงประนมนบเกล้างามเสงี่ยมเฟื้ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง ฯ
๏ กรตระกองกอดแก้วเรียมจักร้างรสแคล้ว
คลาดเคล้าคลาสมร ฯ
๏ จำใจจรจากสร้อยอยู่แม่อย่าละห้อย
ห่อนช้าคืนสม แม่แล ฯ
             
โคลง ๔
๏ สาวสนมสนองนาถไท้ทูลสาร
พระจักจรจากสถานถิ่นท้าว
เสด็จแดนทุรกันดารใดราช เสนอนา
ฤๅพระรานเสน่ห์ร้าวด่วนร้างแรมไฉน ฯ
๏ จำใจจำจากเจ้าจำจร
จำนิราศแรมสมรแม่ร้าง
เพราะเพื่อจักไปรอนอริราช แลแม่
จำทุกข์จำเทวษว้างสวาทว้าหวั่นถวิล ฯ
๏ ยินสารสมเด็จไท้ภรรดา
ดาลสุชลธาราหยาดยัอย
เศียรซบแทบบาทาทางเทวษ
ฤๅใคร่วายว่างสร้อยสร่างสิ้นกันแสง ฯ
๏ ทูลแถลงแห่งบาปเบื้องบูรพ์ไฉน
จึ่งบดินทร์เด็ดใจจากห้อง
พระเสด็จแต่เดียวไกลแดนราช
ฤๅพระจักละน้องอยู่ว้าวังขัง ฯ
๏ กลางไพรใครเพื่อนท้าวนอนผลู
จักผทมเดียวดูแต่ไม้
พระเคยคณะพธูทูลบาท
ฤๅพระจักตกไร้นิราศร้างแรมสนม ฯ
๏ กรมทุกข์เกรียมเทวษด้วยวนิดา
คิดใคร่ขัดบัญชาท่านใช้
หากเกรงพระอาชญาบิตุราช
ร้อนระบมบ่มไหม้สวาทเพี้ยงเพลิงสุม ฯ
๏ ฝืนโศกปลอบนิ่มน้องสนองนาง
อย่าพิลาปเยียวลางศึกหน้า
โศกนักจักหม่นหมางหมองรูป
เรียมบ่ร้างรสช้าด่วนร้อนคืนหลัง ฯ
๏ ใช่เชิงชังแม่แล้วจึ่งจร
ขัดพระเดชอดิศรห่อนได้
จำเรียมนิราสมรเสมอชีพ
เชิญแม่ดับเทวษไห้อยู่ถ้าคืนสม ฯ
๏ บังคมบรมบาทไท้แถลงพลาง
ขอใคร่โดยเสด็จทางเถื่อนท้อง
เป็นเพื่อนบพิตรกลางไพรพฤกษ์ พระเอย
ห่างราชฤๅแรมห้องอยู่ให้ใครถนอม ฯ
๏ ไพรพนอมย่อมยากแท้อย่าหวัง
เชิญเกษมเสวยวังอยู่ถ้า
จักไปจักเป็นกังวลพี่ นะแม่
เมื่อศึกนึกตั้งหน้าติดน้องหน่วงหาญ ฯ
๏ การยุทธ์สุดที่ห้ามแหนองค์
ครั้นจักโดยเสด็จดงห่อนได้
อยู่หลังจักตั้งทรงแต่โศก แล้วนา
นอนจะเป็นนอนไข้ข่าวท้าวคอยถาม ฯ
๏ ทรามรักอย่าร้องร่ำกำสรวล
อยู่แม่อย่าเสวยครวญละห้อย
บ่นานบ่หน่ายนวลแหนงเสน่ห์ นุชนา
เสร็จทัพกลับถนอมสร้อยอย่าเศร้าเสียศรี ฯ
             

พระมหาอุปราชาทรงเครื่อง

ร่าย
๏ เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาททันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงใส จึ่งบรมไทธิราช ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวลอบอายขจร ทรงบวรวิภูษิต สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตนประพาฬ สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฎทรงเทริดเกศ อย่างอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะพานแผ่เศรียร แสงวิเชียรช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์ชัชวาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสงกรายกรนาด ยุรยาตรอย่างไกรสร จากศีขรคูหา ลีลายังวังราช ไหว้บัวบาทบิตุรงค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผด็จดัสกรให้ เหือดเสี้ยนศึกสยาม สิ้นนา ฯ
             

พระเจ้าหงสาวดีประสาทพร

โคลง ๒
๏ พระฟังความลูกท้าวลาเสด็จศึกด้าว
ดั่งเบื้องบรรหาร ฯ
             
โคลง ๓
๏ ภูบาลอื้นอำนวยอวยพระพรเลิศล้น
จงอยุธย์อย่าพ้นแห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ จงเจริญชเยศด้วยเดชะ
ชาวอยุธย์อย่าพะพ่อได้
จงแพ้พินาศพระวิริยภาพ พ่อนา
ชนะแด่สองท่านไท้ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๏ สงครามความเศิกซึ้งแสนกล
จงพ่ออย่ายินยลแต่ตื้น
อย่าลองคะนองตนตาชอบ ทำนา
การศึกลึกเล่ห์พื้นล่อเลี้ยวหลอกหลอน ฯ
๏ จงแจ้งแห่งเหตุเบื้องโบราณ
เป็นประโยชน์ยุทธการกล่าวไว้
เอาใจทหารหาญเริงรื่น อยู่นา
อย่าระคนปนใกล้เกลือกกลั้วขลาดเขลา ฯ
๏ หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้สบสถาน
เจนจิตวิทยาการกาจแกล้ว
รู้เชิงพิชัยชาญชุมค่าย ควรนา
อาจจักรอนรณแผ้วแผกแพ้พังหนี ฯ
๏ หนึ่งรู้บำเหน็จให้ขุนพล
อันสมรรถมือผจญจืดเสี้ยน
อย่าหย่อนวิริยะยลอย่างเกียจ
แปดประการกลเที้ยรถ่องแท้ทางแถลง ฯ
๏ จงจำคำพ่อไซร้สั่งสอน
จงประสิทธิ์สมพรพ่อให้
จงเรืองพระฤทธิ์รอนอริราช
จงพ่อลุลาภได้เผด็จด้าวแดนสยาม ฯ
             

พระมหาอุปราชายกทัพ

ร่าย
๏ เสด็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แต่ภูธรเอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย เสนาในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับช้างแก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทียบ เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาดแคล้ว คล้ายนายทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ เสียงฆ้องกลองครั่นครื้น แตรสังข์ดังดั่งพื้น
แผ่นหล้าแหล่งไหว ฯ
             
โคลง ๔
๏ ไอยราฤทธิเลิศล้ำลือดิน
ดูดั่งพาหนะอินทร์เอี่ยมฟ้า
อาจค้ำคชอรินทร์รอนชีพ
ชาญศึกฮึกหาญกล้ากลั่นแกล้วกลางสมร ฯ
             
ร่าย
๏ หัสดาภรณ์พรรณราย พรายข่ายกรองทองแกม แนมสู่พราวดาวมาศ รัตคนคาดควรชม ซองหางสมสามเทริด วลัยเลิศสอดพลุก สุกสุพรรณโอ่อ่า ขุนคอง่าขอคำ ควาญประจำเกี่ยวท้าย ขับคชย้ายเยื้องยาตร จตุลังคบาทสี่ตน ล้วนขุนพลสามารถ พิศจรูญจรัสพรายแพร้ว มยุรฉัตรแก้วษุมสาย อภิรมรายเรืองรอง กรรชิงทองเถือกเนตร บังพระสุริเยศยรรยง กลิ้งกลดทรงพันแสง บังแทรกแซงหว่างฉัตร จามรพัดรำพาย ธงชายปลายปลิวยะยาบ ทวนทองปลาบยะยับ สรรพแสนยาดาดาษ สวมหมวกมาศเกราะกราย แห่ซ้ายหลายสระพร้อม แห่ขวาล้อมสระพรั่ง แห่หน้าคั่งเหลือนับ แห่หลังคับเหลือเนตร พลต่างเพศต่างพรรค์ พิศแน่นนันต์หลายแหล่ ดำเนินแห่เจ้าหล้า ดูดั่งพลเมืองฟ้า ฝ่ายด้าวแดนสรวง ฯ
๏ ปวงคเชนทรพยุหบาตร ดาษดั้งกันแซงแทรก แปรกค่ายค้ำพังคา เมิลมหิมามาตงค์ อลงกตกาญจนาภรณ์ อลงกรณ์กเรนทรศักดิ์ ล้วนคชลักษณ์คชเลิศ ล้วนคชเพริศคชแพร้ว ล้วนคชแกล้วคชกล้า ล้วนคชบ้าบ่มมัน สรรพเครื่องคชศึก ดูอธึกเถือกเถกิง พลลอมเชิงกุญชร สวมอาภรณ์แต่งแง่ แผ่อาตม์โอ่โอฬาร พิศเครื่องสารพิลาส กูบดาวมาศจำลาย เขนทองพรายจำหลัก ปักแพนหางยูงยาบ ทานทองปลาบปลิวธง ขุนศึกทรงหลังสาร มีหมอควาญขี่ขับ เสื้อสลับสีต่าง แลหลายอย่างหลายพรรณ สรรพคชหลากหลาย เหล่าคชพลายคชพัง คชจำบังบ้าศึก ล้วนพันลึกไกรเกรียง ร้ึ่องก้องเสียงพรรลาย เงยงาหงายย้ายยัก สองหูกวักโกวงวง แลนทะลวงเลี้ยวลด ขนคอกดของ้าง ควาญเกี่ยวข้างขับเดิน ถูกสะเทินบาทเบื้อง แคล้วแคล้วพลคชเยื้อง ย่างย้ายโดยขบวน แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ มากมวลเมิลหมู่ดั้งดาษดา
กันแทรกแซงซ้ายขวาพรั่งพร้อม
คชค้ำค่ายพังคาโดดแล่น
โจมจับขับขี่ห้อมแห่ท้าวจากสถาน ฯ
             
ร่าย
๏ ส่ำแสะหาญห้าวฮึก ล้วนแสะศึกแสะทรง พงศ์สินธพพาชี สีแดงดำขำเขียว ลางกระเลียวหลายหลาก มากม้าผ่านม้าแซม แกมม้าขาวม้าฟ่าย ร่ายเรียงเคียงแข่งคู่ ครบเจ็ดหมู่เจ็ดพงศ์ อลงกตเครืองม้า ตาบดิดหน้าพรรฌราย ผูกพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังยรรยง อานบรรจงบรรเจิด พานหน้าเพริศดาวราย พานท้ายพรายดาวเรียง เพียงม้าแมนม้าเมฆ พิศฉายเฉกอาภรณ์ ผูกแล่งศรแกว่งกวัด หางมยุรปัดปลิว ปลาย นายม้าขี่ควบขับ ล้วนประดับดนต่าง ดูหลายอย่างหลายพวก สวมใส่หมากโพกผ้า เสื้อสีจ้าจีบเฟื้อย ชายระเรื้อยอย่างเทศ พิเศษสรรพอ่าอาตม์ ถือทวนมาศฟ้อนฟาย ทายธนูเหนี่ยวน้าว เงื้อหอกห้าวเห็นสยอน ง่าง้าวงอนเห็นแสยง พลอัศวแรงเริงเรี่ยว เชี่ยวชาญชัยในณรงค์ ตรงศึกสู้บมิย่อ ต่อศึกสู้บมิย่น กล่นม้าร้อยม้าพัน เกลื่อนม้ากันม้ากง กลาดม้าธงม้าทวน เดินแซงขบวนพยุหบาตร ดูดื่นดาษภูวดล พิศแต่พลหมู่ม้า แห่บพิตรผ่านหล้า โลกเพี้ยงพิศวง ยิ่งนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ดุรงค์เริงฤทธิ์ห้าวเห็จผยอง
หาญพยศลำพองผาดผ้าย
เผ่นผกหกเหินคะนองขนัดแน่น
ขนาบพยุหคชย้ายย่างน้อยดำเนิน ฯ
             
ร่าย
๏ เมิลหมู่พลบทจร สวมอาภรณ์ไพจิตร พิศหลายเพศหลายพวก ใส่เสื้อหมากพันลึก สีหม่นหมึกม่างเมฆ ชมพูเฉกฉาดแสง ขาวเขียวแดงดูดาษ ถือสรรพศาสตราวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยรรยง พิศพลธงมากมวล พิศพลทานมากหมู่ พลดาบคู่สามรรถ พลหอกซัดสามารถ      ดาษพลโล่แลสระพรั่ง พลแหลนคั่งสระพร้อม พลดั้งด้อมดูสลอน พลกุมศรเนืองนันต์ พลกุมกุทัณฑ์เนืองนอง พลเขนทองเป็นหลั่น พลกั้นหยั่นเป็นเหล่า พลเสน่าเหลือหลาย พลกริชกรายเหลือหลาก มากพลแสงศรเพลิง ดูเถกิงเกริกฤทธิ์ ดุจอาจปลิดเดือนตะวัน สรรพพากโจผลา พลคาบศิลายั่วยุทธ์ พลคาบชุดยั่วศึก พิลึกเหล่าทองปราย รายจ่ารงมณฑก นกคุ่มขานกยาง ลางปืนหลักหามแล่น แกว่นตามหมาดตามหมู่ ลากล้อคู่เข็นราง บางตระแบงบ่าแบก แจกกันขนลูกดิน หินปากนกดกแด่ง แบ่งบรรทุกหลังช้าง บ้างใส๋ต่างใส่เกวียน สารวัดเวียนวิ่งตรวจ ม้าตำรวจคาบไขว่ ไล่ต้อนทัพขับพล พากพหลพยุหบาตร หัวหน้ายาตรจากเวียง เสียงคชสารก้องกึก คะคึกเสียงและร้อง ซ้องเสียงโกลนเตือนพนัง ฟังดุจคลื่นในสมุทร อื้ออึงอุดไกรเกรียง เสียงอธึกเท้าพล พ่างภูวดลหวนไหว เสียงฆ้องชัยฆ้องกระแต แซ่เสียงแตรเสียงสังข์ ดังดนตรีปี่พาทย์ นฤนาทศัพท์สำเนียง เสียงกลองชนะโครมครึก เสียงพลฮึกเห่อึง เสียงปืนตึงเอาฤกษ์ กระเกริกลั่นแหล่งฟ้า เจ้าจอมหล้า เลือกล้านเหล่าหาญ แลนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ ถับถึงทวารกรุงแก้วเดียรดาษพลคลาดแคล้ว
คล่ำคล้ายคลาขบวน ฯ
             
โคลง ๓
๏ ด่วนเดินโดยโขลนทวารพวกพลหาญแห่หน้า
ล้วนทแกล้วทกล้ากลาดกลุ้มเกลื่อนสถล มารคนา ฯ
             

พระมหาอุปราชารำพึงถึงวัง

โคลง ๓
๏ เสด็จพ้นทวาเรศข้ามคูเวียง
หวั่นฤทัยท่านเพียงจักว้า
พระองค์ก็อ่อนเอียงเอนอาสน์
อกระรัวมัวหน้าสั่นส้านเสียวแสยง ฯ
๏ ลางแสดงแห่งเหตุแพ้ไพรี
กริ่งกมลฤๅดีเดือดร้อน
รันทดทุกข์ทวีหวั่นเทวษ
ถวิลบ่วายขุ่นข้อนอกอั้นขวัญหาย ฯ
๏ หลายครามาสู่สู้ศึกหลวง
ไปบ่ไหวหวั่นทรวงเช่นนี้
ยิ่งนึกยิ่งหนักดวงแดพรั่น อยู่นา
แหนงประหลาดแล้วกี้ก่อนไซร้ไป่เคย ฯ
๏ อกเอ๋ยเอะหลากโอ้รอยลาง
ทั้งพระเคราะห์ขัดขวางโทษแท้
จักไปประยุทธ์กลางอริราช
เกรงแต่ศึกจักเเพ้เพลี่ยงพลั้งในสนาม ฯ
๏ ความฉงนหม่นพักตร์เศร้าศรีหมาง
ร้อนอุระราชพางจักไหม้
พระแปรพระปฤษฎางค์ดูถิ่น
ดูพระมนเทียรไท้ธเรศเพี้ยงพังสมร ฯ
๏ จำจรจำจากอ้าอาดูร
ดูประสาทแสงสูรย์ส่องแก้ว
เรืองรัตน์จรัสจรูญรัตน์รุ่ง เรืองนา
เรืองมณีนพแพร้วเพริศพร้อยพรายฉาย ฯ
๏ เสียดายคฤหาสน์ห้องหอทอง
ยามวิโยคยุทธ์ปองปราบเสี้ยน
จักคืนบ่คืนครองฤๅแน่ ไฉนนา
หนักหฤทัยท่านเที้ยรเทวษตื้นตันทรวง
๏ ระลวงรำลึกน้องเนาวัง
ถวิลบ่ลืมความหลังสั่งเจ้า
ปานฉะนี้สมรยังจักโศก อยู่นา
ใครช่วยปลอบเปลื้องเศร้าสวาทให้สร่างศัลย์ ฯ
๏ จาบัลรันทดเพี้ยงพังดวง แดนา
บังบ่ให้ใครปวงรั่วรู้
พระโศกแต่ในทรวงซ่อนเทวษ
ทำดั่งผ่องพักตร์ผู้อื่นเอื้อมไป่ถึง ฯ
             

พระมหาอุปราชาพักพลที่แม่น้ำสะโตง

ร่าย
๏ ไท้ธคำนึงนุชพลาง ทางระลุงลานถวิล ขุนคชินทร์ขับคช บทจรโดยทางเถื่อน เคลื่อนแสนยากลากลาด ดาษแดนท่งแดนนา ดาดงไม้ดงเขา โดยลำเนาแนวพนัส ชระเดียดดัษดำเนิน เมิลบ่หมายสิ้นสุด พลางธให้หยุดพักพล ทุกตำบลที่ประทับ ยับยั้งรั้งแรมร้อน แล้วเตือนต้อนพลเต้า แด่ยามเช้ายามเย็น บขับเข็นรีบรัด ผัดผ่อนใจผ่อนแรง เอาแต่แขงแต่กล้า เอาแต่ร่าแต่เริง เร่งบำเทิงทุกผู้ บร้างรู้เหือดหาญ บแหนงนานเนิ่นวัน อย่าทันเหนื่อยเลี่อยล้า ทั่วช้างม้าไพร่พล ก็เสด็จดลนที มีนามน้ำสะโตง เขาก็ตั้งโรงราซมาฬก ตกแต่งค่ายถวายไท ตรงเวียงชัยจิดตอง เกณฑ์ทุกกองตั้งค่าย บ่ายหน้าลงคงคา ดูมหิมาดาดาษ พระบาทเสด็จเรือนทัพ สรรพเสนาเนืองนันต์ เฝ้าคั่งคัลเคียมคม ถ้วนทุกกรมทุกหมู่ อยู่อธึกทั้งผอง ธก็ให้เกณฑ์กองลำเลียง ผ่อนเสบียงไปหน้า ล่วงถึงท่าดินแดง จัดแจงปลูกยุ้งฉาง วางระยะค่ายเข้า ทุกเหล้าแหล่งตำบล แล้วธเกณฑ์พลทัพน้ำ รีบไปทำมรรคา ให้พระยาจิตตอง เปินนายกองไปก่อน ผ่อนทัพหน้าไปถัด จัดพระยาอภัยคามินี คุมโยธีเป็นขุน ส่วนทัพหนุนนั้นไสร้ ให้มางจาชโร เป็นโบชุกที่สอง ยกทัพรองไปตาม ที่สามถึงทัพหลวง ตามกระทรวงพยุหบาตร ให้พระมหาราชเชียงใหม่ เป็นกองใหญ่ยกกระบัตร เดินทัพถัดที่สี่ ที่ห้าทัพหลังเต้า เจ้าเมืองละเคิ่งคุมพล พวกพหลต่างเกวียน เวียนขนข้าส่งทัพ เครื่องศึกสรรพดินลูก แล้วธให้ผูกพ่วงแพ แปรพลข้ามคงคา คลาส่ำแสนเสนางค์ ร้อนแรมทางหลายวัน บรรลุเมืองเมาะตะมะ กะเกณฑ์ข้ามฟากฝั่ง กระทั่งเมาะลำเลิง บำเทิงใจไพร่พล ด่วนจรดลโดยดับ ถับถึงเมืองสมิ ธก็ตริให้จัดกัน สรรค์เป็นกองเสือป่า ฝ่าไปลอดสอดแนม แกมสามหอกเจ็ดหอก ออกแยกทัพจับคน เอายุบลข่าวสาร แห่งเหตุการณ์กรุงไทย ยกรีบไปตามใช้ ธก็ให้ตรวจพลผอง ส่งกองหน้าไปก่อน ผ่อนกองหนุนไปตาม ที่สามถึงทัพใหญ่ ทัพเชียงใหม่ยุกกระบัตร ถัดทัพหลังดำเนิน เดินพยุหโต่เต้า แห่บพิตรผ่านเผ้า ท่านท้าวเสด็จดล ดื่นนา ฯ
             

พระมหาอุปราชาเดินทัพเข้าแดนสยาม

โคลง ๒
๏ ยกพลผ่านด่านกว้างเสียงสนั่นม้าช้าง
กึกก้องทางหลวง ฯ
๏ ปวงประนมนบเกล้างามเสงียมเฟื้ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง ฯ
๏ ล่วงลุด่านเจดีย์สามองค์มีแห่งหั้น
แดนต่อ แดนกัน นั้นนา ฯ
             

พระมหาอุปราชารำพันถึงความสุข

โคลง ๔
๏ เสด็จดลแดนราชเบื้องบูรพา
พิศพนัสเนินผาป่าไม้
รายเรียงรุกขผกาแกมลูก
แลตระการกลใกล้หัตถ์เอื้อมเอาถึง ฯ
๏ คำนึงนุชนาฏเนื้อนวลสมร
แม้นแม่มาจักวอนพี่ชี้
จักบอกแก่บังอรออกชื่อ เฌอนา
เรียมจักแนะนั่นนี้โน่นโน้นเเนวพนม ฯ
๏ ชวนชมคูหาศห้วยเหวธาร
ทั่วทุกหนแห่งละหานหุบห้อง
ชมไพรพิศาลสถานแถวเถี่อน
พลางพี่จักชวนน้องช่วยชี้ชมพลาง ฯ
๏ ถวิลปางบำราศเจ้าจากเวียง
ยังเสนาะสำเนียงละห้อย
ไพเราะมฤตเพียงซึมซาบ ทรวงเอย
ไปบ่ลืมสารสร้อยแม่เศร้าสั่งเรียม ฯ
๏ เกรียมใจจักโทษน้องฤๅควร
เพราะพี่ห้ามแหนนวลนุชไว้
มาเดียวอดูรครวญคร่ำเนตร
แหนงว่าทุกข์ใครให้โทษแท้เรียมทำ ฯ
๏ ไป่โดยคำนุชไซร้จึ่งกำ สรวลฤๅ
แม้ว่าโดยดั่งคำแม่พร้อง
ปานฉะนี้จะเบิกบำเทิงชื่น ชมนา
เพราะพี่มาด้วยน้องจักชี้ชวนเกษม ฯ
๏ เปรมใจใคร่กลับห้องไหรณ
รับสมรมายลย่านไม้
เกรงราชกริ่งเกรงคนเขาค่อน ขอดนา
นึกบ่ลุเลยไท้ธเรศร้อนรนทรวง ฯ
๏ คิดปวงนาเรศรั้งแรมวัง
ยามวิโยคเยาว์ยังอยู่ห้อง
จักรุมอุระรังรึงเทวษ
ถวิลบ่วายขุ่นข้องคั่งแค้นใครโลม ฯ
๏ คิดโฉมนงโพธผู้เพ็ญศรี
เคยร่วมรมย์ฤๅดีดับร้อน
ถนอมนุชแนบนาภีพูนเสน่ห์
นึกนิรารสข้อนอกไห้โหยถวิล ฯ
๏ เคยยินเยาวเรศซั้นสารแสดง
ผสานดุริยดำแคงขับร้อง
ยามร้างเสน่ห์แหนงเนาเถื่อน
สดับแต่เสียงสัตว์ก้องพี่เพี้ยงขวัญหาย ฯ
๏ เคยสายสมรแนบเนื้อถนอมองค์
ถวายสุคนธ์ธารสรงอยู่ซ้อง
ยามร้างคณะอนงค์แหนงโศก
สระแต่สายชลห้องแห่งห้วยเหวธาร ฯ
๏ เคยผทมฐานแก้วก่องทองแกม
เนืองอนุชนอนแนมแนบหน้า
ยามร้างสมรแรมราวเถื่อน
ผทมอยู่เอ้องค์อ้าอกร้าวหนาวทรวง ฯ
๏ ปวงแสนเสาวลักษณ์ล้วนเคียมเคย
คิดเมื่อยามเรียมเสวยแวดล้อม
ปางร้างนิราเสบยบอมเทวษ
เสวยบ่ยลเยาว์ห้อมอยู่ให้เห็นโฉม ฯ
๏ เคยตระโบมบัวมาศแก้วกับกร
เกี้ยวตระกองบังอรอุ่นเนื้อ
ปางร้างนิราสมรมาเทวษ
ถวิลบ่วายรสเกื้อกอดเกี้ยวก่ายเขนย ฯ
๏ หน่ายเชยหนักอกช้ำก่ำทรวง
ถนัดดั่งภูผาหลวงทุ่มแท้
หนักหาบที่พลปวงปลงพัก ได้นา
หนักเสน่ห์นึกแก้เกี่ยงให้เบาไฉน ฯ
๏ ไย่ไย่คชไต่เต้าตามทาง
พลางคะนึงนุชพลางท่านไห้
แลไหนบ่ลืมนางหน่ายเสน่ห์
นึกบ่วายสวาทไท้ธิราชร้าวรานสมร ฯ
             
ร่าย
๏ พระอาวรณ์หวั่นเทวษ ถึงอัคเรศแรมเวียง พลางเมิลเมียงไม้เขา โดยลำเนาแนวเถื่อน เคลื่อนแสนยาโจษจน ลุตำบลสังคล่า ป่าระหงดงดอน พิศศีขรรายเรียง เพียงสุดสายเมฆเมิล เนืองเนิ่นเนินแนวไศล สูงไสวว่ายฟ้า ชรอ่ำอ้าหาวหน เห็นถกลกุก่อง เชิงชั้นช่องปล่องเปลว เหวหุบห้วยตรวยโตรก ชะโงกชะง่อนเงื้อมง้ำ ถ้ำท่อธารธารา แสงเสลาหลากหลาย พรายพะแพร้วไพโรจน์ ช่วงช่อโชติฉายฉัน สีสุพรรณเลื่อมเหลือง เรืองโมรารายเรียบ ขาวปูนเปรียบเพชรรัตน แดงดั่งปัทมราช ดำประหลาดนิลกาล เขียวสีปานมรกต ขาบใสสดเสมอเมฆ ชมพูเฉกโกเมน เพญูพรรฌรายรุ้งร่วง ช่วงส่องแสงสุริยา ดุจดาราเรืองจรัส ประภัสสรโอภาส พิลาสล้ำลานเนตร พิศศีขเรศชรอุ่ม พุ่มพนัสยัดเยียด พฤกษาเสียดสีกิ่ง เสียงเสนาะยิ่งอย่างพิณ พระยลยินพิศาง ถวิลถึงองค์อัคเรศ ยามดุริเยศจำเรียง บรรสานเสียงถวายซอ พึงพอใจพอกรรณ ธก็จาบัลบมิเบื่อ เหงื่อเนตรตกอกซ้ำ เหลือทุกข์เหลือที่กล้ำ เทวษโว้ไป่มี แม่เอย ฯ
             
โคลง ๔
๏ อ้าศรีเสาวภาคย์เพี้ยงเพ็ญแข
เรียมแต่ร้างรสแหห่างเคล้า
ฤๅลืมสมรแล อื่นชื่นไปเลย
ถวิลทุกข์ยามเย็นเช้าชอกช้ำก่ำทรวง ฯ
๏ แม้ดวงกมลาศได้มาดล
โดยสถานแถวสถลที่นี้
จักชวนแม่ชมบนบรรพต โพ้นแฮ
พลางแม่ชมเรียมชี้แม่ชี้เรียมชม ฯ
๏ ชมพนมพนาเวศห้วยเหวหิน
ทุกเซาะซอกศีขรินร่องน้ำ
จักชวนแม่สรงสินธุ์แสนสนุก
สนานอุทกท่าถ้ำเถื่อนท้องแถวธาร ฯ
๏ ทุกสถานธาเรศแม้นแมนผจง ไว้ฤๅ
หวังจักไว้ให้สรงเซาะน้ำ
ปางร้างอรอนงค์แหนงโศก
สรงบ่สร่างใจช้ำเช่นน้ำสระสมร ฯ
             

พระมหาอุปราชาชมไม้

ร่าย
๏ พระภูธรลวิลนาง พลางรันทายรันทด ขุนคอคชหมื่นควาญ ขับคชาธารจรดล ลุตำบลสามสบ ธก็ปรารภรำพึง ถึงพักตร์พาลพธู พลางพระดูดงเฌอ พิศพุ่มเสมอเหมือนฉัตร เป็นขนัดเนืองนันต์ หลายเหล่าพรรณพฤกษา มีนานาไม้แมก หมู่ตระแบกตระบาก มากกระเบากระเบียน ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมก ซากซึกโศกสนสัก รวกโรกรักรังรง ปริกปริงปรงปรางปรู ลำแพนลำพูลำพัน จิกแจงจันทน์พันจำ เกดระกำกอกกุ่ม กระทุ่มกระถินพิมาน เหล่าเสลาลานโลดเลียบ เพียบพื้นแผ่นแดนไพร หมู่มะไฟมะฝ่อ หมู่มะก่อมะกัก กระลำพักกระลำพอ ยูงยางยอกำยาน แต้วตูมตาลตาดต้อง ซ้องแมวโมงมูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดื่อดก กะทกรกรกฟ้า มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า เปล้าประดู่ดูดาษ สนุ่นหนาดขนุนขนาน พะวาหวานหวายหว้า สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคำควายประคำโก่ ไผ่เพกาดาเสีอ มะเกลือมะกล่ำรำไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโกตะกู พลับพลวงพลูพลองสล้าง พลางบพิตรเจ้าช้าง ชื่นชี้ชมเดียว ฯ
๏ พระเหลียวแลไม้ดอก ออกช่อแซมแนมผล ไขสุคนธ์เสาวรภย์ เลวงตรลบเเหล่งพนัส วายุพานพัดรำเพย ระเหยหอมฟุ้งเฟื่อง เปลื้องหฤทัยรำจวน เหล่าลำดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยี่สุ่นยี่โถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกุลแบ่งกลีบปีบจำปาจำปี มะลุลีประดู่ดง ปรูประยงค์ยมโดย โรยเรณูร่วงเร้าเย้ากมลชวนชื่น สุรภีรื่นรสคนธ์ บุนนาคปนปะแปม การะเกดแกมกรรณิการ์ มะลิวัลย์ลาหลายหลาก มากเมิลหมู่แมกไม้ ถวิลถึงองค์อ่อนไท้ ธิราซร้อนทรวงเสียว อยู่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ มาเดียวเปลี่ยวอกอ้าอายสู
สถิตอยู่เอ้องค์ดูละห้อย
พิศโพ้นพฤกษ์พบูบานเบิก ใจนา
พลางคะนึงนุชน้อยแน่งเนื้อนวลสงวน ฯ
๏ พระครวญพระคร่ำไห้โหยหา
พลางพระพิศพฤกษากิ่งเกี้ยว
กลกรกนิษฐนา-รีรัตน์ เรียมฤๅ
ยามตระกองเอวเอี้ยวโอบอ้อมองค์เรียม ฯ
๏ เฌอปรางเปรียบนาฏน้องนวลปราง
รักดั่งรักนุชพางพี่ม้วย
ช้องนางเฉกช้องนางคลายคลี่ ลงฤๅ
โศกพี่โศกสมด้วยดั่งไม้นามมี ฯ
๏ อบเอยอบชื่นชี้เฌอสม ญาฤๅ
อบว่าอรอบรมรื่นเร้า
อบเชยพี่เชยชมกลิ่นอบ เฌอนา
อบดั่งอบองค์เจ้าจักให้เรียมเชย ฯ
๏ ขานางนึกคู่คู้ขาสมร
พลางพี่โอบเอวอรแอบเคล้า
กระทุ่มดั่งทุ่มกรตีอก เรียมฤๅ
เกดว่าเกศนุชเกล้ากลิ่นกลั้วเสาวคนธ์ ฯ
๏ เล็บมือนางนี้หนึ่งนขา นางฤๅ
ต้องดั่งต้องบุษบานิ่มน้อง
ชงโคคิดชงฆานุชนาฏ เหมือนฤๅ
เรียมระเมียรเดื่อปล้องดั่งปล้องศอสมร ฯ
๏ ซ่อนกลิ่นกลิ่นแก้วซ่อนนาสา เรียมฤๅ
ตาดว่าตาดพัสตราหนุ่มเหน้า
สลาลิงเล่ห์ซองสลานุชเทียบ ถวายฤๅ
สวาดดั่งเรียมสวาทเจ้าจากแล้วหลงครวญ ฯ
๏ สลัดไดใดสลัดน้องแหนงนอน ไพรฤๅ
เพราะเพื่อมาราญรอนเศิกไสร้
สละสละสมรเสมอชื่อ ไม้นา
นึกระกำนามไม้แม่นแม้นทรวงเรียม ฯ
๏ โม้โรกเหมีอนโรคเร้ารุมกาม
ไฟว่าไฟราคลามลวกร้อน
นางแย้มหนึ่งแย้มยามเยาว์ยั่ว แย้มฤๅ
ตูมดั่งตูมตีข้อนอกอั้นกันแสง ฯ
๏ สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หายห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวายวางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้าหยุดได้ฉันใด ฯ
๏ สุกรมกรมสุขไซร้ไป่มี
กรมแต่ทุกข์เทวษทวีห่อนเว้น
นมสวรรค์นึกบัวศรีเสาวภาคย์ พี่เอย
ถวิลบ่เคยขาดเคล้นคลาดน้องใครถนอม ฯ
๏ โกสุมชุมช่อช้อยอรชร
เผยผกาเกสรยั่วแย้ม
รวยรื่นรสคนธ์ขจรจังหวัด ไพรนา
กลิ่นตระการกลแก้มเกศแก้วกูสงวน ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระคราญถึงอ่อนท้าวหนักอุระราชร้าว
ที่ร้างแรมศรี ฯ
๏ ใครปรานีหนึ่งบ้างเชิญนุชมาแนบข้าง
ช่วยชี้ชวนชม พฤกษ์นา ฯ
๏ ร้อนอารมณ์หม่นไหม้คิดฉันใดจักโด้
สบน้องนวลสมร แม่นา ฯ
๏ เหลืออาารณ์หวาดแว้ทุกเผือเหลือทีแก้
เกี่ยงร้อนรำจวน ใจนา ฯ
๏ กำสรวลสดที่พร้องเจ็บปิ้มปืนพิษต้อง
พ่างม้วยเมือมรณ์ แม่เอย ฯ
             

พระมหาอุปราชาชมนก

ร่าย
๏ พระยอกรก่ายพักตร์ พลางชำลักชำเลือง เนืองนิกรพิหค อเนกนกนานา หมู่มยุราฟ้อนฟ่าย กระเรียนร่ายร้องร่ำ คล่ำคลิ้งโคลงคลอแคล ฝงแกจับกิ่งแมก แขวกขวานเคาะขุดไม้ ไส้กระสาแซ้งแซว เค้าโมงแมวมายคู่ เค้ากู่กู่ก้องดง เป็ดน้ำลงเล่นน้ำ กาน้ำกล้ำกลืนปลา คับคาคาบคาร่อน กระแวนว่อนบินบน เปล้าปลิงปนกระลิงลาง กางเขนเขาโคกม้า สร้อยอีร้ารังนาน กระไนขานเสียงเร้า แขกเต้ากระเด็นกระตั้ว งั่วเงือกงั่งบังรอก กระจอกกระจิบกระจาบ พิราบร่ำคราญคราง ยางกระหรอดตอดต่อ แสกเสียงส่อสมชื่อ ออกเอี้ยงอื้ออึงไพร เหยี่ยวตระไกรตระกรุม กระลุมพูกระพ้อ กระทาถัอทักเพี่อน เกลื่อนกระทุงท่องชล ดอกบัวปนปลอมแปลก อัญชันแทรกนางนวล ฝูงกากานจิกรุ้ง เท้งทูตถุ้งเถียงถ่อย ต้อยติวิดหวาดฟ้า คล้าคลาเคล้าคู่คลอ พญาลออีลุ้ม ขุ้มคับแคเเลหลาก เหล่าจากพรากนกพริก อิกพระหิดค้อนหอย แอ่นลมลอยลมเลื่อน ไก่เถื่อนขันจะแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงหวาน สาลิกาขานจะจ้อ โก่ฟ้าฟ้อหางเฟื้อย เจื้อยกระแสงสำเนียง เสียงระวังไพรพร้อง ร้องระวังไพรพนานต์ ภูบาลชี้ชมเดียว เสียวอุระร้อนเร้า พลางคำนึงหนุ่มเหน้า แน่งเนื้อนวลผจง ใจนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ พิศวงสังเวชโอ้อกตู
ยามวิโยคเยาว์ดูดั่งใบ้
บพานพักตร์พธูเทียมชีพ แลนา
เรียมจักแนะนกไม้บอกน้องไหนนาง ฯ
๏ นางนวลนึกนิ่มน้องนวลปราง
จากพรากพรากจากนางหนึ่งนั้น
พิราบพิลาปครางครวญแข่ง ข้าฤๅ
บัวว่าบัวนุชปั้นอกน้องเรียมถนอม ฯ
๏ ไก่แก้วคิดคู่แก้วกลอยใจ เรียมฤๅ
แสกยิ่งแสกหฤทัยพี่เศร้า
นกออกนึกออกไพรพลัดแม่ เหมือนฤๅ
ชมแขกเต้าคู่เต้าแขกน้องนานคืน ฯ
๏ ชมพูพิศพ่างผ้าชมพู แม่ฤๅ
นกขมิ้นเหลืองดูดั่งเจ้า
สร้อยทองเทียบสร้อยพธูอ่าอาตม์
แอ่นว่าแอ่นองค์เคล้าพี่เคล้าคลึงสมร ฯ
๏ รังนานนึกหนึ่งร้างรังนาน
เท้งทูดทูตเท้งสารสื่อน้อง
แขวกขวานคู่ขวานราญรอนอก เรียมฤๅ
กวักดั่งกวักหัตถ์ร้องเรียกเจ้าหาหาย ฯ
๏ คับแคเคียงคู่ขุ้มเขาขัน
เอี้ยงและออกอัญชันแซ่ซ้อง
กระหรอดกระเรียนจรัลเรียงร่าย อยู่นา
กระจิบกระจาบจ้องจับไม้เมิลเมียง ฯ
๏ กระเต็นกระตั้วตื่นแตกคน
ยูงย่องยอดยูงยลโยกย้าย
นกเปล้านกปลีปนปลอมแปลก กันนา
คล่ำคล่ำคลิ้งโคลงคล้ายคู่เคล้าคลอเคลีย ฯ
๏ เนืองนกจับมิ่งไม้เรียมยล
คุมคู่อยู่ทุกตนต่างร้อง
ตูเดียวอดูรทนทุกข์ทุ่ม ทรวงนา
ฤๅบ่มีเพื่อนพร้องพี่เพี้ยงอดสู ฯ
๏ สัตวาวานเห็จห้องหาวโพยม
ยังอนุชเฉิดโฉมฟ่องฟ้า
เชิญสมรแม่มาโลมลาญเทวษ เรียมเอย
จงพี่พลันพบหน้าแม่หน้านวลเฉลิม ฯ
๏ เบญจวรรณวานเร่งร้อนเร็วบิน ไปเฮย
แจ้งที่แสนสุดถวิลวากว้า
ยามกินบ่เป็นกินกินโศก
นอนดั่งนอนป่าช้าชอกช้ำทรวงสลาย ฯ
๏ สาลิกาอย่าพลอดเพ้อลำพัง เลยนา
วานประเวศสู่วังสักน้อย
จำทูลทุกข์แถลงยังเยาวเรศ แม่ฤๅ
จงแม่รู้เรียมสร้อยสุดอ้างอาดูร ฯ
๏ แขกเต้าเต้าแขกน้องนงพะงา หนึ่งรา
บอกว่าเรียมโหยหาละห้อย
เชิญนุชเร่งเร็วมาระงับโศก พี่เอย
ขอพี่พบพักตร์น้อยหนึ่งให้สร่างศัลย์ ฯ
๏ ไก่ฟ้าวานว่ายฟ้าหาวหน
หาสมรมายลเถื่อนท้อง
เชิญชมพนารญเรียงรุ่น รุกข์แฮ
ชมพิหคเหินร้องร่ายไม้ไขเสียง ฯ
๏ ห่อนเห็นสุโนกเอื้อเอาภาร
เรียมเร่งลรรลุงลานสวาทไหม้
รำลึกวิมลมาลย์บัวมาศ กูเอย
มือลูบทรวงไล้ไล้เทวษล้ำเหลือทน ฯ
๏ พระโหยพระไห้ร่ำรำจวน
พลางพระคำนึงนวลหนุ่มเหน้า
บ่เหือดบ่หายครวญครางคร่ำ อยู่แฮ
พระแต่โศกแต่เศร้าแต่สร้อยแสนทวี ฯ
             

พระมหาอุปราชาชมเนื้อ

ร่าย
๏ นฤบดีดาลรันทด พลางกำสรดกำสรวล ครวญถึงองค์อ่อนไทั พิศนกไม้ในมารค ดูหลายหลากหลายแหล่ ทวยหาญแห่เป็นขนัด เถือกธวัชปลายปลิว ทิวทวนถ่องท้องฟ้า พู่ระย้าระยับ สรรพพลแสะพลสาร แสนพลหาญพลห้อม ล้อมนฤเบศเสด็จดง พลางพระบงจัตุบาท กลาดมฤครายเรียง ก้มกินเกลียงกลืนกล้ำ ย้ำหญ้าเคี้ยวเหลียวดู ส่ำหมีหมูหมู่เหม้น กระต่ายเต้นตามทาง กวางกระทิงเถื่อนถึก ฮึกเหี้ยมหาญชาญเชี่ยว แล่นไล่เสี่ยวสู้กัน ชะมดฉมันหมู่ทราย ควายคณาคลาคล่ำ ส่ำโคเพลาะเหยาะเดิน ละมั่งเมิลม่ายเมียง เยียงผาโผนผกผงาด ระมาดเลาะเล็มหนาม ขลาคำรามรนร้อง ก้องกึกดงพงพนานต์ เหล่าสุวาณในนอก จิ้งจอกหอนซะซ้าว สารเหนี่ยวน้าวช้างบง กระจงแล่นกระเจิง ลิงละเลิงโลดเหล้น เต้นไต่ไม้ชะซ้อง ค่างร่ายร้องครอกคราง ลางกระรอกกระแต แลวะวู่จู่โจน บ่างเผ่นโผนโผผก ชะนีหกหัวห้อย ย้อยโยนไม้ไกวตน ส่ำสัตว์บนพฤกษา ต่างคณาเนืองนันต์ บรู้กี่พรรค์กี่เผ่า เหล่าจัตุบททวิบาท ดาษพนัสแนวเนิน พระบเพลินพิศชื่น ตื่นกมลหวั่นว้า ถวิลถึงนชหนุ่มหน้า นิ่มเนื้อนวลจันทร์ แม่เอย ฯ
             
โคลง ๒
๏ เจ็บจาบัลบ่มเศร้าไปกี่ปางจักเต้า
แขกน้องคืนถนอม แม่นา ฯ
๏ ตรอมกระออกช้ำปาดปิ้มฝีหัวข้ำ
บ่งได้เยียไฉนนี้นา ฯ
๏ ฉันใดจึงจิ่มเจ้าจักมาแอบแนบเคล้า
อยู่เคลี้ยคลึงโฉมชื่นนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ พระโทรมนัสย์เศร้าแสนศัลย์
พลางพระขับพลขันธ์เคลื่อนคล้อย
พระพิศอเนกนันต์เนืองสัตว์ นั้นนา
ไปบ่เหือดละห้อยห่างไห้หาศรี ฯ
๏ โยธีลีลาศแคล้วคลาทาง
ทุกทั่วสัตว์ตื่นตางแตกเต้า
กาสรสุกรกวางทรายซุ่ม ซุ้มนา
ละมั่งระมาดผาดผังเข้าป่าลี้หนีซอน ฯ
๏ กุญชรชักพวกผ้ายแฝงพง
ถึกกระทิงวิ่งวงแหวกเร้น
ยองทองย่องยรรยงฝีย่าง ย่องนา
กระต่ายกระแตเต้นตื่นต้อนกันหนี ฯ
๏ ภูมีเมิลแมกไม้ใจหวน โหยแฮ
เห็นแต่ลิงค่างชวนท่านแย้ม
ลูกกกอกแอบอวลเต้นไต่ ไม้นา
บ้างเก็บผลไพล่แก้มกัดปล้อนปลิดพลาง ฯ
๏ แลพลางทางเทวษไห้หาศรี
ยามพระสุริยลีลดฟ้า
พระสดับแต่เสียงผีเผือนพูด กันแฮ
ปั่นหฤทัยท่านว้าหวาดเพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ สายัณห์หวั่นสวาทไท้ธเรศตรี ศวรแฮ
สดับแต่เสียงชะนีร่ายร้อง
เหวยเหวยเรียกสวามีมรณาศ
นึกดั่งเสียงนุชพร้องพร่ำไห้หาเรียม ฯ
๏ พระเกรียมกมเลศด้วยดวงสมร
ฤๅใคร่วายอาวรณ์ว่างเศร้า
พระทุกข์พระทอดถอนใจเทวษ ถวิลนา
ร้อนอุระราชเร้าที่ร้างแรมขวัญ ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระจาบัลด้วยน้องนึกปรานีนางห้อง
ห่างเคล้าจักตรอมใจนา
๏ เคยถนอมนชแนบเนื้อเจ็บนิรารสเกื้อ
เกี่ยงไหม้หมองทรวงเรียมนา
๏ หนักดวงสมรพี่ร้าวคิดใคร่พบน้องท้าว
ห่อนพ้องพานขวัญใจนา ฯ
             

พระมหาอุปราชาเดินทัพถึงไทรโยค

ร่าย
๏ ไท้ธกระสันเสียวทรวง ดวงกมลหม่นหมาง พลางให้ด่วนเดินพล ลุตำบลไทรโยค พระดับโศกสั่งทัพ ยับยั้งตั้งค่ายคู โดยพยูห์สรรพเสร็จ บพิตรเสด็จเลออาสน์ พลับพลาราชเรือนศึก ตรึกตรองการโรมร้า ส่งทัพหน้าไปก่อน ผ่อนทัพหนุนไปถัด รัดไปยอไปยุทธ์ ชิงประทุษโรมโซรม โหมหักกาญูจนบุรี ตีให้แตกเป็นฤกษ์ เขาก็เร่งเลิกทัพชัย โปโดยบูรพทิศ ทัพหลวงติดยกตาม งามสง่าพลท้าว ล้วนทหารทห้าว หื่นเหี้ยมในสมร ยิ่งนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ พลมอญเมิลมืดท้องรัถยา
อเนกนิกรอาชาชาติช้าง
ทวนทองเถือกทอตาเปลือยปลาบ
เทียวธวัชแลสล้างเฟื่องฟ้าปลิวปลาย ฯ
             

ชาวเมืองกาญจนบุรีลอบดูกองทัพหงสาวตี

ร่าย
๏ ฝ่ายนครกาญจน จัดพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ เขาก็พากันรีบรัด ลัดเล็ดลอดเลาะดง ตรงไปทางแม่กษัตริย์ จัดกันซุ่มเป็นกอง มองเอาเหตุเอาผล ยลนิกรรามัญ เดินแน่นนันต์นองเถื่อน เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวันก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบนเบื้องหลังสาร เขาก็ทราบการโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบกลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญจนบุริน ยินยุบลข่าวศึก พิลึกลาญขวัญ แหลกแสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคืองใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือดสลดหมดหน้า บเห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบบมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนีหน้าอย่าพะ เขามละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหน่เศิกไสร้ เพื่อลงลักษณะให้ ส่งท้าวแถลงความ ท่านนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ชาวสยามคร้ามเศิกสิ้นทั้งผอง
นายและไพร่ไป่ปองรบร้า
อพยพหลบหลีกมองเอาเหตุ
ซุกซ่อนห่อนให้ข้าศึกได้ไปเป็น ฯ
             
ร่าย
๏ ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้ผันพลผ้าย ย้ายมาโดยทางเถื่อน ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิม ลุลำกระเพินบมิหึง จึ่งพระยาจิดตอง ให้พลกรองเวฬู ปูเป็นสะพานผ่านชล เร่งเดินพลข้ามฟาก มากนิกรคั่งคาม พวกชาวสยามเห็นตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่อ ใส่ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุกมุลทุกนาย แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รับมาเร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ท่านนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ กองทัพตามกันเต้าเสียงสนั่นลั่นเท้า
พ่างพื้นไพรพัง เพิกฤๅ ฯ
             

พระมหาอุปราซามาถึงเมีองกาญจนบุรี

โคลง ๔
๏ ดลยังเวียงด่านด้าวโดยมี
เมืองชื่อกาญจนบุรีว่างว้าง
ผู้ใดบ่ออกตีตอยต่อทัพนา
ยลแต่เหย้าเรือนร้างอยู่ไร้ใครแรม ฯ
๏ สอดแนมจักจับถ้อยไถ่ความ
ฤๅบ่ได้ชาวสยามสักผู้
จักสืบจักเสาะถามเหตุห่อน รู้แฮ
รู้ว่าชาวเมืองรู้เล่ห์แล้วหลีกหนี ฯ
๏ ธก็กรีธาทัพเข้าเนาเมือง
ประทับอยู่แรมคืนเคืองสวาทไหม้
คำนึงนุชไป่เปลืองจิตท่าน ถวิลนา
เจ็บอุระราชไข้ขุนแค้นคับทรวง ฯ
๏ ระลวงรำลึกอ้าบังอร
ยลแต่แสงศศิธรถ่องฟ้า
แสงจันทร์บ่ส่องสมรหมดเทวษ
ถวิลบ่ลืมนวลหน้าแม่แม้นนวลจันทร์ ฯ
๏ คิดวันเรียมสั่งเจ้าจำจร มานา
เนืองพธูถวายกรนอบน้อม
นึกเชษฐ์เฉกจันทรถ่องเมฆ แม้นฤๅ
พิศประกายรายล้อมเล่ห์เพี้ยงสาวสนม ฯ
๏ เรียมกรมเกรียมเทวษไห้โหยถวิล อรเอย
ฤๅใคร่จางใจจินต์จืดเจ้า
ปางกินบ่เป็นกินกินโศก
นอนบ่เป็นนอนเศร้าเสน่ห์ส้านเสียวสมร ฯ
             
โคลง ๓
๏ พระอาวรณ์หวั่นทรวงหนักดวงกมลราชร้าว
คิดใคร่คืนครองด้าวกลับได้เยียไฉน นี้นา ฯ
             
ร่าย
๏ หนักหฤทัยท่านพลาง ทางคำนึงนวลสมร จนจันทรคล้อยเคลื่อน ดาราเลื่อนลับเมฆ แสงสพรรณเฉกฉานฉาย พรายหิรัญเรื่อราง พลางธให้เดินทวยหาญ ออกจากกาญจนบุรี กรีธาพลคลาดคล้าย ย้ายมาตามมรรคา คลาพยุห์พลางทางชม พนมพนัสแนวเนิน เทินแถวเถื่อนเขื่อนเขา พฤกษาเนาเนีองนันด์ ดูเฉิดฉันเฉกฉัตร ระบัดใบเขียวเหลือง เนืองผลแนมแกมดอก ออกเป็นพางเป็นพู่ อยู่เปรมดาเปรมใจ ไหวอุระท่านสั่น หวั่นอุระท่านร้าว ถวิลถึงองค์อ่อนท้าว ที่ร้างฤๅคืน สมเลย ฯ
             

ลมพัดฉัตรของพระมหาอุปราชาหัก

โคลง ๔
๏ พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำแกล่ครวญ
ขับคชบทจรจวนจักเพล้
บรรลุพนมทวนเถื่อนที่ นั้นนา
เหตุอนาถหนักเอ้อาจให้ชนเห็น ฯ
๏ เกิดเป็นหมอกมืดห้องเวหา หนเฮย
ลมชื่อเวรัมภาพัดคลุ้ม
หวนหอบหักฉัตราคชขาด ลงแฮ
แลธุลีกลัดกลุ้มเกลื่อนเพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ พระพลันเห็นเหตุไซร้เสียงดวง แดเฮย
ถนัดดั่งภูผาหลวงตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวงสั่นซีด พักตร์นา
หนักหฤทัยท่านร้องเรียกให้โหรทาย ฯ
๏ ทั้งหลายล้วนจบแจ้งเจนไสย ศาสตร์แฮ
เห็นตระหนักแน่ในเหตุห้าว
จักทูลบ่ทูลไทเกรงโทษ ท่านนา
เสนอแต่ดีกลบร้าวเผด็จเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ เหตุนี้ผิวเช้าชั่วฉุกเข็ญ
เกิดเมื่อยามเย็นดีดอกไท้
อย่าขุนอย่าลำเค็ญใจเจ็บ พระเอย
พระจักลุลาภได้เผด็จเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ เวียงรามฤๅอาจต้านต่อมือ ท่านแฮ
พระจักชาญชัยลือล่มฟ้า
ทุกท้าวบ่ท่าวถือตนต่อ พระเอย
โอนมกุฎก้มหน้านอบน้อมถวายถวัลย์ ฯ
๏ เหี้ยมนั้นจึ่งหากให้ฉัตรหัก เห็นแฮ
เพราะเพื่ออุปราชยศักดิ์เสื่อมไสร้
พระภูบดีจักผดุงยศ พระนา
เวนพิภพพระให้หน่อท้าวเสวยศวรรย์ ฯ
             

พระมหาอุปราชาหนักพระทัยเรื่องสงคราม

โคลง ๔
๏ ครั้นฟังบพิตรเพี้ยงฟังหู หนึ่งนา
หูหนึ่งแหนงคำสูซึ่งพร้อง
ไป่ไว้หฤทัยภู-ธรพรั่น อยู่นา
นึกเร่งกริ่งเกรงต้องแต่แพ้ดัสกร ฯ
๏ พระร้อนอุระเต้นตื่นภัย
หวาดกมลไหวไหววาบว้ำ
กันแสงเสนาะในทรวงซ่อน โศกนา
พลางพระกลืนเทวษกล้ำกลัดกลุ้มรุมสมร ฯ
๏ ภูธรพลางให้เร่งพลจร มานา
แหนงกระลึงลางหลอนเล่ห์ร้าย
รันทดระทวยถอนใจใหญ่ อยู่แฮ
พลางพระขับคชย้ายย่างเยื้องเหย่าเดิน ฯ
๏ สระเทินสระทกแท้ไทถวิล อยู่เฮย
ฤๅใคร่คลายใจจินต์จืดสร้อย
คำนึงนฤบดินทร์บิตุเรศ พระแฮ
พระเร่งลานละห้อยเทวษไห้โหยหา ฯ
๏ อ้าจอมจักรพรรดิผู้เพ็ญยศ
แม้พระเสียเอารสแก่เสี้ยน
จักเจ็บอุระระทดทุกข์ใหญ่ หลวงนา
ถนัดดั่งพาหาเหี้ยนหั่นกลิ้งไกลองค์ ฯ
๏ ณรงค์นเรศวร์ด้าวดัสกร
ใครจักอาจออกรอนรบสู้
เสียดายแผ่นดินมอญพลันมอด ม้วยแฮ
เหตุบ่มีมือผู้-อื่นต้านทานเข็ญ ฯ
๏ เอ็นดูภูธเรศเจ้าจอมถวัลย์
เปลี่ยวอุระราชรัน-ทดแท้
พระชนม์ชราครันครองภพ พระเอย
เกรงบพิตรจักแพ้เพลี่ยงพล้ำศึกสยาม ฯ
๏ สงครามครานี้หนักใจเจ็บ ใจนา
เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บอกโอ้
ลูกตายฤใครเก็บผีฝาก พระเอย
ผีจัดเท้งที่โพล้ที่เพล้ใครเผา ฯ
๏ พระเนานัคเรศอ้าเอองค์
ฤๅบ่มีใครดงคู่ร้อน
จักริจักเริ่มรงค์ฤๅลุ แล้วแฮ
พระจักขุ่นจักข้อนจักแค้นคับทรวง ฯ
๏ พระคุณตวงเพียบพื้นภูวดล
เต็มตรลอดแหล่งบนบ่อนใต้
พระเกิดพระก่อชนม์ชุบชีพ มานา
เกรงบ่ทันลูกได้กลับเต้าตอบสนอง ฯ
             

พระมหาอุปราธาตั้งค่ายที่ตำบลตะพังตรุ

ร่าย
๏ ไท้ธตรึกตรองตรอมเทวษ ถึงบิตุเรศแรมเวียง เพียงอกไหวใจขว้ำ คล้ำพระพักตร์มัวมล พลางเร่งพลด่วนเดิน ตามแถวเทินทางเถื่อน ทวยหาญเกลื่อนกลากลาด ดาษแดนท่งแดนนา ดามาโดยรัถเยศ ดลขอบเขตธานี ศรีสุพรรณพิศาล ธก็บรรหารให้ลาด กวาดเอาครัวเอาครอก ซอกไปจับทุกบ่อน แล้วธให้ผ่อนพลดั้ง ยั้งตำบลตะพังตรุ ลุแล้วแต่งค่ายเขื่อน เกลื่อนรั้วหนามรั้วขวาก มากค่ายขอบเป็นชั้น กั้นค่ายหลวงเป็นกง วงดุจดาวล้อมเดือน สระเทือนเสียงม้าช้าง เสียงพลเกริกไพรกว้าง กึกก้องใครยิน ย่านนา ฯ
             
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราชอาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกภาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว มาบังคมทูลท้าว ธิราชผู้ผ่านถวัลย์ แลนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพรบเขมร

โคลง ๔
๏ ปางนั้นนฤเบศเบื้องบูรพา ภพแฮ
เฉลิมพิภพอโยธยายิ่งผู้
พระเดชดั่งรามรา-ฆพเข่น เข็ญเฮย
ออกอเรนทร์รั่วรู้เร่งร้าวราญสมร ฯ
๏ ภูธรสถิตท้องโรงธาร ท่านฤๅ
เถลิงภิมุขพิมานมาศแต้ม
มนตรีชุลีกรานกราบแน่น เนืองนา
บัดบดีศวรแย้มโอษฐ์เอื้อนปราศรัย ฯ
๏ ไต่ถามถึงทุกข์ถ้อยทวยชน
ต่างสนองเสนอกลแก่ท้าว
พระดัดคดีผลใดเยี่ยง ยุกดิ์นา
เย็นอุระฤๅร้าวราษฎร์ร้อนห่อนมี ฯ
๏ นฤบดีดำรัสด้วยการยุทธ์
ซึ่งจักยอกัมพุชแผ่นโพ้น
พลบกยกเอาอุต-ดมโชค ชัยนา
นับดฤษถีนี้โน้นแน่นั้นวันเมือ ฯ
๏ พลเรือพลรบท้องทางชลา
เกณฑ์แต่พลพาราปักษ์ใต้
ไปตีพุทไธธา-นีมาศ เมืองเฮย
ตีป่าสักเสร็จให้เร่งล้อมขอมหลวง ฯ
๏ พระห่วงแต่เสี้ยนอัสดง
เกรงกระลับก่อรงค์รั่วหล้า
คือใครจักคุมคงควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ้าทัพข้อยคืนถึง ฯ
๏ พระพึงพิเคราะห์ผู้ภักดี ท่านนา
คือพระยาจักรีกาจแกล้ว
พระตรัสแด่มนตรีมอบมิ่ง เมืองเฮย
กูจักไกลกรุงแก้วเกลือกช้าคลาคืน ฯ
๏ เยียวพื้นภพแผ่นด้าวตกไถง
ริพิบัติพูนภัยเพิ่มพ้อง
สูกันนครใจครอเคร่า กูเฮย
กูจักพลันคืนป้องปกหล้าแหล่งสยาม ฯ
๏ สงครามพึ่งแผกแพ้เสียที
แตกเมื่อต้นปีไปห่อนช้า
บร้างกระลับมีมาขวบ นี้เลย
มีก็มีปีหน้าแน่แท้กูทาย ฯ
๏ ทั้งหลายสดับถ้อยท่านบรรหาร หนเฮย
ยังบ่เยื้อนสนองสารใส่เกล้า
บัดทูตนครกาญ-จนถับ ถึงแฮ
พระยาอมาตย์นำเฝ้าบอกเบื้องเคืองเข็ญ ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบข่าวศึกมอญ

ร่าย
๏ ไทธเห็นลักษณ์ข่าวสาร เอื้อนโองการให้อ่าน หว่านยุบลเบิกอรรถ บัดเขาอ่านเสนอไท ในลักษณะนั้นว่า ข้าพระพุทธเจ้าผู้รั้ง ทั้งกรมการทั่วตน ด้าวกาญจนบุรี ศรีสวัสดิบุเรศ ขอโอนเกศวันทนา แด่ออกญามหาด ขานข้อราชดัสกร ทูลภูธรผ่านถวัลย์ เพื่อรามัญผ้ายพล ดลประเวศสีมา ผู้เป็นนายกไสร้ คือหน่อไท้อุปราษ ยาตรพยหแสนยา ยลโยธาทวยหาญ ประมาณห้าสิบหมื่น ดูดาษดื่นแดนดง ตรงข้ามน้ำลำกระเพิน เดินโดยสะพานเรือกรัด ตัดเข้ากาญจนบุเรศ ข้าคุมเขตเหลือป้อง ขอสมเด็จพี่น้อง ท่านรู้ข่าวเข็ญ เทอญนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ พระเปรมปราโมทย์ไซร้ซึ่งบดินทร์ดาลได้
สดับเบื้องบอกรงค์ ฯ
๏ ธให้หาองค์น้องท้าวแถลงยุบลเหตุห้าว
ท่านแจ้งทุกอัน แลนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงหารือเรื่องทำศึกกับมอญ

ร่าย
๏ แล้วธบรรหารตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยุทธ์ ยังกัมพุชพารา ศึกมอญมาชิงควัน กันบให้ไปออก บอกให้เต้าโดยตก ควรจักยกไปยุทธ์ เป็นมหุสสวมหันต์ ปันเอาชัยชิงชื่น แล้วธก็อื้นออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แก่เมืองราชบุรี เกณฑ์โยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านลำกระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญเห็นเสร็จ ให้ระเห็จเข้าหั่น บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพวนขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุ่นพลวกเผา อย่าให้เขาจับได้ เขากระดั่งไท้ ธิราชเอื้อนโองการ สั่งนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ นฤบาลสารเสร็จอ้างไป่ทัน หึงแฮ
ถับทูตทุกเขตขัณฑ์ด่านด้าว
สิงห์สรรค์สุพรรณบรร-ลุถิ่น ท่านนา
เขาเร่งนำเฝ้าท้าวถั่งถ้อยแถลงทูล ฯ
๏ บดีศูรสั่งให้อ่านสารา
พระราชรับบัญชาท่านไซร้
แถลงลักษณะทุกธา-นีบอก มานา
เสนอยุบลข่าวใกล้ศึกตั้งในแดน ฯ
๏ บัดมอญแล่นม้าลาดเลยแขวง
วิเศษชัยชาญแสดงข่าวซ้ำ
เขานำอักษรแถลงถวายดับ นั้นนา
พระเร่งชื่นฤๅช้ำที่ข้อเข็ญความ ฯ
๏ จอมสยามขามศึกไซร้ไป่มี
บานกลเปรมปรีดิ์ปราบเสี้ยน
สองสุริยกษัตริย์ตรัสต่อ กันแฮ
หาเลศมลายศึกเหี้ยนหั่นห้าวหายคม ฯ
๏ สมเด็จเผยโอษฐ์อื้นปรึกษา
แด่ภิมุขมาตยาทั่วผู้
จักโรมอริรา-มัญเมื่อ นี้แฮ
รับที่ถิ่นฤๅสู้นอกไซร้ไหนควร ฯ
๏ ทั้งมวลหมู่มาตย์ซ้องสารพลัน
ทูลพระจอมจรรโลงเลื่องหล้า
แถลงลักษณะปางบรรพ์มาเทียบ ถวายแฮ
แนะที่ควรเสด็จค้าเศิกไซร้ไกลกรุง ฯ
             

ขุนนางถวายคาามเห็นเรื่องทำศึกกับมอญ

ร่าย
๏ ข้ามุ่งเหตุเห็นผล ยลจิตเจ้าจอมศึก ห่อนห้าวฮึกหาญรงค์ ปลงใจฝ่อต่อไท้ ขัดท่านใช้ฤๅอาจ จึ่งต้องยาตรพลเยือน เตือนประยุทธ์ยั่วเข็ญ โดยจำเป็นจำใจ ห่อนหวังชัยเชิงชื่น ห่อนหวังหื่นหนศึก นึกแต่ขามนามราช ขลาดพระฤทธิ์ทุกตั้ง ครั้งคลาศึกรุมคัง ฝ่ายเรายังเป็นมิตร เขาเชิญบพิตรเสด็จดล ช่วยโรมรณทัพหนึ่ง ซึ่งพลทัพหงสา อุปราชาเปนใหญ่ ฝ่ายเชียงใหม่ธไซร้ ใหัพระสังขทัตถือพล มาช่วยรณเวียงรุม ชุมกันโรมเวียงคัง ทั้งสองเวียงอยู่เขา เราเเข้าตั้งตีนพนม ศึกระดมหินทิ้ง ถูกมอญกลิ้งตายกลาด ลาวลงดาษดื่นด้าว โททัพท้าวท้อถอย ฝ่ายเราคอยดูที เห็นเขาตีบมิแตก ธจึ่งยกแยกพลยืน แย้งยิงปืนปรายเขา เอาข้าศึกซึ่งทิ้ง กลิ้งตกตายก่ายกัน มันบรอต่อติด เราประชิดชิงครัว จับได้ตัวขุนเมือง พลศึกเปลื้องปลดชนม์ สองท้าวยลเยงราช ขยาดพระเดชเป็นประถม ครั้งหนึ่งบรมนฤบาล เจ้าจักรพาลหงสา กับพระมหาอุปราช ริอาฆาตปองร้าย ลวงเสด็จผ้ายสู่เมือง ขานข้อเคืองเป็นเลิศ ว่าประเทศพุกาม ก่อสงครามแขงด้าว ขอเชิญท้าวช่วงรณ จึ่งเสด้จดลเดองแครง ส่งสารแสดงข่าวแขก แด่ซักแซกยอถ่าง เขาให้ตั้งห่างเมืองเขา เนาอาวาสแห่งหนึ่ง จึ่งเขาส่งข่าวไป ทูลแต่ไทหงสา ธก็ปรีดาดวงมาน เพื่อตริการสมหมาย จึ่งให้รายซุ่มทัพ คอยจู่จับโจมตี ตามวิถีแถวดง ตรงทางไปหงสา แล้วธบัญชาใช้ ให้พระยาเกียรติ์พระยาพระราม มาสื่อความไมตรี รับนฤบดีเสด็จคลา สองพระยากำกับ เขาจะเอาทัพซึ่งซุ่ม ออกกระทุ่มกระทบ รบกระหนาบชาวสยาม สองรับความแล้วคลา มาเจรจาแด่ไท้ ดั่งเขาใช้เป็นกล แล้วพาพลไปพัก สำนักในบริเวณ วัดมหาเถรคันฉ่อง ถ่องแถลงเลศแก่ชี เพื่อบารมีมหิบาล ดาลดลจิตจอมวัด กับคฤหัสถ์ขนพล ทั้งสามดนพากัน มาเคียมคัลไขเลศ แด่นฤเบศโดยสัตย์ ครั้นธทราบรหัสบหึง จึงอี้นออกวรวากย์ เป็นฉินทภาคแผ่นไผท อภัยภพเผด็จมิตร หวังก่อกิจรำบาญ สองพสุธารดั่งเพรง ไทยตะเลงเล่ห์ขอม ไป่แปลกปลอมปะปน ริเริ่มรณดุจกี้ แต่วันนี้จำเดิม จักต่อเติมประติยุทธ์ ชิงประทุษชิงแดน แล้วธสั่งแสนยากร หลับกวาดมอญเมือด้าว เอาโทท้าวขุนทัพ กับมหาเถรโดยเสด็จ เห็จข้ามน้ำสะโตง แต่งท่ายโถงท่าสู้ รู้ถึงไท้หงสา ธให้มหาอุปราช ยาตรพยุหดามติด หัวหน้าประชิดฝั่งชล อยู่คนละฟากคงคา อันมหิมาไพศาล ภูบาลเพ่งขุนพล ยลสุรกำมามาตย์ เสื้อสักหลาดสวมกาย หมายเท่าผลหมากพร้าว ขี่คชห้าวเห็นหาญ ประมาณเหมือนสุกร ธให้ซ้องศรโซรมสาด บอาจข้ามไปถึง จึงทรงแสงนกสับ แผลงขนทัพต้องตาย ทวยตะเลงหลายแลหวาด องค์อุปราซแสยงฤทธิ์ คิดคะครั่นครั้งสอง ซึ่งเขาปองยุทธนา มาครานี้นึกแปลก เพื่อศึกแตกเดือนเชษฐ์ ไป่ทันเขตอำรุง ผดุงพลให้หื่นหาญ กลับริราญโรมราช เบื้องบุษยมาสมาดล ดูพิกลการเศิก รอยอื้อเอิกข่าวขจร ถึงนครเขาตระหนัก ว่าพระปิ่นปักภูวดล ดับพระชนม์สิ้นชีพ จึ่งเร็วรีบมาเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ ฝ่ายเราเทียบพลทัพ รับเวียงชัยใช่เชิง ไพรีเริงใจอาจ เชิญนฤนาถยาตรา จากนคราราชฐาน แต่งทัพหาญไปหัก ถ้าเห็นหนักเหลือทน จึ่งเสด็จดลดับห้าว มล้างชิพิตหน่อท้าว ธิราชด้าวอัสดง แลนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรเตรียมทัพสู้ศึกมอญ

โคลง ๔
๏ โทไท้ทรงสดับถ้อยทูลถวาย
ถูกหฤทัยท่านผายโอษฐ์พร้อง
สูตริก็ตรงหมายเหมือนตริ ตูนา
ตริบ่ต่างกันต้องต่อน้ำใจตู ฯ
๏ ภูธรสั่งให้เทียบโยธี ทัพแฮ
ห้าหมื่นหมายบัญชีเรียกได้
เกณฑ์เมืองจัตวาตรีไตรตรวจ เอานา
ยี่สิบสามเมืองใต้เตรียบตั้งต่อฉาน ฯ
๏ บรรหารให้จัดผู้อาจอง
เอาพระศรีไสยณรงค์ฤทธิ์ห้าว
เป็นจอมพยุหยงไปยั่ว ยุทธแฮ
นำนิกรทัพท้าวออกร้ารอนเข็ญ ฯ
๏ พระเห็นจักเปลี่ยวข้างขุนพล
เยียวบ่มีเพื่อนผจญจึ่งใช้
พระราชฤทธานนท์หนึ่งช่วย กันนา
เป็นปลัดทัพให้ศึกสู้ทั้งสอง ฯ
๏ กองหน้านฤนาทตั้งเสร็จสาร สั่งแฮ
เร็วเร่งห้ำหั่นหาญหักกล้า
บ่แตกต้านทานมันรอด ไซร้ฤๅ
กูจักออกโรมร้าศึกร้ายภายหลัง ฯ
๏ ทั้งสองรับถ้อยท่านทูลลา แลเฮย
ยกพยุหแสนยาย่างย้าย
โดนแดนทุกราธวาวายถิ่น
ถึงนี่หนองสาหร่ายท้ายทุ่งกว้างทางหลวง ฯ
๏ ปวงทัพปลูกค่ายสร้างกลางสมร
ภูมิพยุหไกรสรศึกตั้ง
เสนาพลากรต่างรื่น เริงแฮ
คอยจักยอยุทธ์ยั้งอยู่ถ้าทางเข็ญ ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรยกทัพ

ร่าย
๏ กษณะนั้นนเรนทร์ไท้ ธให้โหรหามมหุติฤกษ์ ซึ่งจะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้โศลก หลวงญาณโยคโลกทีป รีบคำนวณทำนาย ถวายพยากรณ์แก่ไท้ ท้าวธได้จัตุรงคโชค อาจปราบโลกลาญรงค์ เชิญบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายามเช้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ดขึ้นค่ำย่ำรุ่งสองนาฬิกา เศษสังขยาห้าบาท ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดิ์ฤกษ์อุดม บรมนรินทร์ดาลสดับ ธให้ตรวจทัพเตรียมพล โดยชลมารคพยู่ห์ สู่ตำบลปากโมก ครั้นณวันโชควันยาม พยุหสงครามเขาตรวจ ทุกหมู่หมวดสรรพเสร็จ จึ่งสมเด็จภูวนาถ กับบรมราชอนุชา ธก็สรงธาราเสาวรภย์ ตรลบสุคนธกำจร ทรงบวรวิภูษา รัตพัสตราครูเนตร ชายแครงเทศเถือกพร้อย ชายไหวห้อยเห็นเพรา พิศสนับพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศพรายพริ้ง สะอิ้งรัตนไพฑูรย์ แก้วเกยูรสวมหัตถ์ แสงนพรัตน์มลังเมลือง เรืองธำมรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว แพร้วพรายนิ้วอัษฎางค์ พลางสองกษัตริย์สวมทรง อลงกตกาญจนมกุฎ แสงเพชรผุดพุ่งแพร้ว แก้เก้ากอบแกมมาศ นาดกรกรายทายธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษณ์รามรอนราพณ์ ปราบอเรนทร์ทุกด้าว พลางบพิตรไทท้าว ท่านเยื้องยังฉนวน น้ำนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ มหิศวรสองราชเจ้าจักรพาล
เถลิงสมุทรพิมานมาศย้อม
เฉกไพชยนต์สถานทิพยอาสน์ อินทร์เอย
แก้วก่องทองเถือกพร้อมเพริศพร้อยพรายแสง ฯ
๏ เสด็จแสดงยศยิ่งหล้าลือไตร ภพแฮ
องค์อดิศวรไทพี่ท้าว
ทรงศรีสมรรถชัยชาญชื่อ เรือนา
เถกิงพระเกียรติอะคร้าวโลกล้วนถวายกร ฯ
๏ ภูธรวรนุชน้องนฤบาล
เถลิงชโลทกยานย่องน้ำ
ไกรสรมุขพิมานมีชื่อ เรือนา
เรือมณีนพล้ำเลิศแล้วหลากศรี ฯ
๏ นาวีวรวิหคตั้งต่อฉาน ชื่อแฮ
ชัยสุพรรณหงส์พิมานมาศแพร้ว
ทรงพระวิชัยชาญชัยชื่อ พระนา
เพราะพระชาญชเยศแผ้วแผกพ้นภัยเข็ญ ฯ
๏ เป็นมหาธวัชปักป้องปวงภัย โพ้นนา
นำนเรนทรไคลเคลื่อนคล้าย
กบี่ธุชโบกโบยใบบังทัพ ท่านแฮ
ห้ามอมิตรหมู่ร้ายอย่าร้าโรมถึง ฯ
๏ พึงพิศโพโรจน์ด้วยอภิรุม
บังแทรกสุริยสายชุมฉัตรแพร้ว
กลิ้งกลดบดบังจุมพลผ่าน ภพนา
จามเรศรำเพยแผ้วผ่องพื้นแผ่นโพยม ฯ
๏ ดาษโคมเวหาสห้องหาวไสว
ประดับรัตนนาวาชัยเฉิดฟ้า
ทั้งสามศุภพิไลแลเลิศ แล้วแฮ
เพ็ญพระยศเจ้าหล้าโลกเพี้ยงพิศวง ฯ
๏ ยรรยงพยุหบาตรเบื้องเรือขุน
ทั่วทุกนายทุกมุลเตรียบตั้ง
มวลมาตย์ราชนิกุลเคียงคู่ กันแฮ
เถือกถกลกูบกั้งพร่างแพร้วดาวเดือน ฯ
๏ เกลื่อนกลาดดาษดั้งเรียบเรือเขน
เรือพระครุฑภุชเคนทร์เข่นแก้ว
เรือเศียรสัตว์เพียบเพญธารถิ่น
คุมคู่คอยเสด็จแคล้วเคลื่อนคล้ายคลายขบวน ฯ
๏ ครั้นควรพิชัยฤกษ์พร้อมเพรียงสมัย
โหรคระหึมฆ้องชัยกึกก้อง
พฤฒิพราหมณ์พรอกมนตร์ไสยสังข์เป่า ถวายนา
แตรตรลบเสียงซ้องแซ่ซั้นบรรสาน ฯ
๏ สำนานสนั่นอี้อเอิกอรร ณพแฮ
โพนพาทย์เภรีรันครั่นครื้น
เสียงฆ้องแข่งขานกันตามหมวด หมู่นา
สระทกสระเทือนภูวพื้นแผ่นเพี้ยงหวั่นไหว ฯ
๏ ไพลึกแหล่งหล้าลั่นลือถึง สรวงฤๅ
เสียงอัคนีศรตึงตื่นฟ้า
พลหาญฮึกโห่อึงเอิกโลก แล้วแฮ
ตระหนกทุกทวยธเรศหน้าเผือดแผ้วพังขวัญ ฯ
             
ร่าย
๏ พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตำรับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถานปากโมก จึ่งพระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลางธให้ตรวจเตรียมพล โดยสถลพยุหบาตร บอกพระราชกำหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกหพลยาตรา ในเวลาล่วงค่ำ ย่ำสิบเอ็ดสามบาท ครั้นเข้าราษตรีสมัย ภูวไนยตรัสตริการ ซึ่งจะรอนราญอริราช ด้วยภิมุขมาตยากร จนจันทรลับเลื่อน เคลื่อนเข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนือบรมอาสน์ก่องแก้ว คล้ายคล้ายสิบทุ่มแคล้ว ท่านเคลิ้มหลับฝัน ใฝ่นา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงพระสุบิน

โคลง ๔
๏ เทวัญแสดงเหตุให้สังหรณ์ เห็นแฮ
เห็นกระแสสาครหลั่งล้น
ไหลลบวนาดอนแดนตก ทิศนา
พระแต่เพ่งฤๅพ้นที่น้ำหนองสาย ฯ
๏ พระกรายกรย่างเยื้องจรลี
ลุยมหาวารีเรี่ยวกว้าง
พอพานพะกุมภีล์หนึ่งใหญ่ ไสร้นา
โถมปะทะเจ้าช้างจักเคี้ยวขบองค์ ฯ
๏ พระทรงแสงดาบแก้วกับกร
โจมประจักฟันฟอนเฟื่องน้ำ
ต่างฤทธิ์ต่างรบรอบราญชีพ กันแฮ
สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำท่งท้องชลธี ฯ
๏ นฤบดีโถมถีบสู้ศึกธาร
ฟอนฟาดสุงสุมารมอดม้วย
สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์หายเหือด แห้งแฮ
พระเร่งปรีดาด้วยเผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ฯ
๏ ทันใดดิลกเจ้าจอมถวัลย์
สร่างผทมถวิลฝันห่อนรู้
พระหาพระโหรพลันพลางบอก ฝันนา
เร็วเร่งทายโดยกระทู้ที่ถ้อยตูแถลง ฯ
             

โหรทำนายพระสุบินถวายสมเด็จพระนเรศวร

โคลง ๔
๏ พระโหรเห็นแจ้งจบในมูล ฝันแฮ
ถวายพยากรณ์ทูลแต่ไท้
สุบินบดินทร์สูรฝันใฝ่ นั้นฤๅ
หากเทพสังหรณ์ให้ธิราชรู้เป็นกล ฯ
๏ นุสนธิ์ซึ่งน่านน้ำนองพนา สณฑ์เฮย
หนปัจฉิมทิศาท่วมไซร้
คือทัพอริรา-มัญหมู่ นี้นา
สมดั่งลักษณ์ฝันไท้ธเรศนั้นอย่าแหนง ฯ
๏ เหตุแสดงแห่งราชพ้องภัยชลา
ได้แก่อุปราชาเชษฐ์ผู้
สงครามซึ่งเสด็จครานี้ใหญ่ หลวงแฮ
แท้จักถึงยุทธ์สู้ศึกช้างสองชน ฯ
๏ ซึ่งผจญอริราชด้วยเดชะ
เพื่อพระเดโชชนะศึกน้ำ
คือองค์อมิตรพระจักมอด เมือเฮย
เพราะพระหัตถ์หากห้ำหั่นด้วยขอคม ฯ
๏ เบื้องบรมขัตติย์ท่องท้องแถวธาร
พระจักไล่ลุยลาญเศิกไสร้
ริปูบ่รอราญฤทธิ์ราช เลยพ่อ
พระจักชาญชเยศได้ดั่งท้าวใฝ่ฝัน ฯ
             
โคลง ๒
๏ ครั้นบดินทร์ดาลได้สดับพยากรณ์ไท้
ธิราชแผ้วพูนเกษม ฯ
๏ เปรมปรีดิ์ปราโมทย์แท้เพราะพระโหรหากแก้
กล่าวต้องตามฝัน ฯ
๏ พระพลันทรงเครื่องต้นงามประเสริฐเลิศล้น
แหล่งหล้าควรชม ชื่นนา ฯ
๏ สมเด็จอนุชน้องแก้วทรงสุภาภรณ์แพร้ว
เพริศพร้อมเพราตา ยิ่งแฮ ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรเคลึ่อนพล

ร่าย
๏ สองขัติยายุรยาตรา ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศวรสองกษัตริย์ คอยนฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างยล ส้มเกลี้ยงกลลุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับคำรบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร ผ่านไปอุดรโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตั้งสดุดี อยู่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ พระมีปีติตื้นเต็มมาน
ประณตนัขสโมธานเทิดเกล้า
พระทรงอธิษฐานขอเดช พระเอย
คุ้มแต่ข้าพระเจ้าจักสู้ศึกเข็ญ ฯ
๏ เป็นศรีสวัสดิ์แด่ข้อยขอชัย
ขอชนะไพรีทั่วทั้ง
ขอเป็นธวัชไปปักทัพ เฉลิมนา
ขอพระเป็นฉัตรกั้งเกลื่อนร้อนผ่อนเกษม ฯ
๏ พระเปรมปราโมทย์น้อมวันทนา
พลางพระทรงไอยราฤทธิ์แกล้ว
พระคเชนทร์ชื่อไชยา-นุภาพ พ้นแฮ
อาจเข่นคชศึกแผ้วแผกแพ้ทุกภาย ฯ
๏ พลายปราบไตรจักรอ้างเอิกฤทธิ์
อาจปราบคชทุกทิศทั่วไซร้
เอกาทศรถอิศ-วรเสด็จ ทรงนา
นำคเชนทเรศไท้ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๏ งามเลิศคชลักษณ์ล้ำแลลาน หลงแฮ
ครบเครื่องพระคชาธารแต่งตั้ง
บรรยงก์พุดตานสถานทิพยอาสน์ เสมอฤๅ
เศวตฉัตรสวัสดิ์เกือบกั้งผ่องแผ้วอัมพร ฯ
๏ คเชนทรทั้งคู่อ้างไอรา วัณฤๅ
มันตกติดกายาหยดท้อง
หูกวักแกว่งงวงงาเสยส่าย เศียรแฮ
หางก่งส่งเสียงก้องเกริกหล้าแหล่งไหว ฯ
๏ สองไทธิราชซั้นทรงสาร ศึกเฮย
ดุดั่งองค์มัฆพานผ่านฟ้า
เถลิงสมิทธิคชาธารทิพยพ่าหน์ นั้นฤๅ
สู้อสูรศึกกล้าเสื่อมแกล้วกลัวหนี ฯ
             
ร่าย
๏ จึ่งธษีพราหมณชาติ โหราราชประโรหิต โอมอ่านอิศวรเวท ถวายวรชเยศอย่างไสย ลั่นฆ้องชัยสามหึ่ง จึ่งเป่าสังข์สามหน ดนตรีแตรแซ่ซ้อง ก้องกาหลกลองศึก กลองชนะครึกโครมครื้น พ่างพกพื้นภูวดล ตูพหลพยุหบาตร ดาษพลแสะพลสาร แสนพลหาญพลห้อม พร้อมเครื่องพระอภิรุม ชุมธงชายธงฉาน ทวนทองลานเลือมเนตร พู่จามเรศปลิวปลาย แห่หน้าหลายเหล่าหลาก แห่หลังมากหมู่ล้อม ห้อมเบื้องซ้ายสระพรั่ง คั่งเบื้องขวาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำกี่แสน ดูดื่นแดนเดียรดาษ ธก็ให้ยาตรพยุหยุทธ บ่ายกบี่ธุชฝ่ายขวา โบกครุฑพาหน์ฝ่ายซ้าย เนาวพ่าห์ผ้ายหว่างธวัช เสมาธิปัตทักษิญ ฉัตรชัยผินอุดร แลสลอนกรรภิรมย์ แห่บรมนฤบาล ห้อมคชาธารธิราช จตุรังคบาทบริรักษ์ พิทักษ์เท้ากุญชร คลีนิกรทัพเลือน เคลื่อนพลสารยาตรา คลาพลแสะผังผาย คลายพลตีนด่างเต้า เสียงสระเทื้อนฝีเท้า สระท้านแถวสถล ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงตั้งค่ายที่หนองสร่าย

ร่าย
๏ ธไคลพลคล่ำคล้าย แลนา ย้ายมาโดยรัถยา แลนา คลาทางบ้านสระแก้ว แลนา แคล้วทางบ้านสระเหล้า แลนา แล้วธเข้าที่เสวย แลนา ยั้งยังเกยประทับ แลนา เสร็จธาลับทรงสาร แลนา คลี่พลหาญด่วนเดิน แลนา ดำเนินในมรรคาแลนา สุริยประภาทรงกลด จนกำหนดบ่ายควาย ชายสามนาฬิกาเศษ ทัพถึงประเทศหนองสร่าย ซึ่งค่ายหน้าเขาดัง ธให้หยุดยั้งอยู่หลัง เอากำลังพลสรรพ เสด็จประทับเกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ อยู่เหนือจอมปลวกหลวง ต้องกระทรวงครุฑนาม ตามชัยภูมิพยุหะ แล้วธให้กะเกณฑ์กัน ปีนหน้าที่ตั้งค่าย ฝ่ายหน้าหลังซ้ายขวา ดูดาษดาทั้งมวล เป็นกระบวนปทุมพยูห์ ขุดคูพูนสนามเพลาะ เฉพาะทุกหน้าค่าย ภายนอกวางรั้วขวาก มากรั้วหนามเป็นชั้น ขั้นเป็นเขื่อนเป็นขอบ แต่งตามระบอบศึกเสร็จ บพิตรเสด็จพักพล คอยจักผจญศึกกล้า อยู่กระชั้นค๋ายหน้า ซึ่งตั้งขัดพล อยู่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ น่ายลพยุหทัพไท้อยู่หัว สองแฮ
ชุมค่ายรายกลบัวกลีบซ้อน
แสนเศิกเพ่งพึงกลัวแกลนเดช ท่านนา
เถกิงพระเกียรติดั่งต้อนศึกให้แตกหนี ฯ
๏ โยธีเทียมด้วยพวกพลสรวง
ดูประดุจเต็มดวงท่งกว้าง
กองหน้าและกองหลวงแลหลาก หลายแฮ
เสียงสนั่นม้าช้างเฉกฟ้าดินไหว ฯ
๏ พลไกรล้วนกลั่นแกล้วกลางสมร
อาจจักหั่นหัวมอญขาดเกล้า
แสนยาพลากรต่างหื่น หาญเฮย
คอยจักโรมจักเร้าจักร้าราญเขญ ฯ
             

กองลาดตระเวนไปแจ้งเหตุแก่พระมหาอุปราซา พระมหาอุปราชาเตรียมพลตีทัพไทย

ร่าย
๏ ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอากาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตราทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสหร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมาแย่งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกอง ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่ยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งนี้เช้าเราตี เทอญนา ฯ
             

พระมหาอุปราชาทรงเครื่องพิชัยยุทธ์

โคลง ๔
๏ เสนีรับถ้อยท่านทุกตน
ต่างเร่งตรวจเตรียมพลทุกผู้
พลหาญหื่นหนรณเริงร่าน อยู่แฮ
คอยจักขับเคี่ยวสู้เข่นเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๏ ครั้นยามสิบเอ็ดแล้วเวลา ลุเอย
องค์อัครอุปราชาหน่อไท้
โสรจสรงรสธารารวยรื่น ฉมนา
เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้เฟื่องฟุ้งเสาวคนธ์ ฯ
๏ เสร็จพระทรงเครื่องต้นแต่งกาย ท่านนา
สวมสอดสนับเพลาพรายอะเคื้อ
ภูษิตพิจิตรลายแลเลิศ แล้วแฮ
ทรงสุภาภรณ์เสื้อเกราะแก้วก่องศรี ฯ
๏ ภูมีเฉวียงมาศสร้อยสังวาล เวียนนา
ประดับมรกตกาญจน์กอบแก้ว
พาหุรัดรัตนประพาลโอภาส พิศแฮ
ตาบเพชรเก็จมาศแพร้วพร่างพร้อยพรายแสง ฯ
๏ ชายแครงแซงช่อช้อยไฉไล
แลพิลาสชายไหวเพริศพริ้ง
รัตพัสตร์พิพัทธ์ไพฑูรย์ถ่อง แสงฤๅ
จรูญจรัสรัตนสะอิ้งเจ็ดแก้วก่องศรี ฯ
๏ นาคีภุชแผ่เกล้าเกลือกเศียร
คลี่อาตมออกเวียนหัตถ์ไท้
นพรัตน์เรียบรายเฉวียนฉวัดวิ่ง แสงนา
เถือกเถกิงกลไต้ตากรุ้งเรืองโพยม ฯ
๏ แสงโสมแสงแก้วส่องสุริยฉาย
อร่ามรัตนกุณฑลพรายพร่างฟ้า
อุณหิสวิจิตรรายปัทมราช แลฤๅ
เจ็ดอุรุคเรียบหน้าผกเกล้าเกลื่อนหงอน ฯ
๏ อาภรณ์พิพิธพร้อมเพราองค์ เอี่ยมเอย
มาศมุททิกท่านทรงสอดนิ้ว
เรียบรัตน์คู่ควรคงขัดค่า เมืองฤๅ
เรืองมณีนพริ้วร่วงรุ้งรังสี ฯ
๏ นฤบดีทรงเครื่องถ้วนถมอา คมแฮ
ล้วนเลขยันต์คาถาทั่วแท้
สบสรรพพิทยาคุณเวท
หวังจะเกียดกันแก้เกี่ยงพ้นภัยเขญ ฯ
๏ ภูเบนทร์บ่ายบาทขึ้นเกยหอ
ขี่คชชื่อพัทธกอกาจกล้า
บ่เข็ดบ่ขามขอเขาเงือด เงื้อแฮ
มันตกติดหลังหน้าเสือกเสื้องส่ายเสย ฯ
๏ เคยศึกสู้ศึกไซร้ไป่หนี ศึกแฮ
หาญสง่าไพรีแง่ง้ำ
เฉกช้างวัสวดีคิริเมขล์ แลเฮย
หกศอกคืบสูงซ้ำเศษนิ้วเบญูจางค์ ฯ
๏ สรรพางค์พิลาสล้ำอลง กรณ์เอย
ครบเครื่องคชาธารทรงเพริศแพร้ว
พรายแพนมยูรยงยลยาบ อยู่นา
เศวตฉัตรพัดโบกแผ้วผ่องพื้นคัคนานต์ ฯ
๏ โอฬารแลเลิศด้วยอภิรุม
บังแทรกสุริยสายชุมฉัตรชั้น
เสียงฆ้องแข่งขานรุมระดมแห่ ฮึกแฮ
โพนพาทย์เภรีซั้นแซ่ซ้องกาหล ฯ
๏ ขุนพลประจำคชแกล้วเถลิงกลาง
สมเญศสมิงนันทมางกาจกล้า
กรกุมมยูรหางแพนเทิด ทายเฮย
พร่างพร่างพรายพรายฟ้าอยู่เพี้ยงเหินหาว ฯ
๏ ด้าวท้ายกเรนทเรศผู้พนักงาน
เมืองมลวนเป็นควาญขี่คว้าง
กรายกรกระลึงธารขอเข่น
คอยขับคชง่าง้างเงือดเงื้อหงายคม ฯ
๏ สมเด็จหน่อนาถด้าวอัสดง
อังกุสภุชธำรง รูปง้าว
ครวัดครวีทรงแสดงเดช ท่านนา
เกริ่นพระเกียรติอะคร้าวครั่นฟ้าดินไหว ฯ
๏ ไพบูลย์จัตุบทเบื้องจำนำ คชเฮย
นันทสูราชสังครำบาทหน้า
บาทหลังฝ่ายเฉวียงสดำขุนคู่ หนึ่งแฮ
นามชีพพรายชีพพร้าพรั่งพร้อมแห่แหน ฯ
๏ แสนยาพลามาตย์ทั้งทวยสถล
สารแสะส่ำผองพลไต่เท้า
สามสิบหมื่นหมายตนสามสิบ ร้อยนา
เนืองนิกรควบเข้าแต่งตั้งในสนาม ฯ
             

พระมหาอุปราชาจัดกองทัพ

ร่าย
๏ ตามขนบพยุหบาตรา สรรพเสนานามมี เทียบโยธีเจ็ดแถว แนวละเจ็ดกองเป็นขนัด จัดเป็นสี่สิบเก้าทัพ ลำดับดูดาษดา ธให้พระยาจิดตอง พลหมื่นสองพันตน เป็นขุนพลทัพนำ ขี่ประจำคชคง นามมาตงค์ยุมาตาง มางนันทมิตรปีกขวา ขี่คชาปลอกหะละ กะพลให้สี่พัน ปีกซ้ายปันทวยทัพ นับเท่ากันไตรตรา มหานรธาเป็นขุน ขี่กุญชรเนียบพยู่ห์ ผู้ทัพแซงฝ่ายขวา โยธาพันห้าร้อย คะค้อยป้องริปู มางธนูลักขยา ขี่ไอยรามรัดคาน เป็นขุนหาญหัวทัพ แซงซ้ายนับหนึ่งขวา ผู้เป็นนายกไสร้ ให้มางธนูเดชะ ยกพยุหะออกยอ ขี่พลายกลอรายชวา แซงนอกขวาสร่ายกระโลด แซงซ้ายโสดสร่ายกระลาย ถือทนายสินธพ ครบคนละร้อยรายเรียง ขับขึ่เคียงคู่แข่ง ทัพหน้าแต่งแจงจัด ดำเนินถัดทัพนำ ส่ำนิกรสกรรจ์ หมื่นห้าพันดาษตา ธให้พระยาอภัยคามินี คุมโยธีทวยหาญ ขี่สารสัพพางคุลาง เป็นกองกลางพลพฤนท์ สมิงอินทจักรปีกขวา โยธาห้าพันมี นาคีเข็มรัดชวา จัดเป็นพาหนะผาดผ้าย ปีกซ้ายสมิงพ่อเพชร เห็จขึ้นพรายรายผวน จำนวนพลเพียงกัน แซงซ้ายนันทสุระ ขี่สีหนาเคนทร์ เกณฑ์พลพันห้าร้อย แซงขวาน้อยไป่มี มวลพิรีย์เทียมทัด จัดเอาชัยสุระ สุริยะไอยรา เป็นพลาธิบดี แซงนอกมีแสะมาก สร่ายนาคเบื้องทักษิณ สร่ายอินทร์เบื้องอุดร ถือนิกรหมู่ม้า ร้อยห้าสิบเสมอกัน แล้วธให้สรรเกียกกาย ผู้เป็นนายเป็นโบ มางจาชโรพระพี่เลี้ยง เพี้ยงหฤทัยภูธร เถลิงกุญชรพัชเนียง หกศอกเพียงเศษคืบ สองนิ้วสืบสูงเติบ เอิบมันอาบหน้าหลัง โจมจำบังบ้าทัพ ประดับ เครื่องพระคชาธเรศ ปักเศวตบารฉัตร เฉกดั่งขัตติยพันลึก สมิงปราบศึกกลางสาร ควาญสมิงมือเหล็ก เต็กเตือนของ่าง้าง ช้างดั้งกันดาษดา ครบเครื่องราชาปโภค พัดโบกฉัตรชุมสาย รายบังแทรกบังสูรย์ เรืองจำรูญจำรัส แล้วธแต่งกษัตริย์โสฬส ขุนขี่คชคุมพล ทำเป็นกลงำเงื่อน หวังศึกเลื่อนลานหลง ห่อนรู้องค์มหิบาล ล้วนคชาธารปักฉัตร อเนกขนัดเนืองนอง เป็นกองกองเหล่าเหล่า พลเท่าเท่าทุกทัพ สรรพส่ำสรรพศาสตรา ดาพยุหเรียงระยะ สมิงพัตบะขี่สาร รานนิกนางมีนาม สมิงพระรามเถลิงพลาย รายปลอกกระยอเริงร้าย อายพะบูลขี่คชินทร์ สมญานิลลาตอง อายกำกองขี่ช้าง อ้างนามนาคพินาย สามกรายขึ้นคชาชาติ หัษปีสาจสามรรถ สมิงมหาธัธธำรง มิ่งมาตงค์ตอมู ราชามนูเรืองฤทธิ์ ขี่พิจิตรหัสดิน สมิงนครอินทร์เลออาสน์ ดำรีราชสังครำ ขุนประจำพลายกระมัด สมิงสามผลัดออกนาม รอดสังรามขี่คอ ปองกะยอไอยรา สิริพรหมาเกรียงไกร ขี่ชัางชัยมงคล สมิงนนทสุริยะ ขี่พลายสุระหยัดยืน อายกองปืนเถลิงสาร ประจัญมารเป็นอาสน์ สมิงโยคราชเริงรงค์ ขี่พันคงคชเลิศ สมิงพัตเบิดเข้มขัน ขี่พลสบอนันตโยธา อายมนทยาเหินเห็จ พลายธนูเพชรพ่าหน์ พื้นกลั่นกล้าทารุณ ครบสิบหกขุนสิบหกคช ดำรงยศขัตติเยศ ถือขัตติยเพศพิมล เถือกถกลแลสล้าง หน้าช้างมางจาชโร่ ล้วนอ่าโอ่โอฬาร มีคชสารแซงแทรก ดั้งกันแยกยืนยัน ปันเป็นหมวดเป็นหมู่ อยู่บ่คละปะปน แล้วเทียบพลเสนัด ขนัดจ่ารงมณฑก นกคุ่มขานกยาง วางนกโพรงนกสับ ดับพลโล่พลดั้ง ทั้งพลดาบสองมือ คือละพวกละพัน พิศแน่นนันต์เนืองนอง จัดเป็นกองเป็นชั้น บั้นเบื้องหน้าโดยดับ แล้วธแต่งทัพปีกขวา ให้พระยาเมาะตะมะ กะนิกรครบหมื่น เมิลดาษดื่นพสุธา ขี่คชาจำกะยอ ปีกซ้ายพอพลเท่า เจ้าเมืองตะเกิงคุ้มคุม เถลิงละลมแทงคช กำหนดกองแซงขวา เมืองตึกคลาถือทัพ นับทายหาญทวยกล้า สองพันห้าร้อยมี ขี่หัสดีกำยาง แซงซ้ายวางดั้งขวา โยธาเทียบพยหะ เมืองทละเป็นนาย ขี่คชรายเรียบนาง แซงนอกวางแสะเรียง สร่ายละเปียงเป็นขวา สร่ายพรหมาเป็นซ้าย ย้ายดุรงค์แล่นลอง ทั้งโทกองเสมอม้า สองร้อยห้าสิบประมาณ ฝ่ายทวยหาญทัพหลวง ปวงพิริยโจษจน ห้าหมื่นพลคณนา ปีกขวาให้พระยาเกียรติ์ สองหมื่นเดียรดาษพฤนท์ ขี่คชินทร์ประกายมาศ ปีกซ้ายสระพราศพลเพรียง พึงพอเพียงไป่เพิ่ม พื้นหื่นเหิ่มสงคราม พระยาพระรามรณหาญ ขี่สารสิงหนารายณ์ ผายพหลป้องปก เป็นนายกโยธี เจ้าบุรีตองอู รั้งพยูห์แซงขวา แสนยาห้าพันนาย ขี่ตะมายไอยรินทร์ เจ้าธานินทร์มองมละ เถลิงมวะนาเคนทร์ เกณฑ์เป็นแซงซ้ายพล พวกพหลเทียบทัด ถัดแซงนอกเนืองนอง กองอาชาห้าร้อย สร่ายจรประสร้อยขวาทัพ แซงซ้ายนับเทียบทาน สร่ายโลกมานคุมพล หนหน้าพระคชาทรง ส่ำมาตงค์เนื่องขนัด จัดเป็นดั้งเป็นกัน สรรเป็นแซงเป็นแทรก แยกโดดแล่นโจมทัพ สรรพค่ายค้ำพังคา เมิลมหิมาทั้งมวล สำทวยทวนทองเทิด เพริศพู่พรายพะพร้อย สี่ร้อยดูดำเกิง ทวยศรเพลิงโดยดับ ทายนกสับตระแบงแก้ว แล้วจ่ารงล้อลาก มากมณฑกนกยาง วางกุทัณฑ์กำซาบ สมิงสามปราบสามแหลก แยกเป็นกองซ้ายขวา ถือโยธาทวยปืน ยืนสระพราศสระพรั่ง ทวยโล่ดั้งดาบเขน เกณฑ์ขนกลั่นขุนกล้า เลิกพร้าโลกนรินทร์ ธนูศิล์ปอุบากอง สองฝ่ายควบคุมทัพ นับกองละห้าร้อยราย นายขี่คชทุกหมวด ผู้ไตรตรวจพิรีย์ อังวะมังศรีสมิงพัช สองขุนจัดแจงขบวน ประมวลพยุหกองหลาง ตามกระทรวงศึกสรรพ แล้วธแต่งทัพยกกระบัตร จัดเป็นปีกเป็นแซง แวงในนอกโดยขนาด พระมหาราชเชียงใหม่ เป็นขุนใหญ่รั้งพฤนท์ ทรงคชินทร์ชมพูธัช วัดอินทรีย์สูงสืบ หกศอกคืบโดยมี เศษองคุลีหนึ่งนับ ซับมันติดหน้าหลัง บุกจำบังเบือบร หัสดาภรณ์โอฬาร เครื่องคชาธารผูกหมั้น กั้นเศวตฉัตรผ่องแผ้ว พระยาเชียงแก้วกลางสาร แสนหาญใจศึกไสร้ ให้เป็นควาญขี่ขับ สรรพส่ำสารโจษจัน ดั้งกันแทรกแซงสล้าย ปีกซ้ายพระยาเชียงราย ขี่รำชายกุญชร พระยานครลำปาง ขี่มาตางค์กุณฑล เป็นขุนพลปีกขวา ธให้พระยาเชียงของ ถือแซงกองทักษิณ ขี่นาคินทร์สวัสดี ให้ราชีเชียงแขง ถือทัพแซงซ้ายพล ขี่พลายมงคลชาตรี แซงโยธีอัศวะ สร่ายสุกะเป็นขวา คุมอาชายาตรย้าย แซงหนซ้ายสร่ายซัย ขับทวยหัยเหินเห็จ เสร็จแสนยาทั้งผอง เท่ากับกองเกียกกาย กองหลังรายเรียบพยู่ห์ ผู้เป็นจอมโยธี ฟ้าแสนหวีเถลิงยาน สารอุโบสถา ให้พระยาสิบอ ขี่เกียนกะยอนาเคนทร์ เกณฑ์เป็นปีกอุดร ขนนครโมแน ขี่แขแมหัสดิน ปีกทักษิณศึกสู้ ผู้ผ่านเมืองโมเยียง เรียงเรียบพลแซงขวา ขี่ยาตรานาคี เจ้าธานียองยง สถิตมาดงค์เป็นอาสน์ แก้วไกลาสลือนาม ดำเนินวามแซงทัพ ถับแซงนอกเนื่องนอง ส่ำแสะสองฟากฝ่าย สร่ายตะมอดเบื้องขวา เบื้องอุตราสร่ายยักษ์ พรักพิริยอัสดร แสนยากรทั้งทัพ นับกองหน้าเทียบทัน แล้าสรรกองหนุนหลัง รังท่อนท้ายรายเรียบ เทียบพลเท่าทัพนำ ลำเครื่องพหลดาดาษ เมืองเขมราษฎร์เป็นขุน กุญชรแปรเป็นพ่าห์ จ่าปีกซ้ายพระยาพะยาว ถือทายลาวเลอคช สมญายศสิงห์คำ ขนจำนำปีกขวา คือพระยาพะยาก ขี่ขับนาคบุญเรีอง เนืองทัพแซงซ้ายด้าน ให้พระยาน่านนำพิรีย์ เถลิงหัสดีราชา ทัพแซงขวาพระยาสวางค์ ขี่มาตางค์นาทศักดิ์ ภายนอกพรักพรั่งเพรียง เรียงดุรงค์ดาษระดะ สร่ายสิงหะซ้ายแซง แขวงขวาสร่ายละนะจาว ส่ำพลลาวมากมาล ส่ำพลยวนมากหมู่ พลต้องสู่เข้มแขง พลยางแดงเข้มเขี้ยว แสนพลเงี้ยาคลาคล่ำ ส่ำพลเขินคั่งคาม พลพุกามโจษจัน พลรามัญจันโจษ โดดเล่นเต้นตามคะนอง ลองคราอาวุธ หวังยอยุทธ์ชิงชัย เพียบแผ่นไผททั้งมวล ขบวนสรรพเสนา ดากันเป็นเจ็ดทัพ สรรพพลสารส่ำสรรพ์ พันห้าร้อยเรียบราย หมายพลม้าสามพัน เรียงรันสองฝ่ายฟาก มากเมือบขอบท่งท้อง ซ้องแสนยาเทาเท้า เข้าประมวลถ้วนแสนสาม แสนเศิกขามทุกด้าว ดูทหารทห้าว เหิ่มเหี้ยมเสียมแสยง ยิ่งนา ฯ
             

พระมหาอุปราชาเดินทัพ

โคลง ๔
๏ เสด็จแสดงพิริยพ่าห์เพี้ยงไพจิต- ราเฮย
ปองปัจจามิตรแมนมุ่งฟ้า
อมราธิปสึงสถิตเมรุมิ่ง เมืองฤๅ
เสมออยุธเยศหล้าแหล่งไท้เถลิงถวัลย์ ฯ
๏ ผี้ว์บ่นั้นคือเศิกสู้สงคราม โพ้นฤๅ
ปางราพณ์โรมรอนรามเรื่องอ้าง
ทวยทัพเทียบในสนามเสนอเดช นั้นนา
สนั่นแต่เสียงม้าช้างเฉกฟ้าดินสลาย ฯ
๏ พรายแสงศัสเตรศจ้าจับโพยม
ทิวธวัชปัดปานโคมไขว่คว้าง
ทวนมาศดาษดวดโดมดูเถือก แถวแฮ
หอกแห่แลสลับสล้างโล่ดั้งดาบเขน ฯ
๏ เพญพวกพยุหยุทธ์แย้งแผลงผลง
มณฑกนกสับจรงลากล้อ
ทวยธนูกุทัณฑ์ทรงกำซาบ ศรแฮ
หาญศึกฮึกห่อนท้อถดท้ายภายหลัง ฯ
๏ คับคั่งสระพรั่งพรึบพร้อมพลพฤนท์
ดูชระเดียดดื่นดินท่งท้อง
เฉกชโลทกธารินแถวถั่ง มาฤๅ
ปางเมื่อพรรษาซ้องสุดไซร้ไป่มี ฯ
๏ ธุลีฟุ้งเฟื่องห้องเวหา หนแฮ
ชระอับสุริยอาภาเผือดแผ้ว
มลักแลเล่ห์สนธยายามย่ำ ลงฤๅ
คล่ำคล่ำคลาพลแคล้วคลาดคล้ายคลายขบวน ฯ
             
โคลง ๒
๏ ด่วนยาตรพยุหไต่เต้าจากตระพังตรุเหล้า
แหล่งอ้างออกนาม แลนา ฯ
             
โคลง ๓
๏ งามนิกรแต่งตนยลสง่าเศิกเสี้ยน
ใคร่เพ่งใคร่พิศเพี้ยนพ่างเพี้ยงพิศวง อยู่นา ฯ
             
ร่าย
๏ ธงชัยโบกโบยใบ ลั่นฆ้องชัยกังวาน ขานฆ้องกระแตทุกทัพ รับตามหมวดตามกอง กลองชนะครั่นเครงครึก กึกก้องพาทย์อึงอล กาหลแตรแซ่สังข์ ประนังศัพท์เอิกอุด จุดจ่ารงเรียกฤกษ์ กระเกริกเสียงนฤนาท ยาตรพลคชคั่งคาม งามคชาภรณ์สรรพ หมอควาญขับขี่ประจำ สวมเสื้อดำหมวกหมึก พิลึกล้ำแลทมอ มือกุมของ้าวง้าง กลางช้างเทิดทวนทาย พรายพู่แพร้วระยับ พลคชประดับเครื่องเขน เพญแพนมยุรยรรยง เรียบจ่ารงหลังสาร โรมรำบาญลาญทัก หักริปูป่นชนม์ ขุนพลขี่คอคช บรรหารยศยงยิ่ง สิ่งสำอางอ่าอาตม์ เสื้อริ้วมาศเรื้อยชาย ปลายต้นกรทองทาบ โพกผ้าอาบอาคม หมวดศักดิ์สมเศียรเทริด เชิดร่มระบายรายระย้า พิศพลม้ามนมอง สองตราบท่งแถวแซง แขวงขวาซ้ายรายเรียง เพียงม้าแมนม้าเมษฐ์ พิเศษสรรพเครื่องม้า ตาบติดหน้าพรรณราย อานจำลายแลเลิศ เพริศพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังโอฬาร พานท้ายรายดาวมาศ พานหน้าดาษดาวทอง พลอัศวผยองโผนผก ขุนแสะตกแต่งกาย เสอจีบชายฉายฉัน ชมพูพรรณแจ่มจ้า ผ้าโพกสลาสุกล กรครวีแส้ฟาด ถือทวนมาศฟ้อนฟาย ลางเกาะสายศรน้าว ลางง่าง้าวงามงอน ลางโตมรกวัดแกว่ง ลางสะพายแล่งตาวตาง ลางกุทัณฑ์แผลงผลง ขับดุรงค์เริงร่าย ฝ่ายเถมินทวยเท้า เต้าเต็มท่งแถวสถล ต่างแต่งตนอะเคื้อ เสื้อดำแดงดูดาษ ชมพูฉาดขาบเขียว เหลืองเหลือบเหลียวหลายพวก หมวกต่างสีสวมเทริด เทิดธงอินทรธนู ดูพลดั้งคั่งคับ ดับพลโล่คั่งคาม งามพหลง่าง้าว ห้าวพหลหอกแห่ เสโลแหล่หลายสลอน โตมรมากหลากสล้าง ทวยเขนคว้างครวัด ทวยตาวกวัดครวี ส่ำพิรีย์สินาด ดาษดื่นเดินแจจัน แลละพรรค์ละพ้อง ซ้องช้อนซับสับสน พลพิศสุดสายตา เสียงบาทาทวยหาญ เสียงบาทสารแสะสนั่น ลั่นสระทกสระท้าว พ่างพกภูว์แผ่นด้าว ล่มล้มถล่มทลาย แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ หลายหมู่มากมิ่งม้ามาตงค์
สระพรึบพหลดุรงค์ร่านร้าย
ศัสตราวุธทวนธงเถือกถ่อง แถวนา
อเนกนิกรผาดผ้ายเพียบหล้าแหล่งสถาน ฯ
             

สมเด็จพระนเรศารทรงจัดกองทัพ

ร่าย
๏ เบื้องนฤบาลบดินทร์ นรินทร์นเรศวรราช ปางเถลิงอาสน์เกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ เร่งพยู่ห์ตั้งค่าย ฝ่ายหน้าหลังซ้ายขวา ดากันดูดาษเดียร พลางธระเมียรหมู่ม้า ฝ่ายข้าศึกรามัญ ผันผายชายท่งทิว ลิวแล่นกลับฉับเฉียว เหลียวลับเนตรตระบัด ธก็ดำรัสพิภาษ แด่มุขมาตยายง ซึ่งดุรงค์เร็วคลา รอยพระมหาอุปราช ให้มาลาดสืบทัพ กลับเอาเหตุไปแจ้ง จักยุทธ์แย้งใหญ่ยอ พรุกนี้พอฤๅแผก เร่งยกแยกโยธี ทัพพระยาศรีไสนรงค์ ผู้อาจองสามารถ กับพระราชฤทธานนต์ คู่ขุนพลเร่งผ้าย ย้ายแต่ยามราษตรี ตีสิบเอ็ดออกโรม โถมประทะทัพหน้า ข้าศึกดูกำลัง หักให้พังให้พ่าย ฝ่ายพยุหทัพหลวง แต่งตามกระทรวงโดยดับ สรรพแต่ย่ำรุ่งราง ส่ำเสนางค์ทุกนาย รายเรียบพหลพยุหบาตร ตามพระราชกำหนด แต่งตนหมดทุกหมู่ อยู่อธึกดาษดา ครั้น ณ เวลาอุษาโยค จึ่งพระจอมโลกจรรโลง เถลิงเกยโถงเทียบทัพ กับบรมราชอนุชา ตรวจแสนยาเพียบเพญ เบญจเสนางค์เนืองนอง ยี่สิบห้ากองกลากลาด ให้พระยาศรีราชเดโช โยธีถ้วนหมื่นหมาย ขี่พลายโจมไตรภพ ออกโรมรบหัวหน้า ขุนทกล้าปีกซ้าย ฝ่ายพลป้องกองกัน เกณฑ์ห้าพันไตรตรา พระยาพิชัยรณฤทธิ์ สถิตคนาธเรศ สมเญศจบไตรจักร กองปีกปักษ์ทักษิณ พฤนทาเท่าคณนา พระยาพิชิตรณรงค์ เถลิงมาตงค์ขี่ขับ จู่โจมทัพเป็นมุล ขุนนิกรแสะแซง แขวงขวาตั้งตามกระทรวง หลวงจบจักรพาล สิธพยานธำรง สุริยบรรยงก์สมญา ทวยอาชาร้อยเรียง แซงซ้ายเพียงพลรบ หลวงผ่านพิภพพรัง พฤนท์ พาชินทร์หงสพิมาน จัดเป็นยานผกผยอง กองพหลเกียกกาย หมายหมื่นหมู่โยธา ให้พระยาเทพอรชุน เป็นขุนควบคุมทัพ ขี่คชจับโจมยุทธ์ ปีกซ้ายดุจกองหน้า ห้าพันพวกพลไกร พระยาพิชัยสงคราม ถือทัพดามกองเกณฑ์ นามคเชนทร์ผู้พ่าห์ ฝ่าพลแมนเมามัน ปีกขวาปันทวยทัด จัดพระยารามกำแหง เป็นขุนแขงรำบาญ ขี่สารแสนพลพ่าย ฝ่ายซ้ายแซงหมู่ม้า ร้อยห้าสิบมโนมัย หลวงพิชัยมนตรี ขีพาชีอรุณรัศมิ์ ถือทวยอัศวนิกร พลอัสดรแซงขวา ผู้นายกพิรีย์ คือหลวงศรีอัศวเดช เหินหัยเรศปัทมราช สระพราศพฤนท์เพียงกัน แล้วให้สรรทัพหลวง ปางพลเสร็จเจ็ดหมื่น ดื่นพหลแหล่หลาย ปลายเชือกหน้าคชาธาร เกณฑ์กองหาญหักศึก ฮึกเหี้ยมหนรณโรม เอาขุนโจมจัตุรงค์ ขี่มาตงค์เป็นขุน นามพลายกุญชรชัย ถือพลไกรเขนทอง กองขวาห้าร้อยเรียง ซ้ายพลเพียงพอกัน สรรขุนทรงเดชะ เถลิงพาหนะเชี่ยวชัย ช้างชื่อไกรสรเดช เป็นเชษฐพฤนทาทัพ ถับทวยปี่กลองชนะ กะนิกรซ้ายขวา ห้าร้อยดาดูสล้าง สองตราบข้างแถวทาง วางเท่ากันเดียรดาษ ให้พระราชมานู นำพยูหดำเนิน เหินเหนืออาสน์ไอยรินทร์ นามหัสดินพิษัย ทวยท้ายไดดั้งถือ มือกระลึงโล่สล้าง คว้างครวีตาวตระแบง แขวงซ้ายขวาห้าร้อย ต้อยดำเนินเนื่องขนัด จัดหลวงเผด็จสงคราม ขี่คชนามบุญยิ่ง มิ่งมงกุฎมาดงค์ ดำรงหลวงรามพิชัย อภัยขุนคุมทัพ ดับกองอาสาจาม ห้าร้อยตามกันเต้า ผู้เป็นเผ้าพลขันธ์ พระราชวังสันกลั่นแกล้ว ขี่คชแก้วมาเมือง เนืองญี่ปุ่นอาสา โยธาเท่าเพียบเพญ เกณฑ์พระเสนาภิมุข ถือพิริยรุกโรมรอน เถลิงกุญชรชื่อเลื่อง เฟื่องภพตรัยชัยชาญ ถับทวยหาญทะลวงฟัน ขันคู่ใจจอมภพ ครบร้อยสามสิบหกนาย ทายโล่สี่สิบสอง ทายเขนทองเทิดทัด ถัดทายตาวสองมือ คือห้าสิบสองนับ ดับหัวหมื่นพันทนาย หมายสี่หมู่พระตำรวจ ตรวจกันแต่งตนถ้วน ล้วนสะพายแล่งตาว ทวนทองยาวจำทาย ห้าร้อยรายเรียงขนัด แล้วธให้จัดไอยรา เจ้าพระยาไชยานุภาพ อาบมันติดเต็มตน ทรงพหลเหี้ยมหาญ ประมาณหกศอกคืบ สืบสูงสองนิ้วนับ ประดับเครื่องคชาธารเทิด เศวตฉัตรเชิดอัมพร กลางกุญชรฝ่ายเฝ้า เจ้ารามราฆพสถิด ทิศท้ายนายมหานุภาพ กราบเอางานควาญขับ สรรพแวงองครักษ์ราช จัตุลังคบาทบริบาล งานมหาเทพบูรณ์เฉวียง เฉียงขวาพระมหามนตรี เท้าหัสดีปฤษฎางค์ สองเสนางค์จำนำ สดำหลวงอินทรเทพ เสพหนซ้ายหลวงพิเรนทร์ เกณฑ์ประจำเชิงคช เผยอพระยศยรรยง ฝ่ายสารทรงนฤนาถ พระบาทเอกาทศรุถ อิศวรวิสุทธ์กษัตรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร โจมปรปักษ์บกบาง สรรพางค์หกศอกคืบ สูงสืบซับมันเมา ผูกเครื่องเพราพรายเพริศ คชาธารเทิดธำรง เศวตฉัตรทรงเทริดฟ้า นายทกล้ากลางคช บัญญดิยศโดยศักดิ์ หมี่นภักดีศวรราธ ควาญคชาชาติท้ายถือ คือขุนศรีคซคง องครักษ์สี่บาทสาร หลวงพรหมธิบาลหน้าซ้าย ท้ายขุนอินทรรักษา ขวาหน้าหลวงอินทรธิบาล ท้ายสารขุนพรหมสุรินทร์ ล้อมเชิงคชินทร์บริรักษ์ พรักเครื่องพระอภิรุม ชุมกรรภิรมย์เรียง เรียบ เพียบพิริยคชาชาญ สารโดดแล่นโจมทัพ ดับดั้งกันโทขบวน มวลมหิมามาตงค์ อลงกตคชาภรณ์ เถือกทินกรเรืองระยับ ปีกขวาทัพเจ้าพระยา มหาเสนาเถลิงสาร มารประลัยเลิศลือ ถือพลหมื่นห้าพัน ปกป้องกันซ้ายฝ่าย จ่ายจัตุรงค์เทียมเท่า ให้เจ้าพระยาจักรี เห็จหัสดีแสดงเดช สมเญศไฟภัทรกัลป์ สรรกองแซงแขวงขวา พระยาศรีสุริยพาหะ ถืออัศวพลพฤนท์ ขี่พาชินทร์พลาหก ยกพยุหหมู่ม้า สองร้อยห้าสิบผ้าย แซงซ้ายพระสินธพ ทายพลรบดุรงค์ คงคู่ขวาคลาคลี่ ขี่ควบขับอาชา วิเวกเวหาเหินผยอง แล้ว ธ จัดกองยุกกระบัตร โยธาทัดเกียกกาย ผู้เป็นนายทัพไสร้ ให้เจ้าพระยาพระคลัง เลอหลังกุญชรศักดิ์ จักรมหึมามีนาม พระราชสงครามปีกขวา ขี่ไอยราราชยาน พลายสังหารคชสีห์ ห้าพันมีหมู่พล หนปีกแขวงแวงวาม เอาพระรามรณภพ ครบเท่าเทียมโยธี ขี่พลายมณีจักรพรรดิ ถัดทัพแซงสองฟาก มากนิกายกองม้า ร้อยห้าสิบเสมอมี ขุนพิรียดุรงค์ เอาหลวงทรงพลราช อาชาชาติเป็นยาน อากาศพิมานสมญา อยู่หนขวาทัพแซง ขุนแวงซ้ายขนัดขนาบ เอาหลวงปราบพลแสน ขี่ม้าแมนยืนยัน นามอนันตสิงหาสน์ หนพยุหบาตรกองหลัง ผู้รั้งพฤนทโยธา คือพระยาท้ายน้ำ ค้ำคอยหนุนเนื่องพล ขี่พาหนเหี้ยมหาญ สารสวัสดิวิชัย เทียบพลไกรหมื่นมวล ปีกขวาขบวนกองขัน ห้าพันเทียบทัพชัย หลวงหฤทัยสถิตสาร ทรงภูบาลห้าวฮึก เป็นขุนศึกโรมรณ ปีกซ้ายพลเทียบทัด จัดหลวงอภัยสุรินทร์ เป็นพิริยพฤนทามาตย์ พารณราชนามกร สารภูธรเป็นพ่าห์ กล้าศึกสู่สงคราม แซงทัพวามไวแว่น แกว่นนิกรหมู่ม้า ร้าอเรนทร์เมือมรณ์ หลวงสุนทรสินธพ ถือทวยรบหัยรงค์ ขี่แสะทรงสมญา เมฆมาลาเลิศลักษณ์ แซงทัพทักษิณด้าว ห้าวหัยหาญชาญเชี่ยว รวดเร็วเรี่ยวเริงแรง ขุนผู้แขงควบยุทธ์ หลวงวิสุทธิอัสดร เถลิงบวรอาชา ชื่อเมฆาพิลาป พิศภาพผ่านพึงใจ มวลมโนมัยเท่าทัด สองฟากขนัดขนาบแนว แถวท่งท้องนองเนื่อง เฟื่องผงคลีคลุ้มฟ้า หล้าแหล่งลั่นกำธร ทวยกุญชรทุกทัพ นับแปดร้อยจ่ายแจง สำแสะแซงครามครัน พันห้าร้อยเรียงเรียบ ทวยเท้าเทียบทั้งผอง สิบห้ากองดาษดื่น สิบแปดหมื่นมวลหมาย ทายส่ำสรรพาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยรรยง รายจ่ารงมณฑก นกคุ่มขนัดฉัตรชัย ไสวนกสับสลับสล้าง หามแล่นคว้างไขว่คระแวง ตระแบงแก้วเกลื่อนกลากลาด สระพราศพิริยพันลึก ศึกสยบสยอนห่อนใกล้ เถกิงนิกรทัพไท้ ธิราชเพี้ยงพลสรวง แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ปวงพหลรณเรศห้าวหื่นหาญ ศึกแฮ
ดูดั่งพลมัฆพานผ่านฟ้า
ปางผายพยุหแผลงผลาญอสุรเศิก เสมอฤๅ
โรมอเรนทรใต้หล้ากลอกเกล้าแกลนหนี ฯ
๏ ฤๅตรีภพนาถเจ้าจักรา วุธเฮย
โหมสิบเศียรลงกาก่นมล้าง
พลพระพ่างพลพานรพร่ำ เพรงพ่อ
เผด็จอมิตรอาจอ้างออกเอื้อมเอาเสมอ ฯ
๏ หลั่งเลอลีลาศเต้าเต็มพฤนท์
สระพรั่งพิริยหัสดินดื่นม้า
พลตีนตากธรณินเนื่องเนิ่น แนวแฮ
เทียวธวัชปัดป่วนฟ้าฟ่องเฟื้อยปลายปลิว ฯ
๏ ทิวทวนทองถ่องท้องอัมพร
แสนส่ำศัสดรดูอะเคื้อ
ดาบดั้งดาบสองกรเถกิงดาบ เขนแฮ
ดาบโล่โตมรเงื้อง่าง้าวขาวคม ฯ
๏ ระดมรดาษเที้ยรเถมินเชิง
ชูสินาดดำเกิงกาจกล้า
น้าวนกยกชุดเพลิงไกวกวัด อยู่แฮ
หามแล่นแว่นไวถ้าออกเข้าคือภมร ฯ
๏ ไฟศรสามรรถแม้นธนูรา เมศฤๅ
ชัยฉัตรรัตนจินดาชื่ออ้าง
จรงเรียบเทียบทางถลาล้อลาก หลายแฮ
มณฑกนกคุ่มล้างลวกเสี้ยนเศิกกษัย ฯ
๏ หัยคชบทบาทเบื้องทวยสถล
เพียงพกภูวดลแดนท่งท้อง
ธุลีเลวงอนธการก่อ เกิดแฮ
หนแห่งเวหาสห้องกลัดกลุ้มเกลื่อนสูรย์ ฯ
๏ มั่วมูลพลเพียบพื้นรัถยา
ขนัดนิกรโยธาเทียบไว้
เฉกกระแสสมุทรสาครคลื่น คลาแฮ
คอยฤกษ์เบิกพยุหไท้ธเรศแคล้วคลายขบวน ฯ
             

ทัพหน้าไทยปะทะทัพหงสาวดี

ร่าย
๏ ส่วนพระยาศรีไสยณรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมูล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลั่งพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนและสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกชักคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปักกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร่า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้ ต่าวคู่คู่ต่าวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่างบเกรงบกลัว ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร ขานเสียงศึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโหม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไขว่แคล้ว แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขนต่อแขนหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสมรรถมือทาน ผลาญกันกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหย่อน ต่างต่อกรฮึดฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะศึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบ่มิแตก แยกยุทธ์แย้งบ่มิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขกเด็ด บอยากกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผออกรลบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลากเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา ฯ
             
โคลง ๒
๏ พันลึกล่มลั่นฟ้าเฉกอสุนีผ่าหล้า
แหล่งเพี้ยงพก แลนา ฯ
๏ ดังตรลบโลกแล้ฤๅบ่ร้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา ฯ
๏ สองฝ่ายหาญใช่ช้าคือสีหสู้สีหกล้า
ต่อแกล้วในกลาง สมรนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ปางอุภัยภูเบศเบื้องบูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณร่างเรื่อ แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อมนอบนิ้วเสนอทูล ฯ
๏ เชิญไท้ยูรยาตรเต้าเตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธารเพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสานสังข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้องเกริกหล้าหวั่นไหว ฯ
๏ ภูวไนยสวมเครื่องถ้วนอลง กรณ์เอย
สำหรับราชรณรงค์เลิศแล้ว
สอดใส่สนับเพลาทรงภูสิต แลนา
ฉลองพระองค์ตาดแพร้วเพริศพร้อยพรายทอง ฯ
๏ เรืองรองเจียระบาดช้อยชายกระสัน
รัตพัสตร์รัตนสุวรรณเวียดอ้อม
สังวาลวิวิธพรรโณภาส เฉวียงนา
ประดับมณีนพพร้อมพร่างรุ้งฉานฉาย ฯ
๏ พรายแพร้วแก้วนิ้วท่านธำมรงค์
นพรัตน์รัตนควรคงคู่หล้า
มาลาลักษณะผจงกรวิก วาลแฮ
เสร็จเสด็จสู่เกยถ้าฤกษ์ผ้ายพลหาญ ฯ
๏ รวิวารวราวุธไท้ธนูทรง
คือคู่ชัยยุทธยงเยี่ยงท้าว
ทวยแสนส่ำจัตุรงค์เรียงเรียบ อยู่นา
อเนกพหลหื่นห้าวหั่นเสี้ยนศึกสลาย ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงบัญชาให้ทัพหน้าถอย

ร่าย
๏ ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเช่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอไสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่ามอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่งมา ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทับดัสกร เข้าราญรอมรุมรุก คลุกคลีกันหนักหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหาร ท่านนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ บนานต่างตนผ้ายไปบ่รอรั้งท้าย
ถี่เท้าผาดผัง มานา ฯ
๏ ผันหลังแล่นแผ่ผ้านบมีผู้อยู่ต้าน
ต่อสู้สักตน หนึ่งนา ฯ
             
โคลง ๓
๏ พวกพลทัพรามัญเห็นไทยผันหนีหน้า
ไปบ่หยุดยั้งช้าตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา ฯ
๏ ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อยเร่งเต้าตีนตาม มานา ฯ
๏ แลหลังหลามเหลือนับบเป็นทัพเป็นขบวนแท้
ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา ฯ
๏ หมายละเลิงใจอาจประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
เบาเร่งเบาเชิงชั้นชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงเคลื่อนกองทัพหลวง

โคลง ๔
๏ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้ากษัตรา
เถลิงพิภพทวาราเกริ่นแกล้ว
สถิตเกยรัตนราชาอาสน์โอ่ องค์เอย
คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้วแผ่นพื้นหาวหน ฯ
๏ บัดดลวลาหกซื้อชระอับ อยู่แฮ
แห่งทิศพายัพยลเยือกฟ้า
มลักแลกระลายกระลับลิวล่ง ไปเฮย
เผยผ่องภาณุเมศจ้าแจ่มแจ้งแสงฉาน ฯ
๏ คัคนานต์นฤราสร้างราคิน
คือระเบียบรัตนอินทนิลคาดไว้
บริสุทธิ์สร่างมลทินถ่องโทษ อยู่นา
นักษัตรสวัสดิเดชได้โชคชี้ศุภผล ฯ
             
ร่าย
๏ ดลมหามหุติวิชเยศ จึ่งทวิชเชษฐ์เนมิตก ผู้ชำนินิตยศาสตร์ไสย ลั่นฆ้องชัยเฉลิมฤกษ์ เบิกบรรดากจรลี อินทรเภรีคึกขาน บรรสานศัพท์แตรสังข์ ประนังโพนพาทย์ดุริยา จึ่งบรมนราธิเบศ เชษฐ์อดิศรนรินทร์ ธก็ทรงคชินทรเจษฎา เจ้าพระยาไชยานุภาพ ปราบอเรนทร์ลาญปาน บัดนฤบาลบพิตร กนิษฐราชาธิราช เสด็จเถลิงอาสน์ไอยรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร เป็นอัครยานยรรยง อลงกตหัตถาภรณ์ อลงกรณ์ราชูปโภค โดยขัติตยโยคพิชัยยุทธ์ ราชกบี่ธุชทักษิณา พระครุฑพาหน์หนซ้าย ย้ายเนาาพ่าห์หว่างธวัช เสมาธิปัตเบื้องสดำ ฉัตรชัยประจำฝ่ายเฉวียง เรียงขนัดพระอภิรุม ชุมสายฉัตรจามร บังรวิวรบังแทรก แยกกันเดินคู่เคียง เรียงหนหน้าแหล่หลาย รายหนหลังแหล่หลาก ฟากหนช้ายดาษดา ฝ่ายหนขวาดาษเดียร ระเมียรหมู่มาตงค์ อลงกตเครื่องสาร ล้วนโอฬารแลถกล พลคชดั้งดำเนิน เมิลหมอควาญขี่ขับ เสื้อหมวกสรรพสวมเทริด สีแดงเลิศสักหลาด ฉาดทอแสงทินกร ของ้าวงอนง่ารำ นายจำนำกลางสาร ทานทวนเทิดจำทวย พู่สลัดสลายฟูเฟี่อง พลคชเครื่องจำลอง ผูกเขนทองจำหลัก ปักแพนหางมายูร ทูนจ่ารงบรรทุก บุกจำบังพังพ่าย ฝ่ายขุนทัพขุนพล ตนและตนขี่คซ สวมหมวกยศยรรยง ลางขลิบวงเวียดหัว ลางตัวใส่เสื้อสนอบ ขอบหักทองเถือกทาบ ลางเข้มขาบเสื้อสวม กรวมศอคล้องทองประคำ ขอประจำกรจับ สัปทนกั้งบังตะวัน กรรชิงทานโทเทียบ พลอัศวเรียบรายแซง ซ้ายขวาแขวงขนาบเนื่อง เครื่องครบอัสสาภรณ์ อลงกรณ์ติดตาบ พู่ผูกยาบยะยับ พานหน้าประดับดาวคำ พานท้ายประจำดาวมาศ ศีรษะคาดขลุมสวม นวมเบาะอานกุก่อง สายง่องคล้องสายเหา สายถือเพราผูกร้อย สองข้างห้อญโกลนพนัง ขุนขี่หลังอ่าอาตม์ กรองทองคาดโพกพัน เสื้อสุวรรณกรวมกาย ลายอัตลัดจรัสดวง ควงแส้ร่อนฟ้อนฟาด ชูสินาดนกน้าว ลางเงือดง้าวกลับกลอก ลางหันหอกกาัดกวาย ลางทวนทายแทงท่า ลางตาวง่าทีฟัน ลางกุทัณฑ์เกาะกร ลางกุมศรสายก่ง สองฟากท่งทิวเทิน แสนสาเถมืนทวยเท้า เต้าปะปนพลสาร สวมอลงการเสื้อหมวก พวกละอย่างต่างกอง ลางสีทองบรรเทือง ลางเหล่าเหลืองพิลาศ ลางเหล่าฉาดชมพู ลางเหล่าดูแดงฉัน ลางเหล่าพรรณพื้นเมฆ ล่างเหล่าเฉกสุกสลา ลางเหล่าดาดดำดื่น ลางเหล่าทะมื่นม่วงทมอ สระกอกันเพีรยงพรู ดูพลโล่สะพรั่ง ดูพลดั้งสระพราศ ดาษพลดาบเพียบเพญ ดาษพลเขนเพียบภู พลธนูเนืองนันต์ พลกุทัณฑ์เนืองนับ ตับพลหอกหันห้าว ดับพลง้าวเงื้องาม หลามทวยทานทองปลั่ง หลั่งทวยธวัชปัดปลิว ทิวทวยปืนดื่นเดิน เมิลคาบหินหาญยุทธ์ เมิลคาบชุดชาญศึก พันลึกเหล่าหามแล่น แกว่นล้อลากมากหมู่ อยู่อธึกไกรเกรียง เสียงส่ำสารร่านร้อง ซ้องเสียงแสะส่ำเทียน ก้องกงเกวียนปืนปั่น ลั่นเท้าพลต่างเต้า โหมโห่เร้าอึกอึง ตึงปืนฤกษ์เกริกแหล่ง ฆ้องขานแข่งสำเนียง เสียงกลองชนะนี่สนั่น หวั่นหวาดไหวใช่น้อย เทียมพสุธาดลด้อย ค่นค้านฤๅคง อยู่นา ฯ
             
โคลง ๔
๏ ยรรยงพยุหยาตรย้ายยอขบวน ทัพนา
นองน่านสารแสะมวลมากผู้
สรรพาวุธธงทวนทายเทิด เถลิงแฮ
ตนและตนอาจสู้ศึกร้อยฤๅขาม ฯ
             
ร่าย
๏ เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ จึ่งไทเทเวศอ้างสมมุติ
มิ่งมหิศวรมกุฎเกศหล้า
เถลิงภพแผ่นอยุธย-ยายิ่ง ยศแฮ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้าเฟื่องด้าวดินไหว ฯ
๏ ภูวไนยผายโอษฐ์อื้นโชยงการ
แก่เทพทุกถิ่นสถานฉชั้น
โสฬสพรหมพิมานกมลาสน์ แลนา
เชิญช่วยชุมโสตซั้นสดับถ้อยตูแถลง ฯ
๏ ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้มาอุบัติ
ในประยูรเศวตฉัตรสืบเชื้อ
หวังผดุงบวรรัตนตรัสเยศ ยืนนา
ทำนุกพระศาสน์เกื้อก่อสร้างแสวงผล ฯ
๏ กลใดไป่ช่วยแผ้วนภา ดลฤๅ
ใสสรว่างธุมามืดม้วย
มลักเล็งเหล่าพาธาทวยเศิก สมรแฮ
เห็นตระหนักเนตรด้วยดั่งนี้แหนงฉงาย ฯ
๏ พอถวายวรวากย์อ้างโอษฐ์พระ
ดาลมหาวาตะตื่นฟ้า
ทรหึงทรหวลพะ-พานพัด หาวแฮ
หอบธุมางค์จางเจ้าจรัสด้าวแดนสมร ฯ
๏ ภูธรเมิลอมิตรไท้ธำรง สารแฮ
ครบสิบหกฉัตรทรงเทริดเกล้า
บ่จวนบ่จวบองค์อุปราช แลฤๅ
พลางเร่งขับคชเต้าแต่ตั้งตาแสวง ฯ
๏ โดนแขวงขวาทิศท้าวทฤษฎี แลนา
บัด ธ เห็นขุนกรีหนึ่งไสร้
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์เรียงคั่ง ขูเฮย
หนแห่งฉายาไม้ข่อยชี้เณอนาม ฯ
๏ ปิ่นสยามยลแท้ท่านคะเนนึก อยู่นา
ถวิลว่าขุนศึกสำ-นักโน้น
ทวยทัพเทียบพันลึกแลหลาก หลายแฮ
ครบเครื่องอุปโภคโพ้นเพ่งเพี้ยงพิศวง ฯ
             
โคลง ๒
๏ สองสุริยพงศ์ผ่านหล้าขับคเชนทร์บ่ายหน้า
แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา ฯ
๏ ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้าพักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า
สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา ฯ
๏ ไพรีเร่งสาดซ้องโซรมปืนไฟไป่ต้อง
ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงชนช้างกับพระมหาอุปราชา พระมหาอุปราชาขาดคอช้าง

โคลง ๔
๏ นฤบาลบพิตรเผ้าภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถาท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา-ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้องขุ่นแค้นคำไข ฯ
๏ อ้าไทภูธเรศหล้าแหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยงย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวงหวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้วเผือดกล้าแกลนหนี ฯ
๏ พระพี่พระผู้ผ่านภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุดร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธิ์เผยยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้สุดสิ้นฤๅมี ฯ
๏ หัสดีรณเรศอ้างอวสาน นี้นา
นับอนาคตกาลห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหารคชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้องตราบฟ้าดินกษัย ฯ
๏ ไว้เป็นมหรสพซ้องสุขศานติ์
สำหรับราชสำราญเริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบานประดิยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้งแต่หล้าเลอสรวง ฯ
๏ ป่วงไท้เทเวศทั้งพรหมมาน
เชิญประชุมในสถานที่นี้
ชมชื่นคชบำราญตูต่อ กันแฮ
ใครเชี่ยวใครชาญชี้ชเยศอ้างอวยเฉลิม ฯ
๏ หวันเริ่มคุณเกียรติก้องกลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คงคู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรงภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้าเรื่องรู้สรเสริญ ฯ
๏ ดำเนินพจน์พากย์พร้องพรรณนา
องค์อัครอุปราชาท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา-นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้งด่วนด้วยโดยถวิล ฯ
๏ หัสดินปิ่นธเรศไท้โททรง
คือสมิทธิมาตงค์หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือศิริเมขล์มงคลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้างไขว่แคว้งแทงโถม ฯ
๏ สองโจมสองจู่จ้วงบำรู
สองขัตติยสองขอชูเชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดูไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำเข่นเขี้ยวในสนาม ฯ
๏ งามสองสุริยราชล้ำเลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตรศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้างอื่นไท้ไป่เทียม ฯ
๏ ขุนเสียมสามรรถต้านขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยงหย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบงอังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าวท่านสู้ศึกสาร ฯ
๏ คชยานขัตติเยศเบื้องออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทันเหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้งคู้ค้ำคางเขิน ฯ
๏ ดำเนินหนุนถนัดได้เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศตกด้าว
เสด็จวราฤทธิ์รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าวอยู่เพี้ยงจักรผัน ฯ
๏ เบื้องนั้นนฤนาถผู้สยามมินทร์
เบี่ยงพระมาลาผินห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้องปัดด้วยขอทรง ฯ
๏ บัดมงคลพ่าห์ไท้ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัดตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัดคอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ท่วงท้อทีถอย ฯ
๏ พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่านในรณ
บัดราชฟาดแสงพล-พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดลเผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสางข้อนขาดด้าวโดยขวา
๏ อุรารานร้าวแยกยลสยบ
เยนพระองค์ลงทบท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบสังเวช
วายชิวาตม์สิ้นสุดสู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
๏ บั้นท้ายคชาเรศท้าวไทยไผท
ถึงพิราลัยลาญชีพมล้าง
เพราะเพื่อพิพิธไพ-รีราช แลนา
โซรมสาดตราดปืนขว้างตอกต้องตนสลาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้องนฤบาล
แสดงยศคชยุทธยานยาตรเต้า
มางจาชโรราญฤทธิ์ราช แลฤๅ
เร็วเร่งคเชนทรเข้าเข่นค้ำบำรู ฯ
๏ บัดภูธเรศพ่าห์ได้เชิงชน
ลงล่างง้างโททนต์เทิดใต้
พัชเนียงเบี่ยงเบนตนเซซวน ไปแฮ
หัวปั่นหันข้างให้เพลี่ยงพลั้งเสียที ฯ
๏ ภูมีมือง่าง้าวของอน
ฟันฟาดขาดคอบรบั่นเกล้า
อินทรีย์ซบกุญชรเมือชีพ แลเฮย
เผลพระเกียรติผ่านเผ้าพี่น้องสองไท ฯ
๏ ทันใดกลางคชเจ้าจุลจักร
มลายชิพิตลาญทักท่าวซ้ำ
เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ปืนป่าย เอาเฮย
ตรึงอกพกตกขว้ำอยู่เบื้องบนสาร ฯ
๏ พระราญอริราชด้วยเดโช
สี่ทาสสนองบาทโทท่านท้าว
พระยศยิ่งภิยโยผ่านแผ่ ภพนา
สองรอดโดยเสด็จด้าวศึกสู้เสียสอง ฯ
             

ทัพหงสาวดีแตก

ร่าย
๏ จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่ล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตายหลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกภายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา ฯ
             
โคลง ๒
๏ เห็นประภาพเจ้าช้างเชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง
เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา ฯ
๏ ขวัญหนีดีฝ่อพ้นพวกอเรนทร์ด่วนด้น
ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯ
             
ร่าย
๏ ชวนกันผันกันผาย แลนา ชวนกันขจายขจัด แลนา ชวนกันกระพัดกระเพิน แลนา ชวนกันเกริ่นกันเกรียว แลนา บเหลียวหลังมาร้า แลนา บกลับหน้ามาราญ แลนา บอยู่ทานมือรบ แลนา บอยู่ทบมือรอน แลนา มรณ์ด้วยดาบเหลือหลาย แลนา ตายด้วยหอกเหลือหลาก แลนา มากปืนต้องอนันต์ แลนา ครันทานถูกอเนก แลนา เฉกฟางฟอดทอดไฟ ฟูมไผทถั่งท้น พ้นคะเนคะแนน แกลนเดชไททุกผู้ บมีใครรอสู แต่ตั้งตื่นหนี สิ้นนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ นฤบดีดำรัสให้ขุนพล
ควบพยุหพหลไล่มล้าง
เสร็จเสด็จสู่ตำบลถิ่นทัพ ท่านนา
ปูนชอบกอบชื่อช้างคู่ค้ำเข่นเข็ญ ฯ
๏ เป็นศักดิ์สมด้วยเผด็จปัจจา มิตรเอย
นามชื่อปราบหงสาเรียกร้อง
คือยอดขัตติยพาหนเห็จ ศึกแฮ
เฉลิมพระเกียรติเกริกท้องธเรศรู้สบสถาน ฯ
             
ร่าย
๏ ฝ่ายทวยหาญทุกทัพ กับขุนพลทุกนาย รายกัน ตามกันติด ประชิดทัพรามัญ ฟันแทงฆ่าริปู โดยแดนผลูเหลือแหล่ แด่ตระพังตรุค่ายตั้ง กระทั่งถึงกาญจนบุรี ผีกลากลาตพสุธาร ประมาณสองหมื่นเศษ จนสิ้นเขตภพท่าน ด่านเจดีย์สามองค์ คงจับเป็นก็หลาย ทั้งนายทัพและไพร่ ได้เมืองมล่วนผู้ควาญ สารทรงองค์อุปราช ได้คชขนาดใหญ่ล้วน หกศอกถ้วนสูงสกนธ์ สามรัอยตนไตรตรา อาชาสองพันปลาย หลายศาสตรานานาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยานยั่ว ทั่วทุกสิ่งส่ำสรรพ์ อนันต์อเนกเนืองนอง มาทูลละอองบาทท้าว ด้าวถิ่นทัพพลับพลา ทั่วมาตยาทุกผู้ แถลงที่ศึกไป่สู้ สร่างเฝั้ยนเตียนตะเลง แลนา ฯ
             

พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร

โคลง ๔
๏ ราชาชัเยศอื้นโองการ
รังสฤษฏ์พระสถูปสถานทึ่มล้าง
ขุนเข็ญคู่รำบาญสวมศพ ไว้แฮ
หนตระพังตรุสร้างสืบหล้าแหล่งเฉลิม ฯ
             
ร่าย
๏ เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้าฟู่ภพ
ตระบัดบพิตรปรารภชอบพ้น
เจ้ารามราฆพคงคู่ เสด็จนา
ตำแหน่งกลางช้างต้นต่อด้วยดัสกร ฯ
๏ กุญชรวรพ่าห์ท้ายเถลิงงาน
องค์อนุชนฤบาลบั่นเสี้ยน
ขุนศรีคชคงชาญชเยศ ยิ่งนา
สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยนเพื่อนไท้ในรณ ฯ
๏ สองผจญอริราชด้วยโดยเสด็จ
คุณขอบตอบบำเหน็จท่านให้
ครบเครื่องอุปโภคเสร็จทุกสิ่ง สรรพแฮ
เงินและทองทาสใช้อีกทั้งทวยเชลย ฯ
๏ แล้วเผยพจนารถชั้นบรรหาร
ยกชอบกอบบำนาญที่ม้วย
นายมหานุภาพควาญกลางคช หนี่งนา
หมื่นภักดีศวรด้วยศึกสู้เสียตน ฯ
๏ บัดดลดำรัสให้ปูนยศ
ทรัพย์สิ่งศรีสำรดทั่วทั้ง
บุตรทารท่านแทนทดความชอบ เขานา
สมที่ภักดีตั้งต่อเหง้าเผ่าเฉลิม ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรให้ปรึกษาโทษแม่ทัพนายกอง

ร่าย
๏ เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ โองการท่านสั่งให้ปรึกษา
โทษทุกทวยมาตยาทั่วผู้
ลูกขุนรับบัญชาเชิญกฎ ออกเอย
ค้นขนบจบเจนรู้รีตตั้งแต่ปาง ฯ
๏ วางบทปรากฏอ้างอัยการ เศิกแฮ
พบราชกฤษฎีกาขานโทษไว้
เกณฑ์ใครควบในงานยุทธยาตร พระนา
ไปบ่ทันเสด็จไสร้สู่สู้ศึกผจญ ฯ
๏ ตนนั้นอุกฤษฏ์แท้โทษา
ถึงประหารชีวาวอดม้วย
จงเห็นประจักษ์ตาตามโทษ เขาแฮ
ใครอย่าดูเยี่ยงด้วยดั่งนี้แหนงตาย ฯ
             
โคลง ๒
๏ ถวายพิพากษาชั้นดำรัสโดยเหตุหั้น
แห่งเบื้องบันทึก โทษนา ฯ
๏ คำนึงนึกบาปใกล้วันบัณรสีไซร้
จวบเข้าควรงด หน่อยนา ฯ
๏ กำหนดพรุกเพ็ญแท้พันธนาไว้แล้
ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา ฯ
             
โคลง ๓
๏ ตั้งแต่ปาฏิบทล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว
เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้วคลาดด้าวดำเนิน บทนา ฯ
             

สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ

ร่าย
๏ ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรมพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอยศูรย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยล เยี่ยงนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ สมเด็จพนรัตเจ้าจอมชี
ฉลองพจน์ราชวาทีท่านให้
ทวยทูลละอองธุลีบัวบาท พระนา
พื้นภักดีต่อใต้บทเบื้องเรณู ฯ
๏ ดูผิดไป่รักท้าวไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรงห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเองอำนาจ พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้องเกียรติอ้างอัศจรรย์ ฯ
๏ เฉกพระสรรเพชญผู้ธรรมิศร
เถลิงอาสน์อปราชิตภาคใต้
วรพฤกษโพธิโมลิศเฉลิมโลก แลเฮย
เสวยวิมุตติลาภได้เผด็จเสี้ยนเศิกสมร ฯ
๏ ปางอมรมั่วหมื่นถ้วนจักรพาล
สถิตที่มณฑลสถานแท่นหญ้า
สายัณห์หมู่แมนมารมาแวด วงแฮ
หวังประยุทธ์โรมร้ารวดรื้อบัลลังก์ ฯ
๏ ผิวทั้งทวยซ้องสบสวรรค์
ชนะแต่บาบีพรรค์พรั่งพร้อม
ไป่เป็นมหัศจรรย์เจริญเกียรติ พระนา
เพราะอมรหากห้อมหากให้ชัยเฉลิม ฯ
๏ ดาลเพิ่มคุณยศไท้ธรรมรา ชาแฮ
เผอิญมรุคณะธาดาพ่ายผ้าย
เสด็จเหนือรัตนพุทธาอาสน์เอก องค์เอย
ขจัดอมิตรหมู่ร้ายเร่งต้อนตนหนี ฯ
๏ โยธีบารเมศล้วนดึงสา สิ้นแฮ
ขันเข่นมวลมาราอะคร้าว
ธรณินทรพนิดาดาลน่าน น้ำเฮย
ถั่นท่วมทั่วธเรศด้าวหลั่งล้นเลอสถาน ฯ
๏ สมภารสมโพธิพ้นพรรณนา
รังสฤษฏ์พระสมญาแพร่พร้อง
สรรเพชญพิชิตมาเรศเรียก นามฤๅ
สนั่นสำเนียงเกียรติก้องเกริกหล้าแหล่งละเวง ฯ
๏ ครั้นเครงนฤโฆษอื้ออัศจรรย์
จบภวัครไกวัลภพพ้น
เบื้องขวางเขตอนันต์เนื่องจักร พาลแฮ
หนต่ำด่ำดึ่งด้นภาคพื้นอเวจี ฯ
๏ พระตรีโลกนาถแผ้วเผด็จมาร
เฉกพระราชสมภารพี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญอรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้องเกียรติท้าวทุกภาย ฯ
๏ ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้าโรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญมั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจรเจริญฤทธิ์ พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้างเอิกฟ้าดินไหว ฯ
๏ อย่าไทโทมนัสน้อยหฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฏาแต่กี้
ทุกทวยเทพคณาซุมซ่วย พระเอย
แสดงพระเดโชชี้ชเยศไว้ในสนาม ฯ
             
โคลง ๒
๏ สมดั่งความตูพร้องขอบพิตรอย่าข้อง
ขุ่นแค้นเคืองกมล ท่านนา ฯ
๏ โดยยุบลถ่องแท้ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการณ์ นี้นา ฯ
             
ร่าย
๏ ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมาแห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้แถลง แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ แจ้งเหตุแห่งเหือดขึ้งในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัดป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์สว่างโทษ ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้วผ่องพ้นอันตราย ฯ
๏ ทั้งหลายทวยบาทเบื้องบงกช
ควรโคตรโทษสาหสอะคร้าว
แต่ทูลธุลีบทสนองบาท มานา
เพรงพระอัยกาท้าวตราบไท้พระเจ้าหลวง ฯ
๏ ล่วงถึงบพิตรผู้เถลิงถวัลย- ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์สืบสร้าง
เชิญดอดอวยทัณฑ์ทวยโทษ นี้นา
เลยอย่าลาญชีพมล้างหนึ่งครั้งขอเผือ ฯ
๏ ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้าจอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภารเพ็ญภพ พระนา
วายบ่หวังตนแก้ชอบได้ไป่มี ฯ
             
ร่าย
๏ นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตอภิปราย ถวายพระพรอาจายน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บัลคลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรครองคราวศึก เสื่อมหาญฮึดแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงจัดการบำรุงหัวเมืองเหนือ

โคลง ๔
๏ บัดผายพจน์พากย์เบื้องบัณฑูร
เผยอยศพระยาชัยบูรณ์แต่งตั้ง
นามเจ้าพระยาสูรสีหนาท เสนอนา
เถลิงพระพิษณุโลกรั้งราษฎร์ร้อนผ่อนเสบย ฯ
๏ แล้วเผยเสาวนิศตั้งโดยปอง
รังสฤษฏ์พระเชียงทองหนึ่งผู้
ธำรงนครครองเขตราช แลฤๅ
เวียงวิชัยก่อกู้ขอบแคว้นแดนสยาม ฯ
๏ เสนอนามหลวงจ่าเจ้านครินทร์
สวรรคโลกแหล่งธานินทร์หนึ่งนั้น
ทำนุกแผ่นปัฐพินผดุงภพ พระนา
คุ้มเขตสีมาขั้นด่านด้าวเหนือชล ฯ
๏ บัดดลดำรัสให้พระศรี
เสาวราชมาตยามีชอบอ้าง
อำรุงประชาชีชมชื่น จิตแฮ
หนสุโขทัยสร้างสืบหล้าอย่าศูนย์ ฯ
๏ บัณฑูรท่านสั่งซั้นสี่นาย
ลาบาทผาดผังผายสู่เหย้า
รวมรวบราษฎรชายหญิงใหญ่ น้อยนา
เนานครครอบเผ้าไพร่ฟ้าพูนเกษม ฯ
             

เจ้าเชียงใหม่ส่งทูตมาขอเป็นเมืองขึ้น

ร่าย
๏ เปรมกมลมวลเสียม เกรียมทุกข์โทษฤๅพาน อึงกิดาการเอิบเอิก เกริกพระเกียรติลือละเวง คึกขานเครงธรณี ทั่วธาษตรีอึกถคึง ถึงมลาประเทศ เขตโยนกมณฑล เจ้าภูวดลเชียงใหม่ เสียเศิกใหญู่คนเวียง เพียงหฤทัยจะพก ตระดกพระเดโชพล ไป่เริ่มกลเกี่ยงราช ขลาดพระฤทธิ์มหิมา ตรัสตริหากระแหน่ แด่แสนท้าวลาวพระยา คราวนี้เราฤๅขวน กลกระลัมพรพินาศ เพื่อเบียนอาตม์เอาทุกข์ ควรหาสุขใส่สกนธ์ กอบภัพผลพูนภพ สบพิสัยลานนา เจ้าอยุธยายศโยค สู่สรโลกพิราลัย หน่อดนัยนฤเบศ นเรศารเสวยศวรรย์ สืบเสียมสันตติวงศ์ องค์อุปรานโปดก ดิลกภพแผ่นตะเลง ไป่ย่านเยงยศท้าว คลาพลด้าวแดนราช อาจอุกรุกรำบาญ ขานแข่งคู่คชยุทธ์ สุดเสียศอขอทรง ปลงปลดชนม์บนสาร ทัพไทยหาญฮึกฮึง ถึงเวียงทวายมริด ติตตะนาวคราวเข็ญ เห็นสู้เสียมฤๅรอด มอดมอญเมืองเปลืองเขต ประเทศรัฐสีมา หนหงสาเสื่อมศักดิ์ ปวงปรปักษ์ปองสยาม สื่อสงครามสืบศึก เสมอมฤครอสีห์ เฉกสกุณีไหมกราน ลาญชีวาตม์ทุกครั้ง ตั้งตนต่อบ่มิคง ตรงตนต่อบ่มิคู่ คาบนีผู้เผ้าตะเลง เกรงพระฤทธิ์รันทด เพื่อเอารสเมือมรณ์ คู่ขวากรก่นขาด พระบาทสองสยาเมศ บรรหารเดชดาลขจร พ่างภาสกรแจ่มจรัส ในเมื่อมัชฌันติกกาล แขวงคัคนานต์นฤโทษ พลาหกโหดหาวหน ทิศาดลดาลแผ้ว แพร้วโพโรจน์รังสี ทวีพระเกียรติเกริกไกร ไหนนครหงสา คลาอำเภอเลอหัตถ์ ควรถวายฉัตรบำบวง ตังวายสรวงแสวงชอบ มอบพิภพลานนา ทูลบาทาไทธเรศ หวังพระเดชนฤบดี กั้งเกศีสุดเหง้า เท้าทั่วกัลป์ประลัย คุ้มผองภัยบรเบียน ร่มศกเศียรสร่างเข็ญ เห็นชอบชื่นชมชัว ถ้วนทุกตัวท้าวเพี้ย เกลี้ยกมลบันโดย เพื่อแผ้วโพยพันลึก แห่งเสียมศึกพันลาย หมายแม้นมณฑกชาติ พ้นอำนาจอุรคินทร์ ยินประศาสน์สาธู ชูนื้วนบเหนือเผ้า เจ้ากูกู้กรุงคืน เชียงใหม่ฝืนฟูฟ้า คุ้งคู่หล้าฤๅลาญ ธก็ให้แต่งสารเสาวเลข เตี้ยตนเฉกช่วงบาท มอบตรีมาตย์ทูลแทน แสนหลวงแสนหนังสือ คือหนึ่งนันทพะยะ ล้วนสุรอากัป ฉับเฉียวเชี่ยวเชลงพจน์ ไพเราะรสอภิปราย คมตังวายศุภสาร สมานสมรไมตรี มอบปัฐพีเดียวแดน แทนทางปรักทางมาศ สระพราศพิริยเถมิน เดินโดยด่านเวียงตาก ขานคำมลากคำงาม เขาก็แต่งตามรับทูต รูดนำข่าวบมิหึง ถึงวิเชียรปราการ ไขข้อสารเสาวภาพ ออกญาทราบทุกอัน สรรนาวารีบรับ กับกรมการหลายตน ขวนเชิญทูตเชิญสาร บรรณาการเนกนับ รับมาทางชลธี ถึงบุรีแล้วไสร้ ซักไซ้ทูตทั้งสาม ทราบเนื้อความตามกิจ ให้สถิตเรือนพัก สำนักทั่วไทยเถมิน เชิญสารสู่จวนกลาง พลางลอกลักษณ์สำเนา เอาลงบอกตระบัด จัดจ่าเมืองกับแพ่ง แต่งจำทูลสนเท่ห์ เล่ห์อมิตรมิตรปอง ทราบละอองบทเรศ เจ้าอยุธเยศสยามินทร์ คอยข่าวยินตราสีห โปรดคดีใดชอบ กอบยุบลบันโดย รบเรือโพยเผ่นน้ำ จ้ำบจอดเจียรกาล บนานดลเวียงราช วางศาสน์เวรศาลา แจ้งออกญามหาด ทูลบัวบาทนฤบดินทร์ ยินในลักษณ์ปราโมทย์ โปรดให้ตอบสารา บรรทับตราไกรสร ส่งนครบันธาย หมายนำสารนำทูต รูดมาคุงกรุงหลวง โดยกระทรวงบูรพ์ฉบับ สองขุนรับตราคลา คืนนคราถับถึง บหึงให้ขุนเวียง เผดียงโดยศาสน์ท้าว ส่งทูตสู่แดนด้าว ถิ่นไท้แถลงสาร ท่านนา ฯ
             

สมเด็จพระนเรศวรทรงรับทูตเชียงใหม่

โคลง ๔
๏ บรรหารอ่านทราบไสร้โดยปอง
ขุนนครผู้ครองเขื่อนขั้น
แจงจัดยุกกระบัตรสนองเสนอต่าง ตนนา
นำทูตทั้งสามซั้นสู่ไท้ถึงสถาน ฯ
๏ กรมการอื่นอีกห้าหกหลาย
คุมศุภลักษณ์ตังวายสิ่งถ้วน
แสดงโดยดัสกรถวายถวัลยราชย์ มาเอย
โผอนสบสีมาม้วนมอบท้าวหนาวบุญ ฯ
๏ เนืองขุนคุมทูตทั้งสารา
อีกเครื่องราชบรรณาเนกนั้น
เร็วรัดเร่งนาวาวางวิ่ง
ลุแหล่งทวาเรศซั้นสู่ห้างแขกหอ ฯ
             
ร่าย
๏ ขานขอทูตมาถึง พงทราบลูกขุนใน กราบทูลไทยถวัลยราชย์ พระบาทธให้ตกแต่ง โดยดำแหน่งแสดงยศ กฎให้กะเกณฑ์กัน ทรงเครื่องสรรพายุทธ์ เสนากุฎเสื้อสวม นวมเกราะกรายพรายเพริศ เทริดเศียรใส่ทุกนาย รายกลาบาตเป็นชั้น กั้นเป็นหมู่เป็นกอง พลเขนทองทวนมาศ ดาษพลโล่พลดั้ง ทั้งพลดาบสองกร ส่ำพลศรเรียงรัน ส่ำพลกทัณฑ์เรียงเรียบ เทียบพลหอกหาญห้าว เทียบพลง้าวเงื้องอน สรลอนเหล่าพลสินาด คาบชุดดาษธรณิน คาบหินดาธรณิศ พิศพหลหัยราษ ยืนพยุหบาตรทิวแถว สองฟากแนวรัถยา ขนอาธาโอ่อาตม์ สวมเสื้มาศหมวกคำ ขี่ประจำดุรงค์ ทรงศาสตราพิธยุทธ์ ครวีอาวุธกวัดกวาย ส่ำแสะหลายเหลาหลาก มากหมู่แดงดูกกล หมู่ขาวปนหมู่ฟ่าย
ฝ่ายพรรค์เผ่าเหล่ากระเลียว ส่ำหมู่เขียวหมู่ปลัง ประนังเหล่าเหลืองแปม ปนผ่านแซมดำดาษ ครบเจ็ดชาติเจ็ดพงศ์ ทรงอัสสาภรณ์สรรพ ดับวางม้าโรงใน รายเรียงไสวยืนหยัด ดัดพิดานกั้งกาง สรรพสรรพางค์พิลาส แก้วแกมมาศยรรยง อัสสาลงกรณ์ประดับ ประทับเทียบคชาธเรศ ประเวศเกยชาลา ทรงหัสดาลังการ ควาญประจำขี่ท้าย ย้ายยอของ่าง้าง วางช้างดั้งเดียรดาษ สระพราศพร้อมพลายพัง หลังหมอควาญขี่ครบ ทรงเครื่องรบพรรณราย กลางคชทายทวนทอง สองฟากฝ่ายศาลา มวลมาตยาทุกหมู่ อยู่อธึกโจษจน หนหอขวาทายทหาร หนซ้ายศาลพลเรือน เดือนกันอ่าอาตม์หมด เครื่องยศถมปรักมาศ โดยขนาดฐานาศักดิ์ สระพรักไพร่พรูตาม คานหามเปลคะคล่ำ
ส่ำขุนตกแต่งกาย สองปักลายอะเคื้อ ขาวครุยเสื้อสวมตน ดูถกลดาดาษ ยาตรยังทิมดาบคด ปรากฏถ้วนเสนางค์ วางเจียดถมทองเทียบ เรียบมหาดไทยฝ่ายเฉวียง เรียงกลาโหมหนสดำ จำนำอยู่แจจัน หน้าบัญชรสิงหาสน์ มุขเด็จอาสน์บรรยงก์ พระที่นั่งมงคลาภิเษก ดิเรกรัตน์มลังเมลือง เรืองสุพรรณโอภาส เทียรทิพยอาสน์อินทร์องค์ วงวิสูตรรูดสาย เครื่องสูงรายตั้งล้อม พร้อมเบญจราชกกุธภัณฑ์ สรรพสิริราษูปโภค โดยขัตติยโยคมหิมา ดาพลปี่กลองชนะ แตรสังข์ระดะดาษโดม คอยประโคมคึกขาน การออกแขกเคียมคัล ตรวจเตรียมกันเเต่งแง่ แต่อรุณพระฮาม เท่าลงสามโมงเศษ จงพระเกศกษัตีย์ ทวาราวดีดิลก ปิ่นปกภพสีมา ธก็สรงธารารสสุคนธ์ ปนปรุงจารุจุรณเจิม เฉลิมวิเลปน์อวลอบ ตรลบฉมคนธกำจร บารวิภูษญ์ธำรง ฉลองพระองค์ครุยมาศ กุมแสงนาดกรกราย ผายผังสู่สิงหาสน์ สระพราศพิริยอภัย เสนาในเนืองเนก ดิเรกราชบริพาร ทวิชาจารย์เนมิตก์ ทวยบัณฑิตแพทยา ทวยโยธาทุกหมู่ อยู่อธึกทุกกรม ประนมทศนัขชูเชิด เทิดทศางคุลีบำบวง สามวารสรวงบทรัช เฉกนักษัตรรานา รอบดารารายเรียบ เพียบนภางค์ไพบูลย์ แจ่มจรัสจรูญสรัทกาล ขานนฤโฆษแตรสังข์ ประนังแซ่ศัพท์เภรี พ่างปัฐพีพังเพิก เอิกออกแขกทะท้าว แสดงพระยศอะคร้าว ครั่นฟ้าดินไหว แลนา ฯ
             
โคลง ๔
๏ จึ่งไท้ถวัลยราชเจ้าจักรพาล
ผายพจน์ราชโยงการสั่งซั้น
เบิกทูตเบิกศุภสารสวัสดิ์สื่อ เสนอนา
เนืองเนกคำนัลนั้นนอบน้อมบทมูล ฯ
๏ สามแขกขุนสี่ไสร้พาคลา
ลุแหล่งพะลานชาลาท่ามท้อง
สรวมชีพมหาดออกญาทูลเบิก แลเฮย
ตรีคาบกราบซ้องซ้องสบถ้วนยวนสยาม ฯ
๏ ขุนนามนฤนาถตั้งตามนา ศักดิ์เอย
อาลักษณ์เลิศปัญญายิ่งผู้
ศรีภูริปรีชาเชลงอรรถ แลฤๅ
แถลงเล่ห์สนเท่ห์รู้ราชไม้ตรีสมาน ฯ
             
ร่าย
๏ ศุภสารสนทรสวัสดิ์ พิพัทธศาสน์นสนธิ ตนข้าเจ้าเชียงใหม่ ใหญ่กว่ายวนมวลเขต ประเทศโยนกนิคม โอนศิโรดมอภิวาทน์ แทบบวรบาทยมก ดิลกเจ้าสองเสียม เทียมแขไถงไพโรจน์ โชติชวลิตทิศทศ เผยอพระยศยินเยง ยิ่งครื้นเครงฟากฟ้า หล้าเกริ่นเกียรดิทุกเหล่า ข้าพระพุทธเจ้าแต่ปาง บ่รางรอดอาชญา องค์อิศรานฤเบศ เขตแคว้นแขวงแหล่งตะเลง บ่เกรงพระเดชมหิมา จำใจคลาคลี่พยู่ห์ สูเศิกกอดัสกร แก่พระนครอโยธเยศ เหตุเข็ญเคืองเบื้องบาท เรื่องอุปราชรำบาญ ขอเขือทานนฤโทษ โปรดนฤภัยใจแผ้ว แคล้วอาฆาตขาดฟุน เพื่อพระการุญบารเมศ ข้าบทเรศเรณู ขอเอาภูธรประภาพ อาบอาตมห่มหัว ตัวไพร่ไทยใหญ่น้อย ข้อยสบสถานลานนา เฉกฉายาเฌอโพธิ ร่มศิโรตม์สรรพางค์ ปางนฤนาถยาตรพล ดลด้าวใดไปร้า ข้าขอโดยเสด็จราช งานพยุหบาตรจำบัง ท่าวกำลังเลวลาญ โดยสัตย์สารเสาวพจน์ ปรากฏชั่วแผ่นไผท คุ้งฟอดไฟฟอนกัลป์ ควบเขตขัณฑ์แด่ท้าว เป็นเดียวด้าวแดนดล เผือก็แต่งดนตรีมาตย์ จำทูลสาสน์ส่อถวาย เตรียบตังวายดำเนิน เจริญรสราชไมตรี เผด็จไพรร่วมมิตร แด่บพิตรโทไท้ ขอเขือขาดเคียดไข้ ขุ่นข้อเข็ญความ เทอญนา ฯ
             
โคลง ๔
๏      ปิ่นสยามรามฤทธิ์แม้นเสมอเดช ท่านฤๅ
ดาลสดับแสดงแห่งเหตุเหือดห้าว
ริปูหมู่มลาเขตโผอนออก มานา
บานเบิกหฤทัยท้าวธิราชได้โดยประสงค์ ฯ
๏ จักรพงศ์ภูวนาถเผ้าพสุธาร
เผยพระราชปฏิสันถารถั่งถ้อย
บูรพ์ฉบับนับตรีวารจารีต นั้นนา
ทักแขกแรกฤๅน้อยมากไซร้ไป่มี ฯ
๏ ปางนี้เชียงใหม่ผู้สวามิน
นฤโศกโรคราคินห่อนพ้อง
ผ่านภพแผ่นธรณินนิตย์เยี่ยง ยุกดิ์ฤๅ
เกษมทุกทวยธเรศซ้องสวัสดิ์แผ้วภัยกษัย ฯ
๏ หนึ่งไสร้พิรุณร่วงฟ้าฟูไพ ศรพณ์แฮ
โดยฤดูดาลไขน่านน้ำ
พูนพืชโภชนาในนครเขต เขือฤๅ
อกราษฎร์ขาดเทวษช้ำชุ่มฟ้าฉ่าฝน ฯ
๏ ไปดลภัเยศด้วยดัสกร เกิดเฮย
รังเริ่มรณรงค์รอนรบร้า
เวียงสูสุขสถาวรวายเศิก แลฤๅ
สบส่ำสีมาข้าขอบแคว้นแคลนเข็ญ ฯ
๏ เย็นจิตไทไพร่พร้อมพราหมณ์ชี ชื่นฤๅ
ต่างแผ่ผลไมตรีต่อตั้ง
บ่เบียดบ่เบียนบีฑาโทษ กันแฮ
เลี้ยงชีพโดยสะดวกทั้งทั่วด้าวแดนไฉน ฯ
๏ รับไท้ธราภพเบื้องบริหาร ท่านฤๅ
ขุนชื่ออำมาตย์ขานคาบนั้น
ถามทูตทูตแถลงการเขากล่าว สนองนา
สิ่งโทษโหดเหตุหั้นสุขสิ้นถิ่นเกษม ฯ
๏ พระเปรมปราโมทย์ให้บำนาญ เนกเฮย
ตอบแต่งตังวายศาส์นส่งเต้า
เขาลาคระไลสถานถวายราช เขานา
แขกราชขาดทุกข์เศร้าสวัสดิ์ได้ดั่งถวิล ฯ
             
ร่าย
๏ ยินมลากเล่ห์บุทคล จรดลโดยรัถเยศ ทุเรศมรุกันดาร กาลมัชฌันติกสมัย คระโหยใจเจียนมรณ์ เพื่อภาสกรแผดเผา เบาแรงแห้งหู่แด แปรกรรหายหอบโตย โดยซ้ายขวาหน้าหลัง เล็งสระพังบมิพาน เล็งละหานบมิพ้อง ร้องหาเพื่อนบมิพบ ทบท่าวล้มทับทาง รอดบรางเลยชนม์ บัดเดียวดลดอกมลาย บนานนายหนึ่งซั้น ดั้นดงด่วนดำเนิน เดินแบกบอกตรอกธาร มานกมลโอบเอื้อ เพี่อการุณบุญขวน หลั่งหล่อชลหล่นบอก ตรอกต้องอกตกโอษฐ์ โสรจสรรพางค์ชุ่มชื่น หื่นคระหิวหายหอบ กอบกำลังฤๅลาญ ปานตนเจ้าโยนก ตระดกพระเดชอดุลย์ ได้ใบบุญปกเผ้า เศร้าเสื่อมหายวายกลัว กลับชมชัวชื่นหน้า ทุกถ้วนไทยไพร่ฟ้า พรั่งพร้อมหฤหรรษ์ สิ้นแล ฯ
             

ยอพระเกียรติพระนเรศวร, ทศพิธราชธรรม

โคลง ๔
๏ ยรรยงยศทั่วท้องธาษตรี
สยาเมศมิ่งโมลีเลิศล้น
ทวาราวดีศรีอยุธย์ยิ่ง ภพฤๅ
บุญบพิตรแผ่พ้นแผ่นหล้าเลอสรวง ฯ
๏ พระคลวงเคลือบมาศแม้นมนเทียร ทิพย์เอย
สรรเพชญปราสาทเสถียรถิ่นท้าว
คิมหันต์แห่งจำเนียรนิตย์ท่าน สถิตฤๅ
จรูญจรัสรัตน์อะคร้าวรั่วรุ้งเรืองไถง ฯ
๏ อำไพรุคฤหาสน์ห้องเหมันต์ ท่านแฮ
เรืองรพีพรรณจันทร์จิ่มฟ้า
มังคลาภิเษกสวรรค์สวัสดิ์สุข เสวยฤๅ
เรือนราชอาจอวดหล้าแหล่งเพี้ยงพิศวง ฯ
๏ บรรยงก์ขัตติยศอ้างสุริยา มรินทร์เอย
ยามฤดูพรรษาเสพไท้
อร่ามรัตนอาภาไพโรจน์ แลฤๅ
บุญแต่งแสดงยศให้เหตุสร้างปางหลัง ฯ
๏ คลังกาญจน์คลังแก้วเกิดเนืองนอง เนกนา
ทุกทั่วประชาชนผองเผือดร้อน
อันเพ็ญภพมูนมองเมืองมั่ง แลเฮย
เย็นราษฎร์ขาดขุ่นข้อนค่ำเช้าเนาเกษม ฯ
๑. ทานํ(การทำทาน)
๏ พระเปรมปฏิบัติเบื้องทศธรรม์ ถ้วนแฮ
ทานวัตรพัศดุสรรพ์สิ่งให้
ทวยเถมินมั่วหมู่พันิพกพวก แคลนนา
วันละวันตั้งไว้หกห้างแห่งสถาน ฯ
๒. สีลํ(การรักษาศีล)
๏ เถลิงการกุศลสืบสร้างเบญจางค ศีลเฮย
เนืองนิวัทธ์ฤๅวางว่างเว้น
บำเทิงหฤทัยทางบุญเบื่อ บาปนา
แสวงสัคมัคโมกข์เร้นรอดรื้อสงสาร ฯ
๓. ปริจฺจาคํ(การบริจาคทรัพย์ทำบุญ)
๏ สมภารพระก่อเกื้อการก ธรรมแฮ
ชินศาสนุปถัมภกเพิ่มตั้ง
จตุราปัจเยศยกบริจาค ออกเอย
อวยแด่ชุมชีทั้งทั่วแคว้นแขวงสยาม ฯ
๔. อาชฺชวํ(ความซื่อตรง)
๏ พระงามอุชุภาพพร้อมไตรพิธ ทวารเฮย
กายกมลภาษิตซื่อซ้อง
บำเพ็ญเพิ่มสุจริตเจริญสัตย์ สงวนนา
สิ่งคดปลดเปลื้องข้องแต่ครั้งฤๅมี ฯ
๕. มทฺทวํ(ความอ่อนโยน)
๏ ปรานีมาโนชน้อมมฤทู
ในนิกรชนชูชุ่มเผ้า
พระเอื้อพระเอ็นดูโดยเที่ยง ธรรมนา
อดโทษโปรดเกศเกล้าผิดพลั้งสั่งสอน ฯ
๖. ตปํ(คาามประพฤติตบะ)
๏ สังวรอุโบสถสร้างประดิทิน
มาสประมาณวารถวิลสี่ถ้วน
อัษฎางคิกวิริยินทรีย์สงัด กามเอย
มละอิสริยสุขล้วนโลกซ้องสรรเสริญ ฯ
๗. อกฺโกธํ(ความไม่โกรธ)
๏ ทรงเจริญมิตรภาพเพี้ยงพรหมาน
ทิศทศจรดทุกสถานแผ่แผ้ว
ชัคสัตว์เสพสำราญรมย์ทั่ว กันนา
เย็นยิ่งจันทรกานต์แก้วเกิดน้ำฉ่ำแสง ฯ
๘. อวิหึสญฺจ(ความไม่เบียดเบียน)
๏ เสด็จแสดงยศเยือกเหล้าแหล่งไผท
เพื่อพระกรุณาในเขตข้า
บ่กอบบ่ก่อภัยพิบัติเบียด เบียนเอย
บานทุกหน้าถ้วนหน้านอบนิ้วถวายพร ฯ
๙. ขนฺติญฺจ (คาามอดทน)
๏ ถาวรอธิวาสน์เค้าขันตี ธรรมฤๅ
ดำฤษณวิโรธราคีขุ่นข้อน
เพ็ญผลพุทธบารมีวิมุตติสุข แสวงนา
เนืองโลกโศกเสื่อมร้อนสิ่งร้ายฤๅพาน ฯ
๑๐. อวิโรธนํ(ความไม่ประพฤติผิด)
๏ พระญาณยลเยี่ยงเบื้องโบราณ รีตนา
ในนิติราชศาสตร์สารสืบไว้
บแปรประพฤติพาลแผกฉบับ บูรพ์เฮย
โดยชอบกอบกิจไท้ธเรศตั้งแต่ปาง ฯ
๏ ไป่วางขัตติยวัตรเว้นสักอัน
ทั่วทศพิธราชธรรม์ท่านสร้าง
สงเคราะห์จัตุราบรรษัทสุข เสมอนา
สังคฤหพัสดุอ้างสี่ไสร้สืบผล ฯ
             

ยอพระเกียรติพระนเรศวร, ราชสดุดี ๕ ข้อ

โคลง ๔
๑. สสฺสเมธํ(การบูชาด้ายข้าวกล้า)
๏ ใดชนแคลนกล้าคู่โคไถ
ทรงประสาทเสมอใจจ่ายถ้วน
ปางผลเพิ่มพูนในนาราษฎร์ นั้นฤๅ
ส่วนสิบหยิบยกล้วนหนึ่งไว้ในฉาง ฯ
๒. ปุริสเมธํ(การบูชาบุรุษ)
๏ เสนางค์เนืองเนกหน้าในสนม
ทั่วทุกหมู่ทุกกรมแต่งตั้ง
ผจงแจกธนสารสมสิ่งชอบ เขาแฮ
หกมาสอาจอวยครั้งขวบสิ้นคราสอง ฯ
๓. สมฺมาปาสํ(บ่วงอันชอบ)
๏ ใดปองพาณิชย์สร้างสินศูนย์
เสนอลักษณ์เพื่อเอาธูรท่านให้
ไตรพรรษเพิ่มทวีคูณคืนส่ง สนองนา
ปางราษฎร์ปราศทุกข์ไร้สว่างร้อนผ่อนเกษม ฯ
๔. วาจาเปยฺยํ(วาจาเป็นที่รัก)
๏ เอมโอชอมฤตอื้นโองการ ท่านฤๅ
ในอเนกคณะบริพารทุกหน้า
บหมิ่นประมาณฐานพฤติภาพ เขาเฮย
ควรปู่คู่ลุงน้าหนึ่งนั้นบัณฑูร ฯ
๕. นิรคฺคลํ(การไม่มีลิ่มสลักคือไม่ต้องใส่กลอนประตูบ้าน)
๏ ไพบูลย์สงเคราะห์ถ้วนทวยชน
สังคฤหพัสดุผลเพิ่มพ้อง
บำเทิงธราดลโจรจืด แลแฮ
ทวารเย่าเปล่าลิ่มป้องเปิดได้โดยถวิล ฯ
             

ยอพระเกียรติพระนเรศวร, จักรพรรดิวัตร ๑๒ ข้อ

โคลง ๔
๏ ประดิทินกรรมบถเบื้องทศางค์ สิ้นนา
สืบกุศลธรรมทางถ่องแท้
จักรพรรดิวัตรวิริยางค์ยุกดิ์เยี่ยง แลฤๅ
ทวารทศพจนพากย์แก้ก่อเกื้อเผื่อผล ฯ
๑. อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ(ทรงจักรวรรดิวัตรในชนภายใน และหมู่พลทหาร)
๏ ชุมชนบริรักษ์ทั้งหญิงชาย
ทั่วทุกนางทุกนายใฝ่เฝ้า
ทรงขจัดอุปัทวันตรายบำราศ ทุกข์นา
ใจใส่ไปค่ำเช้าชื่นหน้าอ่าโฉม ฯ
๒. ขตฺติเยสุ(ในกษัตริย์ทั้งหลาย)
๏ บรรโลมเลี้ยงโลกด้วยการุญ
ในขัตติยทุกขุนเขตด้าว
อำนวยรัตนวิบุลนาเนก แลเฮย
มีอาทิราชหัยห้าวเห็จเพี้ยงลมผัน ฯ
๓. อนุยนฺเตสุ(ในผู้ติดตามทั้งหลาย)
๏ เนืองนันต์นราธิปผู้เผ่าพงศ์
โดยเสด็จดำเนินคงคู่ไท้
พระเอื้อพระอวยมงคลยั่ว ยานแฮ
ดุรงค์รถคชพ่าหน์ให้ห่อนเว้นเป็นเฉลิม ฯ
๔. พฺราหฺมณคหปติเกสุ(ในพราหมณ์และหบดีทั้งหลาย)
๏ เผดิมผดุงชีพ่อพร้อมพราหมณ์ผอง
พัสตร์โภชน์โหติกูณฑ์กองกอบถ้วน
นายกเย่าปูนปองประโยชน์ครบ ครันเฮย
สบสิ่งสำรดล้วนเครื่องใช้ไป่เหลือ ฯ
๕. เนคมชานปเทสุ(ในชาวนิคมและชาวชนบททั้งหลาย)
๏ ผจงเจือแจงแจกทั้งชนบท สิ้นนา
ในนอกนิคมคามหมดขอบขั้น
ภิยโยพระยศทศทิศร่ม ร้อนฤๅ
เย็นเฉกพรหมฉัตรชั้นเชิดฟ้าฟูฉาย ฯ
๖. สมณพฺราหฺมเณสุ(ในสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย)
๏ ทวยหลายลอยบาปร้างรำงับ ราคฤๅ
บริสุทธิศีลสี่สรรพสฤษฏ์รั้ง
สมณะหนึ่งนามนับนามหนึ่ง พราหมณ์นา
นฤนาถอาจอวยทั้งสิ่งถ้วนบริขาร ฯ
๗. มิคฺคปกฺขีสุ(ในเนื้อและนกทั้งหลาย)
๏ อภัยทานท่านแต่งตั้งต่อสรรพ สัตว์เอย
มวลมฤคปักษีพรรค์แผ่ก้าง
อย่าเริ่มอย่าริรันทำโทษ มันแฮ
ห้ามบ่ให้ใครมล้างล่วงพ้นชนม์กษัย ฯ
๘. อธมฺมการปฏิกฺขโป(ห้ามการไม่เป็นธรรม)
๏ หฤทัยอนุเคราะห์ถ้วนทาสภู
บาปสร่างสร้างบุญขูเขตท้าว
เบญจาพิธไพรูโรยเริด ลงฤๅ
เพราะเพื่อพระนาถน้าวหน่วงโน้มในกุศล ฯ
๙. อธนานํ ธนุปทานํ(การให้ทรัพย์แก่ผู้ไร้ทรัพย์ทั้งหลาย)
๏ ชนใดใจขุ่นข้นธนแคลน
ทรงจ่ายรายทรัพย์แสนสิ่งให้
อาวรณ์ห่อนหวงแหนหายิ่ง ยากแฮ
ชุบช่วยทวยธเรศไร้เสื่อมร้อนรอนเข็ญ ฯ
๑๐. สมณพฺราหฺมเณอุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหาปุจฺฉนํ      (การเข้าไปหาสมณพราหมณ์แล้วถามปัญหา)
๏ ปวงเป็นบาพรตพร้อมพรหมจรรย์
มานะมละสบสรรพ์สิ่งเก้า
เสด็จสู่ศึกษาธรรม์ถามโทษ คุณแฮ
เสร็จทราบบาปบุญเค้าขาดข้อกังขา ฯ
๑๑. อธมฺมราคสฺส ปหานํ(ละความกำหนัดในอธรรมคือล่วงประเวณี)
๏ ภูวนายกนาถเกล้ากษัตรีย์
ขจัดจากอธรรมราคีเกลียดใกล้
ทุจริตราคฤดีโดยกล่าว ไว้นา
ทั่วอคมนิยฐานไท้ธิราชร้างห่างขวน ฯ
๑๒. วิสมโลภสฺส ปหานํ(การละความโลภอันไม่สม่ำเสมอเสีย)
๏ ไป่ดลมหิจฉภาพเอื้อเอาสาร ทรัพย์เฮย
แห่งบ่ให้เหตุพาลโอบอ้าง
โดยกิจกอบพลการปองประโยชน์ ตนนา
นามวิสมโลภมล้างเล่ห์นั้นฤๅมี ฯ
๏ พิธีทวาทศพร้องพรรณนา นี้ฤๅ
จักรพรรดิวัตรจรรยาชื่อชี้
เรืองรุ่งราชกฤษฎาธิการเกียรติ เกริกแฮ
เจริญสวัสดิ์ขัตติเยศกี้ก่อสร้างสืบแสวง ฯ
             

นิคมพจน์ลิลิต

โคลง ๔
๏ เสร็จแสดงพระยศเจ้าจอมอยุธ- ยาแฮ
องค์อดิศรสมมุติเทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎเกศกษัตริย์ สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้ฟากฟ้าดินเฉลิม ฯ
๏ รังเริ่มรจเรขอ้างอรรถา แถลงเอย
เสมอทิพย์มาลย์ผกาเก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา-ธิปผ่าน ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อยถ่องแท้แลฉลาย ฯ
๏ บรรยายกลกาพย์แสร้งสมญา ไว้แฮ
สมลักษณ์เล่ห์เสาวนาเรื่องรู้
ตะเลงพ่ายเพื่อตะเลงปรา-ชเยศ พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้ศึกช้างกลางสมร ฯ
๏ อวยพรคณะปราชญ์พร้อมพิจารณ์ เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหารเหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธารเจริญรอด หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วยอรรถอื้นอัญขยม ฯ
๏ กรมหมื่นนุชิต เชื้อกวีวร
ชิโนรส มิ่งมหิศรเสกให้
ศรีสุคต พจนสุนทรเถลิงลักษณ์ นี้นา
ขัตติยวงศ์ ผจงโอษฐ์ไว้สืบหล้าอย่าศูนย์ ฯ
๏ ไพบูลย์โดยบทเบื้องโบราณ รีตฤๅ
รังสฤษฏ์พระหลานตูต่อบ้าง
กปิษฐาขัตติยกุมารสมมติ นามนา
หน่อบพิตรเจ้าช้างเผือกผู้สามทรง ฯ
๏ บรรจงเสาวเลขแล้วหลายคุง ขวบฤๅ
ปางปิ่นธเรศอำรุงโลกเลี้ยง
ทำนุกเชตุพนผดุงเผดิมตึก เต็มเอย
อาวาสอาจเพ่งเพี้ยงแผ่นฟ้ามาเสมอ ฯ
๏ อำเภอพิริยภาพพ้องปรีชา เชี่ยวแฮ
เสาะส่องสุขุมปัญญากอบกู้
คามภีร์พากย์สุภาษิตสืบ แสวงนา
สบสิ่งสรรพศัพท์รู้รวบร้วมรวมเฉลย ฯ
๏ มละเลยกิจอื่นเอื้อเอาธูร เดียวพ่อ
สัมฤทธิ์มโนรถวิบูลบ่ร้าง
จงเป็นปัจเยศพูนศราพก พระเอย
หนปักษ์ทักษิณสร้างสฤษฏ์ได้ดั่งถวิล ฯ
๏ แห่งปิ่นวิสุทธเทพไท้ทศพล
อันอุบัติอนาคตดลอย่าแคล้ว
ปัญญา ธิกญาณยลสี่สัจ แลฤๅ
มล้างเกลศลามกแผ้วผ่องเพี้ยงเพ็ญแข ฯ
๏ แปรมุขเมื่อมุ่งห้องนฤพาน
พ้นจัตุเภทกันดารดัดดั้น
เบญจาพิธมวลมารมลายล่ง แลเฮย
เสวยวิมุตติลาภซั้นเสร็จซ้องปองประสงค์ ฯ
๏ ผิววงว่ายวัฏเวิ้งวารี โอฆฤๅ
บลุโลกกุตรโมลีเลิศล้น
จงเจนจิตกวีวรวากย์ เฉลียวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้นเผด็จเสี้ยนเบียนสมร ฯ
๏ จบกลอนเกลาพากย์อ้างอภิปราย
เถลิงเกียรติราชบรรยายยศไท้
เฉกนพรัตน์ตังวายวิจิตรแจก ไว้นา
เสนอหมู่เมธาให้อ่านเอื้อนเตือนเกษม ฯ
๏ จบ เสร็จเสาวพากย์ถ้อยวิตถาร แถลงนา
ลิลิต ราชพงศาวดารแต่กี้
ตะเลง เหล่าดัสกรลาญมลายชีพ ลงฤๅ
พ่าย พระเดชหลีกลี้ประลาตต้อนแตกสยาม ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kavint&date=17-04-2005&group=3&gblog=1

http://www.geocities.com/independentwars/web4.html

http://www.openbase.in.th/files/talengpai.txt

เครื่องมือส่วนตัว