รำพันพิลาป

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(บทประพันธ์)
 
แถว 6: แถว 6:
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
<tpoem>
<tpoem>
 +
  ๏ สุนทรทำคำประดิษฐ์นิมิตฝัน
 +
พึ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์  จึ่งจดวันเวลาด้วยอาวรณ์
 +
แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิด  ในนิมิตเมื่อภวังค์วิสังหรณ์
 +
เดือนแปดวันจันทวาเวลานอน  เจริญพรภาวนาตามบาลี
 +
ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ  ให้สุขสิ้นดินฟ้าทุกราศี
 +
เงียบสงัดวัดวาในราตรี  เสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง
 +
หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก  สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง
 +
เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง  ตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง
 +
ฝ่ายฝูงหนูมูสิกกิกกิกร้อง  เสียวสยองยามยินถวิลหวัง
 +
อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรัง  ริมบานบังบินร้องสยองเย็น
 +
ยิ่งเยือกทรวงง่วงเหงาซบเซาโศก  ยามวิโยคยากแค้นสุดแสนเข็ญ
 +
ไม่เทียมเพื่อนเหมือนจะพาเลือดตากระเด็น  เที่ยวซ่อนเร้นไร้ญาติหวาดวิญญาณ์ ฯ
 +
 
 +
๏ แต่ปีวอกออกขาดราชกิจ  บรรพชิตพิศวาสพระศาสนา
 +
เหมือนลอยล่องท้องชะเลอยู่เอกา  เห็นแต่ฟ้าฟ้าก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล
 +
ดูฟากฝั่งหวังจะหยุดก็สุดเนตร  แสนเทวษเวียนว่ายสายกระแส
 +
เหมือนทรวงเปลี่ยวเที่ยวแสวงทุกแขวงแคว  ได้เห็นแต่ศิษย์หาพยาบาล
 +
ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่ว  จังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน
 +
เมืองพริบพรีที่เขาทำรองน้ำตาล  รับประทานหวานเย็นก็เป็นลม
 +
ไปราชพรีมีแต่พาลจังทานพระ  เหมือนไปปะบระเพ็ดเหลือเข็ดขม
 +
ไปขึ้นเขาเล่าก็ตกอกระบม  ทุกข์ระทมแทบจะตายเสียหลายคราว ฯ
 +
 
 +
๏ ครั้งไปด่านกาญจน์บุรีที่กะเหรี่ยง  ฟังแต่เสียงเสือสีห์ชะนีหนาว
 +
นอนน้ำค้างพร่างพนมพรอยพรมพราว  เพราะเชื่อลาวลวงว่าแร่แปรเป็นทอง
 +
ทั้งฝ่ายลูกถูกปอบมันลอบใช้  หาแก้ได้ให้ไปเข้ากินเจ้าของ
 +
เข้าวัสสามาอยู่ที่สองพี่น้อง  ยามขัดข้องขาดมุ้งริ้นยุงชุม
 +
ทุกเช้าค่ำลำบากแสนยากยิ่ง  เหลือทนจริงเจ็บแสบใส่แกลบสุม
 +
เสียงฉู่ฉู่หวู่ว่อนเวียนร่อนรุม  เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกัดนั่งปัดยุง
 +
โอ้ยามยากอยากใคร่ได้เหล็กไหลเล่น  ทำทองเป็นปั้นเตาเผาถลุง
 +
ลองตำราอาจารย์ทองบ้านจุง  จดเกลือหุงหายสูญสิ้นทุนรอน ฯ
 +
 
 +
๏ คราวไปคิดปริศนาตามตาเถร  เขากาเพนพบมหิงส์ริมสิงขร
 +
มันตามติดขวิดคร่อมอ้อมอุทร  หากมีขอนขวางควายไม่วายชนม์
 +
เดชะบุญคุณพระอนิสงส์  ช่วยดำรงรอดตายมาหลายหน
 +
เหตุด้วยเคราะห์เพราะว่าไว้วางใจคน  จึ่งจำจนใจเปล่าเปลืองข้าวเกลือ ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้ยามอยู่สุพรรณกินมันเผือก  เคี้ยวแต่เปลือกไม้หมากเปรี้ยวปากเหลือ
 +
จนแรงโรยโหยหิวผอมผิวเนื้อ  พริกกับเกลือกลักใหญ่ยังไม่พอ
 +
ทั้งผ้าพาดบาตรเหล็กของเล็กน้อย  ขโมยถอยไปทั้งเรือไม่เหลือหลอ
 +
เหลือแต่ผ้าอาศัยเสียใจคอ  ชาวบ้านทอถวายแทนแสนศรัทธา ฯ
 +
 
 +
๏ คิดถึงคราวเจ้านิพพานสงสารโศก  ไปพิศีโลกลายแทงแสวงหา
 +
ลงหนองน้ำปล้ำตะเข้หากเทวดา  ช่วยรักษาจึ่งได้รอดไม่วอดวาย
 +
วันไปอยู่ภูผาเขาม้าวิ่ง  เหนื่อยนอนพิงเพิงไศลหลับใจหาย
 +
ครั้นดึกดูงูเหลือมเลื่อยเลื่อมลาย  ล้อมรอบกายเกี้ยวตัวกันผัวเมีย
 +
หนีไม่พ้นจนใจได้สติ  สมาธิถอดชีวิตอุทิศเสีย
 +
เสียงฟู่ฟู่ขู่ฟ้อเคล้าคลอเคลีย  แลบลิ้นเลียแล้วเลื้อยแลเฟือยยาว
 +
ดูใหญ่เท่าเสากระโดงผีโป่งสิง  เป็นรูปหญิงยืนหลอกผมหงอกขาว
 +
คิดจะตีหนีไปกลัวไม้เท้า  โอ้เคราะห์คราวขึ้นไปเหนือเหมือนเหลือตาย ฯ
 +
 
 +
๏ เมื่อขาล่องต้องตอเรือหล่อล่ม  เจียนจะจมน้ำม้วยระหวยระหาย
 +
ปะหาดตื้นขึ้นรอดไม่วอดวาย  แต่ปะตายหลายหนหากทนทาน
 +
แล้วมิหนำซ้ำบุตรสุดที่รัก  ขโมยลักหลายหนผจญผลาญ
 +
ต้องต่ำต้อยย่อยยับอัประมาณ  มาอยู่วิหารวัดเลียบยิ่งเยียบเย็น
 +
โอ้ยามจนล้นเหลือสิ้นเสื่อหมอน  สู้ซุ่มซ่อนเสียมิให้ใครใครเห็น
 +
ราหูทับยับเยินเผอิญเป็น  เปรียบเหมือนเช่นพราหมณ์ชีมณีจันท์ ฯ
 +
 
 +
๏ จะสึกหาลาพระอธิษฐาน  โดยกันดารเดือดร้อนสุดผ่อนผัน
 +
พอพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ  เธอช่วยกันแก้ร้อนค่อยหย่อนเย็น
 +
อยู่มาพระสิงหะไตรภพโลก  เห็นเศร้าโศกแสนแค้นสุดแสนเข็ญ
 +
ทุกค่ำคืนฝืนหน้าน้ำตากระเด็น  พระโปรดเป็นที่พึ่งเหมือนหนึ่งนึก
 +
ดังไข้หนักรักษาวางยาทิพย์  ฉันทองหยิบฝอยทองไม่ต้องสึก
 +
ค่อยฝ่าฝืนชื่นฉ่ำดั่งอำมฤก  แต่ตกลึกเหลือที่จะได้สบาย ฯ
 +
 
 +
๏ ค่อยเบาบางสร่างโศกเหมือนโรคฟื้น  จะเดินยืนยังไม่ได้ยังไม่หาย
 +
ได้ห่มสีมีหมอนเสื่ออ่อนลาย  ค่อยคลายอายอุตส่าห์ครองฉลองคุณ
 +
เหมือนพบปะพระสิทธาที่ปรารภ  ชุบบุตรลพเลี้ยงเหลือช่วยเกื้อหนุน
 +
สนอมพักตร์รักษาด้วยการุญ  ทรงสร้างบุญคุณศีลเพิ่มภิญโญ
 +
ถึงยากไร้ได้พึ่งหมือนหนึ่งแก้ว  พาผ่องแผ้วผิวพักตร์ขึ้นอักโข
 +
พระฤๅษีที่ท่านช่วยชุบเสือโค  ให้เรืองฤทธิ์อิศโรเดโชชัย
 +
แล้วไม่เลี้ยงเพียงแต่ชุบช่วยอุปถัมภ์  พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน
 +
ช่วยชี้ทางกลางป่าให้คลาไคล  หลวิชัยคาวีจำลีลา
 +
แต่ละองค์ทรงพรตพระยศยิ่ง  เป็นยอดมิ่งเมืองมนุษย์นี้สุดหา
 +
จงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา  พระชันษาสืบยืนอยู่หมื่นปี ฯ
 +
 
 +
๏ เป็นคราวเคราะห์ก็ต้องพรากจากวิหาร  กลัวพวกพาลผู้ร้ายจำย้ายหนี
 +
อยู่วัดเทพธิดาด้วยบารมี  ได้ผ้าปีปัจจัยไทยทาน
 +
ถึงยามเคราะห์ก็เผอิญให้เหินห่าง  ไม่เหมือนอย่างอยู่ที่พระวิหาร
 +
โอ้ใจหายกลายกลับอัประมาณ  โดยกันดารเดือดร้อนไม่หย่อนเย็น
 +
ได้พึ่งพระปะแพรพอแก้หน้า  สองวัสสาสิ้นงามถึงยามเข็ญ
 +
คิดขัดขวางอย่างจะพาเลือดตากระเด็น  บันดาลเป็นปลวกปล่องขึ้นห้องนอน
 +
กัดเสื่อสาดขาดปรุทะลุสมุด  เสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร
 +
เสียแพรผ้าอาศัยไตรจีวร  ดูพรุนพรอนพลอยพาน้ำตาคลอ
 +
ถึงคราวคลายปลายอ้อยบุญน้อยแล้ว  ไม่ผ่องแผ้วพักตราวาสนาหนอ
 +
นับปีเดือนเหมือนจะหักทั้งหลักตอ  แต่รั้งรอร้อนรนกระวนกระวาย ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์  เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย
 +
สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอาย  จนถึงปลายปีฉลูมีธุระ
 +
ไปทางเรือเหลือสลดด้วยปลดเปลื้อง  ระคางเคืองข้องขัดสลัดสละ
 +
ลืมวันเดือนเขียนเฉยแกล้งเลยละ  เห็นแต่พระอภัยพระทัยดี
 +
ช่วยแจวเรือเกื้อหนุนทำบุญด้วย  เหมือนโปรดช่วยชูหน้าเป็นราศี
 +
กลับมาถึงผึ้งมาจับอยู่กับกระฎี  ทำรังที่ทิศประจิมริมประตู
 +
ต้องขัดเคืองเรื่องราวด้วยคราวเคราะห์  จวบจำเพาะสุริยาถึงราหู
 +
ทั้งบ้านทั้งวังวัดเป็นศัตรู  แม้นขืนอยู่ยากเย็นจะเห็นใคร
 +
เครื่องกระฎีที่ยังเหลือแต่เสื่อขาด  เข้าไสยาสน์ยุงกัดปัดไม่ไหว
 +
เคยสว่างกลางคืนขาดฟืนไฟ  จะโทษใครเคราะห์กรรมจึ่งจำจน ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้อายเพื่อนเหมือนเขาว่ากิ่งกาฝาก  มิใช่รากรักเร่ระเหระหน
 +
ที่ทุกข์สุขขุกเข็ญเกิดเป็นคน  ต้องคิดขวนขวายหารักษากาย
 +
ได้พึ่งบ้างอย่างนี้เป็นที่ยิ่ง  สัจจังจริงจงรักสมัครหมาย
 +
ไม่ลืมคุณพูนสวัสดิ์ถึงพลัดพราย  มิได้วายเวลาคิดอาลัย ฯ
 +
 
 +
๏ จะลับวัดพลัดที่กระฎีตึก  สุดแต่นึกน้ำตามาแต่ไหน
 +
เฝ้านองเนตรเช็ดพักตร์สักเท่าไร  ขืนหลั่งไหลรินร่ำน่ารำคาญ
 +
คิดอายเพื่อนเหมือนเขาเล่าแม่เจ้านี่  เร่ไปปีละร้อยเรือนเดือนละร้อยบ้าน
 +
เพราะบุญน้อยย่อยยับอัประมาณ  เหลือที่ท่านอุปถัมภ์ช่วยบำรุง
 +
ต่อเมื่อไรไปทำทองสำเร็จ  แก้ปูนเพชรพบทองสักสองถุง
 +
จะผาสุกทุกสิ่งนอนกลิ้งพุง  กินหมูกุ้งไก่เป็ดจนเข็ดฟัน
 +
ขอเดชะพระมหาอานิสงส์  ซึ่งรูปทรงสัจศีลถวิลสวรรค์
 +
จะเที่ยวรอบขอบประเทศทุกเขตคัน  ขอความฝันวันนี้บอกดีร้าย ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วร่ำภาวนาในพระไตรลักษณ์  ประหารรักหนักหน่วงตัดห่วงหาย
 +
หอมกลิ่นธูปงูบระงับหลับสบาย  ฝันว่าว่ายสายชะเลอยู่เอกา
 +
สิ้นกำลังยังมีนารีรุ่น  รูปเหมือนหุ่นเหาะเร่ร่อนเวหา
 +
ช่วยจูงไปไว้ที่วัดได้ทัศนา  พระศิลาขาวล้ำดังสำลี
 +
ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่อง  แลเลื่อมเหลืองเรืองจำรัสรัศมี
 +
พอเสียงแซ่แลหาเห็นนารี  ล้วนสอดสีสาวน้อยนับร้อยพัน
 +
ล้วนใส่ช้องป้องพักตร์ดูลักขณะ  เหมือนนางสะสวยสมล้วนคมสัน
 +
ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณ  ดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี
 +
ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาด  โอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี
 +
ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรี  แก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง
 +
รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศ  เหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง
 +
พอแลสบหลบชะม้ายชายชำเลือง  ดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม
 +
ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อม  แลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม
 +
หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม  มาประโลมโลกาให้อาวรณ์
 +
แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์  วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร
 +
ครั้นปราศรัยไถ่ถามนามกร  ก็เคืองค้อนขามเขินสะเทินที
 +
ขืนถามอีกหลีกเลี่ยงหลบเมียงม่าย  เหมือนอายชายเฉยเมินดำเนินหนี
 +
นางน้อยน้อยพลอยตามงามงามดี  เก็บมาลีเลือกถวายไว้หลายพรรณ
 +
แล้วชวนว่าอย่าอยู่ชมพูทวีป  นิมนต์รีบไปสำราญวิมานสวรรค์
 +
แล้วทรงรถกลดกั้นนางทั้งนั้น  นั่งที่ชั้นลดล้อมน้อมคำนับ
 +
ที่นั่งทิพย์ลิบเลื่อนคล้อยเคลื่อนคล้าย  พรรณรายพรายเรืองเครื่องประดับ
 +
ประเดี๋ยวเดียวเฉียวฉิบแลลิบลับ  จนลมจับวับใจอาลัยลาน ฯ
 +
 
 +
๏ ซึ่งสั่งให้ไปสวรรค์หรือชันษา  จะมรณาในปีนี้เป็นปีขาล
 +
แม้นเหมือนปากอยากใคร่ตายหมายวิมาน  ขอพบพานภัคินีของพี่ยา
 +
ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลก  ยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา
 +
ได้แนบชมสมคะเนสักเวลา  ถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย
 +
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปฟากฟ้า  ให้ดิ้นโดยโหยหานิจจาเอ๋ย
 +
ถึงชาตินี้พี่มิได้บุญไม่เคย  ขอชื่นเชยชาติหน้าด้วยอาวรณ์
 +
แม้นรู้เหาะก็จะได้ตามไปด้วย  สู้มอดม้วยมิได้ทิ้งมิ่งสมร
 +
เสมอเนตรเชษฐาเวลานอน  จะกล่าวกลอนกล่อมประทับไว้กับทรวง
 +
สายสุดใจไม่หลับจะรับขวัญ  ร้องโอดพันพัดชาช้าลูกหลวง
 +
ประโลมแก้วแววตาสุดาดวง  ให้อุ่นทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
 +
ยามกลางวันบรรทมจะชมโฉม  ขับประโลมข้างที่พัดวีถวาย
 +
แม้นไม่ยิ้มหงิมเหงาจะเล่านิยาย  เรื่องกระต่ายตื่นตูมเหลือมูมมาม
 +
ไม่รู้เหาะก็มิได้ขึ้นไปเห็น  แม้นเหมือนเช่นชาวสุธาภาษาสยาม
 +
ถ้ารับรักจักอุตส่าห์พยายาม  ไปตามความคิดคงได้ปลงทอง ฯ
 +
 
 +
๏ นี่จนใจไม่รู้จักที่หลักแหล่ง  สุดแสวงสวาทหมายไม่วายหมอง
 +
เมื่อยามฝันนั้นว่านึกนั่งตรึกตรอง  เดือนหงายส่องแสงสว่างดังกลางวัน
 +
เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลา  ชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์
 +
รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์  พระรำพันกรุณาด้วยปรานี
 +
ว่านวลหงส์องค์นี้อยู่ชั้นฟ้า  ชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี
 +
วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้  เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ
 +
จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิด  มิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน
 +
ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไร  จะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียง ฯ
 +
 
 +
๏ สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้ว  แล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง
 +
ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียง  จึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย
 +
เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่น  สุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย
 +
ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอย  ลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง
 +
มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์  สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง
 +
แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทอง  หล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียง ฯ
 +
 
 +
๏ คิดจนตื่นฟื้นฟังระฆังฆ้อง  กลองหอกลองทึ้มทึ้มกระหึ่มเสียง
 +
โกกิลากาแกแซ่สำเนียง  โอ้นึกเพียงขวัญหายไม่วายวัน
 +
วิสัยเราเล่าก็ไม่สู้ใฝ่สูง  นางฟ้าฝูงไหนเล่ามาเข้าฝัน
 +
ให้เฟือนจิตกิจกรมพรหมจรรย์  ฤๅสาวสวรรค์นั้นจะใคร่ลองใจเรา
 +
ให้รักรูปซูบผอมตรมตรอมจิต  เสียจริตคิดขยิ่มง่วงหงิมเหงา
 +
จะได้หัวเราะเยาะเล่นทุกเย็นเช้า  จึงแกล้งเข้าฝันเห็นเหมือนเช่นนี้
 +
แม้นนางอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์  นึกกลัวสุดแสนกลัวเอาตัวหนี
 +
สู้นิ่งนั่งตั้งมั่นถือขันตี  อยู่กระฎีดั่งสันดานนิพพานพรหม
 +
รักษาพรตปลดปละสละรัก  เพราะน้ำผักต้มหวานน้ำตาลขม
 +
คิดรังเกียจเกลียดรักหักอารมณ์  ไม่นิยมสมสวาทเป็นขาดรอน ฯ
 +
 
 +
๏ แต่ครั้งนี้วิปริตนิมิตฝัน  เฝ้าผูกพันมั่นหมายสายสมร
 +
สาวสวรรค์ชั้นฟ้าจงถาวร  เจริญพรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย
 +
ซึ่งผูกจิตพิศวาสหมายมาดมุ่ง  มักนอนสะดุ้งด้วยพระขวัญจะหวั่นไหว
 +
เสวยสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย  ช่วยเลื่อมใสโสมนัสสวัสดี ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระอุมารักษาสวาท  ให้ผุดผาดเพียงพักตร์พระลักษมี
 +
วิมานแก้วแววฟ้าฝูงนารี  คอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระอินทร์ดีดพิณแก้ว  ให้เจื้อยแจ้วจับใจแจ่มใสเสียง
 +
สาวสุรางค์นางรำระบำเรียง  คอยขับกล่อมพร้อมเพรียงเคียงประคอง
 +
ขอพระจันทร์กรุณารักษาศรี  ให้เหมือนมณีนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
 +
เหมือนหุ่นเชิดเลิศล้วนนวลละออง  ให้ผุดผ่องผิวพรรณเพียงจันทรา ฯ
 +
 
 +
๏ ขอพระพายชายเชยรำเพยพัด  ให้ศรีสวัสดิ์สว่างจิตขนิษฐา
 +
หอมดอกไม้ในทวีปกลีบผกา  ให้หอมชื่นรื่นวิญญาณ์นิทรารมณ์ ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระคงคารักษาสนอม  อย่าให้มอมมีระคายเท่าปลายผม
 +
ให้เย็นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเช่นน้ำลม  กล่อมประทมโสมนัสสวัสดี ฯ
 +
 
 +
๏ ด้วยเดิมฉันฝันได้ยลวิมลพักตร์  สุดแสนรักลักประโลมโฉมฉวี
 +
ถวิลหวังตั้งแต่นั้นจนวันนี้  ขออย่ามีโทษโปรดยกโทษกรณ์
 +
ด้วยเกิดเป็นเช่นมนุษย์บุรุษราช  มาหมายมาดนางสวรรค์ร่วมบรรจถรณ์
 +
ขอษมาการุญพระสุนทร  ให้ถาพรภิญโญเดโชชัย ฯ
 +
 
 +
๏ อนึ่งโยมโฉมยงพระองค์เอก  มณีเมขลามาโปรดปราศรัย
 +
จะให้แก้วแล้วอย่าลืมที่ปลื้มใจ  ขอให้ได้ดั่งประโยชน์โพธิญาณ
 +
จะพ้นทุกข์สุขสิ้นมลทินโทษ  เพราะพระโปรดโปรยปรายสายสนาน
 +
ให้หน้าชื่นรื่นรสพจมาน  เหมือนนิพพานพ้นทุกข์เป็นสุขสบาย
 +
บวชตะบึงถึงตะบันน้ำฉันชื่น  ยามดึกดื่นได้สังวรอวยพรถวาย
 +
เหมือนพระจันทร์กรุณาให้ตายาย  กับกระต่ายแต้มสว่างอยู่กลางวง
 +
เหมือนวอนเจ้าสาวสวรรค์กระสันสวาท  ให้ผุดผาดเพิ่มผลาอานิสงส์
 +
ได้สมบูรณ์พูนเกิดประเสริฐทรง  ศีลดำรงร่วมสร้างพุทธางกูร
 +
อันโลกีย์วิสัยที่ในโลก  ความสุขโศกสิ้นกายก็หายสูญ
 +
เป็นมนุษย์สุดแต่ขอให้บริบูรณ์  ได้เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย
 +
ขอบุญพระจะให้อยู่ชมพูทวีป  ช่วยชุบชีพชูเชิดให้เฉิดฉาย
 +
ไม่ชื่นเหมือนเพื่อนมนุษย์ก็สุดอาย  สู้ไปตายตีนเขาลำเนาเนิน ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้ปีนี้ปีขาลบันดาลฝัน  ที่หมายมั่นเหมือนจะหมางระคางเขิน
 +
ก็คิดเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ  ให้ห่างเหินโหยหวนรำจวนใจ
 +
จึงแต่งตามความฝันรำพันพิลาป  ให้ศิษย์ทราบสุนทราอัชฌาสัย
 +
จะสั่งสาวชาวบางกอกข้างนอกใน  ก็กลัวภัยให้ขยาดพระอาชญา
 +
จึ่งเอื้อมอ้างนางสวรรค์ตามฝันเห็น  ให้อ่านเล่นเป็นเล่ห์เสน่หา
 +
ไม่รักใครในแผ่นดินถิ่นสุธา  รักแต่เทพธิดาสุราลัย ฯ
 +
 
 +
๏ ได้ครวญคร่ำร่ำเรื่องเป็นเครื่องสูง  พอพยุงยกย่องให้ผ่องใส
 +
ทั้งสาวแก่แม่ลูกอ่อนลาวมอญไทย  เด็กผู้ใหญ่อย่าเฉลียวว่าเกี้ยวพาน
 +
พระภู่แต่งแกล้งกล่าวสาวสาวเอ๋ย  อย่าถือเลยเคยเจนเหมือนเหลนหลาน
 +
นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดาน  เคยเขียนอ่านอดใจมิใคร่ฟัง
 +
จะฝากดีฝีปากจะฝากรัก  ด้วยจวนจักจากถิ่นถวิลหวัง
 +
ไว้อาลัยให้ละห้อยจงคอยฟัง  จะร่ำสั่งสิ้นสุดอยุธยา ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้ยามนี้ปีขาลสงสารวัด  เคยโสมนัสในอารามสามวัสสา
 +
สิ้นกุศลผลบุญการุณา  จะจำลาเลยลับไปนับนาน
 +
เคยเดินเล่นเย็นลมเลียบชมรอบ  ริมแขวงขอบเขตที่เจดีย์ฐาน
 +
พระปรางค์มีสี่ทิศพิสดาร  โบสถ์วิหารการเปรียญล้วนเขียนทอง
 +
ที่หน้าบันปั้นอย่างเมืองกวางตุ้ง  ดูเรืองรุ่งรูปนกผกผยอง
 +
กระเบื้องเคลือบเหลือบสลับเหลี่ยมรับรอง  ศาลาสองหน้ารอบขอบกำแพง
 +
สิงโตจีนตีนตัวน่ากลัวกลอก  ขยับขยอกแยกเขี้ยวเสียวแสยง
 +
ที่ตึกก่อช่อฟ้าใบระกาแดง  ริมกำแพงตะพานขวางเคียงข้างคลอง
 +
เป็นพลับพลาพาไลข้างในเสด็จ  เดือนสิบเอ็ดเคยประทานงานฉลอง
 +
เล่นโขนหนังฟังปี่พาทย์ระนาดฆ้อง  ละครร้องเรื่องแขกฟังแปลกไทย
 +
ประทานรางวัลนั้นไม่ขาดคนดาษดื่น  ทั้งวันคืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
 +
จะวายเห็นเย็นเยียบเหงาเงียบใจ  โอ้อาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ฯ
 +
 
 +
๏ เคยอยู่กินถิ่นที่กระฎีก่อ  เป็นตึกต่อต่างกำแพงฝากแฝงฝา
 +
เป็นสองฝ่ายท้ายวัดวิปัสสนา  ข้างโบสถ์บาเรียนเรียงเคียงเคียงกัน
 +
เป็นสี่แถวแนวทางเดินหว่างกุฎิ์  มีสระขุดเขื่อนลงพระสงฆ์ฉัน
 +
ข้างทิศใต้ในจงกรมพรหมจรรย์  มีพระคันธกุฎีที่บำเพ็ง
 +
ศาลากลางทางเดินแลเพลินจิต  ประดับประดิษฐ์ดูดีเป็นที่เก๋ง
 +
จะเริดร้างห่างแหสุดแลเล็ง  ยิ่งพิศเพ่งพาสลดกำสรดทรวง ฯ
 +
 
 +
๏ หอระฆังดังทำนองหอกลองใหญ่  ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง
 +
ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวง  บ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน
 +
ชมพู่แลแต่ละต้นมีผลลูก  ดูดั่งผูกพวงระย้านึกน่าฉัน
 +
ทรงบาดาลบานดอกรีบออกทัน  เก็บทุกวันเช้าเย็นไม่เว้นวาย ฯ
 +
 
 +
๏ เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถ  สะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย
 +
เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดาย  เคยแก้อายหลายครั้งประทังทน
 +
ได้เก็บฉันวันละน้อยอร่อยรส  ด้วยยามอดอัตคัดแสนขัดสน
 +
จะซื้อหาชาจีนทรัพย์สินจน  จะจากต้นชาให้อาลัยชา ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบาก  เหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา
 +
โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตา  ไว้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว
 +
เคยเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่  มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว
 +
ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราว  โอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกัน ฯ
 +
 
 +
๏ ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่  น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน
 +
ช่างทำเป็นเช่นดอกจอกเป็นดอกจันทน์  งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา
 +
มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก  ทำน่ารักรูปสัตว์เหมือนมัจฉา
 +
จะแลลับกลับกลายสุดสายตา  เคยไปมามิได้เห็นจะเว้นวาย ฯ
 +
 
 +
๏ ตรุษสงกรานต์ท่านแต่งเครื่องแป้งสด  ระรื่นรสราเชนพุมเสนกระสาย
 +
น้ำกุหลาบอาบอุระแสนสบาย  ถึงเคราะห์ร้ายหายหอมให้ตรอมทรวง
 +
เหมือนแสนโง่โอ้เสียแรงแต่งหนังสือ  จนมีชื่อลือเลื่องทั้งเมืองหลวง
 +
มามืดเหมือนเดือนแรมไม่แจ่มดวง  ต้องเหงาง่วงทรวงเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ
 +
จำจากเพื่อนเหมือนจะพาน้ำตาตก  ต้องระหกระเหินหาที่อาศัย
 +
โอ้แสนอายปลายอ้อยเลื่อนลอยไป  เจ็บเจ็บใจไม่รู้หายซังตายทน ฯ
 +
 
 +
๏ ที่อารีมีคุณการุญรัก  ได้เห็นพักตร์พบปะปีละหน
 +
เข้าวัสสามาทั่วทุกตัวตน  ถวายต้นไม้กระถางต่างต่างกัน
 +
ดูกิ่งใบไม้แซมติดแต้มแต่ง  ลูกดอกแฝงแกล้งประดิษฐ์ความคิดขยัน
 +
พุ่มสีผึ้งถึงดีลิ้นจี่จันทน์  ต้นแก้วกรรณิการ์มีสารพัด
 +
ทำรูปพราหมณ์งามพริ้มแย้มยิ้มเยือน  กินนรเหมือนนางกินนรแขนอ่อนหยัด
 +
ดูนางนั่งปลั่งเปล่งดูเคร่งครัด  หน้าเหมือนผัดผ่องผิวกรีดนิ้วนาง
 +
รูปนกหกผกผินกินลูกไม้  บ้างจับไซ้ขนพลิกพลิ้วปีกหาง
 +
นกยางเจ่าเซาจกเหมือนนกยาง  รูปเสือกวางกบกระต่ายมีหลายพรรณ
 +
ทำแปลกแปลกแขกฝาหรั่งทั้งเจ้าเงาะ  หน้าหัวเราะรูปร่างคิ้วคางขัน
 +
สุกรแกะแพะโผนเผ่นโดนกัน  ล้วนรูปปั้นต่างต่างเหมือนอย่างเป็น
 +
จะแลลับนับปีครั้งนี้หนอ  ที่ชอบพอเพื่อนสำราญจะนานเห็น
 +
ด้วยโศกสุมรุมร้อนไม่หย่อนเย็น  จงอยู่เป็นสุขสุขทุกทุกคน
 +
ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์  ให้บริบูรณ์พูนสมบัติพิพัฒน์ผล
 +
เกิดกองทองกองนากอย่ายากจน  เจริญพ้นภัยพาลสำราญเริง ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้สงสารหลานสาวเหล่าข้าหลวง  เคยมาลวงหลงเชื่อจนเหลือเหลิง
 +
ไม่รู้เท่าเจ้าทั้งนั้นเสียชั้นเชิง  เชิญบันเทิงเถิดนะหลานปากหวานดี
 +
ได้ฉันลมชมลิ้นเสียสิ้นแล้ว  ล้วนหลานแก้วหลอกน้าต้องล่าหนี
 +
จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปี  อยู่จงดีได้เป็นหม่อมให้พร้อมเพรียง ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้เดือนอ้ายไม่ขาดกระจาดหลวง  ใส่เรือพ่วงพวกแห่เซ็งแซ่เสียง
 +
อึกทึกครึกโครมคบโคมเคียง  เรือรายเรียงร้องขับตีทับโทน
 +
บ้างเขียนหน้าทาดำยืนรำเต้น  ลางลำเล่นงิ้วหนังมีทั้งโขน
 +
พวกขี้เมาเหล่าประสกตลกโลน  ร้องโยนโหยนโย้นฉับรับชาตรี
 +
ล้วนเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพร้อม  ของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี
 +
ทั้งขุนนางต่างมาด้วยบารมี  ปี่พาทย์ตีเต้นรำทุกลำเรือ
 +
ของขนมส้มสูกทั้งลูกไม้  หมูเป็ดไก่กุ้งแห้งแตงมะเขือ
 +
พร้าวอ่อนด้วยกล้วยอ้อยนับร้อยเครือ  จนล้นเหลือเกลือปลาร้าสารพัน
 +
แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสด  สบงแปดคืบจัดเป็นสัตตขันธ์
 +
โอ้แต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นนั้น  นับคืนวันปีเดือนจะเลื่อนลอย
 +
เหลืออาลัยใจเอ่ยจะเลยลับ  เหลืออาภัพพูดยากเหมือนปากหอย
 +
ให้เขินขวยด้วยว่าวาสนาน้อย  ต้องหน้าจ๋อยน้อยหน้าระอาอาย
 +
ออกวัสสาผ้าสบงกระทงเข้า  พระองค์เจ้าจบพระหัตถ์จัดถวาย
 +
ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนาย  สำรวมกายก้มหน้าเกรงบารมี
 +
สวดมนต์จบหลบออกข้างนอกเล่า  ปะแต่เหล่าสาวแซ่ห่มแพรสี
 +
สู้หลับตามาจนสุดถึงกุฎี  เหมือนไม่มีตาตัวด้วยกลัวตาย ฯ
 +
 
 +
๏ ตั้งแต่นี้มิได้หลบไม่พบแล้ว  จงผ่องแผ้วพักตร์เหมือนดั่งเดือนหงาย
 +
จะเงียบเหงาเช้าเย็นจะเว้นวาย  โอ้ใจหายหมายมาดเคลื่อนคลาดคลา
 +
เหมือนใบศรีมีงานท่านสนอม  เจิมแป้งหอมน้ำมันจันทน์ให้หรรษา
 +
พอเสร็จการท่านเอาลงทิ้งคงคา  ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง
 +
เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลับ  มิได้รับไทยทานดูงานฉลอง
 +
โอ้ทองหยิบลิบลอยทั้งฝอยทอง  มิได้ครองไตรแพรเหมือนแต่เดิม ฯ
 +
 
 +
๏ พระสิงหะพระอภัยพระทัยจืด  ไม่ยาวยืดยกยอชะลอเฉลิม
 +
เมื่อกระนั้นจันทน์และกระแจะเจิม  ได้พูนเพิ่มเหิมฮึกอยู่ตึกราม
 +
ครั้นเหินห่างร้างเริดก็เกิดทุกข์  ไพรีรุกบุกเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
 +
สู้ต่ำต้อยน้อยตัวเกรงกลัวความ  ด้วยเป็นยามยากจนจำทนทาน ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถ  เจ้าไกรลาศโลกามหาสถาน
 +
ทรงงัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล  ถือพัดตาลตาไฟประลัยกัลป์
 +
ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสริฐ  ให้ตายเกิดสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
 +
ตรัสอย่างไรไปเป็นเหมือนเช่นนั้น  พระโปรดฉันเชิญช่วยอำนวยพร
 +
เผื่อว่าจักรักใคร่ที่ไหนมั่ง  ให้สมหวังดังจำนงประสงค์สมร
 +
ทรงเวทมนตร์ดลประสิทธิ์ฤทธิรอน  เจริญพรภิญโญเดโชชัย
 +
ที่หวังชื่นกลืนกลั้นกระสันสวาท  อย่าแคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน
 +
มิตรจิตขอให้มิตรใจไป  ที่มืดไม่เห็นห้องช่วยส่องเทียน ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทร  พระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร
 +
มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวียน  สถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี
 +
ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ  เหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี
 +
ขอมหาอานุภาพปราบไพรี  อย่าให้มีมารขวางระคางระคาย
 +
ที่คนคิดริษยานินทาโทษ  พระเปลื้องโปรดปราบประยูรให้สูญหาย
 +
ศัตรูเงียบเรียบร้อยจะลอยชาย  ไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวัน ฯ
 +
 
 +
๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัด  พิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน
 +
ทรงสีเหลืองเครื่องไฟประลัยกัลป์  กุมพระขรรค์กรดกระหวัดพัดโพยม
 +
ขอเดชาวายุเวกจะเสกเวท  พอหลับเนตรพริบหนึ่งไปถึงโฉม
 +
จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลม  เหมือนกินโสมโศกสร่างสว่างทรวง
 +
สุมามาลย์บานแบ่งแมลงภู่  ขอสิงสู่สมสงวนไม่ควรหวง
 +
จะเหือดสิ้นกลิ่นอายเสียดายดวง  จะหล่นร่วงโรยรสต้องอดออม ฯ
 +
 
 +
๏ โอ้อกเอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นแช่ม  เชยที่แย้มยิ้มพรายไม่หายหอม
 +
แต่หัสนัยน์ตรัยตรึงส์ท่านถึงจอม  ยังแปลงปลอมเปลื้องปลิดไพจิตรา
 +
ได้บุตรีที่รักยักษ์อสูร  สืบประยูรอยู่ถึงดาวดึงสา
 +
เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา  เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี ฯ
 +
 
 +
๏ อย่าประมาทชาติหมู่แมงภู่ผึ้ง  ประสงค์ซึ่งเสน่หาสร้อยสาหรี
 +
ดูดอกไม้ในจังหวัดปัฐพี  ดวงใดดีมีกลิ่นรวยรินรส
 +
พอบานกลีบรีบถึงลงคลึงเคล้า  ฟุบแฝงเฝ้าเฟ้นฟอนเกสรสด
 +
สัจจังจริงมิ่งขวัญอย่ารันทด  ถ้ากลิ่นใกล้ได้รสเหลืออดออม
 +
อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้  สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม
 +
ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอม  ต้องอดออมอกตรมระทมทวี
 +
แม้นรับรักหักว่าเมตตาตอบ  เมื่อผิดชอบผ่ายหน้าจะพาหนี
 +
เหมือนอิเหนาเขาก็รู้ไม่สู้ดี  แต่เพียงพี่นี้ก็ได้ด้วยง่ายดาย
 +
อย่าหลบหลู่ดูถูกแต่ลูกยักษ์  เขายังลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย
 +
เหมือนตัวพี่นี้ก็ลือว่าชื่อชาย  รู้จักฝ่ายฟ้าดินชินชำนาญ
 +
ถึงนัทีสีขเรศขอบเขตแขวง  ป้อมกำแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร
 +
เดชะฤทธิ์วิทยาปรีชาชาญ  ช่วยบันดาลได้สมอารมณ์ปอง ฯ
 +
 
 +
๏ จริงจริงนะจะไปอุ้มเนื้อนุ่มน่วม  ลงนั่งร่วมเรือกลพยนต์ผยอง
 +
อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคียงประคอง  ครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา
 +
พอลมดีพี่จะให้ใช้ใบแล่น  ไปตามแผนที่ประเทศเพศภาษา
 +
แสนสบายสายสมุทรสุดสายตา  เห็นแต่ฟ้าน้ำเขียวเปล่าเปลี่ยวทรวง
 +
ในสายชลวนลึกโครมครึกคลื่น  สุดจะฝืนฝ่าชะเลหลวง
 +
เห็นฝูงปลานาคินสิ้นทั้งปวง  เกิดในห้วงห้องมหาคงคาเค็ม
 +
แขกฝาหรั่งมังค่าพวกพาณิช  สังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม
 +
เข้าประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็ม  เขาไปเต็มตามทางกลางนัที
 +
ถ้าแม้นว่าปลาวาฬผุดผ่านหน้า  เรือไม่กล้าใกล้เคียงหลีกเลี่ยงหนี
 +
แนวชลาน่าชมน้ำลมดี  ดูเร็วรี่เรือเรื่อยไม่เหนื่อยแรง
 +
เย็นระรื่นคลื่นเรียบเงียบสงบ  มหรรณพพริบเนตรในเขตแขวง
 +
แม้นควันคลุ้มกลุ่มกลมเป็นลมแดง  เป็นสายแสงเสียงลั่นสนั่นดัง
 +
บัดเดี๋ยวคลื่นครื้นครึกสะทึกโถม  ขึ้นสาดโทรมดาดฟ้าคงคาขัง
 +
เสียงฮือฮืออื้ออึงตูมตึงตัง  ด้วยกำลังลมกล้าสลาตัน ฯ
 +
 
 +
๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลื่น  ก็ฝ่าฝืนฟูสบายแล่นผายผัน
 +
แม่เห็นคลื่นครื้นเครงจะเกรงครัน  จะรับขวัญอุ้มน้องประคองเคียง
 +
จะเขียนธงลงยันต์ปักกันคลื่น  ให้หายรื่นราบเรียบเงียบเซียบเสียง
 +
จะแย้มสรวลชวนนั่งที่ตั่งเตียง  ให้เอนเอียงแอบอุ่นละมุนทรวง
 +
จะแสนชื่นรื่นรสแป้งสดหอม  เห็นจะยอมหย่อนตามไม่ห้ามหวง
 +
เหมือนได้แก้วแววฟ้าจินดาดวง  ไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลา ฯ
 +
 
 +
๏ ออกลึกซึ้งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร  เห็นน้ำสุดสูงฟูมดั่งภูมผา
 +
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา  สูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
 +
เรือลูกค้าพาณิชไม่ชิดเฉียด  แล่นก้าวเสียดหลีกลำตามน้ำไหล
 +
แลชะเลเภตราบ้างมาไป  เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ
 +
แม้นพรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูป  สว่างวูบวงแดงดั่งแสงกระสือ
 +
ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือ  พัดกระพือเผาหนังแก้รังควาน ฯ
 +
 
 +
๏ แต่ตัวพี่มีอุบายแก้พรายผุด  เสกเพลิงชุดเช่นกับไฟประลัยผลาญ
 +
ทิ้งพรายน้ำทำลายวอดวายปราณ  มิให้พานพักตร์น้องอย่าหมองมัว
 +
ดูปลาใหญ่ในสมุทรผุดพ่นน้ำ  มืดเหมือนคล้ำคลุ้มบดสลดสลัว
 +
พุ่งทะลึ่งถึงฟ้าดูน่ากลัว  แต่ละตัวตละโขดนับโยชน์ยาว
 +
จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หัวเราะ  ชวนชมเกาะกะเปาะกลมชื่อนมสาว
 +
สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาว  ดูเรือชาวเมืองใช้ใบไปมา
 +
เรือสลัดตัดระกำร้อยลำหวาย  ทำเรือค่ายรายแล่นล้วนแน่นหนา
 +
น้าวกระเชียงเสียงเฮสุเรสุรา  ใส่เสื้อผ้าโพกนั้นลงยันต์ราย
 +
เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อน  ปลอมเรือจรจับบรรดาลูกค้าขาย
 +
ตัวคนได้ไม่ล้างให้วางวาย  เจาะตีนหวายร้อยส้นทุกคนไป ฯ
 +
 
 +
๏ โดยหากว่าถ้าไปปะเรือสลัด  ศรีสวัสดิ์แพรวจะพรั่นประหวั่นไหว
 +
จะอุ้มวางกลางตักสะพักไว้  โบกธงชัยให้จังงังกำบังตา
 +
แล้วจะใช้ใบเยื้องไปเมืองเทศ  ชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา
 +
ทั้งหนุ่มสาวเกล้ามวยสวยโสภา  แต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี
 +
ล้วนนุ่งห่มโขมพัสตร์ถือสัจศิล  ใส่เพชรนิลแนมประดับสลับสี
 +
แลพิลึกตึกตั้งล้วนมั่งมี  ชาวบุรีขี่รถบทจร ฯ
 +
 
 +
๏ จะเชิญแก้วแววเนตรขึ้นเขตแคว้น  จัดซื้อแหวนเพชรรัตน์ประภัสสร
 +
ให้สร่างทรวงดวงสุดาสถาวร  สว่างร้อนรับขวัญทุกวันคืน
 +
จะระวังนั่งประคองเคียงน้องน้อย  ให้ใช้สอยสารพัดไม่ขัดขืน
 +
กลืนไว้ได้ในอุระก็จะกลืน  ให้แช่มชื่นชมชะเลทุกเวลา ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วจะชวนนวลละอองตระกองอุ้ม  ให้ชมเพลินเนินมะงุมมะงาหรา
 +
ไปเกาะที่อิเหนาชาวชวา  วงศ์อสัญแดหวาน่าหัวเราะ
 +
จมูกโด่งโง้งงุ้มทั้งหนุ่มสาว  ไม่เหมือนกล่าวราวเรื่องหูเหืองเจาะ
 +
ไม่เพริศพริ้งหญิงชายคล้ายคล้ายเงาะ  ไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม
 +
ไม่แง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อน  ไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม
 +
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม  จะพาข้ามเข้าละเมาะเกาะมาลากา
 +
เดิมของแขกแตกฝาหรั่งไปทั้งตึก  แลพิลึกครึกครื้นขายปืนผา
 +
เมื่อครั้งนั้นปันหยีอุ้มวียะดา  ชี้ชมสัตว์มัจฉาในสาคร ฯ
 +
 
 +
๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพี่  จะช่วยชี้ชมตลิ่งเหล่าสิงขร
 +
ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอน  ร้องละครอิเหนาเข้ามาลากา
 +
แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝั่ง  ไปชมละเมาะเกาะวังกัลพังหา
 +
เกิดในน้ำดำนิลดั่งศิลา  เหมือนรุกขาขึ้นสล้างหว่างคีริน
 +
ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงาง้ำ  เวลาน้ำขึ้นกระเพื่อมถึงเงื้อมหิน
 +
เห็นหุบห้องปล่องชลาฝูงนาคิน  ขึ้นมากินเกยนอนชะอ้อนเนิน
 +
ภูเขานั้นวันหนึ่งแล่นจึ่งรอบ  เป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน
 +
จะชื่นชวนนวลละอองประคองเดิน  เลียบเหลี่ยมเนินเพลินชมพนมนิล
 +
จริงนะจ๊ะจะเก็บทั้งกัลพังหา  เม็ดมุกดาคลื่นสาดกลางหาดหิน
 +
เบี้ยอี้แก้แลรอบขอบคีริน  ระรื่นกลิ่นไม้หอมมีพร้อมเพรียง
 +
สะพรั่งต้นผลดอกออกไม่ขาด  ศิลาลาดลดหลั่นชั้นเฉลียง
 +
จะค่อยเลียบเหยียบย่องประคองเคียง  เป็นพี่เลี้ยงเพียงพี่ร่วมชีวา
 +
จำปาดะองุ่นหอมกรุ่นกลิ่น  ก้าแฝ่ฝิ่นสินธุต้นบุหงา
 +
ด้วยเกาะนี้ที่ทำเลเทวดา  แต่นกกาก็มิได้ไปใกล้กราย ฯ
 +
 
 +
๏ แล้วจะใช้ใบไปดูเมืองสุหรัด  ท่าคลื่นซัดซึ้งวนชลสาย
 +
ตั้งตึกรามตามตลิ่งแขกหญิงชาย  แต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพิมพ์
 +
พื้นม่วงตองทองช้ำยำมะหวาด  ฉีกวิลาศลายลำยองเขียนทองจิ้ม
 +
ทำที่อยู่ดูพิลึกล้วนตึกทิม  เรียบเรียงริมฝั่งสมุทรแลสุดตา
 +
จะตามใจให้เพลินเจริญเนตร  ชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา
 +
ได้แย้มสรวลชวนใช้ใบลีลา  ไปมังกล่าฝาหรั่งระวังตระเวณ
 +
กำปั่นไฟใหญ่น้อยออกลอยเที่ยว  ตลบเลี้ยวแลวิ่งดั่งจิ้งเหลน
 +
ถ้วนเดือนหนึ่งจึงจะผลัดพวกหัศเกน  เวียนตระเวณไปมาทั้งตาปี ฯ
 +
 
 +
๏ เมืองมังกล่าฝาหรั่งอยู่ทั้งแขก  พวกเจ๊กแทรกแปลกหน้าทำภาษี
 +
แลพิลึกตึกรามงามงามดี  ตึกเศรษฐีมีทรัพย์ประดับประดา
 +
ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่าง  ประตูหน้าต่างติดเครื่องรอบเฝืองฝา
 +
ล้วนขายเพชรเจ็ดสีมีราคา  วางไว้หน้าตึกร้านใส่จานราย
 +
แล้วตัวไปไม่นั่งระวังของ  คนซื้อร้องเรียกหาจึ่งมาขาย
 +
ด้วยไม่มีตีโบยขโมยขมาย  ทั้งหญิงชายเช้าค่ำเขาสำราญ
 +
นอกกำแพงแขวงเขตประเทศถิ่น  เป็นสวนอินทผาลัมทับน้ำหวาน
 +
รองอ่างไว้ใช้ทำแทนน้ำตาล  ห้องแต่งงานขันหมากเหลือหลากจริง
 +
ถึงขวบปีมีจั่นทำขวัญต้น  แต่งเหมือนคนขอสู่นางผู้หญิง
 +
แม้นถึงปีมีลูกใครปลูกทิ้ง  ไม่ออกจริงจั่นหล่นลำต้นตาย
 +
บ้านตลาดกวาดเลี่ยนเตียนตะล่ง  ถึงของหลงลืมไว้ก็ไม่หาย
 +
ไปชมเล่นเช่นฉันว่าประสาสบาย  บ้านเมืองรายหลายประเทศต่างเพศพันธุ์ ฯ
 +
 
 +
๏ จะพาไปให้สร้างทางกุศล  ขึ้นสิงหลเห็นจะได้ไปสวรรค์
 +
ไหว้เจดีย์ที่ทำเลเวฬุวัน  พระรากขวัญอันเป็นยิ่งเขาสิงคุตร์ ฯ
 +
 
 +
๏ คิดจะใช้ใบข้ามไปตามเข็ม  เขียนมาเต็มเล่มแล้วจะสิ้นสมุด
 +
เหมือนหมายทางต่างทวีปเรือรีบรุด  พอสิ้นสุดสายมหาอารณพ
 +
เหมือนเรื่องรักจักประเวศประเทศถิ่น  มิทันสิ้นสุดคำก็จำจบ
 +
แม้นขืนเคืองเปลื้องปลิดไม่คิดคบ  จะเศร้าซบโศกสะอื้นทุกคืนวัน
 +
เหมือนยักษีที่สิงขรต้องศรกก  ปักตรึงอกอานภาพซ้ำสาปสรร
 +
อยู่นพบุรีที่ตรงหว่างเขานางประจัน  เสียงไก่ขันขึ้นนนทรีคอยตีซ้ำ
 +
แสนวิตกอกพระยาอุณาราช  สุดหมายมาดไม่มีที่อุปถัมภ์
 +
ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยำ  ต้องตีซ้ำช้ำในฤทัยระทม ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงกระไรได้อุตส่าห์อาสาสมัคร  ขอเห็นรักสักเท่าซีกกระผีกผม
 +
พอชื่นใจได้สร่างสว่างอารมณ์  เหมือนนิยมสมคะเนเถิดเทวัญ
 +
ถวิลหวังสังวาสสวาทแสวง  ให้แจ่มแจ้งแต่งตามเรื่องความฝัน
 +
ฝากฝีปากฝากคำที่สำคัญ  ชื่อรำพันพิลาปล้ำกาพย์กลอน
 +
เปรียบเหมือนกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์  สำเนียงเห่เทวัญริมบรรจถรณ์
 +
เสวยสวัสดิ์วัฒนาสถาวร  วานฟังกลอนกลอยแก่เถิดแม่เอย ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

รุ่นปัจจุบันของ 07:39, 9 กรกฎาคม 2552

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: สุนทรภู่

บทประพันธ์

๏ สุนทรทำคำประดิษฐ์นิมิตฝัน
พึ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์จึ่งจดวันเวลาด้วยอาวรณ์
แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิดในนิมิตเมื่อภวังค์วิสังหรณ์
เดือนแปดวันจันทวาเวลานอนเจริญพรภาวนาตามบาลี
ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณให้สุขสิ้นดินฟ้าทุกราศี
เงียบสงัดวัดวาในราตรีเสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง
หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอกสำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง
เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียงตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง
ฝ่ายฝูงหนูมูสิกกิกกิกร้องเสียวสยองยามยินถวิลหวัง
อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรังริมบานบังบินร้องสยองเย็น
ยิ่งเยือกทรวงง่วงเหงาซบเซาโศกยามวิโยคยากแค้นสุดแสนเข็ญ
ไม่เทียมเพื่อนเหมือนจะพาเลือดตากระเด็นเที่ยวซ่อนเร้นไร้ญาติหวาดวิญญาณ์ ฯ
๏ แต่ปีวอกออกขาดราชกิจบรรพชิตพิศวาสพระศาสนา
เหมือนลอยล่องท้องชะเลอยู่เอกาเห็นแต่ฟ้าฟ้าก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล
ดูฟากฝั่งหวังจะหยุดก็สุดเนตรแสนเทวษเวียนว่ายสายกระแส
เหมือนทรวงเปลี่ยวเที่ยวแสวงทุกแขวงแควได้เห็นแต่ศิษย์หาพยาบาล
ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่วจังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน
เมืองพริบพรีที่เขาทำรองน้ำตาลรับประทานหวานเย็นก็เป็นลม
ไปราชพรีมีแต่พาลจังทานพระเหมือนไปปะบระเพ็ดเหลือเข็ดขม
ไปขึ้นเขาเล่าก็ตกอกระบมทุกข์ระทมแทบจะตายเสียหลายคราว ฯ
๏ ครั้งไปด่านกาญจน์บุรีที่กะเหรี่ยงฟังแต่เสียงเสือสีห์ชะนีหนาว
นอนน้ำค้างพร่างพนมพรอยพรมพราวเพราะเชื่อลาวลวงว่าแร่แปรเป็นทอง
ทั้งฝ่ายลูกถูกปอบมันลอบใช้หาแก้ได้ให้ไปเข้ากินเจ้าของ
เข้าวัสสามาอยู่ที่สองพี่น้องยามขัดข้องขาดมุ้งริ้นยุงชุม
ทุกเช้าค่ำลำบากแสนยากยิ่งเหลือทนจริงเจ็บแสบใส่แกลบสุม
เสียงฉู่ฉู่หวู่ว่อนเวียนร่อนรุมเป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกัดนั่งปัดยุง
โอ้ยามยากอยากใคร่ได้เหล็กไหลเล่นทำทองเป็นปั้นเตาเผาถลุง
ลองตำราอาจารย์ทองบ้านจุงจดเกลือหุงหายสูญสิ้นทุนรอน ฯ
๏ คราวไปคิดปริศนาตามตาเถรเขากาเพนพบมหิงส์ริมสิงขร
มันตามติดขวิดคร่อมอ้อมอุทรหากมีขอนขวางควายไม่วายชนม์
เดชะบุญคุณพระอนิสงส์ช่วยดำรงรอดตายมาหลายหน
เหตุด้วยเคราะห์เพราะว่าไว้วางใจคนจึ่งจำจนใจเปล่าเปลืองข้าวเกลือ ฯ
๏ โอ้ยามอยู่สุพรรณกินมันเผือกเคี้ยวแต่เปลือกไม้หมากเปรี้ยวปากเหลือ
จนแรงโรยโหยหิวผอมผิวเนื้อพริกกับเกลือกลักใหญ่ยังไม่พอ
ทั้งผ้าพาดบาตรเหล็กของเล็กน้อยขโมยถอยไปทั้งเรือไม่เหลือหลอ
เหลือแต่ผ้าอาศัยเสียใจคอชาวบ้านทอถวายแทนแสนศรัทธา ฯ
๏ คิดถึงคราวเจ้านิพพานสงสารโศกไปพิศีโลกลายแทงแสวงหา
ลงหนองน้ำปล้ำตะเข้หากเทวดาช่วยรักษาจึ่งได้รอดไม่วอดวาย
วันไปอยู่ภูผาเขาม้าวิ่งเหนื่อยนอนพิงเพิงไศลหลับใจหาย
ครั้นดึกดูงูเหลือมเลื่อยเลื่อมลายล้อมรอบกายเกี้ยวตัวกันผัวเมีย
หนีไม่พ้นจนใจได้สติสมาธิถอดชีวิตอุทิศเสีย
เสียงฟู่ฟู่ขู่ฟ้อเคล้าคลอเคลียแลบลิ้นเลียแล้วเลื้อยแลเฟือยยาว
ดูใหญ่เท่าเสากระโดงผีโป่งสิงเป็นรูปหญิงยืนหลอกผมหงอกขาว
คิดจะตีหนีไปกลัวไม้เท้าโอ้เคราะห์คราวขึ้นไปเหนือเหมือนเหลือตาย ฯ
๏ เมื่อขาล่องต้องตอเรือหล่อล่มเจียนจะจมน้ำม้วยระหวยระหาย
ปะหาดตื้นขึ้นรอดไม่วอดวายแต่ปะตายหลายหนหากทนทาน
แล้วมิหนำซ้ำบุตรสุดที่รักขโมยลักหลายหนผจญผลาญ
ต้องต่ำต้อยย่อยยับอัประมาณมาอยู่วิหารวัดเลียบยิ่งเยียบเย็น
โอ้ยามจนล้นเหลือสิ้นเสื่อหมอนสู้ซุ่มซ่อนเสียมิให้ใครใครเห็น
ราหูทับยับเยินเผอิญเป็นเปรียบเหมือนเช่นพราหมณ์ชีมณีจันท์ ฯ
๏ จะสึกหาลาพระอธิษฐานโดยกันดารเดือดร้อนสุดผ่อนผัน
พอพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณเธอช่วยกันแก้ร้อนค่อยหย่อนเย็น
อยู่มาพระสิงหะไตรภพโลกเห็นเศร้าโศกแสนแค้นสุดแสนเข็ญ
ทุกค่ำคืนฝืนหน้าน้ำตากระเด็นพระโปรดเป็นที่พึ่งเหมือนหนึ่งนึก
ดังไข้หนักรักษาวางยาทิพย์ฉันทองหยิบฝอยทองไม่ต้องสึก
ค่อยฝ่าฝืนชื่นฉ่ำดั่งอำมฤกแต่ตกลึกเหลือที่จะได้สบาย ฯ
๏ ค่อยเบาบางสร่างโศกเหมือนโรคฟื้นจะเดินยืนยังไม่ได้ยังไม่หาย
ได้ห่มสีมีหมอนเสื่ออ่อนลายค่อยคลายอายอุตส่าห์ครองฉลองคุณ
เหมือนพบปะพระสิทธาที่ปรารภชุบบุตรลพเลี้ยงเหลือช่วยเกื้อหนุน
สนอมพักตร์รักษาด้วยการุญทรงสร้างบุญคุณศีลเพิ่มภิญโญ
ถึงยากไร้ได้พึ่งหมือนหนึ่งแก้วพาผ่องแผ้วผิวพักตร์ขึ้นอักโข
พระฤๅษีที่ท่านช่วยชุบเสือโคให้เรืองฤทธิ์อิศโรเดโชชัย
แล้วไม่เลี้ยงเพียงแต่ชุบช่วยอุปถัมภ์พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน
ช่วยชี้ทางกลางป่าให้คลาไคลหลวิชัยคาวีจำลีลา
แต่ละองค์ทรงพรตพระยศยิ่งเป็นยอดมิ่งเมืองมนุษย์นี้สุดหา
จงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนาพระชันษาสืบยืนอยู่หมื่นปี ฯ
๏ เป็นคราวเคราะห์ก็ต้องพรากจากวิหารกลัวพวกพาลผู้ร้ายจำย้ายหนี
อยู่วัดเทพธิดาด้วยบารมีได้ผ้าปีปัจจัยไทยทาน
ถึงยามเคราะห์ก็เผอิญให้เหินห่างไม่เหมือนอย่างอยู่ที่พระวิหาร
โอ้ใจหายกลายกลับอัประมาณโดยกันดารเดือดร้อนไม่หย่อนเย็น
ได้พึ่งพระปะแพรพอแก้หน้าสองวัสสาสิ้นงามถึงยามเข็ญ
คิดขัดขวางอย่างจะพาเลือดตากระเด็นบันดาลเป็นปลวกปล่องขึ้นห้องนอน
กัดเสื่อสาดขาดปรุทะลุสมุดเสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร
เสียแพรผ้าอาศัยไตรจีวรดูพรุนพรอนพลอยพาน้ำตาคลอ
ถึงคราวคลายปลายอ้อยบุญน้อยแล้วไม่ผ่องแผ้วพักตราวาสนาหนอ
นับปีเดือนเหมือนจะหักทั้งหลักตอแต่รั้งรอร้อนรนกระวนกระวาย ฯ
๏ ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย
สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอายจนถึงปลายปีฉลูมีธุระ
ไปทางเรือเหลือสลดด้วยปลดเปลื้องระคางเคืองข้องขัดสลัดสละ
ลืมวันเดือนเขียนเฉยแกล้งเลยละเห็นแต่พระอภัยพระทัยดี
ช่วยแจวเรือเกื้อหนุนทำบุญด้วยเหมือนโปรดช่วยชูหน้าเป็นราศี
กลับมาถึงผึ้งมาจับอยู่กับกระฎีทำรังที่ทิศประจิมริมประตู
ต้องขัดเคืองเรื่องราวด้วยคราวเคราะห์จวบจำเพาะสุริยาถึงราหู
ทั้งบ้านทั้งวังวัดเป็นศัตรูแม้นขืนอยู่ยากเย็นจะเห็นใคร
เครื่องกระฎีที่ยังเหลือแต่เสื่อขาดเข้าไสยาสน์ยุงกัดปัดไม่ไหว
เคยสว่างกลางคืนขาดฟืนไฟจะโทษใครเคราะห์กรรมจึ่งจำจน ฯ
๏ โอ้อายเพื่อนเหมือนเขาว่ากิ่งกาฝากมิใช่รากรักเร่ระเหระหน
ที่ทุกข์สุขขุกเข็ญเกิดเป็นคนต้องคิดขวนขวายหารักษากาย
ได้พึ่งบ้างอย่างนี้เป็นที่ยิ่งสัจจังจริงจงรักสมัครหมาย
ไม่ลืมคุณพูนสวัสดิ์ถึงพลัดพรายมิได้วายเวลาคิดอาลัย ฯ
๏ จะลับวัดพลัดที่กระฎีตึกสุดแต่นึกน้ำตามาแต่ไหน
เฝ้านองเนตรเช็ดพักตร์สักเท่าไรขืนหลั่งไหลรินร่ำน่ารำคาญ
คิดอายเพื่อนเหมือนเขาเล่าแม่เจ้านี่เร่ไปปีละร้อยเรือนเดือนละร้อยบ้าน
เพราะบุญน้อยย่อยยับอัประมาณเหลือที่ท่านอุปถัมภ์ช่วยบำรุง
ต่อเมื่อไรไปทำทองสำเร็จแก้ปูนเพชรพบทองสักสองถุง
จะผาสุกทุกสิ่งนอนกลิ้งพุงกินหมูกุ้งไก่เป็ดจนเข็ดฟัน
ขอเดชะพระมหาอานิสงส์ซึ่งรูปทรงสัจศีลถวิลสวรรค์
จะเที่ยวรอบขอบประเทศทุกเขตคันขอความฝันวันนี้บอกดีร้าย ฯ
๏ แล้วร่ำภาวนาในพระไตรลักษณ์ประหารรักหนักหน่วงตัดห่วงหาย
หอมกลิ่นธูปงูบระงับหลับสบายฝันว่าว่ายสายชะเลอยู่เอกา
สิ้นกำลังยังมีนารีรุ่นรูปเหมือนหุ่นเหาะเร่ร่อนเวหา
ช่วยจูงไปไว้ที่วัดได้ทัศนาพระศิลาขาวล้ำดังสำลี
ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่องแลเลื่อมเหลืองเรืองจำรัสรัศมี
พอเสียงแซ่แลหาเห็นนารีล้วนสอดสีสาวน้อยนับร้อยพัน
ล้วนใส่ช้องป้องพักตร์ดูลักขณะเหมือนนางสะสวยสมล้วนคมสัน
ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี
ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาดโอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี
ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรีแก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง
รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศเหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง
พอแลสบหลบชะม้ายชายชำเลืองดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม
ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อมแลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม
หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยมมาประโลมโลกาให้อาวรณ์
แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร
ครั้นปราศรัยไถ่ถามนามกรก็เคืองค้อนขามเขินสะเทินที
ขืนถามอีกหลีกเลี่ยงหลบเมียงม่ายเหมือนอายชายเฉยเมินดำเนินหนี
นางน้อยน้อยพลอยตามงามงามดีเก็บมาลีเลือกถวายไว้หลายพรรณ
แล้วชวนว่าอย่าอยู่ชมพูทวีปนิมนต์รีบไปสำราญวิมานสวรรค์
แล้วทรงรถกลดกั้นนางทั้งนั้นนั่งที่ชั้นลดล้อมน้อมคำนับ
ที่นั่งทิพย์ลิบเลื่อนคล้อยเคลื่อนคล้ายพรรณรายพรายเรืองเครื่องประดับ
ประเดี๋ยวเดียวเฉียวฉิบแลลิบลับจนลมจับวับใจอาลัยลาน ฯ
๏ ซึ่งสั่งให้ไปสวรรค์หรือชันษาจะมรณาในปีนี้เป็นปีขาล
แม้นเหมือนปากอยากใคร่ตายหมายวิมานขอพบพานภัคินีของพี่ยา
ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลกยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา
ได้แนบชมสมคะเนสักเวลาถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปฟากฟ้าให้ดิ้นโดยโหยหานิจจาเอ๋ย
ถึงชาตินี้พี่มิได้บุญไม่เคยขอชื่นเชยชาติหน้าด้วยอาวรณ์
แม้นรู้เหาะก็จะได้ตามไปด้วยสู้มอดม้วยมิได้ทิ้งมิ่งสมร
เสมอเนตรเชษฐาเวลานอนจะกล่าวกลอนกล่อมประทับไว้กับทรวง
สายสุดใจไม่หลับจะรับขวัญร้องโอดพันพัดชาช้าลูกหลวง
ประโลมแก้วแววตาสุดาดวงให้อุ่นทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
ยามกลางวันบรรทมจะชมโฉมขับประโลมข้างที่พัดวีถวาย
แม้นไม่ยิ้มหงิมเหงาจะเล่านิยายเรื่องกระต่ายตื่นตูมเหลือมูมมาม
ไม่รู้เหาะก็มิได้ขึ้นไปเห็นแม้นเหมือนเช่นชาวสุธาภาษาสยาม
ถ้ารับรักจักอุตส่าห์พยายามไปตามความคิดคงได้ปลงทอง ฯ
๏ นี่จนใจไม่รู้จักที่หลักแหล่งสุดแสวงสวาทหมายไม่วายหมอง
เมื่อยามฝันนั้นว่านึกนั่งตรึกตรองเดือนหงายส่องแสงสว่างดังกลางวัน
เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลาชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์
รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์พระรำพันกรุณาด้วยปรานี
ว่านวลหงส์องค์นี้อยู่ชั้นฟ้าชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี
วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ
จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิดมิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน
ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไรจะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียง ฯ
๏ สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้วแล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง
ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียงจึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย
เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่นสุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย
ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอยลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง
มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง
แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทองหล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียง ฯ
๏ คิดจนตื่นฟื้นฟังระฆังฆ้องกลองหอกลองทึ้มทึ้มกระหึ่มเสียง
โกกิลากาแกแซ่สำเนียงโอ้นึกเพียงขวัญหายไม่วายวัน
วิสัยเราเล่าก็ไม่สู้ใฝ่สูงนางฟ้าฝูงไหนเล่ามาเข้าฝัน
ให้เฟือนจิตกิจกรมพรหมจรรย์ฤๅสาวสวรรค์นั้นจะใคร่ลองใจเรา
ให้รักรูปซูบผอมตรมตรอมจิตเสียจริตคิดขยิ่มง่วงหงิมเหงา
จะได้หัวเราะเยาะเล่นทุกเย็นเช้าจึงแกล้งเข้าฝันเห็นเหมือนเช่นนี้
แม้นนางอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์นึกกลัวสุดแสนกลัวเอาตัวหนี
สู้นิ่งนั่งตั้งมั่นถือขันตีอยู่กระฎีดั่งสันดานนิพพานพรหม
รักษาพรตปลดปละสละรักเพราะน้ำผักต้มหวานน้ำตาลขม
คิดรังเกียจเกลียดรักหักอารมณ์ไม่นิยมสมสวาทเป็นขาดรอน ฯ
๏ แต่ครั้งนี้วิปริตนิมิตฝันเฝ้าผูกพันมั่นหมายสายสมร
สาวสวรรค์ชั้นฟ้าจงถาวรเจริญพรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย
ซึ่งผูกจิตพิศวาสหมายมาดมุ่งมักนอนสะดุ้งด้วยพระขวัญจะหวั่นไหว
เสวยสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัยช่วยเลื่อมใสโสมนัสสวัสดี ฯ
๏ ขอเดชะพระอุมารักษาสวาทให้ผุดผาดเพียงพักตร์พระลักษมี
วิมานแก้วแววฟ้าฝูงนารีคอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง ฯ
๏ ขอเดชะพระอินทร์ดีดพิณแก้วให้เจื้อยแจ้วจับใจแจ่มใสเสียง
สาวสุรางค์นางรำระบำเรียงคอยขับกล่อมพร้อมเพรียงเคียงประคอง
ขอพระจันทร์กรุณารักษาศรีให้เหมือนมณีนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
เหมือนหุ่นเชิดเลิศล้วนนวลละอองให้ผุดผ่องผิวพรรณเพียงจันทรา ฯ
๏ ขอพระพายชายเชยรำเพยพัดให้ศรีสวัสดิ์สว่างจิตขนิษฐา
หอมดอกไม้ในทวีปกลีบผกาให้หอมชื่นรื่นวิญญาณ์นิทรารมณ์ ฯ
๏ ขอเดชะพระคงคารักษาสนอมอย่าให้มอมมีระคายเท่าปลายผม
ให้เย็นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเช่นน้ำลมกล่อมประทมโสมนัสสวัสดี ฯ
๏ ด้วยเดิมฉันฝันได้ยลวิมลพักตร์สุดแสนรักลักประโลมโฉมฉวี
ถวิลหวังตั้งแต่นั้นจนวันนี้ขออย่ามีโทษโปรดยกโทษกรณ์
ด้วยเกิดเป็นเช่นมนุษย์บุรุษราชมาหมายมาดนางสวรรค์ร่วมบรรจถรณ์
ขอษมาการุญพระสุนทรให้ถาพรภิญโญเดโชชัย ฯ
๏ อนึ่งโยมโฉมยงพระองค์เอกมณีเมขลามาโปรดปราศรัย
จะให้แก้วแล้วอย่าลืมที่ปลื้มใจขอให้ได้ดั่งประโยชน์โพธิญาณ
จะพ้นทุกข์สุขสิ้นมลทินโทษเพราะพระโปรดโปรยปรายสายสนาน
ให้หน้าชื่นรื่นรสพจมานเหมือนนิพพานพ้นทุกข์เป็นสุขสบาย
บวชตะบึงถึงตะบันน้ำฉันชื่นยามดึกดื่นได้สังวรอวยพรถวาย
เหมือนพระจันทร์กรุณาให้ตายายกับกระต่ายแต้มสว่างอยู่กลางวง
เหมือนวอนเจ้าสาวสวรรค์กระสันสวาทให้ผุดผาดเพิ่มผลาอานิสงส์
ได้สมบูรณ์พูนเกิดประเสริฐทรงศีลดำรงร่วมสร้างพุทธางกูร
อันโลกีย์วิสัยที่ในโลกความสุขโศกสิ้นกายก็หายสูญ
เป็นมนุษย์สุดแต่ขอให้บริบูรณ์ได้เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย
ขอบุญพระจะให้อยู่ชมพูทวีปช่วยชุบชีพชูเชิดให้เฉิดฉาย
ไม่ชื่นเหมือนเพื่อนมนุษย์ก็สุดอายสู้ไปตายตีนเขาลำเนาเนิน ฯ
๏ โอ้ปีนี้ปีขาลบันดาลฝันที่หมายมั่นเหมือนจะหมางระคางเขิน
ก็คิดเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญให้ห่างเหินโหยหวนรำจวนใจ
จึงแต่งตามความฝันรำพันพิลาปให้ศิษย์ทราบสุนทราอัชฌาสัย
จะสั่งสาวชาวบางกอกข้างนอกในก็กลัวภัยให้ขยาดพระอาชญา
จึ่งเอื้อมอ้างนางสวรรค์ตามฝันเห็นให้อ่านเล่นเป็นเล่ห์เสน่หา
ไม่รักใครในแผ่นดินถิ่นสุธารักแต่เทพธิดาสุราลัย ฯ
๏ ได้ครวญคร่ำร่ำเรื่องเป็นเครื่องสูงพอพยุงยกย่องให้ผ่องใส
ทั้งสาวแก่แม่ลูกอ่อนลาวมอญไทยเด็กผู้ใหญ่อย่าเฉลียวว่าเกี้ยวพาน
พระภู่แต่งแกล้งกล่าวสาวสาวเอ๋ยอย่าถือเลยเคยเจนเหมือนเหลนหลาน
นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดานเคยเขียนอ่านอดใจมิใคร่ฟัง
จะฝากดีฝีปากจะฝากรักด้วยจวนจักจากถิ่นถวิลหวัง
ไว้อาลัยให้ละห้อยจงคอยฟังจะร่ำสั่งสิ้นสุดอยุธยา ฯ
๏ โอ้ยามนี้ปีขาลสงสารวัดเคยโสมนัสในอารามสามวัสสา
สิ้นกุศลผลบุญการุณาจะจำลาเลยลับไปนับนาน
เคยเดินเล่นเย็นลมเลียบชมรอบริมแขวงขอบเขตที่เจดีย์ฐาน
พระปรางค์มีสี่ทิศพิสดารโบสถ์วิหารการเปรียญล้วนเขียนทอง
ที่หน้าบันปั้นอย่างเมืองกวางตุ้งดูเรืองรุ่งรูปนกผกผยอง
กระเบื้องเคลือบเหลือบสลับเหลี่ยมรับรองศาลาสองหน้ารอบขอบกำแพง
สิงโตจีนตีนตัวน่ากลัวกลอกขยับขยอกแยกเขี้ยวเสียวแสยง
ที่ตึกก่อช่อฟ้าใบระกาแดงริมกำแพงตะพานขวางเคียงข้างคลอง
เป็นพลับพลาพาไลข้างในเสด็จเดือนสิบเอ็ดเคยประทานงานฉลอง
เล่นโขนหนังฟังปี่พาทย์ระนาดฆ้องละครร้องเรื่องแขกฟังแปลกไทย
ประทานรางวัลนั้นไม่ขาดคนดาษดื่นทั้งวันคืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
จะวายเห็นเย็นเยียบเหงาเงียบใจโอ้อาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ฯ
๏ เคยอยู่กินถิ่นที่กระฎีก่อเป็นตึกต่อต่างกำแพงฝากแฝงฝา
เป็นสองฝ่ายท้ายวัดวิปัสสนาข้างโบสถ์บาเรียนเรียงเคียงเคียงกัน
เป็นสี่แถวแนวทางเดินหว่างกุฎิ์มีสระขุดเขื่อนลงพระสงฆ์ฉัน
ข้างทิศใต้ในจงกรมพรหมจรรย์มีพระคันธกุฎีที่บำเพ็ง
ศาลากลางทางเดินแลเพลินจิตประดับประดิษฐ์ดูดีเป็นที่เก๋ง
จะเริดร้างห่างแหสุดแลเล็งยิ่งพิศเพ่งพาสลดกำสรดทรวง ฯ
๏ หอระฆังดังทำนองหอกลองใหญ่ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง
ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวงบ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน
ชมพู่แลแต่ละต้นมีผลลูกดูดั่งผูกพวงระย้านึกน่าฉัน
ทรงบาดาลบานดอกรีบออกทันเก็บทุกวันเช้าเย็นไม่เว้นวาย ฯ
๏ เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถสะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย
เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดายเคยแก้อายหลายครั้งประทังทน
ได้เก็บฉันวันละน้อยอร่อยรสด้วยยามอดอัตคัดแสนขัดสน
จะซื้อหาชาจีนทรัพย์สินจนจะจากต้นชาให้อาลัยชา ฯ
๏ โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบากเหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา
โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตาไว้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว
เคยเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว
ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราวโอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกัน ฯ
๏ ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน
ช่างทำเป็นเช่นดอกจอกเป็นดอกจันทน์งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา
มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จักทำน่ารักรูปสัตว์เหมือนมัจฉา
จะแลลับกลับกลายสุดสายตาเคยไปมามิได้เห็นจะเว้นวาย ฯ
๏ ตรุษสงกรานต์ท่านแต่งเครื่องแป้งสดระรื่นรสราเชนพุมเสนกระสาย
น้ำกุหลาบอาบอุระแสนสบายถึงเคราะห์ร้ายหายหอมให้ตรอมทรวง
เหมือนแสนโง่โอ้เสียแรงแต่งหนังสือจนมีชื่อลือเลื่องทั้งเมืองหลวง
มามืดเหมือนเดือนแรมไม่แจ่มดวงต้องเหงาง่วงทรวงเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ
จำจากเพื่อนเหมือนจะพาน้ำตาตกต้องระหกระเหินหาที่อาศัย
โอ้แสนอายปลายอ้อยเลื่อนลอยไปเจ็บเจ็บใจไม่รู้หายซังตายทน ฯ
๏ ที่อารีมีคุณการุญรักได้เห็นพักตร์พบปะปีละหน
เข้าวัสสามาทั่วทุกตัวตนถวายต้นไม้กระถางต่างต่างกัน
ดูกิ่งใบไม้แซมติดแต้มแต่งลูกดอกแฝงแกล้งประดิษฐ์ความคิดขยัน
พุ่มสีผึ้งถึงดีลิ้นจี่จันทน์ต้นแก้วกรรณิการ์มีสารพัด
ทำรูปพราหมณ์งามพริ้มแย้มยิ้มเยือนกินนรเหมือนนางกินนรแขนอ่อนหยัด
ดูนางนั่งปลั่งเปล่งดูเคร่งครัดหน้าเหมือนผัดผ่องผิวกรีดนิ้วนาง
รูปนกหกผกผินกินลูกไม้บ้างจับไซ้ขนพลิกพลิ้วปีกหาง
นกยางเจ่าเซาจกเหมือนนกยางรูปเสือกวางกบกระต่ายมีหลายพรรณ
ทำแปลกแปลกแขกฝาหรั่งทั้งเจ้าเงาะหน้าหัวเราะรูปร่างคิ้วคางขัน
สุกรแกะแพะโผนเผ่นโดนกันล้วนรูปปั้นต่างต่างเหมือนอย่างเป็น
จะแลลับนับปีครั้งนี้หนอที่ชอบพอเพื่อนสำราญจะนานเห็น
ด้วยโศกสุมรุมร้อนไม่หย่อนเย็นจงอยู่เป็นสุขสุขทุกทุกคน
ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์ให้บริบูรณ์พูนสมบัติพิพัฒน์ผล
เกิดกองทองกองนากอย่ายากจนเจริญพ้นภัยพาลสำราญเริง ฯ
๏ โอ้สงสารหลานสาวเหล่าข้าหลวงเคยมาลวงหลงเชื่อจนเหลือเหลิง
ไม่รู้เท่าเจ้าทั้งนั้นเสียชั้นเชิงเชิญบันเทิงเถิดนะหลานปากหวานดี
ได้ฉันลมชมลิ้นเสียสิ้นแล้วล้วนหลานแก้วหลอกน้าต้องล่าหนี
จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปีอยู่จงดีได้เป็นหม่อมให้พร้อมเพรียง ฯ
๏ โอ้เดือนอ้ายไม่ขาดกระจาดหลวงใส่เรือพ่วงพวกแห่เซ็งแซ่เสียง
อึกทึกครึกโครมคบโคมเคียงเรือรายเรียงร้องขับตีทับโทน
บ้างเขียนหน้าทาดำยืนรำเต้นลางลำเล่นงิ้วหนังมีทั้งโขน
พวกขี้เมาเหล่าประสกตลกโลนร้องโยนโหยนโย้นฉับรับชาตรี
ล้วนเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพร้อมของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี
ทั้งขุนนางต่างมาด้วยบารมีปี่พาทย์ตีเต้นรำทุกลำเรือ
ของขนมส้มสูกทั้งลูกไม้หมูเป็ดไก่กุ้งแห้งแตงมะเขือ
พร้าวอ่อนด้วยกล้วยอ้อยนับร้อยเครือจนล้นเหลือเกลือปลาร้าสารพัน
แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสดสบงแปดคืบจัดเป็นสัตตขันธ์
โอ้แต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นนั้นนับคืนวันปีเดือนจะเลื่อนลอย
เหลืออาลัยใจเอ่ยจะเลยลับเหลืออาภัพพูดยากเหมือนปากหอย
ให้เขินขวยด้วยว่าวาสนาน้อยต้องหน้าจ๋อยน้อยหน้าระอาอาย
ออกวัสสาผ้าสบงกระทงเข้าพระองค์เจ้าจบพระหัตถ์จัดถวาย
ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนายสำรวมกายก้มหน้าเกรงบารมี
สวดมนต์จบหลบออกข้างนอกเล่าปะแต่เหล่าสาวแซ่ห่มแพรสี
สู้หลับตามาจนสุดถึงกุฎีเหมือนไม่มีตาตัวด้วยกลัวตาย ฯ
๏ ตั้งแต่นี้มิได้หลบไม่พบแล้วจงผ่องแผ้วพักตร์เหมือนดั่งเดือนหงาย
จะเงียบเหงาเช้าเย็นจะเว้นวายโอ้ใจหายหมายมาดเคลื่อนคลาดคลา
เหมือนใบศรีมีงานท่านสนอมเจิมแป้งหอมน้ำมันจันทน์ให้หรรษา
พอเสร็จการท่านเอาลงทิ้งคงคาต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง
เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลับมิได้รับไทยทานดูงานฉลอง
โอ้ทองหยิบลิบลอยทั้งฝอยทองมิได้ครองไตรแพรเหมือนแต่เดิม ฯ
๏ พระสิงหะพระอภัยพระทัยจืดไม่ยาวยืดยกยอชะลอเฉลิม
เมื่อกระนั้นจันทน์และกระแจะเจิมได้พูนเพิ่มเหิมฮึกอยู่ตึกราม
ครั้นเหินห่างร้างเริดก็เกิดทุกข์ไพรีรุกบุกเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
สู้ต่ำต้อยน้อยตัวเกรงกลัวความด้วยเป็นยามยากจนจำทนทาน ฯ
๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถเจ้าไกรลาศโลกามหาสถาน
ทรงงัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาลถือพัดตาลตาไฟประลัยกัลป์
ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสริฐให้ตายเกิดสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
ตรัสอย่างไรไปเป็นเหมือนเช่นนั้นพระโปรดฉันเชิญช่วยอำนวยพร
เผื่อว่าจักรักใคร่ที่ไหนมั่งให้สมหวังดังจำนงประสงค์สมร
ทรงเวทมนตร์ดลประสิทธิ์ฤทธิรอนเจริญพรภิญโญเดโชชัย
ที่หวังชื่นกลืนกลั้นกระสันสวาทอย่าแคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน
มิตรจิตขอให้มิตรใจไปที่มืดไม่เห็นห้องช่วยส่องเทียน ฯ
๏ ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทรพระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร
มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวียนสถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี
ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธเหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี
ขอมหาอานุภาพปราบไพรีอย่าให้มีมารขวางระคางระคาย
ที่คนคิดริษยานินทาโทษพระเปลื้องโปรดปราบประยูรให้สูญหาย
ศัตรูเงียบเรียบร้อยจะลอยชายไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวัน ฯ
๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัดพิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน
ทรงสีเหลืองเครื่องไฟประลัยกัลป์กุมพระขรรค์กรดกระหวัดพัดโพยม
ขอเดชาวายุเวกจะเสกเวทพอหลับเนตรพริบหนึ่งไปถึงโฉม
จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลมเหมือนกินโสมโศกสร่างสว่างทรวง
สุมามาลย์บานแบ่งแมลงภู่ขอสิงสู่สมสงวนไม่ควรหวง
จะเหือดสิ้นกลิ่นอายเสียดายดวงจะหล่นร่วงโรยรสต้องอดออม ฯ
๏ โอ้อกเอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นแช่มเชยที่แย้มยิ้มพรายไม่หายหอม
แต่หัสนัยน์ตรัยตรึงส์ท่านถึงจอมยังแปลงปลอมเปลื้องปลิดไพจิตรา
ได้บุตรีที่รักยักษ์อสูรสืบประยูรอยู่ถึงดาวดึงสา
เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพาเหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี ฯ
๏ อย่าประมาทชาติหมู่แมงภู่ผึ้งประสงค์ซึ่งเสน่หาสร้อยสาหรี
ดูดอกไม้ในจังหวัดปัฐพีดวงใดดีมีกลิ่นรวยรินรส
พอบานกลีบรีบถึงลงคลึงเคล้าฟุบแฝงเฝ้าเฟ้นฟอนเกสรสด
สัจจังจริงมิ่งขวัญอย่ารันทดถ้ากลิ่นใกล้ได้รสเหลืออดออม
อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม
ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอมต้องอดออมอกตรมระทมทวี
แม้นรับรักหักว่าเมตตาตอบเมื่อผิดชอบผ่ายหน้าจะพาหนี
เหมือนอิเหนาเขาก็รู้ไม่สู้ดีแต่เพียงพี่นี้ก็ได้ด้วยง่ายดาย
อย่าหลบหลู่ดูถูกแต่ลูกยักษ์เขายังลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย
เหมือนตัวพี่นี้ก็ลือว่าชื่อชายรู้จักฝ่ายฟ้าดินชินชำนาญ
ถึงนัทีสีขเรศขอบเขตแขวงป้อมกำแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร
เดชะฤทธิ์วิทยาปรีชาชาญช่วยบันดาลได้สมอารมณ์ปอง ฯ
๏ จริงจริงนะจะไปอุ้มเนื้อนุ่มน่วมลงนั่งร่วมเรือกลพยนต์ผยอง
อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคียงประคองครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา
พอลมดีพี่จะให้ใช้ใบแล่นไปตามแผนที่ประเทศเพศภาษา
แสนสบายสายสมุทรสุดสายตาเห็นแต่ฟ้าน้ำเขียวเปล่าเปลี่ยวทรวง
ในสายชลวนลึกโครมครึกคลื่นสุดจะฝืนฝ่าชะเลหลวง
เห็นฝูงปลานาคินสิ้นทั้งปวงเกิดในห้วงห้องมหาคงคาเค็ม
แขกฝาหรั่งมังค่าพวกพาณิชสังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม
เข้าประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็มเขาไปเต็มตามทางกลางนัที
ถ้าแม้นว่าปลาวาฬผุดผ่านหน้าเรือไม่กล้าใกล้เคียงหลีกเลี่ยงหนี
แนวชลาน่าชมน้ำลมดีดูเร็วรี่เรือเรื่อยไม่เหนื่อยแรง
เย็นระรื่นคลื่นเรียบเงียบสงบมหรรณพพริบเนตรในเขตแขวง
แม้นควันคลุ้มกลุ่มกลมเป็นลมแดงเป็นสายแสงเสียงลั่นสนั่นดัง
บัดเดี๋ยวคลื่นครื้นครึกสะทึกโถมขึ้นสาดโทรมดาดฟ้าคงคาขัง
เสียงฮือฮืออื้ออึงตูมตึงตังด้วยกำลังลมกล้าสลาตัน ฯ
๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลื่นก็ฝ่าฝืนฟูสบายแล่นผายผัน
แม่เห็นคลื่นครื้นเครงจะเกรงครันจะรับขวัญอุ้มน้องประคองเคียง
จะเขียนธงลงยันต์ปักกันคลื่นให้หายรื่นราบเรียบเงียบเซียบเสียง
จะแย้มสรวลชวนนั่งที่ตั่งเตียงให้เอนเอียงแอบอุ่นละมุนทรวง
จะแสนชื่นรื่นรสแป้งสดหอมเห็นจะยอมหย่อนตามไม่ห้ามหวง
เหมือนได้แก้วแววฟ้าจินดาดวงไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลา ฯ
๏ ออกลึกซึ้งถึงที่ชื่อสะดือสมุทรเห็นน้ำสุดสูงฟูมดั่งภูมผา
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคาสูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
เรือลูกค้าพาณิชไม่ชิดเฉียดแล่นก้าวเสียดหลีกลำตามน้ำไหล
แลชะเลเภตราบ้างมาไปเห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ
แม้นพรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูปสว่างวูบวงแดงดั่งแสงกระสือ
ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือพัดกระพือเผาหนังแก้รังควาน ฯ
๏ แต่ตัวพี่มีอุบายแก้พรายผุดเสกเพลิงชุดเช่นกับไฟประลัยผลาญ
ทิ้งพรายน้ำทำลายวอดวายปราณมิให้พานพักตร์น้องอย่าหมองมัว
ดูปลาใหญ่ในสมุทรผุดพ่นน้ำมืดเหมือนคล้ำคลุ้มบดสลดสลัว
พุ่งทะลึ่งถึงฟ้าดูน่ากลัวแต่ละตัวตละโขดนับโยชน์ยาว
จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หัวเราะชวนชมเกาะกะเปาะกลมชื่อนมสาว
สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาวดูเรือชาวเมืองใช้ใบไปมา
เรือสลัดตัดระกำร้อยลำหวายทำเรือค่ายรายแล่นล้วนแน่นหนา
น้าวกระเชียงเสียงเฮสุเรสุราใส่เสื้อผ้าโพกนั้นลงยันต์ราย
เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อนปลอมเรือจรจับบรรดาลูกค้าขาย
ตัวคนได้ไม่ล้างให้วางวายเจาะตีนหวายร้อยส้นทุกคนไป ฯ
๏ โดยหากว่าถ้าไปปะเรือสลัดศรีสวัสดิ์แพรวจะพรั่นประหวั่นไหว
จะอุ้มวางกลางตักสะพักไว้โบกธงชัยให้จังงังกำบังตา
แล้วจะใช้ใบเยื้องไปเมืองเทศชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา
ทั้งหนุ่มสาวเกล้ามวยสวยโสภาแต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี
ล้วนนุ่งห่มโขมพัสตร์ถือสัจศิลใส่เพชรนิลแนมประดับสลับสี
แลพิลึกตึกตั้งล้วนมั่งมีชาวบุรีขี่รถบทจร ฯ
๏ จะเชิญแก้วแววเนตรขึ้นเขตแคว้นจัดซื้อแหวนเพชรรัตน์ประภัสสร
ให้สร่างทรวงดวงสุดาสถาวรสว่างร้อนรับขวัญทุกวันคืน
จะระวังนั่งประคองเคียงน้องน้อยให้ใช้สอยสารพัดไม่ขัดขืน
กลืนไว้ได้ในอุระก็จะกลืนให้แช่มชื่นชมชะเลทุกเวลา ฯ
๏ แล้วจะชวนนวลละอองตระกองอุ้มให้ชมเพลินเนินมะงุมมะงาหรา
ไปเกาะที่อิเหนาชาวชวาวงศ์อสัญแดหวาน่าหัวเราะ
จมูกโด่งโง้งงุ้มทั้งหนุ่มสาวไม่เหมือนกล่าวราวเรื่องหูเหืองเจาะ
ไม่เพริศพริ้งหญิงชายคล้ายคล้ายเงาะไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม
ไม่แง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อนไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนามจะพาข้ามเข้าละเมาะเกาะมาลากา
เดิมของแขกแตกฝาหรั่งไปทั้งตึกแลพิลึกครึกครื้นขายปืนผา
เมื่อครั้งนั้นปันหยีอุ้มวียะดาชี้ชมสัตว์มัจฉาในสาคร ฯ
๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพี่จะช่วยชี้ชมตลิ่งเหล่าสิงขร
ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอนร้องละครอิเหนาเข้ามาลากา
แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝั่งไปชมละเมาะเกาะวังกัลพังหา
เกิดในน้ำดำนิลดั่งศิลาเหมือนรุกขาขึ้นสล้างหว่างคีริน
ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงาง้ำเวลาน้ำขึ้นกระเพื่อมถึงเงื้อมหิน
เห็นหุบห้องปล่องชลาฝูงนาคินขึ้นมากินเกยนอนชะอ้อนเนิน
ภูเขานั้นวันหนึ่งแล่นจึ่งรอบเป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน
จะชื่นชวนนวลละอองประคองเดินเลียบเหลี่ยมเนินเพลินชมพนมนิล
จริงนะจ๊ะจะเก็บทั้งกัลพังหาเม็ดมุกดาคลื่นสาดกลางหาดหิน
เบี้ยอี้แก้แลรอบขอบคีรินระรื่นกลิ่นไม้หอมมีพร้อมเพรียง
สะพรั่งต้นผลดอกออกไม่ขาดศิลาลาดลดหลั่นชั้นเฉลียง
จะค่อยเลียบเหยียบย่องประคองเคียงเป็นพี่เลี้ยงเพียงพี่ร่วมชีวา
จำปาดะองุ่นหอมกรุ่นกลิ่นก้าแฝ่ฝิ่นสินธุต้นบุหงา
ด้วยเกาะนี้ที่ทำเลเทวดาแต่นกกาก็มิได้ไปใกล้กราย ฯ
๏ แล้วจะใช้ใบไปดูเมืองสุหรัดท่าคลื่นซัดซึ้งวนชลสาย
ตั้งตึกรามตามตลิ่งแขกหญิงชายแต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพิมพ์
พื้นม่วงตองทองช้ำยำมะหวาดฉีกวิลาศลายลำยองเขียนทองจิ้ม
ทำที่อยู่ดูพิลึกล้วนตึกทิมเรียบเรียงริมฝั่งสมุทรแลสุดตา
จะตามใจให้เพลินเจริญเนตรชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา
ได้แย้มสรวลชวนใช้ใบลีลาไปมังกล่าฝาหรั่งระวังตระเวณ
กำปั่นไฟใหญ่น้อยออกลอยเที่ยวตลบเลี้ยวแลวิ่งดั่งจิ้งเหลน
ถ้วนเดือนหนึ่งจึงจะผลัดพวกหัศเกนเวียนตระเวณไปมาทั้งตาปี ฯ
๏ เมืองมังกล่าฝาหรั่งอยู่ทั้งแขกพวกเจ๊กแทรกแปลกหน้าทำภาษี
แลพิลึกตึกรามงามงามดีตึกเศรษฐีมีทรัพย์ประดับประดา
ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่างประตูหน้าต่างติดเครื่องรอบเฝืองฝา
ล้วนขายเพชรเจ็ดสีมีราคาวางไว้หน้าตึกร้านใส่จานราย
แล้วตัวไปไม่นั่งระวังของคนซื้อร้องเรียกหาจึ่งมาขาย
ด้วยไม่มีตีโบยขโมยขมายทั้งหญิงชายเช้าค่ำเขาสำราญ
นอกกำแพงแขวงเขตประเทศถิ่นเป็นสวนอินทผาลัมทับน้ำหวาน
รองอ่างไว้ใช้ทำแทนน้ำตาลห้องแต่งงานขันหมากเหลือหลากจริง
ถึงขวบปีมีจั่นทำขวัญต้นแต่งเหมือนคนขอสู่นางผู้หญิง
แม้นถึงปีมีลูกใครปลูกทิ้งไม่ออกจริงจั่นหล่นลำต้นตาย
บ้านตลาดกวาดเลี่ยนเตียนตะล่งถึงของหลงลืมไว้ก็ไม่หาย
ไปชมเล่นเช่นฉันว่าประสาสบายบ้านเมืองรายหลายประเทศต่างเพศพันธุ์ ฯ
๏ จะพาไปให้สร้างทางกุศลขึ้นสิงหลเห็นจะได้ไปสวรรค์
ไหว้เจดีย์ที่ทำเลเวฬุวันพระรากขวัญอันเป็นยิ่งเขาสิงคุตร์ ฯ
๏ คิดจะใช้ใบข้ามไปตามเข็มเขียนมาเต็มเล่มแล้วจะสิ้นสมุด
เหมือนหมายทางต่างทวีปเรือรีบรุดพอสิ้นสุดสายมหาอารณพ
เหมือนเรื่องรักจักประเวศประเทศถิ่นมิทันสิ้นสุดคำก็จำจบ
แม้นขืนเคืองเปลื้องปลิดไม่คิดคบจะเศร้าซบโศกสะอื้นทุกคืนวัน
เหมือนยักษีที่สิงขรต้องศรกกปักตรึงอกอานภาพซ้ำสาปสรร
อยู่นพบุรีที่ตรงหว่างเขานางประจันเสียงไก่ขันขึ้นนนทรีคอยตีซ้ำ
แสนวิตกอกพระยาอุณาราชสุดหมายมาดไม่มีที่อุปถัมภ์
ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยำต้องตีซ้ำช้ำในฤทัยระทม ฯ
๏ ถึงกระไรได้อุตส่าห์อาสาสมัครขอเห็นรักสักเท่าซีกกระผีกผม
พอชื่นใจได้สร่างสว่างอารมณ์เหมือนนิยมสมคะเนเถิดเทวัญ
ถวิลหวังสังวาสสวาทแสวงให้แจ่มแจ้งแต่งตามเรื่องความฝัน
ฝากฝีปากฝากคำที่สำคัญชื่อรำพันพิลาปล้ำกาพย์กลอน
เปรียบเหมือนกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์สำเนียงเห่เทวัญริมบรรจถรณ์
เสวยสวัสดิ์วัฒนาสถาวรวานฟังกลอนกลอยแก่เถิดแม่เอย ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว