รำพันพิลาป
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…') |
(→บทประพันธ์) |
||
แถว 6: | แถว 6: | ||
== บทประพันธ์ == | == บทประพันธ์ == | ||
<tpoem> | <tpoem> | ||
+ | ๏ สุนทรทำคำประดิษฐ์นิมิตฝัน | ||
+ | พึ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์ จึ่งจดวันเวลาด้วยอาวรณ์ | ||
+ | แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิด ในนิมิตเมื่อภวังค์วิสังหรณ์ | ||
+ | เดือนแปดวันจันทวาเวลานอน เจริญพรภาวนาตามบาลี | ||
+ | ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ ให้สุขสิ้นดินฟ้าทุกราศี | ||
+ | เงียบสงัดวัดวาในราตรี เสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง | ||
+ | หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง | ||
+ | เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง ตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง | ||
+ | ฝ่ายฝูงหนูมูสิกกิกกิกร้อง เสียวสยองยามยินถวิลหวัง | ||
+ | อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรัง ริมบานบังบินร้องสยองเย็น | ||
+ | ยิ่งเยือกทรวงง่วงเหงาซบเซาโศก ยามวิโยคยากแค้นสุดแสนเข็ญ | ||
+ | ไม่เทียมเพื่อนเหมือนจะพาเลือดตากระเด็น เที่ยวซ่อนเร้นไร้ญาติหวาดวิญญาณ์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แต่ปีวอกออกขาดราชกิจ บรรพชิตพิศวาสพระศาสนา | ||
+ | เหมือนลอยล่องท้องชะเลอยู่เอกา เห็นแต่ฟ้าฟ้าก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล | ||
+ | ดูฟากฝั่งหวังจะหยุดก็สุดเนตร แสนเทวษเวียนว่ายสายกระแส | ||
+ | เหมือนทรวงเปลี่ยวเที่ยวแสวงทุกแขวงแคว ได้เห็นแต่ศิษย์หาพยาบาล | ||
+ | ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่ว จังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน | ||
+ | เมืองพริบพรีที่เขาทำรองน้ำตาล รับประทานหวานเย็นก็เป็นลม | ||
+ | ไปราชพรีมีแต่พาลจังทานพระ เหมือนไปปะบระเพ็ดเหลือเข็ดขม | ||
+ | ไปขึ้นเขาเล่าก็ตกอกระบม ทุกข์ระทมแทบจะตายเสียหลายคราว ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ครั้งไปด่านกาญจน์บุรีที่กะเหรี่ยง ฟังแต่เสียงเสือสีห์ชะนีหนาว | ||
+ | นอนน้ำค้างพร่างพนมพรอยพรมพราว เพราะเชื่อลาวลวงว่าแร่แปรเป็นทอง | ||
+ | ทั้งฝ่ายลูกถูกปอบมันลอบใช้ หาแก้ได้ให้ไปเข้ากินเจ้าของ | ||
+ | เข้าวัสสามาอยู่ที่สองพี่น้อง ยามขัดข้องขาดมุ้งริ้นยุงชุม | ||
+ | ทุกเช้าค่ำลำบากแสนยากยิ่ง เหลือทนจริงเจ็บแสบใส่แกลบสุม | ||
+ | เสียงฉู่ฉู่หวู่ว่อนเวียนร่อนรุม เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกัดนั่งปัดยุง | ||
+ | โอ้ยามยากอยากใคร่ได้เหล็กไหลเล่น ทำทองเป็นปั้นเตาเผาถลุง | ||
+ | ลองตำราอาจารย์ทองบ้านจุง จดเกลือหุงหายสูญสิ้นทุนรอน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คราวไปคิดปริศนาตามตาเถร เขากาเพนพบมหิงส์ริมสิงขร | ||
+ | มันตามติดขวิดคร่อมอ้อมอุทร หากมีขอนขวางควายไม่วายชนม์ | ||
+ | เดชะบุญคุณพระอนิสงส์ ช่วยดำรงรอดตายมาหลายหน | ||
+ | เหตุด้วยเคราะห์เพราะว่าไว้วางใจคน จึ่งจำจนใจเปล่าเปลืองข้าวเกลือ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้ยามอยู่สุพรรณกินมันเผือก เคี้ยวแต่เปลือกไม้หมากเปรี้ยวปากเหลือ | ||
+ | จนแรงโรยโหยหิวผอมผิวเนื้อ พริกกับเกลือกลักใหญ่ยังไม่พอ | ||
+ | ทั้งผ้าพาดบาตรเหล็กของเล็กน้อย ขโมยถอยไปทั้งเรือไม่เหลือหลอ | ||
+ | เหลือแต่ผ้าอาศัยเสียใจคอ ชาวบ้านทอถวายแทนแสนศรัทธา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดถึงคราวเจ้านิพพานสงสารโศก ไปพิศีโลกลายแทงแสวงหา | ||
+ | ลงหนองน้ำปล้ำตะเข้หากเทวดา ช่วยรักษาจึ่งได้รอดไม่วอดวาย | ||
+ | วันไปอยู่ภูผาเขาม้าวิ่ง เหนื่อยนอนพิงเพิงไศลหลับใจหาย | ||
+ | ครั้นดึกดูงูเหลือมเลื่อยเลื่อมลาย ล้อมรอบกายเกี้ยวตัวกันผัวเมีย | ||
+ | หนีไม่พ้นจนใจได้สติ สมาธิถอดชีวิตอุทิศเสีย | ||
+ | เสียงฟู่ฟู่ขู่ฟ้อเคล้าคลอเคลีย แลบลิ้นเลียแล้วเลื้อยแลเฟือยยาว | ||
+ | ดูใหญ่เท่าเสากระโดงผีโป่งสิง เป็นรูปหญิงยืนหลอกผมหงอกขาว | ||
+ | คิดจะตีหนีไปกลัวไม้เท้า โอ้เคราะห์คราวขึ้นไปเหนือเหมือนเหลือตาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เมื่อขาล่องต้องตอเรือหล่อล่ม เจียนจะจมน้ำม้วยระหวยระหาย | ||
+ | ปะหาดตื้นขึ้นรอดไม่วอดวาย แต่ปะตายหลายหนหากทนทาน | ||
+ | แล้วมิหนำซ้ำบุตรสุดที่รัก ขโมยลักหลายหนผจญผลาญ | ||
+ | ต้องต่ำต้อยย่อยยับอัประมาณ มาอยู่วิหารวัดเลียบยิ่งเยียบเย็น | ||
+ | โอ้ยามจนล้นเหลือสิ้นเสื่อหมอน สู้ซุ่มซ่อนเสียมิให้ใครใครเห็น | ||
+ | ราหูทับยับเยินเผอิญเป็น เปรียบเหมือนเช่นพราหมณ์ชีมณีจันท์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จะสึกหาลาพระอธิษฐาน โดยกันดารเดือดร้อนสุดผ่อนผัน | ||
+ | พอพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ เธอช่วยกันแก้ร้อนค่อยหย่อนเย็น | ||
+ | อยู่มาพระสิงหะไตรภพโลก เห็นเศร้าโศกแสนแค้นสุดแสนเข็ญ | ||
+ | ทุกค่ำคืนฝืนหน้าน้ำตากระเด็น พระโปรดเป็นที่พึ่งเหมือนหนึ่งนึก | ||
+ | ดังไข้หนักรักษาวางยาทิพย์ ฉันทองหยิบฝอยทองไม่ต้องสึก | ||
+ | ค่อยฝ่าฝืนชื่นฉ่ำดั่งอำมฤก แต่ตกลึกเหลือที่จะได้สบาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ค่อยเบาบางสร่างโศกเหมือนโรคฟื้น จะเดินยืนยังไม่ได้ยังไม่หาย | ||
+ | ได้ห่มสีมีหมอนเสื่ออ่อนลาย ค่อยคลายอายอุตส่าห์ครองฉลองคุณ | ||
+ | เหมือนพบปะพระสิทธาที่ปรารภ ชุบบุตรลพเลี้ยงเหลือช่วยเกื้อหนุน | ||
+ | สนอมพักตร์รักษาด้วยการุญ ทรงสร้างบุญคุณศีลเพิ่มภิญโญ | ||
+ | ถึงยากไร้ได้พึ่งหมือนหนึ่งแก้ว พาผ่องแผ้วผิวพักตร์ขึ้นอักโข | ||
+ | พระฤๅษีที่ท่านช่วยชุบเสือโค ให้เรืองฤทธิ์อิศโรเดโชชัย | ||
+ | แล้วไม่เลี้ยงเพียงแต่ชุบช่วยอุปถัมภ์ พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน | ||
+ | ช่วยชี้ทางกลางป่าให้คลาไคล หลวิชัยคาวีจำลีลา | ||
+ | แต่ละองค์ทรงพรตพระยศยิ่ง เป็นยอดมิ่งเมืองมนุษย์นี้สุดหา | ||
+ | จงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา พระชันษาสืบยืนอยู่หมื่นปี ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เป็นคราวเคราะห์ก็ต้องพรากจากวิหาร กลัวพวกพาลผู้ร้ายจำย้ายหนี | ||
+ | อยู่วัดเทพธิดาด้วยบารมี ได้ผ้าปีปัจจัยไทยทาน | ||
+ | ถึงยามเคราะห์ก็เผอิญให้เหินห่าง ไม่เหมือนอย่างอยู่ที่พระวิหาร | ||
+ | โอ้ใจหายกลายกลับอัประมาณ โดยกันดารเดือดร้อนไม่หย่อนเย็น | ||
+ | ได้พึ่งพระปะแพรพอแก้หน้า สองวัสสาสิ้นงามถึงยามเข็ญ | ||
+ | คิดขัดขวางอย่างจะพาเลือดตากระเด็น บันดาลเป็นปลวกปล่องขึ้นห้องนอน | ||
+ | กัดเสื่อสาดขาดปรุทะลุสมุด เสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร | ||
+ | เสียแพรผ้าอาศัยไตรจีวร ดูพรุนพรอนพลอยพาน้ำตาคลอ | ||
+ | ถึงคราวคลายปลายอ้อยบุญน้อยแล้ว ไม่ผ่องแผ้วพักตราวาสนาหนอ | ||
+ | นับปีเดือนเหมือนจะหักทั้งหลักตอ แต่รั้งรอร้อนรนกระวนกระวาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์ เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย | ||
+ | สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอาย จนถึงปลายปีฉลูมีธุระ | ||
+ | ไปทางเรือเหลือสลดด้วยปลดเปลื้อง ระคางเคืองข้องขัดสลัดสละ | ||
+ | ลืมวันเดือนเขียนเฉยแกล้งเลยละ เห็นแต่พระอภัยพระทัยดี | ||
+ | ช่วยแจวเรือเกื้อหนุนทำบุญด้วย เหมือนโปรดช่วยชูหน้าเป็นราศี | ||
+ | กลับมาถึงผึ้งมาจับอยู่กับกระฎี ทำรังที่ทิศประจิมริมประตู | ||
+ | ต้องขัดเคืองเรื่องราวด้วยคราวเคราะห์ จวบจำเพาะสุริยาถึงราหู | ||
+ | ทั้งบ้านทั้งวังวัดเป็นศัตรู แม้นขืนอยู่ยากเย็นจะเห็นใคร | ||
+ | เครื่องกระฎีที่ยังเหลือแต่เสื่อขาด เข้าไสยาสน์ยุงกัดปัดไม่ไหว | ||
+ | เคยสว่างกลางคืนขาดฟืนไฟ จะโทษใครเคราะห์กรรมจึ่งจำจน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้อายเพื่อนเหมือนเขาว่ากิ่งกาฝาก มิใช่รากรักเร่ระเหระหน | ||
+ | ที่ทุกข์สุขขุกเข็ญเกิดเป็นคน ต้องคิดขวนขวายหารักษากาย | ||
+ | ได้พึ่งบ้างอย่างนี้เป็นที่ยิ่ง สัจจังจริงจงรักสมัครหมาย | ||
+ | ไม่ลืมคุณพูนสวัสดิ์ถึงพลัดพราย มิได้วายเวลาคิดอาลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จะลับวัดพลัดที่กระฎีตึก สุดแต่นึกน้ำตามาแต่ไหน | ||
+ | เฝ้านองเนตรเช็ดพักตร์สักเท่าไร ขืนหลั่งไหลรินร่ำน่ารำคาญ | ||
+ | คิดอายเพื่อนเหมือนเขาเล่าแม่เจ้านี่ เร่ไปปีละร้อยเรือนเดือนละร้อยบ้าน | ||
+ | เพราะบุญน้อยย่อยยับอัประมาณ เหลือที่ท่านอุปถัมภ์ช่วยบำรุง | ||
+ | ต่อเมื่อไรไปทำทองสำเร็จ แก้ปูนเพชรพบทองสักสองถุง | ||
+ | จะผาสุกทุกสิ่งนอนกลิ้งพุง กินหมูกุ้งไก่เป็ดจนเข็ดฟัน | ||
+ | ขอเดชะพระมหาอานิสงส์ ซึ่งรูปทรงสัจศีลถวิลสวรรค์ | ||
+ | จะเที่ยวรอบขอบประเทศทุกเขตคัน ขอความฝันวันนี้บอกดีร้าย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แล้วร่ำภาวนาในพระไตรลักษณ์ ประหารรักหนักหน่วงตัดห่วงหาย | ||
+ | หอมกลิ่นธูปงูบระงับหลับสบาย ฝันว่าว่ายสายชะเลอยู่เอกา | ||
+ | สิ้นกำลังยังมีนารีรุ่น รูปเหมือนหุ่นเหาะเร่ร่อนเวหา | ||
+ | ช่วยจูงไปไว้ที่วัดได้ทัศนา พระศิลาขาวล้ำดังสำลี | ||
+ | ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่อง แลเลื่อมเหลืองเรืองจำรัสรัศมี | ||
+ | พอเสียงแซ่แลหาเห็นนารี ล้วนสอดสีสาวน้อยนับร้อยพัน | ||
+ | ล้วนใส่ช้องป้องพักตร์ดูลักขณะ เหมือนนางสะสวยสมล้วนคมสัน | ||
+ | ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณ ดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี | ||
+ | ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาด โอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี | ||
+ | ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรี แก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง | ||
+ | รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศ เหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง | ||
+ | พอแลสบหลบชะม้ายชายชำเลือง ดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม | ||
+ | ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อม แลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม | ||
+ | หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม มาประโลมโลกาให้อาวรณ์ | ||
+ | แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์ วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร | ||
+ | ครั้นปราศรัยไถ่ถามนามกร ก็เคืองค้อนขามเขินสะเทินที | ||
+ | ขืนถามอีกหลีกเลี่ยงหลบเมียงม่าย เหมือนอายชายเฉยเมินดำเนินหนี | ||
+ | นางน้อยน้อยพลอยตามงามงามดี เก็บมาลีเลือกถวายไว้หลายพรรณ | ||
+ | แล้วชวนว่าอย่าอยู่ชมพูทวีป นิมนต์รีบไปสำราญวิมานสวรรค์ | ||
+ | แล้วทรงรถกลดกั้นนางทั้งนั้น นั่งที่ชั้นลดล้อมน้อมคำนับ | ||
+ | ที่นั่งทิพย์ลิบเลื่อนคล้อยเคลื่อนคล้าย พรรณรายพรายเรืองเครื่องประดับ | ||
+ | ประเดี๋ยวเดียวเฉียวฉิบแลลิบลับ จนลมจับวับใจอาลัยลาน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ซึ่งสั่งให้ไปสวรรค์หรือชันษา จะมรณาในปีนี้เป็นปีขาล | ||
+ | แม้นเหมือนปากอยากใคร่ตายหมายวิมาน ขอพบพานภัคินีของพี่ยา | ||
+ | ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลก ยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา | ||
+ | ได้แนบชมสมคะเนสักเวลา ถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย | ||
+ | อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปฟากฟ้า ให้ดิ้นโดยโหยหานิจจาเอ๋ย | ||
+ | ถึงชาตินี้พี่มิได้บุญไม่เคย ขอชื่นเชยชาติหน้าด้วยอาวรณ์ | ||
+ | แม้นรู้เหาะก็จะได้ตามไปด้วย สู้มอดม้วยมิได้ทิ้งมิ่งสมร | ||
+ | เสมอเนตรเชษฐาเวลานอน จะกล่าวกลอนกล่อมประทับไว้กับทรวง | ||
+ | สายสุดใจไม่หลับจะรับขวัญ ร้องโอดพันพัดชาช้าลูกหลวง | ||
+ | ประโลมแก้วแววตาสุดาดวง ให้อุ่นทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย | ||
+ | ยามกลางวันบรรทมจะชมโฉม ขับประโลมข้างที่พัดวีถวาย | ||
+ | แม้นไม่ยิ้มหงิมเหงาจะเล่านิยาย เรื่องกระต่ายตื่นตูมเหลือมูมมาม | ||
+ | ไม่รู้เหาะก็มิได้ขึ้นไปเห็น แม้นเหมือนเช่นชาวสุธาภาษาสยาม | ||
+ | ถ้ารับรักจักอุตส่าห์พยายาม ไปตามความคิดคงได้ปลงทอง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ นี่จนใจไม่รู้จักที่หลักแหล่ง สุดแสวงสวาทหมายไม่วายหมอง | ||
+ | เมื่อยามฝันนั้นว่านึกนั่งตรึกตรอง เดือนหงายส่องแสงสว่างดังกลางวัน | ||
+ | เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลา ชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์ | ||
+ | รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์ พระรำพันกรุณาด้วยปรานี | ||
+ | ว่านวลหงส์องค์นี้อยู่ชั้นฟ้า ชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี | ||
+ | วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้ เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ | ||
+ | จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิด มิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน | ||
+ | ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไร จะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้ว แล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง | ||
+ | ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียง จึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย | ||
+ | เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่น สุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย | ||
+ | ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอย ลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง | ||
+ | มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์ สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง | ||
+ | แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทอง หล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดจนตื่นฟื้นฟังระฆังฆ้อง กลองหอกลองทึ้มทึ้มกระหึ่มเสียง | ||
+ | โกกิลากาแกแซ่สำเนียง โอ้นึกเพียงขวัญหายไม่วายวัน | ||
+ | วิสัยเราเล่าก็ไม่สู้ใฝ่สูง นางฟ้าฝูงไหนเล่ามาเข้าฝัน | ||
+ | ให้เฟือนจิตกิจกรมพรหมจรรย์ ฤๅสาวสวรรค์นั้นจะใคร่ลองใจเรา | ||
+ | ให้รักรูปซูบผอมตรมตรอมจิต เสียจริตคิดขยิ่มง่วงหงิมเหงา | ||
+ | จะได้หัวเราะเยาะเล่นทุกเย็นเช้า จึงแกล้งเข้าฝันเห็นเหมือนเช่นนี้ | ||
+ | แม้นนางอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์ นึกกลัวสุดแสนกลัวเอาตัวหนี | ||
+ | สู้นิ่งนั่งตั้งมั่นถือขันตี อยู่กระฎีดั่งสันดานนิพพานพรหม | ||
+ | รักษาพรตปลดปละสละรัก เพราะน้ำผักต้มหวานน้ำตาลขม | ||
+ | คิดรังเกียจเกลียดรักหักอารมณ์ ไม่นิยมสมสวาทเป็นขาดรอน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แต่ครั้งนี้วิปริตนิมิตฝัน เฝ้าผูกพันมั่นหมายสายสมร | ||
+ | สาวสวรรค์ชั้นฟ้าจงถาวร เจริญพรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย | ||
+ | ซึ่งผูกจิตพิศวาสหมายมาดมุ่ง มักนอนสะดุ้งด้วยพระขวัญจะหวั่นไหว | ||
+ | เสวยสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย ช่วยเลื่อมใสโสมนัสสวัสดี ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระอุมารักษาสวาท ให้ผุดผาดเพียงพักตร์พระลักษมี | ||
+ | วิมานแก้วแววฟ้าฝูงนารี คอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระอินทร์ดีดพิณแก้ว ให้เจื้อยแจ้วจับใจแจ่มใสเสียง | ||
+ | สาวสุรางค์นางรำระบำเรียง คอยขับกล่อมพร้อมเพรียงเคียงประคอง | ||
+ | ขอพระจันทร์กรุณารักษาศรี ให้เหมือนมณีนพเก้าอย่าเศร้าหมอง | ||
+ | เหมือนหุ่นเชิดเลิศล้วนนวลละออง ให้ผุดผ่องผิวพรรณเพียงจันทรา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอพระพายชายเชยรำเพยพัด ให้ศรีสวัสดิ์สว่างจิตขนิษฐา | ||
+ | หอมดอกไม้ในทวีปกลีบผกา ให้หอมชื่นรื่นวิญญาณ์นิทรารมณ์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระคงคารักษาสนอม อย่าให้มอมมีระคายเท่าปลายผม | ||
+ | ให้เย็นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเช่นน้ำลม กล่อมประทมโสมนัสสวัสดี ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ด้วยเดิมฉันฝันได้ยลวิมลพักตร์ สุดแสนรักลักประโลมโฉมฉวี | ||
+ | ถวิลหวังตั้งแต่นั้นจนวันนี้ ขออย่ามีโทษโปรดยกโทษกรณ์ | ||
+ | ด้วยเกิดเป็นเช่นมนุษย์บุรุษราช มาหมายมาดนางสวรรค์ร่วมบรรจถรณ์ | ||
+ | ขอษมาการุญพระสุนทร ให้ถาพรภิญโญเดโชชัย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ อนึ่งโยมโฉมยงพระองค์เอก มณีเมขลามาโปรดปราศรัย | ||
+ | จะให้แก้วแล้วอย่าลืมที่ปลื้มใจ ขอให้ได้ดั่งประโยชน์โพธิญาณ | ||
+ | จะพ้นทุกข์สุขสิ้นมลทินโทษ เพราะพระโปรดโปรยปรายสายสนาน | ||
+ | ให้หน้าชื่นรื่นรสพจมาน เหมือนนิพพานพ้นทุกข์เป็นสุขสบาย | ||
+ | บวชตะบึงถึงตะบันน้ำฉันชื่น ยามดึกดื่นได้สังวรอวยพรถวาย | ||
+ | เหมือนพระจันทร์กรุณาให้ตายาย กับกระต่ายแต้มสว่างอยู่กลางวง | ||
+ | เหมือนวอนเจ้าสาวสวรรค์กระสันสวาท ให้ผุดผาดเพิ่มผลาอานิสงส์ | ||
+ | ได้สมบูรณ์พูนเกิดประเสริฐทรง ศีลดำรงร่วมสร้างพุทธางกูร | ||
+ | อันโลกีย์วิสัยที่ในโลก ความสุขโศกสิ้นกายก็หายสูญ | ||
+ | เป็นมนุษย์สุดแต่ขอให้บริบูรณ์ ได้เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย | ||
+ | ขอบุญพระจะให้อยู่ชมพูทวีป ช่วยชุบชีพชูเชิดให้เฉิดฉาย | ||
+ | ไม่ชื่นเหมือนเพื่อนมนุษย์ก็สุดอาย สู้ไปตายตีนเขาลำเนาเนิน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้ปีนี้ปีขาลบันดาลฝัน ที่หมายมั่นเหมือนจะหมางระคางเขิน | ||
+ | ก็คิดเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ ให้ห่างเหินโหยหวนรำจวนใจ | ||
+ | จึงแต่งตามความฝันรำพันพิลาป ให้ศิษย์ทราบสุนทราอัชฌาสัย | ||
+ | จะสั่งสาวชาวบางกอกข้างนอกใน ก็กลัวภัยให้ขยาดพระอาชญา | ||
+ | จึ่งเอื้อมอ้างนางสวรรค์ตามฝันเห็น ให้อ่านเล่นเป็นเล่ห์เสน่หา | ||
+ | ไม่รักใครในแผ่นดินถิ่นสุธา รักแต่เทพธิดาสุราลัย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ได้ครวญคร่ำร่ำเรื่องเป็นเครื่องสูง พอพยุงยกย่องให้ผ่องใส | ||
+ | ทั้งสาวแก่แม่ลูกอ่อนลาวมอญไทย เด็กผู้ใหญ่อย่าเฉลียวว่าเกี้ยวพาน | ||
+ | พระภู่แต่งแกล้งกล่าวสาวสาวเอ๋ย อย่าถือเลยเคยเจนเหมือนเหลนหลาน | ||
+ | นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดาน เคยเขียนอ่านอดใจมิใคร่ฟัง | ||
+ | จะฝากดีฝีปากจะฝากรัก ด้วยจวนจักจากถิ่นถวิลหวัง | ||
+ | ไว้อาลัยให้ละห้อยจงคอยฟัง จะร่ำสั่งสิ้นสุดอยุธยา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้ยามนี้ปีขาลสงสารวัด เคยโสมนัสในอารามสามวัสสา | ||
+ | สิ้นกุศลผลบุญการุณา จะจำลาเลยลับไปนับนาน | ||
+ | เคยเดินเล่นเย็นลมเลียบชมรอบ ริมแขวงขอบเขตที่เจดีย์ฐาน | ||
+ | พระปรางค์มีสี่ทิศพิสดาร โบสถ์วิหารการเปรียญล้วนเขียนทอง | ||
+ | ที่หน้าบันปั้นอย่างเมืองกวางตุ้ง ดูเรืองรุ่งรูปนกผกผยอง | ||
+ | กระเบื้องเคลือบเหลือบสลับเหลี่ยมรับรอง ศาลาสองหน้ารอบขอบกำแพง | ||
+ | สิงโตจีนตีนตัวน่ากลัวกลอก ขยับขยอกแยกเขี้ยวเสียวแสยง | ||
+ | ที่ตึกก่อช่อฟ้าใบระกาแดง ริมกำแพงตะพานขวางเคียงข้างคลอง | ||
+ | เป็นพลับพลาพาไลข้างในเสด็จ เดือนสิบเอ็ดเคยประทานงานฉลอง | ||
+ | เล่นโขนหนังฟังปี่พาทย์ระนาดฆ้อง ละครร้องเรื่องแขกฟังแปลกไทย | ||
+ | ประทานรางวัลนั้นไม่ขาดคนดาษดื่น ทั้งวันคืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว | ||
+ | จะวายเห็นเย็นเยียบเหงาเงียบใจ โอ้อาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เคยอยู่กินถิ่นที่กระฎีก่อ เป็นตึกต่อต่างกำแพงฝากแฝงฝา | ||
+ | เป็นสองฝ่ายท้ายวัดวิปัสสนา ข้างโบสถ์บาเรียนเรียงเคียงเคียงกัน | ||
+ | เป็นสี่แถวแนวทางเดินหว่างกุฎิ์ มีสระขุดเขื่อนลงพระสงฆ์ฉัน | ||
+ | ข้างทิศใต้ในจงกรมพรหมจรรย์ มีพระคันธกุฎีที่บำเพ็ง | ||
+ | ศาลากลางทางเดินแลเพลินจิต ประดับประดิษฐ์ดูดีเป็นที่เก๋ง | ||
+ | จะเริดร้างห่างแหสุดแลเล็ง ยิ่งพิศเพ่งพาสลดกำสรดทรวง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ หอระฆังดังทำนองหอกลองใหญ่ ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง | ||
+ | ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวง บ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน | ||
+ | ชมพู่แลแต่ละต้นมีผลลูก ดูดั่งผูกพวงระย้านึกน่าฉัน | ||
+ | ทรงบาดาลบานดอกรีบออกทัน เก็บทุกวันเช้าเย็นไม่เว้นวาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถ สะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย | ||
+ | เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดาย เคยแก้อายหลายครั้งประทังทน | ||
+ | ได้เก็บฉันวันละน้อยอร่อยรส ด้วยยามอดอัตคัดแสนขัดสน | ||
+ | จะซื้อหาชาจีนทรัพย์สินจน จะจากต้นชาให้อาลัยชา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบาก เหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา | ||
+ | โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตา ไว้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว | ||
+ | เคยเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่ มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว | ||
+ | ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราว โอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกัน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่ น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน | ||
+ | ช่างทำเป็นเช่นดอกจอกเป็นดอกจันทน์ งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา | ||
+ | มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก ทำน่ารักรูปสัตว์เหมือนมัจฉา | ||
+ | จะแลลับกลับกลายสุดสายตา เคยไปมามิได้เห็นจะเว้นวาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ตรุษสงกรานต์ท่านแต่งเครื่องแป้งสด ระรื่นรสราเชนพุมเสนกระสาย | ||
+ | น้ำกุหลาบอาบอุระแสนสบาย ถึงเคราะห์ร้ายหายหอมให้ตรอมทรวง | ||
+ | เหมือนแสนโง่โอ้เสียแรงแต่งหนังสือ จนมีชื่อลือเลื่องทั้งเมืองหลวง | ||
+ | มามืดเหมือนเดือนแรมไม่แจ่มดวง ต้องเหงาง่วงทรวงเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ | ||
+ | จำจากเพื่อนเหมือนจะพาน้ำตาตก ต้องระหกระเหินหาที่อาศัย | ||
+ | โอ้แสนอายปลายอ้อยเลื่อนลอยไป เจ็บเจ็บใจไม่รู้หายซังตายทน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ที่อารีมีคุณการุญรัก ได้เห็นพักตร์พบปะปีละหน | ||
+ | เข้าวัสสามาทั่วทุกตัวตน ถวายต้นไม้กระถางต่างต่างกัน | ||
+ | ดูกิ่งใบไม้แซมติดแต้มแต่ง ลูกดอกแฝงแกล้งประดิษฐ์ความคิดขยัน | ||
+ | พุ่มสีผึ้งถึงดีลิ้นจี่จันทน์ ต้นแก้วกรรณิการ์มีสารพัด | ||
+ | ทำรูปพราหมณ์งามพริ้มแย้มยิ้มเยือน กินนรเหมือนนางกินนรแขนอ่อนหยัด | ||
+ | ดูนางนั่งปลั่งเปล่งดูเคร่งครัด หน้าเหมือนผัดผ่องผิวกรีดนิ้วนาง | ||
+ | รูปนกหกผกผินกินลูกไม้ บ้างจับไซ้ขนพลิกพลิ้วปีกหาง | ||
+ | นกยางเจ่าเซาจกเหมือนนกยาง รูปเสือกวางกบกระต่ายมีหลายพรรณ | ||
+ | ทำแปลกแปลกแขกฝาหรั่งทั้งเจ้าเงาะ หน้าหัวเราะรูปร่างคิ้วคางขัน | ||
+ | สุกรแกะแพะโผนเผ่นโดนกัน ล้วนรูปปั้นต่างต่างเหมือนอย่างเป็น | ||
+ | จะแลลับนับปีครั้งนี้หนอ ที่ชอบพอเพื่อนสำราญจะนานเห็น | ||
+ | ด้วยโศกสุมรุมร้อนไม่หย่อนเย็น จงอยู่เป็นสุขสุขทุกทุกคน | ||
+ | ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์ ให้บริบูรณ์พูนสมบัติพิพัฒน์ผล | ||
+ | เกิดกองทองกองนากอย่ายากจน เจริญพ้นภัยพาลสำราญเริง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้สงสารหลานสาวเหล่าข้าหลวง เคยมาลวงหลงเชื่อจนเหลือเหลิง | ||
+ | ไม่รู้เท่าเจ้าทั้งนั้นเสียชั้นเชิง เชิญบันเทิงเถิดนะหลานปากหวานดี | ||
+ | ได้ฉันลมชมลิ้นเสียสิ้นแล้ว ล้วนหลานแก้วหลอกน้าต้องล่าหนี | ||
+ | จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปี อยู่จงดีได้เป็นหม่อมให้พร้อมเพรียง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้เดือนอ้ายไม่ขาดกระจาดหลวง ใส่เรือพ่วงพวกแห่เซ็งแซ่เสียง | ||
+ | อึกทึกครึกโครมคบโคมเคียง เรือรายเรียงร้องขับตีทับโทน | ||
+ | บ้างเขียนหน้าทาดำยืนรำเต้น ลางลำเล่นงิ้วหนังมีทั้งโขน | ||
+ | พวกขี้เมาเหล่าประสกตลกโลน ร้องโยนโหยนโย้นฉับรับชาตรี | ||
+ | ล้วนเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพร้อม ของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี | ||
+ | ทั้งขุนนางต่างมาด้วยบารมี ปี่พาทย์ตีเต้นรำทุกลำเรือ | ||
+ | ของขนมส้มสูกทั้งลูกไม้ หมูเป็ดไก่กุ้งแห้งแตงมะเขือ | ||
+ | พร้าวอ่อนด้วยกล้วยอ้อยนับร้อยเครือ จนล้นเหลือเกลือปลาร้าสารพัน | ||
+ | แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสด สบงแปดคืบจัดเป็นสัตตขันธ์ | ||
+ | โอ้แต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นนั้น นับคืนวันปีเดือนจะเลื่อนลอย | ||
+ | เหลืออาลัยใจเอ่ยจะเลยลับ เหลืออาภัพพูดยากเหมือนปากหอย | ||
+ | ให้เขินขวยด้วยว่าวาสนาน้อย ต้องหน้าจ๋อยน้อยหน้าระอาอาย | ||
+ | ออกวัสสาผ้าสบงกระทงเข้า พระองค์เจ้าจบพระหัตถ์จัดถวาย | ||
+ | ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนาย สำรวมกายก้มหน้าเกรงบารมี | ||
+ | สวดมนต์จบหลบออกข้างนอกเล่า ปะแต่เหล่าสาวแซ่ห่มแพรสี | ||
+ | สู้หลับตามาจนสุดถึงกุฎี เหมือนไม่มีตาตัวด้วยกลัวตาย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ตั้งแต่นี้มิได้หลบไม่พบแล้ว จงผ่องแผ้วพักตร์เหมือนดั่งเดือนหงาย | ||
+ | จะเงียบเหงาเช้าเย็นจะเว้นวาย โอ้ใจหายหมายมาดเคลื่อนคลาดคลา | ||
+ | เหมือนใบศรีมีงานท่านสนอม เจิมแป้งหอมน้ำมันจันทน์ให้หรรษา | ||
+ | พอเสร็จการท่านเอาลงทิ้งคงคา ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง | ||
+ | เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลับ มิได้รับไทยทานดูงานฉลอง | ||
+ | โอ้ทองหยิบลิบลอยทั้งฝอยทอง มิได้ครองไตรแพรเหมือนแต่เดิม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ พระสิงหะพระอภัยพระทัยจืด ไม่ยาวยืดยกยอชะลอเฉลิม | ||
+ | เมื่อกระนั้นจันทน์และกระแจะเจิม ได้พูนเพิ่มเหิมฮึกอยู่ตึกราม | ||
+ | ครั้นเหินห่างร้างเริดก็เกิดทุกข์ ไพรีรุกบุกเบียนเป็นเสี้ยนหนาม | ||
+ | สู้ต่ำต้อยน้อยตัวเกรงกลัวความ ด้วยเป็นยามยากจนจำทนทาน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถ เจ้าไกรลาศโลกามหาสถาน | ||
+ | ทรงงัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล ถือพัดตาลตาไฟประลัยกัลป์ | ||
+ | ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสริฐ ให้ตายเกิดสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์ | ||
+ | ตรัสอย่างไรไปเป็นเหมือนเช่นนั้น พระโปรดฉันเชิญช่วยอำนวยพร | ||
+ | เผื่อว่าจักรักใคร่ที่ไหนมั่ง ให้สมหวังดังจำนงประสงค์สมร | ||
+ | ทรงเวทมนตร์ดลประสิทธิ์ฤทธิรอน เจริญพรภิญโญเดโชชัย | ||
+ | ที่หวังชื่นกลืนกลั้นกระสันสวาท อย่าแคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน | ||
+ | มิตรจิตขอให้มิตรใจไป ที่มืดไม่เห็นห้องช่วยส่องเทียน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทร พระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร | ||
+ | มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวียน สถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี | ||
+ | ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ เหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี | ||
+ | ขอมหาอานุภาพปราบไพรี อย่าให้มีมารขวางระคางระคาย | ||
+ | ที่คนคิดริษยานินทาโทษ พระเปลื้องโปรดปราบประยูรให้สูญหาย | ||
+ | ศัตรูเงียบเรียบร้อยจะลอยชาย ไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวัน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัด พิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน | ||
+ | ทรงสีเหลืองเครื่องไฟประลัยกัลป์ กุมพระขรรค์กรดกระหวัดพัดโพยม | ||
+ | ขอเดชาวายุเวกจะเสกเวท พอหลับเนตรพริบหนึ่งไปถึงโฉม | ||
+ | จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลม เหมือนกินโสมโศกสร่างสว่างทรวง | ||
+ | สุมามาลย์บานแบ่งแมลงภู่ ขอสิงสู่สมสงวนไม่ควรหวง | ||
+ | จะเหือดสิ้นกลิ่นอายเสียดายดวง จะหล่นร่วงโรยรสต้องอดออม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โอ้อกเอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นแช่ม เชยที่แย้มยิ้มพรายไม่หายหอม | ||
+ | แต่หัสนัยน์ตรัยตรึงส์ท่านถึงจอม ยังแปลงปลอมเปลื้องปลิดไพจิตรา | ||
+ | ได้บุตรีที่รักยักษ์อสูร สืบประยูรอยู่ถึงดาวดึงสา | ||
+ | เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ อย่าประมาทชาติหมู่แมงภู่ผึ้ง ประสงค์ซึ่งเสน่หาสร้อยสาหรี | ||
+ | ดูดอกไม้ในจังหวัดปัฐพี ดวงใดดีมีกลิ่นรวยรินรส | ||
+ | พอบานกลีบรีบถึงลงคลึงเคล้า ฟุบแฝงเฝ้าเฟ้นฟอนเกสรสด | ||
+ | สัจจังจริงมิ่งขวัญอย่ารันทด ถ้ากลิ่นใกล้ได้รสเหลืออดออม | ||
+ | อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้ สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม | ||
+ | ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอม ต้องอดออมอกตรมระทมทวี | ||
+ | แม้นรับรักหักว่าเมตตาตอบ เมื่อผิดชอบผ่ายหน้าจะพาหนี | ||
+ | เหมือนอิเหนาเขาก็รู้ไม่สู้ดี แต่เพียงพี่นี้ก็ได้ด้วยง่ายดาย | ||
+ | อย่าหลบหลู่ดูถูกแต่ลูกยักษ์ เขายังลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย | ||
+ | เหมือนตัวพี่นี้ก็ลือว่าชื่อชาย รู้จักฝ่ายฟ้าดินชินชำนาญ | ||
+ | ถึงนัทีสีขเรศขอบเขตแขวง ป้อมกำแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร | ||
+ | เดชะฤทธิ์วิทยาปรีชาชาญ ช่วยบันดาลได้สมอารมณ์ปอง ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จริงจริงนะจะไปอุ้มเนื้อนุ่มน่วม ลงนั่งร่วมเรือกลพยนต์ผยอง | ||
+ | อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคียงประคอง ครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา | ||
+ | พอลมดีพี่จะให้ใช้ใบแล่น ไปตามแผนที่ประเทศเพศภาษา | ||
+ | แสนสบายสายสมุทรสุดสายตา เห็นแต่ฟ้าน้ำเขียวเปล่าเปลี่ยวทรวง | ||
+ | ในสายชลวนลึกโครมครึกคลื่น สุดจะฝืนฝ่าชะเลหลวง | ||
+ | เห็นฝูงปลานาคินสิ้นทั้งปวง เกิดในห้วงห้องมหาคงคาเค็ม | ||
+ | แขกฝาหรั่งมังค่าพวกพาณิช สังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม | ||
+ | เข้าประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็ม เขาไปเต็มตามทางกลางนัที | ||
+ | ถ้าแม้นว่าปลาวาฬผุดผ่านหน้า เรือไม่กล้าใกล้เคียงหลีกเลี่ยงหนี | ||
+ | แนวชลาน่าชมน้ำลมดี ดูเร็วรี่เรือเรื่อยไม่เหนื่อยแรง | ||
+ | เย็นระรื่นคลื่นเรียบเงียบสงบ มหรรณพพริบเนตรในเขตแขวง | ||
+ | แม้นควันคลุ้มกลุ่มกลมเป็นลมแดง เป็นสายแสงเสียงลั่นสนั่นดัง | ||
+ | บัดเดี๋ยวคลื่นครื้นครึกสะทึกโถม ขึ้นสาดโทรมดาดฟ้าคงคาขัง | ||
+ | เสียงฮือฮืออื้ออึงตูมตึงตัง ด้วยกำลังลมกล้าสลาตัน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลื่น ก็ฝ่าฝืนฟูสบายแล่นผายผัน | ||
+ | แม่เห็นคลื่นครื้นเครงจะเกรงครัน จะรับขวัญอุ้มน้องประคองเคียง | ||
+ | จะเขียนธงลงยันต์ปักกันคลื่น ให้หายรื่นราบเรียบเงียบเซียบเสียง | ||
+ | จะแย้มสรวลชวนนั่งที่ตั่งเตียง ให้เอนเอียงแอบอุ่นละมุนทรวง | ||
+ | จะแสนชื่นรื่นรสแป้งสดหอม เห็นจะยอมหย่อนตามไม่ห้ามหวง | ||
+ | เหมือนได้แก้วแววฟ้าจินดาดวง ไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ออกลึกซึ้งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร เห็นน้ำสุดสูงฟูมดั่งภูมผา | ||
+ | ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา สูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป | ||
+ | เรือลูกค้าพาณิชไม่ชิดเฉียด แล่นก้าวเสียดหลีกลำตามน้ำไหล | ||
+ | แลชะเลเภตราบ้างมาไป เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ | ||
+ | แม้นพรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูป สว่างวูบวงแดงดั่งแสงกระสือ | ||
+ | ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือ พัดกระพือเผาหนังแก้รังควาน ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แต่ตัวพี่มีอุบายแก้พรายผุด เสกเพลิงชุดเช่นกับไฟประลัยผลาญ | ||
+ | ทิ้งพรายน้ำทำลายวอดวายปราณ มิให้พานพักตร์น้องอย่าหมองมัว | ||
+ | ดูปลาใหญ่ในสมุทรผุดพ่นน้ำ มืดเหมือนคล้ำคลุ้มบดสลดสลัว | ||
+ | พุ่งทะลึ่งถึงฟ้าดูน่ากลัว แต่ละตัวตละโขดนับโยชน์ยาว | ||
+ | จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หัวเราะ ชวนชมเกาะกะเปาะกลมชื่อนมสาว | ||
+ | สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาว ดูเรือชาวเมืองใช้ใบไปมา | ||
+ | เรือสลัดตัดระกำร้อยลำหวาย ทำเรือค่ายรายแล่นล้วนแน่นหนา | ||
+ | น้าวกระเชียงเสียงเฮสุเรสุรา ใส่เสื้อผ้าโพกนั้นลงยันต์ราย | ||
+ | เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อน ปลอมเรือจรจับบรรดาลูกค้าขาย | ||
+ | ตัวคนได้ไม่ล้างให้วางวาย เจาะตีนหวายร้อยส้นทุกคนไป ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ โดยหากว่าถ้าไปปะเรือสลัด ศรีสวัสดิ์แพรวจะพรั่นประหวั่นไหว | ||
+ | จะอุ้มวางกลางตักสะพักไว้ โบกธงชัยให้จังงังกำบังตา | ||
+ | แล้วจะใช้ใบเยื้องไปเมืองเทศ ชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา | ||
+ | ทั้งหนุ่มสาวเกล้ามวยสวยโสภา แต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี | ||
+ | ล้วนนุ่งห่มโขมพัสตร์ถือสัจศิล ใส่เพชรนิลแนมประดับสลับสี | ||
+ | แลพิลึกตึกตั้งล้วนมั่งมี ชาวบุรีขี่รถบทจร ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จะเชิญแก้วแววเนตรขึ้นเขตแคว้น จัดซื้อแหวนเพชรรัตน์ประภัสสร | ||
+ | ให้สร่างทรวงดวงสุดาสถาวร สว่างร้อนรับขวัญทุกวันคืน | ||
+ | จะระวังนั่งประคองเคียงน้องน้อย ให้ใช้สอยสารพัดไม่ขัดขืน | ||
+ | กลืนไว้ได้ในอุระก็จะกลืน ให้แช่มชื่นชมชะเลทุกเวลา ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แล้วจะชวนนวลละอองตระกองอุ้ม ให้ชมเพลินเนินมะงุมมะงาหรา | ||
+ | ไปเกาะที่อิเหนาชาวชวา วงศ์อสัญแดหวาน่าหัวเราะ | ||
+ | จมูกโด่งโง้งงุ้มทั้งหนุ่มสาว ไม่เหมือนกล่าวราวเรื่องหูเหืองเจาะ | ||
+ | ไม่เพริศพริ้งหญิงชายคล้ายคล้ายเงาะ ไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม | ||
+ | ไม่แง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อน ไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม | ||
+ | รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม จะพาข้ามเข้าละเมาะเกาะมาลากา | ||
+ | เดิมของแขกแตกฝาหรั่งไปทั้งตึก แลพิลึกครึกครื้นขายปืนผา | ||
+ | เมื่อครั้งนั้นปันหยีอุ้มวียะดา ชี้ชมสัตว์มัจฉาในสาคร ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพี่ จะช่วยชี้ชมตลิ่งเหล่าสิงขร | ||
+ | ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอน ร้องละครอิเหนาเข้ามาลากา | ||
+ | แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝั่ง ไปชมละเมาะเกาะวังกัลพังหา | ||
+ | เกิดในน้ำดำนิลดั่งศิลา เหมือนรุกขาขึ้นสล้างหว่างคีริน | ||
+ | ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงาง้ำ เวลาน้ำขึ้นกระเพื่อมถึงเงื้อมหิน | ||
+ | เห็นหุบห้องปล่องชลาฝูงนาคิน ขึ้นมากินเกยนอนชะอ้อนเนิน | ||
+ | ภูเขานั้นวันหนึ่งแล่นจึ่งรอบ เป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน | ||
+ | จะชื่นชวนนวลละอองประคองเดิน เลียบเหลี่ยมเนินเพลินชมพนมนิล | ||
+ | จริงนะจ๊ะจะเก็บทั้งกัลพังหา เม็ดมุกดาคลื่นสาดกลางหาดหิน | ||
+ | เบี้ยอี้แก้แลรอบขอบคีริน ระรื่นกลิ่นไม้หอมมีพร้อมเพรียง | ||
+ | สะพรั่งต้นผลดอกออกไม่ขาด ศิลาลาดลดหลั่นชั้นเฉลียง | ||
+ | จะค่อยเลียบเหยียบย่องประคองเคียง เป็นพี่เลี้ยงเพียงพี่ร่วมชีวา | ||
+ | จำปาดะองุ่นหอมกรุ่นกลิ่น ก้าแฝ่ฝิ่นสินธุต้นบุหงา | ||
+ | ด้วยเกาะนี้ที่ทำเลเทวดา แต่นกกาก็มิได้ไปใกล้กราย ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ แล้วจะใช้ใบไปดูเมืองสุหรัด ท่าคลื่นซัดซึ้งวนชลสาย | ||
+ | ตั้งตึกรามตามตลิ่งแขกหญิงชาย แต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพิมพ์ | ||
+ | พื้นม่วงตองทองช้ำยำมะหวาด ฉีกวิลาศลายลำยองเขียนทองจิ้ม | ||
+ | ทำที่อยู่ดูพิลึกล้วนตึกทิม เรียบเรียงริมฝั่งสมุทรแลสุดตา | ||
+ | จะตามใจให้เพลินเจริญเนตร ชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา | ||
+ | ได้แย้มสรวลชวนใช้ใบลีลา ไปมังกล่าฝาหรั่งระวังตระเวณ | ||
+ | กำปั่นไฟใหญ่น้อยออกลอยเที่ยว ตลบเลี้ยวแลวิ่งดั่งจิ้งเหลน | ||
+ | ถ้วนเดือนหนึ่งจึงจะผลัดพวกหัศเกน เวียนตระเวณไปมาทั้งตาปี ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ เมืองมังกล่าฝาหรั่งอยู่ทั้งแขก พวกเจ๊กแทรกแปลกหน้าทำภาษี | ||
+ | แลพิลึกตึกรามงามงามดี ตึกเศรษฐีมีทรัพย์ประดับประดา | ||
+ | ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่าง ประตูหน้าต่างติดเครื่องรอบเฝืองฝา | ||
+ | ล้วนขายเพชรเจ็ดสีมีราคา วางไว้หน้าตึกร้านใส่จานราย | ||
+ | แล้วตัวไปไม่นั่งระวังของ คนซื้อร้องเรียกหาจึ่งมาขาย | ||
+ | ด้วยไม่มีตีโบยขโมยขมาย ทั้งหญิงชายเช้าค่ำเขาสำราญ | ||
+ | นอกกำแพงแขวงเขตประเทศถิ่น เป็นสวนอินทผาลัมทับน้ำหวาน | ||
+ | รองอ่างไว้ใช้ทำแทนน้ำตาล ห้องแต่งงานขันหมากเหลือหลากจริง | ||
+ | ถึงขวบปีมีจั่นทำขวัญต้น แต่งเหมือนคนขอสู่นางผู้หญิง | ||
+ | แม้นถึงปีมีลูกใครปลูกทิ้ง ไม่ออกจริงจั่นหล่นลำต้นตาย | ||
+ | บ้านตลาดกวาดเลี่ยนเตียนตะล่ง ถึงของหลงลืมไว้ก็ไม่หาย | ||
+ | ไปชมเล่นเช่นฉันว่าประสาสบาย บ้านเมืองรายหลายประเทศต่างเพศพันธุ์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ จะพาไปให้สร้างทางกุศล ขึ้นสิงหลเห็นจะได้ไปสวรรค์ | ||
+ | ไหว้เจดีย์ที่ทำเลเวฬุวัน พระรากขวัญอันเป็นยิ่งเขาสิงคุตร์ ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ คิดจะใช้ใบข้ามไปตามเข็ม เขียนมาเต็มเล่มแล้วจะสิ้นสมุด | ||
+ | เหมือนหมายทางต่างทวีปเรือรีบรุด พอสิ้นสุดสายมหาอารณพ | ||
+ | เหมือนเรื่องรักจักประเวศประเทศถิ่น มิทันสิ้นสุดคำก็จำจบ | ||
+ | แม้นขืนเคืองเปลื้องปลิดไม่คิดคบ จะเศร้าซบโศกสะอื้นทุกคืนวัน | ||
+ | เหมือนยักษีที่สิงขรต้องศรกก ปักตรึงอกอานภาพซ้ำสาปสรร | ||
+ | อยู่นพบุรีที่ตรงหว่างเขานางประจัน เสียงไก่ขันขึ้นนนทรีคอยตีซ้ำ | ||
+ | แสนวิตกอกพระยาอุณาราช สุดหมายมาดไม่มีที่อุปถัมภ์ | ||
+ | ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยำ ต้องตีซ้ำช้ำในฤทัยระทม ฯ | ||
+ | |||
+ | ๏ ถึงกระไรได้อุตส่าห์อาสาสมัคร ขอเห็นรักสักเท่าซีกกระผีกผม | ||
+ | พอชื่นใจได้สร่างสว่างอารมณ์ เหมือนนิยมสมคะเนเถิดเทวัญ | ||
+ | ถวิลหวังสังวาสสวาทแสวง ให้แจ่มแจ้งแต่งตามเรื่องความฝัน | ||
+ | ฝากฝีปากฝากคำที่สำคัญ ชื่อรำพันพิลาปล้ำกาพย์กลอน | ||
+ | เปรียบเหมือนกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์ สำเนียงเห่เทวัญริมบรรจถรณ์ | ||
+ | เสวยสวัสดิ์วัฒนาสถาวร วานฟังกลอนกลอยแก่เถิดแม่เอย ฯ | ||
</tpoem> | </tpoem> | ||
+ | |||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == |
รุ่นปัจจุบันของ 07:39, 9 กรกฎาคม 2552
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: สุนทรภู่
บทประพันธ์
๏ สุนทรทำคำประดิษฐ์นิมิตฝัน | |||
พึ่งพบเห็นเป็นวิบัติมหัศจรรย์ | จึ่งจดวันเวลาด้วยอาวรณ์ | ||
แต่งไว้เหมือนเตือนใจจะได้คิด | ในนิมิตเมื่อภวังค์วิสังหรณ์ | ||
เดือนแปดวันจันทวาเวลานอน | เจริญพรภาวนาตามบาลี | ||
ระลึกคุณบุญบวชตรวจกสิณ | ให้สุขสิ้นดินฟ้าทุกราศี | ||
เงียบสงัดวัดวาในราตรี | เสียงเป็ดผีหวี่หวีดจังหรีดเรียง | ||
หริ่งหริ่งเรื่อยเฉื่อยชื่นสะอื้นอก | สำเนียงนกแสกแถกแสกแสกเสียง | ||
เสียงแมงมุมอุ้มไข่มาใต้เตียง | ตีอกเพียงผึงผึงตะลึงฟัง | ||
ฝ่ายฝูงหนูมูสิกกิกกิกร้อง | เสียวสยองยามยินถวิลหวัง | ||
อนึ่งผึ้งซึ่งมาทำประจำรัง | ริมบานบังบินร้องสยองเย็น | ||
ยิ่งเยือกทรวงง่วงเหงาซบเซาโศก | ยามวิโยคยากแค้นสุดแสนเข็ญ | ||
ไม่เทียมเพื่อนเหมือนจะพาเลือดตากระเด็น | เที่ยวซ่อนเร้นไร้ญาติหวาดวิญญาณ์ ฯ | ||
๏ แต่ปีวอกออกขาดราชกิจ | บรรพชิตพิศวาสพระศาสนา | ||
เหมือนลอยล่องท้องชะเลอยู่เอกา | เห็นแต่ฟ้าฟ้าก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล | ||
ดูฟากฝั่งหวังจะหยุดก็สุดเนตร | แสนเทวษเวียนว่ายสายกระแส | ||
เหมือนทรวงเปลี่ยวเที่ยวแสวงทุกแขวงแคว | ได้เห็นแต่ศิษย์หาพยาบาล | ||
ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่ว | จังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน | ||
เมืองพริบพรีที่เขาทำรองน้ำตาล | รับประทานหวานเย็นก็เป็นลม | ||
ไปราชพรีมีแต่พาลจังทานพระ | เหมือนไปปะบระเพ็ดเหลือเข็ดขม | ||
ไปขึ้นเขาเล่าก็ตกอกระบม | ทุกข์ระทมแทบจะตายเสียหลายคราว ฯ | ||
๏ ครั้งไปด่านกาญจน์บุรีที่กะเหรี่ยง | ฟังแต่เสียงเสือสีห์ชะนีหนาว | ||
นอนน้ำค้างพร่างพนมพรอยพรมพราว | เพราะเชื่อลาวลวงว่าแร่แปรเป็นทอง | ||
ทั้งฝ่ายลูกถูกปอบมันลอบใช้ | หาแก้ได้ให้ไปเข้ากินเจ้าของ | ||
เข้าวัสสามาอยู่ที่สองพี่น้อง | ยามขัดข้องขาดมุ้งริ้นยุงชุม | ||
ทุกเช้าค่ำลำบากแสนยากยิ่ง | เหลือทนจริงเจ็บแสบใส่แกลบสุม | ||
เสียงฉู่ฉู่หวู่ว่อนเวียนร่อนรุม | เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกัดนั่งปัดยุง | ||
โอ้ยามยากอยากใคร่ได้เหล็กไหลเล่น | ทำทองเป็นปั้นเตาเผาถลุง | ||
ลองตำราอาจารย์ทองบ้านจุง | จดเกลือหุงหายสูญสิ้นทุนรอน ฯ | ||
๏ คราวไปคิดปริศนาตามตาเถร | เขากาเพนพบมหิงส์ริมสิงขร | ||
มันตามติดขวิดคร่อมอ้อมอุทร | หากมีขอนขวางควายไม่วายชนม์ | ||
เดชะบุญคุณพระอนิสงส์ | ช่วยดำรงรอดตายมาหลายหน | ||
เหตุด้วยเคราะห์เพราะว่าไว้วางใจคน | จึ่งจำจนใจเปล่าเปลืองข้าวเกลือ ฯ | ||
๏ โอ้ยามอยู่สุพรรณกินมันเผือก | เคี้ยวแต่เปลือกไม้หมากเปรี้ยวปากเหลือ | ||
จนแรงโรยโหยหิวผอมผิวเนื้อ | พริกกับเกลือกลักใหญ่ยังไม่พอ | ||
ทั้งผ้าพาดบาตรเหล็กของเล็กน้อย | ขโมยถอยไปทั้งเรือไม่เหลือหลอ | ||
เหลือแต่ผ้าอาศัยเสียใจคอ | ชาวบ้านทอถวายแทนแสนศรัทธา ฯ | ||
๏ คิดถึงคราวเจ้านิพพานสงสารโศก | ไปพิศีโลกลายแทงแสวงหา | ||
ลงหนองน้ำปล้ำตะเข้หากเทวดา | ช่วยรักษาจึ่งได้รอดไม่วอดวาย | ||
วันไปอยู่ภูผาเขาม้าวิ่ง | เหนื่อยนอนพิงเพิงไศลหลับใจหาย | ||
ครั้นดึกดูงูเหลือมเลื่อยเลื่อมลาย | ล้อมรอบกายเกี้ยวตัวกันผัวเมีย | ||
หนีไม่พ้นจนใจได้สติ | สมาธิถอดชีวิตอุทิศเสีย | ||
เสียงฟู่ฟู่ขู่ฟ้อเคล้าคลอเคลีย | แลบลิ้นเลียแล้วเลื้อยแลเฟือยยาว | ||
ดูใหญ่เท่าเสากระโดงผีโป่งสิง | เป็นรูปหญิงยืนหลอกผมหงอกขาว | ||
คิดจะตีหนีไปกลัวไม้เท้า | โอ้เคราะห์คราวขึ้นไปเหนือเหมือนเหลือตาย ฯ | ||
๏ เมื่อขาล่องต้องตอเรือหล่อล่ม | เจียนจะจมน้ำม้วยระหวยระหาย | ||
ปะหาดตื้นขึ้นรอดไม่วอดวาย | แต่ปะตายหลายหนหากทนทาน | ||
แล้วมิหนำซ้ำบุตรสุดที่รัก | ขโมยลักหลายหนผจญผลาญ | ||
ต้องต่ำต้อยย่อยยับอัประมาณ | มาอยู่วิหารวัดเลียบยิ่งเยียบเย็น | ||
โอ้ยามจนล้นเหลือสิ้นเสื่อหมอน | สู้ซุ่มซ่อนเสียมิให้ใครใครเห็น | ||
ราหูทับยับเยินเผอิญเป็น | เปรียบเหมือนเช่นพราหมณ์ชีมณีจันท์ ฯ | ||
๏ จะสึกหาลาพระอธิษฐาน | โดยกันดารเดือดร้อนสุดผ่อนผัน | ||
พอพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ | เธอช่วยกันแก้ร้อนค่อยหย่อนเย็น | ||
อยู่มาพระสิงหะไตรภพโลก | เห็นเศร้าโศกแสนแค้นสุดแสนเข็ญ | ||
ทุกค่ำคืนฝืนหน้าน้ำตากระเด็น | พระโปรดเป็นที่พึ่งเหมือนหนึ่งนึก | ||
ดังไข้หนักรักษาวางยาทิพย์ | ฉันทองหยิบฝอยทองไม่ต้องสึก | ||
ค่อยฝ่าฝืนชื่นฉ่ำดั่งอำมฤก | แต่ตกลึกเหลือที่จะได้สบาย ฯ | ||
๏ ค่อยเบาบางสร่างโศกเหมือนโรคฟื้น | จะเดินยืนยังไม่ได้ยังไม่หาย | ||
ได้ห่มสีมีหมอนเสื่ออ่อนลาย | ค่อยคลายอายอุตส่าห์ครองฉลองคุณ | ||
เหมือนพบปะพระสิทธาที่ปรารภ | ชุบบุตรลพเลี้ยงเหลือช่วยเกื้อหนุน | ||
สนอมพักตร์รักษาด้วยการุญ | ทรงสร้างบุญคุณศีลเพิ่มภิญโญ | ||
ถึงยากไร้ได้พึ่งหมือนหนึ่งแก้ว | พาผ่องแผ้วผิวพักตร์ขึ้นอักโข | ||
พระฤๅษีที่ท่านช่วยชุบเสือโค | ให้เรืองฤทธิ์อิศโรเดโชชัย | ||
แล้วไม่เลี้ยงเพียงแต่ชุบช่วยอุปถัมภ์ | พระคุณล้ำโลกาจะหาไหน | ||
ช่วยชี้ทางกลางป่าให้คลาไคล | หลวิชัยคาวีจำลีลา | ||
แต่ละองค์ทรงพรตพระยศยิ่ง | เป็นยอดมิ่งเมืองมนุษย์นี้สุดหา | ||
จงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา | พระชันษาสืบยืนอยู่หมื่นปี ฯ | ||
๏ เป็นคราวเคราะห์ก็ต้องพรากจากวิหาร | กลัวพวกพาลผู้ร้ายจำย้ายหนี | ||
อยู่วัดเทพธิดาด้วยบารมี | ได้ผ้าปีปัจจัยไทยทาน | ||
ถึงยามเคราะห์ก็เผอิญให้เหินห่าง | ไม่เหมือนอย่างอยู่ที่พระวิหาร | ||
โอ้ใจหายกลายกลับอัประมาณ | โดยกันดารเดือดร้อนไม่หย่อนเย็น | ||
ได้พึ่งพระปะแพรพอแก้หน้า | สองวัสสาสิ้นงามถึงยามเข็ญ | ||
คิดขัดขวางอย่างจะพาเลือดตากระเด็น | บันดาลเป็นปลวกปล่องขึ้นห้องนอน | ||
กัดเสื่อสาดขาดปรุทะลุสมุด | เสียดายสุดแสนรักเรื่องอักษร | ||
เสียแพรผ้าอาศัยไตรจีวร | ดูพรุนพรอนพลอยพาน้ำตาคลอ | ||
ถึงคราวคลายปลายอ้อยบุญน้อยแล้ว | ไม่ผ่องแผ้วพักตราวาสนาหนอ | ||
นับปีเดือนเหมือนจะหักทั้งหลักตอ | แต่รั้งรอร้อนรนกระวนกระวาย ฯ | ||
๏ ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์ | เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย | ||
สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอาย | จนถึงปลายปีฉลูมีธุระ | ||
ไปทางเรือเหลือสลดด้วยปลดเปลื้อง | ระคางเคืองข้องขัดสลัดสละ | ||
ลืมวันเดือนเขียนเฉยแกล้งเลยละ | เห็นแต่พระอภัยพระทัยดี | ||
ช่วยแจวเรือเกื้อหนุนทำบุญด้วย | เหมือนโปรดช่วยชูหน้าเป็นราศี | ||
กลับมาถึงผึ้งมาจับอยู่กับกระฎี | ทำรังที่ทิศประจิมริมประตู | ||
ต้องขัดเคืองเรื่องราวด้วยคราวเคราะห์ | จวบจำเพาะสุริยาถึงราหู | ||
ทั้งบ้านทั้งวังวัดเป็นศัตรู | แม้นขืนอยู่ยากเย็นจะเห็นใคร | ||
เครื่องกระฎีที่ยังเหลือแต่เสื่อขาด | เข้าไสยาสน์ยุงกัดปัดไม่ไหว | ||
เคยสว่างกลางคืนขาดฟืนไฟ | จะโทษใครเคราะห์กรรมจึ่งจำจน ฯ | ||
๏ โอ้อายเพื่อนเหมือนเขาว่ากิ่งกาฝาก | มิใช่รากรักเร่ระเหระหน | ||
ที่ทุกข์สุขขุกเข็ญเกิดเป็นคน | ต้องคิดขวนขวายหารักษากาย | ||
ได้พึ่งบ้างอย่างนี้เป็นที่ยิ่ง | สัจจังจริงจงรักสมัครหมาย | ||
ไม่ลืมคุณพูนสวัสดิ์ถึงพลัดพราย | มิได้วายเวลาคิดอาลัย ฯ | ||
๏ จะลับวัดพลัดที่กระฎีตึก | สุดแต่นึกน้ำตามาแต่ไหน | ||
เฝ้านองเนตรเช็ดพักตร์สักเท่าไร | ขืนหลั่งไหลรินร่ำน่ารำคาญ | ||
คิดอายเพื่อนเหมือนเขาเล่าแม่เจ้านี่ | เร่ไปปีละร้อยเรือนเดือนละร้อยบ้าน | ||
เพราะบุญน้อยย่อยยับอัประมาณ | เหลือที่ท่านอุปถัมภ์ช่วยบำรุง | ||
ต่อเมื่อไรไปทำทองสำเร็จ | แก้ปูนเพชรพบทองสักสองถุง | ||
จะผาสุกทุกสิ่งนอนกลิ้งพุง | กินหมูกุ้งไก่เป็ดจนเข็ดฟัน | ||
ขอเดชะพระมหาอานิสงส์ | ซึ่งรูปทรงสัจศีลถวิลสวรรค์ | ||
จะเที่ยวรอบขอบประเทศทุกเขตคัน | ขอความฝันวันนี้บอกดีร้าย ฯ | ||
๏ แล้วร่ำภาวนาในพระไตรลักษณ์ | ประหารรักหนักหน่วงตัดห่วงหาย | ||
หอมกลิ่นธูปงูบระงับหลับสบาย | ฝันว่าว่ายสายชะเลอยู่เอกา | ||
สิ้นกำลังยังมีนารีรุ่น | รูปเหมือนหุ่นเหาะเร่ร่อนเวหา | ||
ช่วยจูงไปไว้ที่วัดได้ทัศนา | พระศิลาขาวล้ำดังสำลี | ||
ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่อง | แลเลื่อมเหลืองเรืองจำรัสรัศมี | ||
พอเสียงแซ่แลหาเห็นนารี | ล้วนสอดสีสาวน้อยนับร้อยพัน | ||
ล้วนใส่ช้องป้องพักตร์ดูลักขณะ | เหมือนนางสะสวยสมล้วนคมสัน | ||
ที่เอกองค์ทรงศรีฉวีวรรณ | ดั่งดวงจันทร์แจ่มฟ้าไม่ราคี | ||
ทั้งคมขำล้ำนางสำอางสะอาด | โอษฐ์เหมือนชาดจิ้มเจิมเฉลิมศรี | ||
ใส่เครื่องทรงมงกุฎดังบุตรี | แก้วมณีเนาวรัตน์จำรัสเรือง | ||
รูปจริตพิศไหนวิไลเลิศ | เหมือนหุ่นเชิดโฉมแช่มแฉล้มเหลือง | ||
พอแลสบหลบชะม้ายชายชำเลือง | ดูปลดเปลื้องเปล่งปลั่งกำลังโลม | ||
ลำพระกรอ่อนชดประณตน้อม | แลละม่อมเหมือนหนึ่งเขียนวิเชียรโฉม | ||
หรือชาวสวรรค์ชั้นฟ้านภาโพยม | มาประโลมโลกาให้อาวรณ์ | ||
แปลกมนุษย์ผุดผ่องละอองพักตร์ | วิไลลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐสมร | ||
ครั้นปราศรัยไถ่ถามนามกร | ก็เคืองค้อนขามเขินสะเทินที | ||
ขืนถามอีกหลีกเลี่ยงหลบเมียงม่าย | เหมือนอายชายเฉยเมินดำเนินหนี | ||
นางน้อยน้อยพลอยตามงามงามดี | เก็บมาลีเลือกถวายไว้หลายพรรณ | ||
แล้วชวนว่าอย่าอยู่ชมพูทวีป | นิมนต์รีบไปสำราญวิมานสวรรค์ | ||
แล้วทรงรถกลดกั้นนางทั้งนั้น | นั่งที่ชั้นลดล้อมน้อมคำนับ | ||
ที่นั่งทิพย์ลิบเลื่อนคล้อยเคลื่อนคล้าย | พรรณรายพรายเรืองเครื่องประดับ | ||
ประเดี๋ยวเดียวเฉียวฉิบแลลิบลับ | จนลมจับวับใจอาลัยลาน ฯ | ||
๏ ซึ่งสั่งให้ไปสวรรค์หรือชันษา | จะมรณาในปีนี้เป็นปีขาล | ||
แม้นเหมือนปากอยากใคร่ตายหมายวิมาน | ขอพบพานภัคินีของพี่ยา | ||
ยังนึกเห็นเช่นโฉมประโลมโลก | ยิ่งเศร้าโศกแสนสวาทปรารถนา | ||
ได้แนบชมสมคะเนสักเวลา | ถึงชีวาม้วยไม่อาลัยเลย | ||
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปฟากฟ้า | ให้ดิ้นโดยโหยหานิจจาเอ๋ย | ||
ถึงชาตินี้พี่มิได้บุญไม่เคย | ขอชื่นเชยชาติหน้าด้วยอาวรณ์ | ||
แม้นรู้เหาะก็จะได้ตามไปด้วย | สู้มอดม้วยมิได้ทิ้งมิ่งสมร | ||
เสมอเนตรเชษฐาเวลานอน | จะกล่าวกลอนกล่อมประทับไว้กับทรวง | ||
สายสุดใจไม่หลับจะรับขวัญ | ร้องโอดพันพัดชาช้าลูกหลวง | ||
ประโลมแก้วแววตาสุดาดวง | ให้อุ่นทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย | ||
ยามกลางวันบรรทมจะชมโฉม | ขับประโลมข้างที่พัดวีถวาย | ||
แม้นไม่ยิ้มหงิมเหงาจะเล่านิยาย | เรื่องกระต่ายตื่นตูมเหลือมูมมาม | ||
ไม่รู้เหาะก็มิได้ขึ้นไปเห็น | แม้นเหมือนเช่นชาวสุธาภาษาสยาม | ||
ถ้ารับรักจักอุตส่าห์พยายาม | ไปตามความคิดคงได้ปลงทอง ฯ | ||
๏ นี่จนใจไม่รู้จักที่หลักแหล่ง | สุดแสวงสวาทหมายไม่วายหมอง | ||
เมื่อยามฝันนั้นว่านึกนั่งตรึกตรอง | เดือนหงายส่องแสงสว่างดังกลางวัน | ||
เห็นโฉมยงองค์เอกเมขลา | ชูจินดาดวงสว่างมากลางสวรรค์ | ||
รัศมีสีเปล่งดังเพ็งจันทร์ | พระรำพันกรุณาด้วยปรานี | ||
ว่านวลหงส์องค์นี้อยู่ชั้นฟ้า | ชื่อโฉมเทพธิดามิ่งมารศรี | ||
วิมานเรียงเคียงกันทุกวันนี้ | เหมือนหนึ่งพี่น้องสนิทร่วมจิตใจ | ||
จะให้แก้วแล้วก็ว่าไปหาเถิด | มิให้เกิดการระแวงแหนงไฉน | ||
ที่ขัดข้องหมองหมางเป็นอย่างไร | จะผันแปรแก้ไขด้วยใกล้เคียง ฯ | ||
๏ สดับคำฉ่ำชื่นจะยื่นแก้ว | แล้วคลาดแคล้วคลับคล้ายเคลิ้มหายเสียง | ||
ทรงปักษาการเวกแฝงเมฆเมียง | จึ่งหมายเสี่ยงวาสนาอุตส่าห์คอย | ||
เหมือนบุปผาปาริกชาติชื่น | สุดจะยื่นหยิบได้มีไม้สอย | ||
ด้วยเดชะพระกุศลให้หล่นลอย | ลงมาหน่อยหนึ่งเถิดนะจะประคอง | ||
มิให้เคืองเปลื้องปลดเสียยศศักดิ์ | สนอมรักร้อยปีไม่มีหมอง | ||
แม้นมั่งมีพี่จะจ้างพวกช่างทอง | หล่อจำลองรูปวางไว้ข้างเคียง ฯ | ||
๏ คิดจนตื่นฟื้นฟังระฆังฆ้อง | กลองหอกลองทึ้มทึ้มกระหึ่มเสียง | ||
โกกิลากาแกแซ่สำเนียง | โอ้นึกเพียงขวัญหายไม่วายวัน | ||
วิสัยเราเล่าก็ไม่สู้ใฝ่สูง | นางฟ้าฝูงไหนเล่ามาเข้าฝัน | ||
ให้เฟือนจิตกิจกรมพรหมจรรย์ | ฤๅสาวสวรรค์นั้นจะใคร่ลองใจเรา | ||
ให้รักรูปซูบผอมตรมตรอมจิต | เสียจริตคิดขยิ่มง่วงหงิมเหงา | ||
จะได้หัวเราะเยาะเล่นทุกเย็นเช้า | จึงแกล้งเข้าฝันเห็นเหมือนเช่นนี้ | ||
แม้นนางอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์ | นึกกลัวสุดแสนกลัวเอาตัวหนี | ||
สู้นิ่งนั่งตั้งมั่นถือขันตี | อยู่กระฎีดั่งสันดานนิพพานพรหม | ||
รักษาพรตปลดปละสละรัก | เพราะน้ำผักต้มหวานน้ำตาลขม | ||
คิดรังเกียจเกลียดรักหักอารมณ์ | ไม่นิยมสมสวาทเป็นขาดรอน ฯ | ||
๏ แต่ครั้งนี้วิปริตนิมิตฝัน | เฝ้าผูกพันมั่นหมายสายสมร | ||
สาวสวรรค์ชั้นฟ้าจงถาวร | เจริญพรพูนสวัสดิ์กำจัดภัย | ||
ซึ่งผูกจิตพิศวาสหมายมาดมุ่ง | มักนอนสะดุ้งด้วยพระขวัญจะหวั่นไหว | ||
เสวยสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย | ช่วยเลื่อมใสโสมนัสสวัสดี ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระอุมารักษาสวาท | ให้ผุดผาดเพียงพักตร์พระลักษมี | ||
วิมานแก้วแววฟ้าฝูงนารี | คอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระอินทร์ดีดพิณแก้ว | ให้เจื้อยแจ้วจับใจแจ่มใสเสียง | ||
สาวสุรางค์นางรำระบำเรียง | คอยขับกล่อมพร้อมเพรียงเคียงประคอง | ||
ขอพระจันทร์กรุณารักษาศรี | ให้เหมือนมณีนพเก้าอย่าเศร้าหมอง | ||
เหมือนหุ่นเชิดเลิศล้วนนวลละออง | ให้ผุดผ่องผิวพรรณเพียงจันทรา ฯ | ||
๏ ขอพระพายชายเชยรำเพยพัด | ให้ศรีสวัสดิ์สว่างจิตขนิษฐา | ||
หอมดอกไม้ในทวีปกลีบผกา | ให้หอมชื่นรื่นวิญญาณ์นิทรารมณ์ ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระคงคารักษาสนอม | อย่าให้มอมมีระคายเท่าปลายผม | ||
ให้เย็นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำเช่นน้ำลม | กล่อมประทมโสมนัสสวัสดี ฯ | ||
๏ ด้วยเดิมฉันฝันได้ยลวิมลพักตร์ | สุดแสนรักลักประโลมโฉมฉวี | ||
ถวิลหวังตั้งแต่นั้นจนวันนี้ | ขออย่ามีโทษโปรดยกโทษกรณ์ | ||
ด้วยเกิดเป็นเช่นมนุษย์บุรุษราช | มาหมายมาดนางสวรรค์ร่วมบรรจถรณ์ | ||
ขอษมาการุญพระสุนทร | ให้ถาพรภิญโญเดโชชัย ฯ | ||
๏ อนึ่งโยมโฉมยงพระองค์เอก | มณีเมขลามาโปรดปราศรัย | ||
จะให้แก้วแล้วอย่าลืมที่ปลื้มใจ | ขอให้ได้ดั่งประโยชน์โพธิญาณ | ||
จะพ้นทุกข์สุขสิ้นมลทินโทษ | เพราะพระโปรดโปรยปรายสายสนาน | ||
ให้หน้าชื่นรื่นรสพจมาน | เหมือนนิพพานพ้นทุกข์เป็นสุขสบาย | ||
บวชตะบึงถึงตะบันน้ำฉันชื่น | ยามดึกดื่นได้สังวรอวยพรถวาย | ||
เหมือนพระจันทร์กรุณาให้ตายาย | กับกระต่ายแต้มสว่างอยู่กลางวง | ||
เหมือนวอนเจ้าสาวสวรรค์กระสันสวาท | ให้ผุดผาดเพิ่มผลาอานิสงส์ | ||
ได้สมบูรณ์พูนเกิดประเสริฐทรง | ศีลดำรงร่วมสร้างพุทธางกูร | ||
อันโลกีย์วิสัยที่ในโลก | ความสุขโศกสิ้นกายก็หายสูญ | ||
เป็นมนุษย์สุดแต่ขอให้บริบูรณ์ | ได้เพิ่มพูนผาสุกสนุกสบาย | ||
ขอบุญพระจะให้อยู่ชมพูทวีป | ช่วยชุบชีพชูเชิดให้เฉิดฉาย | ||
ไม่ชื่นเหมือนเพื่อนมนุษย์ก็สุดอาย | สู้ไปตายตีนเขาลำเนาเนิน ฯ | ||
๏ โอ้ปีนี้ปีขาลบันดาลฝัน | ที่หมายมั่นเหมือนจะหมางระคางเขิน | ||
ก็คิดเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญ | ให้ห่างเหินโหยหวนรำจวนใจ | ||
จึงแต่งตามความฝันรำพันพิลาป | ให้ศิษย์ทราบสุนทราอัชฌาสัย | ||
จะสั่งสาวชาวบางกอกข้างนอกใน | ก็กลัวภัยให้ขยาดพระอาชญา | ||
จึ่งเอื้อมอ้างนางสวรรค์ตามฝันเห็น | ให้อ่านเล่นเป็นเล่ห์เสน่หา | ||
ไม่รักใครในแผ่นดินถิ่นสุธา | รักแต่เทพธิดาสุราลัย ฯ | ||
๏ ได้ครวญคร่ำร่ำเรื่องเป็นเครื่องสูง | พอพยุงยกย่องให้ผ่องใส | ||
ทั้งสาวแก่แม่ลูกอ่อนลาวมอญไทย | เด็กผู้ใหญ่อย่าเฉลียวว่าเกี้ยวพาน | ||
พระภู่แต่งแกล้งกล่าวสาวสาวเอ๋ย | อย่าถือเลยเคยเจนเหมือนเหลนหลาน | ||
นักเลงกลอนนอนฝันเป็นสันดาน | เคยเขียนอ่านอดใจมิใคร่ฟัง | ||
จะฝากดีฝีปากจะฝากรัก | ด้วยจวนจักจากถิ่นถวิลหวัง | ||
ไว้อาลัยให้ละห้อยจงคอยฟัง | จะร่ำสั่งสิ้นสุดอยุธยา ฯ | ||
๏ โอ้ยามนี้ปีขาลสงสารวัด | เคยโสมนัสในอารามสามวัสสา | ||
สิ้นกุศลผลบุญการุณา | จะจำลาเลยลับไปนับนาน | ||
เคยเดินเล่นเย็นลมเลียบชมรอบ | ริมแขวงขอบเขตที่เจดีย์ฐาน | ||
พระปรางค์มีสี่ทิศพิสดาร | โบสถ์วิหารการเปรียญล้วนเขียนทอง | ||
ที่หน้าบันปั้นอย่างเมืองกวางตุ้ง | ดูเรืองรุ่งรูปนกผกผยอง | ||
กระเบื้องเคลือบเหลือบสลับเหลี่ยมรับรอง | ศาลาสองหน้ารอบขอบกำแพง | ||
สิงโตจีนตีนตัวน่ากลัวกลอก | ขยับขยอกแยกเขี้ยวเสียวแสยง | ||
ที่ตึกก่อช่อฟ้าใบระกาแดง | ริมกำแพงตะพานขวางเคียงข้างคลอง | ||
เป็นพลับพลาพาไลข้างในเสด็จ | เดือนสิบเอ็ดเคยประทานงานฉลอง | ||
เล่นโขนหนังฟังปี่พาทย์ระนาดฆ้อง | ละครร้องเรื่องแขกฟังแปลกไทย | ||
ประทานรางวัลนั้นไม่ขาดคนดาษดื่น | ทั้งวันคืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว | ||
จะวายเห็นเย็นเยียบเหงาเงียบใจ | โอ้อาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ ฯ | ||
๏ เคยอยู่กินถิ่นที่กระฎีก่อ | เป็นตึกต่อต่างกำแพงฝากแฝงฝา | ||
เป็นสองฝ่ายท้ายวัดวิปัสสนา | ข้างโบสถ์บาเรียนเรียงเคียงเคียงกัน | ||
เป็นสี่แถวแนวทางเดินหว่างกุฎิ์ | มีสระขุดเขื่อนลงพระสงฆ์ฉัน | ||
ข้างทิศใต้ในจงกรมพรหมจรรย์ | มีพระคันธกุฎีที่บำเพ็ง | ||
ศาลากลางทางเดินแลเพลินจิต | ประดับประดิษฐ์ดูดีเป็นที่เก๋ง | ||
จะเริดร้างห่างแหสุดแลเล็ง | ยิ่งพิศเพ่งพาสลดกำสรดทรวง ฯ | ||
๏ หอระฆังดังทำนองหอกลองใหญ่ | ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง | ||
ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวง | บ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน | ||
ชมพู่แลแต่ละต้นมีผลลูก | ดูดั่งผูกพวงระย้านึกน่าฉัน | ||
ทรงบาดาลบานดอกรีบออกทัน | เก็บทุกวันเช้าเย็นไม่เว้นวาย ฯ | ||
๏ เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถ | สะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย | ||
เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดาย | เคยแก้อายหลายครั้งประทังทน | ||
ได้เก็บฉันวันละน้อยอร่อยรส | ด้วยยามอดอัตคัดแสนขัดสน | ||
จะซื้อหาชาจีนทรัพย์สินจน | จะจากต้นชาให้อาลัยชา ฯ | ||
๏ โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบาก | เหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา | ||
โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตา | ไว้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว | ||
เคยเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่ | มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว | ||
ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราว | โอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกัน ฯ | ||
๏ ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่ | น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน | ||
ช่างทำเป็นเช่นดอกจอกเป็นดอกจันทน์ | งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา | ||
มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก | ทำน่ารักรูปสัตว์เหมือนมัจฉา | ||
จะแลลับกลับกลายสุดสายตา | เคยไปมามิได้เห็นจะเว้นวาย ฯ | ||
๏ ตรุษสงกรานต์ท่านแต่งเครื่องแป้งสด | ระรื่นรสราเชนพุมเสนกระสาย | ||
น้ำกุหลาบอาบอุระแสนสบาย | ถึงเคราะห์ร้ายหายหอมให้ตรอมทรวง | ||
เหมือนแสนโง่โอ้เสียแรงแต่งหนังสือ | จนมีชื่อลือเลื่องทั้งเมืองหลวง | ||
มามืดเหมือนเดือนแรมไม่แจ่มดวง | ต้องเหงาง่วงทรวงเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ | ||
จำจากเพื่อนเหมือนจะพาน้ำตาตก | ต้องระหกระเหินหาที่อาศัย | ||
โอ้แสนอายปลายอ้อยเลื่อนลอยไป | เจ็บเจ็บใจไม่รู้หายซังตายทน ฯ | ||
๏ ที่อารีมีคุณการุญรัก | ได้เห็นพักตร์พบปะปีละหน | ||
เข้าวัสสามาทั่วทุกตัวตน | ถวายต้นไม้กระถางต่างต่างกัน | ||
ดูกิ่งใบไม้แซมติดแต้มแต่ง | ลูกดอกแฝงแกล้งประดิษฐ์ความคิดขยัน | ||
พุ่มสีผึ้งถึงดีลิ้นจี่จันทน์ | ต้นแก้วกรรณิการ์มีสารพัด | ||
ทำรูปพราหมณ์งามพริ้มแย้มยิ้มเยือน | กินนรเหมือนนางกินนรแขนอ่อนหยัด | ||
ดูนางนั่งปลั่งเปล่งดูเคร่งครัด | หน้าเหมือนผัดผ่องผิวกรีดนิ้วนาง | ||
รูปนกหกผกผินกินลูกไม้ | บ้างจับไซ้ขนพลิกพลิ้วปีกหาง | ||
นกยางเจ่าเซาจกเหมือนนกยาง | รูปเสือกวางกบกระต่ายมีหลายพรรณ | ||
ทำแปลกแปลกแขกฝาหรั่งทั้งเจ้าเงาะ | หน้าหัวเราะรูปร่างคิ้วคางขัน | ||
สุกรแกะแพะโผนเผ่นโดนกัน | ล้วนรูปปั้นต่างต่างเหมือนอย่างเป็น | ||
จะแลลับนับปีครั้งนี้หนอ | ที่ชอบพอเพื่อนสำราญจะนานเห็น | ||
ด้วยโศกสุมรุมร้อนไม่หย่อนเย็น | จงอยู่เป็นสุขสุขทุกทุกคน | ||
ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์ | ให้บริบูรณ์พูนสมบัติพิพัฒน์ผล | ||
เกิดกองทองกองนากอย่ายากจน | เจริญพ้นภัยพาลสำราญเริง ฯ | ||
๏ โอ้สงสารหลานสาวเหล่าข้าหลวง | เคยมาลวงหลงเชื่อจนเหลือเหลิง | ||
ไม่รู้เท่าเจ้าทั้งนั้นเสียชั้นเชิง | เชิญบันเทิงเถิดนะหลานปากหวานดี | ||
ได้ฉันลมชมลิ้นเสียสิ้นแล้ว | ล้วนหลานแก้วหลอกน้าต้องล่าหนี | ||
จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปี | อยู่จงดีได้เป็นหม่อมให้พร้อมเพรียง ฯ | ||
๏ โอ้เดือนอ้ายไม่ขาดกระจาดหลวง | ใส่เรือพ่วงพวกแห่เซ็งแซ่เสียง | ||
อึกทึกครึกโครมคบโคมเคียง | เรือรายเรียงร้องขับตีทับโทน | ||
บ้างเขียนหน้าทาดำยืนรำเต้น | ลางลำเล่นงิ้วหนังมีทั้งโขน | ||
พวกขี้เมาเหล่าประสกตลกโลน | ร้องโยนโหยนโย้นฉับรับชาตรี | ||
ล้วนเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพร้อม | ของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี | ||
ทั้งขุนนางต่างมาด้วยบารมี | ปี่พาทย์ตีเต้นรำทุกลำเรือ | ||
ของขนมส้มสูกทั้งลูกไม้ | หมูเป็ดไก่กุ้งแห้งแตงมะเขือ | ||
พร้าวอ่อนด้วยกล้วยอ้อยนับร้อยเครือ | จนล้นเหลือเกลือปลาร้าสารพัน | ||
แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสด | สบงแปดคืบจัดเป็นสัตตขันธ์ | ||
โอ้แต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นนั้น | นับคืนวันปีเดือนจะเลื่อนลอย | ||
เหลืออาลัยใจเอ่ยจะเลยลับ | เหลืออาภัพพูดยากเหมือนปากหอย | ||
ให้เขินขวยด้วยว่าวาสนาน้อย | ต้องหน้าจ๋อยน้อยหน้าระอาอาย | ||
ออกวัสสาผ้าสบงกระทงเข้า | พระองค์เจ้าจบพระหัตถ์จัดถวาย | ||
ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนาย | สำรวมกายก้มหน้าเกรงบารมี | ||
สวดมนต์จบหลบออกข้างนอกเล่า | ปะแต่เหล่าสาวแซ่ห่มแพรสี | ||
สู้หลับตามาจนสุดถึงกุฎี | เหมือนไม่มีตาตัวด้วยกลัวตาย ฯ | ||
๏ ตั้งแต่นี้มิได้หลบไม่พบแล้ว | จงผ่องแผ้วพักตร์เหมือนดั่งเดือนหงาย | ||
จะเงียบเหงาเช้าเย็นจะเว้นวาย | โอ้ใจหายหมายมาดเคลื่อนคลาดคลา | ||
เหมือนใบศรีมีงานท่านสนอม | เจิมแป้งหอมน้ำมันจันทน์ให้หรรษา | ||
พอเสร็จการท่านเอาลงทิ้งคงคา | ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง | ||
เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลับ | มิได้รับไทยทานดูงานฉลอง | ||
โอ้ทองหยิบลิบลอยทั้งฝอยทอง | มิได้ครองไตรแพรเหมือนแต่เดิม ฯ | ||
๏ พระสิงหะพระอภัยพระทัยจืด | ไม่ยาวยืดยกยอชะลอเฉลิม | ||
เมื่อกระนั้นจันทน์และกระแจะเจิม | ได้พูนเพิ่มเหิมฮึกอยู่ตึกราม | ||
ครั้นเหินห่างร้างเริดก็เกิดทุกข์ | ไพรีรุกบุกเบียนเป็นเสี้ยนหนาม | ||
สู้ต่ำต้อยน้อยตัวเกรงกลัวความ | ด้วยเป็นยามยากจนจำทนทาน ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถ | เจ้าไกรลาศโลกามหาสถาน | ||
ทรงงัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล | ถือพัดตาลตาไฟประลัยกัลป์ | ||
ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสริฐ | ให้ตายเกิดสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์ | ||
ตรัสอย่างไรไปเป็นเหมือนเช่นนั้น | พระโปรดฉันเชิญช่วยอำนวยพร | ||
เผื่อว่าจักรักใคร่ที่ไหนมั่ง | ให้สมหวังดังจำนงประสงค์สมร | ||
ทรงเวทมนตร์ดลประสิทธิ์ฤทธิรอน | เจริญพรภิญโญเดโชชัย | ||
ที่หวังชื่นกลืนกลั้นกระสันสวาท | อย่าแคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน | ||
มิตรจิตขอให้มิตรใจไป | ที่มืดไม่เห็นห้องช่วยส่องเทียน ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทร | พระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร | ||
มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวียน | สถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี | ||
ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ | เหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี | ||
ขอมหาอานุภาพปราบไพรี | อย่าให้มีมารขวางระคางระคาย | ||
ที่คนคิดริษยานินทาโทษ | พระเปลื้องโปรดปราบประยูรให้สูญหาย | ||
ศัตรูเงียบเรียบร้อยจะลอยชาย | ไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวัน ฯ | ||
๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัด | พิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน | ||
ทรงสีเหลืองเครื่องไฟประลัยกัลป์ | กุมพระขรรค์กรดกระหวัดพัดโพยม | ||
ขอเดชาวายุเวกจะเสกเวท | พอหลับเนตรพริบหนึ่งไปถึงโฉม | ||
จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลม | เหมือนกินโสมโศกสร่างสว่างทรวง | ||
สุมามาลย์บานแบ่งแมลงภู่ | ขอสิงสู่สมสงวนไม่ควรหวง | ||
จะเหือดสิ้นกลิ่นอายเสียดายดวง | จะหล่นร่วงโรยรสต้องอดออม ฯ | ||
๏ โอ้อกเอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นแช่ม | เชยที่แย้มยิ้มพรายไม่หายหอม | ||
แต่หัสนัยน์ตรัยตรึงส์ท่านถึงจอม | ยังแปลงปลอมเปลื้องปลิดไพจิตรา | ||
ได้บุตรีที่รักยักษ์อสูร | สืบประยูรอยู่ถึงดาวดึงสา | ||
เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา | เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมี ฯ | ||
๏ อย่าประมาทชาติหมู่แมงภู่ผึ้ง | ประสงค์ซึ่งเสน่หาสร้อยสาหรี | ||
ดูดอกไม้ในจังหวัดปัฐพี | ดวงใดดีมีกลิ่นรวยรินรส | ||
พอบานกลีบรีบถึงลงคลึงเคล้า | ฟุบแฝงเฝ้าเฟ้นฟอนเกสรสด | ||
สัจจังจริงมิ่งขวัญอย่ารันทด | ถ้ากลิ่นใกล้ได้รสเหลืออดออม | ||
อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้ | สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม | ||
ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอม | ต้องอดออมอกตรมระทมทวี | ||
แม้นรับรักหักว่าเมตตาตอบ | เมื่อผิดชอบผ่ายหน้าจะพาหนี | ||
เหมือนอิเหนาเขาก็รู้ไม่สู้ดี | แต่เพียงพี่นี้ก็ได้ด้วยง่ายดาย | ||
อย่าหลบหลู่ดูถูกแต่ลูกยักษ์ | เขายังลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย | ||
เหมือนตัวพี่นี้ก็ลือว่าชื่อชาย | รู้จักฝ่ายฟ้าดินชินชำนาญ | ||
ถึงนัทีสีขเรศขอบเขตแขวง | ป้อมกำแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร | ||
เดชะฤทธิ์วิทยาปรีชาชาญ | ช่วยบันดาลได้สมอารมณ์ปอง ฯ | ||
๏ จริงจริงนะจะไปอุ้มเนื้อนุ่มน่วม | ลงนั่งร่วมเรือกลพยนต์ผยอง | ||
อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคียงประคอง | ครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา | ||
พอลมดีพี่จะให้ใช้ใบแล่น | ไปตามแผนที่ประเทศเพศภาษา | ||
แสนสบายสายสมุทรสุดสายตา | เห็นแต่ฟ้าน้ำเขียวเปล่าเปลี่ยวทรวง | ||
ในสายชลวนลึกโครมครึกคลื่น | สุดจะฝืนฝ่าชะเลหลวง | ||
เห็นฝูงปลานาคินสิ้นทั้งปวง | เกิดในห้วงห้องมหาคงคาเค็ม | ||
แขกฝาหรั่งมังค่าพวกพาณิช | สังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม | ||
เข้าประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็ม | เขาไปเต็มตามทางกลางนัที | ||
ถ้าแม้นว่าปลาวาฬผุดผ่านหน้า | เรือไม่กล้าใกล้เคียงหลีกเลี่ยงหนี | ||
แนวชลาน่าชมน้ำลมดี | ดูเร็วรี่เรือเรื่อยไม่เหนื่อยแรง | ||
เย็นระรื่นคลื่นเรียบเงียบสงบ | มหรรณพพริบเนตรในเขตแขวง | ||
แม้นควันคลุ้มกลุ่มกลมเป็นลมแดง | เป็นสายแสงเสียงลั่นสนั่นดัง | ||
บัดเดี๋ยวคลื่นครื้นครึกสะทึกโถม | ขึ้นสาดโทรมดาดฟ้าคงคาขัง | ||
เสียงฮือฮืออื้ออึงตูมตึงตัง | ด้วยกำลังลมกล้าสลาตัน ฯ | ||
๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลื่น | ก็ฝ่าฝืนฟูสบายแล่นผายผัน | ||
แม่เห็นคลื่นครื้นเครงจะเกรงครัน | จะรับขวัญอุ้มน้องประคองเคียง | ||
จะเขียนธงลงยันต์ปักกันคลื่น | ให้หายรื่นราบเรียบเงียบเซียบเสียง | ||
จะแย้มสรวลชวนนั่งที่ตั่งเตียง | ให้เอนเอียงแอบอุ่นละมุนทรวง | ||
จะแสนชื่นรื่นรสแป้งสดหอม | เห็นจะยอมหย่อนตามไม่ห้ามหวง | ||
เหมือนได้แก้วแววฟ้าจินดาดวง | ไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลา ฯ | ||
๏ ออกลึกซึ้งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร | เห็นน้ำสุดสูงฟูมดั่งภูมผา | ||
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา | สูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป | ||
เรือลูกค้าพาณิชไม่ชิดเฉียด | แล่นก้าวเสียดหลีกลำตามน้ำไหล | ||
แลชะเลเภตราบ้างมาไป | เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ | ||
แม้นพรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูป | สว่างวูบวงแดงดั่งแสงกระสือ | ||
ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือ | พัดกระพือเผาหนังแก้รังควาน ฯ | ||
๏ แต่ตัวพี่มีอุบายแก้พรายผุด | เสกเพลิงชุดเช่นกับไฟประลัยผลาญ | ||
ทิ้งพรายน้ำทำลายวอดวายปราณ | มิให้พานพักตร์น้องอย่าหมองมัว | ||
ดูปลาใหญ่ในสมุทรผุดพ่นน้ำ | มืดเหมือนคล้ำคลุ้มบดสลดสลัว | ||
พุ่งทะลึ่งถึงฟ้าดูน่ากลัว | แต่ละตัวตละโขดนับโยชน์ยาว | ||
จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หัวเราะ | ชวนชมเกาะกะเปาะกลมชื่อนมสาว | ||
สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาว | ดูเรือชาวเมืองใช้ใบไปมา | ||
เรือสลัดตัดระกำร้อยลำหวาย | ทำเรือค่ายรายแล่นล้วนแน่นหนา | ||
น้าวกระเชียงเสียงเฮสุเรสุรา | ใส่เสื้อผ้าโพกนั้นลงยันต์ราย | ||
เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อน | ปลอมเรือจรจับบรรดาลูกค้าขาย | ||
ตัวคนได้ไม่ล้างให้วางวาย | เจาะตีนหวายร้อยส้นทุกคนไป ฯ | ||
๏ โดยหากว่าถ้าไปปะเรือสลัด | ศรีสวัสดิ์แพรวจะพรั่นประหวั่นไหว | ||
จะอุ้มวางกลางตักสะพักไว้ | โบกธงชัยให้จังงังกำบังตา | ||
แล้วจะใช้ใบเยื้องไปเมืองเทศ | ชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา | ||
ทั้งหนุ่มสาวเกล้ามวยสวยโสภา | แต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี | ||
ล้วนนุ่งห่มโขมพัสตร์ถือสัจศิล | ใส่เพชรนิลแนมประดับสลับสี | ||
แลพิลึกตึกตั้งล้วนมั่งมี | ชาวบุรีขี่รถบทจร ฯ | ||
๏ จะเชิญแก้วแววเนตรขึ้นเขตแคว้น | จัดซื้อแหวนเพชรรัตน์ประภัสสร | ||
ให้สร่างทรวงดวงสุดาสถาวร | สว่างร้อนรับขวัญทุกวันคืน | ||
จะระวังนั่งประคองเคียงน้องน้อย | ให้ใช้สอยสารพัดไม่ขัดขืน | ||
กลืนไว้ได้ในอุระก็จะกลืน | ให้แช่มชื่นชมชะเลทุกเวลา ฯ | ||
๏ แล้วจะชวนนวลละอองตระกองอุ้ม | ให้ชมเพลินเนินมะงุมมะงาหรา | ||
ไปเกาะที่อิเหนาชาวชวา | วงศ์อสัญแดหวาน่าหัวเราะ | ||
จมูกโด่งโง้งงุ้มทั้งหนุ่มสาว | ไม่เหมือนกล่าวราวเรื่องหูเหืองเจาะ | ||
ไม่เพริศพริ้งหญิงชายคล้ายคล้ายเงาะ | ไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม | ||
ไม่แง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อน | ไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม | ||
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม | จะพาข้ามเข้าละเมาะเกาะมาลากา | ||
เดิมของแขกแตกฝาหรั่งไปทั้งตึก | แลพิลึกครึกครื้นขายปืนผา | ||
เมื่อครั้งนั้นปันหยีอุ้มวียะดา | ชี้ชมสัตว์มัจฉาในสาคร ฯ | ||
๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพี่ | จะช่วยชี้ชมตลิ่งเหล่าสิงขร | ||
ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอน | ร้องละครอิเหนาเข้ามาลากา | ||
แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝั่ง | ไปชมละเมาะเกาะวังกัลพังหา | ||
เกิดในน้ำดำนิลดั่งศิลา | เหมือนรุกขาขึ้นสล้างหว่างคีริน | ||
ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงาง้ำ | เวลาน้ำขึ้นกระเพื่อมถึงเงื้อมหิน | ||
เห็นหุบห้องปล่องชลาฝูงนาคิน | ขึ้นมากินเกยนอนชะอ้อนเนิน | ||
ภูเขานั้นวันหนึ่งแล่นจึ่งรอบ | เป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน | ||
จะชื่นชวนนวลละอองประคองเดิน | เลียบเหลี่ยมเนินเพลินชมพนมนิล | ||
จริงนะจ๊ะจะเก็บทั้งกัลพังหา | เม็ดมุกดาคลื่นสาดกลางหาดหิน | ||
เบี้ยอี้แก้แลรอบขอบคีริน | ระรื่นกลิ่นไม้หอมมีพร้อมเพรียง | ||
สะพรั่งต้นผลดอกออกไม่ขาด | ศิลาลาดลดหลั่นชั้นเฉลียง | ||
จะค่อยเลียบเหยียบย่องประคองเคียง | เป็นพี่เลี้ยงเพียงพี่ร่วมชีวา | ||
จำปาดะองุ่นหอมกรุ่นกลิ่น | ก้าแฝ่ฝิ่นสินธุต้นบุหงา | ||
ด้วยเกาะนี้ที่ทำเลเทวดา | แต่นกกาก็มิได้ไปใกล้กราย ฯ | ||
๏ แล้วจะใช้ใบไปดูเมืองสุหรัด | ท่าคลื่นซัดซึ้งวนชลสาย | ||
ตั้งตึกรามตามตลิ่งแขกหญิงชาย | แต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพิมพ์ | ||
พื้นม่วงตองทองช้ำยำมะหวาด | ฉีกวิลาศลายลำยองเขียนทองจิ้ม | ||
ทำที่อยู่ดูพิลึกล้วนตึกทิม | เรียบเรียงริมฝั่งสมุทรแลสุดตา | ||
จะตามใจให้เพลินเจริญเนตร | ชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา | ||
ได้แย้มสรวลชวนใช้ใบลีลา | ไปมังกล่าฝาหรั่งระวังตระเวณ | ||
กำปั่นไฟใหญ่น้อยออกลอยเที่ยว | ตลบเลี้ยวแลวิ่งดั่งจิ้งเหลน | ||
ถ้วนเดือนหนึ่งจึงจะผลัดพวกหัศเกน | เวียนตระเวณไปมาทั้งตาปี ฯ | ||
๏ เมืองมังกล่าฝาหรั่งอยู่ทั้งแขก | พวกเจ๊กแทรกแปลกหน้าทำภาษี | ||
แลพิลึกตึกรามงามงามดี | ตึกเศรษฐีมีทรัพย์ประดับประดา | ||
ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่าง | ประตูหน้าต่างติดเครื่องรอบเฝืองฝา | ||
ล้วนขายเพชรเจ็ดสีมีราคา | วางไว้หน้าตึกร้านใส่จานราย | ||
แล้วตัวไปไม่นั่งระวังของ | คนซื้อร้องเรียกหาจึ่งมาขาย | ||
ด้วยไม่มีตีโบยขโมยขมาย | ทั้งหญิงชายเช้าค่ำเขาสำราญ | ||
นอกกำแพงแขวงเขตประเทศถิ่น | เป็นสวนอินทผาลัมทับน้ำหวาน | ||
รองอ่างไว้ใช้ทำแทนน้ำตาล | ห้องแต่งงานขันหมากเหลือหลากจริง | ||
ถึงขวบปีมีจั่นทำขวัญต้น | แต่งเหมือนคนขอสู่นางผู้หญิง | ||
แม้นถึงปีมีลูกใครปลูกทิ้ง | ไม่ออกจริงจั่นหล่นลำต้นตาย | ||
บ้านตลาดกวาดเลี่ยนเตียนตะล่ง | ถึงของหลงลืมไว้ก็ไม่หาย | ||
ไปชมเล่นเช่นฉันว่าประสาสบาย | บ้านเมืองรายหลายประเทศต่างเพศพันธุ์ ฯ | ||
๏ จะพาไปให้สร้างทางกุศล | ขึ้นสิงหลเห็นจะได้ไปสวรรค์ | ||
ไหว้เจดีย์ที่ทำเลเวฬุวัน | พระรากขวัญอันเป็นยิ่งเขาสิงคุตร์ ฯ | ||
๏ คิดจะใช้ใบข้ามไปตามเข็ม | เขียนมาเต็มเล่มแล้วจะสิ้นสมุด | ||
เหมือนหมายทางต่างทวีปเรือรีบรุด | พอสิ้นสุดสายมหาอารณพ | ||
เหมือนเรื่องรักจักประเวศประเทศถิ่น | มิทันสิ้นสุดคำก็จำจบ | ||
แม้นขืนเคืองเปลื้องปลิดไม่คิดคบ | จะเศร้าซบโศกสะอื้นทุกคืนวัน | ||
เหมือนยักษีที่สิงขรต้องศรกก | ปักตรึงอกอานภาพซ้ำสาปสรร | ||
อยู่นพบุรีที่ตรงหว่างเขานางประจัน | เสียงไก่ขันขึ้นนนทรีคอยตีซ้ำ | ||
แสนวิตกอกพระยาอุณาราช | สุดหมายมาดไม่มีที่อุปถัมภ์ | ||
ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยำ | ต้องตีซ้ำช้ำในฤทัยระทม ฯ | ||
๏ ถึงกระไรได้อุตส่าห์อาสาสมัคร | ขอเห็นรักสักเท่าซีกกระผีกผม | ||
พอชื่นใจได้สร่างสว่างอารมณ์ | เหมือนนิยมสมคะเนเถิดเทวัญ | ||
ถวิลหวังสังวาสสวาทแสวง | ให้แจ่มแจ้งแต่งตามเรื่องความฝัน | ||
ฝากฝีปากฝากคำที่สำคัญ | ชื่อรำพันพิลาปล้ำกาพย์กลอน | ||
เปรียบเหมือนกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์ | สำเนียงเห่เทวัญริมบรรจถรณ์ | ||
เสวยสวัสดิ์วัฒนาสถาวร | วานฟังกลอนกลอยแก่เถิดแม่เอย ฯ | ||