มัทนะพาธา

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == {{เรียงลำดับ|มัทนะพาธา}} [[หมวดหมู…')
แตกต่างถัดไป →

การปรับปรุง เมื่อ 09:36, 24 กุมภาพันธ์ 2553

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

คำนำ

ละครเรื่องนี้ไม่ใช่ได้เนื้อเรื่องหรือตัดตอนมาจากแห่งใด ๆ เลย จึ่งขอบอกไว้ให้ผู้อ่านทราบเพื่อไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวค้นหาเรื่องนี้ในหนังสือโบราณใด ๆ แก่นแห่งเรื่องนี้ได้เคยมีติดอยู่ในใจของข้าพเจ้ามาช้านานแล้ว แต่เพราะเหตุต่าง ๆ ซึ่งไม่จำจะต้องแถลงในที่นี้ ข้าพเจ้ามิได้ลงมือแต่งเรื่องนี้ จนมาเมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๔๖๖ เมื่อได้บังเกิดมีเหตุบังคับให้ข้าพเจ้าต้องอยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ข้าพเจ้าจึงได้หวลนึกขึ้นถึงเรื่องนี้ เมื่อนึกตั้งโครงเรื่องขึ้นได้แล้ว ข้าพเจ้าได้นำไปเล่าให้สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินีและถามว่าเธอจะให้นางในเรื่องนี้ถูกสาปเป็นดอกไม้อย่างใด เธอตอบว่าต้องให้เป็นดอกกุหลาบแน่ละ เพราะเป็นดอกไม้ที่คนทั้งโลกทุกชาติทุกภาษานิยมว่างาม และหอมชื่นใจยิ่งกว่าดอกไม้อย่างอื่น ๆ ข้อนี้ก็จริงอยู่ แต่ก็ได้ทำให้ข้าพเจ้าออกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เพราะข้าพเจ้าตรองและตรวจดูเท่าใดก็นึกไม่ออกและไม่พบ ณ ที่ใด ๆ ว่าดอกกุหลาบนั้นมีนามว่ากระไรในภาษามคธหรือสันสกฤต และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าขาดศัพท์สำหรับใช้ในกวีนิพนธ์ไปนั้นอย่าง ๑ กับอีกอย่าง ๑ ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกว่าสำคัญกว่า คือถ้าชื่อดอกกุหลายไม่มีในภาษามคธหรือสันสกฤตดังนั้น จะมิต้องเข้าใจละหรือว่าในภารตะวรรษ (อินเดีย) อันกำหนดจะเป็นภูมิลำเนาแห่งเรื่องนี้ มิได้เคยมีดอกกุหลาบในโบราณสมัย? ถ้าในภารตะวรรษไม่เคยมีดอกกุหลาบ จะแต่งลงไปว่ามีดูเป็นการฝ่าฝืนธรรมดาไป อาจทำให้ถูกติว่าเป็นคนตื้นได้

แต่ข้าพเจ้ายังไม่ยอมปลงใจเชื่อว่าดอกกุหลาบไม่มีชื่อในภาษามคธหรือสันสกฤต ข้าพเจ้าจึ่งได้ใช้ให้รองอำมาตย์โท ตรี นาคะประทีป เปรียญ ค้นดู นายตรี นาคะประทีปได้ไปปรึกษาพราหมณ์กุปปุสวามิ อารย ที่หอพระสมุดวชิรญาณแล้ว และ ได้รายงานมา ดังต่อไปนี้

ชั้นแรก เจตสิกของนักเรียนบาลี ผู้ได้ยินคำว่า “กุหลาบ” ย่อมนึกปราดไปถึงศัพท์ “ชปา” ตัวนายตรี นาคะประทีป ครั้นมีพราหมณ์ กุปปุสวามิ อารย เป็นที่ปรึกษาได้ความว่า “ชปา” หาใช่ “กุหลาบ” ไม่ ที่ประติเษธเด็ดขาดเช่นนี้เพราะ “ชปา” มิใช่ไม้มีหนาม และกุหลายไม่มีหนามไม่มีผลแห่งการค้นต่อไปเป็นได้ศัพท์ “กุพชก” ซึ่งโมเนียร์ วิลเลียมส์ แปลไว้ในปทานุกรมสันสกฤตอังกฤษ ว่า “Roso moschata” และซึ่งมีกล่าวในคัมภีร์ธันวันตรียนิฆัณฏุ ดังนี้

กุพฺชโก ภทฺรตรุณีพฺฤหตฺปุษฺหาติเกสรา
มหาสหา กณฺฎกาฒฺยานีลาลิกุลสํกุลา. ๑
กุพฺชก สุรภิ สฺวาทุกษายสฺ ตุ รสายน
ตฺริโทษศมโน วฺฤษยศีต สํครหโณปร. ๒
             

โศลกที่ ๑ กล่าวถึงลักษณะแห่งดอก “กุพชก” มีคำแปลว่า “กุพชกงามดังสาวรุ่น มีดอกใหญ่ มีเกสรยิ่ง ทนมาก สะพรั่งด้วยหนาม มีฝูงผึ้งเขียวเป็นกลุ่ม “

โศลกที่ ๒ กล่าวถึงสรรพคุณ มีคำแปลว่า “กุพชกมีกลิ่นหอม กินอร่อย หวาน มีรสเลิศ (เมื่อกินแล้ว) ระงับตรีโทษ (คือกำเริบแห่งลม ดี เสมหะ) เจริญราค เย็นสบายแก้วโรค เช่น ท้องร่วง “

ตามที่นายตรี นาคะประทีป ค้นได้ความมาเช่นนี้ ข้าพเจ้าคเณว่าผู้ที่เป็นนักเลงหนังสือ และนักเรียน คงจะพอใจที่จะได้ทราบด้วย ข้าพเจ้าจึงได้นำมาลงไว้ในที่นี้ และข้าพเจ้าถือเอาโอกาสนี้เพื่อขอบใจ นายตรี นาคะประทีป ในการที่ได้เอาใจใส่ค้นศัพท์นี้ได้สมปรารถนาของข้าพเจ้า

ก่อนที่ได้ทราบว่าดอกกุหลาบเรียกว่าอย่างไรในภาษาสันสกฤตนั้น ข้าพเจ้าได้นึกไว้ว่าจะให้ชื่อนางเอกในเรื่องนี้ตามนามแห่งดอกไม้ แต่เมื่อได้ทราบแล้วว่าดอกกุหลาบคือ “กุพชก” เลยต้องเปลี่ยนความคิด เพราะถ้าแม้ว่าจะให้ชื่อนางว่า“กุพชก” ก็จะกลายเป็นนางค่อมไป ข้าพเจ้าจึ่งค้นหาดูศัพท์ต่าง ๆ ที่ พอจะใช้ได้เป็นนามสตรี ตกลงเลือกเอา “มัทนา” จากศัพท์ “มทน” ซึ่งแปลว่าความลุ่มหลงหรือความรัก เผอิญในขณะที่ค้นนั้นเองได้พบศัพท์ “มทนพาธา” ซึ่งโมเนียร์ วิลเลียมส์ แปลไว้ว่า “ the pain or disquietude of love “ (ความเจ็บหรือเดือดร้อนแห่งความรัก ) ซึ่งข้าพเจ้าได้ฉวยเอาทันที เพราะเหมาะกับลักษณะแห่งเรื่องทีเดียว เรื่องนี้จึ่งได้นามว่า “มัทนะพาธา หรือตำนานแห่งดอกกุหลาบ” ด้วยประการฉะนี้

เรื่องละครนี้ ความตั้งใจเดิมของข้าพเจ้าจะแต่งขึ้นเป็นแต่หนังสือสำหรับอ่านอย่างกวีนิพนธ์เท่านั้นแต่พระราชินีเธอตรัสขอให้จัดเล่นออกโรงในงานวันฉลิมพระชนมพรรษาของเธอ ข้าพเจ้าจึงตกลงตามใจเธอ ส่วนนักประพันธ์อื่น ๆ จะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่ส่วนตัวข้าพเจ้าต้องสารภาพว่า เมื่อข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือตั้งรูปขึ้นเป็นละครแล้ว ก็ย่อมจะรู้สึกพอใจเมื่อมีผู้ขอให้เล่นเรื่องละครนั้น และถ้าแม้ว่ามิได้พอใจหรือปรารถนาที่จะให้ผู้ใดเอาเรื่องของเราไปเล่นออกโรงเป็นละคร เราจะประดิษฐ์รูปเรื่องของเราขึ้นไว้เป็นอย่างละครทำไม ?

ส่วนวิธีเล่นเรื่อง “มัทนะพาธา” นี้ ข้าพเจ้ากำหนดไว้ให้ตัวละครพูดบทของตนเอง ไม่ใช่ร้องบท นั้น ๆ อย่างแบบที่เรียกกันว่า “ละครดึกดำบรรพ์” ต่อเมื่อบทใดเป็นบทขับร้องจึ่งให้ร้อง กับให้มีดนตรีเล่นคลอเบา ๆ ในเวลาที่เจรจา และมีหน้าพาทย์กำหนดลงไว้บางแห่งเพื่อช่วยการดำเนินแห่งเรื่อง

อนึ่งเพื่อประดับหนังสือเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ให้จางวางตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) เขียนภาพขึ้นเพื่อสอดไว้ในที่อันควร และข้าพเจ้าขอขอบใจพระยาอนุศาสน์จิตรกร ในที่นี้ด้วย


สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร

มหาวชิราวุธ

ทรงพระราชนิพนธ์


พระที่นั่งไวกูณฐ์เทพสถาน, พญาไท

วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๖

คำอำนวย

๏ อ้าอินทระศักดิศะจิองค์อรเอกมเหสี
ผู้คู่หทัยและวรชี-วิตะร่วมสิเนหา
๏ อันเธอสิเปรียบประดุจกุพ-ชะกะเลิศสุมาลา
ดาลดวงฤดีสุมะทะนา-วติรื่นระตีหวาน
๏ งามใดจะเหมือนพระวรพักตร์สิริลักษณ์วิไลยลาน
ยวนเนตรระยิ่งสุมละมาลย์บริสุทธิโศภิต
๏ หอมใดจะเหมือนพระวรคุณสุวิบุลยะเนืองนิตย์
ทรงธรรมะเที่ยงและสุจริตบมิละคดีงาม
๏ อันมาลิกุพชะกะสิย่อมจะสะพรั่งสะพรึบหนาม
แต่เธอนะแสนวิมะละวามและบ่มีจะเสียใด
๏ เธอคือกุหลาบวรวิจิตรจุฑะแห่งไผทไท
ฉันขอประสาทวะจะนะให้อรรับละครนี้
๏ เป็นส่วนดนูหทยะจงจะอุทิศพะลีศรี
ตอบเธอผดุงวรฤดีดนุให้สะราญบาน
๏ ปลื้มเปรมกะมลเพราะปริยะมุ่งมนะรักษะทุกกาล
ร่วมใจบ่จืดฤดิสมานรติจวบ ณ วันตาย ฯ
             

บทประพันธ์

ตัวละคร

ชาวฟ้า

สุเทษณะเทพบุตร

จิตระเสน , หัวหน้าคนธรรพ์ของสุเทษณ์

จิตระเสน , สาระถีของสุเทษณ์

มายาวิน , วิทยาธร

มัทนา , เทพธิดา

เทพบุตร, คนธรรพ์, และอัปสร บริวารของสุเทษณ์

ชาวดิน

พระกาละทรรศิน, คณาจารย์อยู่ในป่าหิมะวัน

โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศิน

นาค และ ศุน, ศิษย์ของพระกาละทรรศิน

ท้าวชัยเสน, กษัตริย์จันทรวงศ์ผู้ทรงราชย์ในนครหัสตินาปุระ

ศุภางค์, นายทหารคนสนิทของท้าวชัยเสน.

นันทิวรรธนะ, อมาตย์ของท้าวชัยเสน,

ชาวสวนหลวง,

วิทูร, พราหมณ์หมอเสน่ห์.

พระนางจัณฑี, มเหสีของท้าวชัยเสน.

ปริยัมวะทา, นางกำนัลของท้าวชัยเสน.

อราลี, นางค่อมข้าหลวงพระนางจัณฑี.

เกศินี, ข้าหลวงพระนางจัณฑี


ศิษย์พระฤษี ; นายทหาร, พราน , ราชบริพาร, และข้าหลวง

ลำดับฉาก

องก์ที่ ๑

ลานหน้ามุขเด็จแห่งวิมานของสุเทษณะเทพบุตร, บนสวรรค์.

องก์ที่ ๒

ตอนที่ ๑ : ในกลางหิมะวัน.

ตอนที่ ๒ : ทางเดินในดง.

ตอนที่ ๓ : ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน.

องก์ที่ ๓

ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน

องก์ที่ ๔

ตอนที่ ๑ : สวนหลวงข้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.

ตอนที่ ๒ : ริมรั้วค่ายหลวง, ตำบลกุรุเกษตร

ตอนที่ ๓ : สวนหลวงข้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.

องก์ที่ ๕

ตอนที่ ๑ : พลับพลาในค่ายหลวงที่ตำบลกุรุเกษตร

ตอนที่ ๒ : ในกลางหิมะวัน.

หมายเหตุ

เรื่องนี้สมมติว่าเป็นไปในภารตะวรรษในโบราณสมัย.

องก์ที่ ๑

ฉาก : ลานหน้ามุขเด็จแห่งวิมานของสุเทษณะเทพบุตร์, บนสวรรค์.

[ก่อนเปิดม่าน, ตัวละครเหล่านี้ต้องพร้อมอยู่บนเวที, คือ สุเทษณะเทพบุตร์, เอกเขนกอยู่บนเตียงที่บนมุขเด็จ, มีนางอัปสรอยู่งานพัดคน ๑ ; จิตระเสนนั่งอยู่หน้ามุขเด็จ, และมีบริวารของสุเทษณ์นั่งรายเป็นแถวทั้ง ๒ ข้างเวที ; กลางเวทีมีพวกคนธรรพ์สำรับ ๑, ถือช่อดอกไม้ทั้ง ๒ มือทุกคน. พิณพาทย์ทำเพลงโหมโรงจนถึงเวลาควรจะเปิดม่าน, จึงทำเพลงเหาะ, พอเปิดม่าน, พวกคนธรร์ก็เริ่มร้องและรำอย่างแบบรำโคม, ดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ. ]

บทร้องของคนธรรพ์

(ลำเหาะ)

(ยานี, ๑๑. )
      ข้าบาทผู้ภักดีต่อธุลีพระบาทา
พร้อมกันถวายอา-เศียระพาทแด่เทวัญ
      ขอจงเสวยสุขนิราศทุกข์ไร้โรคัน–
ตะรายแลภยัน-ตรายาอย่ายายี
      พระองค์ทรงมีคุณกะตะบุญบาระมี
บำเพ็ญในอตี-ตะกาลดลผลไพบูลย์
      ชาติก่อนเป็นสุกษัตร์เถลิงรัฐราไชสูรย์
ในวงศะประยูรสุระแมนแคว้นปัญจาล
      ทรงธรรมล้ำมนุษย์ฤทธิรุทมหาศาล
บำเพ็ญพะลีการทุกอย่างงามตามวิสัย
      ครั้นถึงเวลาควรภูมิศวรจากไผท
เสด็จสุราลัยเสวยสุขในแดนสรวง
      เหล่าข้าพึ่งพระเดชปกป้องเกศข้าทั้งปวง
จึ่งพร้อม ณ แดดวงภักดีหมายถวายพร
      สิ่งใดพระประสงค์จงสิทธินิรันดร
ใดองค์จอมอมรไม่โปรดปรานเร่งผ่านไป ฯ
             
(สุรางคณา, ๒๘.)
สุเทษณ์.เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเล่น ล้อกูไฉน ?
จิตระเสน.เทวะ, ข้าบาท จะบังอาจใจ ทำเช่นนั้นไซร้ ได้บ่พึงมี.
สุเทษณ์.เช่นนั้นทำไม พวกมึงมาให้ พรกูบัดนี้
ว่าประสงค์ใด ให้สมฤดี ? มึงรู้อยู่นี่ ว่ากูเศร้าจิต
เพราะไม่ได้สม จิตที่ใฝ่ชม อกกรมเนืองนิตย์.
จิตระเสน.ตูข้าภักดี ก็มีแต่คิด เพื่อให้ทรงฤทธิ์ โปรดทุกขณะ
สุเทษณ์.กูไม่พอใจ ! ไล่คนธรรพ์ไป บัดนี้เทียวละ อย่ามัวรอรั้ง
จิตระเสน.เอวํเทวะ ! (หันไปสั่งคนธรรพ์.) เออพอแล้วนะ, พวกเจ้าจงไป.
(พวกคนธรรพ์ถวายบังคมแล้วเข้าโรง)
ข้าบาทได้เตรียม อัปสรเสงี่ยม สง่างามไว้
เพื่อร้องและรำ      บำเรอเทพไท แม้โปรดจะได้ เรียกมาบัดนี้.
สุเทษณ์.เอาเถิดลองดู เผื่อว่าตัวกู จะค่อยสุขี.
จิตระเสน.(เรียก) คณาอัปสร ผู้ฟ้อนรำดี ออกมาบัดนี้ รำถวายกร.
(พิณพาทย์ทำเพลงเร็ว. คณะอัปสรรำออกมาถึงกลางเวที,ลา, แล้วรำและร้องบทต่อไปนี้, และดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด,ไม่ต้องรับ.)
             

บทร้องของอัปสร (ลำนางนาค.) (ฉบงง, ๑๖.) เหล่าข้าคณาอัปสร ก้มเกศยอกร บังคมพระเทพรังสรรค์ พำนักเนาสุขทุกวัน พระคุณอนันต์ อเนกประดุจโพธิ์ทอง อันเมตตาเนืองนอง ประดุจละออง วะรุณระรื่นรวยเย็น พระกรุณาแน่เห็น ดีประดุจเป็น วายุรำเพยชื่นใจ

พระมุทิตาแน่วใน ข้าบาทจึ่งได้ มานะเป็นนิตย์ในงาน พระอุเบกขาสมาน จิตให้เบิกบาน บ่เสื่อมบ่สูญภักดี เจ้านายองค์ใดในตรี โลกฤาจะมี เหมือนพระนั่งเกศา ขอพึ่งยุคลบาทา ไปจนเวลา ประจวบเมื่อกัลป์บรรลัย ฯ (เพลงเร็ว. อัปสรจับระบำสักสามท่าแล้ว, สุเทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสนก็สั่งพวกนางให้เลิกการระบำ, และพวกนางถวายบังคมแล้ว, พิณพาทย์ทำลา, พวกอัปสรเข้าโรง, พวกเทพบริวารก็คลานเข้าโรงไปด้วย.)

(ยานี, ๑๑.)

จิตระเสน. อันนางอัปสรศรี รำมิดีประการใด ขอเทวะฤทธิ์ได้ โปรดตำหนิติประทาน สุเทษณ์. ดีแล้วทั้งการรำ และลำนำขับร้องหวาน ทั้งดนตรีประสาน ก็ฟังเพราะเสนาะดี แต่กูที่ใจเศร้า และงึมเหงาอยู่เช่นนี้ ตัวเจ้าก็รู้ดี ว่าเหตุนั้นเป็นฉันใด จิตระเสน. ข้าทราบและพลอยโศก อันโรครักนี้หนักใจ แต่ในสุราลัย สุรางค์ดีก็มีถม ข้าเชื่อว่าพระองค์ ประสงค์นางสะอางชม คงได้สัมฤทธิ์สม หทัยแท้ทุกนงคราญ (อันทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. จริงอยู่นะเจ้าเอย ผิจะเชยสมัครสมาน นางใด ณ แมนการ ก็จะสิทธิสมฤดี เว้นเดียวก็แต่โฉม มะทะนาวิสุทธิศรี ผู้เลิศสุรางค์มี วรรูปวิเลขวิไลย แต่เห็นอนงค์รา- มะประเสริฐวิเศษวิสัย ไม่มีอนงค์ใด นะจะเทียบจะเทียมจะทัน งามผิวประไพผ่อง กลทาบสุภาสุพรรณ งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน งามเกศะดำขำ กลน้ำ ณ ท้องละหาน งามเนตรพินิจปาน สุมณีมะโนหะรา งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมา- ลีเลศประเสริฐกว่า วรุบลสะโรชะมาศ งามเอวอนงค์ราว สุรศิลปิชาญฉลาด เกลากลึงประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง นวยนาดวิลาศวง ดุจะรำระบำระเบง ซ้ำไพเราะน้ำเสียง อรเพียงภิรมย์ประเลง ได้ฟังก็วังเวง บ่มิว่างมิวายถวิล นางใดจะมีเทียบ มะทะนา ณ ฟ้า ณ ดิน เป็นยอดและจอดจิน- ตนะแน่ว ณ อก ณ ใจ (จิตระรถออก, ไปไหว้สุเทษณ์, แล้วหมอบคอยฟังรับสั่ง.) (ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. อ้อ, จิตระรถเจ้าไป ตามที่กูใช้, สำเร็จประสงค์ฤาหวา ? จิตระรถ. เทวะ, ข้าบาทไคลคลา ตามองค์มหา ฤษีผู้นามนารท ไปทั่วทุกแดนสามหมด ; ในฟากฟ้าจรด จนถึงขอบนภาลัย; ไปทั่วแดนมนุษย์สุดไกล บ่เว้นแห่งใด กระทั่งยังขอบจักรวาล ไปทั่วในแดนบาดาล ทั่วทุกสถาน ทุกถิ่นจนจบภพไตร ไปถึงซึ่งแคว้นแดนใด ข้าบาทก็ได้ วาดรูปอนงค์งามงอน มาเพื่อถวายมหิศร ขอองค์อมร จงทอดพระเนตรรูปา สุเทษณ์. มาเถิดนำรูปขึ้นมา และจงเจรจา แถลงซึ่งลักษณ์ให้กู (จิตระรถเรียกคนใช้ให้นำรูปออกมา, แล้วเอาขึ้นไปถวายสุเทษณ์ ทอดพระเนตรพลาง, จิตระรถแถลงลักษณะแห่งรูปไปพลาง.)


(อุปชาติ, ๑๑.) จิตระรถ. ประถมก็รูปเท- วะธิดาสง่าตรู มีนามะเรียกยู วะสุมาลิโสภณ งามเนตรและเกศแก้ม กลดอกกะมลสน ธิสิ่งประเสริฐปน กิริยาสง่าศรี วธูวิเศษเป็น วระเทพะนารี ข้าองค์อุมาศรี สุระอัคคะเทวิน เนาคีริไกสาส สุเทษณ์. อ๊ะฉะนั้นจะจงจิน- ตะนาจะราคิน, บ่มิควรคะนึงถึง จิตระรถ. ทุตียะรูปนาง สิริร่างสะอางซึ่ง แสนงามและหากถึง จะประเทียบบ่แพ้ใคร นางชื่อวิเลขา กละภาพพิเศษไซร้ วิโรจน์วิไลยใคร ยละร่านระตีพูน สะขีพระเทวี มหิษีบดีสูร ผู้สิง ณ ไวกูณฐ์ สุเทษณ์. อ๊ะมิควรจะมุ่งหมาย หล่อนเป็นกำนัลแห่ง หริราชะนารายณ์ จะมุ่ง ณ โฉมฉาย ก็จะทรงพระโกรธา จิตระรถ. ฉะนั้นถวายรูป อระเทพะกัญญา ชื่อเมนะกาภา สะวิเลขวิไลยวรรณ ข้าเห็น ณ สวนกลาง อมะราวดีสวรรค์ วิจิตรวิศิษฎ์สรร- พะสะกนธะชวนชม นางช่างประเลงขับ วรศัพทะเริงรมย์ เปรอองค์สุโรดม สุเทษณ์. ก็มิควรจะมุ่งมาด ท้าวศักระทรงฤท- ธิมหิทธิ์กำแหงกาจ ผิทรงพิโรธอาจ จะประหัตประลัยลาญ จิตระรถ. ฉะนั้นถวายรูป วรราชะนงคราญ หน่อนาถะผู้ผ่าน วรเขตตะกาศี ปรากฏพระนามนาง วิมะลาสุนารี วิสุทธ์วิศิษฎ์ที่ จะตินั้นบ่พึงหา พระโฉมบ่แพ้โฉม สุระเทวะกัญญา สุเทษณ์. แพ้ยอดฤดีข้า ดุจุกากะเปรียบหงส์ จิตระรถ. นี่รูปธิดาท้าว วรเกาศิกาพงศ์ นรินทระราชทรง บุระกานยะกุพชา ประกาศพระนามเรียก วรเรณุกาภา สุเทษณ์. เปรียบโฉมวิเลขา มะทะนาบ่แพ้นาง จิตระรถ. นี่รูปธิดารา- ชะวิทรรภะโศภางค์ พระนามอนงค์นาง ทมะยันติบังอร สุเทษณ์. จะมัวสำแดงรูป อระเนา ณ ดินดอน หวังหาสง่างอน ฤจะเปรียบธิดาสรวง จิตระรถ. ข้าวาดวิเลขา อระงาม ณ แดนปวง ถวายพระปิ่นสรวง และก็สุดจะโปรดปราน และรูปธิดานา- คะและลูกอสูรหาญ อันเห็น ณ บาดาล, ดนุวาดถวายไว้ เพื่อทอดพระเนตรเล่น ตละตนก็ผ่องใส จะควรมิควรไซร้ ฤก็สุดจะปรานี (จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาด ๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, จิตระรถส่งให้คนใช้นำเข้าโรงไป.) (ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. ปวงรูปเจ้าวาดมานี้ เป็นรูปนารี ที่ล้วนประเสริฐงาม : แต่กูดูทุกนงราม ก็ยังเห็นทราม กว่านารีรัตน์มัทนา. ฉะนั้นแม้ไม่อาจหา เทียมเท่ามัทนา ฤากูจะกล่าวชมเชย ? เป็นกรรมกูแล้วเจ้าเอย จำต้องชวดเชย ที่รักสมัครจริงใจ. จิตระรถ. ฉะนั้นต้องคิดแก้ไข โดยอุบายให้ พระองค์ได้สมจินดา. สุเทษณ์. จะแก้ฉันใดเล่าหวา ? กูหมดปัญญา จิตระรถ. ข้าบาทขอทูลบัดนี้ ยามข้าเที่ยวไปถึงที่ ขุนโขดคีรี ศรีมันทะระงามงอน ได้พบหนึ่งวิทยาธร เรืองวิทยากร มีนามว่ามายาวิน ผู้นี้มีความรู้ชิน เชิงชาญโยคิน และเชี่ยวอาถารรพ์วิทยา รู้จักใช้โยคะนิทรา ไปผูกหทยา แห่งผู้ที่อยู่แม้ไกล อาจร่ายมนตร์เรียกมาได้. สุเทษณ์. อ๊อ ! จริงหรือไฉน ? จิตระรถ. ข้าบาทได้เห็นเองแล้ว สุเทษณ์. ถ้าจริงเขาก็เป็นแก้ว ! จิตระรถ. ข้าบาททราบแล้ว จึ่งกล้านำตัวเขามา, สุเทษณ์. พามาด้วยแล้วหรือหวา ? จิตระรถ. หมอเอกนั้นมา คอยอยู่ข้างนอกพระลาน. ขอได้โปรดให้ทำการ ลองเวทชำนาญ ชำนิถวายสักครั้ง สุเทษณ์. เจ้าพูดชวนกูให้หวัง ! แม้ไม่สมดัง ปากว่าจะทำฉันใด ? จิตระรถ. ข้าบาทเชื่อแน่แก่ใจ อยู่แล้วจึ่งได้ กล้าพามาเฝ้าทูลเทศ. ขอโปรดทดลองดูเวท, เผื่อพระทรงเดช จะได้ดังพระจินตนา. สุเทษณ์. ดีละ, เรียกเขาเข้ามา ชั่วดีก็น่า จะลองให้เห็นประจักษ์

                                     (จิตระรถถวายบังคมแล้วเข้าโรงไป.)

จิตระเสน. เทวะ ! ข้าสงสัยนัก, แต่ไม่อยากทัก อยากท้วงต่อหน้าสารถี. เวทมนตร์นั้นเขาอาจมี จริงอยู่พอที่ จะเรียกเอาใครใครมา แต่จะบังคับหัทยา ให้รักนั้นข้า ยังนึกระแวงแคลงนัก. หากเรียกโฉมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก- ดิอยู่เป็นข้าบทมาลย์ ก็จะกลับกลายเป็นการ เสื่อมเกียรติวิศาล ขององค์พระจอมเทวัญ

สุเทษณ์.	เจ้าพูดถูกทุกสิ่งอัน,   แต่กูอัดอั้น   อุระด้วยรักรึงใจ

ฉะนั้นถึงอย่างไรอย่างไร เพียงแต่ให้ได้ เห็นวรพักตร์เลิศงาม แห่งมัทนานงราม, ก็อาจมีความ ประโมทย์มนัสสมถวิล (จิตระรถพามายาวินออกมา มายาวินเป็นวิทยาธร, นุ่งห่มหนังเสือ.)

จิตระรถ. เทวะ, นี่มายาวิน มาเฝ้าบดิน- ทะด้วยมะโนภักดี สุเทษณ์. ขอบใจที่มาครานี้ เขาว่าท่านมี ซึ่งโยคะวิทยาชาญ. หากเราจะขอให้ท่าน ช่วยเปลื้องรำคาญ จะได้ละหรือว่ามา. มายาวิน. เทวะ, อันเวทวิทยา ข้ารู้เรียนมา เต็มใจจะใช้ฉลอง พระเดชพระคุณละออง ธุลีบาทลอง จนเต็มสติปัญญา สุเทษณ์. ท่านมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหัทยา ใครใครได้หมดฤาไฉน ? (ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒) มายาวิน. จะทูลเทวะเกรงดู ประหนึ่งตูทะนงไป จะงำเงื่อนบทูลไซร้ ก็เหมือนปิดวิชาการ. พระจงโปรดประทานซึ่ง อภัยข้าจะทูลสาร และความจริงวิชาการ ก็มีอยู่ประจำตน. อถรรพ์เวทะเจนอยู่, และมนตร์ครูก็ได้สน มโนจำและซ้ำค้น คดีเพิ่มบเคลิ้มหลง. ฉะนั้นอาจจะผูกจิต- ตะใครได้ประดุจจง, และใช้โยคะแล้วคง จะเรียกให้ตะบึงมา บนานแม้จะอยู่ถึง ณ เขาจักระวาลา, ฤอยู่สรวงฤอยู่นา- คะ โลกต่ำ ณ บาดาล. จะเป็นหญิงฤเป็นชาย ก็เรียกดายมิยากนาน, เพราะใครเลยจะทนทาน พระอาถรรพมนตร์ไหว. ฉะนั้นแม้พระองค์มี ประสงค์ให้ดนูไซร้ ประชุมมนตระเรียกใคร ก็โปรดมีพระบัญชา (สุรางคณา, ๒๘.) สุเทษณ์. อันตัวเรานี้ จิตจ่ออยู่ที่ โฉมมะทะนา ผู้เลิศเลอสรร ในชั้นกามา พะจรฟากฟ้า บ่มีใครทัน ตั้งแต่เรามา เกิดในฟากฟ้า พิภพภูมิสวรรค์ เราเห็นต้องจิต คิดอยากเชยขวัญ แต่โอ้นางนั้น หล่อนไม่ปลงใจ. มายาวิน. ข้าบาทเล็งดู ด้วยญาณก็รู้ นางนี้คือใคร อีกทั้งรูเลศ ว่าเหตุไฉน นงรามจึ่งไม่ ปลงใจยินดี.

สุเทษณ์. รู้ว่าอย่างไร ? มายาวิน. หากทูลความไซร้ จงโปรดปรานี สุเทษณ์. เอาเถิดอย่าเกรง เร่งบอกบัดนี้ มีเหตุร้ายดี จงเล่ามาพลัน (อินทระวิเชียร, ๑๑.) มายาวิน. เมื่อครั้งพระองค์เป็น วรราชะราชัน ครองเขตประเทศขัณ- ฑะวิสุทธิปัญจาล ตรัสใช้อมาตย์เป็น วรทูตะทูลสาร ถึงราชะผู้ผ่าน นรชาติสุราษฎร์งาม ขอองค์ธิดาชื่อ มะทะนาวิไลยราม เป็นราชินีตาม วรราชประเพณี แต่ท้าวสุราษฎร์ไซร้ บมิยอมและยินดี ให้ซึ่งพระบุตรี, พระก็ทรงพระโกรธา ตรัสเกณฑ์พหลกอง จตุรงคะเสนา ยกไปประชิตรา- ชะบุรีวโรดม โจมตีบุรีป่น บ่มิทนทลายล่ม จับได้นโรดม นรนาถสุราษฎร์มา จึ่งมีพระโองการ จะประหารพระชีวา แต่หากธิดามา และประนอมมโนฉันท์ ยอมเป็นวธูบาท บริจาริกานันท์ ไถ่โทษะชีวัน ก็จะงดพระอาญา ฝ่ายนางก็ยอมตาม วรราชะบัญชา พ่อรอดพระชนมา ก็เพราะลูกสิภักดี ครั้นนางเสด็จถึง วรมาละกาศรี ก้มเกศและกราบที่ ทวิบาทพระภูบาล แล้วทูลแถลงโดย สิริสัจจะวาทหวาน ว่าองค์พระนงคราญ บมิอยากจะขัดไท้ แต่ได้ปะฏิญญา วรสัจจะมั่นไว้ ว่าจักมิยอมให้ นรฝืนฤดีรัก ครั้งนี้แหละสุดแสน จะประดักประเดิดนัก เพราะว่าบิดารรัก จะบรอดพระชนมา จึ่งยอมถวายตัว และก็ไถ่พระโทษา ขององค์ชนกนา- ถะบต้องมลายชนม์ เสร็จกิจจะการดี กรณียะเป็นผล กราบบาทยุคลตน มะทะนาจะลาตาย ว่าพลางยุพาชัก วรขัคคะแพรวพราย แทงตรงพระทรวงตาย เฉพาะพักตร์พระภูมี ตายแล้วกำเนิดใน สุรภพพิศิษฎ์นี้ ฝ่างองค์พระภูมี ก็บำเพ็ญพะลีกรรม์ จนได้สำเร็จผล จรดล ณ แดนสวรรค์ มาพบและรักกัน เพราะวะเคยสิเนหา แต่กรรมพระทำไว้ ณ พระชาติอดีตมา ข้องขัดและขวางหน้า บ่มิให้พระสมจินต์ อันถ้อยดนุทูล ฤก็สัจจะทั้งสิ้น ขอองค์พระผู้ปิ่น สุรเทวะปรานี (สุรางคณา, ๒๘)

สุเทษณ์. ที่ท่านเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ที่ท่านไมตรี และเราขอเพียง เสี่ยงเคราะห์ดูที เผื่อโชคจะมี ดีได้สักครา มายาวิน. แล้วแต่จะโปรด ไม่ทรงพิโรธ ก็บุญนักหนา ขอประทานไฟ จะได้บูชา จิตระรถ. (ร้องตะโกนสั่งไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่สั่งไว้ (คนใช้นำเครื่องทำพิธีออกมา, คือบายศรี ๑, หัวหมู เป็ด ไก่, มะพร้าวอ่อน,ขันเหมสำหรับจุดไฟ, และเทียนชนวนจุดไฟ พร้อม; ของเหล่านี้เอาไปตั้งตรงหน้ามายาวิน,และมีคนเอาหญ้าคามาทอดแล้วเอาหนังกวางปูบนหญ้าคาเป็นอาสนะ. มายาวินขึ้นนั่งขัดสมาธิบนอาสนะ, จุดไฟในขันเหม, แล้วกล่าวคำบูชาต่อไปนี้.)

(สัททุลวิกกีฬิต, ๑๙.) มายาวิน. โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร ฆ่าพิฆนะสิ้นสุด ประลัย อ้างามกายะพระพรายประหนึ่งรวิอุทัย ก้องโกญจนะนาทให้ สะหรรษ์ เป็นเจ้าสิปปะประสิทธิ์วิวิธะวรรณ วิทยาวิเศษสรร- พะสอน ยามข้ากอบกรณีย์พิธีมะยะบวร จงโปรดประทานพร ประสาท โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคะอาสน์ ขี่ขุนสุบรรณ์ราช จรัล ถือศังข์จักระคะทาธรณิผัน ปราบยักษะกุมภัณฑ์ มลาย เชี่ยวชาญโยคะวิธีพระพีระอภิปราย ดลกิจจะทั้งหลาย สะมิทธิ์ ยามข้ากอบกรณีย์พิธีมะยะวิจิตร จงสมมะโนสิต- ธิเทอญ

(พิณพาทย์ทำเพลงสาธุการมายาวินไหว้บูชาสี่ทิศ,แล้วร่ายมนตร์ต่อไป.) (วิชชุมมาลา, ๘.) อ้าสองเทเวศร์ โปรดเกศข้าบาท ทรงฟังซึ่งวาท ที่กราบทูลเชิญ โปรดช่วยดลใจ ทรามวัยให้เพลิน จนลืมขวยเขิน แล้วรีบเร็วมา ด้วยเดขเทพไท ทรามวัยรูปงาม จงได้ทราบความ ข้าขอนี้นา แม้คิดขัดขืน ฝืนมนตร์คาถา ขอให้นิทรา เข้าสึงถึงใจ

มาเถิดนางมา อย่าช้าเชื่องช้อย ตูข้านี้คอย ต้อนรับทรามวัย อ้านางโศภา อย่าช้ามาไว ตูข้าสั่งให้ โฉมตรูรีบจร. โฉมยงอย่าขัด รีบรัดมาเถิด ขืนขัดคงเกิด ในทรวงเร่าร้อน มาเร็วบัดนี้ รีบลีลาจร มาเร็วบังอร ข้าเรียกนางมา (มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม พิณพาทย์ทำเพลงตระสันนิบาต, ทุก ๆ คน ตั้งตาคอยมองดูพอรัวท้ายตระ มัทนาเดินออกมา ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใครและกิริยาอาการเป็นอย่างคนที่ยังหลับอยู่ และพูดหรือแสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ไม่ยิ้มแย้มก็ชะงัก แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.)

(สุรางคณา, ๒๘.) สุเทษณ์. นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา ? มายาวิน. นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา แต่ว่าตูข้า จะแก้บัดนี้. (พูดกับมัทนา) (อินทะวิเชียร, ๑๑) ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลยศรี ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด นางจงทำนูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้ เข้าใจมิเข้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน มัทนา. เข้าใจละเจ้าข้า; ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น ตรัสมาดิฉันพลัน จะเฉลยพระวาที (วสันตะดิลก, ๑๔.) สุเทษณ์. อ้าโฉมวิไลยะสุปริยา มะทะนาสุรางค์ศรี พี่รักและกอบอภิระตี บมิเว้นสิเน่ห์หนัก บอกหน่อยเถอะว่าดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมัครรัก มัทนา. ตูข้าสมัครฤมิสมัคร ก็มิขัดจะคล้อยตาม สุเทษณ์. จริงฤานะจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ ? มัทนา. ข้าขอแถลงวะจะนะตาม สุรเทวะโปรดปราน สุเทษณ์. รักจริงมิจริงฤก็ไฉน อรไทบ่แจ้งการ ? มัทนา. รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด ? สุเทษณ์. พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ้งไป มัทนา. พระรักสมัครณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย ? สุเทษณ์. ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย มัทนา. ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ ? สุเทษณ์. โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา บมิตอบพะจีพอ ? มัทนา. โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี ! สุเทษณ์. เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ มะทะนาบเปรมปรีย์. มัทนา. แม้ข้าบเปรมปริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสียแรง สุเทษณ์. โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิศ บมิควรจะใจแขง. มัทนา. โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละก็จำจะแขงใจ. (สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยังคงตาลอยไม่จับตาอยู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จึงลองพูดไปอีก.) สุเทษณ์. หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจ้าจะว่าไร ? มัทนา. ข้าบาทจะขัดฤก็มิได้ ผิพระองค์จะทรงปอง สุเทษณ์. ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบน้อง ? มัทนา. เต็มใจมิเต็มดนุก็ต้อง ปฏิบัติระเบียบดี. (สุเทษณ์ไม่พอใจในคำตอบของนาง, จึ่งหันไปพูดกับมายาวิน.)

(สุรางคณา, ๒๘) สุเทษณ์. แน่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึงเปนเช่นนี้ ? ดูราวมะเมอ เผลอเผลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ. คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด ก็เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนต์. มายาวิน. เทวะ, ที่นาง อาการเป็นอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์ โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ แต่จะบังคับ ใครใครให้กลับ มโนวิญญาณ ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเป็นการ สุดพ้นวิสัย. หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้ นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ข้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึ้งขัด ซึ่งพระอัชฌา บังคับให้ยอม ประนอมเป็นข้า บาทบริจา ริกาเทวัญ. สุเทษณ์. อ๊ะ ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น ! เสียแรงเรารัก สมัครใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครรักตอบ ผูกจิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ เราใฝ่ละโมบ ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ ฉะนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำไร หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ รีบคลายมนตรา มายาวิน. เอว° เทวะ (มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้)

(วิชชุมมาลา, ๘.) มายาวิน. อันเวทอาถรรพ์ ที่พันธ์ผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร อยู่บัดนี้นา จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย ! (พิณพาทย์ทำเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อย ๆ รู้สึกตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวก็พอได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)

(ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร ไหนไหนก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน และรนและรีบไปไหน ? มัทนา. เทวะ, อันข้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำนึกสักนิด จำได้ว่าข้าสถิต ในสวนมาลิต และลมรำเพยเชยใจ แต่อยู่ดีดีทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี ฉันใดมาได้แห่งนี้ ? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มข้ามา ? ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษข้า ผู้บุกรุกถึงลานใน. สุเทษณ์. อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์ พี่เองใช้มายาวิน ให้เชิญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพ์ มัทนา. เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนั้น ให้ข้าพระบาทต้องอาย แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย ? โอ้พระฤาสาย พระองค์บทรงปรานี (มัทนาร้องได้. พิณพาทย์ทำเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.)

(อินทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. อ้ายอดสิเหนา มะทะนาวิสุทธิศรี, อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง พี่นี้นะรักเจ้า และจะเฝ้าประคับประคอง คู่ชิดสนิทน้อง บ่มิให้ระคางระคาย, พี่รักวธูนวล บ่มิควรระอาละอาย, อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรัก รูปเจ้าวิไลยราว สุระแสร้งประจิตประจักษ์ มิควรจะร้างรัก เพราะพธูพิถีพิถัน ; ธาดาธสร้างองค์ อรเพราพิสุทธิสรรพ์ ไว้เพื่อจะผูกพัน- ธนะจิตตะจองฤดี. อันพี่สิบุญแล้ว ก็เผอิญประสบสุรี แลรักสมัครมี มนะมุ่งทะนุถนอม ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดีประนีประนอม รับรักและยินยอม ดนุรักสมัครสมาน หากนางมิข้องขัด ประดิพัทธ์ประสมประสาน, ทั้งสองจะสุขนาน มนะจ่อบจืดบจาง. อ้าช่วยระงับดับ ทุขะพี่ระคายระคาง : พี่รักอนงค์นาง ผิมิสมฤดีถวิล, เหมือนพี่มิได้คง วรชีวะชิวิติน- ทรีย์ไซร้บ่ใฝ่จิน- ตนะห่วงและห่อนนิยม ชีพอยู่ก็เหมือนตาย, เพราะมิวายระทวยระทม ทุกข์ยากและกรากรม อุระช้ำระกำทวี อ้าฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี พอให้ดนูนี้ สุขะรื่นระเริงรวย (วสันตะดิลก, ๑๔.) มัทนา. ฟังถ้อยดำรัสมะธุระวอน ดนุนี้ผิเอออวย จักเป็นมุสาวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก แต่หากฤดีบอะภิรมย์ จะเฉลยฉะนั้นจัก เป็นปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป ตูข้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคุณครัน ดังนี้คะนึงฤก็ระบม อุระแห่งกระหม่อนฉัน ที่ตนบอาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา ให้ถูกประดุจสุระประสงค์ ผิวะทรงพระโกรธา หม่อมฉันก็โอนศิระ ณ บา- ทุยุคลและกราบกราน (อินทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรักสมัครสมาน มีคู่สมรมาน อภิรมย์ฤเป็นไฉน ? (วสันตะดิลก, ๑๔.) มัทนา. หม่อมฉันบมีบุรุษะผู้ ประดิพัทธะใดใด เป็นโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมย์ฤสมรส


(อินทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. เช่นนั้นก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์ เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดำ (วสันตะดิลก, ๑๔.) มัทนา. หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย ก็สำนึกเสนาะคำ แต่ต้องทำนูลวะจะนะซ้ำ ดุจะได้ทำนูลมา (อินทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. นี่เจ้ามิยอมรับ รสะรักฉะนั้นฤจ๋า ? ตัวฉันจะเลวสา หะสะด้วยประการไฉน ? (วสันตะดิลก, ๑๔.) มัทนา. อ้าองค์พระผู้สุรวิศิษฎ์ พระจะผิดสถานใด ? หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ อนุวัตน์พระบัญฑูร (อินทวงส์, ๑๒.) สุเทษณ์. ยิ่งฟังพะจีศรี ก็ระตีประมวลประมูล ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะหัย ! อ้าเจ้าลำเพาพักตร์ สิริลักษณาวิไลย พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์ (วสันตะดิลก, ๑๔.) มัทนา. โอ้โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ วรศัพทะท่านทรง อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- คะณตัวกระหม่อมฉัน อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคุณอเนกนั้น จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ สุจริตประติชญา ขอให้พระองค์อะมะระเท- วะเสวยประโมทา หม่อมฉันจะขอประณตะลา สุรราชลิลาศไป

          (มัทนากราบแล้วตั้งท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จับข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ)

(ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. ช้าก่อน ! หล่อนจะไปไหน ? มัทนา. หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ. สุเทษณ์. ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำคาญ ? มัทนา. หม่อมฉันสังเกตเองเห็น. สุเทษณ์. เออ ! หล่อนนี้มาล้อเล่น ! อันตัวพี่เป็น คนโง่ฤาบ้าฉันใด ? มัทนา. หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ ก็บมิทรงเชื่อเลย กลับทรงดำรัสเฉลย ชวนชักชมเชย และชิดสนิทเสนหา พระองค์ทรงเป็นเทวา ธิบดีปรา- กฏเกียรติยศเกรียงไกร มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี จะโปรดปรานข้าบาทนี้ สักกี่ราตรี ? และเมื่อพระเบื่อข้าน้อย จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ ? หม่อมฉันนี้เป็นผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ ถึงแม้จะเป็นชายใด ขอสมพาศไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดข้าน้อยนิด ข้าบาทขอบังคมลา (กมล, ๑๒.) สุเทษณ์. (ตวาด) อุเหม่ ! มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจำนรรจา ตะละคำอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ ดนุถามก็เจ้าไซร้ บมิตอบณคำถาม วนิดาพยายาม กะละเล่นสำนวนหวาน ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน ผิวะให้อนงค์นวล ชนะหล่อนทะนงใจ บ่มิยอมจะร่วมรัก และสมัครสมรไซร้ ก็ดนูจะยอมให้ วนิดานิวาศสวรรค์ ผิวะนางเผอิญชอบ มรุอื่นก็ข้าพลัน จะทุรนทุรายศัล- ยะบ่อยากจะยินยล เพราะฉะนั้นจะให้นาง จุติสู่ ณ แดนคน มะทะนาประสงค์ตน จะกำเนิด ณ รูปใด ? ทวิบทจะตูร์บาท ฤจะเป็นอะไรไซร้ วธุเลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร จะสถิตฉะนั้นกว่า จะสำนึกณโทษทัณฑ์ และผิวอนดนูพลัน จะประสาทพระพรให้ วนิดาจรัลกลับ ณประเทศสุราลัย ก็จะชอบสถานใด วธุตอบดนูมา (สาลินี, ๑๑.) มัทนา. อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง พระจะลงพระอาญา ข้าเป็นแต่เพียงข้า บมิมุ่งจะอวดดี หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบพึงมี จึ่งไม่ได้รองศรี วรบาทพระจอมแมน อันทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน คุณท่านที่มากแสน คณนาประมวลมี อันโปรดให้เลือกตาม ฤดิข้าณบัดนี้ ขอเป็นซึ่งมาลี รุจิเรขวิไลยวรรณ สุดแท้แต่จอมสรวง จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์ ขอเพียงให้มีคัน- ธะระรื่นระรวยหอม ด้วยกลิ่นของข้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม ใจนิตย์บูชาจอม สุระบ่มบำเพ็ญบุญ ข้าขอแต่เพียงให้ มรุทรงพระการุญ ให้ข้าได้ทำคุณ และประโยชน์บ่อยู่หมัน (ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. ที่เจ้างอนง้อขอนั้น เราจะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจินต์. ดูราท่านมายาวิน นางนี้ถวิล จะถือรูปเป็นมาลี. ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล ? แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ. มายาวิน. เทวะ ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำรัสนั้นมี ในนันทะโนทยานศรี องค์พระศจี ธโปรดเป็นยอดมาลา. เห็นมีแต่ในฟากฟ้า ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน. สุเทษณ์. ไม้นี้มีนามฉันใด ? ท่านจงเล่าให้ เราทราบซึ่งลักษณ์แถลง. (อินทระวิเชียร, ๑๑.) มายาวิน. ไม้เรียกผะกากุพ- ชะกะสีอรุณแสง ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้ ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน อันกุพชะกาหอม, บริโภคอร่อยเพลิน รสหวานสิหวานเชิญ นรลิ้มเพราะเลิศรส กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด คือลมและดีลด ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์ อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์ เย็นในอุราพลัน, และระงับพยาธี (ฉบงง, ๑๖.) สุเทษณ์. ดีละ, จะให้มารศรี เป็นดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด ? มัทนา. ไหนไหนจะเป็นดอกไม้ หม่อมฉันพอใจ เป็นดอกที่ออกนามมา ข้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้ สุเทษณ์. ด้วยอำนาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวลมี ณตัวกูผู้แรงหาญ กูสาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิศ สู่แดนมนุษย์และเกิด เป็นมาลีเลิศ อันเรียกว่ากุพชะกะ ให้เป็นเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เป็น มนุษย์อยู่กำหนดมี เพียงหนึ่งทิวาราตรี แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด เมื่อนั้นแหละให้ทรามวัย คงรูปอยู่ไซร้ บคืนกลับเป็นบุปผา หากรักชายแล้วมัทนา บมีสุขา- ภิรมย์เพราะเริดร้างรัก และนางเป็นทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป เมื่อนั้นผิว่าอรไท กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์ (จิตระปทา, ๘.) นางมะทะนา จุติอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์ ไปเถอะกำเนิด ณ หิมาวัน ดังดนุลั่น วจิสาปไว้ !

            (พิณพาทย์ทำเพลงคุกพาทย์,  สุเทษณ์แผลงฤทธิ์,  ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถึงรัวท้าย  มัทนาร้องกรี๊ดและล้มลมกับพื้น)

(ปิดม่าน.)

</tpoem>

ที่มา

๑๐๐ ปี โรงเรียนวชิราวุธ จังหวัดสงขลา

(ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว