กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย '== ข้อมูลเบื้องต้น == หมวดหมู่:วรรณคดีไทย [[หมวดหมู่…')
(บทประพันธ์)
แถว 5: แถว 5:
'''พระนิพนธ์:''' [[เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์]]
'''พระนิพนธ์:''' [[เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์]]
== บทประพันธ์ ==
== บทประพันธ์ ==
 +
=== เห่ชมเรือกระบวน ===
<tpoem>
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ ปางเสด็จประเวศด้าว  ชลาลัย
 +
ทรงรัตนพิมานชัย  กิ่งแก้ว
 +
พรั่งพร้อมพวกพลไกร  แหนแห่
 +
เรือกระบวนต้นแพร้ว  เพริศพริ้งพายทอง ฯ
</tpoem>
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
 +
๏ พระเสด็จโดยแดนชล  ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
 +
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย  พายอ่อนหยับจับงามงอน ฯ
 +
๏ นาวาแน่นเป็นขนัด  ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
 +
เรือริ้วทิวธงสลอน  สาครลั่นครั่นครื้นฟอง ฯ
 +
๏ เรือครุฑยุดนาคหิ้ว  ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
 +
พลพายกรายพายทอง  ร้องโห่เห่โอ้เห่มา ฯ
 +
๏ สรมุขมุขสี่ด้าน  เพียงพิมานผ่านเมฆา
 +
ม่านกรองทองรจนา  หลังคาแดงแย่งมังกร ฯ
 +
๏ สมรรถชัยไกรกาบแก้ว  แสงแวววับจับสาคร
 +
เรียบเรียงเคียงคู่จร  ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน ฯ
 +
๏ สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย  งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
 +
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ฯ
 +
๏ เรือชัยไวว่องวิ่ง  รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
 +
เสียงเส้าเร้าระดม  ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ
 +
๏ คชสีห์ทีผาดเผ่น  ดูดังเป็นเห็นขบขัน
 +
ราชสีห์ที่ยืนยัน  คั่นสองคู่ดูยิ่งยง ฯ
 +
๏ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ  แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
 +
เพียงม้าอาชาทรง  องค์พระพายผายผันผยอง ฯ
 +
๏ เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน  โจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
 +
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง  เป็นแถวท่องล่องตามกัน ฯ
 +
๏ นาคาหน้าดังเป็น  ดูเขม้นเห็นขบขัน
 +
มังกรถอนพายพัน  ทันแข่งหน้าวาสุกรี ฯ
 +
๏ เลียงผาง่าเท้าโผน  เพียงโจนไปในวารี
 +
นาวาหน้าอินทรี  มีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ฯ
 +
๏ ดนตรีมี่อึงอล  ก้องกาหลพลแห่โหม
 +
โห่ฮึกครึกครื้นโครม  โสมนัสชื่นรื่นเริงพล ฯ
 +
๏ กรีธาหมู่นาเวศ  จากนคเรศโดยสาชล
 +
เหิมหื่นชื่นกระมล  ยลมัจฉาสารพันมี ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== เห่ชมปลา ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้า  คลึงกัน
 +
ถวิลสุดาดวงจันทร์  แจ่มหน้า
 +
มัตสยาย่อมพัวพัน  พิศวาส
 +
ควรฤพรากน้องช้า  ชวดเคล้าคลึงชม ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
 +
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้า  คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
 +
มัตสยายังรู้ชม  สาสมใจไม่พามา ฯ
 +
๏ นวลจันทร์เป็นนวลจริง  เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
 +
คางเบือนเบือนหน้ามา  ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย ฯ
 +
๏ เพียนทองงามดั่งทอง  ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
 +
กระแหแหห่างชาย  ดั่งสายสวาทคลาดจากสม ฯ
 +
๏ แก้มช้ำช้ำใครต้อง  อันแก้มน้องช้ำเพราะชม
 +
ปลาทุกทุกข์อกกรม  เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ
 +
๏ น้ำเงินคือเงินยวง  ขาวพรายช่วงสีสำอาง
 +
ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง  งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี** ฯ
 +
๏ ปลากรายว่ายเคียงคู่  เคล้ากันอยู่ดูงามดี
 +
แต่นางห่างเหินพี่  เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร ฯ
 +
๏ หางไก่ว่ายแหวกว่าย  หางไก่คล้ายไม่มีหงอน
 +
คิดอนงค์องค์เอวอร  ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ฯ
 +
๏ ปลาสร้อยลอยล่องชล  ว่ายเวียนวนปนกันไป
 +
เหมือนสร้อยทรงทรามวัย  ไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย ฯ
 +
๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ  เนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย
 +
ใครต้องข้องจิตชาย  ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง ฯ
 +
๏ ปลาเสือเหลือที่ตา  เลื่อนแหลมกว่าปลาทั้งปวง
 +
เหมือนตาสุดาดวง  ดูแหลมล้ำขำเพราคม ฯ
 +
๏ แมลงภู่คู่เคียงว่าย  เห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม
 +
คิดความยามเมื่อสม  สนิทเคล้าเจ้าเอวบาง ฯ
 +
๏ หวีเกศเพศชื่อปลา  คิดสุดาอ่าองค์นาง
 +
หวีเกล้าเจ้าสระสาง  เส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม ฯ
 +
๏ ชะแวงแฝงฝั่งแนบ  ชะวาดแอบแปบปนปลอม
 +
เหมือนพี่แอบแนบถนอม  จอมสวาทนาฏบังอร ฯ
 +
๏ พิศดูหมู่มัจฉา  ว่ายแหวกมาในสาคร
 +
คะนึงนุชสุดสายสมร  มาด้วยพี่จะดีใจ ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== เห่ชมไม้ ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ เรือชายชมมิ่งไม้  มีพรรณ
 +
ริมท่าสาครคันธ์  กลิ่นเกลี้ยง
 +
เพล็ดดอกออกแกมกัน  ชูช่อ
 +
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง  กลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
 +
๏ เรือชายชมมิ่งไม้  ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
 +
เพล็ดดอกออกแกมกัน  ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร ฯ
 +
๏ ชมดวงพวงนางแย้ม  บานแสล้มแย้มเกสร
 +
คิดความยามบังอร  แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม ฯ
 +
๏ จำปาหนาแน่นเนื่อง  คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
 +
คิดคะนึงถึงนงราม  ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง ฯ
 +
๏ ประยงค์ทรงพวงร้อย  ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
 +
เหมือนอุบะนวลละออง  เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ฯ
 +
๏ พุดจีบกลีบแสล้ม  พิกุลแกมแซมสุกรม
 +
หอมชวยรวยตามลม  เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ ฯ
 +
๏ สาวหยุดพุทธชาด  บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
 +
นึกน้องกรองมาลัย  วางให้พี่ข้างที่นอน ฯ
 +
๏ พิกุลบุนนาคบาน  กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
 +
แม้นนุชสุดสายสมร  เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย ฯ
 +
๏ เต็งแต้วแก้วกาหลง  บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
 +
หอมอยู่ไม่รู้หาย  คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู ฯ
 +
๏ มะลิวัลย์พันจิกจวง  ดอกเป็นพวงร่วงเรณู
 +
หอมมาน่าเอ็นดู  ชูชื่นจิตคิดวนิดา ฯ
 +
๏ ลำดวนหวนหอมตรลบ  กลิ่นอายอบสบนาสา
 +
นึกถวิลกลิ่นบุหงา  รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง ฯ
 +
๏ รวยรินกลิ่นรำเพย  คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
 +
นั่งแนบแอบเอวบาง  ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน ฯ
 +
๏ ชมดวงพวงมาลี  ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
 +
วนิดามาด้วยกัน  จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== เห่ชมนก ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ รอนรอนสุริยโอ้  อัสดง
 +
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง  ค่ำแล้ว
 +
รอนรอนจิตจำนง  นุชพี่ เพียงแม่
 +
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว  คลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
 +
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน  ทิพากรจะตกต่ำ
 +
สนธยาจะใกล้ค่ำ  คำนึงหน้าเจ้าตาตรู ฯ
 +
๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง  นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
 +
ตัวเดียวมาพลัดคู่  เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย ฯ
 +
๏ เห็นฝูงยูงรำฟ้อน  คิดบังอรร่อนรำกราย
 +
สร้อยทองย่องเยื้องชาย  เหมือนสายสวาทนาดนวยจร ฯ
 +
๏ สาลิกามาตามคู่  ชมกันอยู่สู่สมสมร
 +
แต่พี่นี้อาวรณ์  ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ ฯ
 +
๏ นางนวลนวลน่ารัก  ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
 +
แก้วพี่นี้สุดนวล  ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง ฯ
 +
๏ นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง  จับไม้เรียงเคียงคู่สอง
 +
เหมือนพี่นี้ประคอง  รับขวัญน้องต้องมือเบา ฯ
 +
๏ ไก่ฟ้ามาตัวเดียว  เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา
 +
เหมือนพรากจากนงเยาว์  เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง ฯ
 +
๏ แขกเต้าเคล้าคู่เคียง  เรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
 +
เรียมคะนึงถึงเอวบาง  เคยแนบข้างร้างแรมนาน ฯ
 +
๏ ดุเหว่าเจ่าจับร้อง  สนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
 +
ไพเราะเพราะกังวาน  ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย ฯ
 +
๏ โนรีสีปานชาด  เหมือนช่างฉลาดวามแต้มลาย
 +
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย  ห่มตาดพรายกรายกรมา ฯ
 +
๏ สัตวาน่าเอ็นดู  คอยหาคู่อยู่เอกา
 +
เหมือนพี่ที่จากมา  ครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ ฯ
 +
๏ ปักษีมีหลายพรรณ  บ้างชมกันขันเพรียกไพร
 +
ยิ่งฟังวังเวงใจ  ล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
 +
</tpoem>
 +
=== เห่ครวญ ===
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงใด
 +
เสียงนุชพี่ฤๅใคร  ใคร่รู้
 +
เสียงสรวลเสียงทรามวัย  นุชพี่ มาแม่
 +
เสียงบังอรสมรผู้  อื่นนั้นฤๅมี ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>กาพย์ยานี ๑๑</sup>
 +
๏ เสียงสรวลระรี่นี้  เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
 +
เสียงสรวลเสียงทรามวัย  สุดสายใจพี่ตามมา ฯ
 +
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้อง  หอมเรื่อยต้องคลองนาสา
 +
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมา  เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง ฯ
 +
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำ  ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
 +
เสียงปี่มี่ครวญเครง  เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน ฯ
 +
๏ ล่วงสามยามปลายแล้ว  จนไก่แก้วแว่วขันขาน
 +
ม่อยหลับกลับบันดาล  ฝันเห็นน้องต้องติดตา ฯ
 +
๏ เพรางายวายเสพรส  แสนกำสรดอดโอชา
 +
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา  อิ่มโศกาหน้านองชล ฯ
 +
๏ เวรามาทันแล้ว  จึงจำแคล้วแก้วโกมล
 +
ให้แค้นแสนสุดทน  ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย ฯ
 +
๏ งามทรงวงดั่งวาด  งามมารยาทนาดกรกราย
 +
งานพริ้มยิ้มแย้มพราย  งามคำหวานลานใจถวิล ฯ
 +
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็น  กล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
 +
ชายใดในแผ่นดิน  ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
 +
</tpoem>
 +
<tpoem>
 +
<sup>โคลง ๔</sup>
 +
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้า  ถึงเย็น
 +
มาสู่สุขคืนเข็ญ  หม่นไหม้
 +
ชายใดจากสมรเป็น  ทุกข์เท่า เรียมเลย
 +
จากคู่วันเดียวได้  ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==

การปรับปรุง เมื่อ 15:26, 9 กรกฎาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์

บทประพันธ์

เห่ชมเรือกระบวน

โคลง ๔
๏ ปางเสด็จประเวศด้าวชลาลัย
ทรงรัตนพิมานชัยกิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกรแหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้วเพริศพริ้งพายทอง ฯ
             
กาพย์ยานี ๑๑
๏ พระเสด็จโดยแดนชลทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณรายพายอ่อนหยับจับงามงอน ฯ
๏ นาวาแน่นเป็นขนัดล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอนสาครลั่นครั่นครื้นฟอง ฯ
๏ เรือครุฑยุดนาคหิ้วลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทองร้องโห่เห่โอ้เห่มา ฯ
๏ สรมุขมุขสี่ด้านเพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนาหลังคาแดงแย่งมังกร ฯ
๏ สมรรถชัยไกรกาบแก้วแสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จรดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน ฯ
๏ สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อยงามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม ฯ
๏ เรือชัยไวว่องวิ่งรวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดมห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ
๏ คชสีห์ทีผาดเผ่นดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ที่ยืนยันคั่นสองคู่ดูยิ่งยง ฯ
๏ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำแล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรงองค์พระพายผายผันผยอง ฯ
๏ เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผนโจนตามคลื่นฝืนฝ่าฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพองเป็นแถวท่องล่องตามกัน ฯ
๏ นาคาหน้าดังเป็นดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพันทันแข่งหน้าวาสุกรี ฯ
๏ เลียงผาง่าเท้าโผนเพียงโจนไปในวารี
นาวาหน้าอินทรีมีปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ฯ
๏ ดนตรีมี่อึงอลก้องกาหลพลแห่โหม
โห่ฮึกครึกครื้นโครมโสมนัสชื่นรื่นเริงพล ฯ
๏ กรีธาหมู่นาเวศจากนคเรศโดยสาชล
เหิมหื่นชื่นกระมลยลมัจฉาสารพันมี ฯ
             

เห่ชมปลา

โคลง ๔
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคลึงกัน
ถวิลสุดาดวงจันทร์แจ่มหน้า
มัตสยาย่อมพัวพันพิศวาส
ควรฤพรากน้องช้าชวดเคล้าคลึงชม ฯ
             
กาพย์ยานี ๑๑
๏ พิศพรรณปลาว่ายเคล้าคิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัตสยายังรู้ชมสาสมใจไม่พามา ฯ
๏ นวลจันทร์เป็นนวลจริงเจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามาไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย ฯ
๏ เพียนทองงามดั่งทองไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย
กระแหแหห่างชายดั่งสายสวาทคลาดจากสม ฯ
๏ แก้มช้ำช้ำใครต้องอันแก้มน้องช้ำเพราะชม
ปลาทุกทุกข์อกกรมเหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ
๏ น้ำเงินคือเงินยวงขาวพรายช่วงสีสำอาง
ไม่เทียบเปรียบโฉมนางงามเรืองเรื่อเนื้อสองสี** ฯ
๏ ปลากรายว่ายเคียงคู่เคล้ากันอยู่ดูงามดี
แต่นางห่างเหินพี่เห็นปลาเคล้าเศร้าใจจร ฯ
๏ หางไก่ว่ายแหวกว่ายหางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอรผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ฯ
๏ ปลาสร้อยลอยล่องชลว่ายเวียนวนปนกันไป
เหมือนสร้อยทรงทรามวัยไม่เห็นเจ้าเศร้าบ่วาย ฯ
๏ เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อเนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิตชายไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง ฯ
๏ ปลาเสือเหลือที่ตาเลื่อนแหลมกว่าปลาทั้งปวง
เหมือนตาสุดาดวงดูแหลมล้ำขำเพราคม ฯ
๏ แมลงภู่คู่เคียงว่ายเห็นคล้ายคล้ายน่าเชยชม
คิดความยามเมื่อสมสนิทเคล้าเจ้าเอวบาง ฯ
๏ หวีเกศเพศชื่อปลาคิดสุดาอ่าองค์นาง
หวีเกล้าเจ้าสระสางเส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม ฯ
๏ ชะแวงแฝงฝั่งแนบชะวาดแอบแปบปนปลอม
เหมือนพี่แอบแนบถนอมจอมสวาทนาฏบังอร ฯ
๏ พิศดูหมู่มัจฉาว่ายแหวกมาในสาคร
คะนึงนุชสุดสายสมรมาด้วยพี่จะดีใจ ฯ
             

เห่ชมไม้

โคลง ๔
๏ เรือชายชมมิ่งไม้มีพรรณ
ริมท่าสาครคันธ์กลิ่นเกลี้ยง
เพล็ดดอกออกแกมกันชูช่อ
หอมหื่นรื่นรสเพี้ยงกลิ่นเนื้อนวลนาง ฯ
             
กาพย์ยานี ๑๑
๏ เรือชายชมมิ่งไม้ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกันส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร ฯ
๏ ชมดวงพวงนางแย้มบานแสล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอรแย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม ฯ
๏ จำปาหนาแน่นเนื่องคลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงรามผิวเหลืองกว่าจำปาทอง ฯ
๏ ประยงค์ทรงพวงร้อยระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมือนอุบะนวลละอองเจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม ฯ
๏ พุดจีบกลีบแสล้มพิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลมเหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ ฯ
๏ สาวหยุดพุทธชาดบานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัยวางให้พี่ข้างที่นอน ฯ
๏ พิกุลบุนนาคบานกลิ่นหอมหวานซ่านขจร
แม้นนุชสุดสายสมรเห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย ฯ
๏ เต็งแต้วแก้วกาหลงบานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หายคล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตาตรู ฯ
๏ มะลิวัลย์พันจิกจวงดอกเป็นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่าเอ็นดูชูชื่นจิตคิดวนิดา ฯ
๏ ลำดวนหวนหอมตรลบกลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงารำไปเจ้าเศร้าถึงนาง ฯ
๏ รวยรินกลิ่นรำเพยคิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบางห่อนแหห่างว่างเว้นวัน ฯ
๏ ชมดวงพวงมาลีศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิดามาด้วยกันจะอ้อนพี่ชี้ชมเชย ฯ
             

เห่ชมนก

โคลง ๔
๏ รอนรอนสุริยโอ้อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลงค่ำแล้ว
รอนรอนจิตจำนงนุชพี่ เพียงแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้วคลับคล้ายเรียมเหลียว ฯ
             
กาพย์ยานี ๑๑
๏ เรื่อยเรื่อยมารอนรอนทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำคำนึงหน้าเจ้าตาตรู ฯ
๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียงนกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย ฯ
๏ เห็นฝูงยูงรำฟ้อนคิดบังอรร่อนรำกราย
สร้อยทองย่องเยื้องชายเหมือนสายสวาทนาดนวยจร ฯ
๏ สาลิกามาตามคู่ชมกันอยู่สู่สมสมร
แต่พี่นี้อาวรณ์ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ ฯ
๏ นางนวลนวลน่ารักไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สุดนวลดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง ฯ
๏ นกแก้วแจ้วแจ่มเสียงจับไม้เรียงเคียงคู่สอง
เหมือนพี่นี้ประคองรับขวัญน้องต้องมือเบา ฯ
๏ ไก่ฟ้ามาตัวเดียวเดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา
เหมือนพรากจากนงเยาว์เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง ฯ
๏ แขกเต้าเคล้าคู่เคียงเรียงจับไม้ไซ้ปีกหาง
เรียมคะนึงถึงเอวบางเคยแนบข้างร้างแรมนาน ฯ
๏ ดุเหว่าเจ่าจับร้องสนั่นก้องซ้องเสียงหวาน
ไพเราะเพราะกังวานปานเสียงน้องร้องสั่งชาย ฯ
๏ โนรีสีปานชาดเหมือนช่างฉลาดวามแต้มลาย
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉายห่มตาดพรายกรายกรมา ฯ
๏ สัตวาน่าเอ็นดูคอยหาคู่อยู่เอกา
เหมือนพี่ที่จากมาครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ ฯ
๏ ปักษีมีหลายพรรณบ้างชมกันขันเพรียกไพร
ยิ่งฟังวังเวงใจล้วนหลายหลากมากภาษา ฯ
             

เห่ครวญ

โคลง ๔
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงใด
เสียงนุชพี่ฤๅใครใคร่รู้
เสียงสรวลเสียงทรามวัยนุชพี่ มาแม่
เสียงบังอรสมรผู้อื่นนั้นฤๅมี ฯ
             
กาพย์ยานี ๑๑
๏ เสียงสรวลระรี่นี้เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
เสียงสรวลเสียงทรามวัยสุดสายใจพี่ตามมา ฯ
๏ ลมชวยรวยกลิ่นน้องหอมเรื่อยต้องคลองนาสา
เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมาเหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง ฯ
๏ ยามสองฆ้องยามย่ำทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
เสียงปี่มี่ครวญเครงเหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน ฯ
๏ ล่วงสามยามปลายแล้วจนไก่แก้วแว่วขันขาน
ม่อยหลับกลับบันดาลฝันเห็นน้องต้องติดตา ฯ
๏ เพรางายวายเสพรสแสนกำสรดอดโอชา
อิ่มทุกข์อิ่มชลนาอิ่มโศกาหน้านองชล ฯ
๏ เวรามาทันแล้วจึงจำแคล้วแก้วโกมล
ให้แค้นแสนสุดทนทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย ฯ
๏ งามทรงวงดั่งวาดงามมารยาทนาดกรกราย
งานพริ้มยิ้มแย้มพรายงามคำหวานลานใจถวิล ฯ
๏ แต่เช้าเท่าถึงเย็นกล้ำกลืนเข็ญเป็นอาจิณ
ชายใดในแผ่นดินไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ
             
โคลง ๔
๏ เรียมทนทุกข์แต่เช้าถึงเย็น
มาสู่สุขคืนเข็ญหม่นไหม้
ชายใดจากสมรเป็นทุกข์เท่า เรียมเลย
จากคู่วันเดียวได้ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ
             

เชิงอรรถ

เครื่องมือส่วนตัว