กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ ฉบับกรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 10:32, 19 สิงหาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ

ผู้แต่ง: พระยาราชสุภาวดี และ พระภิกษุอินท์ แต่งซ่อมเติมจากของเก่า

บทประพันธ์

โคลง
๏ สมุด นามชื่อชี้ขัตติยวงศ์
กฤษณา ปัญญายังหญิงไซร้
สอน จริตรักษาองค์นุชนาถ
น้อง รับคำจำไว้ใส่เกล้าเป็นเฉลิม
             
๑๖
๏ ขอถวายกรเกศกฤษฎางค์ดุษฎินทร์วรางค์
บรมไตรรัตโน
๏ พระสยมภูวนุตโมมหันตนาโถ
ดิลกคุณนิจไตร
๏ ปองโปรดชคสัตว์สบสมัยเมื่อโมควาลัย
ปลาตบ่วงเบญจมาร
๏ สุตตันตปิฎกพิสดารโลกุตมาจารย์
จะนำนิพิทมรรคผล
๏ เผด็จบาปบรรเทาทุกข์ดลอวยศุภมงคล
คุณาดิเรกคงตรง
๏ อสีติอัษฎางคริยสงฆ์ศากยบุตรทรง
วิสุทธศีลสังวร
๏ บริรักษ์พระศาสน์สโมสรมโนสาทร
จะลองจะล้างราคิน
๏ เสร็จถวายสิฌรตมาจินต์สรวมสวัสดิ์กมลินท์
อมเรศอิศโรราเชนทร์
๏ สรวมพระพิรุณราชนาเคนทร์โสโมสุริเยนทร์
เชิญช่วยบำบัดอันตราย
๏ ขอแถลงแต่เบื้องบรรยายประสมต้นปลาย
เป็นบทโศลกกล่าวกลอน
๏ มีกษัตริย์องค์หนึ่งบวรทรงนามภูธร
พรหมทัตธิราชราชินทร์
๏ วิชาชำนาญธนูศิลป์เข่นฆ่าอรินทร์
พินาศด้วยฤทธิรงค์
๏ กรรมสิทธิ์สมบัติเอกองค์เสวยสุขสมพงศ์
พิพิธโภไคสูรย์
๏ เนาในกรุงราชประยูรโดยนามนุกูล
พาราณสีโสภณ
๏ กำแพงป้อมก่อเป็นกลเสมามณฑล
มีล่องล่อปืนเรียงรัน
๏ เชิงเทียนเทียมสิงขรขัณฑ์หอห้างนางจรัล
ขนัดคูกระทั่งสายสินธุ์
๏ แสนสนุกเอี่ยมเทียมอินทร์มาตยาพลพฤนท์
สะพรั่งสะพร้อมเนืองนันต์
๏ และสารสุนทรเข้มขันรถรัตนาพรรณ
พิจิตรแกล้งบรรจง
๏ มีปรางค์รัตนาสน์บรรยงยิ่งเทพอลง-
กตกาญจโนดำเกิง
๏ เหมห้องสิงหาสน์บันเถลิงฉลุฉลักชั้นเชิง
รุจิเรขด้วยรงรจนา
๏ มีมิ่งมเหสีสมญานามนางบุษบา
ทรงลักษณ์ล้ำสาวสวรรค์
๏ ปวงสนมถนัดหมื่นหกพันพิศเพียงสาวสวรรค์
สุรางคนาถอมรินทร์
๏ เฝ้าแหนเป็นประดิทินทิวาราตริน
พรั่งพร้อมประจำจับงาน
๏ สมเด็จพรหมทัตมหิบาลเสวยแสนศฤงคาร
ทิปัตติเทียมเทวา
๏ มีหน่อสองราชธิดาทรงเบญจกัลยา
เยาวรูปยอดยิ่งกษัตรี
๏ ท้าวสงวนดุจดวงชีวีเนาวรัตน์ปรางค์ศรี
แวดล้อมด้วยแสนจัตุรงค์
๏ หมู่นางนั่งเฝ้ากรรกงถนอมวรองค์
ทักวัน บ เว้นเวลา
๏ แม้นมาตรเทเวศวิทยาธรองค์อสุรา
บ อาจจะเอื้อมคิดคม
๏ สองนาถพนิดาอุดมมีชันษาสม
ควรคู่จะพึงพิสมัย
๏ สมเด็จบิตุราชฤทธิไกรสั่งเสนาใน
รุจรังโรงราชพิธี
๏ ศุภวารชัยฤกษ์มหุดีชุมมุขมนตรี
วิวาหการมิ่งมงคล์
๏ อภิเษกธิดาสององค์กับราชนุวงศ์
เวนวรรณสมบัติคั่งคาม
             
๒๘
๏ กล่าวเรื่องนางกษัตริย์      ทั้งสองศรีสวัสดิ์      สุริยวงศ์ทรงนาม
นางแก้วกฤษณา      แน่งเนื้อเยาวราม      เฉิดโฉมเฉลิมกาม      กำดัดโลกีย์
๏ ปัญญาเปรมปราชญ์      มีทั้งมารยาท      ชั้นเชิงพาที
รู้รอบชอบผิด      ในกิจกษัตรี      ปรนนิบัติสวามี      ห้าองค์ราชา
๏ บำเรอเชอศักดิ์      อยู่ร่วมรสรัก      รมเยศปรีดา
ห่อนให้เคียดขึ้ง      เท่ากึ่งเกศา      ผลัดเวรเวลา      ประโลมสมสอง
๏ ห้าองค์กษัตริย์      เสวยสุขโสมนัส      ประเวศเรือนทอง
ผทมทิพอาสน์      อลงกตกระหนกกรอง      สนมนางเนืองนอง รอบล้อมซ้ายขวา
๏ พระขนิษฐ์นารี      พระนามเทวี      ชื่อจรับประภา
ดุจสาวโสฬส      แบ่งองค์ลงมา      ทรงพระเยาวภา      นิ่มเนื้อนฤมล
๏ มีภัสดาเดียว      บ ได้กลมเกลียว      ราคร้างกามกล
เนาในปรางค์มาศ      เอกากังวล      หฤทัยทุกข์ทน      เทวศเศร้าเดือดดาล
๏ ถ่อมเสวยโภชนา      เสวยชลธารา      แหบไห้แลลาญ
สวาทดิ้นแดเดียว      เปล่าเปลี่ยวสงสาร      เช้าค่ำรำคาญ      เพียงสิ้นสุดสกล
๏ วันหนึ่งกัลยา      สระสรงคงคา      ลูบไล้สุคนธ์
ทรงทิพอาภรณ์      พิจิตรเสด็จดล      ยังห้องไหรณ      นางแก้วกฤษณา
๏ น้อมเกล้าโอนองค์      ถวายบังคมลง      กับบาทพี่ยา
ส่วนพระพี่นาง      เห็นนาถขนิษฐา      มีเสาวนีย์ปรา- ศรัยถ้อยถามพลัน
๏ อาดูรน้องรัก      แต่ก่อนวรพักตร์      ผ่องแผ้วเพียงจันทร์
บัดนี้เป็นไฉน      เห็นเศร้าโศกศัลย์      พระวรฉวีพรรณ      นิ่มนวลหมองหมาย
๏ พระขนิษฐ์นารี      รับราชเสาวนีย์      ทูลถ้อยแถลงถวาย
พี่เอยตัวน้อง      บ มีสิ่งสบาย      มีแต่ความอาย      ติดข้องอุรา
๏ ความโศกแสนเข็ญ      ตายดีกว่าเป็น      อยู่ไยอกอา
มีผัวผู้เดียว      ดุจแก้วดวงตา      ควรฤๅแลมา      ตัดมิ่งไมตรี
๏ บุญน้องน้อยนัก      ผัวไม่ร่วมรัก      ผลักหน้าหน่ายหนี
ทิ้งขว้างร้างไว้      ให้อายอัปรีย์      คิดแค้นบัดสี      สุดที่เจรจา
๏ ไม่ชอบอัชฌาสัย      อยู่ใกล้เหมือนไกล      สุดมุ่งพสุธา
ไม่ทอดทฤษฎี      โดยทางเสน่หา      ไม่ทรงกรุณา      สะสร่างจาบัลย์
๏ ธรรมดาสวามี      ปฏิพัทธ์ยินดี      ดิ้นโดยทั่วกัน
สุขสมสำเริง      สำราญแดยัน      ย่อมนำกิจอัน      อมฤตมาพูน
๏ น้องอาภัพนัก      เสียชาติมีศักดิ์      สมบัติบริบูรณ์
ตละหญิงช่างชั่ว      ผัวไม่อนุกูล      ร้างไว้อาดูร      เดือดร้อนลำเค็ญ
๏ น้องไข้ใจนัก      มีผัวมิรัก      แค้นข้าใครเห็น
ในทรวงแสบร้อน      ร้อนยิ่งไฟเข็ญ      กรรมให้จำเป็น      วิโยคเอองค์
๏ พระพี่เนียรทุกข์      เสวยแสนเกษมสุข      ปรากฏยศยง
สมบูรณ์บุญญา      ทั้งห้าพระองค์      เนาแนบทรวงทรง      รักร่วมหฤทัย
๏ พี่ได้คุณเวท      กฤตยาวิเศษ      ศาสตราคมใคร
ประสิทธิ์ประสาท      ประสงค์จงใจ      ให้ชายพิสมัย      รักใคร่เมามัว
๏ นางแก้วกฤษณา      ฟังน้องพจนา      คะค่อยคิกหัว
ตรัสห้ามว่าอย่า      สิ่งนี้พี่กลัว      มนต์ดลเมามัว      มิใช่คุณเรา
๏ เราเป็นกษัตรี      ชอบแต่ภักดี โดยเลศลำเนา
กิริยาอัชฌาสัย      กิจการแห่งเรา      ปรนนิบัติบรรเทา      ทุกข์โศกสวามี
๏ เสน่หาอย่าย่ำ      แม้นประสิทธิ์ทำ      ให้ดิ้นยินดี
รักกันพลันจาง      ราคร้างหน่ายหนี      รักด้วยไมตรี      ตราบเท่าวันตาย
๏ ช้างแล่นจะฉุด      ฉวยหางให้หยุด      อย่าควรคิดหมาย
ค่อยลูบตระโบม      ค่อยโลมให้สบาย      จะค่อยผันผาย      คืนด้าวโดยถวิล
๏ โคไม่นำพา      ระบัดใบหญ้า      งอกแน่นแผ่นดิน
ใครห่อนข่มเขา      ขืนให้วัวกิน      ผิดจริตระบิล      แต่เบื้องโบราณ
๏ พี่จักสอนนาถ      เป็นวรโอวาท      จำไว้เยาวมาลย์
เจ้าจักรักชาย      ชมชื่นหึงนาน      มิให้รำคาญ      วิโยคเจียนไกล
๏ สุดแต่ความสัตย์      กับทางปรนนิบัติ      ให้ชอบน้ำใจ
อีกทั้งถ้อยคำ      อัชฌาอาศัย      สิ่งนี้ทรามวัย      จำไว้เจิญศรี
๏ นามชื่อบุรุษ      เป็นปิ่นมงกุฎ เกิดเกล้ากษัตรี
ดุงดวงเพชรรัตน์      พลอยแหวนวงสี      จะหาสวามี      ยากนักควรสงวน
๏ ธรรมดากษัตรี      เป็นสาวก็ดี ปากคนเสสรวล
จะอยู่เป็นหม้าย      ไม่พ้นสำรวล      ประพฤติโดยควร      คิดยากนักหนา
๏ แม้นชายรูปชั่ว      งุนโง่คือวัว      ไม่รู้วิชา
ครั้นเป็นสวามี      มีคุณอุปการ์      อาจคุ้มรักษา      ทุกสิ่งโพยภัย
๏ อย่าเยี่ยงหญิงชั่ว      ไม่รู้คุณผัว      ไม่สงวนน้ำใจ
ลิ้นลมข่มเหง ล้อเลียนไยไพ      ต่อหน้าปราศรัย      ลับหลังนินทา
๏ คอยข้อผัวผิด      เก็บไว้จำจิต      พูดเล่นเจรจา
ประมาทไม่กลัว      หัวร่อระอา      ไม่เป็นนำพา      การกินการนอน
๏ ว่ากล่าวไม่ฟัง      เมิดเมินผินหลัง      บ่ยินคำสอน
ว่าใดว่าด้วย      ไม่ท้อง้องอน      เป็นหญิงสาระวอน      ผิดจริตทำนอง
๏ ไม่เกรงผู้ชาย      ปากกล้าท้าทาย      เจรจาจองหอง
ผัวว่าคำหนึ่ง      ไปได้ถึงสอง      ไม่ควรคู่ครอง      ราศร้างห่างไกล
๏ อย่าเยี่ยงหญิงโฉด      มักหึงขึ้งโหรธ      วิวาทครุ่นไป
การเรือนการเหย้า      ไม่เอาใจใส่      สะดึงรึงไหม      สำหรับกษัตรี
๏ แม้จักปักเก็บ      ตัดเสื้อจะเย็บ      เนิ่นช้าเป็นปี
ยกไนมาตั้ง      นั่งกุมสำลี      ไม่ชักสักที      นั่งซิกขิกหัว
๏ บริโภคโภชนา      ค่ำเช้าเวลา      ใช้ชายต่างครัว
ถ้วยโถจอกจาน      ทำใช่การตัว      ละไว้ให้ผัว      ลำดับตั้งวาง
๏ แขกไปไทยมา      เป็นที่ทักหา      เจรจาขัดขวาง
กลัวเปลืองหมากพลู      ดูตาผัวพลาง      นั่งเอียงเคียงข้าง      อึดอัดขัดใจ
๏ อย่าเยี่ยงหญิงบาป      เห็นแต่โลภลาภ      โลกียวิสัย
ความอายไม่คิด      คิดแต่สนุกใจ      ไม่เกรงโพยภัย      อาชญาสวามี
๏ เสงี่ยมตัวต่อหน้า      ครั้นเมื่อลับตา      ทำการอัปรีย์
แม้นั่งหันลอด      สอดตาดูที      วางระวิงจับหวี      หวังหาแต่สบาย
๏ กระทบหูกฉับฉับ      ตีนเหยียบหูตรับ      ฟังเสียงผู้ชาย
ตามุ่งพุ่งกระสวย      หลุดหล่นลงทราย      ไม่กลัวความอาย      ปากคนเย้ยหยัน
๏ แง่งอนซ่อนชู้      ไม่ให้ผัวรู้      แยบคายคมสัน
ต่อหน้าว่าฟัง      ลับหลังดึงดัน      เร่เล่ากล่าวขวัญ      กลับตัวเป็นดี
๏ พ่อผัวแม่ผัว      บ่ได้เกรงกลัว      ถ้อยคำย่ำยี
พี่น้องเพื่อนบ้าน      พาลด่าพาลตี      ไม่มีไมตรี      ร่วมรักสักคน
๏ แหวนทองเงินตรา      แพรพรรณผืนผ้า      ซ่อนไว้แต่ตน
ไม่ให้ผัวเห็น      ทำเป็นเล่ห์กล      หญิงอย่างนี้คน      ชาติชั่วหินา
๏ หมู่นี้เป็นโทษ      จักถอยประโยชน์      ยศศักดิ์เสน่หา
ภูตพรายบเกรง      ผีสางนินทา      เทเวศอสุรา      ดูหมิ่นถิ่นแคลน
             
๑๖
๏ ตัวเจ้าคือนางเมืองแมนสุดสิ้นดินแดน
จะเปรียบก็ยากถึงสอง
๏ เป็นหน่อกษัตริย์ครอบครองสมบัติเนืองนอง
อเนกอนันต์สาวสนม
๏ ประพฤติโดยชอบสบสมรักวงศ์อุดม
แลรักองค์อาตมา
๏ รักทั้งเกียรติยศกษัตรารักความสัตยา
เอาเยี่ยงอย่างทรายจามรี
๏ เป็นสัตว์ตระกูลชาติอันดีโลมามากมี
ประดับดูงามเรืองรอง
๏ ขนนั้นละเอียดใยยองละเส้นคือทอง
แลเลื่อมประพรายเป็นแสง
๏ แม้ข้องขัดผ่าซัดแซงบ่คลาโดยแรง
เกรงขนจะขาดเสียดาย
๏ สู้เสียชีวิตวอดวายบ่ให้ขนสลาย
ก็ควรในคงสัตยา
๏ เจ้าจงมีจิตเสน่หารักพระภัสดา
อย่าให้เห็นโทษทั้งหลาย
๏ รักตัวสงวนตัวกลัวอายกันความระคาย
ที่ท้าวจะแหนงสงสัย
๏ ข้าวร้อยพันยุ้งยศไกรกินหากสิ้นไป
กินแหนงบ่ห่อนสิ้นสูญ
๏ สิ่งนี้แม่จงอนุกูลจำไว้เป็นมูล
จะมีพระเกียรติลือชา
๏ เกิในอภิชาติกษัตราสู้เสียชีวา
อย่าเสียซึ่งสัตย์แห่งตน
๏ ไว้ความสรรเสริญสากลแต่แผ่นภูวดล
ตราบเท่าทั่วโลกลือชา
๏ ความสัตย์เป็นสัตย์เสน่หาอัชฌากิริยา
เป็นสัตย์สวัสดิ์วรกาย
๏ พระขนิษฐ์จะครองใจชายไม่ให้หมองหมาย
มโนภิรมย์เปรมปรีดิ์
๏ จงรู้พระจริตสวามีหฤทัยธิบดี
จะชอบสิ่งใดโดยตาม
๏ อย่าทำทรลักษณ์หยาบหยามขืนถ้อยทางความ
จะเคืองจะคิดเคียดชัง
๏ เช้าเย็นเข้าเฝ้าฝ่ายหลังตรับโสตระวัง
เกลือกตรัสนุกิจสิ่งใด
๏ ทูลถ้อยอ่อนหวานขานไขจงชอบอัชฌาสัย
สมเด็จบพิตรนเรนทรสูร
๏ ความจริงจึงแสดงโดยมูลอย่านำเท็จทูล
จะเสียพระยศสุริยวงศ์
๏ หนึ่งรักชีวิตไฉนจงเสมอรักเท่าองค์
บรมราชสวามี
๏ เมื่อท้าวเสวยสุขสวัสดีร่วมสุขสมศรี
อย่าทุกข์อย่าโศกสิ่งใด
๏ เมื่อมีทุรทุกข์พระทัยร่วมทุกข์ภูวไนย
อย่าอยู่สุขเกษมเกลากลาย
๏ เมื่อทรงประชวรไม่สบายแนบนั่งใกล้กาย
ทูลปลอบให้เสวยซึ่งยา
๏ อยู่เยี่ยมปรนนิบัติรักษาถนอมนวดบาทา
ค่อยค่อยพอได้แรงลม
๏ จงเปลื้องฤทัยชื่นชมถ้าเคลิ้มบรรทม
ไสยาสน์อย่าย่างเดินดัง
๏ ถ้าตื่นเงี่ยโสตสดับฟังระไวระวัง
จะตรัสจะใช้โดยควร
๏ แท่นผทมกฤษฎางค์อย่างขบวนที่สูงไม่ควร
จะเอื้อมจะหยิบสิ่งใด
๏ มาตรว่ามีที่เสด็จไปอย่าทะนงใจ
เกลือกรู้จะรังเกียจกล
๏ หนึ่งเป็นโทษานิจผลจะล่วงลามลน
ใช่เชิงจริตกษัตรี
๏ เช้าค่ำยำเกรงสวามีสงวนรักภักดี
จงรู้ซึ่งสบายมิสบาย
๏ ยาวท้าวสระสรงสกนธ์กายพระทัยสบาย
บันเทิงในห้องรโหฐาน
๏ ทรงพระเสสรวลสำราญนั่งนอบหมอบกราน
บังคมยุคลบาทา
๏ ทูลแถลงปรธโลมเสนหาปรนนิบัติภรรดา
จงชอบภิรมย์ฤดี
๏ อย่าแสร้งรังเกียจกลกษัตรีตามการกามี
มโนมนัสสมสอง
๏ กรค่อยถนอมตระกองโดยเลศทำนอง
ทำนุกผดุงเจิมใจ
๏ ยามร้อนกระหายฤๅทัยถือพัชนีไกว
ค่อยโบกระบายวาตา
๏ ถวายเครื่องสุคนธมาลาสำหรับขัตติยา
จะลูบจะไล้อบองค์
๏ ถ้ามีพระราชประสงค์สาวสนมใดจง
นุญาติอย่าได้ขัดขวาง
๏ เมื่อเสด็จสถิตแท่นปฤษฎางค์เมินเนตรพิศนาง
อย่าช้อยชำเลืองตาตาม
๏ มีโทษทุจริตไม่งามยลแยบทางความ
เป็นที่ประงอนหวงหึง
๏ แม้นไปสุดมุ่งรำพึงจะทรงคำนึง
นิเวศสถานเคยสบาย
๏ ดุจน้ำนองเนืองไหลหลายลั่นแทรกแพร่งพราย
ปริ่มบางแลห้วยโตรกธาร
๏ มัตสยาเพลินชื่นเชยสนานแถกว่ายพิสดาร
ดิ้นตามกระแสสายสินธุ์
๏ สุดการกำเริบวารินย่อมแห้งโดยถวิล
วิบัติลงสู่สมุทรไทย
๏ บุรุษทั่วโลกสบสมัยบันเทิงอาลัย
กรกัดกามปูนปอง
๏ ครั้นคลายรักษาสมสองคือสินธุนอง
แลเลื่อนลงโอฆวารี
๏ ชื่อว่าน้ำจิตสวามีห่อนจากกษัตรี
ซึ่งรู้ในการกิริยา
๏ พระแขไขแสงโสภณามีดวงดารา
ประดับดูพริ้มพรายโพยม
๏ กษัตริย์เสวยแสนสุขโสม-นัสลืมประโลม
ด้วยสาวสนมนองเนือง
๏ เฉลิมโฉมเฉกนางแมนเมืองประดับดูเรือง
พระเกียรติทั่วภพไตร
๏ สำหรับขัตติยายศไกรจักหึงหวงใจ
จะติดโทษาราคี
๏ คือเบื้องบาทสวามีหนึ่งมุขมนตรี
ประชาชนราษฎร์ติฉิน
๏ หนึ่งเสียจารีตธรณินทร์ในขนบนรินทร์
บรมกษัตริย์สืบมา
๏ เป็นนางเอกอัครชายาจงรู้รักษา
พระองค์แลองค์ภูวไนย
๏ หนึ่งเมื่อมีราชหฤทัยชื่นชอบฌาสัย
จะอวยประทานปวงสนม
๏ คือสิ่งเสื้อผ้าแพรพรมทองเงินอุดม
อดิเรกเครื่องโปรดปราน
๏ อย่าควรคิดกลอาการตรัสทักทูลทาน
เป็นทางจะแกล้งริษยา
๏ เกลือกเฉลียวพระทัยโทษาทั้งความครหา
จะติดตัวเป็นมลทิน
๏ แถลงผิดผู้อื่นติฉินมิเท่านรินทร์
วรราชไท้ติเตียน
๏ เสียศรีอาจอายอาเกียรณ์ความสุขจำเนียร
จะนำความโศกมากมี
๏ พระขนิษฐ์ระวังองค์จงดีรักษาทาสี
สาวใช้ชาวที่ทุกกรม
๏ ประชุมคชาพระสนมพี่เลี้ยงพระนม
แลนางดุริยดนตรี
๏ ทั้งทวยนักเทศน์ขันทีตรัสใช้จงดี
ปลูกเลี้ยงให้ชอบทางธรรม์
๏ อย่าทำลำเอียงเดียดฉันท์แม้นมีโทษทัณฑ์
ช่วยทูลและเล้าอ้อนวอน
๏ ผิดพลั้งครั้งหนึ่งผันผ่อนถึงสองสั่งสอน
ถึงสามก็ตามโทษา
๏ จงตรัสเตือนหมู่มลิกาให้แต่งโภชนา
เครื่องคั่วอั่วเจียวบรรจง
๏ จัดใส่สุพรรณภาชนาทรงชามแก้วเบญจรงค์
จอกจานสุวรรณอันควร
๏ ตกแต่งตามราชกระบวนบังคมเชิญชวน
พระองค์ให้เสวยเปรมปรีดิ์
๏ เฟี้ยมเฝ้าแทบบาทบทศรีสิ่งใดสวามี
จะชอบพระโอษฐ์อุดม
๏ คือเค็มมันเปรี้ยวหวานขมกำหนดอารมณ์
บำเรอจงชอบพระทัย
๏ น้ำสรงน้ำเสวยสุทธิ์ใสกลั้วกลิ่นมาลัย
มาลีสุคนธกำจร
๏ ภูษาโขมพัสถ์อลงกรณ์สำหรับมหิศร
จำเริญอบจรุงจรูญใจ
๏ เพลาส่องแสงพระอุทัยยามย่ำฆ้องชัย
ประจำนิเวศอัครฐาน
๏ เจ้าจงตรัสเตือนพนักงานแต่งห้องรโหฐาน
แลแท่นทิพนิทรารมณ์
๏ ปูสาดลาดสุจหนี่พรมเขนยหนุนบรรทม
ตั้งวางวิจิตรจงควร
๏ ผูกมุ้งม่านแพรพระขบวนประดับดอกลำดวน
มะลิจำปาอาเกียรณ์
๏ ห้อยย้อยโคมแก้วโคมเวียนจุดตามธูปเทียน
ประทีปประเทืองชัชวาล
๏ ยามเสด็จยุรยาตรสู่สถานถนอมนาถภูบาล
จงชอบมโนสาธร
๏ รับราชวงศ์บรมองค์อิศรสุทธรื่นหอมขจร
โลมลูบวรบาททั้งสอง
๏ เช็ดด้วยพัสตราผืนทองหมดมลทินละออง
อัญเชิญยังแท่นทองผจง
๏ เมื่อเกษมสถิตอาสน์อิงองค์พระพักตร์ดุจบง-
กชมาศแลบานเพริศพราย
๏ ทรงพระเสสรวลแสนสบายกรเกี่ยวเกยกาย
ตระโบมบรรทมแนบนาง
๏ ปรนนิบัติปฐมปานกลางที่สุดสิทธินาง
นุเคราะห์จงชอบเชิงกาม
๏ เสร็จสองสังโยคย่ำยามแนบนั่งประณาม
อย่าเพิกหลับก่อนสวามี
๏ ให้ท้าวบรรทมเกษมศรีปรนนิบัติพัดวี
ระวังเรือดไรภัยพาล
๏ เมื่อยามอรุณตระการเจ้าจงจากสถาน
สั่งสาวชาวงานซ้ายขวา
๏ เตรียมเครื่องสำอางโอ่อ่าสุวรรณเต้าธารา
แลไม้ชำระพระทนต์
๏ ทั้งพานพระศรีศุภผลถวายปิ่นภูวดล
เมื่อเสด็จจากแท่นบรรทม
๏ ปรนนิบัติโดยกิจนุกรมเป็นการอุดม
วิสัยสำหรับกษัตรี
๏ หนึ่งเมื่อพระราชสวามีเสด็จโดยวิถี
กรีธาจัตุรงคเสนา
๏ ตามเสด็จสมเด็จภัสดาทรงคชโอฬาร์
กระโจมมีม่านหน้าหลัง
๏ เป็นที่ปิดป้องกำบังอย่าแหวกม่านหวัง
เยี่ยมพักตร์ทอดเนตรพิศผล
๏ พิศพวกทวยราษฎร์ริมถนนไม่ควรแก่ตน
เป็นนางกษัตริย์ขิตติยวงศ์
๏ ทรบถึงวรกรรณพระองค์กลัวเกลือกจะทรง
รังเกียจกินแหนงสงสัย
๏ มาตรว่าบตรัสสิ่งใดจะอยู่ในใจ
สิ่งนี้จงควรถวิล
๏ เมื่อเสด็จสถิตปรางค์วัชรินทร์ละห้วยกายิน
ด้วยอายุสุริยวาตา
๏ แม้นมีธุรกิจกังขาอย่าพร้องพจนา
จะเคืองพระราชอัชฌาสัย
๏ เมื่อสบายบันเทิงหฤทัยทุกข์โศกสิ่งใด
คอยได้โอกาสจึ่งทูล
๏ ได้ถ้วยทางความทั้งมูลเห็นจักบริบูรณ์
มโนรสาสมสาร
๏ อย่าเสียจารีตโบราณพระนุชเยาวมาลย์
ทรงพระดำริจงดี
๏ หนึ่งจงบริรักษ์ราชีพระชนกชนนี
พระญาติวงศ์ทรงชรา
๏ โดยชอบธรรมแท้สัตยาตอบแทนคุณา
ทุกเทพท้าวสรรเสริญ
๏ พระยศยิ่งจักจำเริญศรีสวัสดิเจริญ
ในมุขมงคลทั้งหลาย
๏ มาตรว่าทวยทาสหญิงชายนอกในหมวดหมาย
ทุพพลภาพพิกลแก่ชรา
๏ ควรคิดสังเวชอนิจจายำเกรงกรุณา
ผิดพลั้งอดออมเอาใจ
๏ อย่าเกรี้ยวโกรธาฟุนไฟทำเป็นปากไว
ด่าด้วยถ้อยคำหยาบหยาม
๏ มักขึ้งมักเคียดคุมความเสียศรีซึ่งงาม
จะหมองน้ำนวลพักตรา
๏ หนึ่งโสดคุณปิตุมารดาเกิดเกล้าเรามา
ประเสริฐยิ่งภพไตร
๏ คุ้มครองป้องกันโพยภัยแต่เยาว์เท่าใหญ่
พระคุณก็สุดแสนทวี
๏ ครั้นเรามีคู่สมศรีพระคุณสวามี
เป็นมิ่งมงคลคุ้มตัว
๏ นามชื่อกษัตรีมีผัวดุจแหวนมีหัว
เห็นงามแก่ตาโลกทั้งหลาย
๏ เป็นที่สงวนรักกับกายอย่าทำให้สลาย
แสงแก้วจะอับเงางาม
๏ แม้ทองเนื้อแท้สุกอร่ามปราศจากพลอยพลาม
สุวรรณจะเศร้าหมองมัว
๏ ดุจหญิงพลัดพรากจากผัวปากคนย่อมหัว
เยาะเย้ากระซิบครหา
๏ จะกันกลความนินทาเห็นสุดปัญญา
ยากนักในอกกษัตรี
๏ ทำชอบชอบใจสวามีทำผิดทุบตี
วิโยคร้างแรมตาย
๏ ดวงจันทร์กระจ่างแสงพรายมลเมฆกลับกลาย
รัศมีก็มัวมลทิน
๏ กษัตรีเฉกโฉมกินรินแปมปนมลทิน
เทียรย่อมจะเศร้าอัปรา
๏ คชสารแม้ม้วยมีงาโคกระบือมรณา
เขาหนังก็เป็นสำคัญ
๏ บุคคลถึงกาลอาสัญสูญสิ้นสารพัน
คงแต่ความชั่วกับดี
๏ ปรากฏในพื้นปัถพีกฤษฎิศัพท์จักมี
ติดปากสรรเสริญนินทา
๏ ยิ่งเป็นสุริย์วงศ์กษัตราทำชั่วจักปรา-
กฏจบแว่นแคว้นความอาย
๏ เป็นคนคิดศรีใส่กายแม้นม้วยเสียดาย
ออกชื่อจะยอวันทนา
๏ ราชจริตกษัตรีน้องอาเยี่ยงอย่างมีมา
พี่สอนจงจำใส่ใจ
๏ อย่าเบิกบานแกลกว้างใหญ่เยี่ยมหน้าดูไป
ข้างโน้นข้างนี้มิควร
๏ อย่าแกล้งส่งเสียงสำรวลอย่าทำลามลวน
ลุกนั่งจริตสามผลาม
๏ อย่าย่างด่วนด่วนโครมครามพลาดล้มกลางสนาม
จะอายจะเศร้าโศกแสน
๏ ตัวเจ้าคือนางเมืองแมนในพื้นดินแดน
ยากรู้ซึ่งอัชฌาสัย
๏ อย่าเดินเมินมุ่งดูไกลเกลือกสะดุดสิ่งใด
จะเจ็บจะป่วยบาทา
๏ อย่าเดินทัดพวงมาลาเสยผมห่มผ้า
จีบพกแทบทางกลางคน
๏ อย่าเดินยิ้มย่องยักตนหัวร่อริมถนน
สะกิดเพื่อนพูดไปพลาง
๏ อย่าเดินเฟ็ดผ้านุ่งนางกรลูบแก้มคาง
เหลือบเหลียวดูซ้ายแลขวา
๏ อย่าเดินเปลี่ยวเปล่าอุราสไบบงเฉียงบ่า
ค่อยเยื้องค่อยย่างตามขบวน
๏ เดินทางพบชายเสสรวลอย่าแย้มประยวน
ตอบถ้อยทำขวยเขินใจ
๏ เดินตามกิริยาอัชฌาสัยแม้นลมพัดสไบ
ระวังปกปิดนมนาง
๏ ลุกนั่งระวังผ้าขัดขวางอย่านั่งท้าวคาง
ท้าวแขนออกไปไกลตัว
๏ อย่านั่งเอาบ่าแบกหัวอย่าโงกโยกตัว
จะเป็นทุจริตอัปรีย์
๏ อย่านั่งคาบันไดไม่ดีสนธยาราตรี
อย่าเร่นั่งพลอดเรือนคน
๏ อย่านอนร่มไม้ชายถนนอย่านอนตากตน
นอกเกยนอกชานชาลา
๏ นามชื่อหลับลืมสติญาณ์เกลือกเป็นเวทนา
ปากคนจะฉินเฉยสรวล
๏ หนึ่งโสตแม้นต้องสำรวลดังนักไม่ควร
หัวร่อค่อยค่อยพอสบาย
๏ แม้นยิ้มยิ้มพอพริ้มพรายยิ้มนักมักสลาย
เงาฟันจะเศร้าศรีแสง
๏ แม้นจามค่อยจามตามแรงแม้นมีกิจแถลง
อย่าน้อยอย่ามากพอการ
๏ แม้นนอนอย่าได้นอนนานคิดถึงการงาน
การมือการปากจงดี
๏ กินน้อยซูบเนื้อเสียศรีกินมากมักพี
แต่พอประมาณดูงาม
๏ จะเดินนอนนั่งทั้งสามอุตส่าห์พยายาม
อิริยาจงพร้อมเสมอสมาน
๏ จะสบายเอ็นสายสำราญดับโรครำคาญ
จะพูนความสุขทุกอัน
๏ ความรู้แม้นเรียนรู้ขยันทุกสิ่งสารพัน
ครั้นเศร้าก็เสียแรงเรียน
๏ มาตรว่าเก็บปักขบวนเขียนถ้ามีความเพียร
จะภิญโญยิ่งวิชา
๏ รู้กานท์รู้กลเจรจารู้กันนินทา
รู้กินรู้รักษาตัว
๏ เท่านี้ชอบน้ำใจผัวรักเราเมามัว
ยิ่งกว่าทำเสน่ห์เล่ห์กล
๏ รักตัวอุตส่าห์เสงี่ยมตนฝ่ายในกุศล
ถือศีลศรัทธาทำบุญ
๏ รักผัวอุตส่าห์คิดคุณอย่าทำทารุณ
ปรนนิบัติให้ชอบน้ำใจ
๏ รักสัตว์ของเลี้ยงใดใดจงเอาใจใส่
ให้กินอย่ามักทุบตี
๏ รักต้นพฤกษาสาขีใบยอดอย่ายี
อุตส่าห์รดน้ำพูนดิน
๏ รักคนคนเห็นแก่กินกินอิ่มอาจิณ
นุ่งห่มอูชูอยู่สบาย
๏ ใช้สอยสิ่งใดง่ายดายรักเราเท่าตาย
บห่อนจะไปไกลตน
๏ ผูกงูอยู่มั่นด้วยมนต์จับผูกบุคคล
อยู่ด้วยน้ำใจไมตรี
๏ พี่สอนวรนาถนารีทุกสิ่งถ้วนถี่
จำไว้เป็นสิ่งสถาพร
๏ แม้นอยู่ตามคำสั่งสอนทวยเทพนิกร
จะอวยวรมิ่งมงคล
๏ จะเป็นศรีสวัสดิ์แก่ตนทั่วโลกแจ้งยล
ย่อมล้วนจะยอยศไกร
๏ เทพอยู่กำภูฉัตรชัยชมชื่นพระทัย
จะโอนศิรสาธุการ
๏ จักจำเริญสุขเนานานในนิเวศสถาน
ตราบเท่าวิโยคเมื่อมรณ์
             
๑๑
๏ วรนาถพนิดาสดับโสตประณมกร
รับเสาวนีย์พรวโรวาทพระพี่นาง
๏ เอาอ่อนมโนในประไพพักตรเปรมปราง
เสร็จสนทนานางก็บ่ายบาทประคมลา
๏ สู่มิ่งพิมานมน-ทิโรรัตนไสยา
ดับโศกประโมชาฤทัยนาถผดุงองค์
๏ เสียผิดเผด็จโทษแสวงสวัสดิจำนง
จำเริญศิลาทรงมนัสตั้ง บ แพร่งพราย
๏ ทุกยามทิวาวันบ เว้นว่างจะขวนขวาย
ความสุขประกอบกายสะเดาะกรรม ธ อันมี
๏ ทรงลักขณาเนาประพฤติพรหมจารี
คิดคุณสวามีชุลิตน้อมนิรันดร
๏ วันหนึ่งประดับโฉมพาหุรัตนาภรณ์
ขึ้นเฝ้ามหิศรบพิตรราชทรงธรรม์
๏ ท้าวตรัสประทานโทษประสาทสาธุมิ่งขวัญ
คืนองคแจ่มจันทร์ประเวศอัครชายา
๏ ร่วมสุขสโมสรตระกองสองเสน่หา
เหิมรักภิรมยาประยวนตฤษณาใน
๏ ลูบโลมประเลอกามก็ลั่นลงละเลาใจ
จุมพิตนุริมไรตะพินภาคพธู
๏ เพรียกเพราก็เพลินพลางอุรุนาถอูชู
เกี่ยวกรประดับดูประดุจลวดลดาวัลย์
๏ มุจลินทร์จุลาการก็บังเกิดมหัศจรรย์
คลุ้มคลื่นตรังครันอุโฆษศัพทเครงโครม
๏ บุษบันก็ทรงดวงสะเทือนดอกวิลาสโดม
มัตสยาก็ล่องโลมระรื่นเชยกระแสสินธุ์
๏ เอิบอาบ บ เอื้ออิ่มสโรชสร้อยสวาริน
ตรลบกลิ่นผกาตฤณแสยงเศียรสบายกาย
๏ ส่องแสงสุริโยพยอนโยกกระแสสาย
ชลทิตประพรายพรายปทุมเมศกระจ่างบาน
๏ ภุมราภมรมัวฤดีร่วมผสานสาร
เกลือกเคล้าสุคนธารทวีราคนิทรารมย์
๏ สององคอ่าองค์สบายองค์เกษมสม
แสนสนุกนิอุดมถวัลย์เวียงวิเจษฎา
๏ ยศศักดิสมบูรณ์อุกฤษฎ์เกียรติลือชา
ทั่วเทพเทวานราราษฎร์ก็ชมบุญ
๏ สองทรงศิลาทานสถิตรัตนาคุณ
คุ้งชันษาสุญชราภาพชีวา
๏ เริ่มกลอนบพิตรท่านพระยาราชสุภา-
วดีลิขิตตราแสดงนามโดยมี
๏ ผู้ช่วยบริรักษ์นราโลกพราหมณ์ชี
ในกรุงนครศรีธรรมราชบุรินทร์
๏ ทุกกาลผดุงการประกอบชอบ บ เว้นถวิล
ซึ่งเป็นฉบับจิน-ตนาท่าน บ ให้สูญ
๏ นางกฤษณานาถก็มีเรื่องบริบูรณ์
สมุดเดิมก็เศร้าสูญสลายลบ บ เป็นผล
๏ เชิญเราชิโนรสพระนามอินทนิพนธ์
พจนารถอนุสนธิ์จำหลักฉันทจองกลอน
๏ ว่าไว้วิสัยโลกโศลกสารสโมสร
เป็นสร้อยสถาวรประดับเกศกษัตรี
๏ แม้นนางสุริยวงศ์พธูราชเทวี
สามัญกษัตรีสดับคำประพฤติตาม
๏ทั่วโลกก็เล็งยลก็ย่อมล้วนจะดูงาม
แผ่นภพทั้งสามนราเทวะชื่นชม
๏ กฤษณาสุภาษิตประสาทไว้ทุกสิ่งสม
ศุภสวัสดิอุดมจะพึงมี บ เว้นวัน
๏ เสร็จสารสฤษฏอนุสนธิ์วรจรประจงฉันท์
ลำนำประพฤติคฯอันนประกอบยุบลกลอน
๏ แต่งตามวุโฒทยวราก็เสนาะสถาวร
เอกโทประดับครุลหุสอนกลบุตรพึงยล
๏ มีทั้งสถิรและธนิตก็ประเภทอำพล
อักษรสามวรนุกลก็ประดับประดาการ
๏ ไม้ทัณฑฆาตนฤคหิตก็ประเสริฐโอฬาร
วิสรรชนีย์ประดิษฐานก็วิเศษนานา
๏ ฟองมันประมวลนิกรกล่าวก็อเนกอเนกา
ฝนทองประกอบกลกถาคณะเจ็ดประจำลง
๏ คือสร้อยสุรัตนมุนินทร์สุรโลกประดับองค์
ข้าควรจะจินตนประสงค์นุประเสริฐพึงเรียน
๏ ด้วยเดชตะโบมบวรคุณศิลข้าประพฤติเพียร
สารสิทธิจงสถิรเสถียรธรณิศประลัยสูญ.
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว