บทละครนอกเรื่องคาวี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
แถว 2,866: แถว 2,866:
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้  ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้  ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง
-
</tpoem>
 
-
 
-
==== ====
 
-
<tpoem>
 
-
 
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 08:07, 24 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ท้าวสันนุราชหานางผมหอม

ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์กรุงพทธวิสัยสวรรยา
ท้าวมีอัคเรศมเหษีชื่อคันธมาลีเสนหา
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชราชันษาหกสิบสี่ปีปลาย
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหักดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
เกศาพึ่งจะประปรายรูปกายชายจะพีมีเนื้อ
พระเสวยมื้อละชามสามเวลาทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่นจะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไปมิได้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัยให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา
จึงชวนกำนัลกัลยาลงมายังที่ตำหนักแพ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์สาวสนมกรมวังเซงแซ่
พระเอนอิงพิงพนักผันแปรเหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญาพระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อยแกล้งลอยหาคู่สู่สม
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชมจึงพบผะอบผมกัลยา
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามายิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนักให้ละล่ำละลักลืมองค์
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้มิได้ชำระสระสรง
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจงเสด็จตรงมายังวังใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้องขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผมถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาวชันษาแก่สาวสักคราวไหน
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใดพี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่าแต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกีจึงเข้าไปในที่บรรธม
แล้วนางทูลทัดภัศดาพระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
หยุดยั้งตั้งสติตริตรองดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
ทรงพระชราหนักหนาแล้วทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไรขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึงจะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ยพิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลในแล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นองค์อัครชายามารศรี
ความกลัวอาญาพระสามีวิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนางวิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุกบ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทองเสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสสั่งมหาเสนาในเร่งไปร้องป่าวชาวพารา
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้างตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
ถ้าแม้นนำไปได้นางมาเงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
จงเร่งรีบรัดจัดกันไปป่าวร้องให้ทันวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้นอำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
ออกมาเกณฑ์กันทันทีเสนีตีฆ้องร้องป่าวไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจนึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
ผมหอมปรากฏรสเร้าจะนำเขาไปพามาถวาย
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยายคิดแล้วเดินชายมาถามทัก
ท่านขามานี่จะบอกเล่านางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนักจะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีถามซักเปนหนักหนา
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญาก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
ยายเถ้ารับคำจะนำไปว่าได้รู้จักนางเทวี
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักรปิ่นปักจันทราบุริศรี
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มีนกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
ที่ในวังยังแต่นางผมหอมงามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลองจงทราบลอองพระบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชสำรวลร่า
ชื่นชมสมถวิลจินดาดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์
จึงตรัสว่าถ้าสมคะเนนึกอึกกระทึกใจหายแล้วยายเถ้า
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภาทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง
ยายจะเอาอะไรไปบ้างท่าทางกันดารบ้านช่อง
เร่งรีบคลาไคลดังใจปองให้ได้นางในกลองกลับมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลาไปรับกัลยามากรุงไกร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ได้ฟังจึงสั่งเสนาในจงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็มเลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน
เรือนำเรือตามจงครามครันให้ทันแต่ในเวลานี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งใส่เกศี
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลีจัดเรือตามมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำประหนึ่งกิ้งก่า
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมาประตูดินตีนท่าหน้าตะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชยพลพายนายไพร่อลหม่าน
ออกเรือพร้อมกันมิทันนานร้องขานโยนยาวฉาวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่งน้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงหนักหนา
สิบห้าวันถึงจันทบุราประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย
จึงสั่งผู้คนพลพายทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน
แต่ตัวของเราจะเข้าไปสมคะเนเมื่อไรจะกลับมา
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรีพรั่นตัวกลัวผีเปนหนักหนา
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดารีบเดินภาวนาเข้าในวัง
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททองเมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟังทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นโฉมนางจันท์สุดามารศรี
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวีเปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกลจะระคายผู้คนก็หาไม่
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชยสำราญใจอยู่ในห้องสองคน
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน
ชายนี้ทีท่วงชอบกลเห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์รูปโฉมโนมพรรณ์งามหนักหนา
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยาจันท์สุดาจึงปลงลงใจ
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิดจะลงล้างชีวิตเสียให้ได้
แต่องค์กัลยาจะพาไปทูลถวายท้าวไทเอารางวัล
คิดพลางทางคลานเข้าไปหาทำทีกิริยาโศกศัลย์
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์แล้วตีอกงกงันร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมตรูดูยายก็จำได้
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา
ยายหนีนกอินทรีย์ไปช้านานลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวาเออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย
ลูกหลานกระจัดพลัดพรายท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบากจึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากันว่าแม่จันท์สุดาได้สามี
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึงจะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณหายมาช้านานจนปานนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำเปนเกษมศรี
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นทีได้สามีเรืองอิทธิฤทธา
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ์น่าชมสมกันหนักหนา
สมคิดของยายที่หมายมาจะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท
แล้วทำท่วงทีกะปรี้กะเปร่าตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมในยายไปปฏิบัติพัดวี
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เห็นพระราชานิทราสนิทนั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่
ผิดกับกษัตราทุกธานีขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน
คิดพะวงสงสัยอย่างไรอยู่จะล่อลวงถามดูให้จงได้
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัยยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวยตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัวแล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ
อันองค์ภัศดาสามีเห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไปน่าจะแหนงแคลงฤทัยเทวี
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่
แม้นมิบอกออกความลับลี้นานไปจะหนีแม่มั่นคง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรงโฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่นขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงสัย
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ให้ได้ความขำสำคัญ
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ
ทำทีทอดสนิทติดพันนวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวลชักชวนพูดจามารยาหญิง
ได้ช่องก็ฉะอ้อนวอนวิงทูลถามความจริงภูวไนย
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตต์พระขรรค์ของทรงฤทธิเปนไฉน
มิได้ละวางให้ห่างไกลฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ เมื่อนั้นพระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง
หวั่นหวาดประหลาดจิตต์ผิดทำนองค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม
รับขวัญกัลยาแล้วพาทีวันนี้หลากใจมาไต่ถาม
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความบอกตามจริงเถิดนะเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงทีอะไรนี่มาตรัสสะกัดสะแกง
น้องรักน้องถามตามซื่อควรฤๅมิบอกให้แจ้ง
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรงว่าพลางนางกรรแสงโศกา
ผันพักตร์ผลักไสมิให้ต้องสบิ้งสบัดปัดป้องหัตถา
พิไรร่ำทำกลมารยาประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นน้องหมองหมาย
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบคิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ
อย่าโศกนักพักตร์น้องจะหมองศรีเจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตต์ไว้ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพรางอย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตาพี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาลัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดายิ้มย่องสนองไข
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจภูวไนยโปรดปรานปรานี
คุณของทรงฤทธิดังบิตุเรศเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลีไปกว่าชีวีจะวายปราณ
ทั้งสองสนิทพิศมัยถ้อยทีมีใจเกษมสานต์
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบานเยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสงนางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรืองแลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลยยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา
เล่าความตามคำภัสดาแล้วกำชับกำชาสารพัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลันลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถามใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อไม่สงสัย
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไปหลงใหลนับถือว่าซื่อตรง
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพให้ยายยกสำรับออกไปส่ง
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจงโฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัดแล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
สมหวังดังจิตต์คิดปองได้ช่องจะฆ่าพระคาวี
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอยหมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่
พูดชักนิทานบ้านเมืองดีประเพณีกษัตริย์สุริวงศ์
แม้นได้สมบัติพัศถานย่อมแต่งการมุรธาภิเษกสรง
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนงสระเกศาทุกองค์กษัตรา
นี่พระจะผ่านไอสูรย์สืบประยูรสุริย์วงศ์พงศา
เชิญเสด็จไปสรงคงคาตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีลุ่มหลงไม่สงสัย
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจจะทำให้ต้องตามประเพณี
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบจงแต่งเครื่องให้ครบตามที่
แม้นได้ฤกษ์งามยามดีจะไปสระเกศีให้สำราญ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลานจัดใส่ในพานแล้วยกมา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตราลงมาตามฉนวนในวัง
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ บัดนั้นยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดังแล้ววิ่งตึงตังตามมา
ทันสองกษัตริย์ริมนัทีวางพานไว้ที่ร่มพฤกษา
เห็นพระจะลงในคงคายายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคงลงสรงถูกน้ำจะเป็นถนิม
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิมจะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฟังคำที่ว่าขาน
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณเพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้าแล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง
ชำระสระสนานสำราญองค์เวียนวงแหวกว่ายวารี
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัดบังอรค้อนสบัดเบือนหนี
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณีสรวลระริกซิกซี้สำราญใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ บัดนั้นยายเถ้าแสนร้ายหมายได้
เห็นสององค์ลงเล่นชลาลัยก็วิ่งไปยังกองอัคคี
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุมฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมีแล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้นพระคาวีร้อนรนไม่ทนได้
เจียนจักพินาศขาดใจแลไปดูยายก็หายตัว
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้าครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัวค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาลัย
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรงนางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจภูวไนยร่ำสั่งบังอร
ฯ ๖ คำ ฯ
             

โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าโฉมยงนงลักษณ์มิเสียทีที่รักสายสมร
ครั้งนี้ชีวิตต์จะม้วยมรณ์เพราะเจ้าวอนไต่ถามความลับ
พี่ก็บอกออกให้ด้วยใจซื่อควรฤๅย้อนยอกกลอกกลับ
มิได้ฟังคำที่กำชับไปบอกกับยายเถ้าเจ้ามารยา
มันคิดร้ายหมายล้างชีวิตต์พี่ทีนี้สุดสิ้นวาศนา
เวราเราแล้วนะแก้วตาจะขอลาโฉมฉายวายปราณ
พระสุดสิ้นกำลังไม่สั่งได้ด้วยดวงจิตต์พิษไฟเผาผลาญ
เอนอิงพิงองค์นงคราญภูบาลซอนซบสลบไป
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาเห็นผัวตักษัย
กอดศพภัศดาโศกาลัยทรามวัยครวญคร่ำรำพรรณ
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดชเกิดเหตุทั้งนี้เพราะเมียขวัญ
เชื่ออีเถ้าแพศยาอาธรรม์จนมันลอบทำให้จำตาย
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่วคิดแค้นใจตัวไม่รู้หาย
อดสูอยู่ไยให้ได้อายจะสู้ตายตามองค์พระทรงธรรม์
ว่าพลางทางกราบกับตีนผัวทอดตัวโศกาเพียงอาสัญ
สองกรข้อนทรวงรุมรันทรงกรรแสงซบสลบไป
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเผาพระขรรค์จนเหงื่อไหล
เสลือกสลนซนฟืนใส่ไฟหายใจกระหมอบหอบเต็มที
แล้ววิ่งมาดูสององค์เห็นล้มลงนิ่งแน่อยู่กับที่
ไม่ไหวกายตายจริงแล้วคราวนี้วางวิ่งตาลีตาลานมา
เห็นนางกอดศพสลบไสลก็แจ้งใจว่ายังไม่สังขาร์
จึงอุ้มองค์อรไทยไคลคลาไปยังท่าที่ประทับฉับไว
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ วางนางลงเหนือเรือนั่งปิดบังม่านทองผ่องใส
ให้เร่งออกนาวาคลาไคลสุ่มไล่สามเล่มมาเต็มที่
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดามารศรี
ครั้นฟื้นคืนได้สมประดีคว้าหาสามีไม่พบพาน
ผันแปรแลเหลือบมาเห็นยายโฉมฉายชี้หน้าแล้วว่าขาน
ทุดอีเถ้าทรชนคนพาลอัปรีสีกระบานเปนพ้นไป
ลอบฆ่าสามีแล้วมิหนำมึงจะซ้ำพากูไปข้างไหน
ชั่วช้าสารพัดน่าขัดใจจะตบให้ย่อยยับลงกับมือ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าปลอบว่าอย่าอึงอื้อ
จะพาไปบ้านเมืองให้เลื่องฦๅได้ออกหน้าค่าชื่อยิ่งกว่านี้
ทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชยจะเษกให้แม่เปนมเหษี
อย่าทรงโศกโศกาถึงสามีเทวีจะเปนสุขทุกเพรางาน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาดาลเดือดไม่เหือดหาย
โกรธาด่าทอมากมายอย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ
ผัวกูวอดวายจะตายด้วยที่จะให้เอออวยอย่าสงสัย
ว่าพลางทางทรงโศกาลัยครวญคร่ำร่ำไรไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ยพระคุณเคยปกเกล้าเกศา
อยู่เย็นเปนสุขทุกเวลาวันนี้มาจากองค์พระทรงฤทธิ
เพราะเมียชั่วช้าพาซื่อเชื่อถืออีเถ้าทุจริต
บอกความลับมันไม่ทันคิดจนพระสิ้นชีวิตวายวาง
พ่อเจ้าประคุณของน้องเอ๋ยกรรมสิ่งไรเลยได้เคยสร้าง
จึงมีอีเถ้ามาตามล้างเลิศร้างภัศดามาแต่ตัว
น่าสงสารปานนี้ผัวแก้วจะตรำแดดอยู่แล้วพระทูลหัว
ยิ่งคิดขุ่นข้องหมองมัวทอดตัวเกลือกกลิ้งนิ่งไป
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าวักน้ำมาลูบให้
เห็นนางสมประดีก็ดีใจเร่งฝีพายพายไล่สุ่มมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับตำหนักแพพอเห็นท่านเถ้าแก่ก็ไปหา
ยายเถ้าเล่าความตามกิจจาอย่าช้าช่วยทูลพระทรงธรรม์
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเถ้าแก่แร่ไปขมีขมัน
ครั้นถึงจึงทูลว่ายายนั้นได้นางจันท์สุดามาแล้ว
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเร่งผ่องแผ้ว
จึงเสด็จจากอาศน์คลาศแคล้วตามแถวท้องฉนวนด่วนไป
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลเห็นยายพระแย้มยิ้มพริ้มพรายปราไส
ยายทำความชอบข้าขอบใจว่าพลางพยักให้เผยม่านทอง
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมโฉม
๏ พระพินิจพิศโฉมจันท์สุดานางในใต้ฟ้าไม่มีสอง
ผิวเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรองพักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์เนตรขนงน่ารักหนักหนา
ตลึงแลดูนางไม่วางตาพระราชาแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงเรียกวอสุวรรณ์บรรจงรับองค์เทวีศรีใส
แห่ห้อมพร้อมพรั่งเข้าวังในเสด็จตามทรามวัยมาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงสั่งให้พานางไปอยู่ปรางค์ปราสาทศรี
ตรัสพลางย่างเยื้องจรลีมาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
             

โทน
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุงดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำยกทองท้องช้ำชอบพระทัย
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไมก็ยังไม่แก่กระไรทีเดียวนัก
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอกเสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรักแล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่นลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมองตามช่องฉากบังกระทั่งไอ
เห็นนางซบพักตราโศกาอยู่จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทยแล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ สาวเอยสาวสวรรค์น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อมดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสองเคยเปนคู่ครองเสนหา
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมาวาศนาทำไว้จึงได้น้อง
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำพี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้องได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึกดังเอาน้ำอำมฤตมารดให้
ถึงจะได้นางฟ้าสุราลัยไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์
เชิญผินพักตรามาพาทีเสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการจงพูดจาว่าขานกันโดยดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดามารศรี
ฟังท้าวเจ้าพาราพาทีเทวีกลุ้มกลัดขัดใจ
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่างแล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกรช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รุ้ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อีกเล่า
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลาลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์ทำการเกเรทุจริต
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิดมิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจกูไม่มุ่งมาดปรารถนา
ว่าพลางนางทรงโศกากัลยาโศกศัลย์รันทด
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ทรามเอยทรามสงวนอย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชดจะออมอดไม่ถืออรไทย
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้
อันอายุอานามกับทรามวัยเห็นจะไม่กะไรกันนัก
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์
พี่จะเษกโฉมยงนงลักษณ์ให้เปนเอกอัครเทวี
ทักวันท่านยายก็แก่เถ้าขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่
สมบัติพัศถานเรามั่งมีคงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน
พี่ให้ไปรับน้องมาหวังว่าจะรักเปนพักผล
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรนใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ
ว่าพลางทางถัดเข้าใกล้ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟฮือแล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ
ตบมือชี้หน้าด่าทอเคืองขัดตัดพ้อภูวไนย
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมีหานิยมยินดีของมึงไม่
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไปคนอะไรใครบ้างอย่างนี้
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลงยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปีจะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้านดื้อด้านซานซมหนักหนมหนักหนา
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยาเวทนาเชิญไปเสียให้พ้น
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชคิดขัดสน
จะเล้าโฉมนางนฤมลเห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดาพระราชาร้อนรนไม่ทนได้
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องในรีบไปสรงชลกระวนกระวาย
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ตักวารีรดหมดแม่ขันแต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย
หยิบเครื่องสุคนธามาละลายลูบชะโลมโซมกายค่อยคลายร้อน
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตาคิดถึงจันท์สุดาดวงสมร
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอนไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย
เสียแรงให้ไปรับน้องมาหวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชยน้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำจะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้
เห็นจะเปนมารยาพิราในจะเกี้ยวแก้มือใหม่อีกสักครั้ง
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษาห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรังขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอ๋ยน้องรักจงผินพักตร์มาพูดกับพี่บ้าง
เอออะไรไม่พอที่พอทางจะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน
แม้นมิได้เชยชมสมหมายจะสู้วายชีวาอาสัญ
แต่พี่มีเมียมานับพันไม่เหมือนขวัญเนตรต้องต้องติดใจ
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนาไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้
เจ้าจงเมตตาอาลัยอย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้ฟังแค้งคั่งเคืองหูไม่รู้หาย
นางโกรธาด่าทอหยาบคายถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลังน่าชังหนักหนาผินหน้าหนี
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวีก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณ์ไป
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
             

โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนงอนช่างตัดรอนค่อนว่าไม่ปราไส
เจ้าคารี้สีคารมสุดใจเปนไรเปนไปไม่ละกัน
ว่าพลางทางขยับจะยุดยื้อเลียมลองต้องถือให้มือสั่น
เดชะความสัตย์ของนางนั้นทรงธรรม์ร้อนรนกระวนกระวาย
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ จะช้านักสักครู่ไม่อยู่ได้จนใจจึงจำขย่ำขยาย
เหลียวหลังดูนางพลางเสียดายค่อยเดินชายออกไปเสียให้พ้น
นั่งนิ่งพิงหมอนถอนใจใหญ่ภูไนยสิ้นคิดขัดสน
ให้รักใคร่ในนางนฤมลเปนทังวี้ทังวลวุ่นวาย
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ พระกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อนนั่งนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
คิดถึงนงเยาว์เศร้าเสียดายมุ่งหมายจะชมไม่สมคะเน
จำจะคิดแยบคายสายสนหาหมอรู้มนตร์ทำเสน่ห์
แก้ไขใช้ทางอุปเทห์มิได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ทีนี้โฉมยงคงรักใคร่เห็นจะไม่โกรธาบ้าบ่น
ด้วยเดชะฤทธิเดชเวทมนตร์อันจะพ้นมือพี่อย่าสงกา
พระแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจหมายได้นึกกำหนัดสมบัติบ้า
จึงเรียกเหล่าเถ้าแก่เข้ามาแล้วกำชับกำชาสั่งความ
จงพิทักษ์รักษามารศรีอย่าพูดจาพาทีให้หยาบหยาม
ช่วยกันเล้าโลมนางโฉมงามถ้าโอนอ่อนผ่อนตามจะรางวัล
แม้นกูมาทีหลังยังดื้อดึงชีวิตมึงเหล่านี้จะอาสัญ
สั่งพลางย่างเยื้องจรจรัลออกท้องพระโรงคัลทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์พร้อมข้าราชการน้อยใหญ่
จึงเรียกเสนีที่ไว้ใจมาใกล้หน้าที่นั่งแล้วสั่งพลัน
จงสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กลที่มนตร์ดลอาคมขลังขยัน
ทำรูปรอยปลุกเสกเลขยันต์ตามทำนองของมันเคยใช้
ถ้าแม้ทำเปนเห็นจริงให้ผู้หญิงสมัครักใคร่
เสื้อผ้าเงินทองจะถึงใจใครรับได้เอาตัวมันเข้ามา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีดีใจอยากได้หน้า
คำนับรับราชบัญชาบังคมลามาริมทิมชาววัง
เรียกบ่าวลูกเล็กเจ๊กหัวเปียต่ำเตี้ยกะจิริดติดตามหลัง
ถือห่อผ้าการ่มรุงรังไม่รอรั้งเดินออกนอกประตู
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กลทุกถนนในนครจนอ่อนหู
วัดวาอารามเที่ยวถามดูไม่มีผู้รู้ทำล้ำฦกซึ้ง
แสบท้องแทบตายสายเต็มทีเข้าซื้อหมี่เจ๊กกินสิ้นสองสลึง
แล้วใส่เอาเหล้าเข้มพอเต็มตึงหยุดอยู่ครู่หนึ่งจึงจะไป
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นหมอเถ้าเจ้าความรู้ครูใหญ่
ไม่มีมุลนายสบายใจอยู่โรงริมร่มไม้ในกำแพง
เปนทิศาปาโมกข์พวกโหยกเหยกตัวเอกออกชื่อฦๅทุกแห่ง
อวดกำลังหนังเหนียวเรี่ยวแรงฟันแทงไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
ทำเสน่ห์เล่ห์กลให้คนเชื่อฉลาดเหลือหลอกหลอนผ่อนผัน
เมียขุนนางวางน้ำไปกำนัลขอเลขยันต์หยูกยาอาคม
พวกหนุ่มหนุ่มปรารถนาจะหาเมียมาเรียนรู้สู้เสียผ้านุ่งห่ม
เถ้าชราหากินด้วยลิ้นลมใครชิดชมฉิบหายเสียหลายคน
เหล่านักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่วมาฝากตัวตาหมอคิดฉ้อฉน
บ้างเรียนชักไม้กงพัดหัดเล่นกลคอยลวงคนชาวบ้านนอกขอกนา
พวกหัวไม้ไปหัดอาพัดเหล่าฟันไม่เข้าคงสิ้นทั้งหินผา
เงินทองไม่มีบี้สกาอุตส่าห์มาติดเทียนเรียนรู้
ล้วนนักเลงเสงพากปากโป้งบ้าลำโพงเพื่อนบ้านรำคาญหู
พอถึงวันพฤหัสนัดไหว้ครูกินหัวหมูกับเหล้าเมาโมเย
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีเหนื่อยเหน็ดเที่ยวเตร็จเตร่
ถึงบ้านหมอรอฟังยังลังเลพอคะเนเพลาสักห้าโมง
ได้ยินเสียงคนผู้อยู่นักหนาเล่นหมากรุกฤๅสถาพูดจาโผง
จึงข้ามร่องย่องยิ้มมาริมโรงฝาโปร่งเปนช่องเมียงมองดู
เห็นหนุ่มหนุ่มนั่งล้อมพร้อมหน้าขอคาถาตาหมออวดจ้ออยู่
ค่อยเคาะเปาะเข้าที่เสาประตูถามหาตาครูดูท่วงที
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นตาหมอมองป้องหน้าใครมานี่
เอออ่อต่อจะจับเจ้าเหล่านี้เสนีแล้วสิหว่าดูน่ากลัว
พวกหลบเจ้าหนี้หนีนายบ่อนตกใจไปซ่อนนอนคลุมหัว
บรรดามีความผิดติดตัวอารามกลัวลุกทลึ่งตึงตัง
ที่ใจกล้าว่าเกลออย่าเพ่อหนีร้ายดีคงสู้ดูสักตั้ง
ตาหมอทำฮึกฮักทักเสียงดังใครแปลกหน้ามานั่งรั้งรอ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นเข้าใกล้ได้ความตามซื่อจูงมือมาพลางทางหัวร่อ
ผูกรักชักชวนชอบพอพูดล้อเจรจาฮาเฮ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีนักเลงเก่าเจ้าเล่ห์
เข้าคบค้าสมาคมสมคะเนบอกอุบายถ่ายเทธุระร้อน
เดี๋ยวนี้นะพระองค์ทรงธรรม์แสนกะสันจันท์สุดาดวงสมร
แต่เกี้ยวพานพูดจาว่าวอนเปนหลายครั้งบังอรไม่เอออวย
ถ้าทำได้ให้องค์นงลักษณ์พบพักตร์ภูมียินดีด้วย
นางนิยมสมประสงค์งงงวยคงรวยเต็มประดาแล้วตาครู
เงินทองของเข้าจะเอาอะไรอย่าสงสัยได้หมดไม่ปดปู่
ทั้งเมียสาวบ่าวไพร่พรั่งพรูที่อยู่ตึกกว้านบ้านเรือนรั้ว
ฤๅจะเปนขุนนางข้างกรมท่าแต่งสำเภาเลากาเป็นเจ๊สัว
จงออกรับอาสาเถิดอย่ากลัวจะซ่อนตัวอยู่ไยไม่ต้องการ
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นหมอเถ้าได้ฟังลูบหลังหลาน
หลงละโมภโลภล้นพ้นประมาณอยากจะได้ของประทานพานพูดเพ้อ
จะทำให้สมประสงค์จงได้การเสน่ห์แล้วใครไม่เสมอ
คอยดูความรู้เราเอาเถิดเธออวดอ้อหัวร่อเร่อเอออือ
อันอาคมคาถาตำราตำหรับมากมายหลายฉะบับเคยนับถือ
คนมาขอเรียนร่ำล่ำฦๅเห็นแล้วฤๅศิษย์เราล้วนเจ้าชู้
ช่วยแนะแหนแต่เสน่ห์ขี้เหร่ขี้ร้ายได้สมหมายมนตร์ขลังอยู่มั่งอยู่
วันนี้เขาเอาของมาไหว้ครูหัวหมูบายศรีอยู่นี่แน
พอเลี้ยงท้องสองมือไม่ขัดสนได้นั่งกินสินบนมาจนแก่
เมื่อเย็นวานท่านผู้หญิงที่แพให้ผ้าแพรปังสีสี่ห้าพับ
ทั้งนอกในไปมาหาไม่ขาดแต่ไม่อาจออกตัวกลัวเขาจับ
นี่กันเองไม่เกรงดอกจึงออกรับเปนความลับฦกล้ำสำคัญ
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
             

๏ บัดนั้นเสนาพาซื่อถือมั่น
เห็นชอบกลมนตร์เวทวิเศษครันจะขยันทายาดดูลาดเลา
คิดพลางทางว่ากับตาหมอจะรั้งรออยู่ไยทำไมเล่า
มั่งมีดีกว่าค้าสำเภากลัวอะไรไปเฝ้าเอารางวัล
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นตาหมอมุ่งหมายจะผายผัน
มาอาบน้ำในครัวแต่งตัวพลันแป้งน้ำมันมีพร้อมหอมฟุ้ง
เลือกผ้านุ่งห่มสมรูปร่างลายฉลางอย่างนอกเอาออกนุ่ง
กรุกกรักประดักประเดิดเปิดฝาลุ้งเอาแพรบางกวางตุ้งคาดพุงพัน
แล้วไขตู้ดูตำราของอาจารย์ปิดทองของบุราณลานสั้น
สมุดขาวเขียนหมึกดึกดำบรรพ์ล้วนเลขยันต์เสน่ห์เล่ห์กล
ห่อผ้าดำสำรองไปสองฉะบับถึงไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่ขัดสน
ปากว่าสาธยายเวทมนตร์จำได้หัวใจสนธิ์บ่นออกมา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีดีใจเปนนักหนา
จึงพาหมอเถ้าเจ้าตำราเดินมาตามทางกลางนคร
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวังให้หมอนั่งยั้งอยู่สักครู่ก่อน
เข้าไปกราบบาทมูลทูลภูธรธุระร้อนพระองค์คงสมคิด
ข้าไปพบหมอเถ้าเข้าคนหนึ่งถ้าจะเปรียบเทียบถึงปโรหิต
รู้วิชาชำนาญการอิทธิฤทธิศักดิ์สิทธิ์วิทยาอาคม
บัดนี้พำตาหมอมารออยู่ที่ทิมริมประตูท้ายสนม
มนตร์ดลดีนักหนาน่านิยมไม่ประสมประสานแสร้งแกล้งกราบทูล
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นทรงธรรม์สันนุราชนเรนทร์สูรย์
ฟังแจ้งแถลงเล่าเค้ามูลให้เพิ่มพูนภิรมย์สมนึก
จึงให้หาตาหมอจรดลมาเฝ้าบนชานพักตำหนักตึก
แล้วเล่าตามความขำล้ำฦกตรองตรึกปรึกษากับตาครู
เราได้นางนฤมลมาคนหนึ่งผัวพึ่งวอดวายเปนหม้ายอยู่
รูปทรงโสภาน่าเอนดูควรเปนคู่เคียงเขนยเชยชม
จะเล้าโลมโฉมเฉลาสักเท่าไรก็มิได้มีจิตต์สนิทสนม
หมอเถ้าเจ้าเสน่ห์เล่ห์ลมจงทำให้ได้สมความคิดเรา
แม้นว่าแก้วกัลยาการุญบญคุณของครูเท่าภูเขา
ถึงได้ทองสักสองลำสำเภาก็ไม่เท่าได้ของที่ต้องใจ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นหมอเถ้าเจ้าตำราอัชฌาสัย
จึงแกล้งทูลถ่อมตัวกลัวโพยภัยข้าเข้าใจบ้างอยู่ความรู้บุราณ
เมื่อหนุ่มหนุ่มคนองลองคาถาผู้หญิงงามตามมาจนถึงบ้าน
ครั้นแก่ตัวกลัวผิดคิดขี้คร้านเขาบนบานบ่อยไปไม่ไยดี
ได้ทราบ่าฝ่าลอองต้องประสงค์นางโฉมยงยังระคางขนางหนี
จะอาสาหน้าที่นั่งครั้งนี้ให้สิ้นดีโดยอุบายถ่ายเท
ผงดินสอขอถวายให้ผัดพักตร์นารีรักรูปทรงหลงเล่ห์
ขี้ผึ้งสีเสกด้วยฤทธิ์อิทธิเจเปนเสน่ห์พูดผู้หญิงให้ยิงยอม
เครื่องสุคนธ์มนตร์เทพรำจวนให้เนื้อหนังนุ่มนวลหวนหอม
สรงสนานน้ำทิพย์สิบกละออมนางผมหอมเห็นพระองค์คงทักทาย
ทูลพลางพลิกหาตำราเสน่ห์อุปเทห์ที่ใบลานอ่านถวาย
เคยทำเปนเห็นจริงหญิงรักชายบ้าน้ำลายพูดโผงโป้งไป
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชลุ่มหลงไม่สงสัย
น้อยฤๅหมอเถ้าคนเข้าใจเรียนร่ำจำไว้ได้มากมาย
ทีนี้นางนฤมลไม่พ้นพี่เพราะเวทมนตร์ดลดีใจหาย
ตบเพลาเข้าพลางทางยิ้มพรายคงได้ชมสมหมายถ่ายเดียว
ชิชะหมอคนนี้ดีทายาดรู้หลักนักปราชญ์ฉลาดเฉลียว
เนื้อตัวตกกระยังประเปรียวไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่อับจน
ถ้าทำได้สมหวังดังว่าเสื้อผ้าสารพัดไม่ขัดสน
จะให้เมียรูปงามสักสามคนเปนสินบนหมอเถ้าเจ้าตำรา
ประทานทั้งเงินตราห้าสิบชั่งแล้วจะตั้งเปนขุนนางข้างกรมท่า
ฤๅรักทำโรงเหล้าเตาสุราตามแต่ตัวขรัวตาจะชอบใจ
ว่าพลางทางสำรวลสรวลเสสมคะเนแม่นมั่นพะนันได้
แล้วตรัสสั่งขุนนางวางพระทัยอย่าอื้ออึงคนึงไปให้ใครรู้
จงจัดแจงแต่งที่สรงสนานเครื่องอานต่างต่างหลายอย่างอยู่
ให้ต้องตามตำราของตาครูเห็นได้ช่องลองความรู้ดูอีกครั้ง
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีคำนับรับคำสั่ง
ออกมาที่ทิมริมคลังเจ็บหลังนั่งอิงพิงพนัก
บ่าวตะบันหมากสงส่งมาให้เคี้ยวไม่ได้ฟันฟางห่างหัก
ฉวยคนโทดื่มน้ำจนสำลักเปลื้องสมปักเปียกไปให้ทนาย
หยิบน้ำชามารินกินสองป้านสั่งพันภาณให้เสมียนเขียนหมาย
หมอเถ้าจะเสดาะพระเคราะห์ร้ายบอกอุบายมิให้ใครสงกา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นตำรวจรับหมายบ่ายหนักหนา
ลนลานการด่วนจวนเวลาวิ่งหานายมุลวุ่นทั้งเวร
บ้างตกแต่งเตียงสรงองค์เก่าออกไปเอาช่างมาทาเสน
นายงานพานสันทัดชัดเจนอึดอัดขัดเขนยกเข้ามา
ฯ ๔ คำ ฯ
ยานิ
๏ แต่งตั้งเตียงที่พิธีสนานผูกม่านเพดานดวงพวงบุปผา
ขันสาครใหญ่ใส่คงคาครอบสำริดปิดฝาม้ารอง
เครื่องสำอางวางเรียงเคียงกันเกณฑ์กำนัลนั่งเฝ้าเปนเจ้าของ
ภูษาผ้าทรงใส่พานทองจัดแจงแต่งต้องามธรมเนียม
ตาเถ้าชาวที่สามสี่คนตักเติมหม้อน้ำมนตร์จนออกเปี่ยม
เตียงสำหรับตาครูปูพรมเจียมตระเตรียมพร้อมเสร็จสำเร็จการ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้นหมอเถ้าเจ้าตำราตราสาร
ให้แต่งตั้งกำนนบนบานตามบุราณคำรบครบครัน
เรียกเอาเข้าของคำนับครูหัวหมูบายศรีขมีขมัน
สารพัดบัดพลีพะลีกรรม์กระแจะจันทน์น้ำมันหอมพร้อมเพรียง
ครั้นเสร็จสรรพทุกสิ่งไม่นิ่งช้าหมอเถ้าเอาผ้าสไบเฉียง
ขึ้นทำการอ่านมนตร์บนเตียงเสกเสียงพึมพำพร่ำไป
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ว่าตามความรู้ของครูสอนพลัดเปนครึ่งท่อนกลอนปรบไก่
ได้สติตีอกชกใจลงปลายกลายไปเปนเวทมนตร์
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชมาดหมายมาหลายหน
วันนี้นางทรามวัยเห็นไม่พ้นพากเพียรเรียนมนตร์บ่นเต็มที่
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จำได้คาถามหาเสน่ห์อุปเทห์ทั้งมวญถ้วนถี่
ครั้นโพล้เพล้เวลาราตรีมาเข้าที่สรงน้ำทำการ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
             

ชมตลาด
๏ ไขสุหร่ายสายชลดังฝนตกอาบอุทกธารากระยาสนาน
รดน้ำมนตร์ล้นเหลือเชื่ออาจารย์จนงกงันสั่นสท้านทั้งกายา
บรรจงทรงสุคนธ์มนตร์หมอเสกนางตัวเอกไม่แคล้วพี่แล้วหนา
ผงดินสอใส่พระหัตถ์ผัดพักตราลูบไล้ไปมาทั้งสารพางค์
หยิบยกกระจกใหญ่ใส่คันฉ่องเทียนตั้งนั่งมองส่องสว่าง
ดูเปนหนุ่มน่าชมสมกับนางอวดหมอหัวร่อพลางทางแย้มยิ้ม
เสวยพระศรีสงทรงเคี้ยวสักประเดี๋ยวทันใจเอาไม้จิ้ม
นุ่งนอกอย่างวางชายกรายกรีดริมสีทับทิมคล้องคอพอพระทัย
เพ็ชรฑูริย์ธำมรงค์ทรงก้อยตำราพลอยว่าผู้หญิงมักรักใคร่
คาดเข็มขัดประจำยามงามสุดใจพวงมาลัยใส่ข้อมือถือยาดม
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จเสด็จมาไม่ยั้งหยุดดำเนินเดินสดุดนักสนม
ขึ้นบนมณเฑียรเจียนจะล้มเข้าในห้องประธมเทวี
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ยืนแฝงฝากั้นขยั้นอยู่แอบประตูดูสุดามารศรี
ปากบ่นบริกรรมทำท่วงทีสูบบุหรี่ร่ายมนตร์พ่นควันไป
นางเหลียวดูภูบาลก็อ่านเวทประสมเนตรนึกรักยักคิ้วให้
เห็นชอบกลกัลยาไม่ว่าไรหมายได้สมคิดด้วยวิทยา
จึงค่อยย่องย่างมาข้างหลังขึ้นนั่งบนเตียงเมียงเมินหน้า
ยิ้มแย้มกระแอมไอไปมาพูดจาปลอบนางพลางแลเลง
ฯ ๖ คำ ฯ
ชาตรี
๏ น้องเอยน้องรักกำลังสาวราวสักปีมะเส็ง
พักตร์ผ่องเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็งครัดเคร่งเปล่งปลั่งอยู่ทั้งตัว
น้อยฤๅพี่รักนักหนากระนี้แล้วแก้วตายังว่าชั่ว
นี่เนื้อเคราะห์เพราะชราหูตามัวไม่เหมือนผัวของเจ้าเฝ้าเคียดคุม
อย่าเลี้ยวลดทดลองให้ถ่องแท้กลัวแต่แก่จะชนะหนุ่ม
ว่าพลางทางขยับจับกุมให้ร้อนรุมราวกับไฟไหม้มือ
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ นึกพรั่นขยั้นขยดถดถอยเหงื่อไหลไคย้อยลงน้องฤๅ
แก้ขวยฉวยพัดปัดกระพือยังร้อนรื้อเรียกน้ำมากล้ำกลืน
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ หยุดพักสักประเดี๋ยวเกี้ยวใหม่แขงใจพูดจาทำหน้าชื่น
จะเษกน้องครองวังให้ยั่งยืนวันรุ่งพรุ่งมะรืนได้ฤกษ์ดี
เอออายุนงเยาว์สักเท่าไรจงขับไล่ดูลองกับของพี่
อย่าย้อนยอกบอกเบือนเดือนปีตำรามีรู้มากนาคกะเฌอ
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดานึกในช่างไม่เก้อ
ชังน้ำหน้าบ้าเคอะกระเซอะกระเซอเป้อเย้อเย่อหยิ่งจริงจริงเจียว
จะหุนหันโมโหโต้ตอบเล่าเหมือนทำให้ไอ้เถ้ามันเฝ้าเกี้ยว
ให้พูดจาบ้าบ่นอยู่คนเดียวนางขัดใจไม่เหลียวไม่แลดู
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่
หมายได้ด้วยคาถาของตาครูอุตส่าห์สู้บ่นตะบอยค่อยกระซิบ
ดูทำนองต้องจิตต์ผิดประหลาดไม่ร้ายกาจก้มหนาตาปริบปริบ
น้อยหรือนางแสนคมคารมริบนิ่งกริบไปทีเดียวไม่เหลียวเลย
ท่วงทีถูกเสน่ห์คะเนแน่เห็นประจักษ์ทักแท้แล้วแม่เอ๋ย
กระดิกเข่าท้าวแขนแหงนเงยเอาเขนยหนุนหลังนั่งทำทรง
กินหมากดิบหยิบขี้ผึ้งเสกสีสูบบุหรี่ใส่จันทน์ควันโขมง
แล้วไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมล้อมวงใหลลงพูดละเม้อเพ้อพก
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตต์ทีนี้คงปลงปริศนาตก
เหมือนทุกข์พี่มีผู้มาหยิบยกให้เบาอกออกแล้วนะแก้วตา
จะนิ่งอยู่ไยน้องไม่ต้องการนั่งนานเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหนักหนา
ขอเชิญเจ้าเข้าที่กับพี่ยาให้เปนผาสุกสบายหายหาวนอน
วันนี้ทีทำเห็นอ้ำอึ้งไม่โกรธขึ้งตึงตังเหมือนครั้งก่อน
ดีจริงเจียวแม่ไม่แง่งอนจงโอนอ่อนผ่อนตามให้งามงด
แล้วร่ายมนตร์หมอเถ้าเป่าซ้ำบริกรรมทำปากบดมด
เอ๊ะอ่อต่อจะอ่อนหย่อนพยศค่อยขยดลดไถลเข้าไปชิด
นางขยับกลับตัวกลัวจะเห็นทำเปนผินหลังนั่งเกาหิด
มองเขม้นเห็นสไบไม่สู้มิดจึงยื่นมือมานิดสกิดกาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาร้องกรีดหวีดว้าย
ชั่วชาติประหลาดเหลือเบื่อจะตายช่างไม่อายขายหน้าบ้าจริงจริง
ยังจะขืนยื่นมือมายื้อหยอกเดี๋ยวนี้อกจะได้ชมคารมหญิง
เหลือแค้นแน่นอกยกหมอนอิงกระแทกทิ้งลงตรงหน้าแล้วด่าทอ
ช่างกะไรไอ้หมอนไม่นอนหลับจนเขาขับขืนเกี้ยวไปเจียวหนอ
แม้นมีไม้ใกล้ตัวหัวจะนอใจคอไม่ลื้นเหมือนหมื่นทน
เนื้อตัวหัวหูไปอยู่ไหนจึงทนได้ให้เขาด่าดังห่าฝน
ฤๅฟังเล่นเย็นฉ่ำเหมือนน้ำมนตร์ช่างผิดคนทนทานด้านดึง
ไม่ว่าเล่นเห็นลึกอย่านึกหมายตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงตึงตึงดื้อดึงดุดะไม่ละลด
พานหมากพานพลูที่อยู่ใกล้ก็ปัดไปเปรื่องปร่างขว้างเสียหมด
ฉวยน้ำซ้ำสาดราดรดทำประชดชิงชังรังแก
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชแปลกจิตต์ผิดแล้วแหล
เสียน้ำใจในคอท้อแท้จนเปนลมล้มแน่นิ่งไป
ให้เวียนหัวมัวตาหน้ามืดครางอืดบ่นออดทอดใจใหญ่
ดูดู๋เดิมเห็นดีมีน้ำใจหมายได้ไม่แคล้วแล้วทีเดียว
มิรู้กลับแกล้วกล้าบ้าเลือดดุเดือดเต็มประดาตาเขียว
ไม่รอติดผิดผู้หญิงจริงเจียวขี้เกียจเกี้ยวรับแพ้แล้วแม่คุณ
ยังเจ็บช้ำระยำอยู่ไม่รู้หายราวกับถูกลูกปลายหลายกะสุน
ทำหน้าเซียวเคี้ยวเอื้องเงื่องงุนสิ้นทุนสิ้นรอนจะผ่อนปรน
แต่ยักย้ายหลายทำนองตรองตริสิ้นสติตายด้านอั้นอ้น
สู้อุตส่าห์หน้าด้านทานทนถึงสองหนแล้วเห็นไม่เอ็นดู
เอออะไรใจคอดังดินประสิวฉุนฉิวยิ่งกว่าชุดจุดดินหู
เห็นไม่เปนเช่นตำราของตาครูถ้าขืนอยู่จะหยาบคายร้ายแรง
ขยับลุกแล้วลงนั่งรั้งรอปากบ่นมนตร์หมอจนคอแห้ง
ไม่เห็นคุณเห็นค่าตาขี้แร้งเหมือนหนึ่งแกล้งให้มาถูกด่าทอ
คิดเคืองขุ่นหมุนออกนอกปราสาทเกรี้ยวกราดกริ้วร้องให้ถองหมอ
เฆี่ยนให้หลังลายจนต้นคอด่าทอถีบเถ้าเจ้าตำรา
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นหมอเถ้าซานซมล้มถลา
ถูกถองต้องพระราชอาญาตกประหม่าตัวสั่นงันงก
วิ่งออกนอกวังไม่ยั้งหยุดจนสมุดทั้งมัดพลัดตก
เสนาในใหญ่น้อยตามต่อยชกวิ่งวกเข้าวัดลัดหนีไป
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชมาดหมายหาหายไม่
ไปเกี้ยวพานพูดจาเพลาไรก็ไม่ได้สู่สมชมชิด
ประหลาดหนอหมอมดมาปดเล่นทำอะไรไม่เห็นเปนสักหนิด
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดอิทธิฤทธิ์โทษผิดคิดจะใคร่เอาใส่คุก
พอเข็ดหลาบบาปกรรมทำเปล่าเปล่าบ่นออดกอดเข่าเจ่าจุก
นั่งโยกโงกหงับปรับทุกข์กับหมู่มุขมนตรีเสนีใน
แต่เล่นชู้สู่สาวมาราวร้อยหางามงดชดช้อยเช่นนี้ไม่
น่าชมสมสวาทระวาดระไวเอวไหล่ลมุนลม่อมพร้อมพริ้ง
เสียแต่ร้ายราวกับเสือเหลือแล้วพ่อคารมรอไม่ติดผิดผู้หญิง
อุตส่าหืสู้อยู่อ้อนวอนวิงไม่ยอมยิงยิ่งรื้อดื้อดึง
อันอดเหนียวเกี้ยวชู้รู้ท่วงทีมิใช่ชั่วตัวดีไม่มีถึง
จะหักโหมโลมเล้าเคล้าคลึงให้รุมรึงร้อนรนสกลกาย
มิขัดขวางอย่างนี้แล้วที่ไหนประเดี๋ยวใจก็จะสมอารมณ์หมาย
ตรองตรึกปรึกษาหาอุบายไม่เหือดหายวายเว้นสักเวลา
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
             

ท้าวสันนุราชชุบตัว

ช้าปี่
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงพระหลวิไชยเชษฐา
เมื่อพระคาวีสิ้นชีวาในอุราร้อนรุมดังสุมไฟ
จึงดูดอกประทุมที่เสี่ยงทายก็กลับกลายมัวหมองไม่ผ่องใส
พระเร่งตระหนกตกใจเหตุไฉนฉะนี้เจ้าพี่อา
ทุกข์ร้อนอย่างไรก็ไม่รู้จำกูจะไปเที่ยวตามหา
แม้นมิพบน้องแก้วแววตาพี่ยาไม่กลับเข้ากรุงไกร
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางสั่งมเหษีสร้อยสุดานารีศรีไส
พี่ขอลาโฉมงามทรามวัยรีบไปตามหาพระคาวี
แม้นพระบิดาบัญชาถามจงทูลความให้ทราบบทศรี
สั่งพลางทางเสด็จจรลีมาเข้าที่สระสรงคงคา
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ทรงเครื่องประดับการพรายพรรณจับพระขรรค์เยื้องย่างออกข้างหน้า
ยกพระหัตถ์นมัสการเทวาทุกเหวผาท่าทางกลางดง
แม้นน้องของข้าอยู่แห่งใดช่วยนำไปให้พบสบประสงค์
แล้วรีบออกนอกวังดังจำนงเสด็จตรงมาตามมรคา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เดชะความสัตย์ซื่อถือมั่นเทวัญช่วยพิทักษ์รักษา
บันดาลดลใจให้ไคลคลาย่อย่นมรคาพนาลี
ทางไกลเดือนหนึ่งมาครึ่งวันถึงจันทราบุรีศรี
ไม่พบคนไปมาทั้งธานีภูมีลดเลี้ยวเที่ยวดู
แลเห็นพระขรรค์ทันใดหยิบได้เขม้นอยู่เปนครู่
แม่นมั่นพระขรรค์ของน้องกูเหตุใดมาอยู่กลางอัคคี
ชะรอยน้องรักเจ้าตักษัยทำไฉนจะพบทรากผี
ยิ่งวิโยคโศกศัลย์พันทวีภูมีลดเลี้ยวเที่ยวมา
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้ลาว
๏ เดินพลางทางคนึงถึงน้องครวญคร่ำร่ำร้องเรียกหา
โอ้เจ้าคาวีของพี่ยาแก้วตาจะเปนประการใด
พระขรรค์นี้ชีวิตต์ก็ย่อมรู้มาทิ้งอยู่ไกลองค์น่าสงสัย
ชะรอยคนฆ่าฟันเจ้าบรรลัยพี่จึงไม่ประสบพบพาน
ใครหนอสามารถอาจองแกล้งมาจำนงจงผลาญ
ล้างชีพน้องชายกูวายปราณไม่นานจะได้เห็นกัน
กูจะทำทดแทนให้แสนสาแล่เนื้อเกลือทาจนอาสัญ
ร่ำพลางทางเสด็จจรจัลทรงธรรม์เที่ยวแสวงทุกแห่งไป
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว
ร่าย
๏ ถึงหาดทรายชายฝั่งชลธีเห็นคาวีน้องรักตักษัย
วิ่งเข้าสร้วมสอดกอดไว้พระร่ำไรโศกาจาบัลย์
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าอนิจจาพระน้องแก้วทิ้งพี่เสียแล้วไปสู่สวรรค์
เราไร้สุริย์วงศพงศ์พันธุ์ได้เห็นกันพี่น้องสองชาย
เคยร่วมโศกร่วมสุขทุกข์ยากมาตายจากพี่ไปน่าใจหาย
ไม่รู้เหตุผลต้นปลายเจ้าม้วยมอดวอดวายด้วยอันใด
กรรมแล้วแก้วตาของพี่เอ๋ยใครเลยจะช่วยแก้ไข
ร่ำพลางทางทรงโศกาลัยสะอื้นไห้ไม่เปนสมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ ครั้นค่อยคลายวายความโศกศัลย์จึงพิศดูพระขรรค์ไชยศรี
เปนแต่มัวหมองต้องอัคคีเห็นทีจะไม่ม้วยมรณา
จึงตั้งความสัตยอธิฐานเดชะคุณอาจารย์ฌาณกล้า
ขอให้องค์พระอนุชารอดชีพชีวาคืนคง
แล้วเป่าปัดขัดสีพระขรรค์แก้วผ่องแผ้วสิ้นเท่าธุลีผง
จึงเอาน้ำชำระลดลงก็กลับฟื้นคืนองค์เปนมา
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ รัว
๏ เมื่อนั้นพระคาวีลืมเนตรเห็นเชษฐา
ชื่นชมก้มกราบกับบาทาแล้วมีวาจาว่าไป
คุณของพระองค์ทรงธรรม์พ้นที่จะพรรณาได้
น้องนี้โฉดเฉาเบาใจหลงใหลเล่ห์กลสัตรี
จึ่งเล่าความแต่ต้นจนปลายบรรยายให้ฟังถ้วนถี่
ครั้งนี้น้องแค้นแสนทวีจะตามตัดเกศีมันเสียบไว้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระเชษฐายิ้มแย้มแจ่มใส
จึงว่าเจ้าพลั้งพลาดประมาทใจพระฤๅษีสอนไว้ไม่ยั้งคิด
อันเชื้อชาติช้างสารแลงูเห่าข้าเก่าเมียรักอย่าวางจิตต์
ทั้งสี่อย่างมักล้างเอาชีวิตเจ้าไม่จำทำผิดจึงบรรลัย
น้อยหรืออีเถ้าเจ้าเล่ห์โว้เว้พานางไปข้างไหน
จะแก้แค้นแทนทำให้หนำใจตามไปฆ่าเสียให้วอดวาย
ตรัสพลางทางชวนอนุชาสองราจรจัลผันผาย
เห็นรอยเกลื่อนกลาดที่หาดทรายสำคัญมั่นหมายตามมา
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ร่องรอยสูญหายที่ท้ายเมืองลดเลี้ยวเที่ยวชำเลืองแลหา
เห็นแต่ทางลงในคงคาจึงตรองตรึกปรึกษาพระคาวี
ดีร้ายยายเถ้าทรชนพานางนฤมลลงเรือหนี
น้ำเชี่ยวหนักหนาหน้านี้เห็นทีจะล่องลงไป
บ้านเมืองทิศนี้จะมีอยู่จะตามดูให้สิ้นสงสัย
ว่าพลางทางพากันคลาไคลเลียบไปริมแนวนที
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ หลายวันดั้นเดินป่าชัฏมาถึงพัทธวิสัยกรุงศรี
จึงหยุดยั้งอยู่นอกธานีแล้วพูดจาพาทีกับน้องชาย
ครั้งนี้ตัวเราจะเข้าไปกลัวเกลือกจะไม่เหมือนหมาย
ถ้าอีเถ้าทรชนคนร้ายรู้จักทักทายจะเสียที
จะต้องทำโดยหนักหักหาญรบราญต้านต่อไม่พอที่
จะป้องปิดกิตติศัพท์ให้ลับลี้ให้ได้โดยดีด้วยปรีชา
พี่คิดจะจำแลงแปลงองค์เปนดาบศธุดงค์มาแต่ป่า
จะแปลงตัวเจ้าเท่าตุ๊กกะตาอยู่ในย่ามพี่ยาจะพาไป
ว่าแล้วหลับตาตั้งสติตามลัทธิอาจารย์สอนให้
โอมอ่านพระเวทเรืองไชยจำแลงแปลงได้ดังจินดา
ฯ ๑๐ คำ ฯ ตระ
๏ พี่ชายแปลงเพศเปนดาบศทรงพรตงดงามหนักหนา
พระคาวีลงซ่อนกายาอยู่ในย่ามเชษฐาทันใด
ครั้นเสร็จสมคิดนิมิตรกายถือไม้เท้าตะพายย่ามใหญ่
พัดขนนกป้องหน้าคลาไคลเดินไปตามตรอกนอกพารา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เที่ยวสืบแสวงหวังจะฟังข่าวประชาชาวเรือกสวนถ้วนหน้า
ไม่รู้เหตุผลคนพูดจาจึงหยุดอยู่ยังศาลาหน้าเวียงไชย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
             

ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ตั้งแต่ได้จันท์สุดายาใจมาไว้ในที่มณเฑียรทอง
สุดแสนรักใคร่ใหลหลงนางไม่ปลงประดิพัทธิ์ให้ขัดข้อง
พระครวญคร่ำดำริตริตรองไฉนหนอนวลลอองจะเอ็นดู
ทำเสน่ห์เล่ห์กลก็หลายสิ่งนางยิ่งด่าว่าน่าอดสู
สิ้นตำหรับตำราวิชาครูเพราะกายกูแก่เกินขนาดไป
จำจะหามุนีฤๅษีสิทธิ์ที่เรืองฤทธิ์ชุบรูปเราเสียใหม่
ให้หนุ่มน้อยโสภายาใจเห็นจะได้เชยชมสมคิด
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ดำริพลางทางมีบัญชาตรัสสั่งเสนาคนสนิท
จงตีฆ้องร้องป่าวไปทั่วทิศหาผู้รู้วิทยาคุณ
จะให้ชุบรูปกูแก่ชราเปนหนุ่มน้อยโสภาพึ่งแรกรุ่น
ถ้าสมคิดกัลยาการุญจะแทนคุณแบ่งเมืองให้กึ่งกัน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งขมีขมัน
ถวายบังคมลาออกมาพลันแยกกันป่าวร้องรอบบุรี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
สามเสร้า
๏ เมื่อนั้นพระหลวิไชยฤๅษี
นั่งอยู่ในศาลาริมธานีชักประคำทำทีเคร่งครัด
เห็นเขาป่าวร้องมาตามถนนประหลาดอยู่ผู้คนแออัด
เงี่ยหูนิ่งฟังนั่งมัธยัสถ์มิได้ตรัสว่าขานประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นเสนีตีฆ้องร้องมาใกล้
เห็นพระผู้เปนเจ้าก็เข้าไปหยุดยั้งนั่งไหว้วันทา
แล้วปราไสไต่ถามดาบศทรงพรตงดงามเปนหนักหนา
ได้เรียนร่ำบำเพ็ญภาวนารู้วิชชาชุปตัวมั่งฤๅไร
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีได้ฟังยังสงสัย
แกล้งทำสำรวมจิตต์ใจมิใคร่จะพูดจาพาที
กะทั่งไอกะแอมแย้มเยื้อนถามเหตุผลต้นความอย่างไรนี่
จะชุบตัวใครเปนไรมีความรู้สิ่งนี้เราเรียนไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นอำมาตย์ผู้มีอัชฌาสัย
ฟังพระมุนีก็ดีใจกราบไหว้เคารพนบน้อม
จึงบอกว่าท่านท้าวเจ้าพาราได้นางจันท์สุดาผมหอม
เกี้ยวพานพูดจาไม่ยินยอมด้วยท้าวเธอแก่หง่อมไม่งดงาม
จึงตรัสใช้ให้พวกข้าพเจ้าเที่ยวตีฆ้องร้องป่าวไต่ถาม
จะหาพระมุนีชีพราหมณ์ชุบรูปให้งามพึงใจ
แม้นนางโฉมยงปลงรักทรงศักดิ์จะแบ่งสมบัติให้
พระองค์ทรงญาณชาญชัยชุบได้ช่วยเอนดูภูมี
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระหลวิไชยฤๅษี
รู้ว่าจันท์สุดานารีไม่ยินดีด้วยท้าวเจ้าพารา
นึกชมน้องสะใภ้อยู่ในจิตต์สุจริตรักผัวเปนนักหนา
จำกูจะแก้เผ็ดพระยาลวงฆ่าเสียให้มันบรรลัย
คิดพลางจึงว่ากับเสนีเปนไรมีรูปพอจะรับได้
ถึงอายุแก่เถ้าสักเท่าไรจะชุบให้หนุ่มน้อยน่าเอนดู
รูปไม่พอใจดอกออกตัวตนแต่ได้มานิมนตร์ก็จนอยู่
เมตตาตั้งมั่นกตัญญูจะอุปถัมภ์ค้ำชูภูมี
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาเชื่อถือพระฤๅษี
จึงพาผู้เปนเจ้าเข้าบุรียินดีเดินด่วนรีบมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงวังให้ยั้งหยุดอยู่ที่ทิมริมประตูข้างหน้า
เสนีนายใหญ่ก็ไคลคลาเข้ามาเฝ้าองค์พระทรงยศ
บังคมทูลแถลงแจ้งเหตุผลตามกระแสแต่ต้นไปจนหมด
จะสมหวังดังหนึ่งมโนรถเพราะพระดาบศองค์นี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเกษมศรี
มาต้อนรับขับสู้พระมุนีให้ขึ้นนั่งที่แท่นรัตน์
พระเคารพนบนอบนมัสการประเคนพานหมากพลูเภสัช
ร้องเรียกเสนาเข้ามาพัดปฏิบัติวัดถากพระอาจารย์
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วตรัสปราไสสนทนาด้วยวาจาสุนทรอ่อนหวาน
ทุกวันนี้มีธุระรำคาญเกี้ยวพานผู้หญิงเขาชิงชัง
เพราะแก่หง่อมผอมซูบรูปร่างแก้มคางไม่ครัดเคร่งเปล่งปลั่ง
ฟันฟางห่างหักระยำมังถอยกำลังพลังลงมากมาย
ถ้าพระองค์ช่วยชุบให้หนุ่มได้โภไคยไอสวรรย์จะปันถวาย
ทรัพย์สินสิ่งใดไม่เสียดายแต่สมหมายหนุ่มงามก็ตามที
นวลนางจันท์สุดาจะการุญก็เพราะได้พึ่งบุญพระฤๅษี
ซึ่งจะชุบรูปโฉมโยมนี้ต้องตั้งกิจพิธีประการใด
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีเสแสร้งแถลงไข
รูปเปนมุนีชีไพรโภไคยไอสูรย์ไม่ปูนปอง
แต่รู้ข่าวว่ามหาบพิตรมีกิจกังวลหม่นหมอง
จึงมาช่วยธุระรับรองหวังสนองพระคุณภูวไนย
อันจะตั้งการกิจพิธีตามคัมภีร์พรหมเมศเพศไสย
ฉะเพาะแต่ตัวรูปกับท้าวไทใครใครมิให้เข้าเล้าลุม
จงเอาม่านมาบังไว้เจ็ดชั้นที่ในนั้นขุดลงให้เปนหลุม
แล้วเอาฟืนใส่ไฟประชุมจะอ่านเวทชุมนุมเทวา
เชิญท้าวเข้านั่งในกองไฟสำรวมใจหลับเนตรทั้งซ้ายขวา
จึงจะชุบบพิตรด้วยวิทยาให้โสภาหนุ่มน้อยนงเยาว์
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชคนโหดโฉดเฉา
งวยงงหลงไหลด้วยใจเบาไม่รู้เท่าเล่ห์กลพระมุนี
จึงตรัสสั่งเสนีขมีขมันจงเกณฑ์กันปันปักหน้าที่
ขุดหลุมสุมใส่อัคคีเราจะตั้งพิธีชุบตัว
ฯ ๔ คำ ฯ
             

๏ บัดนั้นเสนารับสั่งพระอยู่หัว
รีบเร่งออกมาด้วยความกลัวบอกกันทุกทั่วพนักงาน
บ้างขุดหลุมสุมฟืนใส่ไฟแล้วปักไม้หลักมั่นกั้นม่าน
บ้างปัดปูเสื่อสาดดาดเพดานทำตามภูบาลบัญชา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเร่งหรรษา
จึงชำระสระสรงคงคาแล้วทรงผ้าพื้นขาวเขียนทอง
ทรงสพักปักตะนาวขาวสอาดเข็มขัดคาดถักสายลายสอง
ครั้นเสร็จสมคิดดังจิตต์ปองก็เยื้องย่องเข้าไปในม่านบัง
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีชื่นชมสมหวัง
จึงจูงท้าวก้าวขึ้นบนบัลลังก์สอนให้นั่งผินหน้าเข้าหาไฟ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชร้อนเหลือจนเหงื่อไหล
ลุกทลึ่งตึงตังตกใจแล้วว่าทนไม่ได้พระมุนี
เอออะไรให้นั่งริมกองเพลิงเนื้อหนังจะปอกเปิงเสียแล้วนี่
มันจะงามมิงามก็ตามทีเช่นนี้แล้วเห็นไม่เปนการ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระดาบศยิ้มพลางทางว่าขาน
ใจคอท้อแท้ไม่ทนทานจะทำให้เสียการเสียทั้งคราว
แต่ถูกร้อนนิดหนึ่งก็ถอยหนีนี่ฤๅยังจะมีเมียสาว
รู้กระนี้ขี้คร้านชุบท้าวเอออะไรใจราวกับปลาซิว
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชฟังว่าทำหน้านิ่ว
สุดที่จะคิดบิดพลิ้วจึงนบนิ้ววอนว่าพระมุนี
ข้าดูไฟในหลุมเหลือกำลังทั้งที่นั่งหมิ่นนักพระฤาษี
ถ้าแม้นพลัดผลุงลงตรงอัคคีราวกะตกอวิจีเปนจุณไป
อย่าเพ่อโกรธโปรดเถิดพระอาจารย์ช่วยคิดอ่านยักหาตำราใหม่
อย่าให้ต้องกองฟืนใส่ไฟจะไม่ได้เจียวฤๅพระสิทธา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีเสแสร้งแกล้งว่า
ฤๅท้าวไทไม่เชื่อวิทยาจะให้เห็นแก่ตาเสียด้วยกัน
ว่าพลางทางหยิบขี้ผึ้งมาเคล้าคลึงต่อติดประดิษฐ์ปั้น
เปนรูปคนเสร็จสรรพฉับพลันให้ท้าวสันนุราชทัศนา
เราจะชุบรูปนี้ด้วยเวทมนตร์ให้เปนคนน่ารักหนักหนา
ท้าวจงผินหลังนั่งหลับตาอย่าผันแปรแลมาข้างนี้
ว่าพลางทางทำเล่ห์กลปากบ่นบริกรรมทำอู้อี้
แล้วผลักรูปปั้นนั้นทันทีตกกลางอัคคีละลายไป
จึงเอาพระคาวีออกจากย่ามจะให้เห็นสมความว่าชุบได้
นั่งแทนรูปปั้นไว้ทันใดสกิดให้พระยาลืมตาดู
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเขม้นอยู่เปนครู่
หมายว่ารูปปั้นไม่ทันรู้พิศดูงามประกอบชอบอารมณ์
จึงผินมาว่ากับพระมุนีแต่อย่างนี้ก็งามเสียมิถม
จงโปรดช่วยชุบข้าด้วยอาคมให้โสภาน่าชมเหมือนรูปนี้
โยมจะไปนั่งอยู่อย่างเก่าถึงร้อนเร่าเท่าไรไม่ถอยหนี
แล้วลุกเข้าไปใกล้อัคคีภูมีนั่งนิ่งพนมมือ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระดาบศเห็นท้าวเธอเชื่อถือ
แกล้งหยิบเอาพัดปัดกระพือให้เพลิงฮือสมหวังดังใจ
แล้วเดินเวียนวนบ่นบริกรรมงึมงำพึมพำเข้ามาใกล้
ได้ทีผลักท้าวเจ้ากรุงไกรคะมำม้วนลงไปในอัคคี
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด
๏ เห็นม้วยมุดคุดคู้อยู่ในหลุมเอาฟืนสุมใส่เข้าเหมือนเผาผี
ทรากศพโทรมสิ้นก็ยินดีท่อยทีสรวลสันต์สำราญใจ
จึงให้น้องแต่งองค์ทรงเครื่องแทนท้าวเจ้าเมืองที่ม้วยไหม้
แล้วสั่งคนข้างนอกออกไปเร่งให้ประโคมขึ้นบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพนักงานสังคีตดีดสี
แตรสังข์กังสดาลดนตรีประโคมขึ้นอึงมี่นี่นัน
ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึงดำเนินเดินตามพระน้องนั้นออกจากม่านกั้นมิทันช้า
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ขึ้นยังพระโรงรัตน์รูจีนั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า
พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยาเข้ามาเฝ้าแหนแน่นไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาข้าเฝ้าน้อยใหญ่
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจตลึงตไลแลดูไม่พริบตา
พิศไหนไม่เสียแต่สักสิ่งงามจริงยิ่งมนุษย์ในใต้หล้า
ต่างบังคมชมโฉมพระราชาสำคัญว่าท่านท้าวเจ้ากรุงไกร
บ้างชมวิทยาพระอาจารย์เชี่ยวชาญชุบแก่เปนหนุ่มได้
แซ่ซ้องร้องอำนวยอวยชัยอื้ออึงคนึงไปทุกตัวคน
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นพระคาวีนิ่งคิดขัดสน
จะทักทายเสนาสามนต์ไม่รู้จักสักคนก็จนใจ
จำจะพูดย้อนยอกหลอกลวงมิให้คนทั้งปวงสงสัย
คิดพลางทางตรัสประภาษไปเราชุบตัวใหม่ยังไม่สบาย
ใจจิตต์คิดเฟือนไม่เหมือนเก่าลืมบรรดาข้าเฝ้าทั้งหลาย
ใครเปนที่หมื่นขุนมุลนายจดหมายรายชื่อมาให้เรา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ แล้วเสแสร้งแกล้งว่าดาบศนิมนตร์งดอยู่ก่อนผู้เปนเจ้า
สักสองวันสามวันพอบันเทาให้ใจคอคงเก่าจึงค่อยไป
ว่าพลางทางชวนพระฤๅษีลงจากที่แท่นทองผ่องใส
ยุรยาตรเยื้องย่างเข้าข้างในใส่ไคล้ให้เหมือนเจ้าธานี
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
             

๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
มาคอยรับเสด็จพระสามีอยู่ที่ฉากกั้นชั้นใน
เห็นพระคาวีดำเนินมาสำคัญว่าท้าวผัวชุบตัวใหม่
น้อยฤๅรูปร่างช่างกะไรงามล้ำเหลือใจเจียวพ่อคุณ
หนุ่มน้อยน่ารักหนักหนาหนอปากคอคิ้วตาเหมือนหน้าหุ่น
ท่วงทีทอดกรอ่อนลมุนให้ว้าวุ่นพิศวาสเพียงขาดใจ
จึงวิ่งออกไปรับถึงลับแลจะเจียมตัวว่าแก่ก็หาไม่
ชม้อยชม้ายชายดูภูวไนยยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยลอยหน้าตา
กราบถวายบังคมชมโฉมผัวช่างชุบตัสใหม่เหมาะเปนหนักหนา
ดูไหนให้ประกอบชอบอัชฌากัลยานิยมสมคิด
เห็นพระเฉยเชือนไม่เยื้อนทักความรักยื่นมือมาสกิด
แกล้งทำเลียมและกระแชะชิดสบิ้งสบัดดัดจริตกิริยา
นิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้วลืมเมียเสียแล้วกระมังหนา
ไม่ผินพักตร์ทักทายพูดจาฤๅเห็นแก่ชราจะหย่าร้าง
เมื่อท้าวหนุ่มข้าสาวคราวนั้นสัญญากันว่าไม่ทิ้งขว้าง
เดี๋ยวนี้มาสะเทินเขินค้างจะพูดกับเมียบ้างเปนไรมี
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีขวยเขินเมินหน้าหนี
นึกในใจพลางนางคนนี้จะเปนมเหษีแล้วดีร้าย
ท่วงทีอีเถ้ามิใช่ชั่วหน้าเปนเล่นตัวใจหาย
จะเสแสร้งแกล้งทำทักทายก็คิดอายอดสูไม่รู้ฤทธิ
เห็นนางเข้ามาว่าจู้จี้น่าบัดสีขี้เกียจเกลียดจริต
เมินหนีเสียมิได้เข้าใกล้ชิดแล้วสกิดดาบศให้ตอบความ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีเสแสร้งแกล้งร้องห้าม
สีกาอย่าด่วนลวนลามเดินตามติดพันกระนั้นนัก
ท้าวเธอพึ่งชุบตัวใหม่หลงไหลลูกเมียไม่รู้จัก
ชะช่างชำเลืองเยื้องยักจะวัดถูกจมูกหักเสียสักที
ฉวยกะไรไม่รู้นะสีกาแล้วอย่าติโทษโกรธฤๅษี
บอกให้รู้ตัวแต่หัวทีถ้าแม้นมิฟังห้ามก็ตามใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีหลงไหล
สาละวนแลดูภูวไนยรักใคร่รูปโฉมโนมพรรณ
ได้ยินพระสิทธาร้องห้ามนางสะเทินเขินขามคิดพรั่น
หยุดยั้งรั้งรอไม่จรจรัลแล้วเลี้ยวไปยืนกั้นหน้าไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเคืองขัดอัชฌาสัย
ดำเนินเดินหนีนางไปขึ้นสู่ปราสาทไชยไพชนต์
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์สาวสนมหมอบกรานอยู่เกลื่อนกล่น
พระชายเนตรดูทั่วทุกตัวคนใส่กลมิให้ใครกินใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นกำนัลนางต่างคนไม่สงสัย
สำคัญมั่นหมายว่าท้าวไทชุบตัวมาใหม่เปนเที่ยงแท้
น่ารักน่าชมคมสันสารพันดีกว่าเมื่อยังแก่
รูปร่างรัดกุมหนุ่มฟ้อแฟ้พิศวงหลงแลไม่วางตา
นางกำนัลบรรดาที่โปรดปรานต่างคลานเข้าไปเฝ้าจะเอาหน้า
ชม้ายชม้อยคอยรับไนยนาเสนหาทรงธรรม์พันทวี
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งานเข้าไปตั้งเครื่องอานพานพระศรี
ลางนางบ้างอยู่งานพัชนีท่วงทีทำนองในใช้ชิด
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเถ้าทัศประสาทประหลาดจิตต์
แอบประตูดูองค์พระทรงฤทธิยิ่งพิศยิ่งเหมือนพระคาวี
เฝ้าเขม้นเห็นกูก็มึนตึงโกรธขึ้นเข่นเขี้ยวอยู่เจียวนี่
ผิดทำนองท่านท้าวเจ้าธานีขยับหนีถอยหลังบังประตู
นี่ผัวนางจันท์สุดายาใจจำได้ประจักษ์ทักแท้อยู่
ยิ่งแฝงยิ่งตะแคงตาดูจะเล่นกูแล้วกระมังครั้งนี้
เห็นท้าวขยับกลับพระเพลากลัวตายยายเถ้าขยดหนี
ตกใจคิดว่าจะฆ่าตีด้วยตัวผิดภูมีแค้นเคือง
ครั้งนี้ไม่รอดเห็นวอดวายถ้าแม้นมิตายก็คางเหลือง
ถึงอยู่ไปก็ไม่รุ่งเรืองจะมีแต่ได้เคืองเวทนา
ท้าวจะเฆี่ยนจะริบคงฉิบหายจะไปโจนน้ำตายเสียดีกว่า
คิดพลางสอื้นไห้ไปมาเช็ดน้ำมูกน้ำตาฟูมฟาย
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นคาวีดาลเดือดไม่เหือดหาย
คิดแค้นอีเถ้าแสนร้ายมาดหมายจะทำให้หนำใจ
จะผูกเข้าเฆี่ยนขับนับร้อยตบต่อยหนักหนาไม่ปราไส
ทั้งเจ็ดโคตรเค้ามันเท่าไรจะตัดหัวเสียไม่ไว้มัน
ครั้นจะฆ่าตีเดี๋ยวนี้เล่าพวกเสนาข้าเฝ้าจะหวาดหวั่น
จำจะงดอดไว้ให้หลายวันป้องกันควันความให้งามดี
คิดพลางทางสั่งเปรยไปกำนัลในใครชอบกับโฉมศรี
จงไปบอกจันท์สุดานารีเชิญนางเทวีให้ขึ้นมา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นกำนัลนางต่างคนจะเอาหน้า
ชิงกันรับสั่งบังคมลารีบมาปราสาทนางโฉมยง
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปทูลว่าพระนเรนทร์สูรย์สูงส่ง
บัดนี้ฤๅษีชุบพระองค์รูปทรงโสภาน่ารัก
ถึงแม่จะเปนมเหษีไม่เสียทีงามสมทั้งยศศักดิ์
ภูวไนยคิดถึงคนึงนักให้เชิญองค์นงลักษณ์เสด็จไป
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงขับนางกำนัลทันใดออกไปเสียอย่ามาพาที
ให้พระอินทร์ลงมาเขียวเขียวก็ไม่เหลียวแลดูอย่าจู้จี้
ไม่ขอพบขอเห็นเช่นนี้จะสู้ม้วยชีวีมิขอไป
ว่าพลางนางผินผันพักตร์คิดถึงผัวรักก็ร่ำไห้
ชลเนตรฟูมฟองนองไนยทรามวัยข้อนทรวงเข้าโศกี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้นกำนัลในเล้าโลมนางโฉมศรี
เชิญเสด็จไปเฝ้าพระภูมีจะได้ลากขากดี ณ ทรามเชย
แม่อย่ารัญจวนครวญคร่ำจงแต่งองค์สรงน้ำสว่ำเสวย
ปลอบโยนเท่าไรไม่ไปเลยฟ้าผี่เถิดเอ๋ยน่าแค้นใจ
บรรดาฝูงกำนัลชวนกันปลอบนางจะตอบวาจาก็หาไม่
ต่างคิดขัดสนเปนพ้นไปบังคมไหว้แล้วรีบกลับมา
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
             

๏ ครั้นถึงจึงทูลพระโฉมยงข้าไปเชิญองค์ขนิษฐา
อ้อนวอนเท่าไรไม่ไคลคลาเฝ้าโศกาครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฟังแจ้งแถลงไข
มิได้ว่าขานประการใดภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา
จำจะไปเล้าโลมโฉมงามให้รู้ว่าพี่ตามมาหา
คิดพลางทางชวนพระสิทธาลีลามาปราสาทนางเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงจึงเห็นพระน้องรักกรรแสงซบพักตร์อยู่ในที่
นั่งลงกับองค์พระมุนีแล้วพาทีดูทำนองลองใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ โฉมเอยโฉมเฉลานี่จะเฝ้าโกรธขึ้งไปถึงไหน
พี่มาหาน้องถึงห้องในเอออะไรไม่ผินมาพูดจา
แม้นพี่เถ้าแก่เหมือนแต่ก่อนจะเคืองขัดตัดรอนก็ไม่ว่า
บัดนี้นิมนตร์พระสิทธาช่วยชุบพี่ยาเปนหนุ่มแล้ว
รูปงามหนักหนาไม่ว่าเล่นสมเปนคู่ครองกับน้องแก้ว
ยศศักดิประเสริฐเพริศแพร้วเห็นแวววนิดาจะปรานี
ถึงรูปร่างผัวเก่าที่เจ้ารักไม่กะไรกันนักนะโฉมศรี
จงผินผันหันหน้ามาข้างนี้ดูพี่ให้เห็นก็เปนไร
กลัวแต่อุแม่เอ๋ยนางโฉมยงจะต้องจิตต์พิศวงหลงใหล
ว่าพลางทางทำกระแอมไอแย้มยิ้มลไมไปมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาได้ฟังนั่งก้มหน้า
สำคัญว่าท้าวเจ้าพารากัลยามิได้ปดิพัทธ
ให้เคืองขุ่นหุนหันผันหลังแค้นคั่งชังชิงสบิ้งสบัด
ขี้คร้านฟังนั่งยกก้นฟัดสองหัตถ์ปิดกรรณเสียทันใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นนางยังสงสัย
จึงเสแสร้งแกล้งพูดเปนในหวังจะให้โฉมตรูรู้ความ
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ไม่พอที่จะสะเทินเขินขาม
พี่สู้แสนทรมาพยายามเพราะนางรูปงามทรามชม
ตาใจสารพัดไม่ขัดข้องถนอมน้องต้องจิตต์สนิทสนม
ยากที่ตรองตรึกนึกนิยมเหมือนเส้นผมบังภูเขาเลากา
น้องฤๅเสียแรงรักใคร่ขอบใจเจ้านักขนิษฐา
ลวงถามความลับภัศดาแล้วมาย้อนยอกบอกยาย
แยบยนต์กลในมิใช่ชั่วฆ่าผัวเสียได้ดังใจหมาย
สมคะเนนวลนางช่างอุบายจะฟูมฟายชลนาอยู่ว่าไร
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาสาละวนร่ำไห้
ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไปฟังเสียงเสียวใจเหมือนผัวรัก
เรื่องราวกล่าวความก็งามสมลิ้นลมเหน็บแนมแหลมหลัก
ผิดกับตาเถ้าเจ้าเมืองนักนงลักษณ์นิ่งนึกประหลาดใจ
ครั้นจะว่าพระคาวีผัวแก้วตายแล้วจะตามมาที่ไหน
คิดพลางทางโศกาลัยทรามวัยข้อนอุระประปราน
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระมุนีมีจิตต์คิดสงสาร
จึงเล้าโลมโฉมเฉลาเยาวมาลย์จงดำริตริการก่อนเปนไร
เสียงท้าวคราวแก่กับเดี๋ยวนี้มารศรีฟังเห็นเปนไฉน
เคยได้ยินกับหูรู้กับใจไม่จำได้ฤๅเจ้าจึงโศกี
อย่าก้มพักตร์เศร้าสร้อยละห้อยจิตต์จงดูรูปนิมิตรฤๅษี
ถึงไม่เหมือนก็แม้นพระคาวีจงแลดูภูมีให้เต็มตา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางโฉมยงสงสัยเปนหนักหนา
พลางชม้ายชายดูพระราชาเหมือนองค์ภัศดาสามี
ยิ้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งสรรพ์สรพันพิศดูถ้วนถี่
มั่นคงนี่องค์พระคาวีภูมีไม่ตายตามมา
พระดาบศองค์นี้อยู่ที่ไหนฤๅเชษฐาภูวไนยกระมังหนา
จะถามไถ่ให้แจ้งกิจจากัลยาประหวั่นครั่นคร้าม
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมุนีเห็นนางระคางขาม
จึงขยดเข้าไปใกล้โฉมงามแล้วกระซิบบอกความแต่เบาเบา
นี่พระคาวีฤๅมิใช่ยังหลงไหลจิกปีกอยู่อีกเล่า
สามีมั่นคงแล้วนงเยาว์มิใช่อ้ายเถ้าทรลักษณ์
จึงแจ้งตามความลับแต่หลังนั้นทุกสิ่งสรรพ์พรรณาให้พระจักษ์
เจ้าอย่าสะเทินเมินพักตร์จงทายทักพูดจากับสามี
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางจันท์สุดามารศรี
ฟังพระสิทธาพาทีเทวีรู้แจ้งไม่แคลงใจ
กราบลงกับบาททั้งสององค์โฉมยงครวญคร่ำร่ำไห้
เพียงจะพินาศขาดใจทูลขออภัยภัศดา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียแก้วเมียนี้ผิดแล้วเปนหนักหนา
ไม่รู้กลอีเถ้าเจ้ามารยาวอนว่าไต่ถามเอาความลับ
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นใจมันไส้หนักหนาน่าเสี่ยงสับ
อกเมียดังพระเมรุเอนทับแต่นั่งนับคืนวันจะบรรลัย
ร่ำพลางนางทรงโศกีพระคาวีโศกศัลย์ไม่กลั้นได้
เชษฐาดาบศสลดใจพลอยร่ำได้ไม่เปนสมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
             

นางคันธมาลีขึ้นเฝ้า

ช้า
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
รู้ว่าจันท์สุดานารียินดีด้วยองค์พระทรงฤทธิ
นางให้แค้นขัดกลัดกลุ้มเหมือนบ้าหลังคลั่งคลุ้มเคลิ้มจิตต์
นั่งนิ่งหน้าบึ้งรำพึงคิดอีเจ้ากรรมมันจะปิดประตูค้า
หมายได้ด้วยกำลังยังสาวเห็นทีท้าวเธอจะรักหนักหนา
ตัวกูก็เปนโสดโปรดปรานมาคงจะคิดเมตตาปรานี
จำจะขึ้นไปเฝ้าฟังดูจะเปนอย่างไรอยู่ให้รู้ที่
เมียน้อยเมียหลวงท่วงทีข้างไหนใครจะดีกว่ากัน
ฯ ๘ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ คิดแล้วสรงน้ำชำระกายขมิ้นผงลงละลายเปนค่อนขัน
ลูบไล้ขัดสีฉวีวรรณทรงกระแจะจวงจันทน์กลิ่นเกลา
น้ำดอกไม่เทศทากว่าจะทั่วชโลมทั้งเนื้อตัวเหมือนปล่อยเต่า
กระจกตั้งนั่งส่องมองดูเงาจับเขม่ากันไรไปล่ปลิว
หวีกระจายรายเส้นขนเม่นสอยผัดหน้านั่งตบอยบีบสิว
เสกขี้ผึ้งสีพลางทางวาดคิ้วนุ่งผ้ายกริ้วมีราคา
เอาสไบปักทองเข้าลองห่มนึกชมตัวเองเปนหนักหนา
จะแต่งไปอวดมันจันท์สุดาน้ำหน้าอีจัญไรไหนจะมี
คาดเข็มขัดประจำยามงามล้ำทองคำน้ำหนักสักสิบสี่
กำไลลงยาราชาวดีมั่งมีได้มาแต่ตายาย
ใส่แหวนเพ็ชร์เม็ดแดงหัวแมงปอเขามาต่อห้าชั่งยังไม่ขาย
พิศดูตัวพลางทางยิ้มพรายกรุยกรายออกจากตำหนักนาง
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เรียกหาข้าไทอยู่อึงมี่ใส่เกือกกำมะหยี่หักทองขวาง
ถือพระกลดคันสั้นกั้นกางเยื้องย่างมาปราสาทพระทรงธรรม์
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงจึงหยุดเยี่ยมมองตรงช่องฉากพับลับแลกั้น
เห็นพระองค์ทรงโฉมโนมพรรณงามเหมือนเทวัญในชั้นฟ้า
ความรักรัญจวนครวญใคร่แต่เยื้อนยิ้มลไมอยู่ในหน้า
พลางเคาะเข้าไปให้เหลียวมาครั้นสบตาก็สะเทินเมินเมียง
ทำชม้อยชม้ายอายแอบแฝงแล้วแกล้งกระแอมไอให้เสียง
พูดจาว่าเปรียบเลียบเคียงเดินเลี่ยงแลชำเลืองเยื้องกราย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีนึกในใจหมาย
อีอุบาทว์บัดสีไม่มีอายมาเย้ายวนชวนชายได้ลงคอ
เห็นมันจะมั่นหมายเอาว่าผัวจึงแต่งตัวเต็มประดาขึ้นมาล่อ
ดูทีกิริยาเปนบ้ายอน่าหัวร่อน้อยฤๅนั่นขันสิ้นที
ชำเลืองดูเมียขวัญจันท์สุดาแล้วแลดูตาพระฤๅษี
ทำเมินเสียมิได้ไยดีจู้จี้ขี้คร้านรำคาญใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระดาบศอดยิ้มมิใคร่ได้
สกิดองค์อนุชาแล้วว่าไปอีจัญไรมันจะทำให้รำคาญ
เจ้าจงทายทักเสียสักนิดป้องปิดอย่าให้ความฟุ้งซ่าน
ถึงเถ้าแก่แต่ยังไม่เกินการจงคิดอ่านหว่านล้อมไว้ให้ดี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีได้ฟังดาบศพี่
จำเปนเห็นชอบท่วงทีจึงมีวาจาปราไสนาง
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ โฉมเอยโฉมเฉลาเปนไรเจ้าจึงสะเทินเหินห่าง
ยืนอยู่นั่นไยใช่ที่ทางแต่ก่อนนางน้องเอ๋ยไม่เคยเปน
สาละวนสนทนากับอาจารย์เจ้ามานานแล้วฤๅไม่ทันเห็น
คิดว่าต่อเวลาเย็นเย็นจึงจะไปพูดเล่นเจรจา
เจ้าขึ้นมาถึงนี่ยิ่งดีนักขอบใจไม่พักลงไปหา
น้อยฤๅนั่นชั้นเชิงกิริยาตะละสาวสิบห้าสิบหกปี
แต่งตัวเต็มประดาหน้าเปนนวลเหมือนจะชวนให้ชื่นใจพี่
ขอเชิญนางเมียหลวงท่วงทีดีมานั่งบนนี้ด้วยพี่ชาย
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้ฟังนางผินหลังหลบเลี่ยงเมียงม่าย
นึกจะไปนั่งด้วยก็ขวยอายอดสูดูร้ายรำคาญใจ
แกล้งทำแยบคายกระต่ายแก่แสนแง่แสนงอนค้อนให้
จะมาเรียกมาหาข้าไยมันไม่เหมือนเมื่อกระนั้นแล้ว
แค่เพียงชุบตัวใหม่ได้เมียสาวอุปมาเหมือนราวกับได้แก้ว
นี่ลูกปัดบัดสีไม่มีแววอย่าพึงนึกฦกแล้วจะเหลียวดู
เปนคนวาศนาน้อยถอยถดอาภัพอัปรยศอดสู
จะอยู่ได้แต่ระเบียงเพียงประตูไม่สมควรเข้าไปอยู่ในที่ทาง
แต่ปากหากแสร้งแกล้งเบือนบิดในใจให้คิดรักรูปร่าง
ลำลำจะใคร่นั่งลงหว่างกลางแล้วระคางขวยเขินเมินเมียง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นนางยังกางเกี่ยง
ยิ้มพลางทางลงไปจากเตียงแล้วกล่าวเกลี้ยงแกล้งปลอบให้ชอบใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ ยอดเอยยอดมิ่งจริงจริงรักเจ้าเปนไหนไหน
จะถือเชิงถือชั้นเช่นนั้นไยไม่เคยมาเคยไปฤๅไรน้อง
มิใช่คนอื่นจะขืนขัดอุแม่เอ๋ยฮึดฮัดตะปัดตะป่อง
ว่าพลางล้อเล่นเปนทำนองเลียมลองขยับจะจับมือ
อะไรเฝ้าค้อนควักผลักไสทำไมไม่เคยหยอกกันดอกฤๅ
จงเมตตาการุญเถิดบุญฦๅสบิ้งสบัดปัดมือพี่เสียไย
ถึงจะมีเมียอื่นสักหมื่นแสนหางามงอนอ้อนแอ้นเหมือนเจ้าไม่
ทั้งระแบบแยบยนต์กลในยังต้องจิตต์ติดใจไม่ลืมเลย
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าหัวร่อช่างยกยอหนักหนาเจ้าข้าเอ๋ย
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยมาเยาะเย้ยยิ้มพรายน่าอายใจ
ถึงว่ารักเมียก็รู้อยู่สิ้นจะแกล้งล่อพอให้กินเข้าได้
เมื่อท้าวแก่ชราเคยมาไปเดี๋ยวนี้ชุบตัวใหม่เปนหนุ่มนวล
รูปร่างกระจ้อยร่อยน้อยฤๅนั่นผิดกันกับเก่าสักเก้าส่วน
น้องนี้แก่เถ้าอย่าเฝ้ากวนไม่สมควรเคียงคู่ด้วยภูมี
สารพัดเผ้าผมไม่สมประกอบแก้มตอบฟันหักน่าบัดสี
อัปรยศอดสูดูไม่ดีอะไรนี่น่าชังทำซังตาย
ฯ ๘ คำ ฯ
             

๏ น่าเอยน่าสรวลยังไม่ควรดอกเจ้าจะเบื่อหน่าย
ถึงว่าเถ้าแก่ก็แต่กายเช่นนั้นมันจะหายไปเมื่อไร
ความกำหนัดสัตรีกับบุรุษไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน
จะอดสูดูร้ายอายใครเจ้ากับพี่มิใช่ไม่คุ้นเคย
เมื่อครั้งยังแก่อยู่ด้วยกันพี่ก็หมั่นเยี่ยมเยือนไม่เชือนเฉย
เดี๋ยวนี้ก็มิใช่จะละเลยนวลลอองน้องเอ๋ยอย่าทุกข์ร้อน
พี่จะช่วยอ้อนวอนพระมุนีหาฤกษ์งามยามดีให้ได้ก่อน
จึงจะชุบรูปเจ้าให้งามงอนขอผัดผ่อนสักหน่อยเถิดกลอยใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ วาเอยวาจาน้อยฤๅช่างโอภาปราไส
อุแม่เอ๋ยจะชุบให้ข้าไยทำไมกับอีเถ้าเฝ้าประตู
มันจะงามมิงามก็ตามทีอาภัพอัปรีไม่ควรคู่
เร่งหาฤกษ์เถิดพ่อให้หมอดูจะได้เษกสมสู่นางสาวน้อย
น่าชมสมเปนมเหษีท่วงทีกิริยาไม่ราถอย
มีบุญประเสริฐเลิศลอยจะได้พลอยเกื้อหน้าพระสามี
แน่นางรูปงามขอถามไถ่รู้จักมั่งฤๅไม่ผัวใครนี่
ไม่เสียดายพักตราจะราคีเจ้าของเขามีมาช่วงชิง
ชะช่างมารยาพิรากลทั้งระแบบแยบยนต์ขยันยิ่ง
แต่แรกเห็นแก่หง่อมไม่ยอมยิงทำสบัดสบิ้งชิงชัง
เดี๋ยวนี้หนุ่มน่ารักทำอักอ่วนเข้านั่งชิดสกิดกวนให้เกาหลัง
ไม่อดสูผู้คนทั้งรั้ววังเจ้าข้าเอ๋ยใครมั่งเขาอย่างนี้
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาฟังว่าน่าบัดสี
ยิ้มเยื้อนเบือนหน้าดูสามีแล้วเทวีตริตรึกนึกใน
อีเถ้านี้ขันจริงหยิ่งเย่อกูล้อเล่นให้เก้อก็จะได้
คิดพลางทางเดินออกไปใส่ไคล้แกล้งกล่าววาจา
เออนี่อะไรเล่าไม่เข้าการจะมาพาลโกรธขึ้งหึงษา
ร้องแรกตะโกนโพนทนาเย้ยหยันหยาบช้าประชดใคร
แรกเริ่มเดิมทีสามีท่านมาเกี้ยวพานพูดจาปราไส
ข้ามิได้ปลดปลงลงใจด้วยเห็นภูวไนยนั้นแก่นัก
ตาหูซานซมไม่คมสันเสวยหมากตะบันฟันฟางหัก
เดี๋ยวนี้ชุบตัวใหม่วิไลลักษณ์หนุ่มน้อยน่ารักรูปทรง
อย่าว่าแต่รุ่นราวสาวแส้ถึงเถ้าแก่ก็คิดพิศวง
ชื่นอารมณ์ข่มใจมิใคร่ลงตลึงหลงแลเล็งเพ่งพิศ
ทำเทียมเลียมลวนจะชวนชื่นท่านก็ไม่อยากยื่นมือสกิด
โกรธาตาแดงมาแผลงฤทธิ์หงุดหงิดงุ่นง่านทยานใจ
แน่พระมเหษีอย่ามี่ฉาวชุบตัวให้สาวขึ้นเสียใหม่
จงคืนเอาผัวของตัวไปว่าพลางทรามวัยก็หัวเราะ
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ แค้นเอยแค้นจริงเจ็บปวดยวดยิ่งกว่าปลิงเกาะ
ขึ้นหน้าท้าทายเถียงเทลาะจะใคร่ว่าให้เพราะสาแก่ใจ
จริงอยู่คะข้าเจ้ามันเถ้าแก่สองตาท่านจะแลดูที่ไหน
เปนสิทธิขาดของเจ้าจงเอาไว้จะคืนให้ข้าไยนางนงเยาว์
อย่าพักมาหัวเราะเยาะเย้ยเกินเลยเหลือกำลังไม่ฟังเจ้า
ถึงผัวรักหนักหนาก็ทำเนาอีเถ้าจะพรั่นพรึงอย่าพึงคิด
เชื่อรูปเชื่อร่างเหมือนนางฟ้าทั้งเกศาหอมฟุ้งจรุงจิตต์
ใส่น้ำมันจันทน์เจืออยู่เปนนิจความคิดแยบคายเจ้าหลายชั้น
เอาผมลอยน้ำมาเสี่ยงหาคู่จนได้ชู้ชอบใจดังใฝ่ฝัน
ลืมผัวตัวตายวายชีวันมาผูกพันพะวงหลงรูปชุบ
ดูหมิ่นเมียหลวงเข้าช่วงชิงจะทำกูให้กลิ้งเปนลูกขลุบ
คันมือคันไม้น่าใคร่ทุบเอาสักสองสามอุบดอกกระมัง
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเคียงนางอยู่ข้างหลัง
จึงห้ามว่าอย่าทำแต่ลำพังจงหยุดยั้งชั่งจิตต์คิดดู
เจ้าเปนถึงมเหษีมีศักดิ์พี่ก็รักแยบคายมากมายอยู่
ข้างนี้พึ่งมาใหม่ยังไม่รู้อย่าเพ่อทำจู่ลู่วู่วาม
เขาจะฦๅอื้อฉาวว่าเมียหลวงมาหึงษ์หวงจ้วงจาบหยาบหยาม
เถียงเทลาะเกาะแกะไม่แงะงามเหมือนหนึ่งหนามเกะกะระรั้ว
จงปรานีปรานอมออมอดงดงดเสียมั่งจะยังชั่ว
เขาจะได้ยำเยงเกรงกลัวเปนผู้ใหญ่ไว้ตัวให้สมควร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้อยเอยน้อยฤๅนั่นเชิงชั้นพูดจาเปนน่าสรวล
ชักทำเนียบเปรียบปรายหลายกระบวนเที้ยงแท้แต่ล้วนไม่ลำเอียง
เห็นว่านางเมียจะเสียทีหม่อมผัวตัวดีออกช่วยเถียง
อุแม่เอ๋ยยืนอยู่เปนคู่เคียงแกล้งมาเรียงอวดรูปข้าฤๅไร
น่ารักหนักหนานางหน้าเปนผัวดูอยู่เขม้นหาเมินไม่
จงเล้าโลมลูบคลำให้หนำใจอย่าให้มัวหมองต้องแดดลม
บุญตัวผัวหนุ่มเมียสาวเช่นนี้แล้วราวกับขนม
ทำไมมิชวนกันเข้าบรรทมเชยชมเช้าเย็นอย่าเว้นวาง
ขอโทษโปรดเถิดพระมุนีอะไรนี่นอกรีตมากีดขวาง
ผัวท่านจะคลึงเคล้าเย้าหยอกนางห้องกลางเปล่าอยู่นิมนตร์ไป
ยิ่งว่ายังมาหัวเราะเยาะเปนเหตุเพราะฤๅษีฤๅมิใช่
จะใคร่ว่าให้สาแก่น้ำใจบาปกรรมอะไรที่ไหนมี
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระสิทธาว่าเหม่มเหษี
เอออะไรรูปนั่งอยู่ดีดีมาพาลรีพาลขวางช่างไม่อาย
กูก็หาโกรธขึ้งมึงไม่จะช่วยว่าเกลี่ยไกล่เสียให้หาย
จึงลุกเดินออกมาหน้าน้องชายแล้วว่าสีกายายทำน่าชัง
ข้าสาวชาวแม่แออัดอยูไม่อัปรยศอดสูเขามั่ง
ตัวโยมก็เปนใหญ่อยู่ในวังมาอื้ออึงตึงตังดังโหมโรง
เปนถึงเมียท้าวเมียพระยาไม่ไว้ยศไว้สง่าอ่าโถง
อะไรนี่แก่เถ้าจะเข้าโลงโมโหมากปากโป้งโถงอึง
จงคิดอนิจจังฟังรูปห้ามนั่นแน่แร้งมันถามข่าวถึง
ไม่พอที่จะหุนหันดันดึงโกรธขึ้งหึงษ์หวงช่วงชิง
แม้นใครได้ยินจะนินทาพลอยอายขายหน้าเพื่อนผู้หญิง
เอ็นดูดอกจึงห้ามเปนความจริงนิ่งนิ่งเสียมั่งนั่งลงยาย
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังว่ายิ่งบ่นบ้าดาลเดือดไม่เหือดหาย
ใช่การของพระคุณอย่าวุ่นวายถึงแก่เถ้าเกือบจะตายก็ตามที
จะมิให้ว่ามั่งนั่งงอมือข้าไม่เชื่อไม่ถือพระฤๅษี
นี่แลตั้งมั่นในขันตีขันจะแตกสักทีอย่าได้แคลง
เห็นว่าวาศนามันตกต่ำไม่ชุบแล้วมิหนำมาซ้ำแช่ง
ชิช่างเกลื่อนกลบประจบประแจงช่วยประชันขันแข่งทำคึกคัก
เขาจะถุ้งเถียงกันฉันผู้หญิงพลอยวิ่งเข้ามาสวดอวดรู้หลัก
เรียกยายเรียกย่าน่าแค้นนักนางผูกคิ้วค้อนควักยักลูกคาง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าบัดสีช่วยห้ามให้ดีไม่เห็นบ้าง
กลับมาขวิดชนเอาคนกลางถากถางถุ้งเถียงขึ้นเสียงเกน
บาปบุญคุณโทษก็ไม่รู้เทลาะกูกำหมัดขัดเขมร
มึงจะลงนรกหกคเมนตกต่ำใต้เถนเทวทัต
กูเปนฤๅษีชีไพรอยู่ในเมตตาสมาบัติ
พากเพียรบำเพ็ญเคร่งครัดไม่อาสัจอาธรรม์ฉันทา
จะมาหยิบยกโทษโกรธขึ้งเปนเหตุเพราะผัวมึงสิไม่ว่า
ใช้คนไปนิมนตร์กูเข้ามาปรารถนาจะใคร่ชุบตัว
แต่แรกคิดจะชุบให้มึงมั่งเดี๋ยวนชังน้ำหน้ากระลาหัว
หฤโหดโฉดเขลาเมามัวไม่เจียมตัวว่าแก่กอแกไป
เอาแต่โมโหออกได้ความมันหงอกงามอยู่แล้วใครทำให้
ชุบเองเถิดเจ้าด้วยเขม่าไฟคัดปีกคัดไรให้ไปล่ปลิว
ฯ ๑๒ คำ ฯ
             

๏ แค้นเอยแค้นนักโมโหฮึกฮักชักหน้านิ่ว
ดุเดือดเต็มทีขึ้นชี้นิ้วผูกคิ้วค้อนพลางทางตอบคำ
นี่ฤๅเปนสัตย์ประทัดเที่ยงถึงทีได้เอียงแล้วเอียงคว่ำ
ตัดรอนค่อนว่าสาระยำหัวหงอกหัวดำก็ทำเนา
เจ็บร้อนอะไรใช่หัวตัวมันหงอกก็แต่หัวของข้าเจ้า
อื้ออึงอุแม่เอ๋ยมาเย้ยเย้าสอนให้จับเขม่าเมื่อปานนี้
อย่าพักพูดพิไรมิใช่การรำคาญเคืองหูจู้จี้
เร่งออกไปเสียยังกุฎีขืนอยู่ที่นี่จะเปนความ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ลมเอยลมเติบถ้อยคำกำเริบหยาบหยาม
ดูหมิ่นฤๅษีชีพราหมณ์ลวนลามเลี้ยวลดชดลิ้น
จะมาขับมาไล่ใครนี่รั้ววังทั้งนี้ของกูสิ้น
สมบัติพัศถานในแผ่นดินท้าวยินยอมยกให้แก่กู
จริงจริงนะสีกาไม่ว่าเล่นพระยาเธอเปนพยานอยู่
ถึงตัวเองอีเถ้าซื้อรู้ก็เปนข้าของกูด้วยเหมือนกัน
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวเราะพลางตบมือเยาะเย้ยหยัน
เออกระนั้นฤๅคะพระนักธรรม์ดีฉันพึ่งรู้ว่าเปนนาย
สมบัติบ้านเมืองแลเครื่องยศพระยายกให้หมดมอบถวาย
บริบูรณ์ทุกสิ่งข้าหญิงชายมั่งมีมากมายเจียวนายเรา
นางยอดรักร่วมอารมณ์ผมหอมผัวยอมยกให้ฤๅไม่เล่า
ฤๅจะไว้อิงแอบแนบเคล้าหยอกเย้ายียวนชวนชิด
หญิงชั่วฆ่าผัวเสียได้ไม่มีอาลัยแต่สักหนิด
ร่านหาชู้ชมก็สมคิดดัดจริตติดตามแม่สื่อมา
เข้าครอบครองเอาเปนเจ้าของจองหองฮึกฮักหนักหนา
หน้าเปนเล่นตัวเต็มประดากลับยิ้มเยาะข้าหน้าไม่อาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางจันท์สุดาโฉมฉาย
จึงว่าน่ารำคาญกับท่านยายจ้วงจาบหยาบคายขึ้นมึงมัน
นั่นแน่หัวหงอกเปนดอกเลาไม่เจียมตัวมัวเมาโมหันธ์
ฮึดฮัดกัดเหงือกทำงกงันยังไม่ขันขึ้นหน้ามาด่าทอ
เสกแสร้งมุสาว่าฆ่าผัวต่อจะเคยกับตัวกระมังหนอ
พูดได้ไม่อายแก่ปากคอสับประติดสับประต่อเจรจา
นี่เนื้อว่าเคราะห์เพราะใจเบาเชื่ออีเถ้าทุจริตอิจฉา
ลวงฆ่าผัวตายวายชีวาแล้วซ้ำพามาให้มีคาว
จนท่านเมียหลวงมาหวงหึงษ์น้อยฤๅอื้ออึงมี่ฉาว
พระดาบศเมตตาข้าสักคราวช่วยชุบให้เปนสาวสิบห้าปี
จะได้สมใจหมายหายงุ่นง่านข้าขี้คร้านรำคาญหูจู้จี้
อุแม่เอ๋ยฮึดฮัดหมัดมวยดีเออกระนี้ทำเข้าก็เปนไร
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เหลือเอยเหลืออดมาประชดประชันน่าหมั่นไส้
อย่าพักท้าเลยคะไม่ละใครว่าแล้วเลี้ยวไล่จะตีนาง
ฉวยฉุดยุดมือไม่ถนัดสองพระองค์ป้องปัดขัดขวาง
ยิ่งคิดแค้นใจร้องไห้พลางสู้ตายวายางชีวิตม้วย
ผัวเขาก็เห็นกันเปนดีพระฤๅษีนี้เล่าก็เข้าด้วย
จะทำไมได้มีทีนี้รวยมีผู้ชูช่วยนางเนื้อทิพย์
หาไม่ไหนจะคัณนามือเช่นนี้แล้วฤๅกูกินดิบ
ขึ้นหน้าค้าคารมคมริบให้มันมาห้าสิบไม่พรั่นพรึง
ทำไมกับชีวิตนิดหนึ่งนี้ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง
โมโหหุนหันดันดึงเข้าไล่หยิกทึ้งทุบตี
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นพระคาวียืนขวางนางโฉมศรี
แล้วว่ายายเถ้าดูเอาซีข้าห้ามดีดีแล้วมิฟัง
ดูดู๋ฮึกฮักเข้าผลักไสเดี๋ยวนี้ก็ขัดใจขึ้นมามั่ง
น้อยฤๅดื้อดึงดันทุลังพระไสหลังล้มคว่ำคมำไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีก็ร้องไห้
อับอายสาวสวรรค์กำนัลในแค้นใจพ้อตัดภัศดา
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยจะเกินเลยลวนลามหยามน้ำหน้า
เพียงได้นางสาวศรีคนนี้มาลืมอีเถ้าชราข้าหลวงเดิม
๏ พาลผิดด่าทอไสคอเสียให้หม่อมเมียขึ้นหน้าพาฮึกเหิม
พระฤๅษีนี้ก็ช่วยแต้มเติมยุเสริมส่งซ้ำค้ำชู
ทีนี้นางสาวน้อยคงลอยล่องวาศนาเต็มกองขึ้นสุดกู่
อย่าพักชี้นิ้วนั่งตั้งกระทู้จะมาขู่ข่มใครให้กลัวเกรง
อกเอ๋ยอับอายสู้ตายเสียไม่อยู่ให้ผัวเมียเขาข่มเหง
ไหนไหนไม่เปนโตงเปนเตงเพราะกรรมของตัวเองจะโทษใคร
อีเถ้าทัศประสาทมันสอพลอมายุแยงแกล้งก่อเหตุใหญ่
เจ้าขรัวยายนายเรือเอกไชยไปรับอีอะไรไม่รู้มา
ทำให้เคืองขุ่นวุ่นทั้งวังยังจะมาแอบฟังนั่งลอยหน้า
จะตีให้บัดซบตบด้วยกะลาพลางเรียกข้าเข้ากลุ้มรุมรัน
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทัศประสาทตัวสั่น
ต้องตีต้องตบหลบไม่ทันงกงันลุกล้มไม่สมประดี
ร้องขอโทษพลางครางออดวิ่งตะกายเข้ากอดพระฤๅษี
แล้วคิดกลัวอาญาพระคาวีลนลานคลานหนีเก้กัง
ปากบ่นภาวนาว่าออกเปื้อนไหลเลื่อนเอาหน้ามาเปนหลัง
แม่จันท์สุดาช่วยด้วยสักครั้งลูกจะม้วยชีวังเปนมั่นคง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังว่าจันท์สุดาถือไม้ไล่ตีส่ง
ทุดอีเถ้าจัญไรมึงไม่ตรงล่อลวงกูหลงงงงวย
ฆ่าผัวกูตายไม่หายแค้นจะตบตีตอบแทนทำมึงด้วย
อย่าพักสงสัยจะไม่ม้วยใครเขาจะช่วยชีวิตมึง
พวกอีไม่ตรงหลงผัวหลับตาเล่นตัวละเมอหึงษ์
เต้นแร้งเต้นกาด่าอึงโกรธขึ้งหึงษ์กูไม่ดูเงา
มึงอย่าทำสำออยลอยหน้าทีนี้น้ำตาเช็ดหัวเข่า
ว่าพลางตบตีไม่มีเบายายเถ้าทัศประสาทเพียงขาดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เหลือเอยเหลือทนเจ็บพ้นปัญญาน้ำตาไหล
กลัวแล้วเจ้าประคุณขออภัยพลางยกมือไหว้นอบนบ
จะหลีกไปข้างนั้นก็ถูกตีเหลียวมาข้างนี้ก็ถูกตบ
หน้าตาบวมบอบลงหมอบซบกลิ้งเกลือกเสือกสลบไม่สมประดี
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
ขัดใจยายเถ้าเต็มทีทุบตีด่าทอพอแรง
อีแม่สื่อซุกซนคนเอกโหยกเหยกขยันเหลือเบื่อแช่ง
สาแก่ใจเจ็บปวดชวดกินแกงทีนี้หนอพอแรงมึงฤๅยัง
แล้วผินมาว่ากล่าวกับท้าวไทช่างหลงใหลไปทีเดียวไม่เหลียวหลัง
ได้ใหม่ลืมเก่าเฝ้าชิงชังไม่อินังขังข้อเลยพ่อคุณ
เห็นชั่วช้าอาภัพอับเฉาทำได้ทำเอาเหมือนเต่าตุ่น
มิขอยู่สู้ตายตามบุญนางเคืองขุ่นหมุนกลับมาฉับไว
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้ากลางห้องขึ้นบนแท่นทองแล้วร้องไห้
เจ็บอกหมกมุ่นขุ่นแค้นใจนางครวญคร่ำร่ำไรรันทด
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นองค์พระเชษฐาดาบศ
จึงกล่าวสุนทรมธุรสแก่ทรงยศอนุชาคาวี
อีเถ้าเจ้ากรรมมันทำความมาติดตามหวงหึงษ์อึงมี่
เจ้าผลักไสไล่ส่งเสียวันนี้เห็นทีมันจะแค้นเคืองนัก
คำบุรานท่านว่าไว้เปนครูธรรมดาตีงูให้หลังหัก
จะวางใจไม่ได้นะน้องรักมันมักมาดหมายทำร้ายเรา
จะมิให้เปนสุขเฝ้าหยุกยิกจุกจิกเจ็บช้ำน้ำใจเจ้า
ขึ้นชื่อว่าศัตรูอย่าดูเบานิ่งเสียกระนี้เล่าจะเกิดความ
จงไปผัดผ่อนให้อ่อนลงหนามยอกย่อมบ่งออกด้วยหนาม
อย่าให้เกิดกลียุคลุกลามจะได้ความผาสุกสืบไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวียิ้มย่องสนองไข
น้องนี้นึกชังอีจังไรช่างไม่รู้ตัวมัวมึน
จะไปพูดเกลี่ยไกล่เปนไมตรีเห็นทีจะทำหนักคึกคักขึ้น
น้ำใจในคอมันบึกบึนโฉดเขลาเมามึนโมโหร้าย
ยิ่งห้ามให้นิ่งเหมือนยิ่งยุยังกลับดุดาลเดือดไม่เหือดหาย
น่อยหนึ่งมันจะว่าข้าวุ่นวายหยาบคายเคืองหูอดสูใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระพี่ยายิ้มแล้วแถลงไข
ช่างกลัวมันเหมือนเสือเห็นเหลือไปดูราวกับมิใช่เปนเจ้าชู้
เสียแรงรู้แยบคายก็หลายเพลงจะมานั่งกลัวเกรงผู้หญิงขู่
อุตส่าห์ขืนแขงใจไปลองดูพี่เห็นจะไม่สู้กะไรนัก
จงทำเทียมเลียมเลี้ยวเกี้ยวพานง้องอนอ่อนหวานอย่าหาญหัก
ว่าจะชุบขึ้นให้วิไลลักษณ์เห็นมันจักลุ่มหลงปลงวิญญา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นชอบด้วยเชษฐา
ยิ้มแห้งแข็งใจไคลคลาโขลนจ่านำไปด้วยใจปอง
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงที่สำนักตำหนักนางพระค่อยเยื้องย่างเข้าในห้อง
หยุดยืนแฝงม่านเมียงมองดูทำนองแยบคายร้ายดี
เห็นนางนั่งกอดเข่าเข้าโศกาเช็ดน้ำตาน้ำหูยู่ยี่
นั่งลงเคียงข้างนางเทวีแล้วทำทีสนิทชิดเชื้อ
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ปลื้มเอยปลื้มใจพี่รักใคร่ผูกพันฟั่นเฝือ
นึกแต่จะอิงแอบแนบเนื้อแม้นมิเชื่อโฉมตรูคอยดูเอา
ใช่แสร้งสมทบกลบเกลื่อนถึงได้ใหม่ก็ไม่เหมือนเมียเก่า
ทั้งแก่ก็จริงยังพริ้งเพราสาวแส้แพ้เจ้าไม่เท่าเทียม
พี่ต้องจิตต์ติดใจอยู่หนักหนาจึงลงมาถึงเรือนเยือนเยี่ยม
ไม่ผินพักตร์ทักถามตามธรรมเนียมชม้อยชม้ายอายเหนียมพี่ไย
ว่าพลางทางขยับจับต้องเลียมลองโลมลูบหลังไหล่
ดูเถิดทำเก้อเอออะไรเฝ้าค้อนควักผลักไสไปทีเดียว
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้ฟังนางนั่งนิ่งแน่ไม่แลเหลียว
ไพเราะเพราะพริ้งจริงจริงเจียวช่างลดเลี้ยวปรายเปรียบเลียบเคียง
นึกจะใคร่ดีด้วยก็ขวยอายแกล้งทำแยบคายบ่ายเบี่ยง
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลงจากเตียงมายืนเมียงแอบม่านด้วยมารยา
คิดถึงความหลังยิ่งคลั่งใจเธอผลักไสให้อายขายหน้า
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นอุราพลางบ่นบ้าพาโลโศกี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นนางขนางหนี
เสด็จเดินตามมาแล้วพาทีทำยั่วเย้าเซ้าซี้ยียวน
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ งามเอยงามปลอดเจ้าเปนยอดมเหษีที่สงวน
อย่าเศร้าสร้อยโศกศัลย์รัญจวนเสียดายหน้านวลนวลจะมอมแมม
ขัดใจอะไรเล่าเฝ้าโศกาจนน้ำตาเปนคราบอาบแก้ม
จะวอนว่าเท่าไรไม่ยิ้มแย้มยังมิหย่อนย่อมแต้มลงบ้างเลย
ท่วงทีทำราวกับสาวแส้จนเหลือแหล่ลอยเลิศเปิดเผย
รู้ระแบบแยบยนต์เปนคนเคยอุแม่เอ๋ยอดใจไม่ใยดี
โกรธาฤาน้องรักว่าผลักไสเจ็บปวดเปนกะไรดวงใจพี่
หยอกกันเมื่อกระนั้นยิ่งกว่านี้ไม่พอที่จะโมโหโกรธา
เจ้าสิทำหยาบคายให้อายเขาพี่เฝ้าวิงวอนไม่ผ่อนหา
อัปรยศอดสูจันท์สุดาพระสิทธาเธอยิ้มไยไพ
ส่วนโทษเจ้าผิดไม่คิดบ้างจะมาคราครวญคร่ำใครทำให้
ก่นแต่ขัดเคืองเนืองไปน่าชังมั่งฤๅไม่เจ้ามารยา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ ถ้อยเอยถ้อยคำเจ็บช้ำน้ำใจเปนหนักหนา
ค้อนพลางทางตอบวาจาช่างเถิดหน้าตามันหมองมอม
กลการอะไรเล่ามาเซ้าซี้อุแม่เอ๋ยทำทีเปนโอบอ้อม
ช่างสำออยอ่อนหวานหว่านล้อมนี่ฤๅนางผมหอมมิยอมยิน
พอรู้เท่าเข้าใจกันอยู่ดอกอย่าลดเลี้ยวลวงหลอกกลอกกลิ้ง
กลับมายกโทษทัณฑ์ขันจริงเสแสร้งทุกสิ่งใส่ไคล้
สารพัดจะว่าประดาเสียเจ็บแค้นแทนเมียเข้าผลักไส
ส่วนทำเขาถึงกระนี้ก็ดีไปยังจะยกตัวไพล่ขึ้นเหนือลม
อย่าหยุกหยิกรังหยาวใช่สาวแส้มันคนแก่คนเถ้าแพ้เผ้าผม
รูปร่างชั่วช้าไม่น่าชมเจ้าคารี้สีคารมพอสมตัว
ทั้งอาภัพอัปรลักษณ์หนักหนาพระก็ตรัสเปนตราแล้วว่าชั่ว
จะขืนเข้าใกล้ช่างไม่กลัวหน่อยจะพาให้มัวมอมไป
เชิญเสด็จภูวไนยออกไปเสียหม่อมเมียเขาจะว่าข้าได้
ปากคอพอดีไปเมื่อไรยังเจ็บใจอยู่จนประเดี๋ยวนี้
ฯ ๑๔ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เอวเอยเอวบางบ่นตะบอยร้อยอย่างร้อยสี
พี่มาว่ากล่าวแต่โดยดีอะไรนี่น้อยฤๅทำดื้อดึง
เอาแต่คารมมาข่มขู่รำคาญหูจู้จี้ขี้หึงษ์
ขัดใจจันท์สุดาหน้าตึงยกโทษโกรธขึ้งเขาข้างเดียว
ช่างพูดได้ง่ายง่ายไม่อายปากโมโหมากหมกมุ่นฉุนเฉียว
หวงแหนหึงษ์ผัวตัวเปนเกลียวจนเสียงขุ่นเสียงเขียวคอเปนเอ็น
พี่ก็ไม่มัวเมาเข้าข้างใครจะว่าตามจริงใจให้เจ้าเห็น
เราจาบจ้วงหวงหึงษ์เขาจึงเปนจนเกิดเข็ญเคืองขุ่นวุ่นทั้งวัง
เจ้าก็เปนคนในมิใช่โง่ไม่บันเทาโทโสลงเสียมั่ง
พี่รักเจ้าจริงจริงไม่ชิงชังอุตส่าห์มาว่าหวังจะให้ดี
องค์พระดาบศก็อดโทษท่านจะโปรดชุบให้เหมือนเช่นพี่
รูปงามเปนสาวแล้วคราวนี้เซ้าซี้อยู่ไยไปด้วยกัน
ว่าพลางฉวยฉุดยุดคร่ากุมกรกัลยาพาผายผัน
เออนี่อะไรทำใจรั้นหุนหันฮึดฮัดสบัดมือ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
             

ร่าย
๏ แค้นเอยแค้นนักข้าไม่มักหัวไปทำไมฤๅ
ข่มเหงคนเข้าฉุดยุดยื้อถูกถือยั่วเย้าเฝ้าตอแย
มิข่วนหยิกให้ยับก็ลองดูจะฝากไปให้ชู้ช่วยชมแผล
ชิชะเชิงชั้นช่างผันแปรมาพูดแก้แทนกันขันสิ้นที
ข้าเข้าใจอยู่ดอกอย่าหลอกล่อจะลวงให้ไปง้อพระฤาษี
สู้ตายวายวางชีวีไม่เชื่อถือโยคีชีเปลือย
ทำผิดกิจกรมประสมประสานหยาบช้าสามาญเหมือนขี้เลื่อย
ใจคอคดคู้ดังงูเลื้อยไม่อยากง้อให้เหนื่อยขี้คร้านไป
ถึงมิชุบให้งามก็ตามเถิดผิดก็ตายเสียเกิดเอาชาติใหม่
ว่าพลางครวญคร่ำร่ำไรสอึกสอื้นไห้ไปมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เจ้าเอยเจ้าโมโหร้องไห้โฮโฮพาโลข้า
จะห้ามก็ไม่หยุดสุดปัญญายิ่งกว่าบ้าหลังน่าชังนัก
ให้ไปหาพระฤๅษีก็มิไปเอออะไรนี่เล่าเฝ้าหน่วงหนัก
ดึงดื้อถือทิฐิฮึกฮักมันจักงามเสียแล้วทีนี้
ท่านจะชุบให้เปนสาวสิว่าชั่วทำกับตัวเปล่าเปล่าไม่พอที่
ส่องกระจกดูฤๅนั่นขันสิ้นทีน่าบัดสีสมประกอบแก้มคาง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เจ็บเอยเจ็บอกฉวยกระจกขึ้นกระแทกแตกผาง
ต่อยตลับขวดเฟืองเครื่องสำอางทิ้งขว้างหกคมำทั้งสำรับ
ทุบกระถางกระโถนโยนผลุงฉีกที่นอนหมอนมุ้งเอามีดสับ
ใครอย่ามาจุกจิกหยิกให้ยับผีบ้ามันจับแล้วทีนี้
อุแม่เอ๋ยเย้ยเยาะหัวเราะข้าอีคนร้ายรามากะทาสี
น้ำใจในคอใช่พอดีมันราวกับอัคคีไหม้หลังคา
ก็ย่อมรู้ย่อมเห็นมาเล่นไฟขืนเข้ามาไยใกล้เคียงข้า
หน่อยจะลามเลียลนเอาขนตาหนังกำพร้าจะลอกปอกเปื่อยพอง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้อยเอยน้อยฤๅสนุกมือทำไมกับเข้าของ
ถ้วยโถทุบกระแทกแตกเปนกองหยาบคายร้ายรองเต็มประดา
ราคาค่างวดสักกี่เบี้ยต่อยเสียอีกเถิดพี่ไม่ว่า
หน่อยหนึ่งก็ตะเภาจะเข้ามาค่อยซื้อหาเอาใหม่อย่าทุกข์ร้อน
ไม่พอที่ตีวัวกระทบคราดสัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน
แสร้งสบิ้งสบัดตัดรอนจะช่วยสอนให้ดีก็มิเอา
ดีแต่ทำปั้นปึ่งขึ้งขี้เหร่โว้เว้ใจหายเจียวยายเถ้า
ไม่เสงี่ยมเจียมตัวมัวเมาเออเอาแต่อะไรมาบ่นอึง
เมื่อมิรักรูปงามก็ตามใจทีนี้นะใครอย่าไปหึงษ์
ขี้คร้านอยู่เฝ้าพเน้าพนึงเถิดขึ้งโกรธแล้วก็แล้วไป
ว่าพลางทางทำเดินออกมาดูทีจะว่าเปนไฉน
มาฉวยฉุดยุดคร่าข้าไว้ไยเอออะไรน่าชังทำรังแก
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวร่อใจคอฉุนเฉียวทีเดียวแหล
ขันจ้านเจียวหนอทำท้อแท้ประเดี๋ยวใจจะแร่กลับไป
ฤๅรำฦกตรึกถึงเมียรักไม่เห็นพักตร์สักครู่อยู่ไม่ได้
เช่นนี้แล้วหลับตาลงมาไยเถิดคะไม่ละให้จรลี
จะจัณฑาลทารกรรมทำเข็ญเกาะไว้ดูเล่นเช่นลูกหนี้
ให้สาแก่ใจคนเล่ห์กลดีพาลรีพาลขวางช่างพูดจา
ยกโทษโกรธขึ้งว่าปึ่งปั้นทีนี้จะผ่อนผันหันหา
ถึงจะใช้ให้ขึ้นบนหลังคาเต้นโลดโดดลงมาจะทำตาม
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าสำนวนแต่ล้วนขันคนองเปนสองง่าม
ช่างสำออยออมอดงดงามเอ๊ะจะหย่อนผ่อนตามแล้วฤๅไร
เดิมทีทำกะตัวตะละสาวดูราวกับแรกเข้าหอใหม่
จนขี้เกียจวิงวอนออกอ่อนใจจะห้ามเจ้าเท่าไรก็มิฟัง
ถ้าว่าหาไม่ที่ไหนนางน่าแพ่นลงสักผางที่กลางหลัง
หากคิดนิดเดียวดอกกระมังจึงหยุดยั้งตามใจให้เจ้าฮึก
แม้นไม่เวทนาจะหย่าเสียชู้เมียดีดีมีมิตรึก
ว่าไว้ให้รู้จักสำนึกรู้สึกตัวแล้วก็แล้วไป
๏ จงอาบน้ำอาบท่าทาแป้งจัดแจงแต่งตัวหวีหัวใหม่
เอาธูปเทียนเข้าตอกดอกไม้รีบไปขอษมาลาธิกรณ์
พี่จะลาโฉมยงนงคราญไปตรวจตราเตรียมการไว้ท่าก่อน
สั่งเสร็จเสด็จบทจรมาปราสาทภูธรทันที
ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงประณตน้อมเกศกราบบาทบทเรศพระฤๅษี
เปรมปริ่มยิ้มแย้มยินดีพาทีทูลแถลงแจ้งกิจจา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีก็หรรษา
จึงตรัสสั่งนางกำนัลมิทันช้าจงเร่งหาเข้าตอกดอกไม้
จะไปขอษมาพระอาจารย์นิมนตร์ท่านช่วยชุบตัวให้
ถ้ารูปงามเปนสาวเห็นท้าวไทจะรักใคร่หายโกรธโปรดปรานกู
ทำไมกับมันอีจันท์สุดาจะตีด่าให้กลัวตัวเปนหนู
ไม่ช้านักสักน่อยมึงคอยดูตัวกูจะเปนสาวแล้วคราวนี้
ว่าพลางนางเข้าที่สรงขมิ้นผงลูบไล้ขัดสี
ผัดหน้าทาแป้งแต่งเต็มที่ดูดีงดงามขึ้นครามครัน
นุ่งผ้าโขมพัตรผุดผ่องห่มสไบกรองทองเฉิดฉัน
ครั้นเสร็จเสด็จจรจรัลสาวสรรค์กำนัลนางต่างตามมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงท้องพระโรงหลังก็รั้งรอทำลับลับล่อล่อหลบหน้า
อัปรยศอดสูพระสิทธาเข้าแฝงฝาผนังบังกาย
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีชื่นชมสมหมาย
ยิ้มพลางทางทำทักทายนี่แน่นางโฉมฉายช่างกะไร
แต่งตัวน้อยฤๅเจ้าเฝ้าตะบอยพี่นั่งคอยจนเหงื่อจมูกไหล
เจ้าเล่ห์เจ้ากลเปนพ้นไปทั้งแยบคายภายในก็ฦกลับ
มาแล้วฤๅเจ้าเข้ามานี่พี่วอนว่าพระฤๅษีไว้เสร็จสรรพ
จะชุบองค์นงคราญนั้นท่านรับเจ้าจงคำนับพระมุนี
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
สบิ้งสบัดขัดเคืองพระสามีเทวีรีรออยู่ช้านาน
แล้วอุตส่าห์แขงขืนฝืนใจจำเปนจำไปสมัคสมาน
ถือธูปเทียนดอกไม้ใส่พานค่อยคลานเข้าไปใจทึกทัก
คิดขยั้นครั่นคร้ามพรฤๅษีด้วยเดิมทีถุ้งเถียงกับเธอหนัก
ทั้งสะเทินทั้งอายขายหน้านักก้มพักตร์เมียงม่อยค่อยกระซิบ
แขงใจขอษมาพระอาจารย์ลนลานหลงใหลไม่ได้สิบ
พึมพำทำแต่ปากยิบยิบอู้อี้อุบอิบอยู่ในคอ
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
             

๏ เมื่อนั้นพระดาบศนิ่งฟังนั่งหัวร่อ
ยิ้มพลางทางว่าได้ด่าทอรูปขอษมาสีกาโยม
เธอจะต้องสัญญาว่ากันด้วยที่จะให้กูช่วยชุบรูปโฉม
ต้องทำการอึกกระทึกครึกโครมเอาฟืนไฟใส่โหมให้ลุกฮือ
จะให้เจ้าเข้านั่งริมกองไฟร้นรนจะทนได้แล้วฤๅ
จะไปทำวุ่นวายเมื่อปลายมือปฤกษาหารือเสียเดี๋ยวนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
ได้ฟังว่าน่ากลัวเต็มทีเทวีอ้ำอึ้งตลึงตไล
ครั้นจะมิรับคำทำตามกลัวรูปจะหางามเหมือนผัวไม่
ครั้นพระดาบศเตือนเยื้อนตอบไปร้อนรนอย่างไรก็ตามบุญ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเสริมซ้ำกระหน่ำหนุน
องค์พระสิทธาท่านการุญชุบพี่พึ่งรุ่นหนุ่มฟ้อแฟ้
ยังเถ้าแก่แต่เมียเสียน้ำใจจะใคร่ให้รุ่นราวสาวแส้
จงตั้งใจตั้งคออย่าท้อแท้เปนแต่ร้อนรนก็ทนเอา
ว่าพลางทางสั่งเสนีจงกองไฟไว้ที่หลุมเก่า
ม่านกั้นเหมือนกันกับชุบเราเร่งรัดเร็วเข้าให้ทันการ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาคำนับรับบรรหาร
ลุกแล่นออกมาหน้าพระลานแต่งการครบครันมิทันช้า
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีเสแสร้งแกล้งว่า
รูปนี้สมเพชเวทนาจะช่วยชุบสีกาเสียเดี๋ยวนี้
ขอเชิญท้าวไทเข้าไปด้วยจะได้ช่วยตักเตือนมเหษี
ว่าพลางทางเสด็จจรลีพระคาวีเชิญนางพลางตามมา
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงม่านกั้นชั้นในเห็นเปลวไฟเริงแรงแสงกล้า
พระฤๅษีจึงมีวาจาเชิญสีกาเข้านั่งริมกองไฟ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีเสียวไส้
หยุดยืนลูบอกตกใจน่ากลัวกะไรกะนี้นา
เพลิงแรงน้อยฤๅพระฤๅษีอยู่ถึงนี่ยังร้อนเปนหนักหนา
เข้านั่งใกล้ไหนจะรอดชีวานางบิดพลิ้วนิ่วหน้าระอาใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระดาบศอดยิ้มมิใคร่ได้
เสแสร้งแกล้งร้องว่าไปเปนกะไรถอยหลังรั้งรอ
นี่ฤๅว่ากล้าทำตาขาวไม่พอใจเปนสาวแล้วฤๅหนอ
จวนเพล่ำเพลาอย่าย่อท้อตั้งใจตั้งคอให้จงดี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
อัปรยศอดอายพระมุนีเทวีนึกมานะแข็งใจ
ตรงเข้าไปนั่งลงข้างหลุมเพลิงรุมร้อนรนไม่ทนได้
ลุกขึ้นเต้นปัดปัดสบัดสไบอกใจระรัวตัวสั่นท้าว
ผินมาว่าแก่พระนักสิทธิ์ข้าเห็นผิดตำราที่ว่ากล่าว
เพลิงแรงร้อนเหลือจนเหงื่อพราวมันจะสาวมิสาวก็ตามที
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีจึงว่าอย่าอึงมี่
เมื่อชุบพี่คราวก่อนร้อนกว่านี้ดูเปลวอัคคีออกวุบวับ
พี่อุตส่าห์แข็งเนื้อแข็งใจโดดแผลวลงไปไฟก็ดับ
นี่ชรอยวาศนาเจ้าอาภัพจึงกระสับกระส่ายวุ่นวายไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีก็ร้องไห้
สอื้นพลางทางว่าน่าน้อยใจบอกว่าทนไม่ได้ไม่เชื่อเลย
ดูเยี่ยงท้าวไทใจกล้าแกล้วเป็นหนุ่มแล้วไม่อินังนั่งเฉย
คอยแต่หัวเราะเยาะเย้ยฟ้าผี่เถิดเอ๋ยน่าแค้นใจ
คิดว่าผัวมาด้วยจะช่วยมั่งมิรู้นั่งดูเล่นก็เปนได้
นางตีโพยตีพายมากมายไปร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีทำว่าน่าบัดสี
ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้พาลรีพาลขวางทุกอย่างไป
กลับมาโกรธคนอื่นครื้นเครงที่ตัวขี้ขลาดเองหาว่าไม่
ร้องไห้เก้อเก้อเอออะไรขัดใจขึ้นมามั่งแล้วจริงจริง
เวทนาอุตส่าห์ช่วยตักเตือนกลับแชเชือนฮึดฮัดสบัดสบิ้ง
ขี้คร้านง้องอนวอนวิงมิใช่สิ้นผู้หญิงทั้งพารา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระฤๅษีพลอยซ้ำร่ำว่า
เปนน่าสมเพชเวทนาไม่พอที่สีกาทำวุ่นวาย
แต่แรกรูปก็สัญญาต่อหน้าผัวอันชับเนื้อชุบตัวมิใช่ง่าย
ข้างสีกาก็ว่าไม่กลัวตายยังกลับกลายเสียได้กูไม่เคย
มาร้องไห้เปนลางอยู่อย่างนี้ก็เสียกิจพิธีแล้วโยมเอ๋ย
อย่าขึ้งโกรธโทษผัวของตัวเลยบุญเราไม่เคยได้โปรดกัน
ว่าพลางทางแสร้งเสสรวลตรัสชวนน้องชายผายผัน
ออกจากม่านทองจรจรัลนางคันธมาลีก็ตามมา
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ พระดาบศขึ้นนั่งบัลลังก์อาศน์พรั่งพร้อมพระญาติวงศา
จึงแกล้งพูดให้สิ้นนินทารูปสงสารนางพระยานี้สุดใจ
จะชุบให้รุ่นราวเหมือนท้าวผัวนางก็กลัวร้อนรนไม่ทนได้
ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมทำไว้ผะเอิญให้เคืองขุ่นวุ่นวาย
รูปมาช่วยป่วยการก็นานช้าจะขอลาญาติโยมสิ้นทั้งหลาย
แล้วเสแสร้งแกล้งตัดกับน้องชายรูปขอถวายพระพรลา
ว่าพลางทางทำเปนเคร่งครัดถือพัดขนนกป้องหน้า
ออกจากวังในรีบไคลคลากลับไปพาราด้วยฤทธี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีทำโกรธมเหษี
จึงว่านี่แน่นางคันธมาลีท่านจะชุบให้ดีก็มิเอา
ไม่พอใจให้ตัวเปนสาวแส้ก็อยู่ตามประสาแก่เถิดสิเจ้า
ทีนี้อย่าไปมาหาเราพระตรัสเท่านั้นแล้วก็ลุกมา
เข้าในห้องสุวรรณบรรจงขึ้นนั่งเตียงเคียงองค์ขนิษฐา
เชยชมเมียขวัญจันท์สุดาแล้วเล่าแจ้งกิจจาสารพัน
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีให้หุนหัน
อายเหล่าสาวสนมกำนัลก็งกงันมายังตำหนักนาง
ตรงขั้นแท่นรัตน์ชัชวาลย์ให้งุ่นง่านหงุดหงิดปิดหน้าต่าง
ทอดองค์ลงคร่ำครวญครางเพียงนางจะวินาศขาดใจ
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
             

พระคาวีรบกับไวยทัต

๏ บัดนั้นเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
เจ็บปวดยับย่อยด้วยรอยไม้ฝนไพลทาแผลที่บวมฟก
นั่งคิดถึงตัวกลัวตายให้เสียดายชีวาน้ำตาตก
ครั้งนี้กูเหมือนอยู่ในนรกเขาตีชกตบต่อยย่อยยับ
พระคาวีมาได้ถึงในวังใครยังไม่แจ้งกิตติศัพท์
แต่ตัวของกูรู้ความลับเห็นจะจับฆ่าเสียด้วยแค้นนัก
จำจะบอกออกความทั้งนี้ให้นางคันธมาลีแจ้งประจักษ์
คิดแล้วอีเถ้าทรลักษณ์รีบมาตำหนักนางเทวี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงค่อยมองเมียงเห็นเงียบสุ้งเสียงสาวศรี
ใครจะเดินไปมาก็ไม่มีได้ทีค่อยย่องมองดู
เห็นนางครวญคร่ำร่ำร้องไห้จะลุมเล้าเข้าไปก็กลัวอยู่
รอรั้งนั่งเพียงปากประตูในตาสอดลอดดูตามม่านทอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีเศร้าหมอง
ได้ยินเสียงกรุกลุกขึ้นมองหมายว่าผัวย่องตามลงมา
ทำหลบเลี่ยงเอียงอายชม้ายชม้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในหน้า
ผินหลังนั่งดัดกิริยาชักผ้าห่มปิดทำบิดพลิ้ว
แล้วหยิบพานหมากมาหามะกรูดเอาเล็บขูดแกะก้มดมผิว
นั่งหยัดดัดจริตกรีดนิ้วหยิบพัดด้ามจิ้วมาโบกลม
แล้วแกล้งทำทิ้งพัดสบัดหน้าแค้นหนักหนาอะไรไต่ผ้าห่ม
ครั้นผัวไม่เข้ามาเหมือนอารมณ์ลงจากแท่นบรรทมเดินออกไป
แลเห็นเปนเถ้าทัศประสาทพยาบาทหุนหันมันไส้
เหลียวซ้ายแลขวาคว้าไม้เคืองขุ่นหมุนไปจะตีรัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเถ้าทัสประสาทกลัวตัวสั่น
ก้มกราบบาทาแล้วว่าพลันแม่อย่าเพ่อหุนหันจงเงือดงด
ซึ่งลูกรับจันท์สุดมามาไว้ให้แม่ได้ความอายอัปรยศ
ควรจะเคืองขุ่นแค้นแทนทดถึงชีวิตปลิดปลดไม่น้อยใจ
ยังพะวงสงสารแม่ทูลหัวไม่รู้ตัวงวยงงหลงใหล
พระทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชยตายเสียในไฟนั้นแน่นัก
อันพระโฉมยงองค์นี้สามีจันท์สุดาข้ารู้จัก
พระฤๅษีนี้ชรอยเปนเพื่อนรักซ้อมซักกันมาสารพัน
แม่อย่าพะวงสงสัยลูกจำได้จริงจริงทุกสิ่งสรรพ์
อันพระคาวีมีสำคัญพระขรรร์นั้นไม่วางห่างกาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีก็ใจหาย
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงยายเห็นสมร้ายเรื่องความงามจะจริง
นางข้อนทรวงเข้าทรงโศกีพระสามีหลงม้วยด้วยผู้หญิง
เมียทัดทานภูธรวอนวิงกลับชังชิงไม่เชื่อเนื้อเคราะห์ร้าย
ช่างนับถือฤๅษีขี้เค้ามันลวงหลอกคลอกเผาเสียง่ายง่าย
จักระแหล่นข้าค่อยจะพลอยตายด้วยอุบายเล่ห์กลมันพ้นคิด
ร่ำพลางตีอกชกหัวไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่สักหนิด
หลงสำคัญมั่นหมายว่าทรงฤทธิจึงกระชิดติดตามด้วยความรัก
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วตายจากเมียเสียแล้วพึ่งประจักษ์
มันทำให้เจ็บข้ำน้ำใจนักจะเผาเกลือแช่งชักให้ย่อยยับ
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนร้ายได้เจ็บได้อายก็หลายกลับ
ให้มุ่นหมกอกใจคั่งคับจนลมล่อยพลอยจับไม่สมประดี
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้นยายเถ้าเข้าประคองมเหษี
ร้องเรียกหากำนัลขันทีอึงมี่วิ่งมาพร้อมหน้ากัน
เห็นนางนิ่งแน่เข้าแก้ไขอกใจระรัวตัวสั่น
บ้างวิ่งไปเรียกหมอพัลวันนวดฟั้นค่อยฟื้นสมประดี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวีมิรู้ที่จะปฤกษาหารือใคร
จึงเข้าไปในที่ไสยาศน์เรียกเถ้าทัศประสาทมานั่งใกล้
แล้วว่าจะคิดอ่านประการใดเราจะได้แก้แค้นแทนทด
อันเสนาข้าเฝ้าทั้งหลายสำคัญว่าเจ้านายไปเสียหมด
แต่เราสองปองจิตต์คิดคดจะเลี้ยวลดลอบล้างมันอย่างไร
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทูลแจ้งแถลงไข
แม่อย่าหวาดหวั่นพรั่นพระทัยมันเหมือนกับลูกไก่อยู่ในมือ
จะคิดเปนแยบคายสายสนตรึกตราหาคนที่สัตย์ซื่อ
เห็นพอจะปฤกษาหารือจงเขียนหนังสือบอกความลับ
ให้คิดอ่านการศึกซ่องสุมควบคุมผู้คนไว้เสร็จสรรพ
แม้นเมื่อไรได้ทีก็ยกทัพมาโจมจับฆ่าเสียให้มอดม้วย
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีเห็นดีด้วย
ยินยอมพร้อมใจเอออวยจึงว่ายายจงช่วยกันตรึกตรา
อันพวกเสนาข้าเฝ้ากลัวเขาจะไม่ยอมเหมือนอย่างว่า
เห็นแต่เจ้าไวยทัตนัดดาด้วยข้าอุปถัมภ์บำรุง
เพื่อนเปนคนสามารถอาจหาญทั้งชำนิชำนาญการรบพุ่ง
มีฝีมือฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้งพระเจ้าลุงไว้เนื้อเชื่อใจ
ยายช่วยลอบถือหนังสือลับไปบอกให้ยกทัพมาจงได้
ว่าพลางนางหยิบกระดาษไทยเขียนหนังสือส่งให้แก่ท่านยาย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าชื่นชมสมหมาย
เอาหนังสือซ่อนไว้ในกระทายผันผายไปวังพระนัดดา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าในประตูเห็นเสด็จออกอยู่ข้างหน้า
ก้มกรานคลานเข้าไปวันทาเหนื่อยมานิ่งหมอบหอบฮัก
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นไวทัตแลดูไม่รู้จัก
เห็นรูปร่างซอมซ่อทรลักษณ์ทำคึกคักคุกคามถามอไป
อีเถ้านี้กิริยาเหมือนบ้าหลังหน้าเคอะเซอะซังมาแต่ไหน
มีธุระปะปังเปนอย่างไรจะทำไมมึงมาหากู
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเถ้าทัศประสาทกลัวตัวเปนหนู
พูดถลากถลำพร่ำพรูเอาหนังสือขึ้นชูเปนแยบคาย
แล้วทูลว่านางคันธมาลีให้ข้านำของนี้มาถวาย
เปนความขำกำชับมามากมายพลางยอบกายเข้าไปให้ใกล้ชิด
ฯ ๔ คำ ฯ
             

๏ เมื่อนั้นไวทัตเห็นกระดาษประหลาดจิตต์
จึงรับมาแลเล็งเพ่งพิศพลางพินิจนิ่งอ่านแต่เบาเบา
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในสารสมเด็จพระเจ้าป้าตั้งแต่กินน้ำตาต่างเข้า
ด้วยฤๅษีชีป่ามาลวงเราเผาลุงของเจ้าให้วายปราณ
เอาผัวอีจันท์สุดามาไว้อยู่ในปราสาทราชฐาน
อันพวกเรานี้เห็นไม่เปนการมันจะพาลเอาผิดคิดฆ่าฟัน
ขอเชิญหลานแก้วผู้แกล้วกล้ามาจับตัวมันฆ่าให้อาสัญ
เหมือนเห็นแก่พระองค์ทรงธรรม์ช่วยผ่อนผันแก้แค้นแทนทด
แม้นเสร็จการครั้งนี้มีความชอบป้าจะมอบสมบัติให้ทั้งหมด
เจ้าจะได้ครองเมืองเรืองยศจงรีบหากำหนดอย่านอนใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ อ่านจบขบฟันหันหุนเคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงอึงไปข้าไทหลีกหลบกระทบกัน
น้อยฤๅฤๅษีมาทำเล่นลวงเผาคนเปนให้อาสัญ
ผัวอีจันท์สุดานี้กล้าครันมาปลอมเปนทรงธรรม์แทนตัว
กูจะจับเปนมาเข่นฆ่าให้สาสมน้ำหน้าทั้งเมียผัว
ถึงจะมีฤทธิไกรก็ไม่กลัวตัวต่อตัวสู้กันไม่ครั่นคร้าม
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าเห็นอึงจึงทูลห้าม
พระอย่าเพ่อจู่ลู่วู่วามการณรงค์สงครามต้องค่อยคิด
ศัตรูอยู่ในราชฐานจะทำการแก้ไขให้สนิท
อันองค์พระคาวีก็มีฤทธิ์ถอดชีวิตไว้ในพระขรรค์ไชย
จงจับให้มั่นคั้นให้ตายอย่าดูถูกลูกผู้ชายหาควรไม่
คิดให้รอบคอบแล้วยกไปจึงจะจับตัวได้ดังใจนึก
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นไวยทัตหุนหันไม่ทันตรึก
อวดรู้อวดหลักฮักฮึกข้าเคยพบรบศึกมาหลายยก
จะเข้าออกยอกย้อนผ่อนปรนเล่ห์กลเรานี้อย่าวิตก
ทั้งพิชัยสงครามสามก๊กได้เรียนไว้ในอกสารพัด
ยายกลับไปทูลพระเจ้าป้าว่าเรารับอาสาไม่ข้องขัด
ค่ำวันนี้คอยกันเปนวันนัดจะเข้าไปจับมัดเอาตัวมา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าสอพลอหัวร่อร่า
มิเสียทีที่เปนพระนัดดาแกล้วกล้าสงครามไม่ขามใคร
ข้าจะเข้าไปทูลนางโฉมยงว่าพระองค์จะอาสาได้
ว่าแล้วกราบลาคลาไคลมายังวังในทันที
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้องนั่งริมแท่นทองมเหษี
กระซิบทูลแถลงแจ้งคดีพูดจาพาทีเปนความลับ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นไวยทัตขัดใจไม่นอนหลับ
นั่งนึกตรึกตราจะยกทัพไปโจมจับไพรีที่ในวัง
จึงเรียกหาบรรดาข้าไทยที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาพร้อมพรั่ง
เอาคดีชี้แจงให้ฟังตามหนังสือนั้นทุกประการ
เรานัดกันวันนี้ให้พร้อมจะไปล้อมปราสาทราชฐาน
จับอ้ายทรชนคนพาลจองจำทำประจานให้สาใจ
ทำไมกับศัตรูมันผู้เดียวจะรอบรับขับเคี่ยวที่ไหนได้
ถึงเสนาข้าเฝ้าเหล่านั้นไซ้ถ้าแจ้งใจก็จะป่วนรวนมา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพวกข้ายุเจ้าเอาหน้า
ต่างคนบังคมชมปัญญาพระตรึกตราดังนี้ดีนัก
ตัวข้าทั้งปวงจะอาสาออกหน้ารุกโรมโหมหัก
พระเปนเจ้าเข้าแดงเสียแรงรักคงสมัคสู้ม้วยด้วยพระองค์
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นไวทัตชื่นชมสมประสงค์
จึงว่าถ้าสำเร็จการณรงค์เราก็คงได้ดีด้วยกัน
จงรีบเร่งรัดไปจัดพลผู้คนเคยรบที่แข็งขัน
ให้ได้สักพันหนึ่งสองพันจะเล่นมันวันนี้ไม่เงือดงด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพวกข้าไทใจฮึกขึ้นทั้งหมด
อยากจะใครได้ดีมียศต่างสบถให้สัตย์ปัฏิญาณ
แล้วบังคมลามาข้างนอกเที่ยวบอกบ่าวไพร่ที่ใกล้บ้าน
ได้คนร่วมจิตต์คิดการประมาณสองพันล้วนสันทัด
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ตัวนายรายจดชื่อเสียงไล่เลียงพร้อมใจให้ความสัตย์
ต่างคนสัญญาอาณัติแล้วไปวังไวยทัตทั้งไพร่นาย
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นไวยทัตชื่นชมสมหมาย
ได้ผู้คนพลไพร่มากมายจึงให้แจกจ่ายเครื่องสาตรา
ทวนง้าวหลาวแหลนพร้อมพรั่งอีกทั้งหอกดาบปืนผา
แล้วให้เลี้ยงเหล้าเหล่าโยธาจะได้กล้าหักหาญทำการเรา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพวกไพร่ใจทมิฬกินเหล้า
ต่างคนโคลงหัวมัวเมาบ้างเข้าสบถกันเปนเกลอ
ต่างคนประกวดอวดรู้การกูแล้วใครไม่เสมอ
บ้างหลับตาอ้าปากพูดเพ้อเสียงเอะอะคะเอออึกกระทึก
ฯ ๔ คำ ฯ เส้นเหล้า
๏ เมื่อนั้นไวยทัตห้าวหาญในการศึก
ชื่นชมสมหวังนั่งนึกจนยามดึกมืดมนฝนพยับ
จึงสั่งพวกพลคนทั้งหลายจงจัดแจงแต่งกายให้เสร็จสรรพ
ทั้งนายม้าผูกม้ามาคอยรับแล้วกำชับกำชาข้าไท
จะแก้แค้นแทนเจ้าชีวิตใครอย่าคิดขี้ขลาดหวาดไหว
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคลตรงไปสรงชลฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
             

โทน
๏ ชำระสระสรงทรงเครื่องรุ่งเรืองพรรณรายฉายฉัน
แล้วกินว่านยาทาน้ำมันโพกพันผูกผ้าประเจียดรัด
คาดตะกรุดเครื่องรางอย่างยอดแหวนพิรอดสอดใส่นิ้วพระหัตถ์
แล้วดื่มน้ำสุราอาพัดพกำดัดตึงตัวไม่กลัวใคร
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ลีลาศองอาจมิได้พรั่นหวั่นไหว
เผ่นขึ้นหลังม้าอาชาไนยรีบร้นพลไกรไคลคลา
ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงราชฐานทวารวังคับคั่งไพร่นายซ้ายขวา
ไวยทัตตรัสสั่งโยธาอย่าช้าช่วยกันฟันประตู
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเหล่าพวกทหารถือขวานหมู
โห่พลางวางวิ่งพรั่งพรูฟันประตูตึงตังพังทลาย
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้นนายประตูตัวสั่นขวัญหาย
ทั้งพวกนอนประจำซองกองรายวุ่นวายตื่นตระหนกตกใจ
บ้างเรียกร้องพวกพ้องอึงมี่ไม่รู้ว่าไพรีมาแต่ไหน
บ้างตะโกนบอกเร้าเข้าไปเร่งทูลภูวไนยให้รู้
บ้างฉวยได้แหลนหลาวง้าวทวนวิ่งสวนออกรอต่อสู้
รับรองป้องปัดศัตรูเปนหมู่หมู่สู้รบกันไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นไวยทัตฤทธิไกรใจกล้า
ไล่พวกโยธีตีประดาพลางขับมิ่งม้าเข้าฆ่าฟัน
แล้วร้องว่าเหวยเหวยชาวธานีเจ้ามึงคนนี้แล้วฤๅนั่น
ช่างหลงเคอะเซอะอยู่ไม่รู้ทันท้าวสันนุราชนั้นทิวงคต
อ้ายนี่ผัวอีจันท์สุดามันเปลี่ยนปลอมเข้ามาเปนกบฏ
จงช่วยกันแก้แค้นแทนทดจับอ้ายคนคดมาฆ่าตี
ว่าพลางทางขับม้าที่นั่งพวกชาวป้อมล้อมวังก็วิ่งหนี
เหล่าทหารไล่บุกคลุกคลีโห่มี่เข้าล้อมปราสาทไชย
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้นแสนสาวท้าวนางน้อยใหญ่
เห็นผู้คนอลหม่านทั้งวังในต่างตระหนกตกใจวุ่นวาย
ร้องกรีดหวีดหวาดกลาดเกลื่อนวิ่งโดนเพื่อนหกล้มผ้าห่มหาย
แต่บรรดาจ่าโขลนเจ้าขลัวนายวุ่นวายวิ่งปะทะปะกัน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิแรงแขงขัน
บรรทมอยู่ในที่แท่นสุวรรณด้วยโฉมจันท์สุดายาใจ
ได้ยินสำเนียงเสียงโห่ร้องกึกก้องสนั่นหวั่นไหว
ผวาตื่นตระหนกตกพระทัยจึงเผยบัญชรไชยชัชวาลย์
เห็นพวกพลโยธาถืออาวุธอุดตลุดสับสนอลหม่าน
ก็รู้ว่าข้าศึกมารอนราญไม่สทกสท้านวิญญา
ตรัสบอกมเหษีนฤมลเขายกรี้กรีพลมาหนักหนา
ตัวนายถือกระบี่ขี่ม้าแก้วตามาดูเล่นด้วยกัน
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาหลากจิตต์คิดพรั่น
แลเห็นกองทัพนับพันตัวสั่นตระหนกตกใจ
ทรุดองค์ลงกราบตีนผัวพ่อทูลหัวจะคิดเปนไฉน
ครั้งนี้ชีวันจะบรรลัยอรไทยครวญคร่ำร่ำโศกา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิไกรใจกล้า
ปรอบนางพลางเช็ดชลนาฟังคำพี่ว่าอย่าเกรงกลัว
คนเท่านั้นมันจะมาทำไมได้เจ้าไม่เคยเห็นฝีมือผัว
นกอินทรีย์มีฤทธิ์ทั้งสองตัวยังฟันหัวขาดกลิ้งอยู่กลางดิน
อ้ายขี้ริ้วอย่างนี้ที่ไหนประเดี๋ยวใจก็จะตายฉิบหายสิ้น
ขี้เกียจกาแร้งจะแย่งกินเหมือนชีวิตยุงริ้นสิ้นทั้งนั้น
ว่าพลางเล้าโลมนางโฉมยงแล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงพระขรรค์
ชวนจันท์สุดาวิลาวัณย์มาเคียงกันเยี่ยมแกลแลดู
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้นไวทัตหุนหันคันหัวหู
น้อยฤๅกล้าเยี่ยมหน้ามาอวดกูยังไม่รู้สำนึกถึงตาย
ว่าพลางทางขับม้าทรงยืนตรงช่องแกรแลมุ่งหมาย
แล้วชี้หน้าว่าเหวยอ้ายคนร้ายมาปลอมเปนเจ้านายไม่อายใจ
ตัวมึงชาวดงพงพีชื่อว่าคาวีจริงฤๅไม่
มาลวงลุงกูเข้าเผาไฟมิได้ยำเยงเกรงกลัว
รู้อยู่เต็มอกจึงยกทัพจะมาล้อมจับมึงคนชั่ว
อย่าทำดึงดื้อถือตัวทั้งเมียทั้งผัวเร่งลงมา
ยังจะขืนยืนดูอยู่ว่าไรฤๅจะให้ลากยุดฉุดคร่า
จะบอบช้ำลำบากกายาจงลงมาสารภาพกราบกู
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวียิ้มเยาะหัวเราะอยู่
จึงตอบว่าเองอย่าอวดรู้ประมาทกูดูถูกลูกผู้ชาย
ถึงเปนชาวดงพงพีแต่ลวงเผาชาวบุรีได้ง่ายง่าย
อ้ายเถ้าลุงโง่งงหลงตายเดี๋ยวนี้หลานชายจะตายตาม
อย่าโอหังบังอาจอวดตัวใครจะกลัวกับเองเกรงขาม
เมื่อลุงเองก่อกวนลวนลามกูจึงสวนตามตอบแทน
แต่เขาไม่ฆ่าเสียทั้งโคตรก็บุญคุณนับโกฏินับแสน
ยังจะมาผูกใจเจ็บแค้นคิดกบฏทดแทนต่อแผ่นดิน
เอื้อมอ้างช่างคุยจะฉุดคร่าให้ขี่คอกันมาอีกทั้งสิ้น
อุปมาหมายมุ่งเหมือนยุงริ้นจะบินเข้าหาไฟอะไรมึง
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นไวยทัตพิโรธโกรธขึ้ง
จึงร้องว่าท้าทายอื้ออึงชีวิตมึงวันนี้ถึงที่ตาย
ไม่เจียมตัวผัวเมียสองคนจองหองพองขนใจหาย
แล้วร้องสั่งพลไกรไพร่นายเร่งจับอ้ายคนร้ายเร็วพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพวกทหารกำแหงแขงขัน
แกว่งอาวุธวิ่งชิงกันขึ้นตามอัฒจันท์ปราสาทไชย
บ้างกระทุ้งถีบดาลบานประตูลิ่มสลักแน่นอยู่ไม่หวาดไหว
บ้างปีนเหลี่ยมฐานบัดพลัดลงไปเอาไม้ไล่ขว้างทิ้งวิ่งคึกคัก
ฯ      ๔ คำ ฯ เชิด
             

๏ เมื่อนั้นพระคาวีมีฤทธิ์สิทธิศักดิ์
เห็นโยธาข้าศึกฮึกฮักโหมหักเข้ามาจะราวี
จึงแกว่งพระขรรค์ไล่ฟันฟาดแล้วลงจากปรางมาศปราสาทศรี
มิได้ย่อท้อต่อไพรีหยุดยืนอยู่ที่กลางชาลา
พระจึงตั้งจิตต์พิฐานคิดถึงพระอาจารย์ชาญกล้า
ข้าจะแกว่งพระขรรค์อันศักดาขอให้เปนโยธาออกต่อยุทธ
เสี่ยงพลางทางแกว่งพระขรรค์ไชยเปนผู้คนพลไพร่อุดตลุด
ล้วนถือเครื่องสาตราอาวุธเข้ารบรับสัปรยุทธกับไพรี
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้นพวกไพร่ไวยทัตไม่ถอยหนี
รบรูปนิมิตรฤทธีต่อตีแทงฟันมันไม่ตาย
ต่างคนคิดขยั้นหวั่นหวาดเห็นพวกตัวตายกลาดลงมากหลาย
รบพลางถอยกลังกระทั่งนายวุ่นวายหลีกหลบกระทบกัน
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นไวทัตเคืองขุ่นหุนหัน
เห็นพวกไพร่พลคนทั้งนั้นขยั้นย่อท้อต่อไพรี
จึงลุกไล่ให้คืนเข้ารบรับขู่สำทับร้องว่าใครอย่าหนี
แล้วขับม้ามาตรงพระคาวีแกว่งกระบี่จะฟันให้บรรลัย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีไม่พรั่นหวั่นไหว
แกว่งพระขรรค์คอยขยับรับไว้เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน
ได้ทีถาโถมโจมจับม้าฉุดคร่าบังเหียนเวียนหัน
ท่อยทีหมายพิฆาฏฟาดฟันกลอกกลับจับกันด้วยกำลัง
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นไวยทัตพลัดตกม้าที่นั่ง
ผุดลุกทลึ่งตึงตังไม่รอรั้งรื้อวิ่งเข้าชิงไชย
ร่ายรำกระบี่เปนทีท่าหวดซ้ายป่ายขวาโลดไล่
กลอกกลับรับรองว่องไวมิได้ละวางห่างกัน
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิแรงแขงขัน
หักโหมโรมรุกบุกบันเปนเชิงชั้นเลี้ยวล่อต่อยุทธ
เผ่นขึ้นยืนเหยียบเข่าขวาเปลี่ยนท่าทีจับสัปรยุทธ
เคล่าคล่องป้องปัดอาวุธอุดตลุดเลี้ยวไล่กันไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นไวยทัตขยั้นพรั่นหนักหนา
สุดสิ้นกำลังวังชาอ่อนระอาเหนื่อยเหน็ดเข็ดฝีมือ
ไม่อาจอยู่รบรับสัปรยุทธทิ้งสาตราอาวุธออกวิ่งตื๋อ
บ่าวไพร่ใหญ่น้อยพลอยแตกฮืออึงอื้อไปทั้งวังใน
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้นเหล่ารูปนิมิตรประชิดไล่
ถือดาบแกว่งกวัดสกัดไว้มิให้ออกนอกควารา
บ้างจับได้ไพร่เลวเหล่านั้นช่วยกันอุดตลุดฉุดคร่า
ที่จับได้ไวยทัตก็มัดมาเข้าไปหน้าที่นั่งพรั่งพร้อมกัน
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จับได้ไวยทัตตัวสำคัญพอสุริยันรุ่งรางสว่างฟ้า
จึงตรัสเย้ยเหวยหลานเจ้าธานีเมื่อตะกี้ฮึกฮักหนักหนา
ไยไม่แผลงอิทธฤทธาให้เขาจับมัดมาเหมือนอย่างปู
วันนี้ชีวิตจะวายปราณจงให้การตามจริงอย่านิ่งอยู่
ซึ่งเองยกกองทัพมาจับกูที่พวกเพื่อนร่วมรู้นั้นกี่คน
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นไวยทัตทูลความมาแต่ต้น
อีเถ้าทัศประสาทแสนกลไปลอบเล่าเหตุผลเปนความลับ
ทั้งนางคันธมาลีมีสารว่าขานให้ข้าเข้ามาจับ
จึงได้พาพวกพ้องเปนกองทัพมาเคี่ยวขับชิงไชยถึงในวัง
ซึ่งหยาบช้าว่าขานพระผ่านเกล้าเพราะมัวเมาโมโหโอหัง
จงโปรดยกโทษาข้าสักครั้งถ้าทำอีกทีหลังให้ตัดคอ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีผินผันกลั้นหัวร่อ
เห็นไวยทัตเต็มกลัวตัวงอวิงวอนอ่อนง้อขอชีวิต
พระแกล้งเฉยเลยสั่งพวกขันทีอันนางคันธมาลีเปนคนผิด
กับอีเถ้าทัศประสาทร่วมคิดโทษถึงชีวิตมรณา
จงจับตัวไว้ให้มั่นคงคุมออกไปส่งเขาข้างหน้า
สั่งเสร็จเสด็จลีลาออกมาพระโรงคัลทันใด
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์พรั้งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสบอกมหาเสนาในเราจับได้คนผิดคิดคด
คืออ้ายไวยทัตตัวดีกับนางคันธมาลีเปนกบฎ
อีเถ้าทัศประสาทชาติทรยศโทษถึงตายหมดไม่ไว้มัน
จงจองจำขื่อคาพาตัวตะเวนไปให้ทั่วเขตต์ขัณฑ์
ทั้งทางเรือทางบกสักหกวันแล้พิฆาฏฟาดฟันให้บรรลัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งบังคมไหว้
ออกมาจัดกันทันใดเร่งไพร่ให้คุมคนโทษมา
จองจำพันธนาห้าประการนครบาลถือดาบเดินหน้า
ให้ร้องตามโทษตัวที่ชั่วช้าเสนาตีฆ้องป่องป่องไป
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ตระเวนทั้งเรือบกได้หกวันแล้วพากันมาที่ท้ายกรุงใหญ่
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง
             

เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง คาวี สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว