บทละครนà¸à¸à¹€à¸£à¸·à¹ˆà¸à¸‡à¸„าวี
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
(→) |
(→) |
||
แถว 2,866: | แถว 2,866: | ||
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน | เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง | ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง | ||
- | |||
- | |||
- | |||
- | |||
- | |||
</tpoem> | </tpoem> | ||
การปรับปรุง เมื่อ 08:07, 24 สิงหาคม 2552
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
บทประพันธ์
ท้าวสันนุราชหานางผมหอม
ช้า | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์ | ||
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์ | กรุงพทธวิสัยสวรรยา | ||
ท้าวมีอัคเรศมเหษี | ชื่อคันธมาลีเสนหา | ||
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชรา | ชันษาหกสิบสี่ปีปลาย | ||
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหัก | ดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย | ||
เกศาพึ่งจะประปราย | รูปกายชายจะพีมีเนื้อ | ||
พระเสวยมื้อละชามสามเวลา | ทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ | ||
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือ | ผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ | ||
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่น | จะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้ | ||
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไป | มิได้ว่างเว้นสักเวลา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัย | ให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา | ||
จึงชวนกำนัลกัลยา | ลงมายังที่ตำหนักแพ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์ | สาวสนมกรมวังเซงแซ่ | ||
พระเอนอิงพิงพนักผันแปร | เหลียวแลเห็นผะอบลอยมา | ||
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่ | เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา | ||
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญา | พระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์ | ||
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อย | แกล้งลอยหาคู่สู่สม | ||
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชม | จึงพบผะอบผมกัลยา | ||
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่ | กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา | ||
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามา | ยิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์ | ||
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้ | เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก | ||
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนัก | ให้ละล่ำละลักลืมองค์ | ||
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้ | มิได้ชำระสระสรง | ||
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจง | เสด็จตรงมายังวังใน | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้อง | ขึ้นบนแท่นทองผ่องใส | ||
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ | ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้ช้า | |||
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผม | ถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ | ||
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์ | จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด | ||
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว | ชันษาแก่สาวสักคราวไหน | ||
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใด | พี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม | ||
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่า | แต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม | ||
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ | ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกี | จึงเข้าไปในที่บรรธม | ||
แล้วนางทูลทัดภัศดา | พระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม | ||
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์ | แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว | ||
หยุดยั้งตั้งสติตริตรอง | ดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว | ||
ทรงพระชราหนักหนาแล้ว | ทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล | ||
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไร | ขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง | ||
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ | ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง | ||
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึง | จะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร | ||
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ย | พิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้ | ||
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลใน | แล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์อัครชายามารศรี | ||
ความกลัวอาญาพระสามี | วิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก | ||
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนาง | วิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก | ||
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุก | บ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง | ||
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทอง | เสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ช้า | |||
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ | พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ | ||
จึงตรัสสั่งมหาเสนาใน | เร่งไปร้องป่าวชาวพารา | ||
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้าง | ตำแหน่งนางผมหอมเสนหา | ||
ถ้าแม้นนำไปได้นางมา | เงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล | ||
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ | ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์ | ||
จงเร่งรีบรัดจัดกัน | ไปป่าวร้องให้ทันวันนี้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี | ||
ออกมาเกณฑ์กันทันที | เสนีตีฆ้องร้องป่าวไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่ | ||
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจ | นึกได้ลูกสาวของเจ้านาย | ||
ผมหอมปรากฏรสเร้า | จะนำเขาไปพามาถวาย | ||
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยาย | คิดแล้วเดินชายมาถามทัก | ||
ท่านขามานี่จะบอกเล่า | นางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก | ||
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนัก | จะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีถามซักเปนหนักหนา | ||
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญา | ก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | ก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข | ||
ยายเถ้ารับคำจะนำไป | ว่าได้รู้จักนางเทวี | ||
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักร | ปิ่นปักจันทราบุริศรี | ||
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มี | นกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง | ||
ที่ในวังยังแต่นางผมหอม | งามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง | ||
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลอง | จงทราบลอองพระบาทา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชสำรวลร่า | ||
ชื่นชมสมถวิลจินดา | ดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์ | ||
จึงตรัสว่าถ้าสมคะเนนึก | อึกกระทึกใจหายแล้วยายเถ้า | ||
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภา | ทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง | ||
ยายจะเอาอะไรไปบ้าง | ท่าทางกันดารบ้านช่อง | ||
เร่งรีบคลาไคลดังใจปอง | ให้ได้นางในกลองกลับมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา | ||
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลา | ไปรับกัลยามากรุงไกร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเปนใหญ่ | ||
ได้ฟังจึงสั่งเสนาใน | จงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน | ||
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็ม | เลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน | ||
เรือนำเรือตามจงครามครัน | ให้ทันแต่ในเวลานี้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี | ||
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลี | จัดเรือตามมีพระบัญชา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทำประหนึ่งกิ้งก่า | ||
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมา | ประตูดินตีนท่าหน้าตะพาน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชย | พลพายนายไพร่อลหม่าน | ||
ออกเรือพร้อมกันมิทันนาน | ร้องขานโยนยาวฉาวมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด | |||
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่ง | น้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงหนักหนา | ||
สิบห้าวันถึงจันทบุรา | ประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย | ||
จึงสั่งผู้คนพลพาย | ทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน | ||
แต่ตัวของเราจะเข้าไป | สมคะเนเมื่อไรจะกลับมา | ||
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรี | พรั่นตัวกลัวผีเปนหนักหนา | ||
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดา | รีบเดินภาวนาเข้าในวัง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททอง | เมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง | ||
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟัง | ทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจันท์สุดามารศรี | ||
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวี | เปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน | ||
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกล | จะระคายผู้คนก็หาไม่ | ||
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชย | สำราญใจอยู่ในห้องสองคน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน | ||
ชายนี้ทีท่วงชอบกล | เห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า | ||
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์ | รูปโฉมโนมพรรณ์งามหนักหนา | ||
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยา | จันท์สุดาจึงปลงลงใจ | ||
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิด | จะลงล้างชีวิตเสียให้ได้ | ||
แต่องค์กัลยาจะพาไป | ทูลถวายท้าวไทเอารางวัล | ||
คิดพลางทางคลานเข้าไปหา | ทำทีกิริยาโศกศัลย์ | ||
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์ | แล้วตีอกงกงันร่ำไร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมตรูดูยายก็จำได้ | ||
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้ | จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา | ||
ยายหนีนกอินทรีย์ไปช้านาน | ลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า | ||
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวา | เออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย | ||
ลูกหลานกระจัดพลัดพราย | ท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น | ||
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบาก | จึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ | ||
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากัน | ว่าแม่จันท์สุดาได้สามี | ||
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึง | จะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี | ||
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์ | มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน | ||
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณ | หายมาช้านานจนปานนี้ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทำเปนเกษมศรี | ||
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นที | ได้สามีเรืองอิทธิฤทธา | ||
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ์ | น่าชมสมกันหนักหนา | ||
สมคิดของยายที่หมายมา | จะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท | ||
แล้วทำท่วงทีกะปรี้กะเปร่า | ตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่ | ||
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมใน | ยายไปปฏิบัติพัดวี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ | |||
๏ เห็นพระราชานิทราสนิท | นั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่ | ||
ผิดกับกษัตราทุกธานี | ขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน | ||
คิดพะวงสงสัยอย่างไรอยู่ | จะล่อลวงถามดูให้จงได้ | ||
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัย | ยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว | ||
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวย | ตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว | ||
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัว | แล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ | ||
อันองค์ภัศดาสามี | เห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่ | ||
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไป | น่าจะแหนงแคลงฤทัยเทวี | ||
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ | ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่ | ||
แม้นมิบอกออกความลับลี้ | นานไปจะหนีแม่มั่นคง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง | ||
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรง | โฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป | ||
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่น | ขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงสัย | ||
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ | ให้ได้ความขำสำคัญ | ||
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ | ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ | ||
ทำทีทอดสนิทติดพัน | นวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง | ||
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวล | ชักชวนพูดจามารยาหญิง | ||
ได้ช่องก็ฉะอ้อนวอนวิง | ทูลถามความจริงภูวไนย | ||
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตต์ | พระขรรค์ของทรงฤทธิเปนไฉน | ||
มิได้ละวางให้ห่างไกล | ฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง | ||
หวั่นหวาดประหลาดจิตต์ผิดทำนอง | ค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม | ||
รับขวัญกัลยาแล้วพาที | วันนี้หลากใจมาไต่ถาม | ||
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความ | บอกตามจริงเถิดนะเทวี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี | ||
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงที | อะไรนี่มาตรัสสะกัดสะแกง | ||
น้องรักน้องถามตามซื่อ | ควรฤๅมิบอกให้แจ้ง | ||
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรง | ว่าพลางนางกรรแสงโศกา | ||
ผันพักตร์ผลักไสมิให้ต้อง | สบิ้งสบัดปัดป้องหัตถา | ||
พิไรร่ำทำกลมารยา | ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นน้องหมองหมาย | ||
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ | ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา | ||
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบ | คิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา | ||
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์ | แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ | ||
อย่าโศกนักพักตร์น้องจะหมองศรี | เจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้ | ||
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตต์ไว้ | ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา | ||
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพราง | อย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า | ||
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตา | พี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาลัย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดายิ้มย่องสนองไข | ||
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจ | ภูวไนยโปรดปรานปรานี | ||
คุณของทรงฤทธิดังบิตุเรศ | เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี | ||
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี | ไปกว่าชีวีจะวายปราณ | ||
ทั้งสองสนิทพิศมัย | ถ้อยทีมีใจเกษมสานต์ | ||
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบาน | เยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง | ||
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสง | นางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง | ||
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรือง | แลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา | ||
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลย | ยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา | ||
เล่าความตามคำภัสดา | แล้วกำชับกำชาสารพัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ | ||
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลัน | ลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ | ||
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถาม | ใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น | ||
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญ | ไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาพาซื่อไม่สงสัย | ||
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไป | หลงใหลนับถือว่าซื่อตรง | ||
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพ | ให้ยายยกสำรับออกไปส่ง | ||
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจง | โฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์ | ||
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัด | แล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง | ||
สมหวังดังจิตต์คิดปอง | ได้ช่องจะฆ่าพระคาวี | ||
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอย | หมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่ | ||
พูดชักนิทานบ้านเมืองดี | ประเพณีกษัตริย์สุริวงศ์ | ||
แม้นได้สมบัติพัศถาน | ย่อมแต่งการมุรธาภิเษกสรง | ||
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนง | สระเกศาทุกองค์กษัตรา | ||
นี่พระจะผ่านไอสูรย์ | สืบประยูรสุริย์วงศ์พงศา | ||
เชิญเสด็จไปสรงคงคา | ตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีลุ่มหลงไม่สงสัย | ||
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจ | จะทำให้ต้องตามประเพณี | ||
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบ | จงแต่งเครื่องให้ครบตามที่ | ||
แม้นได้ฤกษ์งามยามดี | จะไปสระเกศีให้สำราญ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์ | ||
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลาน | จัดใส่ในพานแล้วยกมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา | ||
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตรา | ลงมาตามฉนวนในวัง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง | ||
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดัง | แล้ววิ่งตึงตังตามมา | ||
ทันสองกษัตริย์ริมนัที | วางพานไว้ที่ร่มพฤกษา | ||
เห็นพระจะลงในคงคา | ยายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม | ||
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคง | ลงสรงถูกน้ำจะเป็นถนิม | ||
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิม | จะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฟังคำที่ว่าขาน | ||
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณ | เพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง | ||
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้า | แล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง | ||
ชำระสระสนานสำราญองค์ | เวียนวงแหวกว่ายวารี | ||
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัด | บังอรค้อนสบัดเบือนหนี | ||
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณี | สรวลระริกซิกซี้สำราญใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าแสนร้ายหมายได้ | ||
เห็นสององค์ลงเล่นชลาลัย | ก็วิ่งไปยังกองอัคคี | ||
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุม | ฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่ | ||
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมี | แล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีร้อนรนไม่ทนได้ | ||
เจียนจักพินาศขาดใจ | แลไปดูยายก็หายตัว | ||
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้า | ครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว | ||
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัว | ค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาลัย | ||
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรง | นางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้ | ||
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจ | ภูวไนยร่ำสั่งบังอร | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
โอ้ปี่ | |||
๏ โอ้ว่าโฉมยงนงลักษณ์ | มิเสียทีที่รักสายสมร | ||
ครั้งนี้ชีวิตต์จะม้วยมรณ์ | เพราะเจ้าวอนไต่ถามความลับ | ||
พี่ก็บอกออกให้ด้วยใจซื่อ | ควรฤๅย้อนยอกกลอกกลับ | ||
มิได้ฟังคำที่กำชับ | ไปบอกกับยายเถ้าเจ้ามารยา | ||
มันคิดร้ายหมายล้างชีวิตต์พี่ | ทีนี้สุดสิ้นวาศนา | ||
เวราเราแล้วนะแก้วตา | จะขอลาโฉมฉายวายปราณ | ||
พระสุดสิ้นกำลังไม่สั่งได้ | ด้วยดวงจิตต์พิษไฟเผาผลาญ | ||
เอนอิงพิงองค์นงคราญ | ภูบาลซอนซบสลบไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาเห็นผัวตักษัย | ||
กอดศพภัศดาโศกาลัย | ทรามวัยครวญคร่ำรำพรรณ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้ | |||
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช | เกิดเหตุทั้งนี้เพราะเมียขวัญ | ||
เชื่ออีเถ้าแพศยาอาธรรม์ | จนมันลอบทำให้จำตาย | ||
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว | คิดแค้นใจตัวไม่รู้หาย | ||
อดสูอยู่ไยให้ได้อาย | จะสู้ตายตามองค์พระทรงธรรม์ | ||
ว่าพลางทางกราบกับตีนผัว | ทอดตัวโศกาเพียงอาสัญ | ||
สองกรข้อนทรวงรุมรัน | ทรงกรรแสงซบสลบไป | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเผาพระขรรค์จนเหงื่อไหล | ||
เสลือกสลนซนฟืนใส่ไฟ | หายใจกระหมอบหอบเต็มที | ||
แล้ววิ่งมาดูสององค์ | เห็นล้มลงนิ่งแน่อยู่กับที่ | ||
ไม่ไหวกายตายจริงแล้วคราวนี้ | วางวิ่งตาลีตาลานมา | ||
เห็นนางกอดศพสลบไสล | ก็แจ้งใจว่ายังไม่สังขาร์ | ||
จึงอุ้มองค์อรไทยไคลคลา | ไปยังท่าที่ประทับฉับไว | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ วางนางลงเหนือเรือนั่ง | ปิดบังม่านทองผ่องใส | ||
ให้เร่งออกนาวาคลาไคล | สุ่มไล่สามเล่มมาเต็มที่ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดามารศรี | ||
ครั้นฟื้นคืนได้สมประดี | คว้าหาสามีไม่พบพาน | ||
ผันแปรแลเหลือบมาเห็นยาย | โฉมฉายชี้หน้าแล้วว่าขาน | ||
ทุดอีเถ้าทรชนคนพาล | อัปรีสีกระบานเปนพ้นไป | ||
ลอบฆ่าสามีแล้วมิหนำ | มึงจะซ้ำพากูไปข้างไหน | ||
ชั่วช้าสารพัดน่าขัดใจ | จะตบให้ย่อยยับลงกับมือ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าปลอบว่าอย่าอึงอื้อ | ||
จะพาไปบ้านเมืองให้เลื่องฦๅ | ได้ออกหน้าค่าชื่อยิ่งกว่านี้ | ||
ทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย | จะเษกให้แม่เปนมเหษี | ||
อย่าทรงโศกโศกาถึงสามี | เทวีจะเปนสุขทุกเพรางาน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาดาลเดือดไม่เหือดหาย | ||
โกรธาด่าทอมากมาย | อย่าพักพูดอุบายให้ตายใจ | ||
ผัวกูวอดวายจะตายด้วย | ที่จะให้เอออวยอย่าสงสัย | ||
ว่าพลางทางทรงโศกาลัย | ครวญคร่ำร่ำไรไปมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
โอ้ปี่ | |||
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย | พระคุณเคยปกเกล้าเกศา | ||
อยู่เย็นเปนสุขทุกเวลา | วันนี้มาจากองค์พระทรงฤทธิ | ||
เพราะเมียชั่วช้าพาซื่อ | เชื่อถืออีเถ้าทุจริต | ||
บอกความลับมันไม่ทันคิด | จนพระสิ้นชีวิตวายวาง | ||
พ่อเจ้าประคุณของน้องเอ๋ย | กรรมสิ่งไรเลยได้เคยสร้าง | ||
จึงมีอีเถ้ามาตามล้าง | เลิศร้างภัศดามาแต่ตัว | ||
น่าสงสารปานนี้ผัวแก้ว | จะตรำแดดอยู่แล้วพระทูลหัว | ||
ยิ่งคิดขุ่นข้องหมองมัว | ทอดตัวเกลือกกลิ้งนิ่งไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าวักน้ำมาลูบให้ | ||
เห็นนางสมประดีก็ดีใจ | เร่งฝีพายพายไล่สุ่มมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงประทับตำหนักแพ | พอเห็นท่านเถ้าแก่ก็ไปหา | ||
ยายเถ้าเล่าความตามกิจจา | อย่าช้าช่วยทูลพระทรงธรรม์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เถ้าแก่แร่ไปขมีขมัน | ||
ครั้นถึงจึงทูลว่ายายนั้น | ได้นางจันท์สุดามาแล้ว | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเร่งผ่องแผ้ว | ||
จึงเสด็จจากอาศน์คลาศแคล้ว | ตามแถวท้องฉนวนด่วนไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลเห็นยาย | พระแย้มยิ้มพริ้มพรายปราไส | ||
ยายทำความชอบข้าขอบใจ | ว่าพลางพยักให้เผยม่านทอง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ชมโฉม | |||
๏ พระพินิจพิศโฉมจันท์สุดา | นางในใต้ฟ้าไม่มีสอง | ||
ผิวเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรอง | พักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา | ||
อรชรอ้อนแอ้นเอวองค์ | เนตรขนงน่ารักหนักหนา | ||
ตลึงแลดูนางไม่วางตา | พระราชาแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ จึงเรียกวอสุวรรณ์บรรจง | รับองค์เทวีศรีใส | ||
แห่ห้อมพร้อมพรั่งเข้าวังใน | เสด็จตามทรามวัยมาทันที | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงสั่งให้พานาง | ไปอยู่ปรางค์ปราสาทศรี | ||
ตรัสพลางย่างเยื้องจรลี | มาเข้าที่ชำระสระสรงน้ำ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | ดมดูกลิ่นฟุ้งหอมฉ่ำ | ||
หยิบภูษามาทรงแล้วลูบคลำ | ยกทองท้องช้ำชอบพระทัย | ||
ห่มสีทับทิมกรองคล้องคอ | ใครดูกูหนุ่มฟ้อขึ้นฤๅไม่ | ||
นั่งมองส่องกระจกยิ้มละไม | ก็ยังไม่แก่กระไรทีเดียวนัก | ||
ผมเผ้าพิศดูไม่สู้หงอก | เสียสิ่งเดียวดอกแต่ฟันหัก | ||
ถึงกระนั้นโฉมยงก็คงรัก | แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากแท่นทอง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
ร่าย | |||
๏ เดินเหินรัดกุมเหมือนหนุ่มแน่น | ลอยชายกรายแขนเข้าในห้อง | ||
พิศดูตัวพลางทางเยี่ยมมอง | ตามช่องฉากบังกระทั่งไอ | ||
เห็นนางซบพักตราโศกาอยู่ | จะเหลียวดูภูมีก็หาไม่ | ||
ค่อยนั่งลงข้างองค์อรไทย | แล้วปราไสเกี้ยวพานหว่านล้อม | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ สาวเอยสาวสวรรค์ | น้อยฤๅนั่นน่าชมนางผมหอม | ||
งามสิ้นทุกสิ่งพริ้งพร้อม | ดูละม่อมหมดอย่างเหมือนนางฟ้า | ||
นี่กุศลหนหลังเราทั้งสอง | เคยเปนคู่ครองเสนหา | ||
เก็บดอกไม้ไหว้พระด้วยกันมา | วาศนาทำไว้จึงได้น้อง | ||
แต่วันพบผะอบผมเจ้าลอยน้ำ | พี่ครวญคร่ำโศกาหาเจ้าของ | ||
ให้เสนาข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้อง | ได้ข่าวน้องเพราะยายค่อยคลายใจ | ||
ทีนี้เสร็จสมอารมณ์นึก | ดังเอาน้ำอำมฤตมารดให้ | ||
ถึงจะได้นางฟ้าสุราลัย | ไม่ดีใจเหมือนเจ้าเยาวมาลย์ | ||
เชิญผินพักตรามาพาที | เสียแรงพี่ว่าวอนด้วยอ่อนหวาน | ||
จะครวญคร่ำร่ำร้องไม่ต้องการ | จงพูดจาว่าขานกันโดยดี | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์สุดามารศรี | ||
ฟังท้าวเจ้าพาราพาที | เทวีกลุ้มกลัดขัดใจ | ||
ถอยองค์ออกไปเสียให้ห่าง | แล้วนางค่อนว่าไม่ปราไส | ||
นี่แน่ออเถ้าเจ้ากรุงไกร | ช่างไม่คิดถึงตัวมัวเมา | ||
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รุ้ | ยังจะเที่ยวเกี้ยวชู้อยู่อีกเล่า | ||
จนฟันหักผมหงอกเหมือนดอกเลา | ลูกเขาเมียเขาก็ไม่คิด | ||
คบกันกับอีเถ้าเจ้าเล่ห์ | ทำการเกเรทุจริต | ||
ลอบฆ่าสามีกูม้วยมิด | มิหนำซ้ำปลิดเอาเมียมา | ||
อย่าพักว่าวอนให้อ่อนใจ | กูไม่มุ่งมาดปรารถนา | ||
ว่าพลางนางทรงโศกา | กัลยาโศกศัลย์รันทด | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ ทรามเอยทรามสงวน | อย่ารัญจวนครวญคร่ำกำสรด | ||
ถึงเจ้าโกรธโกรธาว่าประชด | จะออมอดไม่ถืออรไทย | ||
อย่าเยาะเย้ยเลยเจ้าว่าเถ้าแก่ | พี่แพ้ฟันดอกจะบอกให้ | ||
อันอายุอานามกับทรามวัย | เห็นจะไม่กะไรกันนัก | ||
อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่ | จงชมแต่ยศถาบันดาศักดิ์ | ||
พี่จะเษกโฉมยงนงลักษณ์ | ให้เปนเอกอัครเทวี | ||
ทักวันท่านยายก็แก่เถ้า | ขอเชิญเจ้าร่วมแท่นแทนที่ | ||
สมบัติพัศถานเรามั่งมี | คงดีกว่าผัวเก่าของเจ้าจน | ||
พี่ให้ไปรับน้องมา | หวังว่าจะรักเปนพักผล | ||
จะแขงขัดตัดรอนไม่ผ่อนปรน | ใช่ที่นฤมลจะพ้นมือ | ||
ว่าพลางทางถัดเข้าใกล้ | ลูบไล้เลียมลองจะต้องถือ | ||
ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟฮือ | แล้วหดมือถอยหลังรั้งรอ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาไม่กลัวทำหัวร่อ | ||
ตบมือชี้หน้าด่าทอ | เคืองขัดตัดพ้อภูวไนย | ||
อย่าอวดโอ้โอหังว่ามั่งมี | หานิยมยินดีของมึงไม่ | ||
พูดจาบ้าลำโพงโป้งไป | คนอะไรใครบ้างอย่างนี้ | ||
ไม่คิดว่าแก่เถ้าจะเข้าโลง | ยังโอ่โถงทำหนุ่มน่าบัดสี | ||
ไม่ช้านักสักปีหนึ่งสองปี | จะได้เกี้ยวกับผีที่ป่าช้า | ||
น่าหัวร่อทั้งทุกข์สนุกจ้าน | ดื้อด้านซานซมหนักหนมหนักหนา | ||
ดูเหมือนมิใช่ท้าวพระยา | เวทนาเชิญไปเสียให้พ้น | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชคิดขัดสน | ||
จะเล้าโฉมนางนฤมล | เห็นไม่หย่อนผ่อนปรนก็จนใจ | ||
อำนาจนางซื่อสัตย์ต่อภัศดา | พระราชาร้อนรนไม่ทนได้ | ||
จึงเสด็จย่างย่องจากห้องใน | รีบไปสรงชลกระวนกระวาย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ตักวารีรดหมดแม่ขัน | แต่กระนั้นร้อนใจมิใคร่หาย | ||
หยิบเครื่องสุคนธามาละลาย | ลูบชะโลมโซมกายค่อยคลายร้อน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ พระนั่งง่วงโงกหงับหลับตา | คิดถึงจันท์สุดาดวงสมร | ||
นิจจาเจ้าช่างสลัดตัดรอน | ไม่ผันผ่อนปรานีพี่บ้างเลย | ||
เสียแรงให้ไปรับน้องมา | หวังว่าจะร่วมเรียงเคียงเขนย | ||
พี่เฝ้าปลอบโฉมงามทรามเชย | น้องเอ๋ยไม่ปลดปลงลงใจ | ||
อันเล่ห์กลสัตรีนี้ฦกล้ำ | จะเชื่อถือถ้อยคำยังไม่ได้ | ||
เห็นจะเปนมารยาพิราใน | จะเกี้ยวแก้มือใหม่อีกสักครั้ง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ คิดพลางแต่งองค์ทรงภูษา | ห่มห่มนอนราคากว่าสองชั่ง | ||
แล้วดำเนินเดินดุ่มสุ่มตะรัง | ขึ้นนั่งบนเตียงเคียงนาง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ น้องเอ๋ยน้องรัก | จงผินพักตร์มาพูดกับพี่บ้าง | ||
เอออะไรไม่พอที่พอทาง | จะทำให้เขินค้างอยู่กลางคัน | ||
แม้นมิได้เชยชมสมหมาย | จะสู้วายชีวาอาสัญ | ||
แต่พี่มีเมียมานับพัน | ไม่เหมือนขวัญเนตรต้องต้องติดใจ | ||
จริงจริงพี่รักเจ้าหนักหนา | ไม่เสแสร้งแกล้งว่าสบถได้ | ||
เจ้าจงเมตตาอาลัย | อย่าให้ไผ่ผอมตรอมใจตาย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | แค้งคั่งเคืองหูไม่รู้หาย | ||
นางโกรธาด่าทอหยาบคาย | ถ่มน้ำลายรดให้ไม่ไยดี | ||
ขี้คร้านพูดจากับบ้าหลัง | น่าชังหนักหนาผินหน้าหนี | ||
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี | ก็โศกีครวญคร่ำรำพรรณ์ไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
โอ้โลม | |||
๏ แสนเอยแสนงอน | ช่างตัดรอนค่อนว่าไม่ปราไส | ||
เจ้าคารี้สีคารมสุดใจ | เปนไรเปนไปไม่ละกัน | ||
ว่าพลางทางขยับจะยุดยื้อ | เลียมลองต้องถือให้มือสั่น | ||
เดชะความสัตย์ของนางนั้น | ทรงธรรม์ร้อนรนกระวนกระวาย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ จะช้านักสักครู่ไม่อยู่ได้ | จนใจจึงจำขย่ำขยาย | ||
เหลียวหลังดูนางพลางเสียดาย | ค่อยเดินชายออกไปเสียให้พ้น | ||
นั่งนิ่งพิงหมอนถอนใจใหญ่ | ภูไนยสิ้นคิดขัดสน | ||
ให้รักใคร่ในนางนฤมล | เปนทังวี้ทังวลวุ่นวาย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ พระกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อน | นั่งนอนไม่หลับกระสับกระส่าย | ||
คิดถึงนงเยาว์เศร้าเสียดาย | มุ่งหมายจะชมไม่สมคะเน | ||
จำจะคิดแยบคายสายสน | หาหมอรู้มนตร์ทำเสน่ห์ | ||
แก้ไขใช้ทางอุปเทห์ | มิได้ด้วยเล่ห์เอาด้วยกล | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ทีนี้โฉมยงคงรักใคร่ | เห็นจะไม่โกรธาบ้าบ่น | ||
ด้วยเดชะฤทธิเดชเวทมนตร์ | อันจะพ้นมือพี่อย่าสงกา | ||
พระแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ | หมายได้นึกกำหนัดสมบัติบ้า | ||
จึงเรียกเหล่าเถ้าแก่เข้ามา | แล้วกำชับกำชาสั่งความ | ||
จงพิทักษ์รักษามารศรี | อย่าพูดจาพาทีให้หยาบหยาม | ||
ช่วยกันเล้าโลมนางโฉมงาม | ถ้าโอนอ่อนผ่อนตามจะรางวัล | ||
แม้นกูมาทีหลังยังดื้อดึง | ชีวิตมึงเหล่านี้จะอาสัญ | ||
สั่งพลางย่างเยื้องจรจรัล | ออกท้องพระโรงคัลทันใด | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์ | พร้อมข้าราชการน้อยใหญ่ | ||
จึงเรียกเสนีที่ไว้ใจ | มาใกล้หน้าที่นั่งแล้วสั่งพลัน | ||
จงสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล | ที่มนตร์ดลอาคมขลังขยัน | ||
ทำรูปรอยปลุกเสกเลขยันต์ | ตามทำนองของมันเคยใช้ | ||
ถ้าแม้ทำเปนเห็นจริง | ให้ผู้หญิงสมัครักใคร่ | ||
เสื้อผ้าเงินทองจะถึงใจ | ใครรับได้เอาตัวมันเข้ามา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจอยากได้หน้า | ||
คำนับรับราชบัญชา | บังคมลามาริมทิมชาววัง | ||
เรียกบ่าวลูกเล็กเจ๊กหัวเปีย | ต่ำเตี้ยกะจิริดติดตามหลัง | ||
ถือห่อผ้าการ่มรุงรัง | ไม่รอรั้งเดินออกนอกประตู | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เที่ยวสืบหาหมอเสน่ห์เล่ห์กล | ทุกถนนในนครจนอ่อนหู | ||
วัดวาอารามเที่ยวถามดู | ไม่มีผู้รู้ทำล้ำฦกซึ้ง | ||
แสบท้องแทบตายสายเต็มที | เข้าซื้อหมี่เจ๊กกินสิ้นสองสลึง | ||
แล้วใส่เอาเหล้าเข้มพอเต็มตึง | หยุดอยู่ครู่หนึ่งจึงจะไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าความรู้ครูใหญ่ | ||
ไม่มีมุลนายสบายใจ | อยู่โรงริมร่มไม้ในกำแพง | ||
เปนทิศาปาโมกข์พวกโหยกเหยก | ตัวเอกออกชื่อฦๅทุกแห่ง | ||
อวดกำลังหนังเหนียวเรี่ยวแรง | ฟันแทงไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น | ||
ทำเสน่ห์เล่ห์กลให้คนเชื่อ | ฉลาดเหลือหลอกหลอนผ่อนผัน | ||
เมียขุนนางวางน้ำไปกำนัล | ขอเลขยันต์หยูกยาอาคม | ||
พวกหนุ่มหนุ่มปรารถนาจะหาเมีย | มาเรียนรู้สู้เสียผ้านุ่งห่ม | ||
เถ้าชราหากินด้วยลิ้นลม | ใครชิดชมฉิบหายเสียหลายคน | ||
เหล่านักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่ว | มาฝากตัวตาหมอคิดฉ้อฉน | ||
บ้างเรียนชักไม้กงพัดหัดเล่นกล | คอยลวงคนชาวบ้านนอกขอกนา | ||
พวกหัวไม้ไปหัดอาพัดเหล่า | ฟันไม่เข้าคงสิ้นทั้งหินผา | ||
เงินทองไม่มีบี้สกา | อุตส่าห์มาติดเทียนเรียนรู้ | ||
ล้วนนักเลงเสงพากปากโป้ง | บ้าลำโพงเพื่อนบ้านรำคาญหู | ||
พอถึงวันพฤหัสนัดไหว้ครู | กินหัวหมูกับเหล้าเมาโมเย | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีเหนื่อยเหน็ดเที่ยวเตร็จเตร่ | ||
ถึงบ้านหมอรอฟังยังลังเล | พอคะเนเพลาสักห้าโมง | ||
ได้ยินเสียงคนผู้อยู่นักหนา | เล่นหมากรุกฤๅสถาพูดจาโผง | ||
จึงข้ามร่องย่องยิ้มมาริมโรง | ฝาโปร่งเปนช่องเมียงมองดู | ||
เห็นหนุ่มหนุ่มนั่งล้อมพร้อมหน้า | ขอคาถาตาหมออวดจ้ออยู่ | ||
ค่อยเคาะเปาะเข้าที่เสาประตู | ถามหาตาครูดูท่วงที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ตาหมอมองป้องหน้าใครมานี่ | ||
เอออ่อต่อจะจับเจ้าเหล่านี้ | เสนีแล้วสิหว่าดูน่ากลัว | ||
พวกหลบเจ้าหนี้หนีนายบ่อน | ตกใจไปซ่อนนอนคลุมหัว | ||
บรรดามีความผิดติดตัว | อารามกลัวลุกทลึ่งตึงตัง | ||
ที่ใจกล้าว่าเกลออย่าเพ่อหนี | ร้ายดีคงสู้ดูสักตั้ง | ||
ตาหมอทำฮึกฮักทักเสียงดัง | ใครแปลกหน้ามานั่งรั้งรอ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ครั้นเข้าใกล้ได้ความตามซื่อ | จูงมือมาพลางทางหัวร่อ | ||
ผูกรักชักชวนชอบพอ | พูดล้อเจรจาฮาเฮ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีนักเลงเก่าเจ้าเล่ห์ | ||
เข้าคบค้าสมาคมสมคะเน | บอกอุบายถ่ายเทธุระร้อน | ||
เดี๋ยวนี้นะพระองค์ทรงธรรม์ | แสนกะสันจันท์สุดาดวงสมร | ||
แต่เกี้ยวพานพูดจาว่าวอน | เปนหลายครั้งบังอรไม่เอออวย | ||
ถ้าทำได้ให้องค์นงลักษณ์ | พบพักตร์ภูมียินดีด้วย | ||
นางนิยมสมประสงค์งงงวย | คงรวยเต็มประดาแล้วตาครู | ||
เงินทองของเข้าจะเอาอะไร | อย่าสงสัยได้หมดไม่ปดปู่ | ||
ทั้งเมียสาวบ่าวไพร่พรั่งพรู | ที่อยู่ตึกกว้านบ้านเรือนรั้ว | ||
ฤๅจะเปนขุนนางข้างกรมท่า | แต่งสำเภาเลากาเป็นเจ๊สัว | ||
จงออกรับอาสาเถิดอย่ากลัว | จะซ่อนตัวอยู่ไยไม่ต้องการ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าได้ฟังลูบหลังหลาน | ||
หลงละโมภโลภล้นพ้นประมาณ | อยากจะได้ของประทานพานพูดเพ้อ | ||
จะทำให้สมประสงค์จงได้ | การเสน่ห์แล้วใครไม่เสมอ | ||
คอยดูความรู้เราเอาเถิดเธอ | อวดอ้อหัวร่อเร่อเอออือ | ||
อันอาคมคาถาตำราตำหรับ | มากมายหลายฉะบับเคยนับถือ | ||
คนมาขอเรียนร่ำล่ำฦๅ | เห็นแล้วฤๅศิษย์เราล้วนเจ้าชู้ | ||
ช่วยแนะแหนแต่เสน่ห์ขี้เหร่ขี้ร้าย | ได้สมหมายมนตร์ขลังอยู่มั่งอยู่ | ||
วันนี้เขาเอาของมาไหว้ครู | หัวหมูบายศรีอยู่นี่แน | ||
พอเลี้ยงท้องสองมือไม่ขัดสน | ได้นั่งกินสินบนมาจนแก่ | ||
เมื่อเย็นวานท่านผู้หญิงที่แพ | ให้ผ้าแพรปังสีสี่ห้าพับ | ||
ทั้งนอกในไปมาหาไม่ขาด | แต่ไม่อาจออกตัวกลัวเขาจับ | ||
นี่กันเองไม่เกรงดอกจึงออกรับ | เปนความลับฦกล้ำสำคัญ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนาพาซื่อถือมั่น | ||
เห็นชอบกลมนตร์เวทวิเศษครัน | จะขยันทายาดดูลาดเลา | ||
คิดพลางทางว่ากับตาหมอ | จะรั้งรออยู่ไยทำไมเล่า | ||
มั่งมีดีกว่าค้าสำเภา | กลัวอะไรไปเฝ้าเอารางวัล | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ตาหมอมุ่งหมายจะผายผัน | ||
มาอาบน้ำในครัวแต่งตัวพลัน | แป้งน้ำมันมีพร้อมหอมฟุ้ง | ||
เลือกผ้านุ่งห่มสมรูปร่าง | ลายฉลางอย่างนอกเอาออกนุ่ง | ||
กรุกกรักประดักประเดิดเปิดฝาลุ้ง | เอาแพรบางกวางตุ้งคาดพุงพัน | ||
แล้วไขตู้ดูตำราของอาจารย์ | ปิดทองของบุราณลานสั้น | ||
สมุดขาวเขียนหมึกดึกดำบรรพ์ | ล้วนเลขยันต์เสน่ห์เล่ห์กล | ||
ห่อผ้าดำสำรองไปสองฉะบับ | ถึงไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่ขัดสน | ||
ปากว่าสาธยายเวทมนตร์ | จำได้หัวใจสนธิ์บ่นออกมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนีดีใจเปนนักหนา | ||
จึงพาหมอเถ้าเจ้าตำรา | เดินมาตามทางกลางนคร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง | ให้หมอนั่งยั้งอยู่สักครู่ก่อน | ||
เข้าไปกราบบาทมูลทูลภูธร | ธุระร้อนพระองค์คงสมคิด | ||
ข้าไปพบหมอเถ้าเข้าคนหนึ่ง | ถ้าจะเปรียบเทียบถึงปโรหิต | ||
รู้วิชาชำนาญการอิทธิฤทธิ | ศักดิ์สิทธิ์วิทยาอาคม | ||
บัดนี้พำตาหมอมารออยู่ | ที่ทิมริมประตูท้ายสนม | ||
มนตร์ดลดีนักหนาน่านิยม | ไม่ประสมประสานแสร้งแกล้งกราบทูล | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ทรงธรรม์สันนุราชนเรนทร์สูรย์ | ||
ฟังแจ้งแถลงเล่าเค้ามูล | ให้เพิ่มพูนภิรมย์สมนึก | ||
จึงให้หาตาหมอจรดล | มาเฝ้าบนชานพักตำหนักตึก | ||
แล้วเล่าตามความขำล้ำฦก | ตรองตรึกปรึกษากับตาครู | ||
เราได้นางนฤมลมาคนหนึ่ง | ผัวพึ่งวอดวายเปนหม้ายอยู่ | ||
รูปทรงโสภาน่าเอนดู | ควรเปนคู่เคียงเขนยเชยชม | ||
จะเล้าโลมโฉมเฉลาสักเท่าไร | ก็มิได้มีจิตต์สนิทสนม | ||
หมอเถ้าเจ้าเสน่ห์เล่ห์ลม | จงทำให้ได้สมความคิดเรา | ||
แม้นว่าแก้วกัลยาการุญ | บญคุณของครูเท่าภูเขา | ||
ถึงได้ทองสักสองลำสำเภา | ก็ไม่เท่าได้ของที่ต้องใจ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าตำราอัชฌาสัย | ||
จึงแกล้งทูลถ่อมตัวกลัวโพยภัย | ข้าเข้าใจบ้างอยู่ความรู้บุราณ | ||
เมื่อหนุ่มหนุ่มคนองลองคาถา | ผู้หญิงงามตามมาจนถึงบ้าน | ||
ครั้นแก่ตัวกลัวผิดคิดขี้คร้าน | เขาบนบานบ่อยไปไม่ไยดี | ||
ได้ทราบ่าฝ่าลอองต้องประสงค์ | นางโฉมยงยังระคางขนางหนี | ||
จะอาสาหน้าที่นั่งครั้งนี้ | ให้สิ้นดีโดยอุบายถ่ายเท | ||
ผงดินสอขอถวายให้ผัดพักตร์ | นารีรักรูปทรงหลงเล่ห์ | ||
ขี้ผึ้งสีเสกด้วยฤทธิ์อิทธิเจ | เปนเสน่ห์พูดผู้หญิงให้ยิงยอม | ||
เครื่องสุคนธ์มนตร์เทพรำจวน | ให้เนื้อหนังนุ่มนวลหวนหอม | ||
สรงสนานน้ำทิพย์สิบกละออม | นางผมหอมเห็นพระองค์คงทักทาย | ||
ทูลพลางพลิกหาตำราเสน่ห์ | อุปเทห์ที่ใบลานอ่านถวาย | ||
เคยทำเปนเห็นจริงหญิงรักชาย | บ้าน้ำลายพูดโผงโป้งไป | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชลุ่มหลงไม่สงสัย | ||
น้อยฤๅหมอเถ้าคนเข้าใจ | เรียนร่ำจำไว้ได้มากมาย | ||
ทีนี้นางนฤมลไม่พ้นพี่ | เพราะเวทมนตร์ดลดีใจหาย | ||
ตบเพลาเข้าพลางทางยิ้มพราย | คงได้ชมสมหมายถ่ายเดียว | ||
ชิชะหมอคนนี้ดีทายาด | รู้หลักนักปราชญ์ฉลาดเฉลียว | ||
เนื้อตัวตกกระยังประเปรียว | ไล่เดี่ยวเคี่ยวขับไม่อับจน | ||
ถ้าทำได้สมหวังดังว่า | เสื้อผ้าสารพัดไม่ขัดสน | ||
จะให้เมียรูปงามสักสามคน | เปนสินบนหมอเถ้าเจ้าตำรา | ||
ประทานทั้งเงินตราห้าสิบชั่ง | แล้วจะตั้งเปนขุนนางข้างกรมท่า | ||
ฤๅรักทำโรงเหล้าเตาสุรา | ตามแต่ตัวขรัวตาจะชอบใจ | ||
ว่าพลางทางสำรวลสรวลเส | สมคะเนแม่นมั่นพะนันได้ | ||
แล้วตรัสสั่งขุนนางวางพระทัย | อย่าอื้ออึงคนึงไปให้ใครรู้ | ||
จงจัดแจงแต่งที่สรงสนาน | เครื่องอานต่างต่างหลายอย่างอยู่ | ||
ให้ต้องตามตำราของตาครู | เห็นได้ช่องลองความรู้ดูอีกครั้ง | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนีคำนับรับคำสั่ง | ||
ออกมาที่ทิมริมคลัง | เจ็บหลังนั่งอิงพิงพนัก | ||
บ่าวตะบันหมากสงส่งมาให้ | เคี้ยวไม่ได้ฟันฟางห่างหัก | ||
ฉวยคนโทดื่มน้ำจนสำลัก | เปลื้องสมปักเปียกไปให้ทนาย | ||
หยิบน้ำชามารินกินสองป้าน | สั่งพันภาณให้เสมียนเขียนหมาย | ||
หมอเถ้าจะเสดาะพระเคราะห์ร้าย | บอกอุบายมิให้ใครสงกา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ตำรวจรับหมายบ่ายหนักหนา | ||
ลนลานการด่วนจวนเวลา | วิ่งหานายมุลวุ่นทั้งเวร | ||
บ้างตกแต่งเตียงสรงองค์เก่า | ออกไปเอาช่างมาทาเสน | ||
นายงานพานสันทัดชัดเจน | อึดอัดขัดเขนยกเข้ามา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ยานิ | |||
๏ แต่งตั้งเตียงที่พิธีสนาน | ผูกม่านเพดานดวงพวงบุปผา | ||
ขันสาครใหญ่ใส่คงคา | ครอบสำริดปิดฝาม้ารอง | ||
เครื่องสำอางวางเรียงเคียงกัน | เกณฑ์กำนัลนั่งเฝ้าเปนเจ้าของ | ||
ภูษาผ้าทรงใส่พานทอง | จัดแจงแต่งต้องามธรมเนียม | ||
ตาเถ้าชาวที่สามสี่คน | ตักเติมหม้อน้ำมนตร์จนออกเปี่ยม | ||
เตียงสำหรับตาครูปูพรมเจียม | ตระเตรียมพร้อมเสร็จสำเร็จการ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าเจ้าตำราตราสาร | ||
ให้แต่งตั้งกำนนบนบาน | ตามบุราณคำรบครบครัน | ||
เรียกเอาเข้าของคำนับครู | หัวหมูบายศรีขมีขมัน | ||
สารพัดบัดพลีพะลีกรรม์ | กระแจะจันทน์น้ำมันหอมพร้อมเพรียง | ||
ครั้นเสร็จสรรพทุกสิ่งไม่นิ่งช้า | หมอเถ้าเอาผ้าสไบเฉียง | ||
ขึ้นทำการอ่านมนตร์บนเตียง | เสกเสียงพึมพำพร่ำไป | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ว่าตามความรู้ของครูสอน | พลัดเปนครึ่งท่อนกลอนปรบไก่ | ||
ได้สติตีอกชกใจ | ลงปลายกลายไปเปนเวทมนตร์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชมาดหมายมาหลายหน | ||
วันนี้นางทรามวัยเห็นไม่พ้น | พากเพียรเรียนมนตร์บ่นเต็มที่ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ จำได้คาถามหาเสน่ห์ | อุปเทห์ทั้งมวญถ้วนถี่ | ||
ครั้นโพล้เพล้เวลาราตรี | มาเข้าที่สรงน้ำทำการ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ชมตลาด | |||
๏ ไขสุหร่ายสายชลดังฝนตก | อาบอุทกธารากระยาสนาน | ||
รดน้ำมนตร์ล้นเหลือเชื่ออาจารย์ | จนงกงันสั่นสท้านทั้งกายา | ||
บรรจงทรงสุคนธ์มนตร์หมอเสก | นางตัวเอกไม่แคล้วพี่แล้วหนา | ||
ผงดินสอใส่พระหัตถ์ผัดพักตรา | ลูบไล้ไปมาทั้งสารพางค์ | ||
หยิบยกกระจกใหญ่ใส่คันฉ่อง | เทียนตั้งนั่งมองส่องสว่าง | ||
ดูเปนหนุ่มน่าชมสมกับนาง | อวดหมอหัวร่อพลางทางแย้มยิ้ม | ||
เสวยพระศรีสงทรงเคี้ยว | สักประเดี๋ยวทันใจเอาไม้จิ้ม | ||
นุ่งนอกอย่างวางชายกรายกรีดริม | สีทับทิมคล้องคอพอพระทัย | ||
เพ็ชรฑูริย์ธำมรงค์ทรงก้อย | ตำราพลอยว่าผู้หญิงมักรักใคร่ | ||
คาดเข็มขัดประจำยามงามสุดใจ | พวงมาลัยใส่ข้อมือถือยาดม | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นเสร็จเสด็จมาไม่ยั้งหยุด | ดำเนินเดินสดุดนักสนม | ||
ขึ้นบนมณเฑียรเจียนจะล้ม | เข้าในห้องประธมเทวี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ยืนแฝงฝากั้นขยั้นอยู่ | แอบประตูดูสุดามารศรี | ||
ปากบ่นบริกรรมทำท่วงที | สูบบุหรี่ร่ายมนตร์พ่นควันไป | ||
นางเหลียวดูภูบาลก็อ่านเวท | ประสมเนตรนึกรักยักคิ้วให้ | ||
เห็นชอบกลกัลยาไม่ว่าไร | หมายได้สมคิดด้วยวิทยา | ||
จึงค่อยย่องย่างมาข้างหลัง | ขึ้นนั่งบนเตียงเมียงเมินหน้า | ||
ยิ้มแย้มกระแอมไอไปมา | พูดจาปลอบนางพลางแลเลง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ น้องเอยน้องรัก | กำลังสาวราวสักปีมะเส็ง | ||
พักตร์ผ่องเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็ง | ครัดเคร่งเปล่งปลั่งอยู่ทั้งตัว | ||
น้อยฤๅพี่รักนักหนา | กระนี้แล้วแก้วตายังว่าชั่ว | ||
นี่เนื้อเคราะห์เพราะชราหูตามัว | ไม่เหมือนผัวของเจ้าเฝ้าเคียดคุม | ||
อย่าเลี้ยวลดทดลองให้ถ่องแท้ | กลัวแต่แก่จะชนะหนุ่ม | ||
ว่าพลางทางขยับจับกุม | ให้ร้อนรุมราวกับไฟไหม้มือ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ นึกพรั่นขยั้นขยดถดถอย | เหงื่อไหลไคย้อยลงน้องฤๅ | ||
แก้ขวยฉวยพัดปัดกระพือ | ยังร้อนรื้อเรียกน้ำมากล้ำกลืน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ หยุดพักสักประเดี๋ยวเกี้ยวใหม่ | แขงใจพูดจาทำหน้าชื่น | ||
จะเษกน้องครองวังให้ยั่งยืน | วันรุ่งพรุ่งมะรืนได้ฤกษ์ดี | ||
เอออายุนงเยาว์สักเท่าไร | จงขับไล่ดูลองกับของพี่ | ||
อย่าย้อนยอกบอกเบือนเดือนปี | ตำรามีรู้มากนาคกะเฌอ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดานึกในช่างไม่เก้อ | ||
ชังน้ำหน้าบ้าเคอะกระเซอะกระเซอ | เป้อเย้อเย่อหยิ่งจริงจริงเจียว | ||
จะหุนหันโมโหโต้ตอบเล่า | เหมือนทำให้ไอ้เถ้ามันเฝ้าเกี้ยว | ||
ให้พูดจาบ้าบ่นอยู่คนเดียว | นางขัดใจไม่เหลียวไม่แลดู | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชแย้มยิ้มกระหยิ่มอยู่ | ||
หมายได้ด้วยคาถาของตาครู | อุตส่าห์สู้บ่นตะบอยค่อยกระซิบ | ||
ดูทำนองต้องจิตต์ผิดประหลาด | ไม่ร้ายกาจก้มหนาตาปริบปริบ | ||
น้อยหรือนางแสนคมคารมริบ | นิ่งกริบไปทีเดียวไม่เหลียวเลย | ||
ท่วงทีถูกเสน่ห์คะเนแน่ | เห็นประจักษ์ทักแท้แล้วแม่เอ๋ย | ||
กระดิกเข่าท้าวแขนแหงนเงย | เอาเขนยหนุนหลังนั่งทำทรง | ||
กินหมากดิบหยิบขี้ผึ้งเสกสี | สูบบุหรี่ใส่จันทน์ควันโขมง | ||
แล้วไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมล้อมวง | ใหลลงพูดละเม้อเพ้อพก | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตต์ | ทีนี้คงปลงปริศนาตก | ||
เหมือนทุกข์พี่มีผู้มาหยิบยก | ให้เบาอกออกแล้วนะแก้วตา | ||
จะนิ่งอยู่ไยน้องไม่ต้องการ | นั่งนานเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหนักหนา | ||
ขอเชิญเจ้าเข้าที่กับพี่ยา | ให้เปนผาสุกสบายหายหาวนอน | ||
วันนี้ทีทำเห็นอ้ำอึ้ง | ไม่โกรธขึ้งตึงตังเหมือนครั้งก่อน | ||
ดีจริงเจียวแม่ไม่แง่งอน | จงโอนอ่อนผ่อนตามให้งามงด | ||
แล้วร่ายมนตร์หมอเถ้าเป่าซ้ำ | บริกรรมทำปากบดมด | ||
เอ๊ะอ่อต่อจะอ่อนหย่อนพยศ | ค่อยขยดลดไถลเข้าไปชิด | ||
นางขยับกลับตัวกลัวจะเห็น | ทำเปนผินหลังนั่งเกาหิด | ||
มองเขม้นเห็นสไบไม่สู้มิด | จึงยื่นมือมานิดสกิดกาย | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาร้องกรีดหวีดว้าย | ||
ชั่วชาติประหลาดเหลือเบื่อจะตาย | ช่างไม่อายขายหน้าบ้าจริงจริง | ||
ยังจะขืนยื่นมือมายื้อหยอก | เดี๋ยวนี้อกจะได้ชมคารมหญิง | ||
เหลือแค้นแน่นอกยกหมอนอิง | กระแทกทิ้งลงตรงหน้าแล้วด่าทอ | ||
ช่างกะไรไอ้หมอนไม่นอนหลับ | จนเขาขับขืนเกี้ยวไปเจียวหนอ | ||
แม้นมีไม้ใกล้ตัวหัวจะนอ | ใจคอไม่ลื้นเหมือนหมื่นทน | ||
เนื้อตัวหัวหูไปอยู่ไหน | จึงทนได้ให้เขาด่าดังห่าฝน | ||
ฤๅฟังเล่นเย็นฉ่ำเหมือนน้ำมนตร์ | ช่างผิดคนทนทานด้านดึง | ||
ไม่ว่าเล่นเห็นลึกอย่านึกหมาย | ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง | ||
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงตึงตึง | ดื้อดึงดุดะไม่ละลด | ||
พานหมากพานพลูที่อยู่ใกล้ | ก็ปัดไปเปรื่องปร่างขว้างเสียหมด | ||
ฉวยน้ำซ้ำสาดราดรด | ทำประชดชิงชังรังแก | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชแปลกจิตต์ผิดแล้วแหล | ||
เสียน้ำใจในคอท้อแท้ | จนเปนลมล้มแน่นิ่งไป | ||
ให้เวียนหัวมัวตาหน้ามืด | ครางอืดบ่นออดทอดใจใหญ่ | ||
ดูดู๋เดิมเห็นดีมีน้ำใจ | หมายได้ไม่แคล้วแล้วทีเดียว | ||
มิรู้กลับแกล้วกล้าบ้าเลือด | ดุเดือดเต็มประดาตาเขียว | ||
ไม่รอติดผิดผู้หญิงจริงเจียว | ขี้เกียจเกี้ยวรับแพ้แล้วแม่คุณ | ||
ยังเจ็บช้ำระยำอยู่ไม่รู้หาย | ราวกับถูกลูกปลายหลายกะสุน | ||
ทำหน้าเซียวเคี้ยวเอื้องเงื่องงุน | สิ้นทุนสิ้นรอนจะผ่อนปรน | ||
แต่ยักย้ายหลายทำนองตรองตริ | สิ้นสติตายด้านอั้นอ้น | ||
สู้อุตส่าห์หน้าด้านทานทน | ถึงสองหนแล้วเห็นไม่เอ็นดู | ||
เอออะไรใจคอดังดินประสิว | ฉุนฉิวยิ่งกว่าชุดจุดดินหู | ||
เห็นไม่เปนเช่นตำราของตาครู | ถ้าขืนอยู่จะหยาบคายร้ายแรง | ||
ขยับลุกแล้วลงนั่งรั้งรอ | ปากบ่นมนตร์หมอจนคอแห้ง | ||
ไม่เห็นคุณเห็นค่าตาขี้แร้ง | เหมือนหนึ่งแกล้งให้มาถูกด่าทอ | ||
คิดเคืองขุ่นหมุนออกนอกปราสาท | เกรี้ยวกราดกริ้วร้องให้ถองหมอ | ||
เฆี่ยนให้หลังลายจนต้นคอ | ด่าทอถีบเถ้าเจ้าตำรา | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | หมอเถ้าซานซมล้มถลา | ||
ถูกถองต้องพระราชอาญา | ตกประหม่าตัวสั่นงันงก | ||
วิ่งออกนอกวังไม่ยั้งหยุด | จนสมุดทั้งมัดพลัดตก | ||
เสนาในใหญ่น้อยตามต่อยชก | วิ่งวกเข้าวัดลัดหนีไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชมาดหมายหาหายไม่ | ||
ไปเกี้ยวพานพูดจาเพลาไร | ก็ไม่ได้สู่สมชมชิด | ||
ประหลาดหนอหมอมดมาปดเล่น | ทำอะไรไม่เห็นเปนสักหนิด | ||
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดอิทธิฤทธิ์ | โทษผิดคิดจะใคร่เอาใส่คุก | ||
พอเข็ดหลาบบาปกรรมทำเปล่าเปล่า | บ่นออดกอดเข่าเจ่าจุก | ||
นั่งโยกโงกหงับปรับทุกข์ | กับหมู่มุขมนตรีเสนีใน | ||
แต่เล่นชู้สู่สาวมาราวร้อย | หางามงดชดช้อยเช่นนี้ไม่ | ||
น่าชมสมสวาทระวาดระไว | เอวไหล่ลมุนลม่อมพร้อมพริ้ง | ||
เสียแต่ร้ายราวกับเสือเหลือแล้วพ่อ | คารมรอไม่ติดผิดผู้หญิง | ||
อุตส่าหืสู้อยู่อ้อนวอนวิง | ไม่ยอมยิงยิ่งรื้อดื้อดึง | ||
อันอดเหนียวเกี้ยวชู้รู้ท่วงที | มิใช่ชั่วตัวดีไม่มีถึง | ||
จะหักโหมโลมเล้าเคล้าคลึง | ให้รุมรึงร้อนรนสกลกาย | ||
มิขัดขวางอย่างนี้แล้วที่ไหน | ประเดี๋ยวใจก็จะสมอารมณ์หมาย | ||
ตรองตรึกปรึกษาหาอุบาย | ไม่เหือดหายวายเว้นสักเวลา | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา | |||
ท้าวสันนุราชชุบตัว
ช้าปี่ | |||
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระหลวิไชยเชษฐา | ||
เมื่อพระคาวีสิ้นชีวา | ในอุราร้อนรุมดังสุมไฟ | ||
จึงดูดอกประทุมที่เสี่ยงทาย | ก็กลับกลายมัวหมองไม่ผ่องใส | ||
พระเร่งตระหนกตกใจ | เหตุไฉนฉะนี้เจ้าพี่อา | ||
ทุกข์ร้อนอย่างไรก็ไม่รู้ | จำกูจะไปเที่ยวตามหา | ||
แม้นมิพบน้องแก้วแววตา | พี่ยาไม่กลับเข้ากรุงไกร | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ คิดพลางทางสั่งมเหษี | สร้อยสุดานารีศรีไส | ||
พี่ขอลาโฉมงามทรามวัย | รีบไปตามหาพระคาวี | ||
แม้นพระบิดาบัญชาถาม | จงทูลความให้ทราบบทศรี | ||
สั่งพลางทางเสด็จจรลี | มาเข้าที่สระสรงคงคา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ทรงเครื่องประดับการพรายพรรณ | จับพระขรรค์เยื้องย่างออกข้างหน้า | ||
ยกพระหัตถ์นมัสการเทวา | ทุกเหวผาท่าทางกลางดง | ||
แม้นน้องของข้าอยู่แห่งใด | ช่วยนำไปให้พบสบประสงค์ | ||
แล้วรีบออกนอกวังดังจำนง | เสด็จตรงมาตามมรคา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เดชะความสัตย์ซื่อถือมั่น | เทวัญช่วยพิทักษ์รักษา | ||
บันดาลดลใจให้ไคลคลา | ย่อย่นมรคาพนาลี | ||
ทางไกลเดือนหนึ่งมาครึ่งวัน | ถึงจันทราบุรีศรี | ||
ไม่พบคนไปมาทั้งธานี | ภูมีลดเลี้ยวเที่ยวดู | ||
แลเห็นพระขรรค์ทันใด | หยิบได้เขม้นอยู่เปนครู่ | ||
แม่นมั่นพระขรรค์ของน้องกู | เหตุใดมาอยู่กลางอัคคี | ||
ชะรอยน้องรักเจ้าตักษัย | ทำไฉนจะพบทรากผี | ||
ยิ่งวิโยคโศกศัลย์พันทวี | ภูมีลดเลี้ยวเที่ยวมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
โอ้ลาว | |||
๏ เดินพลางทางคนึงถึงน้อง | ครวญคร่ำร่ำร้องเรียกหา | ||
โอ้เจ้าคาวีของพี่ยา | แก้วตาจะเปนประการใด | ||
พระขรรค์นี้ชีวิตต์ก็ย่อมรู้ | มาทิ้งอยู่ไกลองค์น่าสงสัย | ||
ชะรอยคนฆ่าฟันเจ้าบรรลัย | พี่จึงไม่ประสบพบพาน | ||
ใครหนอสามารถอาจอง | แกล้งมาจำนงจงผลาญ | ||
ล้างชีพน้องชายกูวายปราณ | ไม่นานจะได้เห็นกัน | ||
กูจะทำทดแทนให้แสนสา | แล่เนื้อเกลือทาจนอาสัญ | ||
ร่ำพลางทางเสด็จจรจัล | ทรงธรรม์เที่ยวแสวงทุกแห่งไป | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว | |||
ร่าย | |||
๏ ถึงหาดทรายชายฝั่งชลธี | เห็นคาวีน้องรักตักษัย | ||
วิ่งเข้าสร้วมสอดกอดไว้ | พระร่ำไรโศกาจาบัลย์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
โอ้ปี่ | |||
๏ โอ้ว่าอนิจจาพระน้องแก้ว | ทิ้งพี่เสียแล้วไปสู่สวรรค์ | ||
เราไร้สุริย์วงศพงศ์พันธุ์ | ได้เห็นกันพี่น้องสองชาย | ||
เคยร่วมโศกร่วมสุขทุกข์ยาก | มาตายจากพี่ไปน่าใจหาย | ||
ไม่รู้เหตุผลต้นปลาย | เจ้าม้วยมอดวอดวายด้วยอันใด | ||
กรรมแล้วแก้วตาของพี่เอ๋ย | ใครเลยจะช่วยแก้ไข | ||
ร่ำพลางทางทรงโศกาลัย | สะอื้นไห้ไม่เปนสมประดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นค่อยคลายวายความโศกศัลย์ | จึงพิศดูพระขรรค์ไชยศรี | ||
เปนแต่มัวหมองต้องอัคคี | เห็นทีจะไม่ม้วยมรณา | ||
จึงตั้งความสัตยอธิฐาน | เดชะคุณอาจารย์ฌาณกล้า | ||
ขอให้องค์พระอนุชา | รอดชีพชีวาคืนคง | ||
แล้วเป่าปัดขัดสีพระขรรค์แก้ว | ผ่องแผ้วสิ้นเท่าธุลีผง | ||
จึงเอาน้ำชำระลดลง | ก็กลับฟื้นคืนองค์เปนมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ รัว | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีลืมเนตรเห็นเชษฐา | ||
ชื่นชมก้มกราบกับบาทา | แล้วมีวาจาว่าไป | ||
คุณของพระองค์ทรงธรรม์ | พ้นที่จะพรรณาได้ | ||
น้องนี้โฉดเฉาเบาใจ | หลงใหลเล่ห์กลสัตรี | ||
จึ่งเล่าความแต่ต้นจนปลาย | บรรยายให้ฟังถ้วนถี่ | ||
ครั้งนี้น้องแค้นแสนทวี | จะตามตัดเกศีมันเสียบไว้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐายิ้มแย้มแจ่มใส | ||
จึงว่าเจ้าพลั้งพลาดประมาทใจ | พระฤๅษีสอนไว้ไม่ยั้งคิด | ||
อันเชื้อชาติช้างสารแลงูเห่า | ข้าเก่าเมียรักอย่าวางจิตต์ | ||
ทั้งสี่อย่างมักล้างเอาชีวิต | เจ้าไม่จำทำผิดจึงบรรลัย | ||
น้อยหรืออีเถ้าเจ้าเล่ห์ | โว้เว้พานางไปข้างไหน | ||
จะแก้แค้นแทนทำให้หนำใจ | ตามไปฆ่าเสียให้วอดวาย | ||
ตรัสพลางทางชวนอนุชา | สองราจรจัลผันผาย | ||
เห็นรอยเกลื่อนกลาดที่หาดทราย | สำคัญมั่นหมายตามมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ร่องรอยสูญหายที่ท้ายเมือง | ลดเลี้ยวเที่ยวชำเลืองแลหา | ||
เห็นแต่ทางลงในคงคา | จึงตรองตรึกปรึกษาพระคาวี | ||
ดีร้ายยายเถ้าทรชน | พานางนฤมลลงเรือหนี | ||
น้ำเชี่ยวหนักหนาหน้านี้ | เห็นทีจะล่องลงไป | ||
บ้านเมืองทิศนี้จะมีอยู่ | จะตามดูให้สิ้นสงสัย | ||
ว่าพลางทางพากันคลาไคล | เลียบไปริมแนวนที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ หลายวันดั้นเดินป่าชัฏ | มาถึงพัทธวิสัยกรุงศรี | ||
จึงหยุดยั้งอยู่นอกธานี | แล้วพูดจาพาทีกับน้องชาย | ||
ครั้งนี้ตัวเราจะเข้าไป | กลัวเกลือกจะไม่เหมือนหมาย | ||
ถ้าอีเถ้าทรชนคนร้าย | รู้จักทักทายจะเสียที | ||
จะต้องทำโดยหนักหักหาญ | รบราญต้านต่อไม่พอที่ | ||
จะป้องปิดกิตติศัพท์ให้ลับลี้ | ให้ได้โดยดีด้วยปรีชา | ||
พี่คิดจะจำแลงแปลงองค์ | เปนดาบศธุดงค์มาแต่ป่า | ||
จะแปลงตัวเจ้าเท่าตุ๊กกะตา | อยู่ในย่ามพี่ยาจะพาไป | ||
ว่าแล้วหลับตาตั้งสติ | ตามลัทธิอาจารย์สอนให้ | ||
โอมอ่านพระเวทเรืองไชย | จำแลงแปลงได้ดังจินดา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ ตระ | |||
๏ พี่ชายแปลงเพศเปนดาบศ | ทรงพรตงดงามหนักหนา | ||
พระคาวีลงซ่อนกายา | อยู่ในย่ามเชษฐาทันใด | ||
ครั้นเสร็จสมคิดนิมิตรกาย | ถือไม้เท้าตะพายย่ามใหญ่ | ||
พัดขนนกป้องหน้าคลาไคล | เดินไปตามตรอกนอกพารา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เที่ยวสืบแสวงหวังจะฟังข่าว | ประชาชาวเรือกสวนถ้วนหน้า | ||
ไม่รู้เหตุผลคนพูดจา | จึงหยุดอยู่ยังศาลาหน้าเวียงไชย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเปนใหญ่ | ||
ตั้งแต่ได้จันท์สุดายาใจ | มาไว้ในที่มณเฑียรทอง | ||
สุดแสนรักใคร่ใหลหลง | นางไม่ปลงประดิพัทธิ์ให้ขัดข้อง | ||
พระครวญคร่ำดำริตริตรอง | ไฉนหนอนวลลอองจะเอ็นดู | ||
ทำเสน่ห์เล่ห์กลก็หลายสิ่ง | นางยิ่งด่าว่าน่าอดสู | ||
สิ้นตำหรับตำราวิชาครู | เพราะกายกูแก่เกินขนาดไป | ||
จำจะหามุนีฤๅษีสิทธิ์ | ที่เรืองฤทธิ์ชุบรูปเราเสียใหม่ | ||
ให้หนุ่มน้อยโสภายาใจ | เห็นจะได้เชยชมสมคิด | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ดำริพลางทางมีบัญชา | ตรัสสั่งเสนาคนสนิท | ||
จงตีฆ้องร้องป่าวไปทั่วทิศ | หาผู้รู้วิทยาคุณ | ||
จะให้ชุบรูปกูแก่ชรา | เปนหนุ่มน้อยโสภาพึ่งแรกรุ่น | ||
ถ้าสมคิดกัลยาการุญ | จะแทนคุณแบ่งเมืองให้กึ่งกัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งขมีขมัน | ||
ถวายบังคมลาออกมาพลัน | แยกกันป่าวร้องรอบบุรี | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
สามเสร้า | |||
๏ เมื่อนั้น | พระหลวิไชยฤๅษี | ||
นั่งอยู่ในศาลาริมธานี | ชักประคำทำทีเคร่งครัด | ||
เห็นเขาป่าวร้องมาตามถนน | ประหลาดอยู่ผู้คนแออัด | ||
เงี่ยหูนิ่งฟังนั่งมัธยัสถ์ | มิได้ตรัสว่าขานประการใด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ บัดนั้น | เสนีตีฆ้องร้องมาใกล้ | ||
เห็นพระผู้เปนเจ้าก็เข้าไป | หยุดยั้งนั่งไหว้วันทา | ||
แล้วปราไสไต่ถามดาบศ | ทรงพรตงดงามเปนหนักหนา | ||
ได้เรียนร่ำบำเพ็ญภาวนา | รู้วิชชาชุปตัวมั่งฤๅไร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีได้ฟังยังสงสัย | ||
แกล้งทำสำรวมจิตต์ใจ | มิใคร่จะพูดจาพาที | ||
กะทั่งไอกะแอมแย้มเยื้อนถาม | เหตุผลต้นความอย่างไรนี่ | ||
จะชุบตัวใครเปนไรมี | ความรู้สิ่งนี้เราเรียนไว้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ผู้มีอัชฌาสัย | ||
ฟังพระมุนีก็ดีใจ | กราบไหว้เคารพนบน้อม | ||
จึงบอกว่าท่านท้าวเจ้าพารา | ได้นางจันท์สุดาผมหอม | ||
เกี้ยวพานพูดจาไม่ยินยอม | ด้วยท้าวเธอแก่หง่อมไม่งดงาม | ||
จึงตรัสใช้ให้พวกข้าพเจ้า | เที่ยวตีฆ้องร้องป่าวไต่ถาม | ||
จะหาพระมุนีชีพราหมณ์ | ชุบรูปให้งามพึงใจ | ||
แม้นนางโฉมยงปลงรัก | ทรงศักดิ์จะแบ่งสมบัติให้ | ||
พระองค์ทรงญาณชาญชัย | ชุบได้ช่วยเอนดูภูมี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระหลวิไชยฤๅษี | ||
รู้ว่าจันท์สุดานารี | ไม่ยินดีด้วยท้าวเจ้าพารา | ||
นึกชมน้องสะใภ้อยู่ในจิตต์ | สุจริตรักผัวเปนนักหนา | ||
จำกูจะแก้เผ็ดพระยา | ลวงฆ่าเสียให้มันบรรลัย | ||
คิดพลางจึงว่ากับเสนี | เปนไรมีรูปพอจะรับได้ | ||
ถึงอายุแก่เถ้าสักเท่าไร | จะชุบให้หนุ่มน้อยน่าเอนดู | ||
รูปไม่พอใจดอกออกตัวตน | แต่ได้มานิมนตร์ก็จนอยู่ | ||
เมตตาตั้งมั่นกตัญญู | จะอุปถัมภ์ค้ำชูภูมี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาเชื่อถือพระฤๅษี | ||
จึงพาผู้เปนเจ้าเข้าบุรี | ยินดีเดินด่วนรีบมา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงวังให้ยั้งหยุดอยู่ | ที่ทิมริมประตูข้างหน้า | ||
เสนีนายใหญ่ก็ไคลคลา | เข้ามาเฝ้าองค์พระทรงยศ | ||
บังคมทูลแถลงแจ้งเหตุผล | ตามกระแสแต่ต้นไปจนหมด | ||
จะสมหวังดังหนึ่งมโนรถ | เพราะพระดาบศองค์นี้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเกษมศรี | ||
มาต้อนรับขับสู้พระมุนี | ให้ขึ้นนั่งที่แท่นรัตน์ | ||
พระเคารพนบนอบนมัสการ | ประเคนพานหมากพลูเภสัช | ||
ร้องเรียกเสนาเข้ามาพัด | ปฏิบัติวัดถากพระอาจารย์ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ แล้วตรัสปราไสสนทนา | ด้วยวาจาสุนทรอ่อนหวาน | ||
ทุกวันนี้มีธุระรำคาญ | เกี้ยวพานผู้หญิงเขาชิงชัง | ||
เพราะแก่หง่อมผอมซูบรูปร่าง | แก้มคางไม่ครัดเคร่งเปล่งปลั่ง | ||
ฟันฟางห่างหักระยำมัง | ถอยกำลังพลังลงมากมาย | ||
ถ้าพระองค์ช่วยชุบให้หนุ่มได้ | โภไคยไอสวรรย์จะปันถวาย | ||
ทรัพย์สินสิ่งใดไม่เสียดาย | แต่สมหมายหนุ่มงามก็ตามที | ||
นวลนางจันท์สุดาจะการุญ | ก็เพราะได้พึ่งบุญพระฤๅษี | ||
ซึ่งจะชุบรูปโฉมโยมนี้ | ต้องตั้งกิจพิธีประการใด | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีเสแสร้งแถลงไข | ||
รูปเปนมุนีชีไพร | โภไคยไอสูรย์ไม่ปูนปอง | ||
แต่รู้ข่าวว่ามหาบพิตร | มีกิจกังวลหม่นหมอง | ||
จึงมาช่วยธุระรับรอง | หวังสนองพระคุณภูวไนย | ||
อันจะตั้งการกิจพิธี | ตามคัมภีร์พรหมเมศเพศไสย | ||
ฉะเพาะแต่ตัวรูปกับท้าวไท | ใครใครมิให้เข้าเล้าลุม | ||
จงเอาม่านมาบังไว้เจ็ดชั้น | ที่ในนั้นขุดลงให้เปนหลุม | ||
แล้วเอาฟืนใส่ไฟประชุม | จะอ่านเวทชุมนุมเทวา | ||
เชิญท้าวเข้านั่งในกองไฟ | สำรวมใจหลับเนตรทั้งซ้ายขวา | ||
จึงจะชุบบพิตรด้วยวิทยา | ให้โสภาหนุ่มน้อยนงเยาว์ | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชคนโหดโฉดเฉา | ||
งวยงงหลงไหลด้วยใจเบา | ไม่รู้เท่าเล่ห์กลพระมุนี | ||
จึงตรัสสั่งเสนีขมีขมัน | จงเกณฑ์กันปันปักหน้าที่ | ||
ขุดหลุมสุมใส่อัคคี | เราจะตั้งพิธีชุบตัว | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งพระอยู่หัว | ||
รีบเร่งออกมาด้วยความกลัว | บอกกันทุกทั่วพนักงาน | ||
บ้างขุดหลุมสุมฟืนใส่ไฟ | แล้วปักไม้หลักมั่นกั้นม่าน | ||
บ้างปัดปูเสื่อสาดดาดเพดาน | ทำตามภูบาลบัญชา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเร่งหรรษา | ||
จึงชำระสระสรงคงคา | แล้วทรงผ้าพื้นขาวเขียนทอง | ||
ทรงสพักปักตะนาวขาวสอาด | เข็มขัดคาดถักสายลายสอง | ||
ครั้นเสร็จสมคิดดังจิตต์ปอง | ก็เยื้องย่องเข้าไปในม่านบัง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีชื่นชมสมหวัง | ||
จึงจูงท้าวก้าวขึ้นบนบัลลังก์ | สอนให้นั่งผินหน้าเข้าหาไฟ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชร้อนเหลือจนเหงื่อไหล | ||
ลุกทลึ่งตึงตังตกใจ | แล้วว่าทนไม่ได้พระมุนี | ||
เอออะไรให้นั่งริมกองเพลิง | เนื้อหนังจะปอกเปิงเสียแล้วนี่ | ||
มันจะงามมิงามก็ตามที | เช่นนี้แล้วเห็นไม่เปนการ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระดาบศยิ้มพลางทางว่าขาน | ||
ใจคอท้อแท้ไม่ทนทาน | จะทำให้เสียการเสียทั้งคราว | ||
แต่ถูกร้อนนิดหนึ่งก็ถอยหนี | นี่ฤๅยังจะมีเมียสาว | ||
รู้กระนี้ขี้คร้านชุบท้าว | เอออะไรใจราวกับปลาซิว | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชฟังว่าทำหน้านิ่ว | ||
สุดที่จะคิดบิดพลิ้ว | จึงนบนิ้ววอนว่าพระมุนี | ||
ข้าดูไฟในหลุมเหลือกำลัง | ทั้งที่นั่งหมิ่นนักพระฤาษี | ||
ถ้าแม้นพลัดผลุงลงตรงอัคคี | ราวกะตกอวิจีเปนจุณไป | ||
อย่าเพ่อโกรธโปรดเถิดพระอาจารย์ | ช่วยคิดอ่านยักหาตำราใหม่ | ||
อย่าให้ต้องกองฟืนใส่ไฟ | จะไม่ได้เจียวฤๅพระสิทธา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีเสแสร้งแกล้งว่า | ||
ฤๅท้าวไทไม่เชื่อวิทยา | จะให้เห็นแก่ตาเสียด้วยกัน | ||
ว่าพลางทางหยิบขี้ผึ้ง | มาเคล้าคลึงต่อติดประดิษฐ์ปั้น | ||
เปนรูปคนเสร็จสรรพฉับพลัน | ให้ท้าวสันนุราชทัศนา | ||
เราจะชุบรูปนี้ด้วยเวทมนตร์ | ให้เปนคนน่ารักหนักหนา | ||
ท้าวจงผินหลังนั่งหลับตา | อย่าผันแปรแลมาข้างนี้ | ||
ว่าพลางทางทำเล่ห์กล | ปากบ่นบริกรรมทำอู้อี้ | ||
แล้วผลักรูปปั้นนั้นทันที | ตกกลางอัคคีละลายไป | ||
จึงเอาพระคาวีออกจากย่าม | จะให้เห็นสมความว่าชุบได้ | ||
นั่งแทนรูปปั้นไว้ทันใด | สกิดให้พระยาลืมตาดู | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสันนุราชเขม้นอยู่เปนครู่ | ||
หมายว่ารูปปั้นไม่ทันรู้ | พิศดูงามประกอบชอบอารมณ์ | ||
จึงผินมาว่ากับพระมุนี | แต่อย่างนี้ก็งามเสียมิถม | ||
จงโปรดช่วยชุบข้าด้วยอาคม | ให้โสภาน่าชมเหมือนรูปนี้ | ||
โยมจะไปนั่งอยู่อย่างเก่า | ถึงร้อนเร่าเท่าไรไม่ถอยหนี | ||
แล้วลุกเข้าไปใกล้อัคคี | ภูมีนั่งนิ่งพนมมือ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระดาบศเห็นท้าวเธอเชื่อถือ | ||
แกล้งหยิบเอาพัดปัดกระพือ | ให้เพลิงฮือสมหวังดังใจ | ||
แล้วเดินเวียนวนบ่นบริกรรม | งึมงำพึมพำเข้ามาใกล้ | ||
ได้ทีผลักท้าวเจ้ากรุงไกร | คะมำม้วนลงไปในอัคคี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด | |||
๏ เห็นม้วยมุดคุดคู้อยู่ในหลุม | เอาฟืนสุมใส่เข้าเหมือนเผาผี | ||
ทรากศพโทรมสิ้นก็ยินดี | ท่อยทีสรวลสันต์สำราญใจ | ||
จึงให้น้องแต่งองค์ทรงเครื่อง | แทนท้าวเจ้าเมืองที่ม้วยไหม้ | ||
แล้วสั่งคนข้างนอกออกไป | เร่งให้ประโคมขึ้นบัดนี้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | พนักงานสังคีตดีดสี | ||
แตรสังข์กังสดาลดนตรี | ประโคมขึ้นอึงมี่นี่นัน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
จึงดำเนินเดินตามพระน้องนั้น | ออกจากม่านกั้นมิทันช้า | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ขึ้นยังพระโรงรัตน์รูจี | นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า | ||
พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยา | เข้ามาเฝ้าแหนแน่นไป | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาข้าเฝ้าน้อยใหญ่ | ||
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจ | ตลึงตไลแลดูไม่พริบตา | ||
พิศไหนไม่เสียแต่สักสิ่ง | งามจริงยิ่งมนุษย์ในใต้หล้า | ||
ต่างบังคมชมโฉมพระราชา | สำคัญว่าท่านท้าวเจ้ากรุงไกร | ||
บ้างชมวิทยาพระอาจารย์ | เชี่ยวชาญชุบแก่เปนหนุ่มได้ | ||
แซ่ซ้องร้องอำนวยอวยชัย | อื้ออึงคนึงไปทุกตัวคน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
ช้าปี่ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีนิ่งคิดขัดสน | ||
จะทักทายเสนาสามนต์ | ไม่รู้จักสักคนก็จนใจ | ||
จำจะพูดย้อนยอกหลอกลวง | มิให้คนทั้งปวงสงสัย | ||
คิดพลางทางตรัสประภาษไป | เราชุบตัวใหม่ยังไม่สบาย | ||
ใจจิตต์คิดเฟือนไม่เหมือนเก่า | ลืมบรรดาข้าเฝ้าทั้งหลาย | ||
ใครเปนที่หมื่นขุนมุลนาย | จดหมายรายชื่อมาให้เรา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ แล้วเสแสร้งแกล้งว่าดาบศ | นิมนตร์งดอยู่ก่อนผู้เปนเจ้า | ||
สักสองวันสามวันพอบันเทา | ให้ใจคอคงเก่าจึงค่อยไป | ||
ว่าพลางทางชวนพระฤๅษี | ลงจากที่แท่นทองผ่องใส | ||
ยุรยาตรเยื้องย่างเข้าข้างใน | ใส่ไคล้ให้เหมือนเจ้าธานี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
มาคอยรับเสด็จพระสามี | อยู่ที่ฉากกั้นชั้นใน | ||
เห็นพระคาวีดำเนินมา | สำคัญว่าท้าวผัวชุบตัวใหม่ | ||
น้อยฤๅรูปร่างช่างกะไร | งามล้ำเหลือใจเจียวพ่อคุณ | ||
หนุ่มน้อยน่ารักหนักหนาหนอ | ปากคอคิ้วตาเหมือนหน้าหุ่น | ||
ท่วงทีทอดกรอ่อนลมุน | ให้ว้าวุ่นพิศวาสเพียงขาดใจ | ||
จึงวิ่งออกไปรับถึงลับแล | จะเจียมตัวว่าแก่ก็หาไม่ | ||
ชม้อยชม้ายชายดูภูวไนย | ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยลอยหน้าตา | ||
กราบถวายบังคมชมโฉมผัว | ช่างชุบตัสใหม่เหมาะเปนหนักหนา | ||
ดูไหนให้ประกอบชอบอัชฌา | กัลยานิยมสมคิด | ||
เห็นพระเฉยเชือนไม่เยื้อนทัก | ความรักยื่นมือมาสกิด | ||
แกล้งทำเลียมและกระแชะชิด | สบิ้งสบัดดัดจริตกิริยา | ||
นิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้ว | ลืมเมียเสียแล้วกระมังหนา | ||
ไม่ผินพักตร์ทักทายพูดจา | ฤๅเห็นแก่ชราจะหย่าร้าง | ||
เมื่อท้าวหนุ่มข้าสาวคราวนั้น | สัญญากันว่าไม่ทิ้งขว้าง | ||
เดี๋ยวนี้มาสะเทินเขินค้าง | จะพูดกับเมียบ้างเปนไรมี | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีขวยเขินเมินหน้าหนี | ||
นึกในใจพลางนางคนนี้ | จะเปนมเหษีแล้วดีร้าย | ||
ท่วงทีอีเถ้ามิใช่ชั่ว | หน้าเปนเล่นตัวใจหาย | ||
จะเสแสร้งแกล้งทำทักทาย | ก็คิดอายอดสูไม่รู้ฤทธิ | ||
เห็นนางเข้ามาว่าจู้จี้ | น่าบัดสีขี้เกียจเกลียดจริต | ||
เมินหนีเสียมิได้เข้าใกล้ชิด | แล้วสกิดดาบศให้ตอบความ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีเสแสร้งแกล้งร้องห้าม | ||
สีกาอย่าด่วนลวนลาม | เดินตามติดพันกระนั้นนัก | ||
ท้าวเธอพึ่งชุบตัวใหม่ | หลงไหลลูกเมียไม่รู้จัก | ||
ชะช่างชำเลืองเยื้องยัก | จะวัดถูกจมูกหักเสียสักที | ||
ฉวยกะไรไม่รู้นะสีกา | แล้วอย่าติโทษโกรธฤๅษี | ||
บอกให้รู้ตัวแต่หัวที | ถ้าแม้นมิฟังห้ามก็ตามใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีหลงไหล | ||
สาละวนแลดูภูวไนย | รักใคร่รูปโฉมโนมพรรณ | ||
ได้ยินพระสิทธาร้องห้าม | นางสะเทินเขินขามคิดพรั่น | ||
หยุดยั้งรั้งรอไม่จรจรัล | แล้วเลี้ยวไปยืนกั้นหน้าไว้ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเคืองขัดอัชฌาสัย | ||
ดำเนินเดินหนีนางไป | ขึ้นสู่ปราสาทไชยไพชนต์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง | |||
๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์ | สาวสนมหมอบกรานอยู่เกลื่อนกล่น | ||
พระชายเนตรดูทั่วทุกตัวคน | ใส่กลมิให้ใครกินใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | กำนัลนางต่างคนไม่สงสัย | ||
สำคัญมั่นหมายว่าท้าวไท | ชุบตัวมาใหม่เปนเที่ยงแท้ | ||
น่ารักน่าชมคมสัน | สารพันดีกว่าเมื่อยังแก่ | ||
รูปร่างรัดกุมหนุ่มฟ้อแฟ้ | พิศวงหลงแลไม่วางตา | ||
นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน | ต่างคลานเข้าไปเฝ้าจะเอาหน้า | ||
ชม้ายชม้อยคอยรับไนยนา | เสนหาทรงธรรม์พันทวี | ||
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน | เข้าไปตั้งเครื่องอานพานพระศรี | ||
ลางนางบ้างอยู่งานพัชนี | ท่วงทีทำนองในใช้ชิด | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทประหลาดจิตต์ | ||
แอบประตูดูองค์พระทรงฤทธิ | ยิ่งพิศยิ่งเหมือนพระคาวี | ||
เฝ้าเขม้นเห็นกูก็มึนตึง | โกรธขึ้นเข่นเขี้ยวอยู่เจียวนี่ | ||
ผิดทำนองท่านท้าวเจ้าธานี | ขยับหนีถอยหลังบังประตู | ||
นี่ผัวนางจันท์สุดายาใจ | จำได้ประจักษ์ทักแท้อยู่ | ||
ยิ่งแฝงยิ่งตะแคงตาดู | จะเล่นกูแล้วกระมังครั้งนี้ | ||
เห็นท้าวขยับกลับพระเพลา | กลัวตายยายเถ้าขยดหนี | ||
ตกใจคิดว่าจะฆ่าตี | ด้วยตัวผิดภูมีแค้นเคือง | ||
ครั้งนี้ไม่รอดเห็นวอดวาย | ถ้าแม้นมิตายก็คางเหลือง | ||
ถึงอยู่ไปก็ไม่รุ่งเรือง | จะมีแต่ได้เคืองเวทนา | ||
ท้าวจะเฆี่ยนจะริบคงฉิบหาย | จะไปโจนน้ำตายเสียดีกว่า | ||
คิดพลางสอื้นไห้ไปมา | เช็ดน้ำมูกน้ำตาฟูมฟาย | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | คาวีดาลเดือดไม่เหือดหาย | ||
คิดแค้นอีเถ้าแสนร้าย | มาดหมายจะทำให้หนำใจ | ||
จะผูกเข้าเฆี่ยนขับนับร้อย | ตบต่อยหนักหนาไม่ปราไส | ||
ทั้งเจ็ดโคตรเค้ามันเท่าไร | จะตัดหัวเสียไม่ไว้มัน | ||
ครั้นจะฆ่าตีเดี๋ยวนี้เล่า | พวกเสนาข้าเฝ้าจะหวาดหวั่น | ||
จำจะงดอดไว้ให้หลายวัน | ป้องกันควันความให้งามดี | ||
คิดพลางทางสั่งเปรยไป | กำนัลในใครชอบกับโฉมศรี | ||
จงไปบอกจันท์สุดานารี | เชิญนางเทวีให้ขึ้นมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | กำนัลนางต่างคนจะเอาหน้า | ||
ชิงกันรับสั่งบังคมลา | รีบมาปราสาทนางโฉมยง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ | |||
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปทูล | ว่าพระนเรนทร์สูรย์สูงส่ง | ||
บัดนี้ฤๅษีชุบพระองค์ | รูปทรงโสภาน่ารัก | ||
ถึงแม่จะเปนมเหษี | ไม่เสียทีงามสมทั้งยศศักดิ์ | ||
ภูวไนยคิดถึงคนึงนัก | ให้เชิญองค์นงลักษณ์เสด็จไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาเคืองขัดอัชฌาสัย | ||
จึงขับนางกำนัลทันใด | ออกไปเสียอย่ามาพาที | ||
ให้พระอินทร์ลงมาเขียวเขียว | ก็ไม่เหลียวแลดูอย่าจู้จี้ | ||
ไม่ขอพบขอเห็นเช่นนี้ | จะสู้ม้วยชีวีมิขอไป | ||
ว่าพลางนางผินผันพักตร์ | คิดถึงผัวรักก็ร่ำไห้ | ||
ชลเนตรฟูมฟองนองไนย | ทรามวัยข้อนทรวงเข้าโศกี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ บัดนั้น | กำนัลในเล้าโลมนางโฉมศรี | ||
เชิญเสด็จไปเฝ้าพระภูมี | จะได้ลากขากดี ณ ทรามเชย | ||
แม่อย่ารัญจวนครวญคร่ำ | จงแต่งองค์สรงน้ำสว่ำเสวย | ||
ปลอบโยนเท่าไรไม่ไปเลย | ฟ้าผี่เถิดเอ๋ยน่าแค้นใจ | ||
บรรดาฝูงกำนัลชวนกันปลอบ | นางจะตอบวาจาก็หาไม่ | ||
ต่างคิดขัดสนเปนพ้นไป | บังคมไหว้แล้วรีบกลับมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงทูลพระโฉมยง | ข้าไปเชิญองค์ขนิษฐา | ||
อ้อนวอนเท่าไรไม่ไคลคลา | เฝ้าโศกาครวญคร่ำร่ำไร | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฟังแจ้งแถลงไข | ||
มิได้ว่าขานประการใด | ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา | ||
จำจะไปเล้าโลมโฉมงาม | ให้รู้ว่าพี่ตามมาหา | ||
คิดพลางทางชวนพระสิทธา | ลีลามาปราสาทนางเทวี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า | |||
๏ ครั้นถึงจึงเห็นพระน้องรัก | กรรแสงซบพักตร์อยู่ในที่ | ||
นั่งลงกับองค์พระมุนี | แล้วพาทีดูทำนองลองใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | นี่จะเฝ้าโกรธขึ้งไปถึงไหน | ||
พี่มาหาน้องถึงห้องใน | เอออะไรไม่ผินมาพูดจา | ||
แม้นพี่เถ้าแก่เหมือนแต่ก่อน | จะเคืองขัดตัดรอนก็ไม่ว่า | ||
บัดนี้นิมนตร์พระสิทธา | ช่วยชุบพี่ยาเปนหนุ่มแล้ว | ||
รูปงามหนักหนาไม่ว่าเล่น | สมเปนคู่ครองกับน้องแก้ว | ||
ยศศักดิประเสริฐเพริศแพร้ว | เห็นแวววนิดาจะปรานี | ||
ถึงรูปร่างผัวเก่าที่เจ้ารัก | ไม่กะไรกันนักนะโฉมศรี | ||
จงผินผันหันหน้ามาข้างนี้ | ดูพี่ให้เห็นก็เปนไร | ||
กลัวแต่อุแม่เอ๋ยนางโฉมยง | จะต้องจิตต์พิศวงหลงใหล | ||
ว่าพลางทางทำกระแอมไอ | แย้มยิ้มลไมไปมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาได้ฟังนั่งก้มหน้า | ||
สำคัญว่าท้าวเจ้าพารา | กัลยามิได้ปดิพัทธ | ||
ให้เคืองขุ่นหุนหันผันหลัง | แค้นคั่งชังชิงสบิ้งสบัด | ||
ขี้คร้านฟังนั่งยกก้นฟัด | สองหัตถ์ปิดกรรณเสียทันใด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นนางยังสงสัย | ||
จึงเสแสร้งแกล้งพูดเปนใน | หวังจะให้โฉมตรูรู้ความ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | ไม่พอที่จะสะเทินเขินขาม | ||
พี่สู้แสนทรมาพยายาม | เพราะนางรูปงามทรามชม | ||
ตาใจสารพัดไม่ขัดข้อง | ถนอมน้องต้องจิตต์สนิทสนม | ||
ยากที่ตรองตรึกนึกนิยม | เหมือนเส้นผมบังภูเขาเลากา | ||
น้องฤๅเสียแรงรักใคร่ | ขอบใจเจ้านักขนิษฐา | ||
ลวงถามความลับภัศดา | แล้วมาย้อนยอกบอกยาย | ||
แยบยนต์กลในมิใช่ชั่ว | ฆ่าผัวเสียได้ดังใจหมาย | ||
สมคะเนนวลนางช่างอุบาย | จะฟูมฟายชลนาอยู่ว่าไร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาสาละวนร่ำไห้ | ||
ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป | ฟังเสียงเสียวใจเหมือนผัวรัก | ||
เรื่องราวกล่าวความก็งามสม | ลิ้นลมเหน็บแนมแหลมหลัก | ||
ผิดกับตาเถ้าเจ้าเมืองนัก | นงลักษณ์นิ่งนึกประหลาดใจ | ||
ครั้นจะว่าพระคาวีผัวแก้ว | ตายแล้วจะตามมาที่ไหน | ||
คิดพลางทางโศกาลัย | ทรามวัยข้อนอุระประปราน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระมุนีมีจิตต์คิดสงสาร | ||
จึงเล้าโลมโฉมเฉลาเยาวมาลย์ | จงดำริตริการก่อนเปนไร | ||
เสียงท้าวคราวแก่กับเดี๋ยวนี้ | มารศรีฟังเห็นเปนไฉน | ||
เคยได้ยินกับหูรู้กับใจ | ไม่จำได้ฤๅเจ้าจึงโศกี | ||
อย่าก้มพักตร์เศร้าสร้อยละห้อยจิตต์ | จงดูรูปนิมิตรฤๅษี | ||
ถึงไม่เหมือนก็แม้นพระคาวี | จงแลดูภูมีให้เต็มตา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางโฉมยงสงสัยเปนหนักหนา | ||
พลางชม้ายชายดูพระราชา | เหมือนองค์ภัศดาสามี | ||
ยิ้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งสรรพ์ | สรพันพิศดูถ้วนถี่ | ||
มั่นคงนี่องค์พระคาวี | ภูมีไม่ตายตามมา | ||
พระดาบศองค์นี้อยู่ที่ไหน | ฤๅเชษฐาภูวไนยกระมังหนา | ||
จะถามไถ่ให้แจ้งกิจจา | กัลยาประหวั่นครั่นคร้าม | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระมุนีเห็นนางระคางขาม | ||
จึงขยดเข้าไปใกล้โฉมงาม | แล้วกระซิบบอกความแต่เบาเบา | ||
นี่พระคาวีฤๅมิใช่ | ยังหลงไหลจิกปีกอยู่อีกเล่า | ||
สามีมั่นคงแล้วนงเยาว์ | มิใช่อ้ายเถ้าทรลักษณ์ | ||
จึงแจ้งตามความลับแต่หลังนั้น | ทุกสิ่งสรรพ์พรรณาให้พระจักษ์ | ||
เจ้าอย่าสะเทินเมินพักตร์ | จงทายทักพูดจากับสามี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์สุดามารศรี | ||
ฟังพระสิทธาพาที | เทวีรู้แจ้งไม่แคลงใจ | ||
กราบลงกับบาททั้งสององค์ | โฉมยงครวญคร่ำร่ำไห้ | ||
เพียงจะพินาศขาดใจ | ทูลขออภัยภัศดา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
โอ้ | |||
๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียแก้ว | เมียนี้ผิดแล้วเปนหนักหนา | ||
ไม่รู้กลอีเถ้าเจ้ามารยา | วอนว่าไต่ถามเอาความลับ | ||
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นใจ | มันไส้หนักหนาน่าเสี่ยงสับ | ||
อกเมียดังพระเมรุเอนทับ | แต่นั่งนับคืนวันจะบรรลัย | ||
ร่ำพลางนางทรงโศกี | พระคาวีโศกศัลย์ไม่กลั้นได้ | ||
เชษฐาดาบศสลดใจ | พลอยร่ำได้ไม่เปนสมประดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
นางคันธมาลีขึ้นเฝ้า
ช้า | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
รู้ว่าจันท์สุดานารี | ยินดีด้วยองค์พระทรงฤทธิ | ||
นางให้แค้นขัดกลัดกลุ้ม | เหมือนบ้าหลังคลั่งคลุ้มเคลิ้มจิตต์ | ||
นั่งนิ่งหน้าบึ้งรำพึงคิด | อีเจ้ากรรมมันจะปิดประตูค้า | ||
หมายได้ด้วยกำลังยังสาว | เห็นทีท้าวเธอจะรักหนักหนา | ||
ตัวกูก็เปนโสดโปรดปรานมา | คงจะคิดเมตตาปรานี | ||
จำจะขึ้นไปเฝ้าฟังดู | จะเปนอย่างไรอยู่ให้รู้ที่ | ||
เมียน้อยเมียหลวงท่วงที | ข้างไหนใครจะดีกว่ากัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ชมตลาด | |||
๏ คิดแล้วสรงน้ำชำระกาย | ขมิ้นผงลงละลายเปนค่อนขัน | ||
ลูบไล้ขัดสีฉวีวรรณ | ทรงกระแจะจวงจันทน์กลิ่นเกลา | ||
น้ำดอกไม่เทศทากว่าจะทั่ว | ชโลมทั้งเนื้อตัวเหมือนปล่อยเต่า | ||
กระจกตั้งนั่งส่องมองดูเงา | จับเขม่ากันไรไปล่ปลิว | ||
หวีกระจายรายเส้นขนเม่นสอย | ผัดหน้านั่งตบอยบีบสิว | ||
เสกขี้ผึ้งสีพลางทางวาดคิ้ว | นุ่งผ้ายกริ้วมีราคา | ||
เอาสไบปักทองเข้าลองห่ม | นึกชมตัวเองเปนหนักหนา | ||
จะแต่งไปอวดมันจันท์สุดา | น้ำหน้าอีจัญไรไหนจะมี | ||
คาดเข็มขัดประจำยามงามล้ำ | ทองคำน้ำหนักสักสิบสี่ | ||
กำไลลงยาราชาวดี | มั่งมีได้มาแต่ตายาย | ||
ใส่แหวนเพ็ชร์เม็ดแดงหัวแมงปอ | เขามาต่อห้าชั่งยังไม่ขาย | ||
พิศดูตัวพลางทางยิ้มพราย | กรุยกรายออกจากตำหนักนาง | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ เรียกหาข้าไทอยู่อึงมี่ | ใส่เกือกกำมะหยี่หักทองขวาง | ||
ถือพระกลดคันสั้นกั้นกาง | เยื้องย่างมาปราสาทพระทรงธรรม์ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า | |||
๏ ครั้นถึงจึงหยุดเยี่ยมมอง | ตรงช่องฉากพับลับแลกั้น | ||
เห็นพระองค์ทรงโฉมโนมพรรณ | งามเหมือนเทวัญในชั้นฟ้า | ||
ความรักรัญจวนครวญใคร่ | แต่เยื้อนยิ้มลไมอยู่ในหน้า | ||
พลางเคาะเข้าไปให้เหลียวมา | ครั้นสบตาก็สะเทินเมินเมียง | ||
ทำชม้อยชม้ายอายแอบแฝง | แล้วแกล้งกระแอมไอให้เสียง | ||
พูดจาว่าเปรียบเลียบเคียง | เดินเลี่ยงแลชำเลืองเยื้องกราย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีนึกในใจหมาย | ||
อีอุบาทว์บัดสีไม่มีอาย | มาเย้ายวนชวนชายได้ลงคอ | ||
เห็นมันจะมั่นหมายเอาว่าผัว | จึงแต่งตัวเต็มประดาขึ้นมาล่อ | ||
ดูทีกิริยาเปนบ้ายอ | น่าหัวร่อน้อยฤๅนั่นขันสิ้นที | ||
ชำเลืองดูเมียขวัญจันท์สุดา | แล้วแลดูตาพระฤๅษี | ||
ทำเมินเสียมิได้ไยดี | จู้จี้ขี้คร้านรำคาญใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระดาบศอดยิ้มมิใคร่ได้ | ||
สกิดองค์อนุชาแล้วว่าไป | อีจัญไรมันจะทำให้รำคาญ | ||
เจ้าจงทายทักเสียสักนิด | ป้องปิดอย่าให้ความฟุ้งซ่าน | ||
ถึงเถ้าแก่แต่ยังไม่เกินการ | จงคิดอ่านหว่านล้อมไว้ให้ดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีได้ฟังดาบศพี่ | ||
จำเปนเห็นชอบท่วงที | จึงมีวาจาปราไสนาง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | เปนไรเจ้าจึงสะเทินเหินห่าง | ||
ยืนอยู่นั่นไยใช่ที่ทาง | แต่ก่อนนางน้องเอ๋ยไม่เคยเปน | ||
สาละวนสนทนากับอาจารย์ | เจ้ามานานแล้วฤๅไม่ทันเห็น | ||
คิดว่าต่อเวลาเย็นเย็น | จึงจะไปพูดเล่นเจรจา | ||
เจ้าขึ้นมาถึงนี่ยิ่งดีนัก | ขอบใจไม่พักลงไปหา | ||
น้อยฤๅนั่นชั้นเชิงกิริยา | ตะละสาวสิบห้าสิบหกปี | ||
แต่งตัวเต็มประดาหน้าเปนนวล | เหมือนจะชวนให้ชื่นใจพี่ | ||
ขอเชิญนางเมียหลวงท่วงทีดี | มานั่งบนนี้ด้วยพี่ชาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | นางผินหลังหลบเลี่ยงเมียงม่าย | ||
นึกจะไปนั่งด้วยก็ขวยอาย | อดสูดูร้ายรำคาญใจ | ||
แกล้งทำแยบคายกระต่ายแก่ | แสนแง่แสนงอนค้อนให้ | ||
จะมาเรียกมาหาข้าไย | มันไม่เหมือนเมื่อกระนั้นแล้ว | ||
แค่เพียงชุบตัวใหม่ได้เมียสาว | อุปมาเหมือนราวกับได้แก้ว | ||
นี่ลูกปัดบัดสีไม่มีแวว | อย่าพึงนึกฦกแล้วจะเหลียวดู | ||
เปนคนวาศนาน้อยถอยถด | อาภัพอัปรยศอดสู | ||
จะอยู่ได้แต่ระเบียงเพียงประตู | ไม่สมควรเข้าไปอยู่ในที่ทาง | ||
แต่ปากหากแสร้งแกล้งเบือนบิด | ในใจให้คิดรักรูปร่าง | ||
ลำลำจะใคร่นั่งลงหว่างกลาง | แล้วระคางขวยเขินเมินเมียง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นนางยังกางเกี่ยง | ||
ยิ้มพลางทางลงไปจากเตียง | แล้วกล่าวเกลี้ยงแกล้งปลอบให้ชอบใจ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ ยอดเอยยอดมิ่ง | จริงจริงรักเจ้าเปนไหนไหน | ||
จะถือเชิงถือชั้นเช่นนั้นไย | ไม่เคยมาเคยไปฤๅไรน้อง | ||
มิใช่คนอื่นจะขืนขัด | อุแม่เอ๋ยฮึดฮัดตะปัดตะป่อง | ||
ว่าพลางล้อเล่นเปนทำนอง | เลียมลองขยับจะจับมือ | ||
อะไรเฝ้าค้อนควักผลักไส | ทำไมไม่เคยหยอกกันดอกฤๅ | ||
จงเมตตาการุญเถิดบุญฦๅ | สบิ้งสบัดปัดมือพี่เสียไย | ||
ถึงจะมีเมียอื่นสักหมื่นแสน | หางามงอนอ้อนแอ้นเหมือนเจ้าไม่ | ||
ทั้งระแบบแยบยนต์กลใน | ยังต้องจิตต์ติดใจไม่ลืมเลย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ น่าเอยน่าหัวร่อ | ช่างยกยอหนักหนาเจ้าข้าเอ๋ย | ||
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคย | มาเยาะเย้ยยิ้มพรายน่าอายใจ | ||
ถึงว่ารักเมียก็รู้อยู่สิ้น | จะแกล้งล่อพอให้กินเข้าได้ | ||
เมื่อท้าวแก่ชราเคยมาไป | เดี๋ยวนี้ชุบตัวใหม่เปนหนุ่มนวล | ||
รูปร่างกระจ้อยร่อยน้อยฤๅนั่น | ผิดกันกับเก่าสักเก้าส่วน | ||
น้องนี้แก่เถ้าอย่าเฝ้ากวน | ไม่สมควรเคียงคู่ด้วยภูมี | ||
สารพัดเผ้าผมไม่สมประกอบ | แก้มตอบฟันหักน่าบัดสี | ||
อัปรยศอดสูดูไม่ดี | อะไรนี่น่าชังทำซังตาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ น่าเอยน่าสรวล | ยังไม่ควรดอกเจ้าจะเบื่อหน่าย | ||
ถึงว่าเถ้าแก่ก็แต่กาย | เช่นนั้นมันจะหายไปเมื่อไร | ||
ความกำหนัดสัตรีกับบุรุษ | ไม่รู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน | ||
จะอดสูดูร้ายอายใคร | เจ้ากับพี่มิใช่ไม่คุ้นเคย | ||
เมื่อครั้งยังแก่อยู่ด้วยกัน | พี่ก็หมั่นเยี่ยมเยือนไม่เชือนเฉย | ||
เดี๋ยวนี้ก็มิใช่จะละเลย | นวลลอองน้องเอ๋ยอย่าทุกข์ร้อน | ||
พี่จะช่วยอ้อนวอนพระมุนี | หาฤกษ์งามยามดีให้ได้ก่อน | ||
จึงจะชุบรูปเจ้าให้งามงอน | ขอผัดผ่อนสักหน่อยเถิดกลอยใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ วาเอยวาจา | น้อยฤๅช่างโอภาปราไส | ||
อุแม่เอ๋ยจะชุบให้ข้าไย | ทำไมกับอีเถ้าเฝ้าประตู | ||
มันจะงามมิงามก็ตามที | อาภัพอัปรีไม่ควรคู่ | ||
เร่งหาฤกษ์เถิดพ่อให้หมอดู | จะได้เษกสมสู่นางสาวน้อย | ||
น่าชมสมเปนมเหษี | ท่วงทีกิริยาไม่ราถอย | ||
มีบุญประเสริฐเลิศลอย | จะได้พลอยเกื้อหน้าพระสามี | ||
แน่นางรูปงามขอถามไถ่ | รู้จักมั่งฤๅไม่ผัวใครนี่ | ||
ไม่เสียดายพักตราจะราคี | เจ้าของเขามีมาช่วงชิง | ||
ชะช่างมารยาพิรากล | ทั้งระแบบแยบยนต์ขยันยิ่ง | ||
แต่แรกเห็นแก่หง่อมไม่ยอมยิง | ทำสบัดสบิ้งชิงชัง | ||
เดี๋ยวนี้หนุ่มน่ารักทำอักอ่วน | เข้านั่งชิดสกิดกวนให้เกาหลัง | ||
ไม่อดสูผู้คนทั้งรั้ววัง | เจ้าข้าเอ๋ยใครมั่งเขาอย่างนี้ | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาฟังว่าน่าบัดสี | ||
ยิ้มเยื้อนเบือนหน้าดูสามี | แล้วเทวีตริตรึกนึกใน | ||
อีเถ้านี้ขันจริงหยิ่งเย่อ | กูล้อเล่นให้เก้อก็จะได้ | ||
คิดพลางทางเดินออกไป | ใส่ไคล้แกล้งกล่าววาจา | ||
เออนี่อะไรเล่าไม่เข้าการ | จะมาพาลโกรธขึ้งหึงษา | ||
ร้องแรกตะโกนโพนทนา | เย้ยหยันหยาบช้าประชดใคร | ||
แรกเริ่มเดิมทีสามีท่าน | มาเกี้ยวพานพูดจาปราไส | ||
ข้ามิได้ปลดปลงลงใจ | ด้วยเห็นภูวไนยนั้นแก่นัก | ||
ตาหูซานซมไม่คมสัน | เสวยหมากตะบันฟันฟางหัก | ||
เดี๋ยวนี้ชุบตัวใหม่วิไลลักษณ์ | หนุ่มน้อยน่ารักรูปทรง | ||
อย่าว่าแต่รุ่นราวสาวแส้ | ถึงเถ้าแก่ก็คิดพิศวง | ||
ชื่นอารมณ์ข่มใจมิใคร่ลง | ตลึงหลงแลเล็งเพ่งพิศ | ||
ทำเทียมเลียมลวนจะชวนชื่น | ท่านก็ไม่อยากยื่นมือสกิด | ||
โกรธาตาแดงมาแผลงฤทธิ์ | หงุดหงิดงุ่นง่านทยานใจ | ||
แน่พระมเหษีอย่ามี่ฉาว | ชุบตัวให้สาวขึ้นเสียใหม่ | ||
จงคืนเอาผัวของตัวไป | ว่าพลางทรามวัยก็หัวเราะ | ||
ฯ ๑๖ คำ ฯ | |||
๏ แค้นเอยแค้นจริง | เจ็บปวดยวดยิ่งกว่าปลิงเกาะ | ||
ขึ้นหน้าท้าทายเถียงเทลาะ | จะใคร่ว่าให้เพราะสาแก่ใจ | ||
จริงอยู่คะข้าเจ้ามันเถ้าแก่ | สองตาท่านจะแลดูที่ไหน | ||
เปนสิทธิขาดของเจ้าจงเอาไว้ | จะคืนให้ข้าไยนางนงเยาว์ | ||
อย่าพักมาหัวเราะเยาะเย้ย | เกินเลยเหลือกำลังไม่ฟังเจ้า | ||
ถึงผัวรักหนักหนาก็ทำเนา | อีเถ้าจะพรั่นพรึงอย่าพึงคิด | ||
เชื่อรูปเชื่อร่างเหมือนนางฟ้า | ทั้งเกศาหอมฟุ้งจรุงจิตต์ | ||
ใส่น้ำมันจันทน์เจืออยู่เปนนิจ | ความคิดแยบคายเจ้าหลายชั้น | ||
เอาผมลอยน้ำมาเสี่ยงหาคู่ | จนได้ชู้ชอบใจดังใฝ่ฝัน | ||
ลืมผัวตัวตายวายชีวัน | มาผูกพันพะวงหลงรูปชุบ | ||
ดูหมิ่นเมียหลวงเข้าช่วงชิง | จะทำกูให้กลิ้งเปนลูกขลุบ | ||
คันมือคันไม้น่าใคร่ทุบ | เอาสักสองสามอุบดอกกระมัง | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเคียงนางอยู่ข้างหลัง | ||
จึงห้ามว่าอย่าทำแต่ลำพัง | จงหยุดยั้งชั่งจิตต์คิดดู | ||
เจ้าเปนถึงมเหษีมีศักดิ์ | พี่ก็รักแยบคายมากมายอยู่ | ||
ข้างนี้พึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ | อย่าเพ่อทำจู่ลู่วู่วาม | ||
เขาจะฦๅอื้อฉาวว่าเมียหลวง | มาหึงษ์หวงจ้วงจาบหยาบหยาม | ||
เถียงเทลาะเกาะแกะไม่แงะงาม | เหมือนหนึ่งหนามเกะกะระรั้ว | ||
จงปรานีปรานอมออมอด | งดงดเสียมั่งจะยังชั่ว | ||
เขาจะได้ยำเยงเกรงกลัว | เปนผู้ใหญ่ไว้ตัวให้สมควร | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ น้อยเอยน้อยฤๅนั่น | เชิงชั้นพูดจาเปนน่าสรวล | ||
ชักทำเนียบเปรียบปรายหลายกระบวน | เที้ยงแท้แต่ล้วนไม่ลำเอียง | ||
เห็นว่านางเมียจะเสียที | หม่อมผัวตัวดีออกช่วยเถียง | ||
อุแม่เอ๋ยยืนอยู่เปนคู่เคียง | แกล้งมาเรียงอวดรูปข้าฤๅไร | ||
น่ารักหนักหนานางหน้าเปน | ผัวดูอยู่เขม้นหาเมินไม่ | ||
จงเล้าโลมลูบคลำให้หนำใจ | อย่าให้มัวหมองต้องแดดลม | ||
บุญตัวผัวหนุ่มเมียสาว | เช่นนี้แล้วราวกับขนม | ||
ทำไมมิชวนกันเข้าบรรทม | เชยชมเช้าเย็นอย่าเว้นวาง | ||
ขอโทษโปรดเถิดพระมุนี | อะไรนี่นอกรีตมากีดขวาง | ||
ผัวท่านจะคลึงเคล้าเย้าหยอกนาง | ห้องกลางเปล่าอยู่นิมนตร์ไป | ||
ยิ่งว่ายังมาหัวเราะเยาะ | เปนเหตุเพราะฤๅษีฤๅมิใช่ | ||
จะใคร่ว่าให้สาแก่น้ำใจ | บาปกรรมอะไรที่ไหนมี | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระสิทธาว่าเหม่มเหษี | ||
เอออะไรรูปนั่งอยู่ดีดี | มาพาลรีพาลขวางช่างไม่อาย | ||
กูก็หาโกรธขึ้งมึงไม่ | จะช่วยว่าเกลี่ยไกล่เสียให้หาย | ||
จึงลุกเดินออกมาหน้าน้องชาย | แล้วว่าสีกายายทำน่าชัง | ||
ข้าสาวชาวแม่แออัดอยู | ไม่อัปรยศอดสูเขามั่ง | ||
ตัวโยมก็เปนใหญ่อยู่ในวัง | มาอื้ออึงตึงตังดังโหมโรง | ||
เปนถึงเมียท้าวเมียพระยา | ไม่ไว้ยศไว้สง่าอ่าโถง | ||
อะไรนี่แก่เถ้าจะเข้าโลง | โมโหมากปากโป้งโถงอึง | ||
จงคิดอนิจจังฟังรูปห้าม | นั่นแน่แร้งมันถามข่าวถึง | ||
ไม่พอที่จะหุนหันดันดึง | โกรธขึ้งหึงษ์หวงช่วงชิง | ||
แม้นใครได้ยินจะนินทา | พลอยอายขายหน้าเพื่อนผู้หญิง | ||
เอ็นดูดอกจึงห้ามเปนความจริง | นิ่งนิ่งเสียมั่งนั่งลงยาย | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังว่า | ยิ่งบ่นบ้าดาลเดือดไม่เหือดหาย | ||
ใช่การของพระคุณอย่าวุ่นวาย | ถึงแก่เถ้าเกือบจะตายก็ตามที | ||
จะมิให้ว่ามั่งนั่งงอมือ | ข้าไม่เชื่อไม่ถือพระฤๅษี | ||
นี่แลตั้งมั่นในขันตี | ขันจะแตกสักทีอย่าได้แคลง | ||
เห็นว่าวาศนามันตกต่ำ | ไม่ชุบแล้วมิหนำมาซ้ำแช่ง | ||
ชิช่างเกลื่อนกลบประจบประแจง | ช่วยประชันขันแข่งทำคึกคัก | ||
เขาจะถุ้งเถียงกันฉันผู้หญิง | พลอยวิ่งเข้ามาสวดอวดรู้หลัก | ||
เรียกยายเรียกย่าน่าแค้นนัก | นางผูกคิ้วค้อนควักยักลูกคาง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ น่าเอยน่าบัดสี | ช่วยห้ามให้ดีไม่เห็นบ้าง | ||
กลับมาขวิดชนเอาคนกลาง | ถากถางถุ้งเถียงขึ้นเสียงเกน | ||
บาปบุญคุณโทษก็ไม่รู้ | เทลาะกูกำหมัดขัดเขมร | ||
มึงจะลงนรกหกคเมน | ตกต่ำใต้เถนเทวทัต | ||
กูเปนฤๅษีชีไพร | อยู่ในเมตตาสมาบัติ | ||
พากเพียรบำเพ็ญเคร่งครัด | ไม่อาสัจอาธรรม์ฉันทา | ||
จะมาหยิบยกโทษโกรธขึ้ง | เปนเหตุเพราะผัวมึงสิไม่ว่า | ||
ใช้คนไปนิมนตร์กูเข้ามา | ปรารถนาจะใคร่ชุบตัว | ||
แต่แรกคิดจะชุบให้มึงมั่ง | เดี๋ยวนชังน้ำหน้ากระลาหัว | ||
หฤโหดโฉดเขลาเมามัว | ไม่เจียมตัวว่าแก่กอแกไป | ||
เอาแต่โมโหออกได้ความ | มันหงอกงามอยู่แล้วใครทำให้ | ||
ชุบเองเถิดเจ้าด้วยเขม่าไฟ | คัดปีกคัดไรให้ไปล่ปลิว | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ แค้นเอยแค้นนัก | โมโหฮึกฮักชักหน้านิ่ว | ||
ดุเดือดเต็มทีขึ้นชี้นิ้ว | ผูกคิ้วค้อนพลางทางตอบคำ | ||
นี่ฤๅเปนสัตย์ประทัดเที่ยง | ถึงทีได้เอียงแล้วเอียงคว่ำ | ||
ตัดรอนค่อนว่าสาระยำ | หัวหงอกหัวดำก็ทำเนา | ||
เจ็บร้อนอะไรใช่หัวตัว | มันหงอกก็แต่หัวของข้าเจ้า | ||
อื้ออึงอุแม่เอ๋ยมาเย้ยเย้า | สอนให้จับเขม่าเมื่อปานนี้ | ||
อย่าพักพูดพิไรมิใช่การ | รำคาญเคืองหูจู้จี้ | ||
เร่งออกไปเสียยังกุฎี | ขืนอยู่ที่นี่จะเปนความ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ ลมเอยลมเติบ | ถ้อยคำกำเริบหยาบหยาม | ||
ดูหมิ่นฤๅษีชีพราหมณ์ | ลวนลามเลี้ยวลดชดลิ้น | ||
จะมาขับมาไล่ใครนี่ | รั้ววังทั้งนี้ของกูสิ้น | ||
สมบัติพัศถานในแผ่นดิน | ท้าวยินยอมยกให้แก่กู | ||
จริงจริงนะสีกาไม่ว่าเล่น | พระยาเธอเปนพยานอยู่ | ||
ถึงตัวเองอีเถ้าซื้อรู้ | ก็เปนข้าของกูด้วยเหมือนกัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ น่าเอยน่าหัวเราะ | พลางตบมือเยาะเย้ยหยัน | ||
เออกระนั้นฤๅคะพระนักธรรม์ | ดีฉันพึ่งรู้ว่าเปนนาย | ||
สมบัติบ้านเมืองแลเครื่องยศ | พระยายกให้หมดมอบถวาย | ||
บริบูรณ์ทุกสิ่งข้าหญิงชาย | มั่งมีมากมายเจียวนายเรา | ||
นางยอดรักร่วมอารมณ์ผมหอม | ผัวยอมยกให้ฤๅไม่เล่า | ||
ฤๅจะไว้อิงแอบแนบเคล้า | หยอกเย้ายียวนชวนชิด | ||
หญิงชั่วฆ่าผัวเสียได้ | ไม่มีอาลัยแต่สักหนิด | ||
ร่านหาชู้ชมก็สมคิด | ดัดจริตติดตามแม่สื่อมา | ||
เข้าครอบครองเอาเปนเจ้าของ | จองหองฮึกฮักหนักหนา | ||
หน้าเปนเล่นตัวเต็มประดา | กลับยิ้มเยาะข้าหน้าไม่อาย | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์สุดาโฉมฉาย | ||
จึงว่าน่ารำคาญกับท่านยาย | จ้วงจาบหยาบคายขึ้นมึงมัน | ||
นั่นแน่หัวหงอกเปนดอกเลา | ไม่เจียมตัวมัวเมาโมหันธ์ | ||
ฮึดฮัดกัดเหงือกทำงกงัน | ยังไม่ขันขึ้นหน้ามาด่าทอ | ||
เสกแสร้งมุสาว่าฆ่าผัว | ต่อจะเคยกับตัวกระมังหนอ | ||
พูดได้ไม่อายแก่ปากคอ | สับประติดสับประต่อเจรจา | ||
นี่เนื้อว่าเคราะห์เพราะใจเบา | เชื่ออีเถ้าทุจริตอิจฉา | ||
ลวงฆ่าผัวตายวายชีวา | แล้วซ้ำพามาให้มีคาว | ||
จนท่านเมียหลวงมาหวงหึงษ์ | น้อยฤๅอื้ออึงมี่ฉาว | ||
พระดาบศเมตตาข้าสักคราว | ช่วยชุบให้เปนสาวสิบห้าปี | ||
จะได้สมใจหมายหายงุ่นง่าน | ข้าขี้คร้านรำคาญหูจู้จี้ | ||
อุแม่เอ๋ยฮึดฮัดหมัดมวยดี | เออกระนี้ทำเข้าก็เปนไร | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ เหลือเอยเหลืออด | มาประชดประชันน่าหมั่นไส้ | ||
อย่าพักท้าเลยคะไม่ละใคร | ว่าแล้วเลี้ยวไล่จะตีนาง | ||
ฉวยฉุดยุดมือไม่ถนัด | สองพระองค์ป้องปัดขัดขวาง | ||
ยิ่งคิดแค้นใจร้องไห้พลาง | สู้ตายวายางชีวิตม้วย | ||
ผัวเขาก็เห็นกันเปนดี | พระฤๅษีนี้เล่าก็เข้าด้วย | ||
จะทำไมได้มีทีนี้รวย | มีผู้ชูช่วยนางเนื้อทิพย์ | ||
หาไม่ไหนจะคัณนามือ | เช่นนี้แล้วฤๅกูกินดิบ | ||
ขึ้นหน้าค้าคารมคมริบ | ให้มันมาห้าสิบไม่พรั่นพรึง | ||
ทำไมกับชีวิตนิดหนึ่งนี้ | ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง | ||
โมโหหุนหันดันดึง | เข้าไล่หยิกทึ้งทุบตี | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวียืนขวางนางโฉมศรี | ||
แล้วว่ายายเถ้าดูเอาซี | ข้าห้ามดีดีแล้วมิฟัง | ||
ดูดู๋ฮึกฮักเข้าผลักไส | เดี๋ยวนี้ก็ขัดใจขึ้นมามั่ง | ||
น้อยฤๅดื้อดึงดันทุลัง | พระไสหลังล้มคว่ำคมำไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีก็ร้องไห้ | ||
อับอายสาวสวรรค์กำนัลใน | แค้นใจพ้อตัดภัศดา | ||
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคย | จะเกินเลยลวนลามหยามน้ำหน้า | ||
เพียงได้นางสาวศรีคนนี้มา | ลืมอีเถ้าชราข้าหลวงเดิม | ||
๏ พาลผิดด่าทอไสคอเสีย | ให้หม่อมเมียขึ้นหน้าพาฮึกเหิม | ||
พระฤๅษีนี้ก็ช่วยแต้มเติม | ยุเสริมส่งซ้ำค้ำชู | ||
ทีนี้นางสาวน้อยคงลอยล่อง | วาศนาเต็มกองขึ้นสุดกู่ | ||
อย่าพักชี้นิ้วนั่งตั้งกระทู้ | จะมาขู่ข่มใครให้กลัวเกรง | ||
อกเอ๋ยอับอายสู้ตายเสีย | ไม่อยู่ให้ผัวเมียเขาข่มเหง | ||
ไหนไหนไม่เปนโตงเปนเตง | เพราะกรรมของตัวเองจะโทษใคร | ||
อีเถ้าทัศประสาทมันสอพลอ | มายุแยงแกล้งก่อเหตุใหญ่ | ||
เจ้าขรัวยายนายเรือเอกไชย | ไปรับอีอะไรไม่รู้มา | ||
ทำให้เคืองขุ่นวุ่นทั้งวัง | ยังจะมาแอบฟังนั่งลอยหน้า | ||
จะตีให้บัดซบตบด้วยกะลา | พลางเรียกข้าเข้ากลุ้มรุมรัน | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทัศประสาทตัวสั่น | ||
ต้องตีต้องตบหลบไม่ทัน | งกงันลุกล้มไม่สมประดี | ||
ร้องขอโทษพลางครางออด | วิ่งตะกายเข้ากอดพระฤๅษี | ||
แล้วคิดกลัวอาญาพระคาวี | ลนลานคลานหนีเก้กัง | ||
ปากบ่นภาวนาว่าออกเปื้อน | ไหลเลื่อนเอาหน้ามาเปนหลัง | ||
แม่จันท์สุดาช่วยด้วยสักครั้ง | ลูกจะม้วยชีวังเปนมั่นคง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ ฟังเอยฟังว่า | จันท์สุดาถือไม้ไล่ตีส่ง | ||
ทุดอีเถ้าจัญไรมึงไม่ตรง | ล่อลวงกูหลงงงงวย | ||
ฆ่าผัวกูตายไม่หายแค้น | จะตบตีตอบแทนทำมึงด้วย | ||
อย่าพักสงสัยจะไม่ม้วย | ใครเขาจะช่วยชีวิตมึง | ||
พวกอีไม่ตรงหลงผัว | หลับตาเล่นตัวละเมอหึงษ์ | ||
เต้นแร้งเต้นกาด่าอึง | โกรธขึ้งหึงษ์กูไม่ดูเงา | ||
มึงอย่าทำสำออยลอยหน้า | ทีนี้น้ำตาเช็ดหัวเข่า | ||
ว่าพลางตบตีไม่มีเบา | ยายเถ้าทัศประสาทเพียงขาดใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เหลือเอยเหลือทน | เจ็บพ้นปัญญาน้ำตาไหล | ||
กลัวแล้วเจ้าประคุณขออภัย | พลางยกมือไหว้นอบนบ | ||
จะหลีกไปข้างนั้นก็ถูกตี | เหลียวมาข้างนี้ก็ถูกตบ | ||
หน้าตาบวมบอบลงหมอบซบ | กลิ้งเกลือกเสือกสลบไม่สมประดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
ขัดใจยายเถ้าเต็มที | ทุบตีด่าทอพอแรง | ||
อีแม่สื่อซุกซนคนเอก | โหยกเหยกขยันเหลือเบื่อแช่ง | ||
สาแก่ใจเจ็บปวดชวดกินแกง | ทีนี้หนอพอแรงมึงฤๅยัง | ||
แล้วผินมาว่ากล่าวกับท้าวไท | ช่างหลงใหลไปทีเดียวไม่เหลียวหลัง | ||
ได้ใหม่ลืมเก่าเฝ้าชิงชัง | ไม่อินังขังข้อเลยพ่อคุณ | ||
เห็นชั่วช้าอาภัพอับเฉา | ทำได้ทำเอาเหมือนเต่าตุ่น | ||
มิขอยู่สู้ตายตามบุญ | นางเคืองขุ่นหมุนกลับมาฉับไว | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้ากลางห้อง | ขึ้นบนแท่นทองแล้วร้องไห้ | ||
เจ็บอกหมกมุ่นขุ่นแค้นใจ | นางครวญคร่ำร่ำไรรันทด | ||
ฯ ๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | องค์พระเชษฐาดาบศ | ||
จึงกล่าวสุนทรมธุรส | แก่ทรงยศอนุชาคาวี | ||
อีเถ้าเจ้ากรรมมันทำความ | มาติดตามหวงหึงษ์อึงมี่ | ||
เจ้าผลักไสไล่ส่งเสียวันนี้ | เห็นทีมันจะแค้นเคืองนัก | ||
คำบุรานท่านว่าไว้เปนครู | ธรรมดาตีงูให้หลังหัก | ||
จะวางใจไม่ได้นะน้องรัก | มันมักมาดหมายทำร้ายเรา | ||
จะมิให้เปนสุขเฝ้าหยุกยิก | จุกจิกเจ็บช้ำน้ำใจเจ้า | ||
ขึ้นชื่อว่าศัตรูอย่าดูเบา | นิ่งเสียกระนี้เล่าจะเกิดความ | ||
จงไปผัดผ่อนให้อ่อนลง | หนามยอกย่อมบ่งออกด้วยหนาม | ||
อย่าให้เกิดกลียุคลุกลาม | จะได้ความผาสุกสืบไป | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวียิ้มย่องสนองไข | ||
น้องนี้นึกชังอีจังไร | ช่างไม่รู้ตัวมัวมึน | ||
จะไปพูดเกลี่ยไกล่เปนไมตรี | เห็นทีจะทำหนักคึกคักขึ้น | ||
น้ำใจในคอมันบึกบึน | โฉดเขลาเมามึนโมโหร้าย | ||
ยิ่งห้ามให้นิ่งเหมือนยิ่งยุ | ยังกลับดุดาลเดือดไม่เหือดหาย | ||
น่อยหนึ่งมันจะว่าข้าวุ่นวาย | หยาบคายเคืองหูอดสูใจ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระพี่ยายิ้มแล้วแถลงไข | ||
ช่างกลัวมันเหมือนเสือเห็นเหลือไป | ดูราวกับมิใช่เปนเจ้าชู้ | ||
เสียแรงรู้แยบคายก็หลายเพลง | จะมานั่งกลัวเกรงผู้หญิงขู่ | ||
อุตส่าห์ขืนแขงใจไปลองดู | พี่เห็นจะไม่สู้กะไรนัก | ||
จงทำเทียมเลียมเลี้ยวเกี้ยวพาน | ง้องอนอ่อนหวานอย่าหาญหัก | ||
ว่าจะชุบขึ้นให้วิไลลักษณ์ | เห็นมันจักลุ่มหลงปลงวิญญา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นชอบด้วยเชษฐา | ||
ยิ้มแห้งแข็งใจไคลคลา | โขลนจ่านำไปด้วยใจปอง | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า | |||
๏ ครั้นถึงที่สำนักตำหนักนาง | พระค่อยเยื้องย่างเข้าในห้อง | ||
หยุดยืนแฝงม่านเมียงมอง | ดูทำนองแยบคายร้ายดี | ||
เห็นนางนั่งกอดเข่าเข้าโศกา | เช็ดน้ำตาน้ำหูยู่ยี่ | ||
นั่งลงเคียงข้างนางเทวี | แล้วทำทีสนิทชิดเชื้อ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ชาตรี | |||
๏ ปลื้มเอยปลื้มใจ | พี่รักใคร่ผูกพันฟั่นเฝือ | ||
นึกแต่จะอิงแอบแนบเนื้อ | แม้นมิเชื่อโฉมตรูคอยดูเอา | ||
ใช่แสร้งสมทบกลบเกลื่อน | ถึงได้ใหม่ก็ไม่เหมือนเมียเก่า | ||
ทั้งแก่ก็จริงยังพริ้งเพรา | สาวแส้แพ้เจ้าไม่เท่าเทียม | ||
พี่ต้องจิตต์ติดใจอยู่หนักหนา | จึงลงมาถึงเรือนเยือนเยี่ยม | ||
ไม่ผินพักตร์ทักถามตามธรรมเนียม | ชม้อยชม้ายอายเหนียมพี่ไย | ||
ว่าพลางทางขยับจับต้อง | เลียมลองโลมลูบหลังไหล่ | ||
ดูเถิดทำเก้อเอออะไร | เฝ้าค้อนควักผลักไสไปทีเดียว | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ได้เอยได้ฟัง | นางนั่งนิ่งแน่ไม่แลเหลียว | ||
ไพเราะเพราะพริ้งจริงจริงเจียว | ช่างลดเลี้ยวปรายเปรียบเลียบเคียง | ||
นึกจะใคร่ดีด้วยก็ขวยอาย | แกล้งทำแยบคายบ่ายเบี่ยง | ||
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลงจากเตียง | มายืนเมียงแอบม่านด้วยมารยา | ||
คิดถึงความหลังยิ่งคลั่งใจ | เธอผลักไสให้อายขายหน้า | ||
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นอุรา | พลางบ่นบ้าพาโลโศกี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเห็นนางขนางหนี | ||
เสด็จเดินตามมาแล้วพาที | ทำยั่วเย้าเซ้าซี้ยียวน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ งามเอยงามปลอด | เจ้าเปนยอดมเหษีที่สงวน | ||
อย่าเศร้าสร้อยโศกศัลย์รัญจวน | เสียดายหน้านวลนวลจะมอมแมม | ||
ขัดใจอะไรเล่าเฝ้าโศกา | จนน้ำตาเปนคราบอาบแก้ม | ||
จะวอนว่าเท่าไรไม่ยิ้มแย้ม | ยังมิหย่อนย่อมแต้มลงบ้างเลย | ||
ท่วงทีทำราวกับสาวแส้ | จนเหลือแหล่ลอยเลิศเปิดเผย | ||
รู้ระแบบแยบยนต์เปนคนเคย | อุแม่เอ๋ยอดใจไม่ใยดี | ||
โกรธาฤาน้องรักว่าผลักไส | เจ็บปวดเปนกะไรดวงใจพี่ | ||
หยอกกันเมื่อกระนั้นยิ่งกว่านี้ | ไม่พอที่จะโมโหโกรธา | ||
เจ้าสิทำหยาบคายให้อายเขา | พี่เฝ้าวิงวอนไม่ผ่อนหา | ||
อัปรยศอดสูจันท์สุดา | พระสิทธาเธอยิ้มไยไพ | ||
ส่วนโทษเจ้าผิดไม่คิดบ้าง | จะมาคราครวญคร่ำใครทำให้ | ||
ก่นแต่ขัดเคืองเนืองไป | น่าชังมั่งฤๅไม่เจ้ามารยา | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ถ้อยเอยถ้อยคำ | เจ็บช้ำน้ำใจเปนหนักหนา | ||
ค้อนพลางทางตอบวาจา | ช่างเถิดหน้าตามันหมองมอม | ||
กลการอะไรเล่ามาเซ้าซี้ | อุแม่เอ๋ยทำทีเปนโอบอ้อม | ||
ช่างสำออยอ่อนหวานหว่านล้อม | นี่ฤๅนางผมหอมมิยอมยิน | ||
พอรู้เท่าเข้าใจกันอยู่ดอก | อย่าลดเลี้ยวลวงหลอกกลอกกลิ้ง | ||
กลับมายกโทษทัณฑ์ขันจริง | เสแสร้งทุกสิ่งใส่ไคล้ | ||
สารพัดจะว่าประดาเสีย | เจ็บแค้นแทนเมียเข้าผลักไส | ||
ส่วนทำเขาถึงกระนี้ก็ดีไป | ยังจะยกตัวไพล่ขึ้นเหนือลม | ||
อย่าหยุกหยิกรังหยาวใช่สาวแส้ | มันคนแก่คนเถ้าแพ้เผ้าผม | ||
รูปร่างชั่วช้าไม่น่าชม | เจ้าคารี้สีคารมพอสมตัว | ||
ทั้งอาภัพอัปรลักษณ์หนักหนา | พระก็ตรัสเปนตราแล้วว่าชั่ว | ||
จะขืนเข้าใกล้ช่างไม่กลัว | หน่อยจะพาให้มัวมอมไป | ||
เชิญเสด็จภูวไนยออกไปเสีย | หม่อมเมียเขาจะว่าข้าได้ | ||
ปากคอพอดีไปเมื่อไร | ยังเจ็บใจอยู่จนประเดี๋ยวนี้ | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
โอ้โลม | |||
๏ เอวเอยเอวบาง | บ่นตะบอยร้อยอย่างร้อยสี | ||
พี่มาว่ากล่าวแต่โดยดี | อะไรนี่น้อยฤๅทำดื้อดึง | ||
เอาแต่คารมมาข่มขู่ | รำคาญหูจู้จี้ขี้หึงษ์ | ||
ขัดใจจันท์สุดาหน้าตึง | ยกโทษโกรธขึ้งเขาข้างเดียว | ||
ช่างพูดได้ง่ายง่ายไม่อายปาก | โมโหมากหมกมุ่นฉุนเฉียว | ||
หวงแหนหึงษ์ผัวตัวเปนเกลียว | จนเสียงขุ่นเสียงเขียวคอเปนเอ็น | ||
พี่ก็ไม่มัวเมาเข้าข้างใคร | จะว่าตามจริงใจให้เจ้าเห็น | ||
เราจาบจ้วงหวงหึงษ์เขาจึงเปน | จนเกิดเข็ญเคืองขุ่นวุ่นทั้งวัง | ||
เจ้าก็เปนคนในมิใช่โง่ | ไม่บันเทาโทโสลงเสียมั่ง | ||
พี่รักเจ้าจริงจริงไม่ชิงชัง | อุตส่าห์มาว่าหวังจะให้ดี | ||
องค์พระดาบศก็อดโทษ | ท่านจะโปรดชุบให้เหมือนเช่นพี่ | ||
รูปงามเปนสาวแล้วคราวนี้ | เซ้าซี้อยู่ไยไปด้วยกัน | ||
ว่าพลางฉวยฉุดยุดคร่า | กุมกรกัลยาพาผายผัน | ||
เออนี่อะไรทำใจรั้น | หุนหันฮึดฮัดสบัดมือ | ||
ฯ ๑๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ แค้นเอยแค้นนัก | ข้าไม่มักหัวไปทำไมฤๅ | ||
ข่มเหงคนเข้าฉุดยุดยื้อ | ถูกถือยั่วเย้าเฝ้าตอแย | ||
มิข่วนหยิกให้ยับก็ลองดู | จะฝากไปให้ชู้ช่วยชมแผล | ||
ชิชะเชิงชั้นช่างผันแปร | มาพูดแก้แทนกันขันสิ้นที | ||
ข้าเข้าใจอยู่ดอกอย่าหลอกล่อ | จะลวงให้ไปง้อพระฤาษี | ||
สู้ตายวายวางชีวี | ไม่เชื่อถือโยคีชีเปลือย | ||
ทำผิดกิจกรมประสมประสาน | หยาบช้าสามาญเหมือนขี้เลื่อย | ||
ใจคอคดคู้ดังงูเลื้อย | ไม่อยากง้อให้เหนื่อยขี้คร้านไป | ||
ถึงมิชุบให้งามก็ตามเถิด | ผิดก็ตายเสียเกิดเอาชาติใหม่ | ||
ว่าพลางครวญคร่ำร่ำไร | สอึกสอื้นไห้ไปมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด | |||
๏ เจ้าเอยเจ้าโมโห | ร้องไห้โฮโฮพาโลข้า | ||
จะห้ามก็ไม่หยุดสุดปัญญา | ยิ่งกว่าบ้าหลังน่าชังนัก | ||
ให้ไปหาพระฤๅษีก็มิไป | เอออะไรนี่เล่าเฝ้าหน่วงหนัก | ||
ดึงดื้อถือทิฐิฮึกฮัก | มันจักงามเสียแล้วทีนี้ | ||
ท่านจะชุบให้เปนสาวสิว่าชั่ว | ทำกับตัวเปล่าเปล่าไม่พอที่ | ||
ส่องกระจกดูฤๅนั่นขันสิ้นที | น่าบัดสีสมประกอบแก้มคาง | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เจ็บเอยเจ็บอก | ฉวยกระจกขึ้นกระแทกแตกผาง | ||
ต่อยตลับขวดเฟืองเครื่องสำอาง | ทิ้งขว้างหกคมำทั้งสำรับ | ||
ทุบกระถางกระโถนโยนผลุง | ฉีกที่นอนหมอนมุ้งเอามีดสับ | ||
ใครอย่ามาจุกจิกหยิกให้ยับ | ผีบ้ามันจับแล้วทีนี้ | ||
อุแม่เอ๋ยเย้ยเยาะหัวเราะข้า | อีคนร้ายรามากะทาสี | ||
น้ำใจในคอใช่พอดี | มันราวกับอัคคีไหม้หลังคา | ||
ก็ย่อมรู้ย่อมเห็นมาเล่นไฟ | ขืนเข้ามาไยใกล้เคียงข้า | ||
หน่อยจะลามเลียลนเอาขนตา | หนังกำพร้าจะลอกปอกเปื่อยพอง | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ น้อยเอยน้อยฤๅ | สนุกมือทำไมกับเข้าของ | ||
ถ้วยโถทุบกระแทกแตกเปนกอง | หยาบคายร้ายรองเต็มประดา | ||
ราคาค่างวดสักกี่เบี้ย | ต่อยเสียอีกเถิดพี่ไม่ว่า | ||
หน่อยหนึ่งก็ตะเภาจะเข้ามา | ค่อยซื้อหาเอาใหม่อย่าทุกข์ร้อน | ||
ไม่พอที่ตีวัวกระทบคราด | สัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน | ||
แสร้งสบิ้งสบัดตัดรอน | จะช่วยสอนให้ดีก็มิเอา | ||
ดีแต่ทำปั้นปึ่งขึ้งขี้เหร่ | โว้เว้ใจหายเจียวยายเถ้า | ||
ไม่เสงี่ยมเจียมตัวมัวเมา | เออเอาแต่อะไรมาบ่นอึง | ||
เมื่อมิรักรูปงามก็ตามใจ | ทีนี้นะใครอย่าไปหึงษ์ | ||
ขี้คร้านอยู่เฝ้าพเน้าพนึง | เถิดขึ้งโกรธแล้วก็แล้วไป | ||
ว่าพลางทางทำเดินออกมา | ดูทีจะว่าเปนไฉน | ||
มาฉวยฉุดยุดคร่าข้าไว้ไย | เอออะไรน่าชังทำรังแก | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ | |||
๏ น่าเอยน่าหัวร่อ | ใจคอฉุนเฉียวทีเดียวแหล | ||
ขันจ้านเจียวหนอทำท้อแท้ | ประเดี๋ยวใจจะแร่กลับไป | ||
ฤๅรำฦกตรึกถึงเมียรัก | ไม่เห็นพักตร์สักครู่อยู่ไม่ได้ | ||
เช่นนี้แล้วหลับตาลงมาไย | เถิดคะไม่ละให้จรลี | ||
จะจัณฑาลทารกรรมทำเข็ญ | เกาะไว้ดูเล่นเช่นลูกหนี้ | ||
ให้สาแก่ใจคนเล่ห์กลดี | พาลรีพาลขวางช่างพูดจา | ||
ยกโทษโกรธขึ้งว่าปึ่งปั้น | ทีนี้จะผ่อนผันหันหา | ||
ถึงจะใช้ให้ขึ้นบนหลังคา | เต้นโลดโดดลงมาจะทำตาม | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เจ้าเอยเจ้าสำนวน | แต่ล้วนขันคนองเปนสองง่าม | ||
ช่างสำออยออมอดงดงาม | เอ๊ะจะหย่อนผ่อนตามแล้วฤๅไร | ||
เดิมทีทำกะตัวตะละสาว | ดูราวกับแรกเข้าหอใหม่ | ||
จนขี้เกียจวิงวอนออกอ่อนใจ | จะห้ามเจ้าเท่าไรก็มิฟัง | ||
ถ้าว่าหาไม่ที่ไหนนาง | น่าแพ่นลงสักผางที่กลางหลัง | ||
หากคิดนิดเดียวดอกกระมัง | จึงหยุดยั้งตามใจให้เจ้าฮึก | ||
แม้นไม่เวทนาจะหย่าเสีย | ชู้เมียดีดีมีมิตรึก | ||
ว่าไว้ให้รู้จักสำนึก | รู้สึกตัวแล้วก็แล้วไป | ||
๏ จงอาบน้ำอาบท่าทาแป้ง | จัดแจงแต่งตัวหวีหัวใหม่ | ||
เอาธูปเทียนเข้าตอกดอกไม้ | รีบไปขอษมาลาธิกรณ์ | ||
พี่จะลาโฉมยงนงคราญ | ไปตรวจตราเตรียมการไว้ท่าก่อน | ||
สั่งเสร็จเสด็จบทจร | มาปราสาทภูธรทันที | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงจึงประณตน้อมเกศ | กราบบาทบทเรศพระฤๅษี | ||
เปรมปริ่มยิ้มแย้มยินดี | พาทีทูลแถลงแจ้งกิจจา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีก็หรรษา | ||
จึงตรัสสั่งนางกำนัลมิทันช้า | จงเร่งหาเข้าตอกดอกไม้ | ||
จะไปขอษมาพระอาจารย์ | นิมนตร์ท่านช่วยชุบตัวให้ | ||
ถ้ารูปงามเปนสาวเห็นท้าวไท | จะรักใคร่หายโกรธโปรดปรานกู | ||
ทำไมกับมันอีจันท์สุดา | จะตีด่าให้กลัวตัวเปนหนู | ||
ไม่ช้านักสักน่อยมึงคอยดู | ตัวกูจะเปนสาวแล้วคราวนี้ | ||
ว่าพลางนางเข้าที่สรง | ขมิ้นผงลูบไล้ขัดสี | ||
ผัดหน้าทาแป้งแต่งเต็มที่ | ดูดีงดงามขึ้นครามครัน | ||
นุ่งผ้าโขมพัตรผุดผ่อง | ห่มสไบกรองทองเฉิดฉัน | ||
ครั้นเสร็จเสด็จจรจรัล | สาวสรรค์กำนัลนางต่างตามมา | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง | |||
๏ ถึงท้องพระโรงหลังก็รั้งรอ | ทำลับลับล่อล่อหลบหน้า | ||
อัปรยศอดสูพระสิทธา | เข้าแฝงฝาผนังบังกาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีชื่นชมสมหมาย | ||
ยิ้มพลางทางทำทักทาย | นี่แน่นางโฉมฉายช่างกะไร | ||
แต่งตัวน้อยฤๅเจ้าเฝ้าตะบอย | พี่นั่งคอยจนเหงื่อจมูกไหล | ||
เจ้าเล่ห์เจ้ากลเปนพ้นไป | ทั้งแยบคายภายในก็ฦกลับ | ||
มาแล้วฤๅเจ้าเข้ามานี่ | พี่วอนว่าพระฤๅษีไว้เสร็จสรรพ | ||
จะชุบองค์นงคราญนั้นท่านรับ | เจ้าจงคำนับพระมุนี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
สบิ้งสบัดขัดเคืองพระสามี | เทวีรีรออยู่ช้านาน | ||
แล้วอุตส่าห์แขงขืนฝืนใจ | จำเปนจำไปสมัคสมาน | ||
ถือธูปเทียนดอกไม้ใส่พาน | ค่อยคลานเข้าไปใจทึกทัก | ||
คิดขยั้นครั่นคร้ามพรฤๅษี | ด้วยเดิมทีถุ้งเถียงกับเธอหนัก | ||
ทั้งสะเทินทั้งอายขายหน้านัก | ก้มพักตร์เมียงม่อยค่อยกระซิบ | ||
แขงใจขอษมาพระอาจารย์ | ลนลานหลงใหลไม่ได้สิบ | ||
พึมพำทำแต่ปากยิบยิบ | อู้อี้อุบอิบอยู่ในคอ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระดาบศนิ่งฟังนั่งหัวร่อ | ||
ยิ้มพลางทางว่าได้ด่าทอ | รูปขอษมาสีกาโยม | ||
เธอจะต้องสัญญาว่ากันด้วย | ที่จะให้กูช่วยชุบรูปโฉม | ||
ต้องทำการอึกกระทึกครึกโครม | เอาฟืนไฟใส่โหมให้ลุกฮือ | ||
จะให้เจ้าเข้านั่งริมกองไฟ | ร้นรนจะทนได้แล้วฤๅ | ||
จะไปทำวุ่นวายเมื่อปลายมือ | ปฤกษาหารือเสียเดี๋ยวนี้ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
ได้ฟังว่าน่ากลัวเต็มที | เทวีอ้ำอึ้งตลึงตไล | ||
ครั้นจะมิรับคำทำตาม | กลัวรูปจะหางามเหมือนผัวไม่ | ||
ครั้นพระดาบศเตือนเยื้อนตอบไป | ร้อนรนอย่างไรก็ตามบุญ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีเสริมซ้ำกระหน่ำหนุน | ||
องค์พระสิทธาท่านการุญ | ชุบพี่พึ่งรุ่นหนุ่มฟ้อแฟ้ | ||
ยังเถ้าแก่แต่เมียเสียน้ำใจ | จะใคร่ให้รุ่นราวสาวแส้ | ||
จงตั้งใจตั้งคออย่าท้อแท้ | เปนแต่ร้อนรนก็ทนเอา | ||
ว่าพลางทางสั่งเสนี | จงกองไฟไว้ที่หลุมเก่า | ||
ม่านกั้นเหมือนกันกับชุบเรา | เร่งรัดเร็วเข้าให้ทันการ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับบรรหาร | ||
ลุกแล่นออกมาหน้าพระลาน | แต่งการครบครันมิทันช้า | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีเสแสร้งแกล้งว่า | ||
รูปนี้สมเพชเวทนา | จะช่วยชุบสีกาเสียเดี๋ยวนี้ | ||
ขอเชิญท้าวไทเข้าไปด้วย | จะได้ช่วยตักเตือนมเหษี | ||
ว่าพลางทางเสด็จจรลี | พระคาวีเชิญนางพลางตามมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ครั้นถึงม่านกั้นชั้นใน | เห็นเปลวไฟเริงแรงแสงกล้า | ||
พระฤๅษีจึงมีวาจา | เชิญสีกาเข้านั่งริมกองไฟ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีเสียวไส้ | ||
หยุดยืนลูบอกตกใจ | น่ากลัวกะไรกะนี้นา | ||
เพลิงแรงน้อยฤๅพระฤๅษี | อยู่ถึงนี่ยังร้อนเปนหนักหนา | ||
เข้านั่งใกล้ไหนจะรอดชีวา | นางบิดพลิ้วนิ่วหน้าระอาใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระดาบศอดยิ้มมิใคร่ได้ | ||
เสแสร้งแกล้งร้องว่าไป | เปนกะไรถอยหลังรั้งรอ | ||
นี่ฤๅว่ากล้าทำตาขาว | ไม่พอใจเปนสาวแล้วฤๅหนอ | ||
จวนเพล่ำเพลาอย่าย่อท้อ | ตั้งใจตั้งคอให้จงดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
อัปรยศอดอายพระมุนี | เทวีนึกมานะแข็งใจ | ||
ตรงเข้าไปนั่งลงข้างหลุม | เพลิงรุมร้อนรนไม่ทนได้ | ||
ลุกขึ้นเต้นปัดปัดสบัดสไบ | อกใจระรัวตัวสั่นท้าว | ||
ผินมาว่าแก่พระนักสิทธิ์ | ข้าเห็นผิดตำราที่ว่ากล่าว | ||
เพลิงแรงร้อนเหลือจนเหงื่อพราว | มันจะสาวมิสาวก็ตามที | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีจึงว่าอย่าอึงมี่ | ||
เมื่อชุบพี่คราวก่อนร้อนกว่านี้ | ดูเปลวอัคคีออกวุบวับ | ||
พี่อุตส่าห์แข็งเนื้อแข็งใจ | โดดแผลวลงไปไฟก็ดับ | ||
นี่ชรอยวาศนาเจ้าอาภัพ | จึงกระสับกระส่ายวุ่นวายไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีก็ร้องไห้ | ||
สอื้นพลางทางว่าน่าน้อยใจ | บอกว่าทนไม่ได้ไม่เชื่อเลย | ||
ดูเยี่ยงท้าวไทใจกล้าแกล้ว | เป็นหนุ่มแล้วไม่อินังนั่งเฉย | ||
คอยแต่หัวเราะเยาะเย้ย | ฟ้าผี่เถิดเอ๋ยน่าแค้นใจ | ||
คิดว่าผัวมาด้วยจะช่วยมั่ง | มิรู้นั่งดูเล่นก็เปนได้ | ||
นางตีโพยตีพายมากมายไป | ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี | ||
ฯ ๖ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีทำว่าน่าบัดสี | ||
ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้ | พาลรีพาลขวางทุกอย่างไป | ||
กลับมาโกรธคนอื่นครื้นเครง | ที่ตัวขี้ขลาดเองหาว่าไม่ | ||
ร้องไห้เก้อเก้อเอออะไร | ขัดใจขึ้นมามั่งแล้วจริงจริง | ||
เวทนาอุตส่าห์ช่วยตักเตือน | กลับแชเชือนฮึดฮัดสบัดสบิ้ง | ||
ขี้คร้านง้องอนวอนวิง | มิใช่สิ้นผู้หญิงทั้งพารา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระฤๅษีพลอยซ้ำร่ำว่า | ||
เปนน่าสมเพชเวทนา | ไม่พอที่สีกาทำวุ่นวาย | ||
แต่แรกรูปก็สัญญาต่อหน้าผัว | อันชับเนื้อชุบตัวมิใช่ง่าย | ||
ข้างสีกาก็ว่าไม่กลัวตาย | ยังกลับกลายเสียได้กูไม่เคย | ||
มาร้องไห้เปนลางอยู่อย่างนี้ | ก็เสียกิจพิธีแล้วโยมเอ๋ย | ||
อย่าขึ้งโกรธโทษผัวของตัวเลย | บุญเราไม่เคยได้โปรดกัน | ||
ว่าพลางทางแสร้งเสสรวล | ตรัสชวนน้องชายผายผัน | ||
ออกจากม่านทองจรจรัล | นางคันธมาลีก็ตามมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ พระดาบศขึ้นนั่งบัลลังก์อาศน์ | พรั่งพร้อมพระญาติวงศา | ||
จึงแกล้งพูดให้สิ้นนินทา | รูปสงสารนางพระยานี้สุดใจ | ||
จะชุบให้รุ่นราวเหมือนท้าวผัว | นางก็กลัวร้อนรนไม่ทนได้ | ||
ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมทำไว้ | ผะเอิญให้เคืองขุ่นวุ่นวาย | ||
รูปมาช่วยป่วยการก็นานช้า | จะขอลาญาติโยมสิ้นทั้งหลาย | ||
แล้วเสแสร้งแกล้งตัดกับน้องชาย | รูปขอถวายพระพรลา | ||
ว่าพลางทางทำเปนเคร่งครัด | ถือพัดขนนกป้องหน้า | ||
ออกจากวังในรีบไคลคลา | กลับไปพาราด้วยฤทธี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีทำโกรธมเหษี | ||
จึงว่านี่แน่นางคันธมาลี | ท่านจะชุบให้ดีก็มิเอา | ||
ไม่พอใจให้ตัวเปนสาวแส้ | ก็อยู่ตามประสาแก่เถิดสิเจ้า | ||
ทีนี้อย่าไปมาหาเรา | พระตรัสเท่านั้นแล้วก็ลุกมา | ||
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง | ขึ้นนั่งเตียงเคียงองค์ขนิษฐา | ||
เชยชมเมียขวัญจันท์สุดา | แล้วเล่าแจ้งกิจจาสารพัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีให้หุนหัน | ||
อายเหล่าสาวสนมกำนัล | ก็งกงันมายังตำหนักนาง | ||
ตรงขั้นแท่นรัตน์ชัชวาลย์ | ให้งุ่นง่านหงุดหงิดปิดหน้าต่าง | ||
ทอดองค์ลงคร่ำครวญคราง | เพียงนางจะวินาศขาดใจ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
พระคาวีรบกับไวยทัต
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทชาติไพร่ | ||
เจ็บปวดยับย่อยด้วยรอยไม้ | ฝนไพลทาแผลที่บวมฟก | ||
นั่งคิดถึงตัวกลัวตาย | ให้เสียดายชีวาน้ำตาตก | ||
ครั้งนี้กูเหมือนอยู่ในนรก | เขาตีชกตบต่อยย่อยยับ | ||
พระคาวีมาได้ถึงในวัง | ใครยังไม่แจ้งกิตติศัพท์ | ||
แต่ตัวของกูรู้ความลับ | เห็นจะจับฆ่าเสียด้วยแค้นนัก | ||
จำจะบอกออกความทั้งนี้ | ให้นางคันธมาลีแจ้งประจักษ์ | ||
คิดแล้วอีเถ้าทรลักษณ์ | รีบมาตำหนักนางเทวี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงค่อยมองเมียง | เห็นเงียบสุ้งเสียงสาวศรี | ||
ใครจะเดินไปมาก็ไม่มี | ได้ทีค่อยย่องมองดู | ||
เห็นนางครวญคร่ำร่ำร้องไห้ | จะลุมเล้าเข้าไปก็กลัวอยู่ | ||
รอรั้งนั่งเพียงปากประตู | ในตาสอดลอดดูตามม่านทอง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีเศร้าหมอง | ||
ได้ยินเสียงกรุกลุกขึ้นมอง | หมายว่าผัวย่องตามลงมา | ||
ทำหลบเลี่ยงเอียงอายชม้ายชม้อย | ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในหน้า | ||
ผินหลังนั่งดัดกิริยา | ชักผ้าห่มปิดทำบิดพลิ้ว | ||
แล้วหยิบพานหมากมาหามะกรูด | เอาเล็บขูดแกะก้มดมผิว | ||
นั่งหยัดดัดจริตกรีดนิ้ว | หยิบพัดด้ามจิ้วมาโบกลม | ||
แล้วแกล้งทำทิ้งพัดสบัดหน้า | แค้นหนักหนาอะไรไต่ผ้าห่ม | ||
ครั้นผัวไม่เข้ามาเหมือนอารมณ์ | ลงจากแท่นบรรทมเดินออกไป | ||
แลเห็นเปนเถ้าทัศประสาท | พยาบาทหุนหันมันไส้ | ||
เหลียวซ้ายแลขวาคว้าไม้ | เคืองขุ่นหมุนไปจะตีรัน | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เถ้าทัสประสาทกลัวตัวสั่น | ||
ก้มกราบบาทาแล้วว่าพลัน | แม่อย่าเพ่อหุนหันจงเงือดงด | ||
ซึ่งลูกรับจันท์สุดมามาไว้ | ให้แม่ได้ความอายอัปรยศ | ||
ควรจะเคืองขุ่นแค้นแทนทด | ถึงชีวิตปลิดปลดไม่น้อยใจ | ||
ยังพะวงสงสารแม่ทูลหัว | ไม่รู้ตัวงวยงงหลงใหล | ||
พระทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย | ตายเสียในไฟนั้นแน่นัก | ||
อันพระโฉมยงองค์นี้ | สามีจันท์สุดาข้ารู้จัก | ||
พระฤๅษีนี้ชรอยเปนเพื่อนรัก | ซ้อมซักกันมาสารพัน | ||
แม่อย่าพะวงสงสัย | ลูกจำได้จริงจริงทุกสิ่งสรรพ์ | ||
อันพระคาวีมีสำคัญ | พระขรรร์นั้นไม่วางห่างกาย | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีก็ใจหาย | ||
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงยาย | เห็นสมร้ายเรื่องความงามจะจริง | ||
นางข้อนทรวงเข้าทรงโศกี | พระสามีหลงม้วยด้วยผู้หญิง | ||
เมียทัดทานภูธรวอนวิง | กลับชังชิงไม่เชื่อเนื้อเคราะห์ร้าย | ||
ช่างนับถือฤๅษีขี้เค้า | มันลวงหลอกคลอกเผาเสียง่ายง่าย | ||
จักระแหล่นข้าค่อยจะพลอยตาย | ด้วยอุบายเล่ห์กลมันพ้นคิด | ||
ร่ำพลางตีอกชกหัว | ไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่สักหนิด | ||
หลงสำคัญมั่นหมายว่าทรงฤทธิ | จึงกระชิดติดตามด้วยความรัก | ||
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว | ตายจากเมียเสียแล้วพึ่งประจักษ์ | ||
มันทำให้เจ็บข้ำน้ำใจนัก | จะเผาเกลือแช่งชักให้ย่อยยับ | ||
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนร้าย | ได้เจ็บได้อายก็หลายกลับ | ||
ให้มุ่นหมกอกใจคั่งคับ | จนลมล่อยพลอยจับไม่สมประดี | ||
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเข้าประคองมเหษี | ||
ร้องเรียกหากำนัลขันที | อึงมี่วิ่งมาพร้อมหน้ากัน | ||
เห็นนางนิ่งแน่เข้าแก้ไข | อกใจระรัวตัวสั่น | ||
บ้างวิ่งไปเรียกหมอพัลวัน | นวดฟั้นค่อยฟื้นสมประดี | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี | ||
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี | มิรู้ที่จะปฤกษาหารือใคร | ||
จึงเข้าไปในที่ไสยาศน์ | เรียกเถ้าทัศประสาทมานั่งใกล้ | ||
แล้วว่าจะคิดอ่านประการใด | เราจะได้แก้แค้นแทนทด | ||
อันเสนาข้าเฝ้าทั้งหลาย | สำคัญว่าเจ้านายไปเสียหมด | ||
แต่เราสองปองจิตต์คิดคด | จะเลี้ยวลดลอบล้างมันอย่างไร | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทูลแจ้งแถลงไข | ||
แม่อย่าหวาดหวั่นพรั่นพระทัย | มันเหมือนกับลูกไก่อยู่ในมือ | ||
จะคิดเปนแยบคายสายสน | ตรึกตราหาคนที่สัตย์ซื่อ | ||
เห็นพอจะปฤกษาหารือ | จงเขียนหนังสือบอกความลับ | ||
ให้คิดอ่านการศึกซ่องสุม | ควบคุมผู้คนไว้เสร็จสรรพ | ||
แม้นเมื่อไรได้ทีก็ยกทัพ | มาโจมจับฆ่าเสียให้มอดม้วย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีเห็นดีด้วย | ||
ยินยอมพร้อมใจเอออวย | จึงว่ายายจงช่วยกันตรึกตรา | ||
อันพวกเสนาข้าเฝ้า | กลัวเขาจะไม่ยอมเหมือนอย่างว่า | ||
เห็นแต่เจ้าไวยทัตนัดดา | ด้วยข้าอุปถัมภ์บำรุง | ||
เพื่อนเปนคนสามารถอาจหาญ | ทั้งชำนิชำนาญการรบพุ่ง | ||
มีฝีมือฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้ง | พระเจ้าลุงไว้เนื้อเชื่อใจ | ||
ยายช่วยลอบถือหนังสือลับ | ไปบอกให้ยกทัพมาจงได้ | ||
ว่าพลางนางหยิบกระดาษไทย | เขียนหนังสือส่งให้แก่ท่านยาย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าชื่นชมสมหมาย | ||
เอาหนังสือซ่อนไว้ในกระทาย | ผันผายไปวังพระนัดดา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงเข้าในประตู | เห็นเสด็จออกอยู่ข้างหน้า | ||
ก้มกรานคลานเข้าไปวันทา | เหนื่อยมานิ่งหมอบหอบฮัก | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวทัตแลดูไม่รู้จัก | ||
เห็นรูปร่างซอมซ่อทรลักษณ์ | ทำคึกคักคุกคามถามอไป | ||
อีเถ้านี้กิริยาเหมือนบ้าหลัง | หน้าเคอะเซอะซังมาแต่ไหน | ||
มีธุระปะปังเปนอย่างไร | จะทำไมมึงมาหากู | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทกลัวตัวเปนหนู | ||
พูดถลากถลำพร่ำพรู | เอาหนังสือขึ้นชูเปนแยบคาย | ||
แล้วทูลว่านางคันธมาลี | ให้ข้านำของนี้มาถวาย | ||
เปนความขำกำชับมามากมาย | พลางยอบกายเข้าไปให้ใกล้ชิด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวทัตเห็นกระดาษประหลาดจิตต์ | ||
จึงรับมาแลเล็งเพ่งพิศ | พลางพินิจนิ่งอ่านแต่เบาเบา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ | |||
ช้า | |||
๏ ในสารสมเด็จพระเจ้าป้า | ตั้งแต่กินน้ำตาต่างเข้า | ||
ด้วยฤๅษีชีป่ามาลวงเรา | เผาลุงของเจ้าให้วายปราณ | ||
เอาผัวอีจันท์สุดามาไว้ | อยู่ในปราสาทราชฐาน | ||
อันพวกเรานี้เห็นไม่เปนการ | มันจะพาลเอาผิดคิดฆ่าฟัน | ||
ขอเชิญหลานแก้วผู้แกล้วกล้า | มาจับตัวมันฆ่าให้อาสัญ | ||
เหมือนเห็นแก่พระองค์ทรงธรรม์ | ช่วยผ่อนผันแก้แค้นแทนทด | ||
แม้นเสร็จการครั้งนี้มีความชอบ | ป้าจะมอบสมบัติให้ทั้งหมด | ||
เจ้าจะได้ครองเมืองเรืองยศ | จงรีบหากำหนดอย่านอนใจ | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ อ่านจบขบฟันหันหุน | เคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้ | ||
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงอึงไป | ข้าไทหลีกหลบกระทบกัน | ||
น้อยฤๅฤๅษีมาทำเล่น | ลวงเผาคนเปนให้อาสัญ | ||
ผัวอีจันท์สุดานี้กล้าครัน | มาปลอมเปนทรงธรรม์แทนตัว | ||
กูจะจับเปนมาเข่นฆ่า | ให้สาสมน้ำหน้าทั้งเมียผัว | ||
ถึงจะมีฤทธิไกรก็ไม่กลัว | ตัวต่อตัวสู้กันไม่ครั่นคร้าม | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเห็นอึงจึงทูลห้าม | ||
พระอย่าเพ่อจู่ลู่วู่วาม | การณรงค์สงครามต้องค่อยคิด | ||
ศัตรูอยู่ในราชฐาน | จะทำการแก้ไขให้สนิท | ||
อันองค์พระคาวีก็มีฤทธิ์ | ถอดชีวิตไว้ในพระขรรค์ไชย | ||
จงจับให้มั่นคั้นให้ตาย | อย่าดูถูกลูกผู้ชายหาควรไม่ | ||
คิดให้รอบคอบแล้วยกไป | จึงจะจับตัวได้ดังใจนึก | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตหุนหันไม่ทันตรึก | ||
อวดรู้อวดหลักฮักฮึก | ข้าเคยพบรบศึกมาหลายยก | ||
จะเข้าออกยอกย้อนผ่อนปรน | เล่ห์กลเรานี้อย่าวิตก | ||
ทั้งพิชัยสงครามสามก๊ก | ได้เรียนไว้ในอกสารพัด | ||
ยายกลับไปทูลพระเจ้าป้า | ว่าเรารับอาสาไม่ข้องขัด | ||
ค่ำวันนี้คอยกันเปนวันนัด | จะเข้าไปจับมัดเอาตัวมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าสอพลอหัวร่อร่า | ||
มิเสียทีที่เปนพระนัดดา | แกล้วกล้าสงครามไม่ขามใคร | ||
ข้าจะเข้าไปทูลนางโฉมยง | ว่าพระองค์จะอาสาได้ | ||
ว่าแล้วกราบลาคลาไคล | มายังวังในทันที | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้อง | นั่งริมแท่นทองมเหษี | ||
กระซิบทูลแถลงแจ้งคดี | พูดจาพาทีเปนความลับ | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตขัดใจไม่นอนหลับ | ||
นั่งนึกตรึกตราจะยกทัพ | ไปโจมจับไพรีที่ในวัง | ||
จึงเรียกหาบรรดาข้าไทย | ที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาพร้อมพรั่ง | ||
เอาคดีชี้แจงให้ฟัง | ตามหนังสือนั้นทุกประการ | ||
เรานัดกันวันนี้ให้พร้อม | จะไปล้อมปราสาทราชฐาน | ||
จับอ้ายทรชนคนพาล | จองจำทำประจานให้สาใจ | ||
ทำไมกับศัตรูมันผู้เดียว | จะรอบรับขับเคี่ยวที่ไหนได้ | ||
ถึงเสนาข้าเฝ้าเหล่านั้นไซ้ | ถ้าแจ้งใจก็จะป่วนรวนมา | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | พวกข้ายุเจ้าเอาหน้า | ||
ต่างคนบังคมชมปัญญา | พระตรึกตราดังนี้ดีนัก | ||
ตัวข้าทั้งปวงจะอาสา | ออกหน้ารุกโรมโหมหัก | ||
พระเปนเจ้าเข้าแดงเสียแรงรัก | คงสมัคสู้ม้วยด้วยพระองค์ | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวทัตชื่นชมสมประสงค์ | ||
จึงว่าถ้าสำเร็จการณรงค์ | เราก็คงได้ดีด้วยกัน | ||
จงรีบเร่งรัดไปจัดพล | ผู้คนเคยรบที่แข็งขัน | ||
ให้ได้สักพันหนึ่งสองพัน | จะเล่นมันวันนี้ไม่เงือดงด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พวกข้าไทใจฮึกขึ้นทั้งหมด | ||
อยากจะใครได้ดีมียศ | ต่างสบถให้สัตย์ปัฏิญาณ | ||
แล้วบังคมลามาข้างนอก | เที่ยวบอกบ่าวไพร่ที่ใกล้บ้าน | ||
ได้คนร่วมจิตต์คิดการ | ประมาณสองพันล้วนสันทัด | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ตัวนายรายจดชื่อเสียง | ไล่เลียงพร้อมใจให้ความสัตย์ | ||
ต่างคนสัญญาอาณัติ | แล้วไปวังไวยทัตทั้งไพร่นาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตชื่นชมสมหมาย | ||
ได้ผู้คนพลไพร่มากมาย | จึงให้แจกจ่ายเครื่องสาตรา | ||
ทวนง้าวหลาวแหลนพร้อมพรั่ง | อีกทั้งหอกดาบปืนผา | ||
แล้วให้เลี้ยงเหล้าเหล่าโยธา | จะได้กล้าหักหาญทำการเรา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | พวกไพร่ใจทมิฬกินเหล้า | ||
ต่างคนโคลงหัวมัวเมา | บ้างเข้าสบถกันเปนเกลอ | ||
ต่างคนประกวดอวดรู้ | การกูแล้วใครไม่เสมอ | ||
บ้างหลับตาอ้าปากพูดเพ้อ | เสียงเอะอะคะเอออึกกระทึก | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เส้นเหล้า | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตห้าวหาญในการศึก | ||
ชื่นชมสมหวังนั่งนึก | จนยามดึกมืดมนฝนพยับ | ||
จึงสั่งพวกพลคนทั้งหลาย | จงจัดแจงแต่งกายให้เสร็จสรรพ | ||
ทั้งนายม้าผูกม้ามาคอยรับ | แล้วกำชับกำชาข้าไท | ||
จะแก้แค้นแทนเจ้าชีวิต | ใครอย่าคิดขี้ขลาดหวาดไหว | ||
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | ตรงไปสรงชลฉับพลัน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
โทน | |||
๏ ชำระสระสรงทรงเครื่อง | รุ่งเรืองพรรณรายฉายฉัน | ||
แล้วกินว่านยาทาน้ำมัน | โพกพันผูกผ้าประเจียดรัด | ||
คาดตะกรุดเครื่องรางอย่างยอด | แหวนพิรอดสอดใส่นิ้วพระหัตถ์ | ||
แล้วดื่มน้ำสุราอาพัด | พกำดัดตึงตัวไม่กลัวใคร | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
ร่าย | |||
๏ ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ลีลาศ | องอาจมิได้พรั่นหวั่นไหว | ||
เผ่นขึ้นหลังม้าอาชาไนย | รีบร้นพลไกรไคลคลา | ||
ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก เชิด | |||
๏ ครั้นถึงราชฐานทวารวัง | คับคั่งไพร่นายซ้ายขวา | ||
ไวยทัตตรัสสั่งโยธา | อย่าช้าช่วยกันฟันประตู | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | เหล่าพวกทหารถือขวานหมู | ||
โห่พลางวางวิ่งพรั่งพรู | ฟันประตูตึงตังพังทลาย | ||
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | นายประตูตัวสั่นขวัญหาย | ||
ทั้งพวกนอนประจำซองกองราย | วุ่นวายตื่นตระหนกตกใจ | ||
บ้างเรียกร้องพวกพ้องอึงมี่ | ไม่รู้ว่าไพรีมาแต่ไหน | ||
บ้างตะโกนบอกเร้าเข้าไป | เร่งทูลภูวไนยให้รู้ | ||
บ้างฉวยได้แหลนหลาวง้าวทวน | วิ่งสวนออกรอต่อสู้ | ||
รับรองป้องปัดศัตรู | เปนหมู่หมู่สู้รบกันไปมา | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตฤทธิไกรใจกล้า | ||
ไล่พวกโยธีตีประดา | พลางขับมิ่งม้าเข้าฆ่าฟัน | ||
แล้วร้องว่าเหวยเหวยชาวธานี | เจ้ามึงคนนี้แล้วฤๅนั่น | ||
ช่างหลงเคอะเซอะอยู่ไม่รู้ทัน | ท้าวสันนุราชนั้นทิวงคต | ||
อ้ายนี่ผัวอีจันท์สุดา | มันเปลี่ยนปลอมเข้ามาเปนกบฏ | ||
จงช่วยกันแก้แค้นแทนทด | จับอ้ายคนคดมาฆ่าตี | ||
ว่าพลางทางขับม้าที่นั่ง | พวกชาวป้อมล้อมวังก็วิ่งหนี | ||
เหล่าทหารไล่บุกคลุกคลี | โห่มี่เข้าล้อมปราสาทไชย | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | แสนสาวท้าวนางน้อยใหญ่ | ||
เห็นผู้คนอลหม่านทั้งวังใน | ต่างตระหนกตกใจวุ่นวาย | ||
ร้องกรีดหวีดหวาดกลาดเกลื่อน | วิ่งโดนเพื่อนหกล้มผ้าห่มหาย | ||
แต่บรรดาจ่าโขลนเจ้าขลัวนาย | วุ่นวายวิ่งปะทะปะกัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน | ||
บรรทมอยู่ในที่แท่นสุวรรณ | ด้วยโฉมจันท์สุดายาใจ | ||
ได้ยินสำเนียงเสียงโห่ร้อง | กึกก้องสนั่นหวั่นไหว | ||
ผวาตื่นตระหนกตกพระทัย | จึงเผยบัญชรไชยชัชวาลย์ | ||
เห็นพวกพลโยธาถืออาวุธ | อุดตลุดสับสนอลหม่าน | ||
ก็รู้ว่าข้าศึกมารอนราญ | ไม่สทกสท้านวิญญา | ||
ตรัสบอกมเหษีนฤมล | เขายกรี้กรีพลมาหนักหนา | ||
ตัวนายถือกระบี่ขี่ม้า | แก้วตามาดูเล่นด้วยกัน | ||
ฯ ๘ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาหลากจิตต์คิดพรั่น | ||
แลเห็นกองทัพนับพัน | ตัวสั่นตระหนกตกใจ | ||
ทรุดองค์ลงกราบตีนผัว | พ่อทูลหัวจะคิดเปนไฉน | ||
ครั้งนี้ชีวันจะบรรลัย | อรไทยครวญคร่ำร่ำโศกา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ โอด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิไกรใจกล้า | ||
ปรอบนางพลางเช็ดชลนา | ฟังคำพี่ว่าอย่าเกรงกลัว | ||
คนเท่านั้นมันจะมาทำไมได้ | เจ้าไม่เคยเห็นฝีมือผัว | ||
นกอินทรีย์มีฤทธิ์ทั้งสองตัว | ยังฟันหัวขาดกลิ้งอยู่กลางดิน | ||
อ้ายขี้ริ้วอย่างนี้ที่ไหน | ประเดี๋ยวใจก็จะตายฉิบหายสิ้น | ||
ขี้เกียจกาแร้งจะแย่งกิน | เหมือนชีวิตยุงริ้นสิ้นทั้งนั้น | ||
ว่าพลางเล้าโลมนางโฉมยง | แล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงพระขรรค์ | ||
ชวนจันท์สุดาวิลาวัณย์ | มาเคียงกันเยี่ยมแกลแลดู | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวทัตหุนหันคันหัวหู | ||
น้อยฤๅกล้าเยี่ยมหน้ามาอวดกู | ยังไม่รู้สำนึกถึงตาย | ||
ว่าพลางทางขับม้าทรง | ยืนตรงช่องแกรแลมุ่งหมาย | ||
แล้วชี้หน้าว่าเหวยอ้ายคนร้าย | มาปลอมเปนเจ้านายไม่อายใจ | ||
ตัวมึงชาวดงพงพี | ชื่อว่าคาวีจริงฤๅไม่ | ||
มาลวงลุงกูเข้าเผาไฟ | มิได้ยำเยงเกรงกลัว | ||
รู้อยู่เต็มอกจึงยกทัพ | จะมาล้อมจับมึงคนชั่ว | ||
อย่าทำดึงดื้อถือตัว | ทั้งเมียทั้งผัวเร่งลงมา | ||
ยังจะขืนยืนดูอยู่ว่าไร | ฤๅจะให้ลากยุดฉุดคร่า | ||
จะบอบช้ำลำบากกายา | จงลงมาสารภาพกราบกู | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวียิ้มเยาะหัวเราะอยู่ | ||
จึงตอบว่าเองอย่าอวดรู้ | ประมาทกูดูถูกลูกผู้ชาย | ||
ถึงเปนชาวดงพงพี | แต่ลวงเผาชาวบุรีได้ง่ายง่าย | ||
อ้ายเถ้าลุงโง่งงหลงตาย | เดี๋ยวนี้หลานชายจะตายตาม | ||
อย่าโอหังบังอาจอวดตัว | ใครจะกลัวกับเองเกรงขาม | ||
เมื่อลุงเองก่อกวนลวนลาม | กูจึงสวนตามตอบแทน | ||
แต่เขาไม่ฆ่าเสียทั้งโคตร | ก็บุญคุณนับโกฏินับแสน | ||
ยังจะมาผูกใจเจ็บแค้น | คิดกบฏทดแทนต่อแผ่นดิน | ||
เอื้อมอ้างช่างคุยจะฉุดคร่า | ให้ขี่คอกันมาอีกทั้งสิ้น | ||
อุปมาหมายมุ่งเหมือนยุงริ้น | จะบินเข้าหาไฟอะไรมึง | ||
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตพิโรธโกรธขึ้ง | ||
จึงร้องว่าท้าทายอื้ออึง | ชีวิตมึงวันนี้ถึงที่ตาย | ||
ไม่เจียมตัวผัวเมียสองคน | จองหองพองขนใจหาย | ||
แล้วร้องสั่งพลไกรไพร่นาย | เร่งจับอ้ายคนร้ายเร็วพลัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | พวกทหารกำแหงแขงขัน | ||
แกว่งอาวุธวิ่งชิงกัน | ขึ้นตามอัฒจันท์ปราสาทไชย | ||
บ้างกระทุ้งถีบดาลบานประตู | ลิ่มสลักแน่นอยู่ไม่หวาดไหว | ||
บ้างปีนเหลี่ยมฐานบัดพลัดลงไป | เอาไม้ไล่ขว้างทิ้งวิ่งคึกคัก | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีมีฤทธิ์สิทธิศักดิ์ | ||
เห็นโยธาข้าศึกฮึกฮัก | โหมหักเข้ามาจะราวี | ||
จึงแกว่งพระขรรค์ไล่ฟันฟาด | แล้วลงจากปรางมาศปราสาทศรี | ||
มิได้ย่อท้อต่อไพรี | หยุดยืนอยู่ที่กลางชาลา | ||
พระจึงตั้งจิตต์พิฐาน | คิดถึงพระอาจารย์ชาญกล้า | ||
ข้าจะแกว่งพระขรรค์อันศักดา | ขอให้เปนโยธาออกต่อยุทธ | ||
เสี่ยงพลางทางแกว่งพระขรรค์ไชย | เปนผู้คนพลไพร่อุดตลุด | ||
ล้วนถือเครื่องสาตราอาวุธ | เข้ารบรับสัปรยุทธกับไพรี | ||
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | พวกไพร่ไวยทัตไม่ถอยหนี | ||
รบรูปนิมิตรฤทธี | ต่อตีแทงฟันมันไม่ตาย | ||
ต่างคนคิดขยั้นหวั่นหวาด | เห็นพวกตัวตายกลาดลงมากหลาย | ||
รบพลางถอยกลังกระทั่งนาย | วุ่นวายหลีกหลบกระทบกัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวทัตเคืองขุ่นหุนหัน | ||
เห็นพวกไพร่พลคนทั้งนั้น | ขยั้นย่อท้อต่อไพรี | ||
จึงลุกไล่ให้คืนเข้ารบรับ | ขู่สำทับร้องว่าใครอย่าหนี | ||
แล้วขับม้ามาตรงพระคาวี | แกว่งกระบี่จะฟันให้บรรลัย | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีไม่พรั่นหวั่นไหว | ||
แกว่งพระขรรค์คอยขยับรับไว้ | เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน | ||
ได้ทีถาโถมโจมจับม้า | ฉุดคร่าบังเหียนเวียนหัน | ||
ท่อยทีหมายพิฆาฏฟาดฟัน | กลอกกลับจับกันด้วยกำลัง | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตพลัดตกม้าที่นั่ง | ||
ผุดลุกทลึ่งตึงตัง | ไม่รอรั้งรื้อวิ่งเข้าชิงไชย | ||
ร่ายรำกระบี่เปนทีท่า | หวดซ้ายป่ายขวาโลดไล่ | ||
กลอกกลับรับรองว่องไว | มิได้ละวางห่างกัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน | ||
หักโหมโรมรุกบุกบัน | เปนเชิงชั้นเลี้ยวล่อต่อยุทธ | ||
เผ่นขึ้นยืนเหยียบเข่าขวา | เปลี่ยนท่าทีจับสัปรยุทธ | ||
เคล่าคล่องป้องปัดอาวุธ | อุดตลุดเลี้ยวไล่กันไปมา | ||
ฯ ๔ คำ ฯ | |||
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตขยั้นพรั่นหนักหนา | ||
สุดสิ้นกำลังวังชา | อ่อนระอาเหนื่อยเหน็ดเข็ดฝีมือ | ||
ไม่อาจอยู่รบรับสัปรยุทธ | ทิ้งสาตราอาวุธออกวิ่งตื๋อ | ||
บ่าวไพร่ใหญ่น้อยพลอยแตกฮือ | อึงอื้อไปทั้งวังใน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด | |||
๏ บัดนั้น | เหล่ารูปนิมิตรประชิดไล่ | ||
ถือดาบแกว่งกวัดสกัดไว้ | มิให้ออกนอกควารา | ||
บ้างจับได้ไพร่เลวเหล่านั้น | ช่วยกันอุดตลุดฉุดคร่า | ||
ที่จับได้ไวยทัตก็มัดมา | เข้าไปหน้าที่นั่งพรั่งพร้อมกัน | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
จับได้ไวยทัตตัวสำคัญ | พอสุริยันรุ่งรางสว่างฟ้า | ||
จึงตรัสเย้ยเหวยหลานเจ้าธานี | เมื่อตะกี้ฮึกฮักหนักหนา | ||
ไยไม่แผลงอิทธฤทธา | ให้เขาจับมัดมาเหมือนอย่างปู | ||
วันนี้ชีวิตจะวายปราณ | จงให้การตามจริงอย่านิ่งอยู่ | ||
ซึ่งเองยกกองทัพมาจับกู | ที่พวกเพื่อนร่วมรู้นั้นกี่คน | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ บัดนั้น | ไวยทัตทูลความมาแต่ต้น | ||
อีเถ้าทัศประสาทแสนกล | ไปลอบเล่าเหตุผลเปนความลับ | ||
ทั้งนางคันธมาลีมีสาร | ว่าขานให้ข้าเข้ามาจับ | ||
จึงได้พาพวกพ้องเปนกองทัพ | มาเคี่ยวขับชิงไชยถึงในวัง | ||
ซึ่งหยาบช้าว่าขานพระผ่านเกล้า | เพราะมัวเมาโมโหโอหัง | ||
จงโปรดยกโทษาข้าสักครั้ง | ถ้าทำอีกทีหลังให้ตัดคอ | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีผินผันกลั้นหัวร่อ | ||
เห็นไวยทัตเต็มกลัวตัวงอ | วิงวอนอ่อนง้อขอชีวิต | ||
พระแกล้งเฉยเลยสั่งพวกขันที | อันนางคันธมาลีเปนคนผิด | ||
กับอีเถ้าทัศประสาทร่วมคิด | โทษถึงชีวิตมรณา | ||
จงจับตัวไว้ให้มั่นคง | คุมออกไปส่งเขาข้างหน้า | ||
สั่งเสร็จเสด็จลีลา | ออกมาพระโรงคัลทันใด | ||
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ | |||
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ | พรั้งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ | ||
จึงตรัสบอกมหาเสนาใน | เราจับได้คนผิดคิดคด | ||
คืออ้ายไวยทัตตัวดี | กับนางคันธมาลีเปนกบฎ | ||
อีเถ้าทัศประสาทชาติทรยศ | โทษถึงตายหมดไม่ไว้มัน | ||
จงจองจำขื่อคาพาตัว | ตะเวนไปให้ทั่วเขตต์ขัณฑ์ | ||
ทั้งทางเรือทางบกสักหกวัน | แล้พิฆาฏฟาดฟันให้บรรลัย | ||
ฯ ๖ คำ ฯ | |||
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ | ||
ออกมาจัดกันทันใด | เร่งไพร่ให้คุมคนโทษมา | ||
จองจำพันธนาห้าประการ | นครบาลถือดาบเดินหน้า | ||
ให้ร้องตามโทษตัวที่ชั่วช้า | เสนาตีฆ้องป่องป่องไป | ||
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา | |||
๏ ตระเวนทั้งเรือบกได้หกวัน | แล้วพากันมาที่ท้ายกรุงใหญ่ | ||
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ | ฟาดฟันบรรลัยทั้งสามคน | ||
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง | |||
เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
๏ | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
บทละครนอกเรื่อง คาวี สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐
( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )