บทละครนอกเรื่องคาวี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
()
แถว 253: แถว 253:
มิได้ละวางให้ห่างไกล  ฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
มิได้ละวางให้ห่างไกล  ฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง
 +
หวั่นหวาดประหลาดจิตต์ผิดทำนอง  ค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม
 +
รับขวัญกัลยาแล้วพาที  วันนี้หลากใจมาไต่ถาม
 +
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความ  บอกตามจริงเถิดนะเทวี
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  จันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี
 +
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงที  อะไรนี่มาตรัสสะกัดสะแกง
 +
น้องรักน้องถามตามซื่อ  ควรฤๅมิบอกให้แจ้ง
 +
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรง  ว่าพลางนางกรรแสงโศกา
 +
ผันพักตร์ผลักไสมิให้ต้อง  สบิ้งสบัดปัดป้องหัตถา
 +
พิไรร่ำทำกลมารยา  ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง
 +
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีเห็นน้องหมองหมาย
 +
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์  ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา
 +
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบ  คิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา
 +
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์  แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ
 +
อย่าโศกนักพักตร์น้องจะหมองศรี  เจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้
 +
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตต์ไว้  ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา
 +
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพราง  อย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า
 +
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตา  พี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาลัย
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  จันท์สุดายิ้มย่องสนองไข
 +
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจ  ภูวไนยโปรดปรานปรานี
 +
คุณของทรงฤทธิดังบิตุเรศ  เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี
 +
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี  ไปกว่าชีวีจะวายปราณ
 +
ทั้งสองสนิทพิศมัย  ถ้อยทีมีใจเกษมสานต์
 +
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบาน  เยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง
 +
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสง  นางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง
 +
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรือง  แลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา
 +
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลย  ยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา
 +
เล่าความตามคำภัสดา  แล้วกำชับกำชาสารพัน
 +
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ
 +
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลัน  ลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ
 +
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถาม  ใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น
 +
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญ  ไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  จันท์สุดาพาซื่อไม่สงสัย
 +
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไป  หลงใหลนับถือว่าซื่อตรง
 +
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพ  ให้ยายยกสำรับออกไปส่ง
 +
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจง  โฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์
 +
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัด  แล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
 +
สมหวังดังจิตต์คิดปอง  ได้ช่องจะฆ่าพระคาวี
 +
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอย  หมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่
 +
พูดชักนิทานบ้านเมืองดี  ประเพณีกษัตริย์สุริวงศ์
 +
แม้นได้สมบัติพัศถาน  ย่อมแต่งการมุรธาภิเษกสรง
 +
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนง  สระเกศาทุกองค์กษัตรา
 +
นี่พระจะผ่านไอสูรย์  สืบประยูรสุริย์วงศ์พงศา
 +
เชิญเสด็จไปสรงคงคา  ตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร
 +
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีลุ่มหลงไม่สงสัย
 +
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจ  จะทำให้ต้องตามประเพณี
 +
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบ  จงแต่งเครื่องให้ครบตามที่
 +
แม้นได้ฤกษ์งามยามดี  จะไปสระเกศีให้สำราญ
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์
 +
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลาน  จัดใส่ในพานแล้วยกมา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  สองกษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา
 +
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตรา  ลงมาตามฉนวนในวัง
 +
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง
 +
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดัง  แล้ววิ่งตึงตังตามมา
 +
ทันสองกษัตริย์ริมนัที  วางพานไว้ที่ร่มพฤกษา
 +
เห็นพระจะลงในคงคา  ยายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม
 +
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคง  ลงสรงถูกน้ำจะเป็นถนิม
 +
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิม  จะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีฟังคำที่ว่าขาน
 +
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณ  เพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง
 +
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้า  แล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง
 +
ชำระสระสนานสำราญองค์  เวียนวงแหวกว่ายวารี
 +
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัด  บังอรค้อนสบัดเบือนหนี
 +
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณี  สรวลระริกซิกซี้สำราญใจ
 +
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
 +
 +
 +
๏ บัดนั้น  ยายเถ้าแสนร้ายหมายได้
 +
เห็นสององค์ลงเล่นชลาลัย  ก็วิ่งไปยังกองอัคคี
 +
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุม  ฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่
 +
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมี  แล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป
 +
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
 +
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  พระคาวีร้อนรนไม่ทนได้
 +
เจียนจักพินาศขาดใจ  แลไปดูยายก็หายตัว
 +
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้า  ครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว
 +
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัว  ค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาลัย
 +
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรง  นางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้
 +
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจ  ภูวไนยร่ำสั่งบังอร
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
</tpoem>
</tpoem>
==== ====
==== ====

การปรับปรุง เมื่อ 07:42, 24 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ท้าวสันนุราชหานางผมหอม

ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์กรุงพทธวิสัยสวรรยา
ท้าวมีอัคเรศมเหษีชื่อคันธมาลีเสนหา
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชราชันษาหกสิบสี่ปีปลาย
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหักดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
เกศาพึ่งจะประปรายรูปกายชายจะพีมีเนื้อ
พระเสวยมื้อละชามสามเวลาทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่นจะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไปมิได้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัยให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา
จึงชวนกำนัลกัลยาลงมายังที่ตำหนักแพ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์สาวสนมกรมวังเซงแซ่
พระเอนอิงพิงพนักผันแปรเหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญาพระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อยแกล้งลอยหาคู่สู่สม
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชมจึงพบผะอบผมกัลยา
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามายิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนักให้ละล่ำละลักลืมองค์
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้มิได้ชำระสระสรง
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจงเสด็จตรงมายังวังใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้องขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผมถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาวชันษาแก่สาวสักคราวไหน
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใดพี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่าแต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกีจึงเข้าไปในที่บรรธม
แล้วนางทูลทัดภัศดาพระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
หยุดยั้งตั้งสติตริตรองดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
ทรงพระชราหนักหนาแล้วทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไรขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึงจะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ยพิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลในแล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นองค์อัครชายามารศรี
ความกลัวอาญาพระสามีวิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนางวิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุกบ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทองเสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสสั่งมหาเสนาในเร่งไปร้องป่าวชาวพารา
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้างตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
ถ้าแม้นนำไปได้นางมาเงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
จงเร่งรีบรัดจัดกันไปป่าวร้องให้ทันวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้นอำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
ออกมาเกณฑ์กันทันทีเสนีตีฆ้องร้องป่าวไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจนึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
ผมหอมปรากฏรสเร้าจะนำเขาไปพามาถวาย
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยายคิดแล้วเดินชายมาถามทัก
ท่านขามานี่จะบอกเล่านางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนักจะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีถามซักเปนหนักหนา
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญาก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
ยายเถ้ารับคำจะนำไปว่าได้รู้จักนางเทวี
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักรปิ่นปักจันทราบุริศรี
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มีนกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
ที่ในวังยังแต่นางผมหอมงามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลองจงทราบลอองพระบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชสำรวลร่า
ชื่นชมสมถวิลจินดาดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์
จึงตรัสว่าถ้าสมคะเนนึกอึกกระทึกใจหายแล้วยายเถ้า
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภาทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง
ยายจะเอาอะไรไปบ้างท่าทางกันดารบ้านช่อง
เร่งรีบคลาไคลดังใจปองให้ได้นางในกลองกลับมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลาไปรับกัลยามากรุงไกร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ได้ฟังจึงสั่งเสนาในจงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็มเลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน
เรือนำเรือตามจงครามครันให้ทันแต่ในเวลานี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งใส่เกศี
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลีจัดเรือตามมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำประหนึ่งกิ้งก่า
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมาประตูดินตีนท่าหน้าตะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชยพลพายนายไพร่อลหม่าน
ออกเรือพร้อมกันมิทันนานร้องขานโยนยาวฉาวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่งน้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงหนักหนา
สิบห้าวันถึงจันทบุราประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย
จึงสั่งผู้คนพลพายทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน
แต่ตัวของเราจะเข้าไปสมคะเนเมื่อไรจะกลับมา
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรีพรั่นตัวกลัวผีเปนหนักหนา
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดารีบเดินภาวนาเข้าในวัง
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททองเมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟังทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นโฉมนางจันท์สุดามารศรี
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวีเปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกลจะระคายผู้คนก็หาไม่
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชยสำราญใจอยู่ในห้องสองคน
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน
ชายนี้ทีท่วงชอบกลเห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์รูปโฉมโนมพรรณ์งามหนักหนา
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยาจันท์สุดาจึงปลงลงใจ
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิดจะลงล้างชีวิตเสียให้ได้
แต่องค์กัลยาจะพาไปทูลถวายท้าวไทเอารางวัล
คิดพลางทางคลานเข้าไปหาทำทีกิริยาโศกศัลย์
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์แล้วตีอกงกงันร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมตรูดูยายก็จำได้
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา
ยายหนีนกอินทรีย์ไปช้านานลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวาเออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย
ลูกหลานกระจัดพลัดพรายท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบากจึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากันว่าแม่จันท์สุดาได้สามี
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึงจะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณหายมาช้านานจนปานนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำเปนเกษมศรี
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นทีได้สามีเรืองอิทธิฤทธา
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ์น่าชมสมกันหนักหนา
สมคิดของยายที่หมายมาจะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท
แล้วทำท่วงทีกะปรี้กะเปร่าตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมในยายไปปฏิบัติพัดวี
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เห็นพระราชานิทราสนิทนั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่
ผิดกับกษัตราทุกธานีขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน
คิดพะวงสงสัยอย่างไรอยู่จะล่อลวงถามดูให้จงได้
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัยยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวยตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัวแล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ
อันองค์ภัศดาสามีเห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไปน่าจะแหนงแคลงฤทัยเทวี
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่
แม้นมิบอกออกความลับลี้นานไปจะหนีแม่มั่นคง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรงโฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่นขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงสัย
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ให้ได้ความขำสำคัญ
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ
ทำทีทอดสนิทติดพันนวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวลชักชวนพูดจามารยาหญิง
ได้ช่องก็ฉะอ้อนวอนวิงทูลถามความจริงภูวไนย
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตต์พระขรรค์ของทรงฤทธิเปนไฉน
มิได้ละวางให้ห่างไกลฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

๏ เมื่อนั้นพระคาวีแจ้งระหัศขัดข้อง
หวั่นหวาดประหลาดจิตต์ผิดทำนองค่อยประคองเล้าโลมโฉมงาม
รับขวัญกัลยาแล้วพาทีวันนี้หลากใจมาไต่ถาม
ฤๅยายยุเจ้าจะเอาความบอกตามจริงเถิดนะเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดากล่าวแกล้งแสร้งใส่สี
บิดเบือนเอื้อนอำทำท่วงทีอะไรนี่มาตรัสสะกัดสะแกง
น้องรักน้องถามตามซื่อควรฤๅมิบอกให้แจ้ง
เพราะพระทรงศักดิ์ไม่รักแรงว่าพลางนางกรรแสงโศกา
ผันพักตร์ผลักไสมิให้ต้องสบิ้งสบัดปัดป้องหัตถา
พิไรร่ำทำกลมารยาประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายวาง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระคาวีเห็นน้องหมองหมาย
ค่อยตระโบมโลมลูบปฤษฎางค์ประคองนางนฤมลขึ้นบนเพลา
สร้วมสอดกอดรัดแล้วตรัสปลอบคิดเช่นนี้มิชอบโฉมเฉลา
พี่รักใคร่ในองค์นงเยาว์แม้จะเปรียบเทียบเท่าดวงใจ
อย่าโศกนักพักตร์น้องจะหมองศรีเจ้าผันหน้ามานี่จะบอกให้
พระขรรค์นี้พี่ฝังชีวิตต์ไว้ใครลักเข้าเผาไฟจะมรณา
ความจริงบอกเจ้าไม่อำพรางอย่าพูดมากปากสว่างฟังพี่ว่า
เห็นประจักษ์แจ้งแล้วฤๅแก้วตาพี่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวาลัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดายิ้มย่องสนองไข
ทีนี้น้องเห็นรักประจักษ์ใจภูวไนยโปรดปรานปรานี
คุณของทรงฤทธิดังบิตุเรศเหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศเกศี
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลีไปกว่าชีวีจะวายปราณ
ทั้งสองสนิทพิศมัยถ้อยทีมีใจเกษมสานต์
คลึงเคล้าเย้ายวนชวนชื่นบานเยาวมาลย์ไม่มีราคีเคือง
ครั้นเวลาตวันบ่ายชายแสงนางออกมาจัดแจงแต่งเครื่อง
ใส่สุพรรณภาชน์ทองรองเรืองแลเห็นยายชายชำเลืองเข้ามา
ยิ้มพลางทางว่าอย่าทุกข์เลยยายเอ๋ยผัวรักข้าหนักหนา
เล่าความตามคำภัสดาแล้วกำชับกำชาสารพัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าฟังคำทำรับขวัญ
จูบบาทซ้ายขวาแล้วว่าพลันลูกไม่เปนเช่นนั้นดอกแม่คุณ
เกลือกสามีมิรักจึงให้ถามใช่จะแกล้งกล่าวความให้เคืองขุ่น
ข้าเปนผู้น้อยพลอยพึ่งบุญไม่โว้เว้เนรคุณอย่าแคลงใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อไม่สงสัย
คิดว่าข้าหลวงเดิมเคลิ้มไปหลงใหลนับถือว่าซื่อตรง
ครั้นจัดแจงแต่งเครื่องเสร็จสรรพให้ยายยกสำรับออกไปส่ง
ตั้งถวายภูวไนยด้วยใจจงโฉมยงหมอบกรานอยู่งานพัด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฤทธิรงค์ทรงสวัสดิ์
แกล้งเสวยเข้าของจนท้องคัดแล้วตรัสสัพยอกหยอกน้อง
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
สมหวังดังจิตต์คิดปองได้ช่องจะฆ่าพระคาวี
ทำเปนเข้าไปให้ใช้สอยหมอบคอยถือชุดจุดบุหรี่
พูดชักนิทานบ้านเมืองดีประเพณีกษัตริย์สุริวงศ์
แม้นได้สมบัติพัศถานย่อมแต่งการมุรธาภิเษกสรง
ไปยังฝั่งน้ำดังจำนงสระเกศาทุกองค์กษัตรา
นี่พระจะผ่านไอสูรย์สืบประยูรสุริย์วงศ์พงศา
เชิญเสด็จไปสรงคงคาตามอย่างท้าวพระยามาแต่ไร
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระคาวีลุ่มหลงไม่สงสัย
จึงตรัสว่าคิดชอบเราขอบใจจะทำให้ต้องตามประเพณี
ยายเปนผู้ใหญ่ได้เคยพบจงแต่งเครื่องให้ครบตามที่
แม้นได้ฤกษ์งามยามดีจะไปสระเกศีให้สำราญ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ารับสั่งเกษมสานต์
หยิบโน่นฉวยนี่ตลีตลานจัดใส่ในพานแล้วยกมา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์ยินดีเปนหนักหนา
ชวนเถ้าทัศประสาทยาตราลงมาตามฉนวนในวัง
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
๏ บัดนั้นยายเถ้าเจ้าเล่ห์ทำล้าหลัง
แวะเข้าก่อไฟใส่ประดังแล้ววิ่งตึงตังตามมา
ทันสองกษัตริย์ริมนัทีวางพานไว้ที่ร่มพฤกษา
เห็นพระจะลงในคงคายายทำเปนว่าแล้วแย้มยิ้ม
ไฉนเหน็บพระขรรค์ไว้มั่นคงลงสรงถูกน้ำจะเป็นถนิม
เสียดายพลอยประดับล้วนทับทิมจะช่วยเชิญไว้ริมชลธาร
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระคาวีฟังคำที่ว่าขาน
ไม่ทันรู้เล่ห์กลคนบุราณเพราะกรรมนั้นบันดาลให้งวยงง
ชักพระแสงทรงยื่นให้ยายเถ้าแล้วชวนโฉมเฉลาลงสรง
ชำระสระสนานสำราญองค์เวียนวงแหวกว่ายวารี
พระหยอกนางทางกอบคงคาซัดบังอรค้อนสบัดเบือนหนี
เลี้ยวไล่ไขว่คว้ากัลยาณีสรวลระริกซิกซี้สำราญใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ บัดนั้นยายเถ้าแสนร้ายหมายได้
เห็นสององค์ลงเล่นชลาลัยก็วิ่งไปยังกองอัคคี
เอาพระขรรค์นั้นวางกลางเพลิงชุมฟืนสุมใส่เข้าเผาจี่
ก่อพลางเหลียวดูพระภูมีแล้วเป่าปัดพัดวีวุ่นไป
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ เมื่อนั้นพระคาวีร้อนรนไม่ทนได้
เจียนจักพินาศขาดใจแลไปดูยายก็หายตัว
เรียกเมียว่าช่วยพี่ด้วยเจ้าครั้งนี้อีเถ้ามันฆ่าผัว
เรียกพลางองค์สั่นอยู่รันรัวค่อยทรงตัวขึ้นจากคงคาลัย
จะยืนยั้งตั้งกายก็ไม่ตรงนางโฉมยงเข้าประคองแล้วร้องไห้
ล้มลงกลางหาดจะขาดใจภูวไนยร่ำสั่งบังอร
ฯ ๖ คำ ฯ
             

             

             

             

             

ท้าวสันนุราชชุบตัว

             

นางคันธมาลีขึ้นเฝ้า

             

พระคาวีรบกับไวยทัต

             

เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง คาวี สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว