เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 12609 พระราชวังแวร์ซายล์ (ภาคสอง)
นกข.
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 22 เม.ย. 02, 07:20

ผมเพิ่งแว่บไปเที่ยวปารีสเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาครับ ทำงานเสร็จคำวันศุกร์ กระโดดขึ้นรถไฟ TGV ไปเลย 3 ชม. ครึ่งถึงปารีส นอนปารีส 2 คืน ค่ำวันอาทิตย์กระโดดขึ้นรถไฟอีก เช้าวันจันทร์มาทำงาน.. สนุกดีครับ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ไปปารีส ผมไปโผล่ที่สถานทูตไทยวันเสาร์ ได้ทราบว่ามีการประชุมกรรมการสมาคมนักเรียนไทยในฝรั่งเศสกัน แต่ผมไม่ได้เข้าไปในห้องประชุมเพราะไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แค่ตามพี่ที่เขาทำงานที่สถานทูตเข้าไปเฉยๆ

วันอาทิตย์ไปดูวังแวร์ซายล์ ตามรอยเท้าคุณ Jor ซึ่งไปเที่ยวที่นั่นก่อนผมตั้งแต่หน้าหนาวปีที่แล้ว มีกระทู้เรื่องคุณจ้อไปแวร์ซายล์อยู่ในเรือนไทยนี่ด้วยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปที่นั่น และคงจะต้องตามไปเก็บตกอีก เพราะคราวนี้เวลาน้อย สวนของวังก็ยังไม่ได้ดู (มันหนาวด้วยครับดูไม่ไหว) ตำหนักตริอานองใหญ่และตริอานองน้อยก็ยังไม่ได้ดู แต่ที่ได้ไปดูแล้วอย่างพลาดไม่ได้ก็คือห้องกระจก (Hall of Mirrors) ของวัง ซึ่งสำหรับคนที่เรียนและทำงานมาอย่างผมค่อนข้างน่าสนใจมาก เป็นที่ที่ลงนามสัญญาระหว่างประเทศสำคัญๆ หลายฉบับในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญที่สุด เป็นที่เสด็จออกรับคณะทูตต่างประเทศของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14มหาราช สุริยกษัตริย์ คณะทูตคณะหนึ่งที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ ที่คนฝรั่งเศสสมัยโน้นตื่นเต้นทึ่งกันมาก ก็คือคณะของท่านโกษาปาน ที่ไปจากราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์ของเรา เป็นอันว่าผมได้ไปเห็นสถานที่ที่ท่านโกษาปาน บรรพบุรุษในอาชีพผมท่านเคยเดินผมไปมาแล้ว
บันทึกการเข้า
วังวารี
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 11 ก.พ. 02, 22:38

น่าอิจฉาอะครับ คุณ  นกข. (ฮิๆๆๆ)  ที่ได้แว่บไปปารีส คงรวยน่าดู ไม่รวยมั้งก็แล้วไป (ล้อเล่นอะครับ)
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 11 ก.พ. 02, 22:57

ปารีสมันเผอิญอยู่ใกล้เมืองที่ผมทำงานเดี๋ยวนี้น่ะครับ เลยแว่บได้ โดยไม่แพงมาก และในเมื่อต้องอยู่ที่นี่แล้วผมก็นึกว่าควรจะหาเวลาเที่ยวเสียในขณะที่มีโอกาส

ถ้าผมกลับไปทำงานที่เมืองไทย คงจะแว่บไม่ออกเหมือนกัน ให้เวลา 3 ชม. ครึ่งคงจะนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวได้แค่ชุมพร หรือราวๆ นั้น

ขอให้รวยจริงเถอะน่า ... ถ้ารวยจริงผมก็บินกลับไปเมืองไทยได้บ่อยๆ แล้วซิ คิดถึงเมืองไทยออก แต่ค่าเครื่องบินมันแพงครับ เลยได้แต่เที่ยวแถวนี้

ใครทำลิงก์กับกระทู้เก่าให้ได้บ้างครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 00:52

ขอแก้ตัวผมเองในกระทู้โน้น ที่มีการเล่ากันถึงโกศาปานไปฝรั่งเศส และเหตุการณ์ตามบันทึกของฝ่ายไทยว่า ราชทูตไทยลองวิชาอยู่ยงคงกระพันถวายให้พระเจ้าหลุยส์มหาราชทอดพระเนตรหน้าพระที่นั่ง โดยให้ทหารฝรั่งยิงปืนไฟใส่ทหารไทย แล้วทหารไทยใช้อาคมปัดเป่ากระสุนไปได้ ไม่เป็นอันตราย (อาจารย์คึกฤทธิ์เอาเค้าเรื่องไปเขียนเป็นเรื่องสั้นชื่อ "ลองของ")

เหตุการณ์นี้อาจไม่เคยเกิดจริงเลยก็ได้ เพราะในบันทึกฝ่ายฝรั่งก็ไม่ปรากฏเลย แต่สมมติว่าจริง ผมเองได้ลากโยงเรื่องเล่นๆ ว่า ทหารฝรั่งเศสหน่วยไหนจะเป็นทหารที่ยิงทหารไทยผู้ติดตามราชทูตได้? ก็น่าจะเป็นทหารแม่นปืนเหล่าที่ถือปืนยาวฝรั่งโบราณ เรียกว่าทหารเหล่ามัสเกเตียร์ ซึ่งเป็นทหารหลวงรักษาพระองค์ด้วย และทหารมัสเกเตียร์ที่เรารู้จักดีทั่วโลกนั้น มี 3 +1 คน จากงานของอาเล็กซองดร์ ดูมาส์ คือเรื่อง 3 (และ 4) ทหารเสือ อันโด่งดังนั่นเอง แต่ทหารแม่นปืนฝรั่งรุ่นนั้นคงไม่ใช่รุ่นเดียวกับมัสเกเตียร์รุ่น 3 ทหารเสือ ผมเข้าใจว่าอาจเป็นรุ่นพ่อหรือปู่ของดาตาญังที่ได้มีเรื่องเกี่ยวกับทหารไทยของโกษาปาน โกษาปานจึงถูกลากมาเกี่ยวข้องกับดาตาญัง (และลีโอนาโด ดิคาปรีชิโอ) ได้ด้วยประการฉะนี้ฯ

ขอแก้ไขตัวเองตรงนี้ ว่า เวลาในเรื่องสามทหารเสือ มาก่อนเวลาที่โกษาปานไปฝรั่งเศสครับ (ไม่ใช่หลัง ดังที่ผมเข้าใจผิดไป) ตัวโกงผู้ร้ายในเรื่องคือคาร์ดินาลริเชอลิเออนั้น มีตัวจริงในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออัครมหาเสนาบดีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ผู้ทรงริเริ่มสร้างพระตำหนักหรือเรือนพักผ่อนเล็กๆ ทีแวร์ซายล์เอาไว้เวลาเสด็จมาล่าสัตว์เท่านั้น เป็นเรือนหลังเล็กมาก ต่อมาอีกรัชกาลหนึ่งคือหลุยส์ที่ 14 จึงได้ทรงขยายเพิ่มเติมปรับปรุงแวร์ซายล์อย่างมโหฬาร กลายเป็นพระราชวังอันอลังการใหญ่โตขึ้นมา และเสด็จย้ายราชสำนักมาประทับที่นี้เป็นการประจำ จนกระทั่งได้รับราชทูตไทย คือโกษาปานที่นี่ และมีเรื่องในบันทึกไทยว่าเกิดการสาธิตวิชาทหารแบบฝรั่งและแบบไทยกันต่อหน้าพระที่นั่งพระเจ้าหลุยส์ ดังนั้นจะต้องพูดกลับกันเป็นว่า ทหารเสือมัสเกเตียร์รุ่นลูกหรือรุ่นหลานของ 3 +1 ทหารเสือครับ ที่มีเรื่องเกี่ยวเนื่องกับท่านโกษาปาน
บันทึกการเข้า
ตา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 01:33

จำห้องกระจกที่คุณ นกข.เล่าได้ เพราะเคยไปเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้วค่ะ เสียดายที่สมัยนั้น ยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ยุโรปได้มากพอ ก็เลยมองเห็นแต่ความสวยงามของพระราชวังมากกว่า  บังเอิญสมัยนั้นได้มีโอกาสไปพระราชวังเชินบรุนด้วย ดิฉันยังรู้สึกชอบในความสวยงามของที่นั่นมากกว่า  แวร์ซายล์สมัยนั้นที่นึกออก ก็คงจะมีแต่เรื่องกุหลาบแวร์ซายล์ที่เคยอ่านตอนเป็นการ์ตูน 13 เล่มจบเท่านั้น
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 05:04

มาทำลิงก์ไปยังกระทู้พระราชวังแวร์ซายล์(ภาคแรก)ครับ

http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?ooc=3&dtn=dtn5&ID=RW265&OrderBtn=OK+' target='_blank'>http://www.vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW265



คุณนกข ไปชมพระราชวังช่วงฤดูหนาวเหมือนผมเลย

แต่ถ้าจะให้ดีไปช่วงฤดูใบไม้ผลิน่าจะดีที่สุดนะครับ เร็วไปสองสามเดือน ...
บันทึกการเข้า
สายลม
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 08:29

.   .   .   ปารีสเป็นเมืองที่คนไทยที่ไปยุโรปมักจะแวะไปเยือน ไม่ขาไปก็ขากลับ และเมื่อไปปารีสแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องไปชมพระราชวังแวร์ซายล์ ผมก็เป็นเช่นว่าแวะไปชมหลายครั้งและไม่เคยเบื่อ  สมัยก่อนต้องอาศัยมัคคุเทศก์ มาสมัยหลังๆนี่ไม่ต้องใช้แล้วครับ เขามีบริการเชุดเทปมีหูฟัง เดินชมไปฟังไปสะดวกดี
.   .   .  ความจริงพระราชวังในยุโรปที่สวยงามมีอยู่มากแต่ละแห่งก็สวยงามแบบมีเอกลักษ์ของตนเอง ผมเห็นด้วยกับคุณตาที่ว่าพระราชวังเชินบรุนสวยงามมาก และในสายตาของผมเห็นว่าไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายล์ สำหรับภายใน แต่บริเวณภายนอกผมคิดว่าพระราชวังพระราชวังแวร์ซายล์สวยกว่า พระราชวังเครมลินที่มอสโคว มีความสวยงามมากทั้งภายนอกและภายใน พระราชวัง
ฤดูหนาวที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก พระราชวังปีเตอร์ ฮอฟ ที่เมืองเดียวกันก็สวยงามพิศดาร ชมกันไม่อิ่ม
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 22:11

ในหนังสือไกด์บุคที่ผมซื้อ เขาพูดถึงการเสด็จออกรับราชทูตสยามในห้องกระจกไว้เฉพาะเจาะจงเลย คือพูดถึงการออกรับแขกเมืองต่างประเทศจากประเทศต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น... แล้วก็ยกมาตัวอย่างเดียวคือราชทูตไทย ปี คศ. 16... กว่าๆ  แสดงว่าเป็นเรื่องที่ฝรั่งก็ทึ่งมาแต่สมัยโน้น

ผมจะโชคร้ายหรือไงไม่รู้ วันที่ไปดูนั้นห้องทุกห้องปิดหน้าต่างสนิท เพราะหนาว ทำให้มีกลิ่นไม่สุนทรีย์ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศแทบสำลัก เพื่อนที่ไปด้วยกันทุกคนได้กลิ่นและรู้สึกตรงกันว่าเป็นกลิ่นปัสสาวะ ทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องเล่าโบราณว่าวังแห่งนี้ที่หรูหราอลังการเป็นนักหนานั้นไม่มีห้องน้ำ (ไม่นับห้องน้ำสร้างใหม่สมัยหลังสำหรับนักท่องเที่ยว) เจ้านายขุนนางอะไรต่ออะไรที่ประทับและพักอยู่ที่นั่นใช้กระโถนกันทั้งนั้น คงเป็นวังที่สวยแต่เหม็นพอดู พออุดจมูกชมเสร็จออกมา มาถกกันว่าจะเป็นกลิ่นอะไรได้ เป็นกลิ่นอับของห้องหรือ หรือเป็นกลิ่นปัสสาวะจริงๆ หรือกลิ่นอะไร มาได้ความจากพี่เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่รออยู่ข้างนอก (พี่เขาขับรถมาส่งแล้ว ขอไม่เข้า เพราะเข้าวังแวร์ซายล์มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว) ว่า เป็นกลิ่นน้ำยาขัดพื้นไม้ยี่ห้อหนึ่งของฝรั่งเศส กลิ่นเป็นยังงั้นจริงๆ ผมสงสัยว่าจะผสมแอมโมเนีย เราคงไปตรงวันเขาขัดพื้นไม้พอดี เมื่อทางพิพธภัณฑ์แวร์ซายล์เอามาลงพื้นขัดไว้แล้วปิดหน้าต่างก็ตรลบอบอวลอยู่ในนั้นแหละ กลายเป็นการสร้างบรรยากาศวังที่ไม่มีห้องน้ำไปโดยไม่รู้ตัว ทำไมไม่เปลี่ยนยี่ห้อก็ไม่รู้...
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 12 ก.พ. 02, 22:48

ขอเรียนถามว่า หนังสือบันทึกการเดินทางของโกษาปานฝีมือประพันธ์กวีไทยนิรนามในคณะทูต ที่มีข่าวว่าเพิ่งค้นพบใหม่เมื่อปีที่แล้ว (เรื่อง "ต้นทางฝรั่งเศส") ไปถึงไหนแล้วครับ

ท่านโกษาปานไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่เมืองฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2229 ตรงกับ ค.ศ. 1686 ครับ

ธรรมเนียมรับทูตของไทยกับฝรั่งโบราณจะเหมือนกันไหมก็ไม่รู้ แต่ของไทยเรานั้นมีธรรมเนียมว่าพระเจ้าแผ่นดินจะทรงมีพระราชปฏิสันถาร (คือ ทักทาย)  3 นัด (คือ 3 ประโยค 3 เรื่อง) เท่านั้น ว่า พระเจ้าแผ่นดินต่างประเทศที่ส่งราชทูตมาทรงพระสำราญดีหรือ เมืองของราชทูตเป็นปกติสุขฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลดีไหม และตัวราชทูตเองกับคณะเดินทางมาไกลมาตามทางสบายดีนะ  แค่นั้นแล้วก็เสด็จขึ้น จบ การเจรจาความเมืองต่อรองอะไรต่างๆ นั้นธรรมเนียมไทยโบราณไม่อนุญาตให้ราชทูตกราบบังคมทูลพระเจ้าแผ่นดินโดยตรง จะคุยธุระหรือเจรจาความเมืองอะไรก็ให้ไปเจรจากับเสนาบดี ซึ่งมักเป็นพระยาพระคลัง (ชื่อตำแหน่งท่านราชทูตโกษาปานเองก็บ่งว่าท่านว่าราชการพระคลังใน 4 ตำแหน่งจตุสดมภ์ เวียง วัง คลัง นา พระคลังนั้นดูแลการค้าต่างประเทศและการต่างประเทศด้วย)

ถ้าเป็นสมัยนี้ พวกผมเขียน talking points หรือประเด็นการสนทนาถวายได้ง่ายไปเลย เพราะมีแค่ 3 ข้อ 3 ประเด็นทุกที เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน (แต่การเจรจากับฝรั่งนั้นเสนาบดีก็ต้องกราบบังคมทูลทุกระยะเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจไปได้เอง)
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 13 ก.พ. 02, 11:55

ผมว่านอกจากวังจะเหม็นเพราะขุนนางใช้กระโทนแล้ว
ชาววังฝรั่งเศสสมัยนั้นยังไม่ชอบอาบน้ำด้วยนะครับ โห่ๆๆๆ
ตามมุมต่างๆของพระราชวังจะมีโถใส่น้ำหอมชั้นดีไว้
สำหรับเวลาที่นางในทั้งหลายทนกลิ่นกายของเองไม่ใหว
จะได้สลัดน้ำหอมดับกลิ่นได้ทันครับ
เดือนหนึ่งอาบน้ำสักครั้งสองครั้งก็นับว่าสะอาดสุดยอดแล้ว
ผมลองนึกในใจเล่นๆว่ากลิ่นน้ำหอมฝรั่งเศสนี่ฉุนใช่เล่น
เกิดกระโทนปัสสาวะกับกระโทนน้ำหอมอยู่ใกล้กัน
นางในทั้งหลายเกิดสับสนขึ้นมาคงจะกลิ่นตาบูพลึกครับ เหอๆๆ

ที่ผมชอบอีกอย่างในพระราชวังคือประตูลับครับ
มองไปเหมือนเป็นข้างฝาธรรมดาแต่ทำเป็นประตูลับแบบหนังจีน
เอาไว้ให้พระราชาใช้เป็นทางหลบจากนางสนมคนนี้ ไปหาสนมคนนั้นได้สะดวก ฮ่าๆๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 14 ก.พ. 02, 10:41

ได้ยินจากไกด์มาเหมือนกันว่าแวซายลส์ไม่มีห้องน้ำ   เคยถามว่าแล้วปวดท้องขึ้นมาทำกันยังไง ก็ได้คำตอบว่า..มี chamber pot หรือกระโถน ซึ่งใช้กันมาจนต้นศตวรรษที่ ๒๐
ส่วนผู้หญิงมี bidet (อ่านว่า บิเด)
ตอนที่พระราชินีมารี อังตัวแนตต์ ถูกจับตัวไปเข้าคุก   ท่านนำ bidet ส่วนตัวติดไปใช้ด้วย

เคยอ่านพบในเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่า  เคยมีหนังสือคู่มือมารยาทผู้ดีในสมัยก่อน   มีข้อห้ามข้อหนึ่งว่า
ห้ามบรรดาขุนนางผู้ดีทั้งหลายใช้เตาผิงเป็นที่ปัสสาวะ
แสดงว่าในสมัยโบราณคงจะนิยมทำแบบนี้กันมาก จนต้องออกข้อห้ามมาทีหลัง

เรื่องอาบน้ำก็อย่างที่คุณจ้อว่าละค่ะ ใช่เลย  อาจารย์เคยบอกไว้เหมือนกันว่า..น้ำหอมฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อนักมีเอาไว้ทำอะไรล่ะ  ไม่ได้ใส่ให้หอม แต่ให้ดับกลิ่นกาย
พวกผู้หญิงที่ทำผมสูงๆ หรูๆน่ะ ข้างในเหาทั้งนั้น เพราะไม่ค่อยได้สระผม

แย่จริง ทำกระทู้หัวข้องามๆ ส่งกลิ่นอบอวลไปหมดแล้ว   หยุดละค่ะ

เรื่องที่คุณนกข. ถาม พิมพ์แล้วเผยแพร่แล้วค่ะ   แต่ต้นฉบับที่พบสั้นมาก  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทาง ไม่ได้บรรยายปลายทางเมื่อมาถึงฝรั่งเศส
ก็เลยไม่มีบันทึกถึงภาพการเข้าเฝ้าของทูตไทยในสมัยนั้นไว้ น่าเสียดาย
บันทึกการเข้า
ตา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 16 ก.พ. 02, 01:32

รู้จัก bidet ที่คุณเทาชมพูพูดถึงมาเกือบ 20 ปีแล้วค่ะ แต่ยังสงสัยจนถึงปัจจุบันว่าใช้ยังไง  ใครรู้ช่วยกรุณาบอกหน่อยว่าความเข้าใจของดิฉันถูกต้องหรือไม่  คือตอนที่เห็นจะเห็น bidet วางคู่อยู่กับโถชักโครก  แสดงว่าเมื่อนั่งชักโครกแล้ว ก็ต้องมานั่งที่ bidet เพื่อทำความสะอาดหรือเปล่า ต้องขอโทษนะคะที่ถามคำถามนี้ในกระทู้  จริงๆแล้วสงสัยมานานมากกกกกก ค่ะ แต่ยังหาผู้รู้มาตอบไม่ได้ซักที นี่ก็เดามาเป็นสิบกว่าปีแล้วนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 16 ก.พ. 02, 09:39

ิbidet ออกแบบมาให้มีน้ำล้างทำความสะอาด  แต่ chamber pot เป็นกระโถน  ไม่มีน้ำล้าง
อ้อ   กระโถนค่ะคุณจ้อ ไม่ใช่กระโทน
bidet สมัยใหม่จะมีปุ่ม กดแล้วมีน้ำฉีดขึ้นมาเหมือนน้ำพุจากส่วนข้างใต้ที่นั่งค่ะ
สุขภัณฑ์สมัยใหม่ของญี่ปุ่นจะรวม bidet และ ชักโครกเข้าด้วยกัน
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 17 ก.พ. 02, 06:16

ห้องกระจกที่มีชื่อเสียงยิ่งของวังแวร์ซายล์นี้ เป็นท้องพระโรงยาว มีกระจกเงาประดับผนังด้านหนึ่งเต็มตลอดผนัง ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Hall of Mirrors ผมก็จำแต่ชื่อภาษาอังกฤษ พอไปถึงเข้าจริงเลยมีเรื่องหน้าแตกเล็กๆ

เราออกจากกรุงปารีสกันเกือบบ่ายแล้ว และตั้งใจจะไปหาอะไรกินกลางวันกันที่แวร์ซายล์ เพราะพี่เขาว่ามีคาเฟทีเรียเล็กๆ อยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแวร์ซายล์ มีพวกแซนวิชขาย หรือจะไปกินในเมืองแวร์ซายล์ก็ได้ ก็เป็นอันตกลงตามนั้น ไม่อยากแวะกินกลางทางหรือกินที่ปารีสกลัวเสียเวลา (เที่ยว)
ดังนั้นเมื่อไปถึงวังเข้าจริงผมจึงค่อนข้างหิวหน่อยๆ แล้ว ปรากฏว่าคาเฟทีเรียที่ในวังปิดซ่อมแซมชั่วคราว เป็นอันอด ที่วังนั้นป้ายสำหรับนักท่องเที่ยวเขาทำเป็นสามภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ผมก็เห็นป้ายที่เขียนชี้ทางไป  Hall of Mirrors แล้ว พักหนึ่งเห็นป้ายเขียนว่า La Galerie des Glaces อีก ดีใจรีบบอกพี่เขาว่า พี่ไปนั่งรอที่ห้องไอศกรีมก็ได้ อย่างน้อยถึงยังไม่ได้ทานกลางวันเราก็เล่นไอติมรองท้องเสียคนละถ้วยก็ยังได้

พี่เขามองหน้าผม คงสงสารภูมิรู้ภาษาฝรั่งเศสขั้นอนุบาลของผมเต็มที หรือไม่ก็คงเห็นใจว่าไอ้นี่มันคงหิวจนตาลายไปแล้ว แล้วก็ค่อยๆ บอกว่า Glace ภาษาฝรั่งเศสในที่นี้ไม่ได้แปลว่าไอติมจ้ะน้อง แปลว่ากระจกเงา ....

เพล้ง- กระจกไม่แตกหรอกครับ แต่หน้าผมแตกละเอียดอยู่ตรงนั้นเอง...
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 17 ก.พ. 02, 06:42

อ้า... ใช้แล้วครับ กระโถน ไม่ใช่กระโทน ผมสะกดผิดประจำครับขอพระคุณๆเทาชมพู แหะๆๆ

คุณนกข ได้เข้าชมรัฐสภาที่อยู่ในแวร์ซายด้วยหรือเปล่าครับ หรือว่าไม่มีเวลา
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 19 คำสั่ง