อ่านความเห็นของคุณสายลมแล้ว น่าสนใจค่ะ
เพราะเพิ่งถูกหนุ่มน้อยรุ่นมัธยมถามมาเร็วๆ นี้ว่า
เราจะเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไม
ซึ่งอิฉันก็ตอบว่า เพื่อจะได้เรียนรู้ที่มาของเรานะสิ
หนุ่มน้อย : แล้วจะรู้ไปทำไม มันน่าสนใจกว่าที่จะเรียนรู้ว่า
เราจะก้าวต่อไปยังไง มากกว่าจะรู้ว่าเรามาได้ยังไง
อิฉัน : อ้าว ก็เราจะได้เรียนสิ่งผิดพลาดในอดีตไว้เป็นบทเรียนในภายหน้าไง
หนุ่มน้อย : ไม่มีอะไรจะหมุนมาทับเงาเดิมได้เหมือนกันขนาดนั้นหรอกครับ
แล้วถึงเรียนรู้ลงลึกไป ก็เสียเวลาเพราะเราเอามาใช้ไม่ได้ ถึงจะประยุกต์ก็เถอะ
อิฉัน :


??
เห็นชัดได้ว่า การเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์นั้น เป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้จริงๆ
ถ้าเราจะบังคับให้เด็กสมัยนี้มาอ่าน มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์กัน โดยที่เจ้าตัวไม่สนใจ
ผลก็คือ เด็กจะเกลียดประวัติศาสตร์เอามากๆ อีกทั้ง วิธีการสอนประวัติศาสตร์ในไทย
ก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อ เพราะทำเหมือนกับว่า เป็นอะไรที่ต้องท่องจำ
หากเราจะนำเสนอประวัติศาสตร์ให้เหมือนกับการเล่านิทาน นิยายอะไรสักเรื่อง
อิฉันว่า เด็กจะชอบ และจำได้มากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่น่าเบื่อ (อิฉันเองก็เห็นด้วย)
คือการใช้ราชาศัพท์ในประวัติศาสตร์ไทย เราต้องการสอนเด็กให้รู้ประวัติศาสตร์
หรือให้เด็กเรียนราชาศัพท์กันล่ะคะ? อิฉันเคยสังเกตุว่า (เพราะลองทำมาแล้ว)
หากเรานั่งเล่าการเสียกรุงฯ ครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง เป็นเรื่องราวธรรมดาๆ
เสนอความเห็นแบบกำลังชื่นชม หรือติเตียนทั่วไป พร้อมกับร่างผังความสัมพันธ์
ระหว่างกษัตริย์องค์ต่างๆ เหมือนกับการนำเสนอตัวละคร เด็กจำได้แม่นเลยค่ะ
อิฉันว่า การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ไม่ควรทำเป็นเรื่องซีเรียส
จริงจังจนเกินไปค่ะ
อิฉันคุยนอกประเด็นไปหรือเปล่าคะนี่